Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาสุขศึกษา หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

Published by Wannisa Pumurai, 2021-05-13 04:15:56

Description: หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

Search

Read the Text Version

คำอธิบำยรำยวชิ ำพื้นฐำน พ๑5๑๐๑ สุขศึกษำและพลศกึ ษำ กลุ่มสำระสุขศึกษำและพลศึกษำ ชัน้ ประถมศึกษำปที ี่ 5 เวลำ 8๐ ช่ัวโมง ศึกษา ความสาคัญและวิธีดแู ลรักษา ระบบย่อยอาหารและระบบขับถา่ ยให้ทางานตามปกติซงึ่ สง่ ผลต่อสุขภาพ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ การเปล่ียนแปลงทางเพศ และปฏิบัติตนได้เหมาะสม ลักษณะของ ครอบครัวท่ีอบอุ่นตามวัฒนธรรมไทย พฤติกรรมที่พึงประสงค์ และไม่พึงประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความ ขัดแย้งในครอบครวั และกล่มุ เพือ่ น ความสาคัญของการปฏิบัตติ นตามสขุ บัญญตั แิ ห่งชาติ ค้นหาข้อมูลข่าวสาร เพื่อใช้สร้างเสริมสุขภาพ การตัดสินใจเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปฏิบัติตนในการป้องกันโรค ปัจจัย และผลกระทบที่มีอิทธิพลต่อการใช้สารเสพติด ท่ีมีต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ความปลอดภัยจากการใช้ยาและหลีกเลี่ยงสารเสพติด อิทธิพลของสื่อที่มีต่อพฤติกรรมสุขภาพ การป้องกัน อันตรายจากการเล่นกีฬา วิธีการจัดรูปแบบการเคลื่อนไหวร่างกายแบบผสมผสานแบบและปฏิบัติกิจกรรม ทางกายทั้งแบบอยู่กับท่ี เคลื่อนที่ และใช้อุปกรณ์ประกอบตามแบบท่ีกาหนด วิธกี ารเลน่ เกมนาไปสู่กีฬาและ กิจกรรมแบบผลัด การเคล่ือนไหวในเรอ่ื งการรบั แรง การใช้แรง และความสมดุลทักษะกลไกลทส่ี ่งผลต่อการ ปฏิบัติกิจกรรมทางกายและเล่นกีฬาการเล่นกีฬาไทย หลักการเข้าร่วมกิจกรรมนันทนาการหลักการและ รปู แบบการออกกาลังกายการออกกาลังกายและการเล่นเกม การละเล่นพน้ื เมอื ง วิธีการเลน่ กีฬาไทยและกีฬา สากล ประเภทบุคคลและประเภททีมท่ีเหมาะสมกับวัยอย่างสม่าเสมอการสร้างทางเลือกในวิธีปฏิบัติในการ เล่นกีฬาอย่างหลากหลาย รู้กฎกติกาในการเล่นเกมกีฬาไทยและกีฬาสากลตามชนิดกีฬาที่เล่นวิธีการรุกและ วิธีการป้องกันในการเล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลที่เล่นสิทธิของตนเองและผู้อื่นในการเล่นเกมและกีฬาความ แตกต่างระหวา่ งบคุ คลในการเลน่ เกมและกีฬา โดยใช้กระบวนการการสืบค้น การอภิปราย การปฏิบัติ การบอก ระบุ เพ่ือเกิดความรู้ ความเข้าใจนาไปสู่ การปฏิบัติการสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสม เกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าในการ ดูแลเพื่อพัฒนาตนเองและผู้อื่น มีวินัย รักความเป็นไทย ใฝ่เรียนรู้ มีจิตสาธารณะ การนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งปกติสขุ เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ มีคุณธรรม จริยธรรม มีน้าใจ นกั กีฬา เป็นผู้นา ผู้ตามท่ีดี มีเหตุผล รักการออกกาลังกาย รักสุขภาพ มีสุขนิสัยที่ดีและตระหนักถึงการสร้าง เสริมสุขภาพ มีความสามารถในการคิด การใชท้ กั ษะชีวิต การแก้ปญั หา รหสั ตัวช้ีวดั พ ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ พ ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓ พ ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕, ป.๕/๖ พ ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔ พ ๔.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ พ ๕.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕ รวมท้ังหมด ๒5 รหสั ตัวชีว้ ดั

ตำรำงวเิ ครำะห์หลักสูตร/ออ รหสั พ15101 วชิ ำสุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ ชนั้ ครผู ูส้ อน นำงสำววรร หนว่ ยท่ี มฐ ตัวชีว้ ดั จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ ส หนว่ ยท่ี 6 พ ป.5/1 แสดง 1.อธบิ ายหลักสุขบัญญัติแห่งชาติ 1.หล โรคนา่ รู้ 4.1 พฤติกรรมท่ีเห็น 10 ข้อได้อย่างถูกต้อง (K) แห่งช ความสาคัญของการ 2.แสดงการปฏิบัติตนตามหลักสขุ 2.ปร ปฏบิ ัติตนตามสขุ บัญญัตแิ ห่งชาติได้อยา่ งถกู ตอ้ ง (P) ปฏิบ บัญญตั ิแห่งชาติ 3.แสดงความกระตือรือร้น ยิ้มแย้ม สขุ บ แจม่ ใส ในขณะที่เรียน และฝึกหัด 3.แน ดว้ ยความต้ังใจ (A) ตนต แหง่ ช ป.5/4 ปฏบิ ัตติ นใน 1.อธิบายการปฏิบตั ติ นเพ่ือป้องกัน 1.โร การป้องกันโรคท่ีพบ โรคไขห้ วัดและโรคไข้หวดั ใหญไ่ ด้ 2.โร บ่อยในชวี ิตประจาวนั อย่างถูกต้อง (K) 2.แสดงการปฏบิ ตั ิตนในการป้องกัน โรคไขห้ วดั และโรคไขห้ วดั ใหญ่ได้ อย่างถูกต้อง (P) 3.แสดงความกระตอื รือร้น ย้ิมแยม้ แจ่มใส ในขณะที่เรียน และฝึกหัด ด้วยความต้งั ใจ (A)

อกแบบหนว่ ยกำรเรยี นรู้ น ประถมศึกษำปที ี่ 5 ปีกำรศกึ ษำ 2563 รณนิษำ พมุ่ อุไร สำระกำรเรียนรู้ กระบวนกำร ชิ้นงำน สอื่ กำรสอน เวลำเรยี น /ภำระงำน วัดผล/ประเมิน ลักสขุ บญั ญัติ 1.บรรยาย 1.วีดโี อขน้ั ตอน 1.ทดสอบ 2 ชาติ 2.การเรยี นรู้ การลา้ งมือ (ก่อนเรียน) ระโยชนข์ องการ แบบร่วมมือ 2.ประเมิน บตั ิตนตามหลัก ๓.การสบื คน้ ชิ้นงาน บัญญัติแห่งชาติ ๔.การ นวทางการปฏิบตั ิ แก้ปัญหา ตามหลกั สขุ บัญญัติ ชาติ รคไขห้ วัด 1.บรรยาย 1 รคไขห้ วัดใหญ่ 2.การเรียนรู้ แบบรว่ มมอื ๓.การสืบค้น ๔.การ แกป้ ัญหา

หนว่ ยท่ี มฐ ตัวช้วี ัด จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ ส หน่วยท่ี 6 พ ป.5/4 ปฏบิ ตั ิตนใน 1.อธิบายการปฏิบัตติ นเพ่ือป้องกนั 1.โร โรคน่ารู้ 4.1 การปอ้ งกนั โรคที่พบ โรคไขเ้ ลือดออกและโรคลมพิษได้ 2.โร บอ่ ยในชีวติ ประจาวนั อยา่ งถูกต้อง (K) ๓.โร 2.แสดงการปฏิบัติตนในการป้องกัน โคโร โรคไขเ้ ลอื ดออกและโรคลมพิษได้ อย่างถูกต้อง (P) 3.แสดงความกระตือรือร้น ยม้ิ แยม้ แจม่ ใส ในขณะที่เรียน และฝึกหัด ด้วยความต้ังใจ (A)

สำระกำรเรยี นรู้ กระบวนกำร ชิ้นงำน ส่อื กำรสอน เวลำเรยี น /ภำระงำน วัดผล/ประเมนิ รคไขเ้ ลือดออก 1.บรรยาย รคลมพิษ 2.การเรยี นรู้ 1 รคติดเชื้อไวรสั แบบรว่ มมือ รนา๒๐๑๙ ๓.การสบื คน้ ๔.การ แก้ปัญหา

หน่วยที่ มฐ ตัวชวี้ ดั จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ ส หน่วยที่ 6 พ ป.5/4 ปฏบิ ตั ติ นใน 1.อธิบายการปฏบิ ตั ติ นเพื่อป้องกัน 1.โร โรคนา่ รู้ 4.1 การป้องกันโรคที่พบ โรคฟันผุและโรคปรทิ นั ต์ได้อย่าง 2.โร บ่อยในชวี ติ ประจาวัน ถูกต้อง (K) 2.แสดงการปฏบิ ัติตนในการป้องกัน โรคฟันผแุ ละโรคปริทนั ต์ได้อย่าง ถกู ต้อง (P) 3.แสดงความกระตอื รือร้น ยิม้ แย้ม แจม่ ใส ในขณะที่เรยี น และฝึกหัด ด้วยความตั้งใจ (A)

สำระกำรเรยี นรู้ กระบวนกำร ชนิ้ งำน สื่อกำรสอน เวลำเรยี น /ภำระงำน วัดผล/ประเมิน รคฟันผุ 1.บรรยาย รคปริทนั ต์ 2.การเรยี นรู้ 1 แบบร่วมมอื ๓.การสืบคน้ ๔.การ แก้ปญั หา

หนว่ ยที่ มฐ ตวั ชีว้ ัด จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ ส หนว่ ยท่ี 6 พ ป.5/4 ปฏบิ ตั ติ นใน 1.อธิบายการปฏิบัตติ นเพื่อป้องกัน 1.กา โรคน่ารู้ 4.1 การป้องกันโรคท่ีพบ โรคไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง (K) ป้องก บอ่ ยในชวี ติ ประจาวัน 2.แสดงการปฏบิ ตั ิตนในการป้องกนั ในชีว โรคไดอ้ ย่างถูกต้อง (P) 3.แสดงความกระตอื รือรน้ ย้มิ แยม้ แจ่มใส ในขณะท่ีเรียน และฝึกหัด ด้วยความตั้งใจ (A)

สำระกำรเรยี นรู้ กระบวนกำร ชนิ้ งำน สอ่ื กำรสอน เวลำเรยี น /ภำระงำน วัดผล/ประเมิน ารปฏบิ ัติตนเพ่อื กันโรคท่ีพบบ่อย 1.บรรยาย 1.สบู่เหลวลา้ ง 1.ทดสอบ 3 วติ ประจาวัน 2.การเรียนรู้ มอื (หลงั เรยี น) แบบรว่ มมือ 2.แบบประเมิน ๓.การสบื ค้น ชิ้นงาน ๔.การ แก้ปญั หา 5.ทดลอง

รหสั วชิ ำ พ15101 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ 5 เวลำ 80 ชวั่ โมง / ปี รำยวิชำ สุขศกึ ษำและพลศึกษำ จำนวน 2 หน่วยกิต หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ เวลา นา้ หนัก ตวั ช้วี ดั (ชว่ั โมง) (คะแนน) 1 ระบบในรา่ งกาย 2 สายใยครอบครัว พ1.1 ป.5/1 ป.5/2 7 10 3 เข้าใจรปู แบบการ พ2.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 13 10 4 เคล่ือนไหว 8 10 กีฬาสากล (วอลเลย์บอล) พ3.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 5 พ.5.1 ป.5/5 12 10 ใสใ่ จสุขภาพ พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 4 5 ป.5/4 พ.5.1 ป.5/5 พ4.1 ป.5/2 ป.5/3 6 โรคน่ารู้ พ4.1 ป.5/1 ป.5/4 8 10 5 5 7 ยาและสารเสพติด พ5.1 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 3 5 4 5 8 อทิ ธพิ ลของสื่อ พ5.1 ป.5/4 ป.5/5 16 10 9 สมรรถภาพทางกาย พ3.1 ป.5/4 80 พ4.1 ป.5/5 20 10 กีฬาไทย (ตะกร้อ) พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 พ.5.1 ป.5/5 คะแนนระหว่างภาค คะแนนปลายภาค

โครงกำรสอนปกี ำรศกึ ษำ 2563 รำยวิชำ สุขศึกษำและพลศึกษำ รหัส พ15101 ชน้ั ประถมศกึ ษำปีที่ 5 เวลำเรียน 2 ชั่วโมง/สปั ดำห์ ครผู สู้ อน นำงสำววรรณนิษำ พมุ่ อุไร สัปดำหท์ ี่ ชว่ั โมงที่ หนว่ ยกำรเรียนร้/ู เรื่อง มฐ/ตวั ชี้วัด หน่วยที่ 6 โรคน่ำรู้ พ4.1 ป.5/1 25 50 สุขบัญญตั ิแห่งชาติ 1 พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 หนว่ ยที่ 10 กีฬำไทย (ตะกร้อ) พ.5.1 ป.5/5 26 51 การเลน่ ลกู ด้วยขา้ งเทา้ ดา้ นใน 1 พ4.1 ป.5/1 หนว่ ยท่ี 6 โรคน่ำรู้ พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 26 52 สขุ บัญญัติแห่งชาติ 2 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 พ.5.1 ป.5/5 หนว่ ยที่ 10 กฬี ำไทย (ตะกร้อ) 27 53 การเลน่ ลูกด้วยขา้ งเท้าดา้ นใน 2 พ4.1 ป.5/1 หน่วยท่ี 6 โรคน่ำรู้ พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 27 54 โรคไขห้ วัดและโรคไข้หวดั ใหญ่ พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 พ.5.1 ป.5/5 หนว่ ยท่ี 10 กีฬำไทย (ตะกร้อ) พ4.1 ป.5/1 28 55 การเล่นลูกด้วยขา้ งเท้าด้านใน 3 พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 หน่วยที่ 6 โรคน่ำรู้ พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 28 56 โรคไขเ้ ลอื ดออกและโรคลมพิษ พ.5.1 ป.5/5 หน่วยที่ 10 กฬี ำไทย (ตะกร้อ) พ4.1 ป.5/1 29 57 การเล่นลูกดว้ ยข้างเทา้ ดา้ นใน 4 พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 หนว่ ยที่ 6 โรคนำ่ รู้ พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 29 58 โรคฟนั ผแุ ละโรคปรทิ นั ต์ พ.5.1 ป.5/5 หน่วยที่ 10 กีฬำไทย (ตะกร้อ) พ4.1 ป.5/4 30 59 การเลน่ ลูกด้วยหลงั เท้า 1 หน่วยที่ 6 โรคน่ำรู้ การปฏบิ ัติตนเพ่ือปอ้ งกนั โรคทพี่ บบอ่ ยใน 30 60 ชีวติ ประจาวนั

สปั ดำหท์ ่ี ชวั่ โมงท่ี หนว่ ยกำรเรียนร/ู้ เรอ่ื ง มฐ/ตัวช้ีวัด หนว่ ยท่ี 10 กีฬำไทย (ตะกร้อ) พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 31 61 การเลน่ ลกู ด้วยหลงั เทา้ 2 พ.5.1 ป.5/5 หนว่ ยที่ 6 โรคน่ำรู้ พ4.1 ป.5/4 31 62 การปฏิบตั ิตนเพื่อป้องกันโรคทพี่ บบอ่ ยใน ชีวติ ประจาวนั พ3.1 ป.5/5 ป.5/6 พ3.2 ป.5/1 ป.5/2 ป.5/3 ป.5/4 หนว่ ยที่ 10 กีฬำไทย (ตะกร้อ) พ.5.1 ป.5/5 32 63 การเลน่ ลูกด้วยเขา่ 1 พ4.1 ป.5/4 หนว่ ยที่ 6 โรคน่ำรู้ การปฏิบัติตนเพอื่ ปอ้ งกนั โรคทพี่ บบ่อยใน 32 64 ชีวิตประจาวนั รูปแบบ/เทคนิค /กระบวนกำร/ วธิ กี ำรสอน 1.อธิบาย 2.อภิปราย 3.สาธติ 4.จัดกลุ่ม 5.เกม 6.วิเคราะห์ 7.การเรียนรแู้ บบรว่ มมอื 8.การสบื คน้ ความรู้ 9.การคน้ คว้าด้วยตนเอง

กำรวดั และประเมนิ ผล คะแนนระหวา่ งภาค : ปลายภาค = 80 : 20 โดยแบ่งดังน้ี วธิ กี ารเก็บคะแนน หน่วยท่ีเกบ็ คะแนน ครัง้ ท่ี คะแนน ประเภทเคร่ืองมือ 1.คะแนนเกบ็ ก่อนกลำงปี 1.1 ระบบในรา่ งกาย 10 แบบประเมินชิ้นงาน 1.2 สายใยครอบครัว 10 แบบประเมินชิ้นงาน 1.3 เข้าใจรูปแบบการเคลื่อนไหว 10 แบบทดสอบ 1.4 กฬี าสากล (วอลเลยบ์ อล) 10 แบบทดสอบ 2. สอบกลำงปี 10 ข้อสอบ 3.คะแนนหลงั กลำงปี 3.1 ใสใ่ จสุขภาพ 5 แบบประเมนิ ช้ินงาน 3.2 โรคนา่ รู้ 10 แบบประเมนิ ชิ้นงาน 3.3 ยาและสารเสพติด 5 แบบประเมินชน้ิ งาน 3.4 อทิ ธิพลของสื่อ 5 แบบประเมินชน้ิ งาน 3.5 สมรรถภาพทางกาย 5 แบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย 3.5 กฬี าไทย (ตะกร้อ) 10 แบบทดสอบ 4. สอบปลำยปี 10 ข้อสอบ 100 รวม ส่อื /แหล่งเรียนรู้ Internet ห้องสมุดโรงเรยี นวัดพืชนิมติ (คาสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ารุง) อื่นๆ แบบเรียน หนังสอื เรียนรายวิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี5 สถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

แผนผงั มโนทศั นเ์ ป้าหมายการเรยี นร้/ู หลกั ฐานการเรยี นรู้ ควำมรู้ (Knowledge : K) ทกั ษะ/กระบวนการ (Process : P) คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1.อธิบายหลกั สุขบญั ญัติแหง่ ชาติ 10 ขอ้ ได้ ๑.แสดงการปฏบิ ตั ติ นตามหลักสุขบัญญตั ิ 1.มีวนิ ัย อยา่ งถูกต้อง (K) แห่งชาติได้อยา่ งถูกต้อง (P) ๒.ใฝเ่ รียนรู้ 2.อธิบายการปฏบิ ัติตนเพ่ือป้องกนั โรคไข้หวัด 2.แสดงการปฏบิ ัติตนในการป้องกันโรค ๓.มงุ่ มัน่ ในการทางาน และโรคไข้หวัดใหญไ่ ด้อย่างถูกตอ้ ง (K) ไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่ได้อยา่ งถูกต้อง ๔.มีจติ สาธารณะ ๓.อธิบายการปฏบิ ัตติ นเพ่ือป้องกัน (P) ๕.อยอู่ ย่างพอเพยี ง โรคไข้เลือดออก โรคลมพิษ และโรคติดเชือ้ ๓.แสดงการปฏิบตั ิตนในการป้องกันโรค ไวรสั โคโรนา๒๐๑๙ ได้อย่างถูกต้อง (K) ไขเ้ ลือดออก โรคลมพษิ โรคติดเชอื้ ไวรัส ๔.อธิบายการปฏิบตั ิตนเพ่ือป้องกนั โรคฟันผุ โคโรนา๒๐๑๙ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P) และโรคปรทิ ันต์ได้อย่างถูกต้อง (K) 4.แสดงการปฏบิ ตั ิตนในการป้องกันโรค 5.ศึกษาสรรพคุณสมนุ ไพรในชมุ ชน ท่ีเปน็ ฟนั ผุและโรคปรทิ ันต์ได้อย่างถกู ต้อง (P) สว่ นผสมในการทาสบ่เู หลว (K) 5.ทาสบู่เหลวจากสมนุ ไพรในชมุ ชน (P) ๖.ออกแบบนวัตกรรมสาหรับใสส่ บู่เหลว (K) ๖.สร้างนวัตกรรมสาหรบั ใส่สบ่เู หลว (P) เป้าหมายการเรยี น เรอื่ งโรคนำ่ รู้ หลักฐานการเรียนรู้ ๑.อดั วีดีโอ เรือ่ งการล้างมอื ๗ ขั้นตอน ๒.สบเู่ หลวลา้ งมอื จากสมุนไพร ๓.นวตั กรรมใส่สบู่เหลว ๔.แบบทดสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน

แผนผังมโนทศั น์ขั้นตอนการทากจิ กรรมประกอบการจัดการเรยี นร้ดู ้วย การจัดการเรยี นรู้ตามหลกั การพฒั นาสมอง BBL (Brain-based Learning : BBL) ศึกษามาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวดั และจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ทาแบบทดสอบก่อนเรียน ทากจิ กรรมโดยใช้กระบวนการจัดการเรยี นรูต้ ามหลกั การพฒั นาสมอง BBL ข้ันท่ี 1 ขนั้ อนุ่ เครอ่ื ง Warm-up Stage ขนั้ ที่ 2 ขั้นเรยี นรู้ Learning Stage ข้ันท่ี 3 ข้นั ฝึก Practice Stage (explanation) ข้ันท่ี 4 ขน้ั สรปุ Conclusion Stage ขนั้ ที่ 5 ขั้นนำไปใช้ Application Stage 4 HI Education

ผังมโนทศั น์ หนว่ ยการเร แผนที่ ๑ หลักสุขบญั ญตั แิ ห่งชาติ จานวน ๒ ช่วั โมง แผนที่ 3 โรคไข้เลือดออก หนว่ ยกา โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา๒๐๑๙ โรค โรคลมพษิ จานวน จานวน ๑ ชัว่ โมง แผนท่ี 5 กำรปฏบิ ัตติ นในกำรป้องกันโรค จานวน ๓ ช่วั โมง ภำษำไทย การเรยี นร้แู 1.พดู แสดงความคิดเหน็ และตอบคาถาม อา่ นและสะกดคาถูกต้อง การเรียนรู้แบ 2. เขียนตอบคาถามกิจกรรม ภาษาอังกฤษ ๑.นำเสนอผลงำนเปน็ ภำษำอังกฤษ

รียนรู้ท่ี ๖ โรคนา่ รู้ แผนท่ี 2 โรคไข้หวดั และไข้หวัดใหญ่ จานวน ๑ ชว่ั โมง ารเรียนรทู้ ี่ ๖ คน่ารู้ แผนท่ี 4 โรคฟันผแุ ละโรคปรทิ ันต์ น ๘ ช่วั โมง จำนวน 1 ช่ัวโมง แบบบูรณาการ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.กำรทดลองทำสบเู่ หลว บบบูรณาการ วทิ ยาการคานวณ ษ ๑.กำรเรยี งลำดับขนั้ ตอนกำรทำสบเู่ หลว

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา วชิ าสุขศกึ ษา ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ เรอื่ งโรคนา่ รู้ เวลา ๘ ชั่วโมง 1. มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคณุ ค่าและมที ักษะในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ การดารงสุขภาพ การป้องกนั โรค และการสร้างเสริมสมรรถภาพเพ่ือสขุ ภาพ ตวั ชี้วดั ป.5/1 แสดงพฤติกรรมที่เหน็ ความสาคัญของการปฏบิ ตั ิตนตามสขุ บญั ญัติแหง่ ชาติ ป.5/4 ปฏบิ ัติตนในการปอ้ งกันโรคทพ่ี บบ่อยในชวี ิตประจาวัน 2.สำระสำคญั การรู้จักดูแลตนเอง และปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสมในการป้องกันโรคจะช่วยให้มีสุขภาพกาย และจติ ใจทส่ี มบูรณแ์ ขง็ แรง ไม่เจบ็ ป่วยไดง้ ่าย ดารงชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมีความสุข 3. สำระกำรเรยี นรู้ 1.สุขบัญญัติแหง่ ชาติ 2.โรคไขห้ วดั 3.โรคไข้หวดั ใหญ่ 4.โรคไข้เลือดออก 5.โรคลมพิษ 6.โรคฟนั ผุ 7.โรคปรทิ นั ต์ ๘.โรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ 9.การปฏบิ ตั ติ นในการป้องกันโรค 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ๑.ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร ๒.ควำมสำมำรถในกำรคิด ๓.ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวิต ๔.ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ ๕.ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1.มีวนิ ัย ๒.ใฝ่เรยี นรู้ ๓.มงุ่ ม่นั ในการทางาน ๔.มีจติ สาธารณะ ๕.อยอู่ ย่างพอเพยี ง

6. ชน้ิ งำน/ภำระงำน ๑.อัดวดี ีโอเรือ่ งขั้นตอนการล้างมอื ๒.การทาสบ่เู หลวจากสมนุ ไพร ๓.นวัตกรรมใส่สบเู่ หลว 7. กำรวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๖ แบบทดสอบ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๖ (ประเมินตามสภาพ จรงิ ) ตรวจวดี ีโอเร่อื งขน้ั ตอนการล้างมอื แบบประเมินชิ้นงาน ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจข้นั ตอนการทาสบเู่ หลวจากสมนุ ไพร แบบประเมนิ ชน้ิ งาน รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ตรวจนวตั กรรมใส่สบเู่ หลว แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานราย ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ กลมุ่ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานราย ระดบั คุณภาพ 2 กลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ มัน่ ในการทางาน แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึง ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ มจี ิตสาธารณะ อยู่อย่างพอเพียง ประสงค์ 8. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ กจิ กรรมที่ 1 หลกั สุขบญั ญตั ิแหง่ ชำติ (ชวั่ โมงท่ี ๑) ๑. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ๒. นกั เรยี นร่วมกนั สงั เกตภาพการปฏิบัตติ นทีถ่ ูกต้องในการดแู ลสขุ ภาพ และรว่ มกันตอบคาถาม ๓. ตัวแทนนกั เรยี น 2-3 คน ออกมาเล่าประสบการณเ์ กี่ยวกบั การดแู ลสขุ ภาพของตนเองใหเ้ พื่อน ๆ ฟังหน้าช้นั เรยี น 4. นักเรยี นร่วมกันรบั ฟังเก่ียวกับความหมายของหลักสขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาติ ๕. นกั เรยี นร่วมกนั สงั เกตบัตรคาสขุ บญั ญตั ิแหง่ ชาตขิ ้อ 1-10 บนกระดาน จากนน้ั ตัวแทนนักเรียน ทลี ะคนออกมาหยบิ แถบประโยคการปฏบิ ตั ิตนตามสุขบญั ญัตแิ ห่งชาตแิ ละอ่านใหเ้ พื่อนฟัง แลว้ นาไปตดิ ใหต้ รงกบั ข้อมูลสขุ บัญญัตแิ ห่งชาตขิ อ้ 1-10 และช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง ถ้าหากไม่ตรงให้เปล่ียน เพ่ือนคนอนื่ มาตดิ แทนจนกวา่ จะถูก ๖. นักเรยี นบันทกึ กำรปฏบิ ตั ิตนตำมหลักสุขบญั ญัตแิ หง่ ชำติของตนเองลงสมุด (ช่วั โมงท่ี ๒) ๑. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ๆละ ๗ คนแสดงวธิ ีการล้างมือ ๗ ขน้ั ตอน พร้อมบอกขนั้ ตอนเปน็ ภาษาองั กฤษ ๒. นกั เรียนอัดวดี โี อแสดงวธิ ีการล้างมือ ๗ ขัน้ ตอน ๓. นักเรยี นรว่ มกันสรุปส่งิ ทีเ่ ข้ำใจเป็นควำมรู้ร่วมกัน ๔. นักเรยี นนำกำรล้ำงมือ ๗ ขั้นตอนไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั เพอื่ ป้องกันโรคตดิ ต่อ

กจิ กรรมที่ ๒ โรคไข้หวัดและไขห้ วัดใหญ่ (ช่ัวโมงท่ี ๓) ๑. นกั เรยี นร่วมกนั สารวจเกย่ี วกับการปฏิบตั ิกิจวัตรต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวันท่อี าจเป็นสาเหตุ ของการเกิดโรคไข้หวดั โดยการตอบคาถาม ๒. นกั เรียนรว่ มกนั สารวจเกย่ี วกับลกั ษณะอาการเบ้ืองต้นที่อาจแสดงถึงการเป็นโรคไขห้ วัด ๓. นักเรยี นรว่ มกนั สังเกตภาพคนกาลงั จาม จากนั้นรว่ มกนั สนทนา ๔. นกั เรยี นดวู ดี โี อเรือ่ งโรคไขห้ วดั ใหญ่ ๕. นักเรียนวดี ีโอเร่ืองควำมแตกต่ำงของโรคไขห้ วดั และโรคไขห้ วัดใหญ่ ๖. นกั เรียนตอบคาถามเกี่ยวกับโรคไข้หวดั และโรคไขห้ วัดใหญ่ลงสมดุ ๗. นักเรียนรว่ มกนั สรปุ ส่งิ ทเี่ ข้ำใจเป็นควำมรู้รว่ มกัน ดังน้ี ๘. นกั เรียนนำวธิ ีกำรปอ้ งกันตนเองจำกโรคไข้หวดั และโรคไข้หวดั ใหญ่ไปใช้ในชีวติ ประจำวนั กิจกรรมที่ ๓ โรคไข้เลือดออกและโรคลมพิษ (ช่ัวโมงท่ี ๔) ๑. นกั เรียนรว่ มกนั สงั เกตสิ่งแวดลอ้ มบรเิ วณบ้านของนักเรียน และร่วมกันตอบคาถาม ๒. นกั เรยี นร่วมกนั สงั เกตภาพเด็กนอนไม่กางมุ้ง และภาพเด็กนอนกางมุ้ง จากน้ันร่วมกัน สนทนาเกีย่ วกับภาพ ๓. นกั เรียนดวู ีดโี อเรอ่ื งโรคไขเ้ ลือดออก ๔. อธิบายเพ่ิมเติมเก่ยี วกบั การกาจัดลูกน้ายงุ ลายโดยใชห้ ลัก 5 ป 1 ข ๕. นักเรยี นวดี ีโอเรือ่ งโรคลมพิษ ๖. นักเรยี นรว่ มกันแสดงควำมคิดเห็นเกีย่ วกบั สำเหตุของกำรเป็นโรคลมพิษ โดยกำรตอบคำถำม ๗. นักเรยี นดวู ีดีโอเรอื่ งโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ จำกน้นั ร่วมกันตอบคำถำม ๘. นกั เรียนทาหมวกรณรงค์เรื่องการกาจดั ลูกนา้ ยุงลาย ๙. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปสง่ิ ท่เี ข้ำใจเป็นควำมรู้ร่วมกัน ดังน้ี ๑๐.นกั เรยี นนำวิธีกำรปอ้ งกนั ตนเองจำกโรคไขเ้ ลือดออกและโรคลมพิษไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั กิจกรรมท่ี ๔ โรคฟนั ผแุ ละโรคปรทิ นั ต์ (ชั่วโมงท่ี ๕) ๑. นักเรยี นสังเกตภาพฟนั ผุแล้วร่วมกันสนทนาเก่ียวกับภาพดงั กลา่ ว โดยตอบคาถาม ๒. นักเรียนสังเกตภาพเหงือกอกั เสบแลว้ ร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกับภาพดังกลา่ ว ๓. นกั เรยี นรบั ฟังสถานการณ์เก่ยี วกบั โรคฟันผุ และร่วมกันแสดงความคิดเหน็ ๔. นกั เรยี นดูวีดโี อเรื่องโรคปรทิ นั ต์ ๕. ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกับภาพเหงือกอักเสบว่าถ้าไม่อยากเปน็ เหมือนในวีดีโอต้องแปรงฟนั หลงั จากตื่นนอน หลงั อาหารทุกมื้อและกอ่ นนอนใหส้ ะอาดนอกจากนีค้ วรดูแลเหงือกของตนใหด้ ี ด้วยการไม่ รบั ประทานขนมปงั หรืออาหารท่ที าให้เกิดแผน่ คราบมัน เพราะส่งิ เหล่าน้ีจะทาให้เหงือกอักเสบและปวด ทรมานได้ ๖. นกั เรยี นตอบคาถามพัฒนากระบวนการคิดเก่ยี วกับโรคปรทิ ันต์และโรคฟันผุลงสมดุ ๗. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ สง่ิ ทเ่ี ข้ำใจเปน็ ควำมร้รู ่วมกนั ๘.นกั เรียนนำวธิ ีกำรแปรงฟันทถ่ี ูกต้องไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน

กิจกรรมท่ี ๕ การป้องกันโรค (ชั่วโมงท่ี ๖) ๑.นักเรยี นร่วมกนั สารวจและแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับการปฏบิ ตั กิ จิ วัตรตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวันที่ อาจเปน็ สาเหตขุ องการเกิดโรคติดตอ่ ๒.นกั เรียนจะมวี ิธีการปฏิบัติตนอยา่ งไรเพื่อปอ้ งกันโรคติดต่อ ๓.นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ศึกษำค้นควำ้ กำรทำสบู่เหลวล้ำงมือ โดยใช้สมุนไพรท่ีหำง่ำยในชุมชน ๔.นักเรียนแตล่ ะกลุ่มวำงแผนค้นคว้ำสรรพคุณของสมนุ ไพรทีก่ ลุ่มของนักเรยี นสนใจ และเขียนลำดบั ขน้ั ตอนกำรทำสบูเ่ หลวลำ้ งมือจำกสมุนไพร (ชวั่ โมงที่ ๗) ๑.นกั เรยี นเข้ำกลุ่มเดมิ แต่ละกลุ่มเลน่ เกมCoding อะไรเอ่ย? โดยนำลูกศรตดิ บนกระดำนจำกจุดเรม่ิ ต้น จนถึงจุดสิ้นสุด หำกเดนิ ผ่ำนเคร่ืองหมำยอะไรเอ่ย? ให้ตอบคำถำม หำกตอบผดิ ไม่ได้ไปต่อ กลุ่มใดถึงจุดสิ้นสุด กอ่ นเป็นฝ่ำยชนะ ๒.นักเรียนนำแถบประโยคบนกระดำน เรียงลำดบั ขั้นตอนกำรทำสบู่เหลวจำกสมนุ ไพร ลงในใบงำน อัลกรอลทิ มึ ๔.ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบควำมถูกต้องและสรุปขั้นตอนทำสบู่เหลว ล้ำงมือจำกสมุนไพร ตำมลำดบั ขน้ั ๓.นกั เรยี นศกึ ษำบทเรียนมลั ตมิ เี ดยี เร่ืองกำรปอ้ งกนั โรค ๔.นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มทดลองทำสบเู่ หลวล้ำงมอื จำกสมนุ ไพร ตำมลำดบั ขน้ั ตอนทีว่ ำงแผน (ช่ัวโมงที่ ๘) ๑.นกั เรยี นศกึ ษำบทเรียนมลั ตมิ ีเดีย ๒.นักเรียนออกแบบนวตั กรรมสำหรับใสส่ บเู่ หลว จำกวดั หุ รือใช้หรอื วัสดุธรรมชำตใิ นชมุ ชน ๓.นักเรียนลงมอื สร้ำงนวัตกรรมสำหรับใส่สบู่เหลว ๔.นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น

9. ส่อื / แหล่งเรยี นรู้ -หนงั สือเรียนสขุ ศกึ ษำ ป.5 -ภาพการปฏิบตั ติ นที่ถูกต้องในการดูแลสขุ ภาพ -แถบประโยคสขุ บญั ญัติแหง่ ชาติ -ภาพคนกาลงั จาม -วดี โี อเร่อื งโรคไขห้ วัดใหญ่ http://www.khonkaenram.com/th/services/health-information/health-articles/influenza -วดี ีโอเรอื่ งควำมแตกต่ำงของโรคไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่ https://health-thailand.com -ภาพเด็กนอนไมก่ างม้งุ -วดี โี อเรือ่ งโรคไข้เลือดออก https://www.youtube.com/watch?v=c0Zi6r2eVaU&feature=emb_logo -วดี ีโอเรอ่ื งโรคลมพิษ https://www.youtube.com/watch?v=CUwVrXuSXv4 -วีดีโอเรือ่ งโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙https://www.youtube.com/watch?v=2VISntl0pBU -ภาพฟนั ผุ -ภาพเหงือกอักเสบ -วดี ีโอเรอ่ื งโรคปริทนั ต์ https://www.youtube.com/watch?v=Dql94tBNWQE -สถานการณ์เก่ียวกับโรคฟนั ผุ -แถบประโยค -ใบงำนอัลกรอลิทมึ -บทเรยี นมลั ติมเี ดีย -เกม Coding อะไรเอย่ ? -บัตรคาถาม

ข้อสอบก่อนเรยี น (Pre test) กลมุ่ สาระการเรยี นร้สู ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา วชิ าสขุ ศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ คะแนนเตม็ ๑๐ คะแนน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ เรื่องโรคน่ารู้ ตัวช้ีวดั ป.5/1 แสดงพฤติกรรมท่ีเห็นควำมสำคญั ตัวช้วี ัด ป.5/4 ปฏบิ ัติตนในกำรปอ้ งกนั โรคทพ่ี บ ของกำรปฏิบตั ติ นตำมสขุ บัญญตั แิ ห่งชำติ บ่อยในชีวติ ประจำวัน ๑. การเลน่ ดนตรเี ป็นการปฏิบัตติ ามหลักสุขบัญญัติ 6. การกระทาในข้อใดเปน็ การปฏบิ ตั ติ นเพอ่ื ป้องกนั แห่งชาติที่ก่อใหเ้ กิดประโยชน์อย่างไร โรคปริทนั ต์ ก. ร่างกายแข็งแรง ก. ใชแ้ ปรงสฟี นั ทมี่ รี าคาแพง ๆ ข. สง่ิ แวดลอ้ มสะอาด ข. แปรงฟนั แรง ๆ เพื่อใหฟ้ นั สะอาด ค. สขุ ภาพจติ ดแี ละมคี วามสุข ค. ไปพบทนั ตแพทย์เพอื่ ขูดหินปูนทุก ๆ เดือน ง. ลดความเสี่ยงจากอุบตั ิเหตุ ง. หลีกเล่ียงอาหารหวานและเหนียว หรอื ชา ๒. การกระทาในข้อใดไม่ถูกต้องตามหลักสุขบัญญตั ิ กาแฟ แหง่ ชาติ ๗. บคุ คลใดมีโอกาสเปน็ โรคไขเ้ ลือดออกมากทสี่ ุด ก. วง่ิ ข้ามถนน ก. นอนกางมงุ้ ข. รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ข. อยู่ในทสี่ ว่างโล่งมลี มพัด ค. ออกกาลังกายเป็นประจาทุกสัปดาห์ ค. กาจดั แหล่งเพาะพนั ธ์ุยงุ ลายอยูเ่ สมอ ง. ไม่สูบบุหร่ีและด่ืมสรุ าเมื่อเพ่ือนชวน ง. นอนในห้องทีม่ ืดทึบ ไมม่ อี ากาศถ่ายเท ๓. ข้อใดไม่ใช่หลักปฏิบัตติ ามสขุ บัญญตั แิ หง่ ชาติ ๘. การดแู ลตนเองไม่ถูกต้องเม่ือเจบ็ ปว่ ยจะส่งผล ก. หลีกเลี่ยงหรอื งดการดืม่ สรุ า อยา่ งไร ข. งดรบั ประทานอาหารนอกบา้ น ก. หายเจบ็ ป่วยเรว็ ขน้ึ ค. หลกี เล่ยี งการรับประทานอาหารสฉี ูดฉาด ข. อาการเจบ็ ปว่ ยหายช้า ง. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ ค. รับประทานอาหารไดม้ ากข้ึน ๔. การปฏิบตั ติ นตามหลกั สุขบัญญตั ิแหง่ ชาตจิ ะ ง. จติ ใจและอารมณร์ ่าเรงิ แจ่มใส ส่งผลอย่างไร ๙. เม่ือป่วยเป็นโรคไขห้ วัดควรดแู ลรกั ษาตนเอง ก. เกิดโรคได้ง่าย เบอ้ื งตน้ อย่างไร ข. ร่างกายเจรญิ เติบโตชา้ ก. เชด็ ตัวลดไขแ้ ละนอนหลับพักผ่อน ค. ทาใหป้ ระสบอบุ ัตภิ ัยได้ ข. ออกกาลังกายและรับประทานยา ง. ทาให้มสี ขุ ภาพกายและจิตใจสมบรู ณ์ ค. อาบน้าสระผมวนั ละหลายครั้ง แข็งแรง ง. ดม่ื น้าร้อนมาก ๆ ๕. ถ้าเกดิ ปญั หาขึน้ ในครอบครวั ควรปฏบิ ัติตามหลัก ๑๐. ข้อใดเป็นวธิ ดี แู ลตนเองเมอ่ื เป็นโรคลมพษิ สขุ บญั ญตั แิ หง่ ชาติขอ้ ใด ก. รับประทานยาแกป้ วดทุก 4 ชั่วโมง ก. หลกี เล่ยี งการพบปะพูดคยุ กนั ข. ใชผ้ า้ ชุบน้าเย็นประคบ ข. ร่วมกนั แก้ไขปญั หาในครอบครัว ค. อาบน้าบ่อย ๆ ค. ตัดสนิ ปัญหาดว้ ยการใช้กาลงั รุนแรง ง. ใชแ้ ป้งเย็นทา ง. ให้บุคคลอน่ื เป็นผตู้ ดั สนิ และแกไ้ ขปัญหาแทน เฉลย 1.ค ๒.ก ๓.ข ๔.ง ๕.ข ๖.ง ๗.ง ๘.ข ๙.ก ๑๐.ข

ข้อสอบก่อนเรียน (Post test) กลุ่มสาระการเรยี นร้สู ุขศึกษาและพลศึกษา วชิ าสุขศึกษา ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๖ เร่ืองโรคน่ารู้ ตัวช้วี ดั ป.5/1 แสดงพฤตกิ รรมทีเ่ หน็ ควำมสำคัญ ตัวชว้ี ัด ป.5/4 ปฏบิ ตั ิตนในกำรปอ้ งกนั โรคทพี่ บ ของกำรปฏิบตั ติ นตำมสขุ บัญญัติแหง่ ชำติ บ่อยในชีวติ ประจำวนั ๑. การเลน่ ดนตรเี ป็นการปฏิบัตติ ามหลักสุขบัญญัติ 6. การกระทาในข้อใดเป็นการปฏบิ ัตติ นเพื่อป้องกัน แห่งชาตทิ ี่ก่อใหเ้ กิดประโยชน์อย่างไร โรคปรทิ ันต์ ก. รา่ งกายแข็งแรง ก. ใชแ้ ปรงสฟี นั ทมี่ ีราคาแพง ๆ ข. ส่ิงแวดล้อมสะอาด ข. แปรงฟนั แรง ๆ เพื่อให้ฟนั สะอาด ค. สุขภาพจติ ดีและมคี วามสุข ค. ไปพบทันตแพทย์เพ่อื ขูดหนิ ปูนทุก ๆ เดอื น ง. ลดความเสย่ี งจากอบุ ัตเิ หตุ ง. หลีกเลย่ี งอาหารหวานและเหนยี ว หรือชา ๒. การกระทาในข้อใดไม่ถูกต้องตามหลักสขุ บญั ญตั ิ กาแฟ แห่งชาติ ๗. บคุ คลใดมีโอกาสเปน็ โรคไข้เลือดออกมากท่สี ดุ ก. ว่ิงขา้ มถนน ก. นอนกางมงุ้ ข. รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ข. อยใู่ นท่ีสว่างโลง่ มีลมพัด ค. ออกกาลังกายเปน็ ประจาทุกสัปดาห์ ค. กาจดั แหล่งเพาะพันธ์ยุ งุ ลายอยู่เสมอ ง. ไมส่ บู บุหรี่และดื่มสุราเม่ือเพื่อนชวน ง. นอนในห้องทมี่ ืดทบึ ไมม่ อี ากาศถา่ ยเท ๓. ขอ้ ใดไม่ใช่หลกั ปฏิบัตติ ามสขุ บัญญตั ิแหง่ ชาติ ๘. การดูแลตนเองไม่ถูกต้องเมื่อเจ็บปว่ ยจะสง่ ผล ก. หลกี เลย่ี งหรอื งดการดม่ื สรุ า อยา่ งไร ข. งดรบั ประทานอาหารนอกบ้าน ก. หายเจบ็ ป่วยเรว็ ขนึ้ ค. หลกี เลี่ยงการรับประทานอาหารสีฉูดฉาด ข. อาการเจ็บป่วยหายช้า ง. หลีกเลีย่ งการรบั ประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ค. รบั ประทานอาหารได้มากขึ้น ๔. การปฏิบตั ติ นตามหลักสุขบัญญตั แิ ห่งชาติจะ ง. จิตใจและอารมณร์ ่าเรงิ แจม่ ใส สง่ ผลอย่างไร ๙. เมื่อปว่ ยเป็นโรคไขห้ วดั ควรดูแลรักษาตนเอง ก. เกดิ โรคไดง้ ่าย เบ้ืองตน้ อย่างไร ข. ร่างกายเจริญเติบโตชา้ ก. เช็ดตัวลดไข้และนอนหลับพักผ่อน ค. ทาให้ประสบอุบัตภิ ยั ได้ ข. ออกกาลงั กายและรบั ประทานยา ง. ทาใหม้ สี ขุ ภาพกายและจิตใจสมบรู ณ์ ค. อาบน้าสระผมวนั ละหลายครั้ง แข็งแรง ง. ดมื่ นา้ ร้อนมาก ๆ ๕. ถ้าเกดิ ปัญหาขนึ้ ในครอบครวั ควรปฏบิ ตั ิตามหลัก ๑๐. ข้อใดเป็นวธิ ีดูแลตนเองเมือ่ เปน็ โรคลมพษิ สุขบญั ญตั ิแห่งชาติขอ้ ใด ก. รับประทานยาแกป้ วดทุก 4 ช่ัวโมง ก. หลีกเลี่ยงการพบปะพูดคยุ กนั ข. ใช้ผ้าชบุ นา้ เยน็ ประคบ ข. ร่วมกนั แก้ไขปัญหาในครอบครัว ค. อาบนา้ บ่อย ๆ ค. ตดั สนิ ปัญหาดว้ ยการใช้กาลังรนุ แรง ง. ใช้แป้งเยน็ ทา ง. ใหบ้ ุคคลอน่ื เป็นผูต้ ดั สนิ และแกไ้ ขปัญหาแทน เฉลย 1.ค ๒.ก ๓.ข ๔.ง ๕.ข ๖.ง ๗.ง ๘.ข ๙.ก ๑๐.ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา วิชาสุขศกึ ษา ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๖ เวลา ๒ ชั่วโมง เรอ่ื งหลกั สุขบัญญัตแิ ห่งชาติ ๑. สาระสาคัญ คนทุกคนต้องกำรมีสุขภำพดีสมบูรณ์ท้ังทำงร่ำงกำย จิตใจ และอำรมณ์ เพ่ือให้มีชีวิตอยู่ในสังคมได้ อย่ำงปกติสุข กำรที่จะมีสุขภำพที่ดีได้น้ันเกิดจำกกำรปฏิบัติตนอย่ำงถูกต้องเหมำะสมตำมหลักสุขบัญญัติ แหง่ ชำตเิ พอ่ื ใหม้ สี ุขภำพดีไดต้ ำมตอ้ งกำร ๒. ตวั ชว้ี ดั ป.5/1 แสดงพฤติกรรมที่เหน็ ความสาคัญของการปฏบิ ตั ติ นตามสขุ บญั ญตั ิแหง่ ชาติ ๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.อธบิ ายหลักสขุ บัญญัตแิ หง่ ชาติ 10 ข้อได้อย่างถูกต้อง (K) 2.แสดงการปฏิบัติตนตามหลักสขุ บญั ญัติแห่งชาตไิ ด้อย่างถูกตอ้ ง (P) 3.แสดงความกระตอื รือรน้ ยมิ้ แยม้ แจม่ ใส ในขณะท่ีเรียน และฝึกหดั ดว้ ยความต้ังใจ (A) ๔. สาระการเรยี นรู้ 1.หลกั สขุ บัญญัตแิ หง่ ชาติ 2.ประโยชน์ของการปฏิบัติตนตามหลกั สุขบัญญตั แิ หง่ ชาติ 3.แนวทางการปฏิบตั ติ นตามหลักสุขบญั ญตั แิ ห่งชาติ ๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ๑.ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร ๒.ควำมสำมำรถในกำรคดิ ๓.ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวติ ๔.ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ ๕.ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี ๖. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1.ใฝ่เรยี นรู้ 2.มุง่ ม่ันในการทางาน 3.มวี ินยั ๔.มีจิตสำธำรณะ

๗. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นอ่นุ เครอ่ื ง Warm-up Stage (ช่ัวโมงท่ี ๑) ๑. นักเรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน ๒. นักเรยี นรว่ มกันสังเกตภาพการปฏิบตั ิตนทีถ่ ูกต้องในการดูแลสขุ ภาพ ดังน้ี ภาพที่ 1 ภาพท่ี 2 ภาพท่ี 3 ภาพท่ี 4 ภาพท่ี 5 ภาพท่ี 6 จากนัน้ รว่ มกันสนทนา โดยตอบคาถาม ดังน้ี -ภาพที่ 1 เป็นภาพอะไร (การอาบน้า) -ภาพที่ 2 เปน็ ภาพอะไร (การแปรงฟนั ) -ภาพท่ี 3 เปน็ ภาพอะไร (การล้างมือ) -ภาพที่ 4 เป็นภาพอะไร (การนอนหลับพกั ผ่อน) -ภาพท่ี 5 เป็นภาพอะไร (การท้งิ ขยะ) -ภาพท่ี 6 เปน็ ภาพอะไร (การออกกาลังกาย) ๓. ตวั แทนนกั เรียน 2-3 คน ออกมาเล่าประสบการณเ์ ก่ยี วกับการดแู ลสุขภาพของตนเองให้ เพ่ือน ๆ ฟงั หนา้ ชั้นเรียน แลว้ ตอบคาถาม -นักเรยี นร้จู ักหลกั สขุ บญั ญัตแิ ห่งชาตหิ รือไม่ (รูจ้ ัก/ไม่รู้จกั ) 4. นักเรียนร่วมกนั รบั ฟังเกย่ี วกับความหมายของหลักสขุ บัญญัติแห่งชาติ ดงั น้ี สขุ บญั ญัติแหง่ ชาติ หมายถงึ ข้อกาหนดทเ่ี ด็กและเยาวชนตลอดจนประชาชนท่วั ไปควรปฏบิ ัตอิ ยา่ ง สม่าเสมอจนเป็นสขุ นสิ ัย เพอ่ื ให้มสี ุขภาพดีท้ังทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ข้นั เรียนรู้ Learning Stage ๑. นักเรยี นร่วมกันสงั เกตบัตรคาสขุ บญั ญตั ิแห่งชาตขิ ้อ 1-10 บนกระดาน จากน้ันตัวแทนนกั เรียน ทีละคนออกมาหยิบแถบประโยคการปฏบิ ัติตนตามสุขบัญญัตแิ ห่งชาตแิ ละอ่านให้เพ่ือนฟัง แล้วนาไปติด ให้ตรงกับข้อมลู สุขบัญญัตแิ ห่งชาติข้อ 1-10 และช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ถา้ หากไม่ตรงให้เปลีย่ น เพอื่ นคนอืน่ มาติดแทนจนกว่าจะถกู

๒. นักเรยี นบนั ทกึ กำรปฏบิ ตั ิตนตำมหลกั สขุ บญั ญตั แิ ห่งชำติของตนเองลงสมดุ (ชั่วโมงที่ ๒) ๑. นักเรยี นแบง่ กลุ่มๆละ ๗ คนแสดงวธิ กี ารล้างมอื ๗ ขน้ั ตอน พร้อมบอกขั้นตอนเป็นภาษาองั กฤษ ขัน้ ฝกึ Practice Stage (ชว่ั โมงท่ี ๓-๕) ๑. นักเรียนแสดงวิธีการล้างมือ ๗ ขัน้ ตอน พรอ้ มบอกขนั้ ตอนเป็นภาษาอังกฤษและอัดวีดโี อ ข้นั สรปุ Conclusion Stage ๑. นกั เรียนร่วมกันสรุปสิง่ ทีเ่ ข้ำใจเปน็ ควำมรูร้ ว่ มกัน ดังนี้ กำรปฏิบตั ติ นตำมหลกั สุขบัญญัติแหง่ ชำติ ก่อใหเ้ กิดผลดีต่อสุขภำพทั้งทำงร่ำงกำย จติ ใจ อำรมณ์ และสังคม ขัน้ นาไปใช้ Application Stage ๑.นักเรยี นนำกำรล้ำงมือ ๗ ขั้นตอนไปใชใ้ นชีวิตประจำวันเพื่อป้องกนั โรคติดต่อ ๘. การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบกอ่ นเรียน (ประเมนิ ตามสภาพ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๖ หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี ๖ จริง) ตรวจวดี ีโอกำรล้ำงมอื ๗ ขนั้ ตอน แบบประเมินชน้ิ งำน รอ้ ยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำยกล่มุ แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำย ระดบั คุณภำพ 2 สังเกตควำมมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั ใน กลุ่ม ผ่ำนเกณฑ์ กำรทำงำน แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ ๙. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้ -หนงั สือเรียนสขุ ศกึ ษำ ป.5 -ภาพการปฏบิ ตั ิตนทีถ่ ูกตอ้ งในการดูแลสุขภาพ -แถบประโยคสุขบญั ญัตแิ หง่ ชาติ

ภำพกำรปฏิบตั ติ นท่ถี ูกตอ้ งในกำรดแู ลสุขภำพ

แถบประโยคสขุ บัญญตั ิแห่งชำติ

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา วชิ าสุขศึกษา ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๖ เวลา ๑ ช่ัวโมง เร่อื งโรคไข้หวัดและไขห้ วัดใหญ่ ๑. สาระสาคญั โรคไข้หวดั ใหญ่และโรคไข้หวดั ใหญ่สำยพันธ์ใุ หมเ่ ป็นโรคติดตอ่ ท่ีอันตรำยชนิดหน่งึ ดงั น้ัน กำรรู้สำเหตุ อำกำร กำรดแู ลรักษำตนเองเบอื้ งตน้ และกำรปฏิบตั ติ นเพื่อป้องกนั โรค จะชว่ ยป้องกนั หรอื ดแู ลรกั ษำอำกำร ของโรคไขห้ วดั ใหญ่ใหล้ ดลงได้ ๒. ตัวชี้วดั ป.5/4 ปฏิบัตติ นในการป้องกันโรคทพ่ี บบ่อยในชีวิตประจาวนั ๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1.อธบิ ายการปฏิบตั ิตนเพื่อป้องกนั โรคไข้หวดั และโรคไข้หวัดใหญไ่ ด้อยา่ งถกู ต้อง (K) 2.แสดงการปฏบิ ตั ิตนในการป้องกันโรคไข้หวดั และโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างถูกต้อง (P) 3.แสดงความกระตอื รือรน้ ยม้ิ แย้มแจม่ ใส ในขณะท่ีเรยี น และฝกึ หดั ด้วยความต้ังใจ (A) ๔. สาระการเรยี นรู้ 1.โรคไข้หวัด 2.โรคไขห้ วดั ใหญ่ ๕. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน ๑.ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ๒.ควำมสำมำรถในกำรคิด ๓.ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวติ ๔.ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ ๕.ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี ๖. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1.ใฝ่เรยี นรู้ 2.มุ่งม่นั ในการทางาน 3.มีวินัย ๔.มีจติ สำธำรณะ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ อุน่ เคร่ือง Warm-up Stage ๑. นักเรยี นรว่ มกันสารวจเก่ยี วกับการปฏิบัติกจิ วตั รตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวนั ที่อาจเป็นสาเหตุของ การเกดิ โรคไข้หวัด โดยตอบคาถาม ดงั นี้ -นกั เรียนเคยถูกผ้อู ่นื ไอหรือจามรดหรือไม่ (เคย/ไมเ่ คย)

-นกั เรยี นเคยใชส้ ิ่งของร่วมกับผูป้ ว่ ยหรอื ไม่ (เคย/ไม่เคย) -นักเรียนเคยออกไปเดนิ ตากฝนหรอื ไม่ (เคย/ไม่เคย) 2. นกั เรยี นร่วมกนั สารวจเกีย่ วกบั ลักษณะอาการเบ้ืองตน้ ท่ีอาจแสดงถึงการเป็นโรคไขห้ วัด โดยตอบ คาถาม ดังนี้ -นักเรยี นเคยมีอาการปวดหัว ตัวรอ้ น หรือไม่ (เคย/ไม่เคย) -นกั เรียนเคยมีอาการมไี ข้ น้ามูกไหล หรอื ไม่ (เคย/ไม่เคย) -นักเรยี นเคยมีอาการเจ็บคอ ไอ จาม หรือไม่ (เคย/ไม่เคย) ๓. นักเรยี นรว่ มกนั สงั เกตภาพคนกาลงั จาม จากนนั้ ร่วมกันสนทนา โดยตอบคาถาม -บคุ คลในภาพมีลักษณะอาการอย่างไร (กาลงั จามโดยไมป่ ดิ ปาก) -จากภาพ นักเรยี นคิดว่าเปน็ สาเหตใุ ห้เกิดโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ไดห้ รือไม่ (ได)้ ขน้ั เรยี นรู้ Learning Stage ๑. นกั เรยี นดูวีดีโอเรือ่ งโรคไขห้ วัดใหญ่ ๒. นักเรยี นวดี โี อเร่อื งควำมแตกตำ่ งของโรคไขห้ วดั และโรคไข้หวดั ใหญ่ ขั้นฝึก Practice Stage ๑. นกั เรียนตอบคาถามเกีย่ วกับโรคไข้หวดั และโรคไขห้ วัดใหญล่ งสมุด ขน้ั สรุป Conclusion Stage ๑. นักเรียนร่วมกันสรปุ สงิ่ ทเ่ี ข้ำใจเป็นควำมรู้ร่วมกัน ดังน้ี โรคไขห้ วดั ใหญ่และโรคไข้หวัดใหญ่สำยพนั ธใุ์ หมเ่ ป็นโรคติดต่อท่ีอนั ตรำยชนิดหนงึ่ ดงั น้ัน กำรรู้สำเหตุ อำกำร กำรดแู ลรักษำตนเองเบือ้ งตน้ และกำรปฏบิ ตั ิตนเพ่ือปอ้ งกนั โรค จะช่วยปอ้ งกนั หรือดแู ลรักษำอำกำร ของโรคไขห้ วัดใหญ่ใหล้ ดลงได้ ขัน้ นาไปใช้ Application Stage ๑.นกั เรียนนำวธิ กี ำรปอ้ งกนั ตนเองจำกโรคไขห้ วดั และโรคไข้หวัดใหญไ่ ปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน

๘. การวดั และประเมินผล วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดบั คุณภำพ 2 สังเกตควำมมวี ินัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมั่นใน รำยบุคคล ผ่ำนเกณฑ์ กำรทำงำน มีจิตสำธำรณะ แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ ๙. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ -หนังสือเรยี นสขุ ศึกษำ ป.5 -ภาพคนกาลงั จาม -วีดโี อเรอื่ งโรคไข้หวดั ใหญ่ http://www.khonkaenram.com/th/services/health-information/health-articles/influenza -วีดโี อเรอ่ื งควำมแตกตำ่ งของโรคไขห้ วดั และโรคไข้หวดั ใหญ่ https://health-thailand.com

ภำพคนกำลงั จำม

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๓ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา วชิ าสุขศกึ ษา ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๕ หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๖ เวลา ๑ ช่ัวโมง เรื่องโรคไขเ้ ลอื ดออก โรคลมพิษและโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ ๑. สาระสาคัญ โรคไข้เลอื ดออกเปน็ โรคทีเ่ ปน็ ปญั หำสำคญั ระดับประเทศ กำรรสู้ ำเหตุ อำกำร กำรปฏิบัตติ น และกำร ปอ้ งกันโรคไขเ้ ลือดออก จะชว่ ยให้ปัญหำควำมรุนแรงของโรคไข้เลือดออกลดลง โรคลมพิษมสี ำเหตุสว่ นใหญ่มำจำกกำรแพส้ ่งิ ต่ำง ๆ เรำจึงควรสงั เกตตนเองเพื่อใหท้ รำบว่ำแพ้สง่ิ ใด เพอ่ื ป้องกันกำรเกดิ โรคลมพษิ โรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ เปน็ โรคมคี วำมรุนแรงกับระบบทำงเดินหำยใจ และตดิ ต่อสกู่ นั ได้งำ่ ย เรำจึงควรล้ำงมอื บ่อยๆ ใส่หน้ำกำกอนำมัย และเว้นระยะห่ำงเพ่ือปอ้ งกันโรค ๒. ตัวชว้ี ดั ป.5/4 ปฏบิ ตั ิตนในการปอ้ งกันโรคที่พบบ่อยในชีวติ ประจาวนั ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.อธิบายการปฏบิ ัติตนเพื่อป้องกนั โรคไขเ้ ลือดออก โรคลมพิษและโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้อยา่ งถูกต้อง (K) 2.แสดงการปฏิบัติตนในการป้องกันโรคไขเ้ ลือดออก โรคลมพษิ และโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P) 3.แสดงความกระตือรือร้น ย้มิ แยม้ แจม่ ใส ในขณะทเ่ี รียน และฝึกหดั ดว้ ยความตั้งใจ (A) ๔. สาระการเรยี นรู้ 1.โรคไขเ้ ลือดออก 2.โรคลมพิษ ๓.โรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๑.ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร ๒.ควำมสำมำรถในกำรคดิ ๓.ควำมสำมำรถในกำรใชท้ กั ษะชวี ิต ๔.ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ ๕.ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี ๖. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1.ใฝ่เรียนรู้ 2.ม่งุ ม่นั ในการทางาน 3.มวี ินยั ๔.มีจิตสำธำรณะ

๗. กิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ อ่นุ เคร่อื ง Warm-up Stage ๑. นักเรยี นรว่ มกันสังเกตสงิ่ แวดล้อมบริเวณบา้ นของนักเรียน โดยตอบคาถาม ดงั นี้ -บรเิ วณรอบบ้านของนักเรียนมนี ้าขังที่ใดบา้ ง (แจกนั ดอกไม้ จานรองกระถางต้นไม้ โอ่ง หลมุ น้า) -ในแหล่งนา้ ขงั มลี ูกนา้ อยู่หรือไม่ (มี/ไม่ม)ี -ถา้ มนี ักเรยี นทาอย่างไร (เทน้าท้งิ กวาดให้แหง้ ) 2. นกั เรยี นรว่ มกนั สงั เกตภาพเด็กนอนไม่กางมงุ้ และภาพเด็กนอนกางม้งุ จากนัน้ รว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั ภาพ โดยตอบคาถาม -ภาพที่ 1 เปน็ ภาพอะไร (เดก็ นอนไม่กางมุ้ง ทาให้ถกู ยงุ กัด) -ภาพท่ี 2 เป็นภาพอะไร (เด็กนอนกางมุ้ง) -การปฏิบตั ขิ องเดก็ ในภาพใด ทาให้เกดิ โรคไข้เลือดออก (เด็กทีน่ อนไม่กางมุ้ง) -นักเรียนเคยถูกยุงกดั บ้างหรือไม่ (เคย/ไมเ่ คย) ขัน้ เรียนรู้ Learning Stage ๑. นกั เรียนดูวีดโี อเรอ่ื งโรคไขเ้ ลือดออก ๒. อธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั การกาจัดลูกน้ายุงลายโดยใชห้ ลัก 5 ป 1 ข ๓. นักเรยี นวีดโี อเร่อื งโรคลมพิษ ๔. นักเรียนรว่ มกนั แสดงควำมคดิ เหน็ เกี่ยวกบั สำเหตุของกำรเปน็ โรคลมพิษ โดยตอบคำถำม ดังน้ี -โรคลมพษิ มสี ำเหตุมำจำกอะไร (กำรแพส้ ่ิงตำ่ ง ๆ) -อำหำรใดอำจทำใหเ้ กิดอำกำรแพไ้ ด้ (อำหำรทะเล ผงชรู ส สำรกันบูด สผี สมอำหำร) -สตั วใ์ ดอำจทำให้เกดิ อำกำรแพ้ได้ (ผงึ้ ต่อ มด) -กำรสัมผัสกบั ส่ิงใดอำจทำใหเ้ กดิ อำกำรแพ้ได้ (ขนสัตวบ์ ำงชนิด พืชบำงชนิด สำรเคมบี ำงชนิด) -โรคลมพษิ มีลักษณะอยำ่ งไร (เปน็ ผ่ืน หรือปนื้ นูนแดงไมม่ ีขุย เป็นวงกลม วงรี มีอำกำรคันหรือเจ็บบริเวณทเ่ี ป็น) -โรคลมพิษสำมำรถเปน็ ได้ท่ใี ดบ้ำงบนรำ่ งกำย (เปน็ แคบ่ ำงส่วนของรำ่ งกำยหรอื สำมำรถเป็นได้ทั่วท้ังตัวพร้อมกนั ) ๕. นกั เรยี นดูวีดีโอเร่ืองโรคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙ และร่วมกนั แสดงควำมคดิ เห็น

ขนั้ ฝกึ Practice Stage ๑. นักเรียนทาแผน่ พับโรคติดเชือ้ ไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ ขนั้ สรปุ Conclusion Stage ๑. นกั เรียนร่วมกันสรุปสงิ่ ท่เี ข้ำใจเป็นควำมรรู้ ว่ มกนั ดังน้ี โรคไข้เลือดออกเปน็ โรคท่ีเปน็ ปัญหำสำคญั ระดบั ประเทศ กำรรู้วิธีปฏบิ ตั ติ น และกำรป้องกันโรค ไข้เลือดออก จะชว่ ยใหป้ ญั หำควำมรนุ แรงของโรคไขเ้ ลือดออกลดลง ส่วนโรคลมพิษมีสำเหตสุ ่วนใหญ่มำจำก กำรแพ้สงิ่ ตำ่ ง ๆ เรำจึงควรสังเกตตนเองเพ่ือใหท้ รำบวำ่ แพ้สง่ิ ใด เพอื่ ป้องกันกำรเกิดโรคลมพิษ โรคติดเช้อื ไวรัส โคโรนำ ๒๐๑๙ เปน็ โรคมคี วำมรุนแรงกับระบบทำงเดนิ หำยใจ และตดิ ต่อสู่กนั ได้งำ่ ยเรำจึงควรลำ้ งมอื บ่อยๆ ใส่หนำ้ กำกอนำมัย และเว้นระยะห่ำงเพื่อป้องกันโรค ขน้ั นาไปใช้ Application Stage ๑.นักเรยี นนำวธิ กี ำรปอ้ งกนั ตนเองจำกโรคไขเ้ ลือดออก โรคลมพษิ และโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ ไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ๘. การวัดและประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบคุ คล แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดบั คุณภำพ 2 สงั เกตควำมมีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มั่นใน รำยบคุ คล ผ่ำนเกณฑ์ กำรทำงำน มีจิตสำธำรณะ แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภำพ 2 ผำ่ นเกณฑ์ ๙. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ -หนังสอื เรยี นสขุ ศึกษำ ป.5 -ภาพเด็กนอนไม่กางมงุ้ -วดี ีโอเรือ่ งโรคไข้เลือดออก https://www.youtube.com/watch?v=c0Zi6r2eVaU&feature=emb_logo -วีดโี อเรื่องโรคลมพิษ https://www.youtube.com/watch?v=CUwVrXuSXv4 -วีดโี อเรอ่ื งโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนำ ๒๐๑๙https://www.youtube.com/watch?v=2VISntl0pBU

ภำพเด็กนอนไมก่ ำงม้งุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศึกษา วชิ าสขุ ศึกษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ เวลา ๑ ช่ัวโมง เรื่องโรคฟันผแุ ละโรคปรทิ นั ต์ ๑. สาระสาคัญ โรคฟันผุ เปน็ โรคที่เกดิ กบั ตวั ฟันซง่ึ ทำใหฟ้ ันผุเปน็ รสู ีดำ มีอำกำรปวดและเสยี วฟนั สำเหตุเกดิ จำกกำร แปรงฟนั ไมส่ ะอำดและรับประทำนอำหำรท่ีมีควำมหวำนมำกเปน็ ประจำ รวมทัง้ เศษอำหำรทต่ี ิดค้ำงตำมซอก ฟนั รวมทงั้ กำรดูแลรกั ษำฟันไมส่ ะอำด กำรสบู บุหรีจ่ ะส่งผลให้เกดิ โรคปรทิ ันตห์ รือเหงือกอักเสบ ๒. ตวั ชี้วดั ป.5/4 ปฏบิ ัติตนในการป้องกันโรคทพ่ี บบ่อยในชวี ิตประจาวัน ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.อธิบายการปฏบิ ัตติ นเพื่อป้องกนั โรคฟันผแุ ละโรคปริทนั ตไ์ ด้อย่างถูกต้อง (K) 2.แสดงการปฏบิ ัติตนในการป้องกนั โรคฟนั ผุและโรคปริทนั ตไ์ ด้อย่างถูกต้อง (P) 3.แสดงความกระตอื รือร้น ยิ้มแยม้ แจ่มใส ในขณะท่เี รยี น และฝึกหดั ดว้ ยความตั้งใจ (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 1.โรคฟันผุ 2.โรคปริทันต์ ๕. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน ๑.ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร ๒.ควำมสำมำรถในกำรคดิ ๓.ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวิต ๔.ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ ๕.ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี ๖. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1.ใฝเ่ รยี นรู้ 2.มงุ่ ม่ันในการทางาน 3.มวี ินยั ๔.มีจิตสำธำรณะ ๗. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ อ่นุ เครือ่ ง Warm-up Stage ๑. นักเรยี นสงั เกตภาพฟันผุแลว้ รว่ มกันสนทนาเกี่ยวกับภาพดงั กลา่ ว โดยตอบคาถาม ดังน้ี

-ฟันในภาพมลี ักษณะอย่างไร เรียกวา่ อะไร (มจี ดุ สีดาอยูบ่ ริเวณตัวฟนั เรยี กวา่ ฟนั ผ)ุ -ฟันของนักเรยี นมลี ักษณะเหมอื นในภาพหรือไม่ (เหมือน/ไมเ่ หมอื น) -นักเรยี นตอ้ งการให้ฟนั ของตนเองมีลักษณะเหมือนฟันในภาพนีห้ รอื ไม่ เพราะอะไร (ไม่ต้องการ เพราะเปน็ ฟนั ท่ไี มด่ ี ทาให้ปวดฟัน) -นกั เรียนคดิ วา่ ฟนั ในภาพเกิดจากสาเหตใุ ด (อมทอฟฟ่ี ไม่แปรงฟันหลังอาหาร) ๒. นักเรยี นสงั เกตภาพเหงอื กอักเสบแล้วร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกับภาพดงั กล่าว โดยตอบคาถาม ดังน้ี -เหงอื กในภาพมลี ักษณะอย่างไร เรียกวา่ อะไร (มลี กั ษณะบวมแดง เรียกว่า เหงือกอักเสบ) -เหงือกของนักเรียนมลี กั ษณะเหมือนในภาพหรอื ไม่ (เหมือน/ไมเ่ หมือน) -นักเรียนตอ้ งการให้เหงือกของตนเองมีลักษณะเหมอื นในภาพน้หี รอื ไม่ เพราะอะไร (ไมต่ ้องการ เพราะเปน็ เหงือกท่ไี มด่ ี ทาใหม้ ีกลิ่นปาก) -นักเรียนคดิ วา่ เหงือกในภาพเกดิ จากสาเหตุใด (มีหินปูนเกาะฟนั มากเกนิ ไป การสบู บหุ ร)่ี ขน้ั เรยี นรู้ Learning Stage ๑. นกั เรียนรบั ฟังสถานการณ์เก่ียวกับโรคฟันผุ และร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ ดังน้ี ทนิ ภทั รกาลงั นอนรอ้ งไห้อยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล เพราะปวดฟันและเสียวฟนั สาเหตุมาจากเปน็ โรคฟนั ผุ เพราะทินภัทรรบั ประทานทอฟฟท่ี ุกวนั จากนั้นนักเรียนวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นโดยตอบคาถาม ดังน้ี -ทนิ ภทั รมีอาการอยา่ งไร (ปวดฟันและเสยี วฟัน) -อาการน้เี ป็นอาการของโรคที่เกิดกับฟนั โรคใด (โรคฟันผุ) -โรคฟันผุมลี ักษณะอยา่ งไร (มีจุดสนี า้ ตาลหรือสดี าบริเวณฟนั ถา้ ปล่อยไว้นานเกดิ เป็นรชู ดั เจน)

-โรคฟันผุเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง (เศษอาหารตกค้างอยู่ระหวา่ งซ่ีฟันและร่องฟนั และรับประทานอาหารประเภทน้าตาลมากเกินไป) -อาการของโรคฟันผุเป็นอย่างไร (จะรสู้ ึกเสียวฟันและปวดฟัน) -ถา้ นักเรยี นเป็นโรคฟันผุจะเกิดผลต่อตนเองอย่างไร (ได้รับความเจ็บปวด เคี้ยวอาหารได้ไมด่ ี เกิดกล่นิ ปาก) ๒. นกั เรียนดูวดี โี อเรื่องโรคปริทนั ต์ ๓. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั ภาพเหงอื กอักเสบวา่ ถ้าไม่อยากเป็นเหมือนในวีดีโอต้องแปรงฟนั หลังจาก ตน่ื นอน หลังอาหารทุกม้ือและก่อนนอนใหส้ ะอาดนอกจากน้ีควรดูแลเหงอื กของตนให้ดี ดว้ ยการไม่ รบั ประทานขนมปงั หรืออาหารทท่ี าใหเ้ กิดแผน่ คราบมัน เพราะสิ่งเหล่านจ้ี ะทาใหเ้ หงือกอักเสบและ ปวดทรมานได้ ข้นั ฝึก Practice Stage ๑. นักเรียนตอบคาถามพัฒนากระบวนการคดิ เก่ียวกับโรคปรทิ ันตแ์ ละโรคฟันผลุ งสมุด ขน้ั สรปุ Conclusion Stage ๑. นักเรียนร่วมกันสรปุ สง่ิ ทเี่ ข้ำใจเปน็ ควำมร้รู ว่ มกัน ดังน้ี โรคฟนั ผุ เป็นโรคทเ่ี กดิ กบั ตัวฟนั ซงึ่ ทำให้ฟันผุเป็นรสู ีดำ มีอำกำรปวดและเสียวฟนั สำเหตเุ กิดจำกกำร แปรงฟันไมส่ ะอำดและรับประทำนอำหำรทมี่ ีควำมหวำนมำกเปน็ ประจำ รวมท้ังเศษอำหำรทีต่ ิดค้ำงตำมซอก ฟัน รวมทง้ั กำรดแู ลรักษำฟันไม่สะอำด กำรสูบบหุ รีจ่ ะสง่ ผลใหเ้ กดิ โรคปรทิ นั ต์หรือเหงือกอกั เสบ ข้นั นาไปใช้ Application Stage ๑.นกั เรียนนำวธิ กี ำรแปรงฟันทีถ่ กู ต้องไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน ๘. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ สงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำยบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำน ระดบั คุณภำพ 2 รำยบคุ คล ผำ่ นเกณฑ์ สงั เกตควำมมวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มั่นใน แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภำพ 2 กำรทำงำน มจี ติ สำธำรณะ ผ่ำนเกณฑ์ ๙. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ -หนงั สอื เรยี นสุขศึกษำ ป.5 -ภาพฟันผุ -ภาพเหงือกอักเสบ -วดี ีโอเร่ืองโรคปริทนั ต์ https://www.youtube.com/watch?v=Dql94tBNWQE -สถานการณ์เก่ียวกบั โรคฟันผุ

ภำพฟนั ผุ ภำพเหงอื กอักเสบ สถำนกำรณเ์ กี่ยวกับโรคฟันผุ ทนิ ภทั รกาลังนอนรอ้ งไหอ้ ยู่บนเตียงคนไขใ้ นโรงพยาบาล เพราะปวดฟนั และเสยี วฟัน สาเหตุมาจากเป็นโรคฟนั ผุ เพราะทินภัทรรบั ประทานทอฟฟี่ทุกวัน

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๕ กล่มุ สาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา วชิ าสุขศกึ ษา ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เวลา ๓ ช่ัวโมง เร่ืองการปฏบิ ตั ติ นในการปอ้ งกันโรค ๑. สาระสาคัญ ทกุ คนย่อมต้องกำรมีสขุ ภำพดี ไม่มโี รคภยั กำรรจู้ ักปฏิบตั ติ นเพ่ือป้องกนั โรคจะทำใหม้ รี ำ่ งกำยแข็งแรง และสำมำรถทำกจิ กรรมในชีวิตประจำวนั ไดด้ ี ๒. ตวั ชี้วัด ป.5/4 ปฏบิ ตั ิตนในการป้องกันโรคทีพ่ บบ่อยในชวี ิตประจาวนั ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1.อธิบายการปฏิบัตติ นเพ่ือป้องกันโรคไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง (K) ๒.ศึกษาสรรพคุณสมุนไพรในชมุ ชน ที่เปน็ สว่ นผสมในการทาสบเู่ หลว (K) ๓.ออกแบบนวัตกรรมสาหรับใส่สบ่เู หลว (K) 4.ทาสบเู่ หลวจากสมนุ ไพรในชุมชน (P) ๕.สรา้ งนวัตกรรมสาหรับใสส่ บู่เหลว (P) 6.แสดงการปฏิบตั ิตนในการป้องกนั โรคได้อย่างถูกตอ้ ง (P) 7.แสดงความกระตอื รือร้น ย้มิ แยม้ แจม่ ใส ในขณะทเ่ี รยี น และฝึกหดั ด้วยความตัง้ ใจ (A) ๔. สาระการเรียนรู้ 1.การปฏิบัตติ นเพือ่ ป้องกันโรคท่พี บบ่อยในชวี ิตประจาวนั ๒.การทาสบูเ่ หลวจากสมนุ ไพร ๓.ออกแบบนวัตกรรมใส่สบู่เหลว ๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น ๑.ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร ๒.ควำมสำมำรถในกำรคิด ๓.ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชีวิต ๔.ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี ๕.ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ ๖. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1.มวี นิ ัย ๒.ใฝ่เรียนรู้ ๓.มุ่งมนั่ ในการทางาน ๔.อยอู่ ย่างพอเพียง

๗. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นอนุ่ เครื่อง Warm-up Stage (ช่วั โมงท่ี ๑) ๑.นกั เรียนร่วมกนั สารวจและแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั การปฏิบตั ิกิจวัตรต่าง ๆ ในชวี ติ ประจาวันท่ี อาจเป็นสาเหตขุ องการเกิดโรคติดตอ่ มอี ะไรบ้าง (ไอจามรดกนั ใช้สง่ิ ของร่วมกัน สมั ผัสผ้ปู ว่ ย การจับราวบันได) ๒.นกั เรียนจะมีวธิ ีการปฏบิ ัติตนอย่างไรเพื่อปอ้ งกนั โรคตดิ ต่อ (ใช้สิ่งของส่วนตวั ลา้ งมือบ่อยๆ) ขน้ั เรียนรู้ Learning Stage ๑.นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ศึกษำค้นคว้ำกำรทำสบู่เหลวล้ำงมือ โดยใชส้ มุนไพรท่หี ำง่ำยในชมุ ชน ๒.นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ วำงแผนค้นควำ้ สรรพคุณของสมุนไพรทีก่ ลุ่มของนักเรียนสนใจ และเขียนลำดบั ข้นั ตอนกำรทำสบู่เหลวลำ้ งมือจำกสมุนไพร ๓.นกั เรียนแต่ละกล่มุ ออกแบบนวัตกรรมใส่สบู่เหลว ขนั้ ฝึก Practice Stage (ช่ัวโมงท่ี ๒) ๑.นกั เรียนเข้ำกลมุ่ เดมิ แต่ละกลุ่มเล่นเกมCoding อะไรเอ่ย? โดยนำลกู ศรตดิ บนกระดำนจำกจดุ เร่ิมต้น จนถึงจุดสิ้นสุด หำกเดินผ่ำนเครื่องหมำยอะไรเอ่ย? ให้ตอบคำถำม หำกตอบผดิ ไม่ได้ไปต่อ กลุ่มใดถึงจุดสิ้นสุด ก่อนเปน็ ฝ่ำยชนะ ๒.อธบิ ำยเพ่มิ เตมิ เกยี่ วกับข้ันตอนกำรทำสบู่เหลว ควำมแตกต่ำงของสำรแตล่ ะประเภท ๓.นกั เรยี นนำแถบประโยคบนกระดำน เรยี งลำดับขั้นตอนกำรทำสบูเ่ หลวจำกสมนุ ไพร ลงในใบงำน อัลกรอลิทึม ๔.ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบควำมถูกต้องและสรุปขั้นตอนทำสบู่เหลว ล้ำงมือจำกสมุนไพร ตำมลำดบั ข้นั นักเรยี นศกึ ษำบทเรยี นมัลตมิ เี ดีย ๕.นกั เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอนวตั กรรมของกล่มุ ตนเองหนำ้ ช้นั เรียน (ช่ัวโมงที่ ๓) ๑.นกั เรยี นแต่ละกลุ่มทดลองทำสบ่เู หลวล้ำงมอื จำกสมุนไพร ตำมลำดับข้ันตอนทวี่ ำงแผน ๒.นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ลงมอื สร้ำงนวัตกรรมทีใ่ สส่ บ่เู หลว ตำมท่ีกล่มุ ตนเองออกแบบไว้ ๓.ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ปัญหำและอุปสรรคจำกกำรทดลองทำสบูเ่ หลวลำ้ งมือจำกสมุนไพร และ รว่ มกันเลือกวธิ ที ีถ่ ูกต้อง ขน้ั สรุป Conclusion Stage ๑.นกั เรยี นร่วมกันอภิปรำยขัน้ ตอนกำรทำสบ่เู หลว (ดังภำพ)

ลาดับขั้นตอนการทาสบูเ่ หลวจากสมุนไพร เตรยี มอปุ กรณ์/เตรยี มสมุนไพร ตำสมนุ ไพรใหล้ ะเอียด กรองนำ้ สมุนไพรโดยใช้ผ้ำขำวบำง ใส่ N70 จานวน 1 กโิ ลกรมั และกวนให้เปน็ สีขาวนวล ใส่เกลอื ปน่ 125 กรมั กวนไปเรื่อยๆจนเป็นสีขาวนวล เติมนำ้ สมนุ ไพร แลว้ คนใหเ้ ข้ำกนั เตมิ CAPB คนใหเ้ ขำ้ กัน เติมเกลอื ป่น 125 กรัม และเตมิ silk700 กวนให้เขา้ กนั เติมหัวมุก เตมิ นำ้ สมนุ ไพร กวนใหเ้ ขำ้ กนั จนหนืดพอดี หนืดไม่พอดี รอฟองยุบ บรรจุใสข่ วด

๒.นักเรียนทดสอบหลงั เรยี น ข้นั นาไปใช้ Application Stage ๑.นักเรียนนำวธิ กี ำรปฏบิ ตั ิตนเพื่อป้องกันโรคไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั เชน่ กำรล้ำงมือด้วยน้ำสบู่ ๘. การวดั และประเมินผล วิธกี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ ทำสบู่เหลวล้ำงมือ แบบประเมินช้ินงำน ร้อยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ นวตั กรรมที่ใสส่ บู่หลว แบบประเมินช้ินงำน รอ้ ยละ 60 ผำ่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยกล่มุ แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำย ระดับคุณภำพ 2 สงั เกตควำมมวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมุ่งมัน่ ใน กำรทำงำน อยอู่ ยำ่ งพอเพียง กลุ่ม ผำ่ นเกณฑ์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ ๙. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ -แถบประโยค -ใบงำนอัลกรอลทิ มึ -เกม Coding อะไรเอย่ ? -บตั รคำถำม -บทเรียนมลั ตมิ เี ดยี

บัตรคาถาม 1.การล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์แตกตา่ งจากการลา้ งมอื ดว้ ยสบหู่ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๒.สาธติ การล้างมอื ๗ ขน้ั ตอน ๓.ควรล้างมอื เป็นเวลานานเท่าไหร่ ๔.จาเป็นตอ้ งเช็ดมอื ใหแ้ ห้งหรือไม่ ๕.ควรล้างมอื เมอื่ ไหรด่ ี ๖.สาร N70 มคี ณุ สมบตั ิอย่างไร ๗.สาร CAPB มคี ณุ สมบัติอย่างไร ๘.สาร N70 มีความแตกตา่ งจาก N8000 หรือไม่ อย่างไร ๙.หากใส่ N70 แล้วจาเป็นตอ้ งใส่เอทลิ แอลกอฮอล์ 95% หรอื ไม่ อยา่ งไร ๑๐.สาร Silk700 มีคณุ สมบัตอิ ยา่ งไร

บัตรคาถาม 11.สมนุ ไพรในชุมชนมอี ะไรบ้างที่สามารถนามาทาสบเู่ หลวลา้ งมอื ได้ 12.หากสบเู่ หลวมคี วามหนืดมากเกินไป นักเรยี นจะแกป้ ญั หาอย่างไร 13.เราสามารถชว่ ยกันป้องตวั เราจากโควิด-19 ดว้ ยวธิ ีใดได้อีกบา้ ง 14.เราจาเป็นต้องใสห่ ัวนา้ หอมในสบเู่ หลวหรือไม่ 15.หากสบเู่ หลวทที่ าจากสมนุ ไพรมอี ายกุ ารใชง้ านสน้ั นกั เรยี นจะทาอยา่ งไร 16.ใหน้ ักเรียนบอกขัน้ ตอนการทาสบ่เู หลวจากสมุนไพร 17.นกั เรียนจะนาความรู้ในการทาสบเู่ หลวไปใช้ในชวี ิตประจาวันอยา่ งไร 18.หัวมุกมีคณุ สมบตั ิอยา่ งไร 19.สาร N70 มชี อ่ื ยอ่ วา่ อะไร 20.สาร CAPB มีช่ือย่อว่าอะไร

แถบประโยค