99
100
101 1
102
103
104
105
106
107
108
1.การประเมนิ คณุ ภาพผ้เู รยี น *จุดมุ่งหมายของการวดั และประเมินผลการเรียน 1. เพื่อพัฒนาผเู้ รยี น โดยเกบ็ รวบรวมข้อมูลเก่ียวกับผลการเรียนและผลการเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี นในระหวา่ งการ เรียนการสอนอยา่ งต่อเนื่อง บันทึก วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมลู แล้วนำมาใช้ในการส่งเสรมิ หรือปรบั ปรงุ แกไ้ ขการ เรียนของผเู้ รียนและการสอนของครู การวดั และการประเมินผลกับการสอนจึงเป็นเร่อื งทีส่ มั พนั ธ์กนั ของครกู ารวัดและ ประเมนิ ผลกบั การสอนจงึ เป็นเรอื่ งทส่ี ัมพันธก์ ัน หากขาดสงิ่ หนึ่งส่ิงใด การเรยี นการสอนก็จะขาดประสทิ ธภิ าพการ ประเมนิ ระหวา่ งการเรียนการสอน (Pormative assessment) ท่เี กดิ ขน้ึ ในห้องเรียนทุกวันเปน็ การประเมินเพือ่ ใหร้ ู้ จดุ เด่นทีต่ ้องปรบั ปรงุ จึงเปน็ ข้อมลู เพอื่ ใชพ้ ัฒนาในการเก็บข้อมูล ผสู้ อนต้องใช้วธิ กี ารและเครื่องมือประเมินท่ี หลากหลายเช่น การสงั เกต การซักถาม การระดมความคดิ เห็นเพอ่ื ให้ไดม้ ติข้อสรุปของประเดน็ ท่ีกำหนด การใชแ้ ฟม้ สะสมงาน การใชภ้ าระท่เี น้นการปฏบิ ัติ การประเมนิ ความรู้เดมิ การให้ผ้เู รียนประเมินตนเอง การใหเ้ พอื่ นประเมนิ เพ่อื น และการใชห้ ลักเกณฑใ์ นการให้คะแนน (Rubrics) สิง่ สำคัญทส่ี ดุ ในการพฒั นา คือการให้ขอ้ มูลย้อนกลับแก่ ผเู้ รียนในลักษณะคำแนะนำท่ีเชื่อมโยงความรเู้ ดิมกบั ความรู้ใหมท่ ำใหเ้ กิดการเรยี นพอกพูน แก้ไขความคดิ ความเขา้ ใจ เดิมท่ีไม่ถูกตอ้ งตลอดจนการให้ผู้เรยี นสามารถตั้งเปา้ หมายและสามารถพัฒนาตนได้ 2.เพอื่ ตัดสินผลการเรียน เปน็ การประเมนิ สรปุ ผลการเรยี นรู้ (summativea assessment) ซงึ่ มีหลายระดับ ไดแ้ ก่ เมือ่ เรียนจบหน่วยการเรียนรู้ จบรายวิชาเพอื่ ตดั สินใหค้ ะแนนหรือใหร้ ะดับผลการเรียนใหก้ ารรับรองความรู้ ความสามารถของผ้เู รยี นว่าผ่านรายวชิ าหรือไม่ ความได้รับการเลอื่ นช้ันหรอื ไม่ หรือสามารถจบหลักสูตรหรอื ไม่ ดว้ ย วิธกี ารทห่ี ลากหลายและพจิ ารณาตัดสินบนพ้นื ฐานของเกณฑผ์ ลการปฏบิ ัตมิ ากกว่าเรียน *การกำกับดแู ลคณุ ภาพการศึกษา การจดั การศกึ ษาในปัจจบุ นั นอกจากให้ท่วั ถึงแลว้ ยงั มุง่ เนน้ คณุ ภาพดว้ ย ผู้ปกครองสังคมและรัฐตอ้ งการเห็น หลกั ฐานอันเปน็ ผลมาจากกาจดั การศึกษา น่ันคอื คุณภาพของผูเ้ รยี นทเ่ี ป็นไปตามมาตรฐานของหลักสตู ร หนว่ ยงานท่ี รบั ผิดชอบนบั ตั้งแต่สถานศึกษา ตน้ สังกัดหนว่ ยงานระดบั ชาตทิ ี่ได้รับมอบหมายจงึ มีการตรวจสอบบทบาทหน้าทใี่ นการ ตรวจสอบคุณภาพผู้เรยี นตามความคาดหวงั ของหลักสตู ร ดงั นั้นหลักสตู รแกลนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 จึงกำหนดให้มกี ารวดั ผลและประเมินผลการเรียนรู้ 4 ระดับดงั นี้ 1. การประเมนิ ระดบั ช้นั เรยี น เปน็ การวดั และการประเมินผลที่อย่ใู นกระบวนการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอน ดำเนนิ การเพอื่ พัฒนาผู้เรยี นและตัดสินผลการเรยี นในรายวิชา/กจิ กรรมทตี่ นสอนในเร่อื งการประเมนิ เพอื่ พฒั นาผ้สู อน ประเมนิ การเรียนรู้ ตามตัวชีว้ ดั ท่ีกำหนดเปน็ เป้าหมายในแต่ละหนว่ ยการเรียนร้ดู ว้ ยวธิ ีการต่างๆ เชน่ การซกั ถาม การ สงั เกต การตรวจการบ้าน การแสดงออกในการปฏิบตั ผิ ลงาน การแสดงกรยิ าอาการต่างๆ ของผ้เู รียน ตลอดเวลาที่จัด กจิ กรรมเพื่อดวู า่ บรรลุตัวชวี้ ัดหรอื มแี นวโน้มว่าจะบรรลตุ ัวช้วี ดั เพยี งใด และแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งเปน็ ระยะๆอย่างตอ่ เนื่อง 109
การประเมินเพ่ือการตัดสนิ เป็นการตรวจสอบ ณ จุดท่ีกำหนดแล้วตดั สินวา่ ผูเ้ รียนมผี ลอนั เกิดจากการจดั กจิ กรรมในการเรยี นการสอนหรอื ไม่ และมากนอ้ ยเพยี งใด ทั้งนี้โดยมีวัตถปุ ระสงค์ เพ่อื เกบ็ คะแนนหนว่ ยการเรียนรู้ หรอื ของการประเมินผลกลางภาค หรอื ปลายภาคตามรปู แบบการประเมินท่สี ถานศกึ ษากำหนดผลการประเมิน นอกจากจะใช้คะแนนหรอื ระดบั ผลการเรียนแกผ่ ู้เรยี นแล้ว ตอ้ งนำมาเป็นข้อมลู ใช้ปรบั ปรงุ การเรียนการสอนตอ่ ไปอีก ด้วย 2. การประเมนิ ระดบั สถานศึกษา เป็นการตรวจอบผลการเรยี นของผเู้ รียนเป็นรายภาคผลการประเมิน การ อ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น และเปน็ การประเมนิ เพื่อให้ได้ ข้อมูลเกย่ี วกับการัดการศกึ ษาของสถานศึกษาว่าส่งผลการเรียนของผู้เรยี นตามเปา้ หมายหรอื ไม่ ผเู้ รียนมีสิง่ ทต่ี ้องไดร้ บั การพัฒนาในด้านใด รวมทง้ั สามารถนำผลการเรียนในสถานศกึ ษาเปรยี บเทยี บกับเกณฑร์ ะดบั ชาติและระดับเขตพื้นท่ี การศึกษา ผลการประเมินระดับสถานศึกษาเปน็ ข้อมูลและสาระสนเทศเพื่อปรับปรงุ สถานศึกษา นโยบาย หลกั สตู ร โครงการ หรอื วิธกี ารจดั การเรยี นการสอนตลอดจนเพือ่ จดั ทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา และรายงานผลจดั การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศกึ ษา สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน 3. การประเมนิ ระดบั เขตพื้นท่กี ารศึกษา เปน็ การประเมนิ คณุ ภาพผ้เู รยี นในระดบั เขตพ้นื ที่การศกึ ษาตาม มาตรฐานการเรยี นรู้ของหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ขอ้ มูลพน้ื ฐานในการพฒั นาคุณภาพ การศกึ ษาของเขตพน้ื ท่ีการศึกษาตามภาระการรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพของผู้เรียนด้วย วธิ กี ารและเคร่ืองมอื ทเี่ ป็นมาตรฐาน ซง่ึ จดั ทำและดำเนินการ โดยเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาหรอื ดว้ ยความรว่ มมอื กับ หน่วยงานตน้ สงั กดั และ/หรอื หน่วยงานทเี่ กยี่ วข้อง นอกจากนี้ยงั สามารถดำเนินการไดด้ ว้ ยการตรวจสอบขอ้ มลู จากการ ประเมินระดับสถานศกึ ษาในเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษา 4. การประเมนิ ระดบั ชาติ เปน็ การประเมนิ คุณภาพผเู้ รยี นในระดบั ชาติตามมาตรฐานการเรยี นรขู้ องหลกั สตู ร แกลนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน สถานศึกษาต้องจดั ให้ผเู้ รยี นทกุ คนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 และช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เขา้ รับการประเมนิ ผลจากการประเมินใช้เปน็ ขอ้ มูลในหลกั การเทยี บเคยี งคุณภาพในการศกึ ษาในระดับตา่ งๆ เพ่ือไปใช้ ในการศกึ ษายกระดบั คุณภาพการจัดการศึกษาตลอดจนเปน็ ขอ้ สนับสนนุ การตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศ 2.การตัดสนิ ผลการเรียน หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดเกณฑ์การวัดและประเมินการเรยี นรูข้ องผูเ้ รยี น ดงั นี้ 1. ตัดสนิ ผลการเรียนเปน็ รายวิชา ผูเ้ รยี นต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี น ทง้ั หมดในรายวชิ าน้นั ๆ 2. ผู้เรยี นต้องได้รบั การประเมนิ ตัวชี้วัดและผ่านเกณฑท์ ่สี ถานศกึ ษากำหนด 3. ผู้เรียนตอ้ งได้รับการตดั สนิ ผลการเรียนทกุ วิชา 110
4. ผู้เรียนต้องได้รบั การประเมนิ และผลประเมินในระดบั ผ่านเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษากำหนดในการอ่าน คดิ วิเคราะหแ์ ละเขยี นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น 3.การใหค้ ะแนนผลการเรยี น *การตัดสนิ เพ่อื ใหร้ ะดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรยี นรตู้ วั เลขแสดงผลการเรียนเปน็ 8 ระดับดังน้ี ระดบั ผลการเรียน ความหมาย ชว่ งคะแนนเป็นรอ้ ยละ 4 ดีเย่ยี ม 80-100 ดมี าก 75-79 3.5 ดี 70-74 3 คอ่ นขา้ งดี 65-69 2.5 ปานกลาง 60-64 2 พอใช้ 55-59 1.5 50-54 1 ผา่ นเกณฑข์ นั้ ต่า 0-49 0 ต่ากว่าเกณฑ์ ในกรณีทีไ่ ม่สามารถใหผ้ ลการเรียนเป็น 8 ระดับได้ ให้ใช้ตัวอกั ษรระบุ เงือ่ นไขของผลการดเรยี น ดังนี้ “มส’’ หมายถงึ ผเู้ รยี นไมม่ สี ทิ ธเิ์ ขา้ รับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผ้เู รยี นมเี วลาเรยี นไม่ถงึ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรยี นในแตล่ ะรายวชิ าและไมไ่ ดร้ ับการผอ่ นผันให้เขา้ รบั การวัดผลปลายภาคเรยี น ‘’ร’’ หมายถงึ รอการตัดสนิ และยังตดั สนิ การเรยี นไม่ได้ เน่ืองจากผเู้ รยี นไม่มขี ้อมลู ผลการเรียนรายวิชานน้ั ครบถ้วน ไดแ้ ก่ ไม่ไดว้ ดั ผลกลางภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี นท่ีไมไ่ ดส้ ง่ งานท่ีมอบหมายใหท้ ำ ซ่งึ งานนนั้ เป็นส่วนหนง่ึ ของ ตัดสินผลการเรยี น หรอื มเี หตุผลสุดวิสยั ที่ทำให้ประเมินผลการเรยี นไมไ่ ด้ *การประเมินการอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียน และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์นนั้ ให้ระดบั ผลการ เรียนเปน็ ผ่านและไมผ่ ่าน กรณที ี่ผา่ นให้ระดบั ผลการประเมนิ ท่ดี ีเยย่ี ม ดี และผ่าน 1. ในการสรุปผลการประเมนิ การอ่านคอด วิเคราะห์ และเขยี น เพ่อื การเล่อื นช้นั และจบการศกึ ษากำหนด เกณฑ์การตัดสินเป็น 4 ระดบั และความหมายแต่ละระดบั เปน็ ดังนี้ ดเี ยี่ยม หมายถงึ มผี ลงานในการแสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี นทมี่ ีคุณภาพ ดีเลิศอยู่เสมอ ดี หมายถึง ผลงานแสดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนทม่ี ีคุณภาพเป็นทย่ี อมรับ 111
ผา่ น หมายถึง มีผลงานแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขียนท่ีมีคณุ ภาพเป็นท่ียอมรบั แตย่ ังมีขอ้ บกพร่องบางประการ ไม่ผา่ น หมายถงึ มผี ลงานแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิด วเิ คราะห์ และเขยี น หรือถ้ามีผลงานนนั้ ยังมี ขอ้ บกพรอ่ งทต่ี ้องไดร้ บั การแก้ไขปรบั ปรุงหลายประการ 2. ในการสรปุ ผลการประเมินในคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์รวมทกุ คุณลกั ษณะเพอ่ื เล่ือนชัน้ และจบการศึกษา กำหนดเกณฑก์ ารตัดสินเป็น 4 ระดับและความหมายของแตล่ ะระดบั ดงั นี้ ดเี ย่ียม หมายถงึ ผู้เรียนปฏบิ ัตติ ามคณุ ลกั ษณะจนเป็นนสิ ัยและนำไปใช้เปน็ ชีวิตประจำวัน เพอื่ ประโยชน์สขุ ของตนเองและสังคมโดยพิจารณาจากการประเมนิ ระดับดีเย่ียม จำนวน 5-8 คุณลักษณะและไม่มคี ุณลกั ษณะใดได้ผล ประเมนิ ตำ่ กวา่ ผลระดับดี ดี หมายถึง ผู้เรยี นมคี ณุ ลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพอ่ื ให้เปน็ ทย่ี อมรบั ของสังคม โดยพจิ ารณาจาก 1. ไดผ้ ลการประเมนิ ทดี่ เี ยี่ยมจำนวน 1-4 คณุ ลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลกั ษณะใดไดผ้ ลประเมินตำ่ กวา่ ระดบั ดี หรือ 2. ได้รบั ผลการประเมนิ ทด่ี ีเยีย่ ม จำนวน 1-4 คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ณุ ลกั ษณะใดได้ผลประเมนิ ต่ำกว่าระดับ ผา่ น หรือ 3. ไดร้ ับผลประเมนิ ดี จำนวน 5-8 คณุ ลักษณะ และไมม่ ีคุณลักษณะใดได้ผลประเมนิ ตำ่ กว่าระดับผ่าน ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนรบั รแู้ ละปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์และเงอื่ นไขท่สี ถานศึกษากำหนด โดยพจิ ารณาจาก 1. ได้รบั ผลการประเมินระดับผ่าน จำนวน 5-8 คุณลกั ษณะ และไมม่ คี ณุ ลักษณะใดได้ผลประเมินต่ำกวา่ ระดับ ผา่ น หรือ 2. ได้รับผลการประเมนิ ระดับดี จำนวน 4 คุณลักษณะ และไม่มคี ณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลประเมนิ ตำ่ กว่าระดับ ผ่าน ไมผ่ ่าน หมายถึง ผู้เรียนรบั และปฏบิ ัติได้ครบตามเกณฑ์และเง่ือนไขที่สถานศึกษากำหนด โดยพิจารณาจากผล การประเมนิ ระดบั ไม่ผ่านตง้ั แต่ 1 คณุ ลกั ษณะ *การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน จะต้องพจิ ารณาทง้ั เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรมการปฏิบตั กิ จิ กรรมและ ผลงานผเู้ รียนตามเกณฑท์ ่สี ถานศกึ ษากำหนดและให้ผลการประเมนิ ผ่านและไมผ่ ่าน กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น มี 3 ลกั ษณะ คอื 1) กจิ กรรมแนะแนว 2) กิจกรรมนกั เรยี นซง่ึ ประกอบด้วย 1. กิจกรรมลูกเสอื ผู้บำเพญ็ ประโยชน์ และนกั ศึกษาวชิ าทหาร โดยผเู้ รียนเลอื กอย่างใดอยา่ ง 1 กิจกรรม 2. กจิ กรรมชมุ นุม 1 กจิ กรรม 112
3) กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณะประโยชนใ์ หใ้ ชต้ ัวอักษรแสดงผลการประเมิน ดงั น้ี ‘’ผ’’ หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน ปฏบิ ัติกจิ กรรมและมีผลงานตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากำหนด ‘’มผ’’ หมายถงึ เรียนมเี วลาเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ปฏิบตั ิกิจกรรมและมีผลงานไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ที่ สถานศกึ ษากำหนดในกรณีนกั เรียนได้รับผลเรยี น “มผ” สถานศกึ ษาต้องจดั ซ่อมเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนทำกิจกรรมในส่วนท่ี ผู้เรียนไมไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มหรอื ไม่ได้ทำจนครบถว้ นแล้วจงึ เปลย่ี นผลการเรยี นจาก “มผ” เปน็ “ผ” ได้ ทงั้ น้ตี อ้ งดำเนินการให้ เสร็จสิน้ ภายในภาคเรยี นนั้นๆยกเวน้ มีเหตุสุดวิสัยให้อยูใ่ นดลุ ยพินิจของสถานศกึ ษาทจี่ ะพิจารณาการขยายเวลาออกไป อกี ไมเ่ กิน 1 ภาคเรียน แต่ตอ้ งดำเนนิ การเสร็จสิ้นในการศึกษานั้น 4 .การเปลย่ี นแปลงผลการเรยี น *การเปลี่ยนแปลงผลการเรียน “0” สถานการศกึ ษาจัดให้มีการสอนซอ่ มเสริมในมาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชวี้ ดั ทผ่ี ู้เรยี นสอบไม่ผ่านก่อนแล้วจึง สอบแกต้ ัวไดม้ าเกิน 2 ครง้ั ถา้ ผ้เู รียนไม่ดำเนนิ การสอบแก้ตัวตามระยะเวลาตามทส่ี ถานศึกษากำหนด ใหอ้ ยู่ในดุลย พินจิ ของสถานศกึ ษาที่จะพจิ ารณาท่ีจะขยายเวลาออก ถ้าสอบแกต้ วั 2 ครง้ั แลว้ ยงั ไดร้ ะดบั ผลการเรียน “0” อีกให้ สถานศกึ ษาแตง่ ต้ังคณะกรรมการดำเนินการเกีย่ วกบั การเปล่ยี นแปลงผลการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยปฏบิ ัติดงั นี้ (1) ถ้าเป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน ให้เรยี นซำ้ ในรายวชิ านั้น (2) ถา้ เปน็ รายวชิ าเพ่มิ เตมิ ให้เรียนซ้ำหรือเปลี่ยนรายวชิ าใหม่ ท้งั น้ใี หอ้ ยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษา ในกรณีที่ เปลีย่ นรายวชิ าใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบียบแสดงผลการเรียนวา่ เรยี นแทนวชิ าใด *การเปลี่ยนผลการเรียน “ร” การเปลย่ี นผลการเรียน “ร” การเปลีย่ นผลการเรยี น “ร” ให้ดำเนินการดังนี้ ใหผ้ เู้ รียนดำการดังนี้ ให้ผู้เรยี นแกไ้ ข “ร” ตามสาเหตุ เม่อื ผู้เรียนแก้ไขปญั หาเสร็จแล้วใหร้ ะดบั ผลการเรียนตามปกติ (ต้ังแต่ 0-4) ถ้าผเู้ รยี นไมด่ ำเนินการแก้ไข “ร” ให้ผู้สอนนำเสนอทมี่ ีอยตู่ ัดสินผลการเรยี นยกเวน้ มเี หตสุ ุดวิสัยให้อย่ใู นดุลย พนิ จิ ของสถานศึกษา ท่ีจะขยายการแก้ “ร” ออกไปไม่เกิน 1ภาคเรยี นท้ังน้ตี ้องดำเนินการใหเ้ สรจ็ ส้ินภายในการศึกษา นน้ั เมอื่ พ้นกำหนดนแ้ี ล้ว หากผลการเรียนเป็น “0” ใหด้ ำเนินการแก้ไขตามเกณฑ์ *การเปลี่ยนผลการเรยี น “มส” การเปลยี่ นผลการเรียน “มส” มี 2 กรณีดงั นี้ 1) ในกรณีผู้เรยี นให้ผลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรยี นไม่ถึงรอ้ ยละ 80 แตไ่ มน่ ้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาเรยี น ทง้ั หมด ให้สถานศกึ ษาจัดให้เรียนเพมิ่ เตมิ โดยใชช้ ั่วโมงสอนหรอื ซ่อมเสรมิ หรือใช้เวลาว่างหรือใช้วนั หยุดหรือมอบ 113
หมายงานทำไห้จนมเี วลาเรียนครบตามทกี่ ำหนดไว้ สำหรับรายวิชานัน้ แลว้ ใหผ้ ลปลายภาคเป็นกรณพี ิเศษ ผลการแก้ “มส” ให้ระดับผลการเรียนไม่เกนิ “1” การแก้ “มส” กรณนี ่ใี หก้ ระทำใหเ้ สรจ็ สิน้ ภายในปีการศกึ ษาน้ัน ถา้ ผู้เรียนไม่ มาดำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาทก่ี ำหนดไว้นี้ให้เรยี นซำ้ ยกเว้นมเี หตสุ ุดวสิ ยั ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษา ที่จะขยายการแก้ “มส” ออกไปอกี 1ภาคเรยี นแต่เพือ่ พ้นกำหนดนแี้ ลว้ ให้ปฏิบัติ ดงั นี้ (1) ถา้ เป็นรายวิชาพืน้ ฐานใหเ้ รยี นซ้ำนน้ั ในรายวิชานั้น (2) ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา ใหเ้ รยี นซ้ำหรือเปลีย่ นรายวิชาใหม่ 2) กรณีผู้เรยี นได้ผลการเรยี น “มส” และมีเวลาเรยี นนอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 60 ของเวลาเรียนท้งั หมด ใหส้ ถานศกึ ษา ดำเนนิ การดังน้ี (1) ถา้ เรยี นเป็นรายวิชาพนื้ ฐานให้เรยี นซำ้ เปน็ รายวิชานั้น (2) ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเติม ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา ให้เรยี นซ้ำหรือเปลย่ี นรายวชิ าใหม่ ใน กรณที ี่เปลย่ี นรายวชิ าใหม่ ใหห้ มายเหตุในระเบยี บแสดงผลการเรยี นวา่ แทนรายวชิ าใด การเรยี นซำ้ รายวชิ า หากผเู้ รียน ได้รับการสอนซอ่ มเสริม และสอบแก้ตวั 2 ครัง้ แลว้ ไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินใหเ้ รยี นซำ้ ในรายวชิ าน้นั ทงั้ น้ี ให้อยูใ่ นดุลย พินจิ ของสถานศึกษาในการจดั เรยี นซ้ำในชว่ งใดช่วงหนง่ึ ทีส่ ถานศึกษาเห็นวา่ เหมาะสม เชน่ พกั กลางวัน วันหยุด ช่ัวโมงว่าง หลังเลิกเรียน ภาคฤดรู อ้ น เป็นต้น ในกรณีภาคเรียนที่ 2 หากผู้เรียนมีผลการเรียน “0” “ร” ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นกอ่ นเปิดเรยี นปกี ารศึกษาถดั ไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดรู ้อนเพ่ือแกไ้ ขผลการเรียนของผู้เรยี นได้ ท้ังนี้ หากสถานศกึ ษาใดมา สามารถเปดิ การสอนภาคฤดรู อ้ นได้ ให้สำนกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาตน้ สังกัดเปน็ ผพู้ ิจารณาประสานงานใหม้ งี านให้มี การดำเนินการในการสอนภาคฤดรู ้อนเพื่อแกไ้ ขผลการเรียนของผู้เรยี น *การเปลยี่ นผลการเรียน “มผ” 1) หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดให้ผู้เรียนเขา้ รว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 3 กิจกรรม (1)กจิ กรรมแนะแนว (2)กิจกรรมนกั เรียนซึ่งประกอบด้วย กจิ กรรมลกู เสือ ผบู้ ำเพ็ญประโยชน์ และนกั ศึกษาวชิ าทหาร โดยผู้เรียนเลือกอยา่ งใดอย่างหนงึ่ 1 กิจกรรม และเลอื กเข้ารว่ มชุมนุมอีก 1 กจิ กรรม 3) กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ในกรณีทผ่ี เู้ รียนไดผ้ ลการเรยี น “มผ” สถานศึกษาต้องจดั ซ่อมเสรมิ ให้ผูเ้ รียนทำกิจกรรมในสว่ นที่ผูเ้ รยี นไมไ่ ด้ เขา้ ร่วมหรอื ไมไ่ ด้ทำจนครบถว้ นแล้วจึงเปล่ียนผลการเรยี นจาก “มผ” เปน็ “ผ” ได้ ทัง้ นี้ ตอ้ งดำเนนิ การใหเ้ สร็จสน้ิ ในภาคเรยี นนนั้ ๆ ยกเวน้ มีเหตสุ ุดวิสยั ใหอ้ ยใู่ นดุลยพินิจของสถานศกึ ษา ทจี่ ะพิจารณาขยาย เวลาออกไปไม่เกิน 1 ภาคเรยี นแตต่ อ้ งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปกี ารศึกษานนั้ 5.การเล่ือนชน้ั การพิจารณาเลอ่ื นชนั้ ถ้าผู้เรยี นมีข้อบกพรอ่ งเล็กนอ้ ยและสถานศกึ ษาพจิ ารณาว่าสามารถพฒั นาและสอนซอ่ มเสรมิ ได้ 114
ใหอ้ ยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของสถานศกึ ษาที่จะผ่อนผันใหเ้ ลอ่ื นชั้นได้เมอื่ สิ้นปีการศึกษาผู้เรยี นจะได้รบั การเลอื่ นช้ัน เมอ่ื มี คุณสมบัติตามเกณฑด์ ังตอ่ ไปน้ี 1. รายวชิ าพน้ื ฐานและรายวิชาเพมิ่ เตมิ ได้รับผลการตัดสินผลการเรยี นผ่านเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากำหนด 2. ผู้เรยี นต้องได้รบั การประเมินและมีผลการประเมนิ ผา่ นตามทส่ี ถานศึกษากำหนด ในการอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน 3. ระดบั ผลการเรียนเฉลี่ยในปกี ารศึกษานั้นต้องไดไ้ ม่ตำ่ กว่า 1.00 ท้ังนี้ รายวชิ าใดไม่ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ สถานศึกษาสามารถซอ่ มเสรมิ ผู้เรียนให้ไดร้ ับการแกไ้ ขในภาคเรียนถดั ไป 6.การสอนซอ่ มเสริม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กำหนดให้สถานศกึ ษาจัดซอ่ มเสรมิ เป็นการสอนเพ่ือแก้ไข ข้อบกพรอ่ ง กรณีที่ผ้เู รยี นมคี วามรู้ ทักษะ กระบวนการหรอื เจตคติ / คณุ ลักษณะ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษา กำหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริม เปน็ กรณีพเิ ศษนอกเหนือไปจากการสอนปกติ เพื่อสามารถใหผ้ ู้เรยี นบรรลุ ตามมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั ทก่ี ำหนดไว้เป็นการให้โอกาสแก่ผูเ้ รยี นรู้และพัฒนาโดยกิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี หลากหลายและตอบสนองความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล การสอนซ่อมเสริมสามารถดำเนนิ การได้ในกรณดี งั ตอ่ ไปนี้ 1) ผู้เรียนมีความร้แู ละทักษะพื้นฐานไมเ่ พียงพอที่จะศกึ ษาในแต่ละรายวชิ าควรจัดสอนซอ่ มเสริมปรบั ความรู้/ ทักษะพัฒนาการ 2) ผู้เรยี นไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคต/ิ ลกั ษณะท่ีกำหนดไว้ตามมาตรฐานการ เรยี นรู/้ ตวั ชี้วดั ในการประเมินผลระหวา่ งเรยี น 3) ผู้เรียนท่ีได้ระดับผลการเรยี น “0” ให้จัดการซ่อมเสริมสอบแกต้ วั 4) กรณีผู้เรยี นมผี ลการเรยี นไมผ่ า่ น สามารถจดั การซอ่ มเสริมในภาคฤดูร้อนเพ่อื แกไ้ ขผลการเรยี น ทั้งนี้ใหอ้ ยู่ ดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษา 7.การเรียนซำ้ ช้นั นกั เรียนท่มี ผี ลการประเมินรายวิชาอยู่ในระดับไม่ผ่านจำนวนมากและมแี นวโน้มว่าจะเป็นปญั หาต่อการเรยี นใน ระดบั ช้ันทส่ี ูงขน้ึ สถานศึกษาอาจตงั้ กรรมการพจิ ารณาใหเ้ รียนซ้ำช้นั ได้ ท้งั นี้ให้คำนึงถงึ วฒุ ิภาวะและความรู้ ความสามารถของผูเ้ รยี นสำคัญ กรณีเรยี นซ้ำชัน้ มี 2 ลกั ษณะ คือ 1) ผ้เู รยี นมีระดบั การเรยี นผลเฉล่ยี ในปีการศกึ ษานั้นตำ่ กวา่ 1.00 และมแี นวโนม้ ว่าจะเปน็ ปญั หาต่อการเรยี น ในระดับทสี่ ูงขึ้น 115
2) ผู้เรยี นมผี ลการเรียน “0” “ร” “มส” เกนิ ครง่ึ หนงึ่ ของรายวชิ าที่ลงทะเบียนเรยี นในปีการศึกษานั้น ทงั้ น้ี หากเกดิ ลักษณะใด ลักษณะหนึง่ หรอื ทง้ั 2 ลกั ษณะ ใหส้ ถานศึกษาตั้งคณะกรรมการพจิ ารณา หาก เห็นว่าไมม่ เี หตผุ ลอนั สมควรก็ใหเ้ รยี นซ้ำ โดยยกเลกิ ผลการเรยี นเดมิ และให้ผลการเรยี นใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ ตอ้ งเรยี นซำ้ ให้อยใู่ นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษาในการแกไ้ ขผลการเรียน 8.เกณฑก์ ารจบระดับชนั้ มัธยมศึกษา มัธยมศึกษาตอนตน้ 1) ผู้เรียนรายวิชาพนื้ ฐานและเพม่ิ เตมิ โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 66 หน่วยกติ และรายวิชาเพมิ่ เติมตามที่ สถานศึกษากำหนด 2) ผู้เรียนตอ้ งไดห้ นว่ ยกิตตลอดหลักสูตรไมน่ ้อยกวา่ 77 หนว่ ยกติ โดยเป็นรายวชิ าพนื้ ฐาน 66 หนว่ ยกิต และรายวชิ าเพม่ิ เติมไม่น้อยกวา่ 11 หนว่ ยกิต 3) ผเู้ รียนมผี ลการประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดบั ผา่ นเกณฑแ์ ละการประเมินตามที่ สถานศกึ ษากำหนด 4) ผู้เรียนมกี ารประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตามสถานศึกษาท่ี กำหนด 5) ผเู้ รียนเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนและมผี ลการประเมนิ ผ่านเกณฑ์ประเมินผา่ นเกณฑ์การประเมิน ตามท่สี ถานศึกษากำหนด มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 1) ผู้เรียนเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานและเพิ่มเติม โดยเปน็ วิชาพนื้ ฐาน 41 หน่วยกติ และรายวิชาเพม่ิ เติมท่ี สถานศึกษากำหนด 2) ผู้เรยี นตอ้ งไดร้ บั หน่วยกติ ตลอดหลกั สูตรไม่นอ้ ยกว่า 77 หนว่ ยกติ โดยเปน็ รายวชิ าพนื้ ฐาน 41 หนว่ ย กติ และรายวชิ าเพิม่ เติมไมน่ ้อยกว่า 36 หนว่ ยกติ 3) ผเู้ รยี นมผี ลการประเมินอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขียนในระดับผา่ นเกณฑ์ ประเมินตามท่ีสถานศึกษา กำหนด 4) ผเู้ รยี นมกี ารประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามทส่ี ถานศึกษา กำหนด 5) ผู้เรยี นเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียนและมีผลการประเมนิ ผ่านเกณฑก์ ารประเมินตามทีส่ ถนศกึ ษา กำหนด 116
9.การเทยี บโอนผลการเรียน สถานศึกษาเทียบโอนผลการเรียนของผูเ้ รยี นจากสถานศึกษาที่ได้ในกรณี ตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ การย้ายสถานศกึ ษา การเปลย่ี นแปลงรปู แบบสถานศกึ ษา การยา้ ยหลักสูตร การละทิง้ การศึกษา การศกึ ษาและการกลับขอเขา้ รับการศกึ ษา ตอ่ การศึกษาจากต่างประเทศและขอเข้าศกึ ษาต่อในประเทศ นอกจากน้ยี งั สามารถเทียบโอนความรู้ ทกั ษะ ประสบ การณจ์ ากเรยี นร้แู หล่งเรียนรอู้ ื่น ๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบันทางศาสนา สถาบันการฝกึ อบรมอาชีพ การจดั การ ศกึ ษาโดยครอบครวั เปน็ ต้น การเทยี บโอนผลการเรียนควรดำเนนิ การในช่วงก่อนเปิดเทอมภาคเรยี นแรก หรือต้นภาคเรยี นแรกท่ี สถาน ศกึ ษารับผู้ขอเทียบโอนอยา่ งนอ้ ย 1 ภาคเรียน โดยสถานศึกษาทร่ี บั การเทยี บโอนควรกำหนดรายวิชาจำนวนหนว่ ยกิต ท่จี ะรับเทยี บโอนตามเหมาะสม การพจิ ารณาการเทียบโอนสามารถดำเนินการได้ดังน้ี 1.พิจารณาหลกั ฐานการศึกษา ซ่ึงจะให้ขอ้ มูลที่แสดงความรู้ ความสามารถของผเู้ รียนด้านต่าง ๆ 2. พิจารณาจากความรู้ประสบการณต์ รงการปฏบิ ตั จิ รงิ ทดสอบ สมั ภาษณ์ เป็นต้น 3. พิจารณาความสามารถ และปฏบิ ัติจริง การเทยี บผลการเรียนใหด้ ำเนินการในรปู แบบของคณะกรรมการเทยี บโอนจำนวนไม่นอ้ ยกวา่ 3 คน แตไ่ ม่ ควรเกิน 5 คน โดยมีแนวทางในการเทียบโอนดงั น้ี 1) กรณผี ู้เรยี นเทยี บโอนมผี ลการเรยี นมาจากหลกั สูตรอ่ืน ใหน้ ำรายวิชาหรอื หน่วยกิตทม่ี ีมาตรฐาน การ เรียนร้/ู ตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนร/ู้ วัตถปุ ระสงค์/เนือ้ หาท่สี อดคล้องกัน ไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 60 มาเทียบโอนผลการเรียน และพจิ ารณาใหร้ ะดับผลการเรยี นให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรท่ใี ห้รบั เทียบโอน 2) กรณีเทยี บโอนความรู้ และประสบการณ์ ใหพ้ ิจารณาจากเอกสาร หลกั ฐาน (ถา้ มี) โดยให้มกี ารประเมิน ด้วยเคร่ืองมอื ท่ีหลากหลาย และให้ระดับผลการเรียนสอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รที่รบั เทยี บโอน 3) กรณกี ารเทยี บโอนนกั เรยี นที่เข้าโครงการแลกเปล่ียนต่างประเทศ ใหด้ ำเนินการประกาศระทรวง ศึกษาธิการเร่ืองหลกั การและแนวทางปฏบิ ตั ิการเทียบชั้นการศกึ ษาสำหรบั นักเรยี นทเี่ ขา้ ร่วมโครงการแลกเปลย่ี น ทง้ั น้ี วิธีการและแนวทางการเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตามหลักการและแนวทางการเปรยี บเทียบการ โอนผลการเรียนตามประกาศกระทรงศกึ ษาธกิ าร เรือ่ ง การเทยี บโอนผลการเรียนการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน และการศึกษา ระดับอุดมศกึ ษา ระดบั ต่ำกว่าปรญิ ญา ประกาศ ณ วันที่ ตุลาคม พ.ศ. 2540 และแนวปฏิบัตเิ กีย่ วกบั การเทยี บโอนผล การเรียนเขา้ สู่การศึกษาในระดบั ขั้นพื้นฐาน ซึ่งจัดทำโดยสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน (สงิ หาคม 2549) 117
การติดตอ่ กลุ่มบรหิ ารรายวิชาการ งานทะเบยี นวดั ผล หลักเกณฑก์ ารเปลยี่ นชอ่ื -นามสกุล 1. เขียนคำรอ้ งขอเปลี่ยนช่อื -นามสกุล 2. แนบสำเนาหลกั ฐานการเปล่ียนชือ่ -นามสกุลและสำเนาทะเบียนบา้ น 3. สำเนาบัตรประจำตวั ประชาชนผู้ปกครองเพอ่ื เปน็ หลักฐานการยนิ ยอม รปู ถา่ ยทีน่ ักเรยี นนำมาใช้ตดิ หลกั ฐานตา่ งๆ 1. แตง่ เครือ่ งแบบนักเรียนโรงเรยี นแจงร้อนวทิ ยา ขนาด 1.5 นว้ิ 2. หน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแวน่ ตาดำ และไมต่ ้องใส่เครอ่ื งประดบั ใดๆ ท้ังส้นิ ทรงผมถกู ต้องตามระเบยี บของ โรงเรียน ไมป่ ิดหนา้ ผาก ไมซ่ อย ไม่สบั ไม่ยอ้ มหรอื ดัดผม 3. ถา่ ยไว้ไม่เกิน 6 เดอื น หลักเกณฑ์การขอใบรบั รอง (สำหรับใช้ในการศกึ ษาตอ่ ) 1. เขยี นคำรอ้ งขอใบในการเป็นนกั เรียน 2. ส่งรูปถา่ ยแตง่ เคร่ืองแบบนกั เรยี นหน้าตรง ไมส่ วมแวน่ ดำและหมวก ขนาด 1 นิ้วคร่งึ จำนวน 2 รูป 3. ติดต่อขอรบั เอกสารตามวนั เวลาท่ีงานทะเบยี นนดั หมาย หลกั เกณฑ์การขอหลกั ฐานการศึกษา 1. เขียนคำรอ้ งขอหลกั ฐานกาศึกษา พร้อมหลักฐาน 2. รปู ถ่ายแต่งเคร่อื งแบบนักเรยี นขนาด 1 น้ิวครง่ึ จำนวน 2 รปู 3. กรณีท่ไี มใ่ ชน่ ักเรยี นปจั จบุ นั ใช้รปู ถา่ ยใสเ่ สอ้ื เช้ิตสขี าวแขนสนั้ ไมส่ วมแวน่ ตาดำ หมวก และเครอื่ งประดับ 4. ใบแจง้ ความ (ในกรณที ่ีทำหาย) 5. ติดตอ่ ขอรับเอกสารตามวัน เวลาท่งี านทะเบยี นนัดหมาย (ฉบบั แรกไมเ่ สยี คา่ ธรรมเนยี มฉบบั ตอ่ ไปฉบบั ละ 100 บาท) กำรยำ้ ยนักเรียน (กรณียำ้ ยระหว่ำงปี) 1. ผปู้ กครองเขยี นคารอ้ งขอยา้ ยนกั เรยี น พรอ้ มตรวจสอบประวัตนิ ักเรยี น 2. นกั เรียนรบั เอกสารการขอเวลาเรยี นและคะแนนเพอื่ ติดตอ่ ครูประจาวิชา เม่ือไดค้ รบแล้วนามาสง่ ห้องวชิ าการ 3. สง่ รปู ถา่ ยแตง่ เครือ่ งแบบนักเรียนขนาด 1 น้วิ คร่ึง จานวน 2 รปู 4. ตดิ ต่อขอรับเอกสารตามวนั เวลาท่งี านทะเบียนนดั หมาย 118
การย้ายนักเรียน กรณยี ้ายเมื่อจบปี (ไม่ไดจ้ บช่วงชั้น) 1. ผู้ปกครองเขยี นคำรอ้ งขอย้ายนัดเรียนพรอ้ มตรวจสอบประวตั นิ ักเรยี น 2. ส่งรปู ถา่ ยแต่งเคร่ืองแบบนกั เรียน ขนาด 1 นิว้ ครงึ่ จำนวน 2 รปู 3. ติดต่อขอรับเอกสารตามวัน เวลาทีง่ านทะเบยี นนัดหมาย 119
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122