Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบับที่ 1

วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบับที่ 1

Published by sakdinan.lata, 2021-09-11 01:40:26

Description: วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบับที่ 1

Search

Read the Text Version

34 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2564) ในการบรรจกุ ารปอ้ งกนั การทจุ รติ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของหลกั สตู รการศกึ ษาภาคปกตแิ ละการศกึ ษาตลอดชวี ติ ดว้ ย ประธานาธบิ ดอี าจใชอ้ �ำนาจในฐานะผมู้ อี �ำนาจสงู สดุ ของฝา่ ยบรหิ ารในการออกกฤษฎกี าเพอ่ื แกไ้ ขเนอื้ หาสาระ ในบทบัญญตั ทิ ่ีเก่ียวข้องเป็นรายมาตราให้สอดคล้องกบั การเปลย่ี นแปลงตามยคุ สมัยได้ วิสัยทัศน์ท่ีระบุในเอกสารแนวนโยบายคุณธรรมและการต่อต้านการทุจริตของ ACRC ซ่ึงเผยแพร่เม่ือเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 คือ การเป็นประเทศที่มีความเป็นเลิศด้านคุณธรรม โดยตดิ อนั ดับ 1 ใน 20 ของดัชนีการรับร้กู ารทุจริต (Corruption Perception Index: CPI) ภายใน ค.ศ. 2022 ด้วยยุทธศาสตร์ 4 ข้ันตอนท่ีมุ่งสู่การสร้างผลลัพธ์สูงสุดด้วยกระบวนการปฏิรูประบบ ต่อต้านการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ การปฏิรูประบบและกระบวนการให้ส�ำเร็จ การตอบสนอง ประเด็นการทุจริตท้ังหมดได้อย่างรวดเร็ว การเสริมสร้างส�ำนึกรู้แห่งคุณธรรม และการเสริมสร้าง ระบบคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตในเชิงรุกอย่างทันท่วงที (ACRC, 2021, p. 11) เอกสาร แนวนโยบายยังกลา่ วถึงล�ำดบั ความส�ำคญั ของกจิ กรรมใน ค.ศ. 2021 โดยมงุ่ เน้น (1) การจัดท�ำหลักสูตรที่สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงของเจ้าหน้าท่ีรัฐระดับสูง รวมถึง เจ้าหน้าที่รัฐท่ีมาจากการเลือกต้ัง โดยจัดการประชุมหารือและการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับส่วนงานต่าง ๆ ท่ีมีพันธกิจในการพัฒนาบุคลากรของรัฐทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถ่ิน และ การเพ่ิมเติมจ�ำนวนกรณีศึกษาในหลักสตู รการอบรมเจ้าหน้าท่รี ัฐระดับสูง (ACRC, 2021, p. 30) (2) การเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ การสร้างเครือข่ายกับส่วนงานต่าง ๆ ท่ีมีพันธกิจ ในการพฒั นาบคุ ลากรเชน่ เดยี วกบั ขอ้ (1) และการพฒั นาหลกั สตู รเฉพาะ ซง่ึ ขอ้ มลู เมอื่ วนั ท่ี 12 ธนั วาคม ค.ศ. 2020 ระบุว่า ACRC มีสถาบนั ทเ่ี ป็นเครือขา่ ยจ�ำนวนทง้ั สิ้น 112 แห่ง ประกอบด้วย สว่ นบรหิ าร ของรัฐ 43 แห่ง หน่วยงานศึกษาอบรมขององค์กรส่วนท้องถิ่น 23 แห่ง หน่วยงานด้านการศึกษา ส่วนท้องถิ่น 18 แหง่ และองคก์ รภาครัฐ 28 แหง่ (ACRC, 2021, p. 30) (3) การปรับตัวตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ด้วยการปรับกิจกรรมการเรียนการสอนและ การเผยแพร่ความรู้ให้เป็นรูปแบบออนไลน์มากข้ึน หรือบันทึกเป็นวีดิทัศน์ส�ำหรับผู้เข้าร่วมท่ีจ�ำเป็น ต้องเข้ารับการอบรมแบบพบหน้า ส่วนผู้เข้ารับการอบรมที่เป็นสมาชิกสภาท้องถ่ินอาจด�ำเนินการ ผ่านเวบ็ ไซตข์ อง ACTI บริการคลาวด์ หรือ Youtube ได้ โดยตั้งเปา้ หมายจดั กิจกรรมอบรมออนไลน์ จ�ำนวน 11 คร้ังใน ค.ศ. 2021 ส�ำหรับกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้อื่น ๆ ให้เน้นการแสดงและ การปรับรูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย (ACRC, 2021, p. 31-32) ACTI พิจารณา แนวทางและรปู แบบการอบรมแตกต่างกันไปตามกลุ่มเป้าหมาย ดังน้ี 3.1 เจ้าหนา้ ทีร่ ฐั ACTI จัดการอบรมแก่เจ้าหนา้ ที่รฐั หลายกลุม่ ประกอบด้วยเจ้าหนา้ ท่รี ัฐแรกเขา้ เจ้าหน้าที่รัฐ ท่ีได้เล่ือนต�ำแหน่ง เจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นผู้บริหารระดับสูงขององค์กร เจ้าหน้าท่ีรัฐที่รับผิดชอบ การตรวจเงินแผ่นดินและภารกิจส่งเสริมคุณธรรมขององค์กรภาครัฐ ผู้ปฏิบัติงานในองค์กรภาครัฐ ท่ีมีความเส่ียงต่อการทุจริต และผู้ฝึกสอนคุณธรรมจริยธรรม ใน ค.ศ. 2019 มีองค์กรภาครัฐท่ีต้อง เข้ารับการอบรมตามกฎหมายจ�ำนวนท้ังสิ้น 1,939 แห่ง โดยผู้เข้ารับการอบรมมีอัตราการอบรม

แนวทางการสรา้ งสำ�นกึ รเู้ พอ่ื ตอ่ ตา้ นการทุจรติ ของเกาหลีใต:้ 35 กรณีการศกึ ษาอบรมและเผยแพร่องค์ความรู้ของ ACTI ครบถ้วนตามหลักสูตรอยู่ที่ร้อยละ 93.1 มีการจัดการอบรมแบบพบหน้า จ�ำนวน 16 กิจกรรม 128 ครัง้ โดยมีผ้ผู ่านการอบรม จ�ำนวน 19,684 ราย ใน ค.ศ. 2020 มีการเปิดหลักสตู รผ้นู �ำดา้ นคณุ ธรรม ของเจ้าหน้าท่ีรัฐที่เกิดในยุค Millennials หรือ Generation Y (ซึ่งหมายถึงผู้ที่เกิดระหว่าง ค.ศ. 1981 - 1996) เป็นคร้ังแรก โดยประยุกต์ใช้เกมเป็นเคร่ืองมือของการอบรมให้สอดคล้องกับ ความนิยมของผู้รับการอบรม และมีการจัดการอบรมแบบพบหน้าเพ่ิมเติม จ�ำนวน 17 กิจกรรม 170 ครั้ง โดยมีผผู้ ่านการอบรมจ�ำนวนประมาณ 30,000 ราย (ACRC, 2020b, p. 183) หลักสูตรการอบรมหนึง่ ท่ไี ดร้ ับความนยิ มมากในหมู่เจ้าหน้าท่รี ัฐทเ่ี ป็นผูบ้ ริหารระดบั สูงและ หัวหน้าหน่วยงานขององค์กรภาครัฐต่าง ๆ คือ คอนเสิร์ตคุณธรรม (Integrity Live หรือ Integrity Concert) ซ่ึงจัดขึ้นต้ังแต่ ค.ศ. 2013 กิจกรรมประกอบด้วย การแสดงทางวัฒนธรรมสดท่ีท�ำให้ ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจปัญหาที่เกิดจากการทุจริตและตระหนักถึงค่านิยมการมีคุณธรรมด้วยการ เลา่ เรอ่ื งผา่ นศลิ ปวฒั นธรรมพน้ื บา้ นและรว่ มสมยั ของเกาหลใี ต้ เชน่ การขบั รอ้ งส�ำเนยี งเออื้ นแบบเกาหลี ดงั้ เดมิ หรือพนั โซรี การแสดงระบ�ำหนา้ กากหรือมาดังกกึ การวาดทราย เปน็ ต้น โดย ACTI จะคัดเลือก ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากใบสมัครที่ย่ืนเข้ามา ใน ค.ศ. 2019 มีการจัดกิจกรรมดังกล่าวถึง 44 คร้ัง จากการตอบแบบสอบถามในแต่ละปี กิจกรรมนี้ได้รับความนิยมมากท่ีสุด โดยมีผู้ประเมินว่าพอใจ ถงึ รอ้ ยละ 90 (ACRC, 2020b, p. 184) ACTI ยังมีหลักสูตรการอบรมเพ่ือบ่มเพาะผู้ฝึกสอนคุณธรรมจริยธรรมด้วย โดยแบ่งเป็น ผู้ฝึกสอนระดับต้น ซึ่งหมายถึง บุคลากรที่สามารถเป็นผู้อบรมภายในหน่วยงานของตนเอง จ�ำนวน 1,978 ราย ผู้ฝกึ สอนเชยี่ วชาญท่ีสามารถให้ความรู้เร่ืองระบบ โครงสรา้ ง และกฎเกณฑต์ ่าง ๆ เกยี่ วกบั การต่อต้านการทุจริตได้ จ�ำนวน 264 ราย และผู้ฝึกสอนระดับสูงซ่ึงสามารถให้ความรู้และสร้าง ความส�ำนึกรู้ต่อหลักคุณธรรมให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ จ�ำนวน 38 ราย มีการน�ำรายชื่อเผยแพร่ ทางเว็บไซต์ของ ACTI (ซึ่งมีเฉพาะภาษาเกาหลี) เพ่ือให้หน่วยงานที่สนใจสามารถมาพิจารณาเชิญ ผู้ฝึกสอนท่ีเห็นว่าเหมาะสมไปเป็นผู้อบรมของหน่วยงานได้ ภายในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 มผี ู้ผา่ นการอบรมหลักสูตรดังกล่าวแล้ว จ�ำนวน 2,280 ราย (ACRC, 2020b, p. 185) นอกจากการอบรมแบบพบหน้าแล้ว ACTI ยังจัดหลักสูตรการอบรมจ�ำนวนหนึ่งผ่าน ชอ่ งทางออนไลนด์ ้วย ซ่งึ เปน็ ประโยชน์อย่างยง่ิ ในช่วงสถานการณ์โรคโควดิ -19 หวั ข้ออบรมหลัก เช่น ความตระหนักต่อกฎหมายป้องกันการทุจริต การใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสมและถูกต้องตามท�ำนอง คลองธรรม ความเข้าใจนโยบายคุณธรรมและต่อต้านการทุจริตของประเทศ ความเข้าใจท่ีถูกต้อง เกย่ี วกับกฎหมาย Improper Solicitation and Graft Act การเรียนรู้วิธกี ารประเมินความเสยี่ งตอ่ การทจุ ริต (Corruption Risk Assessment: CRA) จากกรณศี กึ ษา เปน็ ตน้ นับตั้งแต่การก่อต้ัง ACRC ใน ค.ศ. 2008 มผี ้ผู า่ นการอบรมผา่ นช่องทางออนไลน์จ�ำนวนประมาณ 960,000 คน และมแี นวโนม้ เพ่ิมข้นึ อย่างตอ่ เน่ืองทุกปี ใน ค.ศ. 2019 มีเจ้าหน้าที่รฐั ทผ่ี า่ นการอบรมผ่านชอ่ งทางออนไลน์ จ�ำนวน 171,132 ราย ACTI ยังมีการสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานศึกษาอบรมขององค์กรภาครัฐท่ีมีพันธกิจ

36 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 14 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) ในการพัฒนาบุคลากรผ่านการอบรมด้วย เช่น National Human Resources Development, Local Government Officials Development Institute, Institute of Justice, Korean National Diplomatic Academy เป็นต้น (ACRC, 2020b, p. 185) เจ้าหน้าท่ีรัฐระดับสูงท่ีเคยเข้าร่วมการอบรมของ ACTI อาทิ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะใน ศาลฎกี า รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม ผพู้ พิ ากษาหวั หนา้ ศาลแขวงอนิ ชอ็ น รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง ทด่ี ิน โครงสร้างพน้ื ฐาน และการขนสง่ ประธานคณะกรรมการก�ำกบั การบริการทางการเงนิ ผู้อ�ำนวย การส�ำนักงานอุตุนิยมวิทยา ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานควบคุมและป้องกันโรค อธิการบดีมหาวิทยาลัย แห่งชาติช็อนนัม นายกเทศมนตรีนครปูซาน นายกเทศมนตรีนครอุลซัน ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษ เซจง ศึกษาธิการจังหวัดชุงช็องเหนือ คย็องซังเหนือ คย็องซังใต้ ช็อลลาใต้ ศึกษาธิการนครแทจ็อน นครอินช็อน ประธานเจ้าหน้าท่ีบริหารองค์การบริหารพ้ืนที่ชนบท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารองค์การ อาคารสงเคราะหแ์ ละชมุ ชนแห่งกรงุ โซล (ACRC, 2020a, p. 78) ใน ค.ศ. 2021 ACTI ก�ำหนดแนวทางการอบรมส�ำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แตกต่างกันไปตามสถานะ เช่น การอบรมเจ้าหน้าที่รัฐท่ีเป็นผู้บริหารระดับสูงจะเน้นการจัดเวทีหารือ แลกเปล่ียนประสบการณ์อย่างอิสระมากกว่าการบรรยายโดยวิทยากร การอบรมเจ้าหน้าที่รัฐแรก เขา้ จะเนน้ กจิ กรรมเพ่อื สร้างความคนุ้ เคยที่เรียกวา่ “กิจกรรมเปดิ ใจ” หรือ “กจิ กรรมคน้ หาตวั ตนคน ยุค Millennials” ร่วมกับการบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายต่าง ๆ มีการใช้เกมตอบค�ำถามประกอบบ้าง ส่วนการจัดอบรมเจ้าหน้าท่ีรัฐท่ีได้รับการเล่ือนข้ันหรือต�ำแหน่งจะเน้นองค์ความรู้เชิงปฏิบัติเกี่ยวกับ แนวทางการส่ือสารประเด็นคุณธรรม การตอบสนองข้อร้องเรียนท่ีผิดปกติและเสี่ยงต่อการกระท�ำผิด กฎหมาย เปน็ ตน้ (Gyoyukgwajeong Sogae-Jeongnyeomgyoyuk Euimuhwa Majchumgyoyuk, n.d.) ผู้เขียนมีข้อสังเกตจากการประมวลรูปแบบการอบรมส�ำหรับเจ้าหน้าที่รัฐทุกกลุ่มเป้าหมาย วา่ ACTI ให้ความส�ำคัญแก่สาระเกยี่ วกบั Improper Solicitation and Graft Act อยา่ งมาก และ ให้น�้ำหนักแก่กิจกรรมเชิงศิลปวัฒนธรรมหรือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันมากกว่าการบรรยายโดย วทิ ยากร 3.2 สมาชิกสภาท้องถ่นิ สมาชิกสภาท้องถิ่นเป็นเจ้าหน้าท่ีรัฐอีกกลุ่มที่ ACTI ให้ความส�ำคัญอย่างมากและพัฒนา หลักสูตรการอบรมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ ค.ศ. 2018 โดยมีเป้าหมายการพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้าง ภาพลกั ษณข์ องสภาทอ้ งถนิ่ ทใี่ สสะอาด ประชาชนในพน้ื ทม่ี คี วามเชอื่ มน่ั เนอ่ื งจากผลประเมนิ คณุ ธรรม ของสมาชิกสภาท้องถ่ินนั้นอยู่ในระดับต�่ำและสมาชิกสภาท้องถ่ินเองก็มักไม่ค่อยใส่ใจเข้าร่วมกิจกรรม มากนกั เน้ือหาสาระหลักที่ ACTI จดั อบรมใหก้ ลมุ่ ดังกลา่ วคือ กฎหมายเก่ียวข้องกับการต่อต้านการ ทจุ ริตที่จ�ำเปน็ ต้องรู้ โดยเฉพาะ Conduct for Local Assemblymen และ Improper Solicitation and Graft Act และมีกิจกรรมปฏิญาณตนในฐานะผู้น�ำชุมชนด้วย ใน ค.ศ. 2019 ACTI จัดอบรม

แนวทางการสรา้ งส�ำ นกึ รเู้ พอ่ื ต่อต้านการทุจริตของเกาหลใี ต้: 37 กรณกี ารศึกษาอบรมและเผยแพรอ่ งค์ความร้ขู อง ACTI ให้สภาท้องถิ่น จ�ำนวน 17 แห่ง เช่น เขตบริหารพิเศษกรุงโซล สภาท้องถ่ินจังหวัดชุงช็องเหนือ สภาท้องถ่ินเมืองช็อนอัน สภาท้องถิ่นเมืองช็อนจู สภาท้องถ่ินเมืองโพฮัง เขตควันอักในกรุงโซล เป็นต้น โดยเขตบริหารพิเศษกรุงโซลเป็นสภาท้องถิ่นแห่งแรกท่ีลงนามใน Anti-Corruption and Transparency Pact กับ ACRC เพื่อร่วมแสดงเจตจ�ำนงต่อต้านการทุจริตและสร้างวัฒนธรรม ความโปรง่ ใส (ACRC, 2020a, p. 78, ACRC, 2020b, p. 184) ใน ค.ศ. 2021 ACTI ก�ำหนดแนวทางการอบรมส�ำหรับกลุ่มเป้าหมายท่ีเป็นสมาชิก สภาทอ้ งถน่ิ ไว้ 6 รปู แบบ ไดแ้ ก่ ปฏญิ ญาประชาคม (1 - 2 ชว่ั โมง) เสรมิ สรา้ งความสามารถดา้ นคณุ ธรรม (3 - 4 ช่ัวโมง) เรยี นรู้หลักคุณธรรม (5 - 6 ชว่ั โมง) สร้างผ้นู �ำคุณธรรม (8 ชัว่ โมง) อบรมคุณธรรม ในวันหยุดราชการ (8 ช่ัวโมง) และท่องเท่ียวเชิงประวัติศาสตร์ (8 ช่ัวโมง) โดยหน่วยงานท่ีเข้ารับ การอบรมหารือต้องหารือร่วมกับ ACTI ถึงความสอดคล้องของกลุ่มเป้าหมายเสียก่อน จ�ำนวนปกติ ที่ ACTI สามารถรองรับผู้เข้ารับการอบรมกลุ่มนไ้ี ดค้ ือ 5 - 100 ราย สาระหรือกิจกรรมทเี่ ปน็ พน้ื ฐาน ของการอบรมทุกกลุ่มคือ การให้สัตย์ปฏิญาณแก่ประชาคมว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซ่ือสัตย์และ มีคุณธรรม แนวทางการพัฒนาตนเองสู่การเป็นผู้น�ำด้านคุณธรรม การอธิบายหลักการทางกฎหมาย ทเ่ี ขา้ ใจยากดว้ ยกจิ กรรมศลิ ปวฒั นธรรมและทอลก์ โชว์ ซง่ึ อาจแตกตา่ งกนั ไปตามกลมุ่ ทเ่ี ขา้ รบั การอบรม เช่น การไปวัดเพื่อปฏิบัติสมาธิหรือบ�ำเพ็ญประโยชน์ การรับชมภาพยนตร์บุคคลตัวอย่างในประวัติศาสตร์ เปน็ ตน้ ปดิ ทา้ ยรายการดว้ ยการมอบเกยี รตบิ ตั รและการสะทอ้ นมมุ มองของผเู้ ขา้ รว่ มเพอ่ื น�ำไปปรบั ปรงุ กจิ กรรมตอ่ ไป (Gyoyukgwajeong Sogae-Gigwandaesang Jeongnyeomgyoyuk, n.d.) ดงั หลกั สตู ร การอบรมของ ACTI ส�ำหรบั เจา้ หนา้ ท่ีรัฐและสมาชิกสภาท้องถน่ิ ที่จัดขนึ้ เปน็ ประจ�ำในตารางท่ี 1 ตารางที่ 1 หลกั สตู รการอบรมของ ACTI ส�ำหรบั เจา้ หนา้ ทรี่ ฐั และสมาชกิ สภาทอ้ งถน่ิ ทจ่ี ดั ขนึ้ เปน็ ประจ�ำ ประเภทการอบรม ช่ือหลักสตู รการอบรม ผูเ้ ข้ารบั การอบรม การปลูกฝงั คณุ ธรรมส�ำหรับ องค์กรภาครฐั หลักสูตรเป็น-อยู่อย่างมีคุณธรรม เจา้ หนา้ ทรี่ ฐั ทกุ คน รวมทงั้ หวั หนา้ (3 หลกั สูตร) (Integrity Live) หนว่ ยงานและเจ้าหน้าท่รี ะดับสูง หลักสูตรการศึกษาเพื่อปลูกฝัง เจา้ หน้าทีร่ ัฐในสงั กดั หน่วยงาน คุณธรรมท่ีเป็นความร่วมมือกับ ทีเ่ ก่ียวข้อง สถาบนั อบรมอ่นื ๆ หลักสตู รอบรมคุณธรรมส�ำหรบั สมาชิกสภาทอ้ งถนิ่ และเจา้ หนา้ ที่ สภาทอ้ งถน่ิ

38 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2564) ตารางท่ี 1 (ต่อ) หลักสตู รการอบรมของ ACTI ส�ำหรบั เจ้าหนา้ ท่รี ฐั และสมาชกิ สภาท้องถิ่นทีจ่ ัดขึ้นเปน็ ประจ�ำ ประเภทการอบรม ช่อื หลกั สตู รการอบรม ผูเ้ ข้ารับการอบรม การอบรมที่ปรับให้เข้ากับพันธกิจ หลกั สตู รเพมิ่ พนู ศกั ยภาพการเปน็ เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ระดบั สูงและผูบ้ รหิ าร ของหนว่ ยงานที่จ�ำเป็นตอ้ งรบั ผ้นู �ำด้านคุณธรรม สูงสุดของสถานศึกษา การอบรมคุณธรรม (6 หลักสตู ร) หลักสตู รเพม่ิ พูนขีดความสามารถ เจา้ หนา้ ที่รัฐแรกเขา้ ด้านคุณธรรมของเจ้าหนา้ ทรี่ ฐั แรกเขา้ หลกั สูตรเพิม่ พนู ขีดความสามารถ เจ้าหน้าท่ีรัฐทไ่ี ดเ้ ล่ือนต�ำแหนง่ ดา้ นคณุ ธรรมของเจา้ หนา้ ทรี่ ฐั ทไ่ี ด้ เลื่อนต�ำแหน่ง หลักสูตรผู้น�ำด้านคณุ ธรรมของ เจ้าหนา้ ท่ีรฐั ที่เกดิ ในยุค เจา้ หน้าทีร่ ฐั ทเี่ กดิ ในยุค Millennials Millennials หลกั สตู รเพิ่มพูนสมรรถนะ ผู้ปฏบิ ัติงานในองค์กรภาครัฐ ในการตอบโต้การทจุ ริต ท่มี คี วามเสี่ยงต่อการทุจรติ หลักสตู รสรา้ งผู้เชยี่ วชาญ เจา้ หนา้ ทรี่ ฐั ทรี่ บั ผดิ ชอบการตรวจ ดา้ นคุณธรรม เงินแผ่นดินและภารกิจส่งเสริม คณุ ธรรมขององคก์ รภาครัฐ การพัฒนาผู้ฝึกสอนคุณธรรม หลักสูตรสร้างผู้ฝึกสอนคุณธรรม เจา้ หนา้ ท่ีรฐั และประชาชนท่วั ไป จริยธรรม จรยิ ธรรม (ระดบั ตน้ ระดบั เชย่ี วชาญ (4 หลกั สูตร) และการอบรมทบทวน) หลักสูตรบม่ เพาะผ้ฝู ึกสอน ผฝู้ กึ สอนคณุ ธรรมจรยิ ธรรมทผ่ี า่ น คณุ ธรรมจรยิ ธรรม การอบรมระดบั ต้น ดา้ นคณุ ธรรม ดา้ นคณุ ธรรม ดา้ นคณุ ธรรม อื่นๆ หลกั สูตรเพม่ิ พนู ขีดความสามารถ เจา้ หน้าที่รฐั และประชาชนทั่วไป (4 หลักสูตร) ด้านคณุ ธรรม หลกั สตู รสรา้ งความเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ ง เจ้าหนา้ ท่ีรฐั เกีย่ วกับ Improper Solicitation and Graft Act หลักสูตรสร้างความเข้าใจบทบาท ผู้ปฏิบัติงานท่ีรับผิดชอบการรับ ของผ้ตู รวจการ เร่ืองร้องเรียนในองคก์ รภาครัฐ หลกั สูตรเสริมสรา้ งสมรรถนะ ผปู้ ฏิบัติงานในสังกดั ACRC การปฏิบตั ิงานของ ACRC ท่มี า: ACRC (2020b, p. 183) ขอ้ มลู ณ เดือนตลุ าคม ค.ศ. 2020

แนวทางการสรา้ งส�ำ นกึ รเู้ พ่ือต่อตา้ นการทจุ ริตของเกาหลีใต:้ 39 กรณกี ารศกึ ษาอบรมและเผยแพร่องคค์ วามร้ขู อง ACTI 3.3 เจ้าหนา้ ทีร่ ัฐทป่ี ฏบิ ัติงานป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ จากตา่ งประเทศ นอกจากการอบรมเจ้าหน้าท่ีรัฐของเกาหลีใต้เองแล้ว ACTI ยังจัดหลักสูตรการอบรม ส�ำหรับเจ้าหน้าท่ีรัฐท่ีปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตจากต่างประเทศต้ังแต่ ค.ศ. 2013 ในฐานะความช่วยเหลือแบบทางการ (Official Development Assistance: ODA) เพ่ือเสริมสร้าง ขีดความสามารถในการต่อต้านการทุจริตของประเทศก�ำลังพัฒนาต่าง ๆ โดยองค์กรป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตของแต่ละประเทศเป็นผู้เสนอชื่อผู้เข้าร่วม แต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 15 ราย ใน ค.ศ. 2020 มกี ารจัดอบรมเปน็ ภาษารสั เซียส�ำหรบั ประเทศในภมู ภิ าคเอเชียกลางนอกเหนอื จากภาษาอังกฤษดว้ ย (ACRC, 2020b, p. 186) ตวั อย่างประเทศที่เคยสง่ ผูแ้ ทนเขา้ ร่วมการอบรม เชน่ สาธารณรัฐอาร์มีเนีย สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐอิรัก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เป็นตน้ (ACRC, 2020a, p. 80) ACTI ยงั จดั การอบรมนโยบายตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ตามทร่ี ฐั บาลประเทศอน่ื หรอื องคก์ ารระหวา่ ง ประเทศรอ้ งขอดว้ ย เชน่ โครงการการพฒั นาแหง่ สหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) เป็นต้น และยังร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการประยุกต์นโยบายต่อต้าน การทจุ รติ ในระดบั ระหวา่ งประเทศ อาทิ การประเมนิ ความรเิ รม่ิ ดา้ นการทจุ รติ (Corruption Initiative Assessment: CIA) และ CRA ใหเ้ ขา้ กบั บรบิ ทของเกาหลใี ตก้ บั ประชาคมระหวา่ งประเทศดว้ ย (ACRC, 2020b, p. 186) 3.4 เด็ก เยาวชน และประชาชนทว่ั ไป เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายส�ำคัญในการสร้างความส�ำนึกรู้เพื่อต่อต้านการทุจริต ของ ACTI จากการส�ำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนเกาหลีใต้ต่อปัญหาการทุจริตในเดือน กรกฎาคม - ตุลาคม ค.ศ. 2012 พบว่า เด็กและเยาวชนเกาหลีใต้ประมาณร้อยละ 40 เห็นว่า การเปน็ คนรวยส�ำคญั กวา่ การเปน็ คนดี (TI-Korea, 2014) องคก์ รภาครฐั โดยเฉพาะ ACRC ตระหนกั ถงึ ปญั หาดงั กลา่ ว จงึ พฒั นาหลกั สตู รการอบรมเพอื่ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนตระหนกั ถงึ ความหมายของคณุ ธรรม และความจ�ำเป็นท่ีต้องมีคุณธรรมน�ำชีวิต กิจกรรมหลัก ได้แก่ โครงการเสริมสร้างประสบการณ์ คุณธรรม (Program for Integrity Experience) ที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เข้ารับการอบรมท่ีเป็น นกั เรยี นระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ โดยจดั การเรยี นการสอนแบบผเู้ รยี นมสี ว่ นรว่ ม การแขง่ ขันโต้วาที และกจิ กรรมคา่ ยคุณธรรม (Camp for a Culture of Integrity) ทีป่ ระกอบดว้ ย การแข่งขันตอบค�ำถามวัดความรู้ตามรายการ Golden Bell Quiz ซึ่งเป็นท่ีนิยมในเกาหลีใต้ การบรรยายพิเศษเก่ียวกับประวัติศาสตร์ การแสดงทางวัฒนธรรม และการร้องเพลงแร็ปคุณธรรม ใน ค.ศ. 2019 ACTI จดั กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งประสบการณค์ ณุ ธรรม จ�ำนวน 10 ครงั้ และจดั คา่ ยคณุ ธรรม จ�ำนวน 8 ครงั้ ใน ค.ศ. 2018 ACTI เคยจดั การประกวดวดี ทิ ศั นส์ ง่ เสรมิ คณุ ธรรมทโี่ รงเรยี นประถมศกึ ษา ซันยง เมอื งช็อนอัน และโรงเรียนมธั ยมศึกษาแมวอ็ น เมอื งซวู ็อน และจดั การแสดงหนุ่ เชดิ ส�ำหรับเด็ก อายุ 5 - 7 ปี ที่หอ้ งสมดุ โอชงั -โฮซู ในเมอื งชอ็ งจู และศูนยก์ ารประชมุ เซจง ในฐานะกิจกรรมหน่งึ ของ สัปดาห์การต่อตา้ นการทุจริต เพ่ือสรา้ งความตระหนกั รู้ดว้ ย (ACRC, 2019, p. 74, 76)

40 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2564) ในหลักสูตรการศึกษาแห่งชาติของเกาหลีใต้มีการบรรจุสาระเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต และการปลูกฝังคุณธรรมในแบบเรียนด้วยเช่นกัน ในระดับประถมศึกษา ผู้เรียนยังอ่อนวัยเกินไป ท่ีจะเรียนรู้เก่ียวกับคุณธรรมและการทุจริต แบบเรียนประถมศึกษาจึงเน้นการอธิบายองค์ประกอบ ของการต่อต้านการทุจริตหรือหลักคุณธรรมเพ่ือป้องกันการทุจริตมากกว่า เช่น ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความน่าเชื่อถือ การควบคุมตนเอง ความภูมิใจในตนเอง การปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบยี บตา่ ง ๆ ความรกั ชาติ ความเป็นธรรม จติ วิญญาณของชมุ ชน หน้าท่พี ลเมอื ง เปน็ ต้น ขณะท่ี ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น บทเรียนเก่ียวกับคุณธรรมจริยธรรมจะกล่าวลึกลงไปถึงที่มาของปัญหา การทจุ รติ จากทง้ั ในระดบั โครงสรา้ งและปจั เจกบคุ คล และแนวทางการแกไ้ ขปญั หาดว้ ยการสรา้ งสงั คม ทเี่ ปน็ ธรรม เปน็ พลเมอื งทม่ี คี ณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องรฐั ดว้ ยการปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายอยา่ งเครง่ ครดั รู้จักก�ำหนดสมดุลระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ปฏิบัติตามจรรยาบรรณวิชาชีพ มุง่ สรา้ งสังคมในอุดมคติ ส่วนระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายน้นั จะเน้นกล่าวถึงผลกระทบของการทุจริต ต่อสังคมการเมืองโดยรวม ให้คุณค่าแก่คุณธรรมในฐานะทุนทางสังคมอันมีค่า การป้องกันการทุจริต เป็นพันธกิจของสมาชิกในสังคมทุกคน ปลูกฝังให้นักเรียนท่ีใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักธุรกิจ ต้องยึดหลักคุณธรรม แบบเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายยังมีการยกข้อความของนักปรัชญา อย่าง Plato ทก่ี ลา่ วถงึ ผปู้ กครองตอ้ งมคี ุณธรรมสงู ส่งด้วย และยังมกี ารกลา่ วถึงตวั อย่างบคุ คลตน้ แบบ ดา้ นคุณธรรมในประวัตศิ าสตร์เกาหลเี อง เชน่ ชอ็ ง ยงั ยง (Jeong Yak Yong) ฮวาง ฮี (Hwang Hee) อิก ซ็อน กวนั (Ik Seon Gwan) นอกจากเนือ้ หาสาระแล้ว การปลกู ฝงั คุณธรรมส�ำหรับนกั เรียนระดับ มัธยมศึกษาตอนปลายยังเน้นกิจกรรมแลกเปล่ียนและอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาทางแพร่งทางจริยธรรม ในชวี ติ ประจ�ำวนั ระดบั ความตระหนกั รเู้ รอ่ื งการทจุ รติ เฉพาะบคุ คล และแนวทางและกลไกการปอ้ งกนั การทุจรติ ต่าง ๆ ดว้ ย (UNODA, n.d.) ACTI จัดท�ำหลักสูตรท่ีมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยเฉพาะตง้ั แต่ ค.ศ. 2015 โดยสง่ หนงั สอื เชญิ เขา้ ร่วมกจิ กรรมไปยังสถานศึกษาต่าง ๆ เดนิ ทางไปจดั กิจกรรมท่ีสถานศึกษาเป้าหมายเอง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเหล่าน้ันเข้าถึงฐานข้อมูลเพ่ือสมัคร เข้ารับการอบรมหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ทั่วไปได้ หลักสูตรการอบรมส�ำหรับนักเรียนของ ACTI ประกอบด้วย (1) กิจกรรมกลุ่ม (ร้อยละ 50) เช่น ศาลจ�ำลองในชั้นเรียน การก�ำหนดบทบาทสมมติ ในสถานการณ์ทางแพรง่ ทางจรยิ ธรรม การรว่ มกันร่างค�ำปฏิญาณคุณธรรมของหอ้ งเรียน เป็นตน้ (2) การเรยี นรผู้ า่ นเกม (รอ้ ยละ 25) เชน่ เกมปาเปา้ ปดิ ตาขา้ งหนงึ่ เกมเคลอื่ นยา้ ยลกู ปงิ ปอง เกมเรยี นรู้เก่ยี วกบั การผูกขาด เปน็ ตน้ (3) การน�ำเสนอ (ร้อยละ 10)

แนวทางการสรา้ งสำ�นึกรู้เพื่อต่อต้านการทจุ รติ ของเกาหลใี ต:้ 41 กรณกี ารศึกษาอบรมและเผยแพรอ่ งค์ความรู้ของ ACTI (4) การตรวจสอบภายในความคิดตนเองอย่างละเอียด (ร้อยละ 10) เช่น การเขียนหรือ การพดู ถงึ ประสบการณข์ องตนเองหรือครอบครวั เกย่ี วกับการส�ำนกึ รู้ เป็นตน้ และ (5) การศกึ ษาผา่ นภาพและเสยี ง (รอ้ ยละ 5) กิจกรรมเหล่านี้ได้รับการตอบรับอย่างดี จากผลการส�ำรวจความคิดเห็นนักเรียนที่เข้าร่วม กิจกรรมจ�ำนวน 297 คน พบว่า มีค่าเฉลย่ี ความพอใจถงึ ร้อยละ 92.2 (UNODC, n.d.) ส่วนการอบรม ส�ำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยและประชาชนทั่วไปนั้น ACTI สร้างความเช่ือมโยงกับหลักสูตร ของมหาวิทยาลัย องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และองค์กรภาครัฐอื่น ๆ โดยจัดเทศกาลคุณธรรม ท้องถ่ินและโครงการการศึกษาตลอดชีวิต และรายการเผยแพร่ทางวิทยุโทรทัศน์ มีการเผยแพร่คลิป การบรรยายเรอื่ ง Integrity to Change the World เปน็ เวลา 15 นาที ทางชอ่ ง CBS ในวนั ที่ 20 มถิ นุ ายน ค.ศ. 2019 เพื่อให้เข้าถึงประชาชนทั่วไป และน�ำวีดิทัศน์บันทึกการบรรยายดังกล่าวไปเผยแพร่ซ�้ำ ทาง Youtube, Facebook และชอ่ ง CBS โดยมจี �ำนวนผชู้ มมากถงึ 2.6 ลา้ นคน (ACRC, 2020b, p. 187-188) ACTI ยังพัฒนาเน้ือหาสาระเพ่ือสร้างส�ำนึกรู้ในการต่อต้านการทุจริตรูปแบบอ่ืน ๆ อาทิ บรกิ ารบทเรยี นออนไลนแ์ บบเปิด (Massive Open Online Courseware: MOOC) เก่ียวกับคุณธรรม ค่านิยม และความเป็นธรรมในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษยชาติ และให้ความรู้เกี่ยวกับ กฎหมายตอ่ ตา้ นการทุจรติ ที่จ�ำเป็นส�ำหรบั ชวี ติ ประจ�ำวนั ของประชาชน เชน่ Improper Solicitation and Graft Act และ Public Interest Reporters Act เป็นต้น จัดท�ำวีดิทัศน์ความยาวประมาณ 5 - 6 นาที ในชดุ (อา่ นวา่ ช็อง-ซา-จิน) แปลว่า พิมพเ์ ขียว ตอนทไี่ ด้จดั ท�ำและเผยแพร่แล้ว ไดแ้ ก่ ความส�ำนึกรู้ในการตอ่ ต้านการทุจริต ความส�ำคัญของการเป็นผู้แจ้งเบาะแสการทจุ รติ พบิ ตั ภิ ัย ทีเ่ กดิ จากการทจุ ริต และ 10 เมตรจากรังสคี ุณธรรม ACTI ยงั ผลิตเกมชอ่ื Jewel of Faith เพือ่ ปลูกฝัง ค่านิยมการมีคุณธรรมในหมู่เยาวชน เช่น ความเป็นธรรม ความรับผิดชอบ การปฏิบัติตามพันธกรณี วินัย ความซื่อสัตย์ และความตระหนักในหน้าที่ต่าง ๆ เป็นต้น (ACRC, 2020a, p. 82) และมีแผน รว่ มมอื กับสถานศกึ ษาตามท่กี ฎหมายก�ำหนด พร้อมกบั รว่ มมือกับหน่วยงานทม่ี ีพันธกจิ ในการจดั และ ส่งเสรมิ การศกึ ษาตลอดชวี ิตทั้งในสว่ นกลางและสว่ นท้องถ่ิน อาทิ National Institute for Lifelong Education และ Gyeonggi-do Provincial Institute for Lifelong Learning (ACRC, 2020b, p. 188-189) ตัวอย่างสื่อดิจิทัลทพี่ ฒั นาข้ึนเพื่อสรา้ งส�ำนกึ รใู้ นการตอ่ ต้านการทจุ ริตโดย ACTI ปรากฏ ในตารางที่ 2

42 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2564) ตารางท่ี 2 ตัวอย่างสอ่ื ดจิ ิทัลที่พัฒนาขึน้ เพอื่ สรา้ งส�ำนกึ รู้ในการตอ่ ต้านการทจุ ริตโดย ACTI ล�ำดับ รปู แบบ เนอ้ื หาสาระ คำ� อธิบาย 1 วีดิทศั นเ์ พ่ือการศึกษา วดี ทิ ศั นเ์ รอ่ื งพมิ พ์เขยี ว วดี ทิ ศั น์ความยาว 5 นาทีเกย่ี วกับการส่งต่อพลงั (เร่ิมด�ำเนนิ การใน และแรงบันดาลใจในการท�ำส่ิงดที ี่มีขนาดส้นั ค.ศ. 2019) และสื่อสารสาระหลักได้อยา่ งชัดเจน (จ�ำนวน 4 ตอน) 2 วดี ทิ ัศน์เพอ่ื การศึกษา การสนทนาแลกเปลี่ยน การใช้เนือ้ หาในเทพนิยายเพ่อื สอ่ื สารคา่ นิยม ความรจู้ ากหนังสอื ท่มี ี การมคี ุณธรรมสเู่ ด็กและเยาวชน เน้ือหาเก่ียวกับคุณธรรม (จ�ำนวน 3 เร่ือง) (เรมิ่ ด�ำเนินการใน ค.ศ. 2020) 3 การบรรยายสาธารณะ MOOC Season 1 คลิปการบรรยายและอภิปรายในประเด็น เผยแพร่ออนไลน์ (เริม่ ด�ำเนินการใน คุณธรรมกับมนุษยชาติ ค.ศ. 2020) (จ�ำนวน 6 คร้งั ) 4 การบรรยายสาธารณะ MOOC Season 2 คลิปการบรรยายของชาวต่างชาติท่ีมีชื่อเสียง เผยแพรอ่ อนไลน์ (เร่มิ ด�ำเนนิ การใน เพอื่ มงุ่ สรา้ งสงั คมเกาหลใี สสะอาดไมม่ กี ารทจุ รติ ค.ศ. 2020) (จ�ำนวน 6 คร้งั ) 5 วีดิทัศน์ Book Run-ning Book Running เพ่ือศกึ ษา คลปิ การบรรยายของผเู้ ชยี่ วชาญเพอ่ื สรปุ เนอ้ื หา สาระเกยี่ วกบั หลกั คณุ ธรรม สาระจากหนังสือที่มีเนื้อหาเก่ียวกับคุณธรรม (เรม่ิ ด�ำเนินการใน (จ�ำนวน 4 ตอน) ค.ศ. 2020) 6 การแข่งขนั เพ่อื สรา้ ง วดี ทิ ัศน์ บทเพลง กวนี ิพนธ์ การแข่งขันประเภทต่างๆ เพ่ือสรา้ งเนือ้ หา เน้ือหาส่งเสริม ส่งเสริมหลักคุณธรรมใน ค.ศ. 2019 - 2020 หลักคณุ ธรรม (จ�ำนวน 54 รางวัล) 7 ละครเผยแพรท่ างเวบ็ ไซต์ ละครสง่ เสรมิ คณุ ธรรมเรอื่ ง การสรา้ งละครสง่ เสรมิ คุณธรรมส�ำหรบั นักเรยี น Dal-gona (เริ่มด�ำเนินการ ระดบั ช้ันประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ใน ค.ศ. 2020) (จ�ำนวน 4 ตอน) ท่มี า: ACRC (2021, p. 33) ขอ้ มูล ณ วนั ท่ี 2 กมุ ภาพันธ์ ค.ศ. 2021 นอกจากการอบรมแล้ว ACTI ยังประยุกต์ใช้วิธีการอ่ืน ๆ ด้วย ได้แก่ การจัดการประกวด คณุ ธรรม (Integrity Contest) ประจ�ำปตี ั้งแต่ ค.ศ. 2015 โดยหวั ขอ้ การจัดงานใน ค.ศ. 2019 คอื Integrity, Becomes a Daily Life กจิ กรรมหลกั ของงานประกอบดว้ ยการเขียนเรียงความเกี่ยวกบั ประสบการณ์คุณธรรมในชีวิตประจ�ำวัน การจัดท�ำวีดิทัศน์ขนาดส้ันประมาณ 5 - 10 นาที ที่สะท้อน ความคิดของพลเมืองเกาหลีใต้ต่อหลักคุณธรรม การจัดท�ำสารคดีเชิงคุณธรรม การร้องเพลงแร็ป

แนวทางการสรา้ งส�ำ นกึ รู้เพอื่ ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ของเกาหลใี ต้: 43 กรณกี ารศกึ ษาอบรมและเผยแพรอ่ งค์ความร้ขู อง ACTI ท่ีมีเนื้อหาเกี่ยวกับคุณธรรม และการประกวดน�ำเสนอและตีความคุณธรรมผ่านกวีนิพนธ์ มีผลงาน ที่ร่วมส่งเข้าประกวดตามหัวข้อท่ีก�ำหนดจ�ำนวนทั้งสิ้น 1,066 ผลงาน ในจ�ำนวนน้ี มีผู้ส่งเรียงความ เข้าประกวดจ�ำนวนมากท่ีสุดถึง 906 ผลงาน มาจากเจ้าหน้าท่ีรัฐ 747 ผลงาน และประชาชนท่ัวไป 159 ผลงาน รองลงมาคอื การร้องเพลงแรป็ การจัดท�ำคลิปขนาดส้ัน และการจัดท�ำสารคดี ตามล�ำดบั โดยมีรางวัลส�ำหรับผ้ชู นะการประกวด จ�ำนวน 50 รางวลั คิดเปน็ จ�ำนวนเงนิ รวมท้ังส้นิ 47.1 ลา้ นวอน (หรอื ประมาณ 1.3 ลา้ นบาท) (ACRC, 2020a, p. 85; ACRC, 2020b, p. 180) เอกสารแนวนโยบาย คุณธรรมและการต่อต้านการทุจริตยังเสนอให้เพิ่มเติมการจัดท�ำการ์ดข่าวหรือเนื้อหาเว็บตูนเพื่อสร้าง ความส�ำนึกรู้ในการต่อต้านการทุจริตผ่านช่องทางออนไลน์และการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งเกาหลี ในการประกวดคร้ังตอ่ ไปใน ค.ศ. 2021 ด้วย (ACRC, 2021, p. 35) ตารางที่ 3 สรุปแนวทางการสร้าง ส�ำนึกรูเ้ พ่อื ต่อต้านการทุจรติ ของเกาหลใี ตโ้ ดย ACTI ตารางท่ี 3 แนวทางการสร้างส�ำนึกรเู้ พ่อื ตอ่ ต้านการทุจริตของเกาหลีใต้โดย ACTI กลุม่ เปา้ หมาย ประเดน็ การศึกษาอบรม รูปแบบ/สื่อการสอน เครือขา่ ย 1. เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั - ความรู้เกีย่ วกบั ระบบ - อบรมแบบพบหน้า - หน่วยงานศกึ ษา ทุกระดับและผู้ฝึกสอน โครงสร้าง กฎระเบียบ และ - อบรมออนไลน์ อบรมขององคก์ ร คณุ ธรรมจรยิ ธรรม นโยบายป้องกันและปราบ - การแสดงศลิ ปวัฒนธรรม ภาครฐั ทีม่ พี ันธกจิ ปรามการทจุ ริตของประเทศ - วดี ิทศั น์ บทเพลง กวนี พิ นธ์ ในการพฒั นาบุคลากร - การสรา้ งดุลยพนิ ิจท่ีเหมาะ - การประกวดแข่งขัน สมและถูกต้องตามท�ำนอง คลองธรรม - การประเมินความเสยี่ งต่อ การทจุ ริตจากกรณีศึกษา - ความสามารถในการปลกู ฝงั คุณธรรมจรยิ ธรรม (กรณี ผู้ฝึกสอน) 2. สมาชกิ สภาท้องถนิ่ - การสร้างความเชอ่ื มั่น - อบรมแบบพบหนา้ - องคก์ รส่วนทอ้ งถน่ิ ท่ี ส�ำหรบั ชุมชน - อบรมออนไลน์ เก่ียวข้อง - กฎหมายเกย่ี วข้องกบั การทุจรติ ทีจ่ �ำเปน็ ต้องรู้ 3. เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติงาน - แนวทางการเพ่ิมขีดความ - อบรมแบบพบหนา้ - องค์กรภาครฐั ในตา่ ง ปอ้ งกนั และปราบปราม สามารถด้านการต่อต้านการ - อบรมออนไลน์ ประเทศทีม่ พี นั ธกจิ การทุจรติ จาก ทุจริต ใ น ก า ร ป ้ อ ง กั น แ ล ะ ต่างประเทศ - ประสบการณข์ องเกาหลใี ต้ ปราบปรามการทจุ ริต ในการประยกุ ต์นโยบายให้ เข้ากบั บริบทของประเทศ นั้น ๆ

44 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 14 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2564) ตารางท่ี 3 (ต่อ) แนวทางการสร้างส�ำนกึ ร้เู พ่ือต่อต้านการทจุ รติ ของเกาหลีใต้โดย ACTI กลุ่มเปา้ หมาย ประเดน็ การศึกษาอบรม รปู แบบ/สอื่ การสอน เครือขา่ ย 4. เดก็ และเยาวชน - สรา้ งประสบการณต์ รงเกย่ี ว - หลกั สตู รทางการของสถาน - สถานศึกษาท้ังใน 5. ประชาชนทว่ั ไป กบั ค่านยิ มการมีคุณธรรม ศกึ ษาตา่ ง ๆ ระดับประถมศึกษา - ชี้ ใ ห ้ เ ห็ น คุ ณ ค ่ า แ ล ะ - กจิ กรรมกลุ่ม มัธยมศึกษา และ ประโยชน์ของการมีคณุ ธรรม - การโต้วาทีและอภิปราย มหาวิทยาลัย - ฝึกการคิดและตัดสินใจที่ - เกม - สถานวี ิทยุโทรทัศน์ เหมาะสมหากเผชญิ ภาวะ - การบรรยายพิเศษ เพื่อการศกึ ษา ทางแพรง่ ทางจรยิ ธรรม - การแสดงศิลปวัฒนธรรม - หนว่ ยงานทีม่ หี น้าที่ - วดี ทิ ัศน์ บทเพลง กวนี พิ นธ์ จัดการศึกษาเพื่อต่อ - ละคร ตา้ นการทุจริต - หนงั สอื - ค่านิยมการมีคุณธรรมและ - MOOC - สถานีวิทยุโทรทัศน์ ความส�ำนกึ รูเ้ พอ่ื ต่อตา้ น - การบรรยายพิเศษ การทจุ ริต - การประกวดแขง่ ขัน - กฎหมายต่อตา้ นการทุจริต - วีดิทัศน์ บทเพลง ทเี่ ก่ียวข้องในชวี ิตประจ�ำวนั กวนี ิพนธ์ - หนังสอื 3.5 สรุปแนวทางการสรา้ งสำ� นกึ รเู้ พื่อต่อต้านการทุจริตโดย ACTI (1) ACTI เป็นองคก์ รน�ำในการขับเคลอ่ื นการสรา้ งส�ำนึกรู้ ACTI มบี ทบาททีส่ �ำคัญอยา่ งยง่ิ ในการเป็นองค์กรน�ำเพอื่ สรา้ งส�ำนกึ ร้ตู ่อตา้ นการทจุ รติ ของเกาหลใี ต้ ซงึ่ มที ม่ี าจากอ�ำนาจตามกฎหมายทกี่ �ำหนดใหอ้ งคก์ รภาครฐั ตา่ ง ๆ ตอ้ งจดั ใหม้ กี ารศกึ ษา อบรม เพื่อต่อต้านการทุจริตแก่บุคลากรอย่างน้อย 1 - 2 ช่ัวโมงต่อปี โดยอาจเป็นการฟังบรรยาย การใช้ส่อื ผสมการอบรมออนไลน์ผา่ นเวบ็ ไซตโ์ ดยมผี ลตง้ั แต่วนั ที่ 30 กนั ยายน ค.ศ. 2016 เป็นต้นมา เว้นแต่บุคลากรท่ีเพ่ิงเข้าท�ำงานหรือเพิ่งได้รับการแต่งตั้ง และต้องรายงานผลต่อ ACRC ภายในเดือน กุมภาพนั ธข์ องปถี ัดไป (2) สร้างเครือข่ายเพอ่ื ขบั เคลอ่ื นการสร้างส�ำนกึ ร้ใู นสังคม ACTI ยงั มบี ทบาทเชงิ รกุ ในการสรา้ งเครอื ขา่ ยเพอื่ ขบั เคลอ่ื นการศกึ ษาอบรมและเผยแพร่ องค์ความรู้เพื่อต่อต้านการทุจริตกับหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานศึกษาอบรมขององค์กร ภาครฐั ที่มพี นั ธกิจในการพฒั นาบคุ ลากร องค์กรส่วนทอ้ งถนิ่ ทเี่ กยี่ วข้อง องคก์ รภาครฐั ในต่างประเทศ ที่มพี ันธกจิ ในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต สถานศกึ ษาทัง้ ในระดับประถมศึกษา มธั ยมศึกษา และมหาวิทยาลยั สถานวี ิทยุโทรทัศน์เพ่อื การศกึ ษา และหน่วยงานที่มหี นา้ ที่จัดหรอื สง่ เสริมการศกึ ษา ตลอดชีวิตท้ังในส่วนกลางและส่วนท้องถ่ิน องค์กรเครือข่ายเหล่าน้ีมีส่วนส�ำคัญในการรักษาความ

แนวทางการสรา้ งสำ�นกึ รเู้ พือ่ ต่อต้านการทจุ รติ ของเกาหลใี ต:้ 45 กรณีการศกึ ษาอบรมและเผยแพร่องค์ความรู้ของ ACTI ต่อเนื่องในการสร้างส�ำนึกรู้เพื่อต่อต้านการทุจริตของเกาหลีใต้ โดยมี ACTI เป็นองค์กรแกนกลาง ในการประสานงานดว้ ย (3) ออกแบบหลกั สตู รและแนวทางการสื่อสารใหส้ อดคลอ้ งกบั กล่มุ เป้าหมาย หลักสูตรการศึกษาอบรมและเผยแพร่ความรู้ของ ACTI มีการออกแบบประเด็น รูปแบบ และสื่อการสอนใหต้ อบสนองกลุ่มเปา้ หมายทกุ กลมุ่ ท้งั เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั สมาชกิ สภาทอ้ งถิน่ เจ้าหน้าที่ ปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตจากต่างประเทศ เด็กและเยาวชน และประชาชนท่ัวไป เนื้อหาสาระของหลักสูตรมีท้ังส่วนท่ีเป็นการต่อต้านการทุจริตโดยตรง เช่น การให้ความรู้เกี่ยวกับ กฎหมายท่กี �ำกบั และเกีย่ วขอ้ ง โดยเฉพาะ Act on the Prevention of Corruption, Protection of Public Interest Reporters Act และ Improper Solicitation and Graft Act นโยบายของรัฐบาล แนวทางการประเมินความเสี่ยงต่อการทุจริต การสร้างดุลยพินิจที่เหมาะสมและถูกต้องตามท�ำนอง คลองธรรม เป็นต้น และการปลูกฝังค่านิยมการมีคุณธรรม เช่น การสร้างประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ คา่ นยิ มการมคี ณุ ธรรม การชใี้ หเ้ หน็ คณุ คา่ และประโยชนข์ องการมคี ณุ ธรรม การฝกึ การคดิ และตดั สนิ ใจ ทเ่ี หมาะสมหากเผชิญภาวะทางแพร่งทางจรยิ ธรรม เป็นตน้ (4) ใช้ประโยชน์จากเครื่องมอื ดิจิทัลและสอ่ื ออนไลน์ตา่ ง ๆ ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ACTI ได้ปรับแนวทางการอบรมเป็นรูปแบบออนไลน์เป็น ส่วนใหญ่ ซ่ึงเน้นการจัดท�ำบทเรียนที่ผู้เรียนสามารถศึกษาด้วยตนเองได้ทุกท่ีทุกเวลา แต่ยังคง กระบวนการลงทะเบียนในเว็บไซต์ของ ACTI เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการจัดกลุ่มอยู่ นอกจากน้ี ACTI ยังมีความสามารถในการประยุกต์ใช้ศิลปวัฒนธรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยใชป้ ระโยชนจ์ ากสื่อออนไลนต์ ่าง ๆ อย่าง Youtube และ Webtoon ในการเป็นช่องทางสอื่ สารกบั กลมุ่ เปา้ หมายทุกกลุม่ โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน และประชาชนทัว่ ไปด้วย 4. บทเรยี นจากเกาหลใี ต้ในการสร้างส�ำนึกรูเ้ พอ่ื มุ่งสสู่ งั คมท่ไี ม่ทนตอ่ การทุจริตของไทย แนวทางการสรา้ งส�ำนกึ รเู้ พอ่ื ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ของเกาหลใี ต้ โดยเฉพาะกรณกี ารศกึ ษาอบรม และเผยแพร่องค์ความรู้ของ ACTI มีบทเรียนที่เป็นประโยชน์ต่อการก�ำหนดทิศทาง นโยบาย และ มาตรการท่ีจ�ำเป็นของไทยในการมงุ่ สสู่ งั คมที่ไม่ทนตอ่ การทจุ ริต ดงั นี้ 4.1 บทบาทน�ำของส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ส�ำนักงาน ป.ป.ช.) ในดา้ นหลกั การ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560 หมวด 5 ก�ำหนดหนา้ ทข่ี องรฐั ในการ “สง่ เสรมิ สนบั สนนุ และใหค้ วามรแู้ กป่ ระชาชนถงึ อนั ตรายทเ่ี กดิ จากการทจุ รติ และประพฤตมิ ชิ อบ ท้ังภาครัฐและเอกชนโดยจัดให้มีมาตรการและกลไกท่ีมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันและขจัดการทุจริต และประพฤติมิชอบดังกล่าวอย่างเข้มงวด” (ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตแหง่ ชาติ ส�ำนักต้านทจุ รติ ศึกษา, 2563ข, หน้า 9) ในระดับรองลงมา มแี ผนยทุ ธศาสตรช์ าติ

46 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันท่ี 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาตามท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้น�ำเสนอ โดยให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องน�ำหลักสูตรดังกล่าวไปพิจารณาปรับใช้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยประสานงานกับส�ำนักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด ดังนั้น ในแง่ของหลักการ จึงกล่าวได้ว่า ส�ำนักงาน ป.ป.ช. คือผู้ได้รับมอบหมายบทบาทน�ำในการขับเคล่ือนการศึกษาเพ่ือต่อต้านการทุจริต (ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ส�ำนักต้านทุจริตศึกษา, 2563ก, หนา้ 4) ในด้านการเป็นผู้ขับเคลื่อนการปฏิบัติ รายงานการก�ำกับติดตามการน�ำหลักสูตรต้านทุจริต ศึกษาไปใช้ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 (ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ ส�ำนักต้านทุจริตศึกษา, 2563ก, หน้า 6-9) แสดงถึงแนวโน้มที่ดีในการเป็นผู้มี บทบาทน�ำของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่ีสามารถส่งเสริมการน�ำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ใน สถานศกึ ษาทง้ั ของรฐั และเอกชนไดถ้ งึ รอ้ ยละ 94.83 สอดแทรกในการฝกึ อบรมในกลมุ่ ทหารและต�ำรวจ ไดท้ ้งั หมด และสร้างโคช้ เพื่อการร้คู ดิ ตา้ นทุจริตได้ในทกุ จังหวดั ส่วนการสร้างวิทยากรส�ำหรับบคุ ลากร ภาครัฐและรัฐวิสาหกจิ กบั การน�ำหลักสตู ร “วยั ใส ใจสะอาด (Youngster with good heart)” ไปใช้ ในระดับอุดมศึกษานั้นแม้จะยังไม่ได้ตามเป้าหมายครบถ้วนทั้งหมด แต่ก็มีแนวโน้มการน�ำไปใช้ท่ี กวา้ งขวางขนึ้ จงึ อาจสรปุ ไดว้ า่ บทบาทน�ำของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ของไทยนน้ั อยใู่ นระดบั เดยี วกนั กบั เกาหลใี ต้ ในดา้ นการขบั เคล่อื นการศึกษาอบรมเพอื่ สร้างส�ำนึกรตู้ ่อตา้ นการทจุ รติ 4.2 การสรา้ งเครอื ข่ายเพอ่ื ขบั เคล่อื นการสรา้ งส�ำนกึ รใู้ นสงั คม ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. สรา้ งปฏสิ มั พนั ธก์ บั หนว่ ยงานเครอื ขา่ ยทเ่ี ปน็ องคก์ รหลกั ในการขบั เคลอื่ น การศึกษาไทยทุกระดับตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษา เช่น ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ส�ำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ท่ีประชุมอธิการบดี แห่งประเทศไทย เป็นต้น และหน่วยงานด้านการศึกษาของทหารและต�ำรวจ ได้แก่ สถาบันวิชาการ ป้องกันประเทศ กรมยุทธศึกษาทหารทั้งสามเหล่าทัพ และกองบัญชาการศึกษา ส�ำนักงานต�ำรวจ แหง่ ชาติ (ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ ส�ำนกั ต้านทุจรติ ศกึ ษา, 2562, หน้า 7) โดยเชิญเข้ามาร่วมจัดท�ำหลักสูตรตั้งแต่เร่ิมต้นกระบวนการ นอกจากองค์กรภาครัฐ ทรี่ ว่ มงานกบั ส�ำนกั งานฯ ในการขบั เคลอ่ื นการสรา้ งส�ำนกึ รใู้ นสงั คมไทยแลว้ ยงั มอี งคก์ รภาคประชาสงั คม ท่ีมีบทบาทในการเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง เช่น สมาคมส่ือช่อสะอาด องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) มูลนิธิต่อต้านการทุจริต เป็นต้น ซ่ึงเป็นการสร้างส�ำนึกรู้ในสังคมได้อีกทางหน่ึงด้วย อย่างไรก็ดี ส�ำนักงานฯ อาจพิจารณาสร้างเครือข่ายกับสื่อออนไลน์ ซ่ึงเป็นกลุ่มทางสังคมหนึ่งท่ีมี ความส�ำคญั อยา่ งยิ่งในการเป็นช่องทางเผยแพร่และสอ่ื สารประเดน็ ต่าง ๆ 4.3 การออกแบบหลักสูตรและแนวทางการสือ่ สารใหส้ อดคลอ้ งกบั กลุม่ เปา้ หมาย เนื่องจากการออกแบบหลักสูตรและแนวทางการสื่อสารเพื่อสร้างส�ำนึกรู้ในการต่อต้าน การทุจริตของไทยมีหน่วยงานที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมตั้งแต่เร่ิมต้นกระบวนการ เนื้อหาที่มี

แนวทางการสรา้ งส�ำ นกึ รเู้ พอื่ ต่อต้านการทจุ รติ ของเกาหลใี ต้: 47 กรณีการศึกษาอบรมและเผยแพรอ่ งค์ความรขู้ อง ACTI จึงค่อนข้างตรงกับโจทย์หรือปัญหาหลักท่ีหน่วยงานเหล่านี้ต้องการแก้ไข ซึ่งปรากฏในหัวข้อหลักทั้ง 4 วชิ า ไดแ้ ก่ การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม ความละอายและ ความไม่ทนตอ่ การทุจริต จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทุจริต (STRONG) และพลเมืองและความรบั ผดิ ชอบ ต่อสังคม (ส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ ส�ำนกั ตา้ นทุจริตศึกษา, 2563ข, หนา้ 7-8) เนอ้ื หาเหลา่ นส้ี อดคลอ้ งกบั เนอื้ หาสาระในหลกั สตู รการอบรมทด่ี �ำเนนิ การโดย ACTI และหลกั สูตรภาคบังคบั ของสถานศึกษาในเกาหลีใต้เชน่ กนั ผู้เขียนเห็นว่า แนวทางการสร้างบุคลากรที่สามารถน�ำองค์ความรู้ไปเผยแพร่ต่อไปได้ ของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. นนั้ เปน็ แนวทางทเ่ี หมาะสมแลว้ ซง่ึ ACTI ยงั คงหลกั สตู รนไ้ี วถ้ งึ ขณะนี้ อยา่ งไรกด็ ี รายงานการก�ำกับติดตามการน�ำหลักสูตรด้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 (ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ส�ำนักต้านทุจริตศึกษา, 2562, หน้า 8-9) สะท้อนปัญหาและอุปสรรคบางประการ ซึ่งส่วนมากไม่ใช่ปัญหาของส�ำนักงานฯ หรือ หลักสูตรเอง เชน่ สถานศกึ ษาขาดอัตราครผู สู้ อนและส่อื การสอน ผบู้ รหิ ารไม่ตระหนักถึงความส�ำคัญ ไม่มีการประยุกต์หรือปรับใช้เน้ือหาให้สอดคล้องกับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมาย ขาดวิทยากรที่มีองค์ความรู้ และประสบการณ์เพียงพอในการอบรมกลุ่มเป้าหมายท่ีเป็นข้าราชการและทหารต�ำรวจ เป็นต้น ปญั หาเหลา่ นส้ี ามารถแก้ไขและพฒั นาตอ่ ไปได้ ซ่ึงส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดใ้ ช้วธิ ีการประชมุ เชิงปฏบิ ตั กิ าร เพือ่ รับทราบและจดั การปญั หาตา่ ง ๆ ดังท่ีกลา่ วมา 4.4 การใชป้ ระโยชน์จากเครอ่ื งมอื ดจิ ทิ ัลและสอ่ื ออนไลนต์ า่ ง ๆ ผู้เขียนเห็นว่า แนวทางการสร้างส�ำนึกรู้เพ่ือต่อต้านการทุจริตของไทยด�ำเนินไปในทิศทาง ท่ีใกล้เคียงกับเกาหลีใต้ ซ่ึงเป็นคู่เทียบอย่างมาก แม้ว่า ACTI ของเกาหลีใต้น้ันเร่ิมด�ำเนินการสร้าง ส�ำนกึ รูเ้ พอ่ื ตอ่ ตา้ นการทุจรติ มาก่อนไทย อยา่ งไรก็ดี ประเด็นการใชป้ ระโยชนจ์ ากเคร่อื งมือดจิ ิทลั และ ส่ือออนไลน์ต่าง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของไทยยังสามารถเรียนรู้และน�ำประสบการณ์ ของเกาหลใี ตม้ าปรบั ใช้ไดอ้ ีกมาก โดยเฉพาะการสื่อสารในยุคดจิ ทิ ลั ทีป่ ระชาชนไทยทุกชว่ งวัยสามารถ เข้าถึงสื่อต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการ ด้านหนึ่งก็เป็นความท้าทายท่ีส�ำนักงาน ป.ป.ช. อาจต้องติดตาม การเคลื่อนไหวของข้อมูลในพื้นที่ส่ือออนไลน์ต่าง ๆ มากข้ึน ซ่ึงอาจเป็นมุมมองเชิงบวกหรือเป็น ทศั นะวพิ ากษ์ต่อการท�ำงานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. แต่ขณะเดียวกนั กเ็ ปน็ โอกาสใหส้ �ำนักงาน ป.ป.ช. สามารถเข้าถงึ กลุ่มคนท่ีหลากหลายและมีขนาดใหญก่ ว่าเดิมได้เชน่ กนั ข้อเสนอของผู้เขียนคือ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ควรพิจารณาน�ำเสนอสาระเก่ียวกับการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตที่ส�ำคัญต่อชีวิตประจ�ำวันของประชาชนทุกช่วงวัยและสามารถเข้าถึง ไดง้ า่ ย เชน่ การขดั กนั ระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นรวมกบั ผลประโยชนส์ ว่ นตวั การตดั สนิ ใจอยา่ งเหมาะสม ในสถานการณ์ทางแพร่ง ทางจริยธรรม แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยทุกช่วงวัย ในการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ความส�ำคญั ของการเปน็ ประเทศใสสะอาดทไ่ี มท่ นตอ่ การทจุ รติ ทุกรูปแบบส�ำหรับประชาชนไทยทุกคน เป็นต้น โดยปรับประยุกต์ใช้เนื้อหาท่ีมีอยู่แล้วและน�ำเสนอ

48 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) ผ่านชอ่ งทางออนไลน์ นอกจากนี้ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ควรสง่ เสริมการมีส่วนรว่ มของประชาชนใหไ้ ด้มาก ที่สุด เช่น จัดประกวดแข่งขันผลิตเนื้อหา จัดท�ำหลักสูตรป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่เรียนรู้ ไดด้ ว้ ยตนเอง เปน็ ตน้ เพ่ือสร้างความส�ำนกึ รู้ในระดบั ฐานรากเพ่ือความยัง่ ยนื ต่อไปในอนาคต 5. บทสรปุ การสร้างส�ำนึกรู้เพื่อต่อต้านการทุจริตของเกาหลีใต้มีปัจจัยท่ีเอ้ือต่อการสร้างส�ำนึกรู้ เพื่อต่อต้านการทุจรติ ไดแ้ ก่ เจตจ�ำนงทางการเมอื งของรฐั บาลและบทบาทของภาคประชาสังคม และ มีแนวทางท่สี �ำคญั อาทิ บทบาทของ ACTI ในการเป็นองค์กรน�ำการขบั เคล่อื น การสรา้ งเครือขา่ ยรว่ ม กบั ภาคธรุ กิจและภาคประชาสังคมเพือ่ ขับเคล่ือนการสร้างส�ำนึกรู้ การออกแบบหลักสตู รและแนวทาง การสื่อสารให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย และการใช้ประโยชน์จากเคร่ืองมือดิจิทัลและส่ือออนไลน์ ต่าง ๆ ซึ่งแนวทางเหล่านี้เป็นบทเรียนที่มีประโยชน์ในฐานะคู่เทียบท่ีเหมาะสมส�ำหรับการสร้างสังคม ที่ไม่ทนต่อการทุจริตของไทย ผลการศึกษาพบว่า การด�ำเนินงานของไทยในการจัดท�ำหลักสูตร การศึกษาเพื่อปลูกฝังคุณธรรมนั้นมีความใกล้เคียงกับแนวทางของเกาหลีใต้อย่างมาก และมีแนวโน้ม เขา้ ถงึ กลมุ่ เปา้ หมายในจ�ำนวนมากขน้ึ มเี พยี งการจดั ท�ำสอื่ ทเ่ี ขา้ ถงึ ประชาชนทกุ ชว่ งวยั ทยี่ งั เปน็ ประเดน็ ส�ำคัญทไ่ี ทยตอ้ งเรยี นรูจ้ ากเกาหลใี ตแ้ ละพัฒนาอยา่ งตอ่ เนื่องตอ่ ไป ในอนาคต ควรมีการศึกษาวิจัยในประเด็นน้ใี นเชิงลกึ และเชิงกวา้ งมากขน้ึ โดยอาจพิจารณา แนวทางการสร้างส�ำนึกรู้เพ่ือต่อต้านการทุจริตของเกาหลีใต้จากกรณีศึกษาหลักสูตรการศึกษา ภาคบังคับและการศกึ ษาตลอดชวี ิต หรอื พจิ ารณากรณศี ึกษาของประเทศ/ดนิ แดนอืน่  ๆ อยา่ งสงิ คโปร์ และฮอ่ งกง ซงึ่ เป็นคูเ่ ทียบในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ ของไทยตามยทุ ธศาสตร์ชาตฯิ ดว้ ย เอกสารอา้ งอิง คณพล จันทน์หอม และ ศุภศิษฏ์ ทวีแจ่มทรัพย์. (2557). มาตรการป้องกันการทุจริตในการจัดซ้ือ จดั จา้ งภาครฐั : ศึกษากรณีสหรัฐอเมรกิ า สาธารณรัฐเกาหลี และเขตเศรษฐกิจไตห้ วัน. วารสารวชิ าการ ป.ป.ช., 7(2), 85-99. ภิญโญยศ ม่วงสมมุข. (2560ก). การปฏิรูปองค์กรต่อต้านการทุจริตระดับชาติของประเทศไทย: เทียบเคียงประสบการณ์กับประเทศเกาหลีใต้และอินโดนีเซีย [วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบณั ฑิต]. มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์. _____. (2560ข). การยกระดบั เจตจ�ำนงทางการเมอื งในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ : ประสบการณข์ องไทย และเกาหลีใต้. วารสารวชิ าการ ป.ป.ช., 10(1), 32-50. ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ. ส�ำนักต้านทุจริตศึกษา. (2562). รายงานการก�ำกับติดตามการน�ำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้ ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562. ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. _____. (2563ก). รายงานการกำ� กบั ตดิ ตามการนำ� หลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษาไปใช้ ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563. ส�ำนักงาน ป.ป.ช.

แนวทางการสรา้ งสำ�นึกรเู้ พอ่ื ตอ่ ตา้ นการทุจรติ ของเกาหลใี ต:้ 49 กรณีการศกึ ษาอบรมและเผยแพร่องค์ความรขู้ อง ACTI ส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ. ส�ำนกั ตา้ นทุจรติ ศกึ ษา. (2563ข). รายงานผลการก�ำกับติดตามและให้ค�ำปรึกษาการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา. ส�ำนักงาน ป.ป.ช. สภุ ีร์ รตั นนาคินทร.์ (2549). บทบาท KICAC ในการสร้างการมสี ว่ นร่วมต่อตา้ นคอร์รัปชนั . สจุ ริตสาร, 6(20), 6-10. สุริยานนท์ พลสิม. (2562). การศึกษาเปรียบเทียบองค์กรที่ปฏิบัติงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชั่ ในสงิ คโปร์ ฮอ่ งกง และเกาหลใี ต:้ ขอ้ เสนอแนะตอ่ ประเทศไทย. วารสารการเมอื งการปกครอง, 9(1), 70-92. อภชิ ยั พันธเสน และ สถาพร เรงิ ธรรม. (2553). การประยุกต์ใชแ้ นวคิดการอภบิ าลผ่านความรว่ มมอื ในการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชัน ศึกษากรณี: แนวทางการปฏิบัติงานท่ีดีเลิศ ของต่างประเทศ, วารสารวิชาการ ป.ป.ช., 3(1), 47-61. เอก ตงั้ ทรพั ย์วัฒนา และ อรอร ภเู่ จริญ. (2553). แนวทางการประยุกต์มาตรการสากลเพอ่ื การต่อตา้ น การทุจริตของประเทศไทย (รายงานผลการวิจัย). ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ. ACRC. (2019). ACRC Korea Annual Report 2018. ACRC. ACRC. (2020a). ACRC Korea Annual Report 2019. ACRC. _____. (2020b). Republic of Korea Anti-corruption Report. ACRC. _____. (2021). 2021 Panbupae Cheongryeomjeongchaek Chujinjichim [เอกสาร แนวนโยบายคณุ ธรรมและการต่อต้านการทุจรติ ]. ACRC. _____. (n.d.a). History of Korea’s Anti-corruption Policy. https://www.acrc.go.kr/en/board.do?command=searchDetail&method= searchList&menuId=02031602 _____. (n.d.b). Raising Public Awareness on Corruption Issues. https://www.acrc.go.kr/en/board.do?command=searchDetail&method= searchList&menuId=02031604 Gyoyukgwajeong Sogae-Gigwandaesang Jeongnyeomgyoyuk [ขอ้ มลู เกยี่ วกบั หลกั สตู รเสรมิ สรา้ ง คณุ ธรรม-องคก์ รภาครฐั ทเ่ี ปน็ เปา้ หมาย]. (n.d.). Jeongnyeomyeonsugyoyukweon [ACTI]. https://edu.acrc.go.kr/010101/content/process01.do Gyoyukgwajeong Sogae-Jeongnyeomgyoyuk Euimuhwa Majchumgyoyuk [ขอ้ มูลเก่ียวกับ หลักสตู รเสริมสร้างคุณธรรม-การอบรมเฉพาะกลุม่ เปา้ หมายภาคบังคับ]. (n.d.). Jeongnyeomyeonsugyoyukweon [ACTI]. https://edu.acrc.go.kr/010102/content/process02.do

50 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2564) Jun, I-W., Kim, K-I. & Rowley, C. (2019). Organizational Culture and the Tolerance of Corruption: the Case of South Korea. Asia Pacific Business Review, 25(4), 534-553. doi: 10.1080/13602381.2019.1589728 Lee, C. J. & Lee, S. J. (2015). Gongjikgachi Jegojeonryakeuroseoui Jeongryeomgyoyuk Hwalseonghwa Bangane Gwanhan Yeongu: Jeongryeomyeonsuwoneul Jungsimeuro [การศกึ ษาแนวทางการสง่ เสรมิ การศกึ ษาอบรมเพอื่ ตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ในฐานะ ยทุ ธศาสตรก์ ารขยายเสรมิ สร้างคา่ นิยมการบรกิ ารภาครฐั : กรณี ACTI]. Hangukbupaehakhoebo [วารสารสมาคมศึกษาการทจุ รติ ], 20(3), 1-17. Min, K.-s. (2019). The Effectiveness of Anti-corruption Policies: Measuring the Impact of Anti-corruption Policies on Integrity in the Public Organizations in South Korea. Crime, Law and Social Change, 71, 217-239. doi: 10.1007/s10611-019-09814-z Munro, C., & Kirya, M. (2020). Values Education for Public Integrity: What works and what doesn’t (U4 Anti-Corruption Resource Centre Report). https://www.u4.no/publications/values-education-for-public-integrity.pdf Kalinowski, T. (2016). Trends and Mechanism of Corruption in South Korea. Pacific Review, 29(4), 625-645. doi: 10.1080/09512748.2016.1145724 Korean Culture and Information Service. (2017). 100 Policy Tasks: Five-year Plan of the Moon Jae-in Administration. Korean Culture and Information Service. Park, M. (2018). South Korea’s Candlelight Revolution: The Power of Plaza Democracy. Coal Harbour. Reuters. (2016, November 4). S. Korea President’s Approval Rating Falls to 5 Percent: Gallup. https://www.reuters.com/article/us-southkorea-politics-poll-idUSKBN12Z04Y TI-Korea. (2014, September 26). Youth Integrity Survey Results. https://www.transparency-korea.org/youth-integrity-survey-results/ _____. (n.d.a). Overview. https://www.transparency-korea.org/introduction/ _____. (n.d.b). TI-Korea Activities & Programmes. https://www.transparency-korea.org/ti-korea-activities-programmes/ UNODC. (n.d.). Education in Primary and Secondary Schools on Anti-corruption in the Republic of Korea. https://www.unodc.org/documents/treaties/UNCAC/ WorkingGroups/workinggroup4/2017-August-21-23/Contributions_NV/ RepublicOfKorea_EN.pdf

ตอนที่ 2 บทความวิจัย Research Articles

52 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 14 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2564) การรับรู้ของบุคลากรต่อภาพลกั ษณ์ ของส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ Employees’ perceptions towards the image of Office of the National Anti-Corruption Commission (ONACC) เกวลิน หอมหวลI ปยิ ฉัตร ลอ้ มชวการII และ กมลรฐั อินทรทัศนIII Geawalin HomhoulI Piyachat LomchavakarnII and Kamolrat IntaratatIII บทคดั ย่อ วัตถุประสงค์ในการวิจัยเพ่ือศึกษาความเก่ียวข้องระหว่างการรับรู้ภาพลักษณ์ การเปิดรับ ส่อื ประชาสัมพนั ธ์ และความพงึ พอใจต่อส่ือประชาสัมพันธ์ของบุคลากรของส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพ่ือให้ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ใช้เป็นข้อมูลประกอบส�ำหรับการประชาสัมพันธ์ และเป็นแนวทางในการเสรมิ สร้าง ภาพลักษณ์ท่ีดใี ห้กับส�ำนักงาน ป.ป.ช. ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพมากยิ่งขนึ้ ส�ำหรับการวิจยั ในเร่ืองนี้ ไดท้ �ำการศกึ ษาในปี พ.ศ. 2562 โดยใชร้ ะเบียบการวิจยั เชงิ ปรมิ าณ เครอ่ื งมือในการเก็บข้อมูลเปน็ แบบสอบถาม จ�ำนวน 359 คน โดยผลการศกึ ษาวจิ ยั พบว่า ข้าราชการ และลกู จา้ งส�ำนกั งาน ป.ป.ช. จะมกี ารเปดิ รบั สอ่ื ประชาสมั พนั ธแ์ ละมคี วามพงึ พอใจตอ่ สอ่ื ประชาสมั พนั ธ์ ทางสื่ออินเทอร์เน็ตมากท่ีสุด เน่ืองจากเป็นส่ือสมัยใหม่ท่ีเข้าถึงง่ายที่สุด และเป็นยุคของข่าวสาร ท�ำให้รวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ ดังน้ัน เมื่อข้าราชการและลูกจ้างส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีการเปิดรับสื่อ ประชาสัมพันธ์มากข้ึนเพียงใด ก็จะมีการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพ่ิมมากข้ึนเท่าน้ัน และ เม่ือมีความพึงพอใจต่อสื่อประชาสัมพันธ์มากขึ้น ก็จะท�ำให้มีการรับรู้ภาพลักษณ์เพ่ิมมากขึ้นไปด้วย ส�ำหรบั การรบั รภู้ าพลกั ษณน์ นั้ โดยรวมอยใู่ นระดบั ปานกลาง โดยแยกเปน็ ดา้ นคา่ นยิ มและดา้ นภารกจิ พบว่า มีการรับรู้ภาพลักษณ์ ด้านค่านิยม คือ ด้านความซ่ือสัตย์ ด้านเป็นธรรม และด้านมืออาชีพ ส่วนด้านภารกิจ คือ ด้านป้องกันการทุจริต ด้านการปราบปรามการทุจริต ด้านตรวจสอบทรัพย์สิน และหนี้สิน และดา้ นการสรา้ งความร่วมมือระหว่างประเทศ คำ� สำ� คัญ: การรับรู้ ภาพลกั ษณ์ ส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ I นักศกึ ษาระดับบณั ฑิตศกึ ษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช อีเมล: [email protected] I Graduate Student, The Degree of Master of Communication Arts, Sukhothai Thammathirat Open University, e-mail: [email protected] II รองศาสตราจารยป์ ระจำ�สาขาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช II Associate Professor of the Faculty of Communication Arts, Sukhothai Thammathirat Open University III รองศาสตราจารยป์ ระจำ�สาขาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช III Associate Professor of the Faculty of Communication Arts, Sukhothai Thammathirat Open University ได้รบั บทความ 8 ตลุ าคม 2563   แก้ไขปรับปรงุ 25 พฤศจิกายน 2563   อนมุ ัตใิ หต้ ีพิมพ์ 18 ธันวาคม 2563

การรบั รขู้ องบคุ ลากรตอ่ ภาพลักษณ์ของสำ� นักงานคณะกรรมการป้องกัน 53 และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ Abstract This research objectives to study the relevance between image perception, exposure to public relations media and satisfaction on public relations media of the ONACC personnel so that the ONACC can use it as supporting information for public relations and as a guideline to improve efficiency in enhancing a good image for the ONACC. This research was conducted in 2019 using quantitative research methods. The data collection tool was a survey questionnaire of 359 people. The study result revealed that the government officials and employees of the ONACC were exposed to public relations media, and the channel which they were the most satisfied with was the internet. The reason is that the internet is the most accessible modern forum which promptly keeps people up-to-date in the age of news. Therefore, the higher exposure to public relations media contributes to the raise in perception toward the ONACC’s image, and such perception will also increase when those personnel are more satisfied with the public relations media. According to the research, the overall image perception, which is categorized into two aspects namely the core value and the function, is moderate in this regard, the study found that the image perception towards the core value included honesty, fairness and professionalism, while that of the function aspect covered prevention of corruption suppression of corruption, inspection of assets and liabilities, fostering of international cooperation. Keywords: Perception, Image, Office of the National Anti-Corruption Commission 1. บทนำ� ปัจจุบันภาพลักษณ์ถือได้ว่าเป็นสิ่งท่ีมีความส�ำคัญอย่างยิ่งต่อความส�ำเร็จและความอยู่รอด ขององค์กรทั้งในระยะส้ันและระยะยาว หากองค์กรหรือหน่วยงานใดมีภาพลักษณ์ที่ดี ประชาชน จะเกิดความเสื่อมใสศรัทธา ให้ความไว้วางใจและให้ความร่วมมือต่อหน่วยงานนั้น ๆ ก่อให้เกิด ความราบร่ืนในการด�ำเนินงานและความเจริญก้าวหน้าของหน่วยงานน้ัน ซ่ึงในทางตรงข้าม หากหน่วยงานใดมีภาพลักษณ์ในเชิงลบ มีชื่อเสียงเส่ือมเสีย ประชาชนก็จะไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อถือ เกดิ ความระแวงสงสยั หรอื เกลยี ดชงั หนว่ ยงานนน้ั ไปในทสี่ ดุ ซงึ่ ผลทตี่ ามมาคอื หนว่ ยงานหรอื องคก์ รนน้ั  ๆ ย่อมประสบอุปสรรคนานาชนิดในการปฏิบัติงาน และหากปล่อยท้ิงไว้ไม่มีการแก้ไข หน่วยงานหรือ องคก์ รนั้นจะไม่สามารถอยรู่ อดได้ (สตมิ า ศรีนคร, 2552) การสร้างภาพลักษณ์มีส่วนเสริมสร้างให้หน่วยงานสถาบันหรือองค์กรมีภาพลักษณ์ท่ีดี ต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชน เพื่อผลแห่งชื่อเสียง ความเชื่อถือ ความศรัทธาที่มีต่อหน่วยงาน

54 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2564) สถาบันหรือองค์กรนั้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ข้อมูลข่าวสารท่ีประชาชนได้รับด้วย อาจจะเป็น ความประทับใจท่ีดีหรือไม่ดีก็ได้ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมหรือการกระท�ำขององค์กรนั้น ซ่ึงบุคลากร ในองค์กรนั้น ถือเป็นสิ่งส�ำคัญในการสร้างสรรค์และรักษาภาพลักษณ์ท่ีดีให้กับองค์กร ก่อนที่จะถูก เผยแพร่ไปสู่ประชาชนและสังคมภายนอก ดังน้ัน การด�ำเนินงานดังกล่าวสามารถสร้างขึ้นได้ด้วย ความจริงใจ ถกู ต้อง อย่างตอ่ เน่อื งและสม่ำ� เสมอ (ศุภกิจ ภาวิไล, 2560) การศกึ ษาเรอื่ งภาพลกั ษณไ์ มไ่ ดศ้ กึ ษาเพยี งแคใ่ นวงการธรุ กจิ เทา่ นนั้ แตใ่ นหนว่ ยงานราชการ ก็ได้ให้ความสนใจเพ่ิมมากขึ้นด้วยเช่นกัน เน่ืองจากภาพลักษณ์ขององค์กรมีความส�ำคัญอย่างย่ิง ต่อความส�ำเร็จขององค์กร ซึ่งถ้าหากองค์กรได้รับความสนใจจากสาธารณชนและมวลชนมากข้ึน ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีการส่ือสารและส่ือสารมวลชนจะท�ำให้คนในสังคมต่าง ๆ รับทราบ ถึงเหตุการณ์และข่าวสารท่ีเกิดขึ้นทั่วโลกได้อย่างกว้างขวาง ทุกคนต้องการรับรู้และมีส่วนเกี่ยวข้อง ในการแสดงความคิดเห็น เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ ถ้าองค์กรใดมีภาพลักษณ์ท่ีดีก็จะได้รับ ความเช่ือถือไว้วางใจและการสนับสนุนร่วมมือให้องค์กรน้ันประสบความส�ำเร็จได้ แต่ถ้าองค์กรใด มีภาพลักษณท์ ไี่ ม่ดียอ่ มได้รบั การตอ่ ต้าน ดังนน้ั ภาพลกั ษณจ์ ึงเป็นรากฐานแหง่ ความมั่นคงขององค์กร หากมภี าพลกั ษณท์ ดี่ ี แมม้ วี กิ ฤตการณเ์ กดิ ขนึ้ องคก์ รจะสามารถแกไ้ ขไดง้ า่ ย (ตราจติ ต์ เมอื งคลา้ ย, 2556) ส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ส�ำนักงาน ป.ป.ช.) เป็นหน่วยงานหลักที่ด�ำเนินการขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของประเทศด้วยความเป็นมืออาชีพ และไดร้ บั ความไวว้ างใจมาอยา่ งยาวนาน คอยสอดสอ่ ง ตรวจสอบ และน�ำผดู้ �ำรงต�ำแหนง่ ทางการเมอื ง ขา้ ราชการ และเจา้ หน้าทขี่ องรัฐที่กระท�ำการทุจริตคอรร์ ัปชัน มพี ฤติกรรมทีส่ อ่ ถึงความร่�ำรวยผิดปกติ หรือใช้อ�ำนาจในทางที่มิชอบ ซ่ึงก่อให้เกิดความเสียหายหรือเพ่ือแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเอง และพวกพ้อง ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเป็นองค์กรหลักในด้านการป้องกันและปราบปราม การทจุ รติ ทไี่ ดร้ บั การยอมรบั และเชอ่ื มน่ั ทง้ั ในและตา่ งประเทศ มหี นา้ ทสี่ ง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหท้ กุ ภาคสว่ น ในสังคมมีคา่ นิยมเกีย่ วกบั การซือ่ ตรง มีวนิ ัย คุณธรรมและจริยธรรม ไม่เพกิ เฉยต่อการทจุ รติ กระตุ้น ให้สังคมเกิดค่านิยมต่อต้านการทุจริตอย่างกว้างขวาง พร้อมกับการพัฒนากลไกการปฏิบัติงาน ขององค์กรให้เอื้อต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้มีมาตรฐานสอดคล้องกับสถานการณ์ การทุจริตที่เปล่ียนแปลงไป ส่งเสริม และสนับสนุนให้ภาคีทุกภาคส่วนเป็นเครือข่ายในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตท่ีเข้มแข็ง รวมถึงบูรณาการร่วมมือกับภาคีพันธมิตร เพ่ือให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พัฒนาให้เป็นองค์กรหลักในการบริหารจัดการท่ีดีและเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในด้านการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต และตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ มีบุคลากรท่ีมีความสามารถ มีความเป็นมืออาชีพ เข้าใจบริบททางสังคม วัฒนธรรมในพื้นที่ มีระบบ การท�ำงานและฐานข้อมูลท่ีทันสมัย รวดเร็ว เท่าทันสถานการณ์ มีประสิทธิภาพ และเสริมสร้าง ประสิทธิภาพด้านการบริหารการสื่อสาร โดยใช้สื่อท่ีทันสมัยและเหมาะสมเป็นเครื่องมือเพ่ือเพ่ิม

การรบั รขู้ องบุคลากรต่อภาพลักษณ์ของสำ� นักงานคณะกรรมการป้องกัน 55 และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ ประสทิ ธภิ าพในการสอ่ื สารส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ในฐานะทมี่ หี นา้ ทแี่ ละอ�ำนาจโดยตรงเกย่ี วกบั การปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจริต และขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้เกิดข้ึน รวมถึง ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ท้ังน้ี ต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์เป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างองค์กรและสาธารณชน สร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชน เพราะถ้าประชาชนขาดความรู้ ความเข้าใจในผลกระทบ ท่ีเกิดจากการทุจริตแล้ว การท่ีจะปรับเปล่ียนแนวความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมคงจะไม่เกิดข้ึน ดังน้ัน จึงจ�ำเป็นอย่างมากท่ีจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารท่ีเกี่ยวข้องกับองค์กร เพื่อเป็น การสร้างความรู้ ความเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องต่อสาธารณชน เก่ียวกับบทบาทภารกิจหน้าที่ ค่านิยม องค์กร และผลการด�ำเนินงานต่าง ๆ รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือ เชื่อมั่น และศรัทธา เพื่อท�ำให้ สาธารณชนและกลุ่มเป้าหมายขององค์กรให้เกิดการรับรู้ภาพลักษณ์ท่ีดีต่อส�ำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มเป้าหมายภายในองค์กร ได้แก่ ข้าราชการ เจ้าหน้าท่ี ลูกจ้างประจ�ำ และ ลูกจ้างชวั่ คราวของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. กลุ่มเป้าหมายภายนอก ได้แก่ ส่ือมวลชน ประชาชนทว่ั ไป และ กลุ่มบคุ คลทีม่ ีส่วนได้ส่วนเสีย เชน่ ผดู้ �ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง หนว่ ยงานราชการตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง ซึ่งบทบาทของการสื่อสารตามที่ก�ำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจรติ ระยะท่ี 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) พบว่า การขับเคล่อื นงานส่ือสารประชาสมั พนั ธ์เพ่อื ตอ่ ตา้ น การทุจริตในระยะต่อไป ควรมีทิศทางการพัฒนาที่ส�ำคัญ คือ ต้องให้ความส�ำคัญกับการบูรณาการ งานส่ือสารร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่เครือข่ายงานสื่อสาร การพัฒนาระบบบริหารจัดการงานสื่อสารของส�ำนักงานให้มีประสิทธิภาพ รวมถงึ บคุ ลากรดา้ นประชาสมั พนั ธ์ มคี วามเปน็ มอื อาชพี และเสรมิ สรา้ งภาพลกั ษณข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ดงั นน้ั จงึ เหน็ ไดว้ า่ ภาพลกั ษณท์ ด่ี มี าจากการสอื่ สารและการประชาสมั พนั ธท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ท้ังในส่วนของการส่ือสารภายในองค์กร โดยการสร้างแนวคิด ค่านิยม ทัศนคติ ความเชื่อถือ และ ความเชื่อมนั่ ในองคก์ รของผ้บู ริหาร และเจา้ หน้าที่ให้ไปในทศิ ทางเดียวกนั และในสว่ นของการสอ่ื สาร ภายนอกองคก์ รทีเ่ สริมสร้าง ความเชอ่ื มั่น ศรัทธา ความประทบั ใจแก่บุคคลกล่มุ เปา้ หมาย ผูท้ มี่ สี ่วนได้ สว่ นเสยี เชน่ สอ่ื มวลชน ประชาชน เปน็ ตน้ โดยจะเหน็ ไดว้ า่ ภาพลกั ษณน์ นั้ มคี วามส�ำคญั เปน็ อยา่ งมาก ต่อองค์กร ที่จะช่วยสร้างเสริมความส�ำเร็จของกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงต้องสร้าง ภาพลักษณ์ท่ีดีในด้านการรับรู้ของบุคลากรภายในองค์กร หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิง่ การมีภาพลกั ษณ์ท่ดี ีของบคุ ลากรของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ซึง่ เป็นบคุ ลากรภายในนน้ั จะเป็นผู้น�ำเอาแนวทางการด�ำเนินงาน มาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระเบียบ และข้อกฎหมายด้านการต่อต้านการทุจริต การตรวจสอบทรัพย์สินและหน้ีสิน รวมถึงด้านการสร้าง ความร่วมมือระหว่างประเทศไปเผยแพร่ ถ่ายทอดความรู้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับกลุ่มเป้าหมาย ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากผลการด�ำเนินงานท่ีมีประสิทธิภาพ และด้วยเจ้าหน้าที่ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. น้ัน ถือได้ว่าเป็นสื่อบุคคลที่ดีท่ีสุดท่ีจะสามารถถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารในเชิงบวกเกี่ยวกับ

56 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2564) ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไปสกู่ ลมุ่ เปา้ หมายภายนอกไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ดงั นนั้ หากเจา้ หนา้ ทข่ี องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มีภาพลักษณ์ท่ดี ตี ่อส�ำนกั งาน ป.ป.ช. แลว้ น้นั ยอ่ มจะท�ำใหก้ ลมุ่ เปา้ หมายภายนอก เชน่ ผู้ทีม่ สี ่วนได้ ส่วนเสยี ส่ือมวลชน ประชาชนทวั่ ไป ตา่ งเกดิ ภาพลักษณท์ ดี่ ตี ่อส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ได้เป็นไปในทางบวก 2. วัตถุประสงคก์ ารวจิ ัย 2.1 เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะทางประชากรกับการรับรู้ภาพลักษณ์ ของบุคลากรส�ำนกั งาน ป.ป.ช. 2.2 เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับสื่อประชาสัมพันธ์กับการรับรู้ภาพลักษณ์ ของบคุ ลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. 2.3 เพ่ือศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจต่อสื่อประชาสัมพันธ์กับการรับรู้ ภาพลักษณ์ของบคุ ลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. 3. กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย แผนภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม ลกั ษณะทางประชากร การรับรภู้ าพลกั ษณ์ของสำ� นักงาน ป.ป.ช. - เพศ 1) ด้านคา่ นิยม - อายุ - ด้านความซอื่ สัตย์ - การศึกษา - ด้านเปน็ ธรรม - ระดบั ต�ำแหน่ง - ด้านมอื อาชีพ - รายไดต้ ่อเดอื น 2) ดา้ นภารกจิ - ด้านป้องกนั การทจุ รติ การเปิดรบั สอื่ ประชาสัมพนั ธ์ - ด้านการปราบปรามการทุจริต ความพงึ พอใจตอ่ สอื่ ประชาสมั พนั ธ์ - ดา้ นตรวจสอบทรัพย์สินและหน้สี ิน - ส่อื อนิ เทอร์เน็ต - ดา้ นการสรา้ งความรว่ มมอื ระหว่างประเทศ - ส่อื วิทยกุ ระจายเสียง - สอ่ื บคุ คล - สื่อสิง่ พิมพ์

การรับรูข้ องบคุ ลากรตอ่ ภาพลกั ษณข์ องส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกัน 57 และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ 4. ขอบเขตการวจิ ยั มขี อบเขตการวิจัยครอบคลมุ ดงั ตอ่ ไปนี้ 4.1 เนอ้ื หาทศ่ี กึ ษา: การรับร้ขู องบคุ ลากรต่อภาพลักษณข์ องส�ำนักงาน ป.ป.ช. 4.2 เปน็ การศกึ ษาบุคลากรของภาพลักษณ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ทุกระดับในช่วงปี 2562 เทา่ น้นั 5. นิยามศพั ท์เฉพาะ 5.1 การเปิดรับส่ือประชาสัมพันธ์ หมายถึง ความถี่ในการเข้าถึงส่ือประชาสัมพันธ์ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ผ่านชอ่ งทางส่อื ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ สอื่ อนิ เทอรเ์ นต็ ไดแ้ ก่ สอ่ื อนิ เทอรเ์ นต็ ภายในหรอื อนิ ทราเนต็ สอื่ อนิ เทอรเ์ นต็ ภายนอก หรอื เวบ็ ไซตข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. และสอื่ สงั คมออนไลน์ ประกอบดว้ ย ไลน์ (Line) เฟซบกุ๊ (Facebook) และยทู ูบ (YouTube) ส่ือวิทยุกระจายเสียง ได้แก่ รายการเสียงตามสายส�ำนักงาน ป.ป.ช. รายการภารกิจ พิชิตโกง รายการ ป.ป.ช. จงั หวัดขจดั โกง และรายการ ป.ป.ช. พบประชาชน ส่อื บุคคล ได้แก่ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สอ่ื สารองคก์ รของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ สมุดประชาสัมพันธ์ (ปฏิทิน ไดอารี่) วารสารสุจริต บอร์ด ประชาสมั พนั ธ์ แผน่ พบั และรายงานประจ�ำปี 5.2 การรบั รภู้ าพลกั ษณ์ หมายถงึ ความร้สู กึ นกึ คดิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในจติ ใจของบคุ ลากรส�ำนกั งาน ป.ป.ช. อันเกิดจากประสบการณ์การรับรู้ ความเข้าใจในข้อเท็จจริง และได้ประเมินค่าคุณค่าที่มีต่อ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ในด้านค่านยิ ม และด้านภารกิจ ด้านค่านิยม หมายถึง แนวคิด แนวทางปฏิบัติต่าง ๆ ท่ีบุคลากรในส�ำนักงาน ป.ป.ช. ยึดถือเปน็ แนวทางในการปฏิบัตริ ่วมกัน ไดแ้ ก่ ดา้ นความซ่อื สตั ย์ ดา้ นเป็นธรรม และด้านมืออาชีพ ด้านภารกิจ หมายถึง หนา้ ทแ่ี ละอ�ำนาจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่ตี อ้ งด�ำเนินการ ไดแ้ ก่ ดา้ นการป้องกันการทุจริต ด้านการปราบปรามการทจุ ริต ด้านการตรวจสอบทรัพย์สนิ และหนสี้ นิ และ ดา้ นการสร้างความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศ 5.3 ความพึงพอใจต่อภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. หมายถึง ระดับความรู้สึกในทางบวก หรือทางลบของบคุ ลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่มี ีภาพลักษณ์ต่อส�ำนักงาน ป.ป.ช. 5.4 ลักษณะทางประชากร หมายถึง คณุ ลกั ษณะเฉพาะของคน ซง่ึ จะมคี วามแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะคน วธิ กี ารทดี่ ที สี่ ดุ ในการวเิ คราะหผ์ รู้ บั สาร ทปี่ ระกอบไปดว้ ยคนจ�ำนวนมาก กค็ อื การจ�ำแนก ผู้รับสารออกเป็นกลุ่ม ๆ ตามลักษณะประชากร (Demographic Characteristics) ได้แก่ อายุ เพศ สถานภาพทางสงั คมและเศรษฐกจิ การศกึ ษาศาสนาสถานภาพสมรสเปน็ ตน้ ซง่ึ คณุ สมบตั เิ หลา่ นลี้ ว้ นแลว้ แตม่ ผี ลตอ่ การรบั รู้ การตคี วาม และการเขา้ ใจในการสอ่ื สารทง้ั สน้ิ (กติ มิ า สรุ สนธ,ิ 2541, หนา้ 15 - 17)

58 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) 5.5 บุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. หมายถึง ข้าราชการและลูกจ้างของส�ำนักงาน ป.ป.ช. จากส่วนราชการทั้งหมด 119 ส�ำนัก 1 สถาบัน และ 2 กลุ่มงาน ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2562 จ�ำนวน 3,554 คน 6. แนวคดิ ทฤษฎที ี่เกยี่ วข้องกับการวิจยั 6.1 แนวคิดเกี่ยวกับการรับรู้ เป็นกระบวนการที่มนุษย์เลือกท่ีจะรับรู้สิ่งใดสิ่งหน่ึง โดยสมั ผสั ผา่ นประสาทสมั ผสั ทง้ั หา้ โดยรวมกบั ประสบการณใ์ นอดตี ทง้ั น้ี การรบั รถู้ อื เปน็ พนื้ ฐานส�ำคญั ของการสอ่ื สารส�ำหรบั มนษุ ยแ์ ละเปน็ ปจั จยั ทส่ี �ำคญั ในการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพดา้ นการสอื่ สารของมนษุ ย์ อกี ด้วย (วิชดุ า จรญู รตั นกุล, 2555) 6.2 แนวคดิ ทฤษฎีเก่ยี วกบั การเปิดรบั ข่าวสาร ตามแนวความคดิ ของโจเซฟ ที แคลปเปอร์ (Klapper, 1960, p. 19-25) กล่าวว่ากระบวนการการเลือกรับข่าวสารหรือเปิดรับข่าวสาร ประกอบด้วย 4 ขัน้ ตอน คอื (1) การเลือกใช้หรือเลือกเปิดรับ โดยบุคคลจะเลือกรับข่าวสารจากแหล่งข่าว ตามความสนใจ และความตอ้ งการของตนเอง (2) การเลือกให้ความสนใจ คือ บุคคลจะมีแนวโน้มที่จะเลือกให้ความสนใจสารจาก แหล่งขา่ วใดแหล่งหนง่ึ โดยมกั เลอื กตามความคิดเห็น ความสนใจ เพือ่ สนับสนนุ ทัศนคติ และความเชอื่ ดัง้ เดมิ ของตน และหลีกเล่ยี งขา่ วสารท่ีไมส่ อดคลอ้ งกบั ความรูค้ วามเขา้ ใจหรือทศั นคตเิ ดมิ ทมี่ อี ยูแ่ ลว้ (3) การเลือกรับรู้หรือตีความ เมื่อเลือกรับสื่อตามความเชื่อหรือประสบการณ์เดิม โดยไม่สนใจเนื้อความในสารท่ีขัดแย้งกัน หรือไม่สอดคล้องกับความคิดของตน เนื่องจากการรับสาร ท่ีไม่สอดคล้องกับผู้รับสาร จะท�ำให้ผู้รับสารเกิดความไม่พอใจ และเมื่อข่าวสารท่ีได้รับมาใหม่มีความ ขดั แยง้ กบั ความเชอื่ เดมิ บคุ คลนน้ั กจ็ ะมกั บดิ เบอื นขา่ วสารนน้ั เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความเชอ่ื ของตนเอง (4) กระบวนการเลือกจดจ�ำ คือ บุคคลจะจดจ�ำเนื้อหาสาระในส่วนที่ตรงกับ ความคดิ เหน็ ของตนเอง และใชเ้ กบ็ ไวเ้ ปน็ ประสบการณ์ เพอ่ื น�ำไปใชใ้ นโอกาสตอ่ ไป และจะลมื ขา่ วสาร ที่ไม่ตรงกับความสนใจของตน 6.3 แนวคิดทฤษฎีเก่ียวกับภาพลักษณ์ คือ การรับรู้และความประทับใจต่อองค์กร โดยเป็นการตีความหมายและกระบวนการรับรู้ข้อมูล ซ่ึงเกิดจากการสื่อสารเอกลักษณ์ขององค์กร ท่ีรวมถงึ พฤติกรรม สญั ลักษณ์ และการสอื่ สารทุกอย่างในองค์กรเปน็ ภาพลกั ษณ์รวม เสมอื นการสรา้ ง ความประทับใจแรกพบ ทั้งอย่างต้ังใจและไม่ต้ังใจ ท่ีองค์กรได้สื่อออกไปสู่กลุ่มผู้รับสารท้ังภายใน และภายนอกองคก์ ร (กิตาวี ศุภผลศิริ, 2560) 6.4 แนวคดิ และทฤษฎเี กย่ี วกบั การสอื่ สารองคก์ ร เชอรเ์ มอรฮ์ อรน์ (Schermerhorn, 2010) ให้ความหมายของการส่ือสารองค์กร (Organizational Communication) หมายถึง กระบวนการ สื่อสารระหว่างบุคคลผู้ส่งสาร ได้ส่งข่าวสารไปยังผู้รับสาร เพื่อถ่ายทอดหรือโยกย้ายข้อมูลข่าวสาร

การรบั รู้ของบคุ ลากรต่อภาพลกั ษณ์ของส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั 59 และปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ จากคนหนงึ่ ไปยังอีกคนหนึง่ โดยท�ำการใส่รหัส (Encoding) หรือสญั ลักษณ์ (Symbols) ซึ่งอาจจะอยู่ ในรูปของการส่ือสารด้วยวาจาและไม่ใช่วาจา แล้วท�ำการถอดรหัส (Decoding) โดยการแปล ความหมายสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในข่าวสารตามความเข้าใจของผู้รับสาร ซึ่งการแปลข่าวสารขึ้นอยู่กับ ทักษะ ทัศนคติ ความรู้ และระบบวัฒนธรรมของสังคมของท้ังผู้ส่งข่าวสารและผู้รับข่าวสาร และ มกี ารป้อนกลบั (Feedback) เป็นการสง่ ขา่ วสารจากผู้รบั ขา่ วสารกลบั ไปยงั ผูส้ ง่ สาร 6.5 แนวคิดเร่ืองการประชาสัมพันธ์ คือ การประชาสัมพันธ์เป็นการพยายามที่จะมี การวางแผนและเป็นการกระท�ำท่ีต่อเน่ืองในอันท่ีจะมีอิทธิพลเหนือความคิดจิตใจของประชาชน กลุ่มเป้าหมาย โดยการกระท�ำส่ิงท่ีดี มีคุณค่าให้กับสังคม เพื่อให้ประชาชนเหล่าน้ีเกิดทัศนคติท่ีดี ตอ่ หน่วยงาน กิจกรรม และบริการหรอื ผลผลิตของหน่วยงานน้ี และไดร้ บั การสนบั สนุนและร่วมมือทด่ี ี จากประชาชนเหล่านี้ในระยะยาว (พรทิพย์ พมิ ลสินธ์,ุ 2551) 6.6 แนวคิดเกี่ยวกับช่ือเสียงองค์กร หมายถึง ผลการด�ำเนินงานและผลงานในอดีต ที่ผ่านมาขององค์กรท่ีส่ังสมมาอย่างยาวนาน ความสามารถขององค์กรในการมีผลประกอบการที่ดี ให้ผลประโยชน์ด้านใดด้านหนึ่งเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายที่เก่ียวข้อง หรือรายงานผลการด�ำเนินงาน ขององคก์ รทป่ี รากฏในใจของสาธารณชน ซงึ่ มมุ มองนก้ี ลา่ วถงึ ระยะเวลาของการเกดิ ชอ่ื เสยี งวา่ จะตอ้ งใช้ เวลายาวนานในการส่ังสมประสบการณ์ทมี่ ีตอ่ องค์กรจงึ จะเกดิ เปน็ ช่ือเสียง (รุ่งนภา พติ รปรีชา, 2557) 7. วิธีด�ำเนินการวจิ ยั การศกึ ษาน้ีใช้ระเบยี บวธิ กี ารวจิ ัยเชิงส�ำรวจ (Survey Research) 7.1 ประชากร คือ ขา้ ราชการและลกู จา้ งของส�ำนักงาน ป.ป.ช. จ�ำนวนทง้ั สิ้น 3,554 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2562) ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มภารกิจตามโครงสร้างของส�ำนักงาน ป.ป.ช. จ�ำนวน 7 กลุ่ม ไดแ้ ก่ กลุ่มที่ 1 หน่วยงานทขี่ ึ้นตรงเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. กลุ่มที่ 2 กลุม่ ภารกิจปอ้ งกนั การทุจริต กลมุ่ ท่ี 3 กลมุ่ ภารกิจตรวจสอบทรัพย์สนิ กลุ่มที่ 4 กลุม่ ภารกิจไต่สวนการทุจริต กลุ่มที่ 5 กลมุ่ ภารกจิ อ�ำนวยการยตุ ธิ รรม กลุ่มที่ 6 กล่มุ ภารกิจสนบั สนุน กลุม่ ที่ 7 กลุ่มภารกิจปฏิบตั ิการหน้าท่ี 7.2 กลุ่มตัวอย่าง จ�ำนวน 359 คน ซ่ึงได้จากการก�ำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของ Taro Yamane ที่ระดับความเช่อื มัน่ ที่ 95% โดยก�ำหนดความผิดพลาดไมเ่ กิน 5% 7.3 เครื่องมือที่ใช้ในส�ำรวจครั้งน้ีเป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) แบ่งออก 5 ตอน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดรับส่ือประชาสัมพันธ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. (แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ชอ่ งทางการเปดิ รบั สอื่ และความถใ่ี นการเปดิ รบั สอ่ื ) ความพงึ พอใจตอ่ สอ่ื ประชาสมั พนั ธข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. การรับรูภ้ าพลักษณข์ องส�ำนักงาน ป.ป.ช. และข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม

60 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) 7.4 การทดสอบเครอ่ื งมือในการศกึ ษาวจิ ยั (1) การตรวจความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยน�ำแบบสอบถาม ท่ีสร้างข้ึนให้ผู้เช่ียวชาญตรวจสอบความถูกต้องด้านโครงสร้างเน้ือหา ภาษาที่ใช้มีความถูกต้อง จากน้ันได้ปรับข้อค�ำถาม เน้ือหา และข้อความตามที่ผู้เช่ียวชาญแนะน�ำ แล้วจึงน�ำไปทดลองใช้ (Try out) กับกล่มุ ตัวอย่าง จ�ำนวน 30 คน (2) การหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) โดยน�ำแบบสอบถามท่ีปรับปรุงแก้ไข ไปทดลองใช้ (Try out) กบั กลมุ่ ตวั อยา่ ง จ�ำนวน 30 คน เพอ่ื หาคณุ ภาพรายขอ้ (Item Total Correlation) และหาคา่ ความเชอ่ื มนั่ (Reliability) ในแตล่ ะสว่ น โดยการค�ำนวณคา่ สมั ประสทิ ธแิ์ อลฟา (Cronbach’s Alpha) โดยใช้สูตรการค�ำนวณ ดงั นี้ Cronbach’s Alpha = kr 1+(k-1)r โดยท่ี k = จ�ำนวนค�ำถาม r = คา่ เฉล่ยี ของคา่ สัมประสิทธ์สิ หสัมพนั ธ์ ระหวา่ งค�ำถามนัน้ ๆ ผวู้ จิ ยั ไดน้ �ำแบบสอบถามไปทดลองใช้ (Try out) กบั ขา้ ราชการและลกู จา้ งของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ทีไ่ ม่ใช่กลุ่มตัวอยา่ งเป้าหมายในการวิจยั จ�ำนวน 30 คน เพื่อทดสอบความเช่อื มั่นของเครอ่ื งมือ (Reliability Test) โดยใช้วิธีการหาค่าสัมประสทิ ธแิ์ อลฟา (Cronbach’s Alpha) ไดค้ า่ ความเชอ่ื มนั่ ของเครือ่ งมอื ดังน้ี ความถี่ในการเปิดรับสื่อประชาสัมพันธ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีค่าความเช่ือมั่น (Reliability) เทา่ กับ 0.896 ความพึงใจต่อสื่อประชาสมั พันธข์ องส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีคา่ ความเชือ่ มนั่ (Reliability) เทา่ กับ 0.834 การรบั รภู้ าพลกั ษณข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มคี า่ ความเชอื่ มน่ั (Reliability) เทา่ กบั 0.978 7.5 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผู้วิจัยได้ด�ำเนินการตามขน้ั ตอนและวิธกี ารในการเก็บรวบรวม ข้อมูลโดยเป็นการแจกแบบสอบถามให้กับกลุ่มตัวอย่าง พร้อมกับตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้อง โดยใชว้ ธิ กี ารสมุ่ ตวั อยา่ งโดยใชค้ วามนา่ จะเปน็ (Probability Sampling) ใชก้ ารสมุ่ ตวั อยา่ งแบบชน้ั ภมู ิ (Stratified Sampling) โดยใช้สตู ร จ�ำนวนตัวอย่างในแต่ละกล่มุ = จ�ำนวนประชากรในกลมุ่ x จ�ำนวนกลุ่มตวั อยา่ งทัง้ หมด จ�ำนวนประชากรทั้งหมด

การรบั รู้ของบุคลากรต่อภาพลกั ษณ์ของส�ำนักงานคณะกรรมการปอ้ งกนั 61 และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ ตารางท่ี 1 จ�ำนวนตวั อย่างจากการสมุ่ ในแตล่ ะกล่มุ ภารกิจ จำ�นวน จำ�นวน ประชากร (คน) ตัวอยา่ ง (คน) ลำ�ดบั กลมุ่ ภารกจิ 175 18 1 หนว่ ยงานทีข่ ้นึ ตรงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. 190 19 2 กลมุ่ ภารกจิ ป้องกนั การทุจริต 260 26 3 กล่มุ ภารกิจตรวจสอบทรพั ย์สิน 405 41 4 กลุม่ ภารกิจไตส่ วนการทจุ ริต 206 21 5 กลุม่ ภารกจิ อำ�นวยการยุติธรรม 353 36 6 กลุ่มภารกจิ สนบั สนนุ 1,965 198 7 กลุ่มภารกจิ ปฏบิ ัตกิ ารหนา้ ท่ี 3,554 359 รวม โดยด�ำเนินการเกบ็ รวบรวมจากข้าราชการและลกู จ้างของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ทง้ั ในสว่ นกลาง และภมู ิภาค จ�ำนวน 359 ชุด ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2562 7.6 สถติ ทิ ใี่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 7.6.1 ท�ำการวเิ คราะหค์ วามคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ขอ้ มลู ทว่ั ไป การเปดิ รบั สอ่ื ประชาสมั พนั ธ์ ความพึงพอใจต่อสื่อประชาสัมพันธ์ และการรับรู้ภาพลักษณ์ ได้แก่ แจกแจงความถ่ี (Frequency Distribution) ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 7.6.2 ท�ำการเปรียบเทียบลักษณะประชากรกับการรับรู้ภาพลักษณ์ของบุคลากร ใช้สถติ ิ Independent t-test และ ANOVA 7.6.3 ใช้สถิติค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์เพียร์สัน เพ่ือท�ำการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่างการเปดิ รบั สอ่ื ประชาสมั พนั ธก์ บั การรับร้ภู าพลกั ษณ์ และความสัมพนั ธร์ ะหว่างความพงึ พอใจ ต่อสือ่ ประชาสมั พันธ์กับการรบั รภู้ าพลักษณ์ 8. ผลการศกึ ษา การส�ำรวจการรับรู้ของบุคลากรต่อภาพลักษณ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยเก็บข้อมูลจาก ข้าราชการ และลกู จา้ งของส�ำนักงาน ป.ป.ช. จ�ำนวน 359 คน กลมุ่ ตัวอย่างท่ศี กึ ษา ดา้ นเพศ คอื เพศหญงิ มากที่สดุ จ�ำนวน 218 คน คิดเป็นร้อยละ 60.70 รองลงมาคือ เพศชาย จ�ำนวน 141 คน คิดเป็นร้อยละ 39.30 ด้านอายุ คือ ช่วงอายุมากท่ีสุด คือ อายุ 36 - 45 ปี จ�ำนวน 187 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 52.10 รองลงมาคอื อายุ 25 - 35 ปี จ�ำนวน 121 คน คิดเป็นร้อยละ 33.70 และน้อยท่ีสุด คือ อายุ 46 - 55 ปี จ�ำนวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 14.20 ดา้ นระดบั การศกึ ษาคอื ปรญิ ญาโทมากทส่ี ดุ จ�ำนวน198คนคดิ เปน็ รอ้ ยละ55.20รองลงมาคอื ปรญิ ญาตรี

62 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2564) จ�ำนวน 152 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 42.30 และน้อยทส่ี ดุ คือ ปรญิ ญาเอก จ�ำนวน 2 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.60 ดา้ นระดบั ต�ำแหนง่ คื อ ระดบั 4 - 6 มากทส่ี ดุ จ�ำนวน 190 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 52.90 รองลงมาคอื ระดบั 7 ขึ้นไป จ�ำนวน 131 คน คดิ เป็นร้อยละ 36.50 และน้อยที่สุด คือ ลูกจา้ ง จ�ำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 5.00 และด้านรายได้เฉลี่ยต่อเดือน คือ ระหว่าง 20,000 - 30,000 บาท มากท่ีสุด จ�ำนวน 129 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 35.90 รองลงมา คือระหวา่ ง 30,001 - 40,000 บาท จ�ำนวน 101 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 28.10 และนอ้ ยทสี่ ุด คอื ระหวา่ ง 40,001 - 50,000 บาท จ�ำนวน 39 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 10.90 การเปิดรบั สอ่ื ประชาสัมพนั ธข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. แบ่งเปน็ 2 ส่วน ได้แก่ สว่ นท่ี 1 ช่องทางการเปดิ รับส่ือประชาสมั พนั ธข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. พบวา่ มีการเปิดรบั ส่ือประชาสัมพันธ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. คือ สื่ออินเทอร์เน็ต มากท่ีสุด จ�ำนวน 308 คน คิดเป็น ร้อยละ 85.80 รองลงมาคอื เวบ็ ไซตส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. (www.nacc.go.th) จ�ำนวน 301 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 83.80 และเจ้าหนา้ ที่ ป.ป.ช. จ�ำนวน 223 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 62.10 ตามล�ำดบั ส่วนท่ี 2 ความถีใ่ นการเปิดรบั ส่อื ประชาสัมพันธ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ปรากฏตามตารางท่ี 2 ตารางท่ี 2 ระดับการเปดิ รบั สือ่ ประชาสัมพนั ธข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ความถใ่ี นการเปิดรบั ส่ือเก่ียวกบั สำ�นกั งาน ป.ป.ช. Mean S.D. ระดบั การเปดิ รับ สอื่ อินเทอรเ์ นต็ 3.08 0.99 มากทส่ี ุด อนิ ทราเนต็ portal.nacc.go.th 2.64 1.09 มาก เว็บไซตส์ �ำ นักงาน ป.ป.ช. (www.nacc.go.th) 1.53 1.45 ปานกลาง Official Line: NACC Zero Tolerance 2.11 1.35 มาก Facebook: สำ�นักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปราม การทุจริตแหง่ ชาติ (https://www.facebook.com/ 1.16 1.11 ปานกลาง naccthailand) 2.10 1.20 มาก Youtube: สํานักงาน ป.ป.ช. 'NACC Thailand official' 1.21 1.26 ปานกลาง รวม 0.74 0.88 น้อย สือ่ วิทยกุ ระจายเสยี ง 0.73 0.90 นอ้ ย รายการ “เสียงตามสายส�ำ นักงาน ป.ป.ช.” 0.70 0.90 นอ้ ย รายการ “ภารกิจ พิชิตโกง” 0.85 0.99 นอ้ ย รายการ “ป.ป.ช. จงั หวดั ขจดั โกง” รายการ “ป.ป.ช. พบประชาชน” รวม

การรับร้ขู องบุคลากรตอ่ ภาพลกั ษณข์ องสำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั 63 และปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ ตารางที่ 2 (ต่อ) ระดบั การเปิดรับสอ่ื ประชาสมั พันธ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ความถ่ใี นการเปิดรบั สื่อเกยี่ วกบั สำ�นักงาน ป.ป.ช. Mean S.D. ระดบั การเปดิ รบั ส่ือบุคคล 1.93 1.02 ปานกลาง ผบู้ รหิ าร 2.10 1.08 มาก เจ้าหนา้ ท่ีสื่อสารองค์กร 2.02 1.05 มาก รวม 1.82 1.20 ปานกลาง สอื่ ส่งิ พมิ พ์ 1.44 0.93 ปานกลาง สมุดประชาสมั พนั ธ์ (ปฏทิ นิ ไดอาร)่ี 1.82 1.16 ปานกลาง วารสาร “สุจริต” 1.28 0.96 ปานกลาง บอรด์ ประชาสัมพนั ธ์ 1.25 0.94 ปานกลาง แผน่ พับ 1.52 1.04 ปานกลาง รายงานประจำ�ปี 1.62 1.07 ปานกลาง รวม รวมทัง้ หมด ความถี่ในการเปิดรับส่ือประชาสัมพันธ์ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง (Mean = 1.62) เมื่อแยกตามประเภทของสื่อ คอื สอ่ื อินเทอร์เนต็ ในระดับมาก (Mean = 2.10) ซงึ่ มกี ารเปดิ รบั ทางชอ่ งทาง ไดแ้ ก่ อนิ ทราเนต็ portal.nacc.go.th มากทส่ี ดุ รองลงมาคอื สอื่ บคุ คล ในระดบั มาก (Mean = 2.02) ซึง่ มกี ารเปิดรบั ทางช่องทาง ไดแ้ ก่ เจ้าหน้าที่สอ่ื สารองค์กร สอื่ สงิ่ พมิ พ์ ในระดบั ปานกลาง (Mean = 1.52) ซง่ึ มกี ารเปดิ รบั ทางชอ่ งทาง ไดแ้ ก่ สมดุ ประชาสมั พนั ธ์ (ปฏทิ นิ ไดอาร)่ี และสื่อวิทยุกระจายเสียง ในระดับปานกลาง (Mean = 0.85) ซึ่งมีการเปิดรับทางช่องทาง ได้แก่ รายการ “เสียงตามสายส�ำนักงาน ป.ป.ช.” ความพึงพอใจต่อส่ือประชาสัมพันธ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบวา่ มีระดับความพงึ พอใจดังทีป่ รากฏตามตารางท่ี 3

64 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2564) ตารางท่ี 3 (ต่อ) ระดับความพึงพอใจตอ่ ส่อื ประชาสัมพันธ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบคุ ลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. ความพงึ พอใจของกล่มุ ตวั อย่างทม่ี ตี ่อสอื่ ของสำ�นกั งาน ป.ป.ช. Mean S.D. ระดบั ความพึงพอใจ ส่อื อินเทอร์เน็ต 4.09 0.89 มาก 1. สอื่ มีความสะดวก รวดเร็ว ในการหาข้อมูล 3.98 0.90 มาก 2. สอ่ื มีความมคี วามทันสมัย 3.87 0.80 มาก 3. สื่อมีความถูกตอ้ ง ชัดเจนในการใหข้ ้อมูลขา่ วสาร 3.75 0.84 มาก 4. สอ่ื มกี ารใหร้ ายละเอียดอย่างครบถว้ น 3.75 0.86 มาก 5. สอ่ื มีเนือ้ หาขอ้ มูลทเี่ ขา้ ใจงา่ ย 3.89 0.86 มาก รวม 3.28 0.99 ปานกลาง สือ่ วทิ ยกุ ระจายเสยี ง 3.25 0.89 ปานกลาง 1. ส่อื สามารถเขา้ ถงึ ไดง้ ่าย 3.44 0.84 มาก 2. สือ่ มีรปู แบบทีม่ คี วามทันสมัย 3.50 0.86 มาก 3. สอ่ื มคี วามถูกตอ้ ง ชดั เจนในการใหข้ อ้ มูลขา่ วสาร 3.37 0.90 ปานกลาง 4. ส่อื มีเนอ้ื หาข้อมลู ทเี่ ขา้ ใจง่าย 3.52 0.87 มาก รวม 3.49 0.72 มาก ส่อื บคุ คล 3.43 0.73 มาก 1. สามารถเข้าถงึ ไดง้ ่ายและขอขอ้ มูลข่าวสารได้ 3.48 0.77 มาก 2. ขอ้ มูลข่าวสารที่ได้รับมีความถกู ต้อง ชดั เจน 3. ข้อมลู ข่าวสารทีต่ ้องการมีความครบถ้วน 3.23 0.96 ปานกลาง 3.32 0.89 ปานกลาง รวม 3.73 0.76 มาก สื่อสิง่ พิมพ์ 3.59 0.79 มาก 1. อยู่ในบรเิ วณทส่ี ามารถเขา้ ถงึ ได้ง่าย 3.47 0.85 มาก 2. ส่ือมีรปู แบบท่มี ีความทันสมยั 3.55 1.07 มาก 3. ข้อมลู มคี วามถูกต้อง ชัดเจน 4. สือ่ มเี นือ้ หาข้อมลู ท่เี ข้าใจง่าย รวม รวมทัง้ หมด

การรบั รขู้ องบุคลากรต่อภาพลักษณข์ องสำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั 65 และปราบปรามการทุจรติ แหง่ ชาติ ความพึงพอใจต่อสื่อประชาสัมพันธ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก (Mean = 3.55) เมอ่ื แยกตามประเภทของสอ่ื คอื สอื่ อนิ เทอรเ์ นต็ มคี วามพงึ พอใจ อยู่ในระดับมาก (Mean = 3.89) เพราะเป็นสื่อที่มีความสะดวก รวดเร็วในการหาข้อมูล ส่ือบุคคล มีความพึงพอใจอยูใ่ นระดับมาก (Mean = 3.48) เพราะสามารถเข้าถงึ ได้งา่ ยและขอข้อมลู ข่าวสารได้ สอ่ื สงิ่ พมิ พม์ คี วามพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก (Mean = 3.47) เพราะเปน็ สอื่ ทข่ี อ้ มลู มคี วามถกู ตอ้ ง ชดั เจน และสื่อวิทยุกระจายเสยี งมีความพงึ พอใจอยูใ่ นระดบั ปานกลาง (Mean = 3.37) เพราะเปน็ ส่อื มเี นอ้ื หา ข้อมลู ท่เี ข้าใจง่าย การรบั รภู้ าพลกั ษณส์ ำ� นกั งาน ป.ป.ช. ของบคุ ลากรสำ� นกั งาน ป.ป.ช. พบวา่ มรี ะดบั การรบั รู้ ปรากฏดังตารางท่ี 4 ตารางที่ 4 ระดบั การรบั รู้ภาพลักษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ภาพลกั ษณ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. Mean S.D. ระดบั ความคดิ เหน็ ภาพลกั ษณเ์ กย่ี วกบั คา่ นิยม ด้านความซ่อื สตั ย์ 3.97 0.93 มาก 3.91 0.97 มาก 1. มีการตระหนักถึงบทบาทหน้าทีข่ องตนเอง 3.82 1.12 มาก 2. ปฏบิ ัตงิ านอยา่ งเตม็ ก�ำลังความสามารถ สจุ รติ ตรงไปตรงมา 3. ยดึ มนั่ และยนื หยัดบนหลักการของคุณธรรม จริยธรรม 3.72 1.07 มาก แนวทางในวชิ าชีพ 3.56 1.09 มาก 4. กลา้ รับผิดและรบั ชอบต่อการกระท�ำ 3.52 1.14 มาก 5. รับฟงั ความคดิ เหน็ 3.75 1.05 มาก 6. เสยี สละเพอื่ ประโยชน์สว่ นรวม แม้จะตอ้ งสูญเสียประโยชนส์ ว่ นตน 3.64 1.07 มาก รวม 3.76 1.02 มาก ด้านเปน็ ธรรม 1. ปฏบิ ตั ิงานด้วยความเป็นกลาง ไมเ่ ลือกปฏิบตั ิ 3.77 1.02 มาก 2. ปฏิบตั งิ านบนพื้นฐานของพยานหลกั ฐานมากกวา่ การใช้ 3.42 1.11 มาก ความรูส้ กึ ของตนเอง 3.47 1.13 มาก 3. รบั ฟังขอ้ โต้แยง้ ขอ้ สงสยั และเปิดโอกาสให้มกี ารตรวจสอบได้ 3.53 1.11 มาก 4. รวดเรว็ กลา้ หาญ ไมเ่ กรงกลัวตอ่ อิทธิพล 5. ใสใ่ จตอ่ ความเดือดร้อนของผู้อน่ื 3.60 1.08 มาก 6. เปน็ แบบอย่างท่ีดีอยา่ งสม�่ำเสมอ ทั้งในเวลาท�ำงานและนอกเวลา ท�ำงาน ตลอดจนด�ำรงรกั ษาชอื่ เสยี งและจรยิ ธรรมขององคก์ รตลอดเวลา รวม

66 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 14 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2564) ตารางท่ี 4 (ต่อ) ระดบั การรับรภู้ าพลักษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. ของบคุ ลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. ความคิดเหน็ เกยี่ วกับภาพลักษณ์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. Mean S.D. ระดบั ความคดิ เหน็ ดา้ นมืออาชีพ 3.67 1.03 มาก 1. ปฏิบัตงิ านอยา่ งมุ่งม่นั ตัง้ ใจ และถกู ต้อง 3.63 0.98 มาก 2. มีการวางแผน ก�ำกับ ตดิ ตาม ประเมนิ ผลอย่างตอ่ เนอ่ื ง 3.50 1.02 มาก 3. น�ำองคค์ วามรแู้ ละนวตั กรรมใหมม่ าเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการปฏบิ ตั งิ าน อย่างตอ่ เน่ือง 3.43 1.09 มาก 4. เปิดรบั การเรียนรู้ กล้าเปล่ียนแปลง 3.50 0.99 มาก 5. มีการปรับปรงุ พฒั นาผลงานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 3.47 1.06 มาก 6. ท�ำงานเป็นทมี และสามารถบริหารการเปลี่ยนแปลงเพอ่ื ประโยชน์ ต่อส่วนรวมและประเทศชาติ 3.53 1.03 มาก 3.63 1.05 มาก รวม รวมภาพลกั ษณ์เกยี่ วกบั คา่ นยิ ม 3.63 0.88 มาก ภาพลกั ษณเ์ กีย่ วกบั ภารกจิ 3.56 0.97 มาก ด้านปอ้ งกนั การทุจริต 1. น�ำเสนอมาตรการ และ/หรือแนะน�ำให้มกี ารปรับปรุงกฎหมาย 3.80 0.86 มาก ใหม้ ีความสอดคลอ้ งกับสถานการณ์การทจุ ริตในปัจจบุ ัน 2. มมี าตรการกลไกทีม่ ีประสิทธิภาพ เพอ่ื ป้องกันการทจุ ริตทงั้ ภาครัฐ 3.77 0.86 มาก และเอกชนอย่างเข้มงวด 3.69 0.89 มาก 3. มกี ารสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนและหนว่ ยงานของรัฐมีสว่ นร่วม และให้ความรว่ มมือในการป้องกนั และปราบปรามการทุจริต 3.91 0.83 มาก 4. มีการจดั ตงั้ กองทุนเพอื่ สนับสนนุ การปอ้ งกันการทจุ ริต 3.91 0.86 มาก รวม ดา้ นการปราบปรามการทุจริต 3.91 0.85 มาก 1. แสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ รวบรวมพยาน และเขา้ ตรวจสอบสถานทเ่ี กดิ เหตุ เพอื่ แจง้ ขอ้ กลา่ วหาแกผ่ กู้ ระท�ำผดิ จนน�ำไปสกู่ ารด�ำเนนิ คดโี ดยไตส่ วน 2. มีความเหน็ และวินิจฉัยผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมอื ง ขา้ ราชการ และเจา้ หน้าท่ขี องรัฐทท่ี จุ ริตตอ่ หน้าท่ี รวม

การรับรูข้ องบคุ ลากรตอ่ ภาพลกั ษณข์ องส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกนั 67 และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ ตารางที่ 4 (ต่อ) ระดบั การรับร้ภู าพลักษณ์ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ของบคุ ลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. ความคดิ เห็นเกยี่ วกับภาพลกั ษณข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. Mean S.D. ระดบั ความคดิ เหน็ ด้านตรวจสอบทรพั ย์สินและหนส้ี นิ 3.89 0.88 มาก 1. ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ความมอี ยจู่ ริงของทรัพย์สนิ และหน้ีสิน การเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สนิ และหนสี้ ินของผ้ทู ่มี หี น้าทย่ี น่ื บัญชี 4.03 0.79 มาก 2. เปดิ เผยผลการตรวจสอบบัญชสี �ำหรบั ต�ำแหน่งทก่ี ฎหมายก�ำหนด 3.86 0.86 มาก 3. สามารถก�ำหนดต�ำแหน่งเพ่ิมเตมิ ใหม้ ีหน้าที่ยื่นบญั ชีได้ 3.89 0.82 มาก 4. ด�ำเนนิ การไตส่ วนกรณีท่ีมกี ารกล่าวหาเจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ว่าร่ำ� รวย ผดิ ปกติ เพอ่ื การร้องขอใหท้ รัพยส์ นิ ตกเปน็ ของแผ่นดิน 3.92 0.84 มาก รวม 3.80 0.85 มาก ด้านการสรา้ งความร่วมมือระหว่างประเทศ 3.69 0.90 มาก 1. ประสานความรว่ มมือกับนานาประเทศในการต่อตา้ นการทุจรติ 3.77 0.82 มาก 2. ผลกั ดนั ใหไ้ ทยเปน็ เวทแี ลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ ารตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ระดบั โลก 3. ด�ำเนินการใหเ้ ป็นไปตามขอ้ ปฏบิ ัตใิ นฐานะรัฐภาคี 3.75 0.86 มาก “อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ ่าดว้ ยการต่อต้านการทุจรติ ” 3.82 0.86 มาก 3.72 0.96 มาก รวม รวมภาพลักษณ์เก่ียวกับภารกิจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. รวมทัง้ หมด การรบั รภู้ าพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. ของบคุ ลากรส�ำนกั งาน ป.ป.ช. โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก (Mean = 3.72) เม่ือแยกเป็นด้าน พบว่า ภาพลกั ษณเ์ ก่ยี วกับคา่ นยิ ม อย่ใู นระดบั มาก (Mean = 3.63) และด้านภารกิจ อยู่ในระดบั มาก (Mean = 3.82) ซึ่งการรับร้ภู าพลกั ษณข์ องบุคลากร เมอื่ แยกเปน็ รายดา้ นได้ ดังนี้ ด้านค่านิยม ประกอบด้วย ด้านความซ่ือสัตย์ พบว่า มีการรับรู้เร่ืองการตระหนักถึง บทบาทหน้าทีข่ องตนเองมากทสี่ ดุ ด้านเป็นธรรม พบว่า มีการรบั รู้เรอื่ งการรบั ฟงั ขอ้ โตแ้ ย้ง ข้อสงสยั และเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบได้มากท่ีสุด และด้านมืออาชีพ พบว่า มีการรับรู้เรื่องปฏิบัติงาน อยา่ งมุ่งมัน่ ต้งั ใจ และถูกต้องมากทสี่ ดุ ดา้ นภารกจิ ประกอบดว้ ย ดา้ นปอ้ งกนั การทจุ รติ พบวา่ มกี ารรบั รเู้ รอ่ื งการสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชน และหน่วยงานของรัฐมีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมากที่สุด ดา้ นการปราบปรามการทจุ รติ พบวา่ มกี ารรบั รเู้ รอ่ื งแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ รวบรวมพยาน และเขา้ ตรวจสอบ สถานที่เกิดเหตุ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระท�ำผิดจนน�ำไปสู่การด�ำเนินคดี โดยไต่สวนและเร่ือง มีความเห็น และเร่ืองวินิจฉัยผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีของรัฐที่ทุจริต

68 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 14 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2564) ต่อหนา้ ทีม่ ากท่สี ุด ดา้ นตรวจสอบทรัพย์สินและหนส้ี ิน พบวา่ มกี ารรบั ร้เู ร่ืองเปิดเผยผลการตรวจสอบ บัญชีส�ำหรับต�ำแหน่งท่ีกฎหมายก�ำหนด และด้านการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ พบว่า มกี ารรบั รเู้ รอ่ื งประสานความรว่ มมอื กบั นานาประเทศในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ในการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ เมื่อวิเคราะห์การเปรียบเทียบลักษณะประชากรกับการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า ลักษณะทางประชากรที่ต่างกัน มีผลต่อการรับรู้ภาพลักษณ์ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนกั งาน ป.ป.ช. แตกตา่ งกัน ซ่งึ เมื่อพบว่า ขา้ ราชการและลกู จา้ งของ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ทมี่ เี พศแตกตา่ งกนั จะมกี ารรบั รภู้ าพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. ตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั ส�ำคญั ทางสถิติท่ีระดับ 0.01 ข้าราชการและลูกจ้างของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่ีมีอายุแตกต่างกัน มีการรับรู้ ภาพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. ตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั ส�ำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั 0.05 และเมอื่ ท�ำการเปรยี บเทยี บ เป็นรายคู่ พบว่า ผู้ที่มีอายุ 25 - 35 ปี มีการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. น้อยกว่าผู้ท่ีมีอายุ 46 - 55 ปี อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยมีผลต่างของค่าเฉล่ีย เท่ากับ -0.267 และผู้ที่มีอายุ 36 - 45 ปี มีการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. น้อยกว่าผู้ท่ีมีอายุ 46 - 55 ปี อย่างมนี ัยส�ำคญั ทางสถิตทิ ี่ระดบั 0.05 โดยมผี ลตา่ งของคา่ เฉลย่ี เท่ากับ -0.337 ข้าราชการและลูกจ้างของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่ีมีระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีการรับรู้ ภาพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. ตา่ งกนั อยา่ งมนี ยั ส�ำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดบั 0.01 จากนนั้ ไดท้ �ำการเปรยี บเทยี บ เปน็ รายคู่ พบวา่ ผูท้ ีม่ ีการศกึ ษา ปวส./อนปุ รญิ ญามีการรับร้ภู าพลกั ษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. น้อยกวา่ ผู้ท่ีมีการศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาเอก อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยมีผล ต่างของคา่ เฉลย่ี เท่ากบั -0.685 และ -1.571 ตามล�ำดบั ผ้ทู ม่ี ีการศกึ ษาระดบั ปริญญาตรีมีการรับรู้ ภาพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. มากกวา่ ผทู้ ม่ี กี ารศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโท อยา่ งมนี ยั ส�ำคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั 0.05 โดยมผี ลตา่ งของคา่ เฉลยี่ เทา่ กบั 0.277 และผทู้ ม่ี กี ารศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาโทมกี ารรบั รภู้ าพลกั ษณ์ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. นอ้ ยกวา่ ผทู้ มี่ กี ารศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาเอก อยา่ งมนี ยั ส�ำคญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั 0.05 โดย มผี ลต่างของค่าเฉลีย่ เท่ากบั -1.162 ขา้ ราชการและลูกจา้ งของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ทม่ี ีระดบั ต�ำแหน่งแตกตา่ งกนั มีการรบั รภู้ าพลกั ษณ์ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ต่างกัน อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 จากนั้นได้ท�ำการเปรียบเทียบ เป็นรายคู่ พบว่า ผู้ท่ีมีต�ำแหน่งระดับ 1 - 3 มีการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. น้อยกว่า ผ้ทู ่มี ีต�ำแหน่งลกู จ้างอย่างมนี ยั ส�ำคัญทางสถิติท่ีระดบั 0.05 โดยมีผลตา่ งของคา่ เฉลยี่ เทา่ กบั -0.720 ผทู้ ม่ี ตี �ำแหน่งระดบั 4 - 6 มกี ารรับรู้ภาพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. นอ้ ยกว่าผู้ทีม่ ตี �ำแหนง่ ระดับ 7 ขึน้ ไป และต�ำแหน่งลกู จ้าง อย่างมีนัยส�ำคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดบั 0.05 โดยมีผลตา่ งของคา่ เฉลี่ย เท่ากับ -0.182 และ -0.619 ตามล�ำดับ และผู้ที่มีต�ำแหน่งระดับ 7 ขึ้นไป มีการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. น้อยกว่าผู้ที่มีต�ำแหน่งลูกจ้าง อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยมีผลต่างของค่าเฉลี่ย เทา่ กบั -0.437 ข้าราชการและลูกจ้างของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ท่มี ีรายไดต้ ่อเดือนแตกต่างกัน มกี ารรบั รู้ ภาพลักษณส์ �ำนักงาน ป.ป.ช. ไมต่ ่างกนั

การรบั ร้ขู องบคุ ลากรตอ่ ภาพลกั ษณข์ องส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกัน 69 และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรบั ส่ือประชาสัมพนั ธ์กับการรับรู้ภาพลกั ษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวกระดับต�่ำอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติ ที่ 0.01 กล่าวคอื เมอื่ บคุ ลากรมกี ารเปิดรบั สื่อประชาสัมพันธม์ ากขน้ึ เทา่ ไหร่จะมกี ารรับรภู้ าพลกั ษณ์ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพ่ิมมากข้นึ เทา่ นัน้ ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจต่อส่ือประชาสัมพันธ์กับการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า มีความสัมพันธ์ทางบวกระดับต�่ำอย่างมีนัยส�ำคัญ ทางสถิตทิ ่ี 0.01 กลา่ วคอื เมอื่ บุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีความพึงพอใจตอ่ สอื่ ประชาสมั พนั ธม์ ากข้ึน เท่าไหร่จะมีการรบั รูภ้ าพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. เพ่ิมมากขึ้นเทา่ น้นั 9. การอภปิ รายผล 9.1 ลักษณะทางประชากรที่ต่างกัน มีผลต่อการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบคุ ลากรส�ำนกั งาน ป.ป.ช. แตกต่างกนั โดยพบว่า บุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. ทีม่ เี พศ อายุ ระดบั การศึกษา และต�ำแหน่งทีต่ า่ งกนั มีการรับรู้ภาพลักษณส์ �ำนักงาน ป.ป.ช. แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั ส�ำคญั ทางสถิติที่ระดับ 0.01 ซึ่งอายุเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีท�ำให้คนมีความแตกต่างกันทั้งในเร่ืองของความคิด ความเช่ือและพฤติกรรม โดยปกติทั่วไปคนที่มีอายุน้อยจะมีความคิดเสรีนิยมและยึดถืออุดมการณ์ มองโลกในแง่ดีมากกว่าคนที่มีอายุมาก คนท่ีมีอายุมากข้ึนมักจะมีโอกาสเปลี่ยนใจหรือถูกโน้มน้าวใจ น้อยลง อาจมีสาเหตมุ าจากคนท่ตี ่างรุ่นตา่ งวยั จะมีประสบการณช์ วี ติ ที่แตกต่างกนั ในสว่ นของเพศน้นั ผู้หญิงและผู้ชายมีความแตกต่างกันอย่างมากในเร่ืองของความคิด ค่านิยม และทัศนคติ ทั้งน้ี วัฒนธรรมและสังคมยังเป็นตัวก�ำหนดบทบาทและกิจกรรมของแต่ละเพศไว้แตกต่างกัน การศึกษา คนที่ได้รับการศึกษาในระดับที่แตกต่างกัน ย่อมมีความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม ความสนใจ มีพฤติกรรม และความต้องการท่แี ตกตา่ งกัน คนทีม่ ีการศกึ ษาที่ดีหรือการศกึ ษาทส่ี งู จะได้เปรยี บมากกว่า สามารถ เข้าใจเนื้อหาสารได้เป็นอย่างดี สถานะทางสังคมในที่น้ีคือ ระดับต�ำแหน่ง ซึ่งเป็นปัจจัยท่ีท�ำให้คน มวี ัฒนธรรมทแ่ี ตกต่างกนั มีประสบการณ์ ทัศนคติ คา่ นยิ มและพฤติกรรมทแ่ี ตกตา่ งกนั 9.2 การเปดิ รบั สอ่ื ประชาสมั พนั ธม์ คี วามสมั พนั ธท์ างบวกกบั การรบั รภู้ าพลกั ษณส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติท่ี 0.01 โดยสื่อประชาสัมพันธ์ ที่เปิดรับมากท่ีสุด 3 อันดับ ได้แก่ อันดับท่ี 1 สื่ออินเทอร์เน็ต ร้อยละ 85.80 อันดับที่ 2 เว็บไซต์ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. (www.nacc.go.th) รอ้ ยละ 83.80 และอนั ดบั ที่ 3 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ร้อยละ 62.10 และความถใ่ี นการเปดิ รบั สอ่ื ประชาสมั พนั ธข์ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ไดแ้ ก่ อนิ ทราเนต็ portal.nacc.go.th รองลงมาคือ เวบ็ ไซตส์ �ำนกั งาน ป.ป.ช. (www.nacc.go.th) และ Facebook ส�ำนักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (@naccthailand) ซ่ึงจากผลการวิจัยความสัมพันธ์ ระหว่างการเปิดรับสื่อประชาสัมพันธ์และการรับรู้ภาพลักษณ์ของบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า เมื่อบคุ ลากรส�ำนกั งาน ป.ป.ช. มกี ารเปดิ รับสอ่ื ประชาสัมพนั ธม์ ากข้ึนเท่าไหร่ จะมกี ารรับรภู้ าพลกั ษณ์

70 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2564) ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เน่ืองจากสื่ออินเทอร์เน็ตเป็นสื่อสมัยใหม่ (Modern Media) เป็นท่ีนิยมใช้กันในยุคสังคมข่าวสาร ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจ�ำวัน เป็นอย่างมาก ท้ังในด้านสังคมและในหน้าที่การท�ำงานอาชีพต่าง ๆ เพ่ือการติดต่อส่ือสาร เป็นสื่อ ทีส่ ามารถเข้าถึงได้งา่ ยท่สี ุด ท�ำใหอ้ งคก์ รต่าง ๆ น�ำมาใชใ้ นการส่อื สารกบั กลมุ่ เปา้ หมาย และค่อนขา้ ง เป็นสอ่ื ทท่ี รงพลังในยุคปจั จบุ นั 9.3 ความพึงพอใจต่อสื่อประชาสัมพันธ์มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการรับรู้ภาพลักษณ์ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ของบคุ ลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. อย่างมนี ัยส�ำคญั ทางสถติ ิท่ี 0.01 โดยผลการศกึ ษา ยังพบว่า เม่ือบุคลากรส�ำนักงาน ป.ป.ช. มีความพึงพอใจต่อสื่อประชาสัมพันธ์เพ่ิมขึ้นจะส่งผล ให้มีการรับรู้ภาพลักษณ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพ่ิมมากข้ึนตามไปด้วย นอกจากน้ันยังพบว่า บุคลากร ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. มคี วามพงึ พอใจต่อสื่อประชาสมั พันธ์ส�ำนักงาน ป.ป.ช. โดยรวมอยใู่ นระดับมาก โดยมีความพึงพอใจต่อส่ืออินเทอร์เน็ตมากที่สุด เพราะสื่อมีความสะดวก รวดเร็ว ในการหาข้อมูล มีความทันสมัย และมีความถูกต้อง ชัดเจนในการให้ข้อมูลข่าวสาร สอดคล้องกับแนวคิดของ พนารตั น์ เสรที วกี ลุ (2551) ทไี่ ดก้ ลา่ วถงึ ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ การเลอื กเปดิ รบั ขา่ วสาร คอื ปจั จยั ในดา้ นตวั สอ่ื ผู้รับสารจะเลือกเปิดรับสื่อที่สามารถจัดหามาได้ (Availability) ผู้รับสารจะเลือกสื่อท่ีไม่ต้องใช้ ความพยายามมาก เพราะสื่ออนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ สอ่ื ท่สี ามารถเข้าถงึ ได้ทกุ ทท่ี ุกเวลา ผ้รู บั สารเลือกเปิดรบั ส่ือทส่ี อดคล้องกบั ตน (Consistency) ผู้รบั สารจะเลือกสือ่ ท่สี อดคล้อง กับความรู้ ค่านิยม ความเช่ือ และทัศนคติของตน เนื่องจากปัจจุบันสื่ออินเทอร์เน็ตเป็นส่ือที่ได้รับ ความนิยมอยา่ งมากและเข้าถึงผู้รบั สารไดใ้ นวงกวา้ งมากกว่าสือ่ อ่นื ๆ ผรู้ บั สารเลอื กเปดิ รบั สอื่ ทต่ี นเองสะดวกและนยิ ม (Convenience) ซง่ึ แตล่ ะคนจะมพี ฤตกิ รรม การเปดิ รบั สอื่ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ขนึ้ อยกู่ บั ความสะดวกของตนเอง ในปจั จบุ นั สอ่ื อนิ เทอรเ์ นต็ มคี วามสะดวก อยา่ งมากต่อการใชง้ านและมีผู้นยิ มใชจ้ �ำนวนมาก 10. ขอ้ เสนอแนะ 10.1 การวิจัยครั้งน้ีเป็นการวิจัยเชิงส�ำรวจ โดยใช้แบบสอบถามวัดผลเพียงอย่างเดียว ดังน้ัน การวิจัย ควรมีการวิจัยในเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเพ่ือท�ำการศึกษา ถึงรายละเอียดเก่ียวกับการรับรู้ภาพลักษณ์ของข้าราชการและลูกจ้างของส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพ่ือให้ ไดข้ ้อมลู เชิงลกึ มากขึน้ 10.2 ควรมีการศึกษาในเชิงลึกเกี่ยวกับการเปิดรับสื่อประชาสัมพันธ์ของข้าราชการ และลกู จ้างส�ำนักงาน ป.ป.ช. แยกตามส่ือ เชน่ ส่ืออนิ เทอร์เน็ต สอื่ วิทยกุ ระจายเสยี ง สื่อบคุ คล และ สือ่ สิ่งพมิ พ์ เพือ่ ใหน้ �ำผลการศึกษาไปใชใ้ นการพัฒนาสอ่ื ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ตอ่ ไป

การรบั รขู้ องบคุ ลากรต่อภาพลกั ษณข์ องสำ� นกั งานคณะกรรมการปอ้ งกัน 71 และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ 10.3 งานวจิ ยั ครง้ั นเ้ี ปน็ การศกึ ษาความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การรบั รขู้ องบคุ ลากรตอ่ ภาพลกั ษณ์ ของส�ำนกั งานป.ป.ช.ในการวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไปควรศกึ ษาความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ภาพลกั ษณข์ องส�ำนกั งานป.ป.ช. ในทศั นะของประชาชนทั่วไปเพ่อื พัฒนาสื่อของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ใหเ้ ขา้ ถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด 10.4 ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ควรมีแนวทางในการด�ำเนินการรูปแบบส่ือประชาสัมพันธ์ ให้มีความทันสมัย มีการน�ำเสนอเน้ือหาให้เข้าใจง่าย น่าติดตาม เพื่อท่ีจะท�ำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจ ได้อยา่ งรวดเรว็ และสามารถน�ำไปเผยแพร่ตอ่ ได้ในวงกวา้ ง เอกสารอา้ งอิง กติ มิ า สุรสนธิ. (2541). ความรูท้ างการส่ือสาร. มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์. กิตาววี ศุภผลศิริ. (2560). “ภาพลักษณ์โรงพยาบาลเอกชนนั้นน�ำและความภักดีของผู้ใช้บริการ” [วิทยานิพนธป์ ริญญามหาบณั ฑิต]. จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ตราจติ ต์ เมอื งคลา้ ย. (2556). ภาพลกั ษณข์ องมหาวทิ ยาลยั บรู พาตามทศั นะของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษา ปที ี่ 6 โรงเรยี นสาธติ “พบิ ลู บำ� เพญ็ ” [วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบณั ฑติ ]. มหาวทิ ยาลยั บรู พา. พรพิพย์ พิมลสินธุ์. (2551). การวิจัยเพื่อการประชาสัมพันธ์ (พิมพ์คร้ังท่ี 6 ฉบับแก้ไขปรับปรุง). โฟรพ์ รน้ิ ตงิ้ . รงุ่ นภา พติ รปรชี า. (2557). ตวั ชว้ี ดั ชอ่ื เสยี งของธรุ กจิ เอกชนในประเทศไทยศกึ ษาเปรยี บเทยี บการรบั รู้ ของกลมุ่ ผ้มู สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี . จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วชิ ดุ า จรญู รตั นกลุ . (2555).“การรบั รภู้ าพลกั ษณบ์ รษิ ทั กรงุ เทพประกนั ภยั จำ� กดั (มหาชน)ของประชาชน ในเขตกรุงเทพมหานคร” [วิทยานิพนธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต]. มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. ศุภกิจ ภาวิไล และคณะ. (2560). “ภาพลักษณ์กระทรวงกลาโหมในทัศนคติของบุคลากร สังกัด ส�ำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหมในเขตกรุงเทพมหานคร”. วารสารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ , 13(2), 1-14. สตมิ า ศรนี คร. (2552). “ภาพลกั ษณก์ ระทรวงเกษตรและสหกรณใ์ นการรบั รขู้ องขา้ ราชการ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์” [วิทยานิพนธ์ปรญิ ญามหาบณั ฑิต]. มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร.์ Klapper, J. T. (1960). The Effects of Coomunication. Free Press.

72 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 14 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2564) การทจุ ริตในระดับพน้ื ท่ี : กรณเี ขตพน้ื ท่ใี นความรบั ผิดชอบของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5* Area-based corruption: case study of area under the responsibility of NACC Regional Office 5 ศริ ินนั ท์ วฒั นศริ ิธรรมI Sirinan WattanasirithamI บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสถานการณ์การทุจริต รูปแบบและลักษณะ ของการทุจรติ ท่ีเกิดขน้ึ ในเขตพน้ื ท่คี วามรบั ผิดชอบของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และจังหวดั ในภาค 5 (2) เพ่ือวิเคราะห์ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการทุจริต และวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของการปฏิบัติงานของ ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และจงั หวดั ในภาค 5 และ (3) เพอ่ื จดั ท�ำขอ้ เสนอแนะหรอื แนวทางการปอ้ งกนั การทุจริตในพ้ืนที่ของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และจังหวดั ในภาค 5 โดยเปน็ การวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการศกึ ษาพบวา่ สถานการณก์ ารทจุ รติ มแี นวโนม้ ทจี่ ะเพมิ่ ขน้ึ โดยเฉพาะในปงี บประมาณ พ.ศ. 2562 ทม่ี จี �ำนวนเรอื่ งรอ้ งเรยี นเขา้ มายงั ส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ในภาค 5 เพิ่มข้ึนจากก่อนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มผี ลใช้บงั คับ โดยปัจจยั ทก่ี ่อใหเ้ กดิ การทุจริตใน 2 รูปแบบการทจุ รติ ที่เกิดข้ึน มากท่ีสุด พบว่า ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการทุจริตในงานจัดซื้อจัดจ้างเกิดจากปัจจัยภายในตัวบุคคล ได้แก่ ความไม่ซื่อสัตย์สุจริต และความโลภ รวมถึงปัจจัยด้านการเมืองท่ีอาจเกิดจากการถูกผู้บริหาร ท้องถ่ินส่ังการให้ด�ำเนินการ งานวจิ ยั นมี้ ขี อ้ เสนอแนะหรอื แนวทางการปอ้ งกนั การทจุ รติ ในพน้ื ทขี่ องส�ำนกั งานป.ป.ช.ภาค5 และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในภาค 5 ในส่วนของการทุจริตในงานจัดซ้ือจัดจ้าง ควรเน้น การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงการด�ำเนินการของหน่วยงานตรวจสอบต้องมีความรวดเร็ว และควรเนน้ การตรวจสอบเชงิ รกุ ในพนื้ ท่ี ค�ำสำ� คัญ: การทุจรติ ในระดับพ้ืนที่ เขตพนื้ ท่ีในความรบั ผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 รปู แบบ และลักษณะของการทุจริต * บทความนเี้ ป็นสว่ นหน่ึงของการวิจยั เร่อื ง “การทุจริตในระดับพื้นท:ี่ กรณีเขตพืน้ ท่ใี นความรับผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5” ส�ำนกั วจิ ยั และบริการวชิ าการด้านการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริต I นกั วจิ ยั สงั คมศาสตรช์ �ำนาญการพเิ ศษ ส�ำนกั วจิ ยั และบรกิ ารวชิ าการดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ส�ำนกั งานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ, อีเมล: [email protected] I Social Science Researcher Senior Professional Level, Bureau of Anti-Corruption Research and Academic Services, Office of the National Anti-Corruption Commission, E-mail: [email protected] ได้รบั บทความ 2 เมษายน 2564 แก้ไขปรบั ปรุง 20 พฤษภาคม 2564 อนุมัตใิ หต้ ีพมิ พ์ 25 พฤษภาคม 2564

การทจุ ริตในระดบั พ้นื ที่ : กรณเี ขตพนื้ ท่ีในความรบั ผิดชอบของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 73 Abstract The research objectives (1) to study the situation of corruption, schemes and types of corruption in the area under the responsibility of NACC Regional Office 5 and its provincial offices (2) to analyse triggering factors to corruption and analyse strengths and weaknesses of the operation of NACC Regional Office 5 and its provincial offices (3) to provide recommendations and guidelines on approaches to prevent corruption in NACC Regional Office 5 and its provincial offices. Upon considering the complaints brought in, which may reflect to a certain level on the situation, combined with the interviews conducted, the situation of corruption in the area base of NACC Regional Office 5 tends to increase, particularly in the fiscal year of 2562 in which the complaints filed to NACC Regional Office 5 and its provincial offices have increased from the period prior to the promulgation of the Organic Act. For the triggering factors to the most common 2 forms of corruption, the main identified factors which contribute to corruption in public procurement is personal perspective namely dishonesty together with greed, and the political aspect where intervention may be done by local administrator or local politician in case of the existing connection between one another. As for important policy recommendations for NACC Regional Office 5 and its provincial offices, a continuous and a fast process of inquiry and decision making is recommended. Both theoretical and practice intensive trainings for assistant inquiry officers and newly recruited officers are also important prior to the commencement of their duties. Keywords: Area-based, area base of the NACC Regional Office 5, schemes and types of corruption

74 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) 1. บทนำ� ปญั หาการทจุ รติ เปน็ ปญั หาส�ำคญั ของประเทศชาติ ซง่ึ ในชว่ งหลงั ถกู น�ำไปบรรจเุ ปน็ วาระแหง่ ชาติ ในทุกระดับของยุทธศาสตร์และแผนการพัฒนาระดับต่าง ๆ ได้แก่ แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนแมบ่ ท แผนปฏริ ปู ประเทศ แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) และยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) ในสว่ นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซงึ่ เปน็ องคก์ รอสิ ระตน้ นำ�้ ในการรบั เรอ่ื งรอ้ งเรยี น กล่าวหาการทุจริตและประพฤตมิ ชิ อบของเจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐ โดยท่กี ฎหมายหลกั ของประเทศ อนั ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 ได้ก�ำหนดให้มีการจัดต้ังส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัด เพ่ือให้การด�ำเนินการด้านการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตสามารถเข้าถึงปัญหาและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ทม่ี กี ารประกาศใชเ้ มอื่ วนั ที่21กรกฎาคม2561ยงั ก�ำหนดใหม้ สี �ำนกั งานป.ป.ช.ภาคเพอื่ ใหม้ คี วามตอ่ เนอ่ื ง ในการด�ำเนินการแก้ไขปัญหาการทุจรติ ในพน้ื ที่ โดยในปจั จบุ ันมสี �ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค จ�ำนวน 9 แห่ง ซงึ่ ในแตล่ ะภาคจะมสี �ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ทอี่ ยใู่ นความรบั ผดิ ชอบ เพอ่ื ขบั เคลอ่ื นการตอ่ ตา้ น การทุจริตในพื้นท่ีให้บรรลุผลส�ำเร็จ ซึ่งในการด�ำเนินการแก้ไขปัญหาการทุจริตในพ้ืนท่ีให้ได้ผล มีความจ�ำเป็นต้องทราบถึงบริบทที่เก่ียวข้องท่ีเป็นสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงที่เป็นโอกาสให้เกิดการทุจริต ในพ้ืนท่ีน้ัน ๆ มาเป็นฐานในการวางแผนและก�ำหนดทิศทางของการป้องกันการทุจริตเพื่อยับยั้ง การทุจริตในพื้นที่ ในการศึกษาวิจัยน้ี ส�ำนักวิจัยและบริการวิชาการด้านการป้องกันและปราบปราม การทุจริตได้เลือกพ้ืนที่ท่ีท�ำการศึกษา โดยพิจารณาจากข้อมูลสถิติคดีท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูล ความผิดมากท่ีสุดในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2562 จ�ำแนกตามเขตพื้นที่ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค พบว่า ณ วนั ที่ 22 สงิ หาคม 2562 มีจ�ำนวนท้งั สน้ิ 482 คดี โดยเขตพืน้ ทข่ี องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 (ประกอบด้วย ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวัด 8 แหง่ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ล�ำปาง และล�ำพูน) มีคดีชี้มูล ความผิดมากที่สุด นอกจากนี้ในพ้ืนที่ดังกล่าวยังมีความส�ำคัญในด้านการท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจ ด้านทรพั ยากรธรรมชาติ ซง่ึ อาจเปน็ ช่องทางให้เกดิ การทุจรติ หรอื มีการแสวงหาผลประโยชน์ต่าง ๆ ได้ 2. วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา 2.1 เพ่ือศึกษาสถานการณ์การทุจริต รูปแบบ และลักษณะของการทุจริตที่เกิดข้ึน ในเขตพ้นื ทีร่ ับผดิ ชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และจงั หวัดในภาค 5 2.2 เพอ่ื วเิ คราะหป์ จั จยั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ และวเิ คราะหจ์ ดุ ออ่ นจดุ แขง็ ของการปฏบิ ตั งิ าน ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และจังหวดั ในภาค 5

การทุจริตในระดับพน้ื ที่ : กรณเี ขตพน้ื ท่ใี นความรบั ผดิ ชอบของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 75 2.3 เพอ่ื จดั ท�ำขอ้ เสนอแนะหรอื แนวทางการปอ้ งกนั การทจุ รติ ในพน้ื ทขี่ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และจังหวดั ในภาค 5 3. นิยามศพั ท์ 3.1 การทจุ รติ อา้ งองิ ตามนยิ ามของค�ำวา่ “ทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท”่ี ตามพระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ รัฐธรรมนูญวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต พ.ศ. 2561 หมายถงึ การปฏบิ ตั หิ รอื ละเวน้ การปฏิบัติอย่างใดในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ ที่อาจท�ำให้ผู้อ่ืนเชื่อว่ามีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ี ท้ังที่ตนมิได้มีต�ำแหน่งหรือหน้าท่ีน้ัน หรือใช้อ�ำนาจ ในต�ำแหน่งหรือหน้าที่ ท้ังนี้ เพ่ือแสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรได้โดยชอบส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรอื กระท�ำการอนั เปน็ ความผดิ ตอ่ ต�ำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการหรอื ความผดิ ตอ่ ต�ำแหนง่ หนา้ ทใี่ นการยตุ ธิ รรม ตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามกฎหมายอืน่ 3.2 รูปแบบของการทุจริต หมายถึง การทุจริตท่ีเกิดข้ึนตามลักษณะของงานท่ีเจ้าหน้าที่ ของรฐั ปฏบิ ตั ใิ นพน้ื ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 ซง่ึ สามารถจ�ำแนกไดเ้ ปน็ 5 รปู แบบ ได้แก่ การทุจริตในงานจัดซ้ือจัดจ้าง การทุจริตในงานการเงินและบัญชี การทุจริตในงานบริการ และการบังคับใช้กฎหมาย การทุจริตในงานบริหารงานบุคคล และการทุจริตในงานภาษีอากรและ การจดั เก็บรายไดอ้ ่ืน ๆ 3.3 ลักษณะของการทุจริต หมายถึง พฤติกรรมการกระท�ำการทุจริตท่ีเกิดข้ึนในรูปแบบ ของการทจุ ริตในพนื้ ท่ภี าค 5 3.4 ปจั จยั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ หมายถงึ สาเหตทุ เี่ ปน็ แรงจงู ใจหรอื สง่ิ ทเี่ ออ้ื อ�ำนวยใหบ้ คุ คล ตัดสนิ ใจกระท�ำการทจุ ริต 4. การทบทวนวรรณกรรม คณะผวู้ จิ ยั ไดม้ กี ารทบทวนวรรณกรรมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การศกึ ษาวจิ ยั การทจุ รติ ในระดบั พนื้ ที่ : กรณีเขตพนื้ ทใ่ี นความรบั ผดิ ชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 ดงั นี้ 4.1 รูปแบบของการทจุ รติ การทจุ รติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ มหี ลากหลายรปู แบบ ซงึ่ การก�ำหนดหรอื จ�ำแนกการทจุ รติ มาเปน็ รปู แบบ ตา่ ง ๆ นนั้ นกั วชิ าการไดม้ กี ารพจิ ารณาการแบง่ แยกรปู แบบการทจุ รติ โดยอาศยั หลกั เกณฑท์ แี่ ตกตา่ งกนั สรุปไดด้ ังนี้ (1) วิธีการได้มาซึ่งทรัพย์หรือผลประโยชน์ โดย อุดม รัฐอมฤต (2546) ได้แบ่ง รปู แบบการทจุ ริตโดยอาศยั เกณฑน์ ี้ออกเป็น (1) การให้สินบน (2) การเรียกรับสินบน (3) การยักยอก และ (4) การฉ้อโกงดว้ ยวิธอี ยา่ งอ่นื เช่น ให้สิทธพิ ิเศษกับบริษทั ญาติพน่ี ้อง หรือเพ่อื นฝูง ในการท�ำ การค้ากับส่วนราชการที่ตนเองเปน็ ผรู้ ับผิดชอบ

76 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 14 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) (2) จำ� นวนทนุ ทรพั ยท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งในการกระทำ� ทจุ รติ โดย ธรี ภทั ร์ เสรรี งั สรรค์ (2549) ได้จ�ำแนกรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันออกเป็น (1) การคอร์รัปชันขนาดใหญ่ (Grand Corruption) ซึ่งเป็นการคอร์รัปชันท่ีมีขนาดของวงเงินจ�ำนวนมาก และ (2) การคอร์รัปชันขนาดย่อย (Petty Corruption) ซ่ึงเปน็ การคอร์รปั ชันทม่ี ีขนาดของเงินเลก็ นอ้ ย หรอื มวี งเงินรวมน้อย (3) ระดบั ความรสู้ กึ ของสงั คม โดย Heidenheimer (อา้ งถงึ ใน อดุ ม รฐั อมฤต, 2546) ได้จ�ำแนกรูปแบบการทุจริตออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ (1) คอร์รัปชันด�ำ (Black Corruption) ไดแ้ ก่ การทุจรติ ทที่ ง้ั ประชาชนและผูน้ �ำของสังคมเหน็ ว่าเป็นความผิด และควรไดร้ ับโทษตามกฎหมาย (2) คอร์รัปชันเทา (Grey Corruption) ได้แก่ การทุจรติ ท่ีในหมู่ผนู้ �ำเหน็ วา่ เป็นความผิด แต่ประชาชน โดยทั่วไปยังไม่แน่ใจว่าเป็นความผิดหรือไม่ เช่น การให้เงินใต้โต๊ะเพ่ือให้ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติหน้าท่ี หรอื เพือ่ เร่งรดั งานให้เรว็ ขน้ึ เป็นต้น และ (3) คอร์รปั ชันขาว (White Corruption) ไดแ้ ก่ การทจุ รติ ทปี่ ระชาชนโดยทวั่ ไปและผู้น�ำในสังคมพอยอมรบั ได้ เน่ืองจากอิงกบั ธรรมเนียมประเพณี เชน่ การให้ ประเภทสินน้�ำใจในโอกาสพเิ ศษ โดยมิไดม้ กี ารเรียกรอ้ ง (4) ลักษณะของงานท่ีเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ เป็นการแบ่งโดยยึดลักษณะของงาน ทป่ี ฏบิ ตั ใิ นหนว่ ยงานของรฐั เปน็ ตวั ตง้ั ซง่ึ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั เปน็ ผมู้ อี �ำนาจกระท�ำการตา่ ง ๆ ตามภารกจิ งาน ท่ีได้รับมอบหมาย โดยนิพนธ์ พัวพงศกร และคณะ (2543) ได้แบ่งการทุจริตตามลักษณะของงาน ทป่ี ฏบิ ตั ิ ไดแ้ ก่ (1) การทจุ รติ ของเจา้ หนา้ ทท่ี ม่ี หี นา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบดา้ นการเงนิ และการบญั ชี (2) การทจุ รติ เกย่ี วกบั การจดั ซอ้ื จดั จา้ ง และ (3) การแสวงหาผลประโยชนจ์ ากงานใหบ้ รกิ ารประชาชน งานตรวจสอบ หรือควบคุมงานที่เกี่ยวกับความยุติธรรม นอกจากน้ี อรุณ หมื่นวงศ์ (2557) ได้ท�ำการศึกษา เร่ืองมาตรการทางกฎหมายในการต่อต้านการทุจริตของภาครัฐ โดยมีการศึกษาการจ�ำแนกการทุจริต ของภาครฐั ตามแนวคดิ ของอุดม รัฐอมฤต (2546) พรอ้ มน�ำเสนอรปู แบบการทจุ ริตท่ีแบ่งตามลกั ษณะ งานทีป่ ฏบิ ตั อิ อกเป็น 5 รปู แบบ ไดแ้ ก่ (1) การทจุ รติ ในงานจัดซอื้ จัดจ้าง (2) การทจุ ริตในงานการเงนิ และบัญชี (3) การทุจรติ ในงานบริการและการบังคบั ใชก้ ฎหมาย (4) การทจุ รติ ในงานบริหารงานบุคคล และ (5) การทจุ ริตในงานภาษอี ากรและการจัดเก็บรายได้อ่ืน ๆ (5) ผเู้ กยี่ วขอ้ ง เปน็ การแบง่ รปู แบบการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั ในเชงิ อ�ำนาจและความสมั พนั ธ์ แบบอปุ ถมั ภร์ ะหวา่ งตวั แสดง (Actors) ตา่ ง ๆ ในกระบวนการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั (ส�ำนกั งานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาต,ิ ม.ป.ป.) โดยมกี ารแบง่ เปน็ 2 ประเภท (สมคิด เลิศไพฑูรย์ และคณะ, 2555) คือ (1) การทุจรติ โดยข้าราชการ (Administrative or Bureaucratic Corruption) หมายถึง การกระท�ำที่มีการใช้หน่วยงานราชการเพ่ือมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเงินท่ีเป็นไป ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้น ๆ มากกว่าประโยชน์สาธารณะ และ (2) การทุจริตโดยนักการเมือง (Political Corruption) เป็นการใช้หน่วยงานทางราชการ โดยบรรดานักการเมืองเพื่อมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ในทางการเงินมากกว่าประโยชน์สาธารณะ อีกท้ัง สนุ ทรี เนยี มณรงค์ (2552) ไดแ้ บง่ การคอรร์ ปั ชนั ทเ่ี กดิ ขนึ้ ในองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ตามผเู้ กยี่ วขอ้ ง ออกเปน็ 2 ระดับ คือ ระดบั ปฏบิ ตั ิการ และระดับการบรหิ าร

การทุจรติ ในระดับพน้ื ท่ี : กรณีเขตพ้นื ท่ใี นความรับผดิ ชอบของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 77 ดังนั้น ในการวิจัยน้ี คณะผู้วิจัยก�ำหนดนิยามของค�ำว่า “รูปแบบของการทุจริต” โดยยึด การจ�ำแนกตามลักษณะของงานที่เจ้าหน้าท่ีของรัฐปฏิบัติ หมายถึง การทุจริตท่ีเกิดข้ึนตามลักษณะ ของงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติในพื้นท่ีความรับผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 ซึ่งสามารถ จ�ำแนกไดเ้ ปน็ 5 รปู แบบ ไดแ้ ก่ (1) การทจุ รติ ในงานจดั ซอ้ื จดั จา้ ง (2) การทจุ รติ ในงานการเงนิ และบญั ชี (3) การทุจริตในงานบริการและการบังคับใช้กฎหมาย (4) การทุจริตในงานบริหารงานบุคคล และ (5) การทุจริตในงานภาษีอากรและการจัดเก็บรายได้อืน่ ๆ และก�ำหนดนยิ ามของค�ำวา่ “ลกั ษณะของ การทุจริต” หมายถึง พฤตกิ รรมการกระท�ำการทุจริตท่เี กิดข้นึ ในรูปแบบของการทจุ ริตในพน้ื ทภ่ี าค 5 4.2 ปจั จัยที่ก่อใหเ้ กดิ การทจุ ริต ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการทุจริตมีหลายประการ โดยสามารถสรุปแยกพิจารณาได้เป็น 2 ปัจจัยหลกั ได้แก่ (1) ปัจจัยภายในตัวบุคคล มีนักวิชาการหลายท่านได้อธิบายสาเหตุของการทุจริต อันเป็นปัจจัยท่ีมาจากตัวผู้กระท�ำผิดเอง ซึ่งเป็นเรื่องภายในจิตใจ เช่น มาตาลักษณ์ ออรุ่งโรจน์ และคณะ (2551) ท่ีเห็นว่า การทุจริตเกิดจากปัจจัยส่วนบุคคล ซ่ึงหากมีความต้องการอ�ำนาจ มีความโลภ และการไม่รู้จักความเพียงพอ เม่ือประกอบกับการขาดความซื่อสัตย์ ย่อมน�ำไปสู่การใช้ อ�ำนาจหนา้ ทแ่ี สวงหาประโยชนท์ ี่มิควรไดโ้ ดยชอบด้วยกฎหมายในทกุ รูปแบบ เปน็ ตน้ (2) ปจั จัยภายนอก มนี กั วชิ าการหลายท่านอธบิ ายสาเหตขุ องการทจุ ริต อาจเกิดจาก มลู เหตจุ งู ใจภายนอกหรอื สงิ่ แวดล้อมของตวั ผู้กระท�ำ ซึง่ สามารถแยกย่อยเป็นหลายดา้ น ไดแ้ ก่ (2.1) ปจั จยั ดา้ นเศรษฐกจิ โดยสธุ ี อากาศฤกษ์(2545)เหน็ วา่ หากรายได้เงนิ เดอื น หรอื คา่ จา้ งไมเ่ พยี งพอ ขา้ ราชการหรอื พนกั งานของรฐั อาจกระท�ำการทจุ รติ เพอื่ การครองชพี ของตนเอง และครอบครัวได้ สอดคล้องกับ มาตาลักษณ์ ออรุ่งโรจน์ และคณะ (2551) ท่ีเห็นว่า การก�ำหนด คา่ ตอบแทนในภาครฐั ทตี่ ำ่� เกนิ ไปและไมเ่ หมาะสมกบั ภาระงาน ยอ่ มน�ำไปสชู่ อ่ งทางการทจุ รติ ไดโ้ ดยงา่ ย (2.2) ปจั จัยดา้ นสงั คม โดย อุดม รฐั อมฤต (2546) ไดร้ ะบถุ งึ สาเหตุทางสงั คม ว่าเป็นปัจจัยส�ำคัญต่อการทุจริต โดยเฉพาะสังคมที่นิยมการบริโภค สังคมท่ีนิยมยกย่องคนม่ังมีและ ผมู้ อี �ำนาจ ท�ำใหก้ ารแขง่ ขนั ในการบรโิ ภคและการแสวงหาต�ำแหนง่ และอ�ำนาจโดยมชิ อบ ไมไ่ ดค้ �ำนงึ ถงึ วถิ ที างว่าจะถูกจะผดิ อย่างไรหรอื ไม่ รวมทงั้ เสาวณีย์ ไทยร่งุ โรจน์ และคณะ (2553) เหน็ วา่ คา่ นยิ ม ในสังคมอุปถัมภ์ เช่น น้�ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า และใช้ความกตัญญูในทางท่ีผิด เป็นปัจจัยหน่ึงท่ีท�ำให้ เกิดการทุจริต (2.3) ปัจจัยด้านวัฒนธรรม โดย เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ (2553) เหน็ วา่ การทจุ รติ เกดิ จากการนยิ มจา่ ยเงนิ ของนกั ธรุ กจิ ใหก้ บั ขา้ ราชการทตี่ อ้ งการความสะดวกรวดเรว็ หรอื การบรกิ ารท่ดี ีกว่าดว้ ยการลดตน้ ทนุ ทจี่ ะตอ้ งปฏิบตั ิตามระเบียบ

78 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2564) (2.4) ปัจจัยด้านการเมือง โดย สงกรานต์ มหาวัน (2554) เห็นว่า อิทธิพล ทางการเมอื งเปน็ ปจั จยั หนงึ่ ทเี่ ออื้ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ เพราะการทจุ รติ ทกุ ระดบั โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การเมอื ง ระดับท้องถิ่น ท่ีมักมีเรื่องผลประโยชน์กลุ่มอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง นับต้ังแต่การลงทุนด้วยการซ้ือ คะแนนเสียง เพอ่ื จะชนะการเลือกต้งั แล้วถอนทุนคนื ในรูปแบบของการทุจริตตา่ ง ๆ รวมทง้ั ผูร้ ับเหมา มักจะเปน็ กลมุ่ ผลประโยชนเ์ ครือญาติกับนกั การเมืองท้องถน่ิ (2.5) ปจั จยั ดา้ นระบบราชการ โดย สธุ ี อากาศฤกษ์ (2545) เหน็ วา่ การบรหิ ารงาน ท่ีขาดประสิทธิภาพเกิดช่องว่างในการปกครองบังคับบัญชา หรือเกิดความหละหลวมในการปกครอง บังคับบัญชาเป็นผลให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐขาดระเบียบวินัยเป็นหนทางน�ำไปสู่การทุจริต สอดคล้องกับ เสาวณยี ์ ไทยรงุ่ โรจน์ และคณะ (2553) เหน็ วา่ ความบกพรอ่ งในการบรหิ ารงานเปดิ โอกาสใหเ้ กดิ การทจุ รติ การใช้ดุลพินิจมากและการผูกขาดอ�ำนาจจะท�ำให้อัตราการทุจริตในหน่วยงานสูง การที่ขั้นตอนของ ระเบียบราชการมมี ากเกนิ ไป ท�ำให้ผทู้ ่ไี ปตดิ ต่อตอ้ งเสียเวลามากจงึ เกิดการสมยอมกนั ระหวา่ งผใู้ หก้ ับ ผู้รับการตกอยใู่ ตภ้ าวะแวดลอ้ มและอิทธพิ ลของผทู้ จุ ริตมที างเปน็ ไปไดท้ ีผ่ ูน้ ้นั จะท�ำการทจุ รติ ด้วย (2.6) ปจั จยั ดา้ นกฎหมายและระเบยี บ โดย อรพนิ ท์ สพโชคชยั และคณะ (2543) ท่ีมีความเห็นว่า การทุจริตท่ีเกิดข้ึนเกิดจากช่องว่างของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ มชี อ่ งวา่ งได้ เชน่ ความไมร่ ดั กมุ ของขอ้ ความในระเบยี บและขอ้ บงั คบั ท�ำใหเ้ กดิ การตคี วามเพอื่ ใหป้ ระโยชน์ แกก่ ลมุ่ คนบางกลมุ่ หรอื เออื้ ตอ่ การทจุ รติ รวมทงั้ ความซำ้� ซอ้ นของเนอื้ หาของระเบยี บขอ้ บงั คบั ท�ำใหเ้ กดิ ความไม่คลอ่ งตวั ในทางปฏบิ ัตแิ ละน�ำไปส่กู ารละเลยข้ันตอนบางประการ เป็นต้น (2.7) ปัจจัยด้านการตรวจสอบ โดย เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ และคณะ (2553) ระบุว่า ภาคประชาชนขาดความเข้มแข็ง ท�ำให้กระบวนการต่อต้านการทุจริตจากฝ่ายประชาชน ไม่เข้มแข็งเท่าท่ีควร การขาดการควบคุมตรวจสอบของหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบหรือก�ำกับดูแล อย่างจริงจงั เปน็ ปัจจัยหนงึ่ ที่เออ้ื ต่อการทจุ ริต สอดคล้องกับ ณภัทร เตโช และคณะ (2553) เห็นวา่ การขาดมาตรการตรวจสอบที่เพียงพอและขาดการถ่วงดุลอ�ำนาจท่ีเหมาะสม เป็นปัจจัยหนึ่งที่เอ้ือ ต่อการทุจริตของเจ้าหนา้ ที่รัฐ อีกท้งั อรพนิ ท์ สพโชคชยั และคณะ (2543) เหน็ วา่ การที่ระบบควบคุม ภายในขาดประสทิ ธภิ าพหรอื การตรวจสอบการด�ำเนนิ งานของหนว่ ยงานมคี วามออ่ นแอ กเ็ ปน็ ปจั จยั หนงึ่ ที่กอ่ ให้เกดิ การทจุ รติ ได้ ดังน้ัน ในส่วนของการศึกษาวิจัยน้ี คณะผู้วิจัยได้ก�ำหนดนิยามของค�ำว่า “ปัจจัย ที่ก่อให้เกิดการทุจริต” หมายถึง สาเหตุท่ีเป็นแรงจูงใจหรือส่ิงที่เอื้ออ�ำนวยให้บุคคลตัดสินใจกระท�ำ การทุจริต ประกอบด้วย ปัจจัยภายในตัวบุคคล และปัจจัยภายนอก ได้แก่ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปจั จยั ดา้ นสงั คม ปจั จยั ดา้ นวฒั นธรรม ปจั จยั ดา้ นการเมอื ง ปจั จยั ดา้ นระบบราชการ ปจั จยั ดา้ นกฎหมาย และระเบยี บ และปจั จัยด้านการตรวจสอบ

การทุจรติ ในระดับพนื้ ที่ : กรณีเขตพน้ื ท่ีในความรับผิดชอบของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 79 4.3 การวิเคราะหจ์ ดุ แขง็ จดุ อ่อนในการปฏิบัตงิ าน จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องพบว่า การวิเคราะห์ SWOT เป็นการวิเคราะห์ สภาพขององค์กรทั้งภายในและภายนอก โดยการวิเคราะห์สภาพภายในจะเป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง และจุดอ่อน ส่วนการวิเคราะห์สภาพภายนอกจะเป็นการวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรค เพ่ือน�ำมา หาแนวทางแก้ไขหรือกลยุทธ์เชิงรุก รวมถึง การป้องกันท่ีเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ซ่ึงการวิจัยน้ี จะศึกษาเฉพาะจุดแข็งจุดอ่อนในการปฏิบัติงานเท่านั้น โดย ธีระชัย เนียมหลวง (2557) ได้ระบุว่า การประเมนิ สภาพแวดลอ้ มภายในองคก์ ร คอื การวเิ คราะหท์ รพั ยากรและความสามารถภายในองคก์ ร เพื่อที่จะระบุจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กร โดยจุดแข็งต้องพยายามรักษาไว้และพัฒนาให้ดีข้ึน เพ่ือให้เป็นคุณลักษณะพิเศษของบุคคล หรือองค์กร ส่วนจุดอ่อนต้องพยายามแก้ไขหรือปรับปรุง ให้ดีขึ้น แบ่งปัจจัยแวดล้อมภายในท่ีควรพิจารณาเบื้องต้น (อย่างง่าย) เป็น 4 ปัจจัย หรือที่เรียกว่า “4M” ได้แก่ (1) Man คือ บุคลากรภายในองค์กร รวมถึงผู้บริหารขององค์กรด้วย (2) Money คือ งบประมาณท่ีไดร้ บั การจัดสรรแล้ว (3) Material คือ วสั ดุอปุ กรณ์ เครอื่ งมอื และเทคโนโลยี และ (4) Management คือ การบริหารจัดการในทกุ ๆ ด้าน เช่น การเงนิ พสั ดุ งบประมาณ ทรพั ยากร บุคคล การประชาสมั พนั ธ์ เปน็ ต้น นอกจากการวเิ คราะหจ์ ดุ ออ่ นจดุ แขง็ ของการปฏบิ ตั งิ าน จะใชก้ ารวเิ คราะหป์ จั จยั สภาพแวดลอ้ ม ภายในเบ้ืองต้นอยา่ งงา่ ย 4M เปน็ เคร่อื งมือทีช่ ว่ ยในการวเิ คราะหแ์ ล้ว ยังมแี นวคิด 7S ของ Mckinsey ท่ีเป็นการวิเคราะห์ปัจจัยภายใน 7 ด้านว่า ในแต่ละด้านมีจุดแข็งจุดอ่อนหรือไม่ โดยปัจจัยภายใน 7 ดา้ น ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหต์ ามแนวคิดของ 7S Mckinsey ไดแ้ ก่ (1) กลยทุ ธ์ (Strategy) (2) โครงสร้าง องคก์ ร (Structure) (3) สไตลก์ ารท�ำงานของผบู้ รหิ าร (Style) (4) ระบบ (System) (5) บคุ ลากร (Staff) (6) ทกั ษะ (Skill) และ (7) คา่ นยิ ม (Shared Value) ซง่ึ ในการวเิ คราะหจ์ ดุ แขง็ จดุ ออ่ นในการปฏบิ ตั งิ าน ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยในข้อท่ี 2 นั้น คณะผู้วิจัยได้น�ำหลักแนวคิด 7S Mckinsey มาใช้เป็น เคร่ืองมือในการวิเคราะห์ เน่ืองจากมีการกระจายองค์ประกอบของปัจจัยแวดล้อมภายในที่ละเอียด อันจะเกิดประโยชน์ต่อการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนในการท�ำงานของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และ ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในภาค 5 4.4 โครงสรา้ งและอำ� นาจหนา้ ทข่ี องส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวัดในภาค 5 ในการด�ำเนินงานตามขอบเขตหน้าท่ีและอ�ำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีส�ำนักงาน ป.ป.ช. เปน็ สว่ นราชการ มฐี านะเปน็ นติ บิ คุ คล รบั ผดิ ชอบงานธรุ การและด�ำเนนิ การเพอ่ื ใหค้ ณะกรรมการ ป.ป.ช. บรรลุภารกิจและหน้าที่ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ออกประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพ่ือก�ำหนดการแบ่งส่วนราชการและหน้าท่ีและอ�ำนาจของ ส่วนราชการในสังกัดส�ำนักงาน ป.ป.ช.

80 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 14 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มิถุนายน 2564) (1) โครงสรา้ งของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวัด ในภาค 5 ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องการแบ่งส่วนราชการและหน้าท่ีและ อ�ำนาจของส่วนราชการในสังกัดส�ำนักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ก�ำหนดให้มีการแบ่งกลุ่มภารกิจ ออกเปน็ 7 กลุม่ ไดแ้ ก่ (1) หนว่ ยงานขึน้ ตรงเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. (2) กล่มุ ภารกิจปอ้ งกัน การทุจริต (3) กลุ่มภารกิจตรวจสอบทรัพย์สิน (4) กลุ่มภารกิจไต่สวนการทุจริต (5) กลุ่มภารกิจ อ�ำนวยการยตุ ิธรรม (6) กลุม่ ภารกจิ สนับสนนุ และ (7) กล่มุ ภารกิจปฏิบตั กิ ารพื้นที่ ในส่วนของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 อยู่ในกลุ่มภารกิจปฏิบัติการพื้นที่ โดยมีที่ตั้ง อยูท่ จี่ งั หวดั เชียงใหม่ และมสี �ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดท่ีอยใู่ นความรับผิดชอบ จ�ำนวน 8 แห่ง ได้แก่ จงั หวัดเชยี งราย จงั หวัดเชียงใหม่ จงั หวัดน่าน จังหวดั พะเยา จังหวดั แพร่ จังหวัดแมฮ่ ่องสอน จังหวัดล�ำปาง และจังหวัดล�ำพูน โดยในการบริหารราชการของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 มีหัวหน้า ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 คอื ผ้ชู ่วยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 เป็นผบู้ งั คบั บญั ชา มีหนา้ ที่ และอ�ำนาจก�ำกับดูแลการปฏิบัติหน้าท่ีของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดท่ีอยู่ในความรับผิดชอบ ของภาค 5 รวมทัง้ หน้าท่แี ละอ�ำนาจอ่ืนตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ก�ำหนด ส่วนส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดมีผู้อ�ำนวยการส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัด เป็นหัวหน้า ส่วนราชการระดบั จังหวัด สรปุ ไดด้ งั แผนภาพที่ 1 แผนภาพที่ 1 โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวัดในภาค ผ้ชู ว่ ยเลขาธกิ ารคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 5 ฝ่ายบรหิ ารงานท่ัวไป กลมุ่ อ�ำนวยการภาค 5 กลมุ่ บริหารคดีภาค 5 กลุ่มประสานการ กลุ่มตรวจสอบ ป้องกันการทจุ รติ ภาค 5 ทรัพย์สนิ ภาค 5 - พนักงานบรหิ ารทั่วไป - นกั วิชาการพัสดุ - พนกั งานไตส่ วน - นกั วชิ าการเงินและบญั ชี - นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน - เจ้าพนักงานป้องกนั การทจุ รติ - เจา้ พนกั งานตรวจสอบทรัพยส์ นิ - นกั จัดการงานทั่วไป ผอู้ �ำนวยการส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวัด ฝ่ายบริหารทั่วไป กล่มุ ปราบปรามการ กล่มุ ปฏิบัติการ - พนกั งานบริหารท่ัวไป กลุ่มปราบปรามการ กลมุ่ ป้องกันการ กลุ่มตรวจสอบ - พนักงานไต่สวน - เจา้ พนักงานปอ้ งกนั การทุจรติ - เจา้ พนกั งานตรวจสอบทรพั ย์สิน - ผ้ชู ่วยพนักงานไตส่ วน - นติ กิ ร ท่มี า: สรปุ ข้อมลู จากระบบอนิ ทราเนต็ ของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. (portal.nacc.go.th)

การทุจรติ ในระดบั พ้ืนท่ี : กรณีเขตพน้ื ที่ในความรบั ผดิ ชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 81 (2) หนา้ ทีแ่ ละอ�ำนาจของสำ� นักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และสำ� นักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำ จังหวัดจังหวัดในภาค 5 (2.1) ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 หน้าที่และอ�ำนาจในการด�ำเนินงาน ดา้ นการป้องกนั การทุจรติ การไตส่ วนเบอื้ งต้น การตรวจสอบทรัพยส์ นิ และหน้สี นิ อกี ทัง้ มีหน้าที่และ อ�ำนาจในการก�ำกบั และบรู ณาการการปฏบิ ตั งิ าน/หนา้ ทขี่ องส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ภายในภาค เพอ่ื ใหก้ ารด�ำเนนิ การดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ สามารถขบั เคลอ่ื นไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และบรรลุผลส�ำเร็จในการช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตภายในพ้ืนที่ท่ีอยู่ในความรับผิดชอบได้ สามารถ สรุปไดด้ ังแผนภาพท่ี 2 แผนภาพท่ี 2 หน้าทแ่ี ละอ�ำนาจของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 หน้าทแี่ ละอ�ำนาจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ด้านป้องกนั การทจุ รติ ด้านปราบปรามการทจุ ริต ดา้ นตรวจสอบทรพั ย์สิน อ่นื ๆ • บูรณาการการป้องกันและปราบ • พิจารณารายงานการตรวจสอบ • ตรวจสอบทรัพย์สินและหน้ีสิน • งานสืบสวน การข่าวและ ปรามการทุจริตกับภาคส่วนต่าง ๆ เบอื้ งตน้ ของ สปจ. และรายงานการ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย และปฏบิ ตั งิ าน การต่อต้านข่าวกรองท่ีเก่ียวข้อง รวมท้ังด�ำเนินการขับเคล่ือนตาม ไตส่ วนเบอ้ื งตน้ กรณที ่ีสปจ.ภายในภาค ร่วมกับ สปจ. หรือหน่วยงานอื่นท่ี กบั การทจุ รติ ตรวจสอบสถานการณ์ ยทุ ธศาสตรช์ าติ วา่ ดว้ ยการปอ้ งกนั ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ เกย่ี วขอ้ งในการตรวจสอบทรพั ยส์ นิ และข้อมูลข่าวสารการทุจริต และปราบปรามการทุจริต ป.ป.ช. ใหด้ �ำเนนิ การ เพอื่ เสนอคณะ • ตรวจสอบเบ้ืองต้นและไต่สวน จากสือ่ ตา่ ง ๆ • จดั ท�ำแผนงาน โครงการ กจิ กรรม กรรมการ ป.ป.ช. หรอื สง่ ใหห้ นว่ ยงาน เบ้ืองต้น รวมทั้งเสนอความเห็น • ตดิ ตามบคุ คลตามหมายเรยี ก ดา้ นปอ้ งกนั การทจุ รติ และตรวจสอบ ท่เี กี่ยวขอ้ งด�ำเนินการ ประกอบการวินิจฉัยกรณีร�่ำรวยผิด ประสานหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง กลนั่ กรองขอ้ เสนอแผนงาน โครงการ • รบั เรอื่ งกลา่ วหา และสง่ ใหห้ นว่ ยงาน ปกติ/มีพฤติการณ์ร่�ำรวยผิดปกติ/ กบั การจบั กมุ ควบคมุ ตวั ปลอ่ ยตวั กจิ กรรมของสปจ.และก�ำกบั ตดิ ตาม ทรี่ บั ผดิ ชอบ รวมทง้ั ไตส่ วนเบอ้ื งตน้ มที รพั ยส์ นิ เพมิ่ ขน้ึ ผดิ ปกต/ิ มพี ฤตกิ ารณ์ การคุ้มครองพยานกันบุคคล ประเมินผล ตามท่ีได้รบั มอบหมาย ซุกซอ่ นทรพั ยส์ ิน ไว้เปน็ พยาน • ประสานกับสว่ นกลาง และ สปจ. • ปฏบิ ตั งิ านรว่ มกบั สปจ. หรอื หนว่ ย • เสนอเรื่องต่อศาลอาญาคดีทุจริต • ด�ำเนินการเก่ียวกับการเงิน เพอื่ รว่ มตรวจสอบกรณที คี่ ณะกรรมการ งานอื่นท่ีเก่ียวข้องในการตรวจสอบ และประพฤติมิชอบและด�ำเนินคดี การงบประมาณการบญั ชีและ ป.ป.ช. มีเหตุอนั ควรสงสัยวา่ มีการ เบ้ืองตน้ และไต่สวนเบอื้ งต้น ในกรณีการจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดง พัสดุ ด�ำเนนิ การอนั อาจน�ำไปสกู่ ารทจุ รติ • ประสานและปฏิบัติงานร่วมกับ รายการทรัพย์สินและหน้ีสิน/จงใจ • ก�ำกบั ดแู ลประสานนโยบาย หรือส่อวา่ อาจมกี ารทจุ รติ สปจ. ในการตรวจสอบและพิจารณา ยื่นเท็จ/ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง พัฒนาระบบงาน จัดอบรมและ • ประสานกบั สว่ นกลาง และ สปจ. รายงานผลการด�ำเนนิ การและส�ำนวน ใหท้ ราบ พั ฒ น า บุ ค ล า ก ร ภ า ย ใ น ภ า ค เพอื่ รว่ มกนั ส�ำรวจตรวจสอบตดิ ตาม เร่ืองกล่าวหาท่ี ป.ป.ท. /ส่วนราชการ/ • เปิดเผยผลการตรวจสอบและ ให้ค�ำปรึกษาแนะน�ำและช่วย เฝา้ ระวงั ประเมนิ สภาวการณก์ ารทจุ รติ หน่วยงานอื่นของรัฐ ได้ด�ำเนินการ บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและ แกไ้ ขปญั หา รวมทง้ั บรู ณาการ อยา่ งรวดเรว็ เพอื่ ใหเ้ กดิ การปอ้ งกนั ตามท่ีได้รับมอบหมายจากคณะ หน้ีสิน ท่ีตั้งของอสังหาริมทรัพย์ การปฏิบัติงานของ สปจ. โดยเรว็ กรรมการ ป.ป.ช. พร้อมท้ังเสนอ และเอกสารประกอบ ภายในภาค • จัดท�ำฐานข้อมูลทางด้านงาน ความเห็นเพื่อประกอบการวินิจฉัย • งานเลขานกุ ารคณะอนกุ รรมการ • จดั ท�ำ ก�ำกับ ดแู ล ตดิ ตาม ปอ้ งกันการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน และประเมินผลแผนปฏิบัติ • งานเลขานุการคณะอนกุ รรมการ ประจ�ำภาค การฯ ของ สปจ. กลั่นกรองเรือ่ งกลา่ วหา • จดั ท�ำฐานขอ้ มลู คดงี านตรวจสอบ • ด�ำเนินการอ่ืน ๆ ตามที่ได้ • จัดท�ำฐานข้อมลู ทางด้านงานคดี ทรพั ยส์ ินและหนี้สิน รบั มอบหมาย ทม่ี า: สรปุ ขอ้ มลู จากประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรอื่ ง การแบง่ สว่ นราชการและหนา้ ทแ่ี ละอ�ำนาจของสว่ นราชการ ในสงั กดั ส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ พ.ศ. 2561 และประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เร่ือง การแบ่งสว่ นราชการและหนา้ ท่ีและอ�ำนาจของสว่ นราชการในสังกัดส�ำนกั งาน ป.ป.ช. (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2563

82 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 14 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2564) (2.2) ส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในภาค มีหน้าท่ีและอ�ำนาจในการป้องกัน การทุจริต การปราบปรามการทุจริต และการตรวจสอบทรัพย์สินภายในเขตจังหวัดท่ีรับผิดชอบ โดยในส่วนของภารกิจปราบปรามการทุจริต มีหน้าที่และอ�ำนาจเฉพาะการตรวจสอบเบ้ืองต้นเท่าน้ัน เว้นแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติมอบหมายให้ด�ำเนินการไต่สวนเบื้องต้นเฉพาะกรณี สามารถ สรปุ ได้ดงั แผนภาพที่ 3 แผนภาพที่ 3 หน้าท่แี ละอ�ำนาจของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวดั ในภาค 5 หน้าทีแ่ ละอำ� นาจของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ� จงั หวัดในภาค 5 ดา้ นปอ้ งกนั การทจุ รติ ด้านปราบปรามการทจุ รติ ดา้ นตรวจสอบทรพั ย์สิน อน่ื ๆ • บูรณาการการป้องกันและปราบ • รับเรื่องกลา่ วหาในเขตจังหวดั • รับและตรวจสอบความถูก • จั ด ท�ำ ฐ า น ข ้ อ มู ล ง า น ปรามการทุจริตกับภาคส่วนต่าง ๆ • ต ร ว จ ส อ บ เ บ้ื อ ง ต ้ น ก ร ณี ต้องและความมีอยู่จริง รวมทั้ง ด้านการบริหารภายในเขต รวมทั้งด�ำเนินการขับเคล่ือนตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐกระท�ำความผิด ความเปล่ียนแปลงของทรัพย์สิน จังหวัด ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกัน ฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระท�ำ และหน้ีสินของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ • ด�ำเนินการอื่น ๆ ตามท่ี และปราบปรามการทจุ รติ ความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ีราชการ ที่มีหน้าท่ียืน่ ภายในเขตจงั หวัด ไดร้ บั มอบหมาย • จัดท�ำและด�ำเนินการแผนงาน หรือความผิดต่อต�ำแหน่งหน้าท่ี • เปิดเผยผลการตรวจสอบและ โครงการ กิจกรรมด้านป้องกัน ในการยตุ ธิ รรม หรอื ฐานความผดิ อน่ื บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและ การทจุ รติ รวมทงั้ ตดิ ตามประเมนิ ผล ตามกฎหมายก�ำหนด หน้ีสิน ท่ีตั้งของอสังหาริมทรัพย์ แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล ต ่ อ ส�ำ นั ก ง า น • ไตส่ วนเบอ้ื งตน้ กรณคี ณะกรรมการ และเอกสารประกอบ ป.ป.ช. ภาค ป.ป.ช. มมี ตมิ อบหมายใหด้ �ำเนนิ การ • จดั ท�ำฐานขอ้ มลู คดงี านตรวจสอบ • ประสานตดิ ตามและใหค้ �ำปรกึ ษา • ตรวจสอบและพจิ ารณารายงาน ทรัพยส์ ินและหนี้สนิ หรือข้อเสนอแนะกับหน่วยงานของ ผลการด�ำเนินการและส�ำนวนเร่ือง รัฐในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบในการ กล่าวหาท่ี ป.ป.ท./ส่วนราชการ/ ด�ำเนินการตามมาตรการป้องกัน หน่วยงานอ่ืนของรัฐได้ด�ำเนินการ และปราบปรามการทจุ ริต ต า ม ท่ี ไ ด ้ รั บ ม อ บ ห ม า ย จ า ก • ประสานกับส่วนกลาง และ สปจ. คณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมท้ัง เพอ่ื รว่ มตรวจสอบกรณที คี่ ณะกรรมการ เสนอความเห็นเพื่อประกอบการ ป.ป.ช. มีเหตุอันควรสงสัยว่ามี วินจิ ฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก า ร ด�ำ เ นิ น ก า ร อั น อ า จ น�ำ ไ ป สู ่ • จัดท�ำฐานขอ้ มูลทางด้านงานคดี การทจุ รติ หรอื สอ่ วา่ อาจมกี ารทจุ รติ • ประสานกับส่วนกลางและ สปจ. เพอื่ รว่ มกนั ส�ำรวจตรวจสอบตดิ ตาม เฝ้าระวัง ประเมินสภาวการณ์ การทุจริตอย่างรวดเร็ว เพ่ือให้เกิด การปอ้ งกนั โดยเรว็ • ศึกษา วิเคราะห์สภาพปัญหา การป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตในเขตจังหวัด เพื่อเสนอ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะตอ่ คณะ กรรมการ ป.ป.ช. • จัดท�ำฐานข้อมูลทางด้านงาน ป้องกันการทจุ ริต ทมี่ า: สรุปข้อมูลจากประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรือ่ ง การแบ่งสว่ นราชการและหน้าทแ่ี ละอ�ำนาจของสว่ นราชการ ในสังกัดส�ำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ พ.ศ. 2561

การทจุ ริตในระดบั พ้นื ที่ : กรณเี ขตพนื้ ที่ในความรับผิดชอบของส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 83 5. วิธีการด�ำเนินการวจิ ยั การวิจัยน้ีเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลส�ำคัญ ประกอบดว้ ย 5.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลทตุ ยิ ภูมจิ ากเอกสารต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง ดังน้ี (1) การศึกษาเอกสาร (Literature Review) จากหนังสือ บทความทางวิชาการ รายงานการวิจยั วารสาร วิทยานิพนธ์ ส่อื ออนไลน์ รวมถึงกฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บังคบั ประกาศตา่ ง ๆ ท่ีเกีย่ วข้องกบั การศกึ ษาวจิ ยั (2) ข้อมูลจากสถิติเรื่องกล่าวหาร้องเรียนและคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล ความผดิ ในระหวา่ งปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2562 จากระบบอเิ ลก็ ทรอนิกส์ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อศกึ ษาภาพรวมของการร้องเรียนและการด�ำเนนิ คดีแลว้ เสรจ็ ของส�ำนักงาน ป.ป.ช. รวมทัง้ ท�ำการศึกษา และวเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารทจุ รติ รปู แบบและลกั ษณะของการทจุ รติ ในภาพรวมทเี่ กดิ ขน้ึ ในเขตพนื้ ท่ี รบั ผิดชอบส�ำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ในภาค 5 จ�ำนวน 8 แหง่ (ได้แก่ จังหวัดเชยี งราย เชยี งใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แมฮ่ อ่ งสอน ล�ำปาง และล�ำพนู ) (3) ข้อมูลจากคดีท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติช้ีมูลความผิดในเขตพื้นท่ี ความรับผิดชอบของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 เพ่ือน�ำมาวิเคราะห์ลกั ษณะของการทจุ รติ และปัจจัยที่ กอ่ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ ในเขตพนื้ ทภ่ี าค 5 โดยเลอื กศกึ ษาจากคดที มี่ กี ารชม้ี ลู ความผดิ สงู สดุ ใน 2 รปู แบบแรก ไดแ้ ก่ การทจุ ริตในงานจัดซ้อื จดั จ้าง และการทจุ ริตในงานการเงินและบญั ชี ทงั้ นี้ เนือ่ งจากขอ้ มูลคดี ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดที่น�ำมาใช้ในการศึกษาวิจัยน้ี น�ำมาจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ซงึ่ เปน็ ขอ้ มลู ในภาพรวม ประกอบกบั ขอ้ จ�ำกดั ดา้ นการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ในส�ำนวนคดี คณะผู้วิจัยจึงหาข้อมูลเพ่ิมเติมจากค�ำพิพากษาของศาล รายงานประจ�ำปีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการสัมภาษณ์เชิงลึก เพื่อน�ำมาใช้ในการศึกษาลักษณะของการทุจริตและปัจจัยที่ก่อให้เกิด การทจุ รติ เชงิ ลกึ ของการทจุ รติ ในงานจดั ซอ้ื จดั จา้ งและการทจุ รติ ในงานการเงนิ และบญั ชี ซง่ึ เปน็ รปู แบบ การทุจรติ ทพ่ี บมากทสี่ ุดเป็น 2 อันดับแรก ในเขตพน้ื ทีค่ วามรับผิดชอบของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 5.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ ใช้วิธีการเก็บข้อมูลจากสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้ให้ ขอ้ มูลหลัก ไดแ้ ก่ (1) บุคลากรของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ประกอบดว้ ย ผบู้ ริหารและเจา้ หนา้ ท่สี �ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจังหวัดในภาค 5 เพ่ือให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับสถานการณ์ การทจุ รติ รปู แบบ และลกั ษณะของการทจุ รติ ปจั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ จดุ แขง็ จดุ ออ่ นของการปฏบิ ตั งิ าน ของส�ำนกั งาน ป.ป.ช. ภาค 5 และส�ำนักงาน ป.ป.ช. ประจ�ำจงั หวดั ในภาค 5 รวมทั้ง ข้อเสนอแนะ ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และ (2) ผู้เช่ียวชาญและนักวิชาการจากหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง กับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประกอบด้วย ผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ีส�ำนักงาน การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ภมู ภิ าคท่ี 8 ส�ำนกั งานปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ในภาครฐั เขต 5 และอาจารย์ ในมหาวิทยาลัย เพื่อให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับสถานการณ์การทุจริต รูปแบบ และลักษณะของการทุจริต ปัจจยั ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การทุจรติ รวมทงั้ ขอ้ เสนอแนะในการแก้ไขปญั หาการทุจริต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook