Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานนำเสนอเรื่องสเต็มศึกษา

งานนำเสนอเรื่องสเต็มศึกษา

Description: งานนำเสนอเรื่องสเต็มศึกษา

Search

Read the Text Version

การจดั การเรียนรู้แบบสะเตม็ ศึกษา (Stem Education)

การจดั การเรียนรู้แบบสะเตม็ ศึกษา (STEM Education) คาว่า “สะเต็ม” หรือ “STEM” เป็นคำยอ่ จำกภำษำองั กฤษของศำสตร์ 4 สำขำวิชำ ไดแ้ ก่ วิทยำศำสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วศิ วกรรมศำสตร์(Engineering) และคณิตศำสตร์ (Mathematics) หมำยถึงองคค์ วำมรู้ วชิ ำกำรของศำสตร์ท้งั สี่ท่ีมีควำมเชื่อมโยงกนั ในโลกของควำมเป็นจริงที่ตอ้ งอำศยั องคค์ วำมรู้ต่ำงๆ มำบูรณำกำรเขำ้ ดว้ ยกนั ในกำร ดำเนินชีวติ และกำรทำงำน

ความหมายของการจดั การเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา (STEM Education) สะเต็มศึกษา คือ เป็ นแนวทำงกำรจดั กำรเรียนรู้แบบบูรณำกำร วิทยำศำสตร์เทคโนโลยีวิศวกรรม และคณิตศำสตร์ ที่มุ่งให้ผูเ้ รียนนำควำมรู้ไปใชแ้ กป้ ัญหำในชีวิตจริง โดยจะพฒั นำกระบวนกำรหรือผลผลิต ใหม่ท่ีเป็นประโยชน์ต่อกำรดำเนินชีวิตและกำรประกอบอำชีพ ผำ่ นประสบกำรณ์ในกิจกรรมกำรเรียนรู้แบบ โครงงำนเป็ นฐำน (Project-Based Learning) หรือกิจกรรมกำรเรียนรู้แบบใช้ปัญหำเป็ นฐำน (Problem-Based Learning) ที่ช่วยส่งเสริมให้ผเู้ รียนมีทกั ษะและสมรรถนะท่ีสอดคลอ้ งกบั ควำม ตอ้ งกำรท่ีเปล่ียนแปลงไปตำมสังคมปัจจุบนั และควำมกำ้ วหนำ้ ในศตวรรษท่ี 21

ทาไมต้องจัดการเรียนรู้แบบสะเตม็ ศึกษา ในสงั คมโลกในขณะน้ีมีกำรเปลี่ยนแปลงอยำ่ งรวดเร็วดว้ ยควำมกำ้ วหนำ้ ทำงเทคโนโลยแี ละ กำรสื่อสำร ก่อให้เกิดปรำกฏกำรณ์ท่ีมีขอ้ มูลข่ำวสำรจำนวนมหำศำลอยใู่ นแหล่งต่ำงๆ รวมถึงกำรท่ี ตอ้ งแข่งขนั กนั เพื่อประโยชน์ทำงเศรษฐกิจกำรคำ้ ทำใหท้ ุกประเทศตอ้ งเร่งพฒั นำประชำกรของตนให้ มีคุณภำพสูงข้ึน เพื่อให้สำมำรถดำรงชีวิตและแข่งขนั ในตลำดแรงงำนกบั นำนำอำรยะประเทศได้ เพรำะฉะน้นั จึงตอ้ งมีกำรปรับหลกั สูตรโดยบูรณำกำรกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ คณิตศำสตร์เทคโนโลยี และกระบวนกำรทำงวิศวกรรมศำสตร์ เพ่ือให้ผูเ้ รียนสำมำรถนำไปใชแ้ กป้ ัญหำในชีวิตจริงและกำร ประกอบอำชีพในอนำคต ส่วนของผสู้ อนและผเู้ รียนกต็ อ้ งมี ปรับเปล่ียนตนเองใหม้ ีทกั ษะที่จำเป็นใน กำรเป็นผสู้ อนและผเู้ รียนสำหรับกำรจดั กำรศึกษำในศตวรรษที่ 21

จุดประสงค์ของการจดั การเรียนรู้ ลกั ษณะการจัดการเรียนรู้ ตามแนวทางสะเตม็ ศึกษา ตามแนวทางสะเต็มศึกษา คือ ส่งเสริมให้ผูเ้ รียนรักและเห็น 1. เป็นกำรสอนที่เนน้ กำรบูรณำกำร คุณค่ำของกำรเรียนวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยี 2. ช่วยนกั เรียนสร้ำงควำมเชื่อมโยงระหวำ่ งเน้ือหำวชิ ำ ท้งั 4 กบั ชีวติ ประจำวนั และกำรทำอำชีพ วศิ วกรรมศำสตร์ และคณิตศำสตร์ และเห็น 3. เนน้ กำรพฒั นำทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ว่ำวิชำเหล่ำน้ันเป็ นเรื่องใกล้ตัวที่สำมำรถ นำมำใชไ้ ดท้ ุกวนั 4. ทำ้ ทำยควำมคิดของนกั เรียน 5. เปิ ดโอกำสใหน้ กั เรียนไดแ้ สดงควำมคิดเห็น และ ควำมเขำ้ ใจที่สอดคลอ้ งกบั เน้ือหำท้งั 4วชิ ำ

สะเต็มศึกษาในการจดั การเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ 1.สะเตม็ ศึกษากบั การจดั การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 2.สะเตม็ ศึกษาและการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เน้นจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ตำมแนวทำงสะเต็ม คือ กำรผนวกแนวคิดกำรออกแบบ เชิงวิศวกรรมเขำ้ กบั กำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์ คณิตศำสตร์ และเทคโนโลยี ของ ศึกษำ จะช่วยพฒั นำทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ไดเ้ ป็นอยำ่ งดี ผูเ้ รียน กล่ำวคือ ในขณะท่ีนักเรียนทำกิจกรรมเพ่ือพฒั นำ ยกตัวอย่ำงทักษะกำรเรี ยนรู้ตำมกรอบแนวคิดของ ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และฝึ กทักษะด้ำนวิทยำศำสตร์ มำตรฐำนในกำรเรียนรู้ประกอบด้วย ทักษะในกำรหำ คณิตศำสตร์ และเทคโนโลยี ผเู้ รียนตอ้ งมีโอกำสนำควำมรู้ ควำมรู้ดว้ ยตนเอง ทกั ษะกำรทำงำนร่วมกนั ทกั ษะกำรคิด มำออกแบบวิธีกำรหรือกระบวนกำรเพื่อตอบสนองควำม วเิ ครำะห์/แกป้ ัญหำ ทกั ษะกำรพฒั นำนวตั กรรม ทกั ษะกำร ตอ้ งกำรหรือแกป้ ัญหำที่เก่ียวขอ้ งกบั ชีวติ ประจำวนั เพ่ือให้ ใชช้ ีวิตท่ีมีค่ำ จะเห็นไดว้ ่ำกิจกรรมกำร เรียนรู้แบบบูรณำ ไดเ้ ทคโนโลยซี ่ึงเป็นผลผลิตจำกกระบวนกำรออกแบบเชิง กำรสะเต็มศึกษำ ในรูปแบบโครงงำน หรือกำรพฒั นำ วศิ วกรรม นวตั กรรม

กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมประกอบด้วยองคป์ ระกอบ 5 ขั้นตอน ดังตอ่ ไปนี้ 1. การระบุปัญหา เป็ นข้ันตอนท่ีผูแ้ ก้ปัญหำทำควำม 2.การค้นหาแนวคิดท่ีเก่ยี วข้อง คือ กำรรวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดที่ เขำ้ ใจสิ่งที่เป็นปัญหำในชีวิตประจำวนั และจำเป็นตอ้ งหำ เก่ียวขอ้ งกบั กำรแกป้ ัญหำและประเมินควำมเป็นไปไดค้ วำมคุม้ ทุน วธิ ีกำรหรือสร้ำงสิ่งประดิษฐ์ เพื่อแกป้ ัญหำดงั กล่ำว ขอ้ ดี และขอ้ ดอ้ ยและควำมเหมำะสมเพ่ือเลือกแนวคิดหรือวิธีกำรที่ เหมำะสมที่สุด 3. การวางแผนและพัฒนา ผู้แก้ปัญหำต้องกำหนด ข้นั ตอนย่อยในกำรทำงำนรวมท้งั กำหนดเป้ำหมำย และ 4.การทดสอบและประเมนิ ผล เป็นข้นั ตอนทดสอบและประเมินกำรใช้ ระยะเวลำในกำรดำเนินกำรให้ชดั เจนรวมถึงออกแบบ งำนตน้ แบบเพ่ือแกป้ ัญหำโดยผลท่ีไดอ้ ำจถูกนำมำใชใ้ นกำรปรับปรุง และพฒั นำตน้ แบบ และพฒั นำผลลพั ธ์ใหม้ ีประสิทธิภำพในกำร แกป้ ัญหำมำกข้ึน 5. การนาเสนอผลลัพธ์ หลงั จำกกำรพฒั นำปรับปรุงทดสอบและประเมินวิธีกำรแกป้ ัญหำหรือผลลพั ธ์ จนมีประสิทธิภำพตำมท่ีตอ้ งกำรแลว้ ผแู้ กป้ ัญหำตอ้ งนำเสนอผลลพั ธ์ต่อ สำธำรณชนโดยตอ้ งออกแบบ วธิ ีกำรนำเสนอขอ้ มูลที่เขำ้ ใจง่ำยและน่ำสนใจ

แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสะเตม็ ศึกษา จุดเด่นของกำรจดั กำรเรียนรู้ตำมแนวทำงสะเตม็ ศึกษำ คือกำรบูรณำกำรเพ่ือช่วยนกั เรียนสร้ำง ควำมเชื่อมโยงระหวำ่ งเน้ือหำวชิ ำท้งั 4 สำขำวชิ ำกบั ชีวติ ประจำวนั และกำรประกอบอำชีพ สามารถแ่บง่ได่เปน 4 ระดับ ่ไดแ่ก 1. กำรบูรณำกำรภำยในสำขำวิชำ 2. กำรบูรณำกำรแบบพหุวิทยำกำร 3. กำรบูรณกำรแบบสหวทิ ยำกำร 4. กำรบูรณำกำรแบบขำ้ มสำขำวิชำ

แนวทางการวัดและประเมนิ ผลสะเตม็ ศึกษา 1. กำรประเมินจำกสภำพจริง หมำยถึง กำรประเมินควำมสำมำรถท่ี แทจ้ ริงของผเู้ รียน จำกกำรแสดงออกกำร กระทำหรือผลงำนเพ่ือสร้ำงองคค์ วำมรู้ดว้ ยตนเอง 2. กำรวดั และประเมินผลดำ้ นควำมสำมำรถ ควำมสำมำรถของผเู้ รียน ประเมินไดจ้ ำกกำรแสดงออกโดยตรงจำก กำรทำงำนต่ำงๆจำกสถำนกำรณ์ท่ีกำหนดให้ โดยประเมินจำกกระบวนกำรทำงำน กระบวนกำรคิด โดยเฉพำะควำมคิดข้นั สูง และผลงำนท่ีได้ ลักษณะสาคญั ของการประเมินความสามารถ คือ กำหนดวตั ถุประสงคข์ องงำนวธิ ีกำรทำงำนผลสำเร็จของงำน มีคำสัง่ ควบคุมสถำนกำรณ์ ในกำรปฏิบตั ิงำนและมีเกณฑก์ ำรใหค้ ะแนนที่ชดั เจน กำรประเมินควำมสำมำรถที่แสดงออกของผเู้ รียน ทำไดห้ ลำยแนวทำงต่ำงกนั ข้ึนอยกู่ บั สภำพแวดลอ้ มสถำนกำรณ์และควำมสนใจของผเู้ รียน

ทฤษฎกี ารเรียนรู้ทส่ี นับสนุนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสะเต็มศึกษา ชื่อทฤษฎี คาอธิบาย 1. ทฤษฎกี ารเรียนรู้ทสี่ นับสนุนแนวคดิ ซ่ึงเป็นทฤษฎีท่ีใหค้ วำมสำคญั กบั ตวั ผเู้ รียนเช่ือวำ่ ผเู้ รียนสำมำรถสร้ำงควำมรู้ไดด้ ว้ ย ตนเอง จำกกำรมีปฏิสมั พนั ธก์ บั บุคคลอ่ืนและสิ่งแวดลอ้ มอยำ่ งกระตือรือร้น 2. ทฤษฎกี ารเรียนรู้แบบมสี ่วนร่วม เป็นทฤษฎีที่ใหค้ วำมสำคญั กบั ตวั ผเู้ รียนจุดเนน้ ของกำรเรียนแบบมีส่วนร่วม คือ กำร 3. ทฤษฎกี ารเรียนรู้ของบรูเนอร์(Bruner) ใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมทำงดำ้ นจิตใจ กำรไดร้ ับประสบกำรณ์ท่ีสมั พนั ธ์กบั ชีวติ จริง 4. ทฤษฎกี ารเรียนรู้อย่างมคี วามหมาย 5. ทฤษฎกี ารเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคชันนิสซึม เช่ือวำ่ มนุษยเ์ ลือกจะรับรู้ส่ิงท่ีตนเองสนใจ และ กำรเรียนรู้เกิดจำกกระบวนกำรคน้ พบ ดว้ ยตนเอง เนน้ ควำมสำคญั ของกำรเรียนรู้อยำ่ งมีควำมเขำ้ ใจและมีควำมหมำย กำรเรียนรู้เกิดข้ึน เม่ือผเู้ รียนไดเ้ รียนรวมหรือเชื่อมโยง เป็นกำรเรียนรู้ที่เกิดจำกกำรสร้ำงพลงั ควำมรู้ในตนเองของผเู้ รียน

จัดทาโดย นางสาวอาจินตะนัน ทนิ นิจวงศ์ รหัสนักศึกษา 634186035หมู่ 1 ปี 2 คณะครุศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวยั เสนอ อาจารย์ ประทวน คล้ายสี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมู่บ้านจอมบงึ ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษาพุทธศักราช 2564


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook