วนิ ยั ของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา นางสาวปานนลิน หมนุ นุ้ย นิติกรปฏิบตั ิการ สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษานราธิวาส
1. วนิ ยั
ความหมายของ “วนิ ยั ” ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน วินัย หมายถงึ ระเบียบแบบแผนและขอ้ บงั คบั , ขอ้ ปฏิบัติ วินัย จึงหมายถึง กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ กติกาท่ีใช้ในการควบคุม ความประพฤติ หรือพฤติกรรมของบคุ คลในองคก์ รหรือหน่วยงานใหอ้ ยใู่ น แนวทางที่ต้องการ หากมีการฝ่าฝืน อาจถือได้ว่าการกระทานั้นเป็น ความผิดทางวินัย ทงั้ นี้ อาจกาหนดไว้ในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติ คณะรัฐมนตรหี รอื แบบธรรมเนียมของทางราชการกไ็ ด้
ความหมายของ “วนิ ัย” นอกจากน้ี วินัย ยงั หมายถึง การควบคมุ บงั คับตนเองให้มีความ ตั้งใจ และใหป้ ระพฤตปิ ฏิบตั ติ ามความตั้งใจนน้ั มีลักษณะเป็น สจั จาธษิ ฐาน หรือการตั้งสตั ยส์ ัญญาให้แกต่ ัวเอง
วนิ ัยเริม่ ต้นเม่ือใด ? มผี ้รู ้องเรียนกลา่ วหา บัตรสนเทห่ *์ ผู้บงั คับบัญชาเหน็ เอง ได้รบั รายงานพฤติกรรมจาก หน่วยงานอน่ื เช่น ป.ป.ช. สตง.** *มติคณะรฐั มนตรแี จง้ ตามหนังสอื สานักเลขาธิการคณะรฐั มนตรี ท่ี นว.0206/ว 218 ลงวนั ท่ี 25 ธันวาคม 2541 **ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎกี า เร่ืองเสร็จที่ 944/2561
วนิ ัยของครูและบุคลากรทางการศึกษา 1. สาหรบั ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา อยใู่ นหมวด 6 มาตรา 82 – 97 แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการ ศกึ ษา พ.ศ. 2547 2. สาหรบั พนกั งานราชการ อย่ใู นข้อ 22 – 27 ตามระเบียบสานัก นายกรฐั มนตรวี า่ ดว้ ยพนกั งานราชการ พ.ศ. 2547 3. สาหรับลูกจ้างประจา อยู่ในขอ้ 28 – 49 ตามระเบียบ กระทรวงการคลังวา่ ด้วยลกู จ้างประจาของสว่ นราชการ พ.ศ. 2537 4. สาหรับลูกจ้างชั่วคราว ให้เปน็ ไปตามหนงั สอื กระทรวงการคลงั ท่ี กค 0527.6/ว31 ลว 26 เม.ย. 2542 โดยใหเ้ ปน็ ดุลยพนิ จิ ของ ส่วนราชการ
ประเภทของวนิ ยั ต่อประเทศ วินยัเพ่อื นร่วมงาน ผู้บงั คบั บัญชา ตอ่ หนา้ ท่ี ตอ่ ตนเอง
วินยั ต่อประเทศ - สนบั สนนุ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ ทรงเปน็ ประมขุ ดว้ ยความบรสิ ทุ ธิ์ใจ (ม. 83) - เป็นกลางทางการเมอื ง ในการปฏบิ ัติหน้าที่ โดยไมอ่ าศยั หนา้ ทีแ่ สดงว่า ตนเองฝักใฝ่ ส่งเสรมิ สนับสนุนกลุ่มบคุ คล หรอื พรรคการเมอื งใด (ม. 93)
วินยั ต่อเพอ่ื น รว่ มงาน - ไมก่ ล่นั แกลง้ กล่าวหาผู้อน่ื โดยปราศจากความเปน็ จริง (ม. 89)
วินัยตอ่ ผบู้ ังคับบญั ชา - ปฏบิ ัตติ ามคาสง่ั ของผ้บู ังคบั บัญชาทส่ี งั่ โดยชอบดว้ ยกฎหมาย (ม. 86)
วินัยต่อหน้าที่ - ปฏิบัตหิ นา้ ที่ด้วยความซอ่ื สัตย์ สจุ รติ ไมอ่ าศยั หรือยอมให้ผูอ้ ่ืนอาศัย ตาแหนง่ หน้าท่ีแสวงประโยชนท์ ่ีมคิ วรได้อนั เป็นการทุจรติ ตอ่ หน้าที่ (ม. 84) - ปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีให้เปน็ ไปตามระเบยี บ แบบแผนของทางราชการ (ม. 85) - ไมก่ ระทาหรือยอมให้ผู้อ่ืนแสวงหาประโยชน์อนั อาจทาใหเ้ สยี ความเป็น ธรรม หรือเสยี เกยี รตศิ กั ด์ิในตาแหน่งหนา้ ที่ (ม. 90)
วนิ ยั ตอ่ ตนเอง - ตรงตอ่ เวลา อุทศิ เวลาใหแ้ กผ่ ู้เรยี น จะละทิ้งหรอื ทอดทง้ิ หนา้ ทโ่ี ดยไม่มี เหตอุ นั สมควรไมไ่ ด้ (ม. 87) - ประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งท่ีดแี ก่ผ้เู รยี น ชมุ ชน สังคม และช่วยเหลือ ผู้เรยี น ผ้รู ่วมปฏิบตั ริ าชการ ประชาชน ให้การต้อนรบั ความเป็นธรรม แก่ผมู้ าติดต่อราชการ (ม. 88) - ไมค่ ัดลอกผลงาน จ้าง วาน เพอ่ื นาไปใช้เลื่อนตาแหน่ง วทิ ยฐานะ (ม. 91)
วินัยตอ่ ตนเอง - ไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ หรอื ผจู้ ดั การ หรอื ตาแหนง่ อ่นื ทีล่ กั ษณะงาน คลา้ ยคลึงกนั ในหา้ งหุ้นสว่ น หรอื บรษิ ัท (ม. 92) - รักษาช่ือเสียงของตนหรือเกียรตศิ ักด์ติ อ่ ตาแหน่งหน้าทขี่ องตนมใิ ห้ เสื่อมเสีย ไม่กระทาผดิ อาญาจนได้รับโทษจาคุกหรอื หนกั กว่าจาคุก ยกเว้นความผิดที่ไดก้ ระทาโดยประมาท หรอื ความผิดลหุโทษ หรือไม่ เสพยาเสพติด หรือลว่ งละเมิดทางเพศศิษย์หรือผู้เรยี นไมว่ า่ จะอยใู่ น ความดูและของตนหรือไม่ (ม. 94)
พฤติกรรมการกระทาผดิ วนิ ัยที่พบไดบ้ อ่ ย กระทาผิดระเบยี บ ละท้ิงหรอื ทอดท้งิ หนา้ ท่ี ดม่ื สรุ า/เล่นการพนนั กระทาผิดอาญา ช้สู าว/ลว่ งละเมิดทางเพศ ขัดคาสง่ั ผบู้ ังคบั บญั ชา ประพฤติช่วั อนื่ ๆ ทุจรติ ตอ่ หน้าทรี่ าชการ
กรณีกระทาผดิ ระเบยี บ ไม่ปฏิบตั ิตามระเบียบวา่ ด้วยการลงโทษนักเรยี น นักศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการได้กาหนดระเบียบเกย่ี วกับการลงโทษนกั เรียนนักศึกษาออกตามความใน พระราชบัญญัตคิ มุ้ ครองเดก็ พ.ศ. 2546 มาตรา 65 วรรคสาม ซงึ่ กค็ อื ระเบยี บ กระทรวงศึกษาธกิ ารวา่ ดว้ ยการลงโทษนกั เรยี นนักศึกษา พ.ศ. 2548 โดยกาหนดโทษไว้ 4 สถาน ไดแ้ ก่ - ว่ากลา่ วตกั เตอื น - ทาทณั ฑบ์ น - ตัดคะแนนความประพฤติ - ทากิจกรรมเพ่ือให้ปรับเปลยี่ นพฤติกรรม การลงโทษนักเรยี นนักศึกษาด้วยวธิ อี ่นื นอกเหนอื จากทีก่ าหนดไว้ในระเบียบถอื วา่ เปน็ ความผดิ วินัย
ตวั อย่าง - ใช้พวงกุญแจตีศรี ษะนักเรยี นจนศีรษะแตก เลอื ดไหล และเคยใชเ้ ท้าเตะนกั เรยี นพดู ขม่ ขู่ ประชดประชนั (โทษตดั เงินเดอื น) - ลงโทษนักเรยี นโดยใช้ปา้ ยแขวนคอ ใหย้ ืนหนา้ หอ้ ง และให้คลานรอบสนาม ตบหน้านกั ศกึ ษา ผใู้ หญ่ (โทษตดั เงินเดอื น) - ลงโทษโดยวิธีหยกิ ตบหลงั (โทษตัดเงินเดือน) - ลงโทษโดยวิธีตบหนา้ ดงึ หู กระชากผม (โทษตดั เงนิ เดอื น) - ลงโทษนกั เรียนโดยการชกและเตะ (โทษตัดเงนิ เดือน)
คาพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ 1606/2559 ผูฟ้ ้องคดเี ปน็ นกั เรียนประจาชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 ไดถ้ กู ผ้ถู กู ฟอ้ งลงโทษให้ออกจากหอพักและ ให้พ้นสภาพจากเปน็ นักเรยี น เนอ่ื งจากกระทาผดิ ระเบียบของหอพักโรงเรยี นโดยนาเอาของมึนเมามา ด่มื ในหอพกั ศาลปกครองสงู สุดวินิจฉัยวา่ แมผ้ ฟู้ ้องคดจี ะกระทาผดิ โดยการนาสรุ าเข้ามาดม่ื ในหอพกั จริง ซ่งึ เป็นความผดิ ตามระเบียบของโรงเรียนแต่กเ็ ปน็ เพยี งการกระทาผิดครง้ั แรก การท่ีผถู้ ูกฟ้องคดี นาเอาเหตทุ เี่ คยถกู ลงโทษกรณอี นื่ ๆ (เช่น ซอยผม นากระทะไฟฟ้ามาทาอาหาร ใสต่ ้มุ หู นาลาโพงมา เปิดเพลงและเต้นรากนั ในห้อพกั ) มารวมพิจารณาสง่ั ลงโทษใหผ้ ้ฟู ้องคดพี น้ สภาพการเปน็ นกั เรยี น หอพักไมอ่ าจกระทาได้ อีกทัง้ ระเบยี บของโรงเรยี นไดก้ าหนดใหก้ ารเปน็ นักเรียนหอพกั สนิ้ สุดลง ก็แต่ เฉพาะกรณพี น้ สภาพการเป็นนกั เรยี นของโรงเรยี นเพียงกรณีเดยี วเทา่ นั้น ระเบียบดงั กลา่ วไม่ไดใ้ ห้ อานาจผ้ถู กู ฟอ้ งคดสี ่งั ให้นักเรยี นท่ยี งั มีสภาพเปน็ นักเรยี นของโรงเรียนและเปน็ นกั เรยี นประจาหอพัก ให้พ้นสภาพจากการเป็นนักเรยี นประจาหอพกั แตอ่ ยา่ งใด การทผ่ี ้ถู กู ฟอ้ งคดมี ีคาสงั่ ใหผ้ ฟู้ อ้ งคดพี ้น จากสถานภาพการเป็นนกั เรยี นประจาจึงเปน็ การออกคาสงั่ โดยไมม่ อี านาจ และเปน็ คาสั่งทีไ่ มช่ อบ ด้วยกฎหมาย
คาพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. 520/2562 ในคดีนี้ผู้ฟอ้ งคดเี ปน็ นักเรยี นเกรด 5 (ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5) ในโรงเรียนนานาชาติ และผ้ถู ูก ฟอ้ งคดี ท่ี 1 ลงโทษใหผ้ ูฟ้ อ้ งคดพี ้นสภาพจากการเปน็ นกั เรยี น และห้ามเข้ามาในบรเิ วณโรงเรยี น โดยกล่าวหาวา่ ผู้ฟอ้ งคดชี อบใช้ความรนุ แรง ซ่งึ การลงโทษดังกลา่ วไมเ่ ปน็ ไปตามระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการวา่ ดว้ ยการลงโทษนักเรียน และนักศกึ ษา พ.ศ. 2548 ศาลปกครองสูงสุดวนิ จิ ฉัย ว่า ระเบยี บดังกลา่ วไดก้ าหนดโทษทจ่ี ะลงกับนกั เรยี นทีก่ ระทาผิดไว้ 4 สถาน คือ ว่ากลา่ วตักเตือน ทาทัณฑบ์ น ตดั คะแนนความประพฤติ และทากิจกรรมเพื่อปรับเปล่ียนพฤตกิ รรม โดยมิไดก้ าหนด โทษให้นกั เรยี นพน้ สภาพแต่อย่างใด ซงึ่ การลงโทษสถานหนักโดยใหน้ กั เรียนพ้นสภาพน้นั นอกจากจะ เป็นการลงโทษท่เี กนิ กว่าทก่ี าหนดในระเบียบแลว้ ยังเปน็ การซา้ เติมนักเรยี นและมิไดเ้ ปน็ การแกไ้ ข ปญั หาแต่อย่างใด แตก่ ลบั เปน็ การผลกั ภาระใหโ้ รงเรยี นอื่นแกป่ ญั หาต่อไป คาสงั่ ของผู้ถูกฟ้องคดที ี่ ๑ ท่ีใหผ้ ูฟ้ อ้ งคดีพน้ สภาพการเปน็ นักเรยี นจงึ เปน็ คาสัง่ ทไ่ี ม่ชอบดว้ ยกฎหมาย
ตวั อย่างกรณีกระทาผิดระเบียบ ไมป่ ฏิบัตติ ามระเบยี บวา่ ด้วยการลงเวลาปฏบิ ตั ริ าชการและการลา - ละทง้ิ หนา้ ที่ราชการติดต่อกนั เปน็ เวลา 14 วัน โดยอ้างว่าไปทวงหนท้ี ต่ี า่ งจงั หวดั และ โทรศพั ท์ทางไกลขอลากจิ ตอ่ เจ้าหนา้ ทีธ่ รุ การ (โทษตดั เงนิ เดือน) - มาปฏบิ ัตริ าชการ แต่ไมล่ งเวลามาปฏบิ ตั ิหน้าที่ราชการรวม 7 วนั อ้างว่ายุ่งกับการ สอบไลป่ ลายปที าให้เผลอไป และละทงิ้ หน้าทีร่ าชการอีก 2 วนั (โทษตัดเงินเดอื น) - ใหเ้ พื่อนลงช่ือมาทางานแทน (โทษภาคทณั ฑ)์ - หยดุ ราชการ 7 วัน ต่อมาส่งใบลาป่วยและใบรับรองแพทย์ท่ลี งความเหน็ ใหห้ ยดุ พกั 1 วัน แต่แกไ้ ขใบรบั รองแพทยเ์ ป็นใหห้ ยดุ พกั 7 วัน (โทษตดั เงนิ เดือน) - สง่ ใบลาป่วยล่าชา้ โดยไม่มเี หตุผลอนั สมควร โทษภาคทณั ฑ์
กรณศี กึ ษาทน่ี า่ สนใจ คาพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ 1062/2559 วนั ปิดภาคเรยี นใหถ้ ือว่าเปน็ วนั หยดุ พักผอ่ นของนักเรียน ซึง่ สถานศึกษาอาจอนญุ าตใหข้ า้ ราชการครูหยดุ พักผ่อนดว้ ยก็ได้ แตถ่ า้ มรี าชการจาเปน็ ใหข้ ้าราชการมาปฏิบตั ริ าชการเหมอื นการมาปฏิบัตริ าชการตามปกติ เม่อื ปรากฏว่าก่อนปิดภาคเรยี นท่ี 2 ของปีการศกึ ษา 2548 ผถู้ ูกฟ้องคดที ่ี 1 (ผ้อู านวยการสถานศกึ ษา) ไดแ้ ตง่ ตัง้ คณะกรรมการฯ เพ่ือจัดทาแผนงานของโรงเรยี นให้เสรจ็ ก่อนปิดภาคเรียน ปรากฏวา่ ผู้ฟ้องคดีท้ังสองเปน็ คณะกรรมการดังกลา่ วดว้ ย เม่ือการจดั ทาแผนงานของโรงเรียนไม่แล้วเสรจ็ ผูถ้ กู ฟ้องคดที ี่ 1 จึงชอบทจี่ ะสงั่ ให้ ขา้ ราชการครมู าปฏิบัติราชการในวันปดิ ภาคเรยี นได้ ตามขอ้ 6 ของระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ ารวา่ ดว้ ยกาหนดวนั เวลาทางาน และวันหยุดราชการของสถานศกึ ษา พ.ศ. 2547 ดังน้นั ขา้ ราชการครูจงึ ต้องมาปฏิบัติหนา้ ท่ีและลง ลายมอื ชอ่ื ปฏิบัติราชการ หากข้าราชการครูรายใดไม่มาปฏิบัติราชการก็ต้องยน่ื ใบลา เมือ่ ผู้ฟอ้ งคดที ั้งสองไม่มา ปฏิบตั ริ าชการและมไิ ดย้ ืน่ ใบลา จึงถอื วา่ ขาดราชการ แมผ้ ฟู้ อ้ งคดที ง้ั สองจะมีผลการประเมนิ อยู่ในระดบั ยอมรบั ได้ แต่เมอ่ื ในคร่ึงปที ่ีแล้วมาผ้ฟู อ้ งคดีทงั้ สองขาดราชการ จึงไม่มีสิทธเิ ล่ือนขั้นเงินเดือน คาสงั่ ไม่เลือ่ นขั้นเงนิ เดอื นของผู้ ถูกฟอ้ งคดีที่ 2 จึงเป็นการกระทาทีช่ อบด้วยกฎหมายแล้ว
กรณศี ึกษาท่ีนา่ สนใจ คาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ 77/2563 ผูถ้ กู ฟ้องคดที ี่ 2 (ผูอ้ านวยการสถานศึกษา) ได้มคี าส่งั แต่งต้ังคณะครูให้ปฏิบัตหิ น้าทค่ี วบคุม กากบั ดูแล นกั เรยี นไปทัศนศกึ ษาในวันเด็กแห่งชาติท่จี งั หวัดเพชรบุรีระหว่างวนั ศุกร์ที่ 13 ถึงวนั อาทติ ย์ที่ 15 มกราคม 2555 โดยผฟู้ ้องคดไี ด้รบั คาสงั่ ใหป้ ฏิบตั ิหนา้ ทด่ี ังกล่าวดว้ ย ซง่ึ การไปทัศนศึกษาอาจไปในวนั เปดิ การสอนหรือนอกเวลาเปิด การสอนก็ได้ แต่การพานักเรียนไปทศั นศกึ ษาดังกลา่ วถือเป็นการปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ราชการ ตามขอ้ 11 ของระเบยี บ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารว่าด้วยการพานักเรียนและนักศกึ ษาไปนอกสถานศกึ ษา พ.ศ. 2547 การพานักเรียนไปทัศน ศกึ ษาระหว่างวนั ที่ 13 ถึงวนั ท่ี 15 มกราคม 2555 จึงถือเปน็ ชว่ งเวลาปฏิบัตริ าชการของผ้ฟู อ้ งคดีและคณะครทู ่ี ได้รบั มอบหมายตามคาสั่งดังกล่าว หากผู้ฟ้องคดีไมไ่ ปปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีโดยไมม่ ีเหตุผลอนั สมควรและไม่ย่นื ใบลาตาม ระเบยี บการลาของขา้ ราชการ พ.ศ. 2535 อาจเป็นความผิดวินยั ได้ การท่ผี ูฟ้ อ้ งคดีอา้ งเหตจุ าเป็นตอ้ งดูแลบดิ าท่ี เจบ็ ป่วยทาให้ไมส่ ามารถไปปฏิบตั หิ นา้ ทต่ี ามคาสงั่ ดงั กล่าวได้ จึงมหี นังสือขออนุญาตไม่ไปปฏิบตั ิหน้าท่ตี อ่ ผ้ถู กู ฟอ้ ง คดที ี่ 2 ผู้ถูกฟอ้ งคดีที่ 2 จึงแจ้งให้ยื่นลากจิ เมือ่ ผฟู้ อ้ งคดยี ืน่ ลากิจแลว้ ผถู้ ูกฟอ้ งคดที ี่ 2 กไ็ ดอ้ นญุ าตให้ลา การ กระทาของผูถ้ กู ฟ้องคดีท่ี 2 จงึ เปน็ การกระทาทชี่ อบด้วยกฎหมาย มตขิ องผูถ้ กู ฟอ้ งคดีท่ี 1 (คณะกรรมการ ศึกษาธกิ ารจังหวัด) ทใ่ี ห้ยกคารอ้ งทกุ ขข์ องผฟู้ ้องคดจี ึงชอบดว้ ยกฎหมายด้วย
ตวั อยา่ งกรณกี ระทาผิดระเบียบ ไมป่ ฏบิ ัติตามระเบยี บว่าด้วยการเงนิ - ข้าราชการครู ตาแหนง่ ผูอ้ านวยการวิทยาลัย และหัวหนา้ งานการเงิน ประมาทเลนิ เลอ่ ใน การส่ังจ่ายเชค็ ท่ีลกู จา้ งชว่ั คราว ทาหน้าท่กี ารเงนิ รบั ผิดชอบในการเบกิ -จา่ ยงบประมาณลง ลายมอื ชื่อสงั่ จา่ ยเชค็ ท่ลี กู จา้ งช่วั คราวเขยี นเช็คส่งั จา่ ย โดยไมต่ รวจสอบความถูกต้อง บางครง้ั ลงลายมอื ช่อื ส่ังจา่ ยไว้ลว่ งหนา้ เปน็ เหตุให้ลูกจ้างชวั่ คราวเขียนเชค็ ส่ังจา่ ยให้แก่ ตนเอง โดยมิไดน้ าเช็คไปชาระหน้แี ก่เจ้าหนี้ เปน็ การประมาทเลินเล่อในหนา้ ที่ราชการ เป็นเหตใุ หเ้ กดิ ความเสียหายแก่ทางราชการอยา่ งร้ายแรง (โทษปลดออกจากราชการ)
ตัวอย่างกรณกี ระทาผิดระเบียบ ไมป่ ฏิบตั ติ ามระเบยี บว่าดว้ ยการเงนิ - ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา ตาแหนง่ เจา้ หน้าท่บี รหิ ารงานการเงนิ และบัญชี เบิก- จา่ ย เงินทดรองราชการโดยไม่มีหลักฐานการเบกิ -จา่ ยเงินทดรองราชการ เปน็ เหตุใหเ้ งนิ ทดรอง ราชการในความรบั ผดิ ชอบหายไปจากบัญชี พฤตกิ ารณเ์ ป็นความผดิ วนิ ัยอยา่ งร้ายแรง ตามมาตรา 85 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณี ปฏบิ ัติหนา้ ท่รี าชการโดยจงใจไม่ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่รี าชการตากฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทาง ราชการ ขาดการเอาใจใส่ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ อันเป็นเหตุใหเ้ กิดความ เสยี หายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง (โทษปลดออกจากราชการ)
ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามระเบยี บวา่ ดว้ ยการเงนิ คาพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. 224/2551 ระเบียบการเก็บรกั ษาเงนิ และการนาส่งคลังของสว่ นราชการกาหนดว่า หลักฐานการจา่ ยตอ้ งพิมพห์ รือเขยี น ดว้ ยหมกึ การแกไ้ ขหลกั ฐานการจ่ายใหใ้ ช้วิธีขีดฆ่าแล้วพิมพห์ รอื เขียนใหม่ แล้วใหผ้ ู้รบั เงินลงลายมอื ชอ่ื กากับไว้ทุก แห่ง เมื่อปรากฏวา่ ผใู้ ต้บังคบั บญั ชาของผ้ฟู อ้ งคดตี รวจพบว่ามรี อยแกไ้ ขชือ่ ผู้มีสทิ ธิรบั เงิน จานวนเงนิ และไมแ่ นบ บตั รประจาตัว อนั เปน็ การกระทาทีผ่ ิดระเบยี บ และไดส้ อบถามผูฟ้ ้องคดวี า่ เอกสารมีรอยขูดลบแกไ้ ขจะสามารถ จา่ ยเงนิ ได้หรอื ไม่ ผฟู้ ้องคดสี ง่ั ให้จา่ ยไดโ้ ดยอ้างว่าผ่านการอนุมัตแิ ล้ว คนทาเอกสารยืนอยู่ทน่ี ่ี และจา่ ยถกู ต้องตรงตวั ผรู้ บั เงินก็มาจรงิ กรณแี สดงใหเ้ ห็นพฤติการณบ์ ่งชว้ี า่ ผู้ฟอ้ งคดไี ม่ได้ปฏิบตั ใิ หถ้ ูกต้องตามระเบยี บดังกลา่ วเมือ่ มีกรณี ทจุ รติ เกดิ ขึ้นในการเบกิ เงินไปตามฎีกาทีม่ กี ารขดู ลบเลขฎกี า ชอื่ ผูร้ บั เงนิ และลายมือชอ่ื ผู้รบั เงิน ซงึ่ เปน็ รายละเอยี ด อนั เป็นสาระสาคญั จากหน่วยงานท่ีผู้ฟอ้ งคดีรบั ผดิ ชอบ โดยผฟู้ อ้ งคดซี ึ่งเป็นผู้บงั คบั บัญชามีหนา้ ทีใ่ นการควบคุมดแู ล การปฏบิ ตั ิหน้าทขี่ องผู้ใต้บังคับบญั ชา แตไ่ ม่ตรวจสอบให้ชดั เจนดงั ที่ระเบียบกาหนดไว้ และสามารถใชค้ วาม ระมัดระวงั เชน่ ว่านี้ได้ แตห่ าไดใ้ ชค้ วามระมดั ระวงั อย่างรอบคอบเพ่อื รักษาผลประโยชน์ของทางราชการไมอ่ ีกทงั้ เม่อื พบวา่ มกี ารปฏิบตั หิ นา้ ทผ่ี ดิ ระเบยี บกลบั เพกิ เฉยไมส่ ั่งการให้ดาเนินการแก้ไขใหถ้ ูกตอ้ งตามระเบียบแตก่ ลับฝ่าฝนื ระเบียบให้มกี ารจา่ ยเงนิ ไปจนเปน็ เหตใุ ห้เกิดความเสียหายแกร่ าชการอยา่ งรา้ ยแรง การกระทาของผฟู้ ้องคดจี ึงเปน็ การกระทาโดยประมาทเลินเล่ออยา่ งร้ายแรงซง่ึ เปน็ ความผิดวนิ ัยอยา่ งร้ายแรง
ไม่ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการพสั ดุ - ปลอมลายมือชือ่ เจ้าหน้าท่พี สั ดุและกรรมการตรวจรบั พสั ดใุ นเอกสารการจดั ซื้อวสั ดุ ครุภณั ฑ์ของโรงเรยี น จากเงนิ เหลอื จา่ ยจานวน 60,000 บาท โดยทเ่ี จ้าหน้าท่ีพัสดุ และกรรมการตรวจรบั พัสดไุ ม่มีใครทราบเร่อื ง (โทษไลอ่ อกจากราชการ) - กรณีดาเนนิ การซอ่ มแซมครุภณั ฑ์ของโรงเรยี นยงั ไม่แลว้ เสร็จ แต่ได้สรา้ งหลักฐาน อนั เปน็ เท็จเบกิ เงนิ จากจังหวดั มากอ่ น (โทษไลอ่ อกจากราชการ) - อนุมัติใหจ้ า่ ยเงินท้งั ทยี่ งั ไม่มกี ารตรวจรบั พสั ดุจากกรรมการตรวจรับ โดยไม่ปรากฏว่ามี การทุจรติ (โทษลดขัน้ เงินเดอื น 1 ขน้ั ) - อนุมตั ิใหจ้ ่ายเงินท้งั ท่ยี งั ไม่มีการตรวจรบั พสั ดจุ ากกรรมการตรวจรับ โดยไมป่ รากฏวา่ มี การทุจริต (โทษลดข้ันเงินเดือน 1ขั้น)
กรณีละทง้ิ หรอื ทอดทิง้ หน้าทร่ี าชการ มติคณะรฐั มนตรีแจง้ ตาม หนังสือสานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 234 ลว 24 ธนั วาคม 2536 กรณีละทิง้ หนา้ ทรี่ าชการเกนิ 15 วนั โดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควร และ ไม่กลับมาปฏิบตั ิราชการอกี เลย สมควรให้ลงโทษไล่ออกจากราชการ พระราชกฤษฎกี าการจา่ ยเงนิ เดอื น เงินปี บาเหนจ็ บานาญ หรอื เงินอืน่ ในลกั ษณะ เดยี วกัน พ.ศ. 2535 มาตรา 16 ห้ามมใิ หจ้ ่ายเงนิ เดอื นในวันทล่ี ะท้ิงหรือหนรี าชการ กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลอื่ นเงนิ เดอื นของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2561 ขอ้ 10 (4) ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาที่มสี ิทธไิ ดเ้ ลื่อนเงินเดือนใน ครึ่งปีนั้น ๆ จะต้องไมเ่ คยขาดราชการโดยไม่มีเหตุผลอนั สมควร
ตัวอยา่ งกรณีละทิ้งหรอื ทอดทง้ิ - ขา้ ราชการครูไมม่ าปฏิบัติหน้าทีร่ าชการโดยไมท่ ราบสาเหตุจานวน 7 คร้งั ครง้ั ที่ 7 เป็น เวลา 14 วนั ครง้ั ที่ 2 เปน็ เวลา 8 วัน ครัง้ ท่ี 3 และครั้งที่ 4 คร้งั ละ 1 วัน คร้ังที่ 5 เปน็ เวลา 10 วนั ครงั้ ที่ 6 เปน็ เวลา 1 วนั และคร้งั ท่ี 7 เปน็ เวลา 3 วัน แต่ละครัง้ ไม่เกนิ 15 วนั บางครงั้ มาปฏิบตั ิราชการในสภาพเมาสรุ า และมานอนทอี่ าคารเอนกประสงค์ มีพฤติการณม์ นึ เมาจนเจ็บปว่ ย เปน็ โรคพษิ สุราเร้ือรงั โทษปลดออกจากราชการ - ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาหญิงเดินทางไปปฏบิ ตั ธิ รรมตัง้ แตว่ นั ที่ 10 เมษายน 2550 ทจ่ี ังหวดั เชยี งใหม่ และจังหวัดแมฮ่ ่องสอน และขา้ มแดนไปพานกั อยใู่ นค่ายทหารไทยใหญ่กระเหรย่ี ง จนถึงวันที่ 23 มกราคม 2551 จึงได้กลบั โรงเรยี น พฤติการณเ์ ปน็ ความผดิ วนิ ยั อยา่ งรา้ ยแรง ตาม มาตรา 87 วรรคสอง แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 กรณีละทิง้ หนา้ ทรี่ าชการต่อในคราวเดียวกนั เป็นเวลาเกินกวา่ สบิ หา้ วัน โดยไม่มีเหตุผลอนั สมควร หรือโดยมพี ฤติการณ์อนั แสดงถึงความจงใจไม่ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บของทางราชการ การท่ี ผู้บังคบั บัญชาสัง่ ลงโทษไล่ออกจากราชการน้ัน เหมาะสมกับกรณคี วามผดิ
กรณีเมาสรุ าหรอื เลน่ การพนนั ข้าราชการเสพสรุ าจนไม่สามารถครองสติได้ ซึ่งอาจทาให้เส่ือมเสยี ต่อ เกยี รติศักด์ิของตาแหน่งหนา้ ท่ี ให้ลงโทษทางวนิ ัยตามควรแก่กรณี แต่... หากเสพสรุ าในกรณดี งั ตอ่ ไปนี้... 1. เสพสุราในขณะปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการ 2. เมาสุราเสียราชการ 3. เมาสรุ าในท่ีชมุ ชนจนเกิดเร่ืองเสยี หาย หรอื เสอ่ื มเสียเกียรตศิ ักดข์ิ องตาแหนง่ หนา้ ท่ีราชการ (มตคิ ณะรัฐมนตรีแจ้งตาม หนังสอื กรมเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ที่ น.ว. 208/2496 ลว 3 กันยายน 2496)
ตวั อยา่ งกรณีเมาสรุ า - กรณดี ่มื สรุ ามอี าการมนึ เมามาปฏบิ ตั หิ น้าทร่ี าชการ โดยเขา้ ไปในช้นั ป.4 พูดจาเสยี งดงั ใชไ้ มต้ ีนกั เรียน เด็กนักเรียนกลวั และลม้ โต๊ะนกั เรยี น ทาใหน้ ักเรียนพากนั ว่ิงหนีออกจาก อาคารเรยี น ผใู้ หญ่บา้ นมาห้ามก็ไมฟ่ งั โทษลดข้ันเงนิ เดือน - กรณไี ดร้ บั คาสง่ั ใหเ้ ขา้ รบั การอบรมครแู ละตอ้ งแตง่ เครอื่ งแบบในวนั เปดิ อบรมดว้ ย แต่ไม่แต่ง เครอื่ งแบบไปเขา้ รบั การอบรม และในการอบรมภาคบา่ ยไดเ้ มาสรุ าเข้ามาอบรมไมท่ นั กาหนด ประมาณ 30 นาที เมื่อเข้ามาไดฟ้ บุ หลับอยู่ทีโ่ ตะ๊ อบรม ต่อมาไดแ้ อบไปนอนหลับท่หี อ้ ง ข้างเคียงโดยไมไ่ ดส้ วมเสือ้ โทษลดขน้ั เงนิ เดือน - เมาสรุ าแล้วด่าท้าทายผูบ้ ังคบั บัญชา โทษตัดเงนิ เดอื น - เมาสรุ าแลว้ นอนฟุบอยู่ท่หี นา้ วา่ การอาเภอไมส่ ามารถสอนหนังสือได้ โทษปลดออก - ลงเวลาทางานแล้วแอบไปด่มื สุราท่ีร้านขา้ งโรงเรียน นาสุรามาดื่มทีโ่ ตะ๊ ทางาน และทหี่ ้อง พยาบาลของโรงเรยี นในเวลาราชการ โทษปลดออก
ตวั อยา่ งกรณีเมาสรุ า คาพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. 285/2552 ขา้ ราชการครูของวิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเมาสรุ าอาละวาดส่งเสยี งดงั ทบุ เคาะประตู หอ้ งพกั ของข้าราชการครูอนื่ และทาลายทรพั ยส์ นิ ภายในอาคารแฟลตพักครูหน้า หอ้ งพักบริเวณชน้ั ท่ี 3 และช้นั ที่ 4 เป็นการกระทาผิดวนิ ยั ฐานไมร่ กั ษาชอ่ื เสยี งของตน และเกยี รตศิ กั ดิข์ องตาแหนง่ หน้าท่รี าชการของตนมใิ ห้เสอื่ มเสยี เปน็ ความผดิ วนิ ัย อย่างไม่ร้ายแรง ผ้บู ังคบั บัญชาจงึ ส่ังลงโทษภาคทัณฑ์ ตดั เงนิ เดอื น หรอื ลดขน้ั เงินเดอื น ตามควรแกก่ รณไี ด้
กรณีเมาสรุ าหรือเลน่ การพนัน 1. การพนันประเภททกี่ ฎหมายหา้ มขาด ถาขา้ ราชการผู้ใดเลน่ ควรวางโทษถึงปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ ได้แก่... (มตคิ ณะรฐั มนตรแี จ้งตาม หนงั สือกรมเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ท่ี น.ว. 208/2496 ลว 3 กนั ยายน 2496 ปรบั ปรงุ โดยมติ ครม. เมือ่ วันที่ 6 พฤษภาคม 2546)
การพนันทก่ี ฎหมายห้ามขาด บญั ชี ก. แนบทา้ ยพระราชบัญญตั กิ ารพนัน พทุ ธศกั ราช 2478 1. หวย ก. ข. 12. ไมด้ า ไม้แดง ปลาดาปลาแดง 19. โยนจ่มิ 2. โปปัน่ หรืออีดา อีแดง 20. สเ่ี หงาลกั 3. โปกา 13. อโี ปงครอบ 21. ขลุกขลิก 4. ถั่ว 14. กาตัด 22. น้าเต้าทุก ๆ อยา่ ง 5. แปดเกา้ 15. ไมห้ มุน หรือลอ้ หมนุ ทกุ ๆ อย่าง 23. ไฮโลว์ 6. จับย่ีกี 16. หวั โตหรอื ทายภาพ 24. อกี ้อย 7. ตอ่ แต้ม 17. การเล่น ซึ่งมกี ารทรมานสตั ว์ เช่น 25. ปัน่ แปะ 8. เบี้ยโปก หรอื คู่ค่ี หรอื อีโจ้ง เอามีดหรือหนามผูกหรอื วางยา 26. อโี ปงซดั 9. ไพส่ ามใบ เบือ่ เมาให้สัตว์ชนหรอื สู้กนั หรือ 27. บาการา 10. ไมส้ ามอัน การเลน่ อน่ื ๆ ท่เี ปน็ การทรมานสตั ว์ 11. ชา้ งงา หรอื ปอ๊ ก 18. บิลเลยี ตรู ตผี ี
กรณีเมาสรุ าหรือเล่นการพนนั 2. การพนนั ประเภททีก่ ฎหมายบัญญัติวาจะเล่นไดต้ อเมื่อได้รบั อนญุ าตจากทางการ (1) เลน่ โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต ถ้าเปน็ ผูม้ หี น้าท่ีปราบปราม เป็น ครู หรือเจา้ หน้าท่ีเกย่ี วกบั วัฒนธรรม หรอื กรณที กี่ ระทรวง กรมมี ข้อห้ามเป็นพิเศษ ให้พจิ ารณาลงโทษปลดออก หรือไล่ออก กรณไี ด้รับอนุญาตแลว้ อาจพจิ ารณาลงโทษตามหลักเกณฑ์ก็ได้ (2) เลน่ โดยไม่ได้รับอนญุ าต ถ้าเปน็ ขา้ ราชการอ่นื ให้ลงโทษ ตามควรแก่กรณี แตถ่ า้ ไดร้ ับอนุญาตจะผิดกต็ อ่ เมอ่ื หมกหมนุ่ ทา ให้เสยี ราชการ ก็ให้ลงโทษตามควรแกก่ รณี (มตคิ ณะรฐั มนตรแี จ้งตาม หนงั สือกรมเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ท่ี น.ว. 208/2496 ลว 3 กนั ยายน 2496 ปรบั ปรงุ โดยมติ ครม. เมอ่ื วันท่ี 6 พฤษภาคม 2546)
การพนนั ทกี่ ฎหมายใหเ้ ล่นไดถ้ า้ ไดร้ บั อนญุ าต บัญชี ข. แนบท้ายพระราชบัญญัติการพนนั พุทธศกั ราช 2478 1. การเลน่ ตา่ ง ๆ ท่ใี ช้สัตว์ 10. ยิงเปา้ 20. ขายสลากกินแบ่งหรือกนิ รวบท่ี ต่อสหู้ รือแขง่ ขนั เชน่ ไก่ชน ชนวัว กัดปลา แขง่ ม้า 11. ปาหนา้ คน ปาหนา้ สตั ว์หรือสิง่ ใด ๆ ไมไ่ ด้ออกในประเทศไทย 2. ว่ิงววั คน 12. เตา๋ ขา้ มดา่ น 21. ไพ่นกกระจอก ต่อแต้ม ไพ่ต่าง ๆ 3. ชกมวย มวยปล้า 4. แข่งเรอื พุง่ แข่งเรือลอ้ 13. หมากแกว 22. ดวด 5. ช้ีรูป 6. โยนห่วง 14. หมากหัวแดง 23. บลิ เลียต 7. โยนสตางคห์ รอื อ่ืน ๆ 15. ปิงโก 24. ขอ้ งอ้อย ลงภาชนะ 8. ตกเบ็ด 16. สลากกนิ แบ่ง หรอื สลากกินรวบ 25. สะบ้าทอย 9. จบั สลากโดยวิธีใด ๆ 17. โตแตไลเซเตอร สาหรบั การเล่น 26. สะบา้ ชดุ อยา่ งหนงึ่ อยา่ งใด 27. ฟุตบอลโต๊ะ 18. สวปี สาหรบั การเลน่ อย่างหน่งึ อย่างใด 19. บกุ๊ เมกิง สาหรบั การเลน่ อย่างหน่งึ อย่างใด
ตวั อยา่ งกรณีเล่นการพนัน การเลน่ การพนนั บญั ชี ก. - ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาหญิงถกู จบั กมุ ฐานเลน่ การพนันไพแ่ ปด เกา้ เอาทรัพย์สินกันโดยไม่ไดร้ บั อนญุ าต แตไ่ ดร้ บั สารภาพจนถึงชนั้ ศาลเพอ่ื ให้ คดีเสรจ็ สนิ้ ไปโดยเรว็ เปน็ ความผดิ วนิ ยั ไมร่ ้ายแรงตามมาตรา 94 วรรคหน่ึง แหง่ พระราชบัญญัตริ ะเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณไี ม่รักษาชอ่ื เสยี งและเกยี รตศิ กั ด์ขิ องตาแหน่งหนา้ ที่ราชการของตน โดย กระทาการอนั ได้ชอื่ วา่ ประพฤตชิ ่ัวการที่ผบู้ งั คบั บัญชาสั่งลงโทษปลดออกจาก ราชการยงั ไมเ่ หมาะสมกับกรณคี วามผดิ จึงใหล้ ดโทษเปน็ ลดขน้ั เงินเดือน - เลน่ ไฮโลวท์ ่ีบา้ นพักครู โทษปลดออก - หมกม่นุ การพนนั จะมหี นสี้ นิ ล้นพน้ ตัวไมส่ ามารถชาระหน้ีได้ ต้องคอยหลบเจ้าหน้ี เปน็ เหตใุ หข้ าดราชการ ตอ่ มาถูกจบั ศาลลงโทษปรบั โทษไลอ่ อก
ตัวอยา่ งกรณีเล่นการพนนั การเลน่ การพนนั บัญชี ข. - ครสู ตรไี ปยมื กรรไกรตัดผา้ ทบ่ี ้านเพือ่ นบา้ น พบเขาเลน่ การพนนั ไพ่ผ่องกนั อยู่จึง เขา้ ไปในวงพอดีตารวจเขา้ จับกมุ อัยการสงั่ ไม่ฟอ้ ง โทษภาคทัณฑ์ - กรณขี ณะขับรถจกั รยานยนต์มาโรงเรียน เหน็ รถจักรยานยนตจ์ อดอยู่หลายคนั และเหน็ คนเดนิ เขา้ มาในปา่ ละเมาะ จึงจอดรถและเข้าไปดพู บกลุม่ คนหน่ึงกาลัง เล่นไพแ่ ละสบู กญั ชา จงึ ยนื ดอู ยขู่ า้ งหลัง ต่อมาเจ้าหนา้ ทต่ี ารวจได้เขา้ จับกุม ด้วย ความตกใจจงึ วิ่งหนีไป ตอ่ มาเขา้ มอบตวั ส้คู ดี อยั การสง่ั ไมฟ่ อ้ ง โทษภาคทัณฑ์ - กรณถี ูกศาลพิพากษาวา่ กระทาผดิ ฐานเลน่ การพนนั บลิ เลียด พนนั เอาทรัพยส์ นิ กัน โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตให้การรบั สารภาพจงึ พพิ ากษาปรับ ๒๐๐ บาท คดีถงึ ที่สดุ โทษตดั เงนิ เดือน
กรณีถกู จับกุมหรอื ถูกดาเนนิ คดีอาญา ขา้ ราชการถูกดาเนินคดีอาญา ต้องรายงานให้กระทรวง กรม เจา้ สังกัดทราบ (มติ ครม. แจ้งตามหนังสือกรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ท่ี น. 826/2482 ลว 2 พฤษภาคม 2482)
กรณีถกู จับกุมหรือถูกดาเนินคดีอาญา การถูกจากมุ คุมขัง ไมต่ อ้ งขออนุญาตลา ตามระเบยี บ การลาฯ เพราะไมเ่ ขา้ การลาประเภทใด ๆ และไม่ใช่ กรณที ีผ่ ูบ้ งั คับบัญชาจะตอ้ งอนุญาตการลา (หนังสอื สานกั นายกรัฐมนตรี ที่ นร 0904/566 ลว 11 พฤศจิกายน 2528)
กรณีชสู้ าว/ล่วงละเมดิ ทางเพศ “ช้สู าว” หมายถึง เร่ืองรกั ๆ ใคร่ๆ ในเชงิ กามารมย์ - ชายโสด + หญงิ โสด - ชายโสด + หญงิ ไมโ่ สด/ชายไมโ่ สด + หญงิ โสด - ชายไมโ่ สด + หญงิ ไมโ่ สด - ครูชาย/ครหู ญิง + นกั เรยี น
ตัวอยา่ งกรณชี ้สู าว/ล่วงละเมดิ ทางเพศ - ครูชายกับครูหญงิ มีความสัมพนั ธต์ ่อกันทัง้ ๆ ทแ่ี ต่ละฝ่ายมีคู่สมรสอยแู่ ล้ว โทษปลดออก - ครูชายมีความสมั พนั ธท์ างเพศกบั หญงิ ท่ีเปน็ ภรรยาผอู้ ืน่ แมห้ ญิงจะเปน็ ฝา่ ยย่วั ยวนและ มคี วามประพฤตไิ มด่ ี ชอบมคี วามสมั พนั ธ์ทางเพศกับชายอนื่ เสมอ ๆ ก็ถือว่าเป็นการ ประพฤติชัว่ อยา่ งร้ายแรง โทษปลดออก - ครสู ตรมี คี สู่ มรสอย่แู ล้ว แอบไปมคี วามสัมพันธก์ บั ชายอ่ืนถงึ ขนั้ ไดเ้ สียกัน แมช้ ายผูน้ ั้น จะยังไมม่ ีคู่สมรส กเ็ ป็นการประพฤติชั่วอย่างรา้ ยแรง โทษปลดออก - ครชู ายมบี ตุ ร ภรรยาอยู่แล้ว ไปหลอกลวงหญงิ อนื่ ว่ายงั เป็นโสด อยากแต่งานดว้ ย ผ้หู ญงิ หลงเชอื่ ยอมมคี วามสมั พนั ธท์ างเพศด้วย พอคลอดบุตรครูชายทอดทิง้ โทษปลดออก - ครูชายโสดไปหลอกลวงหญิงอน่ื ว่าอยากแตง่ งานดว้ ยผหู้ ญงิ หลงเชอื่ ยอมมคี วามสัมพนั ธ์ ทางเพศดว้ ยจนตั้งครรภ์ พอคลอดบตุ รครชู ายทอดทง้ิ โทษปลดออก
ตัวอยา่ งกรณชี สู้ าว/ลว่ งละเมดิ ทางเพศ - ครชู ายโสดสง่ ข้อความถึงภรรยาผอู้ ื่นในลกั ษณะชู้สาว โทษตัดเงินเดอื น - ครสู ตรีโสดสนทิ สนมกับสามขี องผ้อู นื่ แมใ้ นการสอบสวนจะฟงั ไมไ่ ดว้ ่ามคี วามสัมพันธ์ ฉันชู้สาวกัน แตก่ ็ถอื ได้ว่าเป็นพฤติกรรมทีไ่ ม่เหมาะสม โทษตดั เงนิ เดือน - ครสู ตรีสนิทสนมกับครชู าย จนทาใหเ้ พอ่ื รว่ มงานเขา้ ใจผิด เป็นพฤตกิ รรมท่ไี ม่เหมาะสม โทษตดั เงนิ เดอื น - ครูชายโสดส่งคลปิ ลามกอนาจารถึงหญงิ ท่ีตนเองชอบ โดยท่หี ญิงนัน้ ไม่เลน่ ด้วย พฤตกิ รรม เป็นการคุกคามทางเพศ โทษลดขัน้ เงนิ เดือน
ตัวอย่างกรณีล่วงละเมิดทางเพศนักเรยี น - ข้าราชการครูชายหลอกลวงเด็กนกั เรียนหญงิ อายุ 13 ปี 6 เดอื น วา่ จะพาไปหามารดาที่ ตา่ งจงั หวัดแต่พาไปคา้ งคนื ทีต่ ่าง ๆ หลายคนื และไดข้ ่มขนื กระทาชาเราเด็กนักเรยี นหญงิ จนสาเรจ็ ความใคร่ แลว้ จงึ พาไปสง่ บา้ นมารดา ต่อมาถกู ดาเนนิ คดีอาญา ศาลมีคาพพิ ากษา ให้ลงโทษฐานกระทาชาเราเด็กอายไุ มเ่ กนิ 15 ปี จาคุก 4 ปี ฐานพรากเดก็ อายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสยี จากบดิ ามารดาเพือ่ การอนาจาร จาคุก 5 ปี รวมจาคกุ 9 ปี กรณีเปน็ การกระทาการ อันได้ช่ือว่าประพฤตชิ ่ัวอย่างรา้ ยแรง ตามที่ผูบ้ งั คับบัญชาส่ังเพม่ิ โทษเปน็ ไล่ออกจากราชการ เหมาะสมกับกรณีความผดิ แล้ว - ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาชายลอ่ ลวงนักเรียนชายช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ไปที่ หอ้ งพักของตนแล้วใชม้ ือลว้ งไปทอ่ี วยั วะเพศของนกั เรยี นชาย เป็นการลว่ งละเมิดทางเพศ พฤติการณ์เปน็ การกระทาการอันไดช้ ่อื วา่ ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง กรณกี ระทาการลว่ งละเมดิ ทางเพศตอ่ ผ้เู รียนหรือนักศึกษา โทษไลอ่ อกจากราชการ
ตวั อย่างกรณีลว่ งละเมดิ ทางเพศนกั เรยี น - ข้าราชการครูชายมีพฤตกิ รรมไม่เหมาะสมกบั นกั เรียนหญิงหลายราย ดว้ ยการใช้มือลูบแขนขา และจับอวัยวะเพศสอ่ ไปในทางลวนลามอนาจาร เป็นเหตุให้ถูกฟ้องคดอี าญาฐานกระทาอนาจาร เด็กนักเรียนหญิงซึ่งเปน็ ศิษย์ในความดแู ล ศาลมีคาพพิ ากษาใหล้ งโทษจาคกุ 36 เดอื น เป็นการ กระทาการอนั ได้ชื่อวา่ ประพฤติชัว่ อย่างร้ายแรง ตามท่ีผ้บู ังคบั บัญชาส่ังลงโทษไล่ออกจาก ราชการ เหมาะสมกับกรณคี วามผิดแล้ว - ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาชายพานักเรียนหญิงชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เขา้ โรงแรม กระทาการล่วงละเมดิ ทางเพศ เป็นการกระทาการอันได้ช่อื วา่ ประพฤติชวั่ อยา่ งรา้ ยแรง กรณี กระทาการล่วงละเมิดทางเพศตอ่ ผเู้ รียนหรอื นักศึกษา ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรบั ผดิ ชอบ ของตนหรือไม่ การทีผ่ ูบ้ ังคับบญั ชาสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ เหมาะสมกบั กรณีความผดิ แลว้
ตัวอย่างกรณีลว่ งละเมิดทางเพศนักเรยี น - ขา้ ราชการครูชายนัดหมายนกั เรยี นไปโรงแรมม่านรูด และรว่ มเพศกบั นักเรยี นซง่ึ เปน็ ศิษย์ของตน โดยการเอาความเป็นครผู ู้ปกครอง และพฤตกิ ารณ์การขายบรกิ ารทางเพศของนักเรยี นมาเปน็ ขอ้ ตอ่ รองหรือขม่ ขใู่ หร้ ่วมเพศ เปน็ พฤตกิ ารณ์ที่ไร้คุณธรรม จรรยาบรรณของความเปน็ ครูอยา่ ง ร้ายแรง เปน็ ความผิดวนิ ยั อย่างร้ายแรงการทผ่ี บู้ ังคบั บญั ชาส่งั ลงโทษไล่ออกจากราชการ เหมาะสมกับกรณีความผดิ แล้ว - มคี วามสมั พนั ธท์ างเพศถึงข้ันได้เสยี กบั นกั เรยี นหญงิ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 ซึ่งเป็นศษิ ย์ของตนจน เกดิ ต้ังครรภ์ แลว้ ไม่รบั ผิดชอบ โทษไลอ่ อก - ครูชายให้นักเรยี นหญิงนวดขาแลว้ ดึงมอื มากอด ลงโทษปลดออก - ครชู ายให้นักเรยี นหญงิ นอนหนุนตกั แลว้ เอามอื ลบู หัว แก้ม ในสวนสาธารณะ ลงโทษปลดออก
กรณขี ดั คาสงั่ ผบู้ ังคบั บญั ชา การสั่งนน้ั ตอ้ งเป็นการ สั่งในหนา้ ที่ราชการ ถา้ เหน็ ว่าการปฏบิ ัติตามนนั้ จะทาใหท้ างราชการ เสียหาย หรอื เสียประโยชน์ให้ทาเป็นหนงั สอื ให้ ผูบ้ งั คับบัญชาทบทวนคาสง่ั ภายใน 7 วนั ถา้ ผู้บังคับบญั ชายืนยนั คาสั่งเดมิ ตอ้ งปฏบิ ัติตาม
ตวั อย่างกรณีขดั คาสงั่ ผู้บงั คบั บญั ชา - กรณีไม่ส่งผลการสอบแกต้ วั ของนกั เรยี นประจาภาคตน้ ภายในเวลาทีโ่ รงเรยี นกาหนด ผู้อานวยการโรงเรยี นมีบนั ทกึ แจ้งใหส้ ง่ ผลสอบกม็ ไิ ดป้ ฏิบตั ิตาม และเม่อื ถูกทวงถามอีกกว็ ่าส่ง แล้ว ซึง่ ไมเ่ ป็นความจรงิ ภายหลังนามาลา่ ชา้ ทาให้แผนกทะเบยี นไม่อาจแจง้ ผลการเรียนให้ อาจารย์ท่ีปรกึ ษา และนกั เรียนทราบตามกาหนด โทษตัดเงนิ เดอื น - กรณีขดั คาสัง่ ของผบู้ งั คบั บญั ชาโดยไมเ่ ขา้ รว่ มประชุมรบั ทราบนโยบายของทางราชการ แตก่ ลับเดนิ ทางไปธรุ ะส่วนตวั โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต โทษตัดเงินเดือน - กรณไี ม่ยอมลงนามรับทราบคาสัง่ นดั ประชมุ และกล่าวว่า ถ้าเซน็ แลว้ ต้องมาประชมุ กไ็ ม่เซน็ วันรุ่งข้นึ มคี าสั่งนัดประชุมให้ลงนามอกี แตก่ ย็ งั ปฏิเสธไมย่ อมลงนามอีก โทษภาคทัณฑ์ - กรณมี าเซ็นชือ่ อยู่เวรในเวลา 21.00 น. และมาเซ็นเวลากลบั ประมาณ 06.00 น. จรงิ แต่อยเู่ วร ประมาณ 1 ชว่ั โมงเศษ ก็กลับไปนอนทบี่ า้ นพักในวิทยาลยั โดยอ้างว่าตนไม่สบาย ประกอบกับ อากาศหนาวมากจึงไมไ่ ด้อยู่เวรตลอดตามคาสัง่ โทษภาคทัณฑ์
ตวั อย่าง นาย ก. ครูคอมพวิ เตอรไ์ ด้รับคาส่งั จากผูบ้ งั คับบญั ชาให้ไปเข้าร่วมอบรมคอมพิวเตอร์ ที่สานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษา จานวน 3 วัน แต่ นาย ก. ไม่เดนิ ทางไปอบรม แต่กลับเดนิ ทางไป ทัศนศึกษากบั สหกรณ์ออมทรพั ย์ครู เปน็ การขดั คาสัง่ ของผบู้ ังคับบญั ชา และละทง้ิ หน้าที่ราชการ เปน็ ความผิดวนิ ยั ไมร่ า้ ยแรง ตามมาตรา 86 วรรคหน่ึง และมาตรา 87 วรรคหนงึ่ แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 (โทษตดั เงินเดอื น 5 % เปน็ เวลาหนึ่งเดือน)**
กรณสี ่ังการด้วยวาจา / ไลน์ คาพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. 598/2557 ฟอ้ งคดไี ม่ไดโ้ ต้แยง้ หรอื ร้องขอใหม้ ีการยนื ยนั คาส่งั เปลย่ี นแปลงผคู้ วบคมุ งานและกรรมการตรวจการจา้ งเป็นหนงั สือ จะถอื ว่าผฟู้ อ้ งคดียงั คงมีเจตนาทจี่ ะผูกพันในหนา้ ท่ดี ังกลา่ วหรือไม่ ศาลปกครองสูงสดุ วนิ จิ ฉัยวา่ สทิ ธิในการรอ้ งขอให้ เจ้าหนา้ ท่อี อกคาส่งั ยืนยนั เปน็ หนงั สือ เปน็ สิทธขิ องผู้รับคาส่งั ซึง่ หากตอ้ งการให้คาส่ังด้วยวาจามกี ารยนื ยนั เป็นหนังสอื กม็ ีสิทธริ อ้ งขอตอ่ ผูอ้ อกคาสัง่ ได้ แต่การไมใ่ ชส้ ิทธริ ้องขอไมม่ ผี ลทาใหค้ าส่งั ดว้ ยวาจาสน้ิ ผลไป และการที่ผถู้ ูกฟ้องคดที ี่ 1 มคี าสั่งดว้ ยวาจาเปล่ียนแปลงผูค้ วบคมุ งานและกรรมการตรวจการจ้างแล้ว คาสัง่ ดังกล่าวย่อมมผี ลเป็นการเพกิ ถอน คาสงั่ แต่งตง้ั เดมิ การที่ผถู้ กู ฟอ้ งคดีที่ 3 มคี าสง่ั ด้วยวาจาใหผ้ ู้ถูกฟอ้ งคดที ่ี 1 ปรบั เปลีย่ นเจ้าหนา้ ท่ผี ้คู วบคุมงานและ กรรมการตรวจการจ้าง ย่อมมเี จตนาท่จี ะไม่ใหผ้ ู้ฟอ้ งคดีเป็นผ้คู วบคมุ งานและกรรมการตรวจการจา้ งประกอบกับในใบ ตรวจรบั การจ้างเหมาทงั้ หมดไมม่ ชี ่ือของผฟู้ ้องคดเี ปน็ ผลู้ งนามในฐานะกรรมการตรวจการจา้ งในทุกงวดงาน แต่ปรากฏ ช่ือของผูถ้ กู ฟ้องคดที ่ี 2 และกรรมการตรวจการจ้างคนอื่น อีกทงั้ ผู้ถูกฟ้องคดที ี่ 3 ให้การยอมรับว่ามีคาส่งั ดว้ ยวาจาใหผ้ ู้ ถกู ฟ้องคดที ่ี 2 เข้าทาหน้าทีผ่ คู้ วบคุมงานและกรรมการตรวจการจา้ ง และผฟู้ อ้ งคดไี มเ่ คยเข้าร่วมเป็นกรรมการตรวจ การจา้ งในทกุ งวดงาน ดังนนั้ แมจ้ ะไมม่ คี าส่ังเพกิ ถอนคาสง่ั แตง่ ตัง้ ผู้ฟอ้ งคดี แตค่ าสง่ั ดว้ ยวาจาให้ผู้ถกู ฟ้องคดีท่ี 2 ทา หน้าที่ดงั กล่าวแทนไดม้ กี ารปฏิบัติตามตลอดมา จึงรับฟงั ได้ว่าผู้ฟอ้ งคดมี ไิ ดป้ ฏบิ ัติหน้าท่คี วบคมุ งานและกรรมการ ตรวจการจ้างต้ังแต่ต้น ผ้ฟู อ้ งคดีจึงไมม่ สี ว่ นตอ้ งรบั ผิดใด ๆ ในความเสียหายท่เี กิดขน้ึ
กรณสี ั่งราชการในวันหยุด/ออกหนังสือในวันหยดุ คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยตอบขอ้ หารือไว้ดังนี้ ตามพระราชบัญญัติระเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2497 บญั ญัติใหข้ ้าราชการต้องอุทศิ เวลาทัง้ หมดใหแ้ ก่ ราชการ ฉะน้นั หากผู้มอี านาจในการสงั่ ราชการตามกฎหมาย มกี ารส่งั ราชการนอกเวลาราชการ หรือในสถานที่ซงึ่ มใิ ช่ สถานทท่ี างาน ผู้ใต้บังคบั บญั ชากจ็ ะต้องปฏบิ ัติตามคาสงั่ ดงั กล่าวเสมือนกับเป็นการสั่งราชการในเวลาราชการ ฉะน้นั หากผมู้ ีอานาจส่งั ราชการตามกฎหมายจะมคี าสั่งราชการนอกเวลาราชการ หรือในสถานท่ซี งึ่ มใิ ชส่ ถานทที่ างาน คาสั่ง ราชการนั้นจึงเปน็ คาสัง่ ทีช่ อบ ไมเ่ ป็นโมฆะ การออกหนงั สือในวนั หยดุ ระเบยี บสานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 มไิ ดก้ าหนดห้ามมิให้ออกเลขท่หี นังสอื /คาส่ังในวนั หยดุ ราชการ หากเป็นกรณีเรง่ ดว่ นและมคี วามจาเปน็ รวมท้งั ได้มีการออกคาสงั่ ใหม้ เี จ้าหน้าทีธ่ รุ การ (ผ้รู บั ผดิ ชอบ) มาปฏบิ ตั ริ าชการในวนั ดังกลา่ วดว้ ยแลว้ ก็อาจ กระทาได้
กรณปี ระพฤตชิ วั่ อืน่ ๆ เบิกเงินคา่ เบ้ียเลี้ยง คา่ พาหนะเดนิ ทางเทจ็ สานักงาน ก.พ. ไดม้ ีหนงั สือ ท่ี สร 0905/ว 6 ลงวนั ท่ี 28 พฤษภาคม 2511 กาหนดแนวทาง ในการพจิ ารณาโทษขา้ ราชการท่ีกระทาผิดวินยั กรณีทุจรติ เบกิ เงินคา่ เบ้ยี เลย้ี ง คา่ พาหนะเดนิ ทางและเงนิ อนื่ ๆ ในทานองเดยี วกันเปน็ เทจ็ วา่ ควรพจิ ารณาลงโทษสถานหนกั ทานองเดียวกันกับการทจุ รติ ตอ่ หนา้ ทรี่ าชการ - ทจุ รติ เบิกเงนิ คา่ เบี้ยเล้ียง ค่าทพ่ี กั คา่ พาหนะในการเดนิ ทางไปราชการ โทษไล่ออก - ทจุ ริตในการเบิกค่าเช่าบา้ น โทษไล่ออก - ทจุ รติ ในการเบิกค่ารกั ษาพยาบาล โทษไลอ่ อก
Search