เอกสาร ประกอบการเรียนการสอน กนาวรตั เกกษรรตมรรหัสวชิ า ง21262 2ครูโรงเรียนมธั ยมตากสินระยอง ครูโรงเรยี นมัธยมตากสนิ ระยอง ครโู รงเรยี นมัธยมตากสินระยอง เอกสารประกอบการเรยี นการสอน นายอดิศักดิ์ พวงบานเยน็นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็ รายวชิ านวัตกรรมการเกษตรเ2รียรหบสั เวริชยี างงโ2ด1ย262 ครูโรงเรยี นมัธยมตากสนิ ระยอง
คำนำ หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม นวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 เล่มนี้ ได้เรียบเรียงขึ้นสำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยยึดจากคำอธิบายรายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 และสิ่งรอบตัวที่มี การเปลยี่ นแปลง และเพมิ่ ทักษะการเรียนผ่านระบบออนไลน์เพ่ือให้นักเรียนเกดิ ความสนใจมากยง่ิ ขึ้น เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 5 หน่วยการเรียนรู้ ประกอบด้วย ศัตรูพืชและการป้องกันกำจัด กระบวนการผลิตพืช ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ วัสดุเหลือใช้และผลพลอยได้ทางการเกษตร และ การเกษตรและนวตั กรรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม นวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 เล่มนี้ จะอำนวยความสะดวก และประโยชน์ต่อนักเรียน ผู้สนใจ ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ เพื่อให้ได้พัฒนา เต็มตามศักยภาพ และบรรลุตามเปา้ หมายของหลกั สูตรต่อไป นายอดิศักดิ์ พวงบานเยน็ ครโู รงเรยี นมัธยมตากสินระยอง เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น
สารบัญ หน้า 1 เรอ่ื ง 1 บทท่ี 1 ศตั รพู ืชและการป้องกนั กำจดั 3 4 โรคพชื 11 แมลงศัตรูพืช 13 วชั พชื และสตั วต์ ่าง ๆ ทเ่ี ป็นศัตรูพชื 13 การปอ้ งกันและกำจัดศตั รูพชื 15 บทที่ 2 กระบวนการผลิตพืช 20 หลกั การคดั เลือกเมล็ดพันธุ์ 24 การปลกู พชื ผกั 28 การปลูกไมด้ อก 28 การเก็บเกย่ี วและการเพ่ิมมูลค่า 31 บทท่ี 3 ความร้ทู ว่ั ไปเกีย่ วกบั การเลย้ี งสตั ว์ 35 ความหมายความสำคญั ของการเล้ียงสตั ว์ 40 ประเภทสตั วเ์ ล้ยี งทส่ี ำคญั ในประเทศไทย 46 ปัจจัยทส่ี ำคัญต่อการเลีย้ งสัตว์ 46 ระบบโรงเรือนและอุปกรณก์ ารเลย้ี งสัตว์ 50 บทท่ี 4 วสั ดุเหลือใช้และผลพลอยได้ทางการเกษตร 54 วัสดเุ หลอื ใช้และผลพลอยได้ทางการเกษตร 54 ปยุ๋ ชีวภาพ 60 บทท่ี 5 การเกษตรและนวัตกรรม 63 เทคโนโลยกี ารปลกู พชื โดยไมใ่ ช้ดิน 67 เกษตรกรรมในเมือง การจดั การฟาร์มอัจฉริยะ เอกสารอ้างองิ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเย็น
ไปเรยี นกนั เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. หน่วยที่ 1 1 ศตั รูพืชและการป้องกันกำจัด ๑. โรคพืช ๒. แมลงศัตรพู ชื 3. วชั พชื และสัตวต์ า่ ง ๆ ทเ่ี ป็นศัตรพู ชื 4. การป้องกนั และกำจัดศตั รูพืช 1. โรคพชื โรคพืชสามมารถบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. โรคพืชท่เี กดิ จากสิง่ มชี ีวติ โรคพืชที่เกิดจากส่ิงมชี ีวิต สิ่งมชี วี ติ ทเ่ี ปน็ สาเหตุของโรค มีดงั นี้ - เชื้อรา เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ สามารถเข้าทำลายพืช เช่น ทำให้ใบพืชเป็นจุด ใบเหี่ยว ใบไหม้ รากและผล เนา่ เช้ือราสามารถแพรก่ ระจายไดโ้ ดยใชส้ ปอร์ ซงึ่ มี ลม นำ้ และสง่ิ มีชวี ิตอน่ื ๆ เป็นตัวพาไป - แบคทีเรีย เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เมื่อเชื้อแบคทีเรียเข้าทำลายพืชจะทำให้พืชเกิดอาการเหี่ยวเฉาตาย เช่น โรคเหีย่ วของมะเขือเทศ หรือมอี าการเน่า เช่น โรคเนา่ ดำของพชื ผกั เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็
2 ต.ส.ร. - ไวรัส เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กที่สุด เชื้อไวรัสทำให้ใบพืชม้วน ใบมีสีเขียวผิดปกติไปและเป็นปุ่มปม เช่น โรคใบหดของยาสูบ - ไส้เดือนฝอย เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมาก อาการของโรคที่เกิดจากไส้เดือนฝอย คือ พืชแคระแกร็น เหี่ยวเฉา ถา้ ถอนรากขน้ึ มาจะมอี าการรากปม เพราะไส้เดอื นฝอยจะเข้าไปเจาะดดู นำ้ และ อาศยั อยูบ่ รเิ วรรากพืช 2. โรคพืชที่เกิดจากส่ิงไม่มีชีวิต สิ่งไม่มีชีวติ ทีส่ ามารถทำใหพ้ ืชแสดงอาการเป็นโรคได้ คือสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตน้ พืช ซ่งึ สามารถแบง่ ออกได้ ดงั น้ี - สภาพของดิน โครงสร้างของดิน เช่น ดินเหนียวเกินไป พืชจะแสดงอาการผิดปกติความเป็นกรด-ด่าง ของดนิ รวมถงึ ธาตอุ าหารพชื ทมี่ อี ยู่ในดิน ถา้ มนี อ้ ยพชื แสดงอาการเปน็ โรคไดเ้ ชน่ กัน - สภาพแสงแดดและอากาศ ถ้าแสงแดดไม่เหมาะสมกับพืชชนิดน้ัน ๆ พืชจะแสดงอาการเป็นโรคได้ เชน่ พชื ที่ต้องการแสงแดดน้อย ชอบท่ีร่ม ถ้านำไปปลกู กลางแจง้ พชื จะแสดงอาการ เห่ียวเฉา ใบไหม้ และอาจตาย ได้ นอกจากนี้ยงั รวมถึงอณุ หภมู ิ ความช้นื ในอากาศ ล้วนเปน็ สาเหตทุ ำให้พชื เกิดโรคได้ - มลพิษที่เกิดจากสารเคมีบางชนิด มลพิษทั้งทางอากาศและ มลพิษทั้งทางอากาศและมลพิษทางน้ำ ซ่ึงเกิดจากการปล่อยสารเคมี จากโรงงานอุตสาหกรรม การใช้ยาฆ่าแมลงและศัตรูพชื ผดิ วธิ ี ทำให้พืช แสดงอาการผดิ ปกติและเป็นโรคได้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 2. แมลงศัตรูพชื 3 แมลง เป็นสตั ว์ที่มจี ำนวนมากท่สี ดุ ในโลก มีทงั้ ให้คุณประโยชน์และโทษตอ่ มนุษย์ แมลงที่เป็นศัตรูของพืช จะทำลายตน้ พืช ซึ่งสามารถแบง่ ออกได้เป็นหลายประเภท ดงั นี้ - แมลงจำพวกกัดกินใบ ได้แก่ หนอนผีเสื้อ ตั๊กแตน ด้วงปีกแข็ง แมลงพวกนี้มีปากแบบกัดกิน สามารถ กัดกินใบทั้งหมด หรือกัดกินเฉพาะตัวใบแล้วเหลือเส้นใบไว้ ทำให้พืชขาดส่วนสังเคราะห์แสง หรือขาดที่สะสม อาหาร หรือขาดยอดอ่อนสำหรบั การเจริญเตบิ โตต่อไป - แมลงจำพวกดดู กินน้ำเล้ยี ง ไดแ้ ก่ เพลย้ี อ่อน เพลย้ี กระโดด เพลีย้ จ๊ักจั่น และมวนต่าง ๆ แมลงจำพวกนี้ สามารถแทงและดูดนำ้ เล้ยี งจากใบ ยอดออ่ น ก่งิ ลำตน้ ดอก หรอื ผล ทำใหส้ ว่ นตา่ ง ๆ ของพืชท่ีถูกดูดกินน้ำเล้ียง มรี อยไหม้ ใบมว้ นเหี่ยว ไมเ่ จริญเติบโต หรือแคระแกร็น และนอกจากน้ีแมลงจำพวกน้ียงั เปน็ สาเหตสุ ำคัญของการ ถา่ ยทอดและแพร่กระจายโรคพืชทมี่ ีเช้ือไวรัสเปน็ สาเหตุอีกด้วย - แมลงจำพวกหนอนชอนใบ ได้แก่ หนอนผีเสื้อ หนอนแมลงวันบางชนิด แมลงจำพวกนี้มักมีขนาดเล็ก กัดกินเน้อื เย่ืออยู่ระหวา่ งผิวใบพชื ทำใหพ้ ืชขาดสว่ นสงั เคราะห์แสงหรือขาดสว่ นสะสมอาหาร เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็
4 ต.ส.ร. - แมลงจำพวกหนอนเจาะลำต้น ได้แก่ หนอนด้วง หนอนผีเสื้อ และปลวก แมลงจำพวกนี้มักวางไข่ตาม ใบหรือเปลือกไม้ เมื่อไข่ฟักออกเป็นตัวหนอนก็จะชอนไชเข้าไปอยู่ในกิ่ง ลำต้น หรือผล ทำให้ต้นพืชขาดน้ำและ อาหารแลว้ แห้งตายไป หรอื ทำให้ผลไม้เน่า หล่น เสียหาย - แมลงจำพวกกัดกินราก ได้แก่ ด้วงดีด จิ้งหรีด แมลงกระชอน ด้วงดิน ด้วงงวง แมลงจำพวกนี้มีปาก แบบกัดกิน มักมีชีวิตหรือวางไข่ตามพื้นดิน ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะเข้าทำลายรากพืช ทั้งทำให้พืชยืนต้นแห้งตาย เน่อื งจากขาดน้ำและอาหาร - แมลงจำพวกท่ีทำให้เกิดปุ่มปม ได้แก่ ต่อ แตน และเพลี้ย แมลงจำพวกนี้เมื่อกัดกิน ดูดน้ำเลี้ยงหรือ วางไข่บนพืชแล้ว มักจะปลดปล่อยสารบางชนิดลงบนพืช ทำให้เกิดอาการปุ่มปมผิดปกติบนส่วนต่าง ๆ ของพืช เชน่ ดอก ใบ ยอดอ่อน ราก และลำตน้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 3. วัชพืช 5 วัชพืช หมายถึง พืชที่ขึ้นผิดที่หรือเจริญเติบโตในที่ที่ไม่ต้องการ ซึ่งจะคอยแย่งน้ำและธาตุอาหารจากพืช ทป่ี ลกู วัชพืชเปน็ พืชท่ีมคี วามทนทานต่อโรค แมลง ความแหง้ แลง้ และยังสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว วัชพชื ก่อปัญหาต่าง ๆ ให้แก่การกสกิ รรมดงั นี้ - เป็นตัวแก่งแย่งปัจจัยการเจริญเติบโต เช่น ธาตุอาหาร แสงแดด น้ำ ทำให้ต้นพืชปลกู เจริญเติบโตลดลง และทำใหผ้ ลผลิตลดลง - วัชพืชทำใหค้ ุณภาพของผลผลติ ลดลง โดยการปะปนเขา้ ไปกบั ผลผลติ ที่เกบ็ เกย่ี ว - เป็นพืชอาศัย ของโรคพืช หรือแมลงศัตรู ในขณะท่ียังไม่มีการปลูกพชื ทำใหเ้ ชื้อสาเหตุโรคพืชหรือแมลง ศัตรูพืชสามารถดำรงชีวิตได้ครบวงจร และสามารถดำรงพันธุ์อยูไ่ ด้ในพื้นที่นัน้ ๆ ดังนั้นเมื่อถึงฤดูการปลูกพืชแล้ว ศัตรูพืชเหล่าน้จี ะระบาดทำความเสยี หายแกพ่ ชื ปลูกอยา่ งรวดเรว็ การจัดจำแนกชนดิ ของวชั พืชตามลักษณะรปู รา่ งของใบ - วชั พืชใบแคบ เช่น กก หญ้า - วชั พืชใบกวา้ ง เช่น สาบเรือ ผักโขม เปน็ ตน้ หรืออาจจะแบง่ ตามสภาพท่ีพืชเจรญิ เติบโต • วัชพืชบก วัชพืชที่ขึ้นตามพืน้ ดนิ ไร่ สวน ทางการเกษตร หรือที่รกร้างว่างเปล่า โดยมากไม่ทนต่อสภาพ ชน้ื แฉะและนำ้ ท่วมขัง เชน่ หญ้าคา ผักบงุ้ หญา้ ตนี นก บานไม่รูโ้ รยปา่ • วัชพืชน้ำ วชั พืชท่ีข้ึนอยใู่ นน้ำหรอื พ้นื ทท่ี ี่มีนำ้ ทว่ มขัง ลำคลอง หนองบงึ อ่างเกบ็ น้ำ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเยน็
6 ต.ส.ร. การเกบ็ และรักษาตวั อย่างพันธ์ุไม้ ทำได้ 3 วิธี คือ 1. การอัดแหง้ โดยการอดั พนั ธ์ุไม้แล้วอบหรือผึ่งให้แห้ง แลว้ นำไปติดบนกระดาษสำหรับติดตัวอย่างพันธ์ุ ไม้ เปน็ วิธีทน่ี ยิ มกนั มาก 2. การทำแห้งเฉพาะส่วน เป็นการเก็บตัวอย่างส่วนต่าง ๆ ของพืชมาอบหรือผึ่งให้แห้ง โดยไม่อัดในแผง อัดพันธุ์ไม้ ที่นิยมทำเปน็ ตวั อยา่ งแห้งเฉพาะสว่ น ได้แก่ ผลและเมล็ด 3. การดอง มักใชก้ บั พืชบางกลมุ่ ทม่ี ปี ัญหาในการทำตวั อยา่ งแหง้ เชน่ พวกไม้น้ำ พชื ทมี่ ีตน้ และใบอวบน้ำ พวกท่มี ีดอกบอบบาง หรอื ตวั อย่างผลสด (ผลมีเนอื้ ) เปน็ ต้น นอกจากน้ีตวั อยา่ งพันธไุ์ ม้ท่ตี ้องการจะต้ังแสดง หรอื ประกอบการสอน ก็อาจเก็บรักษาดว้ ยการดอง อุปกรณส์ ำหรบั เกบ็ ตัวอยา่ งพันธไุ์ ม้ 1. แผงอัดพันธุ์ไม้ มีลักษณะเป็นแผ่นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองอันประกบกัน ขนาดกว้างยาวประมาณ 30 ซม. x 45 ซม. วัสดุท่ใี ช้อาจจะเปน็ ไม้หรอื โลหะ ขึน้ อยกู่ ับความสะดวก แตค่ วรจะมนี ำ้ หนักเบา 2. เชือกสำหรับผูกแผง แผงอัดพันธุ์ไม้จะต้องมีเชอื กมัดสองเส้นเพือ่ อัดพันธุ์ไม้ให้เรยี บ ไม่หงิกงอเมื่อแห้ง เชอื กควรใชเ้ ชอื กแบน ๆ เชือกผูกนใี้ ชเ้ ข็มขดั ผา้ ใบ หรอื เขม็ ขดั หนังแทนกไ็ ด้ 3. กรรไกรตดั กิ่ง กรรไกรชกั หรือขวาน มดี พับ พลั่ว หรอื เสยี ม กรรไกรชักหรือขวานสำหรับตัดก่ิงไม้ที่อยู่ สูง ๆ เป็นท่อน ๆ แล้วใชก้ รรไกรตัดกิง่ ตัดตกแต่งใหไ้ ด้ขนาดพอดีก่อนที่จะอัดแผง มีดพับใช้แซะพืชที่เกาะอยู่ตาม กิ่งไม้หรอื ก้อนหนิ พล่วั หรือเสยี มสำหรบั ใชข้ ดุ พันธ์ไุ ม้ทีจ่ ำเป็นต้องใชร้ ากหรือสว่ นของตน้ ที่อยใู่ ต้ดิน 4. ถุงพลาสติกและยางสำหรับรัดปากถุง ถุงพลาสติกใช้สำหรับใส่พันธุ์ไม้ที่ตัดเป็นกิ่งเล็ก ๆ แล้วระหว่าง ทางทเ่ี ดินเกบ็ ซงึ่ จะป้องกันพนั ธุ์ไม้เหี่ยวแห้งกอ่ นอัดในแผงไดเ้ ป็นอยา่ งดี 5. กระดาษอัดพันธุ์ไม้ นิยมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ 1 คู่ พับครึ่งตามขวางสำหรับอัดพันธุ์ไม้ 1 ช้ิน คั่นกลางด้วยกระดาษลุกฟูกแข็งซึ่งมีร่องตามขวาง กระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยซับน้ำจากพันธุ์ไม้ ส่วนกระดาษ ลูกฟูกแข็งจะช่วยทำให้พันธุ์ไมเ้ รียบเสมอกนั และชว่ ยระบายความช้ืนออกทางรอ่ งของลกู ฟูกด้วย เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเยน็
7 ต.ส.ร. 6. ป้ายกระดาษสำหรบั ผูกพนั ธไ์ุ ม้ ขนาดกว้างยาวประมาณ 2 ซม. x 3 ซม. ปลายข้างหน่ึงเจาะรรู ้อยดา้ ย ทำเป็น 2 ทบ ยาวประมาณ 10 ซม. ใช้สำหรับผูกและเขียนหมายเลขของพันธุ์ไม้ให้ตรงกับหมายเลขของสมุด บันทึก 7. สมุดบันทึก ใช้สำหรับจดข้อความต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ ได้แก่ วัน เดือน ปีที่เก็บ ลักษณะวิสัย ถิ่นอาศัย สถานที่เก็บตัวอย่าง ชื่อพื้นเมือง ระดับความสูง และลักษณะเด่นของพันธุ์ไม้ที่อาจจะเปลี่ยนแปลง หรือไม่สามารถสังเกตไดจ้ ากตัวอยา่ งพนั ธุ์ไม้แห้ง เช่น การมียางสขี องดอกและผล กลิ่นของใบ ดอก ผล รสของผล ลกั ษณะของเปลือกไม้ เป็นต้น สมุดบันทึกควรมีขนาดทีส่ ามารถพกตดิ ตวั ได้งา่ ย 8. ดินสอดำ ใช้จดบันทึกข้อความในสมุดบันทึก และเขียนหมายเลขบนป้ายกระดาษ ไม่นิยมใช้ปากกา เพราะตัวหนังสืออาจจะเลอะเลอื นไดง้ า่ ย 9. เครื่องวัดระดับความสูง (altimeter) ใช้สำหรับวัดดูว่าพันธุ์ไม้ที่เก็บขึ้นอยู่ในพื้นที่ ที่สูงจาก ระดบั น้ำทะเลเท่าไร ความสงู อาจเป็นฟุตหรือเมตรขึ้นอยกู่ บั มาตราของเคร่ืองวดั 10. กล้องถ่ายรูป ควรเป็นกล้องที่สามารถติดเลนสถ์ ่ายใกล้ ใช้สำหรับถ่ายภาพลักษณะพันธุ์ไม้ ถิ่นอาศัย ฯลฯ 11. ขวดดองตวั อยา่ ง ขวดแก้วหรือขวดพลาสติกใสมฝี าปดิ ขนาดต่าง ๆ 12. เอทานอล (เอทิลแอลกอฮอล)์ 70% ใช้สำหรับดองตัวอยา่ ง 13. อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ควรมีติดตัว เช่น เทปวัดระยะ แว่นขยาย (กำลังขยาย 10-20 เท่า) และกล้องส่อง ทางไกล หลักและวิธกี ารเกบ็ ตัวอยา่ งพันธ์ุไม้ การอัดพรรณไม้แห้ง การอัดพรรณไม้แห้งควรทำทันทีทเี่ ก็บตวั อย่างพืชมา ไมค่ วรทิ้งไวน้ านหรือถ้ามีความ จำเป็นต้องเก็บตัวอย่างไว้ก่อนให้พรมน้ำแล้วใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่น จะสามารถเก็บได้นานประมาณ 1 - 2 วนั พรรณไมท้ ี่นำมาอัดแห้งควรมตี ั้งแต่ 2 - 6 ชนิ้ เพือ่ ปอ้ งกันการเสียหายหรือสูญหายหรือเพ่ือให้ผู้ที่สนใจ ต้องการนำไปเปน็ ตัวอย่าง เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็
8 ต.ส.ร. - กลุม่ พืชทมี่ ีใบยาว เช่น กก หญา้ ให้พบั ใบเปน็ รปู ตวั V N W หรอื M เพื่อให้พอเหมาะกับขนาดของกระดาษ อดั พรรณไม้ - พรรณไม้ที่มขี นาดใหญ่มาก ไม่สามารถท่จี ะอัดได้ให้แยกส่วน เพอ่ื ให้สะดวกตอ่ การอัด - พรรณไม้ที่มีใบและดอกบาง เช่น ชบา ให้ใช้กระดาษไขรองทั้งด้านบนและล่างเพื่อกันไม่ให้กลีบดอกตดิ กบั กระดาษหนังสือพมิ พ์ ซงึ่ จะฉีกขาดไดง้ า่ ยเมื่อเปลยี่ นหรือนำออกมาจากกระดาษ - พรรณไมท้ ี่มใี บและดอกหนา มกั ขนึ้ ราไดง้ ่ายควรใช้กระดาษบาง ๆ ซับรองทง้ั ด้านบนและลา่ ง และก่อนท่ี จะอัดควรจุม่ ลงในแอลกอฮอล์ 70-90 % หรอื ฟอรม์ าลนิ เพือ่ ฆา่ เซลล์และจะทำใหพ้ รรณไม้แห้งได้เรว็ ข้ึน - พรรณไม้นำ้ ส่วนมากมีเน้อื บางและอ่อน จัดบนแผน่ กระดาษได้ยาก จงึ ควรนำพรรณไมน้ ้ำลงให้ถาดท่ีใส่ น้ำ สอดกระดาษไวใ้ ต้พรรณไมแ้ ลว้ เข่ียพรรณไม้นำ้ จัดรปู ทรงให้เป็นธรรมชาติ ตามต้องการ แล้วค่อย ๆ ยกกระดาษ ขนึ้ จากถาด พักไว้ให้หมาดน้ำแลว้ จึงนำไปอัดแห้ง วธิ ีอบพรรณไมแ้ ห้ง - ผ่งึ แดด - อบด้วยความร้อน โดยทำกล่องอบด้วยไม้ กระจก หรือ สังกะสี ใช้ความร้อนจากหลอดไฟฟ้า 80 วัตต์ หรือ 100 วัตต์ วิธอี าบนำ้ ยาพรรณไม้ พรรณไม้ที่อบแหง้ สนทิ แลว้ ตอ้ งอาบน้ำยากันแมลง นำ้ ยาที่ใชม้ ีส่วนผสมดังน้ี - เอทธลิ แอลกอฮอล์ 95% 5 ลิตร - เมอร์ครู ิค คลอไรด์ 75 กรัม - ฟนี อล 20 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร - แอลกอฮอล์ 1 ลติ ร - เมอร์คูริค คลอไรด์ 28 กรัม วิธตี ดิ พันธไ์ุ ม้บนกระดาษตดิ พันธุไ์ ม้ พันธุ์ไม้ที่แห้งสนิทดีแล้ว นำมาติดบนกระดาษสีขาว ขนาดกว้างยาวประมาณ ๓๐ ซม. x ๔๒ ซม. ชนิด ๓๐๐ กรมั เพือ่ ชว่ ยให้กิง่ พนั ธ์ุไม้ตัวอย่างไม่เปราะหกั งา่ ยเวลานำตวั อย่างพันธไ์ุ ม้ออกจากตู้มาศึกษา การติดพันธุ์ไม้ มีวธิ งี ่ายๆ ดังนี้ ๑. ใช้แปรงจุ่มกาว ทาลงบนกระจกเรียบขนาดประมาณ ๓๐ ซม. x ๔๕ ซม.โดยทาบาง ๆ ให้พอดีกับ ขนาดของพันธ์ุไมท้ จ่ี ะติด เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็
9 ต.ส.ร. ๒. ใชป้ ากคบี วางพันธไุ์ มด้ ้านทีจ่ ะตดิ กระดาษใหแ้ ตะกาวบนกระจก กดใหต้ ิดกาวจนท่วั ๓. นำกลับมาวางบนกระดาษติดพันธุ์ไม้ กะให้วางตรงกลางค่อนไปทางขวา ให้เหลือที่มุมซ้ายสำหรับติด ป้ายบันทกึ ขอ้ มลู ๔. ใชก้ ระดาษฟางหรือกระดาษหนงั สอื พิมพป์ ทู ับ แลว้ จึงใชถ้ ุงทรายวางทับอีกทีใหเ้ รยี บเสมอกนั ๕. เมื่อกาวแห้งดีแล้ว เย็บพันธุ์ไม้ให้ติดกับกระดาษ โดยใช้ด้ายสีขาวที่มีความเหนียว เย็บเริ่มจากโคนก่ิง หรือโคนตน้ แล้วโยงไปตามสว่ นตา่ ง ๆ ใหม้ ั่นคงและดสู วยงาม หรือจะใช้แถบกาวผา้ ปดิ ทบั ไวเ้ ปน็ ระยะ ๆ กไ็ ด้ ๖. ปิดป้ายบันทึกข้อมูลซึ่งจะต้องเขียนรายละเอียดต่าง ๆ ที่ลอกมาจากสมุดบันทึกข้อมูล ที่จะต้องเขียน เพม่ิ เติมคอื ชอ่ื ผ้เู กบ็ หมายเลขลำดับทเ่ี กบ็ ชือ่ วิทยาศาสตร์ และชอื่ ผตู้ รวจสอบหาชือ่ ของพันธุไ์ ม้ สัตว์ต่าง ๆ ท่เี ปน็ ศัตรูพชื สัตว์ที่เป็นศัตรูพืชที่ชอบกัดกินส่วนต่าง ๆ ของพืช ทำให้เกิดความเสียหายได้แก่ หนู นก ปูนา หอยเชอรี่ ค้างคาว เป็นต้น นก ได้แก่ นกกระจาบ นกกระจิบ เป็นต้น สัตว์จำพวกนี้จะทำลายผลผลติ ของเมล็ดธัญพืช และไม้ผลบาง ชนิด โดยการกัดกิน หรือดูดน้ำเลี้ยงจากผลและเมล็ด ทำให้ผลผลิตเสียหาย นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการหลุดร่วง หรือหักของผลไม้และรวงธัญพืช ส่วนมากแล้วสัตว์จำพวกน้ีจะระบาดและเข้าทำลายพืชในระยะที่ผลไม้เริ่มสกุ แก่ หรือเมลด็ ธญั พชื อยู่ในระยะน้ำนม จนถึงระยะสกุ แก่ หนู และ ค้างคาว จัดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีฟันแบบฟันแทะ หนูที่พบในประเทศไทย มี 24 ชนิด แยกเป็นพวกหนูหริ่ง หนูพุก และพวกหนูนาหรือหนูท้องขาว ซึ่งพวกหลังจัดว่าเป็นหนูที่ทำลายพืชผลหลายชนิด เชน่ ข้าว ขา้ วโพด ออ้ ย แตง ฝ้าย กลว้ ย ถว่ั ลสิ ง มนั เทศ พืชผัก มะพร้าว โกโก้ ปาลม์ น้ำมัน หนูสามารถทำลายพืช ผลได้เป็นปรมิ าณมากเนื่องจากมันสามารถขยายพันธุ์ได้อยา่ งรวดเรว็ ทำใหม้ ปี ระชากรหนูจำนวนมาก ประกอบกับ มีการทำลายศัตรูธรรมชาติของหนู เช่น งู พังพอน เหยี่ยว และนกเค้าแมว จึงทำให้เกิดการระบาดและทำลายของ หนูรวดเร็วมาก ในที่นาของประเทศไทยพบว่า หนูทำความเสียหายแก่ผลผลิตข้าวตั้งแต่ 5-100 เปอร์เซ็นต์ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 10 แม้แต่พืชผลที่เก็บรักษาในยุ้งฉางก็พบว่าถูกหนูทำลายเสียหายอยู่เสมอ นอกจากนี้หนูบางชนิดยังเป็นพาหนะ นำโรคกาฬโรคมาสู่คนได้อกี ดว้ ย ปู สร้างความเสียหายให้แก่การปลูกข้าวเปน็ อยา่ งมาก โดยปูจะเข้าหนีบกัดตน้ ข้าว ทำให้ต้นข้าวขาดลอย เริ่มตั้งแต่ระยะปักดำไปจนถึงระยะเริ่มออกรวง การทำลายของปูทำให้ไม่ได้รับผลผลิต และทำให้เสียเวลาปักดำ ใหม่ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 4. การป้องกันและกำจัดศัตรูพชื 11 การปอ้ งกันศัตรพู ืช มีหลกั การดังน้ี 1. คัดเลอื กพนั ธ์ทุ ี่ดมี าปลูก เชน่ เมลด็ พันธุ์ดี ต้านทานต่อโรคและแมลงพันธ์ทุ ี่แขง็ แรงไม่ติดโรค 2. บำรุงรักษาต้นพืชให้แข็งแรงสมบูรณ์ เช่น มีการใส่ปุ๋ย คอก ปุ๋ยหมัก ตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์แข็งแรงทิ้งทำให้พืชสมบูรณ์ แข็งแรงและสามารถตา้ นทานศัตรูพืชได้ 3. หมัน่ รกั ษาแปลงปลกู พชื ให้สะอาดไม่เป็นทีส่ ะสมของ เช้อื โรคหรือไข่ของแมลงต่าง ๆ การกำจดั ศตั รูพชื การกำจดั ศัตรูพืชมหี ลายวธิ ซี ึ่งสามารถแบง่ ออกไดเ้ ป็น 4 วิธี คอื 1. กำจดั โดยวิธีกล หมายถงึ การทำลายศัตรูพชื โดยวธิ ีการง่าย ๆ เปน็ วิธีกำจัดศตั รูพชื เบ้ืองตน้ คือ - ทำลายสว่ นของพืชท่เี ป็นโรคหรอื เป็นที่อยู่อาศยั ของศตั รูพืช เช่น ตัดแต่งกิ่งท่เี ป็นโรคนำไปทำลายโดย การฝงั หรอื เผาท้ิง - ทำลายไข่หรอื ตวั อ่อนของศัตรูพชื โดยใช้มือจับหรอื ใช้มีด จอบ เสียม - ใชไ้ ฟล่อให้แมลงมาเล่นไฟในเวลากลางคนื เพ่ือให้แมลงตกลงไปในอา่ งนำ้ ผสมน้ำมันเป็นการจบั ตัวเตม็ วยั ของแมลง 2. กำจัดโดยวธิ กี ารทางชวี ภาพ กำจัดโดยวิธีการทางชีวภาพ เป็นวิธีที่ให้สิ่งมีชีวิตกำจัดสิ่งมีชีวิตที่เป็นศัตรูพืช ได้แก่ ตัวเบียน ตัวห้ำ จุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ มาทำลายแมลงศัตรูพืช เช่น การนำตัวแตนเบียนไข่มากัดกินไข่ของผีเสือ้ ม้วนใบกลว้ ยก่อนท่ี ไข่ของผีเส้อื ม้วนใบกลว้ ยจะฟักตัวออกมาเปน็ หนอน เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 12 3. กำจัดโดยใช้พืชสมุนไพร กำจัดโดยใช้พืชสมุนไพร หมายถึง การนำส่วนต่าง ๆ ของพืชสมุนไพรมาสกัดโดยวิธี ต้ม หมัก ตากแห้ง เพื่อเอาส่วนที่เป็นน้ำ นำไปฉีดพ่นเปน็ ยากำจัดศัตรูพืช เช่น สะเดา นำเมล็ดมาป้องกันกำจัดหนอนเจาะ เพลี้ยอ่อน เพลีย้ กระโดดสนี ำ้ ตาล เป็นต้น 4. กำจดั โดยใช้สารเคมี กำจัดโดยใชส้ ารเคมีหมายถึงการใชส้ ารเคมีพ่นทำลายศัตรูพืชซ่ึงสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้ ยาฆ่าแมลง มีหลายชนิด คือ - ยาประเภทพน่ ถูกตัวตาย เชน่ โฟลดิ อล - ยาประเภทดูดซึมเข้าไปในต้นพืชเมื่อแมลงมากินพืชแมลงจะตายยาประเภทนี้เหมาะสำหรับไม้ ดอกไมป้ ระดับไมเ่ หมาะสำหรบั ใช้ในพชื ผกั ผลไม้ ยาฆา่ เชื้อแบคทีเรีย เช่น แอกริมยั ซิน ยาฆ่าเชื้อรา โรคที่เกิดจากเชื้อรา ได้แก่ โรคโคนเน่า โรคราน้ำค้าง ยาฆ่าเชื้อรา ได้แก่ ไซเน็บ มาเน็ บ แอนทราโคล ยาฆา่ ไสเ้ ดอื นฝอย ยาทีใ่ ช้กำจัดไสเ้ ดอื นฝอยสว่ นใหญอ่ ยู่ในรปู ของน้ำและแกส๊ เชน่ เนมาโตไซด์ ยาฆ่าวัชพืช ยาฆ่าวัชพืชมีหลายชนิด เฉพาะเจาะจงในการทำลาย คือ ยาฆ่าวัชพืช ใบกว้าง จะไม่ทำลาย พืชที่เป็นใบแคบ ดังนั้นต้องศึกษาชนิดของวัชพืชและชนิดของยาให้ดี มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อพืชที่ปลูกและ ฤทธ์ขิ องยายังมตี กคา้ งในดนิ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. หนว่ ยที่ 2 13 กระบวนการผลิตพชื ๑. หลกั การคดั เลือกเมลด็ พันธุ์ ๒. การปลูกพืชผัก 3. การปลกู ไมด้ อก 4. การเก็บเกย่ี วและการเพ่ิมมลู คา่ 1. หลักการคดั เลือกเมล็ดพนั ธ์ุ การคัดเลือกพันธุ์พืช หมายถึง วิธีการทำให้พืชมีลักษณะที่ดีเพื่อนําไปปลูกและขยายพันธุ์ ลักษณะดีของ พืชทเ่ี ปน็ ทีต่ อ้ งการ คอื - เจรญิ เตบิ โตเรว็ ดแู ลรกั ษางา่ ย - ให้ผลผลติ สูง - ผลผลิตมีคณุ ภาพดี - ตา้ นทานโรคและแมลง - ขยายพนั ธ์งุ า่ ย - ทนทานต่อสภาพแวดล้อม - เป็นทีต่ อ้ งการของตลาด หลกั การคดั เลือกพนั ธุ์ทด่ี ี ๑. เลือกพันธุ์พืชที่เหมาะกับท้องถิ่น ก่อนจะทำการปลูกพืช ควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลหรือสอบถามจาก หนว่ ยงานของกรมสง่ เสริมการเกษตรทม่ี ีอยู่ในท้องถ่ินนัน้ ๆ วา่ พืชชนิดใดสามารถปลกู ไดด้ ใี นพนื้ ที่และควรใช้พันธ์ุ ใดมาปลกู จึงจะเหมาะสมท่ีสุด เพราะทอ้ งถิ่นแต่ละแหง่ มีสภาพดนิ อากาศ และสง่ิ แวดล้อม ไม่เหมือนกนั 2. เลือกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงสุด ในปัจจุบันนักปรับปรุงพันธุ์พืชได้ทดลองและปรับปรุงพืชแต่ละชนิด ให้มีหลายพันธ์แุ ละให้ผลผลิตสงู มคี ุณภาพดี ซงึ่ ถา้ ในพนื้ ที่เพาะปลกู สามารถปลูกพืชชนิดเดยี วกนั ได้หลายสายพันธุ์ ควรพิจารณาเลอื กพนั ธพ์ุ ชื ทส่ี ามารถให้ผลตอบแทนต่อหน่วยการปลกู สงู สุด เพราะจะทำกำไร ให้ได้มากทส่ี ุด 3. เลือกพันธุ์ที่มีความทนทานต่อการทำลายของศัตรูพืช การปลูกพืชในปัจจุบันมักจะพบปัญหาการ ระบาดของศัตรูพืชทำให้เกษตรกรต้องใช้ สารเคมี ซ่ึงมผี ลกระทบต่อผู้บริโภคและสง่ิ แวดล้อม พันธุ์พืชแต่ละพันธุ์ก็ มคี วามทนทานตอ่ ศัตรูพืช ไมเ่ ทา่ กนั ดังน้ันกอ่ นปลกู พืชจงึ ควรศึกษาเก่ียวกับการระบาดของศัตรูพชื จากสำนักงาน เกษตรในท้องถิ่น และปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกพันธุ์พืชที่มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชมาปลูก เพ่อื ลดการใชส้ ารเคมี และลดตน้ ทุนการผลิตพืชไดอ้ ีกด้วย เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 14 4. เลือกพันธุ์ทต่ี รงตามความต้องการของตลาด ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคเป็นปจั จัยสำคัญอย่างหน่ึงใน การกำหนดราคาสินค้าการเกษตร ถ้าปลูกพืชพันธุ์ที่ตรงต่อความต้องการของตลาดผู้บริโภค เช่น ทุเรียนพันธ์ุ หมอนทอง มะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ ข้าวหอมมะลิ ก็จะทำให้ขายผลผลิตได้ง่ายและได้ราคาดี เพราะเป็นที่นิยม และยังสามารถ ส่งเปน็ สินคา้ ออกไปตา่ งประเทศไดอ้ ีกดว้ ย 5. เลือกพันธุ์ที่มีลักษณะตรงตามสายพันธ์ุ ก่อนตัดสินใจเลือกปลูกพืชควรศึกษาสายพันธุ์พืชแต่ละชนิด ให้แน่ใจเสียก่อน เนื่องจากพืชแต่ละชนิดจะมีเอกลักษณ์ หรือคุณสมบัติพิเศษเฉพาะของแต่ละพันธุ์ เช่น สี กล่ิน รูปร่างของผล รสชาติ ขนาดของเมล็ด เป็นต้น การเลือกพืชให้มีลักษณะตรงตามพันธุ์มาปลูก ผลผลิตที่ได้จะมี ลักษณะตามที่ต้องการเหมอื นกับต้นพ่อตน้ แม่ หรือซอื้ พนั ธจ์ุ ากแหลง่ ผลติ ท่ีเชือ่ ถอื ได้ เป็นตน้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 2. การปลูกพืชผกั 15 พืชผัก หมายถึง พืชท่ีสามารถนําส่วนต่าง ๆ มารับประทานเป็นอาหาร ได้แก่ ราก ลำต้น ดอก ผล และ เมล็ด พืชผักมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพราะเป็นทั้งอาหารและสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ผักมีวิตามิน เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และเส้นใย มีผู้นิยมรับประทานผักทั้งผักสด และผักแปรรูป การปลูกผักไว้ รบั ประทานเองในครอบครวั จะชว่ ยให้ประหยดั คา่ ใช้จา่ ยไดร้ บั ประทานผักปลอดสารพิษ ประเภทของพชื ผัก - พชื ผักประเภทหัว คือ พชื ท่ใี ช้ส่วนของหัวซ่ึงอยูใ่ ต้ดนิ มารบั ประทานเปน็ อาหาร เช่น หอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม หวั ผกั กาด แครอต กระชาย มันฝรัง่ มนั เทศ - พืชผักกินต้น คือ ผักที่นําส่วนของลำต้นซึ่งอยู่เหนือดินมารับประทานเป็นอาหาร เช่น หน่อไม้ไผ่ตง หนอ่ ไมฝ้ ร่ัง หน่อไมน้ ำ้ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 16 - พืชผักกินใบ คือ พืชผักที่ใชใ้ บมารบั ประทานเป็นอาหาร ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ปวยเล้ง กุยช่าย ตำลึง ชะพลู ผกั หวาน - พชื ผกั กนิ ตน้ และใบ คอื พชื ผกั ท่ีนาํ ส่วนของใบและลำตน้ มารบั ประทานเปน็ อาหาร เชน่ ผักบงุ้ ผักคะน้า กวางตงุ้ - พืชผักกนิ ดอก คือ พืชผกั ทน่ี ําดอกมารบั ประทานเป็นอาหาร เช่น กะหล่ำดอก โสน ขจร แค - พชื ผักกินผล คอื พชื ผกั ท่ใี ช้สว่ นของผลมารบั ประทานเปน็ อาหาร เชน่ มะเขือ แตงกวา พรกิ ฟกั ทอง เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 17 การปลูกพชื ผัก การปลูกพืชผกั มหี ลกั สำคัญดังนี้ ๑. ศึกษาข้อมูลและวางแผนการปลูก เพื่อให้การปลูกผักถูกต้องตามหลักวิชาการเกษตรให้ผลผลิตดีมี คุณภาพ จำเป็นต้องมคี วามรูค้ วามเข้าใจในเร่อื งชนิดของพชื ผกั ลกั ษณะนิสยั การปฏิบตั ิการดูแลรกั ษาพชื ผัก 2. การเตรียมดิน ดินที่จะใช้ปลูกพืชผักต้องเป็นดินร่วน มีธาตุอาหารที่สมบูรณ์ ถ้าดินมีคุณภาพต่ำ ควรปรับปรุงดนิ ดว้ ยปุย๋ ชีวภาพ 3. การดูแลรกั ษา เนื่องจากพืชผักเป็นพืชล้มลุก มีโรคและแมลงรบกวนมาก ควรดแู ลอยา่ งสม่ำเสมอ 4. สภาพแวดล้อม เนื่องจากพืชผักมีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมค่อนข้างน้อยควรเลือก พืชผักให้ เหมาะสมตอ่ สภาพแวดลอ้ ม เช่น แสงสวา่ ง ความชื้น อณุ หภูมิ เปน็ ตน้ 5. คำนึงถึงผลตอบแทน หรือความคุ้มค่าในการนําไปใช้ประโยชน์ หากมีผลผลิตมากสามารถนําไป จําหนา่ ย หรือแปรรปู ได้ วิธีการปลูกพชื ผัก การขยายพนั ธสุ์ ามารถแบง่ ได้เปน็ ๒ ประเภท ๑. การขยายพันธุ์โดยไม่ใช้เพศเป็นการขยายพันธ์ุโดยใช้สว่ นต่าง ๆ ของพืชที่ไม่ใช่เมล็ด ได้แก่ การตดั การแบ่ง หรือการเพาะชํา เพื่อทำให้เกิดรากและต้นใหม่ขึ้นมา เช่น ชะพลู หอมหัวใหญ่ หอมแดง ขิง มันเทศ ตะไคร้ เป็นตน้ ๒. การขยายพันธโ์ุ ดยใชเ้ พศหรือขยายพนั ธุด์ ว้ ยเมล็ดพันธุ์ เช่น ขา้ วโพด ผักกาด กวางตุง้ คะนา้ เปน็ ต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 18 การเพาะเมลด็ พันธผุ์ ักสวนครวั การเพาะเมลด็ พันธพ์ุ ชื ผักสวนครวั มวี ธิ เี พาะ ๒ วธิ ี ดงั น้ี 1. การเพาะเมล็ดในภาชนะเปน็ การเพาะเมล็ดที่สะดวก ง่าย แต่จะได้ต้นกล้าจำนวนไม่มากนัก การเพาะ เมล็ดในภาชนะมอี ปุ กรณท์ ่ีต้องใช้ เชน่ กระบะเพาะ กระถาง ถุงพลาสตกิ เปน็ ต้น ซ่ึงภาชนะ แตล่ ะอย่างท่ีเตรียมไว้ จะต้องบรรจุดินไว้ให้พร้อม ดินควรเป็นดินร่วน ผสมกับปุ๋ยคอก ขี้เถ้าแกลบ อย่างละเท่า ๆ กัน ผสมคลุกเคล้าจนเป็นเนื้อเดยี วกัน แล้วบรรจลุ งภาชนะที่ เตรียมไว้ให้ต่ำจากขอบภาชนะประมาณ ๑ นิ้ว การเพาะเมล็ดควรรดน้ำ ในภาชนะที่พอชุ่มเสียก่อน แล้วจึงโรยเมล็ด เสร็จแล้วรดน้ำซ้ำอีกครั้งหน่ึง ดว้ ยบวั รดน้ำชนดิ ฝอย เพอ่ื ไมใ่ หเ้ มลด็ กระจายออกจากที่ 2. การเพาะเมล็ดในแปลงเพาะเหมาะสำหรับการปลูกเพื่อเป็นการค้าเพราะจะได้ต้นกล้า จำนวนมาก การเตรียมดินเพาะต้องย่อยดินให้ละเอียดผสมปุ๋ยคอกหรือขี้เถ้า แกลบแลว้ ผสมคลุกเคล้า ให้ท่วั แปลง เพอื่ ให้ดินร่วนซยุ และอุ้มน้ำได้ ดี จากนั้นให้รดน้ำพอชุ่ม แล้วนําเมล็ดมาหว่านให้ทั่วแปลง หรือโรย เปน็ แถวกไ็ ด้ เสร็จแล้วใช้ดินกลบทบั บาง ๆ ใช้ฟางขา้ วคลมทับแปลง ให้ทั่วอีกครั้ง หลังจากนั้น รดน้ำให้พอชุ่มแต่ไม่ควรรดชุ่มเกินไป เพราะจะทำให้เมลด็ เนา่ เกดิ เชือ้ ราได้ การเตรียมดนิ การเตรียมดิน หมายถงึ การปรับปรุงบาํ รุงดนิ ใหม้ ีความอุดมสมบูรณ์ มีคณุ สมบัติเหมาะสม ต่อการปลูกพืช แต่ละชนิด การเตรียมดินมี ๒ อย่าง คือ เตรียมดินเพื่อเพาะกล้ากับเตรียมดิน เพื่อปลูกพืชซึ่งการเตรียมดินเพื่อ เพาะกล้าจะต้องย่อยดินให้ละเอียดกว่าการเตรียมดินเพื่อปลูกพืช การเตรียมดินในการปลกู ผักควรพิจารณาดินให้ เหมาะสมสำหรบั การปลกู ผกั ควรมีชั้นหน้าดนิ ลึก และอุดมสมบูรณ์ ระบายน้ำได้ดี มีเนื้อดินร่วนซยุ วิธีการเตรียม ดนิ มดี ังนี้ ๑. กำจัดวัชพืช ในพื้นที่หรือหน้าดินก่อนที่จะปลูกพืช จะต้องเก็บเศษวัสดุต่าง ๆ ออกจาก ผิวหน้าดินให้ หมด แลว้ ใช้จอบถากหรอื มีดฟันหญ้ากาํ จดั วัชพืชอกี ครง้ั ถ้าวัชพืชอยลู่ กึ ต้องใชเ้ สียม หรอื พลั่วมอื ขุดออก ๒. กำหนดพื้นที่ปลูก แปลงปลูกผักมีพื้นที่ขนาด ๑ X ๔ เมตร ต้องใช้ไม้ปักทั้ง ๔ มุม หรือจะวัดความ กว้างยาวตามความตอ้ งการ ๓. ขุดดินบริเวณที่กำหนดไว้ ถ้าเป็นแปลงผักลึกประมาณ ๑๕ ซม. พลิกดินด้านล่าง ขึ้นมาด้านบน ตากไว้ให้แห้ง ๒-๓ วัน แล้งจึง ยอ่ ยดินให้ขนาดเลก็ ลง และเกบ็ เศษวัชพืชทย่ี ังคา้ ง อย่ใู นดนิ ออกท้งิ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 19 ๔. ตกแต่งร่องให้เป็นรูปทรงตามที่กำหนด พรวนดินอีกครั้ง ถ้าดินเป็นกรดให้ใส่ปูนขาว โรยบาง ๆ ผสมคลกุ เคล้าพร้อมปุ๋ยคอกและปยุ๋ หมักทิง้ ไว้อย่างน้อย ๑ อาทิตย์ ถ้าพชื ทป่ี ลกู จะต้องใช้ ปลกู เป็นหลุม เช่น พริก มะเขอื ควรใส่ปยุ๋ คอกหรือปุ๋ยหมักในวันปลูก (รองกน้ หลุม) วิธกี ารปลกู พืช วธิ ีการปลกู ผักที่นิยมปลูกมี ๒ วิธี ดังนี้ 1. การหยอดหรอื หวา่ นเมลด็ โดยตรงในแปลง เช่น พรกิ มะเขือ ผกั กาด ขา้ วโพด คะนา้ ผักบุ้ง เป็นตน้ 2. การเพาะกล้าก่อนแลว้ จงึ ย้ายปลกู เช่น หอมหวั ใหญ่ กระเทยี ม พชื ตระกลู กะหลำ่ เป็นต้น การดูแลรักษา การดูแลรักษาผักหลังปลกู หรือย้ายปลูก จะต้องทำให้ผักเจริญเติบโตได้อย่างดีที่สุด การให้น้ำ การให้ปยุ๋ การคลุมดิน และการใช้สารเคมีควบคุมการเจริญเติบโตของผัก เพื่อได้ผลผลิตสูงสุดในการดําเนินงาน แต่ปัจจุบัน การใช้สารเคมีลดน้อยลง เกษตรกรผู้ปลูกผักนิยมปลูกผักโดยไม่ใช้สารเคมีหรือที่เรียกว่า ผักปลอดสารพิษเพื่อ ประโยชน์ต่อผ้บู ริโภคและสิง่ แวดลอ้ ม การเก็บเก่ียว หลกั การเกบ็ เกย่ี วพืชผัก ควรทำเม่ือพืชผกั อายแุ กพ่ อเหมาะ ซ่งึ ขึ้นอยกู่ บั ชนดิ ของผักเพอื่ ให้ไดผ้ ักท่ีมีคุณค่า ทางอาหารดีที่สุดเมื่อถึงมือผู้บริโภค แต่ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือการตลาด เมื่อผลิตออกมาแล้วไม่ สามารถจัดจาํ หน่ายได้ทำใหผ้ ู้ผลิตขาดทุน แต่ถ้าจะปลูกพืชเพื่อบริโภคภายในครอบครัว จะต้องศึกษาดูว่าผักท่ีเรา ปลูกมีอายุการเกบ็ เกีย่ วเทา่ ไร เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 3. การปลกู ไม้ดอก 20 ไม้ดอก หมายถึง พันธุ์ไม้ที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากสีสัน และความสวยงามของดอก ทั้งที่ใช้ปลูกเป็น ไมด้ อกไมป้ ระดับ และไม้ตดั ดอกเพื่อจําหน่าย หรือปลูกเพือ่ ประดบั อาคารบ้านเรอื น เช่น กหุ ลาบ กล้วยไม้ เยอบีรา พิทเู นีย แพงพวย บานชื่น ปทมุ มา บวั สาย บัวหลวง ดาวเรือง แกลดโิ อลัส เป็นตน้ ความสำคญั และประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดบั 1. ให้ความสดชืน่ สวยงาม สรา้ งบรรยากาศให้บ้านเรอื น และ สุขภาพจิตท่ีดีใหแ้ ก่ผอู้ ยู่อาศัย 2. ใช้เป็นอาหาร และยารักษาโรค ไม้ดอกนอกจากใช้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ทางด้านรักษาโรคแล้ว ยังเปน็ พืชสมุนไพร เช่น ดอกคาํ ฝอย ดอกบวั ดอกเกก๊ ฮวย 3. ใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ คนไทยมักจะใช้ดอกไม้ในพิธีกรรม และ สมัยโบราณ เช่น งานแต่งงาน งานบวช งานศพ งานวันเกิด วนั ขึ้นปใี หม่ วันวาเลนไทน์ 4. เป็นสนิ ค้าส่งออกท่ีสำคัญ เพราะมีสีสันสวยงามสดใส และมีหลากหลายชนดิ มกี ารสง่ ไม้ดอกไม้ประดับ เปน็ สนิ ค้าออก ในรปู ของไมต้ ัดดอกมีมูลคา่ หลายร้อยล้านบาท เช่น กล้วยไม้ กุหลาบ หน้าววั เบญจมาศ 5. เป็นจุดสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยชมความงาม ของพันธุ์ไม้ดอก ไทย เช่น ปากคลองตลาด รังสติ คลอง ๑๕ บางบวั ทอง เชยี งใหม่ เปน็ ต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 21 วิธีการปลกู ไมด้ อกไม้ประดบั การปลูกไม้ดอกไม้ประดับในปัจจุบันนิยมกันมาก ไม่ว่าจะปลูกเพื่อการค้าหรืองานอดิเรก จนนับได้ว่ามี ความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ เพราะไม้ดอกไม้ประดับสามารถทำรายได้ เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้าน บาท นอกจากสง่ ออกตา่ งประเทศแลว้ ไม้ดอกไมป้ ระดบั ยังมี การจาํ หนา่ ยกันทุกจงั หวัดทัว่ ประเทศดว้ ย การขยายพนั ธไุ์ ม้ดอกไมป้ ระดบั ทน่ี ยิ ม ได้แก่ 1. การเพาะปลูก 2. การตอนกิง่ 3. การตดั ชำ 4. การแยกหน่อ การเพาะเมล็ดไม้ดอกไม้ประดับ การเพาะเมล็ดขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นวิธีการหนึ่งที่ได้ผลดีและต้องมีวิธีคัดเมล็ดมาเพาะพันธุ์ เช่น จะต้องคัดจากต้นแม่ที่มีลักษณะดี เมล็ดแก่เต็มที่มีลักษณะสมบูรณ์ ไม่มีโรค แมลงรบกวน ไม่มีเมล็ดวัชพืช เจือปน ไมเ่ ปน็ เมล็ดท่เี ก่า และส่ิงหนงึ่ ที่จะตอ้ งคาํ นงึ ใหม้ ากคือเมลด็ จะตอ้ งพ้นระยะฟกั ตวั แลว้ การเพาะเมล็ดไม้ดอกไม้ประดับ นิยมเพาะใส่กระบะไม้และกระบะพลาสติก โดยใส่วัสดุเพาะ ที่เตรียมไว้ ให้สูงประมาณ ๓ ใน ๔ ของความสูงของขอบกระบะ นําเมล็ดมาหว่านให้เป็นแถวหรือ หว่านทั่วกระบะก็ได้ แล้วคลมุ ทบั ดว้ ยดินบาง ๆ ใช้ฟางหรอื หญ้าแหง้ ปดิ คลมุ ผวิ หนา้ ดนิ ไว้เพอื่ รักษา ความขึน้ หลงั จากน้ันรดน้ำให้ชมุ่ วิธกี ารปลกู ไม้ดอกไม้ประดับท่ีพบมาก ได้แก่ 1. การปลกู บนพน้ื ดนิ - การปลูกเป็นตน้ เด่ยี ว - การปลกู เป็นกล่มุ 2. การปลกู ในอากาศ ได้แก่ กลว้ ยไมต้ ่าง ๆ 3. การปลกู ในนำ้ เชน่ พลูดา่ ง ราชินหี นิ อ่อน เงนิ ไหลมา ทองไหลมา บัว เปน็ ต้น การดูแลรกั ษาไมด้ อกไม้ประดับ ๑. การให้น้ำ จะต้องให้บ่อย ๆ แตข่ ้ึนอยกู่ บั ชนิดของตน้ ไม้ ความชนื้ ในดิน ฤดูกาลและ อุณหภูมิ เปน็ ตน้ 2. การใส่ปุ๋ย จะต้องพิจารณาดูว่าไม้ดอกไม้ประดบั ชนิดไหนที่จะต้องให้ปุ๋ยทางใบหรอื ทางราก ซึ่งแต่ละ ชนดิ แตกต่างกันไปตามความต้องการของไมด้ อกไมป้ ระดับชนิดนั้น 3. การกําจัดวัชพืช การปลูกไม้ดอกไม้ประดับนั้นจะต้องดูแลกําจัดวัชพืชเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ วัชพืชมา เป็นตวั ทำลายและทำใหไ้ มด้ อกไมป้ ระดบั เจริญเตบิ โตไมเ่ ต็มท่ี เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 22 4. การตัดแต่ง เป็นการทำให้ไม้ดอกไม้ประดับเจริญเติบโตได้ตามที่ต้องการและตัดแต่ง เอากิ่งที่ไม่ ต้องการออก เพ่ือเปน็ การประหยดั ปุย๋ และความสวยงาม 5. การปอ้ งกนั กาํ จดั ศัตรูแมลง ศัตรแู มลงเปน็ สงิ่ สำคญั มากสำหรับการปลูกไมด้ อกไม้ประดบั แมลงมีส่วน ปั่นทอนการเจริญเติบโตและความสวยงามของไม้ดอกไม้ประดับ เมื่อจำเป็นต้องใส่สารเคมี เราจะต้องศึกษา รายละเอียดและข้อปฏิบัติในการใช้สารเคมีอย่างถี่ถ้วน เพราะสารเคมีมีอันตรายต่อผู้ใช้และผู้อยู่ใกล้เคียงตลอด จึงต้องคำนึงถึงส่ิงแวดล้อมด้วยเปน็ สำคญั การเก็บเก่ียวไมด้ อกไม้ประดับ การเกบ็ เกีย่ วไม้ดอกไม้ประดับนนั้ ขน้ึ อยู่กับชนิด ประเภทของไม้ดอกไมป้ ระดบั เพราะอายุการเก็บเก่ียวจะ แตกตา่ งกนั ลกั ษณะเก็บเก่ยี วไมด้ อกไม้ประดบั ชอื่ พืช ลักษณะพืชทเ่ี กบ็ เกี่ยวได้ วธิ ีการเก็บเกี่ยว ๑. กุหลาบ - นบั อายุพืชหลังจากปลูกประมาณ - ใชม้ ดี หรือกรรไกรตดั ๒. เยอบรี า ๖ เดือน ดูจากลักษณะของกลีบ - การตัดตอนเช้าตรู่ ดอกแรกตูม เร่มิ แยม้ และกลีบเลี้ยง - การตัด ควรตัดให้ก้านช่อยาว ทห่ี ุ้มดอกคลี่ออกเล็กน้อย ที่สุดจะทำให้ดูดน้ำได้มากเวลา นำไปใสแ่ จกนั หรือประดบั - สำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อใช้ - การเก็บดอกโดยการใช้มือจับท่ี เวลา ๔-๕ เดือน ในการออกดอก ก้านดอกเหนือผิวดินประมาณ - การแยกหน่อใช้เวลา ๒-๓ เดือน ๒๐ ชม. ดึงก้านดอกเฉียง ๆ ดอกจะหลุดออกมาโดยงา่ ย ๓. หนา้ ววั - อายุ ๑๒-๑๔ เดือน หน้าวัวจะ - ใช้มีดตัดก้านให้ยาวถึงโคน เริม่ บานดอกแรก ตดั ตอนเชา้ ตรดู่ ที สี่ ุด ๔. ดาวเรอื ง - อายุ ๖๐–๗๐ วัน สามารถตัด - การตัดต้องตัดก้านดอกให้ชิด ๕. มะลิ ออกขายได้ โคนตน้ มากท่สี ุด - ตดั ดอกทีย่ ังมีกลบี ดอกตรงกลาง ดอกเป็นสเี ขยี วอยู่ - อายุ ๑-๓ ปี จะให้ผลผลิตสูงสดุ - วิธีเก็บให้ใช้มือเด็ดตรงก้านดอก ใตก้ ลีบเลี้ยง เก็บขณะดอกตูม เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. ชื่อพืช ลักษณะพืชทเ่ี กบ็ เก่ียวได้ วธิ กี ารเกบ็ เกยี่ ว 23 ๖.วาสนา - ดูขนาด ๘-๑๐ น้วิ จะมรี าคาแพง - โดยการปลูกในกระถางจําหน่าย ควรตัดแตง่ เอาใบแกอ่ อกไป 7. กล้วยไม้ - โดยทั่วไปกล้วยไม้แต่ละช่อจะมี - ใช้กรรไกรหรือมีดตัดโคนช่อ (พนั ธ์ุหวายและมาดาม) ดอกประมาณ ๗- ๑๔ ดอกืดอกจะ ส่วนท่เี หนอื จากต้นเล็กน้อย ค่อยๆบานจากโคยช่อไปยังปลาย - ควรเกบ็ เกีย่ วในเวลาเช้าตรู่ ช่อ เมื่อเหลือดอกตูมที่ปลาย ๒-๓ ดอก เร่มิ เกบ็ เกยี่ วได้ การปลูกไม้ดอกไมป้ ระดับในภาชนะ ๑. ภาชนะทใ่ี ชป้ ลูกไม้ดอกไม้ประดับ ควรเปน็ กระถางดินเผาเพราะสามารถระบายความชน้ื ได้ดี แต่ไม่ควร ใช้กระถางท่ีมีตะไคร่น้ำข้นึ อยูโ่ ดยรอบเพราะจะปิดกนั้ ทางระบายน้ำ ข้อสำคัญควรเลือกขนาดกระถางให้เหมาะสม กับขนาดของพันธุ์ไม้ท่ีจะปลูก การใช้กระถางใหญ่เกินไปไม่เกิดประโยชน์ เพราะพันธุ์ไม้ที่ปลูกงอกรากได้ไม่ท่ัว ถา้ ใช้กระถางเลก็ เกนิ ไปก็จะเกิดผลเสีย จะทำใหร้ ากพันกันแนน่ เกินไป 2. นําเศษกระถางแตกหรืออิฐหักวางปิดรูที่ก้นกระถางให้พอดีแก่การระบายน้ำ โดยใช้เศษกระถางแตก ๒ ชน้ิ ซอ้ นกันเป็นรูปขัน้ บันไดตรงกลางรกู ้นกระถาง เพอื่ ใหน้ ้ำไหลออกไดแ้ ละนำ้ ไม่ชะเอาดนิ ออกมาด้วย 3. ดินที่ใช้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับต้องเป็นดินที่มีธาตุอาหารพืชอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้พืชมีธาตุอาหารกิน อย่างเพียงพอในพื้นที่ที่จํากัด จึงควรเพิ่มอินทรียวัตถุ เช่น ใบไม้ผผสมลงในดิน ส่วนพันธุ์ไม้บางชนิดที่ต้องการปยุ๋ มาก อาจตอ้ งเพ่ิมปุ๋ยใหเ้ ปน็ พิเศษดว้ ย 4. ใส่ดินลงในกระถางสูงประมาณครึ่งกระถาง ยกต้นไม้ลงวางปลูกโดยตั้งต้นให้ตรงและอยู่ตรงกลาง ใส่ดินเติมลงไปจนเต็ม กดที่โคนต้นให้แน่น ให้ผิวดินอยู่ต่ำกว่าปากกระถางประมาณ ๑ นิ้ว ถ้าพืชที่นํามาปลูกมี พลาสติกหอ่ หุ้มอยู่ควรแกะออกให้หมดก่อนปลกู 5. รดน้ำให้ชุ่ม แล้วไปวางในเรือนเพาะชำ คอยดูแลให้ปุ๋ยเพิ่มเติมในกระถางในช่วงที่ไม้ดอกไม้ประดับที่ ปลูกกำลังงอกงาม โดยใช้ปุ๋ยน้ำรดเดือนละครั้ง หรือใส่ปุ๋ยพิเศษที่ทำไว้เฉพาะสำหรับไม้กระถาง จะช่วยให้พันธุ์ไม้ เจริญเติบโตดียิ่งขึ้น นอกจากน้ีควรพรวนดนิ ในกระถาง โดนพรวนผิวหน้าดินเพยี งตน้ื ๆ เพอื่ ให้รากมีโอกาสหายใจ ได้สะดวก เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 4. การเก็บเก่ียวและการเพ่มิ มลู คา่ 24 การเก็บเกย่ี วผลผลติ ในการผลิตพชื ใหไ้ ด้ประสิทธิภาพสงู สดุ เกษตรกรมคี วามต้องการทจ่ี ะเกบ็ เก่ียวให้ได้ ผลผลิตสูง และมี คุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งการผลิตพืชนอกจากจะต้องใช้พันธุ์พืชที่ดี มีการดูแล ระหว่างการเพาะปลูก เป็นอย่างดีแล้ว วิธีการเก็บเกี่ยวของผลผลิตที่มีความสำคัญต่อคุณภาพและปริมาณของ ผลผลิตด้วยเชน่ กนั หลักท่ัวไปของการเก็บเก่ียวมีดงั นี้ 1. ประหยดั พลังงานซงึ่ นบั วันจะหาไดย้ ากและมีราคาแพง เพื่อลดต้นทนุ การผลิต 2. ใช้วสั ดุอปุ กรณ์ต่าง ๆ ในราคาถกู ไม่ยุ่งยาก แตท่ ำงานไดร้ วดเรว็ 3. ผลผลิตไม่ได้รับการกระทบกระเทือน ทั้งทางด้านกายภาพที่มองเห็นได้ชัด เช่น บาดแผลต่าง ๆ หรือ ทางดา้ นสรีรวทิ ยาซึ่งอาจมองไม่เหน็ แต่จะส่งผลเสยี หายได้ในภายหลัง เช่น รอยชําของเน้ือผลไม้ การเกบ็ เก่ียวพืชผล ต้องพจิ ารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ 1. พจิ ารณาการสุกแก่ - พืชบางชนิดเก็บเกี่ยวใกล้ระยะเวลาสุกแก่ ซึ่งจะสังเกตได้จากการ เปลยี่ นแปลง ทางสรีรวิทยา เช่น สีอาจเปลยี่ น มกี ล่นิ หอม หรือ ผลมีลักษระน่มุ ข้นึ - การเก็บเกี่ยวขณะที่ยังไม่สุกแก่ พืชบางชนิดต้องบริโภคขณะที่ยังไม่ สุกแก่ เชน่ การเกบ็ ผลผลติ ของแตงกวา ตอ้ งอ่อน ๆ - ต้องดำเนินการเก็บเกี่ยวอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการสูญเสีย เพราะ พืชบางชนิดระยะเวลา ในการเก็บรักษาจะมีระยะเวลาสั้น โดยเฉพาะผักและผลไม้ เปน็ ต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 25 2. เวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกีย่ ว การเกบ็ เกีย่ วผลผลิตท่เี หมาะสมขึ้นอยู่กบั ชนดิ ของพืชที่ปลกู และวัตถุประสงค์ ของการนาํ ไปใชป้ ระโยชน์ โดยมีเกณฑก์ ารพิจารณาดังน้ี - เก็บเก่ียวในระยะเวลาท่พี ชื ให้ผลผลติ สูงสดุ - เก็บเกีย่ วเม่อื ผลผลติ มคี ุณภาพดีทส่ี ุด - ถ้าเก็บเกี่ยวเพื่อจัดจําหน่าย ต้องคำนึงถึงราคาของผลผลิตในขณะนั้น ตลาดรองรับ หรือ แม้กระทั่ง แรงงานท่ีจะมาเกบ็ เก่ยี วผลผลิต 3. วิธีการเก็บเก่ียวมีหลากหลายวธิ ี ขนึ้ อย่กู บั ชนดิ ของพชื นั้น ๆ เช่น - ธัญพืช และพืชตระกูลถั่ว ที่ใช้ส่วนของเมล็ด ควรเก็บเกี่ยวเมื่อเมล็ดแก่จัด จึงจะได้ผลผลิตสูง และมคี ณุ ภาพดี - พชื ผักตา่ ง ๆ ได้แกผ่ กั กนิ ใบต่าง ๆ เช่น ผักคะน้า ผักกาดหอม ฯลฯ ควรเกบ็ เกี่ยวขณะพชื ยังไม่แก่เต็มท่ี เพื่อให้มคี วามสดและใหม่ เมื่อเกบ็ แล้วควรเกบ็ รักษาในที่เยน็ และช้นื - ไมด้ อกไม้ประดับ ข้นึ อยูก่ ับชนดิ และหลงั จากเก็บเก่ยี วตอ้ งทำใหเ้ ยน็ และชนื้ เพือ่ ให้สดอยเู่ สมอ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 26 - ผลไม้ เวลาที่เหมาะสมควรพิจารณาจาก รูปร่าง สีผิว กลิ่น ผลผลิตที่ได้บางชนิดสามารถ เก็บได้นาน มีความเสยี หายนอ้ ยกวา่ ผลผลิตของพวกพืชผัก การจัดการ และสรีรวิทยาของธัญพืชและพืชตระกูลถั่วหลังการเก็บเกี่ยว ธัญพืชและพืชตระกูลถั่ว หลงั จากการเกบ็ เกยี่ วแล้วตอ้ งปฏิบัตติ อ่ ไปน้ีเพือ่ ให้ได้คุณภาพดี - การสี นวด หรือกะเทาะเมล็ด อาจใช้แรงงานคนหรือ เครือ่ งทนุ่ แรง การนวด หรอื กะเทาะนี้ ถ้าเมล็ดมคี วามช้นื สูงหรือต่ำ เกนิ ไปกอ็ าจทำให้เมล็ดเสียหายได้ - การลดความชื้น เป็นการอบหรือตาก เพื่อให้ความชื้นในเมล็ดน้อยลง เพื่อให้อยู่ในระยะที่สามารถ เก็บรักษาได้อย่างปลอดภัยและมีความเสยี หายเกิดขน้ึ น้อย ในการลดความชน้ื น้ัน ถ้าเป็นเมล็ดพืชท่ีนําไปใช้บริโภค การลดความช้นื จะตอ้ งไม่ทำให้คณุ คา่ ทางอาหารในเมลด็ ลดลง หรอื ไม่เปลย่ี นแปลงไป ไม่มสี ี และรสชาติ ส่วนเมล็ด ที่ใช้ทำพันธุ์ คุณภาพด้านเมล็ดพันธุต์ ้องไม่สญู เสีย นั่นคืออัตราการงอกต้องดี โดยปกติความช่ืนควรต่ำกว่า 13 % จงึ เกบ็ ไว้ไดอ้ ย่างปลอดภยั จากเชอื้ รา แมลง และองค์ประกอบทางเคมีในเมลด็ จะไมเ่ สอื่ มคุณภาพ การลดความชื้น อาจทำได้หลายวธิ ี เชน่ การลดความช้นื โดยอาศยั ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ การตากแดด การผึ่งลม หรือการลดความช้นื โดย อาศยั เคร่อื งจักรกลโดยใชล้ มรอ้ นเป่าเพือ่ ลดความชืน้ เป็นต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 27 - การเกบ็ รักษา การเก็บรักษาเมล็ดพชื ควรเก็บรักษาในที่ มอี ณุ หภมู ิและความชน้ื สมั พัทธต์ ่ำ ความช้ืนของ เมล็ดที่เก็บควรต่ำกว่า 13 % อย่างไรก็ตามเมล็ดจะดูดความชื้นจากบรรยากาศรอบ ๆ เมล็ด และขณะเดียวกันก็ จะคายความชื้นให้กับบรรยากาศรอบ ๆ เมล็ดตลอดเวลา ดังนั้นความชื้นจะมีการถ่ายเทตลอดเวลาจนกระท่ัง ความช้ืนภายในเมล็ดจะเทา่ กับความชืน้ ของบรรยากาศโดยรอบ เรียกวา่ สภาวะสมดุลของเมล็ดทม่ี ีความชื้นคงที่ การเกบ็ รกั ษาผลิตผลพวกพชื ผัก ผลไม้ และไมด้ อกไมป้ ระดบั ต้องเก็บไว้ในที่เย็นและชื้น คือในที่ ๆ มีความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 90 % และอุณหภูมิต่ำ ที่เรียกว่า ห้องเย็น เพื่อยืดอายุและคงไว้ซึ่งคุณภาพผลผลิต หากเป็นผักและผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อน เช่น มะเขือเทศ ขาวโพดฝักออ่ น แตงกวา เงาะ มงั คุด มะม่วง ควรเกบ็ ในทอี่ ุณหภูมปิ ระมาณ 10-12 องศาเซลเซยี ส แตถ่ ้าผักและ ผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตหนาว เช่น ผักกาดขาว คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ควรเก็บที่อุณหภูมิ 1-3 องศาเซลเซยี ส จะสามารถเก็บไว้ นานเปน็ เดือน เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. หน่วยที่ 3 28 ความร้ทู ั่วไปเกี่ยวกบั การเล้ยี งสัตว์ ๑. ความหมายความสำคัญของการเลย้ี งสตั ว์ ๒. ประเภทสัตว์เลยี้ งทสี่ ำคัญในประเทศไทย 3. ปัจจัยทสี่ ำคญั ต่อการเลย้ี งสตั ว์ 4. ระบบโรงเรือนและอุปกรณ์การเลย้ี งสตั ว์ 1. ความหมายความสำคญั ของการเลี้ยงสตั ว์ ความสำคญั ของการเลย้ี งสตั ว์ สมยั กอ่ นมนุษย์หาอาหารจากป่าธรรมชาติใกล้ตวั โดยการลา่ สตั ว์ นอกจากนั้นยังรูจ้ ักใช้แรง จากสัตว์เป็น พาหนะในการเดินทาง การขนส่งสินค้า หรือสัมภาระต่าง ๆ ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้า การใช้แรงงานสัตว์ เพือ่ การขนส่งลดลง แตป่ ระชากรโลกเพ่มิ มากขึ้น จึงเกิดความจําเป็นในการแสวงหา อาหารมาบริโภค มนษุ ย์จึงหัน มาให้ความสำคัญตอ่ การเลย้ี งสัตว์ไว้เปน็ อาหารสามารถขยายพันธเุ์ พิ่มลกู หลานไดม้ ากขน้ึ การเล้ยี งสัตว์มีวัตถุประสงคต์ ่าง ๆ คือ ๑. การเลย้ี งสตั วเ์ พือ่ ใช้เป็นอาหาร มนษุ ย์มคี วามตอ้ งการสารอาหารประเภทโปรตีนใหค้ รบถว้ น เนอ้ื สัตว์ ทุกชนิดมีโปรตีน ค่อนข้างสูง มนุษย์จึงมีความต้องการอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เพื่อให้โปรตีนแก่ร่างกาย นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากสัตว์ เช่น นม ไข่ ยังใช้เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การเลี้ยงสัตว์ นอกจากใช้เป็นอาหารบรโิ ภคภายในประเทศแล้ว ยังใชเ้ ปน็ สนิ ค้าส่งออกไปขายต่างประเทศดว้ ย ๒. การเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้แรงงาน ในสมัยโบราณเราเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้แรงงาน เช่น โค กระบือ ม้า เป็นต้น และใช้ในสงคราม เช่น ช้าง มา้ ปัจจบุ ันมีเคร่อื งจกั รมาชว่ ยทดแทนแรงงานสตั ว์ และเปน็ ยานพาหนะ ความสำคัญ ของสัตว์ที่ใช้แรงงานพวกนี้ก็เริ่มลดความสำคัญลง อย่างไรก็ตามในประเทศไทยบางแห่งก็ยังมีการใช้แรงงาน สตั ว์อยู่ ซงึ่ ในปจั จบุ นั มกี ารสง่ เสริมให้หนั มาใช้แรงงานจากสตั วเ์ พอ่ื ลดการใชพ้ ลังงานโดยเฉพาะ ด้านการเกษตร เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 29 3. การเล้ียงสตั วเ์ พ่ือใช้ในงานทดลอง สัตว์ท่เี ลย้ี งไว้ใชใ้ นการทดลองทางวทิ ยาศาสตร์และทางการแพทย์ มีหลายชนิด เช่น หนู กระต่ายและลิง เป็นต้น การทดลองกับสัตว์ก่อนที่จะนำมาใช้กับมนุษย์เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากสัตว์เหล่านี้มีระบบอวัยวะภายในใกล้เคียงกับระบบร่างกายมนุษย์ ทำให้ใช้ได้ในการทดลองเบื้องต้น เพราะสัตวม์ อี ายสุ ัน้ ขยายพันธไ์ุ ดเ้ ร็ว ๔. การเลย้ี งสัตว์เพื่อความเพลิดเพลิน สัตว์เลี้ยงยังมีส่วนท่ีทำให้มนษุ ย์มีความสุขสบายใจ เช่น การเลี้ยง ปลาสวยงาม แมว เปน็ ต้น นอกจากนี้ยังใช้เปน็ เพ่อื นเฝา้ บ้าน หรอื แมแ้ ตใ่ ช้ดมกลนิ่ ตามจบั โจรผรู้ ้ายอีก 5. การเลี้ยงสัตว์เป็นวัตถุดิบ ส่งป้อนโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม เครือ่ งหนัง อุปกรณก์ ารกีฬา เป็นตน้ ปัจจุบันได้นําเทคโนโลยีในการเลี้ยงสัตว์มาใช้แพร่หลาย มีการพัฒนาวิธีการเลี้ยงสัตว์ให้มี ประสิทธิภาพ มากขึ้น ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์สัตว์ การโคลนนิ่ง จัดทำสูตรอาหารเลี้ยงสัตว์ การป้องกันกําจัดโรคระบาดสัตว์ เป็นต้น ความสำคัญของการเลี้ยงสัตว์ที่มีตอ่ มนุษย์ พอสรปุ ได้ดังนี้ ๑. เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญ ในปัจจุบันประเทศไทยมี ประชากร ๖๐ ล้านคน ปริมาณความต้องการอาหารโปรตีนจาก สัตว์ ประเภท เนื้อ นม ไข่ มีปริมาณมากขึ้น การเลี้ยงสัตว์ จึงเป็นแหล่งผลิต โปรตีนเพื่อตอบสนอง ความต้องการด้านการบริโภคของประชากรใน ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 30 ๒. เป็นแหล่งรายได้ทั้งของเกษตรกรและของประเทศ โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์สามารถขายสัตว์ และ ผลิตภณั ฑจ์ ากสัตว์เป็นรายได้ของครอบครวั ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็สามารถสง่ สัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ไปจําหน่ายยังตา่ งประเทศ สามารถนาํ เงนิ ตราเขา้ ประเทศได้ปลี ะไม่นอ้ ย 3. การเลี้ยงสัตว์ช่วยชดเชยสินค้าเกษตรที่มีราคาต่ำให้มีราคาสูงขึ้น เกษตรกรที่ปลูกพืชมักจะขาย ผลผลิตที่ได้จากการปลกู พืชในรูปของวัตถุดิบทีย่ งั ไม่มี การแปรรูป ซึ่งมักจะประสบปัญหาสนิ ค้าราคาตกต่ำ สินค้า ล้นตลาด ราคาไม่แน่นอน ทำให้เกษตรกร เดือดร้อนอยู่เสมอ วิธีการแก้ปัญหาที่อาจทำได้ คือ ให้เกษตรกรนํา ผลผลิตจากพืชมาเป็นวัตถุดิบ ทำอาหารเลี้ยงสัตว์ แล้วขายเนื้อสัตว์ที่มีราคาแพงกว่าแทน เท่ากับทำให้สินค้า มมี ูลค่าสงู ขนึ้ เปน็ ประโยชน์ตอ่ ตัวเกษตรกรเอง และตา่ งประเทศชาติด้วย 4. การเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหนึ่งของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ก่อให้เกิดอาชีพต่อเนื่อง คือ การรับจ้างแรงงานในที่ต่าง ๆ เช่น โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ ร้านจำหน่ายอาหารและยาสำหรับสัตว์ โรงงานแปรรูปเนื้อสตั ว์ เปน็ ต้น ทำให้ประชาชนมงี านประจำ มรี ายได้ และลดปญั หาการว่างงาน เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 2. ประเภทสัตวเ์ ล้ยี งทสี่ ำคญั ในประเทศไทย 31 สัตว์เลี้ยงที่เลีย้ งกันแพร่หลายในประเทศไทยมีหลายชนิด ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ เปด็ ไก่ ปลา สุกร โค กระบือ เป็นต้น สัตว์เลย้ี งเหล่าน้เี ล้ียงไว้ใชป้ ระโยชนใ์ นครอบครัว ใช้เปน็ อาหาร หรอื จําหน่าย เป็นอาชีพ ประเภทของสัตวเ์ ลี้ยง - สตั ว์ปกี สัตว์ปีกที่เลีย้ งกันมีหลายชนิด เช่น ไก่ เป็ด ห่าน และนกกระทา เป็นต้น เราแบ่งสัตว์ปีก เป็น ๒ ชนิด คือ สัตว์ปีกที่เลี้ยงเพื่อรับประทานเนื้อ และสัตว์ปีกเพื่อรับประทานไข่ สัตว์ปีกจัดเป็น สัตว์ขนาดเล็ก เลี้ยงไว้ตามบ้าน ได้ เพอ่ื รับประทานเนอื้ หรอื ไข่ สัตว์ปีกที่นิยมเลี้ยงไว้ใช้รับประทานทั้งเนื้อและไข่มากที่สุดคือ ไก่ ในประเทศไทยนิยม ใช้ไก่พันธุ์ผสมท่ี ผสมขน้ึ เป็นพเิ ศษ แยกออกเป็นไก่เนอื้ และไก่ไข่ ไก่ไข่ ไดแ้ ก่ พนั ธ์เุ ลก็ ฮอรน์ ขาว พันธุ์โรดไอสแ์ ลนด์เรด ไก่เนอ้ื ไดแ้ ก่ พนั ธไุ์ ฮไลน์ ไวท์รอ็ ค พนั ธุ์คอร์นชิ สขี าว พันธ์อุ าเบอรเ์ อเคอร์ พันธุ์โรดไอสแ์ ลนดเ์ รด พนั ธ์ุอาเบอร์เอเคอร์ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 32 - สัตว์เลก็ ได้แก่ สุกร แพะ แกะ สัตว์เหล่านี้จะทำรายได้ให้ผู้เลี้ยงโดยใช้เวลาในการเลี้ยงไม่ยาวนานนัก บางชนิด ถือเปน็ สตั วเ์ ศรษฐกจิ ของประเทศ เช่น สุกร เปน็ ต้น สุกรเป็นสัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเลี้ยงกันมากที่สุดเพราะให้เนื้อมาก ใช้ระยะเวลาเลี้ยงสั้น สามารถ ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วทันต่อความต้องการของผู้บริโภค สุกรพันธุ์ที่เติบโตเร็วใช้อาหารประหยัด จึงเหมาะส ำหรับ การเลี้ยง สมัยก่อนใช้สุกรพันธุ์พื้นเมืองซึ่งเติบโตช้า เนื้อมีมันมาก ต่อมาได้มีการนําสุกรจากต่างประเทศเข้ามา ปรากฏว่ามีคุณภาพดีมาก แต่ไม่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทย จึงต้องนําสุกรต่างประเทศผสมกับพันธ์ุ พน้ื เมอื ง ได้สุกรทม่ี คี ุณภาพดีกว่าพ่อแม่ สุกรประเภทใหเ้ นอื้ มีลำตัวยาวมาก ไหล่สะโพกใหญ่และอว้ น เป็นสุกรจาก ยุโรป และปรับปรุงคุณภาพ ให้มีเนื้อมากขึ้น เติบโตเร็ว พันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศ ได้แก่ พันธุ์ดูร็อคเจอซี่ พันธุ์ ลาร์จไวท์ เปน็ ต้น พันธ์ุสุกรทนี่ ยิ มเลีย้ งในประเทศ ได้แก่ พนั ธ์ดุ ูรอ็ คเจอซ่ี พันธุ์ลาร์จไวท์ พันธุด์ ูร็อคเจอซ่ี พันธ์ุลาร์จไวท์ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 33 - สัตว์ใหญ่ ได้แก่ โค กระบือ ม้า นับเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์มากที่สุดเพราะให้ทั้งเนื้อ นม และใช้แรงงาน โดยเฉพาะโค กระบือ เปน็ สตั วเ์ ศรษฐกิจของประเทศ และมผี ้นู ิยมเลีย้ งกันมาก โคในประเทศไทยแบ่งได้เป็น ๓ ประเภท คือ โคเนื้อ โคนม และโคงาน มีแหล่งที่มาจาก ยุโรปและอินเดยี โดยยุโรปส่วนใหญเ่ ปน็ โคเนื้อ และโคนม มีลกั ษณะเฉพาะตัวคือ จะไมม่ โี หนก โคนม ไดแ้ ก่ พนั ธุ์โฮลสไตนฟ์ รีเชย่ี น โคเน้อื ไดแ้ ก่ พันธุ์อเมรกิ ันบราห์มนั พนั ธโ์ุ ฮลสไตนฟ์ รเี ชยี่ น พนั ธ์อุ เมริกนั บราห์มนั เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 34 - สตั ว์น้ำ ได้แก่ ปลา กุ้ง หอย ปู เป็นสัตว์ที่คนไทยนิยมบริโภคทุกวัน โดยเฉพาะปลา ซึ่งมีอยู่ตาม แหล่งน้ำทั่วไป สำหรบั ปลาทน่ี ิยมเลย้ี ง เช่น ปลานิล ปลาดกุ ปลาสลดิ ปลาชอ่ น เปน็ ต้น - สตั ว์สวยงาม เป็นสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่มีรูปร่างลักษณะ สีสันสวยงาม นิยมเลี้ยงไว้เพื่อสร้างความเพลิดเพลิน สบายใจ ได้แก่ ปลาเงินปลาทอง ปลาเทวดา ไก่พันธ์สวยงาม นกแก้ว นกขุนทอง เป็น การเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้ ถ้าเลี้ยง จำนวนมาก ๆ สามารถนาํ ไปจําหน่าย และยดึ เป็นอาชีพได้ เกษตรกรสามารถขอคำแนะนําเก่ียวกบั การเล้ยี งได้ท่ีปศสุ ัตว์อำเภอ ปศุสัตว์จังหวดั กรมปศุสตั ว์ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ หรอื หนว่ ยงานของภาคเอกชน เชน่ บริษทั เครอื เจรญิ โภคภณั ฑ์ องคก์ ารส่งเสรมิ การเล้ียงโคนม แหง่ ประเทศไทย สหกรณ์ผูเ้ ลย้ี งสัตวป์ ระเภทตา่ ง ๆ เปน็ ต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวตั กรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 3. ปัจจยั ทส่ี ำคัญต่อการเล้ยี งสตั ว์ 35 การเลย้ี งสัตวเ์ ป็นงานทีต่ อ้ งใชเ้ วลาและการลงทุนสูง ถา้ เลี้ยงไม่ถูกวธิ ีอาจทำใหส้ ตั วเ์ ล้ียง เจ็บปว่ ยไม่เติบโต ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ตามท่ีต้องการได้ หากเลี้ยงไวเ้ พือ่ จําหน่ายอาจทำให้ประสบภาวะขาดทุน ฉะนั้นก่อน จะเลย้ี งสัตว์ ผู้เลย้ี งจงึ ควรศกึ ษาปัจจัยท่ีเกย่ี วกบั การเล้ยี งสัตว์ ซ่งึ จะส่งผลตอ่ สตั วท์ เี่ ลี้ยงดังน้ี ๑. คณุ สมบัติของผเู้ ลย้ี ง ผทู้ ่ีจะประกอบการเล้ยี งสัตวไ์ ดด้ ี ควรมคี ุณลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี - มีความรู้เกี่ยวกับหลักการเลี้ยงสัตว์ เช่น รู้วิธีคัดเลือกพันธุ์สัตว์ให้เหมาะสมแก่ความต้องการ ของตลาด สามารถจดั สภาพแวดลอ้ มใหแ้ กส่ ัตว์ รูว้ ิธีใหอ้ าหาร การควบคมุ ป้องกนั โรคสัตว์ เปน็ ต้น - เป็นคนขยัน ไมย่ อ่ ท้อต่องานหนัก ตรงตอ่ เวลา ผูเ้ ลีย้ งสตั ว์ตอ้ งมีความพร้อมเสมอ กจ็ ะคอยดูแล สัตว์ให้ได้รับอาหารที่ดีและเพียงพอต่อการเจริญเติบโต ในยามที่สัตว์ออกลูกหรือเจ็บป่วย ผู้เลี้ยงควรดูแลให้ ปลอดภัย ซง่ึ ไมส่ ามารถเลอื กเวลา หรอื ผัดวันประกนั พรงุ่ ได้ เพราะสตั วอ์ าจจะตายกอ่ น - รักความก้าวหน้า โดยหมั่นหาความรู้ และติดตามวิทยาการใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงสัตว์ เพือ่ นํามาปรับปรงุ การเลี้ยงสัตวข์ องตนเองใหด้ ยี ่ิงขนึ้ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 36 2. สถานทีเ่ ลย้ี งสัตว์ สถานที่ในการเลี้ยงสัตว์จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์เลี้ยง ควรเลือกสถานที่เลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสม โดยท่วั ไปสถานทเ่ี ลยี้ งสัตวค์ วรเปน็ ทดี่ อนน้ำท่วมไมถ่ ึง และมีระบบการระบายน้ำที่ดี มีเน้ือท่กี ว้างเหมาะสมกับชนิด ของสัตว์ท่จี ะเล้ียง อยู่ใกลเ้ สน้ ทางคมนาคมเพือ่ สะดวกต่อการขนสง่ - สถานที่สำหรับเลี้ยงสัตวป์ ีก ควรเลี้ยงบนทีด่ อน ถ้าเป็นที่ลุม่ ตอ้ งถมดินบริเวณทีส่ รา้ งโรงเรือน - เป็ดและห่านควรเลี้ยงใกลบ้ อ่ น้ำแตส่ ร้างโรงเรือนบนท่ดี นิ - สัตว์เล็กพวก แพะ แกะ และสุกร ควรมีเนื้อที่กว้างพอสำหรับปลูกพืชอาหารสัตว์ หรือใกล้ ทุง่ หญ้าสาธารณะทีจ่ ะปล่อยสัตวเ์ ข้าไปได้ และตอ้ งมีน้ำตลอดปี - สัตว์ใหญ่ เช่น โค นอกจากต้องเลี้ยงบนที่ดอน มีเนื้อที่กว้างขวาง เพียงพอกับจำนวนสัตว์แล้ว ยงั ควรมีแนวตน้ ไม้ใหญเ่ พ่อื ใหร้ ม่ เงาพอทีส่ ตั วจ์ ะพักอาศยั ได้ - กระบือ จะคล้ายคลึงกัลป์สัตว์ใหญ่ แต่ควร ใหอ้ ยูใ่ นทล่ี ุม่ ใกลแ้ หล่งน้ำ เพราะเปน็ สตั ว์ท่ีชอบน้ำ - สัตว์น้ำจำเป็นต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งมีน้ำ สะอาดตลอดปี เป็นที่ลุ่มโดยยกคันบ่อให้สูงเพื่อป้องกันน้ำท่วม หรืออาจจะเลี้ยงในแม่น้ำ โดยตรง โดยใช้ระบบการเลี้ยงใน กระชัง เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 37 ๓. ท่อี ย่อู าศัยของสัตว์ ได้แก่ โรงเรอื น คอก เล้า บอ่ ซึง่ ใช้เปน็ ที่สำหรบั สตั ว์แตล่ ะประเภทพักอาศยั ถอื เป็นปัจจัยท่ีมีความสำคัญ มากในการเลี้ยงสัตว์ สัตว์จะอยู่อย่างสุขสบายและเจริญเติบโตดีใน สถานทีอ่ าศัย ซึ่งมลี ักษณะดังต่อไปน้ี - เป็นทีป่ ้องกันลม ฝน แดดได้ มคี วามร่มเยน็ - แขง็ แรงทนทาน ประหยัด และปอ้ งกนั ศัตรูของสตั วไ์ ด้ - อากาศถา่ ยเทไดส้ ะดวก แสงแดดสอ่ งได้ทัว่ ถึง - มีขนาดพอเหมาะกับจำนวนสัตว์ ไม่เบียดเสยี ด - ต้ังอยใู่ นทที่ ่ีน้ำไมข่ ัง - มกี ารระบายน้ำดี พืน้ คอกต้องแหง้ เสมอ ทำความสะอาดไดง้ า่ ย ๔. ภมู ิอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิ ความชื้น ฝน ลม แสงแดด ล้วนมีผลต่อความเป็นอยู่ของสัตว์ทั้งทางตรง และทางอ้อม สภาพภมู ิอากาศมีอทิ ธิพลตอ่ รูปรา่ ง ขนาด ลกั ษณะ และผลผลิตของสัตว์ เช่น - สตั ว์เขตหนาว จะมีขนยาวปกคลมุ ให้ความอบอนุ่ แก่ร่างกาย - สัตวเ์ ขตร้อน ขนจะส้ันเกรยี น เรยี บ เพ่ือใหร้ ะบายความร้อนไดด้ ี โดยทั่วไปอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของ คือประมาณ 25 องศาเซลเซียส การเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิที่ร้อนเกินไป หรือหนาวเกินไปจะทำให้สัตว์เจ็บป่วยได้ ไม่ควรปล่อยให้สัตว์อยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด นานเกินไป จะทำใหส้ ัตว์รู้สกึ รอ้ นและอาจไมส่ บายได้ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 38 ๕. พนั ธ์ุสัตว์ พันธุ์สัตว์แต่ละพันธุ์มีความเหมาะสมตามสภาพภูมิอากาศ และตามความต้องการผลิตผล ของคน ในท้องถิ่นนั้น ๆ สัตว์ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมักจะเป็นสัตว์ที่ได้จากการปรับปรุง ยิ่งในปัจจุบันวิทยาการ เจริญก้าวหน้ามากขึ้น ผู้เลี้ยงสัตว์ต่างใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาพันธุ์สัตว์ให้มีคุณภาพตรงต่อตามความ ต้องการของผู้บริโภค จึงมพี ันธุส์ ัตว์ตา่ ง ๆ เกิดข้นึ มากมาย ๖. อาหาร เปน็ สิ่งจาํ เป็นท่สี ัตว์นําไปใชป้ ระโยชน์ในการดำรงชีวติ เพอื่ สรา้ งผลผลติ ทุกอย่าง เช่น เน้ือ นม ไข่ เป็นต้น สัตว์จะเจริญเติบโตและให้ผลผลิตดีก็ต่อเมื่อได้รับอาหารสมบูรณ์เพียงพอต่อความต้องการ ถ้าสัตว์ขาดอาหาร ก็จะไม่สามารถให้ผลผลิตตามปกติได้ และอาจเกิดโรคต่าง ๆ อีกด้วย ดังนั้น ผู้เลี้ยงควรเลือกอาหารที่มีคุณภาพ สามารถหาได้ง่ายในบริเวณที่เลี้ยงสัตว์ขนส่ง สะดวก และที่สำคัญจะต้องมีราคาไม่แพงจนเกินไป เพราะต้นทุน การเล้ียงสตั วท์ สี่ ูงขึ้นมักจะมาจากคา่ อาหารสัตว์ ๗. การจดั ฟารม์ การเล้ยี งสัตวท์ ีด่ ตี อ้ งมกี ารวางแผนการดาํ เนินงาน โดยกำหนดขอบเขตและวางแนวทางการใช้ทุน แรงงาน ไดแ้ ก่ แรงงานทใ่ี ช้ในการดแู ลรักษา การให้อาหาร การเกบ็ ผลผลิต วธิ ีการเลย้ี ง ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการเล้ียง ปริมาณ และคุณภาพของผลผลิต รายรับรายจ่าย สถิติเกี่ยวกับ การเจริญเติบโต การขาย การตายของสัตว์ โดยการ จดบันทึก และทำบัญชีค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์รุ่นต่อ ๆ ไป นอกจากนี้ยังต้องมี การนาํ วทิ ยาการใหมๆ่ เข้ามาใช้ เพอ่ื เพิ่มผลผลติ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศักดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 39 8. ตลาด เป็นแหล่งรับซื้อผลิตผลทางการเกษตร เป็นแหล่งกำหนดราคาแก่เกษตรกร ผู้ค้าสัตว์ และผู้บริโภค เป็นแรงกระตุ้นใหเ้ กษตรกรหันมาเล้ยี งสตั ว์อย่างจริงจงั 9. ระบบการผลติ หมายถงึ รปู แบบวิธีการเล้ยี งสตั วท์ ผี่ ้เู ลี้ยงเลือกใช้ ซึ่งมีอยู่หลายวิธีดังนี้ - การเลี้ยงแบบกิจกรรมหลังบ้าน เป็นการเลี้ยงโดยใช้แรงงานบุคคลภายในครอบครัว อาหาร ที่ใช้เลี้ยงจะเป็นผลผลิต หรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในไร่นามาให้สัตว์บริโภค ใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนัก เมื่อสัตว์โตก็ใช้ บรโิ ภคภายในครวั เรือน หรือขายเปน็ รายได้โดยไมต่ ้องคำนงึ ถงึ ระบบการตลาดมากนัก - การเลี้ยงแบบอาชีพเสริม เป็นการเลี้ยงร่วมกับการทำเกษตรแบบอื่น ๆ โดยใช้หลักวิชาการ และเทคโนโลยีเข้าช่วยในการเลี้ยงบ้าง อาหารที่ใช้เล้ียงสัตว์จะใช้ผลผลิตที่ได้จากการทำการเกษตรอื่น ๆ ร่วมกับ การใหอ้ าหารข้นทมี่ ีคุณภาพ วิธีเลย้ี งแบบนี้มงุ่ เน้นให้ผู้เลยี้ งมีรายได้ หมุนเวยี นจากการทำเกษตรหลายอย่าง ทำให้ มีงานทำตลอดปี และมีรายไดเ้ พยี งพอตอ่ การยงั ชพี ซง่ึ เปน็ รูปแบบของการเกษตรแบบผสมผสาน - การเล้ยี งเปน็ อาชพี หลกั หรือเลี้ยงแบบการคา้ เปน็ การเลีย้ งโดยใชห้ ลกั วิชาการ และเทคโนโลยี ต่าง ๆ เข้าช่วย มีการลงทุนด้านปัจจัยการผลิตสูง มุ่งเน้นด้านการตลาดเป็นสำคัญ มีการรวมกลุ่มผู้ผลิตเป็นชมุ นุม หรือสหกรณ์ เพ่อื แกป้ ัญหาดา้ นการตลาด - การผลิตระบบอุตสาหกรรม เปน็ ระบบการผลติ ขนาดใหญ่ ใชเ้ ทคโนโลยชี ั้นสูง มกี ารลงทุนที่สูง โดยมากมกั ทำในรูปของบริษัทมหาชน มรี ะบบการผลิตครบวงจร ต้งั แตโ่ รงงาน ผลติ อาหารสัตว์ ไปจนถึงบริษัทจัด จาํ หนา่ ยและแปรรูปผลติ ภณั ฑท์ ่ไี ดจ้ ากสตั ว์ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 4. ระบบโรงเรอื นและอุปกรณ์การเล้ียงสตั ว์ 40 การเลือกทำเลเลี้ยงสัตว์ สร้างโรงเรือนถูกลักษณะ และจัดหาอุปกรณ์การเลี้ยงสัตว์ที่ดี เหมาะสมกับ สตั ว์เลย้ี ง จะทำใหส้ ัตว์อบอุน่ ปลอดภยั และเจรญิ เติบโตดี โรงเรือนถือเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งของการเลี้ยงสัตว์ ในการเลือกทำเลที่ตั้งสำหรับ สร้างโรงเรือน ผ้เู ลี้ยงสัตวค์ วรพิจารณาเลือกดังนี้ ๑. บริเวณพื้นที่ที่จะก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ควรเป็นที่ดอนหรือที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง เพื่อจะได้จัดระบบ การระบายน้ำเสยี ได้ง่าย และปอ้ งกันไมใ่ ห้น้ำท่วมในฤดฝู น 2. บริเวณทีเ่ ลยี้ งสตั วค์ วรมพี น้ื ท่ีมาก เพ่อื ใหส้ ตั วอ์ ยู่สบาย และวางแผนขยายกิจการได้ 3. ควรอยู่นอกเขตชุมชน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของกลิ่นตัวสัตว์ มูลสัตว์ การส่งเสียงร้องของสัตว์ ไม่ให้รบกวนเพือ่ นบ้านท่ีอยูใ่ กล้เคียง 4. มีการคมนาคมขนสง่ สะดวก สามารถส่งอาหารสัตวเ์ ข้าสู่ฟาร์มเลีย้ งได้ง่าย หรอื ขนสง่ ผลติ ผลไปสตู่ ลาด ไดร้ วดเรว็ และสามารถติดตามขา่ วสารความเคล่อื นไหวของสภาวะตลาดได้ รวดเรว็ 5. บรเิ วณทเ่ี ลย้ี งสตั ว์ควรมีแหลง่ น้ำสะอาดเพยี งพอ เพ่อื ใหส้ ัตว์ดื่ม กิน อาบ ผ้เู ล้ียงนำมาใช้ในการทำความสะอาดโรงเรอื น หรือล้างอุปกรณ์ 6. ทำเลที่ใช้เลี้ยงสัตว์ไม่ควรเป็นสถานที่ที่เคยมีโรคระบาดสัตว์ มากอ่ น เพ่ือป้องกันไม่ให้เกดิ โรคระบาดขน้ึ อกี 7. ทิศทางของโรงเรือน ควรสร้างโรงเรือนให้อยู่ในแนว เดียวกับทิศทางโคจรของดวงอาทิตย์ เพื่อลดความร้อนจากแสงแดด และไม่ควรสร้างโรงเรือนรับลม เพราะจะทำให้ลมโกรกพัดเข้า โรงเรือน แรงเกินไป โดยเฉพาะในฤดูฝน ฤดูหนาว อาจเป็นเหตุให้ สัตว์เจ็บปว่ ยได้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวชิ า ง21262 นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 41 8. บรเิ วณที่ตงั้ โรงเรือน ควรมีดินที่อดุ มสมบรู ณเ์ พื่อใชเ้ พาะปลกู พชื อาหารสตั ว์ซึง่ จะช่วยลด ตน้ ทนุ ในเรื่อง อาหารได้ 9. มีไฟฟ้าเข้าถึง การเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันได้มีการนําเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยมากขึ้น มีการใช้ เครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักรกล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งเครื่องมือ อุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องอาศัย พลงั งานจากไฟฟา้ การเลอื กทำเลท่ีต้งั โรงเรือนจงึ ควรเลือกบรเิ วณท่ีมีไฟฟ้าเขา้ ไปถึงแลว้ แบบของโรงเรอื น การเลี้ยงสตั วท์ ุกชนิดจะต้องมีโรงเรือนให้สตั ว์พักอาศยั เปน็ ท่ีคุ้มแดดคุ้มฝน ช่วยปอ้ งกันโรค และอันตราย ให้แก่สัตว์เลี้ยง การจัดสร้างโรงเรือนที่ถูกสุขลักษณะจะทำให้สัตว์อยู่อย่างสุขสบาย ไม่เกิดความเครียด มีการเจริญเติบโตดี นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพื้นท่ีและการใช้แรงงานเลี้ยงสัตว์ ให้แก่ผู้เลี้ยงอีกด้วย รูปแบบของ โรงเรือนโดยท่ัวไปอาศัยลักษณะของหลงั คาเป็นสำคัญ แบ่งไดเ้ ป็น ๕ แบบ คอื 1. โรงเรือนแบบเพิงหมาแหงน เป็นโรงเรือนแบบหลังคาเรียบ หลงั คาดา้ นหนา้ ยกสงู กวา่ ด้านหลงั ชายคา ด้านหน้าและหลังเปิดโล่ง ลักษณะโรงเรือนแบบนี้ไม่สามารถกันลมและฝนสาดเข้าได้ แต่การก่อสร้างท ำได้ง่าย สามารถใช้วสั ดุท่มี ีอยใู่ นท้องถน่ิ ก่อสรา้ งได้ ต้นทุนต่ำ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวตั กรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 42 2. โรงเรือนแบบเพิงหมาแหงนกลาย รูปแบบเหมือนโรงเรือนแบบเพิงหมาแหงนแต่ชายคาด้านหน้า หักมุมต่ำลง ทำให้สามารถปิดกั้นทิศทางลมกันฝนสาดเข้าภายในตัวโรงเรือนได้กว่า แบบเพิงหมาแหงนแบบ ธรรมดา 3. โรงเรอื นแบบหน้าจัว่ เป็นโรงเรือนทม่ี ีลักษณะหลังคาหักมุมเขา้ หากัน ชายคาทง้ั สองด้านทำมุมกับพ้ืน โรงเรือนเท่ากัน สามารถกันแดดกันฝนได้ดีกว่าแบบเพิงหมาแหงน แต่มีข้อเสีย คือ ถ้าสร้างตัวโรงเรือนเตี้ยเกินไป จะระบายอากาศไม่ดี ทำให้ภายในโรงเรือนร้อนอบอ้าว โรงเรือนแบบนี้สร้างยากกว่า และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย มากกวา่ 4. โรงเรือนแบบหน้าจ่วั สองชน้ั มีลกั ษณะโรงเรอื นเหมอื นแบบหน้าจั่วธรรมดา แต่หลังคายก เป็นสองช้ัน หลังคาชั้นบนจะมีขนาดเล็กกว่าชั้นล่าง ตัวโครงสร้างของหลังคาชั้นบนจะเป็นช่องระบายอากาศให้หลังคาชั้นล่าง ทำให้อากาศหมนุ เวยี นถา่ ยเทได้ดี โรงเรอื นแบบน้จี ึงเย็นกวา่ แบบหนา้ จั่ว ธรรมดาและแบบเพงิ หมาแหงน 5. โรงเรือนแบบหน้าจั่วสองชั้นกลาย มีลักษณะรูปแบบโรงเรอื นและหลงั คาเหมอื นแบบ หน้าจั่วสองช้ัน เพียงแต่มุมของหลังคาจะเตี้ยกว่า และตัวโรงเรือนขยายกว้างกว่าแบบหน้าจั่วสองชั้น ทำให้สามารถเลี้ยงสัตว์ ไดม้ ากขึน้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศักดิ์ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 43 อปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งมือในการเลี้ยงสตั ว์ การเลี้ยงสัตว์ต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือหลายอย่าง แตกต่างกันไปตามชนิดของสัตว์ที่เลี้ยง ก่อนจะนํา สัตว์เขา้ ไปเลีย้ งในโรงเรือน ควรจัดเตรียมอปุ กรณ์ให้พรอ้ มเสียกอ่ น อุปกรณแ์ ละเครอ่ื งมอื ทจ่ี าํ เปน็ ต่อการเลย้ี งสตั ว์ มดี ังตอ่ ไปนี้ ๑. อปุ กรณใ์ ห้นำ้ และอาหาร 2. อุปกรณ์เกบ็ มูลสตั ว์ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วิชา ง21262 นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. 3. อุปกรณ์ให้ความอบอุ่นแกส่ ตั ว์เกิดใหม่ 44 4. เครื่องมือผสมอาหาร เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น
ต.ส.ร. 5. เครอ่ื งเวชภณั ฑ์ 45 6. อุปกรณ์อนื่ ๆ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ านวัตกรรมการเกษตร2 รหสั วชิ า ง21262 นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็
ต.ส.ร. หนว่ ยท่ี 4 46 วัสดุเหลือใช้และผลพลอยได้ทางการเกษตร ๑. วัสดเุ หลอื ใช้และผลพลอยได้ทางการเกษตร 2. ปยุ๋ ชีวภาพ 1. วสั ดเุ หลือใชแ้ ละผลพลอยไดท้ างการเกษตร วสั ดุเหลือใช้และผลพลอยได้จากการเกษตร หมายถึง ส่งิ ต่าง ๆ ท่นี อกเหนือจากผลผลิตที่ต้องการปลูกพืช และเล้ียงสัตว์ ได้แก่ เศษตอซงั พืชหลงั การเกบ็ เกีย่ ว ฟางข้าว เปลือกผลไม้ มูลสัตว์ วัสดุรองพ้นื คอกสัตว์ เปน็ ต้น ฟางข้าว ฟางข้าว คือ ต้นข้าวที่ถูกเก็บเกี่ยว แล้วนํามานวดจนเมล็ดข้าวหลุดออกมาเป็นข้าวเปลือก ส่วนที่เหลือ เรยี กว่า ฟางข้าว ใช้เปน็ อาหารของโคกระบอื และใช้ในกจิ กรรมการเกษตรอีกมากมาย คุณสมบัตขิ องฟางขา้ ว - มคี ุณภาพตำ่ เยือ่ ใยสงู มีอตั ราการยอ่ ยได้ต่ำ จึงตกคา้ งอยู่ในกระเพาะสัตวน์ าน สตั วจ์ ึง ได้รับโภชนาการ ไมเ่ พยี งพอ ถา้ ใหก้ นิ ฟาง อย่างเดยี ว น้ำหนกั จะลด - ไมเ่ หมาะจะใชฟ้ างข้าวเล้ียงสตั วท์ ่ีให้ผลผลิตสงู โดยไมป่ รับปรุงคุณภาพของฟางก่อน การใชเ้ ล้ียงสัตว์และข้อจาํ กัด - ใช้ฟางข้าวอย่างเดียวเลี้ยงโค-กระบือ ในช่วงแล้ง เพื่อการ ดำรงชีพของสัตวเ์ ท่านั้น - ใช้ฟางข้าวเสริมด้วยใบพืชตระกูลถั่ว หรือใบมันสำปะหลัง อัตรา ๐.๕-๑ กก./ตัว/วัน เพื่อคงสภาพน้ำหนักสัตวใ์ นช่วงแล้ง - ใช้ในรูปของฟางปรุงแต่ง (หรือฟางหมัก) จะเพิ่มโปรตีน และการยอ่ ยไดส้ ูงขึน้ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชานวัตกรรมการเกษตร2 รหัสวิชา ง21262 นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น
Search