แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรูแบบบูรณาการ “วัยเรียนวัยใส รอบรูอ ยางม่ันใจกับเพศวิถศี ึกษา” สาํ หรบั นักเรยี นระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที่ 4 (บรู ณาการกลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย) จัดทําโดย นางสาวศิรวิ ไิ ล มาตรเลงิ ตําแหนงครู โรงเรียนบานคลองหลวง สังกดั สํานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 1 สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ
คํานํา แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ “วัยเรียนวัยใส รอบรู้อย่างม่ันใจกับเพศวิถีศึกษา” สําหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 เล่มน้ี จัดทําขึ้นมาเพื่อเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมส่งเสริม การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน โดยภายในแผนการจัดกิจกรรมเล่มน้ี จะมีเนื้อหาสาระของเพศวิถีและสัมพันธภาพ ศึกษาท่ีมีความสอดคล้องกับตัวช้ีวัด และสาระการเรียนรู้แกนกลางของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ซ่ึงอ้างอิงมาจาก “คู่มือครู : แผนการเรียนรู้เพศวิถีและสัมพันธภาพศึกษา” ท่ีจัดทําข้ึนโดยมูลนิธิแพธทูเฮลท์ (path2health foundation-p2h) โดยภายในแผนการจัดกิจกรรมนี้ได้มีการออกแบบกิจกรมการเรียนรู้เพ่ือ ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างเต็มตามศักยภาพ อีกทั้งยังได้มีการปรับประยุกต์กระบวนการจัดกิจกรรม เพือ่ ใหส้ อดคล้องและเป็นไปตามบริบทของสถานศกึ ษาและผเู้ รียน ทง้ั นี้ แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบบูรณาการ “วยั เรยี นวยั ใส รอบรู้อยา่ งมนั่ ใจกับเพศวถิ ีศกึ ษา” สาํ หรบั นักเรียนระดับช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 เล่มนี้ ได้มีกรอบเนอ้ื หาทีเ่ น้นการทําความเข้าใจเร่ืองเพศวิถีศึกษา แบบรอบด้านในหกมิติ ได้แก่ 1) พัฒนาการของมนุษย์ 2) สัมพันธภาพ 3) ทักษะส่วนบุคคล 4) พฤติกรรมทาง เพศ 5) สุขภาพทางเพศ 6) สังคมและวัฒนธรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดใน “คู่มือแนวทางการจัดการเรียน การสอนเพศวิถีศึกษา” ที่สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) กําหนดให้สถานศึกษาต้องมี การดาํ เนินการตามพระราชบญั ญัติการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภใ์ นวัยรนุ่ พ.ศ. 2559 ดังนั้น ทางผู้จัดทําจึงได้จัดทําแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ “วัยเรียนวัยใส รอบรู้ อย่างม่ันใจกับเพศวิถีศึกษา” สําหรับนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 เล่มนี้ข้ึนมา โดยภายในแผนการจัด กิจกรรมฯ นี้ประกอบด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จํานวน 16 แผน (รวมจํานวน 20 ช่ัวโมง) ซึ่งผู้จัดทํา ได้หวังไว้เป็นอย่างสูงว่าแผนการจัดกิจกรรมฯ เล่มน้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ให้แก่ ผู้เรยี นและนาํ ผูเ้ รียนไปสู่การดํารงชีวติ อยูใ่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งเข้มแข็งและปลอดภัยในอนาคต นางสาวศริ วิ ิไล มาตรเลงิ ตําแหน่งครู โรงเรียนบ้านคลองหลวง
ทําความเขาใจกบั เพศวถิ ศี กึ ษา เพศวถิ ศี ึกษากับเดก็ ประถม/วยั รนุ่ ตอนตน้ จากสถานการณ์ปัญหาเรอ่ื งเพศในเดก็ และเยาวชน ทไี่ ม่ได้จํากัดอยู่แต่เพียงเรื่องท้องกอ่ นวนั อันควร และการตดิ เชอื้ โรคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์ แตห่ ากยังมเี รอ่ื งการล่วงละเมดิ ทางเพศและการใช้ความรุนแรง ผลกระทบทางสขุ ภาพกายใจ และภาระค่าใช้จ่ายอนั เนื่องมาจากความพยายามทจ่ี ะเปลี่ยนแปลงรปู รา่ งหน้าตา ใหส้ วยงามและดึงดูดทางเพศ การล้อเลยี น การรงั แก การตีตรา การเลอื กปฏิบัตติ อ่ บุคคลทแี่ ตกตา่ ง การไม่ สามารถจัดการอารมณข์ องตนเองและการขาดทักษะในการจัดการความสัมพนั ธ์ ซง่ึ สง่ ผลต่อการทาํ รา้ ยทัง้ ตนเองและผูอ้ นื่ ซง่ึ ในหลายกรณที ีถ่ ึงแกช่ วี ติ การไม่เทา่ ทนั ส่อื เทคโนโลยแี ละผลกระทบดา้ นลบจากการใชส้ ่ือ ออนไลน์ เป็นต้น ปรากฏการณแ์ ละข้อเทจ็ จริงเหลา่ น้เี ป็นภาพสะทอ้ นสําคัญ เพอ่ื ให้มกี ารเตรียมเยาวชนให้มคี วามรูแ้ ละ มที กั ษะที่จะเผชญิ หน้าและจดั การสถานการณท์ า้ ทายในชวี ติ โดยเฉพาะในเรอื่ งเพศ ซ่งึ ความรูใ้ นดา้ นของเพศ วถิ ศี ึกษานี้ จะเปน็ สงิ่ ท่ใี ช้ในการดูแลป้องกันตัวเอง เตรยี มความพรอ้ มในการเขา้ สูว่ ัยร่นุ โดยการสร้างการ เรียนรู้ต้องเริม่ ก่อนทเี่ ดก็ ๆ จะเขา้ ส่สู ถานการณเ์ หลา่ นัน้ ซงึ่ วยั ท่ีกาํ ลังจะเขา้ สู่วยั รุ่น จงึ เป็นโอกาสในการเตรยี ม ตัวเพือ่ ใหเ้ ด็ก ๆ ไดม้ คี วามรู้ และเร่ิมฝกึ ฝนทกั ษะพนื้ ฐานท่ีจาํ เป็นทีม่ ีผลต่อการดาํ เนนิ ชีวิตและการตัดสินใจ ในเรื่องต่าง ๆ ทม่ี ผี ลตอ่ การปฏิสมั พนั ธ์กบั ผูค้ นรอบตวั ซ่งึ ความรู้ในทกุ ๆ เร่ืองล้วนแตจ่ ะทวคี วามซับซอ้ น มากข้นึ ตามวัย การเรมิ่ ต้นวางรากฐานทแี่ ขง็ แรงไดอ้ ย่างรวดเร็ว ก็ยง่ิ จะสง่ ผลต่อการพัฒนาเยาวชนให้มี ภมู ติ ้านทานท่เี ข้มแข็ง การเตบิ โตไปเปน็ วัยรุ่นและเปน็ ผูใ้ หญท่ ีม่ สี ุขภาวะท่ดี ี และเปน็ พลเมอื งท่มี ีคณุ ภาพ ของสงั คม อยา่ งไรก็ดี ยงั คงมีผปู้ กครองและครูบางส่วนอาจรู้สกึ กังวลใจ เมื่อคดิ วา่ เดก็ ประถมศึกษาต้องเรียนรู้ เรือ่ งเพศวิถี ดังเสียงสะทอ้ นเหลา่ นี้ เชน่ · ป.4 ยังเด็กไปไหม ยังไม่ควรรเู้ รือ่ งนห้ี รอก · เด็กประถมยังไมร่ ู้จัก ยังไมส่ นใจเรอื่ งเพศเลย · เดก็ บางคนก็รูม้ ากเกนิ วยั ไปแลว้ · ถา้ สอนแลว้ เดก็ ไปลองล่ะ จะทําอย่างไร · ใครจะเป็นคนสอน · ฯลฯ ถงึ แม้ความคิดเห็นเหล่านจี้ ะเป็นความกงั วลใจของผู้ปกครองและครูกต็ าม แต่หากพิจารณาในบรบิ ท ความเปน็ สากล ความเปน็ จรงิ และความคนุ้ ชนิ ท้งั ในเรอื่ งเพศ เรือ่ งการเรยี นการสอน เรอ่ื งวิธคี ดิ ต่อความเป็น เด็กของนกั เรยี น การขาดความเชอื่ มัน่ ในตัวของเด็กและเยาวชนแลว้ ปฏิกิริยาเช่นน้ีอาจหมายถงึ เด็ก ๆ จะต้อง เผชญิ เรือ่ งเพศวถิ ีตามลาํ พงั ซ่งึ ในขณะเดียวกนั เสียงสะทอ้ นเหล่านี้กแ็ สดงให้เหน็ วา่ ความเขา้ ใจเรอื่ งเพศน้ัน ยงั คงผูกตดิ อยู่กบั เร่อื งการมีเพศสัมพันธ์เพยี งอย่างเดียว ซงึ่ การมีขอ้ จํากัดของกระบวนการเรยี นรเู้ หลา่ น้ี ล้วนเป็นเรอื่ งสาํ คญั ท่ตี ้องพิจารณาเพ่อื การเตรียมความพรอ้ มในการจดั การเรยี นรเู้ พศวถิ ีศึกษาใหแ้ ก่เด็ก ๆ เพอื่ พัฒนาผู้เรียนให้มคี วามรแู้ ละเกดิ ทักษะท่ีสําคัญเพ่อื ใหส้ ามารถดาํ รงชีวติ อยู่ในสังคมได้อย่างเขม้ แข็งและ ปลอดภยั
เรียนร้อู ะไรบา้ งในเพศวิถแี ละสมั พนั ธภาพศกึ ษา ? เมือ่ เราทาํ ความเขา้ ใจกบั พัฒนาการของวัยเด็กตอนปลายและวัยรนุ่ ตอนตน้ แลว้ จะเห็นว่า ช่วงวัยนค้ี ือ ชว่ งเวลาที่เปน็ จังหวะและโอกาสท่จี ะสรา้ งและพัฒนาทกั ษะส่วนบุคคลทีส่ ําคญั เชน่ ทกั ษะการควบคมุ ตนเอง ทกั ษะการจัดการอารมณ์ และทักษะการตัดสนิ ใจ เป็นต้น ซ่ึงเปน็ พ้นื ฐานที่สําคัญตอ่ การมีพฤตกิ รรมทางสังคม ทพ่ี งึ ประสงค์ และบ่มเพาะคุณลกั ษณะ อุปนิสยั ด้านบวกและจรยิ ธรรมพนื้ ฐาน ซ่งึ เดก็ ๆ ในวัยน้ีกําลังพฒั นา ความสามารถในการคดิ เชงิ นามธรรม เริม่ เขา้ ใจผลกระทบทตี่ ามมาจากการกระทําตา่ ง ๆ เรม่ิ ปฏิสมั พนั ธ์แบบ ใหม่ ๆ กับเพอ่ื น และเรมิ่ เรียนร้กู ารแก้ปัญหาดว้ ยตวั เอง การคิดและการเรยี นร้ทู จ่ี ะควบคมุ กาํ กับชวี ิตตนเอง ทัง้ หมดนจ้ี ะเป็นพ้ืนฐานสําคญั ตอ่ การสรา้ งตวั ตนทมี่ ่นั คงของนกั เรียน ดังนน้ั แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ “วัยเรียนวยั ใส รอบร้อู ย่างมั่นใจกบั เพศวถิ ี ศึกษา” ในระดับชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 นี้ จะเนน้ เนอ้ื หาในเรือ่ งพัฒนาการและสมั พันธภาพ ซงึ่ จะเปน็ การ เตรียมตัวนกั เรยี นใหเ้ รียนรู้เรอ่ื งการเปลย่ี นแปลงเม่ือเตบิ โตเข้าส่วู ยั รนุ่ เพือ่ ใหเ้ ดก็ ๆ ได้รู้จักตวั เองทัง้ ด้าน รา่ งกายและด้านอารมณ์ รูจ้ กั ความแตกต่างระหวา่ งตนเองกับเพอ่ื น ๆ มีเขา้ ใจความแตกต่างในเร่อื งครอบครวั และเพศวิถี ท้ังเพอื่ เสรมิ สร้างความมั่นใจในตนเองและการเคารพผูอ้ ่นื รวมทงั้ เรียนร้พู ื้นฐานในการมี ปฏิสมั พันธ์กับผ้อู น่ื และรจู้ ักการแบ่งปนั การขอโทษ และการเอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยจะประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท้ังสน้ิ 16 แผน ดังน้ี แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูท้ ี่ 1 ทกุ คนเป็นคนพิเศษ แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ 2 เตบิ โต เปล่ียนแปลง แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 3 สุขภาพดี ถ้าใช้เปน็ แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 4 ครอบครวั มีหลายแบบ แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 5 เพือ่ น แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ี 6 แบ่งปนั แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ 7 เป็นหญงิ เป็นชาย แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นร้ทู ่ี 8 รสู้ ึกอยา่ งไร แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 9 หยอกลอ้ รงั แก ใครสนกุ ? แผนการจดั กิจกรรมการเรียนร้ทู ี่ 10 ขอโทษ แผนการจดั กิจกรรมการเรียนร้ทู ี่ 11 ร้สู ึกบอกได้ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ี่ 12 ฉลาดใช้อนิ เทอรเ์ น็ต แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 13 รสนยิ มทีแ่ ตกต่าง แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ที่ 14 เอชไอวี อยรู่ ่วมกันได้ แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 15 ถุงวเิ ศษ แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นร้ทู ่ี 16 นคี่ อื ฉนั
แนวทางการจดั การเรียนรูเ้ พศวิถีและสมั พันธภาพศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ “วัยเรียนวัยใส รอบร้อู ยา่ งม่นั ใจกับเพศวถิ ีศึกษา”) สาํ หรับนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 เนื่องจากหลกั การสําคญั ในหลกั สตู รการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 คือการสง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รียนได้ พฒั นาและเรียนรดู้ ว้ ยตนเองอยา่ งตอ่ เนื่องตลอดชีวติ โดยถือวา่ ผู้เรียนสําคัญทส่ี ุด เพราะฉะน้ันการจดั ทาํ หลักสตู รในสถานศกึ ษาจึงมคี วามยืดหยุน่ ทั้งดา้ นสาระ เวลา และการจดั การเรยี นรู้ ซ่งึ การจัดกระบวนการ เรียนรูเ้ พศวถิ ีและสัมพนั ธภาพศึกษาระดบั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ดงั กลา่ วน้ี ได้ใหค้ วามสาํ คญั กบั การเรียนรู้ที่ ตอ่ เนือ่ งและเป็นระบบตามลาํ ดับขนั้ ตอนของเน้อื หาและความเช่ือมโยงกับวถิ ีชีวิตของผเู้ รียน เพื่อนาํ ไปสู่ การปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมของผู้เรยี นในระยะยาว จากการวิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางฯ ในหลกั สตู รเพศวิถี และสัมพนั ธภาพศกึ ษาระดับประถมศึกษาปที ่ี 4 พบวา่ เน้อื หาสาระของเพศวิถีและสมั พนั ธภาพศึกษา สอดคลอ้ งกับตัวชวี้ ดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลางของกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ซึง่ เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ ง ย่ิงต่อครผู สู้ อน ทจี่ ะนําแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ “วัยเรียนวัยใส รอบร้อู ย่างม่ันใจกบั เพศ วิถศี กึ ษา” ในระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 น้ี ไปปรบั ใชไ้ ด้ นอกจากน้ี เน้อื หาเพศวิถีและสมั พนั ธภาพศึกษายัง มีความสอดคลอ้ งกับแนวคดิ และแนวทางการจดั กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นอกี ดว้ ย ดงั นัน้ ครูผูส้ อนจึงไดจ้ ดั ทํา แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ พศวถิ แี ละสมั พันธภาพศึกษาแบบบรู ณาการ “วัยเรยี นวยั ใส รอบรูอ้ ยา่ งมั่นใจ กบั เพศวถิ ศี ึกษา” ในระดบั ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 นขี้ ้นึ มา เพือ่ จัดกจิ กรรมการเรียนรใู้ หแ้ กผ่ ู้เรียน ซงึ่ ภายใน แผนการจัดกจิ กรรมนไ้ี ดม้ ีการออกแบบกิจกรมการเรียนรเู้ พ่ือสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รยี นรอู้ ย่างเต็มตามศักยภาพ และเปน็ ไปตามบริบทของสถานศกึ ษาและผเู้ รียน ท้ังนี้ จากการวิเคราะหค์ วามเกี่ยวขอ้ งระหว่างตัวชีว้ ัด และสาระการเรยี นรแู้ กนกลางตามหลกั สตู ร แกนกลางฯ พ.ศ. 2551 พบวา่ เน้ือหาสาระของเพศวถิ ีและสมั พันธภาพศกึ ษามีความสอดคลอ้ งและสามารถ บรู ณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทยตามมาตรฐานและตัวชี้วดั ดังนี้ มาตรฐานและตวั ชีว้ ัดกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย สาระท่ี 3 การฟัง การดู การพดู มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิด และความร้สู ึกในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ป 4/1 จาํ แนกขอ้ เทจ็ จรงิ จากขอ้ คิดเห็น จากเรอ่ื งทีฟ่ ังและดู ป 4/2 พูดสรุปความจากการฟงั และดู ป 4/3 พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรสู้ ึกเกย่ี วกับเรอื่ งที่ฟังและดู ป 4/4 ตง้ั คาํ ถามและตอบคําถามเชงิ เหตุผลจากเรื่องทฟี่ งั และดู ป 4/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด
เมือ่ พจิ ารณาเปา้ หมายในการจัดการเรียนรูเ้ พศวถิ แี ละสมั พนั ธภาพศกึ ษา ซึ่งมงุ่ ส่งเสรมิ ให้เด็กและ เยาวชนได้เรียนรตู้ นเอง และเรียนร้ทู ี่จะสรา้ งและรกั ษาความสมั พนั ธ์กบั ผูอ้ ่ืน เรยี นร้กู ารเปน็ สมาชกิ ที่มีคณุ ภาพ ของสังคมโดยมสี ุขภาพทางเพศและมคี ุณภาพชีวติ ท่ีดี พร้อมท้ังสามารถคดิ วเิ คราะห์ เท่าทัน สามารถ เผชิญหน้ากบั ปัญหา และสามารถบริหารจดั การการดาํ เนินชีวิตของตนเองไดอ้ ย่างมีความรบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ตอ่ ผู้อ่นื และตอ่ สังคม ซึ่งในกระบวนการจดั การเรยี นร้เู พศวิถแี ละสมั พันธภาพศกึ ษาได้ให้ความสาํ คญั กับการ พัฒนาทักษะทจ่ี ําเปน็ ต่อการดําเนินชวี ิตของเยาวชน โดยสอดรับกับสมรรถนะสําคัญทหี่ ลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานไดก้ าํ หนดไวเ้ พอ่ื ม่งุ พัฒนาความร้แู ละทักษะที่จาํ เป็นใหเ้ กิดข้ึนกบั ผเู้ รียน ดังตาราง เปรยี บเทยี บตอ่ ไปนี้ สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รยี น ม่งุ พัฒนาทกั ษะทจี่ ําเป็นตอ่ การดําเนนิ ชีวิต เพศวถิ ศี ึกษารอบด้าน (Personal Skills) 1. ความสามารถในการส่อื สาร • เท่าทันการใหค้ ณุ คา่ กับสง่ิ ต่าง ๆ ซ่ึงเปน็ ตัวช้ีนํา พฤตกิ รรม 2. ความสามารถในการคดิ เป้าหมาย และการดําเนนิ ชีวติ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา • สามารถสอ่ื สาร รบั ฟัง แลกเปล่ียนความคดิ เห็น ความรู้สกึ 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ท้งั ทส่ี อดคลอ้ ง และแตกตา่ งกัน 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี • สามารถคิด วิเคราะห์ ต่อรอง และเลอื กตัดสินใจ รวมท้ัง รับผดิ ชอบผลจากการตัดสินใจของตน • สามารถยืนยันและรักษาความเปน็ ตวั ของตัวเอง โดยเคารพ ในสิทธขิ องผอู้ นื่ • สามารถเผชิญและจัดการกบั แรงกดดนั จากเพื่อน ส่งิ แวดล้อม และอคตทิ างเพศ • แสวงหาคําแนะนํา ความชว่ ยเหลือ การจาํ แนกแยกแยะขอ้ มูล ทถี่ กู ตอ้ งออกจากทไี่ มถ่ ูกตอ้ ง
สรปุ ตัวช้ีวดั และแผนการเรยี นรู้เพ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย แผนการเรยี นรูเ้ พศ มาตรฐาน/ 1. 2. 3. 4. 5. 6. ตัวช้วี ัด ทุกคนเปน็ เติบโต สขุ ภาพดี ครอบครวั คนพเิ ศษ เปล่ยี น ถา้ ใช้เปน็ เพอ่ื น แบ่งปัน เป ป 4/1 จําแนกข้อเทจ็ จริงจาก แปลง มีหลาย ขอ้ คิดเห็น จากเร่อื ง แบบ เป ท่ีฟังและดู ป 4/2 พดู สรุปความจากการฟงั และดู ป 4/3 พูดแสดงความรู้ ความ คิดเหน็ และความร้สู กึ เก่ียวกับเรื่องที่ฟังและดู ป 4/4 ตั้งคาํ ถามและตอบคาํ ถาม เชิงเหตุผลจากเร่อื งทีฟ่ งั และดู ป 4/6 มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู
พศวถิ ศี ึกษาและสัมพนั ธภาพศึกษา ย ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ศวถิ แี ละสัมพันธภาพศึกษาระดบั ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. รสนยิ ม เอชไอวี ถงุ วเิ ศษ นี่คอื ฉัน ปน็ หญงิ รสู้ ึก หยอกลอ้ ขอโทษ รู้สกึ ฉลาดใช้ ที่แตกต่าง อยรู่ ว่ มกนั ป็นชาย อยา่ งไร รงั แก บอกได้ อินเทอร์ ได้ ใครสนกุ ? เนต็
สงั คมและวฒั นธรรม ป.4 Growing (7) เปน็ หญิง เป็นชาย พัฒนากา สุขภาพทางเพศ (1) ทุกคนเปน็ คนพเิ ศษ (3) สุขภาพดี ถ้าใชเ้ ป็น (14) เอชไอวี อยู่รว่ มกนั ได้ (16) น (15) ถุงวิเศษ ป. Growing& พฤติกรร (11) รสู้
& changing สัมพนั ธภาพ ารทางเพศ (4) ครอบครัวมีหลายแบบ (5) เพอื่ น (6) แบ่งปนั (9) หยอกลอ้ รังแก ใครสนกุ (2) เตบิ โต เปลี่ยนแปลง น (13) รสนยิ มท่แี ตกต่าง (10) ขอโทษ นคี่ ือฉัน ทักษะส่วนบุคคล .4 (8) รสู้ ึกอย่างไร & changing (12) ฉลาดใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต รมทางเพศ สกึ บอกได้
แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบบรู ณาการ “วัยเรยี นวัยใส รอบรู้อยา่ งมนั่ ใจกบั เพศวิถีศึกษา” ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูแ้ บบบรู ณาการ “วัยเรยี นวยั ใส รอบร้อู ยา่ งมัน่ ใจกบั เพศวิถศี ึกษา” ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ประกอบไปด้วย 16 แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (จํานวน 20 ช่วั โมง) และ ครอบคลุมทงั้ หกมิตขิ องเพศวถิ ศี กึ ษาและสมั พนั ธภาพศกึ ษา ดงั นี้ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ่ี 1 ทุกคนเปน็ คนพิเศษ จํานวน 1 ชวั่ โมง แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรูท้ ่ี 2 เติบโต เปลีย่ นแปลง จาํ นวน 1 ชว่ั โมง แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ี 3 สขุ ภาพดี ถ้าใช้เปน็ จํานวน 1 ชั่วโมง แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ี 4 ครอบครัวมีหลายแบบ จํานวน 1 ชว่ั โมง แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 5 เพ่อื น จาํ นวน 1 ชว่ั โมง แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 6 แบ่งปนั จํานวน 1 ช่วั โมง แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูท้ ี่ 7 เป็นหญงิ เปน็ ชาย จํานวน 2 ช่วั โมง แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 8 รสู้ กึ อยา่ งไร จํานวน 1 ชว่ั โมง แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ่ี 9 หยอกลอ้ รงั แก ใครสนกุ ? จํานวน 1 ชั่วโมง แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 10 ขอโทษ จํานวน 1 ชว่ั โมง แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 11 รสู้ ึกบอกได้ จาํ นวน 2 ช่ัวโมง แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 12 ฉลาดใชอ้ ินเทอร์เนต็ จาํ นวน 2 ชว่ั โมง แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ 13 รสนิยมทแ่ี ตกต่าง จาํ นวน 1 ชั่วโมง แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูท้ ่ี 14 เอชไอวี อยรู่ ว่ มกนั ได้ จาํ นวน 1 ชั่วโมง แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 15 ถงุ วเิ ศษ จํานวน 1 ชัว่ โมง แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 16 นี่คอื ฉนั จํานวน 2 ชัว่ โมง รวมจํานวนชวั่ โมงการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ “วัยเรียนวัยใส รอบรูอ้ ยา่ งมัน่ ใจกับเพศ วิถีศกึ ษา” ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 ทงั้ สิน้ 20 ชว่ั โมง
แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูที่ 1 “ทกุ คนเปนคนพเิ ศษ”
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูท่ี 1 ทกุ คนเปน คนพเิ ศษ สาระสาํ คัญ ในชว่ งเขา้ สู่วัยร่นุ ที่ร่างกายเริ่มมีการเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเรว็ เดก็ ๆ เรมิ่ สนใจรปู ลักษณข์ องตวั เอง และเรมิ่ มคี ําถามว่าตัวเอง “ปกติ” ไหม การเรียนรู้วา่ คนแตล่ ะคนมีรปู ลกั ษณ์เฉพาะตน เป็นเรือ่ งปกติท่คี นเรา แตกตา่ งกนั ทง้ั เรอื่ งขนาด รปู ร่าง สผี ิว ซ่ึงไมว่ ่าจะเปน็ แบบใด ก็ลว้ นแตม่ คี วามพิเศษสวยงามในแบบของตวั เอง การทําให้วัยรุ่นเขา้ ใจเรอื่ งความแตกต่างหลากหลาย จะช่วยให้เกดิ ความรสู้ กึ ดีกับร่างกายตนเอง และยอมรบั ความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล วัตถปุ ระสงคการเรียนรู 1) เพอื่ ให้นักเรยี นสามารถจาํ แนกความเหมอื นและความต่างของร่างกายแต่ละคนได้ 2) เพอื่ ให้นกั เรยี นเข้าใจความแตกตา่ งของแตล่ ะบุคคลว่าเป็นเรอ่ื งปกติ แผนการเรียนรู้น้ี ม่งุ สรา้ งเสริมคุณลกั ษณะและทักษะสาํ คัญ ดังน้ี Core Values Core Skills • การรัก เคารพ และเห็นคุณคา่ ตวั เอง • การรู้จักตนเอง • การเคารพความแตกต่าง • การอยูร่ ว่ มกับผู้อน่ื • ความมั่นใจในตนเอง อุปกรณแ ละสอื่ • กระดาษ A4 สาํ หรับทกุ คน • สผี สมอาหาร 7 สี • ถาดใสส่ ขี นาดเอามอื จ่มุ ได้
ประเมนิ ผลการเรียนรู 1. สงั เกตการใหค้ วามเห็นเรอื่ งความแตกต่างของบคุ คล 2. สงั เกตความสนใจและการมีส่วนรว่ มในการทาํ กจิ กรรมร่วมกัน ขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 1. ครแู จกกระดาษ A4 ให้นกั เรียนคนละ 1 แผน่ และชวนให้เดก็ ๆ พมิ พม์ อื และลายนวิ้ โป้ง บนกระดาษ A4 โดยใช้มอื จุม่ ในถาดสีตา่ ง ๆ 7 สที ีค่ รูเตรยี มไว้ ใหแ้ ตล่ ะคนเลือกสที ่ีตนเองชอบ 2. เมื่อแต่ละคนพมิ พม์ ือและลายนวิ้ โป้งของตัวเองเสร็จแลว้ ใหล้ า้ ง/เชด็ มือให้สะอาด และรวมกลมุ่ กบั เพ่อื น ๆ กลุ่มละ 5 คน โดยครูชวนพูดคยุ ในประเด็นดังนี้ • ใหแ้ ต่ละคนสงั เกตมอื และลายน้ิวโปง้ ท่พี มิ พ์ของแต่ละคนในกลมุ่ วา่ มลี กั ษณะเหมือนหรือ ต่างกันอย่างไรบ้าง (รอฟังคาํ ตอบ 3-4 คน) • นกั เรยี นรูส้ ึกอยา่ งไรกับการที่เราแตล่ ะคนมคี วามแตกต่างกัน เชน่ ขนาดมอื /นวิ้ ตา่ งกัน ลายนิ้วมือตา่ งกนั ชอบสตี า่ งกนั (รอฟังคําตอบ 3-4 คน) 3. ครชู วนสรุปวา่ เราแต่ละคนมอี วัยวะต่าง ๆ เหมอื นกนั แตอ่ วัยวะของแต่ละคนอาจมขี นาด รูปรา่ ง ลักษณะไมเ่ หมอื นกนั เหมือนท่ีแตล่ ะคนมมี อื เหมือนกนั แต่ขนาด สผี วิ อาจไม่เหมือนกัน และลายนิ้วมือของแต่ ละคนกแ็ ตกต่างกัน เชน่ เดยี วกบั ส่วนอน่ื ๆ ของรา่ งกาย ทแ่ี ตล่ ะคนมแี บบของตัวเองแตกตา่ งกนั ไป 4. ให้นักเรยี นยกตัวอยา่ ง สว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายทเี่ ราแต่ละคนมีเหมอื นกนั แตม่ ีลกั ษณะแตกต่างกัน (เชน่ ผม, ตา, จมกู , สผี ิว, ความสูงของร่างกาย ฯลฯ) โดยอาจให้นักเรยี น 4-5 คนยนื ขน้ึ เพอ่ื ใหเ้ ห็นความ แตกต่างในแตล่ ะดา้ น 5. ครูยํา้ ให้เหน็ ว่าความแตกต่างเปน็ เร่อื งปกติ และแตล่ ะแบบมีความพเิ ศษ และสวยงามในแบบ ของตัวเอง 6. ครูใช้คาํ ถามชวนคุย ดังน้ี • นอกจากแต่ละคนมีร่างกายทม่ี ลี กั ษณะแตกต่างกนั แลว้ พวกเรามีอะไรทแี่ ตกตา่ งกนั อีก ขอฟังคําตอบจาก 4-5 คน (คาํ ตอบอาจเปน็ ความชอบ ศาสนา ครอบครวั ฯลฯ) • นกั เรยี นร้สู ึกอย่างไร ท่ีเราแต่ละคนมีสว่ นท่ไี มเ่ หมอื นกัน • การทีเ่ ราแต่ละคนแตกต่างกนั เรายงั เป็นเพ่ือนกันได้หรือไม่ เพราะเหตุใด 7. ครสู รปุ ใหเ้ ห็นว่า • พวกเรามีท้ังความเหมือนกัน เช่น พวกเราเรยี นชนั้ ป.4 เหมอื นกัน อายไุ ลเ่ ลี่ยกนั เรียนโรงเรยี นเดียวกัน เป็นคนจงั หวดั เดยี วกัน • ในขณะเดียวกัน แตล่ ะคนกม็ ีรปู ร่าง ลักษณะของรา่ งกาย ความชอบ ความสนใจ ศาสนา ความเชื่อ ฯลฯ ทแ่ี ตกตา่ งกัน ซึ่งถอื เป็นเรือ่ งปกติ • ความแตกตา่ งท่ีแต่ละคนมที ําใหเ้ ห็นถึงความหลากหลาย และความพเิ ศษเฉพาะของ แตล่ ะคนไม่ควรนาํ มาเป็นเร่ืองลอ้ เลียน
แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู ี่ 2 “เติบโต เปลี่ยนแปลง”
แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูที่ 2 เตบิ โต เปลย่ี นแปลง สาระสําคญั เมื่อเร่ิมเขา้ สู่วัยรุน่ ร่างกายจะผลติ ฮอรโ์ มนซง่ึ สง่ ผลให้เกิดการเปลีย่ นแปลงท้ังทางรา่ งกายและอารมณ์ แต่ละคนจะมีจงั หวะการเปล่ียนแปลงทแี่ ตกต่างกัน บางคนเร็ว บางคนช้า การเปลี่ยนแปลงสําคัญทีบ่ อกถึง ความพร้อมในการเขา้ สวู่ ัยหนมุ่ สาว คือ ผูช้ ายมกี ารฝันเปียก และผู้หญิงมปี ระจําเดอื น ซึ่งหมายถึงรา่ งกายมี ความสามารถทีจ่ ะมลี กู ได้ หากชายหญิงมีเพศสมั พนั ธโ์ ดยไม่ปอ้ งกัน การเขา้ ใจพัฒนาการและการเปลย่ี นแปลง ทีเ่ กิดขึน้ จะชว่ ยให้เด็กแตล่ ะคนสามารถรับมือกบั การเปล่ยี นแปลงร้จู กั ดแู ลสุขอนามยั และดําเนินชีวิตในชว่ ง วยั รนุ่ ได้อยา่ งปกตสิ ขุ และมสี ุขภาวะทางเพศ วัตถุประสงคก ารเรียนรู 1) เพ่อื ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายการเปล่ยี นแปลงทางร่างกายของเพศหญิงและชายเมอื่ เข้าสวู่ ัยรุ่นได้ อยา่ งน้อย 3 ขอ้ 2) เพ่อื ให้นกั เรยี นสามารถระบถุ ึงสญั ญาณความพรอ้ มทางรา่ งกายของหญงิ ชายทีเ่ ขา้ ส่ภู าวการณ์ เจริญพนั ธไ์ุ ด้ แผนการเรยี นรนู้ ี้ มงุ่ สรา้ งเสริมคณุ ลกั ษณะและทกั ษะสาํ คญั ดงั นี้ Core Values Core Skills • การรัก เคารพ และเห็นคุณคา่ ตวั เอง • การรู้จักตนเอง • การเคารพความแตกตา่ ง • การดูแลสุขอนามยั • ความม่นั ใจในตนเอง อปุ กรณแ ละส่ือ • กระดาษ A4 สําหรบั กลมุ่ ย่อย กลุ่มละ 1 แผ่น • ครูเตรียมเขยี นตารางเพื่อบันทกึ คําตอบการเปลยี่ นแปลงเมื่อเขา้ สวู่ ัยรุ่นของนักเรียนโดยแยก เป็นชอ่ ง หญิง | ชาย | หญงิ และชาย
ประเมินผลการเรียนรู 1. สงั เกตการตอบคําถามเรอื่ งการเปลี่ยนแปลงร่างกายและการดแู ลทาํ ความสะอาด 2. สงั เกตความสนใจและการมีสว่ นร่วมในการทํากจิ กรรมร่วมกัน ขนั้ ตอนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู 1. ครชู วนนักเรยี นพูดคุยว่า • ตอนนพ้ี วกเราอยู่ ป.4 ใครอายุเท่าไรกันบ้าง • อายขุ นาดพวกเรา เรยี กว่าเป็น “วยั รนุ่ ” หรือยงั • อะไรที่บอกถงึ การเปน็ วัยร่นุ 2. ครูชี้แจงว่า วนั น้ีเราจะมาสาํ รวจกันว่า ตอนนพี้ วกเรามีการเปล่ยี นแปลงทางรา่ งกายอะไรบ้าง โดยให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ยอ่ ยแยกเพศ* ใหม้ สี มาชิกกลมุ่ 4-6 คน (*การแบง่ กลุม่ แยกเพศ เพ่อื ช่วยใหน้ ักเรียน ซง่ึ อาจจะยังไมค่ นุ้ เคยกบั การคยุ เรือ่ งเพศ สามารถพูดคยุ ถงึ การเปลยี่ นแปลงทางรา่ งกายของตัวเองได้อย่าง สบายใจขึน้ ) 3. แจกกระดาษ A4 ใหก้ ลุ่มละ 1 แผ่น ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ช่วยกนั ระดมความเหน็ ภายในเวลา 7 นาทีวา่ • ในวยั ท่ีพวกเรากาํ ลงั เข้าส่ชู ว่ งวยั รนุ่ ในตอนนี้ มีการเปลย่ี นแปลงของร่างกายอะไรบ้าง ที่เปลีย่ นไปจากตอนทเ่ี ราเป็นเดก็ เลก็ ๆ 4. ขอฟงั คําตอบจากแตล่ ะกลมุ่ โดย • ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ผลัดกนั บอกคาํ ตอบคนละ 1 ขอ้ และวนไปจนกวา่ จะหมดคาํ ตอบของทุกกล่มุ • เม่ือได้คําตอบแตล่ ะขอ้ ใหค้ รูถามวา่ เปน็ การเปลี่ยนแปลงของอกี เพศหนงึ่ ด้วยหรอื ไม่ เช่น หากคําตอบจากกลุ่มเดก็ หญิงตอบว่า สงู ขนึ้ ใหถ้ ามวา่ ผ้ชู ายสงู ขนึ้ ด้วยหรอื ไม่ หากคาํ ตอบคอื การเปลยี่ นแปลง ของทั้งหญงิ -ชาย ให้ครูเขยี นในชอ่ ง หญิง-ชาย • เมื่อนกั เรียนทกุ กลุม่ บอกคาํ ตอบทั้งหมดแลว้ ครอู าจมกี ารเพ่ิมเตมิ การเปล่ยี นแปลงสาํ คญั ในขอ้ ทีน่ กั เรยี นไม่ไดต้ อบ เชน่ หญิง-ชาย หญงิ ชาย สูงข้ึน รูส้ กึ เก้งก้าง สะโพกขยายออก มีหนวด นาํ้ หนักเพมิ่ ข้ึน เตา้ นมโตขน้ึ อวัยวะเพศโตข้ึน เสยี งเปลย่ี น มีประจําเดือน ฝนั เปยี ก มีกล่ินตวั มีตกขาว อวยั วะเพศแขง็ ตวั สิวขึน้ มขี นรักแร้ มขี นในทล่ี บั มีขนข้ึนตามรา่ งกาย
5. ครอู ธบิ ายเสรมิ วา่ การเปลี่ยนแปลงท้งั หมดนีเ้ ป็นเรื่องปกติและเกดิ ขน้ึ กบั ทุกคน แต่ละคนมีจงั หวะ การเปลยี่ นแปลงของตวั เอง บางคนเกิดเร็ว บางคนเกดิ ชา้ และถามนกั เรยี น ดงั น้ี (แตล่ ะข้อ ขอฟังคําตอบโดยใหย้ กตวั อย่าง อย่างนอ้ ย 3-4 คน) • ใครสังเกตเหน็ การเปลีย่ นแปลงของตวั เองแลว้ บา้ ง ขอใหย้ กมอื ขึน้ • เราจะมวี ธิ ีการดแู ลร่างกายท่ีเปล่ียนแปลงไปนอี้ ย่างไรบ้าง • ใครมีคาํ ถาม หรอื ความกงั วลใจเก่ียวกับการเปล่ยี นแปลงเหล่าน้ีบา้ งเรอ่ื งอะไร 6. ครูยํา้ วา่ การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายนี้เปน็ พัฒนาการดา้ นร่างกายที่กําลงั จะเปลี่ยนจากวยั เดก็ สู่วยั ผู้ใหญ่ ซ่งึ เปน็ เรอื่ งปกติ การมคี าํ ถามหรอื กงั วลใจกบั การเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรือ่ งธรรมดา หากนักเรียนมี คําถามหรือความกงั วลใจ สามารถพูดคุยปรึกษากับครูหรอื ผใู้ หญท่ ีน่ ักเรียนไว้ใจได้ 7. ครูใช้คาํ ถามชวนคยุ โดยใหน้ ักเรยี นตอบ กอ่ นอธบิ ายเสรมิ ดังนี้ • การมปี ระจําเดอื นในผูห้ ญิง และการฝันเปยี กในผชู้ าย แสดงถึงความพรอ้ มของร่างกาย ในเรื่องใด • การมีประจําเดอื นในผู้หญิง และการฝันเปยี กในผู้ชายเปน็ สัญญาณท่ีบง่ บอกถึงภาวะ ร่างกายทพ่ี รอ้ มจะมลี กู ได้หากชายและหญิงมเี พศสัมพนั ธก์ นั โดยไม่ได้ป้องกนั • หากวยั รนุ่ ทีย่ ังเรยี นหนังสืออยตู่ ้งั ท้อง หรือไปทําให้ผหู้ ญงิ ท้องมผี ลต่อการใชช้ ีวติ วัยรุน่ อย่างไรบ้าง • แม้รา่ งกายของวยั ร่นุ จะมคี วามพร้อมในการตงั้ ท้องได้ แต่ “การมลี กู ”เปน็ การตดั สนิ ใจท่ี สําคัญมากเรอ่ื งหนงึ่ เพราะเป็นเร่ืองทม่ี าพร้อมกับความรับผดิ ชอบในการเลี้ยงดลู ูกทค่ี ลอดออกมา การมลี ูกจงึ เปน็ เรือ่ งทตี่ อ้ งคิด ตอ้ งตั้งใจ มีการวางแผน และมคี วามพรอ้ มในการเลยี้ งดลู ูกด้วย • จากการเรยี นวนั นี้ อะไรคือส่งิ ทีส่ ําคัญทส่ี ุดสาํ หรับการเข้าสู่วัยรุน่ ในความเหน็ นกั เรียน 8. ครูสรุปการเรยี นร้วู ่า วนั นเี้ ราคยุ กันเร่อื ง • การเปลีย่ นแปลงเมือ่ เขา้ ส่วู ยั ร่นุ ว่าจะเกิดขน้ึ กับทุกคน บางคนเร็วบางคนชา้ ซ่งึ การ เปลีย่ นแปลงนเี้ ปน็ พัฒนาการตามธรรมชาติของการเตบิ โต หากเราเปลี่ยนแปลงเร็วหรือช้ากวา่ เพ่ือนก็ไม่ใช่ เรือ่ งผิดปกตหิ รือต้องกังวลใจ • พฒั นาการทางเพศทสี่ าํ คญั คอื การมปี ระจาํ เดอื นในผหู้ ญิง และการฝนั เปยี กในผชู้ าย ซึง่ เป็นสญั ญาณท่บี ง่ บอกถงึ ความพร้อมทจ่ี ะทํา ให้ทอ้ งไดห้ ากมเี พศสัมพนั ธโ์ ดยไม่ป้องกัน แต่เรือ่ งการมลี ูก เปน็ การตัดสินใจสําคญั ของทง้ั หญิงและชายท่ตี อ้ งคิดเตรียมตัว และมีความพรอ้ มในการดูแล • ความสงสัย กงั วลใจ หรอื มคี ําถามกับการเปล่ียนแปลง และเรื่องเพศเปน็ เร่อื งธรรมดา ไม่ใช่เรอ่ื งน่าอาย นักเรียนสามารถคยุ ปรึกษากบั ครูหรือผใู้ หญ่ทีน่ ักเรยี นสบายใจท่จี ะคยุ ดว้ ยได้
แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรทู ี่ 3 “สขุ ภาพดี ถา ใชเ ปน ”
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูท่ี 3 สขุ ภาพดี ถาใชเปน สาระสาํ คญั การรู้จกั วธิ ีดูแลตวั เองให้มสี ขุ ภาพดีเปน็ เร่ืองพน้ื ฐานสําคญั สาํ หรบั วัยรุ่น โดยเฉพาะในชว่ งที่รา่ งกาย กาํ ลงั เปลย่ี นแปลง การดแู ลทําความสะอาดรา่ งกายพน้ื ฐานทด่ี สี ามารถช่วยใหเ้ รามีสุขภาพดไี ด้ โดยไมต่ ้องใช้ ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อื่น ๆ เช่น ผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ ความงาม ท้ังน้ี การรู้จกั เลอื กใช้สงิ่ ของให้เหมาะกับตนเอง รูว้ ธิ ใี ช้ ทีถ่ กู ตอ้ ง และตระหนักว่าการเปล่ยี นแปลงที่เกดิ ขึ้นเม่ือเขา้ สูว่ ัยรนุ่ เป็นเร่ืองธรรมดาและจําเปน็ ที่เราต้องรจู้ ัก ดูแล หากมคี ําถามหรอื ขอ้ กังวลใจสามารถปรึกษาผใู้ หญท่ ี่ไว้ใจได้ วัตถุประสงคการเรยี นรู 1) เพอ่ื ให้นักเรยี นอธบิ ายวิธกี ารดแู ลตนเองทที่ าํ ใหม้ ีสุขภาพดีในชีวติ ประจาํ วัน 2) เพ่อื ให้นักเรยี นระบุคนทีส่ ามารถพดู คยุ ปรกึ ษาดว้ ยได้ หากมคี ําถามเกีย่ วกบั การดแู ลสขุ อนามยั ของตนเอง แผนการเรียนรู้น้ี มงุ่ สรา้ งเสริมคณุ ลกั ษณะและทักษะสาํ คญั ดังน้ี Core Values Core Skills • ความม่นั ใจในตนเอง • การรู้จักตนเอง • เสรภี าพในการเลอื ก • การดแู ลสขุ อนามัย • ความรับผิดชอบ • การตดั สินใจ • ความปลอดภัย • การสื่อสาร กล้าแสดงออก • การประเมนิ ผลกระทบ • การหาความชว่ ยเหลือ
อปุ กรณและสอื่ อปุ กรณ์เหล่านี้ หากสามารถเตรียมตัวอยา่ งทีเ่ ป็นของจรงิ จะช่วยใหน้ ักเรียนไดส้ มั ผสั แตห่ าก ไม่สะดวกอาจใช้ภาพแทน 1) กระเปา๋ น้าํ รอ้ น 2) โรลออน หรือสารส้ม 3) กางเกงในชาย 4) กางเกงในหญงิ 5) เส้อื ช้นั ในหรือบรา 6) ผา้ อนามยั 7) มดี โกน (ถ้าเอาของจรงิ มา อาจใส่ไว้ในถุงเพอื่ ป้องกันการบาด) 8) แชมพสู ระผม 9) สบู่ (ท่ีไม่มกี ลนิ่ ) 10) ถุงเท้า 11) แปรงสฟี นั ยาสีฟนั ไหมขดั ฟนั 13) ขวดน้ําด่ืม 14) ภาพการออกกาํ ลงั กาย เชน่ ว่ิง ขี่จกั รยาน เล่นฟุตบอล เล่นบาสเกตบอล โยคะ ฯลฯ 15) ภาพอาหารทม่ี ปี ระโยชน์ (เนน้ ภาพผกั ผลไม้ อาหาร 5 หม)ู่ ประเมินผลการเรยี นรู 1. สังเกตการมสี ่วนร่วมและความสนใจในการทาํ กิจกรรมรว่ มกัน 2. สังเกตการอธบิ ายท่ชี ัดเจน 3. สงั เกตการตั้งคําถาม ตอบคําถาม และการตง้ั ใจฟงั ข้นั ตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู 1. ครทู วนการเรียนรู้ในคาบเรียนที่แลว้ วา่ เมื่อเขา้ สวู่ ยั รนุ่ ร่างกายของเราเรมิ่ เปลี่ยนแปลงหลายอยา่ ง และหนงึ่ ในนน้ั คอื หลายคนสนใจเรื่องความสวยความงามความหลอ่ มากขึ้น 2. ถามนักเรยี น และขอฟงั คาํ ตอบข้อละ 3-4 คน โดยให้นกั เรยี นอธบิ าย/ยกตวั อย่าง • พฤตกิ รรมอะไร หรอื อะไรทบี่ ง่ บอกวา่ เราสนใจเรือ่ งความสวยความงามความหลอ่ มากขนึ้ • วัยรุ่นสว่ นใหญก่ งั วลเร่อื งอะไรบ้าง โดยเฉพาะการเปล่ยี นแปลงดา้ นรา่ งกาย (กงั วลเร่อื ง มีสวิ เพราะ....., กลวั อ้วน เพราะ..... ฯลฯ) • ใครยกตัวอยา่ งไดบ้ า้ งวา่ พวกเราเริ่มใชข้ องอะไรเพม่ิ เติมบา้ งในการดแู ลสุขอนามยั ของ ตวั เอง (ถามเหตผุ ลที่ใชอ้ ุปกรณ/์ หรอื ผลติ ภณั ฑน์ ้นั ๆ เพิม่ เติม)
3. วนั นเี้ ราจะชวนกันดู “ชดุ สุขภาพดี ถ้าใช้เป็น” ซง่ึ เปน็ สิง่ ท่จี ะชว่ ยใหพ้ วกเราท่กี าํ ลงั เข้าสูว่ ยั รุน่ รู้จกั ใชเ้ พ่ือให้สขุ ภาพดี 4. ใหน้ ักเรยี นจับคู่ (ใหไ้ ด้ 15 ค/ู่ กลุ่ม ตามจาํ นวนอปุ กรณ์ทีเ่ ตรยี มไว้ หากนักเรยี นจํานวนนอ้ ยกวา่ อาจรวมอปุ กรณ์ท่ใี กล้เคียงกนั เชน่ แชมพ-ู สบู่) 5. แจกอปุ กรณ์ทเ่ี ตรยี มไวใ้ ห้นักเรยี น คลู่ ะ 1 อยา่ ง 1) กระเปา๋ นา้ํ รอ้ น 2) โรลออน หรอื สารส้ม 3) กางเกงในชาย 4) กางเกงในหญงิ 5) เสอ้ื ชั้นในหรือบรา 6) ผา้ อนามัย 7) มีดโกน 8) แชมพูสระผม 9) สบู่ (ท่ไี ม่มกี ล่นิ ) 10) ถงุ เทา้ 11) แปรงสีฟนั ยาสฟี ัน ไหมขดั ฟนั 12) เสือ้ ยืดผ้าฝ้าย 13) ขวดนา้ํ ดื่ม 14) ภาพการออกกําลังกาย เช่น วงิ่ ขจ่ี กั รยาน เล่นฟุตบอล เลน่ บาสเกตบอล โยคะ ฯลฯ 15) ภาพอาหารท่ีมปี ระโยชน์ (เนน้ ภาพผกั ผลไม้ อาหาร 5 หม)ู่ 6. เมอ่ื ทุกค่ไู ดร้ บั ของทเี่ ตรยี มไวแ้ ลว้ ครอู ธบิ ายวา่ ของทุกช้ินที่ครเู ตรยี มมาเก่ยี วขอ้ งกบั การเขา้ สู่ วัยรุ่น ให้แต่ละคูช่ ่วยกนั ตอบคาํ ถาม 2 ขอ้ ดงั นี้ • ของช้ินน้ันๆ คอื อะไร และใช้เพื่ออะไร • ของชิน้ นนั้ ๆ เกยี่ วข้องกบั การเปล่ียนแปลงเม่ือเข้าสูว่ ยั รุ่นอย่างไร หากไม่รู้ ก็บอกวา่ ไมร่ ้ไู ด้ ให้เวลาแต่ละกลมุ่ 5 นาที 7. ใหแ้ ตล่ ะคู่นาํ เสนอ และครชู ว่ ยเติมข้อมูล (ดเู อกสารแนบเป็นแนวทางในการพดู คยุ ) 8. เมอ่ื ทุกคนู่ ําเสนอแล้ว วางของทุกช้นิ ไวบ้ นโต๊ะและเปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นไดห้ ยบิ จบั ดูได้ และถาม คาํ ถามเพ่มิ เติม • หากหมดเวลา ครบู อกว่า หากนักเรยี นมีคําถามให้มาคุยกบั ครเู พม่ิ เตมิ ได้ 9. ครใู ชค้ ําถามชวนคุย ดังน้ี • นอกจากของเหล่านท้ี เ่ี ราได้พดู คุยกันไปแลว้ ใครมคี าํ ถามอะไรอกี บ้าง • มีของชิ้นไหนหรอื ไม่ ทนี่ ักเรยี นรูส้ กึ กังวลในการใช้ หรอื การไปหาซือ้ เพราะเหตุใด • เราสามารถคุยกบั ใครไดบ้ า้ ง หากจําเป็นตอ้ งใชข้ องบางอยา่ งในนี้
• นักเรียนคดิ วา่ สงิ่ สําคัญในการดแู ลสขุ ภาพตนเองใหด้ ีคืออะไร 10. ครสู รุปประเดน็ สาํ คัญ ดงั น้ี • วยั รุ่นเปน็ วัยท่มี ีความสดใสสวยงามในตัวเอง ไมจ่ าํ เปน็ ต้องใชผ้ ลิตภณั ฑ์เสริมความงาม เพิม่ เตมิ ใดๆ เพียงเราดูแลความสะอาดรา่ งกายของตนเอง กนิ อาหารท่ีมปี ระโยชน์ ด่ืมนา้ํ สะอาด ออกกําลงั กาย พกั ผ่อนใหเ้ พียงพอ กท็ ําให้สขุ ภาพทั้งกายใจของเราแข็งแรง • แต่หากต้องการใชผ้ ลิตภัณฑเ์ สรมิ ความงามอื่นๆ เราควรมขี ้อมลู ความรู้ วิธใี ช้ทถ่ี กู ต้อง ผลขา้ งเคียงทีอ่ าจเกดิ ขนึ้ โดยไม่ดว่ นเช่ือโฆษณาสินคา้ น้นั ๆ รวมทง้ั ประเมนิ ความจาํ เปน็ และความสามารถ ในการซอื้ หามาใช้ • หากมขี อ้ สงสยั คาํ ถาม ความกังวลใจ นักเรียนสามารถพดู คยุ ปรึกษากับครู หรอื ผใู้ หญ่ ท่นี กั เรยี นไว้ใจได้
เอกสารประกอบการอธบิ ายเพมิ่ เติม “ชุดสขุ ภาพดี ถา ใชเปน” • ภาพกระเปา๋ นํ้าร้อน ในกรณีผ้หู ญงิ หากมปี ระจําเดือนแล้วปวดทอ้ ง การออกกําลงั กาย และการใช้กระเป๋านาํ้ รอ้ นจะช่วย บรรเทาอาการปวดได้ • โรลออน หรอื สารส้ม การอาบนํ้าทําความสะอาดรา่ งกายจะช่วยกําจดั กลิ่นตวั ได้ หากบางคนที่มีกลิ่นตวั แรงอาจใชอ้ ปุ กรณ์ กําจัดกลน่ิ และสารส้มก็เป็นทางเลอื กหนง่ึ ทไ่ี มแ่ พง • กางเกงในชาย การเลือกกางเกงใน ควรเลอื กทีใ่ สส่ บาย ไมค่ บั กางเกงในผา้ ฝ้ายจะชว่ ยให้ระบายอากาศไดด้ ีและ ปอ้ งกันความอับชืน้ ท่อี าจก่อใหเ้ กดิ อาการคันและการตดิ เชือ้ โรคได้ เราควรเปลย่ี นกางเกงในทุกวัน • กางเกงในหญิง กางเกงในผ้าฝ้ายจะใส่สบายท่สี ุด เพราะใยธรรมชาตจิ ะช่วยให้ระบายอากาศได้ ไม่อับชนื้ กางเกงใน ทท่ี าํ จากใยสงั เคราะหล์ ้วน ๆ อาจทาํ ให้เกดิ การอบั ชื้นและนาํ ไปสูอ่ าการคนั และการติดเชือ้ โรคได้ • เสื้อชัน้ ในหรอื บรา เม่อื เด็กหญิงเรมิ่ มีหนา้ อก การใสเ่ ส้อื ชน้ั ในจะชว่ ยให้รสู้ ึกกระชบั ม่ันใจขน้ึ และควรเลือกขนาดให้ เหมาะโดยปรึกษาผูใ้ หญท่ ี่คยุ ด้วยได้ • ผา้ อนามัย ผ้าอนามยั ใชเ้ มอ่ื มีประจําเดอื น หาซื้อไดง้ ่ายตามรา้ นค้า รา้ นสะดวกซือ้ ทั่วไป ผ้าอนามยั มีหลายแบบ หลายขนาด การเลือกใช้ผา้ อนามัยแบบไม่มกี ลนิ่ จะดที ่ีสุด เพราะบางคนอาจมอี าการแพผ้ า้ อนามัยทใ่ี สก่ ลิ่น ผ้าอนามัยจะมแี ถบกาวสําหรบั ตดิ บนกางเกงใน และควรเปลยี่ นผา้ อนามัยทกุ 4-6 ชวั่ โมง ควรหอ่ ผ้าอนามยั ที่ ใช้แล้วให้เรยี บร้อยก่อนท้งิ ถังขยะ เมอื่ เรามปี ระจาํ เดอื น เราอาจพกผ้าอนามยั สาํ รองไว้ในกระเป๋า เพ่อื สามารถ นาํ มาเปลย่ี นใช้ไดเ้ ม่อื ประจาํ เดอื นมา • มีดโกน ผูช้ ายบางคนใช้โกนหนวด และผู้หญิงบางคนใชโ้ กนขนหน้าแข้งหรอื ขนรกั แร้ เราควรปรึกษาพ่อแม่ หรือผใู้ หญ่ ก่อนทจี่ ะใชม้ ีดโกน • แชมพูสระผม เราควรสระผมเป็นประจาํ เพือ่ ความสะอาดของหนงั ศรีษะและเสน้ ผม บางคนอาจสระผมทกุ วนั แตบ่ างคนอาจสระถ่นี ้อยกว่านนั้
• สบู่ (ท่ไี ม่มีกลิน่ ) การเลอื กใชส้ บทู่ ่ีไมม่ กี ลิ่นสาํ หรบั อาบน้ําล้างหน้าทุกวันช่วยดูแลทาํ ความสะอาดร่างกายการใช้สบ่ทู ม่ี ี กลิน่ อาจทําใหผ้ ิวแหง้ ได้ • ถุงเทา้ เราควรลา้ งเท้าให้สะอาด และเปล่ยี นถงุ เท้าทีใ่ สท่ กุ วนั • แปรงสีฟนั ยาสฟี นั ไหมขดั ฟัน เราควรแปรงฟนั อยา่ งน้อยวันละ 2 ครั้ง และเลอื กใช้ยาสีฟันท่ีมีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพอ่ื ช่วย ป้องกันโรคฟนั ผุ หรอื ใชไ้ หมขดั ฟันหลังการแปรงฟันเพ่อื ให้ความรู้สึกมั่นใจและฟันสะอาดมากข้ึน หรอื อาจจะ ใช้สาํ หรับคนที่จดั ฟนั หรอื ฟันท่ีมลี กั ษณะทขี่ นแปรงเข้าถงึ ยากเพ่ือให้ช่องปากและฟนั สะอาด ไหมขัดฟันจงึ เปน็ อกี หนึง่ ทางเลอื กสาํ หรบั คนรักฟัน • เสือ้ ยืดผา้ ฝา้ ย เส้ือผ้าจากใยธรรมชาติ เชน่ ผ้าฝา้ ย จะชว่ ยใหก้ ารสวมใสส่ บายกว่าใยสังเคราะห์ • ขวดนา้ํ ดืม่ การดื่มนํ้าสะอาดเป็นสง่ิ สาํ คัญสาํ หรับรา่ งกาย โดยเฉพาะเม่อื อากาศรอ้ น หรือเมื่อออกกําลงั กาย และ การดื่มน้าํ เปล่าทสี่ ะอาด นอกจากราคาไมแ่ พงแล้วยังชว่ ยให้ฟนั ไมผ่ ุ (เมือ่ เทียบกับนํา้ อดั ลม นํา้ หวานต่างๆ) นอกจากนั้น การพกขวดนา้ํ ด่ืมส่วนตัวยงั ช่วยรักษาส่งิ แวดลอ้ ม ลดขยะ • ภาพการออกกาํ ลังกาย เชน่ วง่ิ ขี่จักรยาน เลน่ ฟตุ บอล เล่นบาสเกตบอล โยคะ ฯลฯ การออกกํา ลงั กายเปน็ ประจาํ ชว่ ยให้สขุ ภาพแข็งแรง เราสามารถเลือกทําในสง่ิ ท่ตี วั เองชอบได้ • ภาพอาหารทม่ี ปี ระโยชน์ (เนน้ ภาพผัก ผลไม้ อาหาร 5 หม)ู่ การเลือกอาหารทม่ี ีประโยชน์จะชว่ ยเพมิ่ พลังงาน และเสริมการเจริญเตบิ โตของร่างกายโดยเฉพาะ การรับประทานผัก ผลไมใ้ หม้ ากขึน้ และลดอาหารหวาน มัน เคม็ เครือ่ งดืม่ ทีม่ สี ่วนผสมของน้ําตาลมาก ๆ ให้นอ้ ยลง
แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรทู ่ี 4 “ครอบครัวมหี ลายแบบ”
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูที่ 4 ครอบครัวมีหลายแบบ สาระสาํ คญั ครอบครัว มคี วามสาํ คญั และมีความหมายกบั ทุกคน ครอบครัวแตล่ ะครอบครวั อาจมอี งค์ประกอบ ทแี่ ตกต่างกัน แต่โดยรวมคอื กลุ่มคนท่ีอยู่ร่วมกนั มคี วามผูกพนั ความรกั ความหว่ งใยตอ่ กันดูแล ชว่ ยเหลือ เกอ้ื กูลกนั โดยอาจมคี วามผกู พนั กนั ทางสายเลือดหรอื ไมก่ ไ็ ด้ ทง้ั นี้ สังคม(ไทย) มกั มีภาพอดุ มคติขอครอบครวั วา่ ต้องประกอบด้วยพ่อ-แม่-ลูก จงึ จะเปน็ ครอบครัวสมบรู ณ์ และ/หรือครอบครวั อบอนุ่ โดยละเลยการ เปล่ยี นแปลงและความเปน็ จรงิ ของสภาพครอบครวั ในสังคมปัจจุบนั ซง่ึ มีเหตปุ ัจจัยหลายอยา่ งท่ีทาํ ใหห้ ลาย ครอบครวั ไมไ่ ด้มลี ักษณะ “พ่อ-แม-่ ลกู ” อกี ตอ่ ไป นอกจากนัน้ ความคดิ เรอื่ งครอบครวั แบบ “พอ่ แม่ลกู ” ยงั สง่ ผลต่อวธิ ีคดิ ทว่ี า่ หากไม่ใชค่ รอบครัว แบบนี้ เดก็ ท่เี ตบิ โตในครอบครัวแบบอ่นื เช่น อยูก่ บั พอ่ หรือแม่ อยู่กบั ปู่ยา่ ตายาย อยกู่ ับญาติพี่นอ้ ง ฯลฯ อาจ ถกู ตดั สนิ ว่าเป็นครอบครัวแตกแยก ครอบครัวไมอ่ บอุ่น ครอบครวั ไมส่ มบรู ณ์ และเป็นสาเหตุทจ่ี ะทาํ ใหเ้ ดก็ มี ปญั หา แทนทจ่ี ะสรา้ งคุณค่าและความมั่นใจให้เดก็ ที่อยู่ในครอบครวั ท่ีมคี วามหลากหลายม่นั ใจวา่ ไมว่ ่าจะเปน็ ครอบครวั แบบใด แตใ่ นฐานะสมาชิกครอบครวั ทุกคนมีคนทร่ี กั และเปน็ ทรี่ กั ของคนในครอบครวั ตนเอง วตั ถปุ ระสงคการเรยี นรู 1) เพอื่ ให้นักเรยี นอธบิ ายความหมายและความสําคญั ของครอบครวั ได้ 2) เพ่อื ใหน้ ักเรยี นยกตวั อยา่ งครอบครวั ที่มลี กั ษณะแตกตา่ งกนั ได้ 3) เพื่อใหน้ กั เรยี นบอกวิธีท่สี มาชกิ ในครอบครวั แสดงความรักและความหว่ งใยตอ่ กันได้ แผนการเรียนรนู้ ้ี มงุ่ สรา้ งเสริมคุณลักษณะและทกั ษะสาํ คญั ดังน้ี Core Values Core Skills • การรกั เคารพ และเหน็ คุณคา่ ในตนเอง • การรจู้ ักตนเอง • การเคารพความแตกต่าง • การคดิ วเิ คราะห์ แยกแยะ • การรู้และเคารพสิทธิ • การส่ือสาร • ความมั่นใจในตนเอง • การอยรู่ ่วมกับผ้อู ืน่ • การเหน็ อกเหน็ ใจ เขา้ ใจคนอ่นื
อุปกรณแ ละส่อื • ภาพครอบครัวแบบตา่ งๆ (ดังตัวอย่าง) • แผน่ กิจกรรม “ครอบครวั ของฉัน” หรือกระดาษวาดภาพ ใหน้ ักเรยี นทกุ คน • ดินสอสี สีเทยี น ปากกาเมจิก ประเมนิ ผลการเรยี นรู 1. สังเกตความสนใจและการมสี ่วนรว่ มในการทาํ กิจกรรม 2. สังเกตการแสดงเหตุผลในการตอบคําถามหรือแสดงความคิดเหน็ ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู 1. ครูเขยี นคาํ ว่า “ครอบครวั ” บนกระดาน และถามนกั เรยี นว่าเวลาพดู ถงึ “ครอบครวั ” นกั เรียนนกึ ถงึ ใครบา้ ง กระตุน้ ให้นักเรยี นตอบให้หลากหลาย • ครเู ขียนคาํ ตอบทัง้ หมดบนกระดานหรอื กระดาษชารท์ (เชน่ พอ่ แม่ ลกู ปู่ ยา่ ตา ยาย พี่ น้อง ลุง น้า อา ญาติ แมว หมา ฯลฯ) • เม่ือไดค้ าํ ตอบจาํ นวนหน่ึง ครูชวนใหเ้ ห็นวา่ แตล่ ะครอบครัวอาจมสี มาชิกทแ่ี ตกตา่ งกันบา้ ง เปน็ ครอบครัวเล็ก ครอบครัวใหญ่ บางครอบครวั อาจมีสมาชิกทเ่ี ปน็ ผใู้ หญห่ ลายคนหลายรนุ่ บาครอบครัวอาจ มผี ู้ใหญเ่ พยี งคนเดยี ว บางครอบครวั สมาชิกอย่พู ร้อมหน้ากนั แต่บางครอบครัวสมาชิกอาจไมไ่ ดอ้ ยูด่ ้วยกนั ทุกคน ดงั นนั้ แตล่ ะครอบครัวมลี กั ษณะพเิ ศษของตัวเอง 2. ครูให้นักเรยี นดูภาพตอ่ ไปนี้ และถามนกั เรยี นว่า ภาพใดไมใ่ ชค่ รอบครวั บ้าง เพราะเหตใุ ด
หลังจากฟงั ความเหน็ ของนกั เรียน ครูอธบิ ายภาพเพมิ่ เตมิ วา่ ทุกภาพเปน็ ภาพครอบครวั ซง่ึ เราจะเห็น ว่าครอบครัวมีหลายแบบ เราอาจคุ้นเคยกับภาพครอบครวั ทเี่ ปน็ “พ่อแมล่ ูก” แต่ในความเปน็ จรงิ เรามีท้ัง • ครอบครัวท่มี แี ม่หรือพ่อคนเดียวเล้ียงลูก ซงึ่ อาจเรียกว่า พ่อ/แม่เลย้ี งเด่ยี ว • ครอบครัวท่ีมพี ่อสองคน หรือแม่สองคนชว่ ยกันเล้ยี งลูก ซง่ึ เปน็ คนที่รักเพศเดยี วกันและ อยากมลี ูกด้วยกัน • ครอบครัวท่ีเดก็ ๆ อยกู่ ับญาตผิ ู้ใหญ่ เช่น ปู่ ยา่ ตา ยาย ลงุ ป้า นา้ อา เปน็ ตน้ • ครอบครัวท่ีขอบตุ รบญุ ธรรมมาเล้ยี ง • ครอบครัวทไี่ ม่มลี กู • และยังมคี รอบครัวอกี หลายแบบ บางครอบครัวกน็ ับสัตวเ์ ลี้ยงเปน็ สมาชิกครอบครัวด้วย 3. ครถู ามนักเรยี นเพม่ิ เติม ดังน้ี • นอกจากครอบครัวแบบท่คี รูพดู ถึงแล้ว ใครเคยเหน็ ครอบครัวแบบอ่ืน ๆ อกี บ้าง ขอฟัง ตัวอย่าง • เม่อื เราเหน็ ว่าครอบครัวมีหลากหลายรปู แบบ นักเรยี นมคี ําถาม หรือมขี อ้ สงสัยอะไร เกีย่ วกับครอบครัว หรอื ไม่ 4. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่า ครอบครัว คือ กลมุ่ คนทอี่ ยู่ร่วมกัน มคี วามผกู พนั ความรกั ความห่วงใยตอ่ กัน ดูแล ช่วยเหลอื เก้อื กลู กัน โดยอาจมคี วามผูกพันกนั ทางสายเลือดหรอื ไมก่ ไ็ ด้ ทั้งน้ี แตล่ ะครอบครวั อาจมี องค์ประกอบและสมาชิกแตกตา่ งกันไป 5. แจกแผ่นกจิ กรรม “ครอบครัวของฉัน” หรือกระดาษวาดภาพให้นักเรยี นแตล่ ะคน 1) วาดภาพสมาชกิ ครอบครัวของตนเอง 2) วาดภาพกิจกรรมทส่ี มาชกิ ในครอบครัวทาํ ด้วยกนั และ 3) ตอบคําถามว่า คนในครอบครัวฉันแสดงความรัก ความห่วงใย ดแู ลกนั อย่างไรบา้ ง 6. ให้เวลา 10-15 นาทใี นการวาดภาพ โดยที่ • ครูควรควบคมุ เวลาใหพ้ อเหมาะ เพราะเด็กๆ อาจจะสนกุ กบั การวาดภาพ • ควรคํานึงถงึ การใหเ้ วลาเด็กๆ ในการวาดอย่างเต็มที่ เพราะภาพทเ่ี ด็กๆ วาด จะช่วยให้ครู ได้รบั รูม้ ุมมองของเดก็ ตอ่ “ครอบครวั ”ของตนเอง • ในขณะเดียวกนั ต้องเผอ่ื เวลาสาํ หรบั การพูดคุยหลังจากวาดภาพด้วย 7. เมอ่ื ทุกคนวาดเสร็จแลว้ ครูขอใหน้ กั เรยี นทําอกี 1 อย่าง คือ ให้วาดรปู หัวใจ บนภาพสมาชกิ ในครอบครัวทน่ี กั เรียนเปน็ คนพเิ ศษทีส่ ุดสาํ หรบั นกั เรียน 8. ครูถามนักเรยี นว่า มีใครอาสาสมัครจะเลา่ เรอ่ื งครอบครัวตวั เองใหท้ ุกคนในห้องฟงั บา้ ง (2-3 คน) 9. ให้นกั เรยี นจบั กลมุ่ 3 คนและเล่าเรือ่ ง “ครอบครัวของฉัน-กิจกรรมทที่ าํ ดว้ ยกนั -คนพิเศษของฉนั คอื ใคร” ใหเ้ พื่อน ๆ ฟงั คนละ 3 นาที ครคู อยกระต้นุ ใหท้ กุ คนเล่าและตง้ั ใจฟงั เรอ่ื งของเพอ่ื น
โดยทว่ี ัตถปุ ระสงคข์ องการใหน้ ักเรยี นจบั กลมุ่ เลา่ ใหเ้ พอื่ นฟงั กเ็ พอ่ื ฝกึ การส่ือสารและการรบั ฟังและ การได้ยินเรอ่ื งครอบครัวของเพ่ือนซึ่งอาจเหมอื นหรือตา่ งจากตนเอง เพอื่ สรา้ งการเรยี นรูเ้ ร่ืองความแตกตา่ ง ผ่านการฟังเร่อื งเล่าของเพ่ือน 10. เมอื่ สงั เกตวา่ เดก็ ทุกคนเล่าแล้ว หรอื ใช้เวลาไปประมาณ 10 นาที ครชู วนคยุ โดยใช้คําถาม ดังนี้ • หลังจากได้ฟังเรอ่ื งครอบครัวของเพ่อื นๆ แลว้ เรารสู้ กึ อย่างไรบ้าง • สงิ่ ท่เี หมือนกนั ของแต่ละครอบครัว มอี ะไรบา้ ง • ส่งิ ท่ีต่างกันของแต่ละครอบครัว มอี ะไรบ้าง • ครอบครัวสาํ คญั สาํ หรับเราอย่างไร 11. ครสู รุปการเรียนรวู้ ่า ครอบครัวมคี วามหมายและความสําคัญกับทุกคนอย่างน้อยเรามคี นใน ครอบครวั ของเราทร่ี กั และเปน็ หว่ งเรา นอกจากน้นั แต่ละคนมบี ทบาทในการช่วยกนั ดูแลสมาชกิ ในครอบครวั ช่วยเหลือกนั และช่วยกนั ทาํ ให้ครอบครวั มคี วามสุข 12. ขอให้นกั เรยี นส่งภาพวาดของตนเอง แตล ะครอบครวั อาจมสี มาชกิ ทีแ่ ตกตางกัน บา งเปน ครอบครวั เล็ก บางเปนครอบครวั ใหญ ซงึ่ แตล ะครอบครวั มีลกั ษณะพเิ ศษของตัวเอง
แผนกิจกรรม : ครอบครวั ของฉนั 1. สมาชิกในครอบครวั ของฉนั มใี ครบา้ ง (วาดภาพและเขียนว่าคอื ใคร) 2. กิจกรรมท่สี มาชกิ ในครอบครวั เรามักทําดว้ ยกนั 3. คนในครอบครัวฉันแสดงความรัก ความหว่ งใย ดูแลกนั อยา่ งไรบา้ ง (ยกตวั อยา่ ง ใครทําอะไร) .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
ขอมูลเพิ่มเติมสาํ หรับครู “ความหลากหลายของครอบครวั ไทย” จากรายงานสถานการณป์ ระชากรไทย ปี 2558 ของกองทุน ประชากรแหง่ สหประชาชาติหรอื ยูเอ็นเอฟพีเอ (United Nations Population Fund : UNFPA) พบว่า รปู แบบครอบครวั ไทยในปจั จุบัน มีทั้งส้ิน 7 ประเภท โดยพบว่า ครอบครวั 3 รนุ่ เปน็ ครอบครัวประเภทหลกั เพิ่มข้ึนต่อเนอ่ื งโดยเฉพาะในชนบท, ครอบครวั พอ่ แม่ลูก จากท่เี คยเปน็ ประเภทหลกั ลดลงประมาณครึ่งหน่ึง, ครอบครัวคสู่ ามภี รรยาไม่มลี กู เพิ่มขนึ้ 3 เท่า ส่วนครอบครัวเลย้ี งเดี่ยว สัดส่วนลดลงเล็กนอ้ ย แต่มีจาํ นวน เพมิ่ ขึ้นจาก 970,000 ครวั เรอื น เป็น 1.37 ลา้ นครัวเรอื น นอกจากนี้ ยังพบรปู แบบครอบครัวทห่ี ลากหลาย เช่น ครอบครัวเพศเดียวกัน ครอบครัวที่ไม่ใชญ่ าติ
แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู ี่ 5 “เพอื่ น”
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูที่ 5 เพอ่ื น สาระสําคัญ เพ่ือนมคี วามสําคญั กับคนทกุ วัย โดยเฉพาะในชว่ งวัยรุ่น เราอาจมีเพื่อนหลายแบบ และเพอื่ นแตล่ ะคน มีทัง้ ส่วนทเี่ หมอื นและแตกตา่ งจากเรา เมื่อเปน็ เพื่อนกนั เราอาจจะมีส่ิงที่ชอบเหมือนๆ กนั ชวนทาํ สิ่งตา่ งๆ ดว้ ยกนั อย่างไรก็ดคี นที่เปน็ เพอื่ นกัน ไม่จําเปน็ ตอ้ งชอบทกุ อยา่ งหรือมีความเห็นทกุ อย่างเหมอื นกันความ แตกต่างไม่ใช่ปญั หา เพราะเราแต่ละคนไมม่ ใี ครเหมือนใคร ส่ิงสาํ คญั ของการเป็นเพอื่ นคือการยอมรับและ เข้าใจในสิ่งท่เี พือ่ นเป็นมากกว่าการพยายามทําใหเ้ พอื่ นเป็นเหมือนเรา วัตถุประสงคก ารเรยี นรู 1) เพอื่ ใหน้ ักเรยี นเปรยี บเทียบความเหมือนและความต่างระหว่างตวั เองกบั เพื่อนสนทิ ได้ 2) เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นบอกสงิ่ ท่ที ําให้มติ รภาพแน่นแฟ้นและสงิ่ ท่เี ราไม่ควรทาํ กบั เพือ่ นได้ แผนการเรียนรู้นี้ มุง่ สรา้ งเสรมิ คณุ ลกั ษณะและทักษะสาํ คญั ดังนี้ Core Values Core Skills • การเคารพความแตกตา่ ง • การวเิ คราะห์เปรียบเทียบ • การรแู้ ละเคารพสทิ ธิ • การปรบั ตวั • ความม่ันใจในตนเอง • การอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ื่น • การเห็นอกเห็นใจ เข้าใจคนอื่น • การจดั การควบคุมตนเอง • เสรภี าพในการเลอื ก • การตัดสนิ ใจ • การไมเ่ อาเปรียบผูอ้ ืน่ • ความเทา่ เทยี ม • การไมใ่ ชค้ วามรุนแรง
อปุ กรณแ ละส่ือ • แผน่ กิจกรรม 1 “ฉนั กบั เธอ” สําหรบั นักเรยี นทกุ คน • แผ่นกจิ กรรม 2 “เพื่อนกนั ” สําหรับนักเรียนทกุ คน • เตรยี มเขียนขอ้ ความ 12 ขอ้ ของแผ่นกิจกรรมไวบ้ นกระดานหรอื กระดาษชารท์ เพ่อื ชวนดคู ําตอบ กับนักเรยี น • ดนิ สอสหี รือปากกาเมจิก และกระดาษชาร์ท ประเมินผลการเรียนรู 1. สังเกตความสนใจและการมสี ว่ นร่วมในการทาํ กิจกรรม 2. สงั เกตการแสดงเหตผุ ลในการตอบคาํ ถามหรือแสดงความคดิ เหน็ ข้นั ตอนการจดั กิจกรรมการเรียนรู 1. ครูบอกนักเรยี นว่าวันนีเ้ ราจะคยุ กันเรอื่ ง “เพ่ือน” โดยเริม่ จากชวนนกั เรยี นพดู คยุ ดังนี้ • เพ่อื นสําคัญอย่างไร • ในห้องน้ี ทกุ คนเป็นเพ่อื นกันหรอื ไม่ อย่างไร • อะไรที่แสดงวา่ เราเป็นเพอ่ื นกัน • เราเลือกคนที่จะเป็นเพ่ือนเราอย่างไรบา้ ง แตล่ ะข้อขอฟงั คําตอบ 3-4 คาํ ตอบ 2. ครเู พิ่มเตมิ วา่ เราทกุ คนมเี พอ่ื น และเพือ่ นมคี วามสาํ คญั ต่อเราในแงม่ ุมทแี่ ตกต่างกนั ไปในแตล่ ะคน และทกุ คนรวู้ า่ เราอยากมเี พื่อนแบบไหน วันนเี้ ราจะลองสาํ รวจเรอ่ื งความเป็นเพอื่ นเพิม่ เติมกัน 3. ให้นกั เรียนจบั ค่กู บั เพ่ือน (หากไมค่ รบคู่ ใหจ้ ับกลุ่ม 3 คน) เมอ่ื ได้แลว้ • แจกแผ่นกจิ กรรม 1 “ฉันกบั เธอ” ใหน้ ักเรียนคนละ 1 แผ่น • ให้นกั เรียนแต่ละคนนกึ ถงึ สง่ิ ทชี่ อบในตัวเพ่อื นทเี่ ราจับคู่ดว้ ย 2 ขอ้ เขียนในรปู หวั ใจ 2 ดวงๆ ละ 1 ขอ้ และให้คิดถงึ ความเหมือนกันและต่างกันระหว่างเรากบั เพอ่ื น อยา่ งละ 3 ขอ้ • จากน้นั ให้เลา่ ให้กันฟัง โดยแตล่ ะคนบอกคู่ว่าเราชอบอะไรในตวั เพอื่ นและใหแ้ ลกเปลยี่ น กนั ถึงสง่ิ ที่คิดวา่ เราเหมือนและตา่ งกนั โดยดูว่า เราเห็นดว้ ยกนั หรือไมใ่ นความเหมอื นและความต่างทแ่ี ต่ละคน คิดไว้ 4. หลงั จากสังเกตวา่ ทุกคู่ไดค้ ุยกนั แล้ว ถามนกั เรยี นว่า • รสู้ กึ อย่างไร กับสง่ิ ท่ีเพื่อนชอบในตวั เรา • สง่ิ ทีเ่ รากบั เพอ่ื นต่างกัน มผี ลตอ่ ความเปน็ เพอ่ื นของเราหรือไม่ อย่างไร • นกั เรียนคิดวา่ คนท่ีเป็นเพือ่ นกันจาํ เปน็ ต้องชอบอะไรหรือมีอะไรเหมอื นกันหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
5. ครูเสรมิ ว่า คนทเ่ี ป็นเพื่อนกนั ไม่จาํ เปน็ จะต้องเหมือนกันทกุ อยา่ ง เพราะเราแตล่ ะคนล้วนมีความ แตกต่างกัน แตท่ เ่ี ราเป็นเพื่อนกนั เพราะเรายอมรบั ในส่งิ ท่เี พื่อนเปน็ ได้แมจ้ ะไมเ่ หมอื นกบั เรา 6. ครูแจกแผน่ กิจกรรม 2 “เพื่อนกนั ” และอธิบายให้นักเรียนทกุ คนทําให้เวลา 5 นาที (หากสงั เกตว่า มีนกั เรยี นทอ่ี า่ นไมค่ ลอ่ ง ขออาสาสมัครอา่ นและทําไปพรอ้ มๆ กัน) 7. เตรยี มเขียนข้อความไว้บนกระดานหรอื กระดาษชาร์ท เมอ่ื ทกุ คนทําเสร็จแลว้ ชวนดูทลี ะข้อ และ ขอฟงั คําตอบและเหตผุ ลจากนกั เรยี น โดยอาจถามขอ้ ละ 2-3 คน • หากเวลาไม่พอ ครอู าจถามนกั เรียนวา่ ข้อไหนบา้ งท่คี วรทําสาํ หรบั คนทีเ่ ปน็ เพอื่ นกัน เพราะเหตใุ ด และเลอื กข้อทไี่ มค่ วรทาํ ระหว่างเพ่ือน 2-3 ขอ้ อภปิ รายถึงเหตผุ ลกอ่ นทจี่ ะเฉลย 8. ครชู วนนกั เรยี นสรุปโดยใหบ้ อกถึง สิ่งทจ่ี ะชว่ ยใหค้ วามเป็นเพื่อนแน่นแฟน้ ขึ้น และสิ่งที่จะทาํ ลาย ความเป็นเพ่ือน
แผน กิจกรรม 1 “ฉันกบั เธอ” ส่งิ ทีเ่ ราชอบในตัวเธอ สง่ิ ที่เราชอบในตัวเธอ สง่ิ ท่ฉี นั กับเพื่อนเหมอื นกัน คอื สง่ิ ท่ีฉันกับเพื่อนตา งกัน คือ 1) ..................................................... 1) ..................................................... 2) ..................................................... 2) ..................................................... 3) ..................................................... 3) ..................................................... สิง่ ทเ่ี ราชอบในตัวเธอ สงิ่ ที่เราชอบในตัวเธอ สง่ิ ทฉี่ นั กับเพ่ือนเหมอื นกัน คือ สิ่งท่ีฉนั กบั เพ่ือนตางกนั คอื 1) ..................................................... 1) ..................................................... 2) ..................................................... 2) ..................................................... 3) ..................................................... 3) .....................................................
แผน กิจกรรม 2 “เพอ่ื นกัน” ใหน้ ักเรียนแสดงความเหน็ วา่ หากเราเปน็ เพือ่ นกัน เราควรทาํ ส่งิ เหล่านี้ใช่หรอื ไม่ หากคดิ ว่าใช่ ใหใ้ สเ่ ครอื่ งหมาย หากไมใ่ ช่ ใหใ้ ส่เครือ่ งหมาย X 1. ใชเ้ วลาอยดู่ ว้ ยกันตลอดเวลา ……………… 2. บงั คบั ใหเ้ พ่ือนทําแม้จะร้วู า่ เพอ่ื นเราไมอ่ ยากทาํ ……………… 3. ตอ้ งแตง่ ตวั เหมอื น ๆ กนั ……………… 4. ไวใ้ จกัน และเลา่ เรอ่ื งส่วนตวั ให้กันฟงั ได้ ……………… 5. ตามใจเพอ่ื นทุกเรอื่ ง เพราะกลัววา่ เพื่อนจะโกรธหรือไมพ่ อใจ ……………… 6. เก็บความรูส้ ึกแมไ้ ม่พอใจ หากถกู ล้อเลยี นในเรื่องตา่ ง ๆ ……………… 7. ตอ้ งคดิ เหมือนๆ กนั และไม่เถียงกนั หรอื แสดงความเหน็ แยง้ ……………… 8. ทําตามเพอื่ น แมว้ ่าเราจะไมเ่ ห็นด้วย หรือไมอ่ ยากทาํ ……………… 9. ปกปอ้ งเพอ่ื น หากเพอ่ื นถูกลอ้ เลียน หรอื รังแก ……………… 10. คบกันเฉพาะเพือ่ นในกลุม่ ตวั เอง และไมค่ บหากับเพอื่ นกลมุ่ อน่ื ……………… 11. พูดกนั ดๆี ต่อหน้า แต่แอบนนิ ทาลับหลัง ……………… 12. บอกผใู้ หญ่ หากรวู้ า่ เพือ่ นกาํ ลังทําในสิง่ ที่มีความเส่ียง ……………… หรืออาจเป็นอนั ตราย
เฉลยแผน กจิ กรรม 2 “เพ่อื นกัน” ให้นกั เรียนแสดงความเหน็ วา่ หากเราเปน็ เพ่อื นกัน เราควรทาํ ส่ิงเหลา่ นใ้ี ช่หรอื ไม่ หากคดิ วา่ ใช่ ให้ใส่เคร่ืองหมาย หากไมใ่ ช่ ให้ใส่เครื่องหมาย X 1. ใชเ้ วลาอยดู่ ว้ ยกนั ตลอดเวลา X 2. บงั คับให้เพ่ือนทําแมจ้ ะรวู้ ่าเพอ่ื นเราไมอ่ ยากทาํ X 3. ตอ้ งแตง่ ตัวเหมือน ๆ กนั X 4. ไวใ้ จกัน และเลา่ เรื่องสว่ นตัวให้กนั ฟงั ได้ 5. ตามใจเพอื่ นทุกเร่ือง เพราะกลัววา่ เพือ่ นจะโกรธหรอื ไม่พอใจ X 6. เกบ็ ความรู้สึกแมไ้ มพ่ อใจ หากถูกลอ้ เลยี นในเร่ืองต่าง ๆ X 7. ต้องคดิ เหมอื นๆ กัน และไมเ่ ถยี งกัน หรอื แสดงความเหน็ แยง้ X 8. ทาํ ตามเพอื่ น แม้ว่าเราจะไมเ่ ห็นด้วย หรอื ไม่อยากทํา X 9. ปกป้องเพื่อน หากเพอื่ นถูกล้อเลียน หรอื รังแก 10. คบกนั เฉพาะเพือ่ นในกลมุ่ ตวั เอง และไมค่ บหากับเพือ่ นกล่มุ อ่นื X 11. พูดกนั ดๆี ตอ่ หนา้ แตแ่ อบนินทาลบั หลัง X 12. บอกผู้ใหญ่ หากรวู้ า่ เพ่อื นกําลงั ทาํ ในสิ่งทีม่ คี วามเส่ียง หรืออาจเปน็ อันตราย
แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรทู ่ี 6 “แบงปน ”
แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรูที่ 6 แบงปน สาระสาํ คญั การเรียนร้ทู ี่จะเล่นและทาํ งานรว่ มกบั เพ่อื น เปน็ ทกั ษะหนง่ึ ทีส่ ําคญั ในการพฒั นาความสัมพันธ์กับผู้อนื่ การมนี า้ํ ใจ เออื้ เฟอื้ แบ่งปนั เป็นคณุ ลักษณะสําคญั ในการสร้างสมั พันธภาพ และการอยู่ร่วมกบั ผูอ้ น่ื วัตถปุ ระสงคก ารเรยี นรู 1) เพอ่ื ให้นกั เรยี นบอกความร้สู กึ ของการชว่ ยเหลอื และแบง่ ปันกันได้ 2) เพื่อใหน้ ักเรยี นฝกึ การทาํ งานร่วมกันเพอ่ื ไปสู่เปา้ หมายได้ แผนการเรียนรนู้ ี้ ม่งุ สรา้ งเสรมิ คณุ ลกั ษณะและทกั ษะสาํ คญั ดังนี้ Core Values Core Skills • การเหน็ อกเหน็ ใจ เขา้ ใจคนอื่น • การอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ืน่ • การรแู้ ละเคารพสิทธิ • การทํางานเปน็ ทมี • การไมเ่ อาเปรยี บผู้อนื่ • การสอ่ื สาร • ความเท่าเทยี ม • การวเิ คราะห์เปรียบเทยี บ • การไมใ่ ช้ความรนุ แรง อปุ กรณแ ละสอื่ • เพลงประกอบการเลน่ เก้าอ้ีดนตรี • หอ้ งที่มพี ืน้ ท่พี อสาํ หรบั เล่นเก้าอ้ีดนตรี ประเมนิ ผลการเรยี นรู 1. สงั เกตการมสี ่วนร่วมในการทาํ กจิ กรรม 2. สงั เกตการสอ่ื สารของนักเรยี นระหว่างทาํ กิจกรรม 3. สังเกตการเชื่อมโยงและอธิบายเหตุผล
ข้ันตอนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู 1. ครูบอกนักเรยี นว่า วนั นี้เราจะเล่นเกม “เก้าอ้ีดนตรี” • ถามนกั เรียนว่าเคยเลน่ หรือไม่ ขออาสาสมคั รอธบิ ายวธิ กี ารเลน่ และกตกิ า • เม่อื ทกุ คนเขา้ ใจตรงกันใหท้ กุ คนช่วยกนั จดั เกา้ อีเ้ ปน็ วงกลม ยํา้ กติกา “ห้ามผลักกนั ” 2. เร่ิมเลน่ เก้าอี้ดนตรี และใหค้ นทไ่ี ม่ได้นัง่ เกา้ อใี้ นแต่ละรอบ มายนื หน้าหอ้ ง • รอบท่ี 1 จดั เกา้ อใี้ ห้น้อยกว่าจาํ นวนนกั เรียน 1 ตวั • รอบท่ี 2 เอาเกา้ ออี้ อกอกี 1 ตัว • รอบท่ี 3 เอาเกา้ ออี้ อกอีก 2 ตัว 3. เม่อื ครบ 3 รอบ ถามนกั เรยี นทไี่ ม่ได้นงั่ เก้าอีว้ ่าร้สู ึกอยา่ งไร 4. ใหน้ กั เรยี นเล่นรอบสุดทา้ ย โดยใหม้ เี ก้าอเี้ หลือเพียง 3 ตวั เมอ่ื เลน่ จบ • ถามความร้สู กึ ของนกั เรยี นทไ่ี ดน้ ง่ั เกา้ อี้ 3 คนว่ารสู้ กึ อย่างไร และถามความรู้สกึ ของคนท่ี ไม่ได้น่งั 5. ครบู อกนกั เรยี นว่า เราจะลองเลน่ เกา้ อ้ดี นตรีแบบใหม่ และอธบิ ายกติกา ดงั นี้ • ให้นักเรียนชว่ ยกนั จัดเกา้ อ้ีเป็นวงกลมอกี ครง้ั • กติกาของการเล่นรอบนค้ี อื เม่ือเพลงจบ พวกเราต้องชว่ ยกนั ใหท้ ุกคนในหอ้ งไดน้ ง่ั เก้าอี้ และหา้ มน่ังตักกัน ถ้ามคี นไม่ไดน้ ่ังเกา้ อถี้ ือว่า ทกุ คนแพ้ • เมือ่ ทกุ คนเขา้ ใจ ใหเ้ รมิ่ เลน่ ยํ้ากติกาวา่ ทกุ คนต้องได้น่ังเก้าอแี้ ละหา้ มนงั่ ตักกัน o รอบท่ี 1 ใหเ้ ก้าอ้ีนอ้ ยกวา่ จํานวนนกั เรียน 1 ตวั o รอบท่ี 2 เอาเกา้ อ้อี อก 2 ตัว o รอบท่ี 3 เอาเกา้ อี้ออก 2 ตัว o รอบที่ 4 เอาเกา้ อี้ออก 2 ตัว หมายเหตุ : จาํ นวนรอบของการเลน่ และจํานวนเก้าอ้ที ่ีเอาออกในแตล่ ะรอบขนึ้ อยู่กบั จํานวนนกั เรยี น และใหห้ ยุดเลน่ เมือ่ พิจารณาวา่ นักเรยี นทง้ั หมดไมส่ ามารถแบง่ กันนง่ั ในจํานวนเก้าอ้ที ีเ่ หลอื อยไู่ ด้แล้ว • ในแตล่ ะรอบ ให้สังเกตวา่ นกั เรยี นมีวิธจี ัดการอยา่ งไรเพื่อใหท้ ุกคนไดน้ ง่ั เก้าอี้ o ในแตล่ ะรอบ ครูชมนักเรยี นที่ “แบ่งปนั ช่วยเหลอื กนั ” และทําใหท้ กุ คนไดน้ ั่งเกา้ อี้ o เมอ่ื เอาเก้าอี้ออกเพิ่มในรอบถดั ไป ครูอาจถามว่า นักเรยี นตอ้ งการปรึกษากัน หรอื วางแผนกนั หรอื ไม่ว่าจะจดั การอย่างไร และให้เวลา 2-3 นาที 6. เม่อื เลน่ เสรจ็ แล้วใหน้ ักเรียนจัดเกา้ อใี้ หเ้ รียบร้อย และชวนคยุ โดยใช้คาํ ถาม ดงั นี้ • นกั เรยี นชอบการเล่นเก้าอ้ดี นตรแี บบไหน เพราะเหตใุ ด (ถามเหตผุ ลจากทัง้ 2 แบบ) • การเลน่ เกา้ อดี้ นตรี 2 รอบ ตา่ งกนั อย่างไร o รอฟังคําตอบจากนกั เรยี นจํานวนหนง่ึ กระตุ้นให้มคี าํ ตอบที่หลากหลาย o ครอู าจใชค้ ําถามชวนคิดเพ่ิมเติม หากนักเรียนยังไม่ได้ตอบ ดงั น้ี
การชนะ - แพ้ - การเล่นแบบแรก ถา้ เลน่ แพ้ รูส้ ึกอยา่ งไร - การเลน่ แบบแรก ถ้าเล่นจนจบ สดุ ท้ายจะมีคนชนะกคี่ น - การเลน่ แบบทีส่ อง การชนะ เปน็ ของใคร วิธเี ล่น - การเล่นแบบแรก/แบบทส่ี อง แตล่ ะคนมวี ธิ ีเล่นตา่ งกันอยา่ งไร - ส่ิงสาํ คญั ในการเลน่ แบบท่สี องให้ชนะ คอื อะไร 7. ครูสรปุ ใหเ้ ห็นว่า การเลน่ แบบแรกเปน็ การแข่งขนั กนั ใหเ้ ราได้นั่งเกา้ อ้ีคนเดยี ว ส่วนแบบทสี่ องเปน็ การแบง่ ปันชว่ ยเหลือกนั โดยทุกคนได้นง่ั เกา้ อีด้ ้วยกัน 8. ครูชวนคุยต่อ โดยเลือกใช้แนวคําถาม ดงั น้ี • การลองเล่นเก้าอ้ดี นตรีทงั้ 2 แบบ ทาํ ใหน้ กั เรียนนึกถงึ เรอื่ งอน่ื ๆ ทค่ี ล้ายกนั อะไรบา้ ง • เราอาจเปรียบเทยี บ การลองเลน่ เกา้ อด้ี นตรี 2 แบบกับเรือ่ งอะไรในชวี ิตประจาํ วันได้บา้ ง • นักเรยี นไดเ้ รียนรอู้ ะไรบา้ งจากการลองเลน่ เกา้ อี้ดนตรี 2 แบบ 9. ครูสรุปสิง่ ทน่ี กั เรยี นตอบ และอาจเพม่ิ เติมประเดน็ เสรมิ แรง โดยยกตวั อย่างสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการ เล่น ดังน้ี • ครูชน่ื ชมที่นักเรยี นชว่ ยกัน มีน้ําใจ เอ้อื เฟื้อ แบง่ ปนั กันในการเล่นแบบรอบที่ 2 ครูเห็นว่า ..........(บอกสงิ่ ท่ีสังเกตเหน็ เช่น ใครชว่ ยใคร ใครทําอะไรเพ่อื ให้ทกุ คนได้นั่ง ฯลฯ) ซึง่ เปน็ คณุ สมบตั ิ ทด่ี ีมากในการอยู่ร่วมกนั ในสงั คม • ในหลายๆ สถานการณ์ของการอยู่ร่วมกนั เราจะเหน็ วา่ เราสามารถเลอื กได้วา่ จะมวี ิธีอยู่ ด้วยกันอยา่ งไร เชน่ หากเก้าอี้มีจาํ นวนจํากัดและทกุ คนกอ็ ยากน่ัง o เราจะเลือกวธิ ีไหน ระหว่างให้บางคนได้นั่ง และบางคนถูกคดั ออกไมไ่ ดน้ ัง่ หากเรา ไมไ่ ดน้ ง่ั เราจะรสู้ กึ อย่างไร o หรือเราจะหาวธิ ใี ห้ทุกคนไดน้ ่งั ซง่ึ อาจจะนง่ั ไมส่ บายนกั แต่กส็ ามารถแบง่ กัน นง่ั ไดท้ ุกคน ไมต่ ้องมคี นยนื หรือถูกคัดออก • นักเรยี นคิดอย่างไร หากเราสามารถแบ่งปนั เพื่อทําให้ทกุ คนมคี วามสุขไดเ้ หมือน ๆ กนั
แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู ี่ 7 “เปน หญงิ เปน ชาย”
แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรูท่ี 7 เปน หญงิ เปนชาย สาระสําคญั หญิงและชายอาจมีความแตกต่างทางเพศสรีระ (Sex) โดยธรรมชาตแิ ตค่ วามเปน็ หญิงและความเปน็ ชายหรือเพศสภาพ (Gender) เปน็ สง่ิ ทสี่ ังคมกาํ หนดขนึ้ วา่ เพศหญงิ และเพศชายต้องมลี กั ษณะ มีบทบาทหรือ มพี ฤตกิ รรมแบบใดแบบหนงึ่ ตามเพศสรีระ และใชก้ ระบวนการหลอ่ หลอมทางสงั คมทาํ ใหห้ ญงิ และชาย ตอ้ งปฏิบัติตัวไปตามเพศสภาพทกี่ ําหนดขึ้น จนกลายเป็นภาพเหมารวม (Stereotype) การทําความเข้าใจว่า ความเปน็ หญงิ ความเป็นชาย เป็นส่ิงทีส่ งั คมกําหนดขึ้น ไม่ใชเ่ ปน็ เรือ่ งธรรมชาติ จงึ เป็นเรอ่ื งสําคญั มาก เพราะ ลกั ษณะหรือบทบาทท่ีถูกกําหนดว่าเป็นเรื่องของหญงิ หรอื ชายไมส่ อดคล้องกบั ความเปน็ จรงิ ซ่งึ คนแตล่ ะคน ล้วนมคี วามแตกต่างกัน และไมม่ ีลกั ษณะ บทบาท หรอื พฤติกรรมใด ทีเ่ ปน็ ของเพศใดเพศหน่งึ เช่น ออ่ นโยน หรอื เข้มแข็ง ลว้ นเป็นคุณลักษณะท่ีมไี ดท้ ง้ั ในหญงิ และชายและเพศอนื่ ๆ การเปน็ ผนู้ าํ หรอื การทาํ งานบา้ น ก็เป็นสิง่ ทที่ ัง้ หญิงและชายและเพศอ่นื ๆ ก็สามารถทาํ ได้ ดงั นัน้ การเข้าใจว่าเพศสรีระเป็นเพยี งความแตกตา่ งทางสรรี ะ และเพศสภาพหรอื ความเป็นหญงิ ความเปน็ ชาย เป็นส่ิงสมมติทส่ี ังคมกําหนดข้ึนและเช่ือตอ่ ๆ กันมา และความเปน็ เพศถูกนํามาใช้ในการจัดการ แบง่ แยก ควบคมุ คนในสังคมจะเป็นพ้นื ฐานใหน้ กั เรยี นตระหนักวา่ เราต้องไมใ่ ช้ความเปน็ เพศมาแบง่ แยก คาดหวังหรอื จํากัดความเปน็ ตัวของตัวเองและโอกาสในการพัฒนาความสามารถทเ่ี ทา่ เทยี มกันของคนทกุ คน วตั ถปุ ระสงคการเรยี นรู 1) เพ่อื ให้นักเรยี นบอกลกั ษณะความเป็นหญงิ ความเป็นชาย (gender) ทเ่ี ป็นการเหมารวม (stereotype) ได้ 2) เพื่อใหน้ ักเรยี นยกตัวอย่างผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขึน้ จากภาพเหมารวมเร่ืองความเป็นหญิงความ เป็นชายได้
แผนการเรียนรู้น้ี มงุ่ สรา้ งเสรมิ คุณลักษณะและทกั ษะสาํ คัญ ดงั นี้ Core Values Core Skills • การรัก เคารพ และเห็นคุณค่าในตนเอง • การรู้จกั ตนเอง • ความมน่ั ใจในตนเอง • การยืนยันความร้สู ึกของตนเอง • การเคารพความแตกตา่ ง • การแยกแยะถกู ผิด • เสรีภาพในการเลอื ก • การอยรู่ ว่ มกบั คนอนื่ • การรแู้ ละเคารพสิทธิ • การคิด วเิ คราะห์ • ความเทา่ เทยี ม • การสรา้ งแรงบนั ดาลใจ อุปกรณและส่อื • กระดาษการ์ดสเี ขยี วและสเี หลอื ง (หรือสีอนื่ ๆ 2 สี) ใชส้ าํ หรับแจกกลมุ่ ย่อย สลี ะ 5 แผน่ ตอ่ กลุม่ • ดินสอสีหรอื ปากกาเมจิก • กระดาษชาร์ท ประเมินผลการเรยี นรู 1. สงั เกตความสนใจและการมสี ว่ นร่วมในการทาํ กิจกรรม 2. สังเกตการแสดงเหตผุ ลในการตอบคาํ ถามหรอื แสดงความคิดเหน็ ขัน้ ตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู ชวั่ โมงที่ 1-2 1. ครูช้ีแจงว่า วันนเ้ี ราจะคุยกันเร่อื ง “ผหู้ ญิง” “ผชู้ าย” ให้นักเรียนแบง่ กลุ่มย่อย กลมุ่ ละ 6 คน 2. แจกกระดาษการ์ดสเี หลืองและสเี ขียว สลี ะ 5 แผ่น และปากกาเมจิกใหแ้ ตล่ ะกลุ่ม อธบิ ายวา่ • ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั คิดถงึ คําทบ่ี ่งบอกหรืออธิบายถึง “ความเป็นหญงิ ” และ “ความเปน็ ชาย” อย่างละ 5 คํา • ให้เขยี นคาํ ทบี่ อกถึง “ความเป็นหญงิ ” ในกระดาษการด์ สีเหลือง และเขยี นคาํ ทบี่ อกถงึ “ความเป็นชาย” ในกระดาษการ์ดสเี ขยี ว (และให้เวลา 10 นาท)ี 3. ขออาสาสมคั รนําเสนอ 1 กลุ่ม เมอ่ื ตวั แทนนาํ เสนอ ใหค้ รูติดกระดาษไว้บนกระดานโดยแยกสี (หญิง/ชาย) ให้เหน็ ชัดเจน • ให้กลุม่ อนื่ ๆ นําเสนอคาํ ทแี่ ตกตา่ งไปจากบนกระดานเพ่ิมเตมิ และนําไปติดไว้บนกระดาน จนครบทกุ กลมุ่ 4. ครชู วนนักเรยี นพจิ ารณาคาํ ทีแ่ บง่ ความเป็นหญงิ และความเปน็ ชายบนกระดาน และชวนคุยโดยใช้ คําถาม ดังนี้
• นกั เรียนเหน็ ด้วยหรือไม่ว่า หากเปน็ หญงิ ต้องเป็นแบบน้ี และหากเปน็ ชายต้องเปน็ แบบนี้ • มีคําใดบ้างทีอ่ ธบิ ายความเปน็ หญิง ความเป็นชาย ทีน่ กั เรยี นไมเ่ หน็ ดว้ ย หรือสงสัยวา่ จรงิ หรือไม่ ให้อธบิ ายเหตผุ ล (ขอฟงั 3-4 คน) • คาํ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับผหู้ ญงิ มีคาํ ท่มี คี วามหมายเชงิ บวกหรือเชงิ ลบมากกว่ากนั และทาํ ไมจงึ เป็นเชน่ นน้ั • คําท่เี ก่ยี วกบั ผ้ชู าย มคี าํ ทม่ี คี วามหมายเชงิ บวกหรือเชิงลบมากกวา่ กนั และทาํ ไมจึงเป็น เชน่ นนั้ 5. ครูสรปุ วา่ คาํ ต่างๆ เหลา่ นที้ ่ีเราอธบิ ายถึงความเป็นหญงิ ความเป็นชายนัน้ ไมไ่ ดเ้ ป็นเช่นนั้น เสมอไป เพราะมีผหู้ ญงิ บางคน และผูช้ ายบางคนไม่ไดเ้ ปน็ แบบนนั้ ชวนนักเรียนพิจารณา โดยสลับเปล่ยี น หัวข้อ “ความเป็นหญิง” “ความเป็นชาย” และให้พจิ ารณาว่า มีคาํ ใดบ้างที่ไมจ่ ริง • ครสู ังเกตคาํ ตอบของนักเรียน และอธิบายเพ่ิมเติม* * นอกจากมีคาํ ทีเ่ กี่ยวข้องกับอวัยวะเพศและอวัยวะสืบพันธ์ุ เช่น จู๋ จิม๋ มดลกู นม ฯลฯ ที่แสดงถงึ ความแตกตา่ งของหญงิ ชายทางชีวภาพ/สรีระ คําอ่นื ๆ ทเ่ี ป็นคณุ ลกั ษณะต่างๆ ล้วนสามารถมีได้ ในทกุ เพศ 6. ชวนนักเรียนลองทาํ กิจกรรมอกี 1 กจิ กรรม โดยแจกแผน่ กจิ กรรมหญงิ -ชายเป็นแบบนีจ้ ริงหรือไม่ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนทาํ ใหเ้ วลา 5 นาที 7. เมือ่ นกั เรยี นทําเสร็จ ถามนกั เรยี นทีละขอ้ และขอใหน้ กั เรียนยกตวั อย่างทีเ่ ห็นในชวี ิตจริงเพ่อื สนบั สนุนหรือคดั คา้ นขอ้ ความน้ันๆ โดยครอู าจใช้คําถามช่วยให้นกั เรียนคิดตอ่ เช่น ข้อความ คําถามชวนคดิ ตอ่ ผหู้ ญงิ แสดงอารมณม์ ากกว่าผชู้ าย • เราเคยเห็นผูช้ ายร้องไห้ไหม • เวลาโกรธ หรือโมโห เราเคยเห็นผ้ชู ายแสดง ผู้ชายขบั รถเกง่ กวา่ ผ้หู ญงิ อารมณไ์ หม ผู้ชายชอบแข่งขนั มากกว่าผหู้ ญงิ • เราเคยเหน็ ผู้ชายขบั รถแลว้ เกดิ อุบตั เิ หตไุ หม ผู้หญิงพูดเก่งกว่าผ้ชู าย • เราเคยเหน็ ผ้หู ญงิ ขบั รถไหม ผหู้ ญิงชอบสชี มพู ผชู้ ายชอบสฟี ้า • เราเคยเห็นผชู้ ายท่ไี มช่ อบแข่งกบั คนอนื่ ไหม ผชู้ ายมคี วามกล้ากวา่ ผู้หญงิ • เราเคยเหน็ ผูห้ ญิงทล่ี งแข่งขนั ในเรื่องตา่ งๆ ไหม • เราเคยรู้จักผู้หญงิ ท่เี งยี บๆ พูดนอ้ ยบ้างหรือไม่ • เราเคยรู้จกั ผูช้ ายทพ่ี ดู เก่งไหม • เราเคยรู้จกั ผูห้ ญิงทไ่ี มช่ อบสชี มพูบ้างหรือไม่ • เราเคยรู้จักผูช้ ายที่ชอบสชี มพไู หม • เราเคยเห็นผชู้ ายทีข่ ี้ขลาด/ไมก่ ล้าไหม • เราเคยเห็นผู้หญงิ ทก่ี ลา้ เสีย่ งทําเรอื่ งต่างๆ ไหม • เรานกึ ถงึ ความกลา้ ในเรือ่ งอะไรบ้าง
8. เมื่อถามครบท้ัง 6 ขอ้ ครอู ธิบายเพ่ิมเติมวา่ • ขอ้ ความทง้ั 6 ขอ้ ทพ่ี ูดถงึ ลกั ษณะของผูห้ ญิงและผชู้ ายเป็นเรอ่ื งท่เี ราไมส่ ามารถสรปุ โดยรวมวา่ เปน็ เร่อื งจริงทั้งหมด หรือไมจ่ ริงทงั้ หมด ซงึ่ เหมือนกับคําทเ่ี ราช่วยกันระดมตอนแรก เพราะไม่ สามารถอธิบายหญงิ ทุกคน หรือชายทุกคนได้ • เราเรียกคําแบบนวี้ า่ “การเหมารวม” เพราะเป็นการเหมารวมว่าผ้หู ญิงทุกคนตอ้ งเป็น แบบนี้ (ชอบสชี มพู พูดเกง่ ชอบแสดงอารมณ)์ หรือผู้ชายทกุ คนตอ้ งเปน็ แบบนี้ (ต้องชอบสีฟา้ ตอ้ งกลา้ ต้องขับรถเก่ง) ซ่ึงไม่จริงเสมอไป แม้ว่าจะยังมคี นจํานวนหน่ึงเชอ่ื ว่าเปน็ แบบนน้ั 9. ถามนักเรียนว่า หากเชอ่ื ว่าผหู้ ญงิ ตอ้ งพูดเกง่ หรอื ผู้ชายตอ้ งกลา้ อาจสง่ ผลอย่างไรได้บา้ ง 10. ครสู รปุ การเรยี นรแู้ ละเพม่ิ ประเด็นสาํ คญั ว่าพวกเราอาจเคยได้ยินลกั ษณะเหมารวมทางเพศ มากมาย ซึ่งล้วนเปน็ สงิ่ ทสี่ ังคมกาํ หนดข้ึน ไม่ใช่เร่ืองธรรมชาติ การเหมารวมแบบนท้ี าํ ให้เกดิ ความคาดหวงั ตอ่ คนแต่ละเพศ ซ่งึ หากไมเ่ ปน็ ไปตามที่สงั คมคาดหวัง อาจสง่ ผลในทางลบ ทง้ั ความรสู้ กึ ไมด่ ตี อ่ ตัวเองหรือ เป็นการจํากดั โอกาสในการพฒั นาความสามารถที่เท่าเทียมกนั
แผนกจิ กรรม : หญิง-ชาย เปนแบบน้ี จรงิ หรอื ไม ? ผหู ญงิ แสดง ผูชายขับรถเกง อารมณ กวาผูหญิง มากกวา ผชู าย จริง ไมจ่ ริง จริง ไม่จรงิ ผชู ายชอบแขงขนั ผหู ญิงพดู เกง มากกวา ผหู ญงิ กวาผูชาย จรงิ ไมจ่ รงิ จรงิ ไม่จริง ผหู ญงิ ชอบสี ผชู ายมคี วามกลา ชมพู มากกวา ผหู ญงิ จรงิ ไมจ่ รงิ จริง ไมจ่ ริง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104