Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 13 ฉบับที่ 1

วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 13 ฉบับที่ 1

Published by sakdinan.lata, 2021-09-14 03:51:45

Description: วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 13 ฉบับที่ 1

Search

Read the Text Version

90 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 13 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2563) 2) แบง่ ตามระดบั ความอดทนของชมุ ชน Mark Robinson ค.ศ. 1998 ไดจ้ ำ� แนกการคอรร์ ปั ชนั ออกเปน็ 3 ระดบั ทสี่ ำ� คัญ ได้แก่ คอร์รปั ชนั เชิงบคุ คล (Incidental) คอรร์ ัปชนั เชิงสถาบัน (Institutional) เช่น ต�ำรวจ และคอรร์ ปั ชันเชงิ ระบบ (Systematic) หมายถงึ คอร์รปั ชันท่ีมผี ลกระทบทั่วท้งั สังคม Hutchcroft ค.ศ. 1998 มองวา่ รปู แบบการคอรร์ ปั ชนั ขนึ้ อยกู่ บั บทบาทของตวั แสดงนำ� วา่ เปน็ นักการเมืองหรือข้าราชการประจ�ำ และกลุ่มในภาคประชาสังคมท่ีเข้ามาเก่ียวข้องว่าอยู่ในสถานะใด กล่าวคือ รูปแบบของการคอร์รัปชันอาจจะอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ (Patronage) หรือ อาจอยภู่ ายใต้ความสมั พันธ์แบบลัทธิผู้อยู่ใต้การอปุ ถัมภ์ (Clientelism) (นกั ธรุ กจิ จำ� นวนมากแขง่ ขนั เพ่อื ไปอยู่ใต้การอปุ ถมั ภ์ของผู้มอี ำ� นาจหลายรายพร้อม ๆ กัน) เพราะฉะนนั้ คอร์รปั ชนั จงึ ไมไ่ ด้มีรปู แบบใด รปู แบบหนึง่ เปน็ การเฉพาะ แต่มีหลายรูปแบบ (Forms) ขึ้นอยกู่ ับตัวแสดง (Actors) ที่เขา้ มาเกย่ี วขอ้ ง สิง่ แวดล้อมหรอื สถานการณ์ จำ� นวนเงนิ กลวิธี (Techniques) และวฒั นธรรม ความหลากหลายของ รูปแบบการคอร์รัปชันจะเห็นเด่นชัดย่ิงขึ้นหากพิจารณาจากรูปแบบธรรมเนียมปฏิบัติ กฎหมาย และ วัฒนธรรมของแต่ละสงั คม นอกจากนแ้ี มก้ ระทงั่ ในสงั คมเดยี วกนั แตค่ นตา่ งรนุ่ (Generation) กอ็ าจจะใหค้ วามหมายของ คอร์รัปชันที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าคอร์รัปชันมีรูปแบบเฉพาะของแต่ละสังคม มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยไม่หยุดนิ่งและมีความสลับซับซ้อนมากย่ิงขึ้นตามล�ำดับ เน่ืองจาก กิจกรรมในการคอร์รัปชันในปัจจุบันไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะกับอ�ำนาจและหน้าที่ของบุคคลสาธารณะ ในสงั คมหนงึ่ เทา่ นน้ั หากแตย่ ังเก่ยี วกบั ธรุ กจิ เอกชนและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทที่ ันสมัยและ ตลาดในระดับโลกด้วย (สังศติ พริ ยิ ะรงั สรรค์, 2553) องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nation ค.ศ. 1989) ไดส้ รปุ วา่ รปู แบบของคอรร์ ปั ชนั มตี งั้ แต่ การรับเงินหรือสิง่ ตอบแทน ซงึ่ เปน็ เสมอื นรางวัลจากข้อตกลง การละเมดิ ระเบยี บราชการเพ่อื แสวงหา ผลประโยชน์ส่วนตัวที่ครอบคลุมถึงเงินส่วนแบ่งที่ได้มาจากโครงการพัฒนาหรือจากบรรษัทข้ามชาติ การจ่ายเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ที่มีหน้าท่ีออกกฎหมาย การเบี่ยงเบนทรัพยากรของรัฐให้เป็นไปเพื่อ ผลประโยชน์ส่วนตัว การเพิกเฉยต่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมายหรือเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การเลน่ พรรคเลน่ พวก (Nepotism) การบงั หลวง การกำ� หนดราคาการจดั ซอ้ื จดั จา้ งใหส้ งู กวา่ ความเปน็ จรงิ การสร้างโครงการหลอก ๆ การสร้างตัวเลขค่าใช้จา่ ยท่เี ป็นเทจ็ และการทจุ ริตในการเกบ็ ภาษแี ละ การประเมินภาษี เป็นต้น Heidenheimer ค.ศ. 1989 แบง่ การคอรร์ ปั ชันตามหลกั เกณฑข์ องสี (Color) สะท้อนตาม ความอดทนของชมุ ชน (Community’s tolerance) ทม่ี ีต่อการทุจริต จ�ำแนกการคอรร์ ัปชนั เปน็ 3 สี ได้แก่ - การทุจริตสีด�ำ (Black Corruption) การเห็นพ้องต้องกันเป็นส่วนใหญ่ของชนช้ันน�ำและ ของมวลชน ทีเ่ ห็นวา่ การกระทำ� หน่ึงสมควรจะถูกต�ำหนิ และเหน็ ควรวา่ จะตอ้ งถูกลงโทษ

ปัญหาความไมโ่ ปรง่ ใสของสถาบนั การเงนิ คลองจัน่ 91 - การทุจริตสีเทา (Gray corruption) เป็นการกระท�ำท่ีชนชั้นน�ำส่วนหนึ่งเห็นว่าสมควร ถกู ลงโทษ แตช่ นชั้นน�ำอกี ส่วนหน่งึ เห็นแตกต่างออกไปในขณะที่เสียงส่วนใหญม่ คี วามเห็นคลุมเครือ - การทุจริตสีขาว (White corruption) เป็นเรื่องท่ีชนช้ันน�ำยอมรับ และเห็นว่าพอจะ ยอมรบั ได้ คอื ไมเ่ ลวรา้ ยนกั การทจุ รติ ในลกั ษณะนเี้ ปน็ เรอื่ งทชี่ นชนั้ นำ� และมวลชนสว่ นใหญไ่ มไ่ ดม้ คี วาม กระตือรือร้นท่ีจะให้มีการลงโทษ พูดอีกอย่างหน่ึงก็คือ คอร์รัปชันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่คน ในสังคมอาจจะยังไม่ตระหนกั ถงึ ดงั นัน้ การกระทำ� ทจุ รติ ทเ่ี กิดขนึ้ ในสงั คมหน่ึงแตใ่ นอีกสงั คมหนง่ึ อาจ จะยังไมถ่ อื ว่าทุจรติ กไ็ ด้ 3) แบง่ ตามมติ ิ ในสถานการณ์ปจั จบุ นั คอรร์ ปั ชนั สามารถจำ� แนกออกได้เปน็ 4 มิติ ไดแ้ ก่ - คอรร์ ปั ชนั ในการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ (Administrative Corruption) เปน็ การในอำ� นาจ หน้าที่ของทางราชการท่ีบุคคลสาธารณะถือครองอยู่ไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เป็นการส่วนตัว การคอร์รัปชันประเภทน้ีจะเกิดข้ึนได้ข้ึนมักเป็นการใช้อิทธิพลไปในทางที่เกินกว่าอ�ำนาจของกฎหมาย ท่บี คุ คลผูน้ ้นั มอี ย่เู พื่อไปกำ� หนดนโยบายและท�ำให้เกดิ ผล - คอรร์ ปั ชนั ทางการเมอื ง (Political Corruption) Heidenheimer et al. ค.ศ. 1980 ไดใ้ ห้ นยิ ามคำ� วา่ การคอรร์ ปั ชนั ทางการเมอื งไว้ 3 ประการ คอื ประการแรก หมายถงึ พฤตกิ รรมทลี่ ว่ งละเมดิ หรอื เป็นการทำ� ลายปทัสถานของระบบทีช่ ว่ ยจัดระเบียบของสังคม (The norms of the system of public order) เอาไว้ ซ่ึงเป็นส่ิงที่จ�ำเป็นอย่างยิ่งยวดในการธ�ำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองตาม ประชาธิปไตย ประการที่สอง หมายถึง การใช้อ�ำนาจของรัฐบาลอย่างผิดกฎหมายโดยขาดจริยธรรม เพียงพอให้ได้มาซ่ึงผลประโยชน์ส่วนตัวหรือผลประโยชน์ทางการเมือง และ ประการที่สาม หมายถึง พฤตกิ รรมทขี่ าดซงึ่ จรยิ ธรรมหรอื พฤตกิ รรมทล่ี ว่ งละเมดิ ปทสั ถานของระบบทช่ี ว่ ยจดั ระเบยี บของสงั คม เอาไว้ - คอร์รปั ชนั ทางเศรษฐกจิ (Economic Corruption) นกั เศรษฐศาสตร์ Mark Robinson (ed.) ค.ศ. 1998 โยงการใชอ้ ำ� นาจเป็นของบคุ คลสาธารณะท่ีไดอ้ าศัยระบบราชการเก่ียวข้องกบั เร่อื งเงนิ ทอง เช่น การให้สัมปทานผูกขาด และได้แบ่งการคอร์รัปชันตามขนาดออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับแรก- การคอร์รัปชันขนาดเล็ก (Incidental corruption) เก่ียวข้องกับปัจเจกบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเล็ก ๆ เจา้ หนา้ ทก่ี เ็ ปน็ ระดบั ทม่ี อี าวโุ สนอ้ ย ระดบั ทส่ี อง-คอรร์ ปั ชนั ตามระบบ (Systemic corruption) เปน็ การ โกงโดยรัฐบาล แบบแผนการคอร์รัปชันจึงมีผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการคอร์รัปชันท่ีเกิดข้ึนภายในตัวสถาบัน (Institution) หรือองค์กร (Organization) และวิธี การปฏบิ ตั ิ (Procedure) ขนาดของการคอรร์ ปั ชนั อาจเปน็ ไปไดท้ ง้ั ขนาดเลก็ และขนาดกลาง ในแงข่ อง จ�ำนวนเงนิ กลา่ วคือ อาจเกดิ ขึ้นได้ในระดับกรม สำ� นักงาน ในรฐั วสิ าหกจิ หรือในสหกรณ์ ฯลฯ ส่วน ระดับที่สาม-คอร์รัปชันเชิงระบบ (Systematic corruption) จะเกี่ยวข้องกับข้าราชการจำ� นวนมาก และเป็นเร่ืองของการสมคบคิดหรือร่วมกันกระท�ำภายในหน่วยงานของรัฐ ตัวอย่างเช่น ในหน่วยงาน ดา้ นการจดั ซอ้ื จดั จา้ ง หรอื คณะกรรมการทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั ดา้ นการตลาด คอรร์ ปั ชนั รปู แบบนมี้ ผี ลกระทบ

92 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2563) อย่างสูงต่อรายได้ของรัฐบาลและสามารถบิดเบือนการจัดล�ำดับความส�ำคัญของภายในองค์กรได้ ด้วยเหตุน้ี Robinson เห็นว่ากลยุทธ์ท่ีจะต่อต้านการคอร์รัปชันประเภทน้ีจะต้องเน้นไปที่การปฏิรูป เชิงสถาบนั (สังศิต พิริยะรังสรรค,์ 2553, น. 35) นกั เศรษฐศาสตรใ์ หค้ วามสนใจการคอรร์ ปั ชนั ขนาดใหญม่ ากกวา่ การคอรร์ ปั ชนั ขนาดเลก็ และ การคอร์รัปชันขนาดกลาง นักวิชาการสาขานี้จึงโยงแนวความคิดเร่ือง “การแสวงหาค่าเช่าทาง เศรษฐกจิ ” (Economic rent – seeking) เขา้ กบั การไดม้ าซ่งึ “ก�ำไรสว่ นเกิน” (Excess profit) หรือ “ก�ำไรเกินปกติ” ท่ีผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจได้รับจากตลาดที่มีการผูกขาด (Monopoly) นกั เศรษฐศาสตรอ์ ธบิ ายวา่ การแสวงหาคา่ เชา่ ทางเศรษฐกจิ เปน็ กระบวนการทมี่ กี ารใชอ้ ำ� นาจของทาง ราชการหรืออำ� นาจทางการเมืองไปบิดเบอื นการใชท้ รพั ยากรของรัฐอยา่ งไมเ่ หมาะสมหรือไปบิดเบือน กลไกการท�ำงานของตลาด หรือไปจ�ำกัดการท�ำงานของตลาดซ่ึงเป็นการเอาเปรียบท้ังผู้ประกอบการ นกั ธรุ กิจทวั่ ไป และผู้บริโภค การจดั ซือ้ จัดจา้ งในราคาทส่ี ูงเกินจริงและการแปรรปู รฐั วสิ าหกจิ เพอื่ ให้ กลายมาเปน็ ทรัพย์สนิ ของตนเองและพวกพอ้ ง ฯลฯ - การคอร์รัปชันในภาคธุรกิจเอกชน (Business or corporate corruption) ได้รับความ สนใจจากตา่ งประเทศในปี พ.ศ. 2540 จดุ เร่ิมต้นมาจากการคอรร์ ปั ชันในธุรกิจเอกชนจนลุกลามกลาย เปน็ วิกฤติของประเทศ และกลายเปน็ วกิ ฤตขิ องภมู ภิ าคไปในทา้ ยท่ีสุด เช่นเดยี วกันหลงั จากน้ันไดเ้ กิด การคอร์รัปชันในบรรษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอีกหลายครั้งซ่ึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของ ประเทศ ต่อพนักงาน และต่อประชาชนอเมริกาทั่วไปอย่างกว้างขวาง เนื่องจากบรรษัทเหล่าน้ีอยู่ใน ตลาดหลกั ทรัพย์ฯ World Bank Institution ค.ศ. 2551 ได้ใหค้ วามหมายของการคอรร์ ปั ชนั ในภาคเอกชนว่า “เป็นการใช้อ�ำนาจที่ได้รับมอบหมายความไว้วางใจไปเพ่ือผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อประโยชนส์ ว่ น บคุ คล” เดอื นเดน่ นคิ มบรริ กั ษ์ และรจติ กนก จติ มน่ั ชยั ธรรม (2544, น.3) ไดน้ ยิ ามการคอรร์ ปั ชนั ในภาค ธุรกิจว่า หมายถึง การท่ีกรรมการหรือผู้บริหารใช้อ�ำนาจในต�ำแหน่งหน้าที่ท่ีได้มาจากผู้ถือหุ้นหรือ ตวั แทนผถู้ อื หนุ้ ในการบรหิ ารและดำ� เนนิ นโยบายของบรษิ ทั เพอ่ื แสวงหาประโยชนส์ ว่ นตวั ผลประโยชน์ จากการทจุ ริตคอร์รปั ชันในแวดวงธุรกจิ โดยส่วนมากแลว้ จะเปน็ ผลประโยชนท์ างการเงนิ โดยทั่วไปแล้วการคอร์รัปชันในภาคธุรกิจเอกชนมีรูปแบบท่ีหลากหลายและซับซ้อนมาก Neelankavil ไดก้ ลา่ วถงึ การคอรร์ ปั ชนั ในภาคเอกชน คอื “การตดิ สนิ บนใหแ้ กข่ า้ ราชการ การทำ� บญั ชี ทขี่ าดแบบแผนทแ่ี นน่ อน การหลกี เลยี่ งภาษี การทำ� ธรุ กจิ โดยใชข้ อ้ มลู ภายใน การฟอกเงนิ การยกั ยอก เงิน และการทำ� เอกสารที่เปน็ เท็จ” Roberta Ann Johnson ค.ศ. 2547 เห็นว่า การคอรร์ ัปชันใน เอกชน คอื “การประมลู ทเ่ี ปน็ ไปอยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม การกำ� หนดเรอ่ื งในสญั ญาทเ่ี ออ้ื ประโยชนใ์ หแ้ กก่ ลมุ่ ธรุ กจิ ทต่ี นพอใจและการไมค่ ำ� นงึ ถงึ ตน้ ทนุ ทแี่ พงมากจากการจา่ ยสนิ บนมากจนเกนิ ไป” นอกจากนกี้ าร คอรร์ ปั ชนั ในเอกชนทพ่ี บเหน็ ไดท้ วั่ ๆ ไป เชน่ การสรา้ งภาพลกั ษณข์ องบรษิ ทั ใหด้ ดู เี กนิ จรงิ จนราคาหนุ้ ในตลาดสงู ขน้ึ ทงั้ ๆ ทสี่ ถานะทแ่ี ทจ้ รงิ ของบรษิ ทั มไิ ดเ้ ปน็ เชน่ นนั้ การโยกยา้ ยถา่ ยเทกำ� ไรและการปลอ่ ย

ปัญหาความไมโ่ ปรง่ ใสของสถาบันการเงนิ คลองจั่น 93 เงินกู้ระหว่างธุรกิจในเครือเพื่อสร้างตัวเลขก�ำไรให้สูงขึ้นซึ่งมีผลต่อราคาหุ้นในตลาด การท�ำหลักฐาน ทางบัญชีที่เป็นเท็จด้วยการสร้างอุปสงค์เทียมโดยให้พนักงานและญาติมิตรท�ำการจองซื้อสินค้าเพ่ือ บันทึกไว้หลอกผู้ซื้อหุ้น การถ่ายโอนโยกย้ายทรัพย์สินที่ด้อยค่าของบริษัทแม่ไปไว้ท่ีบริษัทลูกเพื่อท�ำ บัญชีของบรษิ ทั ดดู ีเกนิ จริง การตกแตง่ บัญชี เช่น การนำ� ค่าใช้จา่ ย (Expense) ไปบันทึกเปน็ ค่าใชจ้ ่าย ลงทุน (Capital account) และการจดั ทำ� งบการเงนิ เทจ็ (Marketing false statement) เชน่ กรณขี อง บรษิ ทั WorldCom ของสหรฐั อเมรกิ า ผบู้ ริหารน�ำขอ้ มลู ภายในบรษิ ทั ไปใช้เพอื่ ประโยชนส์ ่วนตน การใช้ บริษัทตรวจสอบบัญชีที่เป็นพรรคพวกเดียวกัน การแต่งต้ังบุคคลใกล้ชิดหรือพวกพ้องเป็นกรรมการ อิสระของบริษัท ท�ำให้ไม่มีการตรวจสอบผลการด�ำเนินงานของบริษัทอย่างเป็นจริง การที่บริษัทให้ ก้ยู มื เงินจ�ำนวนมากแก่ฝา่ ยบรหิ ารและการปลอมแปลงเอกสารเพอ่ื ทีจ่ ะหลอกลวงนกั ลงทุน เป็นต้น เดอื นเด่น นคิ มบริรกั ษ์ และคณะ (2544) พบว่า “ปัญหาการทจุ รติ คอร์รปั ชันในวงการธรุ กิจ เอกชนไทย” ในปัจจุบนั ยงั คงมรี ูปแบบการทจุ ริตเดิม ๆ ได้แก่ การยักยอกทรพั ย์ และการตกแตง่ บัญชี โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มักมีพฤติกรรมการหลบเลี่ยงภาษีควบคู่กับการ โยกย้ายถ่ายโอนผลกำ� ไรไปยงั บริษัทนอมินี (Nominee) เพ่ือเปน็ ตวั แทนอ�ำพรางในการดำ� เนนิ ธุรกิจและ สรา้ งผลประโยชนจ์ ากการทจุ รติ ไดม้ ลู คา่ ทางการเงนิ สงู กวา่ เมอื่ เปรยี บเทยี บกบั บทลงโทษตามกฎหมาย ทอ่ี าจยังไมร่ นุ แรงพอจึงเป็นแรงจูงใจก่อใหเ้ กดิ การทุจรติ ได้ ด้วยเหตนุ ี้ การปอ้ งกนั และปราบปรามการ ทจุ ริตคอร์รปั ชันส�ำหรับประเทศไทยควรใชร้ ปู แบบ “ลา่ งขึ้นบน” โดยทุกภาคส่วนจะต้องรว่ มกนั สร้าง แรงกดดนั ทางสงั คมใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลง ประสานกบั หนว่ ยงานปอ้ งปรามการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั มงุ่ เนน้ มาตรการ “ปอ้ งกนั ” มากกวา่ การปราบปรามเพอ่ื ลดการตอ่ ต้านของฝา่ ยบริหารและกลุ่มผลประโยชน์ (Interest Groups) ในภาคธุรกจิ แน่งน้อย เจริญทวีทรัพย์, (อา้ งถงึ ใน สังศติ พิริยะรังสรรค์, 2553, น.45) ไดใ้ หต้ ัวอย่างการ ฉ้อโกงในงบดุลทางการเงินของธุรกิจเอกชนเอาไว้ดังต่อไปนี้คือ การฉ้อโกงในงบดุลทางการเงิน (เช่น การแสดงรายรับท่ีสูงเกินจริง การปลอมแปลงการซ้ือทรัพย์สิน การให้กู้ยืมแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง และ การทำ� ใหร้ ะบบการตรวจสอบภายในออ่ นแอ) การระบถุ งึ รายรบั ในอนาคตทเ่ี กนิ จรงิ (เชน่ ระบยุ อดขาย ในอนาคตมาไว้ในช่วงปัจจุบัน และไม่ได้มียอดการซื้อขายจริง) การซ้ือสินทรัพย์อย่างไม่ถูกต้อง (ใช้เงินสดไปซ้ือทรัพย์สิน รายการสินค้า และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และไม่มีใบเสร็จรับเงินจากลูกหน้ี) การประเมินทรัพย์สินอยา่ งไมเ่ หมาะสม (การยนิ ยอมใหม้ หี น้ีเสยี ในระดับสงู จากรายรับท่พี ึงไดก้ ารขาย ทรัพย์สินให้แก่คนวงใน) การให้กู้ยืมแก่บุคคลที่อยู่วงในของบริษัท (การให้กู้ยืมโดยไม่มีการลงบันทึก บัญชีว่าให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ การปกปิดการคำ�้ ประกันเงินกู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่) การท�ำให้ระบบ ตรวจสอบภายในอ่อนแอ (โดยฝ่ายบริหารมีอ�ำนาจเหนือฝ่ายตรวจสอบ การแบ่งแยกหน้าท่ีภายใน ไม่ชดั เจน อ�ำนาจที่ได้รับมอบหมายตามกฎหมายอยู่ในมอื ของคนเพยี ง 2 - 3 คน) เป็นต้น

94 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) 4.3 กระบวนการฟอกเงนิ “การฟอกเงนิ ” คอื “การเปลย่ี นแปรสภาพเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทไี่ ดม้ าโดยผดิ กฎหมายใหเ้ สมอื นหนงึ่ ว่าเป็นเงินที่ได้มาโดยชอบ หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การฟอกเงินเป็นกระบวนการซ่ึงกระท�ำ โดยบคุ คลตอ่ ทรพั ยส์ นิ เพอื่ ปกปดิ แหลง่ ทมี่ าของรายไดท้ ผี่ ดิ กฎหมายและทำ� ใหร้ ายไดน้ นั้ มที มี่ าโดยชอบ ดว้ ยกฎหมาย และยงั หมายความรวมไปถงึ การเปลยี่ นเงนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดม้ าโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย หรอื ไม่สจุ ริตใหก้ ลายเป็นเงนิ ทไ่ี ดม้ าโดยชอบดว้ ยกฎหมาย” (นภดล จยุ้ นยุ้ , 2550) อนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการตอ่ ตา้ นองคก์ รอาชญากรรมขา้ มชาตปิ ี 2543 (UN Convention Against Transnational Organized Crimie 2000) ระบไุ วใ้ นมาตรา 6 (a) “การฟอกเงิน” หมายถงึ การเคลื่อนยา้ ยถา่ ยโอนหรอื กระท�ำการใด ๆ กบั ทรพั ยส์ นิ โดยมจี ดุ ประสงค์เพื่อปกปดิ อ�ำพรางลักษณะ ท่ีแท้จริงของทรัพย์สินนั้น รวมถึงที่มา สถานที่ต้ัง องค์ประกอบ เส้นทางเคล่ือนย้ายกรรมสิทธิ์หรือ เจา้ ของโดยรวู้ ่าทรพั ยส์ นิ นัน้ มีทม่ี าจากการประกอบอาชญากรรม พระราชบัญญัติปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. 2542 (ฉบับประมวล) ของไทย ระบไุ วใ้ น มาตรา 5 ผูใด (1) โอน รับโอน หรือเปลีย่ นสภาพทรพั ยส ินทเ่ี ก่ียวกับการกระทําความผิดเพอื่ ซกุ ซอ นหรอื ปกปดแหลง ท่มี าของทรัพยสินน้นั หรือเพ่อื ชว ยเหลอื ผูอ่ืนไมวากอ น ขณะหรือหลงั การกระทาํ ความผดิ มิใหตองรับโทษหรอื รบั โทษนอยลงในความผิดมลู ฐาน หรือ (2) กระทาํ ดว ยประการใด ๆ เพ่อื ปกปด หรืออําพรางลกั ษณะทแ่ี ทจริงการไดมา แหลงทต่ี ้ังการจาํ หนา ย การโอน การไดส ทิ ธใิ ด ๆ ซึ่งทรัพยสินท่ี เกย่ี วกบั การกระทําความผดิ (3) ไดม า ครอบครอง หรือใชทรพั ยส ิน โดยรใู นขณะท่ไี ดม า ครอบครอง หรือใชท รพั ยสินน้ันวา เปน ทรพั ยส นิ ท่เี ก่ยี วกับการกระทาํ ความผดิ ผูน้นั กระทาํ ความผิดฐานฟอกเงนิ ข้อมูลจากหน่วยงาน The Financial Crimes Enforcement Network (FinCEN) ระบุว่า “การฟอกเงิน” คือ การแปรสภาพเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายให้เสมือนได้มาอย่างถูกกฎหมาย หรือ เรยี กไดว้ า่ การนำ� “เงนิ สกปรก” (Dirty Money) ผา่ นกระบวนฟอกจนกลายเปน็ “เงนิ สะอาด” (Clean Money) คณะทำ� งานเฉพาะกจิ เพอื่ ดำ� เนนิ มาตรการทางการเงนิ เกย่ี วกบั การฟอกเงนิ (Financial Action Task Force on Money Laundering: FATF) ให้ค�ำอธิบายเร่ืองการฟอกเงินอย่างกว้างๆ ไว้ว่า การฟอกเงนิ หมายถงึ การด�ำเนนิ การใด ๆ กับเงินและทรพั ยส์ นิ อ่ืน ๆ เพ่อื ปกปิดอำ� พรางจุดเริม่ ต้นทีม่ า หรือปลายทางของผลประโยชน์ซึ่งได้มาจากการกระท�ำผิดกฎหมายและเพื่อป้องกันการตรวจจับและ ยึดอายัดจากเจ้าหน้าที่โดย FATF อธิบายกระบวนการฟอกเงินโดยทั่วไปจะเก่ียวข้องกับ 3 ข้ันตอน (Stage) ดังแสดงในแผนภาพท่ี 2

ปัญหาความไม่โปร่งใสของสถาบนั การเงนิ คลองจัน่ 95 แผนภาพท่ี 2 กระบวนการฟอกเงนิ 3 ขน้ั ตอน ท่ีมา: FATF Report Professional Money Laundering and Related Threats/แปลโดยผวู้ จิ ัย ขัน้ ตอนที่ 1 เป็นการนำ� เงินเขา้ สูร่ ะบบ (Placement Stage) โดยอาชญากรจะนำ� เงินที่ได้ จากการประกอบธรุ กิจผดิ กฎหมายเขา้ สู่ระบบการเงนิ ซง่ึ กระทำ� ไดห้ ลายวธิ ี เช่น การแบง่ สว่ นจากเงิน ก้อนใหญ่ ออกเป็นเงนิ ก้อนเล็ก ๆ (เพื่อใหแ้ ต่ละธรุ กรรมมจี ำ� นวนเงินต�่ำกวา่ เกณฑท์ ่ตี อ้ งรายงาน) แลว้ จึงโอนยา้ ยไปยังบัญชเี งินฝากธนาคารหรอื สถาบันการเงิน (เรียกวา่ วธิ ี Structuring หรอื Smurfing) หรือกิจกรรมอืน่ ๆ รูปแบบเงนิ สด เชน่ (เชค็ ตวั เงนิ แปลงสกุลเงนิ ฯลฯ) ซ้อื ทรัพยส์ ินรปู แบบต่าง ๆ เช่น ที่ดนิ ยานพาหนะ อัญมณี โลหะมคี า่ ฯลฯ เพือ่ ขายตอ่ นำ� เงินไปฝากเปน็ หลักทรัพยค์ ำ�้ ประกันเงนิ กู้ (Back-to-back deposit/loan) หรือใช้ธุรกิจการพนัน เช่น เล่นพนันในบ่อน หรือรับซ้ือลอตเตอร่ี (นภดล จ้ยุ นุ้ย, 2550: ผู้แปล) ขนั้ ตอนที่ 2 เปน็ การปกปดิ ทม่ี าทไี่ ปของเงนิ (Layering Stage) โดยหลงั จากเงนิ ผดิ กฎหมาย เขา้ สรู่ ะบบแลว้ จะเคลอื่ นยา้ ยถา่ ยเทเงนิ ไปมาเพอื่ ปกปดิ อำ� พรางจดุ เรมิ่ ตน้ จดุ ปลายทางและผเู้ กย่ี วขอ้ ง วธิ ที ี่พบมากที่สดุ คือ โอนเงนิ ผ่านบัญชตี ่าง ๆ หลายทอด (ทงั้ ในประเทศและข้ามประเทศ) ต้งั บริษทั บงั หน้า (Front Company) หรอื บริษัทในนาม (Shell Company) แลว้ นำ� เงนิ ผดิ กฎหมายผสมไปกับเงนิ และ กจิ กรรมผดิ กฎหมาย (เรยี กวา่ วธิ ี Commingling) ใชก้ ารคา้ ทง้ั ในและตา่ งประเทศบงั หนา้ โดยใชใ้ บกำ� กบั สินคา้ (Invoice) ปลอม หรือตงั้ ราคาสงู ต�ำ่ เกนิ จรงิ (Over/Under-invoicing) ตลอดจนใช้ธุรกจิ ถ่าย โอนเงินนอกระบบ (Alternative Remittance System หรอื Underground Banking System)

96 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2563) ขั้นตอนท่ี 3 เป็นการน�ำเงินที่ผ่านกระบวนการข้างต้นแล้วเข้าสู่ช่องทางที่สามารถน�ำไปใช้ได้ เสมือนเงินถูกกฎหมายโดยไม่ผดิ สังเกต (Integration Stage) นับเปน็ ข้ันตอนท่ตี รวจจับยากทีส่ ุด โดย อาจน�ำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ตลอดจนกิจการธุรกิจการใช้บริษัทบังหน้าบริษัทในนามจะเป็นประโยชน์ ในขนั้ ตอนนท้ี สี่ ดุ แลว้ เจา้ ของบรษิ ทั จะสามารถแจง้ รายไดท้ ตี่ ำ่� กวา่ สงู กวา่ ความเปน็ จรงิ ปลอมแปลงแกไ้ ข ใบกำ� กบั ภาษี ใบกำ� กบั สนิ คา้ หรอื แจง้ ยอดสนิ คา้ คงคลงั เปน็ เทจ็ ใหเ้ สมอื นเงนิ ผดิ กฎหมายนน้ั มาจากการ ท�ำธุรกิจจรงิ ๆ เมื่อพิจารณาแล้ว “การฟอกเงิน” น่ันคือ ทรัพย์สินท่ีได้จากการคอร์รัปชัน มีลักษณะเป็น อาชญากรรม เรียกว่า Proceeds of Crime ผา่ นกรรมวธิ กี ารฟอกให้ดเู สมอื นวา่ เปน็ ทรพั ย์สนิ ท่ีไดม้ า ชอบด้วยกฎหมาย โดยส่วนใหญ่เป็น White-Collar Crime อาชญากรรมของคนทมี่ ีความรูห้ รือมีการ ศึกษาเป็นผู้ท่ีได้รับการยอมรับจากสังคมท่ีอาศัยโอกาสจากต�ำแหน่งหน้าที่ของตนท่ีเป็นเคร่ืองมือ แสวงหาผลประโยชน์ต่าง ๆ (วีระพงษ์ บญุ โญภาส, 2557) ด้วยเหตนุ ี้ การฟอกเงนิ จึงมีความเกย่ี วข้อง กับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เนื่องจากเหล่าผู้กระท�ำผิด ตลอดจนองค์กรอาชญากรรมต่าง ไมต่ อ้ งการใหผ้ อู้ นื่ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เจา้ หนา้ ทพี่ นกั งานปราบปรามของรฐั ไดท้ ราบถงึ ทมี่ าของทรพั ยส์ นิ และจ�ำเป็นต้องใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อปิดบังหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน อันเป็นผลในการช่วยปิดบังการกระท�ำ ความผิดของบุคคลหรอื องคก์ รเหลา่ นน้ั ชัยยุทธ อังศุวิทยา และคณะ (2560) พบว่า ในปัจจุบันน้ีผู้กระท�ำความผิดหรือองค์กร อาชญากรรมนิยมใช้รูปแบบของสินทรัพย์ (Assets) หน้ีสิน (Liabilities) หรือส่วนของเจ้าของ (Owner’s equity) หรือทุน (Capital) ท่ีเก่ียวข้องกับนิติกรรมสัญญา หรือท่ีเรียกว่า “ธุรกรรมทาง การเงิน” เพือ่ เข้าสู่ “กระบวนการฟอกเงิน” (Money Laundering Process) ประกอบดว้ ย 3 ขัน้ ตอน ได้แก่ 1) Placement คือ การวางทรพั ย์สนิ ท่ีไดจ้ ากการคอร์รัปชนั เข้าส่รู ะบบธรุ กรรมทางการเงินหรอื น�ำไปเปล่ยี นแปลงเป็นทรัพยส์ นิ 2) Layering คอื การท�ำให้เกดิ รายการท่ีหลากหลายของธรุ กรรมทาง การเงินเพ่ือท�ำให้สับสน ซับซ้อน และกลบเกลื่อนร่องรอยแหล่งท่ีมาของ Proceeds of Crime 3) Integration คือ การหลอมรวมให้เกิดเป็นรายการธุรกรรมทางการเงินใหม่เพื่อกลับเข้าสู่ระบบ เศรษฐกจิ อยา่ งถกู กฎหมายดว้ ยการสรา้ งรายการธรุ กรรมทางการเงนิ ดงั กลา่ วใหเ้ ปน็ ไปตามทกี่ ฎหมายรองรบั 4.4 แนวคดิ เครอื ขา่ ยสังคมเชงิ เศรษฐศาสตร์การเมือง ปรีชา เปี่ยมพงศ์สานต์ (2523) กล่าวถึง “แนวคิดเศรษฐศาสตร์การเมือง” (Political Economy) ทม่ี ีรากฐานมาจากความคดิ ของส�ำนักมาร์กซสิ ต์ (Marxism) นนั่ คอื Karl Heinrich Marx ค.ศ. 1818 - 1883 และ Frederick Engels ค.ศ. 1820 - 1895 นักคิดคนแรก ๆ ท่ีทำ� ใหเ้ รามองเห็น “ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคนกบั คน” โดยมจี ดุ มงุ่ หมายวเิ คราะหเ์ กยี่ วกบั “คน” ในสงั คมทมี่ รี ปู แบบความ สมั พันธ์ระหวา่ งกลมุ่ คนแตกตา่ งกนั ไป ไมว่ า่ จะเปน็ ความสมั พนั ธใ์ นด้านเศรษฐกิจ การเมือง วฒั นธรรม กระบวนการยุติธรรม การศึกษา หรืออื่น ๆ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกันโดยจะไม่เน้นการ วเิ คราะหเ์ ศรษฐกจิ เพยี งดา้ นเดยี วเทา่ นนั้ ดงั นน้ั เราจงึ ตอ้ งใชว้ ธิ กี ารวเิ คราะหแ์ บบเศรษฐศาสตรก์ ารเมอื ง ทเ่ี นน้ การมองอยา่ งรอบดา้ น และเหมาะสมกบั บรบิ ททางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป

ปัญหาความไม่โปร่งใสของสถาบนั การเงินคลองจ่นั 97 ผู้วิจัยใช้ Social Network Analysis ในงานวิจัยเร่ือง อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ: กรณี สหกรณ์ฯ เพ่ือวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมของอดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจ่ันที่พัวพันกับการ คอร์รัปชันและการฟอกเงิน เร่ิมจากการศึกษาความสัมพันธ์ (Relation) ระหว่างบุคคล (Actor) ใน เครือข่ายไม่วา่ จะเปน็ ความสมั พนั ธท์ เี่ กดิ ขนึ้ กบั กลุ่มท่ีไมเ่ ป็นทางการ (Informal Group) องค์กรทางสังคม (Social Organization) และโครงสรา้ งทางสังคม (Social Structure) ซ่งึ แตล่ ะคนนนั้ อาจมบี ทบาท หรือหน้าที่ท่ีหลากหลายข้ึนอยู่กับความสัมพันธ์ซ่ึงกันและกัน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยน (Transactional Contact) ที่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์เป็นการร่วมมือกัน น่ันคือการได้รับ ผลประโยชน์จากกนั และกนั (พิมพวลั ย์ ปรีดาสวัสดิ์ และวาทินี บุญชะลกั ษ,ี 2531) ซึง่ ในการศกึ ษาเครอื ขา่ ย สงั คม และปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างอดีตประธานสหกรณ์ฯ (ปจั เจกบคุ คล) กบั กลมุ่ สงั คมต่าง ๆ ทม่ี ธี รุ กรรม การเงินร่วมกันในลักษณะผดิ กฎหมาย ประกอบด้วย 6 กลุม่ ทีร่ ว่ มสมคบฟอกเงนิ (มตชิ น, 2562) เป็น ลกั ษณะความสมั พนั ธท์ างสงั คมทบ่ี คุ คลมตี อ่ กนั และกนั ภายในเครอื ขา่ ย เรมิ่ จากอดตี ประธานสหกรณฯ์ คลองจั่น คอื บคุ คลทเ่ี ปน็ จุดศูนยก์ ลาง ขยายวงกวา้ งออกไปกบั บคุ คลอนื่ ๆ โดยมเี ครือข่ายรวม (Total Network) และเครือข่ายย่อย (Partial Network) เครอื ขา่ ยย่อยเปรยี บเสมือนความสมั พันธส์ ่วนหนึ่ง ในหลาย ๆ ส่วนหรือระบบย่อยของสังคมใหญ่ (ชัยยนต์ ประดิษฐ์ศิลป์ และคณะ, 2559) ต้ังอยู่บน พน้ื ฐานความสมั พนั ธท์ งั้ ทางดา้ นเศรษฐกจิ เครอื ญาติ การเมอื ง หรอื เปน็ ระบบยอ่ ยอนื่ ๆ อยใู่ นเครอื ขา่ ย รวม ซ่งึ เครอื ขา่ ยรวมนน้ั ก็เปรยี บเสมือนสังคมระบบใหญ่ ในสว่ นของโครงสรา้ งของเครอื ขา่ ยทีม่ ีความ ซับซ้อนน้ันคอื โครงข่าย (Net) จะประกอบไปดว้ ย เครือข่ายหลาย ๆ เครือขา่ ย (Network) โดยการ ท�ำงานของเครือข่ายทั้งหมดในโครงข่ายหน่ึงจะมีการท�ำงานในตัวของมันเอง แบบจัดการด้วยตนเอง ทง้ั นี้ เครอื ขา่ ยจะมคี วามซบั ซอ้ นแคไ่ หน มกี ปี่ ระเภท แลว้ มคี วามสมั พนั ธต์ อ่ กนั อยา่ งไร กข็ นึ้ อยกู่ บั ความ เป็นมาของในแต่ละสังคม ส่วนโครงข่ายน้ีมีท้ังท่ีเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ ท่ีรับให้การยอมรับ โดยมีสถานภาพตามกฎหมาย รวมท้ังที่อยู่นอกกฎหมาย ส�ำหรับภายในโครงข่ายน้ันมีแนวความคิดที่ ส�ำคัญในการวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ทางสังคมภายในเครือข่ายระหว่างบุคคลกับบุคคลท่ีเป็นหน่วย อยูใ่ นโครงข่ายน้ัน แนวคิดที่ว่ากค็ อื อำ� นาจ และศูนย์กลาง (Power and centrality) หมายถงึ บคุ คล ทม่ี ตี ำ� แหนง่ เปน็ จดุ ศนู ยก์ ลางเรยี กวา่ Hub ผทู้ อ่ี ยใู่ นตำ� แหนง่ นยี้ อ่ มมเี อกสทิ ธเิ์ หนอื กวา่ ผอู้ นื่ ในเครอื ขา่ ย โดยจะต้องยอมรับด้วยว่าผู้ที่เป็นศูนย์กลางเป็นผู้มีอ�ำนาจ ไม่ว่าจะเป็นท้ังภายในองค์การ และกับ เครือข่ายท่ีไม่เป็นทางการด้วย เน่ืองจากงานวิจัยจ�ำนวนมากพบว่าในความสัมพันธ์น้ันจะไม่ได้เป็นไป อยา่ งตรงไปตรงมา และกเ็ ปน็ ความสมั พนั ธท์ ไ่ี มเ่ ทา่ เทยี มกนั ถงึ แมว้ า่ เรอ่ื งศนู ยก์ ลางนนั้ จะเปน็ ลกั ษณะ ของโครงสรา้ งที่มคี วามสำ� คญั แตก่ ย็ ังมองวา่ เป็นเรือ่ งท่ลี �ำบากในการหาคุณสมบัติที่ชัดเจน (มนทกานติ์ รอดคลา้ ย, 2561) เมอ่ื พจิ ารณาแลว้ ผทู้ เ่ี ขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มในการฟอกเงนิ เปน็ ไปไดว้ า่ อาจมองเหน็ ประโยชน์ ทจ่ี ะไดร้ บั จากการทจุ รติ ของผทู้ เี่ ปน็ ศนู ยก์ ลางกย็ อ่ มตอ้ งมสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องเครอื ขา่ ย ด้วยเชน่ กัน ไดร้ บั ผลประโยชนใ์ นกิจกรรมบางอยา่ ง มีเปา้ หมายร่วมกนั ปรารถนาจะสมทบอะไรบางอย่าง

98 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2563) มีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของร่วมด้วย มีความศรัทธาต่อเครือข่าย มีความเชื่อใจผู้น�ำเครือข่าย และรู้สึก เช่ือมนั่ ตอ่ ความสำ� เรจ็ (ขนิฏฐา กาญจนรงั ษนี นท,์ 2561) 5. ประโยชน์ของการวจิ ัย 5.1 ผลการศกึ ษาทาํ ใหเ้ ขา้ ใจและรบั รวู้ า่ ปญั หาในการบรหิ ารของสหกรณเ์ ครดติ ยเู นยี่ นคลองจน่ั อะไรทีเ่ ป็นปัจจัยและเงอื่ นไขทเ่ี ออ้ื ให้เกดิ การคอร์รปั ชัน 5.2 ผลการศกึ ษาทำ� ใหท้ ราบถงึ รปู แบบการคอรร์ ปั ชนั และกระบวนการฟอกเงนิ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั อดตี ประธานกรรมการสหกรณ์เครดติ ยเู นี่ยนคลองจั่น 5.3 ผลการศึกษาท�ำใหท้ ราบความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการคอร์รปั ชันและการฟอกเงิน 5.4 ผลการศึกษาสามารถน�ำไปเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาการแก้ไขปัญหาป้องกัน การคอรร์ ปั ชนั และตอ่ ตา้ นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจตอ่ ไป 6. กรอบแนวคดิ การวิจยั อาชญากรรมทางเศรษฐกจิ : กรณศี กึ ษาสหกรณเ์ ครดติ ยเู นยี่ น คลองจนั่ จำ� กดั มคี วามเกย่ี วโยง กบั ปญั หาการคอรร์ ปั ชนั หรอื พฤตกิ รรมฉอ้ โกง ซงึ่ มกี ารใชต้ าํ แหนง หนา ทเี่ พอื่ แสวงหาประโยชนส์ ว่ นตน และพวกพ้อง ส�ำหรับกรณีของสหกรณ์ฯ คลองจั่น การคอร์รัปชันของอดีตผู้บริหารท่ีชัดเจนคือ กระบวนการฟอกเงิน กรอบคดิ ของงานวิจยั น้ยี นื พื้นอยู่บนแนวคิดของเศรษฐศาสตรก์ ารเมอื ง ใหค้ วาม สำ� คญั กบั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคนในสงั คม ทย่ี ดึ โยงกนั ดว้ ยความสมั พนั ธด์ า้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง สงั คม วฒั นธรรม ศาสนา อุดมการณ์ กระบวนการยุติธรรม การศกึ ษา มี/หรอื อืน่ ๆ ซ่ึงผู้วจิ ยั ใช้แนวคดิ นี้มา วเิ คราะหเ์ ครอื ขา่ ยทางสงั คม (Social Network Analysis) ของอดตี ผบู้ รหิ ารสหกรณฯ์ คลองจนั่ ทพี่ วั พนั กบั การยกั ยา้ ยถา่ ยเทจนเกดิ เปน็ รปู แบบการคอรร์ ปั ชนั รว่ มกบั กระบวนการฟอกเงนิ โดยศกึ ษาถงึ ความ สมั พนั ธ์ (Relation) ระหวา่ งบคุ คล กลมุ่ ภายในองคก์ ร และกลมุ่ ภายนอกองคก์ ร จนเกดิ เปน็ ปรากฏการณ์ ทเี่ รยี กวา่ “อาชญากรรมคอปกขาว” ทสี่ ะทอ้ นถงึ การคอรร์ ปั ชนั ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั อำ� นาจและอทิ ธพิ ล อ�ำนาจดังกล่าวมาจากต�ำแหน่ง หน้าท่ี การมีสถานะทางกฎหมาย กับท้ังมีอิทธิพลทางการเมืองและ ความสัมพันธ์ส่วนตัว ท่ีใช้เป็นช่องทางในการท�ำอาชญากรรม อาชญากรรมคอปกขาวน้ีเป็นการ คอร์รัปชันท่ีถูกกระท�ำให้ดูเสมือนว่าเงินท่ีผ่านกระบวนการฟอกเงินมีความบริสุทธ์ิ หรือท�ำเสมือนให้ เปน็ เงนิ สะอาด โดยผูก้ ระทำ� การ (Actor) ตา่ งได้รบั ผลประโยชน์ตอบแทนจากระบบความสัมพนั ธท์ ี่เกดิ ขึ้น กับกลุ่มทีไ่ ม่เปน็ ทางการ (Informal Group) องค์กรทางสังคม (Social organization) และโครงสรา้ ง ทางสงั คม (Social structure) ทเี่ ชอื่ มสมั พนั ธก์ นั เปน็ เครอื ขา่ ย ภายใตค้ วามสมั พนั ธร์ ะหวา่ งตา่ งอปุ ถมั ภ์ คือต่างได้ประโยชน์จากทรัพยากรไปเป็นเพื่อประโยชน์ส่วนตน และแม้จะมีการอ้างว่าใช้เงินท่ีผ่าน กระบวนการฟอกเงินไปท�ำประโยชน์เพ่ือองค์กรอันเป็นสาธารณะ แต่ในนิยามค�ำจ�ำกัดความของ

ปัญหาความไมโ่ ปรง่ ใสของสถาบันการเงนิ คลองจั่น 99 คอร์รัปชัน ตราบใดท่ีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใช้ดุลพินิจในการวินิจฉัยโดยมีการกระท�ำท่ีขาดคุณธรรม จริยธรรม ขัดกับความคาดหวังของสังคม ขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนจ�ำนวนมาก และขัดต่อ หลักการแหง่ การมผี ลประโยชนท์ บั ซอ้ นก็ถอื ว่าเปน็ การคอรร์ ัปชนั ทง้ั ส้ิน 7. วิธกี ารดำ� เนนิ การวิจัย งานวจิ ยั ชนิ้ นเ้ี ปน็ การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative Research) มวี ธิ กี ารศกึ ษาแบบบรู ณาการ ศาสตรบ์ นฐานของสหวทิ ยาการแนววพิ ากษ์ (Critical Attributes) โดยตง้ั อยบู่ นศาสตรข์ องความรแู้ บบ กา้ วขา้ มพน้ สาขาวชิ าทมี่ องวา่ ความรแู้ บบแบง่ แยกสาขานน้ั ไมส่ ามารถทจี่ ะใชใ้ นการแกป้ ญั หาสงั คมใน ปัจจุบันได้ อนั เน่อื งจากในแต่ละสาขาวชิ านนั้ มขี อ้ จำ� กัดความรูอ้ ย่ใู นสาขาวิชาของตนเองโดยควบคูก่ บั วิธีวทิ ยาแบบกรณศี กึ ษา (Case-study Methodology) อยู่ในขอบข่ายการวิจยั เชงิ คณุ ภาพเปน็ หลัก กลา่ วคอื ในทางปฏบิ ตั ผิ วู้ จิ ยั ไดเ้ ลอื กกรณศี กึ ษาทมี่ ขี อบเขตชดั เจน (ชาย โพธสิ ติ า, 2559: 151) เปน็ การ ศกึ ษากรณตี วั อยา่ ง (Cases) แบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) ซง่ึ เปน็ การศกึ ษากบั ตวั บคุ คล (Individuals) และกลมุ่ บคุ คล (Social Groups) ที่สามารถให้ขอ้ มลู เชงิ ลกึ ไดพ้ อสมควร ครอบคลมุ ใน ประเดน็ ทศ่ี กึ ษา โดยทผ่ี วู้ จิ ยั สามารถเขา้ ใจในเชงิ ลกึ ไดแ้ ก่ ความคดิ การกระทำ� นบั แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั (สุชาติ ประสทิ ธิร์ ฐั สินธ,ุ์ 2555: 184) โดยผ้วู จิ ยั ได้วางแผนการเก็บรวบรวมข้อมลู เพื่อนำ� ข้อมูลทั้งหมด ท่ีไดม้ าตอบวตั ถปุ ระสงค์การวจิ ัย เมื่อกล่าวถึงแนวคิดวิพากษ์ช่วงแรกได้ก่อตัวขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัย Frankfurt โดยรับอิทธิพลมาจากลัทธิมาร์กซ์ นักคิดคนส�ำคัญ Herbert Marcuse ผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องกับกระบวนการเคล่ือนไหวของนักศึกษา (Schwand, 2544 อ้างถึงใน ชาย โพธสิ ิตา, 2559) และเป็นผูท้ ่ีวางรากฐานส�ำคัญทางปรชั ญา ในการวพิ ากษ์นัน้ จะตอ้ งตัง้ คำ� ถามโดยรับ เอาแนวคิดของนักปรัชญาชาวเยอรมนั Immanuel Kant ค.ศ. 1724 - 1804 มาใช้ในอุดมการณ์ 3 ขอ้ หลกั ๆ คือ What can I know? What should I do? What may I hope? เพอื่ เปน็ การตั้งค�ำถาม และตอบค�ำถาม ฐานคิดนจี้ ะท�ำให้ผูศ้ ึกษาไดท้ �ำความเขา้ ใจตอ่ ตวั บุคคลและสังคมอย่างลกึ ซ้งึ ซง่ึ ผูว้ ิจัย เห็นว่าในการท�ำการศึกษาวิจัยนั้นอยู่บนฐานคิดทางปรัชญาของ Critical Approach เป็นการได้รับ ปรัชญาแล้วคิดตั้งค�ำถามเชิงวพิ ากษ์ (กาญจนา แกว้ เทพ และสมสขุ หินวมิ าน, 2553) นอกเหนือจากนี้ ในการวจิ ยั ทางสังคมศาสตร์ ตามแนวคิดทฤษฎีวิพากษข์ องมาร์กซิสม์ (Marxist theory) และทฤษฎี สตรนี ยิ ม (Feminist Theory) เปน็ กระบวนการทีม่ องถึงค่านิยม (Values) ของผวู้ จิ ยั และผถู้ กู วจิ ัยวา่ “คา่ นยิ มนัน้ คอื อะไร และเปน็ ค่านิยมของใคร” ซง่ึ ถ้าหากว่าเลือกเป็นค่านิยมผ้ถู ูกวิจัย จะตอ้ งพิจารณาวา่ คา่ นยิ มเปน็ ของคนกลมุ่ ไหน เปน็ กลมุ่ ผทู้ มี่ อี ำ� นาจหรอื กลมุ่ ผถู้ กู กดขที่ ไี่ มไ่ ดร้ บั ความยตุ ธิ รรม โดยขน้ึ อยู่ ทผี่ วู้ จิ ยั จะเลอื กคา่ นยิ ม และไมว่ า่ จะเลอื กขา้ งไหนกต็ าม ผลการวจิ ยั ยอ่ มมคี วามแตกตา่ งกนั เมอื่ พจิ ารณา แล้วจะเห็นว่าเป็นการท�ำวิจัยตามแนวคิดทฤษฎีวิพากษ์โดยแท้จริง ท่ีไม่อาจหลีกเลี่ยงกิจกรรมทาง การเมืองได้ เพราะในทางปฏบิ ตั นิ น้ั ผูว้ จิ ยั จะตอ้ งแสดงถึงจุดยนื เลอื กข้างใดข้างหนึ่ง (Guba, 2533 อา้ งถึง

100 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีที่ 13 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2563) ใน ชาย โพธสิ ติ า, 2559) จะตอ้ งผา่ นกระบวนการคดิ เชงิ วพิ ากษ์ (Critical Thinking) นน่ั คอื การรวบรวม ข้อมลู หลกั ฐานตา่ ง ๆ แล้วน�ำมาประเมินทุกด้านอย่างรอบคอบเปน็ เหตเุ ปน็ ผล ผา่ นการศึกษาเรื่องราว เหตุการณ์ ข้อมูลขา่ วสาร แนวความคดิ ปรากฏการณ์ รวมทัง้ ทฤษฎีตา่ ง ๆ ผสมผสานกบั ความรเู้ ดมิ ประสบการณท์ มี่ ี และใชส้ ตปิ ญั ญาคดิ แยกแยะคน้ หาความเปน็ จรงิ ทมี่ เี หตผุ ล จนไดค้ ำ� ตอบทด่ี ี เหมาะสม แลว้ นำ� ไปใช้พิจารณาตัดสนิ ต่อไป (จนิ ดารัตน์ โพธิ์นอก, 2560) อยา่ งไรก็ดี การแสวงหาความรู้ (Epistemology) สมควรจะต้องน�ำองค์ความรู้จากสาขาวิชา ต่าง ๆ มาผสมผสานในการวเิ คราะหง์ านวจิ ัยเพอ่ื สร้างองคค์ วามรู้ หรอื เรยี กว่า “สหวิทยาการ” (Inter- disciplinary) น�ำไปสู่แนวคิดท่ีมีมุมมองอันหลากหลายและยังสามารถเข้าถึงสภาพปัญหา (สถาพร เริงธรรม, 2546) ซึ่งผวู้ ิจัยตระหนักถงึ ความซบั ซอ้ นในปรากฏการณท์ างสังคมทีเ่ กดิ ข้นึ จึงน�ำแนวคิดการ วเิ คราะห์แบบเศรษฐศาสตรก์ ารเมือง (Political Economy Research) วิเคราะหเ์ ครอื ข่ายทางสงั คม ของผคู้ นทพี่ วั พนั กบั กระบวนการฟอกเงนิ รวมไปถงึ นำ� ประโยชนข์ องวธิ วี ทิ ยาแบบกรณศี กึ ษามาใชเ้ พอ่ื ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั เกย่ี วกบั เรอ่ื งการคอรร์ ปั ชนั และการฟอกเงนิ ประกอบกบั การวเิ คราะหว์ าทกรรมคน้ หา ความหมายของแตล่ ะบคุ คลทสี่ อื่ ถงึ เรอื่ งการคอรร์ ปั ชนั และการฟอกเงนิ หรอื ไมว่ า่ จะเปน็ เหตกุ ารณก์ าร เคล่อื นไหวทางสงั คมอืน่ ๆ ทงั้ น้ี ประโยชนว์ ธิ กี ารศกึ ษาแบบกรณีศกึ ษา (Case study) จะชว่ ยเชอื่ มโยง ข้อมูลจากระดับจลุ ภาคไปสู่ระดบั มหภาค (อทุ มุ พร จามรมาร, 2540) โดยผ้วู จิ ยั เร่ิมจากศึกษาในระดับ จุลภาคจากเหตุการณ์ในปี 2556 สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนคลองจั่นไม่สามารถถอนเงินออกได้ เกดิ จากสาเหตใุ ด ท�ำไมสหกรณ์ฯ แห่งน้ีถงึ มคี วามบกพร่องในการด�ำเนินธุรกิจ เหลา่ น้ไี ดส้ ่งผลกระทบตอ่ ความเชือ่ ม่นั ในสหกรณ์ออมทรพั ยอ์ ่ืน ๆ และเกิดความเสียหายตอ่ ระบบเศรษฐกิจ สงั คม และการเมือง เปน็ การศกึ ษาไปถึงระดบั มหภาคเพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถุประสงคข์ องงานวิจัย ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ผู้วิจัยศึกษาข้อมูลจากเอกสาร (Documentary research) และการสมั ภาษณ์ (Interview) โดยผวู้ จิ ยั เรม่ิ จากการศกึ ษาขอ้ มลู จากเอกสาร ซง่ึ จำ� แนกออกเปน็ เอกสาร ชนั้ ต้น (Primary Data) และเอกสารช้ันรอง (Secondary Data) อย่างแรก การศึกษาเอกสารช้นั ตน้ จะเป็นเอกสารข้อมูลต้องมีหลักฐานโดยตรง ดังเช่น “ประเด็นค�ำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขด�ำ อ.1739/2558 ท่ีพนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนาย ศ. อดีตประธานกรรมการสหกรณ์ เครดิตยูเนี่ยนคลองจ่ัน เป็นจ�ำเลย ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ผู้อ่ืน และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดย ทจุ รติ ในฐานะเปน็ ผมู้ อี าชพี หรอื ธรุ กจิ อนั ยอ่ มเปน็ ทไ่ี วว้ างใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 , 354” “พระราชบัญญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2542” “พระราชบญั ญตั ิปอ้ งกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542” “ระเบียบข้อบังคับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจ่ัน จ�ำกัด พ.ศ. 2557” (สุภางค์ จันทวานิช, 2561, น. 107) ข้อมูลจากเอกสารเหล่าน้ีผู้วิจัยได้น�ำมาเป็นส่วนสนับสนุนการ ตีความหมายทไ่ี ด้อาศยั หลกั ฐานต่าง ๆ อนั เป็นทีย่ อมรบั ในทางกฎหมาย ต่อมาการศกึ ษาเอกสารชัน้ รอง เปน็ ขอ้ มลู จากแหล่งอืน่ ซึง่ มผี ทู้ ี่ได้รวบรวม และวิเคราะหไ์ วแ้ ล้วถกู นำ� มาเสนอผล ไมไ่ ดเ้ ป็นขอ้ มลู ท่มี า จากเหตุการณ์โดยตรง ดังเช่น รายงานผลการด�ำเนินงาน และสถานะการเงินสหกรณ์เครดิตยูเน่ียน

ปัญหาความไม่โปร่งใสของสถาบันการเงนิ คลองจ่นั 101 ประจำ� ปี ข้อมลู สถิติ บทสรุปวิเคราะห์ หนังสอื พิมพ์ออนไลน์ วารสาร บทความวิชาการ หนังสอื ตำ� รา วรรณกรรม และงานวิจัยทเี่ กย่ี วข้อง เป็นตน้ เมอื่ ได้ศกึ ษาทบทวนตรวจสอบขอ้ มลู จากเอกสารตา่ ง ๆ แลว้ นนั้ ทำ� ใหผ้ วู้ จิ ยั รบั รใู้ นขอ้ เทจ็ จรงิ ของปรากฏการณแ์ ตอ่ าจยงั ไมล่ งลกึ ถงึ ขอ้ มลู พอ ผวู้ จิ ยั จงึ รวบรวม ประเดน็ คำ� ถามมาสมั ภาษณ์เพิ่มเตมิ เพ่ือให้ไดข้ อ้ มูลตรงเป้าหมายมากที่สดุ ภายใตก้ รอบวตั ถปุ ระสงค์ การวิจัย เพราะฉะนั้นความส�ำคัญในการสัมภาษณ์ก็คือ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้สัมภาษณ์และผู้ตอบ สมั ภาษณ์ทม่ี คี วามยดื หยุน่ (สภุ างค์ จนั ทวานิช, 2561, น.74) เพือ่ เปน็ การทำ� ใหผ้ สู้ มั ภาษณ์ไดร้ ับความ ไว้วางใจมากข้ึน และมโี อกาสที่จะอธบิ ายขยายความในเรอ่ื งหรอื ซักถามได้อยา่ งต่อเนื่อง สามารถรบั รู้ ถึงมุมมองความคิด เข้าใจความหมายต่าง ๆ จากประสบการณ์ของผู้ถูกสัมภาษณ์อย่างลึกซ้ึง (Keith F. Punch, 2548, pp.174 - 175) ในงานวิจัยน้ีจะใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi- Structured Interview) ที่อยู่ตรงกลางระหว่างการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างที่ค�ำถามท่ีต้องการ ค�ำตอบเฉพาะเจาะจง (fixed) มีท้ังหลักการและเหตุผล ในส่วนสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้างจะเป็น ค�ำถามท่ีไม่ได้ก�ำหนดไว้ แต่มาจากข้อสันนิษฐานส่วนตัวของผู้สัมภาษณ์เองที่ได้ปรับค�ำถามให้มีความ สอดคลอ้ งกับสถานการณ์ทีอ่ าจมีการเปลย่ี นแปลงไดใ้ นสัมภาษณ์แตล่ ะคน (กติ พิ ัฒน์ นนทปทั มะดลุ ย์, 2554) ซ่ึงวิธีการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างนี้ ผู้วิจัยได้มีการวางแผนเตรียมการสัมภาษณ์ไว้ก่อน ลว่ งหนา้ อยา่ งมขี น้ั ตอนทมี่ คี วามเขม้ งวดในบางสว่ น และมปี ระเดน็ คำ� ถามในการสมั ภาษณท์ ค่ี รอบคลมุ ใจความหลกั ของเรอื่ ง โดยผวู้ จิ ยั จะเปน็ ผตู้ ดั สนิ ใจวา่ ควรถามอะไร ทตี่ อ้ งมคี ำ� สำ� คญั (Keyword) มาเปน็ ตวั ช้นี ำ� ในการสัมภาษณ์ อยา่ งเช่น การคอรร์ ปั ชนั และการฟอกเงิน (น�้ำทิพย์ จรรยาธรรม, 2559) ท้ังน้ี ผู้วิจัยใช้แนวค�ำถาม (Interview Guide) มาเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายด้วย วธิ ีการสมั ภาษณ์มที ้ังหมด 3 แบบ ได้แก่ 1) สัมภาษณ์เป็นรายบุคคล (Individual Interview) ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth Interviews) โดยอาศยั ผใู้ หข้ อ้ มลู หลกั (Key informants) มงุ่ หวงั ใหแ้ สดงความคดิ เหน็ หรอื เปิดเผยรายละเอียดส�ำคัญของเร่ือง และสถานการณ์ ตลอดจนความหมายต่าง ๆ (Meaning) ได้แก่ นกั บรหิ ารยทุ ธศาสตรก์ ารปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระดบั สงู (นยปส.) ผอู้ ำ� นวยการสว่ นบรหิ าร ทรัพย์สินของส�ำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นักวิชาการสหกรณ์ช�ำนาญการ ส�ำนักนายทะเบียนและกฎหมายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูปอดีต ประธานคณะกรรมการปฏริ ูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษก์ ิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูป แหง่ ชาติ นกั วชิ าการ นกั อาญาวทิ ยา ประธานคณะผู้ท�ำแผนฟนื้ ฟูสหกรณเ์ ครดติ ยเู นย่ี นคลองจัน่ จำ� กัด ผนู้ ำ� ของสมาชกิ ผเู้ สยี หาย ประธานชมรมคมุ้ ครองสทิ ธเิ จา้ หนร้ี ายยอ่ ยของสหกรณเ์ ครดติ ยเู นย่ี นคลองจนั่ จ�ำกดั และสมาชิกผูเ้ สยี หายสหกรณฯ์ 2) การสัมภาษณ์กลุ่ม (Group Interview) ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบกลุ่ม เพ่ือช่วยกัน วิเคราะห์หรือทัศนะร่วมกันในหัวข้อ “เส้นทางคดีฟอกเงินทุจริตสหกรณ์ฯ” โดยอาศัยผู้ให้ข้อมูล ข้อเท็จจรงิ อยใู่ นกรอบความคิดทางกฎหมาย ได้แก่ รองอธบิ ดีกรมสอบสวนคดพี ิเศษ และรองผู้อำ� นวยการ กองคดกี ารเงินการธนาคารและการฟอกเงิน 2 กรมสอบสวนคดีพเิ ศษ (DSI)

102 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีที่ 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2563) 3) การสัมภาษณ์ประวัติศาสตร์บอกเล่า (Oral History) ผู้วิจัยใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบไม่มี โครงสร้าง (Unstructured interview) ไม่เป็นทางการ คือ เน้นให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ให้ข้อมูลทาง ประวัติศาสตร์จากประสบการณ์ส่วนตัวเป็นหลัก เพื่อทราบถึงเจตคติของผู้ถูกสัมภาษณ์ ได้แก่ อดีต ประธานสหกรณ์เครดิตยเู นี่ยนคลองจน่ั จำ� กัด ชุดท่ี 29 8. ผลการวจิ ัย เรื่องของปัญหาการคอร์รัปชันนั้นมีมานานแล้วไม่ใช่เร่ืองใหม่ในสังคมมนุษย์และเป็นเรื่องท่ี สามารถเกดิ ไดท้ กุ แหง่ หนกบั องคก์ รทไ่ี รอ้ ดุ มการณท์ ไี่ มส่ ามารถบรหิ ารจดั การและควบคมุ ระบบใหด้ ไี ด้ ส�ำหรับสหกรณ์อาจจะต้องยอมรับว่า “ปัญหาการทุจริตในสหกรณ์เป็นเร่ืองที่ฝังใจคนไทยมานาน” (สุวรรณา ธวุ โชต,ิ 2558) สหกรณท์ ่จี ัดต้งั ขึน้ ในปจั จบุ ันพบว่าบางแหง่ ยงั มปี ญั หาเก่ยี วกบั การทจุ รติ ในการ ด�ำเนินงานและมีข้อบกพร่องทางด้านการเงินและบัญชี ซ่ึงสาเหตุของปัญหาเป็นไปได้หลายประการ เชน่ การขาดระบบการควบคมุ ภายในท่ดี ี การบรหิ ารจัดการคณะกรรมการดำ� เนินการ ขาดการตรวจสอบ ที่มีประสิทธิภาพ การด�ำเนินงานผิดวัตถุประสงค์ไม่ยึดตามกฎระเบียบ ข้อบังคับของสหกรณ์ ท�ำให้ การด�ำเนินงานของสหกรณ์แนวโน้มมีข้อบกพร่องในการด�ำเนินงานสูง โดยส่วนใหญ่เกิดข้ึนจากคณะ กรรมการและเจ้าหน้าที่ร่วมกันทุจริตด้วยกลวิธีที่มีความซับซ้อนมากข้ึน (ราเชนทร์ ทองนาค, 2558) สอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัยของ สมบูรณ์ สาระสิทธ์ิ (2560) ในกรณีอดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิต ยูเน่ียนคลองจั่น พบสาเหตุส�ำคัญที่ท�ำเกิดการทุจริตข้ึนเกิดจากปัจจัย 2 ด้าน ได้แก่ 1) ปัจจัยด้าน บุคลากรเป็นสาเหตุหลัก และ 2) ปัจจัยด้านการรายงานการตรวจสอบทางการเงินและบัญชีไม่มี ประสิทธภิ าพ ขอ้ สรปุ ทหี่ นงึ่ : จากเหตกุ ารณด์ งั กลา่ วทำ� ไมถงึ เกดิ การคอรร์ ปั ชนั ระดบั หมนื่ ลา้ นขนึ้ ได้ คงเปน็ ไปได้ยากทบี่ คุ คลคนเดียวจะกระท�ำไดแ้ ละมีความเปน็ ไปไดว้ ่าเปน็ การรว่ มมอื กนั ระหวา่ งบุคคลภายใน องค์กรและภายนอกองค์กรเพ่ือให้การตรวจสอบพบการคอร์รัปชันน้ันยากข้ึน ซ่ึงปัจจัยเง่ือนไขท่ีน�ำไปสู่ สาเหตุการคอรร์ ัปชนั ในกรณขี องอดตี ผบู้ รหิ ารสหกรณเ์ ครดติ ยเู น่ียนคลองจัน่ ผวู้ จิ ัยน�ำข้อมลู จากการ สัมภาษณ์เชิงลึกจากกลุ่มเป้าหมายแล้วอาศัยทฤษฎีสามเหล่ียมทุจริตแบบใหม่เพ่ือเป็นองค์ประกอบ ในการอธบิ ายสาเหตุการคอร์รัปชัน โดยมรี ายละเอยี ด ดงั ต่อไปนี้ 1) โครงสร้างสหกรณ์ในระบบการบรหิ ารแบบผูกขาด คือ บุคคลทเ่ี ปน็ สมาชิกสหกรณ์อาศัย ช่องทางจากการเลือกต้ังกรรมการด�ำเนินงานสหกรณ์ จัดต้ังกลุ่มพรรคพวกลงสมัครการเลือกต้ังเพื่อ เข้าไปเป็นกรรมการและสร้างฐานคะแนนเสียงไว้รองรับในการเลือกต้ังครั้งต่อ ๆ ไป เป็นพรรคพวก เดยี วกนั แตจ่ ะแยกออกเปน็ กลมุ่ กรรมการดำ� เนนิ งานกบั ผตู้ รวจสอบกจิ การภายในและไปทำ� หนา้ ทส่ี ลบั กันไปมาเม่อื ครบวาระ จึงเป็นจดุ ออ่ นทำ� ใหร้ ะบบควบคุมการตรวจสอบภายในขาดประสทิ ธภิ าพ เออื้ อำ� นวยใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมการคอรร์ ปั ชนั ตอ่ เนอ่ื งยาวนานนบั 10 ปี (ผเู้ สยี หายจากคดที จุ รติ เงนิ สหกรณฯ์ คลองจน่ั , การส่อื สารส่วนบุคคล, 30 พฤษภาคม 2562) สอดคล้องกับผลการศกึ ษาวจิ ยั ของ ญาณวิทย์

ปัญหาความไมโ่ ปรง่ ใสของสถาบันการเงินคลองจ่นั 103 ประคองโพธ์ิทอง (2556) พบวา่ คณะกรรมการดำ� เนินการสหกรณฯ์ ลงสมคั รเลอื กตั้งในแต่ละสมยั โดย สว่ นใหญจ่ ะเปน็ บคุ คลทม่ี คี วามสนทิ สนมกบั ผกู้ อ่ ตงั้ ทงั้ 3 คนเทา่ นนั้ จงึ ทำ� ใหต้ วั เลอื กสมาชกิ อนื่ ๆ จำ� กดั อยใู่ นวงแคบของกลมุ่ ผมู้ อี ทิ ธพิ ลครอบงำ� สหกรณฯ์ ถงึ แมก้ ารเลอื กตงั้ จะมาจากสมาชกิ ผา่ นมตปิ ระชมุ ใหญ่ กต็ าม แตก่ ต็ กอยใู่ นความเสย่ี งเรอ่ื งการคอรร์ ปั ชนั และผลประโยชนท์ บั ซอ้ น และเปน็ สาเหตใุ หส้ หกรณฯ์ อยู่ในการบริหารแบบผูกขาดเป็นระยะเวลานานหลายสมัย อาจจะเป็นโอกาสให้คณะกรรมการ ด�ำเนินการบางคนหรือทั้งหมดกระท�ำการทุจริตต่อสหกรณ์ฯ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ปรากฏในต่อมาคณะ กรรมการด�ำเนินการสหกรณ์ฯ กระท�ำทุจริตเป็นจ�ำนวนมากด้วยการอนุมัติเงินกู้ท่ีขัดต่อกฎหมาย โดยอดีตประธานสหกรณ์ฯ อนมุ ัติเงนิ ทดรองจา่ ยใหต้ นเองเปน็ เงินกวา่ 4,000 ล้านบาท มิไดผ้ ่านความ เหน็ ชอบจากทปี่ ระชุมใหญ่ 2) อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายบังคับใช้ เนื่องจากกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชี สหกรณเ์ ปน็ หน่วยงานมหี น้าที่กำ� กบั ดูแลสหกรณ์ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2542 พระราชบัญญตั ิสหกรณ์ (ฉบบั ท่ี 1) เกิดข้ึนอย่างสมบูรณ์แล้ว นายทะเบียน นาย บ. ได้ประกาศออกมาว่าสหกรณ์ใดมีความประสงค์ จดทะเบยี นรับสมาชกิ นติ ิบุคคลใหเ้ วน้ มาตรา 41 แหง่ พระราชบญั ญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 แตเ่ มื่อวนั ท่ี 16 ธันวาคม 2552 คณะกรรมการกฤษฎีกาก�ำหนดให้เพิกถอน “การรับจดทะเบยี นขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์ ทกุ สหกรณท์ กี่ ำ� หนดคณุ สมบตั สิ มาชกิ สมทบเปน็ บคุ คลธรรมดา ไมบ่ รรลนุ ติ ภิ าวะ หรอื คณะบคุ คล หรอื นิตบิ ุคคล” ไดม้ ีค�ำสง่ั ไปแล้วแต่คณะกรรมการกฤษฎกี ายงั ไม่ผา่ นมตคิ วามเห็นชอบเน่ืองจากไม่ปรากฏ วา่ มบี ทบญั ญตั ิในมาตราใดในพระราชบัญญัตสิ หกรณ์ พ.ศ. 2542 ที่บัญญตั ิหลกั เกณฑเ์ พกิ ถอนค�ำสงั่ ของนายทะเบยี นสหกรณ์กรณีนี้ไว้โดยเฉพาะ จงึ ไม่เป็นผลให้สหกรณ์ฯ คลองจน่ั หยดุ รับสมาชกิ สมทบ เปน็ เหตใุ หพ้ จิ ารณาตคี วามขยายเวลาออกไปจนกระทงั่ ถงึ ปลายปี พ.ศ. 2553 - 2554 แตท่ วา่ ประกาศ/ ค�ำสงั่ ของคณะกรรมการกฤษฎกี า เม่อื ปี พ.ศ. 2552 - 2553 ท�ำให้สหกรณฯ์ คลองจน่ั ยุติการรับสมาชิก สมทบได้ในตอนนั้น มูลค่าความเสียหายคงจะไม่ถึง 2 พันล้าน (ผู้เสียหายจากคดีทุจริตเงินสหกรณ์ฯ คลองจน่ั , การสอื่ สารสว่ นบคุ คล, วันท่ี 2 พฤษภาคม 2562) 3) เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยอ�ำนาจการวินิจฉัย อันเนื่องจากกรมส่งเสริมสหกรณ์และ กรมตรวจบญั ชสี หกรณไ์ มไ่ ดใ้ ชอ้ ำ� นาจหนา้ ทต่ี ามกฎหมายระงบั การกระทำ� โดยไมช่ อบของนาย ศ. อดตี ประธานสหกรณฯ์ และคณะกรรมการสหกรณฯ์ ปลอ่ ยใหม้ กี ารกระทำ� ความผดิ ระยะเวลากวา่ 10 ปี ใน เรอ่ื งของการปลอ่ ยเงนิ กใู้ หบ้ คุ คลภายนอกขดั ตอ่ กฎหมาย ใชว้ ธิ กี ารแกไ้ ขขอ้ บงั คบั เพอ่ื ใหบ้ คุ คลภายนอก มาเป็นสมาชิกสหกรณ์ รวมทั้งเรื่องการจ่ายเงินทดรองของนาย ศ. น�ำไปใช้ในเพื่อธุรกิจส่วนตัวนั้น ในข้อเทจ็ จรงิ นั้นกรมตรวจบญั ชีสหกรณ์รับรแู้ ละแจ้งคณะกรรมการสหกรณฯ์ แก้ไข แตท่ างสหกรณฯ์ ไมไ่ ดด้ ำ� เนนิ การ ซงึ่ กรมสง่ เสรมิ สหกรณค์ วรจะตอ้ งใชอ้ ำ� นาจเพอื่ ยบั ยงั้ ความเสยี หายแตก่ ลบั ไมด่ ำ� เนนิ การ จงึ ถอื ไดว้ า่ 2 หนว่ ยงานนไี้ ดล้ ะเลยตอ่ หนา้ ทต่ี ามกฎหมาย หรอื การปฏบิ ตั หิ นา้ ทมี่ คี วามลา่ ชา้ เกนิ สมควร ทั้งท่ีได้ตรวจพบว่าสหกรณ์ฯ มีการกระท�ำความผิดมาตั้งแต่ปี 2543 (คดีหมายเลขด�ำที่ 2472/2556 และคดีหมายเลขด�ำที่ 913/2557)

104 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) 4) ระบบตรวจสอบจากภาคส่วนต่าง ๆ ยังขาดความเข้มแข็ง ไดแ้ ก่ ผู้ตรวจสอบกิจการหรือ สมาชกิ สหกรณ์ เพราะเหตใุ ดทำ� ไมจงึ ไมต่ รวจสอบ โดยทว่ั ไปสมาชกิ มกั จะคำ� นงึ ถงึ ผลประโยชนต์ อบแทน อาจก่อให้เกดิ ละเลยการตรวจสอบไปได้ แต่ถ้าหากตวั ผู้สอบกิจการนัน้ ไมส่ ามารถตรวจสอบได้ ก็จะใช้ ผสู้ อบบญั ชที างภาคเอกชนทำ� หนา้ ทตี่ รวจสอบ นน่ั เปน็ จดุ ออ่ นเพราะวา่ สหกรณฯ์ คลองจน่ั เปน็ นายจา้ ง และผสู้ อบบญั ชภี าคเอกชนกอ็ ยภู่ ายใตก้ ารกำ� กบั ดแู ลของกรมตรวจบญั ชสี หกรณ์ ดงั นน้ั กรมตรวจบญั ชี สหกรณจ์ ะตอ้ งรบั ทราบหากวา่ บญั ชนี นั้ มปี ญั หาอะไร ขอ้ มลู เบอ้ื งลกึ คอื วา่ ผทู้ เ่ี ปน็ ผสู้ อบบญั ชภี าคเอกชน กค็ อื ขา้ ราชการเกษยี ณของกรมตรวจฯ เพราะฉะนนั้ เรอื่ งเทคนคิ ในการเขยี นไมใ่ หต้ รวจพบความผดิ ปกติ จ�ำนวนเงินมากมายมหาศาลผ่านการตรวจสอบมาได้จงึ เป็นปญั หา เม่ือกรมสง่ เสรมิ ตรวจสอบภายหลงั พบวา่ มกี ารทำ� หลกั ฐานการเงนิ ทด่ี เู หมอื นไมผ่ ดิ ปกติ รวมไปถงึ การจดั ทำ� งบการเงนิ (กรมสง่ เสรมิ สหกรณ,์ การส่ือสารส่วนบุคคล, วันที่ 5 มถิ นุ ายน 2562) 5) สงั คมและวฒั นธรรมกับค่านิยมยกยอ่ ง/เกียรตคิ ุณทางสงั คม เปน็ ความบกพร่องของระบบ สหกรณเ์ ครดติ ยเู นย่ี นคลองจน่ั สว่ นหนงึ่ พบวา่ การกลไกการควบคมุ ทางภาครฐั ดแู ลไมท่ วั่ ถงึ กรมตรวจ บัญชีสหกรณ์รับรองยกระดับว่าเป็น “สหกรณ์มาตรฐานในระดับดีเลิศ ประจ�ำปี 2554” อีกทั้งกรม ส่งเสริมในฐานะนายทะเบียนสหกรณก์ ใ็ หร้ างวัลเกียรติคุณ นาย ศ. วา่ เปน็ นกั สหกรณแ์ ห่งชาติ มกี าร เผยแพรป่ ระกาศทำ� ใหส้ มาชกิ ความเชอ่ื มน่ั วา่ สหกรณเ์ ครดติ ยเู นย่ี นคลองจน่ั มี “สถานะการเงนิ ด”ี มกี ำ� ไร มนั่ คง ทำ� ใหอ้ ดตี ประธานสหกรณฯ์ ใชค้ วามนา่ เชอ่ื ถอื เหลา่ นนั้ หลอกลวงใหป้ ระชาชนหลงเชอื่ นำ� เงนิ มา ฝากมากย่ิงข้ึนเพื่อจะได้ผลตอบแทนสูง ขัดแย้งกับความเป็นจริง อดีตประธานฯ ตกแต่งบัญชีถ่ายเท ผลประโยชนข์ องสหกรณไ์ ปเปน็ ประโยชนส์ ว่ นตวั (ไพบลู ย์ นติ ติ ะวนั , การสอื่ สารสว่ นบคุ คล, 5 มถิ นุ ายน 2562) 6) การระดมทนุ เขา้ สหกรณแ์ ละกระจายการลงทนุ ในกจิ การอน่ื ๆ มสี มาชกิ สหกรณฯ์ คลองจนั่ จ�ำนวนหนึ่ง ไดก้ ล่าววา่ สหกรณแ์ ห่งนีม้ ีนาย ศ. ด�ำรงต�ำแหนง่ ประธานและเป็นผ้บู รหิ ารตั้งแตต่ ้นเปน็ ระยะเวลากวา่ 30 ปี ดำ� รงต�ำแหน่งประธานเรอ่ื ยมา จนกระทัง่ ชว่ งหลงั มกี ารเปลีย่ นแปลงคณะบริหาร เหตุจากพบความผิดปกติเม่ือปี พ.ศ. 2552 มีการปล่อยกู้ให้กับบริษัทที่มีช่ือของนาย ศ. ท่ีพัวพันอยู่ มีมูลค่าหลายพันล้าน แต่เน่ืองด้วยสถานะสหกรณ์ฯ คลองจ่ันมีความน่าเช่ือถือสูงท่ีให้ผลตอบแทน รอ้ ยละ 10 ในการลงทุน หรือฝากจะได้ดอกรอ้ ยละ 5 - 5.5 เป็นสว่ นหนึง่ ทดี่ ึงดดู ใจประชาชนให้น�ำเงนิ ไป ลงทุนเพราะมีดอกเบ้ยี ทส่ี ูงกวา่ ฝากทว่ั ไป ข้อเท็จจรงิ สหกรณ์น้ปี ล่อยก้ทู ี่ไมส่ มเหตุสมผล 12,000 ลา้ น บาท และตัวประธานกยู้ มื เอง 3.3 พนั ลา้ นบาท สง่ ผลให้ผู้ฝากทีม่ สี มาชกิ กว่า 5.2 หมนื่ คนทั่วประเทศ ไมส่ ามารถเบกิ เงนิ ไดน้ านกวา่ 6 เดอื น โดยเฉพาะเงนิ ยมื ทดรองจา่ ยทม่ี มี ากกวา่ 3 พนั ลา้ นบาท เปน็ การ ด�ำเนินการเองโดยไม่มรี ะเบยี บรองรับ (เรอ่ื งเล่าเช้าน้ี ร้องคดสี หกรณค์ ลองจนั่ ไมค่ บื , 2556, 2 ตลุ าคม) ศุภกิตติ์ แสวงการ (2556) อดีตสมาชิกสหกรณ์ฯ คลองจ่ันเผยสาเหตุที่ตัดสินใจฝากเงินกับ สหกรณน์ เี้ พราะไดผ้ ลตอบแทนทส่ี งู กวา่ ทอี่ นื่ ไดแ้ ก่ 1) บญั ชที นุ เรอื นหนุ้ เงนิ ปนั ผลรอ้ ยละ 10 จากยอด การฝากหุน้ 2) เงนิ ฝากออมทรัพยส์ หกรณ์ฯ ดอกเบ้ยี รอ้ ยละ 5.5 สูงกว่าออมทรัพยธ์ นาคารทว่ั ไปเกือบ

ปญั หาความไม่โปร่งใสของสถาบันการเงินคลองจัน่ 105 3 เทา่ หากเปรยี บเทยี บสว่ นตา่ งของดอกเบย้ี ออมทรพั ยใ์ นปี 2556 ธนาคารกสกิ รใหร้ อ้ ยละ 0.75 นอ้ ยกวา่ สหกรณฯ์ คลองจน่ั รอ้ ยละ 2 และเมอื่ เปรยี บเทยี บกบั สหกรณอ์ น่ื ๆ เชน่ สหกรณอ์ อมทรพั ยจ์ ฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั หรือสหกรณอ์ อมทรัพยก์ ารไฟฟา้ ฝ่ายผลิตแหง่ ประเทศไทย อตั ราการจา่ ยดอกเบี้ยไม่ถึง ร้อยละ 4 ตา่ งจากสหกรณฯ์ คลองจ่ัน ในรปู แบบออมทรัพยพ์ เิ ศษสหกรณฯ์ ก�ำหนดสิทธิ์ใหถ้ อนเงินได้ เดอื นละ 1 คร้งั แต่หากจะต้องถอนเพ่ิมในเดือนเดียวกันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมใหส้ หกรณ์ฯ ร้อยละ 1 ของจ�ำนวนยอดเงินท่ีถอน (ไทยพับลิก้า, 2556) ส�ำหรับสหกรณ์ฯ คลองจั่น ในช่วงแรกมีการเปิดรับ สมัครสมาชิกอย่างเปิดกว้างข้ึนกว่าเดิม เมื่อนายทะเบียนได้ออกหลักเกณฑ์เปิดกว้างมันเหมือนกลาย เป็นช่องทางให้สหกรณ์ฯ คลองจั่นเห็นช่องทางที่จะไประดมทุนข้างนอกซึ่งมันก็มีความเกี่ยวพันกับ วัดธรรมกายด้วย เพราะว่าเงินจ�ำนวนมากมันไหลไปวัดพระธรรมกายตามเส้นทางการเงิน จุดเริ่มต้น ทสี่ ำ� คญั คอื การเปดิ รบั สมาชกิ เขา้ มาเปน็ จำ� นวนมากโดยจงู ใจดว้ ยผลตอบแทนในรปู แบบของเงนิ ปนั ผล จากการถอื หนุ้ และดอกเบย้ี จากเงนิ รบั ฝาก เพราะดอกเบย้ี เงนิ รบั ฝากตามระเบยี บสหกรณก์ ำ� หนดอตั รา ดอกเบ้ียเงนิ รบั ฝากไวท้ ่รี ้อยละ 7 สหกรณ์เครดติ ยูเนยี่ นคลองจัน่ ใหอ้ ยทู่ ี่ประมาณร้อยละ 6 และอัตรา เงินปันผลก�ำหนดไว้ให้ไม่เกินร้อยละ 10 สหกรณ์ฯ ก็จ่ายเต็ม 10 หรือใกล้เคียงกับร้อยละ 10 ตาม กำ� หนด ซง่ึ คา่ ตอบแทนเฉลย่ี ของการนำ� เงนิ ไปลงทนุ มนั ไมถ่ งึ ขนาดนน้ั (กรมสง่ เสรมิ สหกรณ,์ การสอื่ สาร สว่ นบคุ คล, 5 มิถนุ ายน 2562) 7) ขาดหลักยึดถือทางด้านคุณธรรมและจริยธรรม “ความโลภ ความหลง จากการได้เงินมา โดยง่ายท�ำให้เป็นบ่อเกิดของความเสียหาย อีกท้ังระบบการควบคุมตรวจสอบของสหกรณ์ก็ยังไม่ได้ มาตรฐานและลา้ สมัยมาก” (ไพบลู ย์ นิตติ ะวัน, การสื่อสารส่วนบคุ คล, 5 มถิ นุ ายน 2562) นอกจากน้ัน จริยธรรมองคก์ รไม่สามารถบังคบั ใชใ้ ห้เกิดผล การดำ� เนนิ งานของสหกรณต์ ่าง ๆ ขน้ึ อยู่กบั การบรหิ าร ที่ดีมีคุณธรรมและจริยธรรม เพราะสหกรณ์อาจจะหาช่องว่างทางกฎหมาย เพ่ือดําเนินงานการตาม ความตอ้ งการโดยบรหิ ารเงินท่มี อี ยู่ ปจั จบุ นั สหกรณ์หลายแห่งเนน้ หาแหล่งเงินทนุ จากภายนอก เขา้ สู่ อทิ ธพิ ลของระบบทนุ นยิ ม สว่ นทางภาครฐั ควรสง่ เสรมิ ใหส้ หกรณเ์ ตบิ โตแบบทม่ี าจากโครงสรา้ งภายใน ของสหกรณ์ ไมใ่ ชส่ หกรณเ์ ขา้ หาแหลง่ เงนิ ทนุ อยา่ งทไ่ี ดเ้ ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั (รจุ พิ ชั ร์ กติ ตวิ วิ ฒั นพงศ์ และ กนกรตั น์ ยศไกร, 2559) ซง่ึ เปน็ ปญั หาหนง่ึ ในการดำ� เนนิ งานสหกรณเ์ พราะการมงุ่ หวงั ใหส้ หกรณเ์ ตบิ โต ตามเศรษฐกจิ อาจจะทำ� ใหก้ ลายเปน็ องคก์ รธรุ กจิ ได้ จนไมค่ ำ� นงึ ถงึ “อดุ มการณส์ หกรณ์ ลมื หลกั ธรรมาภบิ าล ลมื ธรรมะทมี่ ตี อ่ องคก์ รต่อสังคม” (สาคร บญุ เชญิ , 2561) ขอ้ สรปุ ทสี่ อง: รปู แบบการคอรร์ ปั ชนั หรอื พฤตกิ รรมการทจุ รติ ทเี่ กดิ ขนึ้ ภายในสหกรณส์ ามารถ เกดิ ขน้ึ ไดห้ ลายรปู แบบซง่ึ ไมแ่ ตกตา่ งจากการทจุ รติ ในองคก์ รภาครฐั หรอื เอกชนอนื่ ๆ อาทิ การปลอมแปลง เอกสาร (Offences relating to certificate) เพื่อหวังผลประโยชน์ กระท�ำการใด ๆ อันเป็นเท็จ หรือบดิ เบอื น หลีกเลี่ยง ฝา่ ฝืนกฎระเบยี บ ขอ้ บังคับสหกรณ์ รบั สินบน กนิ ใตโ้ ตะ๊ เอาผลประโยชน์จาก การบรหิ ารโดยไมส่ จุ รติ นอกจากนยี้ งั เกดิ จากพฤตกิ รรมเบยี่ งเบนไปของผบู้ รหิ ารและฝา่ ยจดั การ กเ็ ปน็ ส่วนหนึ่งที่จะเอ้ือต่อการทุจริตได้ในสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นความหย่อนยานในการท�ำงานท่ีไม่มี

106 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 13 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2563) ประสทิ ธิภาพ ไม่ใสใ่ จคณุ ภาพของผลงาน ไม่มีความรับผดิ ชอบ ไม่มกี ารเอาจริงเอาจัง ไมท่ ำ� การตดั สินใจ ไม่ยึดมั่นระเบียบวินัยในการท�ำงาน ขาดความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ขาดความเป็นมืออาชีพ ชอบท�ำ อะไรยุ่งยากหากไม่จ�ำเป็น การท�ำงานที่จ้องแต่การแสวงหาผลประโยชน์ เช่น ชอบไม่ปฏิบัติตาม กฎระเบียบ ไมช่ ัดเจนตรงไปตรงมา การท�ำงานแบบเล่นพรรคเล่นพวก การเออื้ ประโยชนห์ รอื ให้สิทธพิ ิเศษ พวกพ้องและญาติมติ ร ฯลฯ พฤติกรรมเหลา่ นอ้ี าจจะดยู ังไมใ่ ชเ่ ป็นการกระท�ำการทุจรติ โดยตรง แต่ก็ อาจเปน็ การเกอ้ื กลู กนั และกอ่ ใหเ้ กดิ การทจุ รติ มากขึ้นหรอื นอ้ ยลงในสหกรณ์ (สวุ รรณา ธวุ โชต,ิ 2548, น. 41) ด้วยเหตุผลเหล่าน้ีเมื่อพิจารณารูปแบบการทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นท่ีมุ่งเน้นการ ดำ� เนนิ กจิ การในเชงิ ธรุ กจิ ผดิ ไปจากกรอบของกฎหมายสหกรณ์ ขดั ตอ่ ระเบยี บและแนวทางยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิ ในการดำ� เนนิ งานสหกรณ์ (เกลยี วเชอื ก, 2556) ในแง่ของพฤตกิ รรมได้ปรากฏว่ามีการทุจรติ โดยอาศัย อ�ำนาจ “ประธานกรรมการดำ� เนินการสหกรณ”์ ในข้อบงั คบั ประเภทสหกรณ์เครดติ ยูเน่ยี น หมายถึง “บุคคลทมี่ ีอำ� นาจหนา้ ท่ใี นการอนุมตั ิลงลายมอื ช่ือในเอกสารตา่ ง ๆ ในนามของสหกรณ์ตามท่ีก�ำหนด ไว้ในข้อบังคับควบคุมดูแลการด�ำเนินงานโดยท่ัวไปของสหกรณ์ให้อยู่ในวัตถุประสงค์เป็นไปด้วยความ เรียบร้อย” แต่ในทางตรงกันข้าม กลับใช้อ�ำนาจประธานสหกรณ์แสวงหาประโยชน์แก่ตนเองหรือ พวกพอ้ ง โดยวิธกี ารอนมุ ัติเงนิ กูข้ องสหกรณ์ฯ ไปใชใ้ นกิจการของตนเอง หรอื การนำ� ไปเสี่ยงลงทุนใน กจิ การอนื่ ๆ และทำ� สญั ญากยู้ มื เงนิ ระหวา่ งสหกรณฯ์ กบั สมาชกิ สมทบซงึ่ เปน็ นติ บิ คุ คลหรอื คณะบคุ คล ทีไ่ ม่ได้ถอื หุน้ ในสหกรณ์ จำ� นวน 27 ราย รวมเงินสญั ญากยู้ ืม 11,858 ลา้ นบาท มิได้มกี ารกู้ยมื เงนิ กันจรงิ (กรงุ เทพธรุ กิจ, 2562) โดยมีดงั ตอ่ ไปน้ี 1) จัดต้ังบริษัทในเครือของตนเพื่อกู้ยืมเงิน จากการตรวจสอบกรมสอบสวนคดีพิเศษพบ เสน้ ทางการเงินของอดตี ประธานกรรมการดำ� เนินการสหกรณ์ นาย ศ. เขา้ ไปมีสว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั การทำ� สญั ญากยู้ มื เงนิ จำ� นวน 33 ฉบบั อยใู่ นชว่ งระหวา่ งปี 2553 - 2555 ใชว้ ธิ กี ารอนมุ ตั เิ ปน็ ลายมอื ชอื่ ปลอม ลงนามขอกเู้ งิน และอนมุ ตั ิใหก้ ู้ โดยเชค็ สง่ั จ่ายไปยังนิตบิ คุ คล 27 ราย และมชี ่ือนาย ศ. อยู่ในบรษิ ัท นนั้ ๆ เจา้ หนา้ ทก่ี รมสอบสวนคดพี เิ ศษไดร้ บั การยนื ยนั จากนติ บิ คุ คล 4 - 5 แหง่ วา่ ไมเ่ คยกเู้ งนิ กบั สหกรณ์ (ไทยรัฐ, 2558) นอกจากนี้ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบค้นหาขอ้ มลู พบวา่ ลูกหน้ี เงนิ กสู้ มทบจำ� นวน 10 ราย จากทงั้ หมด 27 ราย เป็นบรษิ ทั ทม่ี นี าย ศ. และ นาย ป. เป็นผถู้ ือห้นุ ใหญ่ โดย 10 บริษทั น้ีได้กเู้ งินจากสหกรณ์ฯ คลองจนั่ ไปเปน็ จ�ำนวน 5,273,015,015 บาท (ไทยพับลกิ า้ , 2556) สำ� หรบั วธิ ีการปลอมแปลงเอกสารสัญญาเงนิ กู้ แบ่งออกเปน็ 2 ลักษณะ คอื สญั ญาเงินกู้ “ร่วมกนั ปลอม” เป็นการใช้เอกสารสิทธ์ิปลอม เพ่ือไม่ให้ผู้ตรวจบัญชีตรวจพบหรือสงสัยระบบบัญชี และใช้ เป็นหลกั ฐานยืนยนั ในระบบบญั ชีแสดงให้เหน็ วา่ เงินทีห่ ายไปจากบัญชสี หกรณ์ฯ 10,812,663,995.29 บาท มผี ู้กู้เงินตามสญั ญาจากข้อเท็จจริงไมป่ รากฏว่ามีการกู้ยืมเงนิ แต่อย่างใด และสญั ญาเงนิ กู้ “กู้เอง อนมุ ตั ิเอง” เปน็ การกเู้ งนิ สหกรณโ์ ดยอดีตประธานกรรมการสหกรณ์ฯ นาย ศ. ในฐานะผูก้ ู้และผอู้ นุมัติ การปล่อยกู้เปน็ คนเดยี วกนั ซ่งึ ลงนามในสัญญาเงนิ กูฉ้ บับเดยี วกนั และในบางสัญญาเงนิ กู้ นาย ศ. ไม่ได้

ปญั หาความไม่โปร่งใสของสถาบนั การเงินคลองจั่น 107 ลงลายมอื ชอื่ ซง่ึ การทำ� สญั ญานน้ั เปน็ การทำ� ภายในวนั เดยี วกนั หลายสญั ญาเงนิ กู้ (คดหี มายเลขดำ� ท่ี อ. 3056/2560) 2) การสร้างลูกหนี้ปลอมหรือบัญชีลูกหน้ีปลอม อดีตประธานกรรมการด�ำเนินการสหกรณ์ฯ นาย ศ. เมอื่ วันท่ี 2 พฤษภาคม 2557 ไดย้ อมรบั วา่ ใชว้ ธิ กี ารปลอมแปลงลายมอื โดยใช้ชื่อของนางสาว จ. (เปน็ หนึง่ ในลูกหนี้ 27 ราย) ลงในสัญญาก้ยู ืมเงินจำ� นวนทงั้ หมด 5 ฉบบั รวมเป็นเงิน 1,810 ลา้ นบาท มีเจตนาเพ่ือให้ผู้ใดผู้หน่ึงน้ันหลงเช่ือว่านางสาว จ. ท่ีได้กู้ยืมเงินไปจากสหกรณ์ฯ คลองจั่น ซ่ึงสัญญา เงินกดู้ งั กลา่ ว นาย ศ. สัง่ ทดรองจา่ ยเงินเพือ่ เข้าบญั ชีตวั เอง (คดหี มายเลขดำ� ที่ อ.3472/2556) 3) ปล่อยกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้�ำประกันและหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ นายทะเบียนสหกรณ์ได้ ออกค�ำสั่งที่ 259/2554 เร่ืองสหกรณ์ฯ คลองจ่ันมีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามข้อบังคับหรือค�ำสั่งนาย ทะเบียนเก่ียวกับการถือหุ้นของสมาชิกสมทบและมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจการให้เงินกู้ แกส่ มาชกิ สมทบโดยหลกั ประกนั เงนิ กขู้ องลกู หนส้ี ว่ นใหญไ่ มท่ ราบราคาประเมนิ หรอื หลกั ประกนั มรี าคา ตำ่� กวา่ จำ� นวนเงนิ กซู้ งึ่ สหกรณฯ์ ไมไ่ ดป้ รบั ปรงุ แกไ้ ขตามทผ่ี สู้ อบบญั ชไี ดแ้ นะนำ� ไวป้ ญั หาการใหเ้ งนิ กแู้ ก่ สมาชกิ สมทบซง่ึ ปรากฏในรายงานการตรวจสอบการสหกรณฯ์ คลองจน่ั จำ� กดั ผลการตรวจสอบสญั ญา การกู้ยืมระหว่างสหกรณ์ฯ คลองจน่ั ผใู้ หก้ จู้ ำ� นวน 12 สญั ญา เป็นเงนิ มากถึง 5,023,817,158 บาท มรี ายละเอยี ด ดังน้ี - สัญญากยู้ ืมเงินท่ี “ผู้ก้”ู ไม่ลงลายมอื ชือ่ 3 สัญญา เปน็ เงินกู้ 1,800 ลา้ นบาท - สัญญากู้ยืมเงินท่ี “ผ้ใู หก้ ู”้ ไม่ลงลายมอื ช่อื 7 สญั ญา เป็นเงินกู้ 2,403,817,158 ลา้ นบาท - สัญญากยู้ ืมเงินที่ “ผูก้ แู้ ละผใู้ หก้ ู้” ไมล่ งลายมือชอื่ 2 สญั ญา เป็นเงินกู้ 820 ล้านบาท ผลการตรวจสอบยงั พบวา่ “หลกั ประกนั เงนิ ก”ู้ จำ� นวน 24 สญั ญา วงเงนิ กรู้ วม 11,777,357,158 บาท มกี ารจดจำ� นองคำ�้ ประกันเงนิ กู้จ�ำนวนดังกล่าวเพียง 1,150,309,715 บาท และ “สัญญาเงนิ กูย้ มื เงิน” จำ� นวน 10 สัญญา ตามท่กี ล่าวมาข้างตน้ เงนิ กจู้ ำ� นวน 6,471,700,000 บาท ไมม่ ีการจดจำ� นอง หลกั ทรัพยไ์ ว้เปน็ ประกนั เงนิ กู้แต่อยา่ งใด 4) การยมื เงนิ ทดรองจา่ ยใหบ้ คุ คลอน่ื ทไ่ี มเ่ กย่ี วขอ้ งกบั สหกรณฯ์ อดตี ประธานกรรมการดำ� เนนิ การ นาย ศ. ไดเ้ บกิ “เงนิ ยมื ทดรองจา่ ย” โดยระบวุ า่ เปน็ การทดรองจา่ ยของตนเอง จำ� นวน 191 รายการ รวมเป็นเงนิ 4,036.84 ล้านบาท และได้สงั่ จ่ายใหบ้ คุ คลอ่นื ทไี่ ม่ไดเ้ ก่ียวข้องกับสหกรณ์ฯ ซ่ึงไมม่ กี ารแจ้ง ทางคณะกรรมการด�ำเนินการสหกรณ์ฯ ให้มีมติเห็นชอบด้วย ในข้อเท็จจริงการเบิกจ่ายลักษณะน้ี ตามระเบยี บขอ้ บงั คบั สหกรณไ์ มไ่ ดก้ ำ� หนดไวว้ า่ ประธานกรรมการดำ� เนนิ การสหกรณฯ์ มอี ำ� นาจกระทำ� การ ได้ สำ� หรับการตรวจสอบไมป่ รากฏว่าไดม้ กี ารนำ� เงินคืนใหก้ บั สหกรณแ์ ต่อยา่ งใด กลบั พบวา่ มกี ารถอน เงินสด หรอื นำ� เช็คเข้าบัญชีเลขที่ หรอื ซ้อื แคชเชียร์เชค็ เข้าบัญชีเงินฝากของตนเองและของบคุ คลอื่น และนำ� ไปกระทำ� การอนื่ หรือน�ำไปสงั่ จ่ายให้บคุ คลอนื่ ท้ังทางตรงหรอื ทางออ้ ม (ไทยพับลิก้า, 2556) 5) ตกแต่งบัญชีงบการเงินหรือรายงานการเงินขัดต่อข้อเท็จจริงจากข้อมูลรายงานประจ�ำปี พ.ศ. 2552 – 2555 ของสหกรณฯ์ คลองจ่นั พบวา่ มกี ารตบแต่งบญั ชหี รืองบการเงนิ โดยใชว้ ิธีการสร้าง

108 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2563) รายการทางบญั ชแี สดงผลประกอบการทไ่ี มเ่ ปน็ ความจรงิ หลอกลวงเพอื่ ใหส้ มาชกิ เขา้ ใจวา่ สหกรณฯ์ มี สถานะการเงนิ ดี รายงานตัวเลขกำ� ไรสุทธสิ งู กว่าความเป็นจรงิ (คดหี มายเลขด�ำท่ี 1260/2561) ขอ้ สรปุ ทส่ี าม: จุดเรม่ิ ต้นของการฟอกเงินสบื เนอ่ื งจากอดตี ประธานสหกรณ์ฯ ทจุ รติ ไดม้ ีการ ส่ังจา่ ยเช็คไปยงั เครือขา่ ยกลุ่มตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ 7 กลมุ่ ประกอบดว้ ย (1) กลุม่ นิติบุคคลที่มีมลู หน้ี (2) กล่มุ วัดพระธรรมกาย พระเทพญานมหามุณี (3) มูลนิธิมหารตั นอบุ าสกิ าจันทร์ และพระเครอื ขา่ ย (4) กลุ่มสหกรณ์อน่ื ๆ (5) กลุม่ ผู้ตอ้ งหาและผู้อยใู่ นข่ายผู้ตอ้ งหา (6) กลมุ่ บคุ คลธรรมดาทีร่ ับเชค็ (7) กลุม่ นายหนา้ ทีด่ นิ และกลุม่ นิติบุคคลท่ีไมม่ ีมลู หน้ี โดยสอบสวนผ้ทู ่ีรับเงนิ มาในแต่ละกลุ่ม ซง่ึ ในกลมุ่ ที่ สามารถช้ีแจงมูลหน้ีได้นั้นเป็นอันจบสิ้นไป แต่ส่วนท่ีไม่มีมูลหน้ีก็ถูกด�ำเนินคดีเร่ืองฟอกเงิน (ปกรณ์ สชุ วี กุล, กรมสอบสวนคดพี เิ ศษ. การสอื่ สารสว่ นบุคคล, 18 มิถุนายน 2562) ซง่ึ ในกรณีของสหกรณ์ฯ คลองจ่ันนี้มีพระภิกษุและวัดในบวรพุทธศาสนาหลายวัดเข้ามาเกี่ยวพันในลักษณะเป็นเครื่องมือสร้าง ความเช่ือถือศรัทธาและเปิดช่องให้อดีตประธานสหกรณ์โยกย้ายเงินจากสหกรณ์ฯ คลองจั่นไปท�ำบุญ กับพระภิกษุและวัดตลอดจนมูลนิธิท่ีเป็นเครือข่ายของวัดอย่างเป็นระบบ และกระบวนการฟอกเงิน ดังกล่าวคือวัดพระธรรมกายได้มีค�ำสั่งแต่งต้ังให้นาย ศ. ผู้มีอ�ำนาจเบิกจ่ายสหกรณ์ฯ คลองจั่นเป็น ไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกายต้ังแต่ปี พ.ศ. 2552 - 2556 และให้มีอำ� นาจหน้าท่ีเก่ียวข้องกับการ จัดสรรประโยชน์ศาสนสมบัติหรือทรัพย์สินของวัดพระธรรมกายโดยอาศัยการท�ำบุญ (ไทยพับลิก้า, 2560) จนเกิดการโยกย้ายทรัพย์สินจากสหกรณ์ฯ คลองจั่นมาฟอกที่วัดพระธรรมกายและวัดอ่ืน ๆ ที่เป็นเครือข่ายอีกหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น สหกรณ์เครดิตยูเน่ียนมงคลเศรษฐีมาได้อย่างไร สหกรณ์นี้ ก่อตั้งโดยท่ีนาย ศ. เป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย อีกยังเป็นประธานของสหกรณ์ฯ คลองจ่ัน เนื่องด้วยสหกรณ์ฯ คลองจ่ันมีสภาพคล่องทางการเงินสูงหรือสินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) ส่งผลให้นาย ศ. สั่งจ่ายเช็คไปยังสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนมงคลเศรษฐี เพื่อให้สหกรณ์ฯ มงคลเศรษฐี ปลอ่ ยกใู้ หล้ กู ศษิ ยไ์ ปทำ� บญุ บรจิ าคแกว่ ดั ธรรมกาย เรยี กวา่ “สนิ เชอื่ เพอื่ การกศุ ล” จงึ เกดิ ความสมั พนั ธ์ เก่ียวโยงโดยมีนาย ศ. เป็นผู้ประธานและผู้ก่อต้ังสหกรณ์ทั้ง 2 แห่ง เกิดการโยกย้ายเงินสหกรณ์ฯ คลองจ่ัน ส่ังจ่ายเช็คเงินสดไปยังเครือข่ายวัดและพระหลายรูป ได้แก่ วัดพระธรรมกาย 589 ล้านบาท พระธมั มชโย 225 ลา้ นบาท พระครปู ลัดวิจารณ์ 119 ลา้ นบาท พระมนตรี สุตาภาโส 100 ลา้ นบาท พระวิรัช 100 ลา้ นบาท ในส่วนมลู นิธิจะไม่ได้บรจิ าคโดยตรงแตเ่ ปน็ การโอนจากบญั ชีของพระธัมมชโย เพือ่ น�ำไปใชก้ อ่ สร้างศาสนสถานอาคาร 100 ปี และมหารตั นวิหารคดรอบมหาธรรมกายเจดยี ์ บางสว่ น น�ำไปลงทนุ ในหนุ้ ต่าง ๆ และนำ� เงนิ ไปซอ้ื ทด่ี นิ ทั่วประเทศ รวมไปถงึ นาย ส. อดตี พระวดั พระธรรมกาย 127 ลา้ นบาท ถือครองท่ดี นิ ในชื่อบรษิ ทั เอสดบั บลิวฯ ซื้อหนุ้ ของบรษิ ัทเอม็ โฮมเอสพีวี 2 ลงทุนธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เหมืองแร่ และรีสอร์ตฯ นอกจากน้ันมีกลุ่มเครือข่ายธุรกิจการเมือง ได้แก่ นาย จ. อดีตผูช้ ่วยรัฐมนตรกี ระทรวงการคลัง 438 ลา้ นบาท ท่ีได้รับเงินคา่ คอมมชิ ชน่ั 5 - 10% จาก การชกั ชวนใหส้ หกรณต์ า่ ง ๆ มาฝากเงนิ กบั สหกรณฯ์ คลองจนั่ รว่ มกบั นาย ว. ประธานสหกรณเ์ ครดิต ยเู นย่ี นรัฐประชา 1,927 ล้านบาท นายหนา้ ค้าที่ดิน/บริจาคทด่ี นิ รับตวั๋ สญั ญาใช้เงนิ (กู้) รับเช็คเงินสด จากนาย ศ. แบบไม่มีมลู หนต้ี อ่ กนั

ปัญหาความไม่โปรง่ ใสของสถาบันการเงินคลองจนั่ 109 ดังกล่าวเห็นได้ว่า กรณีของอดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่นและเครือข่ายอาศัยวงจรของ ศาสนสถานเป็นช่องทางหลักในการส่งผ่านทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตและกระจายให้บุคคล กล่มุ บุคคล ไปลงทุนในหลายรูปแบบ สง่ ผลใหก้ ารฟอกเงนิ มหี ่วงโซเ่ ช่อื มถึงกนั สามารถเช่อื มโยงไปยัง นิตบิ คุ คลหรอื บคุ คลอน่ื ๆ ได้ แผนภาพท่ี 3 วงจรเครอื ข่ายที่เกี่ยวขอ้ งเพอื่ สง่ ผา่ นทรัพย์สินทีไ่ ดจ้ ากการทจุ ริต เบ้ืองต้นกรมสอบสวนคดีพิเศษสรุปคดีท่ีเก่ียวข้องกับสหกรณ์ฯ คลองจั่น 17 คดี แยกเป็น ตรวจสอบเสรจ็ สิน้ แล้ว 8 คดี ในบางคดีอย่รู ะหวา่ งสอบสวนและส่งให้พนกั งานอยั การพจิ ารณาในทาง กระบวนการยุติธรรม ทั้งเร่ืองลักทรัพย์ ยักยอกฉ้อโกงทรัพย์และยังเข้าข่ายความผิดฐานการฟอกเงิน โดยมดี ังน้ี 1) วดั กับอดีตเจ้าอาวาส ถกู สหกรณฯ์ คลองจนั่ ฟ้องคดีแพ่งติดตามเรยี กทรัพย์คืนกวา่ พนั ล้าน บาท โดยกลมุ่ ลกู ศิษย์ แต่ได้มกี ารเจรจายอมชดใชเ้ งนิ กว่าหน่งึ พันล้านบาทและยอมความถอนคดีแพง่ และอาญาไปแล้วบางส่วน 2) อดตี เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกกลมุ่ สมาชิกสหกรณฯ์ คลองจน่ั ร้องทุกข์กลา่ วโทษ โดย กรมสอบสวนคดพี เิ ศษสง่ ฟอ้ งและอยั การสง่ั ฟอ้ งศาลไปแลว้ จงึ ตกเปน็ ผตู้ อ้ งหาและยงั อยรู่ ะหวา่ งตดิ ตาม จับกุมตัวมาด�ำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินตามหมายจับ ส่วนอดีตประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่นผู้เป็นอดีต ไวยาวจั กรของวดั และพรรคพวกอีก 2 - 3 คน ถกู ตดั สินจำ� คุกในคดนี ีเ้ นอื่ งจากศาลไม่อนญุ าตให้ปลอ่ ยตวั ชัว่ คราว 3) มูลนธิ ิทง้ั 2 แห่ง ซง่ึ เป็นเครอื ข่ายของวัดธรรมกาย ไดแ้ ก่ มูลนธิ ธิ รรมกาย และมูลนธิ ิมหา รตั นอุบาสกิ าจันทร์ ขนนกยูง ได้ถกู กลุ่มสมาชิกสหกรณฯ์ คลองจน่ั รอ้ งทกุ ขก์ ลา่ วโทษวา่ กระท�ำความผิด กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องกบั มูลนธิ ิ และกรมสอบสวนคดพี ิเศษ ได้ส่งเรื่องใหอ้ ยั การสูงสุดรอ้ งศาลแพง่ ขอให้ ยุบมูลนิธิท้ังสองแห่งเพ่ือคืนทรัพย์ให้กับสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนคลองจั่นผู้เสียหายส่วนหน่ึง และทเ่ี หลือใหต้ กเป็นของแผ่นดิน

110 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) 4) ยังมีวัดอ่ืนและส�ำนักสงฆ์ในเครือข่ายวัดอีกหลายแห่งถูกด�ำเนินคดีฐานร่วมกันฟอกเงิน สหกรณ์ 9. อภปิ รายผลและข้อเสนอแนะ การศึกษา เรื่อง อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ: กรณศี กึ ษาสหกรณเ์ ครดติ ยูเน่ียน คลองจนั่ จำ� กัด เป็นการศึกษาเชงิ แนวสหวทิ ยาการ (Interdisciplinary) แสดงให้เหน็ การความเช่อื มโยงความสมั พนั ธ์ และพฤตกิ รรมของผ้กู ระทำ� ความผดิ จากผลลัพธ์ท่ีไดจ้ ากการวิจัยเอกสารและการสมั ภาษณ์เชงิ ลึก ซ่ึง ผวู้ จิ ยั ไดแ้ บง่ การอภปิ รายผลลพั ธอ์ อกเปน็ สองสว่ นเพอ่ื ตอบวตั ถปุ ระสงคข์ องงานวจิ ยั ทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ คอื ประเดน็ ทห่ี นง่ึ และประเดน็ ทสี่ อง “ศกึ ษารปู แบบการคอรร์ ปั ชนั ในการบรหิ ารสหกรณเ์ ครดติ ยเู นยี่ น คลองจน่ั สู่กระบวนการฟอกเงินระหวา่ งกล่มุ เครอื ขา่ ยต่าง ๆ โดยอาศยั วงจรของศาสนสถานเป็นช่องทาง หลกั ในการสง่ ผา่ นทรพั ยส์ นิ ทไ่ี ดจ้ ากการคอรร์ ปั ชนั ” (ตอบวตั ถปุ ระสงคข์ อ้ ทห่ี นง่ึ และสอง) และประเดน็ ที่สาม “น�ำเสนอแนวทางการป้องกันปัญหาการคอร์รัปชันในระบบสหกรณ์ที่เหมาะสม”(ตอบ วตั ถุประสงคข์ อ้ ที่สาม) ตามทไี่ ดส้ รปุ ไว้ ดังตอ่ ไปน้ี เริ่มจากประเด็นแรก “รูปแบบการคอร์รัปชันในการบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น” ในงานวจิ ยั ช้ินน้ไี ด้ตอบภาพรวมของปญั หาการคอร์รปั ชนั ทเี่ กิดข้ึนกับสหกรณ์ฯ คลองจนั่ ดังจะเห็นได้วา่ โครงสร้างการบริหารงานของสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนคลองจั่นแห่งน้ีเอื้อต่อการทุจริตโดยโครงสร้าง ขององค์กรพบว่ามีการสร้างอ�ำนาจการบริหารผูกขาดอยู่ในมือของบุคคลและกลุ่มบุคคลหรือคณะกรรมการ ดําเนินการท่ียังสามารถด�ำรงต�ำแหน่งได้อย่างต่อเนื่องภายหลังจากส้ินสุดวาระกลายเป็นจุดอ่อน ท�ำให้ระบบควบคุมการตรวจสอบภายในขาดประสิทธิภาพก่อให้เกิดช่องทางทุจริตทางการบริหาร พฤตกิ รรมลกั ษณะนเ้ี รยี กวา่ การคอรร์ ปั ชนั ในภาคธรุ กจิ เอกชน (Business or corporate corruption) ซงึ่ มี 2 ลกั ษณะทสี่ ำ� คญั คอื (1) การคอรร์ ปั ชนั ภายในตวั องคก์ รขดั ตอ่ กฎระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์ ใชอ้ ำ� นาจหนา้ ทโ่ี ดยมชิ อบ อาทิ การปลอมแปลงเอกสาร ปลอมแปลงสัญญาเงนิ กู้ สร้างลกู หนป้ี ลอม ปล่อยกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ค�้ำประกันและหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ จัดตั้งบริษัทในเครือของตนเพ่ือกู้ยืม เงิน ตกแต่งบัญชีงบการเงนิ การระดมทุนเข้าสหกรณ์ท่ไี ม่สมเหตสุ มผลกบั นำ� ไปการลงทุน การยมื เงิน ทดรองจ่ายให้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ มีวัตถุประสงค์กอบโกยผลประโยชน์ส่วนรวมของ สมาชิกสหกรณ์มาเป็นของตนและพวกพ้องไม่ค�ำนึงถึงความเสียหายท่ีจะเกิดข้ึนก่อให้เกิดผลกระทบ รา้ ยแรงตอ่ สังคมและเศรษฐกิจเชอื่ มโยงกบั สหกรณอ์ น่ื อีกนบั รอ้ ยแหง่ (2) การคอรร์ ปั ชนั ท่ีมคี วามเก่ียวพัน กับนายทะเบียนสหกรณ์ผู้มีอ�ำนาจสูงสุดตามกฎหมายแต่ไม่ได้ใช้อ�ำนาจหน้าที่เพ่ือระงับยับยั้งการกระท�ำ ท่ีไม่ชอบของอดีตประธานสหกรณ์และคณะกรรมการสหกรณ์ฯ โดยละเลยอ�ำนาจการวินิจฉัยและยัง ให้รางวัลเกียรติคุณจนประชาชนหลงเชื่อระดมเงินมาฝาก ดังกล่าวน้ีเป็นเรื่องท่ีหน่วยงานภาครัฐมีหน้าท่ี ก�ำกับดูแล ส่งเสริมระบบสหกรณ์จะต้องตระหนักและเร่งปรับปรุงแก้ไขเป็นกรณีพิเศษเพราะระบบ สหกรณไ์ ทยยงั ดเี ปน็ สถาบนั การเงนิ และสวสั ดกิ ารทม่ี ปี ระโยชนต์ อ่ ชมุ ชน ใหป้ ระชาชนไดเ้ รยี นรวู้ ธิ ปี ฏบิ ตั ิ

ปัญหาความไมโ่ ปร่งใสของสถาบนั การเงนิ คลองจ่ัน 111 ในการรวมกล่มุ กนั ทำ� งานและมีความรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั อยา่ งสมคั รสมานสามคั คี สำ� หรับประเดน็ ท่ีสอง “กระบวนการฟอกเงินระหว่างกลมุ่ เครอื ข่ายต่าง ๆ ท่อี าศยั วงจรของ ศาสนสถานเป็นชอ่ งทางหลกั ในการส่งผ่านทรัพย์สินทีไ่ ดจ้ ากการคอร์รัปชนั ” ต้งั อยบู่ นเครอื ข่ายความ สมั พนั ธใ์ นเชงิ ธรุ กจิ ทมี่ กี ารแลกเปลยี่ นผลประโยชนท์ า่ มกลางการฟอกเงนิ โดยมอี ดตี ประธานสหกรณฯ์ คลองจั่นเป็นศูนย์กลางในระบบเครือข่ายเชื่อมโยงออกไปยังกลุ่มบุคคลท่ีมีอิทธิพลทางศาสนาหรือ เครือข่ายวัดและพระหลายรูปเพ่ือเป็นช่องทางส่งมอบทรัพย์สินที่ได้มาโดยทุจริตและกระจายต่อไปยัง เครือข่ายท่ีอยู่รอบนอก กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นอาชญากรรมกระท�ำความผิดต่อกฎหมายนํามาสู่ กระบวนการฟอกเงนิ มเี จตนาปกปดิ สรา้ งความซบั ซอ้ นทางธรุ กรรมการเงนิ และนำ� เงนิ เขา้ กลบั สรู่ ะบบ เศรษฐกจิ อยา่ งถกู กฎหมายเสมอื นไดม้ าปกติ สำ� หรบั ประเดน็ นแ้ี สดงใหเ้ หน็ ถงึ จดุ ออ่ นของกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยใ์ นการตรวจสอบธุรกรรมท่เี ก่ียวกับการกระท�ำความผดิ เช่น การโอนเงิน เช็คเงนิ สด เพ่อื ทราบขอ้ เทจ็ จรงิ เกยี่ วกบั ลกู คา้ ซงึ่ การทำ� ธรุ กรรมบางอยา่ งอำ� นาจของกฎหมายอาจไปไมถ่ งึ จงึ ยากตอ่ การพิสูจน์ได้ทันท่วงทีก่อนที่จะเกิดความเสียหายสูญเสียทรัพย์สินเห็นควรจ�ำต้องพัฒนาระบบการ ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าวิธีการคอร์รัปชันท่ีผ่านมาน้ันมีความซับซ้อน แตกต่างหลากหลาย และเก่ียวขอ้ งกบั การดำ� เนนิ ธุรกิจมากขนึ้ ซ่ึงสถาบันการเงนิ โดยเฉพาะธนาคารอาจมีความเสีย่ งในการ เปน็ แหลง่ ฟอกเงินของผู้กระทำ� ความผิดได้ ประเดน็ สดุ ทา้ ย “แนวทางการปอ้ งกนั ปญั หาการคอรร์ ปั ชนั ในระบบสหกรณท์ เี่ หมาะสม” เมอ่ื พจิ ารณากรณีสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนคลองจ่ัน ผลการวิจัยช้ีให้เห็นว่ามีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงที่ควรมอง ปญั หาการคอรร์ ปั ชนั ทป่ี รากฏในวงการสหกรณป์ จั จบุ นั นท้ี ม่ี กี ารแกไ้ ขและปอ้ งกนั มาอยา่ งตอ่ เนอื่ งตงั้ แต่ อดตี ถงึ ปจั จบุ นั แตก่ ม็ อิ าจคลคี่ ลายและดเู หมอื นวา่ จะเพมิ่ ขนึ้ ตามลำ� ดบั ซงึ่ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ความไมม่ นั่ คง ในระบบสหกรณข์ องประเทศไทยพอสมควร การแกไ้ ขปญั หาการคอรร์ ปั ชนั เปน็ หนา้ ทขี่ องทกุ หนว่ ยงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมทุกภาคส่วนของสังคมต้องร่วมมือกันก�ำจัด จุดอ่อนเนื่องจากท่ีผ่านมาเกณฑ์ก�ำกับดูแลการบริหารกิจการสหกรณ์ยังมีความย่อหย่อนมากเกินไป ขาดการบังคับใช้กฎหมายท่ีมีประสิทธิภาพ ท�ำให้เกิดการทุจริตโดยอาศัยทรัพย์สินของสหกรณ์ไป แสวงหาประโยชน์ ไมค่ ำ� นงึ ถงึ ความเสยี่ งตา่ ง ๆ จากการลงทนุ จนเกดิ ความเสยี หายแกส่ มาชกิ เปน็ สาเหตุ ของการทจุ รติ ในภาคธรุ กจิ เอกชนทมี่ ผี ลกระทบอยา่ งกวา้ งขวาง เพอื่ รกั ษาความเชอื่ มน่ั และความมนั่ คง ในระบบสหกรณ์ต่อไป งานวิจัยคร้ังนี้มีข้อเสนอแนะส�ำหรับการป้องกันการคอร์รัปชันในเชิงของ การบรหิ ารดงั ตอ่ ไปนี้ ประการทหี่ นง่ึ การปฏริ ปู มงุ่ เนน้ ไปทก่ี ารปรบั ปรงุ การบรหิ ารจดั การทางดา้ นการเงนิ เสรมิ สรา้ ง บทบาทของหน่วยงานตรวจสอบบัญชีและเสนอบูรณาการหน่วยงานกำ� กับดูแลสถาบันการเงินเข้ามา เกยี่ วขอ้ ง โดยเหน็ ควรใหธ้ นาคารแหง่ ประเทศไทยรว่ มกบั สำ� นกั งานคณะกรรมการกำ� กบั หลกั ทรพั ยแ์ ละ ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาช่วยดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเน่ียน ยกระดับมาตรฐาน ต่าง ๆ ให้มีความเข้มแข็งเช่นเดียวกับสถาบันการเงินอ่ืน ๆ ของไทย และติดตามฐานะการด�ำเนินงาน สหกรณ์ รวมถึงการประเมินความเสยี่ งในการทำ� ธุรกรรมต่าง ๆ ท่ีเขา้ ข่ายคอรร์ ัปชัน

112 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) ประการท่ีสอง ควบคุมไม่ให้อิทธิพลทางการเมืองเข้ามาเก่ียวข้องเพื่อป้องกันการใช้อ�ำนาจ ในการบรหิ ารแบบผูกขาดจนละเลยความเปน็ “องคก์ ารประชาธิปไตย” โดยใช้อ�ำนาจในทางทีผ่ ดิ หรอื ด�ำเนินการนอกกรอบวัตถุประสงคข์ องสหกรณ์ทัง้ ท่ีเจตนาและไม่เจตนา ฉะน้ันจงึ ควรผลักดันใหม้ ีการ จัดท�ำแผนกลยทุ ธ์ เพือ่ น�ำไปสูก่ ารมวี ิสัยทศั นร์ ว่ มเปน็ หนึง่ เดยี วกนั ประการทส่ี าม ลดทอนการใชอ้ ทิ ธพิ ลของอตั ราดอกเบย้ี สงู ในการจงู ใจสมาชกิ เพอื่ ระดมเงนิ ทนุ เขา้ สหกรณ์ทไี่ มส่ มั พนั ธก์ ับผลการด�ำเนนิ กิจการของสหกรณ์ สืบเนอ่ื งจากสหกรณ์มีความอสิ ระในการ บรหิ ารมากเกนิ ไปอาจทำ� ใหข้ าดดลุ ยภาพทางการเงนิ (Monetary equilibrium) นำ� ไปสกู่ ารขยายการ ลงทนุ ผิดรูปแบบและเกดิ การแทรกแซงผลประโยชนจ์ นเกดิ ความผดิ พลาดเสียหาย ประการทสี่ ่ี มาตรการบงั คบั ใชก้ ฎหมายทเี่ ขม้ งวดมากขนึ้ เมอ่ื ปรากฏหลกั ฐานการกระทำ� ความผดิ ท่ีแน่ชัดหน่วยงานก�ำกับดูแลควรบังคับใช้กฎหมายลงโทษอย่างทันท่วงที เพ่ือป้องกันไม่ให้ปัญหา ลกุ ลามเป็นเรื่องใหญจ่ นเป็นเหตใุ ห้เสื่อมเสยี ผลประโยชน์ของสหกรณแ์ ละสมาชิก ประการทีห่ า้ สง่ เสรมิ ความโปร่งใสและการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู สารสนเทศ (Information) เปดิ เผย ผลการดำ� เนนิ งานของสหกรณห์ รอื งบการเงนิ ทแี่ สดงขอ้ มลู อยา่ งตรงไปตรงมา เพอื่ รกั ษาความไวว้ างใจ จากสมาชกิ และชว่ ยใหบ้ คุ คล กลมุ่ บคุ คล หรอื คณะบคุ คลหลกี เลยี่ งการกระทำ� ใด ๆ เปน็ การคอรร์ ปั ชนั พร้อมทงั้ ยกระดบั สมรรถนะบคุ ลากรท่ีเกีย่ วข้องท้ังสมาชกิ คณะกรรมการ ฝ่ายจดั การ สรา้ งองคค์ วามรู้ ความสามารถในมิติต่าง ๆ อาทิ ทางด้านการเงินและเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศ แผนกลยุทธ์ กฎหมาย การควบคุมภายใน ฯลฯ เพ่ือให้ทกุ คนมสี ่วนรว่ มในการพัฒนาระบบสหกรณ์ให้มคี วามเข้มแข็ง ประการท่ีหก แก้ไขปัญหาด้านบุคลากรของสหกรณ์ (1) ควรให้ความส�ำคัญในการสรรหา บคุ ลากรผทู้ ำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ คณะกรรมการสหกรณค์ วรจะตอ้ งเปน็ ผทู้ มี่ ที กั ษะความรแู้ ละมคี ณุ วฒุ เิ หมาะสมจาก การเลอื กตงั้ อยา่ งสะอาดโปรง่ ใส (2) สมาชกิ ของสหกรณต์ อ้ งไมม่ งุ่ เนน้ แตผ่ ลประโยชนต์ อบแทน ถกู ซอื้ เสียง และควรมีส่วนร่วมในการก�ำกับดูแลสหกรณ์ (3) ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดไม่ขัดกฎหมายและ ระเบยี บขอ้ บังคับโดยมีผตู้ รวจกิจการและผ้สู อบบัญชที �ำหนา้ ท่ี Internal audit และ Financial audit ท่มี ปี ระสทิ ธิผล (4) การก�ำกับดูแลโดยหน่วยงานของรัฐ ไดแ้ ก่ กรมสง่ เสรมิ สหกรณ์และกรมตรวจบัญชี สหกรณ์ต้องด�ำเนินการตามหนา้ ทอ่ี ยา่ งจรงิ จงั และมปี ระสทิ ธผิ ล ไมป่ ลอ่ ยใหเ้ กดิ การทจุ รติ เกดิ ขน้ึ อยา่ ง เนนิ่ นานจนลกุ ลามยากทจี่ ะแกไ้ ข ประการสุดท้าย ขับเคล่ือนการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลสอดประสานกับการน�ำ อดุ มการณส์ หกรณ์ หลกั การสหกรณ์ วธิ กี ารสหกรณ์ และคา่ นยิ มสหกรณม์ าใชอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรมชดั เจน อันจะน�ำไปส่แู ก้ไขปญั หาคอรร์ ปั ชนั ในการบริหารจัดการตามความมุง่ หมายท่ีกำ� หนดไว้

ปญั หาความไมโ่ ปรง่ ใสของสถาบนั การเงนิ คลองจนั่ 113 เอกสารอา้ งองิ กรมส่งเสรมิ สหกรณ์ (2558). ภาพรวมสถิติสหกรณ์สหกรณ์ทม่ี ีขอ้ บกพรอ่ ง. สบื ค้นจาก https://www. cpd.go.th/cpdth2560/images/stat_coop/table57.pdf. กรมสง่ เสรมิ สหกรณ์ (2559). ผสู้ อบบัญชีสหกรณม์ ีบทบาทและหน้าทใ่ี นการป้องกนั และตรวจสอบการ ทจุ รติ ในสหกรณไ์ ดอ้ ยา่ งไร. สืบคน้ จาก https://www.cad.go.th/cadweb_org/ewt_news. php?nid=30847&filename=index. เกลยี วเชอื ก. (2556). ศภุ ชยั ยน่ื อทุ ธรณค์ ำ� สงั่ ปลด ชใี้ ชด้ ลุ ยพนิ จิ ไมช่ อบธรรม. สบื คน้ จาก http://www. clt.or.th/main/KCR_New/KCR254.pdf. กาญจนา แกว้ เทพ และสมสขุ หนิ วิมาน. (2553). สายธารแห่งนกั คิดทฤษฎี เศรษฐศาสตรก์ ารเมอื งกับ ส่ือการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: ภาพพมิ พ์. กิติพัฒน์ นนทปัทมะดุลย์. (2554). เคร่ืองมือในการเก็บข้อมูลวิจัยเชิงคุณภาพ และการสนทนากลุ่ม (Focus Group Study). สำ� นกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาต.ิ สบื คน้ จาก http://www.priv. nrct.go.th/ewt_dl.php?nid=896. ขนิฏฐา กาญจนรังษนี นท์. (2556). การสร้างเครือข่ายเพอื่ การพฒั นา กลุม่ งานวิจยั และพฒั นา. สบื ค้น จาก http://asapake.tripod.com/k10.htm. คำ� พพิ ากษาศาลฎกี าแผนกคดอี าญา. ฎกี าพพิ ากษาคดหี มายเลขดำ� ที่ อ.1739/2558. สบื คน้ จาก http:// aryasearch.coj.go.th/search201.php?court_running=&black_running=320657. คดีพิเศษ ท่ี 21/2560, กรมสอบสวนคดพี ิเศษแห่งราชอาณาจกั รไทย. สบื ค้นจาก https://www.dsi. go.th/th/Detail/DSI. จินดารัตน์ โพธ์ินอก. (2560). การคิดเชิงวิพากษ์. สืบค้นจาก https://www.dailynews.co.th/ article/614294. ชัยยุทธ อังศุวิทยา และคณะ. (2560). เกณฑ์การประเมินผลส�ำหรับความเส่ียงการฟอกเงิน. วารสาร วชิ าชพี บัญชี. 13 (40). ชยั ยนต์ ประดิษฐ์ศลิ ป์ และคณะ. (2556). เครอื ข่ายชนชั้นน�ำทางเศรษฐกจิ การเมอื งและผลกระทบของ บอ่ นคาสโิ นตามชายแดนไทย-กมั พชู า ในเขตจงั หวดั ภาคตะวนั ออก. รายงานการวจิ ยั สำ� นกั งาน กองทนุ สนับสนนุ การเสริมสร้างสขุ ภาพ. ชาย โพธสิ ติ า. (2559). ศาสตรแ์ ละศลิ ปแ์ หง่ การวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ. (พมิ พค์ รงั้ ที่ 7). กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทร์ พรน้ิ ตงิ้ . ญาณวทิ ย์ ประคองโพธท์ิ อง. (2556). บรรษทั ภบิ าลในสหกรณไ์ ทย ศกึ ษากรณสี หกรณเ์ ครดติ ยเู นยี่ นคลองจนั่ . (วทิ ยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑิต จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั ). เดือนเด่น นคิ มบรริ กั ษ์ และรจติ กนก จิตม่ันชัยธรรม. (2544). รายงานทดี่ อี าร์ไอเร่ืองคอรร์ ัปชันในภาค ธรุ กจิ กบั บรรษทั ภบิ าลในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: สถาบันวจิ ยั เพ่อื การพัฒนาประเทศไทย. ธนาคารแหง่ ประเทศไทย. (2561). รายงานการประเมนิ เสถยี รภาพระบบการเงนิ ไทย. สบื คน้ จาก https:// www.bot.or.th/Thai/FinancialInstitutions/Publications/ FSR_Doc/FSR2018.pdf. ไทยรัฐออนไลน์. (2558). เปิดบทเรียนฉาว “เครดิตยูเน่ียนคลองจ่ัน” ถึงเวลายกเคร่ืองสหกรณ์ไทย. สบื คน้ จาก https://www.thairath.co.th/content/492634.

114 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) ไทยรฐั . (2558). DSI สบื พบ ‘ศภุ ชยั ’ ผดิ หลายขอ้ หา คดยี กั ยอกทรพั ยเ์ ครดติ ยเู นยี่ น. สบื คน้ จาก https:// www.thairath.co.th/news/local/490946. ไทยพับลิกา้ . (2556). กรมส่งเสรมิ สหกรณเ์ ผย 3 เหตผุ ล ปลด “ศุภชัย ศรศี ภุ อักษร” ประธานสหกรณฯ์ คลองจน่ั และบอรด์ ทงั้ คณะ. สบื คน้ จาก https://thaipublica.org/2013/10/credit-unions- klongchan-22/. ไทยพบั ลิกา้ . (2557). สมาชิกสหกรณฯ์ คลองจ่นั รวบรวมรายชื่อแก้วิกฤติ 3 ทาง ถวายฎกี า-ฟ้องศาล ปกครอง-เสนอเป็นวาระแห่งชาติ. สืบค้นจาก https://thaipublica.org/2014/01/credit- unions-klongchan-26/. ไทยพับลิกา้ . (2560). ประธานฯ “สหกรณฯ์ คลองจ่ัน” แจงถอนฟ้องคดี หลัง “ศภุ ชัย ศรศี ภุ อักษร” คืนเงิน 34 ล้าน ยืนหลักการ-ทวงทรัพย์คืน-ไม่มีหน้าที่จับใครเข้าคุก. สืบค้นจาก https:// thaipublica.org/2017/03/credit-unions-klongchan-117/. นพดล นุ้ยจุ้ย. (2550). อาชญากรรมทางเศรษฐกิจข้ามชาติ (Transnational economic crime). กรุงเทพฯ: ส�ำนักเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร. น�้ำทิพย์ จรรยาธรรม. (2559). เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึกในการวิจัยทางการศึกษา. วารสารสถาบัน ส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี 202 (44). เรอื่ งเลา่ เชา้ นี้ ร้องคดสี หกรณ์คลองจั่นไม่คืบ. (2556, 2 ตุลาคม). [โทรทศั น]์ . กรงุ เทพฯ: บีอีซ-ี เทโร. ปรีชา เปี่ยมพงศ์สานต์. (2550). มรรควิธีเศรษฐศาสตร์การเมือง. กรุงเทพฯ: คณะเศรษฐศาสตร์ สำ� นักพิมพจ์ ุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . พิมพวัลย์ ปรีดาสวัสด์ิ และวาทินี บุญชะลักษี. (2531). การศึกษาแนววิเคราะห์เครือข่ายทางสังคม. กรงุ เทพฯ: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลยั มหดิ ล. มติชนออนไลน์. (2562). “สมศักดิ์” สั่งการด่วน ดีเอสไอเร่งรัดล่าตัว “ธัมมชโย” อธิบดีดีเอสไอนัด จ. ปทมุ ธาน-ี ประชมุ 2 ส.ค. น.ี้ สบื คน้ จาก https://www.matichon.co.th/local/crime/ news_1602323. มนทกานต์ิ รอดคล้าย. (2561). การจัดการเครือข่ายในภาครัฐ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏ สวนสุนนั ทา. รจุ ิพัชร์ กิตติววิ ฒั นพงศ์ และกนกรตั น์ ยศไกร. (2559). ความย้อนแยง้ ของสหกรณอ์ อมทรพั ย์ดีเด่นใน ประเทศไทยกับปัญหาคอร์รัปชัน. วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. มหาวิทยาลัย เวสเทิรน์ . 1(59). ราเชนทร์ ทองนาค. (2558). พฤติกรรมท่ีกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายในสหกรณ์. สบื ค้นจาก https://web. cpd.go.th/lopburi/images/article/article1.pdf. วาทนิ ี หวังไพบูรณ.์ (2557). มาตรการป้องกนั และปราบปรามการฟอกเงินกบั ศาสนธุรกิจ. วิทยานิพนธ์. มหาวทิ ยาลยั ธุรกจิ บณั ฑิตย์. วีระพงษ์ บุญโญภาส. (2557). อาชญากรรมทางเศรษฐกจิ . กรุงเทพฯ: สำ� นักพมิ พน์ ติ ธิ รรม. วิรไท สันติประภพ. (2561). Bangkok Sustainable Banking Forum ในหัวข้อ Sustainable Banking: The World Wins Banks Win เมือ่ วันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ณ ธนาคารแห่ง ประเทศไทย.

ปญั หาความไมโ่ ปร่งใสของสถาบนั การเงนิ คลองจัน่ 115 ศภุ กิตติ์ แสวงการ. (2556). กระบวนการและเบ้ืองหลังการท�ำข่าว กรณคี วามขดั แยง้ ของผู้บรหิ าร และ ทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเน่ียนคลองจั่น. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร)์ . สงั ศิต พิริยะรังสรรค์. (2550). วารสารสภาทนายความคิด. 91 (50). สังศติ พิรยิ ะรงั สรรค์. (2553). โครงการวิจัยเรอื่ ง คอรร์ ปั ชนั เชงิ ระบบนวัตกรรมเชิงระบบที่ตอ้ งควบคุม. กรุงเทพฯ: มูลนธิ ิ 50 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย. สถาพร เริงธรรม. (2546). มาตรการต่อต้านการคอร์รัปชัน กับการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย. วารสาร สถาบนั พระปกเกลา้ . 2 (46). สุชาติ ประสิทธิ์รัฐสินธุ์. (2555). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 15). กรุงเทพฯ: สามลดา. บริษัทเฟื่องฟา้ พร้นิ ต้ิง. สหกรณ์เครดิตยูเน่ียนคลองจ่ัน. (2558). แผนฟื้นฟูกิจการของสหกรณ์ฯ คลองจั่น. ฉบับวันท่ี 7 ก.ย. 2558. สุภางค์ จันทวานชิ . (2561). วธิ ีการวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ. (พมิ พ์ครงั้ ท่ี 4). กรงุ เทพฯ: พมิ พลักษณ.์ สำ� นกั พิมพ์ แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สาคร บญุ เชิญ. (2561). มิตแิ หง่ การเรียนรกู้ ารสหกรณ์ มือบริหารกิจการสหกรณ์ก�ำกับกิจการสหกรณ.์ (พิมพค์ รัง้ ที่ 1). อบุ ลราชธานี: บรษิ ัทยงสวัสดิ์อินเตอรก์ รุ๊ป จำ� กดั . สุวรรณา ธุวโชติ. (2548). การใช้สหกรณ์ออมทรัพย์สร้างความม่ันคงให้กับชีวิต 2 “ใคร...ทุจริตใน สหกรณ์?”. วารสารสหกรณ์ออมทรัพยม์ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์ 12 (48). สมบรู ณ์ สาระสทิ ธิ.์ (2560). แนวทางการป้องกนั อาชญากรรมท่เี กิดขน้ึ กับระบบสหกรณ์เครดิตยเู น่ยี น ในประเทศไทย กรณศี ึกษากลมุ่ คดสี หกรณ์เครดติ ยเู นย่ี นคลองจนั่ จ�ำกดั . กรุงเทพฯ: สถาบนั พัฒนาขา้ ราชการฝา่ ยตุลาการศาลยตุ ิธรรม. สุภางค์ จันทวานิช. (2561). วิธีวจิ ัยเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ: สำ� นักพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์. (2561). ส�ำนักข่าวไทยโพสต์ออนไลน์. สถานการณ์คอร์รัปชันไทยดีขึ้นชี้คนมี จติ สำ� นกึ ดที ส่ี ดุ ในรอบ 8 ปี. สบื คน้ จาก https://www.thaipost.net/main/detail/15581. ส�ำนักขา่ วอสิ ราออนไลน์. (2560). เจาะแฟ้ม ป.ป.ช. ไมใ่ ช่แคบ่ อรด์ บริหาร! จนท. รัฐตัวจกั รสำ� คัญละเลย ทจุ รติ สหกรณเ์ จง๊ หมนื่ ลา้ น. สบื คน้ จาก https://www.isranews.org/iranewscoop/60096- isranewsscoop-60096.html. องคก์ รตอ่ ตา้ นคอรร์ ปั ชนั ประเทศไทย. (2560). จี้ ‘ยกระดบั ’ คมุ สหกรณอ์ อมทรพั ย”์ สบื คน้ จาก http:// www.anticorruption.in.th/2016/th/detail/251/4/ อทุ มุ พร จามรมาน. (2540). การสรา้ งและการตรวจสอบเครอ่ื งมอื วจิ ยั ในแบบแผนและเครอื่ งมอื การวจิ ยั ทางการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. Albrecht S, Howe K & Romney M. (1984). Deterring fraud the internal auditor’s perspective. Institute of Internal Auditors Research Foundations. Basel Institute on Governance. (2018). The Basel Anti-Money Laundering Index. Retrieved from https://www.baselgovernance.org/sites/default/files/201902/basel_aml_ index_10_09_2018. pdf.

116 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 13 ฉบบั ท่ี 1 (มกราคม – มิถุนายน 2563) Douglas MC Allan. (2018). Organised crime research Australia 2018. Chapter 5. Insiders versus Outsiders-alternative paths to criminogenic knowledge. Published by the Australian Institute of Criminology. Federal Bureau of Investigation. (2019). White-Collar Crime. Retrieved from https://www. fbi.gov/investigate/white-collar-crime. Gorsira, Madelijne, Adriaan Denkers and Wim Huisman. (2016). Both Sides of the Coin: Motives for Corruption among Public Officials and Business Employees. Journal of Business Ethics, 1–16. Retrieved from https://doi.org/10.1007/s10551- 016-3219-2. Keith F. Punch. (2005). Introduction to Social Research–Quantitative & Qualitative Approaches. Sage Publication London, Thousand Oasks, New Delhi. Kranacher, M. J., Riley, R., & Wells, J. T. (2010). Forensic Accounting and Fraud Examination. Sage Publication New York, United States. Lister, L. M. (2007). A practical approach to fraud risk. Internal Auditor, December, pp.1-30. Rasha Kassem and Andrew Higson. (2012). The New Fraud Triangle Model. Journal of Emerging Trends in Economics and Management Sciences. Retrieved from https://repository.lboro.ac.uk/articles/The_new_fraud_triangle_model/9502352. Ronald L. Akers and Ross L. Matsueda. (1989). Sociological Inquiry. Donald R. Cressey An Intellectual Portrait of a Criminologist. Volume 59, Issue 4. pp. 373 - 507. Sammer Ahmad (2019). International Journal of Government Auditing. Retrieved from http://intosaijournal.org/corruption-and-money-laundering-the-nexus-way- forward/ Transparency International. (2018). Corruption Perceptions Index. Retrieved from http:// www.transparency.org/policy_research/surveys_indices/cpihttps://www.trans- parency.org/cpi2018. Wolfe, D.T. and Hermanson, D.R. (2004). The Fraud Diamond Considering the Four Elements of Fraud. The CPA Journal, December, 1 - 5. World Bank Institution. (2008). Fighting Corruption Through Collective Action, a Guide for Business. Retrieved from http://www.fightingcorruption.org.

ตอนที่ 3 ป.ป.ช. ปกิณกะ NACC Miscellaneous

118 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2563) การทจุ ริตเลอื กต้ังกับการเมืองไทย Electoral Corruption in Thai Politics ฉนั ทช์ นก เจนณรงคI์ Chanchanoke ChennarongI ประชาธิปไตย (Democracy) เป็นระบอบการปกครองรปู แบบหนงึ่ ท่กี ารบรหิ ารอ�ำนาจรัฐมา จากเสียงข้างมากของประชาชนผเู้ ป็นเจ้าของอ�ำนาจอธปิ ไตย อดุ มคติหลักของประชาธิปไตย คอื เปน็ ระบอบการปกครองโดยประชาชน เพื่อประโยชน์ของประชาชน หากมีการน�ำมาใช้ในการปกครอง ประเทศและพัฒนาตามเจตนารมณ์ท่ีแท้จริง ความสงบสุข ความเป็นธรรม และความเท่าเทียมย่อม เกิดขึ้นในสังคมน้ัน โดยความเป็นประชาธิปไตยจะมีองค์ประกอบหลักส�ำคัญ คือ หลักพ้ืนฐานแห่ง เสรภี าพและสทิ ธขิ องปวงชน การเลอื กตง้ั หลกั นติ ธิ รรม หลกั การแบง่ แยกอำ� นาจ และหลกั การแสดงออก ซงึ่ ความเห็นทางสาธารณะและเสรภี าพของส่ือ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2475 หากแตเ่ สน้ ทางประชาธปิ ไตยของประเทศไทยยังคงไรซ้ ่ึงเสถียรภาพ เนือ่ งจากนับต้งั แต่ การเปลยี่ นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยเ์ ปน็ ระบอบประชาธปิ ไตยจนถงึ ปจั จบุ นั นับเป็นระยะเวลาเกือบ 9 ทศวรรษ ประเทศไทยมีการเลือกตั้ง (Election) หมุนเปล่ียนเวียนซ้�ำกับ การรัฐประหาร (Coup d’etat) ท่มี มี าแลว้ รว่ ม 13 ครั้ง รวมถึงการเลือกต้งั ทีเ่ กดิ ขน้ึ ทง้ั 28 ครั้ง ยังเป็น ไปอย่างไม่โปรง่ ใส นักการเมอื งกระท�ำการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซงึ่ อ�ำนาจรฐั เช่น การให้ สิง่ ของ การซอื้ สทิ ธข์ิ ายเสียง การจัดงานเลี้ยงเลอื กตั้ง การใช้บัตรผี เปน็ ต้น บทความน้ีจะเป็นการน�ำเสนอพัฒนาการของการเมืองไทยภายหลังการเปลี่ยนแปลง การปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2457 โดยมงุ่ ให้ความสำ� คัญกับระบบการเลอื กต้งั การทุจรติ เลือกต้ังของนักการเมืองและการซ้ือสิทธ์ิขายเสียง เพ่ือสะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการของการทุจริต เลือกตง้ั ในประเทศไทยที่มีพลวัตตามบรบิ ทสงั คมการเปลี่ยนแปลงไป I นักวิจยั สงั คมศาสตรช์ �ำนาญการ สำ� นักวจิ ยั และบริการวชิ าการดา้ นการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริต สำ� นักงาน ป.ป.ช. I Social Science Researcher, Professional Level, Bureau of Anti-Corruption Research and Academic Services, Office of the National Anti-Corruption Commission ได้รบั บทความ 10 เมษายน 2563 แกไ้ ขปรบั ปรุง 8 พฤษภาคม 2563 อนุมตั ิให้ตพี มิ พ์ 14 พฤษภาคม 2563

การทจุ ริตเลอื กตง้ั กบั การเมอื งไทย 119 1. เส้นทางประชาธิปไตยไทย การพัฒนาการเมืองการปกครองไทยมีการพัฒนาตามอิทธิพลแนวคิดเก่ียวกับประชาธิปไตย ของประเทศตะวันตก ซึ่งก่อนเปล่ียนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2475 กลุม่ ของชนชั้นกลาง ประชาชน นกั วชิ าการ นักหนงั สอื พมิ พ์ ทหาร และขา้ ราชการพลเรือนได้มกี าร เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย กระทั่งในวนั ที่ 24 มถิ นุ ายน 2475 ได้มกี ารรวมตวั กนั ของคณะบุคคลกลุม่ หนึ่ง ประกอบดว้ ยทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร์” ได้เข้ายึดอ�ำนาจพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว (รัชกาลท่ี 7) โดยสาเหตุหลักของการเปล่ียนแปลงการปกครอง คือ สามัญชนรุ่นใหม่มี ความตนื่ ตวั ทางการเมอื ง เนอื่ งจากไดร้ บั การศกึ ษาจากประเทศตา่ ง ๆ ในยโุ รป รวมถงึ ประเทศไทยกำ� ลงั ประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต�่ำอันเป็นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลก ท�ำให้มีงบประมาณแผ่นดิน ขาดดุล และสามัญชนรุ่นใหม่เหล่าน้ันมีความเช่ือว่าความไม่เป็นธรรมในสังคมจะลดลงและหมดไป หากมกี ารเปลย่ี นแปลงการปกครองเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มรี ฐั ธรรมนญู เปน็ รากฐานการปกครอง ประเทศ และยึดหลักการหมุนเวียนผลัดเปล่ียนคณะรัฐบาลไปตามวาระการเลือกตั้งที่จะเป็นหนทาง ทจ่ี ะสรา้ งความกา้ วและมน่ั คงให้กบั ประเทศชาติ (พีรพงษ์ สิทธอิ มร และคณะ, 2549: 39 - 41) โดยใน วันที่ 27 มิถุนายน 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญ “ฉบับ ช่ัวคราว” อันเป็นจุดเร่ิมต้นของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมขุ โดยเส้นทางการเปลย่ี นผา่ นสูป่ ระชาธปิ ไตย 4 ครง้ั สำ� คญั ของไทย สามารถแบ่งได้ 2 ลกั ษณะ ดงั ตารางที่ 1 ตารางท่ี 1 เส้นทางการเปลย่ี นผ่านสู่ประชาธปิ ไตยของประเทศไทย เสน้ ทางการเปลย่ี นผา่ น สรปุ สาระสำ�คญั 24 มถิ นุ ายน 2475 • ขบั เคลอ่ื นโดยชนชัน้ นำ�ทีเ่ รียกวา่ “คณะราษฎร์” ที่ส่วนใหญ่ เป็นข้าราชการทหารและข้าราชการพลเมอื ง 14 ตลุ าคม 2516 • มีเป้าหมายเพื่อเรยี กรอ้ งรัฐธรรมนญู และการจดั รปู แบบ การปกครองแบบรฐั สภา • อาศัยวิธกี ารทำ�รัฐประหารและการเจรจาต่อรองกับกล่มุ อำ�นาจเกา่ ในระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ จนนำ�มาสู่การประนีประนอมระหวา่ งสอง กลุ่มอำ�นาจเพอื่ นำ�สูก่ ารเปลี่ยนผา่ นระบอบการปกครองผ่านการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับชว่ั คราวและการร่างรฐั ธรรมนญู ฉบบั ถาวร • ผลผลิตสำ�คัญ คอื การสถาปนาระบอบรฐั ธรรมนญู และ การปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใตร้ ฐั ธรรมนูญ • ขบั เคลื่อนโดยพลังมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิง่ กลมุ่ ชนชนั้ ปัญญาชน นำ�โดยศนู ยก์ ลางนสิ ิตนกั ศึกษาแห่งประเทศไทย • มีเป้าหมายเพอื่ เรยี กรอ้ งรฐั ธรรมนูญและขับไลร่ ัฐบาลเผด็จการของ จอมพลถนอม กติ ตขิ จร • อาศยั วธิ ีการชุมนมุ ประทว้ งเพ่อื กดดนั รัฐบาล • ผลผลิตสำ�คญั คอื การขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร และนำ�มาสู่ การรา่ งรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2517 เพอื่ เปล่ียน ผ่านไปสูร่ ะบอบประชาธิปไตย

120 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) เสน้ ทางการเปลย่ี นผา่ น สรปุ สาระสำ�คญั หลงั เหตกุ ารณพ์ ฤษภาคม 2535 • ขบั เคลื่อนโดยพลงั มวลชน โดยเฉพาะกล่มุ ชนชั้นกลาง (พฤษภาทมฬิ ) จากเหตกุ ารณ์เดือนพฤษภาคม 2535 • มีเปา้ หมายเพอ่ื ตอ่ ต้านการสืบสานอำ�นาจของผนู้ ำ�กองทพั หลงั ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู • อาศยั วิธีการชมุ นุมประทว้ งเพอ่ื กดดันรัฐบาล ปี 2550 • ผลผลติ ที่สำ�คัญ คือ ทำ�ใหก้ องทัพถอยออกจากการเมืองและถา่ ยโอน อำ�นาจมาส่รู ฐั บาลพลเรือน และเกิดกระแสเรยี กร้องของสังคมทต่ี อ้ งการ ใหก้ ตกิ าทางการเมืองเป็นประชาธปิ ไตยมากขึน้ และให้มกี ารปฏิรูปการเมอื ง ทีน่ ำ�มาซง่ึ การรา่ งรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช 2540 หรือเรียกว่า “รัฐธรรมนญู ฉบับประชาชน” • เป็นการเปลยี่ นผ่านจากความยนิ ยอมของกองทพั หรอื คณะรัฐประหารปี 2549 ผา่ นกระบวนการร่วมรฐั ธรรมนญู ปี 2550 • คณะรฐั ประหารปี 2549 ไดแ้ ตง่ ตั้งคณะบุคคลเพื่อดำ�เนินการ ร่างรฐั ธรรมนญู ฉบบั ใหม่ และได้นำ�การออกเสยี งลงประชามตมิ าใช้ ในกระบวนการรับรา่ งรฐั ธรรมนญู • ผลผลติ สำ�คญั คอื รัฐธรรมนูญปี 2550 การเลอื กตั้งท่ัวไป เพ่ือเปิดทางสู่การมรี ฐั บาลพลเรือน ท่ีมา: จิราภรณ์ ด�ำจันทร์. (2554). การเปล่ียนผ่านเป็นประชาธิปไตยที่ไม่ตั้งม่ัน: ความล้มเหลวของการท�ำให้เป็น ประชาธิปไตยในประเทศไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต, คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย), หน้า 222 – 223 จากตารางขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ เสน้ ทางการเปลย่ี นผา่ นสปู่ ระชาธปิ ไตยเกดิ ขน้ึ จากการขบั เคลอ่ื น ของกล่มุ ชนชนั้ น�ำและพลังมวลชน ซึง่ มีข้อสงั เกตสำ� คัญประการหนง่ึ คือ แม้จะเป็นการขับเคลอ่ื นไปสู่ ความเป็นประชาธิปไตยโดยมวลชน แต่สุดท้ายอ�ำนาจในการร่างรัฐธรรมนูญและออกแบบสถาบัน การเมืองจะกลับไปตกอยู่ในมือของชนชั้นน�ำ ดังเช่นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 ท่มี กี ารประกาศใชใ้ นวนั ท่ี 7 ตุลาคม 2516 อนั เป็นผลสบื เนือ่ งมาจากการขับไลจ่ อมพลถนอม กิตติขจร ด้วยพลังมวลชนที่น�ำโดยศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย แต่ในท้ายท่ีสุดอ�ำนาจ การออกแบบและยกร่างรัฐธรรมนูญกลับไปอยู่ในมือของผู้มีอ�ำนาจ กล่าวคือ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรฐั มนตรใี นขณะนนั้ ไดต้ งั้ คณะกรรมการยกรา่ งรฐั ธรรมนญู เพอ่ื รา่ งรฐั ธรรมนญู ฉบบั นโี้ ดยไมม่ กี าร มีส่วนร่วมของมวลชนทเ่ี ป็นเจ้าของอำ� นาจอธปิ ไตยท่ีแทจ้ ริง นอกจากน้ี นับจากการเปล่ียนแปลงระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตยจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยไดม้ กี ารประกาศใชร้ ัฐธรรมนูญรวม 20 ฉบับ โดยรัฐธรรมนญู ท่ีมีความเป็นประชาธิปไตยมาก ทส่ี ดุ คอื รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2489 (ฉบบั ที่ 3) รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั ร ไทย พทุ ธศกั ราช 2492 (ฉบบั ท่ี 5) รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2517 (ฉบบั ท่ี 12)

การทจุ รติ เลอื กต้ังกบั การเมอื งไทย 121 และรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2540 (ฉบบั ที่ 16) เนอื่ งจากรฐั ธรรมนญู ทงั้ 4 ฉบบั มกี ารบญั ญตั เิ รอื่ งสทิ ธเิ สรภี าพมากกวา่ รฐั ธรรมนญู ฉบบั อนื่ และมกี ารกำ� หนดใหก้ ลไกของระบบรฐั สภา ค่อนขา้ งสงู โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2540 ที่ไดม้ ีการบญั ญัติ กลไกทเี่ พม่ิ ประสทิ ธภิ าพการตรวจสอบ คอื การบญั ญตั ใิ หม้ อี งคก์ รอสิ ระเพอ่ื ทำ� หนา้ ทใี่ นการตรวจสอบ การใช้อ�ำนาจรัฐ เช่น การบัญญัติให้มีส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ส�ำนกั งาน ป.ป.ช.) เพ่ือเป็นองค์กรในการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ การบญั ญัตใิ ห้มสี �ำนักงาน คณะกรรมการการเลือกต้ัง (กกต.) เพ่ือท�ำหน้าท่ีในการจัดให้มีการเลือกตั้งแต่วินิจฉัยกรณีต่าง ๆ ท่ี เก่ียวขอ้ งกบั พรรคการเมอื งและการเลือกตัง้ เป็นตน้ (ธรี ภัทร์ เสรรี งั สรรค,์ 2563) อย่างไรก็ตาม การปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยไทยไม่ได้มีความศิวิไลซ์เย่ียง อารยประเทศ แต่ยังคงมีการรัฐประหารและการเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นระยะ โดยมีการปกครอง ประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยหมุนเวียนสลับสับเปล่ียนกับการปกครองภายใต้เผด็จการทหาร ซ่ึงวงจรการเมืองไทย แสดงไดด้ งั แผนภาพที่ 1 แผนภาพท่ี 1 วงจรการเมืองไทย ทม่ี า: ธีรภัทร์ เสรรี งั สรรค.์ (2553). นกั การเมืองไทย: จริยธรรม ผลประโยชนท์ บั ซ้อน การคอรร์ ปั ชนั สภาพปญั หา สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางแกไ้ ข. กรุงเทพมหานคร: สายธาร, หนา้ 170.

122 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ี่ 13 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) เสน้ ทางประชาธปิ ไตยไทยที่อยู่ระหว่างการก้าวส่ทู ศวรรษท่ี 9 วงจรการเมืองไทยยงั คงอยู่ใน วงั วนของการหมนุ เวยี นเปลยี่ นผา่ นจากการเลอื กตง้ั เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ แู้ ทนของประชาชนเขา้ มาบรหิ ารประเทศ และเมื่อเกิดวิกฤตการณ์หรือสถานการณ์ที่รุนแรง ทหารมีแนวโน้มที่จะเข้ามามีบทบาททางการเมือง โดยการรัฐประหาร จากนั้น จะมีการฉีกรัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพ่ือน�ำไปสู่การเลือกต้ัง เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยอีกครั้ง หากมีวิกฤตการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น วงจรทางการเมอื งไทยกจ็ ะหมนุ เวยี นไปสกู่ ารรฐั ประหาร ซงึ่ ประเทศไทยมกี ารรฐั ประหารสำ� เรจ็ มากถงึ 13 ครงั้ ทั้งน้ี ในช่วงก่อนการเลือกต้ังเพ่ือเข้าสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเด็นส�ำคัญ ประการหน่ึงท่ีได้รับการแก้ไขในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ การออกแบบระบบเลือกต้ังหรือ วิธีการเลือกต้ังให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกติกาการเมืองและปัญหาที่ก�ำลังเผชิญอยู่ในขณะน้ัน ดังเช่น การยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มีการแก้ไขระบบเลือกต้ัง จากระบบเลือกต้ังแบบเสียงข้างมากธรรมดา หน่ึงเขตหลายคน (Multi-Member Districts/ Constituencies) หรอื มชี อ่ื เรยี กอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการวา่ “ระบบรวมเขต เรยี งเบอร”์ มาเปน็ ระบบเลอื กตงั้ แบบหนึ่งเขตหน่ึงคน (Single Member Districts/Constituencies) และระบบสัดส่วน (Proportional Representation) เพ่ือให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็งและการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นตน้ ซง่ึ รายละเอียดของระบบเลอื กตั้งของไทยจะไดน้ �ำเสนอในส่วนถัดไป 2. ระบบเลือกตัง้ ในประเทศไทย การเลอื กตงั้ (Election) เปน็ นวตั กรรมทางการเมอื งในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยแบบ มผี แู้ ทน (Representative Democracy) เปน็ รปู แบบการปกครองทใี่ หป้ ระชาชนออกเสยี งเลอื กผแู้ ทน ของตนเขา้ ไปท�ำหน้าท่ีในการร่วมตัดสนิ ใจทางการเมืองผ่านกระบวนการการเลือกตั้ง ซึง่ เปน็ รปู แบบท่ี ใช้กันอย่างแพร่หลายท่ีสุดในสมัยปัจจุบัน หัวใจส�ำคัญของการเลือกผู้แทน คือ การเป็นตัวแทนของ ประชาชนและปฏิบัติหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของผู้เลือกตั้ง และไม่ละทิ้งเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย ท่ีเป็นการปกครองโดยประชาชน เพ่ือประโยชน์ของประชาชน โดยแต่ละประเทศจะมีการก�ำหนด รายละเอียดต่าง ๆ ในการเลอื กตั้งไว้ในรฐั ธรรมนญู และกฎหมายที่เกยี่ วข้องกับการเลอื กต้ัง เช่น ระบบ เลอื กต้งั การแบ่งเขตเลือกตัง้ สัดสว่ นของประชากรตอ่ จำ� นวนผู้แทน เปน็ ต้น และในปจั จุบนั นี้ระบบ เลอื กตัง้ ทีใ่ ชใ้ นประเทศตา่ ง ๆ ท่ัวโลก แสดงไดด้ งั แผนภาพท่ี 2

การทจุ ริตเลือกต้งั กบั การเมอื งไทย 123 แผนภาพที่ 2 จำ� แนกประเภทของระบบเลอื กต้งั ที่มา: สิริพรรณ นกสวน สวสั ด.ี (2561). ระบบเลือกตัง้ เปรียบเทยี บ. กรุงเทพมหานคร: สยามปรทิ ัศน์, หนา้ 42

124 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มถิ นุ ายน 2563) จากแผนภาพท่ี 2 จะเห็นได้ว่าระบบเลือกตั้งได้แบง่ ออกเปน็ 4 กลมุ่ คือ ระบบเลือกตง้ั แบบ แบ่งเขตเสียงข้างมากธรรมดา ระบบเลือกตั้งแบบเบ่งเขตเสียงข้างมากเด็ดขาด ระบบเลือกตั้งแบบ สดั สว่ น และระบบเลอื กตง้ั แบบผสม ซงึ่ ระบบเลอื กตง้ั รปู แบบหนง่ึ ทม่ี คี วามนา่ สนใจและสามารถกระทำ� การทุจริตเลอื กตัง้ ไดย้ าก คือ ระบบจดั ลำ� ดับความชอบ (Alternative Vote/Preferential Voting) ซงึ่ เป็นระบบเลือกต้ังแบบแบ่งเขตเสียงข้างมากเด็ดขาดท่ีใช้อยู่ในประเทศออสเตรเลียและปาปัวนิวกินี ระบบเลือกตั้งดังกล่าวมักใช้ในการเลือกตั้งแบบเขตเลือกตั้งที่มีตัวแทนหนึ่งคน (single–member districts) โดยผู้มสี ิทธิอ์ อกเสยี งเลือกตงั้ จดั อันดบั ผู้สมัครทงั้ หมดในเขตเลือกตง้ั ตามความชอบ ผูส้ มัคร ทไ่ี ดค้ ะแนนเสยี งขา้ งมากเดด็ ขาด (Absolute Majority) หรอื ผทู้ ไี่ ดค้ ะแนนเสยี งเกนิ ครงึ่ ของผมู้ าใชส้ ทิ ธิ์ จะเป็นผู้ชนะการเลือกต้ัง ซึ่งการนับคะแนนจะนับเฉพาะผู้สมัครท่ีถูกเลือกในอันดับท่ี 1 แต่หากไม่มี ผสู้ มคั รคนใดไดค้ ะแนนเสยี งขา้ งมากเดด็ ขาด จะพจิ ารณาดงั นี้ (1) ผสู้ มคั รทไี่ ดค้ ะแนนเสยี งนอ้ ยทส่ี ดุ จะ ถกู ตดั ออกจากรายช่ือผไู้ ด้รบั เลอื กตง้ั (2) พิจารณาผสู้ มัครอันดบั ท่ี 2 ในบัตรเลือกตงั้ ของผู้ทถี่ กู ตัดออก ตามโดยเอาคะแนนของผู้สมัครอันดับท่ี 2 ไปรวมกับการนับคะแนนเพ่ือหาผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียง ข้างมากเด็ดขาด หากยังไม่ปรากฏว่ามีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเสียงข้างมากเด็ดขาดจะใช้วิธีการนี้ไป จนกวา่ จะได้ผู้สมัครทไ่ี ดร้ ับคะแนนเสยี งข้างมากเดด็ ขาด อย่างไรก็ตาม ระบบเลือกตง้ั นี้อาจเป็นระบบ ที่ค่อนข้างมีความซับซ้อนและยากต่อความเข้าใจ แต่นับได้ว่าเป็นระบบเลือกต้ังรูปแบบหนึ่งท่ีส่งผล ให้การซื้อเสียงและการทุจริตเลือกต้ังเกิดข้ึนได้ยากเมื่อเทียบกับระบบเลือกต้ังแบบแบ่งเขตเสียง ขา้ งมากธรรมดาและระบบเลอื กต้งั แบบผสมทปี่ ระเทศไทยใชเ้ ปน็ ระบบเลอื กต้งั การเลือกต้ังในประเทศไทย ได้มีการก�ำหนดเป็นกระบวนการไว้ในรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทยเพอ่ื ใหไ้ ดบ้ คุ คลทเี่ ปน็ ตวั แทนประชาชนเขา้ ไปทำ� หนา้ ทป่ี กครองและบรหิ ารประเทศ ซึ่งนับต้ังแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่การปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตยในปี พ.ศ. 2475 จนถึงปัจจบุ ันรวมเป็นระยะเวลา 88 ปี ประเทศไทยมกี ารเลอื กตงั้ รวม 28 ครง้ั ดังนี้

การทุจรติ เลือกตั้งกับการเมืองไทย 125 ตารางที่ 2 การเลือกตั้ง ระบบเลือกต้งั และสาเหตกุ ารเลือกตั้งของประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2476 – 2562 รัฐธรรมนูญ วนั ท่ี ระบบเลือกตั้ง จำ�นวน มี หรือไมม่ ี สาเหตุการเลือกตั้ง ฉบับท่ี พ.ศ. แบบเสียงขา้ งมาก สมาชกิ วุฒสิ ภา ธรรมดาและขนาด สภาผู้แทน และวิธกี ารไดม้ า ของเขตเลือกตงั้ ราษฎร (คน) หนงึ่ เขตหลายคน/ 1 2475 15 พฤศจิกายน 2476 78 สภาเดยี่ ว การเปลยี่ นแปลง จังหวัด การปกครองตาม รัฐธรรมนูญ 2475 2 2475 7 พฤศจิกายน 2480 หน่ึงคนหนง่ึ เขต 91 สภาเด่ยี ว พ้นจากตำ�แหน่ง ตามวาระ 2475 12 พฤศจกิ ายน 2481 หน่งึ คนหนงึ่ เขต 3 2489 6 มกราคม 2489 หนง่ึ คนหนึง่ เขต 91 สภาเด่ียว ยบุ สภา 96 วุฒสิ ภา ยุบสภา เลอื กต้งั ทางอ้อม 80 คน 4 2490 29 มกราคม 2491 หนึง่ เขตหลายคน/ 99 วฒุ สิ ภา การรัฐประหาร จังหวดั แต่งต้งั 90 คน และการประกาศใช้ รฐั ธรรมนูญ พ.ศ. 2490 5 2492 26 กุมภาพนั ธ์ 2495 หนึง่ เขตหลายคน/ 123 วฒุ สิ ภา การรฐั ประหาร จังหวัด แตง่ ตั้ง 100 คน 6 2495 26 กมุ ภาพันธ์ 2500 หน่งึ เขตหลายคน/ 160 สภาเด่ยี ว ครบวาระ จงั หวดั 15 ธันวาคม 2500 หนง่ึ เขตหลายคน/ 160 สภาเดีย่ ว การรฐั ประหาร จงั หวดั 7 2502 - - - สภาร่าง - รัฐธรรมนูญ 8 2511 10 กุมภาพันธ์ 2512 หนึ่งเขตหลายคน/ 219 วุฒสิ ภาแตง่ ตง้ั การประกาศใช้ จงั หวัด ¾ ของจำ�นวน รัฐธรรมนญู ส.ส. พ.ศ. 2511 9 2515 - - - สภานติ บิ ัญญตั ิ แหง่ ชาต*ิ 10 2517 26 มกราคม 2518 เขตละ 1 - 3 คน 269 วฒุ ิสภา การประกาศใช้ แต่งตั้ง 100 คน รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 4 เมษายน 2519 เขตละ 1 - 3 คน 279 วฒุ สิ ภา ยบุ สภา - แต่งตงั้ 100 คน 11 2519 - - สภาปฏริ ปู - การปกครอง แผ่นดิน 12 2520 - - - สภานิตบิ ัญญัติ - แห่งชาต*ิ

126 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) รฐั ธรรมนูญ วันที่ ระบบเลอื กตง้ั จำ�นวน มี หรือไมม่ ี สาเหตุการเลือกตัง้ ฉบบั ท่ี พ.ศ. แบบเสียงข้างมาก สมาชกิ วฒุ ิสภา ธรรมดาและขนาด สภาผ้แู ทน และวิธีการไดม้ า ของเขตเลือกต้ัง ราษฎร (คน) เขตละ 1 – 3 คน 13 2521 22 เมษายน 2522 301 วฒุ สิ ภาแตง่ ตง้ั การรฐั ประหาร เขตละ 1 – 3 คน และการประกาศใช้ เขตละ 1 – 3 คน รฐั ธรรมนญู เขตละ 1 – 3 คน พ.ศ. 2521 18 เมษายน 2526 - 324 ¾ ของจำ�นวน ยบุ สภา เขตละ 1 – 3 คน ส.ส. 27 กรกฎาคม 2529 เขตละ 1 – 3 คน 347 วฒุ สิ ภาแตง่ ตง้ั ยบุ สภา 24 กรกฎาคม 2531 เขตละ 1 – 3 คน เขตละ 1 – 3 คน 357 ¾ ของจำ� นวน ยบุ สภา หนง่ึ เขตหนง่ึ คน + ส.ส. 14 2534 - สดั สว่ น - สภานติ บิ ญั ญตั ิ - หนง่ึ เขตหนง่ึ คน + แหง่ ชาต*ิ 15 2534 22 มนี าคม 2535 สดั สว่ น 360 วฒุ สิ ภา การรฐั ประหาร - แตง่ ตง้ั 270 คน และการประกาศใช้ รฐั ธรรมนญู เขตละ 1 – 3 คน + พ.ศ. 2534 สดั สว่ น 13 กนั ยายน 2535 360 วฒุ สิ ภา ยบุ สภา 2 กรกฎาคม 2538 หนง่ึ เขตหนง่ึ คน + แตง่ ตง้ั 270 คน 17 พฤศจกิ ายน 2539 สดั สว่ น 16 2540 6 มกราคม 2544 391 วฒุ สิ ภา ยบุ สภา แตง่ ตง้ั 270 คน 393 วฒุ สิ ภา ยบุ สภา แตง่ ตง้ั 270 คน 500 (400 + วฒุ สิ ภา การประกาศใช้ 100) เลอื กตง้ั โดยตรง รฐั ธรรมนญู 200 คน พ.ศ. 2540 6 กมุ ภาพนั ธ์ 2548 500 (400 + วฒุ สิ ภา พน้ จากตำ�แหนง่ 100) เลอื กตง้ั โดยตรง ตามวาระ 200 คน 17 2549 - - สภานติ บิ ญั ญตั ิ - แหง่ ชาต*ิ 18 2550 23 ธนั วาคม 2550 480 (400 + วุฒสิ ภา การรฐั ประหาร 80) 150 คน และการประกาศใช้ มาจากการ รฐั ธรรมนญู เลือกตงั้ โดยตรง พ.ศ. 2550 จังหวัดละ 1 คน และ 3 กรกฎาคม 2554 500 (375 + สรรหา 74 คน ยบุ สภา 125)

การทุจริตเลอื กตั้งกับการเมอื งไทย 127 รฐั ธรรมนญู วันท่ี ระบบเลือกตง้ั จำ�นวน มี หรือ ไมม่ ี สาเหตกุ ารเลือกตง้ั ฉบบั ที่ พ.ศ. แบบเสียงข้างมาก สมาชกิ วฒุ ิสภา ธรรมดาและขนาด สภาผูแ้ ทน ของเขตเลอื กต้ัง ราษฎร (คน) และวิธีการไดม้ า 20 2560 24 มนี าคม 2562 - 500 (350 + วฒุ สิ ภาเลอื ก การรฐั ประหาร 150) กนั เอง 200 คน และประกาศใช้ (5 ปแี รก แตง่ ตง้ั รฐั ธรรมนญู 250 คน) พ.ศ. 2560 หมายเหตุ: *สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นสภาท่ีได้รับการแต่งต้ังโดยคณะรัฐประหารให้ท�ำหน้าท่ีออกกฎหมายแทน สภาผูแ้ ทนราษฎรและวฒุ ิสภา มักเกดิ ขนึ้ ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู การปกครองหรอื รฐั ธรรมนญู ฉบับชว่ั คราว ทม่ี า: สิรพิ รรณ นกสวน สวสั ดี. (2561). ระบบเลอื กต้งั เปรยี บเทยี บ. กรงุ เทพมหานคร: สยามปริทัศน,์ หนา้ 9 – 10 จากตารางข้างต้น สะท้อนให้เห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 88 ปีของประชาธิปไตยไทย ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญรวมทั้งสิ้น 20 ฉบับ ซึ่งมีการเลือกต้ังเกิดขึ้นอย่างไม่สม่�ำเสมอ อันเป็นผล สืบเน่ืองมาจากการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และแม้ว่าภายหลังการเลือกต้ังจะน�ำมาสู่การจัดต้ัง รัฐบาลท่ีมาจากการเลือกตั้ง แต่ในบางช่วงเวลาก็มีปรากฏการณ์การยุบสภาและการแทรกแซงของ กองทพั โดยการรัฐประหาร การเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรทเี่ ปน็ รปู แบบการเขา้ สอู่ ำ� นาจทางเมอื งในฝา่ ยนติ บิ ญั ญตั ิ ตามแบบอย่างของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เกิดข้ึนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2476 แต่เป็น การเลือกตั้งทางอ้อมที่ยังไม่ให้ประชาชนมีอิสระในการเลือกสมาชิกผู้แทนราษฎรโดยตรง กล่าวคือ ประชาชนผมู้ สี ทิ ธเ์ิ ลอื กตง้ั จะมกี ารเลอื กตวั แทนหรอื คณะบคุ คล จากนน้ั ตวั แทนหรอื คณะบคุ คลทไี่ ดร้ บั เลอื กตงั้ จะไปดำ� เนนิ การเลอื กผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ซงึ่ ในขณะนนั้ ไดม้ พี ระราชกฤษฎกี ากำ� หนด ให้กรมการอ�ำเภอด�ำเนินการเลือกตั้งผู้แทนต�ำบลขึ้นทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันท่ี 15 พฤศจกิ ายน 2476 และผแู้ ทนตำ� บลจะไปเลือกสมาชกิ สภาผ้แู ทนราษฎรอีกขัน้ หนง่ึ การเลือกตงั้ ครง้ั น้ี เป็นครั้งแรกและคร้ังเดียวที่ประเทศไทยมีการเลือกต้ังโดยวิธีอ้อม นอกจากนั้นจะเป็นการเลือกต้ัง โดยตรงทั้งหมด ระบบเลือกต้ังทป่ี ระเทศไทยใช้ ได้แก่ ระบบเลอื กต้งั เสียงข้างมากธรรมดา (Plurality Electoral System) ซง่ึ การเลอื กตง้ั ของไทยกอ่ นบงั คบั ใชร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2540 และภายใตร้ ฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2550 ประเทศไทยใช้ระบบเลือกต้งั แบบเสยี งข้างมากธรรมดา หนึ่งเขตหลายคน (Multi-Member Districts/ Constituencies) หรอื มีชื่อ เรียกอย่างไมเ่ ป็นทางการวา่ “ระบบรวมเขต เรียงเบอร์” เป็นระบบเลอื กตงั้ แบบเสยี งข้างมากธรรมดา ทีใ่ นเขตเลือกตง้ั มีตัวแทนแตกตา่ งกันต้ังแต่ 1 คน ถึง 3 คน ขน้ึ อยูก่ บั จำ� นวนประชากรในเขตนน้ั ผ้ใู ช้สทิ ธ์ิ แต่ละคนสามารถออกเสียงได้ตามจ�ำนวนตัวแทนที่พึงมี (1 – 3 เสียง) และสามารถแยกลงคะแนน

128 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ่ี 13 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) ให้ผสู้ มัครท่ีมาจากคนละพรรคการเมืองได้ (สริ พิ รรณ นกสวน สวสั ดี, 2561: 46) ซ่ึงระบบเลือกตัง้ แบบ เสยี งขา้ งมากธรรมดา หนง่ึ เขตหลายคน สง่ ผลใหค้ ะแนนเสยี งของประชาชนผมู้ สี ทิ ธเิ์ ลอื กตง้ั กระจายไป ยังผู้สมัครหลายคนหรือหลายพรรคการเมือง การออกเสียงของประชาชนจะข้ึนอยู่กับคุณสมบัติของ ผูส้ มัครรายบคุ คลเป็นส�ำคญั หากชอบหรือไม่ชอบตวั บุคคลเป็นการเฉพาะกส็ ามารถลงคะแนนเสียงได้ โดยไม่ต้องผูกพันว่าผู้สมัครนั้นสังกัดพรรคการเมืองใด หากแต่การเลือกต้ังรูปแบบนี้ท�ำให้เกิด ความไม่เท่าเทียมของจ�ำนวนผู้แทนในสภาของแต่ละเขตพ้ืนที่ เน่ืองจากจ�ำนวนผู้แทนจะขึ้นอยู่กับ จ�ำนวนประชาชนในเขตพื้นที่ จึงท�ำให้ประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้งมีสิทธิ์ออกเสียงไม่เท่ากันและ ทำ� ให้เกิดความไม่เทา่ เทยี มของจำ� นวนตัวแทนท่อี อกเสยี งในสภาดว้ ย ในสว่ นของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2540 ซง่ึ ไดร้ บั การขนานนามว่า เปน็ “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” เนื่องจากกระบวนการจดั ท�ำรฐั ธรรมนูญเปดิ โอกาสให้ประชาชนได้ มีส่วนร่วมผ่านตัวแทนแต่ละจังหวัดและนับเป็นคร้ังแรกของประวัติศาสตร์การจัดท�ำรัฐธรรมนูญของ ไทย และในบทบญั ญัติของรัฐธรรมนูญฉบบั แกไ้ ขเพมิ่ เติมยังไดก้ ำ� หนดเปน็ หลกั การไว้ดว้ ยวา่ การจดั ท�ำ รัฐธรรมนูญจะต้องค�ำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนเป็นส�ำคัญ มีการใช้ระบบเลือกตั้งแบบคู่ขนาน ระหว่างระบบหน่ึงเขตหน่ึงคน (Single-Member Districts/Constituencies) และระบบสัดส่วน (Proportional Representation) ทที่ ง้ั ประเทศเปน็ เขตเลอื กตงั้ ในระบบนก้ี ารจดั สรรทน่ี ง่ั ของผสู้ มคั ร ในเขตเลอื กตง้ั และระบบสดั สว่ นจากบญั ชรี ายชอ่ื ของพรรคการเมอื งจะเปน็ อสิ ระจากกนั โดยไมม่ กี ารนำ� คะแนนจากระบบเลอื กตง้ั 2 ระบบมาคดิ รวมกนั และไมม่ กี ารชดเชยคะแนนเพอ่ื ใหท้ นี่ ง่ั ทพี่ รรคการเมอื ง ได้รับสะท้อนคะแนนทป่ี ระชาชนเลอื กพรรคน้ันในระบบสัดสว่ น (สิรพิ รรณ นกสวน สวสั ด,ี 2561: 82) ซ่ึงระบบเลือกต้ังนี้เป็นคร้ังแรกในประเทศไทยที่ใช้ระบบบัญชีรายช่ือ และท�ำให้ได้รัฐสภามาจาก การเลอื กตงั้ ทม่ี พี รรคการเมอื งไมม่ าก รวมถงึ สง่ ผลใหม้ กี ารแขง่ ขนั กนั ทน่ี โยบายของพรรคการเมอื งชดั เจน ข้ึนและท�ำให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งมีเสถียรภาพ แต่การเลือกต้ังรูปแบบนี้มีการก�ำหนดเกณฑ์ ขนั้ ตำ�่ สำ� หรบั พรรคการเมอื งทจี่ ะไดท้ สี่ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรในระบบบญั ชรี ายชอ่ื ทำ� ใหพ้ รรคการเมอื ง ขนาดเลก็ หรอื ขนาดกลางมโี อกาสสงู ทจี่ ะไมไ่ ดท้ นี่ งั่ ในระบบบญั ชรี ายชอ่ื เลย จงึ นบั ไดว้ า่ เปน็ ระบบเลอื กตง้ั ท่ีสนบั สนุนให้มพี รรคการเมอื งขนาดใหญ่ในการแขง่ ขนั เท่าน้นั อย่างไรก็ตาม ปัญหาส�ำคัญประการหน่ึงของการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ว่าจะใช้ ระบบเลอื กตง้ั รปู แบบใดกต็ าม คอื การทจุ รติ เลอื กตง้ั โดยผสู้ มคั รรบั เลอื กตงั้ และพรรคการเมอื งทส่ี งั กดั จะมกี ลยทุ ธต์ า่ ง ๆ ทน่ี บั วนั จะทวคี วามรนุ แรงและซบั ซอ้ นมากขนึ้ เพอื่ หวงั ผลใหไ้ ดร้ บั เลอื กตงั้ เขา้ มาเปน็ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและมอี ำ� นาจรฐั ในการบริหารประเทศ ซง่ึ รายละเอียดของการทจุ รติ เลือกต้งั จะกลา่ วถึงในสว่ นตอ่ ไป

การทจุ ริตเลือกต้ังกบั การเมอื งไทย 129 3. การทุจริตเลือกตงั้ ในประเทศไทย การทุจริตเลือกตั้ง (Electoral Corruption) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานในการเลอื กตง้ั ตามระบอบประชาธปิ ไตยของประเทศไทย ซงึ่ การทจุ รติ เลอื กตง้ั นเี้ ปน็ การทำ� ลาย เจตจำ� นงของความเปน็ ประชาธปิ ไตย รวมทงั้ ยงั สง่ ผลใหส้ มาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมคี วามเปน็ ผแู้ ทนของ ประชาชนและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนน้อยลงหรือน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เน่ืองจากผู้สมัคร รบั เลอื กตง้ั ทก่ี ระทำ� การทจุ รติ เลอื กตง้ั มกั จะมตี น้ ทนุ และการลงทนุ ทงั้ ในรปู แบบทป่ี ระเมนิ คา่ เปน็ ตวั เงนิ และไมส่ ามารถประเมนิ ค่าเปน็ ตวั เงนิ ได้ เมอ่ื ไดร้ บั เลอื กตงั้ เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรจะมแี นวโนม้ ท่ี จะใช้อ�ำนาจรัฐเพ่ือชดเชยและรักษาผลประโยชน์ของตนเองและพรรคพวกมากกว่าผลประโยชน์ของ ประเทศและประชาชน จึงนับได้ว่าเป็นจุดเร่ิมต้นของการทุจริตรูปแบบอ่ืนตามมา เช่น การทุจริต เชิงนโยบาย การทจุ รติ ในอ�ำนาจหนา้ ท่ีเพ่อื เอือ้ ประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง เป็นตน้ โดยรปู แบบ การทุจริตเลือกต้ังท่ีผู้สมัครรับเลือกต้ังหรือพรรคการเมืองใช้เพื่อเอกชนะการเลือกต้ังมีลักษณะดังน้ี (ประภสั สร ปรีเอีย่ ม, 2556: 19 - 22) (1) หัวคะแนน เป็นบุคคลหรือกลุ่มคนท่ีท�ำหน้าที่ในการรณรงค์หาเสียงหรือคะแนนให้กับ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยการเชิญชวนให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเลือกผู้สมัครที่ตนสนับสนุน ซ่ึงบุคคล ทม่ี กั ทำ� หนา้ ที่เป็นหวั คะแนน คอื ผทู้ ม่ี ีช่อื เสียงเป็นท่รี จู้ กั ในท้องถ่นิ นั้น ๆ ผู้มีอทิ ธพิ ลทสี่ ามารถโนม้ นา้ ว เชญิ ชวนใหป้ ระชาชนเลอื กผสู้ มคั รทตี่ นสนบั สนนุ ได้ เชน่ ผนู้ ำ� ชมุ ชน แพทย์ ครู เจา้ หนา้ ทอ่ี งคก์ รเอกชน พระสงฆ์ เป็นต้น การเป็นหัวคะแนนอาจมีทั้งเป็นโดยอาสาสมัครไม่รับสิ่งตอบแทน เพราะท�ำด้วย อดุ มการณท์ ต่ี รงกนั กบั ผสู้ มคั ร หรอื รกั ใครช่ อบพอ ชว่ ยเหลอื เปน็ ญาตพิ นี่ อ้ งเพอื่ นฝงู ผทู้ ต่ี นนบั ถอื หรอื บางคนบางกลุ่มจะเป็นหัวคะแนนที่ท�ำงานโดยรับสิ่งตอบแทนในรูปแบบต่าง ๆ มีท้ังท่ีเป็นตัวเงินและ ไม่เป็นตัวเงิน วิธีการรณรงค์มีหลายรูปแบบท้ังที่ถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมาย วิธีการที่ด�ำเนินกัน โดยทว่ั ไปคอื การช่วยหาเสียงต่าง ๆ เชน่ แจกใบปลวิ ตดิ โปสเตอร์ พดู เชิญชวนในงานกิจกรรมตา่ ง ๆ หรือเขา้ พบปะประชาชนตามบา้ นหรืองานประเพณี เปน็ ตน้ นอกจากนี้ ยงั มีวธิ ีการอนื่ ๆ ทีห่ ัวคะแนน ด�ำเนินการโดยไม่ถูกกฎหมาย เช่น การข่มขู่ผู้มีสิทธ์ิเลือกต้ัง และข่มขู่ผู้สมัครคู่แข่ง ตลอดจนข่มขู่ หวั คะแนนของคแู่ ข่ง เปน็ ตน้ (2) การใชเ้ งนิ และใหท้ รพั ยส์ นิ เปน็ พฤตกิ รรมการทจุ รติ เลอื กตงั้ โดยใชเ้ งนิ หรอื ทรพั ยส์ นิ ตา่ ง ๆ แลกเปลี่ยนกับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรืองดเว้นการลงคะแนนแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือ พรรคการเมอื งในเขตเลอื กตัง้ นั้น เช่น การใช้เงนิ แจกจา่ ยใหผ้ ู้มีสิทธเิ์ ลอื กตั้งเพ่อื ใหล้ งคะแนนเสยี ง หรือ เรียกว่า “การซื้อเสียง” การจ่ายเงินให้กรรมการหน่วยเลือกตั้งหรือผู้มีส่วนเก่ียวข้องกับการเลือกต้ัง กาบตั รลงคะแนนแทนผทู้ ไี่ มม่ าใชส้ ทิ ธิ์ หรอื เรยี กวา่ “ไพไ่ ฟ” การลกั ลอบนำ� บตั รเลอื กตงั้ ออกจากหนว่ ย เลอื กตงั้ แลว้ นำ� ไปใหป้ ระชาชนทไ่ี ดร้ บั เงนิ จากหวั คะแนนนำ� ไปหยอ่ นลงหบี เลอื กตงั้ การใชบ้ ตั รประจำ� ตวั ประชาชนมาเวยี นลงคะแนนเลอื กตัง้ หรอื ที่เรียกว่า “การเวียนเทยี นพลรม่ ” เปน็ ตน้

130 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มิถุนายน 2563) (3) การให้การสนับสนนุ เป็นลักษณะท่ีหัวหนา้ ในพืน้ ท่หี าเสียงจะพจิ ารณาวา่ ผูใ้ ดมีศกั ยภาพ พอจะไดร้ บั เลือกตงั้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสใหห้ วั หนา้ พรรคเข้าสตู่ �ำแหน่งทางการเมอื ง (4) การตอบแทน จะอยใู่ นลกั ษณะของการใหส้ ง่ิ ตอบแทนภายหลงั จากไดร้ บั การเลอื กตง้ั แลว้ เชน่ การท�ำสัญญาเงินกู้ เป็นการจดั ท�ำสญั ญาเงินกู้เทียมเพือ่ ปล่อยกใู้ หก้ บั กลุ่มหรือองคก์ รทางสงั คม หากผ้สู มัครชนะเลือกตัง้ กจ็ ะฉกี สญั ญาทง้ิ เปน็ การประกันว่าตนเองจะไดร้ บั เลอื กตัง้ หากไมไ่ ดร้ บั เลอื กตั้ง ก็จะท�ำให้กลุ่มคนดังกล่าวตกเป็นลูกหนี้ หรือการท�ำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินโดยการวางมัดจ�ำ เช่น การวางมดั จำ� ซอ้ื ทด่ี นิ เมอื่ ไมม่ กี ารจา่ ยเงนิ ทเี่ หลอื คสู่ ญั ญากส็ ามารถรบิ มดั จำ� จงึ เทา่ กบั เปน็ การจา่ ยเงนิ โดยเลีย่ งกฎหมาย (5) การสร้างกระแส โดยมีพฤติการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การสร้างหลักฐานเท็จหรือ พฤตกิ ารณท์ ใี่ หร้ า้ ยแกฝ่ า่ ยตรงขา้ ม การสรา้ งเอกสารปลอมหรอื จงใจใหม้ ลี กั ษณะคลา้ ยหนงั สอื ราชการ จากหน่วยราชการท่ีเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งส่งไปแจ้งให้ฝ่ายตรงข้ามยุติการหาเสียงการสร้างข่าวลือ สร้างสถานการณ์เท็จหรือขา่ วลอื เพอ่ื ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจผิด เป็นต้น การทุจริตเลือกต้ังของประเทศไทยในระยะเริ่มแรก ไม่ได้มีการแจกเงินซื้อเสียงจ�ำนวนมาก เหมอื นในปัจจบุ นั สว่ นใหญ่จะเปน็ การทจุ ริตเลอื กต้งั ในรปู แบบการใช้อำ� นาจรัฐหรอื อิทธิพล ใช้ “พลร่ม – ไพไ่ ฟ” ใหเ้ จ้าหน้าทีร่ ฐั เวียนเทียนเลือกต้งั ส่วนในต่างจังหวัดอาจมกี ารแจกส่ิงของเลก็ ๆ น้อย ๆ เช่น รองเท้าแตะ ผ้าเช็ดหน้า ปลาทูเค็ม เป็นต้น ตัวอย่างการทุจริตเลือกต้ังของไทยในช่วงแรกของ ประชาธปิ ไตยไทยทน่ี บั ไดว้ า่ มคี วามไมโ่ ปรง่ ใสทสี่ ดุ ในประวตั ศิ าสตรก์ ารเมอื งไทย คอื การเลอื กตงั้ ในวนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ 2500 ทีเ่ ป็นการขบั เคี่ยวทางการเมอื งของพรรคการเมืองฝา่ ยรัฐบาล คือ พรรคเสรมี นงั คศลิ า ที่สนับสนุนจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่เป็นคู่แข่งที่ได้รับความนิยม จากผอู้ าศยั อยใู่ นกรงุ เทพมหานครในขณะนนั้ ไดโ้ จมตพี รรคเสรมี นงั คศลิ าทเ่ี ปน็ พรรครฐั บาลเกย่ี วกบั ปญั หา การทุจริตเปิดโปงการรับความช่วยเหลือทางการทหารจากสหรัฐอเมริกาเพื่อค�้ำจุนรัฐบาลและรับเงิน จากนักธุรกิจเพ่ือเป็นทุนในการเลือกต้ัง โดยพรรคเสรีมนังคศิลาได้แจกของให้ผู้ที่มาฟัง การปราศรยั หาเสยี ง เช่น ไม้ขีดไฟและผา้ เช็ดหนา้ (ร่งุ พงษ์ ชยั นาม, 2552: 12-5) ซึ่งการเลอื กต้งั ในคร้ังน้ี ไมอ่ าจทำ� ใหป้ ระชาชนยอมรบั ผลการเลอื กตงั้ ได้ เนอ่ื งจากเปน็ การเลอื กตงั้ ทน่ี บั ไดว้ า่ มกี ารโกงมากทส่ี ดุ ในประวตั ิศาสตร์ นบั ตัง้ แตก่ ารใชเ้ ครื่องบนิ โปรยใบปลิวโจมตีฝ่ายตรงข้าม การข่มขูป่ ระชาชนใหเ้ ลือก ผสู้ มคั รของพรรคเสรมี นังคศลิ า การเวยี นเทยี นมาลงคะแนน การสลบั หีบเลือกตงั้ การแอบหยอ่ นบัตร คะแนนเข้าไปในหีบเลือกต้ัง และต้องใช้เวลานับคะแนนนานถึง 7 วัน ซ่ึงผลการเลือกต้ัง คือ พรรค เสรมี นงั คศลิ าชนะการเลอื กตงั้ โดยไดท้ นี่ งั่ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎรมากถงึ 83 ทน่ี งั่ จาก 160 ทนี่ ง่ั ประชาชน มกี ารประณามวา่ การเลอื กตง้ั ครงั้ นเ้ี ปน็ การเลอื กตงั้ ทไี่ มบ่ รสิ ทุ ธ์ิ เนอ่ื งจากการนบั คะแนนเสยี งความลา่ ชา้ มาก มีการทิ้งไพ่ไฟ (บัตรเลือกตั้งปลอม) รวมถึงนิสิตนักศึกษาได้ให้ความสนใจอย่างมาก และได้มี การชมุ นมุ กนั ทเ่ี สาธงใหญห่ อประชมุ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย มีการเดนิ ขบวนจากสนามหลวงไปตาม ถนนราชดำ� เนนิ ผา่ นอนสุ าวรยี ป์ ระชาธปิ ไตยสทู่ ำ� เนยี บรฐั บาล และมกี ารปะทะกนั ระหวา่ งทหารกบั นสิ ติ

การทุจรติ เลอื กตง้ั กับการเมอื งไทย 131 นักศกึ ษา จนกระทั่งท้ายที่สดุ จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม ยอมรบั ว่าการเลอื กตงั้ ครั้งนไ้ี มม่ คี วามโปรง่ ใส และจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งการเดินประท้วงคร้ังน้ีนับเป็นการชุมนุมทางการเมืองครั้งแรกของ ประชาชนชาวไทยนับตง้ั แตก่ ารเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ต่อมา การทุจริตเลือกตั้งได้มีวิวัฒนาการจากการใช้อ�ำนาจรัฐหรืออิทธิพลและการแจกของ เลก็ ๆ นอ้ ย ๆ เปน็ การซอื้ เสยี งซงึ่ เปน็ วธิ ที ไ่ี ดร้ บั ความนยิ มอยา่ งมากและไดผ้ ลดที ส่ี ดุ ซงึ่ ตามประวตั ศิ าสตร์ การเมืองไทยมีปัญหาการทุจริตซื้อเสียงมานานแล้ว แต่การซื้อเสียงท่ีมีความรุนแรงและเปิดเผย คือ ปรากฏการณท์ จ่ี ารกึ ในหนา้ ประวตั ศิ าสตรก์ ารเมอื งทเ่ี รยี กวา่ “โรครอ้ ยเอด็ ” ในการเลอื กตงั้ ซอ่ มทจ่ี งั หวดั รอ้ ยเอ็ดในเขตเลือกตง้ั หนึง่ เม่ือวนั ท่ี 3 สิงหาคม 2524 ซึ่งการเลอื กต้งั ซ่อมคร้งั น้มี กี ารแข่งขันกันอย่าง ดเุ ดือดระหวา่ งพนั ต�ำรวจโท บุญเลศิ เลศิ ปรชี า จากพรรคกจิ สงั คม กบั พลเอก เกรยี งศักด์ิ ชมะนันทน ์ ในฐานะหัวหนา้ พรรคชาติประชาธปิ ไตย และเปน็ อดีตนายกรัฐมนตรี และหวั หน้าพรรคประชาธิปไตย ประสงค์จะแจ้งเกิดในทางการเมืองเพ่ือท้าชิงต�ำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกวาระหน่ึง จึงมีการใช้วิธีการ ซอื้ เสยี งในเชงิ รกุ โดยการแจกจา่ ยเงนิ สดแทนสง่ิ ของเครอื่ งใชต้ า่ ง ๆ อยา่ งเปดิ เผยแตไ่ มม่ กี ารลงโทษทาง กฎหมาย ซง่ึ การเลอื กตงั้ ครง้ั นเี้ ปน็ ตน้ กำ� เนดิ ของการซอ้ื เสยี งอยา่ งแพรห่ ลายในภาคอสี านและไดร้ ะบาด เป็นการซ้ือเสยี งทัว่ ประเทศ ปัจจุบันน้ี การซ้ือสิทธ์ิขายเสียงมีแนวโน้มในการใช้เงินซื้อเสียงมากขึ้นและมีการตีทุนจาก เมด็ เงนิ ทล่ี งทนุ ไปกบั การซอื้ เสยี งมากขนึ้ เมอื่ ไดร้ บั ชยั ชนะในการเลอื กตง้ั ปจั จยั สำ� คญั ประการหนงึ่ คอื ประเทศไทยไดเ้ ขา้ สยู่ ุคของ “ธุรกิจการเมือง” (Business-oriented politics) หรือเรียกว่า ธนกิจการ เมือง ทุนการเมอื ง หรือธนาธิปไตย อันเกิดจากการเปล่ยี นแปลงทางการเมืองทมี่ กี ลุม่ ธุรกจิ ได้เขา้ มามี บทบาทและอ�ำนาจทางการเมือง ซง่ึ ในปี พ.ศ. 2544 มกี ลุม่ ธรุ กิจที่เป็นกลุ่มนายทนุ ขนาดใหญ่เข้ามามี อำ� นาจทางการเมือง (ประเวศ วะสี, 2549: 118) ซง่ึ ธรุ กิจการเมืองเปน็ ระบบท่สี นับสนุนความสมั พนั ธ์ ระหว่างรัฐบาลกับธุรกิจ และเงินทุน บนพ้ืนฐานของพันธสัญญา เป็นกระบวนการท่ีนักการเมืองใช้ อ�ำนาจทางการเงินเพื่อให้ตนได้อ�ำนาจทางการเมือง หรือได้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง และเข้าไปมี อ�ำนาจในการกำ� หนดและดำ� เนนิ นโยบายสาธารณะ เพอื่ ทจี่ ะสามารถเอ้ือประโยชน์แก่กลุ่มของตนเอง และพวกพ้องในการแสวงหารายไดแ้ ละก�ำไรใหม้ ากกว่าการด�ำเนินธรุ กิจในรปู แบบของธรุ กจิ โดยทั่วไป ที่เป็นแข่งขันกันในตลาด ซึ่งก่อให้เกิดการท�ำธุรกิจแบบผูกขาด โดยการเข้าไปควบคุม จัดสรร และแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ (Economic Rent) ในรูปแบบของใบอนุญาต สัมปทาน เงนิ อุดหนุน สิทธิพิเศษ หรือสทิ ธปิ ระโยชน์ตา่ ง ๆ ซ่งึ รปู แบบการทจุ ริตดงั กล่าว เรียกว่า “การทจุ ริต เชิงนโยบาย” (Policy Corruption) โดยกลุ่มธุรกิจการเมืองสามารถน�ำเงินรายได้ส่วนหน่ึงที่ได้จาก กระทำ� ทจุ รติ ในอ�ำนาจหน้าที่ไปลงทนุ ในการรักษาอ�ำนาจทางการเมืองผา่ นการเลือกตั้งตอ่ ไปได้ดว้ ย นอกจากนี้ รปู แบบการทจุ รติ เลอื กตง้ั ไดม้ คี วามซบั ซอ้ นและเกย่ี วพนั เชอ่ื มโยงกบั อำ� นาจรฐั มาก ขนึ้ กลา่ วคอื พรรคการเมอื งทม่ี คี วามใกลช้ ดิ กบั ผมู้ อี ำ� นาจรฐั จะมคี วามไดเ้ ปรยี บในการแขง่ ขนั ในสนาม เลอื กตงั้ มากกวา่ พรรคการเมอื งอนื่ เนอื่ งจากผมู้ อี ำ� นาจรฐั ในขณะนนั้ สามารถออกแบบระบบเลอื กและ

132 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มิถุนายน 2563) มีการแบ่งเขตเลือกตั้งให้เอื้อต่อการได้รับชัยชนะของพรรคการเมืองหน่ึงเพ่ือเป็นการต่างตอบแทน ผลประโยชนซ์ ง่ึ กนั และกนั ภายหลงั จากการไดร้ บั เสยี งขา้ งมากในการเลอื กตงั้ และการจดั ตง้ั รฐั บาล เชน่ การออกแบบระบบเลือกต้ังท่ีท�ำให้เกิดพรรครัฐบาล “เบี้ยหัวแตก” เพ่ือให้เกิดการรวมตัวของ พรรคการเมืองท่ีต้องการเขา้ รว่ มจัดต้งั รฐั บาล และมกี ารตอ่ รองทางการเมืองของพรรคการเมืองต่าง ๆ ให้สนับสนุนผู้มีอ�ำนาจและพรรคการเมืองที่มีความเชื่อมโยงกับผู้มีอ�ำนาจรัฐเป็นแกนนำ� ในการจัดต้ัง รัฐบาล เป็นต้น รวมถึงการก�ำหนดนโยบายของพรรคการเมืองในการหาเสียงให้มีความสอดคล้องกับ นโยบายของผู้มีอ�ำนาจรัฐในขณะนั้น ส่งผลให้ประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐในปัจจุบันมี แนวโน้มจะลงคะแนนเสียงเลือกต้ังให้กับพรรคการเมืองท่ีมีความเชื่อมโยงกับผู้มีอ�ำนาจรัฐอันจะน�ำมา ซงึ่ ความไมเ่ ป็นธรรมของการแข่งขันเลือกตง้ั ในระบอบประชาธิปไตย 4. สรปุ และข้อเสนอแนะ ประเทศไทยมีการเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์สู่การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2475 ตลอดระยะเวลาเกอื บ 9 ทศวรรษท่ผี ่านมา ประชาธิปไตยไทย เป็นไปอย่างล้มลุกคลุกคลาน วงจรการเมืองไทยยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านจากการเลือกต้ังเพื่อให้ได้ ผแู้ ทนของประชาชนเขา้ มาบรหิ ารประเทศในชว่ งระยะเวลาหนงึ่ และเมอื่ เกดิ วกิ ฤตการณห์ รอื สถานการณ์ ที่รุนแรง เช่น รัฐบาลกระท�ำการทุจริต การชุมนุมประท้วงของประชาชน เป็นต้น ทหารจะเข้ามามี บทบาททางการโดยการรฐั ประหาร จากนน้ั จะมกี ารฉกี รัฐธรรมนญู และรา่ งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อ น�ำไปสู่การเลือกต้ังเพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย หากมีวิกฤตการณ์ ทางการเมืองเกิดข้ึน วงจรทางการเมืองไทยก็จะหมุนเวียนไปสู่การรัฐประหาร ซ่ึงประเทศไทยมี การรัฐประหารส�ำเร็จมากถึง 13 ครั้ง นอกจากประเทศไทยจะไม่บังเกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้ว ยงั ทำ� ใหบ้ า้ นเมอื งตกอยใู่ นสภาพทมี่ ปี ญั หาการเมอื งสะสม ซบั ซอ้ น และไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ขปญั หาอยา่ งยง่ั ยนื นอกจากนี้ ประเทศไทยได้มีการเลือกต้ังตามวิถีประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งมาแล้วรวม 28 คร้งั โดยใชร้ ะบบเลอื กตั้งเสยี งข้างมากธรรมดา (Plurality Electoral System) ซ่ึงการเลอื กตั้งของ ไทยก่อนบังคับใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และภายใต้รัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2550 ประเทศไทยใชร้ ะบบเลอื กตงั้ แบบเสยี งขา้ งมากธรรมดา หนงึ่ เขต หลายคน (Multi-Member Districts/Constituencies) หรือ “ระบบรวมเขต เรียงเบอร”์ และในส่วน ของการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ใช้ระบบเลือกต้ังแบบ คขู่ นานระหวา่ งระบบหนงึ่ เขตหนง่ึ คน (Single-Member Districts/Constituencies) และระบบสดั สว่ น (Proportional Representation) หากแต่ปัญหาส�ำคัญประการหน่ึงของการเลือกตั้งในประเทศไทย คือ การขาดความโปร่งใสในการเลือกตั้ง เนื่องจากผู้สมัครรับเลือกต้ังและนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย ต่างมีกลยุทธ์ที่ไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผนอันถูกต้องตามท�ำนองคลองธรรมของกฎหมายว่าด้วย การเลือกตง้ั ซง่ึ การทุจริตเลือกตั้งของประเทศไทยในระยะเร่มิ แรกไมไ่ ดม้ กี ารแจกเงนิ ซือ้ เสยี งจำ� นวนมาก

การทจุ ริตเลือกต้ังกับการเมอื งไทย 133 เหมือนในปัจจุบัน สว่ นใหญ่จะเปน็ การทุจรติ เลอื กตงั้ ในรปู แบบการใช้อำ� นาจรัฐหรอื อทิ ธิพล ใช้ “พลรม่ – ไพ่ไฟ” ให้เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั เวียนเทียนเลอื กตงั้ ส่วนในตา่ งจังหวัดอาจมกี ารแจกสิง่ ของเลก็ ๆ น้อย ๆ ตอ่ มา การทุจริตเลือกตั้งได้มีวิวัฒนาการไปเป็นการใช้เงินซ้ือเสียงซ่ึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากและ ได้ผลดีที่สุด รวมถึงเม่ือประเทศไทยเข้าสู่ยุคธุรกิจการเมืองท่ีกลุ่มธุรกิจเข้ามามีบทบาทและอ�ำนาจ ทางการเมืองและเป็นระบบที่สนับสนนุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างรัฐบาลกับธุรกิจ และเงินทนุ นกั การเมือง มีการใช้อ�ำนาจเพ่อื ผลประโยชน์ตอ่ ตนเองและพวกพอ้ งผ่านการก�ำหนดนโยบายต่าง ๆ หรอื ท่ีเรียกวา่ “การทุจริตเชิงนโยบาย” โดยกลุ่มนายทุนที่เข้ามาครอบครองอ�ำนาจรัฐจะสามารถน�ำผลประโยชน์ ท่ีได้จากการกระท�ำทุจริตในอ�ำนาจหน้าท่ีไปใช้ในการลงทุนเพื่อรักษาอ�ำนาจทางการเมืองและสร้าง เครือข่ายทุจริตท่ีเข้มแข็งได้ รวมถึงรูปแบบการทุจริตเลือกตั้งได้มีความซับซ้อนและเก่ียวพันเช่ือมโยง กับอ�ำนาจรัฐมากขึ้น เน่ืองจากพรรคการเมืองท่ีมีความใกล้ชิดกับผู้มีอ�ำนาจรัฐจะมีความได้เปรียบ ในการแข่งขันในสนามเลือกต้ังมากกว่าพรรคการเมืองอ่ืน ซ่ึงอ�ำนาจท่ีได้มาจากการเลือกต้ังท่ีไม่สุจริต เป็นอ�ำนาจทีไ่ มช่ อบธรรมไม่ตา่ งจากอ�ำนาจทีไ่ ด้มาโดยนอกวิถีรัฐธรรมนญู อน่ื ๆ การเลือกตั้งที่ไม่สจุ ริต เปน็ ปญั หาส�ำคัญของการเมอื งไทย นอกจากจะได้อ�ำนาจท่ไี ม่ชอบธรรม ไม่เปน็ ท่ยี อมรับของทุกฝ่ายแล้ว ยงั เปน็ สาเหตสุ ำ� คญั ของการทจุ รติ ในรปู แบบตา่ ง ๆ เนอ่ื งจากผทู้ ลี่ งทนุ จากการซอ้ื เสยี งตอ้ งมกี ารถอนทนุ คนื เมอ่ื ไดร้ บั การเลอื กตงั้ รวมถงึ การทพี่ รรคการเมอื งใดพรรคการเมอื งหนง่ึ มคี วามสมั พนั ธเ์ ชอื่ มโยงกบั ผู้มีอ�ำนาจรัฐได้ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นในการแข่งขันเลือกต้ัง ซ่ึงเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์และหลักการท่ีส�ำคัญของความเป็นประชาธิปไตยท่ีแท้จริง คือ ความ เทา่ เทยี มและเปน็ ธรรม อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการทุจริตเลือกต้ังน้ันไม่ใช่เร่ืองง่ายที่จะด�ำเนินการได้ส�ำเร็จ ในระยะเวลาอนั ใกล้ เนอื่ งจากเปน็ ปญั หาทฝ่ี งั รากลกึ มาอยา่ งยาวนานในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย ไทย ประกอบกับประเทศไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลแนวคิดระบบอ�ำนาจนิยมท่ีมีระบบอุปถัมภ์และ การตอบแทนบญุ คณุ ของผใู้ หผ้ ลประโยชน์ ซงึ่ เปน็ สาเหตหุ นงึ่ ทท่ี ำ� ใหก้ ารซอ้ื เสยี งเลอื กตง้ั ยงั คงเปน็ วธิ กี ารท่ี ได้รับความนิยมจากผู้สมัครรับเลือกต้ังและพรรคการเมืองต่าง ๆ ดังน้ัน การแก้ไขปัญหาในเบ้ืองต้น มีความจ�ำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจัง โดยหน่วยงานที่เก่ียวข้องกับ การเลอื กตัง้ ดงั เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้งท่มี ีหน้าท่ีและอำ� นาจในการควบคุมและดำ� เนนิ การจดั หรือจัดให้มีการเลอื กตั้งหรอื การสรรหาสมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร สมาชกิ วุฒิสภา สมาชกิ สภาท้องถิน่ และผ้บู รหิ ารท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติใหเ้ ปน็ ไปโดยสจุ ริตและเทีย่ งธรรม ควรเรง่ ดำ� เนินการ สืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการเลือกต้ังโดยเร็ว และเป็นกลาง รวมถึงควรมีการประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าและผลการด�ำเนินคดีอาญากับผู้สมัคร รบั เลอื กตง้ั หวั คะแนน และผเู้ กย่ี วขอ้ ง เพอ่ื ใหป้ ระชาชนทราบถงึ ผลการดำ� เนนิ การและมคี วามไวว้ างใจ ทจ่ี ะมสี ว่ นรว่ มในการเฝา้ ระวงั และแจง้ เบาะแสการทจุ รติ เลอื กตง้ั ในพนื้ ทตี่ า่ ง ๆ ซง่ึ ปจั จยั สำ� คญั อยา่ งยง่ิ ที่จะท�ำให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกต้ังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความ

134 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบับท่ี 1 (มกราคม – มิถนุ ายน 2563) เป็นธรรมในการเลือกตั้ง คือ การกำ� หนดหลักเกณฑ์และกระบวนการคัดเลือกผู้ที่จะมาดำ� รงต�ำแหน่ง เปน็ คณะกรรมการการเลอื กตงั้ ควรมกี ารคดั เลอื กผทู้ ม่ี ปี ระสบการณ์ มคี วามรคู้ วามสามารถ และมคี วาม เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเมืองและการเลือกตั้งมากเพียงพอที่จะมาด�ำรงต�ำแหน่ง เนื่องจากจะส่งผล ให้การวินิจฉัยคดีเป็นไปตามหลักกฎหมายและท�ำให้ผลการวินิจฉัยเป็นที่เช่ือถือยอมรับจากทุกฝ่าย โดยไม่สร้างความขดั แย้งใหเ้ กดิ ข้นึ ในสังคม (ธีรภทั ร์ เสรีรังสรรค์, 2563) ในส่วนของการทุจริตซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งท่ีมีมาอย่างยาวนานในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยของไทย นอกจากจะมีการด�ำเนินการโดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างจริงจัง เสมอภาค และมกี ระบวนคดั เลอื กผทู้ มี่ คี วามเหมาะสมมาดำ� รงตำ� แหนง่ คณะกรรมการการเลอื กตงั้ แลว้ การออกแบบระบบเลือกตั้งที่ยากต่อการซ้ือเสียงเพ่ือให้เกิดความโปร่งใสมากท่ีสุดในการเลือกตั้ง เช่น การออกแบบระบบเลอื กตง้ั ทใ่ี หม้ กี ารเลอื กพรรคการเมอื งมากกวา่ ตวั บคุ คลผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั เนอื่ งจาก พรรคการเมืองไม่มีกลไกของพรรคที่ครอบคลุมในทุกพ้ืนที่ พรรคการเมืองจึงไม่สามารถท่ีจะใช้เงิน งบประมาณในการซอื้ เสยี งเลอื กตงั้ ไดเ้ หมอื นสมาชกิ ผสู้ มคั รรบั เลอื กตง้ั ทหี่ ากตอ้ งการไดร้ บั ชยั ชนะการ เลือกต้ัง การซ้ือเสียงนับได้ว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่ท�ำให้บุคคลเหล่าน้ันไปถึงเป้าหมายคือการได้รับเลือกต้ัง เปน็ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ซง่ึ การออกแบบระบบเลอื กตงั้ ทใ่ี หม้ กี ารเลอื กพรรคการเมอื งจะทำ� ใหเ้ กดิ แข่งขันกันด้วยนโยบายอันจะส่งผลดีต่อระบบพรรคการเมืองในระยะยาว (สิริพรรณ นกสวน สวัสดี, 2563) นอกจากน้ี การนำ� ระบบเลอื กตงั้ ดงั เชน่ ระบบเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของประเทศ ออสเตรเลยี ทเี่ รยี กวา่ ระบบจดั ลำ� ดบั ความชอบ (Alternative Vote/Preferential Voting) มาประยกุ ต์ ใชเ้ ปน็ ระบบเลอื กตงั้ ของประเทศไทย กน็ บั ไดว้ า่ เปน็ อกี ทางเลอื กตง้ั ทจี่ ะสามารถแกไ้ ขปญั หาการทจุ รติ เลอื กตง้ั ซง่ึ ในเบอื้ งตน้ ประเทศไทยสามารถศกึ ษาและประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบเลอื กตงั้ ดงั กลา่ วในการเลอื กตงั้ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพ่ือให้ประชาชนสามารถเริ่มท�ำความเข้าใจและคุ้นชินกับระบบเลือกต้ัง และน�ำมาใช้ในการเลอื กต้ังระบบระดบั ชาตไิ ด้เพ่ือเป็นการลดปัญหาการทุจริตเลือกตัง้ ในระยะยาว นอกจากน้ี เพอ่ื เปน็ การวางรากฐานและสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาธปิ ไตยไทยมคี วามมน่ั คงในระยะยาว ควรมีการเสริมสรา้ งคณุ ธรรม จริยธรรมใหแ้ กน่ ักการเมอื งและพลเมืองทกุ คนโดยผา่ นกลไกทางศาสนา เน่ืองจากทุกศาสนามีหลักค�ำสอนให้ทุกคนท�ำความดีและเป็นคนดี ดังเช่น ในกรณีพระพุทธศาสนา องค์กรท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้งควรมีการจัดให้มีการอบรมเพื่อกล่อมเกลาและยกระดับจิตใจ นักการเมือง เจ้าพนักงานของรัฐ และประชาชน โดยยึดหลักธรรมค�ำสอนทางศาสนามาประยุกต์กับ แนวทางปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ีของแต่ละปัจเจกบุคคลตามวิถีประชาธิปไตยและการด�ำเนินชีวิต ประจ�ำวนั เช่น “ความสุจรติ ” ทสี่ ะท้อนผา่ น ๓ มิติ คือ กายสจุ ริต วจีสุจรติ มโนสุจริต และ “การละซงึ่ กิเลส” เป็นต้น การอบรมควรมี “พระภิกษุสงฆ์สายพระป่า” ท่ีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและละแล้วซ่ึงกิเลส เป็นวิทยากร เพ่ือให้การอบรมมีความลึกซ้ึงและแสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่าการละซึ่งกิเลส และประพฤติตนด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตเป็นเร่ืองที่สามารถกระท�ำได้ในทุกบทบาทหน้าที่ของมนุษย์ ทุกคน (สวัสด์ิ โชติพานชิ ย,์ 2563)

การทจุ รติ เลอื กตัง้ กบั การเมอื งไทย 135 ปัจจัยส�ำคัญอีกประการหนึ่งท่ีส่งเสริมให้ประชาธิปไตยมีความเข้มแข็งได้ในอนาคต คือ การ สร้างเด็กและเยาวชนที่เป็นต้นกล้าประชาธิปไตยให้เติบใหญ่ไปเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยท่ี สมบรู ณ์ หนว่ ยงานภาครฐั ภาคเอกชน และภาคสว่ นตา่ ง ๆ ควรปลกู ฝงั เดก็ และเยาวชนมคี วามตระหนกั ถงึ ความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย เนอ่ื งจากเดก็ และเยาวชนเหลา่ นเ้ี ปน็ ตน้ กลา้ ประชาธปิ ไตย ที่ส�ำคัญย่ิงในการมีส่วนร่วมพัฒนาประชาธิปไตยไทยให้มีความเข้มแข็งและย่ังยืน ซ่ึงในเบื้องต้นควร มีการให้ความรู้ผ่านระบบการศึกษาเพื่อสร้างส�ำนึกพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยด้วยการสร้าง ความรว่ มมือกบั สถาบันการศึกษาทงั้ ในระดบั โรงเรียน วทิ ยาลยั และมหาวทิ ยาลยั โดยมเี น้ือหาสาระที่ ครอบคลมุ ทงั้ ดา้ นการเมอื งการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยและคณุ ลกั ษณะของพลเมอื งในระบอบ ประชาธิปไตย รวมถึงควรมีการด�ำเนินการในลักษณะประยุกต์ใช้เป็นแบบจ�ำลองสถานการณ์จริงเพ่ือให้ เด็กและเยาวชนมีทักษะในการคิดวิเคราะห์ และควรมีพื้นที่ให้กลุ่มเยาวชนได้แสดงออกทางการเมือง อย่างสร้างสรรค์ กลา่ วโดยสรปุ การทจุ รติ เลอื กตง้ั จะลดลงไดน้ นั้ ควรมกี ารดำ� เนนิ การทางกฎหมายอยา่ งจรงิ จงั และเสมอภาคกบั ผทู้ ก่ี ระทำ� การทจุ รติ เลอื กตง้ั และมกี ระบวนการในการคดั เลอื กผทู้ จ่ี ะมาดำ� รงตำ� แหนง่ เปน็ คณะกรรมการเลือกต้งั เพ่อื ให้ไดม้ าซ่งึ ผทู้ ม่ี คี ุณสมบัติ ความเชยี่ วชาญ และความรู้ความสามารถท่ี เหมาะสมต่อการปฏิบัติหน้าท่ีให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นท่ียอมรับของสังคม รวมถึง การออกแบบระบบเลอื กตง้ั กม็ คี วามสำ� คญั ไมน่ อ้ ยเชน่ กนั โดยควรมกี ารออกแบบระบบเลอื กตงั้ ทท่ี ำ� ให้ ยากตอ่ การทจุ รติ และเออ้ื ใหเ้ กดิ การแขง่ ขนั ดว้ ยนโยบายของพรรคการเมอื ง นอกจากนคี้ วรมกี ารสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จริยธรรมให้เกิดขน้ึ ในจิตใจของคนทุกคน ท้ังน้ี การเสรมิ สรา้ งคุณธรรม จริยธรรมจะตอ้ งมี ตัวอย่างแนวทางการปฏิบัติท่ีดี และการด�ำเนินกิจกรรมเป็นไปอย่างสม่�ำเสมอ จะท�ำให้คนเกิดความ เกรงกลัวต่อบาป มีความส�ำนกึ ผดิ ชอบชัว่ ดี และรูจ้ ักความพอเพยี งในการด�ำเนนิ ชวี ิต วิธกี ารดังกลา่ ว สามารถเปน็ แนวทางในการสรา้ งจติ สำ� นกึ ความเปน็ พลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตยใหเ้ ตบิ โตไปพรอ้ มกนั ท้ังเด็ก เยาวชน และพลเมืองท่ัวไป เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มีความเข้มแข็งและสามารถเป็นประเทศประชาธิปไตยเต็มใบ ในอนาคตอันไกลไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง

136 วารสารวชิ าการ ป.ป.ช. ปีท่ี 13 ฉบับที่ 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) เอกสารอ้างอิง จนิ ตนา ศรนี ุกูล. (2557). ศูนยเ์ รียนรู้การเมอื งและการเลือกต้ังอาเซียน: แนวทางการใหก้ ารศึกษาเพื่อ สรา้ งพลเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย. สบื คน้ จาก http://www.mfa.go.th/dvifa/contents/ filemanager/files/nbt/nbt6/IS/IS6024.pdf ไชยวัฒน์ ค�้ำชู, นิธิ เนื่องจ�ำนง. (2559). การเมืองเปรียบเทียบ: ทฤษฎี แนวคิด และกรณีศึกษา (Comparative Politics: Theories, Concepts & Case Studies). กรุงเทพมหานคร: ส�ำนกั พมิ พแ์ ห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. ธีรภัทร์ เสรรี ังสรรค์. (2553). นักการเมอื งไทย: จริยธรรม ผลประโยชนท์ บั ซ้อน การคอรร์ ัปชัน สภาพ ปัญหา สาเหตุ ผลกระทบ แนวทางแกไ้ ข. กรงุ เทพมหานคร: สายธาร ประภสั สร ปรเี อยี่ ม. (2553). ปจั จยั ทก่ี ำ� หนดการตดั สนิ ใจลงคะแนนเสยี งเลอื กตงั้ สมาชกิ องคก์ ารบรหิ าร สว่ นตำ� บล (รายงานผลการวิจัย). นนทบรุ :ี สำ� นักงานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปราม การทจุ ริตแห่งชาต.ิ ประเวศ วะสี. (2549). จากหมอประเวศ ถึง ทักษิณ. กรงุ เทพมหานคร: มตชิ น ผาสกุ พงษไ์ พจติ ร. (2548). ธนกจิ การเมอื ง หลงั ปี 2544 ระบอบไทคณู คอื รฐั . สบื คน้ จาก http://www. midnightuniv.org/midnight2545/document 95216.html พชิ าย รตั นดิลก ณ ภูเกต็ . (2537). ระบบการทุจริตเลอื กต้ัง. กรงุ เทพมหานคร: ศนู ยว์ จิ ัยและพัฒนา ตำ� ราสถาบันเทคโนโลยีสงั คม (เกริก). พรี ะพงษ์ สิทธิอมร และคณะ. (2549). ประวตั ิศาสตร์ทางการเมอื งไทย. กรุงเทพมหานคร: ซี แอนด์ เอ็น. รุ่งพงษ์ ชัยนาม. (2552). การเมืองการปกครองไทยภายใต้ระบอบพ่ออุปถัมภ์เผด็จการ. เอกสาร การสอนประวตั ศิ าสตรส์ งั คมและการเมอื งไทย. สาขาวชิ ารฐั ศาสตร.์ นนทบรุ :ี มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช. สมชาติ เจศรีชัย. (2559). การเมือง - การเลือกต้ังไทยและประเทศในอาเซียน = Politics and elections in ASEAN countries. กรุงเทพมหานคร: สถาบันนโยบายศึกษา ภายใต้มูลนิธิ ส่งเสริมนโยบายศึกษา. ศรีราชา เจริญพานิช. (2557). พัฒนาการของประชาธิปไตยแบบไทย ๆ. สืบค้นจาก http://www. constitutionalcourt.or.th/occ_web/ewt_dl_link.php?nid=1336 สิรพิ รรณ นกสวน สวสั ด.ี (2561). ระบบเลอื กตงั้ เปรียบเทยี บ. กรุงเทพมหานคร: สยามปรทิ ศั น์. ส�ำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2559). เยาวชนกับการมีส่วนร่วมพัฒนา ประชาธิปไตย. กรุงเทพมหานคร: สำ� นกั การพมิ พ์ สำ� นักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร อดุ ม รัฐอมฤต. โรครอ้ ยเอด็ . สืบคน้ จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=โรครอ้ ยเอ็ด

การทุจรติ เลอื กตง้ั กบั การเมืองไทย 137 Brich, S. (2011). Briefing Paper: Electoral Corruption. Retrieved from http://repository. essex.ac.uk /4484/1/05_11.pdf Kokpol, O. (2002). Electoral Politics in Thailand. In Aurel, C., Gabriele, B. & Marel, J. (Eds.), Electoral Politics in Southeast & East Asia (pp. 227 - 297). Singapore: Fridrich Ebert Siftung. สมั ภาษณ์ ธีรภทั ร์ เสรรี ังสรรค์ (สัมภาษณ์, 8 พฤษภาคม 2563) สวัสดิ์ โชตพิ านชิ (สมั ภาษณ,์ 2 มีนาคม 2563) สริ ิพรรณ นกสวน สวัสดี (สมั ภาษณ,์ 5 พฤษภาคม 2563)

138 วารสารวิชาการ ป.ป.ช. ปที ี่ 13 ฉบบั ที่ 1 (มกราคม – มถิ ุนายน 2563) หลกั เกณฑ์การสง่ บทความลงพิมพ์ “วารสารวิชาการ ป.ป.ช.” 1. เปน็ บทความวิจัยหรือบทความวิชาการท่วั ไปดา้ นการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ 2. เปน็ บทความทไี่ มเ่ คยตีพิมพ์ทใี่ ดมากอ่ น หรอื ไม่อยรู่ ะหว่างการเสนอขอลงพมิ พใ์ นวารสาร/ ส่ิงพิมพอ์ ื่น 3. เนือ้ หาต้นฉบบั ภาษาไทย มีจำ� นวนหน้าสงู สดุ ไมเ่ กิน 25 หนา้ พมิ พ์ (กระดาษ A4) ตน้ ฉบับ ภาษาไทยพิมพ์ด้วยขนาดตัวอักษร 16 แบบอักษร TH SarabunPSK ต้นฉบับภาษาอังกฤษ พมิ พด์ ้วยขนาดตัวอักษร 16 แบบอกั ษร TH SarabunPSK 4. สว่ นประกอบสำ� คญั ของบทความ 4.1 ช่อื เรอ่ื ง หรอื ชือ่ หวั ข้อ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 4.2 ชอื่ ผเู้ ขยี น ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ (ระบสุ ถานทต่ี ดิ ตอ่ และ E-mail address, โทรศพั ท/์ โทรสาร ไว้ทา้ ยบทความ) 4.3 บทคดั ยอ่ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ ประมาณ 10 - 15 บรรทดั (ภาษาไทย) หรอื ประมาณ 100 - 150 ค�ำ (ภาษาอังกฤษ) 4.4 เนื้อหา (คำ� บรรยาย) ประมาณ 10 - 20 หนา้ 4.5 รูปและตารางประกอบ เท่าที่จ�ำเป็น พร้อมค�ำบรรยาย (อธิบายประกอบภาพ) รวมแล้ว ไมเ่ กิน 4 หนา้ 4.6 สรปุ และขอ้ เสนอแนะจากผลการวจิ ยั ประมาณ 10 - 15 บรรทดั หรอื รวมขอ้ เสนอแนะแลว้ ไม่เกนิ 20 บรรทดั 4.7 เชิงอรรถเรยี งล�ำดับหมายเลขในเนอื้ หา และพิมพ์รวมไวส้ ว่ นทา้ ยของบทความ 4.8 หนงั สอื อา้ งองิ หรอื บรรณานกุ รม ใชร้ ปู แบบ APA (American Psychological Association) 4.9 การอ้างอิงเว็บไซต์ หรอื สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์ตา่ ง ๆ ให้เป็นหมวดตอ่ ท้ายหนังสือสง่ิ พมิ พ์ตา่ ง ๆ ตามข้อ 4.8 5. การพจิ ารณาการรับบทความ 5.1 บทความที่ได้รับการพิจารณาให้ลงพิมพ์ในวารสารวิชาการ ป.ป.ช. ต้องผ่านความเห็นชอบ และ/หรือผู้เขียนได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของกองบรรณาธิการหรือผู้ทรงคุณวุฒิ (peer reviews) ที่ได้รับมอบหมายใหเ้ ปน็ ผพู้ ิจารณาบทความ จ�ำนวน 2 ท่าน โดยผู้ประเมินไม่ทราบชือ่ ผูแ้ ต่ง และผู้แตง่ ไมท่ ราบช่ือผู้ประเมนิ (Double-blind peer review) 5.2 ผู้เขียนบทความที่ได้รับการคัดเลือกให้ลงพิมพ์ในวารสารวิชาการ ป.ป.ช. จะได้รับ ค่าตอบแทนผลงานละ 3,000 บาท และวารสารวชิ าการ ป.ป.ช. เมื่อพิมพ์เผยแพร่แล้ว จ�ำนวน 2 เล่ม

139 5.3 แจง้ ผลการพจิ ารณาใหผ้ เู้ ขยี นบทความทราบหลงั จากกองบรรณาธกิ ารไดพ้ จิ ารณาบทความ ให้ลงพมิ พไ์ ด้ 5.4 การพิจารณาบทความโดยกองบรรณาธกิ ารถอื เปน็ เดด็ ขาด 5.5 กรณผี เู้ ขยี นบทความตอ้ งการนำ� บทความไปตพี มิ พเ์ ผยแพรซ่ ำ้� จะตอ้ งแจง้ ใหก้ องบรรณาธกิ าร ทราบเป็นลายลกั ษณอ์ ักษรกอ่ น สถานท่ีตดิ ตอ่ สำ� นกั วจิ ัยและบรกิ ารวชิ าการดา้ นการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริต สำ� นักงานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ เลขที่ 361 ถนนนนทบรุ ี ตำ� บลทา่ ทราย อ�ำเภอเมืองนนทบุรี จังหวดั นนทบรุ ี 11000 โทร. 0 2528 4800 ต่อ 5814 โทรสาร 0 2528 4703


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook