คู่มือการอบรม การใช้งานโปรแกรม spread sheet เบืองต้น บญุ เลศิ สงิ หแ์ กว้ นักวชิ าการสาธารณสขุ ชํานาญการ กลมุ่ งานพัฒนายทุ ธศาสตร์ สาธารณสขุ สสจ.พระนครศรอี ยธุ ยา
สารบญั หนา้ ความหมายของแตล่ ะสว่ นหนา้ จอของ Microsoft Excel 1 Tool) 3 4 การคดั ลอกขอ้ มลู คา่ ในเซลล์ 4 การปรับขนาดของคอลมั น์ (Column) 4 การใสข่ อ้ มลู หลายๆ Cell พรอ้ มกนั ทเี ดยี ว 5 5 Cell เดยี วกนั หรอื Row เดยี วกนั 7 7 Column และ Row 8 9 การผสานเซลล์ 9 การจัดรปู แบบเซลล์ 10 11 การจัดแนวของอักษรในเซลล์ 11 12 การเรยี งลําดบั ขอ้ มลู 13 การเลอื กตวั กรองขอ้ มลู 13 ตัวกรองแบบกําหนดเอง 14 15 การแยกขอ้ ความ เป็ นคอลมั นใ์ หม่ 16 19 การกําหนดหัวกระดาษ ทา้ ยกระดาษ 20 การแทรกหมายเลขหนา้ กระดาษ 20 21 ตารางการคํานวณ 22 Function) 27 ภาคปฏบิ ัติ การสรปุ ขอ้ มลู ดว้ ย Pivotable การสรา้ งกราฟ
Page 1 ความหมายของแตล่ ะสว่ นหนา้ จอของโปรแกรม (Interface) Quick Access : เราสามารถทําการเพมิ ไอคอน Tools ตา่ งๆทีเราใช้บอ่ ยๆมาไว้ตรงนีไ! ด้ Tools ตา่ งๆ : จะเป็นการรวม Tools ตา่ งๆในการจดั การ Name Box : ชือของ Cell นนั! ๆ หรือ จะเป็นการพมิ พ์ชือ Cell นนั! ๆลงไปแล้ว Enter เคอเซอร์จะนําเราไปอยใู่ น Cell ทีเราต้องการ Formular bar แถบสตู ร : เป็นชอ่ งใสส่ ตู รทีเราจะใช้ ชอื? คอลมั น์ (Column) : ชือคอลมั น์ในการใช้งาน อาทิเชน่ A , B , C , D , E , F…… ชอ?ื แถว (Row) : ชือแถวในการใช้งาน อาทิเช่น 1,2,3,4,5……. Sheet : ชือแผน่ งาน การจดั การ Sheet และการเพมิ Sheet Zoom in–Zoom out : ซูมเข้า – ซมู ออก ไฟล์เอกสาร Worksheet : คือสว่ นตา่ งๆทีอยใู่ น Sheet นนั! ๆ
Page 2 การเรียกใช้โปรแกรมจาก Start menu คลกิ ที Start menu > All Programs > Microsoft Office > การสร้างสมุดงานใหม่ในขณะทกี าํ ลังใช้งานไฟล์เดมิ อยู่ 1.แฟ้ ม 2.สรา้ ง 3.สมดุ งานเปลา่ 4.สรา้ ง
Page 3 เครืองมือต่างๆ (Tool) บนั ทกึ (save) CTRL + S เลือกโฟลเดอร์หรือปลายทางทีต้องการเกบ็ ไฟล์ ตัง9 ชือไฟล์ ชนิดของไฟล์ บนั ทกึ แฟม้ เป็น (save as) เลือกโฟลเดอร์หรือปลายทางทีต้องการเก็บไฟล์ เปิดสมดุ งาน หรือเปิดไฟล์ CTRL + O การเรียงลําดบั ข้อมลู การค้นหา แทนที CTRL + F การคดั ลอกข้อมลู CTRL + C วางข้อมลู จากการคดั ลอก CTRL + V การเรียกใช้งานฟังก์ชนั สตู รตา่ งๆ ตวั กรองข้อมลู การแยกข้อความเป็นคอลมั น์ใหม่ การเอารายการทีซํา! กนั ออก
Page 4 ไฟล์ Basic.xlsx / sheet Basic1 การคัดลอกข้อมูลค่าในเซลล์ ทําการเลือกข้อมลู ทีเราต้องการคดั ลอก จากนนั! กด Ctrl + C และเอาเมาส์ไปวางไว้ใน Cell ทีเราต้องการ จากนนั! กด Ctrl + V การปรับขนาดของคอลัมน์ (Column) ให้เท่ากันทงั9 หมดใน เลือกคอลมั น์ทงั! หมดทีต้องการปรับขนาด แล้วคลกิ ขวา เลือกความกว้างคอลมั น์ Column Width : จากนนั! ใสต่ วั เลขเข้าไป การใส่ข้อมูลหลายๆ Cell พร้อมกนั ทเี ดยี ว ทําการเลือกคลมุ Cell ทีต้องการ จากนนั! ทําการพมิ พ์ลงไปใน Cell แรก และทําการกด Ctrl +Enter (ข้อมลู จะทําการ Insert เองให้ใน Cell ทีเราเลือก)
Page 5 การขึน9 บรรทดั ใหม่แต่อย่ใู น Cell เดยี วกันหรือ Row เดียวกัน ทําการกด ALT + Enter จากนนั! ก็พิมพ์ Text ตอ่ ไปได้ ข้อมลู ก็จะอย่ใู น Row เดียวกนั การจัดการแผ่นงาน เพมิ ลบ เปลียนชือ ซ่อน ใส่สี คลกิ ขวาทีแผน่ งาน เลือกสีแท็บเพือใสส่ ีแผน่ งาน
Page 6
Page 7 การแทรกคอลัมน์ทงั9 Column และ Row คลกิ ขวาทีคอลมั น์ทีเราต้องการเพิม > เลือก Insert จากนนั! จะพบวา่ จะมี Column เพมิ ขนึ ! มาด้านหน้าของ column ทีเราเลือก ถ้าเป็นการเพมิ Row ก็ให้คลกิ ทีด้านขวาของ Row คลกิ ขวาทีเซลล์ > เลือกแทรก > เลือกสว่ นทีต้องการแทรก การดงึ ข้อมูล ตัวเลข ให้ขึน9 ในบรรทดั ใหม่ ทําการคลกิ ไปทีเซลล์แรกตงั! ต้นนนั! ๆ จากนนั! กด Ctrl ค้างไว้แล้วคลกิ ลากเมาส์ตรงมมุ ของเซลล์ นนั! ๆ (+) จากนนั! ลากลงมา ก็จะได้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 โดยถ้าเป็นข้อความ ก็ให้คลิกทีเซลล์นนั! ๆจากนนั! ลากลงมาได้เลย ข้อมลู ก็จะเหมือนกบั เซลล์ตงั! ต้น
Page 8 การผสานเซลล์ เลือกเซลล์ทีต้องการผสานกัน หรือคลกิ ขวา > จัดรูปแบบเซลล์ > ผสานเซลล์
Page 9 ไฟล์ Basic.xlsx / sheet Basic2 การจดั รูปแบบเซลล์ เลือกเซลล์ทีต้องจดั รูปแบบ > คลิกขวา > จดั รูปแบบเซลล์ การจัดรูปแบบวันที
Page 10 ไฟล์ Basic.xlsx / sheet Basic3 การจดั แนวของอักษรในเซลล์ X Y (คลกิ ไอคอน ที Tool Bar)
Page 11 ไฟล์ Basic.xlsx / sheet Basic4 การจดั รูปแบบตามเงือนไข การสร้ างกฎเงือนไขของข้ อมูล
Page 12 การค้นหา การแทนที
Page 13 การเรียงลาํ ดับข้อมูล การเลือกตวั กรองข้อมูล
Page 14 ตวั กรองแบบกาํ หนดเอง
Page 15 การเอารายการทซี าํ9 กันออก เลือกข้อมูลจากหนึงคอลัมน์
Page 16 ไฟล์ Basic.xlsx / sheet Basic5 การแยกข้อความ เป็ นคอลัมน์ใหม่
Page 17 เลอื กเซลลท์ ตี2 อ้ งการ วางขอ้ มลู ใหม่
Page 18 จะได้ข้อความแยกออกเป็นสองคอลมั น์
Page 19 ไฟล์ Basic.xlsx / sheet Basic6 การตัง9 ค่าหน้ากระดาษ
Page 20 การกาํ หนดหวั กระดาษ ท้ายกระดาษ การแทรกหมายเลขหน้ากระดาษ แสดงหมายเลขหน้าปัจจบุ นั แสดงหมายเลขจํานวนหน้าทงั! หมด
Page 21 การแทรกหมายเลขหน้ากระดาษ ( หมายเลขหน้าแรกทไี ม่ได้เริมจาก M) การทาํ ซาํ9 หวั เรืองแผ่นงานทพี มิ พ์
Page 22 ตารางการคาํ นวณ รูปแบบการคาํ นวณ เราสามารถใช้โปรแกรม spread sheet สร้ างตารางคํานวณได้หลายรูปแบบ ดังนัน! เราควรรู้ ความสามารถในการคํานวณของ Spread sheet สามารถทําอะไรได้ บ้ าง เกียวกับการคํานวณ อตั โนมัติ การสร้างสูตร การใช้ฟังก์ชนั หรือการแก้ปัญหาในกรณีทีเกิดความผิดพลาดในการเขียนสตู ร ซึงถ้าเราเข้าใจหลกั การต่าง ๆ แล้ว Spread sheet จะช่วยให้เราทํางานได้สะดวกขึน! และการใช้สูตร ไมย่ ากอีกตอ่ ไป การคาํ นวณอัตโนมัติ บางขณะทีเราปอ้ นตวั เลขในตาราง เราอาจจําเป็นทีจะต้องตรวจสอบตวั เลขหรือดผู ลลพั ธ์ว่าถกู ต้อง หรือไม่ โดยไม่ต้องการให้แสดงผลลัพธ์ในตารางนัน! ๆ เราสามารถใช้การคํานวณอัตโนมัติ ซึงจะทําให้ สามารถทราบผลลพั ธ์ได้ทนั ที โดยทีไมต่ ้องปอ้ นสตู รหรือฟังก์ชนั ใด ๆ ด้วยการดผู ลลพั ธ์ที Status Bar (แถบ สถานะ) ซงึ มีวธิ ีการใช้ดงั นี ! 1. แดรกเมาส์เลือกชว่ งเซลล์ทีต้องการให้คํานวณ 2. คลกิ ขวาที แถบสถานะ จะปรากฏกลอ่ งแสดงคําสงั 3. เลือกคําสงั ทีต้องการ (ในทีนีเลือกคาํ สงั ผลรวม) 4. จะปรากฏผลลพั ธ์ที แถบสถานะ จากวธิ ีการดงั กล่าวจะเห็นวา่ เรา สามารถเปลียนคาํ สังในการคาํ นวณ ไดต้ ามทีตอ้ งการดงั รูป
Page 23 การคาํ นวณโดยใช้สูตร การใช้สูตรเป็ นวิธีทีใช้ในการคํานวณทีนิยมมากทีสุดเพราะทําให้ได้ผลลัพธ์ทีรวดเร็วและสูตร บางอย่างยังสามารถช่วยคํานวณข้อมูลตวั เลขทีซับซ้อนได้อีกแต่ละสูตรมีรูปแบบการใช้ทีแตกต่างกัน ออกไป การใช้งานสูตรรูปแบบปกติ (Formula) สตู รรูปแบบปกตจิ ะเป็นสตู รทีเป็นสมการทีใช้ดําเนินการกบั ข้อมลู ในชีทด้วยการใช้สญั ลกั ษณ์ทาง คณิตศาสตร์ เชน่ เครืองหมายบวก ลบ คณู หาร การอ้างอิงเซลล์อืน หรือสตู รทีใช้รวมข้อความ เป็นต้น ตวั อยา่ ง =5-1 =9*8 =B5-A7 การใช้งานสูตรแบบฟังก์ชัน (Function) เราสามารถใช้สตู รแบบฟังก์ชนั ชว่ ยคาํ นวณข้อมลู ทีซบั ซ้อนหรือมีปริมาณมากได้ ซงึ ฟังก์ชนั เป็น สตู รทีกําหนดไว้ลว่ งหน้าและถกู สร้างให้เหมาะกบั งานเฉพาะอยา่ ง ตวั อยา่ ง =SUM(B1:B9) =AVERAGE(A9:A20) =COUNT(A1:A5) การใช้งานสูตรแบบอาร์เรย์ (Array) การใช้สตู รแบบอาร์เรย์สามารถทําหลาย ๆ การคํานวณให้คืนคา่ เป็นผลลพั ธ์เดียวหรือหลายผลลพั ธ์ โดยสตู รอาร์เรย์ตงั! แต่ 2 ชดุ ขึน! ไป ตวั อย่าง {=SUM((B1:B9)/(A1:A5))} สตู รแบบตา่ ง ๆ จะมีความยากงา่ ยแตกตา่ งกนั ออกไป ซงึ การสร้างสตู รนนั! เราจะต้องทราบหลกั การทํางาน ของเครืองหมายและสญั ลกั ษณ์ในสตู ร รวมถึงลําดบั การคาํ นวณ เพราะสงิ เหลา่ นีม! ีผลตอ่ การแสดงผลลพั ธ์ ทงั! สิน!
Page 24 การสร้างสูตรคาํ นวณใช้เอง การสร้างสตู รใช้เองนนั! จํา เป็นจะต้องทราบถงึ หลกั การและองค์ประกอบสําคญั ตา่ ง ๆ ทีประกอบอยู่ ในสตู รรวมถงึ ลําดบั ทีเราจะใช้ในการสร้างสตู รด้วย หลักการสร้ างสูตร โครงสร้างหรือลําดบั ขององค์ประกอบตา่ ง ๆ ในสตู ร จะเป็นตวั กําหนดผลลพั ธ์ขนั! สดุ ท้ายซงึ จะมีการ คาํ นวณสตู รจากซ้ายไปขวา แตท่ งั! นีข! นึ ! อยกู่ บั ลําดบั ของตวั ดาํ เนนิ การทีมีลําดบั เหนือกวา่ โดยทีเราสามารถ ควบคมุ ลําดบั ของการคาํ นวณได้โดยใช้เครืองหมายวงเล็บเพือจดั กลมุ่ ในการคํานวณทีควรจะเริมทําก่อน องค์ประกอบสาํ คัญในการสร้างสูตร ในการสร้างสตู รใช้งานตา่ ง ๆ สว่ นประกอบสําคญั ตอ่ ไปนีถ! ือเป็นสิงสําคญั ซงึ จะเป็นตวั กําหนด ผลลพั ธ์ ประกอบด้วย เครืองหมายเท่ากับ (=) จะเป็ นตัวขึน! ต้ นเสมอในการสร้ างสูตร เพือเป็ นการระบุให้ รู้ว่าอักขระตัวถัดไปเป็ นสูตร อาร์กวิ เมนต์ หรือองค์ประกอบ ทจี ะถูกนํามาคาํ นวณ ได้แก่ อาร์กิวเมนต์ตา่ ง ๆ ไม่วา่ จะเป็นตวั เลขหรือการอ้างอิงเซลล์หรือชว่ ง ปา้ ยชือ ชือ หรือฟังก์ชนั แผน่ งาน ตัวดาํ เนินการในการคาํ นวณ เชน่ เครืองหมาย ( + ) เครืองหมายหาร ( / ) ลาํ ดบั การคาํ นวณ โดยปกตแิ ล้วจะลาํ ดบั การคาํ นวณเครืองหมายดงั ต่อไปนี9 ตามลาํ ดบั 1. วงเล็บ ( ) 2. คณู ( * ) หาร ( / ) 3. บวก ( + ) ลบ ( - ) หมายเหตุ ลําดบั ความสําคญั เทา่ กนั ให้คํานวณจากซ้ายไปขวา ตวั อยา่ ง =10+2*5 คาํ อธิบาย : คาํ ตอบคือ………. โดยวธิ ีคือ........................................................................................ =(5+5)*4 คาํ อธิบาย : คาํ ตอบคือ ..............โดยวธิ ีคือ.......................................................................................
Page 25 ลาํ ดบั ที ใช้ดาํ เนินการในสูตร หากใช้ตวั ดําเนนิ การหลาย ๆ ตวั ในสตู รเดยี วกนั จะมีลําดบั การดําเนนิ การตามลําดบั ดงั นี ! ลําดบั ที ตวั ดําเนินการ คาํ อธิบาย 1 2 : (เครืองหมายจดุ ค)ู่ ตวั ดําเนนิ การอ้างองิ 3 4 (ทีวา่ งเดียว) ตวั ดําเนนิ การอ้างองิ 5 6 , (เครืองหมาจลุ ภาค) ตวั ดําเนินการอ้างอิง 7 8 - เครืองหมายลบ (เชน่ -5) 9 10 % เปอร์เซ็นต์ ^ เลขชีก! ําลงั * และ / การคณู และการหาร + และ - การบวกและการลบ & เชือมสายอกั ขระของข้อความ = < > <= >= <> การเปรียบเทียบ ตัวดาํ เนินการทใี ช้ในสูตร (Operator) เครืองหมายหรือตวั ดําเนนิ การคอื องคป์ ระกอบหนงึ ในสตู รโดยจะระบชุ นดิ ของการคํานวณที ต้องการ ซงึ จะแบง่ ตวั ดาํ เนนิ การออกเป็น 4 ประเภทคือ คณิตศาสตร์ การเปรียบเทียบ ข้อความ และการอ้างองิ ตัวดาํ เนินการทางคณิตศาสตร์ (Arithmetic Operator) ตวั ดําเนินการทางคณิตสาสตร์ ใช้คาํ นวณด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ขนั! พืน! ฐาน เชน่ การบวก ลบ คณู หาร การรวมตวั เลข การหาผลลพั ธ์ตา่ ง ๆ เครืองหมาย ความหมาย ตวั อยา่ ง + การบวก 5+3 - การลบ * การคณู 9-4 หรือ -1 / การหาร 5*6 % เปอร์เซน็ ต์ 10/3 ^ เลขชีก! ําลงั 2% 2^2 (หรือ 2*2)
Page 26 ตวั ดาํ เนินการเปรียบเทยี บ (Comparison Operator) เราสามารถใช้ตวั ดําเนนิ การเปรียบเทียบเพือการเปรียบคา่ สองคา่ โดยผลลพั ธ์ทีได้จะเป็นคา่ ทาง ตรรกศาสตร์คือ True หรือ False เครืองหมาย ความหมาย ตวั อยา่ ง = เทา่ กบั C5=D5 > มากกวา่ C5>D5 < น้อยกวา่ C5<D5 >= C5>=D5 <= มากกวา่ หรือเทา่ กบั C5<=D5 <> น้อยกวา่ หรือเทา่ กบั C5<>D5 ไมเ่ ทา่ กบั ตัวดาํ เนินการข้อความ (Text Concatenation Operator) ตวั ดําเนินการข้อความจะใช้เครืองหมาย (&) ในการรวมข้อความหรือคาํ 2 คําขนึ ! ไป เพือให้เป็น ข้อความเดียวกนั เครืองหมาย ความหมาย ตวั อยา่ ง เชือมหรือนําคํา 2 คํามาตอ่ กนั \"Lampamg\"&\"Kanlayanee\" ผลลพั ธ์เป็น & ทํา ให้เกิดคา่ ข้อความ LampangKanlayanee ตอ่ เนืองทีเป็นคา่ เดยี วกนั ตัวดาํ เนินการสาํ หรับอ้างองิ (Reference Operator) นํามาใช้เพือรวมชว่ งของเซลล์สําหรับการคํานวณ เครืองหมาย ความหมาย ตวั อยา่ ง ตวั ดําเนินการชว่ ง : (จดุ ค)ู่ โดยจะอ้างอิงเป็นชว่ ง ระหวา่ ง B1:B9 จดุ อ้างองิ ทีหนงึ กบั จดุ อ้างอิงทีสอง ตวั ดําเนนิ การสว่ นรวม , (จลุ ภาค) ซงึ เป็นตวั รวมการอ้างอิงหลาย ๆ ชดุ เข้าด้วยกนั เป็นการ SUM(A5:a12,C1:C5) อ้างอิงหนงึ ชดุ
Page 27 การใช้ฟังก์ชัน (Function) ฟังก์ชนั คล้าย ๆ เป็นสตู รสําเร็จของการคํานวณในรูปแบบของการใช้งานตา่ ง ๆ เชน่ ฟังก์ชนั SUM คอื การหาผลรวม ซงึ โปรแกรมได้จดั สตู รเหลา่ นีไ! ว้เป็นหมวดหมเู่ พือสะดวกตอ่ ผ้ใู ช้งาน โครงสร้ างของฟั งก์ ชัน โครงสร้างของฟังก์ชนั ทกุ ฟังก์ชนั จะเหมือนกนั คือ มีชือฟังก์ชนั ตามด้วยอาร์กิวเมนต์ในวงเลบ็ ปิด ซงึ อาร์กิวเมนต์นีส! ามารถเป็นได้ทงั! ตวั เลข การอ้างอิงเซลล์ หรือฟังก์ชนั อืน ซงึ เราเรียกวา่ การใช้ฟังก์ชนั ซ้อน กนั แตล่ ะตวั จะมีเครืองหมายจลุ ภาค (,) เป็นตวั คนั ซงึ สามารถแสดงเป็นโครงสร้างได้ดงั นี ! เราสามารถใช้สตู รฟังก์ชนั ด้วยการพิมพ์ฟังก์ชนั นนั! ๆ ด้วยตนเอง หรือในกรณีทีต้องการหาฟังก์ชนั ตา่ ง ๆ เพือนํามาใช้งานและสะดวก เราสามารถเรียกใช้งานฟังก์ชนั บนแถบสตู รได้ เรียกใช้ฟังก์ชันด้วย เราสามารถเลือกใช้ฟังก์ชนั ตา่ ง ๆ ทีต้องการด้วยการคลกิ ป่มุ (ฟังก์ชนั ) บนแถบสตู ร
Page 28 ข้อความแสดงความผิดพลาดจากสูตรคาํ นวณ การทีเราใช้งานสตู รคาํ นวณนนั! บางครัง! อาจเกิดการผิดพลาด ข้อความแสดงความผิดพลาดให้เรา ทราบดงั ตอ่ ไปนี ! ผลลัพธ์ที สาเหตุทีเกดิ แนวทางการแก้ไข เกดิ ##### จะเกิดขนึ ! เมือตวั เลขในเซลล์ยาวกว่าขนาดกว้าง แก้ไขได้โดยการขยายขนาดความ #VALUE ของเซลล์ กว้างของเซลล์ #DIV/0! จะเกิดเมือเราใช้สตู รผิดหลกั ไวยากรณ์ของสตู รเชน่ แก้ไขได้โดยการสํารวจดวู า่ ประเภท #NAME? นําตวั เลขไปบวกกบั ตวั อกั ษรเป็นต้น ของข้อมลู ถกู ต้องตามหลกั #N/A คณิตศาสตร์หรือไม่ #REF! จะเกิดเมือเราใช้ 0 เป็นตวั หารเชน่ 10/0ซงึ ทําไมไ่ ด้ แก้ไขโดยใช้ตวั เลขอืน ๆ เป็นตวั หาร #NULL! โดยเดด็ ขาด แทน จะ เกิดเมือในสตู รมีข้อความที Excel ไมส่ ามารถ แก้ไขโดยการตรวจสอบสตู รดวู า่ มี บอกได้วา่ คอื อะไรเชน่ A21+วสั ดโุ ดยทีคาํ วา่ วสั ดุ ข้อความอะไรแปลกปลอมเข้าไป ไมไ่ ด้เกียวข้องอะไรเลยในแผน่ งานนนั! หรือไม่ จะเกิดขนึ ! เมือโปรแกรมไมส่ ามารถค้นหาตําแหนง่ แก้ไขโดยการตรวจสอบวา่ ประเภทตวั อ้างองิ เซลล์ทีใช้ในสตู รได้มกั พบเมืออ้างอิงเซลล์ แปรของฟังก์ชนั คืออะไรแล้ว ข้ามแผน่ งานหรือข้ามสมดุ งาน เปลียนให้ถกู ต้อง จะเกิดขนึ ! เมือโปรแกรมไมส่ ามารถค้นหาตําแหนง่ แก้ไขโดยการตรวจสอบตาํ แหนง่ อ้างองิ เซลล์ทีใช้ในสตู รได้มกั พบเมืออ้างอิงเซลล์ อ้างอิงเซลล์ทีอาจจะหายไป ข้ามแผน่ งานหรือข้ามสมดุ งาน จะเกิดขนึ ! เมือเรากําหนดพืน! ทีเซลล์สองเซลล์ที แก้ไขโดยการใสเ่ ครืองหมายคนั ให้ ไมไ่ ด้มีสว่ นใดตอ่ กนั แตล่ ืมแบง่ แยกด้วย ถกู ต้อง เครืองหมายคนั (,) เช่น SUM (A1:B2, C2:D5) เขียนผดิ เป็นSUM (A1:B2 C2:D5) เป็นต้น
Page 29 ฟังก์ชันทางสถติ ิ (Statistical) เป็นฟังก์ชนั การวิ เคราะห์ ข้อมลู ทางสถิติ ใช้คํานวณหาคา่ ทางสถิตติ า่ ง ๆ เชน่ คา่ เฉลีย คา่ สงู สดุ คา่ ตําสดุ การนบั ตวั เลข เป็นต้น ฟังก์ชัน หน้าที =MAX(กลมุ่ เซลล์) คา่ สงู สดุ ในกลมุ่ เซลล์ =MIN(กลมุ่ เซลล์) คา่ ตําสดุ ในกลมุ่ เซลล์ =AVERAGE(กลมุ่ เซลล์) คา่ เฉลียในกลมุ่ เซลล์ =AVERAGEIF(กลมุ่ เซลล์,เงือนไข) คา่ เฉลียในกลมุ่ เซลล์ตามเงือนไข =AVERAGEIFS(กลมุ่ เซลล์,เงือนไข,กลมุ่ เซลล์.เงือนไข,…) คา่ เฉลียในกลมุ่ เซลล์ตามเงือนไขโดยสามารถหาได้หลายเงือนไง หลายชว่ งข้อมลู =MEDIAN(กลมุ่ เซลล์) คา่ กงึ กลางในกลมุ่ เซลล์ =MODE(กลมุ่ เซลล์) คา่ ทีเกิดซํา! หรือเกิดบอ่ ยทีสดุ ในกลมุ่ เซลล์ =COUNT(กลมุ่ เซลล์) นบั จํานวนข้อมลู เฉพาะตวั เลข =COUNTA(กลมุ่ เซลล์) นบั จํานวนข้อมลู ทงั! ตวั เลขและข้อความ =COUNTBLANK(กลมุ่ เซลล์) นบั จํานวนเซลล์วา่ ง =COUNTIF(กลมุ่ เซลล์,เงือนไข) นบั จํานวนข้อมลู ตามเงือนไข =COUNTIFS(กลมุ่ เซลล์,เงือนไขกลมุ่ เซลล์,เงือนไข,…) นบั จํานวนข้อมลู ตามเงือนไขโดยสามารถหาได้ หลายเงือนไขหลายชว่ งข้อมลู ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ (Math & Trig) ใช้คํานวณหาคา่ ทางคณิตศาสตร์ หรือ ตรีโกณมติ ิ เช่นคา่ ผลรวม คา่ จานวนเตม็ คา่ รากทีสอง เป็นต้น =INT(ตวั เลข) คืนคา่ จํานวนเตม็ ปัดทศนิยมทิง! =TRUNC(ตวั เลข,จํานวนทศนิยม) คืนคา่ ตวั เลขและทศนิยมตามจํานวนทีต้องการ โดยปัดเศษทิง! =ABS(ตวั เลข) คืนคา่ สมบรู ณ์ของตวั เลข =SQRT(ตวั เลข) คนื คา่ รากทีสองของตวั เลข =ROUND(ตวั เลข,จํานวนทศนิยม) คนื คา่ ตวั เลขและทศนยิ มตามจํานวนทีต้องการ =MOD(ตวั ตงั! ,ตวั หาร) คืนคา่ เศษทีเหลือจากการหาร =SUM(ชว่ งเซลล์) หาผลรวม =SUMIF(กลมุ่ เซลล์ทีตรวจสอบ,”เงือนไข”,กลมุ่ เซลล์ทีต้องการหาผลรวม) หาผลรวมตามเงือนไข
Page 30 Text : • LEFT ตดั ตวั หนงั สือทีกําหนดจากทางซ้าย ด้วยจํานวนตวั อกั ษรทีกําหนด • RIGHT ตดั ตวั หนงั สือทีกําหนดจากทางขวา ด้วยจํานวนตวั อกั ษรทีกําหนด • LEN นบั จํานวนตวั อกั ษรของคาํ ทีเลือก • TRIM ตดั ชอ่ งวา่ งทีอยหู่ น้าและหลงั คาํ ออกทงั! หมด รวมถึงชอ่ งวา่ งตรงกลางทีเกิน 1 เคาะด้วย • FIND หาว่าคําทีต้องการค้นหา อยเู่ ป็นตวั อกั ษรลําดบั ทีเทา่ ไหร่ของคําทีกําหนด (สนใจตวั พิมพ์เลก็ พมิ พ์ใหญ่) • SUBSTITUTE แทนทีคําทีต้องการด้วยอีกคาํ หนงึ • REPLACE, REPEAT, TEXT, CLEAN Date & Time : • YEAR หาวา่ วนั ทีทีต้องการเป็นปี ค.ศ. อะไร • MONTH หาวา่ วนั ทีทีต้องการเป็นเดือนลําดบั ทีเทา่ ไหร่ • DATEVALUE แปลงคา่ จาก Text เป็นวนั ที • EDATE หาว่าจากวนั ทีกําหนด ถดั ไป/ย้อนกลบั อีก xx เดือนจะกลายเป็นวนั ทีเทา่ ไหร่ • NETWORKDAYS หาเวลาทํางาน ไมน่ บั วนั หยดุ ระหวา่ งวนั สองวนั ทีกําหนด • DATEDIF ใช้หาวา่ วนั สองวนั ทีกําหนด ห่างกนั กีวนั กีเดือน หรือ กีปี (เราเลือกได้) • DATE, WEEKDAY, WEEKNUM, Lookup & Reference: • VLOOKUP ค้นหาคําทีต้องการในแนวดงิ เมือเจอแล้วจากนนั! มองไปทางขวาเอาข้อมลู ในคอลมั น์ ทีกําหนดกลบั มาแสดงคา่ • MATCH ค้นหาคําทีต้องการวา่ อยลู่ ําดบั ทีเทา่ ไหร่ของชว่ งทีกําหนด • INDEX แสดงคา่ ตามพกิ ดั แถว & หลกั ทีกําหนด จากชว่ งอ้างอิงทีกําหนด • INDIRECT, ROW, COLUMN, OFFSET, CHOOSE
Page 31 Logical : ฟังก์ชันทางตรรกะศาสตร์ • IF ตรวจเงือนไขทีกําหนด ถ้าเงือนไขมีผลลพั ธ์เป็นจริง (TRUE) จะทําการคํานวณแบบ ถ้าเงือนไข เป็นเท็จ (FALSE) จะคํานวณอีกแบบ • AND ถ้าเงือนไขทีเชือมทกุ อนั เป็นจริง จะได้คา่ ออกมาเป็นจริง กรณีอืนเป็นเทจ็ • OR ถ้าเงือนไขทีเชือมอนั ใดอนั หนงึ เป็นจริง จะได้คา่ ออกมาเป็นจริง หากทกุ อนั เป็นเท็จ จะได้เทจ็ • NOT กลบั จริงเป็นเทจ็ เทจ็ เป็นจริง ฟังก์ชันข้อมูล คาํ อธิบาย สง่ คืนตวั เลขทีสอดคล้องกบั ชนดิ ข้อผิดพลาด ฟังก์ชัน สง่ คนื ข้อมลู เกียวกบั สภาวะแวดล้อมการทํางานปัจจบุ นั ERROR.TYPE สง่ คนื TRUE ถ้าคา่ วา่ ง INFO สง่ คืน TRUE ถ้าตวั เลขเทา่ กนั ISBLANK สง่ คนื TRUE ถ้าคา่ เป็นคา่ โลจคิ ลั ISEVEN ฟังก์ชนั นีจ! ะสง่ คืนคา่ TRUE หากคา่ ไมใ่ ชข่ ้อความ ISLOGICAL สง่ คนื คา่ TRUE หากคา่ นนั! คือตวั เลข ISNONTEXT สง่ คนื TRUE ถ้าตวั เลขคี ISNUMBER สง่ คืนคา่ TRUE หากคา่ นนั! คือการอ้างองิ ISODD สง่ คนื TRUE ถ้าคา่ เป็นข้อความ ISREF สง่ คนื คา่ ทีแปลงเป็นตวั เลข ISTEXT สง่ คืนตวั เลขทีระบชุ นิดข้อมลู ของคา่ N TYPE
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: