Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า เมืองเก่าตรัง

โครงการกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า เมืองเก่าตรัง

Published by oldtown.su.research, 2021-09-07 17:30:04

Description: โครงการกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า เมืองเก่าตรัง ดำเนินการโดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

Keywords: เมืองเก่า,ตรัง

Search

Read the Text Version

46

เมืองเก่าตรัง 4.4 เขตพื้นท่ี (Zoning) ภายในขอบเขตพ้นื ทเี่ มืองเกา่ ตรงั ภายในขอบเขตพ้นื ทเี่ มอื งเกา่ ตรังเป็นพ้ืนทห่ี ลกั ประมาณ 1.91 ตารางกโิ ลเมตร หรือ 1,192.95 ไร่ ไม่มีการแบ่งเขตพื้นที่ (Zoning) ภายในพื้นที่เมืองเก่าตรัง เนื่องจากพื้นที่ภายในเมืองเก่าตรังมี องค์ประกอบที่สำคัญของเมืองส่วนใหญ่ตั้งกระจุกตัวหนาแน่นอยู่บริเวณใจกลางเมือง ย่านศูนย์กลาง พาณชิ ยกรรมเก่าแกข่ องเมอื ง หรอื เกาะเมอื งเกา่ ทับเทย่ี งเปน็ หลัก 4.5 พน้ื ทต่ี อ่ เนื่องเมอื งเกา่ ตรัง พน้ื ท่ตี ่อเน่อื งของเมืองเกา่ ตรัง (Buffer Zone) ได้แก่ พื้นที่บริเวณที่อยู่โดยรอบพ้ืนทเี่ มืองเก่าตรัง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ มีเนื้อที่รวมประมาณ 4.05 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,528.92 ไร่ โดยมี อาณาเขตดังนี้ (แผนที่ 5 และแผนท่ี 6) ทศิ เหนอื จดแนวกึ่งกลางถนนท่ากลาง ซอย 8 บริเวณพิกัด X = 565562 และ Y = 836092 ต่อเนื่องเป็นเส้นตรงไปทางทิศตะวันออก จนจดถนนเลียบทางรถไฟ บริเวณพิกัด X = ทศิ ตะวนั ออก 566358 และ Y = 836092 และต่อเนื่องไปทางทิศเหนือตามแนวกึ่งกลางถนนเลียบ ทศิ ใต้ ทางรถไฟ จนถึงจุดตัดถนนเลียบทางรถไฟกับถนนห้วยยอด ซอย 9 บริเวณพิกัด X = 566356 และ Y = 836580 ต่อเนื่องไปทางทิศตะวันออกตามแนวกึ่งกลางถนน ห้วยยอด ซอย 9 จนถึงจุดตัดถนนห้วยยอด ซอย 9 กับถนนห้วยยอด บริเวณพิกัด X = 566766 และ Y = 836553 ต่อเนื่องลงมาทางทิศใต้ตามแนวกึ่งกลางถนนห้วยยอด จนถึงจุดตัดถนนห้วยยอดกับถนนสังขวิทย์ บริเวณพิกัด X = 566743 และ Y = 836315 ต่อเนื่องไปทางทิศตะวันออกตามแนวกึ่งกลางถนนสังขวิทย์ เชื่อมต่อกับถนน พัทลุง ซอย 9 และต่อเนื่องไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ตามแนวกึ่งกลางถนนพัทลุง ซอย 9 จนถึงจุดตัดถนนพัทลุงซอย 9 กับถนนพัทลุง บริเวณพิกัด X = 568021 และ Y = 835977 ต่อเนื่องไปทางทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือตามแนวกึง่ กลางถนนพทั ลุง จนถึง จุดตัดถนนพทั ลุงกับถนนพัทลงุ ซอย 6 บรเิ วณพิกดั X = 568111 และ Y = 836048 จดจุดตัดถนนพัทลุงกับถนนพัทลุง ซอย 6 บริเวณพิกัด X = 568111 และ Y = 836048 ต่อเนื่องลงมาทางทิศใต้ตามแนวกึ่งกลางถนนพัทลุงซอย 6 จนถึงจุดตัดถนน พัทลุง ซอย 6 กับถนนพัทลุง ซอย 4 บริเวณพิกัด X = 568265 และ Y = 835688 ต่อเนื่องเป็นเส้นตรงไปจนจดบริเวณกึ่งกลางคลองน้ำเจ็ด บริเวณพิกัด X = 568274 และ Y = 835669 และต่อเนื่องลงมาทางทิศใต้ตามแนวกึ่งกลางคลองน้ำเจ็ด จนถึง จดุ ตัดคลองนำ้ เจด็ กบั ถนนศรีตรัง 1 บรเิ วณพิกดั X = 568553 และ Y = 834958 จดจดุ ตดั คลองนำ้ เจ็ดกบั ถนนศรตี รงั 1 บรเิ วณพิกัด X = 568553 และ Y = 834958 ต่อเนื่องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตามแนวกึ่งกลางถนนศรีตรัง 1 เชื่อมต่อกับถนน 47

โครงการกำหนดขอบเขตพ้ืนที่เมืองเก่า ทิศตะวนั ตก วิเศษกุล ซอย 11 และต่อเนื่องไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตามแนวกึง่ กลางถนนวิเศษกุล ซอย 11 เชื่อมต่อกับถนนวังตอ ต่อเนื่องไปทางทิศตะวันตกตามแนวกึ่งกลางถนน วังตอ จนถึงจุดตัดถนนวังตอกับถนนวังตอ บริเวณพิกัด X = 566820 และ Y = 834062 แล้วต่อเนื่องเป็นเส้นตรงข้ามทางรถไฟไปจดกับถนนกันตัง บริเวณพิกัด X = 566736 และ Y = 834087 และต่อเนื่องลงมาทางทิศใต้ตามแนวกึ่งกลางถนน กันตัง จนถึงจุดตัดถนนกันตังกับถนนจริงจิตร บริเวณพิกัด X = 566631 และ Y = 833762 และต่อเนื่องไปทางทิศตะวันตกตามแนวกึ่งกลางถนนจริงจิตร จนถึงจุดตัด ถนนจรงิ จติ รกับถนนบางรัก บรเิ วณพิกดั X = 565196 และ Y = 834015 จดจุดตัดถนนจริงจิตรกับถนนบางรัก บริเวณพิกัด X = 565196 และ Y = 834015 ตอ่ เนือ่ งข้ึนไปทางทิศเหนือตามแนวกึ่งกลางถนนท่ากลาง ซอย 8 จนถงึ บริเวณพิกัด X = 565562 และ Y = 836092 48



49



50



51



52

เมืองเก่าตรงั 5. แนวทางการอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาเมอื งเก่าตรัง 5.1 แนวทางการอนรุ กั ษ์และพัฒนาทว่ั ไป พิจารณาจากแนวทางทั่วไป 7 ประการ ซึ่งสามารถเลือกนําไปใช้ปฏิบัติตามความเหมาะสม สาํ หรบั พ้นื ท่ีเฉพาะแต่ละบรเิ วณทม่ี ีความแตกตา่ งกนั ออกไป ดังนี้ แนวทาง การดำเนินงาน 1. การมสี ่วนร่วมและ 1.1 ให้ประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มดําเนินการศึกษา การประชาสัมพนั ธ์ เพื่อใหข้ อ้ มลู พื้นฐานแสดงความต้องการและความเป็นเจ้าของ โดยใช้กระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นใน รปู แบบตา่ ง ๆ ได้แก่ กลมุ่ สนใจ การประชมุ สมั มนา ฯลฯ 1.2 ให้ประชาสังคมเห็นชอบในหลักการดําเนินการบริหารการ ใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายคมนาคมขนส่ง การจัดระเบียบ อาคารและสภาพแวดล้อม เพื่อลดกระแสต่อต้านและการ ไม่ให้ความร่วมมือตลอดระยะเวลาดําเนินการ 1.3 การประชาสัมพันธ์โดยวิธีต่าง ๆ เช่น การพบปะพูดคุย การประชาสัมพันธ์โดยผ่านประชาสังคม ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบผลกระทบที่ตนเองจะได้รับ จากแผนการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า และรับฟังข้อคิด เหน็ เพื่อการปรบั ปรุงให้สมบูรณ์ข้ึน 1.4 คณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าระดับเมือง แ ล ะ ก ลุ ่ ม ป ร ะ ช า ส ั ง ค ม ร ่ ว ม ก ั น ด ํ า เ น ิ น ก า ร เ ผ ย แ พ ร่ ประชาสัมพันธ์ รวมถึงให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการ ให้ข้อคิดเห็น และจัดกิจกรรมเมืองเก่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนได้เห็นคุณค่าของเมืองเก่า ทง้ั คณุ ค่าด้านวัฒนธรรม ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นการศกึ ษา และ อ่นื ๆ เพอื่ สรา้ งความภาคภูมิใจและจิตสํานกึ รักถ่นิ ฐาน 2. การสร้างจติ สาํ นึก 2.1 จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อกําหนดกรอบการสร้างจิตสํานึก การอนุรักษแ์ ละพัฒนา ทางสังคม โดยการให้ความรู้ สร้างการรับรู้ตั้งแต่ใน อยา่ งย่ังยืน ครอบครัว กลุ่มทางสังคมต่าง ๆ ชุมชนและเป็นแบบแผน ของเมืองเกา่ 2.2 ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างกลไกการเรียนรู้ต่าง ๆ ผ่านการ ประชุมในชุมชน จัดกิจกรรมสําหรับเด็กและเยาวชน กิจกรรมวันครอบครัว ผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ ผ่านทาง 53

โครงการกำหนดขอบเขตพนื้ ท่เี มืองเก่า แนวทาง การดำเนินงาน 3. การส่งเสริมกจิ กรรมและ พระสงฆ์ โรงเรียน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง วถิ ชี ีวิตทอ้ งถน่ิ ตลอดจนชอ่ งทางอินเทอร์เนต็ ท่ีจะกระต้นุ ใหเ้ กิดการเรียนรู้ ความรัก ความหวงแหน มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ 4. การสง่ เสริมคุณภาพชวี ิต ท่ีบรรพบรุ ุษไดส้ รา้ งไว้ 2.3 ให้ประชาชนในชุมชน เยาวชน ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ 5. การปอ้ งกนั ภยั คกุ คาม แนวทางและระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ ที่จะใช้รณรงค์จนเกิด จากมนุษยแ์ ละธรรมชาติ การรับรู้ และเปน็ วถิ ชี ีวติ ที่ต้องปฏิบัติร่วมกนั 2.4 มีกิจกรรมประเมินผลเพื่อการปรับปรุงแก้ไขวิธีการสร้าง การเรียนรทู้ ี่สามารถสรา้ งการซึมซับแนวทางการพัฒนาเชิง อนรุ ักษม์ รดกทางวัฒนธรรมใหเ้ กดิ ขึ้นอย่างย่ังยนื กิจกรรมและวิถีชีวิตเป็นมรดกที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ได้แก่ ประเพณี อาหาร การแต่งกาย ภาษาเทศกาล คติความเชื่อ และภูมิปัญญาท้องถิ่น จะต้องมีการอนุรักษ์ และฟื้นฟูอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยองค์ความรู้จากประชาชน และนักวิชาการในท้องถิ่น มีการค้นคว้าเผยแพร่และสืบทอด อย่างต่อเนื่อง เช่น จัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่ฟื้นฟูงานเทศกาล ตา่ ง ๆ เพื่อไดป้ ระโยชน์ทางการทอ่ งเท่ียวเชงิ วัฒนธรรม จัดให้มีบริการสาธารณูปโภคสาธารณูปการ และธุรกรรม บริการที่ครบสมบูรณ์ สําหรับผู้อยู่อาศัยในย่านเมืองเก่าและ นักท่องเที่ยวทุกเพศวัย ที่สะดวกต่อการเข้าถึงและไม่ จำเปน็ ต้องเดนิ ทางไกลออกนอกบริเวณเมืองเก่าการจัดบริการ รวมทั้งระบบการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอัคคีภัยมี ความจำเป็น เพราะภายในบริเวณเมืองเก่า มีสภาพการอยู่ อาศยั ทีม่ ักหนาแนน่ และมเี ส้นทางสญั จรทค่ี อ่ นขา้ งคับแคบ 5.1 คณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าระดับเมือง สามารถใช้อํานาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจัด ระเบียบหรือระงับยับยั้งกิจกรรมการพัฒนาก่อสร้างที่จะ เป็นผลกระทบต่อโบราณสถานและแหล่งมรดก ศิลปวัฒนธรรม เพื่อป้องกันกรณีการพัฒนาสิ่งก่อสร้างท่ี บดบังโบราณสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาบนที่ดิน ของทางราชการหรือวัด ซึ่งมีเอกสิทธิ์ไม่ต้องผ่านการ ตรวจสอบของหนว่ ยงานควบคมุ การกอ่ สรา้ งทอ้ งถ่นิ 54

เมืองเก่าตรัง แนวทาง การดำเนินงาน 5.2 จดั ต้งั กลุ่มเฝ้าระวัง โดยอาศยั การประสานงานกับเครือข่าย นักเรียน นักศึกษาและนักวิชาการท้องถิ่น เพื่อช่วยติดตาม ตรวจสอบการพัฒนาที่กําลังเกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียงกับ โบราณสถานและแหล่งมรดกศลิ ปวัฒนธรรม 5.3 จัดให้มีการศึกษาปัญหาความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ วาง แนวทางแก้ปัญหา เพื่อป้องกันรักษาแหล่งศิลปวัฒนธรรม จ ั ด ว า ง ร ะ บ บ เ ต ื อ น ภ ั ย ล ่ ว ง ห น ้ า ท ี ่ เ ห ม า ะ ส ม แ ล ะ มี ประสทิ ธภิ าพ 6. การประหยัดพลงั งานด้าน 6.1 การขาดแคลนเส้นทางสัญจรที่เหมาะสมสําหรับคนเดิน การสญั จรและสภาพแวดล้อม และจักรยาน ทําให้ผู้คนต้องอาศัยรถยนต์และจักรยานยนต์ มากขึ้นเป็นวงจรต่อเนื่อง ควรส่งเสริมพัฒนาทางเดินเท้า การใช้จักรยานและพาหนะทางเลือกในย่านเมืองเก่า เพือ่ ลดการใชย้ านพาหนะที่ใช้เชอ้ื เพลิงและสร้างมลภาวะ 6.2 นําระบบกระบวนการธรรมชาตแิ ละสภาพภมู ิประเทศมาใช้ ประโยชน์ในการพัฒนาด้านกายภาพของชุนชนเมืองเก่า การเปิดช่องมองภูมิทัศน์และปลูกต้นไม้สร้างร่มเงาจะช่วย ให้อากาศเกิดการไหลเวียน ลดอุณหภูมิและความชื้น เพิ่มสภาวะความสบายในบริเวณเมืองเก่า 7. การดูแลและบาํ รงุ รักษา 7.1 ปัจจุบันสิ่งก่อสร้างในย่านเมืองเก่ามีข้อจํากัดต่อความต้อง อาคารและสาธารณูปการ การใช้ประโยชน์สําหรับชีวิตประจําวัน การต่อเติมโดยขาด การพิจารณาความเหมาะสมอาจเป็นการทําลายคุณค่า การปล่อยให้เกิดความเสื่อมโทรมของสภาพอาคารและ สิ่งก่อสร้าง เป็นผลกระทบต่อคุณค่ามรดกศิลปวัฒนธรรม ทงั้ ของตัวอาคารหรือสิ่งกอ่ สร้างนัน้ และบริเวณแวดล้อม 7.2 ขยายบทบาทองค์กรปกครองท้องถิ่นในคณะอนุกรรมการ อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าระดับเมือง ในการดูแลมิให้เกิด การเปลีย่ นแปลงที่กระทบตอ่ ลกั ษณะทางกายภาพท่ีสําคญั ของสิ่งก่อสร้างในย่านเมืองเก่า และส่งเสริมให้มีการ บํารุงรักษาสภาพภายนอกของอาคารอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีลักษณะคล้ายหรือสอดคล้อง กับของเดิมมากที่สุด หรือส่งเสริมให้มีการนำวัสดุก่อสร้าง ของเดมิ กลับมาใช้ประโยชน์ใหม้ ากทีส่ ดุ 55

โครงการกำหนดขอบเขตพืน้ ที่เมืองเก่า 5.2 แนวทางการอนุรักษ์และพฒั นาสาํ หรับเขตพ้ืนท่ี (Zoning) พิจารณาจากเขตพื้นที่ (Zoning) มี 2 ประเภท ซึ่งสามารถเลือกนําไปใช้ปฏิบัติตามความ เหมาะสมสําหรับแต่ละพ้ืนที่ ประกอบด้วย พื้นทีห่ ลัก มแี นวทางการดำเนนิ งาน ทั้งหมด 5 ด้าน ดงั น้ี แนวทาง การดำเนนิ งาน 1. ด้านการใชป้ ระโยชน์ท่ีดนิ 1.1 ลดการใชป้ ระโยชน์ท่ดี นิ ในสว่ นท่ไี มจ่ าํ เปน็ ในเขตพื้นท่ีศาสนสถาน 1.2 ที่ดินของรัฐและเอกชนให้เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์เพ่ือ ส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไทยเปน็ หลักให้ใชป้ ระโยชน์ ท่ดี ินเพอื่ หตั ถกรรม การทอ่ งเทย่ี ว พาณิชยกรรม การอยอู่ าศัย ศาสนสถาน สถานศึกษา หน่วยงานราชการ สาธารณูปโภค สาธารณูปการ นันทนาการ การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรอื สาธารณประโยชน์ เท่านน้ั 1.3 ที่ดินบนแนวกําแพงเมืองและคูเมือง จะต้องฟื้นฟูพื้นที่ขอบให้ เห็นชัดเจน โดยลดบทบาทการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือหากมี การใช้ประโยชน์ที่ดินต่อเนื่อง ควรกําหนดลักษณะที่แสดง ความเปน็ พนื้ ทข่ี อบใหเ้ ดน่ ชดั 2. ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม รักษาสภาพแวดล้อมโดยกําหนดความสูง สัดส่วนพื้นที่ว่าง (Open Space Ratio) ขนาด ลกั ษณะ แบบ รปู ทรง ฯลฯ ของ อาคารให้สอดคล้องและกลมกลืนหรือไม่ทําลายโบราณสถาน ในพื้นที่ พิจารณาการใช้วัสดุและสีของอาคารเพื่อสร้าง บรรยากาศการเข้ามาถึงบริเวณสำคญั ของเขตพ้นื ทเี่ มอื งเก่า 3. ด้านระบบการจราจรและ 3.1 ส่งเสริมให้มีทางเดินเท้า และการสัญจรด้วยยานพาหนะขนาด คมนาคมขนส่ง เบาเพ่อื ลดมลภาวะ เช่น รถจักรยาน รถลากจงู เปน็ ต้น 3.2 ลดปริมาณการจราจร ห้ามรถบรรทุกหนักและรถขนาดใหญ่ เข้าสู่พนื้ ที่ 3.3 จํากัดการก่อสร้างลานจอดรถขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นมลภาวะทาง สายตาทข่ี ดั แยง้ กบั สภาพแวดลอ้ มเมอื งเก่า 3.4 แนวถนนที่สร้างทับอยู่บนแนวกําแพงเมืองหรือคูเมืองเดิม ควรมีสัญลักษณ์แสดงถึงสิ่งก่อสร้างในอดีต สร้างตำแหน่ง จุดหมายตาที่ตำแหน่งประตูเมืองเดิม หรือป้ายชื่อที่สื่อความ หมายถงึ แนวกําแพงเมอื งหรือคเู มืองเดมิ 56

เมืองเก่าตรงั แนวทาง การดำเนนิ งาน 4. ดา้ นการพัฒนาภมู ิทศั น์ 4.1 สร้างเส้นทางต่อเนื่องระหว่างตําแหน่งองค์ประกอบเมือง 5. ดา้ นการบรหิ ารและ โบราณสถาน และพื้นที่เปิดโล่งในเมือง โดยจัดให้มีทางคนเดิน การจดั การ ทางจกั รยาน หรือพาหนะขนาดเบา 4.2 จดั ทางคนเดินทีป่ ลอดภยั พร้อมอุปกรณส์ าธารณปู โภคอํานวย ความสะดวก เช่น โคมไฟ ถังขยะ ปา้ ยบอกทาง ฯลฯ 5.1 ให้จังหวัดจดั ต้ังสำนกั งานเลขานุการคณะอนุกรรมการอนรุ กั ษ์ และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการ ของคณะอนกุ รรมการฯ 5.2 ให้จังหวัดออกประกาศ เรื่อง มาตรการในการควบคุมการ กอ่ สร้างอาคารภาครฐั รฐั วสิ าหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่าง อื่นที่อาจพึงมีในบริเวณเมืองเก่า ที่จะดำเนินการก่อสร้าง ภายในบริเวณเมืองเก่า ส่งเรื่องและแบบแปลนให้ คณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า โดยผ่าน สำนักงานเลขานุการคณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนา เมืองเก่า เพื่อพิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้าน ส่ิงแวดลอ้ มก่อน 5.3 จัดทำแผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า โดยความ เห็นชอบของคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมอื งเก่า และคณะรฐั มนตรี เพ่อื เป็นกรอบแนวทางในการ ดำเนนิ งาน 5.4 วางแนวนโยบายการใช้ประโยชนท์ ดี่ นิ บรเิ วณเมืองเกา่ 5.5 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกมาตรการในการควบคุม การกอ่ สรา้ งอาคารของภาคเอกชน พื้นท่ีตอ่ เน่อื ง มีแนวทางการดำเนนิ งาน ทง้ั หมด 4 ดา้ น ดังนี้ แนวทาง การดำเนนิ งาน 1. ด้านการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ 1.1 ลดการใช้ประโยชน์ทด่ี นิ ในส่วนไมจ่ ําเปน็ ในเขตพน้ื ท่ศี าสนสถาน 1.2 ที่ดินของรัฐและเอกชนให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อหัตถกรรม การท่องเที่ยว การอยู่อาศัย พาณิชยกรรม สถาบันราชการ สถานศึกษา ศาสนสถาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ นันทนาการ การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม หรือสาธารณ ประโยชน์เท่านน้ั และต้องสง่ เสรมิ พื้นที่หลกั 57

โครงการกำหนดขอบเขตพ้ืนท่ีเมอื งเกา่ แนวทาง การดำเนินงาน 2. ด้านอาคารและสภาพแวดล้อม 2.1 พิจารณาวางข้อกําหนดความสูงและแนวถอยร่นอาคาร รวมทั้ง ขนาดมวลอาคาร เพื่อรักษาสัดส่วนที่เหมาะสมของขนาดอาคาร ทไี่ ม่ทำลายแหล่งศลิ ปกรรมในพื้นที่และพ้ืนท่ีเมืองเกา่ 2.2 พิจารณาการใช้วัสดุและสีของอาคารเพื่อส่งเสริมบรรยากาศ ในเขตพื้นทีเ่ มืองเกา่ 2.3 พิจารณาการใช้ประโยชน์อาคารเก่าที่ยังคงสภาพหรือสามารถ ฟื้นฟูไดใ้ นกิจกรรมทเี่ ก่ยี วเนื่องกับการเรียนรู้และการท่องเทย่ี ว 3. ดา้ นระบบการจราจรและ 3.1 สร้างทจี่ อดรถในตําแหนง่ ทเี่ หมาะสม เป็นจุดเปล่ียนระบบการ คมนาคมขนสง่ สัญจรเขา้ ถึงพืน้ ที่หลกั และสว่ นอืน่ ๆ ของเมือง เพือ่ ลดจาํ นวน รถยนต์ที่จะเข้าไปสร้างความคับคั่งของการจราจร รวมทั้ง ผลกระทบดา้ นมมุ มองและการเกดิ มลภาวะในพ้นื ทเี่ มืองเกา่ 3.2 ส่งเสริมให้มีทางเดินเท้าและการสัญจรด้วยยานพาหนะ ขนาดเบา เชน่ รถจกั รยาน และรถลากจงู เปน็ ตน้ 4. ดา้ นการพฒั นาภูมทิ ศั น์ 4.1 เส้นทางหลักเข้าสู่เมอื งเก่า ควรสร้างเอกลักษณ์และจุดหมายตา ที่ระบุการมาถึงย่านเมืองเก่า รวมถึงการเปิดมุมมอง (Vista) ตามแนวเสน้ ทางการสัญจรเขา้ สบู่ ริเวณเมืองเกา่ 4.2 ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ตามแนวเส้นทางเข้าสู่เมือง การพัฒนา ภูมิทัศน์ สร้างร่มเงาตามแนวถนน ทางเท้า และสร้างจุดหมาย ตาโดยเลือกพันธุ์ไม้ที่มีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ของ เมืองเก่าหรือที่เป็นต้นไม้ประจำจังหวัด เช่น ต้นศรีตรัง (Jacaranda mimosifolia D. Don) ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำ จังหวัดตรัง เป็นต้น 4.3 ป้ายโฆษณาและป้ายกิจกรรมเชิงพาณิชย์ที่ไม่เหมาะสม เป็นปัญหาต่อทัศนียภาพ ควรจํากัดขนาดและรูปลักษณ์ของ ป้ายประเภทต่าง ๆ ส่งเสริมการออกแบบป้ายที่ดีมีเอกลักษณ์ ด้วยการประกาศเกยี รติคณุ 4.4 เปลี่ยนวัสดุพื้นผิวจราจรให้มีสีและสัมผัสที่แตกต่างจากถนน ท่ัวไป เพือ่ ให้ร้สู ึกถึงการมาถึงเมืองเกา่ 4.5 จดั ใหม้ ีอุปกรณ์สาธารณปู โภคเพ่อื อำนวยความสะดวกและท่ีมี เอกลักษณ์สอดคล้องกับความเปน็ เมอื งเก่า 58

เมอื งเก่าตรงั บรรณานกุ รม กัญชนิษฐ์ เจริญรัตนวัฒน์ และคณะ. รายงานการขุดค้นเบื้องต้นแหล่งโบราณคดีภูเขาสายและแหล่ง โบราณคดีเขาปินะ อำเภอหว้ ยยอด จังหวดั ตรัง. สำนกั ศลิ ปากรท่ี 15 ภเู ก็ต, 2556. คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว. วัฒนธรรม พัฒนาการ ทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดตรัง. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการฝ่าย ประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว, 2544. จักรพันธ์ เพ็งประไพ. “หลักฐานทางโบราณคดีในจังหวัดตรัง”. ใน ปกิณกวัฒนธรรม จังหวัดตรัง. กรุงเทพฯ: กระทรวงวฒั นธรรม, 2554. ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี 2. กรงุ เทพฯ : กรมศิลปากร, 2546. ตวงทิพย์ พรมเขต. “เครือข่ายการค้าปีนัง-ภเู ก็ต-ตรงั เหมืองแร่ และชาวจีนโพ้นทะเล (ทศวรรษ 1910 ถึง ทศวรรษ 1980).” วารสารประวัตศิ าสตร์ 42 (สิงหาคม 2560- กรกฎาคม 2561): 67-87. เต็ม สมิตินันทน์. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธ์พุ ชื , 2557. เทศบาลนครตรัง. แผนที่มรดกทางวัฒนธรรมทับเที่ยง. กรุงเทพฯ: สำนักงานนโยบายและแผน ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม, 2548. เทศบาลนครตรงั . แลหลงั เมืองตรัง ใต้ร่มพระบารมี. กรุงเทพฯ: บริษัท เวิร์คพอยท์ พบั ลชิ ช่งิ จำกัด, 2549. ปัทม์ วงค์ประดิษฐ์. “การศึกษาพัฒนาการรูปแบบของตึกแถวจังหวัดตรัง (The study of shophouse development in Trang Province)” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชา สถาปตั ยกรรมพ้นื ถ่นิ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร, 2557. มานิต วัลลิโภดม. “สภาพของอาณาจักรต่าง ๆ ในภาคใต้ของประเทศไทยก่อนศรีวิชัยมีอำนาจ”. ใน. รายงานการสัมมนาเรื่องประวัติศาสตร์-โบราณคดีศรีวิชัย ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 25-30 มถิ นุ ายน 2525, 65-95. กรุงเทพฯ: กองโบราณคดี กรมศลิ ปากร, 2525. มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์. จดหมายเหตุ รชั กาลที่ 2 จ.ศ.1173. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ., 2514. ลลิดา เกิดเรือง. “บทบาทของชาวจีนต่อพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมของเมืองตรัง พ.ศ. 2458 ทศวรรษที่ 2520.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออก เฉียงใต้ บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร, 2549. วินัย พงศ์ศรีเพียร. “จารึกพระเจ้าจันทรภานุศรีธรรมราชา: มรดกความทรงจำแห่งนครศรีธรรมราช”. ใน ๑๐๐ เอกสารสำคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย ลำดับที่ ๑๐. กรุงเทพฯ: สำนักงาน กองทุนสนบั สนุนการวจิ ยั (สกว.), 2554. 59

โครงการกำหนดขอบเขตพน้ื ที่เมืองเกา่ ศรีวรวัต, หลวง. พงศาวดารเมืองพัทลุง. พระนคร: โรงพิมพ์เจริญธรรม, 2515. (กองวรรณคดีและ ประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร พิมพ์แจกในงานฌาปนกิจนายระพี (สำอางค์) จันทโรจวงศ์ ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนสั วหิ าร 15 เมษายน 2515) ศุลีมาน นฤมล วงศ์สุภาพ. สายใยตระกูลงานทวี แลวิถีและพลังมังกรใต้. กรุงเทพฯ: สำนักงานกองทุน สนับสนุนการวจิ ยั (สกว.), 2544. สุนทรี สงั ขอ์ ยทุ ธ์. ตรัง เมอื งท่าอนั ดามัน. ตรงั : ศาลากลางจงั หวดั ตรงั กระทรวงมหาดไทย, 2559. สุรินทร์ ภู่ขจร และคณะ. รายงานเบื้องต้นการขุดค้นที่ถ้ำหมอเขียว จ.กระบ่ี, ถ้ำซาไก จ.ตรัง และ การศึกษาชาติพันธุ์วิทยาทางโบราณคดีชนกลุ่มน้อยเผ่าซาไก จ.ตรัง. กรุงเทพฯ: โครงการวิจยั วัฒนธรรมโหบินเนยี นในประเทศไทย, 2534. 60

เมอื งเก่าตรงั ภาคผนวก ผ-1

โครงการกำหนดขอบเขตพื้นท่ีเมอื งเก่า ผ-2

เมืองเกา่ ตรัง ผ.1 ข้อมลู ทัว่ ไปของพน้ื ที่เมอื งตรงั การศึกษาสภาพทัว่ ไปของพนื้ ทศ่ี กึ ษาเมอื งตรงั เพอ่ื ชี้ให้เห็นสถานการณ์โดยรวมของเมอื งตรังใน ด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านอาณาเขตที่ตั้ง การบริหารการปกครอง สภาพแวดล้อมทางกายภาพ การใช้ ประโยชน์ที่ดิน สภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงกฎระเบียบและข้อบังคับท่ีสำคัญที่เกี่ยวข้อง กับการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ปัจจุบันยังใช้บังคับ ซึ่งข้อมูลสนับสนุนทั้งหมดนี้จะ เปน็ ประโยชน์ในการนำไปใชพ้ ิจารณากำหนดแนวเขตพน้ื ท่ีเมืองเก่าตรงั ในลำดับต่อไป 1.1 อาณาเขตท่ีตงั้ และการปกครอง เดิมเทศบาลนครตรัง เปน็ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในรูปแบบสุขาภิบาล ซ่ึงสขุ าภิบาลจังหวัด ตรังได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2474 สมัยรัชกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อมีพระราชบัญญัติระเบียบเทศบาล พ.ศ. 2476 สุขาภิบาลจังหวัดตรัง ได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองตรัง เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2476 ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองตรัง โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2478 เทศบาลเมืองตรังได้เปิดดาํ เนินการครั้งแรกโดยใชท้ ี่ทําการสุขาภบิ าลจังหวัดตรงั เป็นสํานักงาน ตั้งอยู่ถนนวิเศษกุล ตําบลทับเที่ยง อําเภอเมือง จังหวัดตรัง มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 6.86 ตารางกิโลเมตร และในปี พ.ศ. 2484 เทศบาลได้ทําการก่อสร้างอาคารสํานักงานเทศบาลเมืองตรังขึ้นมาใหม่ในที่เดิมโดย สร้างเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวแล้วดําเนินการเรื่อยมา จากนั้นในปี พ.ศ. 2511 เทศบาลได้มีการขยายเขต เทศบาลออกไปอีก 7.91 ตารางกิโลเมตร เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2511 รวมพื้นที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 14.77 ตารางกิโลเมตร จากนั้นการบริหารกิจการเทศบาลก็เจริญขึ้นมาตลอด จนได้รับการประกาศให้เป็น เทศบาลนครตรัง ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับกฤษฎีกา เล่ม 116 ตอนที่ 110 ก เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 ครอบคลุมพื้นที่ตำบล ทบั เทย่ี งทงั้ ตำบล มีพน้ื ท่ี 14.77 ตารางกโิ ลเมตร มอี าณาเขตติดตอ่ กบั พ้นื ทีโ่ ดยรอบ ดงั น้ี ทิศเหนอื ตดิ ตอ่ กับ ตําบลนาตาล่วง อําเภอเมอื ง จังหวัดตรัง ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กบั ตําบลบ้านโพธิ์ อาํ เภอเมือง จังหวดั ตรัง ทศิ ใต้ ติดต่อกับ ตําบลโคกหลอ่ อําเภอเมอื ง จังหวดั ตรงั ทิศตะวนั ตก ตดิ ต่อกับ ตาํ บลบางรัก อําเภอเมอื ง จงั หวัดตรัง ปัจจุบนั เทศบาลนครตรังแบ่งการบริหารการปกครองออกเปน็ 70 ชุมชน ประกอบด้วย 1. ชุมชนยา่ นการค้า 1 2. ชมุ ชนยา่ นการคา้ 2 3. ชุมชนย่านการค้า 3 4. ชมุ ชนยา่ นการคา้ 4 5. ชุมชนวัดกฏุ ยาราม 1 6. ชุมชนวัดกุฏยาราม 2 7. ชมุ ชนวัดกุฏยาราม 3 8. ชุมชนวดั กฏุ ยาราม 4 9. ชุมชนวัดกฏุ ยาราม 5 10. ชมุ ชนวดั กุฏยาราม 6 11. ชุมชนวดั กฏุ ยาราม 7 12. ชุมชนนาตาลว่ ง 1 ผ-1

โครงการกำหนดขอบเขตพื้นทเี่ มอื งเก่า 14. ชุมชนนำ้ ผดุ 16. ชมุ ชนบางรกั 2 13. ชุมชนนาตาลว่ ง 2 18. ชมุ ชนบางรกั 4 15. ชมุ ชนบางรกั 1 20. ชุมชนบา้ นหนองยวน 1 17. ชมุ ชนบางรัก 3 22. ชุมชนบ้านหนองยวน 3 19. ชมชุ นหนองปรือ 24. ชมุ ชนท่ากลาง 1 21. ชุมชนบา้ นหนองยวน 2 26. ชมุ ชนทา่ จนี 23. ชุมชนบา้ นหนองยวน 4 28. ชุมชนบา้ นโพธ์ิ 2 25. ชมุ ชนทา่ กลาง 2 30. ชมุ ชนโคกขัน 2 27. ชุมชนบ้านโพธ์ิ 1 32. ชุมชนกะพังสุรินทร์ 1 29. ชุมชนโคกขนั 1 34.ชมุ ชนสวนจันทน์ - วัดนโิ ครธ 1 31. ชมุ ชนโคกขัน 3 36. ชมุ ชนสวนจนั ทน์ - วัดนโิ ครธ 3 33. ชมุ ชนกะพงั สรุ นิ ทร์ 2 38. ชมุ ชนสวนจันทน์ - วดั นโิ ครธ 5 35. ชมุ ชนสวนจนั ทน์ - วดั นิโครธ 2 40. ชุมชนหลังควนหาญ 1 37. ชุมชนสวนจนั ทน์ - วัดนิโครธ 4 42. ชมุ ชนควนขนั 1 39. ชมุ ชนสวนจันทน์ - วดั นโิ ครธ 6 44. ชมุ ชนควนขนั 3 41. ชมุ ชนหลงั ควนหาญ 2 46. ชมุ ชนโคกยูง 43. ชมุ ชนควนขนั 2 48. ชุมชนสรรพากร 2 45. ชมุ ชนควนขนนุ 50. ชมุ ชนศรตี รัง 2 47. ชุมชนสรรพากร 1 52. ชุมชนศรีตรัง 4 49. ชมุ ชนศรตี รงั 1 54. ชมุ ชนศรตี รัง 6 51. ชุมชนศรตี รัง 3 56. ชุมชนตรอกปลา 2 53. ชุมชนศรีตรงั 5 58. ชมุ ชนวิเศษกลุ 1 55. ชมุ ชนตรอกปลา 1 60. ชุมชนวิเศษกุล 3 57. ชุมชนตรอกปลา 3 62. ชุมชนวังตอ 1 59. ชมุ ชนวเิ ศษกลุ 2 64. ชุมชนคลองนำ้ เจ็ด 1 61. ชุมชนวิเศษกุล 4 66. ชมุ ชนต้นสมอ 63. ชมุ ชนวงั ตอ 2 68. ชมุ ชนโป๊ะเซ็งฯ 1 65. ชมุ ชนคลองนำ้ เจ็ด 2 70. ชมุ ชนหลงั สนามกีฬา 67. ชมุ ชนทา้ ยพรุ 69. ชุมชนโป๊ะเซง็ ฯ 2 ผ-2

เมอื งเก่าตรงั ผ-3

โครงการกำหนดขอบเขตพนื้ ทีเ่ มอื งเก่า 1.2 ลกั ษณะภมู ิประเทศและสภาพแวดลอ้ ม เทศบาลนครตรงั มีสภาพภูมิประเทศทั่วไปเป็นทีร่ าบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำ มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณท่ีราบ ลุ่มแม่น้ำตรัง มีคลองเครือข่ายจำนวนมาก ที่ครอบคลุมทั้งเขตเทศบาลซึ่งเป็นคลองสาขาของแม่น้ำตรัง เช่น คลองปอน คลองน้ำเจ็ด คลองนางน้อย คลองห้วยยาง เป็นต้น ด้วยลักษณะภูมิประเทศเป็นแบบท่ี ราบลุ่มแม่น้ำ จึงทำให้ชาวตรังในอดีตประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนาข้าว ทำให้ชื่อถิ่น ฐานบ้านเรือนรอบๆ เขตเทศบาลนครตรังขึ้นต้นด้วยคำว่า “นา” เช่น นาปด นาท่ามเหนือ นาท่ามใต้ นาหมน่ื ศรี นาข้าวเสยี เปน็ ต้น ลักษณะภูมิประเทศของเมืองตรังเป็นที่ราบลูกฟูก คือ เป็นที่ราบที่มีลักษณะสูงต่ำ เกิดจากการ ที่แม่น้ำพัดพาเอาเศษหิน กรวด ทรายที่มีขนาดใหญ่และตกตะกอนก่อนทับถมพอกพูน ทำให้เกิดเป็น ภมู ิประเทศคล้ายลูกคลน่ื มลี ูกเนนิ เตย้ี ๆ ทำใหร้ ปู แบบการตั้งถิ่นฐานและโครงสร้างของเมอื งมกี ารบิดแกน ไปตามลักษณะความสูงต่ำของที่ดิน ไม่ได้มีรูปแบบโครงสร้างเมืองแบบตาราง (Grid System) เหมือน เมืองย่านการค้าอื่นทใ่ี กลเ้ คยี งกนั เทศบาลนครตรังมีภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน โดยมี 2 ฤดู คือ ฤดูฝนและฤดูร้อน ซึ่งฤดูฝน จะมีสองระยะ ระยะที่ 1 ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพัดพาเอาความชื้นจากมหาสมุทร อินเดียและทะเลอันดามันเข้ามา ทำให้มีฝนตกชุกตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม และ ระยะที่ 2 ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งอิทธิพลจากความกดอากาศ และพายุ หมุนโซนร้อนซึ่งพัดเอาความชื้นมาจากอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกชุกช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม เปน็ ชว่ งทม่ี ักเกิดน้ำท่วมในภาคใตแ้ ละจังหวัดตรัง ส่วนฤดูร้อนอยูร่ ะหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน เนื่องจากได้รับอิทธิพลของลมตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมร้อนที่พัดมาจากทะเลจีนใต้ทำให้อากาศ โดยท่วั ไปรอ้ นและชนื้ เน่ืองจากจังหวัดตรังต้ังอยู่ในคาบสมุทรที่ยืน่ ออกไปในทะเล จึงได้รับมรสุมตะวันตกเฉียงใตจ้ าก มหาสมุทรอินเดีย และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยทำให้ได้รับไอน้ำและความ ชุ่มชื้นมาก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยจึงไม่สูงมากและอากาศไม่ร้อนจัดในฤดูร้อน แต่จะอบอุ่นในช่วงฤดูฝน ส่วนฤดูหนาวอากาศจะเย็นในบางครั้ง อณุ หภมู เิ ฉล่ยี ตลอดปีประมาณ 27.4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด เฉลี่ย 32.3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.7 องศาเซลเซียส เดือนเมษายนมีอากาศร้อนจัดที่สุด เคยตรวจอุณหภมู ิสงู ที่สดุ ได้ 39.7 องศาเซลเซยี ส และตำ่ ท่สี ุดได้ 15.8 องศาเซลเซยี ส 1.3 สภาพเศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรม 1.3.1 สภาพทางเศรษฐกิจ สภาพทั่วไปของเทศบาลนครตรังเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำตรัง เป็นทั้งศูนย์กลางการปกครองและ ศูนยก์ ลางทางเศรษฐกิจของจังหวัดตรงั โดยศนู ย์กลางพาณชิ ยกรรมในย่านเมืองเก่าจะกระจุกตัวอยู่บริเวณ ระหว่างหอนาฬกิ าจังหวัดตรังและสถานรี ถไฟตรัง ย่านถนนพระราม 6 ถนนราชดำเนิน ถนนวิเศษกลุ และ ถนนกันตัง ลักษณะของตัวเมืองประกอบด้วย อาคารพาณิชย์และตึกสูง 2-6 ชั้นปะปนกัน อาคารที่พัก ผ-4

เมืองเก่าตรงั อาศยั ร้านค้า ธนาคาร โรงแรม สถานที่ราชการ ลักษณะของเมอื งเป็นเมืองขนาดใหญ่ โครงสร้างของเมือง มีความซับซ้อน ในตัวเมืองเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด และส่วนราชการต่าง ๆ ทั้งส่วนกลางและส่วน ภูมิภาค ปัจจุบันสภาพความเจริญของเมืองขยายตัวออกมาด้านนอกและตามแนวถนนสายต่าง ๆ เช่น ถนน รษั ฎา ถนนวิเศษกุล ถนนพัทลุง ถนนเจมิ ปญั ญา ถนนเพลินพทิ ักษ์ ถนนห้วยยอด และถนนเพชรเกษม ถนนกันตัง ถนนพระราม 6 ถนนราชดำเนนิ ถนนวเิ ศษกลุ รูปที่ ผ-1: ย่านการคา้ ริมถนนสายตา่ ง ๆ ในเขตเทศบาลนครตรัง 1.3.2 ลักษณะสังคมและวฒั นธรรม ในด้านสังคมและวัฒนธรรม เทศบาลนครตรังหรือเมืองทับเที่ยงเป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์การ ตั้งถิ่นฐานที่ยาวนานของกลุ่มคนหลากหลายชาติพันธุ์และศาสนา เช่น พุทธ อิสลาม และการนับถือ บรรพบุรุษแบบจีน ทำให้เกิดวัฒนธรรมที่หลากหลายของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ที่แสดงออกในลักษณะของ งานเทศกาลประเพณสี ำคญั ทจี่ ัดขึ้นโดยใชพ้ ้ืนท่ีในเขตเมอื งตรงั เปน็ พ้ืนท่จี ัดกิจกรรม ไดแ้ ก่ (1) ประเพณีวนั สารทเดอื นสบิ งานสารทเดอื นสิบจัดข้นึ ท่ีวัดในวนั แรม 14 คำ่ หรือ 15 คำ่ เดือน 10 เปน็ ประเพณีที่ทำขึ้นเพื่อ อุทิศส่วนกุศลไปยังบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ในอดีตมีการทำ “ร้านเปรต” ลักษณะเป็นร้านยกพื้นสูง มี 4 เสา หรือเสาเดียว แต่ปัจจุบันไม่นิยมทำแล้ว มีแต่เพียงการตั้งเปรต ไว้บริเวณพื้นลานนอกเขตวัด เนื่องจากมี ความเชอ่ื ว่า เปรตไม่สามารถเขา้ ในเขตของวัดได้ ท้ังนี้ เมอ่ื ทำพิธเี สรจ็ แลว้ จะมผี ู้ตีระฆงั ให้สญั ญาณ บรรดา ผู้มาร่วมทำบุญก็จะเข้าไปรุมแย่งสิ่งของอาหารคาวหวานที่อยู่บนร้านเปรตอย่างสนุกสนาน จึงเรียกกันว่า “งานชิงเปรต” ผ-5

โครงการกำหนดขอบเขตพนื้ ทเี่ มืองเก่า (2) ประเพณีลากพระ “การลากพระ” หรือ “การชักพระ” เป็นประเพณีที่จัดในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 หลังจากวัน ออกพรรษา 1 วัน โดยอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานบนบุษบกที่วางอยู่เหนือรถหรือล้อเลื่อนที่ตกแต่ง เป็นรูปเรือ จึงเรียกว่า “เรือพระ” แล้วชักลากไป บนเรือพระมีการประโคมดนตรี เมื่อเรือพระเดินทางไปถึง จุดนัดหมาย ชาวบ้านจะประกอบพิธีและเลี้ยงพระสงฆ์ที่มากับเรือพระ จากนั้นจึงร่วมรับประทานอาหาร และดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การประกวดเรือพระ การแข่งขันตีโพนหรือกลองใหญ่ การแข่งขันซัดต้ม และการแข่งขันกฬี าพ้นื บ้าน ประเพณลี ากพระประจำจังหวัดตรัง จดั ข้นึ ท่สี นามกฬี าทุ่งแจง้ เป็นประจำทกุ ปี (3) ประเพณีวันฮารีรายอ “อีฎิ้ลฟติ ร”ิ หรือทีเ่ รียกกนั วา่ “วันฮารีรายอปอซอ” เป็นวันเฉลิมฉลองการส้ินสุดการถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน ตรงกบั วนั ที่ 1 ของเดือนเซาวาล ซ่ึงเป็นเดอื นท่ี 10 ทางจันทรคติ ทางราชการกำหนดให้ เป็นวันหยุดราชการใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยกเว้นจังหวัดสงขลา) 1 วัน “วันอีฎิ้ลอัฎฮา” ตรงกับ วันที่ 10 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับการประกอบพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะฮ์ของมุสลิมทั่วโลก ดังนนั้ ชาวไทยมสุ ลิมจึงนยิ มเรยี กวนั ตรุษนีว้ ่า “วนั อดี ใหญ”่ หรอื “วันฮารรี ายอฮัจญี” (4) ประเพณกี ินเจ “ประเพณีกินเจ” จัดขึ้นระหว่างวันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 (ประมาณช่วงเดือน ตุลาคม) ในงานมีการจดั โต๊ะบูชาเพื่ออัญเชิญเทพเจา้ และสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ มีการอ่านบทสวดมนต์ และเชิญชวน ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันกินเจก่อนถึงพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธ์ิมาเป็นสักขีพยานในการประกอบพิธีกรรม เทศกาลถือศีลกินเจของเมืองตรังมีความโดดเด่นที่การแสดงปาฏิหาริย์ของร่างทรงในระหว่างการแห่ไป เยี่ยมชาวบ้านในเมืองทับเทยี่ ง ซึ่งเรยี กกันว่า “พระออกเท่ยี ว” ซง่ึ เป็นเทศกาลสำคญั ของชาวเมอื งตรงั รูปท่ี ผ-4: ประเพณีถอื ศีลกินเจ ผ-6

เมืองเกา่ ตรงั (5) งานฉลองรัฐธรรมนญู และงานกาชาดจงั หวดั ตรงั “งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาดจังหวัดตรัง” จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงวันที่ 5-15 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับช่วงวันรัฐธรรมนูญ ภายในงานมีการแสดงสินค้าพื้นเมือง การแสดง ศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น การประกวดและแข่งขันต่าง ๆ การออกร้านของหน่วยงานราชการ เอกชนและ ชมุ ชน นบั เปน็ งานเทศกาลท่ีสำคญั สบื เน่อื งมาต้งั แตอ่ ดตี จนปจั จบุ นั (6) เทศกาลหมยู ่างและขนมเคก้ จังหวัดตรัง “เทศกาลหมูย่างและขนมเค้กจังหวัดตรัง” เป็นกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจอาหารและการท่องเที่ยวโดย หยิบยกอาหารท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักมาร่วมจัดในเทศกาลอาหาร ทั้งนี้ แต่เดิมหมูย่างนับว่าเป็นอาหารสำหรับ พิธีกรรม ต่อมากลายเป็นอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวตรังเนื่องจากนิยมรับประทานคู่กับกาแฟใน มื้อเช้า สำหรับขนมเค้กก็เป็นอาหารอีกชนิดที่เป็นที่รู้จักมากว่า 80 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นการผลิตที่บ้านลำภูรา ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 จังหวัดตรังได้ริเริ่มการจัดเทศกาลหมูย่าง และในปี พ.ศ. 2558 ได้จัดกิจกรรมส่งเสริม อาหารทัง้ สองชนดิ นั้นรว่ มกัน โดยมีกำหนดการจัดกิจกรรมในช่วงเดือนกันยายน ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ ัว หรอื บรเิ วณลานหน้าสำนักงานองคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดตรัง (7) ธรรมเนยี มพิธศี พเมืองตรัง ธรรมเนยี มพิธศี พของชาวตรัง เมือ่ มผี ู้วายชนมซ์ ่ึงเป็นทรี่ ู้จกั และเปน็ ที่เคารพนบั ถือภายในชุมชน เจ้าภาพจะติดป้ายประกาศแจ้งในที่สาธารณะให้ประชาคมรับทราบโดยไม่ได้ออกหนังสือเชิญถึงตัวบุคคล ทำใหจ้ ังหวดั ตรังได้ช่ือว่าเป็น “เมืองการ์ดใหญ่” ซ่งึ การติดปา้ ยประกาศเปน็ การแสดงถึงคุณูปการและการ บำเพ็ญประโยชน์มาตลอดชั่วชีวิตของผู้วายชนม์ให้ผู้คนในเมืองร่วมแสดงความอาลัย ภายในงานจะเลี้ยง อาหารแบบโตะ๊ จีนแกแ่ ขกที่ไปร่วมแสดงความเสยี ใจ เรียกว่า “วันเขา้ การ” หรือ “คืนเขา้ การ” 1.3.3 การตง้ั ถน่ิ ฐานและการใช้ประโยชน์ทด่ี นิ ในปัจจบุ ัน เทศบาลนครตรังหรือเมืองทับเที่ยง เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการปกครองและ ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของจังหวัดตรัง ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายหลักคือแม่น้ำตรัง หรอื ทช่ี าวบ้านเรียกวา่ คลองท่าจีน และมีคลองสาขากระจายตัวอยู่ในเมอื ง เชน่ คลองปอน คลองนางน้อย คลองน้ำเจ็ด เป็นต้น การตั้งถิ่นฐานในเมืองทับเที่ยงเริม่ จากชาวจีนที่มาขึ้นเรือที่ท่าจีนริมแม่น้ำตรังและตง้ั รกรากอยู่ในบริเวณนั้น จนเกิดเป็นชุมชนใหญ่และค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาที่คลองปอนและคลองห้วยยาง จนเกิดเปน็ เมืองในปัจจุบนั การต้ังถน่ิ ฐานของเมอื งทับเท่ยี งแบง่ ออกเป็น 4 กล่มุ ได้แก่ (1) ย่านพาณิชยกรรมกลางเมือง ได้แก่ กลุ่มอาคารพาณิชยกรรม โรงแรม และร้านค้า บริเวณ ระหว่างหอนาฬิกาจังหวัดตรังและสถานีรถไฟตรัง ริมถนนพระราม 6 ถนนราชดำเนิน ถนนกันตัง และ ถนนวิเศษกลุ หรือทชี่ าวบ้านเรียกกันวา่ เกาะเมอื งเกา่ ผ-7

โครงการกำหนดขอบเขตพนื้ ทเ่ี มืองเกา่ (2) ย่านศูนย์กลางราชการ ครอบคลุมพื้นที่เนิน 2 เนินหลักในเมือง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ควน” ได้แก่ เนินศาลากลางประกอบด้วยอาคารราชการทั้งระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่นของจังหวัด ตรังเป็นสว่ นใหญ่ ส่วนเนนิ ท่ี 2 ทต่ี ่อเนื่องกัน คอื เนนิ จวนผู้ว่า เป็นที่ตั้งของบ้านพกั ผูว้ ่าราชการจังหวัดตรัง (3) ยา่ นพาณชิ ยกรรมชานเมือง เป็นยา่ นพาณชิ ยกรรมที่เกาะตวั อย่รู มิ ถนนสายสำคัญที่ขยายตัว ออกมาจากย่านศูนย์กลางพาณิชยกรรมกลางเมือง ได้แก่ ถนนพัทลุง ถนนเจิมปัญญา ถนนรัษฎา ถนนวิเศษกุล ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 419 (เลี่ยงเมือง) ถนนเพชรเกษม ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 404 (ถนนตรงั -ย่านตาขาว) เป็นต้น (4) ย่านที่อยู่อาศัยชานเมือง แทรกตัวอยู่ในย่านพาณิชยกรรมชานเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รมิ ถนนทา่ กลาง ถนนเพชรเกษม ถนนบา้ นโพธิ์ และถนนสายยอ่ ยอ่ืน ๆ ปัจจุบันในพื้นที่ภายในเขตเทศบาลนครตรังมีการใช้ประโยชน์ที่ดินจำแนกตามประเภท มรี ายละเอียดท่สี ำคัญสรปุ ได้ดงั นี้ (แผนที่ 3-2) (1) การใชป้ ระโยชน์ท่ีดินประเภทท่ีอยูอ่ าศยั การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยในเขตเทศบาลนครตรังส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณ ถนนสายหลัก บริเวณชานเมือง และแทรกตัวอยู่ในย่านพาณิชยกรรมชานเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งริมถนน ทา่ กลาง ถนนเพชรเกษม ถนนรษั ฎา ถนนบ้านโพธ์ิ และถนนสายย่อยอ่นื ๆ ลักษณะบ้านพกั อาศัยในย่าน ทพี่ ัก อาศัยชานเมือง ส่วนใหญ่เป็นอาคารบ้านแถวและบ้านเดี่ยวขนาดเล็กและขนาดกลางในลักษณะหมู่บ้าน จัดสรร มีอาคารบ้านเดี่ยวที่เดิมเป็นบ้านสวนผลไม้แบบสวนสมรมกระจายอยู่ในเขตย่านใจกลางเมืองจำนวน มากโดยเฉพาะริมถนนสังขวิทย์ ในเขตย่านเมืองเก่าบริเวณย่านสถานีรถไฟตรังและย่านตลาดสดเทศบาล นครตรัง ในถนนซอยแยกจากถนนพระราม 6 ถนนกันตัง และถนนราชดำเนิน อาคารบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ เป็นเรือนแถวไม้สูง 1-2 ชั้น สร้างแบบเรือนแถวไม้จีนลักษณะหน้าแคบตัวบ้านยาวไปด้านหลังแบบเดียวกับ ตกึ แถวพาณชิ ยแ์ บบจนี ผสมยโุ รปบริเวณรมิ ถนน ปัจจุบันการใช้ประโยชนท์ ด่ี ินประเภททีอ่ ยอู่ าศยั ในยา่ นเมอื ง เก่าเดิมไม่มีการขยายตัว อาคารที่พักอาศัยเดิมหลายหลังทรุดโทรม ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยประเภท หมบู่ า้ นจัดสรรเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วบริเวณริมถนนสายหลักยา่ นชานเมือง (2) การใชป้ ระโยชนท์ ี่ดนิ ประเภทพาณชิ ยกรรม การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมในพื้นที่เทศบาลนครตรัง แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ย่านพาณิชยกรรมเก่าแก่บริเวณรอยต่อระหว่างหอนาฬิกาจังหวัดตรังและสถานีรถไฟตรัง ย่านริมถนน พระราม 6 ถนนวิเศษกุล ถนนกันตัง และถนนราชดำเนิน เป็นย่านพาณิชยกรรมที่ถูกพัฒนาจากการ ขยายตัวของชุมชนชาวจีนบริเวณท่าเรือรมิ แมน่ ้ำตรงั บริเวณปากคลองปอน เดิมทีบริเวณริมแม่น้ำดังกลา่ ว ชาวบา้ นเรียกรวม ๆ ว่า “ทา่ จนี ” ซึ่งในอดีตมที งั้ อูต่ อ่ เรือ และบ้านเรอื นอย่อู าศยั ทั้งน้ี ชุมชนท่าจีนในอดีต เปน็ ชุมชนหนาแนน่ อยู่ในบริเวณ 2 แหง่ คอื บริเวณปากคลองนางน้อยข้ึนไปจนถึงบางรัก และอกี แห่งหน่ึง คือบริเวณริมคลองห้วยยาง ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมกับคลองปอน และไหลผ่านตัวเมืองทับเที่ยง สามารถ ผ-8

เมืองเก่าตรัง ล่องเรือเข้ามาในชุมชนตลาดดั้งเดิมของตัวเมืองทับเที่ยงได้ ชุมชนตลาดดั้งเดิมท่ีทับเที่ยงจึงขยายตวั ขึน้ จน เป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมของจังหวัดตรังตั้งแต่นั้นมา ในปัจจุบันย่านพาณิชยกรรมดั้งเดิมบริเวณตลาด ทับเที่ยงยังคงแสดงบทบาทการเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมของจังหวัดตรังอย่างต่อเนื่อง อาคารพาณิชย์ ที่ตั้งเรียงรายริมถนนสายสำคัญยังคงได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี ส่วนย่านพาณิชยกรรมชานเมือง เกิดขึ้นในช่วง 2 ทศวรรษหลัง จากการขยายตัวของเมืองไปตามถนนสายสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนน สายตรัง–ย่านตาขาว ถนนพัทลุง และถนนเพชรเกษม เกิดศูนย์กลางพาณิชยกรรมแหล่งใหม่ขึ้น มีการตั้ง ศนู ย์การคา้ ห้างสรรพสินค้า และศูนยค์ า้ ปลกี -ส่งที่สำคญั หลายแห่ง นอกจากน้ันยังมีตลาดและย่านการค้า ขนาดกลางและขนาดเลก็ กระจายตวั อยใู่ นชุมชนตา่ ง ๆ อีกด้วย ผ-9

โครงการกำหนดขอบเขตพืน้ ท่เี มืองเก่า ผ-10

เมอื งเก่าตรัง (3) การใชท้ ี่ดนิ ประเภทสถาบนั ราชการ สาธารณูปโภค สาธารณูปการ สถาบันการศกึ ษา และศาสนสถาน เทศบาลนครตรัง หรือเมืองทับเที่ยง เป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองของจังหวัดตรัง เกิด จากการยา้ ยศูนยก์ ลางการปกครองของเมอื งมาจากเมืองกันตังซึ่งเปน็ ท่าเรือที่สำคญั มากท่ีสุดแห่งหนึ่งของ ภาคใตฝ้ ั่งอันดามนั จนกระท่ังในปี พ.ศ. 2458 จึงมกี ารย้ายศูนย์กลางการเมืองการปกครองของจังหวัดตรัง มาต้ังที่ย่านตลาดทับเที่ยง และมาตั้งอาคารราชการบริเวณเนิน 2 เนินในพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของย่าน ตลาด เนินหนึ่งริมถนนวิเศษกุลเป็นที่ตั้งของอาคารราชการระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น และอีกเนิน หนึ่งถัดไปเป็นที่ตั้งของจวนผู้ว่าหรือบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด จนกระท่ังมีการขยายตัวของหน่วยงาน ราชการในพื้นที่จงึ มีการยา้ ยอาคารของหน่วยงานราชการออกไปตั้งอยู่ชานเมืองโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งบริเวณ ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 404 (ถนนสายตรัง-ย่านตาขาว) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4046 (ถนนสายตรัง–สเิ กา) ยา่ นศูนยก์ ลางราชการในศนู ยก์ ลางเมืองตรงั ย่านศูนย์กลางราชการใหมน่ อกเมอื งตรงั รูปท่ี ผ-7: ยา่ นศนู ย์กลางราชการทสี่ ำคญั ของเทศบาลนครตรัง 1.3.4 กฎ ระเบียบข้อบังคับ และการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนา แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในพ้ืนที่ศกึ ษาเมืองตรัง กฎและระเบียบข้อบังคับที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งมรดกทาง วัฒนธรรมในพื้นที่ศึกษาเมืองตรังในปัจจุบันมีเพียงฉบับเดียว คือ กฎกระทรวงผังเมืองรวมเมืองตรัง พ.ศ. 2558 (ปรับปรงุ ครง้ั ท่ี 3) ซ่ึงมรี ายละเอียดทส่ี ำคัญ ดังนี้ จากการวิเคราะห์ผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในผังเมืองรวมเมืองตรัง ตามกฎกระทรวงให้ ใช้บังคบั ผงั เมืองรวมเมอื งตรัง พ.ศ. 2558 พบวา่ มกี ารกำหนดลกั ษณะการใชป้ ระโยชนท์ ดี่ ินไว้ 11 ประเภท ได้แก่ ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ที่ดินประเภท ผ-11

โครงการกำหนดขอบเขตพน้ื ที่เมืองเกา่ พาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ที่ดินประเภท อุตสาหกรรมเฉพาะกิจ ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการ รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่ดินประเภทสถาบันการศึกษา ที่ดินประเภทอนุรักษ์และส่งเสริมเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม ที่ดินประเภทสถาบันทางศาสนา และที่ดินประเภทสถาบันราชการ ในผังเมืองรวมเมือง ตรังฉบับนี้ได้มีการกำหนดที่ดินประเภทอนุรักษ์เพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมไทย (สีน้ำตาล อ่อน) ซึ่งได้กำหนดบริเวณที่สอดรับกับการมีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เมืองตรัง ครอบคลุมเขต โบราณสถานจำนวน 4 แหล่ง คือ บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง อาคารสโมสรข้าราชการจังหวัดตรัง วิหารคริสตจักรตรัง พระอุโบสถวัดกะพังสุรินทร์ อุโบสถวัดนิคมประทีป โดยพื้นที่ดังกล่าวให้ใช้ประโยชน์ ที่ดินเพื่อส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมท้องถิ่น การอนุรักษ์โบราณสถานตาม กฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โบราณคดี ประวัติศาสตร์ หรือสาธารณประโยชน์เท่านั้น นับเป็นการกำหนดหรือกำกับไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน ด้านลบต่ออาคารอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน แต่อาคารอนุรักษ์อื่น ๆ ไม่ได้ถูกคุ้มครองตาม ผงั เมืองรวมฉบับน้ี ผ-12

เมอื งเก่าตรงั ทด่ี ินประเภททอี่ ย่อู าศัยหนาแน่นนอ้ ย ที่ดินประเภทท่ีโล่งเพ่อื นันทนาการและการรกั ษาคุณภาพส่ิงแวดลอ้ ม ทดี่ ินประเภททอ่ี ย่อู าศยั หนาแน่นปานกลาง ที่ดนิ ประเภทสถาบันการศกึ ษา ที่ดินประเภทพาณชิ ยกรรมและทีอ่ ยู่อาศยั หนาแน่นมาก ทีด่ ินประเภทอนรุ กั ษเ์ พ่ือส่งเสริมเอกลักษณ์ศิลปวฒั นธรรมไทย ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสนิ ค้า ทดี่ นิ ประเภทสถาบันศาสนา ทด่ี ินประเภทอุตสาหกรรมเฉพาะกจิ ทีด่ ินประเภทสถาบันราชการ การสาธาณปู โภคและสาธารณูปการ ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม แผนท่ี ผ.3 : แผนผงั กำหนดการใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ ในเขตผงั เมอื งรวมเมืองตรัง พ.ศ. 2558 ทีม่ า: http://www.dpt.go.th (2563) ผ-13

โครงการกำหนดขอบเขตพน้ื ทเี่ มอื งเกา่ 1.3.5 ท่ีดินราชพัสดใุ นพน้ื ทศ่ี กึ ษาเมอื งตรงั จากข้อมูลสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ของสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ตรัง (2563) ที่แสดงพื้นที่ของ ทางราชการ (ที่ราชพัสดุ) ในพื้นที่เทศบาลนครตรัง ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พบวา่ ในเขตเทศบาลนครตรังมีทดี่ นิ ราชพสั ดุ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลกั คอื (แผนที่ ผ-4) (1) ที่ดินราชพัสดุประเภทที่ตั้งของหน่วยงานราชการ การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ที่ดินราชพัสดุประเภทนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นที่ดินแปลงขนาดใหญ่ ตั้งเกาะกลุ่มอยู่ในเขตตัว เมืองตรัง ใช้ประโยชน์เพื่อเป็นอาคารสถาบันราชการในย่านศูนย์ราชการของจังหวัด เช่น ศาลากลาง จังหวัดตรัง สำนักงานเทศบาลนครตรัง สำนักงานองค์การบริหารส่วนจงั หวัดตรัง สำนักงานของหน่วยงาน ภาครัฐอื่น ๆ บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และบ้านพักข้าราชการ และบางส่วนใช้เป็นสวนสาธารณะ ของเมือง ได้แก่ สวนสาธารณะอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) สวนสาธารณะทับเที่ยง (เรือนจำเก่า) และสวนสาธารณะต่าง ๆ บางส่วนให้เป็นโรงพยาบาลตรัง และ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนตี รงั เปน็ ตน้ (2) ที่ดินราชพัสดุประเภทจัดสรรให้เอกชนเช่า ทั้งเพื่อการอยู่อาศัย และเพื่อประกอบกิจกรรม การค้าและบริการ ที่ดินราชพัสดุประเภทนี้เป็นที่ดินแปลงขนาดเล็ก มีพื้นที่ไม่มากนัก และตั้งอยู่ทั่วไปใน ตัวเมืองตรัง ผ-14

เมอื งเก่าตรงั ผ-15

โครงการกำหนดขอบเขตพน้ื ทเี่ มอื งเก่า ผ.2 การรวบรวมข้อมูลโบราณสถาน อาคาร และสถานทสี่ ำคัญในพ้ืนที่เมืองตรงั เมืองตรังเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและศูนย์กลางการเมืองการปกครองระดับ จังหวัดมาเป็นเวลานาน มีการตั้งถิ่นฐานจากการเป็นศูนย์กลางการค้าพริกไทยในอดีตและค่อย ๆ พัฒนา จนกลายเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมขนาดใหญ่ประกอบกับการสร้างทางรถไฟสายอันดามันเชื่อมต่อชุม ทางทุ่งสงกับท่าเรือกันตัง และการย้ายที่ตั้งเมืองจากเมืองกันตัง ทำให้เมืองตรังเป็นเมืองขนาดใหญ่และ เป็นแหล่งดึงดูดให้มีการตั้งถิ่นฐานของคนจากหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทำให้เกิด มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารหรือสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพล จากศิลปะแบบจีน ในย่านการค้าในเกาะเมืองเก่าริมถนนวิเศษกุล ถนนราชดำเนิน ถนนพระราม 6 ถนน กันตัง และถนนห้วยยอด ทั้งที่เป็นโบราณสถาน อาคาร และสถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทาง สถาปัตยกรรมพื้นถิ่น ซึ่งคุณค่าและความสำคัญของแหล่งมรดกทางธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมแต่ ละแหง่ ในเมอื งตรัง มีรายละเอยี ดพอสังเขปดังน้ี (แผนที่ ผ-5) 2.1 แม่น้ำตรัง “แม่น้ำตรงั ” เป็นแม่น้ำสายสำคัญของจงั หวัดตรัง มีความยาวประมาณ 175 กิโลเมตร มีต้นน้ำ ในเขตป่าดิบชื้นบน “เขาหลวง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ทิวเขานครศรีธรรมราช” ในเขตอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช แม่น้ำตรังมีชื่อที่เรียกขานหลายชื่อ ชาวนครศรีธรรมราชเรียกว่า “แม่น้ำหลวง” และเมื่อไหลผ่านจังหวัดตรังจึงเรียกว่า “แม่น้ำตรัง” แต่ในช่วงที่ไหลผ่านอำเภอเมืองตรัง เรียกว่า “คลองท่าจีน” เนื่องจากในอดีตนั้นเป็นเส้นทางสัญจรสำคัญที่ชาวจีนใช้ในการเดินทางเชื่อมต่อไปยัง “ปากน้ำกันตัง” ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อจากทะเลอันดามันเข้าไปยังดินแดนตอนใน และเชื่อมต่อกับเส้นทาง ข้ามเขาหลวงไปยังเมืองนครศรีธรรมราช จงึ สันนษิ ฐานได้วา่ เส้นทางดังกล่าวนี้เองเป็นเส้นทางท่ีเช่ือมอารย ธรรมพุทธศาสนาจากลงั กาไปยงั เมอื งนครศรีธรรมราชด้วย รูปท่ี ผ-8: แมน่ ้ำตรัง ผ-16

เมอื งเก่าตรงั ผ-17

โครงการกำหนดขอบเขตพ้นื ทีเ่ มอื งเก่า 2.2 คลองน้ำเจด็ “คลองน้ำเจ็ด” เป็นลำคลองที่รับน้ำมาจากเทือกเขาบรรทัด มีต้นน้ำมาจากตำบลละมอสาย หนึ่ง ไหลมารวมกับอีกสายหนึ่งท่ีตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง ไหลผ่านทุ่งจนถึงหน้า “เขาช้างหาย” จนมาบรรจบกับ “คลองนำ้ ใส” คลองส่วนต้นจึงมีชื่อเรียกว่า “คลองน้ำใส” ซึ่งมาจากด้านเหนือของตำบลนาหมื่นศรี ไหลผ่าน ดา้ นทิศตะวนั ตกของ “เขาชา้ งหาย” และไหลตอ่ เน่อื งเขา้ ส่ตู ำบลนาพละ อำเภอเมืองตรัง เมื่อไหลผ่านตำบลบ้านโพธ์ิเรียกว่า “คลองน้ำเจ็ด” และจึงไหลเข้าเขตตัวเมืองตรัง ซึ่งเมื่อไหล ผ่านทางตะวันตกของวัดคลองน้ำเจด็ ตำบลทับเที่ยง จะมารวมกับ “คลองนางนอ้ ย” ซึ่งจะไหลไปเช่ือมต่อ กับแมน่ ้ำตรงั นั่นเอง 2.3 คลองนางนอ้ ย “คลองนางน้อย” มีตน้ นำ้ อยทู่ ตี่ ำบลละมอและตำบลชอ่ ง อำเภอนาโยง เช่นเดียวกบั คลองน้ำเจ็ด ไหลต่อเนื่องไปจนเข้าเขตตัวเมืองตรัง โดยไหลโอบทางด้านตะวันออกของเมืองและกระหวัดลงทางด้านใต้ เมืองในตำบลทับเที่ยง และมีลำคลองน้ำเจ็ดไหลมาบรรจบตรงมุมทางด้านใต้ของวัดคลองน้ำเจ็ด แล้วไหล ต่อเนื่องไปบรรจบกบั แมน่ ้ำตรงั ท่ีตำบลบางรกั อำเภอเมืองตรัง 2.4 คลองปอน “คลองปอน” เป็นสาขาของแม่น้ำตรัง มีต้นน้ำทีค่ วนเขา ต.บ้านโพธิ์ คลองสายนี้ไหลเข้ามาถงึ ใน ตัวเมืองตรังใช้เป็นเส้นทางคมนาคมซึ่งใช้ประโยชน์เป็นเส้นทางการค้าของชาวจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขต เมืองตรังจนเกิดขึ้นเป็นชุมชน ได้ชื่อว่า “ชุมชนท่าจีน” ทำให้เรียกแม่น้ำช่วงนี้ว่า “คลองท่าจีน” โดย เส้นทางการค้าหลักในยุคนั้นอาศัยการล่องเรือเลาะมาทางคลองปอนสู่คลองห้วยยาง และมาขึ้นฝั่งที่ตำบล ทับเท่ียง 2.5 คลองห้วยยาง “คลองห้วยยาง” มีต้นน้ำที่ควนเขา ตำบลบ้านโพธ์ิ เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อเข้ามาในตัวเมืองตรัง ในย่านศูนย์กลางพาณิชยกรรม ตั้งแต่ถนนวิเศษกุล คริสตจักรตรัง โรงแรมธรรมรินทร์ธนา ซึ่งในอดีตใช้ ลำคลองเส้นน้ีในการคมนาคมขนส่งและประกอบกิจการต่าง ๆ ในชุมชนบริเวณน้ัน โดยคลองห้วยยางไหล ผา่ นสถานทต่ี า่ ง ๆ ต้ังแต่ทางรถไฟและบรเิ วณย่านศนู ยก์ ลางพาณชิ ยกรรมถนนราชดำเนนิ 2.6 วัดตันตยาภิรม “วัดตันตยาภิรม” เดิมชื่อ “วัดต้นสะตอ” หรือที่เรียกในภาษาถิ่นใต้ว่า “วัดต้นตอ” ด้วยเคยมี ต้นสะตอขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีคู่เมืองตรัง สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นสถานที่ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในปี พ.ศ. 2461 ภายในผังบริเวณมีอาคารสำคัญ คือ พระอุโบสถ เจดีย์ทรงบาตรคว่ำเรียงซ้อน 5 ชั้น ภายในมีภาพ จติ รกรรมฝาผนังเร่อื งพทุ ธประวตั ิ และพระวหิ าร 200 ปี ประดิษฐานพระพุทธรูปปนู ปั้นในพระอุโบสถเดมิ ผ-18

เมืองเก่าตรงั รปู ท่ี ผ-9: อาคารทที่ รงคณุ คา่ ในวัดตันตยาภิรม 2.7 วัดกฏุ ยาราม “วัดกุฏยาราม” ตั้งอยู่ที่ถนนเพลินพิทักษ์ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ท้องถ่ิน เรียกว่า “วัดกุฏนอก” เนื่องจากสมัยก่อนมีวัดนิโครธาราม ที่เรียกกันว่า “วัดกุฏใน” ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ติดกับ คลองห้วยยางซึ่งเกดิ นำ้ ท่วมบ่อยครั้ง จงึ มกี ารหาทำเลใหม่เพ่ือปลกู สร้างกุฏทิ น่ี ้ำไมท่ ว่ ม จากน้ันมาจึงสร้าง โบสถ์ และเสนาสนะอ่ืน ๆ จึงขนานนามว่าวดั กฏุ นอก และเรยี กวัดนิโครธารามวา่ วัดกฏุ ใน รปู ท่ี ผ-10: อาคารที่ทรงคณุ ค่าในวดั กฏุ ยาราม 2.8 วดั ควนวเิ ศษ “วัดควนวิเศษ” ตั้งอยู่เลขที่ 156 ถนนวิเศษกุล ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2467 สมัยพระยาสุรินทร์ราชา (นกยูง วิเศษกุล) เป็น สมุหเทศาภบิ าลมณฑลภเู กต็ และไดร้ ับวิสงุ คามสีมา เม่ือวันที่ 8 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2492 รปู ท่ี ผ-11: อาคารทีท่ รงคณุ ค่าในวัดควนวิเศษ ผ-19

โครงการกำหนดขอบเขตพนื้ ทเี่ มอื งเกา่ 2.9 วดั คลองนำ้ เจด็ “วัดคลองน้ำเจ็ด” ตั้งอยู่ที่ถนนวัดคลองน้ำเจ็ด ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง วัดแห่งน้ีนอกจากจะมีเสนาสนะต่าง ๆ ภายในวัดแล้ว ยังมีพระพุทธรูปท่ีแกะสลักจากหินหยกขนาดใหญ่ พุทธศาสนกิ ชนชาวไทยและต่างประเทศเดินทางไปสักการะบชู าเปน็ จำนวนมาก รปู ท่ี ผ-12: อาคารทท่ี รงคุณค่าในวดั คลองนำ้ เจ็ด 2.10 วัดนโิ ครธาราม “วัดนิโครธาราม” หรือท่ีเรียกกันว่า “วัดกุฏใน” ตั้งอยู่ท่ี ถนนเพลินพิทักษ์ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2392 ทว่าทำเลที่ตั้งเดิมนั้นเป็นพื้นท่ีที่มีน้ำท่วมเป็นประจำ จึงย้ายมายังทำเลที่ตั้งใหม่ และเรียกโดยผู้คนในท้องถิ่นว่า “วัดไทรขนุน” เนื่องจากในพื้นที่ผังบริเวณวัด น้ันมีตน้ ไทรใหญจ่ ำนวนมาก 2.11 วดั ประสทิ ธชิ ัย “วัดประสิทธิชัย” หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “วัดท่าจีน” เนื่องจากอยู่บริเวณชุมชนท่าจีน ตั้งอยู่ที่บ้านท่าจีน ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง ใกล้กับแม่น้ำตรัง แต่เดิมเรียกกันว่า “วัดปอน” เนื่องจาก อยใู่ กลก้ ับคลองปอน ซึง่ ไหลมาจากทงุ่ ปอนไหลผา่ นวัดประสทิ ธชิ ัยลงสแู่ ม่นำ้ ตรังที่ “ปากคลองปอน” 2.12 วัดมชั ฌมิ ภมู ิ “วัดมชั ฌิมภูม”ิ ตง้ั อยู่ถนนบ้านหนองยวน ตำบลทบั เทย่ี ง ผ้คู นในท้องถน่ิ เรียกวา่ “วัดหนา้ เขา” หรือ “วัดเขาหนองยวน” ตั้งขึ้นในคราวที่พระธรรมวโรดม (เซ่ง อุตฺตโม) เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช และมณฑลภูเก็ต เดินทางมาตรวจราชการคณะสงฆ์ที่จังหวัดตรัง ได้ทราบว่ามีที่ดินว่างอยู่ประมาณ 4 ไร่ หนา้ เขาหนองยวน จึงให้ “ขนุ สมคั รอนุศิษฎ์” ขออนุญาตตัง้ วดั เม่ือวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2470 ครน้ั เมื่อปี พ.ศ. 2480 จึงเปลีย่ นชอ่ื เป็น “วัดมชั ฌมิ ภูม”ิ รูปท่ี ผ-13: อาคารทท่ี รงคุณค่าในวัดมัชฌมิ ภมู ิ ผ-20

เมอื งเกา่ ตรัง 2.13 วดั กะพงั สรุ ินทร์ “วัดกะพังสุรินทร์” พระอารามหลวง ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2440 ด้วยทำเลท่ีตงั้ อยู่ใกล้หนองน้ำ “สระกะพัง” จึงเรียกช่ือวัดนี้วา่ “วัดกะพัง” ต่อมาได้เปลี่ยนช่ือ เปน็ “วดั กะพังสุรินทร์” พระยาสุรินทราชา (นกยงู วเิ ศษกุล) สมหุ เทศาภบิ าลมณฑลภเู ก็ต ดำริใหป้ รับปรุง สระกะพังให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ภายในวัดมีอุโบสถที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่เป็น เอกลักษณ์ และได้รบั การขึ้นทะเบยี นเป็นโบราณสถานโดยกรมศลิ ปากร รปู ท่ี ผ-14: อาคารทที่ รงคณุ คา่ ในวัดกะพังสรุ ินทร์ 2.14 วัดนิคมประทีป “วัดนิคมประทีป” ตัง้ อย่ทู บ่ี ้านโคกหล่อ ตำบลโคกหลอ่ อำเภอเมอื ง จงั หวัดตรงั สร้างข้ึนเมอ่ื พ.ศ. 2423 เดมิ ช่อื “วดั โคกหลอ่ ” เพราะตั้งอยูบ่ นโคกซ่งึ มีตน้ หลอ่ ขึน้ อยู่จำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2484 ไดเ้ ปล่ยี นชอื่ เป็น “วัดนิคมประทีป” โบราณสถานที่สำคัญในวัดคืออุโบสถซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างเมอ่ื พ.ศ. 2490 และได้รับการขน้ึ ทะเบียนเปน็ โบราณสถานโดยกรมศิลปากร รปู ที่ ผ-15: อาคารทีท่ รงคุณค่าในวัดนคิ มประทีป 2.15 ศาลเจา้ กวิ อ๋องเอยี่ “ศาลเจ้ากิวอ๋องเอี่ย” ถือเป็นศาลเจ้าฮกเกี้ยนที่ใหญ่และเก่าที่สุดของจังหวัดตรัง ตั้งอยู่บนถนน ทา่ กลาง ในเขตเทศบาลนครตรัง หรอื อยู่ตรงข้ามกับวัดตนั ตยาภิรม มีประวัตวิ า่ ในราว 160 ปีกอ่ น มีชาวจีน ฮกเกี้ยนได้อพยพเข้ามาทางเรือตามแมน่ ้ำตรัง โดยตกลงให้นายลิ่มก๊กจุ้ย อัญเชิญกระถางธูปของเทพเจา้ เกา้ องค์ตามคัมภรี ส์ วดมนต์ปกั๊ เตา้ เก็งของ มาประดษิ ฐานไว้เพอ่ื ประกอบพิธกี รรมตามความเชื่อ ผ-21

โครงการกำหนดขอบเขตพืน้ ที่เมอื งเก่า รูปท่ี ผ-16: ศาลเจ้ากวิ ออ๋ งเอี่ย 2.16 ศาลเจา้ ท่ามกงเยีย่ “ศาลเจ้าท่ามกงเยี่ย” หรือ “โรงพระท่ามกงเยี่ย” ตั้งอยู่ริมถนนเจิมปัญญา ตำบลทับเที่ยง นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวตรัง มักจะมีผู้คนมากราบไหว้สักการะบูชาเสมอ โดยเฉพาะในวันหยุดหรือ เทศกาลสำคัญ ผู้คนจะพร้อมใจกันมาสักการะบูชาอย่างเนืองแน่น ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นจากความร่วมมือ ระหว่างลูกหลานชาวจีนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย ภายนอกอาคารศาลมีอาคารเรือนนอนสำหรับรักษา ผปู้ ่วย อาคารโรงครัว โรงง้วิ สระน้ำ และศาลากลางนำ้ รปู ที่ ผ-17: ศาลเจา้ ท่ามกงเยีย่ 2.17 ศาลเจา้ พอ่ หมืน่ ราม “ศาลเจ้าพอ่ หมืน่ ราม” ตัง้ อย่บู นถนนรษั ฎา ตำบลทบั เทยี่ ง อำเภอเมอื งตรงั เยื้องกับสนามกีฬา เทศบาลนครตรัง ในเขตเทศบาลนครตรัง ตามประวัติกล่าวกันว่า ในปี พ.ศ. 2493 นายย้ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์ เจ้าพ่อเขาตกที่จังหวัดสระบุรีได้ทำพิธีเชิญกระถางธูปมาบูชาที่จังหวัดตรัง และมีชาวเมืองตรังให้ความ เคารพนบั ถือจงึ มีการสร้างศาลเจา้ พ่อหมืน่ รามขึ้นเมอื่ ปี พ.ศ. 2500 รูปที่ ผ-18: ศาลเจ้าพ่อหมื่นราม ผ-22

เมืองเก่าตรงั 2.18 ครสิ ตจกั รตรงั “คริสตจักรตรัง” ตั้งอยู่ริมถนนห้วยยอด ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เป็นหลักฐาน สำคัญแสดงถึงการเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโปแตสแตนท์ในจังหวัดตรังเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน อาคารคริสตจักรตรังที่เห็นในปัจจุบันสรา้ งขึ้นใน พ.ศ. 2458 เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก ก่อสร้าง โดยฝีมอื ชา่ งชาวจีน รปู ที่ ผ-19: ครสิ ตจกั รตรัง 2.19 มสั ยิดมะดนี ะตลุ อิสลาม “มัสยิดมะดีนะตุลอิสลาม” ตั้งอยู่ที่ถนนหนองยวน ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 ด้วยแรงศรัทธาของชาวมุสลิมในเมืองตรังที่ย้ายมาจากอำเภอกันตังและอำเภอปะเหลียน ช่วยกันสร้างขึ้น เดิมอาคารมัสยิดเป็นอาคารชั้นเดียวขนาดเล็ก ปัจจุบันก่อสร้างอาคารมัสยิดหลังใหม่ ขึ้นมาเพ่อื รองรบั การประกอบศาสนกิจ รูปที่ ผ-20: มัสยดิ มะดนี ะตลุ อิสลาม 2.20 พระบรมราชานุสาวรยี ์รชั กาลท่ี 5 “พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5” ตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้าศาลากลางจังหวัดตรังหลังเก่า ริมถนนเพชรเกษม ทั้งนี้เม่ือก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้มีพิธีสมโภชพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกลา้ เจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี 5 เมอ่ื วนั ที่ 12 ตลุ าคม 2553 ผ-23

โครงการกำหนดขอบเขตพน้ื ทีเ่ มืองเกา่ รูปที่ ผ-21: พระบรมราชานุสาวรียร์ ัชกาลท่ี 5 2.21 หอนาฬิกาจงั หวัดตรงั “หอนาฬิกาจังหวัดตรัง” เป็นจุดหมายตาที่โดดเด่น ตั้งอยู่ตรงสี่แยกถนนวิเศษกุลและถนน พระราม 6 หน้าศาลากลางจังหวัด เดิมเป็นที่ตั้งหอกระจายข่าวของเทศบาลนครตรัง ซึ่งเรียกกันว่า “หอแหลงได้” จากการถ่ายทอดวิทยุกระจายเสียง ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2504 จึงสร้างหอนาฬิกาความสูง 15 เมตรขึน้ แทน ซ่ึงคอื หอนาฬิกาหลงั ปัจจุบัน 2.22 บา้ นไทรงาม รปู ท่ี ผ-22: หอนาฬกิ าจังหวัดตรงั “บ้านไทรงาม” ตั้งอยู่บนซอยที่เชื่อมระหว่างถนนราชดำเนินกับถนนห้วยยอดซอย 2 ในตำบล ทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง เป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมสำคัญของเมืองตรัง โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรม เป็นแบบ “ตึกแถวแบบสรรค์ผสาน (Eclectic Style)” ประวัติของการสร้างบ้านไทรงามนั้นมุ่งหมายจะใช้ เปน็ โรงแรมแต่ก็ไม่ไดด้ ำเนินการ จงึ ใชเ้ ปน็ ทพี่ กั อาศยั ของครอบครัวและรบั รองแขกสำคญั รูปท่ี ผ-23: บา้ นไทรงาม ผ-24

เมืองเก่าตรัง 2.23 บ้านเลขที่ 324 ย่านบางรกั “บ้านเลขที่ 324” หรือ “บ้านโบราณ 2486” ซึ่งนายตุย ธนทวี ชาวจีนไหหลำ เป็นผู้ออกแบบ และควบคุมการก่อสร้าง โดยใช้ช่างท้องถิ่นเป็นผู้ก่อสร้าง โดยนำเข้าวัสดุจากปีนังโดยการขนส่งทางเรือ รวมไปถึงเครื่องเรือนและเครื่องใช้บางส่วน ส่วนประตูและหน้าต่างนำเข้าจากกรุงเทพมหานคร โดยการ ขนส่งทางรถไฟ นอกจากนี้ที่บ้านโบราณ 2486 มีประเพณีประจำบ้าน คือ งานส่งเทวดา ซึ่งจัดขึ้นหลัง ตรุษจีน 1 สปั ดาห์ โดยภายในพิธีจะมีการจดั ไหวเ้ พอื่ สง่ เทวดาส่สู รวงสวรรคแ์ ละจดั รำมโนราหถ์ วาย รปู ท่ี ผ-24: บ้านเลขท่ี 324 ย่านบางรัก 2.24 รา้ นคา้ สริ ิบรรณ “ร้านค้าสิริบรรณ” รูปแบบหลังคาปั้นหยาทรงสูงตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน ในตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2478 เป็นอาคารที่ตั้งอยู่มุมหัวถนน รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบ “ตึกแถวแบบสรรค์ผสาน (Eclectic Style)” บ้านร้านค้ารูปแบบนี้พัฒนาต่อจากบริบทท้องถิ่นสู่ความมั่ง ค่ังร่ำรวยของคหบดชี าวตรังทม่ี คี วามสมั พันธก์ ับเมอื งชายฝัง่ ทะเลในมหาสมุทรอนิ เดียเมืองอ่นื ๆ รปู ที่ ผ-25: รา้ นค้าสิรบิ รรณ 2.25 โรงแรมจริงจริง โรงแรมจริงจริง เป็นโรงแรมเก่าแก่ตั้งอยู่ริมถนนพระราม 6 ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง รูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบ “บ้านร้านค้าแบบท้องถิ่น ระยะที่ 3 (Localization Step 3)” เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจภายในและความไม่คล่องตัวทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากภาวะ สงคราม เป็นผลให้การค้าขายมีความยากลําบาก อีกทั้งช่างฝีมือก็อยู่ในสภาวะขาดแคลน ส่งผลให้รปู แบบ บา้ นรา้ นคา้ มีการตกแตง่ น้อยลงคงเหลอื การตกแตง่ เฉพาะองค์ประกอบที่จําเปน็ ผ-25

โครงการกำหนดขอบเขตพื้นทเี่ มอื งเกา่ รปู ท่ี ผ-26: โรงแรมจรงิ จริง 2.26 จวนผู้วา่ หรือบ้านพกั ผ้วู า่ ราชการจงั หวัดตรงั “จวนผู้ว่า” หรือ “บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง” อยู่ในตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง ตั้งอยู่บน ยอดเนิน เรียกว่า “ควนคีรี” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นช่วงเดียวกับศาลากลางจังหวัดเมื่อ พ.ศ. 2461 โดย อาคารศาลากลางจังหวัดเปิดทำการเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2463 ในสมัยของพระยาตรังคภูมาภิบาล (เจิม ปันยารชุน) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บ้างก็ว่าสร้างขึ้นในสมัยพระยาอาณาจักรบริบาล (สมบุญ สวรรคทัต) ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ระหว่าง พ.ศ. 2468-2476 จวนหลังนี้เคยใช้เป็นที่ ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เม่อื คร้ังเสด็จประพาสจังหวัดตรัง ในวนั ท่ี 16 มีนาคม พ.ศ. 2502 และเคยเป็นที่รบั เสด็จพระบรมวงศานุวงศห์ ลายพระองค์ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้สูง 2 ชั้น มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ จกั รวรรดินิยมอังกฤษผสมผสานกบั เทคนคิ การกอ่ สร้างแบบสถาปัตยกรรมจีน โครงสรา้ งอาคารช้ันล่างเป็น ระบบเสาและคานคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนชั้นบนเป็นระบบเสาและคานไม้ หลังคาแบบบรานอร์ ซึ่งมี รปู แบบทางสถาปัตยกรรมคอื เปน็ หลังคาป้ันหยาแบบมจี ั่ว ทางเข้าด้านหน้าอาคารเปน็ มุขแบบโถงเทียบรถ ผนังชั้นล่างเป็นผนังคอนกรีตหล่อด้วยไม้แบบ หน้าต่างบานเปิดไม้ประดับช่องแสง ทั้งนี้ จวนผู้ว่าราชการ แห่งนม้ี ีรปู แบบทีโ่ ดดเด่นและสอดคลอ้ งกบั สภาพภูมิอากาศ ไดข้ ้ึนทะเบียนเป็นโบราณสถานใน พ.ศ. 2545 รูปท่ี ผ-27: บ้านพกั ผวู้ ่าราชการจงั หวัดตรัง 2.27 อาคารสโมสรข้าราชการ อาคารสโมสรข้าราชการจังหวัดตรัง ตั้งอยู่ในตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง สันนิษฐานว่าถูกสร้าง ขึ้นหลัง พ.ศ. 2471 จากเอกสารแบบแปลน Club House in Trang ลงวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1928 เพื่อใช้เป็นสโมสรข้าราชการ เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ผังพ้ืนเป็นรูป ผ-26

เมืองเกา่ ตรัง สี่เหลี่ยมจัตุรัส มีโครงสร้างระบบเสาและคานคอนกรีตเสริมเหล็ก มุงกระเบื้องหลังคาซีเมนต์ ได้รับการขนึ้ ทะเบยี นเป็นโบราณสถานเมือ่ ปี พ.ศ. 2545 รูปท่ี ผ-28: อาคารสโมสรขา้ ราชการจงั หวดั ตรัง 2.28 อาคารรมิ ถนนราชดำเนิน “ถนนราชดำเนิน” เป็นถนนสายเกา่ แกข่ องตรัง เป็นท่ีต้งั ของย่านการค้าเก่าแก่ โดยมีศูนย์กลาง อยู่ที่ตลาดสดเทศบาลนครตรัง สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่าซึ่งพบในย่านถนนราชดำเนินส่วนใหญ่เป็นบ้าน ค้าขาย (Shop House) ที่มีรูปแบบที่หลากหลาย รวมทั้งอาคารที่ก่อสร้างใหม่ในชั้นหลังเพื่อแทนที่บ้าน ร้านค้าที่เป็นเรือนแถวไม้ที่ถูกไฟไหม้เสียหายไป นับเป็นถนนที่มีการกระจุกตัวของมรดกทางวัฒนธรรมท่ี หนาแน่นมากทสี่ ุดในจงั หวัดตรงั รูปท่ี ผ-29: ตวั อย่างอาคารริมถนนราชดำเนนิ 2.29 อาคารรมิ ถนนกันตงั “ถนนกันตัง” เป็นถนนสายเก่าแกท่ ่ีตัดผ่านย่านเมอื งเกา่ ตรัง เช่อื มตวั เมืองตรงั ในตำบลทับเที่ยง กับอำเภอกันตัง และอำเภอห้วยยอด เหตุนี้ถนนกันตังจึงเป็นที่ตั้งของอาคารที่มีความสำคัญและเป็นแหลง่ มรดกทางสถาปัตยกรรมจำนวนมาก รูปท่ี ผ-30: ตัวอยา่ งอาคารริมถนนกนั ตัง ผ-27

โครงการกำหนดขอบเขตพื้นทีเ่ มอื งเกา่ 2.30 อาคารรมิ ถนนพระราม 6 “ถนนพระราม 6” เป็นถนนสายสำคัญเสมือนแกนกลางของเมืองเก่าตรัง เพราะเป็นถนนท่ี เชื่อมต่อสถานที่สำคัญหลายแหง่ เขา้ ไว้ด้วยกัน คอื สถานรี ถไฟตรัง หอนาฬกิ า และศนู ย์ราชการจังหวดั ตรัง ถนนสายนจ้ี ึงเป็นท่ตี ง้ั ของอาคารท่ีมคี วามสำคญั และเปน็ แหล่งมรดกทางสถาปตั ยกรรมจำนวนมาก รูปที่ ผ-31: ตัวอยา่ งอาคารริมถนนพระราม 6 2.31 อาคารรมิ ถนนห้วยยอด “ถนนห้วยยอด” คือชื่อเรียก “ถนนเพชรเกษม” ในช่วงที่เชื่อมต่อเมืองตรังกับเมืองห้วยยอด ซึ่งในอดีตนั้นห้วยยอดเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองดีบุกที่สำคัญอีกแห่งของภาคใต้ อาคารที่พบริมถนน ห้วยยอดสว่ นใหญเ่ ป็นอาคารบา้ นร้านค้า และมีครสิ ตจกั รตรงั เป็นอาคารโบราณสถานสำคัญบนถนนเสน้ น้ี รูปที่ ผ-32: ตวั อยา่ งอาคารรมิ ถนนห้วยยอด 2.32 อาคารรมิ ถนนวิเศษกลุ “ถนนวิเศษกุล” เป็นถนนสายสั้น ๆ ตัดผ่านสถานที่สำคัญของเมืองเก่าตรังหลายแห่ง เช่น วัดควนวิเศษ บ้านนายชวน หลีกภัย หอนาฬิกา ย่านศูนย์กลางราชการ และโรงภาพยนตร์ตรังรามา ถนนวเิ ศษกุลจึงเป็นถนนสายสำคญั ที่เปน็ ทีต่ งั้ ของอาคารเกา่ แก่หลายแห่ง รูปที่ ผ-33: ตัวอย่างอาคารรมิ ถนนวเิ ศษกุล ผ-28