Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ

คู่มือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ

Published by Wasana Kohsin, 2021-10-29 05:23:44

Description: คู่มือการสอนภาษาไทย ในฐานะภาษาต่างประเทศ

Search

Read the Text Version

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ ก คานา การจดั ทาคู่มือครูการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ หน่วยการเรียนรู้ \"ผลไม้ไทยในบ้านสวน\" จดั ทาขนึ้ เพื่อเป็ นแนวทางใน การจัดเรียนการสอนภาษาไทยสาหรับนักเรียนชาวอังกฤษ อายุ 9 - 12 ปี โดยใชว้ ธิ ีการสอนแบบ ฟัง - พดู ร่วมกบั วิธีสอนแบบชักชวน เนือ้ หาใน หน่วยการเรยี นรู้ประกอบดว้ ย ชื่อของผลไม้ไทยทนี่ ักเรียนควรรูจ้ ัก ผนวกกับสีของผลไม้ไทย 5 ชนิด ผู้จัดทาไดเ้ รียงลาดบั เนือ้ หาจากงา่ ยไป ยากตามลาดบั เรมิ่ จากการฟังแล้วฝึ กอา่ นคาตามครู นักเรียนจับคฝู่ ึ ก อ่านคา และฝึ กอ่านประโยคงา่ ย ๆ ตามสถานการณท์ กี่ าหนด อกี ทงั้ คณะ ผ้จู ัดทาไดส้ อดแทรกกิจกรรมเพลง เกมการศกึ ษา และแบบฝึ กหดั ที่ เหมาะสมกับช่วงวยั เพื่อใหน้ ักเรียนเกิดความสนุกสนานและไม่เกิด ความเบ่ือหน่ายในการเรยี น ทงั้ นีข้ อขอบพระคุณรองศาสตราจารย์ ดร.สุวรรณี ยหะกร อาจารยผ์ สู้ อนรายวชิ า TTH6226 การสอนภาษาไทยในฐานะ ภาษาต่างประเทศสาขาวชิ าการสอนภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั รามคาแหงทไี่ ดใ้ หค้ วามรู้ คาปรกึ ษา แนะนาและจับ ประสบการณใ์ นการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ เพื่อเป็ น แนวทางในการจัดทาคมู่ อื ครูฉบับนี้ อีกทงั้ ตรวจทานความเหมาะสมของ การจัดกจิ กรรมและเนือ้ หาจนสมบูรณ์ คณะผ้จู ัดทาหวงั เป็ นอย่างยิง่ ว่า คมู่ ือครูการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ หน่วยการเรียนรู้ \"ผลไม้ไทยในบ้านสวน\" เลม่ นีจ้ ะเป็ นแนวทางในการนาไปจดั การเรยี นรู้ ใหแ้ ก่นักเรียนชาวต่างชาติและเกิดประโยชนต์ อ่ ผสู้ อนไดเ้ ป็ นอยา่ งดี คณะผู้จัดทา

คู่มือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ ข สารบญั เร่ือง หน้า คำนำ ก สำรบัญ ข คำชีแ้ จงกำรใช้คู่มือครู 1 ข้อมูลเบือ้ งต้นเกี่ยวกับผู้เรียน 3 ลักษณะของภำษำไทย 4 ลักษณะของภำษำอังกฤษ 7 ควำมแตกต่ำงของภำษำไทยและภำษำอังกฤษ 9 แนวทำงกำรสอนกำรออกเสียงภำษำไทย 11 วิธีกำรสอนภำษำไทย 22 - วิธีสอนแบบฟัง – พูด 22 - วิธีสอนแบบชักชวน 28 โครงสรำ้ งกำรเรียนรู้ 32 - แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เรื่อง ผลไมร้ อบตัวฉัน 33 - แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เรื่อง สีสันผลไม้ไทย 44 - แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เรื่อง สวนผลไม้ของฉัน 57 แบบประเมินท้ำยหน่วยกำรเรียนรู้ 61 บรรณำนุกรม 67 ภำคผนวก - หนังสือส่งเสริมกำรอ่ำน เรื่อง ลักษณะของผลไมไ้ ทย - สื่อกำรเรียนรู้ - คณะผู้จัดทำ

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 1 คาชแี้ จงการใชค้ ่มู ือครู คมู่ ือครูกำรสอนภำษำไทยในฐำนะภำษำตำ่ งประเทศ หน่วยกำรเรยี นรู้ \"ผลไม้ ไทยในบำ้ นสวน \" เป็นหนงั สอื ทีจ่ ดั ทำขนึ้ เพ่ือเป็นแนวทำงในกำรจดั กำรเรยี นรู้ ภำษำไทยในฐำนะภำษำตำ่ งประเทศ โดยใชว้ ธิ ีสอนแบบฟัง-พดู รว่ มกบั วธิ ีชกั ชวน สำหรบั ผสู้ อนที่จดั กิจกรรมกำรเรยี นรูใ้ หแ้ ก่นกั เรยี นตำ่ งประเทศอำยุระหวำ่ ง 9 - 12 ปี หรอื ผทู้ ี่มีควำมสนใจในกำรเรยี นภำษำไทยในฐำนะภำษำตำ่ งประเทศ ภำยใตเ้ งื่อนไข ของนกั เรยี นทม่ี ีควำมรูพ้ นื้ ฐำนในภำษำไทย เชน่ รูจ้ กั พยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ และ ตวั เลขไทย หรอื มีควำมรูค้ ำศพั ทห์ มวดอื่นทใี่ กลต้ วั เป็นตน้ หน่วยกำรเรยี นรู้ \"ผลไมไ้ ทยในบำ้ นสวน\" เนน้ ทกั ษะกำรฟังและกำรพดู เป็นหลกั โดยยดึ หลกั กำรเรยี นแบบชกั ชวน ฉะนนั้ ผสู้ อนจะตอ้ งมีควำมรูแ้ ละควำมเขำ้ ใจใน หลกั กำรสอน วธิ ีสอนแบบฟัง - พดู และวิธีกำรสอนแบบชกั ชวน เพอ่ื สำมำรถจดั กิจกรรมไดบ้ รรลตุ ำมจดุ ประสงค์ มขี นั้ ตอนดงั นี้ 1. กอ่ นกำรจดั กำรเรยี นรู้ ผสู้ อนควรศกึ ษำคมู่ อื ครูใหเ้ ขำ้ ใจ เพอื่ ใหม้ ี ควำมสำมำรถในกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรูใ้ หบ้ รรลตุ ำมวตั ถปุ ระสงคแ์ ละนกั เรยี น ไดร้ บั ประโยชนส์ งู สดุ 2. กำรจดั กำรเรยี นรู้ ผสู้ อนจะตอ้ งดำเนินกิจกรรมไปตำมแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ เพื่อไมใ่ หน้ กั เรยี นเกิดควำมสบั สน และควรมกี ำรเปรยี บเทยี บภำษำไทยและภำษำแม่ ของนกั เรยี นเพื่อใหน้ กั เรยี นเห็นควำมเหมอื นและตำ่ งในกำรออกเสียง 3. หนว่ ยกำรเรยี นรูน้ ี้ เนน้ ทกั ษะกำรพดู และกำรฟังเป็นหลกั รว่ มกบั วิธีสอนแบบ ชกั ชวน ดงั นนั้ ผสู้ อนจะตอ้ งมีบทบำทสำคญั ในกำรเป็นแบบอยำ่ งทถี่ ูกตอ้ งใหน้ กั เรยี น เลยี นแบบและกำรฝึกซำ้ ๆ อกี ทงั้ ทบทวนคำศพั ทใ์ นแตล่ ะแผนกำรจดั กำร

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 2 เรยี นรูอ้ ยำ่ งสมำ่ เสมอและตอ่ เน่ืองกนั ในทกุ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ เพ่ือให้ นกั เรยี นสำมำรถจดจำคำศพั ทแ์ ละบทสนทนำได้ 4. สอื่ ประกอบกำรจดั กำรเรยี นรู้ หน่วยกำรเรยี นรู\"้ ผลไมไ้ ทยในบำ้ นสวน\" เนน้ กำรใชร้ ูปภำพ เสยี ง เกม เพอื่ ใหน้ กั เรยี นจดจำคำศพั ทผ์ ่ำนภำพ สแี ละเสียง ส่อื มี คำศพั ทภ์ ำษำองั กฤษ และคำศพั ทภ์ ำษำไทย ประกอบ แตไ่ มใ่ ชว่ ตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ท่ี นกั เรยี นจะตอ้ งจำตวั อกั ษรเหลำ่ นนั้ เพยี งแตแ่ ทรกไวเ้ ป็นพนื้ ฐำนสู่กำรเรยี น เรอื่ งกำร เขียนและกำรอำ่ นตอ่ ไป ดงั นนั้ ผสู้ อนไมค่ วรเนน้ ใหน้ กั เรยี นอำ่ นหรอื เขียนคำศพั ท์ แต่ เนน้ เรอ่ื งกำรฟัง กำรพดู คำศพั ท์ และบทสนทนำเป็นหลกั 5. องคป์ ระกอบตำ่ ง ๆ ของคมู่ ือเลม่ นี้ มี QR code ไวส้ ำหรบั ใหผ้ สู้ อนไดใ้ ช้ เป็นสอื่ ออนไลนท์ ีร่ วบรวมส่อื กำรสอน เชน่ เพลง ภำพ เกม และบทอำ่ น เพ่ือให้ นกั เรยี นไดฝ้ ึกดว้ ยตนเองทงั้ กำรฟังและกำรพดู เป็นหลกั ทงั้ นี้ คมู่ ือครูกำรสอนภำษำไทยในฐำนะภำษำตำ่ งประเทศ หนว่ ยกำรเรียนรู้ \"ผลไมไ้ ทยในบำ้ นสวน\" เลม่ นีจ้ ดั ทำขนึ้ จำกกำรศกึ ษำรำยวชิ ำ TTH 6226 กำรสอน ภำษำไทยในฐำนะภำษำตำ่ งประเทศ เนือ้ หำอำจยงั ไมส่ มบรู ณแ์ ละไมไ่ ดน้ ำไปทดลอง ใชก้ บั กลมุ่ ตวั อยำ่ ง จงึ เป็นขอ้ จำกดั ในเบือ้ งตนั ดงั นนั้ หำกผสู้ อนนำคมู่ อื ครูเลม่ นีไ้ ป ใชแ้ ละพบขอ้ บกพรอ่ งหรอื ขำดองคป์ ระกอบดำ้ นใดไป คณะผจู้ ดั ทำยนิ ดรี บั คำแนะนำ เพ่มิ เติม เพ่ือปรบั ปรุงแกไ้ ข และพฒั นำคมู่ อื ครูเลม่ นีใ้ หม้ ีควำมสมบรู ณย์ ิ่งขนึ้ คณะ ผจู้ ดั ทำขอขอบพระคณุ ไวเ้ ป็นอยำ่ งสงู

3 คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ ข้อมูลเบื้องต้นเกย่ี วกบั ู้เู ีียน กำรจดั กำรเรยี นกำรสอนภำษำไทยในฐำนะภำษำตำ่ งประเทศผสู้ อนควรคำนงึ ถึง คณุ ลกั ษณะเบอื้ งตน้ ของผเู้ รยี น ดงั นี้ อายุ 9 – 12 ปี 1 นักเีียนชาวต่างชาติที่ใช้ ภาษาองั กฤษเป็ นภาษาที่ 1 มพี นื้ ฐานพยญั ชนะ สีะ และเลขไทยเบื้องต้น 2 3 มพี ืน้ ฐานกาีฟัง พดู อ่าน เขยี น มปี ฏสิ ัมพนั ธ์ทด่ี กี บั ู้อู น่ื สามาีถเีียนีู้กบั ูู้อน่ื ได้ ภาษาไทยเบื้องต้น 4 5 มคี วามสามาีถเกยี่ วกบั กาี เคล่ือนไหวี่างกาย 6

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 4 ลกั ษณะของภาษาไทย ภาษาไทยเป็ นเอกลักษณ์ประจาชาติ เป็ นสมบัติทางวัฒนธรรม อัน ก่อใหเ้ กดิ ความเป็นเอกภาพ จงึ เป็นสมบตั ขิ องชาตทิ ค่ี วรคา่ แก่การเรียนรู้ อจั ฉรยิ ลักษณะของภาษาไทยมีความโดดเด่นเทียบเท่ากับภาษาสากล ภาษาไทยมี ลกั ษณะทน่ี ักภาษาศาสตร์ไดศ้ ึกษาไว้ เพ่อื ใหช้ นรุ่นหลงั ไดศ้ กึ ษา ต่อและฝึกฝน ความเขา้ ใจ ลกั ษณะของภาษาไทยได้ 7 ลกั ษณะ พอสงั เขป สรปุ ได้ ดงั น้ี เป็ นภาษาคาโดด 01 คอื ภาษาไทยส่วนมากทเ่ี ป็นคาพยางค์เดยี ว ต่อมา ยมื คาจาก ภาษาต่างประเทศจงึ มคี าหลายพยางคใ์ ช้ การเรียงคาแบบ ประธาน กริยา กรรม ภาษาไทยมกี ารเรยี งคาแบบ ประธาน กรยิ า กรรม เมอ่ื นาคา มาเรยี งกนั เป็นประโยค ประโยคทวั่ ๆ ไปจะมี 02 การเรยี งลาดบั ดงั น้ี นาม กรยิ า นาม นามทอ่ี ยู่หน้ากรยิ า เป็นผทู้ ากรยิ า มกั อย่ตู ้น ประโยค ทาหน้าท่ีเป็นประธาน ส่วนคานามทบ่ี อกผรู้ บั กรยิ า มกั อยู่ หลงั คากรยิ า อย่างไร กด็ มี ปี ระโยคในภาษาอย่ไู ม่น้อยท่ดี ูเหมอื นว่าจะ เปลย่ี น ลาดบั คาไดโ้ ดยไมเ่ ปลย่ี นความหมาย

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 5 ภาษาวรรณยกุ ต์ 03 คอื คาในภาษาไทยมกี ารไล่เสยี งวรรณยุกต์ได้ 5 เสยี ง ได้แก่ เสยี งสามญั เสยี งเอก เสยี งโท เสยี งตรี และเสยี งจตั วา สระ พยญั ชนะ วรรณยกุ ตเ์ ป็นหน่วยภาษา ภาษาไทยมเี สยี งสระ พยญั ชนะ และวรรณยุกตเ์ ป็นหน่วยภาษา 04 หน่วยเสยี งทใ่ี ชใ้ นภาษาไทยแบ่งไดเ้ ป็น 3 ประเภท คอื หน่วย เสยี ง สระ หน่วยเสยี งพยญั ชนะ และหน่วยเสยี งวรรณยุกต์ การวางคาขยายไว้ข้างหลงั คาหลกั คาขยายในภาษาไทยจะวางไว้ขา้ งหลังคาหลกั หรอื คาท่ีถูก 05 ขยายเสมอ การวางคาขยายจะเกดิ ในกรณที ผ่ี ู้พูดหรอื ผู้เขียนมคี วาม ต้องการจะบอกกล่าวข้อความเพม่ิ เติมในประโยค ก็หาคามาขยาย โดยการวางคาขยายไวข้ า้ งหลงั คาทต่ี ้องการขยายความหมายมักจะ เป็นคานาม คากริยา ดังนัน้ คาขยายจงึ อยู่หลังคาท่ีถูกขยายหรือ คาหลกั

คู่มือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 6 การลงเสียงหนักเบาของคา คาในภาษาไทย จะมกี ารลงเสยี งหนักเบาของคาในระดบั คา ซ่ึงมี 06 มากกว่าสองพยางค์ และการลงเสยี งหนกั เบาของคาในระดบั ประโยค โดย พจิ ารณาในแงข่ องไวยากรณ์ และเจตนาของการสอ่ื สาร เมอ่ื พจิ ารณาในแง่ ของไวยากรณ์การออกเสยี งคาภาษาไทยไมไ่ ดอ้ อกเสยี งเสมอกนั ทกุ พยางค์ กล่าวคอื ถา้ คาพยางคเ์ ดยี วอยใู่ นประโยค คาบางคากอ็ าจไม่ออกเสยี งหนัก และถ้าถ้อยคามหี ลายพยางค์ แต่ละ พยางค์กอ็ าจออกเสียงหนักเบาไม่ เท่ากนั นอกจากน้ีหน้าท่แี ละ ความหมายของคาในประโยคก็ทาให้ออก เสยี งคาหนกั เบาไมเ่ ทา่ กนั การไม่เปลี่ยนแปลงรปู คา คาในภาษาไทยไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงรูปคาเมอ่ื นาไปใชใ้ น ประโยค เพ่อื แสดงความสมั พนั ธ์กบั คาอ่นื ในประโยค และไม่ต้อง เปลย่ี นรูปคาเพ่อื 07 แสดงเพศ พจน์ หรอื กาล ในเมอ่ื คาไทยไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลงรปู คาเพอ่ื บอก เพศ พจน์ หรือกาล และบอก ความสัมพันธ์กับคาอ่ืนในประโยค เรา สามารถทราบความหมายของคาและความสมั พนั ธก์ บั คาอ่นื ไดจ้ ากบรบิ ท

คู่มือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 7 ลกั ษณะของภาษาองั กฤษ 1 ภาษาที่มีการเติมหน่วยผนั คา - ประธานเป็นเอกพจน์บรุ ษุ ท่ี 3 ปัจจุบนั กาล ภาษาองั กฤษ ต้องเตมิ s ทค่ี ากรยิ า เช่น เช่น He reads the book. - เมอ่ื คานามเป็นพหพู จน์ ภาษาองั กฤษตอ้ งเตมิ s หรอื เปลย่ี น รปู คา เชน่ The boys go to school. 2 การเติมหน่วยคาเติมหน้าและเติมท้าย การเตมิ หน่วยคาเตมิ หน้า Construct re- reconstruct สรา้ งใหม่ Legal il- illegal ผดิ กฎหมาย การเตมิ หน่วยคาเตมิ ทา้ ย drive (ก.) -er driver (น.) คนขบั รถ beauty (ก.) -ful beautiful (ว.) สวยงาม 3 ภาษาท่ีไมม่ ีเสียงวรรณยกุ ต์

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 8 ลกั ษณะของภาษาองั กฤษ 4 ภาษาอังกฤษมีการเติมหน่วยคาเติมทา้ ย เพ่อื แสดงหนำ้ ทที่ ำงไวยำกรณ์ 5 การเรียงลาดบั คาเป็ นประโยค ในภำษำองั กฤษ จะนำคำขยำยมำไวห้ นำ้ คำนำม เชน่ Big fish (ปลำตวั ใหญ่), Small fish (ปลำเล็ก) 6 ใช้การลงนา้ หนักเสยี งเพ่ือแยกความหมาย ภำษำองั กฤษมกี ำรลงนำ้ หนกั เสยี งของคำเรยี กวำ่ stress ซง่ึ สำมำรถ เปลี่ยนควำมหมำยของคำได้ เชน่ Present นำออกแสดง Present ปัจจบุ นั นี้

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 9 ความแตกต่างของภาษาไทยและภาษาองั กฤษ 1 ภาษาองั กฤษเป็นภาษาตดิ ต่อคา มพี ยางคห์ ลายพยางค์ เช่น Strong, body ฯลฯ สว่ นภาษาไทยเป็นภาษาคาโดด 2 ภาษาองั กฤษเป็นภาษาไวยากรณ์มกี าหนดกฎเกณฑ์ ตายตวั สว่ นภาษาไทยเป็นภาษาแห่งความเขา้ ใจ 3 ภาษาองั กฤษจะมคี านาหน้านามทเ่ี รยี กว่า Article มคี า a an the นาหน้า ส่วนภาษาไทยไมม่ คี านาหน้านาม

คู่มือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 10 ความแตกต่างของภาษาไทยและภาษาองั กฤษ 4 ภาษาองั กฤษจะมคี าขยายนามอย่ขู า้ งหน้า สว่ นภาษาไทย คาขยายอย่ขู า้ งหลงั เสมอ 5 ภาษาองั กฤษมกี ารเปลย่ี นรปู รา่ งคาคลา้ ยกบั วภิ ตั ตใิ์ น ภาษาสนั สกฤตมกี ารเตมิ s เพอ่ื แสดงว่าเป็นพหพู จน์

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 11 แนวทางการสอนการออกเสยี งภาษาไทย กำรออกเสียงภำษำไทยเป็นส่ิงสำคญั ประกำรแรกที่ผเู้ รียนภำษำไทยใน ฐำนะภำษำตำ่ งประเทศจำ เป็นตอ้ งเรียนรู้ ทงั้ กำรออกเสียงพยญั ชนะ สระ และ วรรณยุกต์ ทั้งนี้กำรฝึกออกเสียงในระยะแรกนั้น ผู้สอนควรใช้สัท อักษร (Phonetic Symbols) แทนเสยี งดงั กลำ่ ว จนกระท่งั ผเู้ รียนเรยี นรูเ้ ร่อื งกำรอำ่ นและ เขียนไดร้ ะยะหนึ่งแลว้ จงึ คอ่ ยฝึกใหอ้ อกเสียงกำรอำ่ นคำไทยโดยตรง

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 12 การออกเสียงภาษาไทย การออกเสียงพยญั ชนะ พยญั ชนะใน ภำษำไทยมจี ำนวน ๔๔ รูป หำกไมน่ บั พยญั ชนะ “ฃ” และ “ฅ” ซงึ่ ปัจจบุ นั ไมไ่ ดใ้ ชจ้ ะเหลอื พยญั ชนะจำนวน ๔๒ รูป สว่ นเสียงพยญั ชนะมี จำนวน ๒๑ เสียง วธิ ีสอน กำรออกเสยี งพยญั ชนะ ในเบอื้ งตน้ ผสู้ อนควรใชค้ วำมรู้ ทำงสทั ศำสตร์ (Phonology) ในกำรอธิบำยวธิ ีกำรออก เสียง ไดแ้ ก่ ฐำนทเ่ี กิดของ เสยี ง (Placesof Articulation) และลกั ษณะกำรออกเสียง (Manners of Articulation) เพื่อใหผ้ เู้ รยี นออกเสียงไดถ้ กู ตอ้ ง โดยเฉพำะควรทำ ควำมเขำ้ ใจเรอื่ งกำรเปลง่ เสียงพดู ในภำษำไทยวำ่ มี ลกั ษณะอยำ่ งไร ดงั ตวั อยำ่ ง

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 13 การออกเสียงภาษาไทย กำรออกเสียง บ/b/, ป/p/, พ/ph/ บ/b/ ฐำนทเ่ี กิดของ ๆ เสยี งคอื รมิ ฝีปำก (Bilabial) ลกั ษณะกำรเปลง่ เสยี ง คอื เสียงกอ้ ง (Voice) ไมม่ ลี ม (Unaspirated) ป/p/ ฐำนทเ่ี กิดของเสยี งคอื รมิ ฝีปำก (Bilabial) ลกั ษณะกำรเปลง่ เสยี ง คือ เสยี งไมก่ อ้ ง (Voiceless) ไมม่ ีลม (Unaspirated) และ พ/ph/ ฐำนที่เกิดของเสยี งคอื รมิ ฝีปำก (Bilabial) ลกั ษณะกำร เปลง่ เสียง คือ เสียงไมก่ อ้ ง (Voiceless) มลี ม (Aspirated)

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 14 การออกเสียงภาษาไทย นอกจำกนีใ้ นกรณีท่ีผเู้ รียนพูดภำษำองั กฤษไดผ้ ู้สอนควรให้ ตัวอย่ำงคำ ภำษำอังกฤษท่ีมีเสียงพยัญชนะใกล้เคียงกับคำ ภำษำไทยเพื่อใหผ้ ูเ้ รียนเทียบเสียง ในกำร ใชว้ ิธีกำรเทียบเสียงนี้ อำจมีผู้ค้ำนว่ำเสียงท่ีเทียบนั้น บำงเสียงไม่เหมือนกันทีเดียว อย่ำงไรก็ตำมวิธีกำรดงั กลำ่ วก็เป็นวิธีท่ีสำมำรถช่วยใหผ้ เู้ รยี นออก เสียงไดอ้ ีกทำงหนึ่ง อีกทงั้ ยงั มีผลทำงจิตวิทยำท่ีช่วยใหผ้ เู้ รยี นรูส้ กึ วำ่ กำรออกเสียงพยญั ชนะภำษำไทย ไมย่ ำกเกินไป

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 15 การออกเสียงภาษาไทย

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 16 การออกเสียงภาษาไทย การออกเสยี งสระ สระในภำษำไทยมจี ำ นวน ๒๔ รูป แตม่ เี สียงสระจำนวน ๓๒ เสียง หำกไมน่ บั สระเกินที่มเี สียงพยญั ชนะประสมอยู่ และมี เสยี งสระซำ้ กบั เสยี งสระทีม่ อี ยแู่ ลว้ ก็ จะเหลอื เสียงสระจำนวน ๒๔ เสยี ง เสียงสระแบง่ ไดเ้ ป็น สระเด่ยี ว (Single Vowel Sounds) จำนวน ๑๘ เสยี งซงึ่ ประกอบดว้ ยเสียงสน้ั ๙ เสียง และเสยี งยำว ๙ เสยี ง ไดแ้ ก่ อะ อำ อิ อี อึ อือ อุ อู เอะ เอ แอะ แอ เออะ เออ โอะ โอ เอำะ ออ สระประสม (Diphthongs) จำนวน ๖ เสยี งโดยมเี สยี งสนั้ ๓ เสยี ง และเสียงยำว ๓ เสียง ไดแ้ ก่ เอียะ เอีย เออื ะ เออื อวั ะ อวั

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 17 การออกเสียงภาษาไทย สระเกนิ (Extra vowels) จำนวน ๘ เสียง ไดแ้ ก่ อำ ใอ ไอ เอำ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ วิธีออกเสียงสระ อำจใชว้ ิธีกำรใหผ้ เู้ รยี นสงั เกตกำร ออกเสียงสระของ ผสู้ อน ซงึ่ จะใชอ้ วยั วะในกำรออกเสียง ไดแ้ ก่ รมิ ฝีปำก ตำแหนง่ ของลนิ้ และระดบั กำร กระดกของลนิ้ ดงั นี้ รมิ ฝีปำก กลำ่ วคอื กำรออกเสียงสระบำงเสียงจะตอ้ งหอ่ รมิ ฝีปำก (Lip-rounded) เชน่ สระ อุ อู

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 18 การออกเสียงภาษาไทย แตก่ ำรออกเสยี งสระบำงเสียงไมต่ อ้ งหอ่ รมิ ฝีปำก (Lip-unrounded) เช่น สระ อิอี ตำ แหนง่ ของลิน้ (Position of the Tongue) เนือ่ งจำกขณะท่ีออกเสียง สระแต่ละเสียงจะใช้ ตำ แหน่งของลิน้ สว่ นหนำ้ บำ้ ง เช่น สระ อิ อี ส่วนกลำงบำ้ ง เช่น อึอือ และส่วนหลงั บำ้ ง เช่น อุ อู ระดบั ของกำรกระดก ลิน้ (Tongue Height) หมำยถึงกำรกระดกลิน้ ระดบั สงู กลำง ต่ำ แตกตำ่ งกนั เช่น กระดกลิน้ ระดบั สงู เมื่อออกเสียงสระ อิ อีกระดกลิน้ ระดับ กลำงเมื่อออกเสียงสระ เอะ เอ และ กระดกลิน้ ระดบั ต่ำ เม่ือออกเสียงสระ แอะ แอ กำรฝึ กออก เสยี งสระ ขอใหย้ ดึ ถือตำรำงกำรออกเสยี งเป็นแนวทำงดงั นี้

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 19 การออกเสียงภาษาไทย นอกจำกนใี้ นกรณีทผี่ เู้ รยี นพดู ภำษำองั กฤษไดผ้ สู้ อนควร ใหต้ วั อยำ่ งคำ ภำษำองั กฤษ ทมี่ เี สยี งสระใกลเ้ คียงกบั คำ ภำษำไทยเพ่ือเทยี บเสยี ง กำรใชว้ ิธีกำรเทียบเสยี งนี้ อำจมผี ู้ คำ้ นเชน่ เดยี วกบั กำรเทยี บเสยี งพยญั ชนะว่ำเสยี งท่ีเทียบนน้ั บำงเสยี งไมเ่ หมอื น กนั ทเี ดียวแตอ่ ยำ่ งไรก็ตำมวิธีกำรดงั กลำ่ ว ก็เป็นวิธีทีส่ ำมำรถช่วยใหผ้ เู้ รยี นออกเสียงได้ อีกทำงหนง่ึ อีก ทง้ั ยงั มีผลทำงจิตวิทยำทชี่ ว่ ยใหผ้ เู้ รยี นรูส้ ึกว่ำกำรออกเสยี ง สระในภำษำไทยไมย่ ำกเกินไป

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 20

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 21 การออกเสียงภาษาไทย การออกเสียงวรรณยุกต์ วรรณยุกตใ์ นภำษำไทยมี จำนวน ๔ รูป แตม่ ีเสยี งวรรณยกุ ตจ์ ำนวน ๕ เสียง เสียงวรรณยกุ ตใ์ น ภำษำไทยจะแตกตำ่ งกนั ที่ระดบั เสียงและตอ้ งเนน้ ใหผ้ เู้ รียนตระหนกั ว่ำกำรเปล่ียนแปลงของระดับเสียงจะส่งผลใหค้ วำมหมำยของคำ แตกตำ่ งกนั

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 22 วิธีการสอน วิธีสอนแบบฟัง – พดู (Audio – Lingual Method) 1. หลกั การของวิธีสอนแบบฟัง - พดู กำรสอนวธิ ีนีม้ ีช่ือเรยี กหลำยแบบ เชน่ Oral - Aurat Method และ Oral Iinguistic method แตใ่ นปัจจบุ นั นิยมเรยี กวำ่ Audio – Lingual Method กำร สอนวธิ ีนีย้ ดึ ทฤษฎีท่วี ำ่ ภำษำทกุ ภำษำในโลกยอ่ มมรี ะบบ เสยี ง โครงสรำ้ ง (วยำกรณ)์ และควำมหมำยเป็นของตนโดยเฉพำะ และยดึ หลกั จติ วทิ ยำกำรเรยี นรูแ้ บบศกึ ษำพฤติกรรม (behaviorism) ซง่ึ เชอื่ วำ่ ภำษำนนั้ เป็น พฤติกรรม เมื่อนกั เรยี นมสี ิ่งเรำ้ ซง่ึ เกิดขนึ้ โดยกำรทค่ี รูเป็นผใู้ ห้ แบบอยำ่ งทำงภำษำโดยกำรพดู หรอื เขียน เม่ือนกั เรยี นฟังหรอื อำ่ นแลว้ ก็มี พฤติกรรมตอบสนองโดยกำรพดู หรอื เขียน ตลอดเวลำผสู้ อนและนกั เรยี นจะมี พฤตกิ รรมตอบไดส้ มั พนั ธก์ นั คือครูประเมนิ ผลโดยกำรพิจำรณำจำก กำรตอบสนองของนกั เรยี น ประเมินต่ำแลว้ ใหก้ ำรฝึกอยำ่ งหนกั หนว่ งเป็นกำร เสรมิ แรง (reinforcement โดยใชว้ ิธีกำรฝึกโครงสรำ้ ง (patter) ซำ้ ๆ กนั หลำย ครงั้ เพือ่ ใหน้ กั เรยี นสำมำรถใชภ้ ำษำใดอ้ ยำ่ งอตั โนมตั ิ วธิ ีกำรสอนแบบฟัง – พดู ไดร้ บั กำรพฒั นำขนึ้ มำจำก 2 แนวคดิ คอื ดำ้ น ภำษำศำสตรโ์ ครงสรำ้ ง และดำ้ นจิตวิทยำพฤตกิ รรมนิยม (Richardsand Rogers, 2001, pp. 54 - 58)

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 23 วิธีการสอน แนวคดิ ท่ี 1 ดำ้ นภำษำศำสตรโ์ ครงสรำ้ ง นกั ภำษำศำสตรโ์ ครงสรำ้ งไดอ้ ธิบำย ลกั ษณะของคำวำ่ \"โครงสรำ้ ง\" ดงั นี้ 1. โครงสรำ้ งภำษำเป็นสงิ่ ท่เี ช่ือมโยงองคป์ ระกอบของภำษำสนั พนั ธก์ นั 2. โครงสรำ้ งภำษำสำมำรถนำไปอธิบำยภำษำไดท้ กุ ระดบั เชน่ ระดบั เสยี ง ระดบั คำ 3. ระบบของภำษำแตล่ ะระดบั มคี วำมสมั พนั ธก์ นั จำกระบบเล็กไปส่รู ะบบ ใหญ่ เชน่ ระบบเสียงสมั พนั ธก์ บั ระบบคำ ในขณะเดยี วกนั ระบบคำก็สมั พนั ธก์ บั ระบบประโยค เป็นตน้ ปวณี ยั บญุ ปก (2550 : 10) กลำ่ ววำ่ กำรเรยี นภำษำควรเรยี นไปตำม ระบบโครงสรำ้ งภำษำ นอกจำกนีน้ กั ภำษำศำสตรก์ ลมุ่ นีเ้ ชอ่ื วำ่ \"ภำษำพดู คอื ภำษำ\" เพรำะภำษำหลำยภำษำในโลกนีไ้ มม่ ีภำษำเขียน และโดยธรรมชำตแิ ลว้ มนษุ ยเ์ รยี นรูท้ ี่จะพดู ก่อนอำ่ นและเขียน ดงั นนั้ กำรเรยี นภำษำจึงควรเรม่ิ จำก ทกั ษะกำรพดู แนวคดิ ท่ี 2 ดำ้ นจิตวทิ ยำพฤตกิ รรมนิยม นกั จิตวทิ ยำพฤติกรรมนิยม เชือ่ วำ่ มนษุ ยจ์ ะสำมำรถเรยี นรูภ้ ำษำจนสำมำรถนำไปใชใ้ ดโ้ ดยไมต่ อ้ งหยดุ คิด (overleam) ไดจ้ ำกกำรสรำ้ งพฤติกรรม (habit - formation) คือ มนษุ ยส์ ำมำรถเรยี นรูภ้ ำษำจนสำมำรถนำไปใชใ้ ดโ้ ดยอตั โนมตั ิดว้ ยกำรกระทำ ซำ้ ๆ เพื่อใหเ้ กิดเป็นนิสยั ซง่ึ กำรสรำ้ งนิสยั ทำงภำษำตอ้ งอำศัยองคป์ ระกอบ 3 อยำ่ ง ไดแ้ ก่

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 24 วิธีการสอน 1. ส่งิ เรำ้ (stimulus) คอื เนือ้ หำที่ครูสอนหรอื นำเสนอออกมำเป็น ภำษำเป้ำหมำย 2. กำรตอบสนอง (response) คอื กำรท่ีนกั เรยี นมีปฏิกิรยิ ำตอบสนองตอ่ สิ่งเรำ้ เชน่ กำรนกึ พดู ตำมตน้ แบบทีส่ อนมำ 3. กำรเสรมิ แรง (reinforcement) คอื ปัจจยั ท่สี นบั สนนุ หรอื กระตนุ้ ให้ นกั เรยี นเกิดกำรตอบสนองตอ่ สิ่งเรำ้ เป็นตน้ วำ่ คำชมจำกครูหรอื เพื่อนรำ่ มชนั้ ควำมพงึ พอใจของตนเองเกี่ยวกบั กำรใชภ้ ำษำเปำ้ หมำย 2. รูปแบบการสอนของวิธีสอนแบบฟัง - พดู กำรเรยี นกำรสอนดว้ ยวิธีสอนแบบฟัง – พดู จะใชภ้ ำษำเปำ้ หมำยเป็น สอ่ื กลำงในกำรส่ือสำรสว่ นกำรนำเสนอเนือ้ หำจะอยใู่ นรูปแบบของบทสนทนำ ตำมสถำนกำรณต์ ำ่ ง โดยมีรูปแบบกำรสอนดงั ตอ่ ไปนี้ (Larsen Freeman, 2000 : Richard and Rogers, 2001) 1. นกั เรยี นฟังบทสนทนำจำกครูหรอื จำกเทปบนั ทกึ เสยี งและพยำยำมจำ บทสนทนำนนั้ จำกนนั้ ใหน้ กั เรยี นฟังคำอธิบำยเนือ้ หำในบทสนทนำเป็น ภำษำเป้ำหมำยจำกครู 2.ใหน้ กั เรยี นทงั้ ชนั้ พดู บทสนทนำตำมครูหรอื ตำมเทปบนั ทกึ เสียงทีละ บรรทดั ซำ้ กนั หลำย ๆ ครงั้ โดยนกั เรยี นตอ้ งพยำยำมพดู ใหไ้ ดใ้ กลเ้ คียงกบั ตน้ แบบมำกที่สดุ 3. ในกรณีที่นกั เรยี นพดู บทสนทนำติดขดั ครูจะนำประโยคทีต่ ดิ ขดั มำฝึก เป็นพิเศษ โดยใชเ้ ทคนิคกำรสอนแบบเพ่มิ สว่ นประโยคจนกระท่งั นกั เรียน สำมำรถพดู ประโยคดงั กลำ่ วได้ 4. ใหน้ กั เรยี นพดู บทสนทนำทงั้ หมดตำมครูเพื่อใหน้ กั เรยี นจำบทสนทนำ ทงั้ หมดได้

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 25 วิธีการสอน 6. ฝึกโครงสรำ้ งไวยำกรณจ์ ำกประโยคในบทสนทนำ โดยใชเ้ ทคนิคกำร ฝึกฝนชนิดตำ่ ง ๆ ตำมควำมเหมำะสม และครูอำ่ นเพ่ิมเตมิ ไวยำกรณโ์ ครงสรำ้ งอน่ื ท่มี ีควำมคลำ้ ยคลงึ กบั โครงสรำ้ งในบทสนหนำใหแ้ กน่ กั เรยี น 7. กอ่ นท่ีจะจบบทเรยี นครูใหน้ กั เรยี นทบทวนบทสนทนำอกี ครงั้ หนึ่ง ซง่ึ จะ ทำใหเ้ หน็ วำ่ นกั เรยี นจำและพดู ไดค้ ลอ่ งแคลว่ 3. เทคนิคการสอนของวิธีสอนแบบฟัง - พดู กำรทจี่ ะปฏิบตั ติ ำมรูปแบบกำรสอนของวธิ ีสอนแบบฟัง – พดู ใหไ้ ด้ ผลลพั ธจ์ ำเป็นตอ้ งอำศยั เทคนิคกำรสอนตงั ตอ่ ไปนี้ (Larsen - Fieeman2000 : Richard and Rogers. 2001) 1. กำรฝึกพดู ซำ้ (repettion) คอื กำรทีน่ กั เรยี นทกุ คนฝึกพดู ตำมครูหรอื ฝึก พดู ตำมเทปบนั ทกึ เสยี ง ทลี ะประโยค โดยพยำยำมพดู ใหใ้ ดใ้ กลเ้ คียงกบั ตน้ แบบมำกท่สี ดุ 2. กำรฝึกแบบเพม่ิ สว่ นของประโยค (backwardbuild - up (expansion) drill) เรม่ิ จำกสว่ นเลก็ ๆ เป็นตน้ มำ แลว้ ขยำยควำมยำวขนึ้ เรอื่ ย ๆ จนนักเรยี น สำมำรถพดู ไดท้ งั้ ประโยค 3. กำรฝึกแบบลกู โซ่ (chain dill) คอื กำรฝึกไดต้ อบตำมบทสนทนำ โดย พดู ตอ่ ๆ กนั ทงั้ หอ้ งกำรฝึกจะเรมิ่ จำกครูกบั นกั เรยี นคนท่ี 1 จำกนนั้ นกั เรยี นคนที่ 1 จะฝึกกบั นกั เรยี นคนท่ี 2 เรอื่ ยไป

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 26 วิธีการสอน 4. กำรทอ่ งจำบทสนทนำ (dialogue Memonzation) คอื กำรท่นี กั เรยี น ทอ่ งจำบทสนทนำจำกกำรพดู ตำมครูและจำกกำรแสดงบทบำทสมมติ 5. กำรฝึกแทนคำในชอ่ งวำ่ งเพยี งชอ่ งเดยี ว (single-slot substitution drill) คือ ครูกลำ่ วประโยคมำ 1 ประโยคจำกบทสนทนำ หลงั จำกนนั้ ใหค้ ำหรอื วลีมำแลว้ ใหน้ กั เรยี นพดู ประโยคดงั กลำ่ วซำ้ 6. กำรฝึกแทนคำในชอ่ งวำ่ งหลำย ๆ ที่ (multiple-slot substitution drill) คือ มีลกั ษณะคลำ้ ยกบั กำรฝึกแทนคำในชอ่ งวำ่ งเพยี งชอ่ งเดยี ว แตจ่ ำนวนของคำ หรอื วลีท่ีตอ้ งแทนที่จะมมี ำกขนึ้ 7. กำรใชค้ เู่ ทียบเสยี ง (use of minimal pair) คอื กำรท่ีครูเลือกคำขึน้ มำคู่ หนง่ึ ซงึ่ ตอ้ งเป็นคำทีแ่ ตกตำ่ งกนั เพยี งเสยี งเดียวมำเปรยี บเทียบกำรออกเสียงให้ นกั เรยี นเหน็ ควำมแตกตำ่ งของเสยี ง 8. กำรฝึกเปล่ยี นรูปประโยค (transformation drill) คือ กำรทค่ี รูบอกประโยค 1 ประโยค แลว้ ใหน้ กั เรยี นเปล่ียนประโยคนนั้ ใหอ้ ยใู่ นรูปแบบอน่ื เชน่ จำกประโยค บอกเลำ่ เป็นประโยคคำถำม 9. กำรฝึกถำม - ตอบ (question and answer drill) คือ กำรทค่ี รูฝึกให้ นกั เรยี นตอบคำถำมหรอื ถำมคำถำมไดอ้ ยำ่ งรวดเรว็ 10. กำรเติมบทสนทนำ (complete the dialogue) คอื กำรทค่ี รูลบคำออก จำกบทสนทนำทเ่ี รยี นมำแลว้ เพื่อใหน้ กั เรยี นเตมิ คำในชอ่ งวำ่ งนนั้ ใหส้ มบรู ณ์ 11. กำรเลน่ เกมไวยำกรณ์ (grammar games) คือ กำรเลน่ เกมเพื่อฝึกไวยำกรณใ์ น บรบิ ทนนั้ ๆ โดยเนน้ กำรพดู ซำ้ เป็นสำคญั

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 27 วิธีการสอน 4. ขอ้ ดีและข้อจากดั ของวธิ ีสอนแบบฟัง - พูด ขอ้ ดี 1.สอนตำมหลกั ธรรมชำตขิ องกำรเรยี นภำษำ 2. สง่ เสรมิ ใหน้ กั เรยี นเขำ้ ใจภำษำไดโ้ ดยเรว็ เป็นกำรประหยดั เวลำ 3. กำรสอนจะชว่ ยใหน้ กั เรยี นพอใจและสนกุ สนำน เพรำะนกั เรยี นจะเป็น ฝ่ำยทม่ี ีกิจกรรมตลอดเวลำ ทำใหบ้ ทเรยี นมชี ีวิต 4. นกั เรยี นมคี วำมม่นั ใจวำ่ ตนใชภ้ ำษำไดถ้ กู ตอ้ ง เพรำะมแี บบของภำษำท่ี ถกู ตอ้ งเป็นแบบอยำ่ ง 5. นกั เรยี นเรยี นดว้ ยควำมรูส้ กึ สบำยใจ เพรำะบทเรยี นเรม่ิ จำกของจ่ำยและ คอ่ ย ๆ มำกเพิ่มขนึ้ เป็นขนั้ ๆ ไป 6. นกั เรยี นรูส้ กึ วำ่ สิ่งทคี่ นเรยี นไปนนั้ มองเห็นผลทจี่ ะไดร้ บั ปลำยทำงวำ่ เม่อื เรยี นแลว้ จะเอำไปพดู อำ่ นและเขียนก็ได้ ขอ้ จากัด 1. นกั เรยี นไมม่ ่นั คงในควำมรู้ เพรำะกำรสอนเนน้ ที่กำรแสดงออกอย่ำง เดยี ว ไมเ่ นน้ กำรเรยี นรูค้ วำมหมำยของภำษำ 2. นกั เรยี นไมม่ ีควำมสำมำรถในกำรสรำ้ งสรรคป์ ระโยค เพรำะเรยี นโดยวิธี เลียนแบบเป็นสว่ นใหญ่ ควำมรูค้ วำมสำมำรถจงึ อยใู่ นลกั ษณะทจ่ี ำกัด 3. ครูจะตอ้ งเตรยี มบทเรยี นนำนและละเอียดถ่ีถว้ น ทงั้ จะตอ้ งเตรียม อปุ กรณป์ ระกอบกำรสอนอยำ่ งมำก 4. ครูจะตอ้ งใชเ้ วลำในกำรสอนมำก เพรำะกำรสอนทกุ ทกั ษะจะตอ้ งใชว้ ิธี ฝึกอยำ่ งหนกั หน่วง เพอื่ ใหน้ กั เรยี นมคี วำมสำมำรถในกำรใชภ้ ำษำอยำ่ งอตั โนมตั ิ

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 28 วิธีการสอน วิธีการสอนแบบชักชวน (Suggestopedia) วธิ ีสอนนีต้ งั้ อยบู่ นพนื้ ฐำนของแนวคิดวำ่ สมองซกี กขวำของมนุษยพ์ ฒั นำได้ ดจี ำกกำรใชเ้ ทคนิค \"ชกั ชวน\" (suggestion) ดงั นนั้ กำรสอนแบบชกั ชวน suggestopedia จงึ เป็นวิธีทค่ี รูตอ้ งมที กั ษะ ในกำรรอ้ งเพลงแสดงทำ่ ทำง และรู้ เทคนิคกำรบำบดั ทำงจติ วิทยำ (psychotherapeutic techniques) วิธีกำรสอนจะ ใชเ้ ทคนิคกำรออกกำลงั กำย เพื่อขจดั ควำมวติ กกงั วลท่ีเป็นเหตใุ หส้ กดั กนั้ กำร เรยี นรูข้ องผเู้ รยี นกิจกรรมตำ่ งๆดงั กลำ่ วประกอบดว้ ยกำรใชด้ นตรี รูปภำพ (visual image) บทสนทนำตำ่ ง ๆ ทใ่ี หผ้ เู้ รยี นไดท้ ำกิจกรรมเหลำ่ นีภ้ ำยใตบ้ รรยำกำศที่ สบำยไมเ่ ป็นทำงกำรไมม่ ีกำรแกไ้ ข ขอ้ ผิดพลำดของผเู้ รยี น

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 29 วิธีการสอน เป้าหมายหลัก 1.บรรยำกำศหอ้ งเรยี นสะดวกสบำย มคี วำมผอ่ นคลำย 2.ผเู้ รยี นสำมำรถเรยี นรูโ้ ดยไมร่ ูต้ วั จำกสิ่งตำ่ งๆทอี่ ยรู่ อบ ๆ 3.ถำ้ นกั เรียนเชื่อใจและเคำรพในบทบำทของครู ก็จะสำมำรถรับ ขอ้ มลู ไดด้ ีขนึ้ 4.ครูตอ้ งพยำยำมกำจดั ส่ิงท่ีผเู้ รยี นสรำ้ งขนึ้ มำ 5.ทำอย่ำงไรก็ไดใ้ หน้ ักเรียนเกิดควำมม่ันใจ เพรำะยิ่งม่ันใจมำก เทำ่ ไหร่ ก็จะเรยี นรูไ้ ดด้ มี ำกฃนึ้ เทำ่ นนั้ 6. ใชภ้ ำษำแมใ่ นกำรอธิบำยใหเ้ ขำ้ ใจ 7. ใชศ้ ิลปะตำ่ ง ๆ นำมำบรู ณำกำร 8. ตอ้ งรบั ขอ้ ผิดพลำดตำ่ ง ๆ ท่ผี เู้ รยี นสรำ้ งขนึ้ ได้

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 30 วิธีการสอน ข้นั ตอนการสอน 1. นกั เรยี นสมมตุ ติ วั เองเป็นคนใหม่ ชื่อใหม่ อำชีพใหม่ 2. ครูสอนบทสนทนำ คำศพั ท์ ไวยำกรณ์ 3. ครูอำ่ นบทสนทนำใหฟ้ ังสองรอบ รอบท1ี่ ทำเสยี งใหส้ อดคลอ้ งกบั เสียงดนตรี รอบท2ี่ อำ่ นเรว็ กว่ำปกติ มดี นตรปี ระกอบกำร อำ่ น เด็กฟังตำมสบำย 4. ใหผ้ เู้ รยี นไดร้ บั โอกำสในกำรทำกิจกรรมท่ีหลำกหลำย เช่น ละคร เกม

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 31 วิธีการสอน การสอนแบบชักชวน (Suggestopedia) มีข้อดดี งั นี้ 1. ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรูภ้ ำษำอยำ่ งธรรมชำติ 2. ผเู้ รยี นไมก่ งั วลกบั ควำมผิดพลำดในกำรใชภ้ ำษำ จงึ ทำใหเ้ รยี นรู้ และรบั รูภ้ ำษำไดเ้ รว็ 3. ผเู้ รยี นมคี วำมม่นั ใจในกำรใชภ้ ำษำเพ่ือกำรส่อื สำรกับผอู้ ื่นได้ 4. ผเู้ รยี นเกิดแรงจงู ใจและมคี วำมสนใจในกำรเรยี นภำษำตอ่ ไป เรอื่ ย ๆ การสอนแบบชักชวน (Suggestopedia) มีข้อจากดั ดังนี้ 1. ผสู้ อนตอ้ งใชค้ วำมอดทนอยำ่ งมำกในกำรสอน 2. กำรสอนแบบนใี้ ชก้ บั นกั เรยี นกลมุ่ เล็ก 3. ผสู้ อนควรมลี กั ษณะท่กี ระฉบั กระเฉง มกี ำรเตรยี มกำร และจดั สงิ่ แวดลอ้ มทีด่ ใี นกำรสอน

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 32 ผงั มโนทศั น์แสดงโครงสรา้ งหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ 1 เรื่อง ผลไม้รอบตัวฉัน หน่วย เรียนรูช้ ื่อผลไมไ้ ทย 5 ชนิด คือ ทบั ทิม “ผลไม้ไทยในบา้ นสวน” มะเฟื อง ฝร่งั สม้ และองนุ่ จานวน 3 แผน แผนการจดั การเรยี นรู้ 2 เวลาทง้ั หมด 6 ช่วั โมง เรื่อง สีสันผลไมไ้ ทย เรียนรูส้ ีผลไม้ ไดแ้ ก่ สสี ม้ สีแดง สี เขียว สีมว่ ง และสีเหลือง แผนการจดั การเรียนรู้ 3 เร่ือง ประโยชนข์ องผลไม้ไทยอะไรเอ่ย พดู ประโยคสนทนำท่ีกำหนดให้ เกี่ยวกบั กำร แนะนำผลไม้ สขี องผลไม้ ไดแ้ ก่ มะเฟื อง ทบั ทมิ สม้ อง่นุ ฝร่งั รวมถงึ กำรพดู สนทนำเก่ียวกบั ประโยชนข์ องผลไม้

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 33 แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 1 เรอ่ื ง ผลไม้รอบตัวฉัน เวลา 2 ช่งั โมง 1. สาระการเรยี นรู้ กำรบอกชอ่ื ผลไมแ้ ละกำรออกเสยี งผลไม้ นกั เรยี นตอ้ งใชท้ กั ษะในกำรฟังและ ดู รวมถงึ วิธีกำรชกั ชวนจำกส่ือเพลง ภำพประกอบจำกครูผสู้ อน จำกนนั้ จึงฝึกพดู ออกเสียงชื่อผลไม้ ทงั้ 5 ชนิด คอื ทบั ทมิ มะเฟือง ฝร่งั สม้ และอง่นุ ซง่ึ จะทำให้ นกั เรยี นเกิดกำรเรยี นรูช้ ื่อผลไมท้ งั้ 5 ชนิด พรอ้ มทงั้ สำมำรถบอกชื่อและออกเสียงชื่อ ผลไมไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสำมำรถบอกชื่อผลไมไ้ ด้ 2. นกั เรยี นสำมำรถออกเสยี งช่ือผลไมไ้ ด้ 3. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน 1.ครูทักทำยนักเรียนดว้ ยกำรไหวแ้ ละพูดสวัสดีเป็นภำษำไทย จำกนั้นให้ นกั เรยี นพดู ตำม 2. ครูรอ้ งเพลงเป็นชอ่ื ของผลไม้ 5 ชนิดในขณะที่รอ้ งเพลงครูก็ชบู ตั รภำพผลไม้ ขนึ้ มำและใหน้ กั เรยี นฟังและสงั เกตวำ่ บตั รภำพผลไมท้ คี่ รูชอู ยนู่ ั้นมผี ลไมอ้ ะไรบำ้ ง 3.ครูตงั้ คำถำมกับนักเรียนเป็นภำษำไทยว่ำ “ผลไมท้ ี่ครูแสดงใหด้ ูจำกบตั ร ภำพผลไมน้ นั้ นกั เรยี นเคยเหน็ หรอื เคยรบั ประทำนผลไมช้ นิดใดบำ้ ง” โดยใหน้ ักเรยี น ลองตอบคำถำมเป็นภำษำไทย

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 34 ขั้นสอน 4. ครูใหน้ กั เรยี นเลน่ เกม “ตะลยุ คำถำมมหำสนกุ ” โดยใหน้ กั เรยี นดรู ูป ผลไมจ้ ำก Powerpoint แลว้ ลองทำยวำ่ เป็นชอ่ื ผลไมอ้ ะไร 5. ครูนำบตั รภำพผลไมท้ งั้ 5 ชนิดคือ ทับทิม มะเฟื อง ฝร่ัง สม้ และ อง่นุ มำชูใหน้ ักเรียนดทู ีละภำพพรอ้ มทงั้ ออกเสียงชื่อผลไมช้ นิดนั้น และให้ นกั เรยี นออกเสยี งชือ่ ผลไมต้ ำมครูชนิดละ 2 – 3 ครงั้ 6. ครูใหน้ กั เรียนใชโ้ ทรศพั ทส์ แกนคิวอำรโ์ คด้ กำรออกเสียงชื่อผลไม้ จำกบตั รภำพผลไมแ้ ละใหน้ กั เรยี นลองฟังและฝึกพดู ชอ่ื ผลไมต้ ำมเสยี งนนั้ 7. ครูชบู ตั รภำพขึน้ มำทีละภำพและใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียงช่ือผลไม้ ต่ำง ๆ ดว้ ยตนเองใหถ้ ูกตอ้ งและคล่องแคล่วโดยท่ีครูไม่ตอ้ งพำพูด แต่เป็น ผูใ้ หค้ ำแนะนำในกำรออกเสียงจนนักเรียนสำมำรถพูดออกเสียงผลไม้ได้ คลอ่ งแคลว่ และถกู ตอ้ ง 8. เม่ือนกั เรยี นสำมำรถพดู ออกเสียงผลไมไ้ ดแ้ ลว้ ครูใหน้ ักเรยี นปฏิบตั ิ กิจกรรมในแบบฝึกหดั ที่ 1 (ใหน้ ักเรยี นฟังครูออกเสียงชื่อผลไมแ้ ลว้ จบั คชู่ ่ือ ผลไมก้ บั รูปภำพผลไมใ้ หถ้ กู ตอ้ ง)

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 35 9. ครูใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในแบบฝึกหดั ที่ 2 (ใหน้ กั เรยี นฟังครูออก เสยี งช่ือผลไมแ้ ลว้ วงกลมลอ้ มรอบคำทีส่ มั พนั ธก์ บั ภำพไดถ้ กู ตอ้ ง) 10. ครูเฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 1 และ 2 ตำมลำดบั เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นทรำบผลกำร ปฏิบตั ิกิจกรรมของตนเอง เพ่อื ทีจ่ ะนำไปปรบั ปรุงตนเองตอ่ ไป 11. ครูใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบกำรออกเสียงชื่อผลไม้ (ใหน้ กั เรยี นออก เสยี งช่ือผลไมใ้ หถ้ กู ตอ้ ง โดยครูทำกำรทดสอบทลี ะคน) เมอ่ื ครูใหน้ กั เรยี นออก เสยี งช่ือผลไมเ้ สรจ็ ครูเฉลยคำตอบใหน้ กั เรยี นทรำบทนั ทีวำ่ ถกู หรือผิด หำก นกั เรยี นตอบผิดครูจะเฉลยคำตอบท่ถี กู ใหน้ กั เรยี นทรำบและใหอ้ อกเสียงตำมครู อกี ครงั้ จนนกั เรยี นสำมำรถออกเสยี งได้ แลว้ จงึ เรม่ิ ใหน้ กั เรยี นทำแบบทดสอบขอ้ ตอ่ ไป ขนั้ สรุป 12. ครูใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนคำศพั ทช์ ื่อผลไมแ้ ละสรุปควำมรูจ้ ำก เนือ้ หำทีไ่ ดเ้ รยี นรูค้ อื บอกชื่อผลไมแ้ ละออกเสียงโดยครูจะชบู ตั รภำพมำให้ นกั เรยี นดทู ลี ะภำพและใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั ออกเสียงชอื่ ผลไมใ้ หถ้ ูกตอ้ ง

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 36 4. สื่อการเรียนรู้ 1. เพลงชอื่ ผลไม้ 2. บตั รภำพผลไม้ 5 ชนิด คือ ทบั ทิม มะเฟือง ฝร่งั สม้ และองนุ่ 3. Powerpoint เกม “ตะลยุ คำถำมมหำสนกุ ” 5. การวดั และประเมนิ ผล จุดประสงคก์ าร วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ เรียนรู้ 3 คะแนนขนึ้ ไป ผำ่ นเกณฑ์ 1. นักเรียน - ตรวจแบบฝึกหดั ท่ี 1 -แบบวดั และ สามารถบอกชอ่ื - ตรวจแบบฝึกหดั ที่ 2 ประเมนิ ผล ผลไมไ้ ด้ แบบฝึกหดั ท่ี 1 2.นักเรียน -แบบวดั และ สามารถออก ประเมินผล เสียงช่อื ผลไม้ได้ แบบฝึกหดั ที่ 2 - ใหน้ กั เรยี นทำแบบ -แบบทดสอบกำร ทด สอบกำรออกเสียง ออกเสียงชือ่ ผลไม้ ชื่อผลไม้

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 37 แบบฝึกหดั ที่ 1 คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรยี นฟังครูออกเสียงช่อื ผลไมแ้ ลว้ จบั คชู่ ือ่ ผลไมก้ บั รูปภำพผลไมใ้ หถ้ กู ตอ้ ง Instructions : Have students listen to the teacher pronounce the fruit names and match the fruit names with the pictures of the fruits correctly. 1. Example องุ่น A ngóon 2. ส้ม Sôm 3. ทบั ทิม Tub tim 4. มะเฟื อง 5. Ma Fueang ฝร่ัง Fa rúng

คู่มือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 38 แบบฝึกหดั ที่ 2 คาชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนฟังครูออกเสียงช่ือผลไมแ้ ลว้ วงกลมรูปภำพท่ีตรงกบั คำศพั ทท์ ี่ครูพดู ใหถ้ กู ตอ้ ง Instructions : for students to listen to the teacher pronounce the name of the fruit and circle the pictures that match the words spoken by the teacher correctly. Example 1. ทับทิม Tub tim ก. ข. ค. ข. ค. 2. ส้ม Sôm ก. 3. มะเฟื อง Ma Fueang ก. ข. ค. 4. องุ่น A ngóon ก. ข. ค. ข. ค. 5. ฝีั่ง Fa rúng ก.

คูม่ อื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 39 แบบทดสอบการออกเสียง คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นออกเสยี งชือ่ ผลไมใ้ หถ้ กู ตอ้ ง Instructions : for students to pronounce the name of the fruit correctly. 1. ทับทมิ ออกเสยี งถกู ตอ้ ง ออกเสียงผดิ 2. ฝีั่ง ออกเสียงถกู ตอ้ ง ออกเสียงผดิ 3. ส้ม ออกเสยี งถกู ตอ้ ง ออกเสยี งผดิ 4. มะเฟื อง ออกเสยี งถกู ตอ้ ง ออกเสียงผดิ 5. องุ่น ออกเสยี งถกู ตอ้ ง ออกเสยี งผดิ

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 40 แบบวดั ผละและการประเมินผลแบบฝึกหดั ที่ 1 คาชแี้ จง : ใหค้ รูบนั ทกึ คะแนนจำกกำรปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในแบบฝึกหดั ท่ี 1 ของ นกั เรยี นและทำเครอ่ื งหมำย ✓ ในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน คำตอบ ผลกำรประเมนิ เลขที่ ชื่อ-สกลุ ขอ้ 1 ขอ้ 2 ขอ้ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5 ทบั ทมิ มะเฟื อง ฝรั่ง สม้ องุ่น รวม ผำ่ น ไมผ่ ำ่ น 1010101010 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 41 แบบวดั ผละและการประเมินผลแบบฝึกหดั ท่ี 2 คาชีแ้ จง : ใหค้ รูบนั ทกึ คะแนนจำกกำรปฏิบตั กิ ิจกรรมในแบบฝึกหดั ท่ี 2 ของ นกั เรยี นและทำเครอ่ื งหมำย ✓ ในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คำตอบ ผลกำรประเมนิ เลขท่ี ช่ือ-สกลุ ขอ้ 1 ขอ้ 2 ขอ้ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5 ทบั ทมิ สม้ มะเฟือง องุ่น ฝรั่ง รวม ผำ่ น ไมผ่ ำ่ น 1010101010 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

คูม่ ือการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 42 แบบวดั และประเมินผลแบบทดสอบการออกเสียง คาชีแ้ จง : ใหค้ รูบนั ทกึ คะแนนจำกกำรปฏิบตั กิ ิจกรรมในแบบฝึกหดั ท่ี 3 ของ นกั เรยี นและทำเครอ่ื งหมำย ✓ ในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คำตอบ ผลกำรประเมนิ เลขที่ ชื่อ-สกลุ ขอ้ 1 ขอ้ 2 ขอ้ 3 ขอ้ 4 ขอ้ 5 ทบั ทมิ ฝรั่ง สม้ มะเฟือง องุ่น รวม ผำ่ น ไมผ่ ำ่ น 1010101010 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 43 เฉลยแบบฝึกหดั ท่ี 1 คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นฟังครูออกเสยี งชอื่ ผลไมแ้ ลว้ จบั คชู่ ่ือผลไมก้ ับรูปภำพผลไมใ้ หถ้ กู ตอ้ ง kham chée jang : hâi nák rian fung kroo ook seang chéâ phon la mâi law jub kôo chéâ phon la mâi kub roob pbap phon la mâi hâi toog tong 1. Example องุ่น 2. 3. A ngóon 4. 5. สม้ TuSbômtim ทบั ทิม Tub tim มะเฟื อง Ma Fueang ฝรั่ง Fa rúng

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ 44 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เร่ือง สสี ันผลไมไ้ ทย เวลา 2 ช่วั โมง 1.สาระการเรยี นรู้ กำรบอกและออกเสียงชอื่ ของผลไม้ และสีของผลไม้5 ชนิด ไดแ้ ก่ 1. สม้ - สสี ม้ 2. ทบั ทมิ - สีแดง 3. ฝร่งั - สีเขียว 4. องนุ่ - สมี ว่ ง 5. มะเฟือง – สีเหลอื ง 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสำมำรถบอกสไี ด้ 2. นกั เรยี นสำมำรถบอกสีของผลไมไ้ ด้ 3. นกั เรยี นสำมำรถออกเสยี งสีได้ 4. นกั เรยี นสำมำรถออกเสียงสีของผลไมไ้ ด้ 5. นกั เรยี นพดู ประโยคสนทนำเกี่ยวกบั ผลไม้ 5 ชนิดได้ 3. กิจกรรมการเรียนรู้ ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น 1. ครูทบทวนควำมรูเ้ ดมิ ดว้ ยกำรเปิด ภำพผลไม้ 5 ชนิดใหน้ กั เรยี นดแู ลว้ ถำมนกั เรยี นวำ่ \"น่ีคอื ผลไมอ้ ะไร\" ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ตอบชือ่ ของผลไมต้ ำม ภำพทีไ่ ดเ้ หน็ จำกนนั้ ครูถำมตอ่ วำ่ นกั เรยี นรูห้ รอื ไมว่ ำ่ สขี องผลไมน้ ี้ สีอะไรเพือ่ กระตนุ้ ผเู้ รยี นใหม้ คี วำมสนใจใครร่ ูใ้ นเนือ้ หำตอ่ ไป

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 45 ขนั้ สอน 2. ครูใหน้ กั เรยี นดสู ตี ำ่ ง ๆ จำกสื่อนำเสนอ power point สีสนั ของผลไม้ จำกนนั้ ฝึกออก เสียงตำมครูทีละคน และ ออกเสยี งพรอ้ มกนั ทงั้ หอ้ ง ไดแ้ ก่ 1.สม้ - สีสม้ 2.ทบั ทิม – สแี ดง 3.ฝร่งั – สเี ขียว 4.องนุ่ - สีมว่ ง 5.มะเฟือง – สเี หลอื ง 3. ครูรอ้ งเพลง \"น่ีคือชือ่ ของฉัน\" ใหน้ กั เรยี นฟัง 1 รอบ จำกนนั้ ครูใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั รอ้ ง เพลง พรอ้ มกนั 2 รอบ เพลง \"นี่คือชอื่ ของฉัน\" เธอช่ืออะไร เธอชอ่ื อะไร ฉันชอื่ .............. สม้ ส้ม สม้ ...ส้ม คอื ช่ือของฉันๆ... สีของฉัน สสี ้ม สีส้มๆ ทบั ทมิ ทบั ทมิ ทบั ทมิ ... ทบั ทมิ คือชอื่ ของฉันๆ...สขี องฉัน สแี ดง สีแดงๆ องนุ่ องนุ่ องนุ่ ... องนุ่ คอื ช่อื ของฉันๆ...สีของฉัน สีมว่ ง สีมว่ งๆ ฝร่ัง ฝร่ัง ฝร่ัง... ฝร่งั คือช่ือของฉันๆ...สีของฉัน สีเขยี ว สีเขียวๆ มะเฟื อง มะเฟื อง มะเฟื อง... มะเฟื อง คอื ชอื่ ของฉันๆ...สขี องฉัน สเี หลือง สีเหลืองๆ 4. ครูใหน้ กั เรยี นเลน่ เกม \"ผลไมไ้ ทยอะไรเอย่ \" จำก power point เพื่อใหน้ กั เรยี นเหน็ รูป ผลไมแ้ ลว้ ออกเสยี งผลไมไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง โดยใชร้ ูปผลไม้ ไดแ้ ก่ สม้ ฝร่งั ทบั ทิม องนุ่ มะเฟือง

คู่มอื การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ 46 5. ครูเชื่อมโยงควำมรู้ เรอ่ื ง สีกบั ผลไม้ ครูทดสอบโดยหยบิ ผลไมข้ นึ้ มำแลว้ ถำม-ตอบ ทลี ะคน ( ครูทำกำรทดสอบแลว้ บนั ทกึ คะแนนในแบบบนั ทกึ คะแนนทนั ที ) 5.1 ครูหยิบองนุ่ ขนึ้ มำแลว้ ถำมวำ่ นักเรียน นี่คอื องนุ่ ครู องนุ่ สมี ว่ ง น่ีคอื ผลไมอ้ ะไร ? องนุ่ สอี ะไร? 5.2 ครูหยิบสม้ ขนึ้ มำแลว้ ถำมวำ่ นักเรียน นี่คอื สม้ ครู สม้ สีสม้ นี่คอื ผลไมอ้ ะไร ? สม้ สอี ะไร? 5.3 ครูหยบิ ทบั ทมิ ขนึ้ มำแลว้ ถำมวำ่ นักเรยี น นี่คอื ทบั ทิม ครู ทบั ทมิ สีแดง น่ีคอื ผลไมอ้ ะไร ? ทบั ทิมสีอะไร?


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook