เอกสาร ประกอบการเรียนการสอน 1เกษตงารน1 เรียบเรียงโดย นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรียนวัดดอนพุดซา เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศนาึกยษอาดพิศกัรดะิ์นพควรงบศารคนีอรโูเรยงเธุ็นรยียนาวดั เดขอตนพดุ1ซา
คำนำ หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม งานเกษตร๑ เล่มนี้ ได้เรียบเรียงขึ้นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยยึดจากคำอธิบายรายวิชางานเกษตร๑ และสิ่งรอบตัวที่มีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มทักษะการเรียนผ่านระบบ ออนไลน์เพ่ือให้นกั เรียนเกิดความสนใจมากยิง่ ขึ้น เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 7 หน่วยการเรียนรู้ ประกอบด้วย การเกษตรกับการดำรงชีวิต การเกษตรกับการพัฒนาประเทศ เทคโนโลยีทางการเกษตร เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร ดินและ วสั ดปุ ลูก การปลกุ พชื และการขยายพนั ธ์ุพืช และการเกบ็ เกยี่ วพชื และการถนอมอาหาร หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติม งานเกษตร๑ เล่มนี้ จะอำนวยความสะดวก และ ประโยชนต์ ่อนักเรยี น ผูส้ นใจ ท่จี ะนำไปประยุกตใ์ ช้ในการเรียนรู้ เพื่อให้ไดพ้ ัฒนาเต็มตามศักยภาพ และบรรลุตาม เป้าหมายของหลักสูตรต่อไป นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเย็น ครโู รงเรียนวดั ดอนพุดซา สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพระนครศรอี ยุธยาเขต 1 เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเยน็ ครโู รงเรยี นวัดดอนพดุ ซา
สารบญั หน้า 1 เรือ่ ง 1 บทท่ี 1 การเกษตรกบั การดำรงชีวติ 2 6 ความหมายความสำคญั ของการเกษตร 9 อาชีพเกษตรกรรม 9 การเกษตรทฤษฎีใหม่ 11 บทท่ี 2 การเกษตรกับการพัฒนาประเทศ 17 ความสำคัญของการเกษตร 21 พชื เศรษฐกจิ 21 สตั ว์เศรษฐกจิ 22 บทที่ 3 เทคโนโลยีทางการเกษตร 25 ความหมายและความสำคญั ของเทคโนโลยีทางการเกษตร 26 เทคโนโลยกี ารปลูกพืช 26 เทคโนโลยกี ารเลย้ี งสัตว์ 33 บทที่ 4 เครื่องมือและอุปกรณท์ างการเกษตร 34 ประเภทเคร่ืองมือและอุปกรณ์ทางการเกษตร 35 หลกั การใชเ้ คร่ืองมืองานเกษตร 36 การดูแลรักษาเคร่ืองมืองานเกษตร 40 บทที่ 5 ดนิ และวสั ดุปลกู 40 ความสำคญั ของดินและส่วนประกอบและคณุ สมบัตขิ องดนิ 45 บทท่ี 6 การปลกู พืชและการขยายพันธุพ์ ืช 48 ความรู้เบือ้ งต้นการขยายพันธ์ุพชื 55 การขยายพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศ 56 การขยายพนั ธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศ 60 บทท่ี 7 การเกบ็ เกย่ี วพชื และการถนอมอาหาร การเกบ็ เกยี่ วพชื การแปรรูปและการถนอมอาหาร นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเยน็ เอกสารอ้างองิ ครโู รงเรียนวดั ดอนพดุ ซา เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑
ไปเรยี นกนั เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวัดดอนพดุ ซา
หนว่ ยท่ี 1 1 การเกษตรกบั การดำรงชีวิต ๑. ความหมายความสำคญั ของการเกษตร ๒. อาชพี เกษตรกรรม 3. การเกษตรทฤษฎใี หม่ 1. ความหมายความสำคญั ของการเกษตร ความหมายของการเกษตร การเกษตร คือ การปฏิบัติกับที่ดินเพื่อให้เกิดผลผลิต ทั้งการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ การทำประมง และการเกษตรผสมผสานโดยอาศัยความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ ทรพั ยากรธรรมชาติ และเงินทุน เพอ่ื ให้พืช และสตั ว์เจริญเตบิ โตให้ผลผลิตตา่ ง ๆ ความสำคญั ของการเกษตร การเกษตรมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มนุษย์รู้จักใช้ประโยชน์อย่าง มากมายจากพืช สัตว์ ทั้งในชีวิตประจำวันและการดำรงชีวิต ตลอดจนในการพัฒนาประเทศให้เจริญมั่นคงอีกด้วย ในอดตี มนุษย์ดำรงชวี ติ อยอู่ ยา่ งง่าย ๆ โดยการลา่ สัตว์ เก็บพืชผกั จากป่ามากินเป็นอาหาร อาศัยอยู่ตามถ้ำหรือเพิง ที่สร้างจากกิ่งไม้ ต่อมามนุษย์เร่ิมรู้จักเพาะปลูกพืช รู้จักเลีย้ งสัตว์ ซึ่งเป็นจุดเริ่ม ต้นของการทำการเกษตร ทำให้มี ชวี ติ ความเป็นอยทู่ ่ดี ขี น้ึ จนถงึ ปัจจุบนั แม้วิทยาการ ต่าง ๆ จะเจรญิ กา้ วหน้าขนึ้ มนุษย์ก็ยังคงอาศัยผลผลิตท่ีได้จาก การเกษตรเป็นพืน้ ฐานในการดำรงชวี ติ เช่นเดิม กล่าวคอื 1. เป็นวัตถุดิบในการผลิตปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค โดยมนุษย์รู้จัก เก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตร นำไปประกอบอาหารรับประทาน สร้างความเจริญเติบโต แก่ร่างกาย นำส่วนต่าง ๆ ของพชื เสน้ ใยไปผลติ ส่งิ ทอหรือใชห้ นงั สัตว์ทำเคร่ืองนงุ่ ห่ม ปลกู ปา่ เพื่อนำไม้ไปเปน็ อุปกรณ์การก่อสร้าง สร้างที่พัก อาศัย อาคารสถานที่ ทำเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ต่าง ๆ และปลูกพืชสมุนไพร เพื่อนำไปใช้เป็นยารักษาโรค ซึ่งส่ิง เหล่านี้ลว้ นมคี วามจำเปน็ ตอ่ การดำรงชวี ิต ของมนุษยท์ ัง้ สิน้ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น ครโู รงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
2. เป็นงานที่ทำรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยเกษตรกรสามารถนำผลผลิตทางการเกษตรที่ เหลือจากการ 2 บรโิ ภค ใช้สอยประโยชน์ในครอบครัวไปจัดจำหนา่ ยแก่ผู้อ่นื ไดท้ ัง้ ตลาดภายในประเทศ และตา่ งประเทศซึ่งจะทำให้ เกษตรกรมีรายได้เพมิ่ ขนึ้ 3. เป็นแหล่ง ให้ความร่มรื่นสวยงาม การทำการเกษตรมิได้ให้ประโยชน์ ทางด้านการบริโภค หรือการค้า เท่านั้น แต่ยังให้ความร่มรื่น ความเพลิดเพลิน ความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย เพื่อให้คนได้ใช้ เปน็ ท่ผี อ่ นคลายอารมณ์ เชน่ การไปเทีย่ วสวนธารณะ การเลีย้ งปลาสวยงาม เป็นตน้ 4. ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สำหรับผู้ที่มีเวลาว่างจากการประกอบอาชีพหลัก สามารถทำ การเกษตร เช่น ปลูกไม้ประดับ พืชผักสวนครัว เลี้ยงไก่ เป็นงานอดิเรก เพื่อไม่ให้เวลาว่างนั้นเปล่าประโยชน์หรือ แมแ้ ต่ชาวนา หลงั เก็บเก่ยี วข้าวแล้วอาจปลูกถวั่ ในที่นา ก็จะมีงานทำตลอดปี 2. อาชพี เกษตรกรรม ความหมายของอาชีพ อาชีพ หมายถึง การทำมาหากิน ทำธุรกิจ ตามความชอบหรือความถนดั ได้ค่าตอบแทนเป็นคา่ จ้าง หรือ เงินเดือน ประชาชนในประเทศที่สามารถมีอาชีพเป็นหลักถือได้ว่าเป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงความเจริญก้าวหน้า และพัฒนาประเทศได้ ความสำคญั ของอาชีพ อาชีพมีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของประชากรโลกทุกคน เมื่ออยู่ในวัยที่เหมาะสม ของการทำงาน คือช่วงอายุ 15-59 ปี ซึ่งอยู่วัยที่มีศักยภาพในการใช้กำลัง ความรู้ ความคิด ความสามารถ ความสร้างสรรค์งานและอาชีพต่าง ๆ ได้หลากหลายทั้งอาชีพรับจ้าง อาชีพอิสระ โดยยึดหลักคุณธรรม ความ ซื่อสัตย์สุจริต ก็จะสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติ และปัจจัยอันส่งเสริมให้เกิด ความสำเรจ็ ในการประกอบอาชพี ได้แก่ 1. ความสร้างสรรค์ทางความคิด – การคิดค้นสรา้ งสรรคส์ ิง่ ใหม่ ๆ ทำใหก้ ารทำงานเกดิ ความแปลกใหม่ 2. วสิ ยั ทัศน์ทีก่ วา้ งไกล – จงมองการณไ์ กลเข้าไว้ เพือ่ ให้สามารถวิเคราะหแ์ นวทางเตรียมพรอ้ มและรับมือ กับสิง่ ตา่ ง ๆ ในอนาคตได้ 3. ความเชื่อมั่นในตนเอง – เชื่อมั่นในการลงมือทำ มั่นใจในความคิดการตัดสินใจของตนเอง นับเป็น คุณลกั ษณะความเปน็ ผนู้ ำทีน่ ำไปสูค่ วามสำเร็จได้ 4. ความรับผิดชอบ – เป็นสิ่งท่ขี าดไม่ไดใ้ นการทำงาน เพ่อื แสดงความเป็นมอื อาชพี ในการทำงาน เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น ครโู รงเรยี นวัดดอนพดุ ซา
5. ความพยายาม – เดินหน้าการทำงานโดยไม่หวั่นไหวกับส่ิงยั่วยุ และมีความต่อเนื่องทางการทำงานใน 3 การม่งุ สคู่ วามสำเรจ็ 6. ความกระตือรอื รน้ – กระตือรือร้นต่อหน้าที่การทำงาน เพอื่ ให้ได้ผลงานท่มี ีคุณภาพและปริมาณที่มาก ท่สี ดุ 7. แน่วแน่ในเป้าหมาย – กำหนดเป้าหมายที่แน่นอน และไปตามทางที่วางแผนเอาไว้ เพื่อให้สามารถ ทุม่ เทกบั การทำงานในทศิ ทางทถ่ี ูกต้อง 8. ประมาณตนเอง – แม้จะมีความเชื่อมั่นในตนเองที่เพรียบพร้อมต่อการเดินหน้าตัดสินใจ แตข่ ณะเดียวกันต้องมีการรูจ้ ักประมาณตนเอง เพือ่ ปอ้ งกันปญั หาทีอ่ าจตามมาจากการตดั สินใจทเี่ กินตัว 9. การเป็นผู้นำและการบริหารงานที่ดี – ต้องทีทักษะความรู้ในการจัดการบริหาร และ การกำหนดทิศ ทางการเดินหน้าท่เี หมาะสม รวมถึงทักษะความเปน็ ผูน้ ำอ่ืน ๆ อันมีผลให้ธรุ กิจเกิดการเจรญิ เติบโต 10. มุ่งม่นั ความสำเร็จ – จงท่มุ เทท้ังพลังกาย และ พลงั ใจ ใหก้ บั สง่ิ ต่าง ๆ อนั เปน็ ขน้ั บันไดสู่ความสำเร็จ ทั้ง การศึกษาหาความรู้ การศึกษาการตลาด การทุ่มแรงให้กับการทำงาน การทุ่มเทให้กับการยกระดับ ความสามารถของตนเองและกจิ การ ซึ่งต้องตั้งอยู่บนพ้ืนฐานทางความคิดท่ีไม่คำนึงถึงความยากลำบาก จากความ เกยี จครา้ น อาชพี เกษตรกรรม เป็นอาชีพท่ีเก่ยี วข้องกับการปลูกพืช และการเล้ยี งสัตว์ ประชากรสว่ นใหญ่ในประเทศไทยประกอบอาชีพ เกษตรกรรมเป็นหลัก สามารถนำผลผลิตจากการเกษตรส่งไปจำหน่ายทั้งตลาดภายในประเทศ เพื่อให้คนไทยได้ บรโิ ภค และตา่ งประเทศเปน็ รายไดจ้ ากการส่งสนิ ค้าสง่ ออก เป็นอาชพี ทีส่ รา้ งรายได้ให้แก่ประชากรไทย ได้ผลผลิต ที่มีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดโลกนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความชอบ ความถนัด ความสนใจ ทรัพยากรธรรมชาติ และเงินทุน ทั้งยังต้องศึกษาค้นคว้า พัฒนารูปแบบวิธีการกลยุทธ์ต่าง ๆ ทางด้านการเกษตร เพอื่ เป็นแนวทางในการพัฒนาอาชีพเกษตรต่อไป เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเย็น ครโู รงเรียนวัดดอนพุดซา
การประกอบอาชพี เกษตรกรรมใหป้ ระสบความสำเรจ็ 4 การประกอบอาชีพเกษตรกรรมให้ประสบความสำเรจ็ นน้ั ผู้ประกอบการจะตอ้ งเตรยี มความพรอ้ มเพื่อรบั สถานการณ์ที่จะเกดิ ขึ้น เพราะการทำธรุ กิจนมี้ ีอตั ราเสยี่ งสูง ผูป้ ระกอบการต้องมีความขยนั อดทน ตั้งใจทำงาน และหมน้ั หาความรู้ หรอื กลยุทธต์ ่าง ๆ ท่จี ำเปน็ ต้องมีในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดงั นี้ 1. การร้จู ักตนเอง ผปู้ ระกอบอาชีพเกษตรกรรม ตอ้ งสำรวจตวั เองก่อนวา่ มีความถนัด ความชอบ และมีความสนใจในอาชีพน้ี หรือไม่ก่อนที่จะดำเนินงานด้านเกษตร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจหรือค้นคว้าหาข้อบกพร่อง แล้วนำไป ปรับปรุงการทำงาน 2. ศกึ ษาข้อมลู ดา้ นนโยบายส่งเสรมิ จากภาครัฐบาล รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมสนับสนุนกิจการต่าง ๆ ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีแหล่งส่งเสริม การค้า แหล่งเงินทุน และแหล่งข้อมูลความรูเ้ กี่ยวกับการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสรมิ การเกษตร กรมพัฒนาท่ีดนิ สถาบนั การศกึ ษา กรมพฒั นาชมุ ชน 3. การตลาด การตลาดเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการอาชีพเกษตรกรรมที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ควร จะต้องรู้ข้อมูลเกีย่ วกับการตลาด สามารถวิเคราะหส์ ถานการณก์ ารตลาดปัจจุบันและแนวโนม้ ความต้องการสินคา้ ในอนาคต ตลอดจนวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคของการตลาดได้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับการผลิตสินค้าใน อนาคต 4. ร้สู ภาพการแขง่ ขันทางการคา้ ผู้ประกอบการจะต้องรู้จักคู่แข่งขันทางการค้า ซง่ึ ไดแ้ ก่ ผู้ผลิตสินค้าหรอื ผู้จำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกับ เรา ศึกษาแหล่งผลิตสินค้า ทำเลที่ตั้งของแหล่งผลิต จุดเด่น จุดด้อยของสินค้า วิธีการผลิต และกลยุทธ์ในการจัด จำหน่าย เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาปรับปรุงสินค้าและการบริการของเราให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภค และเป็นที่ ตอ้ งการของตลาด 5. การบริหารงานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมถึงแม้ว่าจะเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษสะสมประสบการณ์ใน การประกอบอาชีพเกษตรกรรมแล้วถ่ายทอดสู่ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน แต่ยังพบว่า เกษตรกรไทยขาดทักษะการ บริหารการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการมีทักษะการบริหารการงานจะช่วยให้การดำเนินงานมีการ ผิดพลาดน้อยลง สามารถแก้ปีญหาได้อย่างรวมเร็ว การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพนั้นประกอบไปด้วย การวางแผน การควบคุม การจัดตง้ั องค์กร เป็นต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
6. การทำบญั ชี 5 การทำบัญชีและเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเนื่องจากการทำบัญชีจะทำให้ทราบถึง ภาวะการเงินว่ากำไรหรือขาดทุน บัญชีที่ถูกต้องจะสามารถทำให้เราหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ทางการเงินที่จะอาจ เกิดขนึ้ ได้ โดยการใชห้ ลกั เศรษฐกิจพอเพียงร่วมดว้ ยจะช่วยใหก้ ารประกอบอาชีพสกรรมประกอบความสำเร็จได้ 7. การรปู้ ัญหาทางการเงิน ก่อนจะลงมือประกอบอาชีพเกษตรกรรมนั้นต้องศึกษาวางแผนการใช้เงินให้ถูกต้องก่อนเพราะปัญหา ทางการเงินเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้เกิดการประกอบอาชีพล้มเหลวได้ การบริหารการเงิน เงินทุน และเงินสำรองที่ดีจะบรรเทาความเสียหายในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทำให้สาม ารถดำเนินการ ได้ คลอ่ งตวั ข้ึน มเี งนิ ทนุ หมุนเวยี นตลอดเวลา นำไปพฒั นาสนิ คา้ และบรกิ ารตอ่ ไป 8. การเลือกบคุ ลากรมาร่วมงาน การเลือกบุคลากรร่วมงานเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินกิจการ บุคลากรหรือผู้ร่วมงานเป็นปัจจัยหลัก ท่ีจะประสบความสำเรจ็ การจัดคนให้เหมาะสมกับงานตามความถนดั ความชำนาญในการทำหน้าที่ มกี ารฝึกอบรม ผ้รู ่วมงานก่อนลงมอื ปฏบิ ตั งิ าน และควรมีวิธีสร้างแรงจงู ใจใหผ้ ู้ร่วมงานมกี ำลังใจเพ่ือใหไ้ ด้งานที่มคี ุณภาพ 9. พัฒนาการขายสินคา้ และบรกิ าร มกี ารปรับปรุงพฒั นาวธิ ีการปลกู การผลติ สินค้า การแปรรูปผลิต ให้มคี ณุ ภาพตามความตอ้ งการของตลาด รู้จักเทคโนโลยีทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิต หันมาใช้เกษตรอินทรีย์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และมีความ ปลอดภยั ต่อผู้บริโภค ซึ่งตรงกบั ความต้องการของตลาดโลก และมีการพฒั นาการบริการให้รวดเร็วประทับใจลูกค้า อยูเ่ สมอ ปัญหาในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมมักจะพบกับปัญหาหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกกพืชหรือ การเลี้ยงสัตว์ บางครั้งพบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ราคาผลผลิตตกต่ำ หรือภัยทางธรรมชาติท่ีจะทำให้ผู้ประกอบ อาชีพเกษตรกรรมตอ้ งประสบกบั การขาดทนุ และลม้ เหลวในอาชีพซึ่งมีสาเหตุดังนี้ 1. สภาพดินฟ้าอากาศ การเกษตรกรรมต้องอาศัยน้ำจากธรรมชาติเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชหรือการเลี้ยงสัตว์ เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พืชและสัตว์เจริญเติบโต และใช้ในการทำความสะอาดคอกสัตว์ ในปัจจุบัน ภาวะโลกร้อนมีผลกระทบต่อดินฟ้าอากาศทำให้เกิดน้ำท่วมสร้างความเสียหายให้การเกษตรอยู่เสมอ ดังนั้นเกษตรกรจึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อหาทางป้องกันกันและแก้ไขปัญหา ดังกลา่ ว เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น ครโู รงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
2. โรคพืชและโรคสัตว์ 6 เป็นปัญหาที่สำคัญจะละเลยไม่ได้ เนื่องจากโรคพืชและโรคสัตว์จะสร้างความเสียหายต่อผลผลิต ทางการเกษตรอย่างมาก ไม่สามารถขายผลผลติ ได้ และอาจจะต้องทำลายผลผลิตทั้งหมดเพ่ือหยุดการแพร่ระบาด ของโรค ดงั น้นั เกษตรกรจึงควรศึกษาขอ้ มลู เร่อื งโรคพชื และโรคสตั วแ์ ละหาวธิ กี ารป้องกันกำจดั ให้ได้ 3. ผลผลิตล้นตลาดและราคาผลผลิตตกต่ำ เกิดจากความผิดพลาดในการวิเคราะห์ตลาดทำให้เกษตรกรผลิตสินค้าออกมาจำนวนมากเกินความ ตอ้ งการของผู้บริโภคทำให้ราคาของผลผลิตตกต่ำเกษตรกรจึงควรศกึ ษาแนวโน้มของตลาดให้ดีกอ่ นจะดำเนนิ การ อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลักของคนไทยมีความสำคัญต่อกันชีวิตของมนุษย์และความสำคัญต่อ เศรษฐกิจของประเทศ สร้างรายได้ให้แก่คนไทยและประเทศไทย และยังสร้างความสมดุลทางธรรมชาตใิ ห้กลับคืน มาอีกด้วย 3. การเกษตรทฤษฎใี หม่ การเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องของการบริหาร จัดการน้ำ และที่ดิน เพื่อการจัดการเกษตรอย่างเป็นระบบให้เกิดประโยชน์สูงสุด บรรเทาความเดือดร้อนของ เกษตรกรให้สามารถเล้ียงต้นเองและครอบครัวอย่างพอเพียง มีคุณภาพชีวติ ท่ีดี ช่วยเหลอื ซึง่ กนั และกนั ในชุมชน ขนั้ ที่ 1 ทฤษฎีใหมข่ ั้นตน้ การจัดสรรพนื้ ท่ีอย่อู าศยั และ ทท่ี ำกิน ใหแ้ บง่ พื้นที่ ออกเปน็ 4 ส่วน ตามอัตราสว่ น 30 : 30 : 30 : 10 ซงึ่ หมายถึง - พน้ื ท่สี ่วนทีห่ นึง่ ประมาณ 30% ให้ขดุ สระเก็บกักน้ำ เพ่อื ใช้เก็บกกั น้ำฝนในฤดฝู นและ ใช้เสริมการปลูก พืชในฤดแู ลง้ ตลอดจนการเลย้ี งสตั วน์ ้ำและพชื นำ้ ตา่ ง ๆ - พื้นที่ส่วนที่สอง ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน สำหรับครอบครวั ให้ เพยี งพอตลอดปี เพื่อตดั ค่าใชจ้ ่ายและสามารถพงึ่ ตนเองได้ - พื้นที่ส่วนที่สาม ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้เป็น อาหารประจำวัน หากเหลอื บรโิ ภคกน็ ำไปจำหนา่ ย - พื้นที่ส่วนที่สี่ ประมาณ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์และโรงเรือนอื่น ๆ (ถนน คันดิน กองฟาง ลานตาก กองปุ๋ยหมกั โรงเรอื น โรงเพาะเห็ด คอกสัตว์ ไมด้ อกไมป้ ระดบั พชื ผักสวนครัวหลงั บา้ น เปน็ ตน้ ) เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็ ครโู รงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
หลักการและแนวทางสำคัญ 7 1. เป็นระบบการผลติ แบบพอเพียง ที่เกษตรกรสามารถเล้ยี งตวั เองได้ในระดับท่ีประหยัดก่อน ท้ังน้ีชุมชน ต้องมีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจในการช่วยเหลือซึ่งกนั และกันทำนองเดียวกับการ \"ลงแขก\" แบบดั้งเดิม เพื่อลด ค่าใช้จ่าย 2. เนื่องจากข้าวเป็นปัจจัยหลักที่ทุกครัวเรือนจะต้องบริโภค ดังนั้น จึงประมาณว่าครอบครัวหนึ่งทำนา 5 ไร่ จะทำให้มีขา้ วพอกินตลอดปี โดยไม่ต้องซ้ือหาในราคาแพง เพ่อื ยึดหลกั พ่ึงตนเองไดอ้ ย่างมีอิสรภาพ 3. ต้องมีน้ำเพื่อการเพาะปลูกสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วงได้อย่างพอเพียง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกันที่ดินส่วนหนึ่งไว้ขุดสระน้ำ โดยมีหลักว่าต้องมีน้ำเพียงพอที่จะทำการเพาะปลูกได้ตลอดปี ทั้งนี้ได้พระราชทานพระราชดำริเป็นแนวทางว่า ต้องมีน้ำ 1,000 ลูกบาศก์เมตร ต่อการเพาะปลูก 1 ไร่ โดยประมาณ ฉะนน้ั เมื่อทำนา 5 ไร่ ทำพืชไรห่ รือไมผ้ ลอกี 5 ไร่ (รวมเปน็ 10 ไร)่ จะต้องมนี ้ำ 10,000 ลกู บาศก์ เมตรต่อปี ดงั นัน้ หากมีพืน้ ที่ 15 ไร่ จึงมีสตู รครา่ ว ๆ วา่ แตล่ ะแปลงประกอบด้วย - นา 5 ไร่ - พืชไร่พืชสวน 5 ไร่ - สระน้ำ 3 ไร่ ลึก 4 เมตร จุประมาณ 19,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็น ปริมาณน้ำที่เพียง พอทจี่ ะสำรองไวใ้ ช้ยามฤดูแลง้ - ท่ีอย่อู าศัยและอื่น ๆ 2 ไร่ รวมทง้ั หมด 15 ไร่ 4. การจดั แบ่งแปลงทดี่ นิ เพ่ือให้เกิดประโยชนส์ งู สดุ น้ี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงคำนวณและคำนึง จากอัตราถือครองที่ดินถัวเฉลี่ย ครัวเรือนละ 15 ไร่ อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรมีพื้นที่ถือครองน้อยกว่าหรือ มากกวา่ นี้ ก็สามารถใช้อัตราสว่ น 30 : 30 : 30 : 10 ไปเป็นเกณฑ์ปรับใช้ได้ดงั ข้างต้น อย่างไรกต็ าม อัตราส่วน ดังกล่าวเป็นสูตรหรอื หลักการโดยประมาณเท่านัน้ สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยขึ้นอยู่ กับสภาพของพื้นที่ ดิน ปริมาณน้ำฝนและสภาพแวดล้อม เช่น ในกรณีภาคใต้ที่มีฝนตกชุกกว่าภาคอื่น หรือหาก พ้ืนทีท่ ่มี ีแหล่งน้ำมาเติมสระไดต้ ่อเน่ือง กอ็ าจลดขนาดของบ่อหรือสระน้ำให้เล็กลง เพื่อเก็บพ้นื ท่ีไว้ใช้ประโยชน์อื่น ต่อไปได้ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศักดิ์ พวงบานเย็น ครโู รงเรยี นวดั ดอนพุดซา
ขน้ั ที่ 2 ทฤษฎใี หมข่ ัน้ กลาง 8 เมื่อเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ปฏิบัติในที่ดินของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเริ่มขั้นที่สองคือให้ เกษตรกรรวมพลงั กันในรปู กลุ่ม หรอื สหกรณ์ ร่วมแรง ร่วมใจกนั ดำเนินการในดา้ น 1. การผลติ เกษตรกรจะต้องรว่ มมือในการผลิตโดยเรม่ิ ตงั้ แต่ ขั้นเตรียมดนิ การหาพันธพ์ุ ืช ปยุ๋ การหาน้ำ และอื่น ๆ เพือ่ การเพาะปลูก 2. การตลาด เมื่อมีผลผลิตแล้ว จะต้องเตรียมการต่าง ๆ เพื่อการขายผลผลิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่น การเตรียมลานตากข้าวร่วมกันการจัดหายุ้งรวบรวมข้าว เตรียมหาเครื่องสีข้าว ตลอดจนการรวมกันขาย ผลผลิตให้ได้ราคาดี และลดคา่ ใชจ้ ่ายลงดว้ ย 3. ความเป็นอยู่ ในขณะเดียวกันเกษตรกรต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีพอสมควร โดยมีปัจจัยพื้นฐานในการ ดำรงชีวติ เช่น อาหารการกนิ ตา่ ง ๆ กะปิ นำ้ ปลา เสือ้ ผ้า ท่พี อเพียง 4. สวัสดิการ แต่ละชุมชนควรมีสวัสดิการและบริการที่จำเป็น เช่น มีสถานีอนามัยเมื่อยามป่วยไข้ หรือมี กองทนุ ไวใ้ ห้กยู้ มื เพือ่ ประโยชน์ในกจิ กรรมต่าง ๆ 5. การศึกษา มีโรงเรียนและชุมชนมีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษา เช่น มีกองทุนเพื่อการศึกษาเล่า เรียนใหแ้ ก่เยาวชนของชมุ ชนเอง 6. สงั คมและศาสนา ชุมชนควรเปน็ ศนู ย์กลางในการพัฒนาสังคมและจิตใจ โดยมีศาสนาเป็นที่ยดึ เหน่ียว ขั้นที่ 3 ทฤษฎใี หม่ขัน้ ก้าวหนา้ เมื่อดำเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้ว เกษตรกรจะมีรายได้ดีขึ้น ฐานะมั่นคงขึ้น เกษตรกรหรือกลุ่ม เกษตรกรก็ควรพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่สามต่อไป คือ ติดต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุน หรือแหล่งเงิน เช่น ธนาคาร หรือบริษัทห้างร้านเอกชน มาช่วยในการทำธุระกิจ การลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ ทั้งฝ่าย เกษตรกรและฝา่ ยธนาคารกบั บรษิ ทั จะไดร้ ับประโยชนร์ ว่ มกัน กล่าวคอื - เกษตรกรขายข้าวได้ในราคาสูง ไม่ถกู กดราคา - ธนาคาร สถาบันการเงิน และบรษิ ัท จะซ้อื ผลผลิตในราคายุตธิ รรม - เกษตรกรซือ้ เครื่องอปุ โภคบริโภคได้ในราคาตำ่ เพราะรวมกันซื้อเป็นจำนวนมาก - ธนาคาร สถาบันการเงินจะมีการขยายงานเพิ่มบุคลากรเพื่อดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้กว้างขวางและ ไดผ้ ลยิง่ ขึน้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศักดิ์ พวงบานเย็น ครูโรงเรียนวัดดอนพุดซา
หน่วยท่ี 2 9 การเกษตรกับการพฒั นาประเทศ ๑. ความสำคัญของการเกษตรกับการพฒั นาประเทศ ๒. พืชเศรษฐกจิ 3. สัตว์เศรษฐกจิ 1. ความสำคัญของการเกษตรกับการพฒั นาประเทศ การพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงจะต้องเริ่มที่การพัฒนาประชากรในประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี จัดการศึกษา มอี าชีพรองรบั อย่างเพียงพอ จัดการคมนาคมท่สี ะดวกและรวดเรว็ มสี าธารณปู ระโภคครบครัน และ ท่ีสำคัญ มอี าหารอุดมสมบรู ณ์อย่างเพียงพอ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีควาอุดมสมบูรณ์อยู่บริเวรเส้นศูนย์สูตร จึงทำให้มีภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อ การเกษตร คนไทยดำรงชีวิตด้วยการประกอบอาชพี เกษตรกรรมมาต้ังแต่อดีตถึงปจั จบุ ัน ถึงแม้ในปัจจุบันพื้นท่ใี น การทำการเกษตรจะมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่ น เช่น สร้างที่อยู่อาศัย และสร้างโรงงานอุตสาหกรรม แต่ผลผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้ภายประเทศ และส่งออกไปจำหน่าย ยังต่างประเทศ ทำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก นำไปใช้ในการพัฒนาสร้างความเจริญให้แก่ประเทศไทย จงึ นับว่าเกษตรมีความสำคัญตอ่ การพฒั นาประเทศ ดังต่อไปนี้ 1. เปน็ อาชพี หลักของคนไทย ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทยประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มีการทำนา ทำสวน ทำไร่ และเลี้ยงสัตว์ สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว เกษตรกรจึงเป็นแรงงานสำคัญในการผลิตผลผลิต ทางการเกษตรใหก้ ับประเทศ 2. การเกษตรเปน็ แหล่งวัตถดุ ิบผลติ ปัจจัยส่ีเพอื่ การดำรงชวี ติ เป็นวัตถุดิบในการผลิตปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค ถ้าประเทศใด สามารถผลติ ปัจจยั เหลา่ น้ีใหเ้ พียงพอต่อความต้องการของประชาชนในประเทศได้ กไ็ ม่จำเปน็ ต้องนำเข้าหรือส่ังซ้ือ สินค้าจากประเทศอื่น ทำให้ไม่สูญเสียเงนิ ตราต่างประเทศ สามารถนำเงินจำนวนนี้ไปพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ ได้ ในทางกลับกัน ถ้าประเทศใดจำเป็นต้องนำสินค้าจากต่างประเทศก็จะสูญเสียเงินตราต่างประเทศและเสีย โอกาสทจี่ ะนำเงินไปพัฒนาประเทศอีกด้วย 3. การเกษตรเปน็ แหล่งวตั ถุดบิ ป้อนโรงงานอุตสาหกรรม ผลผลิตทางการเกษตรใช้เป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อแปรรูปเป็นผลผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เชน่ อ้อยนำไปผลิตเปน็ นำ้ ตาลทราย มนั สำปะหลังผลิตเป็นแปง้ มัน รำข้าว ขา้ วโพด ข้าวฟา่ ง และกากถั่วเหลือง เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเยน็ ครโู รงเรียนวัดดอนพดุ ซา
ป้อนโรงงานอาหารสัตว์ พืชสมุนไพรป้อนโรงงานอุตสาหกรรมเคมีและเภสัชกรรม ฝ้ายนำไปผลิตเส้นใยทอผ้า 10 ทำเครื่องนุง่ หม่ เป็นต้น 4. การเกษตรสง่ เสริมเศรษกิจภาคบริการ ผลผลิตทางการเกษตรเป็นปัจจัยส่งเสริมเศรษฐกิจภาคบริการ เนื่องจากการส่งเสริมสินคา้ ทางการเกษตร ออกสูต่ ลาดโลกซง่ึ เป็นสินค้าท่ีมีคุณภาพเป็นทีย่ อมรับของตา่ งประเทศ เช่น ไมด้ อก ไม้ประดบั ผลไม้ไทย สมุนไพร รวมทั้งการทำเกษตรกรรมแบบธรรมชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นใน รูปแบบ “การท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro-Tourism)” ได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน พร้อมทั้งปลูกจิตสำนึกใน เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดรายได้ เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในชุมชนเป็นแหล่งท่องเที่ยว เชงิ เกษตรซึงมีอยหู่ ลายจังหวัดในแต่ละภาคของประเทศไทย 4. การเกษตรเป็นปจั จยั ส่งเสริมความมัน่ คงของประเทศ การเกษตรสร้างความมั่นคงและฐานะทางเศรษฐกิจให้แก่เกษตรกรจากการประกอบอาชีพ เกษตรกรมี รายได้เพ่มิ มากข้นึ มาจากการจำหนา่ ยผลผลิต กจ็ ะมีเงนิ ไปซ้อื สินค้าอปุ โภคบรโิ ภคประเภทอน่ื มาใชใ้ นการดำรงชีวิต เช่น เสื้อผ้า ยารักษาโรค เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ทางการเกษตร จะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินทุน หมุนเวียนภายในประเทศ เป็นผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ส่วนผลผลิตที่ส่งออกไปจำหน่าย ยังตา่ งประเทศ สร้างรายได้ใหก้ ับประเทศไทยปลี ะหลายหม่นื ล้านบาท จะเห็นได้ว่าการเกษตรและผลผลิตทางการเกษตรมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศให้มั่นคง โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เป็นแรงงานสำคัญของประเทศ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาภาคเกษตรกรรม ให้มีศกั ยภาพและยงั่ ยืนต่อไป เพ่ือเปน็ ฐานสนบั สนุนภาคเศรษฐกจิ อ่นื ๆ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ประเทศไทย กจ็ ะพฒั นากา้ วหน้าทัดเทยี มอารยประเทศ เปน็ ทร่ี จู้ ักและยอมรบั ของคนทวั่ โลก เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็ ครโู รงเรียนวัดดอนพุดซา
2. พืชเศรษฐกิจ 11 ความหมายของพชื พืช (Plant) คือ พันธุ์ไม้ทุกชนิดที่เจริญเติบโตอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ สามารถดูดซึมธาตุอาหาร น้ำ และอากาศ ขยายพนั ธ์หุ รือแพร่พนั ธ์ุเพือ่ ดำรงอยูไ่ ด้ พืชมีความสำคัญทางการเกษตร เป็นแหล่งอาหารแหละพลังงานให้แก่มนุษย์โลก และมีความต่อ สิ่งแวดลอ้ มโลกอกี ด้วย ความสำคัญของพืช พืชทกุ ชนดิ ทัง้ ท่ีขึ้นเองตามธรรมชาติหรือเกิดจากมนุษย์เปน็ ผ้ปู ลูก ลว้ นมีความสำคญั ต่อการดำรงชีวิตของ สิ่งมีชวี ิตในโลกน้ที ัง้ สิ้น จำแนกตามความสำคญั ไดด้ งั น้ี 1. ใช้ในการดำรงชวี ติ มนุษย์และสัตว์ใช้พืชเป็นอาหารเพื่อดำรงชีวิต ทั้งพืชที่เกิดตามธรรมชาติ และพืชที่ถูกปลูกขึ้น มีการ ขยายพันธุ์หรอื แพร่พันธุ์ในปริมาณมากขึ้นใหเ้ พยี งพอต่อการบริโภคของประชากรโลก ถ้าประเทสใดเกิดความแหง้ แล้งไมส่ ามารถปลกู พืชได้กจ็ ะเกิดภยั พิบตั ิ เกิดความอดอยากขาดแคลนอาหารท่เี รียกว่า “ทกุ ขพิษภัย” 2. ใช้เป็นแหลง่ พลังงานความร้อน พืชเป็นแหล่งพลังงานให้แก่มนุษย์มาตั้งแต่โบราณ มนุษย์ใช้พืชที่ตายแล้วมาทำฟืนเผาถ่านให้พลังงาน ความร้อนเป็นเชื้อเพลิงประกอบอาหารและให้ความอบอุ่น ส่วนพืชที่ตายทับถมกันเป็นเวลานาน เป็นซากดึกดำบรรพ์ จะกลายสภาพเป็นของเหลวสีดำที่เรียกว่า น้ำมันดิบหรือ ปิโตรเลียม (Petroleum) และถ่านหิน เป็นพลังงาน เชื้อเพลิงที่มีความสำคัญต่อมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง น้ำมันดิบ เมื่อนำมากลั่นผ่านโรงแยกก๊าซมีเทน บิวเทน และโพรเพน จะได้น้ำมันเบนซิน นำ้ มนั กา๊ ด นำ้ มันดีเซล และน้ำมันเตา ซ่ึงเป็นพลังงานสำคญั ของโลก เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเย็น ครโู รงเรยี นวดั ดอนพุดซา
3. เปน็ แหล่งออกซิเจน 12 เม่อื พืชดูดซึมธาตุอาหารและน้ำเข้าไปในลำต้นก็จะเกิดกระบวนการสังเคราะห์แสงในเวลากลางวัน พืชจะ ปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์และสัตว์เพื่อใช้ในการหายใจ ออกซิเจนยังทำให้อากาศ บริสทุ ธิ์ ลดภาวะโลกร้อนได้อีกดว้ ย 4. รักษาความสมดุลทางธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ป่าไม้ที่หนาแน่นและสมบูรณ์ จะทำให้เกิดความชุ่มชื้น เป็นต้นกำเนิดของแล่งน้ำและยังทำให้ฝนตกตาม ฤดูกาล ลดปัญหาความแห้งแล้ง นอกจากนั้นพืชจะช่วยดูดซับน้ำ ช่วยป้องกันน้ำท่วม และรากพืชจะช่วยยึดหน้า ดนิ ปอ้ งกนั อนั ตรายพ้ืนดนิ ถล่ม ป่าไม้ยงั เป็นทอ่ี ยูอ่ าศยั ของสัตวป์ ่า สร้างความสมดุลของระบบนิเวศเป็นอยา่ งดี 5. เป็นแนวบงั ลมและคลนื่ ตามธรรมชาติ เมื่อถึงฤดูพายุ จะมีลมพัดผ่านประเทศไทย แนวป่าไม้ บริเวณที่มีการปลูกพืชหนาแน่นจะช่วยปะทะความรุนแรงของ กระแสลมที่อาจเป็นอันตรายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน ตลอดจน พืชผลทางการเกษตร บริเวณชายฝั่งทะเลจะมี ป่าชายเลน คอยช่วยกำบงั ลมและคลนื่ ไมใ่ หซ้ ัดทำลายชายฝัง่ กอ่ ใหเ้ กิดการ พงั ทลายของแผน่ ดินชายฝง่ั ได้ พืชเศรษฐกิจของประเทศไทย พชื แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท พชื เศรษฐกิจของประเทศไทย พชื ไร่ (Field crops) พืชสวน (Horticulture) ปา่ ไม้ (Forest) เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวดั ดอนพุดซา
พชื ไร่ (Field crops) 13 พืชไร่ หมายถึง พืชที่นำไปปลูกในไร่นา ทั้งที่ลุ่มและที่ดอน ใช้เนื้อที่ในการปลูกเป็นบริเวณกว้าง การดูแล รักษาไม่ต้องพิถีพิถันมากนัก อาศัยน้ำจากธรรมชาติหรือน้ำฝนเป็นหลัก ส่วนใหญ่เป็นพืชฤดูเดียวหรือพืชล้มลุก ต้องปลูกใหม่อยู่เสมอ และมักมีหน่วยของผลผลิตต่อจำนวนพื้นที่เป็น ตันต่อไร่ กิโลกรัมต่อไร่ หรือ ถังต่อไร่ และในรายวชิ านี้จะจำแนกพชื ไร่ตามหลกั พชื ไร่หรือตามประโยชนข์ องพืชไร่ ซ่ึงมหี ลักการจำแนกดงั น้ี 1. ธัญพืช หมายถงึ พชื ทป่ี ลกู สำหรับนำเมล็ดมาใช้ประโยชน์จำพวกตระกูลหญ้าและตระกูลถ่ัว เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟา่ ง ขา้ วเดอื น ขา้ วโอต๊ ข้าวไรน์ ข้าวบารเ์ ล่ย์ ถ่ัวเหลอื ง ถวั่ เขยี ว ถวั่ ลิสง เปน็ ตน้ 2. พชื น้ำตาล หมายถงึ พืชท่ปี ลูกเพอื่ ใชส้ ่วนของลำตน้ หรือหัวนำมาสกัดนำ้ ตาล เชน่ ออ้ ย Sugar beet 3. พืชให้น้ำมัน หมายถึง พืชที่ปลูกเพื่อสกัดหรือแปรรูปเป็นน้ำมันพืช เช่น ถั่วเหลือง เรพชิด ถั่วลิสง งา สบดู่ ำ ละห่งุ คำฝอย ทานตะวนั ปาลม์ เปน็ ตน้ 4. พชื เส้นใย หมายถึง พชื ท่ีปลกู เพื่อใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เชน่ ทำเชอื กด้าย กระสอบ อวน จับสตั ว์น้ำ ทำพรม เชน่ ฝา้ ย ปา่ น ปอ นุ่น เป็นต้น 5. พืชอาหารสัตว์ พืชที่ปลูกไว้สำหรับเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นพืชตระกูลถั่วหรือตระกูลหญ้า เช่น หญา้ กินี หญา้ มอริซัส หญ้าขน ถว่ั เหลือง ถั่วลาย ปอเทือง ขา้ วโพด ขา้ วฟา่ ง เปน็ ตน้ 6. พชื ใช้หัว หมายถงึ พืชท่ีมลี ำตน้ อยใู่ ต้ดนิ สะสมอาหาร เรยี กวา่ “หวั ” เช่น มันสำปะหลงั ใช้แปรรปู เป็น แปง้ มนั มันเสน้ มันอดั เม็ด ใชใ้ นอุตสาหกรรม อาหารสตั ว์ และยังใช้ผลติ แอลกอฮอร์ เป็นพลงั งานทดแทน 7. พืชออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท หมายถึง พืชที่ให้สารออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท เช่น กาแฟ ชา ยาสูบ เปน็ ต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
พชื สวน (Horticulture) 14 พืชสวน หมายถึง ที่ต้องดูแลอย่าพิถีพถิ ัน ต้องดูแลเอาใจใสอยา่ งใกล้ชิด มีขอบเขตในการปลูกทีแ่ น่นนอน ทั้งยังมีขั้นตอนและความประณีตในการปลูกมาก นับตั้งแต่การเพาะเมล็ด การเตรียมดิน การจัดระยะปลูก การใหป้ ยุ๋ ให้นำ้ พรวนดิน การปอ้ งกนั กำจัดศตั รพู ืช และการเกบ็ เกยี่ ว แบ่งออกไดเ้ ปน็ หลายแขนงดังนี้ 1. พชื ผกั หมายถึง พืชพวกทีใ่ ชใ้ บ ผล ราก ดอก หัว หรือลำ ต้นเป็นอาหาร ส่วนใหญ่เป็นพืช ที่มีอายุสั้น เพียงฤดูเดียว เช่น ผักกาดขาว กวางตุ้ง คะน้า มะเขือเทศ พริก แครอท สะระแหน่ กะหล่ำปลี ผกั กาดหัว กะหลำ่ ดอก และผกั บางชนิดอาจมีอายุมากกว่า 1 ปี เชน่ ผักกระเฉด ขงิ ขา่ ตะไคร้ เป็นตน้ 2. ไม้ผล หมายถึง ไมย้ นื ตน้ ท่มี ีอายหุ ลายปี จึงจะใหผ้ ลผลิต การทำสวน ผลไม้ ชาวสวนจะต้องศึกษาหาความรู้ ความชำนาญ ความขยันหมั่นเพียรและ ปฏิบัติดูแลรักษาอยู่ตลอดเวลา เพราะการทำสวนผลไม้ต้องอาศัย เงินทุน และ ระยะเวลานานพอสมควรที่จะให้ผลผลิตออกจำหน่ายได้ พืชที่จัดว่าเป็นไม้ผล เช่น มะม่วง ทุเรยี น มะขาม มงั คดุ ลำไย มะพรา้ ว ขนนุ ชมพู่ สม้ ต่าง ๆ เปน็ ต้น 3. ไม้ดอกไม้ประดับ หมายถึง พืชที่ปลูกแล้วสามารถให้ดอกที่สวยงาม หรือบางชนิดก็ให้ใบ ทรงต้น ทรงพุม่ สวยงาม ซง่ึ สามารถใชต้ กแตง่ สถานทใ่ี หส้ วยงามได้ แบ่งออกเป็น 3.1 ไมด้ อก คอื พชื ทปี่ ลกู เพื่อต้องการดอกนำไปใชป้ ระโยชน์ แบง่ ออกเป็น 3.1.1 ไม้ตัดดอก คือ ไม้ดอกที่ปลูกเพื่อตัดดอกจากต้น นำมาใชป้ ระโยชน์ เช่น ดอกกุหลาบ เบญจมาศ เยอบรี า่ เปน็ ต้น 3.2.2 ไม้ดอกติดกับต้น หมายถึง พันธุ์ไม้ดอกที่ไม่นิยม ตัดดอก เนื่องจากดอกไม่มีความคงทน เหี่ยวเฉาง่าย เช่น ชบา ทองอุไร ผกากรอง เฟอ้ื งฟา้ เป็นต้น 3.2 ไม้ประดับ คือ พันธุ์ไม้ที่ปลูกเพื่อประดับอาคารต่าง ๆ โดย ไม่คำนง่ึ ถงึ ดอกของมนั แตค่ ำนกึ ถงึ ความสวยงามของรูปทรงลำต้น ใบ ทรงพุม่ เปน็ สว่ นสำคญั แบ่งออกได้ 3.3.1 ไม้ใบ คือ พันธุไ์ มท้ ี่มีรปู รา่ งลกั ษณะของใบสวยงามมสี ีสันดี เช่น บอน เฟริ น์ โกสน ปริก หางกระรอก เป็นต้น 3.3.2 ไมก้ ระถาง คือ พันธุไ์ ม้ประดับทีส่ ามารถนำมาปลูก ใหเ้ จรญิ เติบโตได้ดใี นกระถาง ได้แก่ สาวน้อยประแป้ง เขยี วหมนื่ ปี หมากเขยี ว หมากเหลือง ตะบองเพชร เป็นต้น เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น ครูโรงเรยี นวดั ดอนพดุ ซา
3.3.3 ไม้ดัดและไม้แคระ คือ ไม้ประดับที่มีความสวยงามของทรงลำต้น กิ่ง ใบ ดอก หรือผล 15 โดยคอยตดั แตง่ ดูแลเอาใส่เปน็ พิเศษ ใชศ้ ิลปะและเวลาในการตกแต่งมาก พันธ์ุไม้ดัดไม้ แคระ ไดแ้ ก่ ชาดัด ข่อย ตะโก โมก มะสงั เป็นตน้ 3.3.4 การจัดสวนและการตกแต่งสถานท่ี คอื การวางผัง ปรบั ปรุง พื้นที่เพื่อปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ตกแต่งให้บริเวณสถานที่นั้น สวยงามน่าอยู่น่าอาศัย ตวั อยา่ งการจัดสวน เชน่ สวนสาธารณตา่ ง ๆ สวนหลวง ร. 9 สวนจตุจักร เปน็ ต้น ปา่ ไม้ (Forest) ป่าไม้ หมายถึง พื้นที่ที่มีต้นไม้ยืนต้นหรือพืชนานาพันธุ์ขึ้นปกคลุมพื้นที่อยู่อย่างหนาแน่น หรือสวนป่า ที่คนปลูกหรือสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนหรือเพิ่มจำนวนป่าที่ถูกทำลายลงโดยฝีมือมนุษย์ หรือจากภัยธรรมชาติ ป่าไม้มีประโยชน์มากมาย เช่น เป็นตัวกำหนดและควบคุมสภาพภูมิอากาศของประเทศ ตลอดจนด้านเศรษฐกิจ เพราะปา่ ไมส้ รา้ งรายได้ใหก้ บั ประเทศเปน็ จำนวนมาก มนษุ ยไ์ ดร้ บั ประโยชน์แบ่งออกเปน็ 2 ลักษณะ ดังน้ี ประโยชน์ทางตรงของป่าไม้ ๑. ไม้ เปน็ ผลิตผลจากป่า และนิยมใช้กนั อยา่ งแพรห่ ลาย ตัง้ แตโ่ บราณกาล เนือ่ งจากมีคุณสมบตั ิเฉพาะตัว ซ่งึ บางคร้งั ใชส้ ่ิงอน่ื ทดแทนไมไ่ ด้ ไมจ้ งึ ยงั คงเป็นทนี่ ิยมใชก้ ันอยา่ งกวา้ งขวาง ๒. เช้ือเพลงิ ทไ่ี ด้จากปา่ คือ ฟืนและถ่าน ใช้ในการหงุ ต้ม และใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ๓. วัตถเุ คมี ทีไ่ ด้จากไม้ ได้แก่ เซลลโู ลส และลกิ นิน เซลลโู ลส ใชใ้ นการทำกระดาษ ไหมเทียม วัตถุระเบิด น้ำตาล แอลกอฮอล์ และยีสต์ ส่วนลิกนินใช้ในการทำวานิลา น้ำหอม เครื่องสำอาง ยาถนอม อาหารไม่ให้บูดเน่า และยารกั ษาโรคผวิ หนงั ๔. อาหาร มนษุ ยไ์ ดอ้ าหารหลายอยา่ ง จากป่า เชน่ ดอก ผล ใบ เมล็ด หนอ่ ไม้ เหด็ มนั ต่าง ๆ และอาหาร ท่ีได้จากสัตวป์ า่ ๕. ยารักษาโรค ที่ไดจ้ ากปา่ ทีส่ ำคัญมี สมนุ ไพร ๖. ชัน นำ้ มนั และยางไม้ ๗. อาหารสัตว์ มนุษย์ใช้ป่าไม้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ และหาอาหาร สำหรับเลี้ยงสัตว์ เพราะในป่ามีหญ้า ใบไม้ เปลือกไม้ผล และเมล็ดที่สัตว์ชอบกินอยู่หลายชนิด ในประเทศไทยการเลี้ยงสัตว์ป่ายังไม่แพร่หลายนัก หากมีการ สง่ เสรมิ การเล้ียง และกำหนดขอบเขตการเลี้ยงให้เหมาะสมแลว้ ก็จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ประเทศ ประโยชน์ทางอ้อมของปา่ ไม้ ๑. ช่วยให้ฝนตกเพิ่มขึ้น และทำให้มีความชุ่มชื้นในอากาศสม่ำเสมอ เนื่องจากอากาศเหนือท้องที่ที่ป่าไม้ ขึน้ อยู่ยอ่ มมคี วามชุ่มช้ืน และเยน็ กว่าในที่ท่ีไมม่ ีตน้ ไม้ เมฆฝนทล่ี อยผา่ นมา เมื่อกระทบความเย็น จะกล่ันเป็นหยด เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรียนวัดดอนพดุ ซา
นำ้ ตกลงมาเป็นฝน ชว่ ยทำให้มฝี นตกมากขน้ึ เฉพาะที่เฉพาะแหง่ ได้ ปริมาณฝนทีต่ กเพม่ิ ขึ้นในที่ทเ่ี ปน็ ป่านี้ ถ้าเป็นที่ 16 มีความสงู มาก ปรมิ าณนำ้ ฝนท่ตี กจะยิ่งเพ่ิมขนึ้ ตามสว่ น ๒. บรรเทาความรุนแรงของลมมรสุม ในที่ที่มีป่าไม้เป็นฉากกำบัง หรือมีการปลูกตน้ ไม้ไว้เป็นแนวป้องกัน ลม จะช่วยลดความเร็วของลมลงอย่างรวดเร็ว จึงช่วยป้องกันบ้านเรือน และไร่นา ที่อยู่ด้านใต้ลม มิให้ถูกพายุทำ อันตราย หรือทำความเสียหาย อีกทั้งช่วยป้องกันความชุ่มชื้นของ ดนิ และผวิ ดนิ ๓. ป้องกันการพังทลายของดิน ในเวลาที่มีฝนตกลงมา เรือนยอดของป่าไม้ จะสกัดกั้นความรุนแรงของฝน มิให้ตกกระทบ ผิวดนิ โดยตรง ๔. บรรเทาอุทกภัย ป่าไม้ช่วยบรรเทาความรุนแรงของอุทกภัยให้เบาบางลงได้ และเกิดขึ้นเป็นระยะเวลา เพยี งสัน้ ๆ ซึ่งไม่ยนื ยาวเหมือนการไมม่ ีปา่ ไมอ้ ยเู่ ลย ๕. ทำใหน้ ้ำไหลอย่างสม่ำเสมอตลอดปี เมื่อฝนตกลงมา นำ้ ฝนถกู กง่ิ ไม้ใบไม้ตามพ้ืนป่า และดินอันร่วนซุย ดูดซบั น้ำไว้ และค่อย ๆ ซึมลง ดนิ สะสมไว้เป็นนำ้ ใตด้ นิ แลว้ คอ่ ย ๆ ปลอ่ ยออกสู่ลำหว้ ย ๖. เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และช่วยรักษาความสมดุลของธรรมชาติไว้ด้วย ซึ่งหากไม่มีป่าไม้ สัตว์ป่า ตา่ ง ๆ ดังกล่าวกจ็ ะสญู พันธ์ุไป เพราะจะไม่มีแหลง่ ทอ่ี ย่อู าศัย และแหล่งหากนิ ๗. เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เพื่อให้ประชาชนสามารถไปพักผ่อนในที่ที่มีความสงบ ร่มเย็น อากาศบริสุทธ์ิ และมที วิ ทศั นธ์ รรมชาตอิ ัน เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวดั ดอนพุดซา
3. สตั วเ์ ศรษฐกิจ 17 สัตว์เศรษฐกิจ หมายถึง สัตว์ที่เลี้ยงกันแพรห่ ลาย สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้ อย่างกว้างขวาง เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศสร้างรายได้ให้เกษตรกร เป็นวัตถุดิบส่งโรงงาน อตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ ความสำคญั ของการเลย้ี งสัตว์ การเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพหนึ่งที่สำคัญของเกษตรกร มนุษย์รู้จักการเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มีการเลี้ยงสัตว์ไว้กินเป็นอาหาร และใช้แรงงานรวมถึงการเลี้ยงสัตว์เพื่อความสุขความเพลิดเพลิน มีการปรับปรุงพันธ์ุ และวิธีการเลี้ยงสัตว์จนเป็นอาชีพที่สำคัญสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรทำให้การเลี้ยงสัตว์ มีความสำคัญตอ่ มนษุ ยห์ ลายด้านดังนี้ 1. ดา้ นเศรษฐกจิ ของประเทศ การเล้ยี งสตั วน์ อกจากสร้างรายได้ใหเ้ กษตรกรแลว้ ยังเป็น รายได้ของประเทศจากการส่งสนิ คา้ ผลิตภัณฑจ์ ากสตั ว์ไปจำหน่าย ยังต่างประเทศทำให้เกิดธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย เช่น โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เป็นตน้ 2. ด้านการเกษตร เมื่อมีการเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพมากขึ้น ผลผลิตจากพืชก็จะถูกนำมาแปลรูปเป็นอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ถั่วต่าง ๆ และมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหาร เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้แก่พืชเหลา่ น้ี นอกจากนั้นสิง่ ทีเ่ หลอื ใช้หรือผลพลอยได้จากการเกษตร เช่นฟางขา้ ว เปลือกผลไม้ ต้น ใบ เมล็ด ของพืชยังสามารถนำเป็นอาหารสัตว์ เป็นการกำจัดของเหลือใช้จากการเกษตร ส่วนมูลสัตว์ก็นำไปใช้ เปน็ ปุ๋ยบำรงุ ดินไดอ้ ีกด้วย เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเย็น ครโู รงเรียนวดั ดอนพุดซา
3. ด้านสังคม 18 ผลิตภัณฑ์อาหารจากสัตว์ เช่นน้ำนม เน้ือ ไข่ ล้วนเป็นอาหารที่มีประโยชน์ให้สารอาหารโปรตีน ที่จำเป็นต่อร่างกายทำให้ประชากรมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ลดปัญหาการเจ็บป่วยซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของชาติ ในด้านงบประมาณค่ารักษาพยาบาล และการเลี้ยงสัตว์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาการว่างาน ตกงานของประชากร สร้างความมัน่ คงทางเศรษฐกจิ และสงั คม 4. ด้านการผลิต การเลี้ยงสัตว์ให้ผลผลิตและผลพลอยได้มากมาย สามารถนำมาแปรรูปและผลิตเป็นสินค้าหลายชนิด เช่น สินค้าศิลปหัตถกรรม อาหารสด อาหารสำเร็จรูป และสินค้าเชิงอุตสาหกรรม เป็นที่สนใจของตลาดโลก ส่งเป็นสินค้าออกที่สำคัญของไทย 5. ด้านอ่ืน ๆ - ด้านการแพทย์ เช่น การเลี้ยงสัตว์เพื่อทดลองทางการแพทย์ ทำวัคซีนและเซรุ่มป้องกันรักษาโรค และรกั ษาผูป้ ว่ ยจากพษิ งู - ด้านกฬี า มกี ารเลีย้ งสัตว์เพอ่ื ใชใ้ นการแขง่ ขนั เช่น มา้ กระบอื นกเขา ปลากดั ไก่ชน เปน็ ต้น - ด้านพลังงาน เช่น การนำมูลสัตว์มาผลิตก๊าซชีวภาพ เป็นพลังงานสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อม และ ประหยดั คา่ ใช้จ่าย - ด้านความปลอดภัย เช่น มีการเลี้ยงสุนัขฝึกให้เป็นสุนัขสงคราม จับโจรผู้ร้าย ตรวจจับยาเสพติด ตรวจกบั ระเบดิ และใช้เฝา้ บา้ น ชนดิ และประเภทของสตั ว์เล้ียง การเลีย้ งสัตว์ในประเทศไทยมีหลายชนิด แบ่งออกเป็นประเภทดงั นี้ 1. สตั วป์ ีก ได้แก่ เป็ด ไก่ ห่าน นกกระจอกเทศ นกกระทา เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของปะเทศไทย จำหน่ายได้ทัง้ เนอื้ และไข่ 2. สตั ว์เล็ก ไดแ้ ก่ สกุ ร แพะ แกะ กระตา่ ย เปน็ ต้น โดยเฉพาะสกุ ร เป็นสตั ว์เศรษฐกจิ ทสี่ ำคัญ 3. สัตว์ใหญ่ ได้แก่ ช้าง ม้า วัว กระบือ ลา อูฐ เป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอย่างมากโดยใช้ได้ทั้งแรงงาน และ เป็นอาหาร 4. สตั ว์น้ำ ไดแ้ ก่ ก้งุ กอย ปู ปลา ทงั้ นำ้ จดื และน้ำเค็ม ทม่ี อี ยตู่ ามแหล่งน้ำธรรมชาติ และที่เลย้ี งเป็นอาชพี เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
5. สัตว์สวยงาม 19 นิยมเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลิน เพราะมีสีสันสวยงาม สามารถเพาะพันธุ์จำหน่ายได้ เช่น นก ปลา สุนัข แมว เปน็ ต้น สตั ว์เศรษฐกจิ ท่ีสำคัญของประเทศไทย 1. โคเนื้อ โคที่เลี้ยงเปน็ โคขนาดเล็ก มกี ารเจริญเติบโตช้า สว่ นใหญ่เล้ียงไว้ ใช้งานเช่น ไถนา ทำไร่ และเทียมเกวียน หรือล้อ เพื่อใช้ในการขนส่ง ระยะสั้นๆ หลังจากเลิกใช้งานแล้ว ก็ส่งเข้าโรงฆ่า ชำแหละออกมาเป็น เนื้อวัวสำหรับบริโภค โคที่นิยมเลี้ยงเป็นโคขนาดเล็ก ปัจจุบันพันธุ์เน้ือ จากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงหลายพันธุ์ และพบว่าโคเนื้อพันธุ์อเมริกันบ ราห์มัน หรือโค ลูกผสมอเมริกันบราห์มัน สามารถเลี้ยง และเจริญเติบโตได้ดี นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อโรค เหมือน โคพืน้ เมอื งของไทย 2. โคนม โคพื้นเมืองของไทยให้ นมน้อยประมาณวันละ 2-3 ลิตร จึงได้ทดลองนำโคพันธุ์จากต่างประเทศ เข้ามาเลี้ยงหลายพันธุ์ด้วยกัน และพบวา่ โคลูกผสม โดยใชโ้ คพนั ธุ์นมจากต่างประเทศท่ีนำเข้ามา ผสม กับโคพื้นเมือง และพบว่า โคนมลูกผสมขาวดำ (โฮลสไตน์ฟรีเชียน) กับโคพื้นเมือง เป็นโคนมลูกผสม ที่ให้นมดีที่สุด บางตัวให้นมสูงถึง 38 ลิตรต่อวนั และทั่ว ๆ ไปให้นมมากกว่า 10 ลติ รตอ่ วัน 3. สกุ ร สุกรพ้นื เมืองยงั คงมบี ทบาทสำคัญเป็นส่วนหนึ่งของวิถชี วี ิตในชนบทห่างไกล เพราะมคี ณุ ลักษณะที่โดดเด่น เฉพาะตัว ที่สมควรจะได้ รับการศึกษาพัฒนาอย่างจริงจัง ให้เป็นมรดกทางพันธุกรรมคู่กับประเทศไทยตลอดไป เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากประเภทหนึ่ง เนื่องจากไม่ได้รับ การพัฒนาและขยายพันธุ์ในเชิงธุรกิจ มีการเลี้ยงเฉพาะในชนบทที่ ห่างไกลความเจริญ ปริมาณจึงลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ซึ่ง ความสามารถในการใช้อาหารคุณภาพต่ำได้ดี มีความทนทานต่อ สภาพแวดล้อม ทนทานตอ่ โรค เลี้ยงลกู เก่ง และให้ลูกดก ขนาดลำตัวสั้น หัวค่อนข้างใหญ่ ไหล่และสะโพกแคบ หลังแอ่นท้องยาน ขาและข้อขาอ่อน ตัวเล็ก ขนาด โตเต็มที่น้ำหนัก 80 กิโลกรัม ส่วนใหญ่สดี ำ บางพันธุ์อาจมีสพี ื้นท้องสขี าว เจริญเติบโตชา้ 180-350 กรัมต่อวนั เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ กั ดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวัดดอนพุดซา
อัตราการเปล่ียนอาหารประมาณ 5-7 มเี นื้อแดงน้อย ไขมนั มาก ขอ้ ดขี องสุกรพื้นเมืองคือ ทนทานต่อสภาพดินฟ้า 20 อากาศและทนต่อการตรากตรำได้อย่างดี ให้ลูกดอก เลี้ยงลูกเก่ง และทนทานต่อการกักขัง สุกรพื้นเมืองมีหลาย พันธุ์ ได้แก่ สุกรไทย เช่น พันธุ์ควาย ราดหรือกระโดน พวง และสุกรจีน เช่น พันธุ์ไหหลำ และเหมยซาน มีลำตัว ค่อนข้างเล็ก แต่ให้ลูกดก และมีความทนทานต่อโรคต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งไม่เหมาะสมจะใช้เลี้ยงเพื่อธุรกิจการค้า ต่อมา จึงได้มีการนำสุกรพันธุ์จากต่างประเทศ เข้ามาทดลองเลี้ยงในบ้านเรา หลายพันธุ์ด้วยกัน และพบว่า สุกรพันธุ์ แท้ บางพนั ธุส์ ามารถเลี้ยงได้ดีในประเทศไทย ซง่ึ ไดแ้ ก่ ดูรอ็ กเจอรซ์ ี ลารจ์ ไวต์ แลนดเ์ รซ นอกจากน้กี ็ได้มีผู้นำสุกรพันธ์ุ ผสมเข้า มาเลย้ี งอกี หลายพนั ธุ์ แตส่ ่วนใหญ่เปน็ สุกรพนั ธ์ุ ผสมซึ่งเกิดจากสกุ รท้งั สามพันธุ์ดงั กล่าวขา้ งตน้ 4. ไกเ่ นอื้ ไก่ที่เลี้ยง ประมาณ ๘ สัปดาห์ หรือ ๕๖ วัน ก็จะส่งตลาด หรือเข้าโรงฆ่า เป็นไก่ที่มีการเจริญเติบโตเร็ว และมีเนื้อมาก หากมีการให้อาหารตามคุณภาพที่ กำหนด ไก่เนื้อที่นำเข้ามาเลี้ยงส่วน ใหญ่เป็นไก่ ลูกผสมที่ผลิตจากบริษัทต่าง ๆ ใน ต่างประเทศ โดย ประเทศไทยยังไม่สามารถ ผลิตไก่เนื้อที่มีคุณภาพดี เท่าต่างประเทศได้ ไก่เนื้อที่นำเข้ามาส่วนใหญ่ เป็น พ่อแม่พันธุ์ ซึ่งเมื่อเลี้ยงแล้วผสมพันธุ์ ลูกที่ ออกมาก็ จะนำไปเลี้ยงเป็นไก่เนื้อส่งโรงฆ่า แต่มีบางฟาร์มได้นำปู่ย่าตายายมาเลี้ยงเพื่อนำมา ผลิตพ่อแม่พันธุ์ แล้วจึงขยาย เป็นไก่เนอื้ อีกครง้ั 5. ไกไ่ ข่ การเลี้ยงไก่ไข่เพื่อให้ขนาดไข่ได้ขนาดฟองโต อายุการให้ไข่นาน ประสิทธิภาพการใช้อาหารเพื่อผลิตไข่ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดโรคแทรกซอ้ นน้อย อัตราการตายตำ่ กว่าและอัตราการคัดท้ิงต่ำ สงิ่ เหล่าน้ีย่อมเป็น ผลสบื เน่ืองมาจากการจัดการเลี้ยงดเู อาใจใส่เป็นอยา่ งดีตง้ั แตล่ กู ไก่ ไก่เล็ก ไกร่ ุน่ ไกส่ าวน่นั เอง ดังนัน้ ไก่ไข่หรอื ก่อน ให้ไข่ถือว่าเป็นช่วงที่การลงทุนสูงที่สุดแล้ว เพราะระยะต่อ จากนี้ไปต้นทุนการผลิตจะเริ่มลดน้อยถอยลงตามอายุ ของการให้ไข่ ซึ่งผู้เลี้ยงจะต้องอาศัยความรู้ความสามารถ อย่างเต็มที่ ไก่ไข่ส่วนใหญ่เป็นไก่พันธุ์แท้ ซึ่งได้แก่ ไก่พันธ์ุ โรดไอส์แลนด์แดง และพันธุ์เล็กฮอร์นขาวเป็นหลัก แต่ต่อมา ได้มีการนำไก่ไข่ลูกผสมจากต่างประเทศ เข้ามาเลี้ยงเป็นส่วน ใหญ่ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศักดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
หนว่ ยท่ี 3 21 เทคโนโลยีทางการเกษตร ๑. ความหมายและความสำคญั ของเทคโนโลยที างการเกษตร ๒. เทคโนโลยีการปลูกพชื 3. เทคโนโลยกี ารเล้ยี งสัตว์ 1. ความหมายและความสำคัญของเทคโนโลยที างการเกษตร เทคโนโลยีเป็นการนำความรู้ ทักษะ การคิดอย่างมีศิลป์ และทรัพยากรมาผสมผสาน สร้างผลงาน ผลิตภัณฑ์ หรือวิธีการใหม่ ๆ โดยผ่านกระบวนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบเพื่อสนองความต้องการ หรอื เพ่ิมศักยภาพในการทำงานของมนุษย์ ความหมายของการเกษตร การนำความรู้ ทักษะ ทรัพยากรมาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา หรือเพิ่มศักยภาพในการทำงานด้าน การเกษตรเพ่ือสนองความต้องการของมนษุ ย์ เชน่ เทคโนโลยใี นการปลูกพืชการเล้ยี งสัตว์ ซงึ่ แบง่ ได้ดังน้ี 1. เทคโนโลยดี า้ นวิธีการ เทคโนโลยีที่เป็นกระบวนการ หรือวิธีการที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อพัฒนาปรับปรุงการเกษตร เช่น วิธีการ ปรบั ปรุงพนั ธ์ุพืชและสตั ว์ วธิ ีการขยายพันธ์ุพชื และผสมพนั ธ์ุสตั ว์ วธิ ีการเพ่ิมผลผลติ เป็นตน้ 2. เทคโนโลยีด้านเครอ่ื งมอื เป็นเทคโนโลยีทางด้านการสร้างเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ทาง การเกษตร เพื่อเพิม่ ประสิทธภิ าพในการทำงานการเกษตร เชน่ เครอ่ื งมอื หว่าน เมล็ดพันธ์ุ รถเกีย่ วขา้ ว เครอ่ื งกะเทาะเปลือก เครอ่ื งผสมเทียม เป็นต้น ความสำคญั ของเทคโนโลยที างการเกษตร ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีทางการเกษตรใหม่มาใช้ในการผลิตพืชและสัตว์กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เพราะมีความสำคัญต่อการเพิ่มศักยภาพในการผลิตพืชและสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น นอกจากเทคโนโลยีทางการเกษตรจะช่วยเพิ่มผลผลิตแล้ว ยังเพิ่มคุณภาพของผลผลิ ต ให้เป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย เป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร เช่น การทำให้พืชมีผลผลิตมากข้ึน เป็นการลดพื้นที่การปลูกในกรณีที่ที่ดินจำกัด เกษตรกรต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยี ทางการเกษตรมาใชใ้ หเ้ หมาะสมถกู ต้อง โดยคำนงึ ถงึ ความปลอดภัยของผู้บริโภค และส่งิ แวดลอ้ มเปน็ หลัก เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเย็น ครโู รงเรยี นวดั ดอนพดุ ซา
2. เทคโนโลยกี ารปลูกพชื 22 การปลูกพืชในปัจจุบันได้นำเทคโนโลยีเข้ามาเกีย่ วข้องขึน้ เพือ่ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพของพืช เทคโนโลยี การปลกู พืชทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ 1. การเพาะเลี้ยงเนือ้ เยื่อ (Tissue Culture) การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช คือ การนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช ไม่ ว่าจะเป็นส่วนอวัยวะ หรือส่วนเนื้อเยื่อ มาเลี้ยงในอาหารวิทยาศาสตร์ที่ ประกอบด้วย แร่ธาตุ น้ำตาล วิตามิน และสารควบคุมความเจริญเติบโต ภายใต้สภาพปลอดเชื้อจุลินทรีย์และอยู่ในสภาวะควบคุมอุณหภูมิ แสง ความชื้น โดยส่วนของพืชที่นำมาเลี้ยงนี้จะสามาถเติบโตพัฒนาได้หลาย รูปแบบ ไม่ว่าจะพัฒนาเป็นส่วนอวัยวะ เกิดเป็นกลุ่มเซลล์ที่เรียกว่า แคลลัส หรือ คัพภะ (ต้นอ่อนขนาดเล็ก) ที่เรียกว่า เอ็มบริโอ ซึ่งในที่สุดก็จะสามารถ บังคับใหส้ ่วนตา่ ง ๆ เหลา่ น้เี กดิ เป็นตน้ ใหม่ท่ีมรี ากทีส่ มบูรณส์ ำหรบั การนำไปปลูกลงดนิ ตอ่ ไปได้ นอกจากนี้ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ยังมีประโยชน์ต่อการ แลกเปลี่ยนพันธุ์พืชกับต่างประเทศที่สะดวกขึ้น พืชที่อยู่ในขวดสะอาด ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์และราที่จะทำอันตรายต่อพืช โดยเฉพาะการ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชสมุนไพรในรูปแบบเซลล์แขวนลอย ยังช่วยในการ ผลิตสารต่าง ๆ ที่ใช้เป็นยารักษาโรคหรือสารที่ใช้เป็นยาฆ่าแมลงได้ อีกทั้งยังเป็นประโยชน์มหาศาลในการปรับปรุงพันธุ์พืชให้พืชต้านทาน โรคและแมลงได้ดีขึ้น หรือให้ผลผลิตมากขึ้น โดยอาศัยเทคนิคในการเลี้ยงต้นอ่อนขนาดเล็ก เทคนิคในกา ร เพาะเลี้ยงอับละอองเกสรและละอองเกสรพืช หรือเทคนิคในการชักนำให้พืชกลายพันธุ์เป็นพันธุ์ใหม่ๆ โดยอาศัย สารเคมีหรือการฉายรังสี เป็นต้น 2. การปรับปรงุ พนั ธ์ุโดยการตดั แตง่ พันธกุ รรม (GMOs) สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ (Genetically Modified Organisms: GMOs) คือ สิ่งมีชีวิต ทไ่ี ด้รบั การดดั แปรพนั ธุกรรม จากการใชเ้ ทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม (Genetic Engineering) หรอื เทคนิคการตัดต่อ ยนี ทส่ี ามารถคัดเลอื กสารพันธุกรรมหรือยีน (Genes) ทจี่ ำเพาะเจาะจงจากส่ิงมชี วี ิตตา่ งชนิด กอ่ นนำมาตัดแต่งเข้า กับสิ่งมีชีวิตเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการผสมข้ามสายพันธุ์และก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่มีคุณสมบตั ิหรือลักษณะ พิเศษตามความต้องการของมนุษย์ เช่น การนำยีนที่แสดงคุณสมบตั ิทนทานต่อความหนาวเย็นจากปลาขั้วโลก มา ผสมผสานและตัดแต่งเข้ากับยีนของมะเขือเทศ เพื่อสร้างมะเขือเทศชนิดใหม่ที่สามารถเพาะปลูกได้ในพื้นที่ซึ่งมี อากาศหนาวเย็น เปน็ ตน้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวัดดอนพดุ ซา
การใช้ประโยชน์จากสงิ่ มชี ีวติ ดัดแปรพนั ธกุ รรม 23 เทคโนโลยีการดัดแปรพันธุกรรมได้รับการพฒั นาขนึ้ โดยมีจดุ ประสงคห์ ลกั ในการยกระดับคุณภาพอาหาร ยา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อรองรับจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วัน โดยสิ่งมีชีวิต ดัดแปรพนั ธกุ รรมถกู นำมาประโยชนม์ ากทีส่ ดุ ในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะพชื ผลหลกั ในอตุ สาหกรรม อาหาร ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ข้าวโพด มันฝรั่ง มะเขือเทศ และมะละกอ ซึ่งผ่านการดัดแปรพันธุกรรม เพื่อให้มีคุณสมบัติทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทนต่อศัตรูพืช ทนทานต่อยาฆ่าแมลง หรือแม้แต่มีความสามารถ ในการเจริญเติบโตรวดเร็วขนึ้ นอกจากน้ี การปรับปรงุ สายพันธ์ุใน พืชบางชนิดยังสามารถเพิ่มคุณสมบัติทางโภชนาการอาหาร หรือ เปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และสีสันของพืชให้แตกต่างจากสาย พันธ์ดุ ้ังเดมิ ในธรรมชาตไิ ดอ้ ีกดว้ ย นอกจากนี้ การดัดแปรพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตยังเพ่ิม ความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศของโลก หากสิ่งมีชีวิตท่ี ได้รับการดัดแปรพันธุกรรมได้รับการปล่อยออกสู่ธรรมชาติ อาจทำให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อความหลากหลาย ทางชีวภาพ หรอื การสูญพนั ธข์ุ องส่ิงมชี วี ติ ด้ังเดิมในระบบนเิ วศ ความสมดลุ ของหว่ งโซ่อาหารอาจถูกทำลายลง อีก ทั้ง การดัดแปรพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น ถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อให้ สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีความแตกต่างและหลากหลาย และถึงแม้มนุษย์เราจะสามารถค้นพบ ข้อผิดพลาดหรือภัย อันตรายจากส่งิ มีชวี ติ เหล่านี้ได้ในภายหลัง ผลลัพธ์ทีเ่ กิดข้นึ ณ ขณะน้นั อาจอยูน่ อกเหนือการควบคมุ ของมนุษย์ไป แล้ว ดงั นน้ั เพ่อื ป้องกนั อนั ตรายทีเ่ กิดขน้ึ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงกำหนดมาตรการเพ่ือ ควบคุมการนำเข้าพืชที่ได้รับการตัดแต่งพันธุกรรมไว้ 40 ชนิด และยังกำหนดลักษณะดีของพืชตามที่ต้องการไว้ หลายลักษณะ ดงั นี้ 1. การยืดอายุความสด รสชาติ และคณุ ภาพของผลผลติ จะช่วยชะลอการสกุ งอม ทำใหอ้ ายกุ ารเกบ็ รักษา ยาวนานข้ึน 2. ปอ้ งกนั พืชจากเชื้อโรคและเช้ือรา 3. เพิ่มส่วนเนื้อให้มันฝร่ัง และพืชอื่น ๆ เพราะถ้ามีปริมาณ แป้งสูงจะลดการดูดซึมนำ้ มนั ในกระบวนการปรุงอาหาร ทำใหม้ ันฝร่ัง ทอดมีแคลอรตี ่ำ 4. ปรับปรุงคุณค่าทางโภชนาการของธัญพืชที่เป็นอาหาร หลักของมนุษย์ เช่น ข้าว เพื่อเพิ่มสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นแหล่ง กระตุ้นการสร้างวิตามนิ เอ ท่มี ีคณุ คา่ ทางอาหารและโภชนาการช่วยเสริมสรา้ งสขุ ภาพสายตา 5. ปรับปรุงคุณภาพพชื นำ้ มันให้มปี รมิ าณนำ้ มันมาก และมีไขมันอม่ิ ตวั นอ้ ยลง 6. พฒั นาพันธุ์พืชใหเ้ จรญิ เติบโตได้ดใี นสภาพแวดล้อมทไี่ มเ่ หมาะสม เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรียนวัดดอนพุดซา
7. ปรบั ปรุงพันธุพ์ ชื ใหเ้ จรญิ เติบโตเร็วมปี ระสิทธภิ าพในการดูดซึมธาตุอาหารจากดินไดด้ ีขนึ้ เพอื่ ลดการใช้ 24 ปุ๋ยสงั เคราะห์ 8. พฒั นาพืชทผ่ี ลิตสารเคมที างเภสชั กรรม และสารเคมีท่เี ป็นประโยชนใ์ หม้ ีคณุ ภาพ 3. การปลกู พืชแบบไฮโดรโปนกิ ส์ (Hydroponics) ไฮโดรโปนิกส์ เป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแต่ใช้น้ำที่มีธาตุอาหารพืชละลายอยู่ หรือการปลูกพืช ในสารละลายธาตุอาหารพืชทดแทน ซึ่งนับเป็นวิธีการใหม่ในการปลูกพืช โดยเฉพาะการปลูกผักและพืชที่ใช้เป็น อาหาร เนอ่ื งจากประหยดั พ้นื ที่ และไมป่ นเปือ้ นกับสารเคมีตา่ ง ๆ ในดิน ใหไ้ ดพ้ ืชผักทส่ี ะอาดเป็นอาหาร ปัจจบุ ันน้ี ในเทคนิคการปลูกพชื แบบไร้ดนิ หลายแบบด้วยกัน ไฮโดรโปนิกส์ มีประโยชน์หลัก ๆ 2 ประการ ดว้ ยกัน ประการแรกคอื ชว่ ยให้มสี ่งิ แวดลอ้ มท่ีควบคมุ ได้มาก ขึ้นสำหรับการเติบโตของพืช แทนที่จะเป็นการใช้ดินอย่าง เดิม ทำให้กำจัดตัวแปรที่ไม่ทราบออกไปจากการทดลองได้ จำนวนมาก ประการทส่ี องก็คอื พชื หลายชนิดจะให้ผลผลิต ได้มากในเวลาที่น้อยกว่าเดิม และในบางครั้งก็มีคุณภาพที่ดีกว่าเดิมด้วย ซึ่งในสภาพแวดล้อมและสภาพการ เศรษฐศาสตร์หน่ึง ๆ การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์จะให้ผลกำไรแก่เกษตรกรมากข้ึน และด้วยการปลกู ทีไ่ ม่ใช้ดิน จึงทำให้พืชไมม่ ีโรคทีเ่ กดิ ในดนิ ไม่มีวัชพชื ไม่ต้องจัดการดนิ และยังสามารถปลูกพืชใกล้กันมากได้ ด้วยเหตุนี้พชื จงึ ให้ผลผลิตในปริมาณที่มากกว่าเดิมขณะที่ใช้พื้นที่จำกัด นอกจากนี้ยังมีการใช้น้ำน้อยมากเพราะมีการใช้ภาชนะ หรือระบบวนน้ำแบบปิด เพื่อหมุนเวียนน้ำ เมื่อเทียบกับการเกษตรแบบเดิมแล้ว นับว่าใช้น้ำเพียงส่วนน้อยนิด เทา่ นนั้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรยี นวัดดอนพดุ ซา
3. เทคโนโลยีการเลย้ี งสตั ว์ 25 เทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์ได้มีการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก และมีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มผลผลิตทาง การเกษตร ตง้ั แต่การปรบั ปรุงพันธ์ุ การเล้ยี ง ไปจนถงึ การจดั จำหน่าย เทคโนโลยที ี่สำคัญ ได้แก่ 1. การผสมเทียม การผสมเทยี ม คือ การทำใหเ้ กิดการปฏสิ นธิในสตั วโ์ ดยไม่ต้องมีการรว่ มเพศตามธรรมชาติ โดยมนุษย์เป็น ผู้ฉีดน้ำเชื้อของสตั ว์ตัวผู้เข้าไปในอวยั วะสืบพันธุ์ของสัตวต์ ัวเมียท่ีกำลังเป็นสัด เพื่อให้อสุจิผสมกับไข่ทำให้เกิดการ ปฏิสนธิ ซง่ึ เปน็ ผลใหต้ วั เมียตง้ั ทอ้ งข้ึน การผสมเทียมสามารถทำได้ทั้งในสัตว์ที่มีการปฏิสนธิภายใน ได้แก่ โค กระบือ สุกร และสัตว์ที่มีการ ปฏิสนธิภายนอก ได้แก่ ปลาที่มีการปฏิสนธิภายนอก เช่น ปลาตะเพียนขาว ปลาสวาย ปลานิล ปลายี่สก ปลาดุก ปลาบึก เปน็ ต้น 2. การโคลนนิง การโคลนนิง คอื การคดั ลอก หรอื การทำซำ้ ให้มลี ักษณะเหมือนเดมิ ทุกประการ กระบวนการสืบพันธ์ุโดย ไม่อาศยั เพศชนิดหนึง่ โดยส่งิ มชี วี ติ ท่ถี กู โคลนออกมาจะมีลักษณะทางพนั ธุกรรม โดยรวมถึงมลี กั ษณะทางกายภาพ เหมือนกับสิ่งมีชีวิตต้นแบบ หรือ สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ก่อนแล้วทุกประการ ตัวอย่างของลักษณะสิ่งมีชีวิตที่ได้จากการ โคลนนงิ เชน่ มีเพศเหมอื นกนั มหี มเู่ ลอื ดเหมอื นกัน เป็นต้น การโคลนนิ่ง คอื การสร้างสตั ว์ตวั ใหม่ข้ึนมาโดยไม่ใชเ้ ซลล์สืบพันธ์ุของ สัตว์เพศผู้หรืออสุจิของสัตว์เพศผู้ แต่ใช้นิวเคลียสจากเซลล์เต็มวัยของเซลล์ ร่างกายของสัตว์เพศอะไรก็ได้ใส่ลงไปที่เซลล์สืบพันธุ์ของสัตว์เพศเมียหรือ เซลล์ไข่ โดยนำสารพันธุกรรม หรือ DNA ที่มีอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมีย หรือเซลล์ไข่ออกก่อน แล้วนำเซลล์สืบพันธุ์ของเพศเมียหรือเซลล์ไข่ใส่ไปในตัว เพศเมียเพื่อให้คลอดออกมาเมือ่ คลอดออกมาทำให้ได้สัตว์ตวั ใหมท่ ี่มี รูปร่าง หน้าตา ลักษณะภายนอก เหมือนกับ สัตว์ตัวที่เป็นเจ้าของเซลล์เดิมเกือบทุกประการ และมีพันธุกรรมเหมือนกับสัตว์ตัวที่เป็นเจ้าของเซลล์เดิมทุก ประการ ถ้าเจ้าของเซลล์เป็นเพศเมียก็จะได้สัตว์ให้เป็นเพศเมีย ถ้าเจ้าของสัตว์เป็นเพศผู้จะได้สัตว์ใหม่เป็นเพศผู้ เหมอื นกบั เจา้ ของเซลลเ์ ดิมทุกประการ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวดั ดอนพุดซา
หนว่ ยท่ี 4 26 เครอ่ื งมือและอุปกรณท์ างการเกษตร ๑. ประเภทเครือ่ งมือและอุปกรณท์ างการเกษตร ๒. หลักการใช้เครื่องมืองานเกษตร 3. การดแู ลรกั ษาเคร่อื งมืองานเกษตร เครื่องมือการเกษตร หมายถึง อุปกรณ์ที่มนุษยส์ ร้างขึ้นเพื่อช่วยในการปฏิบัติงานเกษตรใหม้ ีความสะดวก รวดเร็ว ช่วยทุ่นแรงของเกษตรกร ลดเวลาเรียนในการทำการเกษตรให้น้อยลง และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการ ดำเนนิ งาน เครอื่ งมือเกษตรท่ีดคี วรมลี ักษณะเหมาะสมกบั การใชง้ านกบั ประเภทของงานน้นั ๆ 1. ประเภทเครือ่ งมือและอุปกรณท์ างการเกษตร เครื่องมืองานเกษตร มีหลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดจะมีวิธีการที่ใช้งานต่างกัน ควรเลือกใช้ให้เหมาะสม และถูกวิธีเพื่อช่วยให้ทำการเกษตรมปี ระสิทธิภาพรวดเร็วและมคี วามปลอดภัยต่อการใช้งาน เครื่องมือการเกษตร แบง่ ตามลักษณะของการใชง้ านได้ดังน้ี เครือ่ งมอื ในการเตรยี มดนิ เคร่อื งมอื ประเภทนี้ใช้สำหรบั การทำงานทีเกย่ี วข้องกับดนิ ต่าง ๆ เชน่ การเตรียมพื้นดิน การปรบั ปรงุ ดนิ และการผสมดนิ 1. จอบถาก ลักษณะตวั จอบเปน็ แผน่ บาง หนา้ จอบเรยี บเสมอกัน มนี ำ้ หนักเบา ใช้สำหรบั ขุดพรวนดิน และถางหญ้า เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็ ครโู รงเรยี นวัดดอนพุดซา
2. จอบขดุ 27 ลกั ษณะตวั จอบเป็นแผ่นแบน หน้าจอบโคง้ เวา้ มุมจอบแหลมคม ใหส้ ำหรบั ขุดดินท่คี ่อนขา้ งแข็ง และหลุม ขนาดใหญ่ 3. เสยี ม ใช้ในการขุดหลุมปลูกต้นไม้ ส่วนมากนิยมขุดหลุมที่มีขนาดเล็กและลึก ใช้พรวนดิน หรือใช้ขุดดินบริเวณ แคบ ๆ 4. พลว่ั ตัก เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตักดิน ทราย หรือปุ๋ยที่มีความละเอียดมาก และเป็นก้อนไม่ใหญ่มากนัก ใบพลั่ว จะมีขนาดใหญ่กวา่ เสียมและจอบ คมของพลัว่ ไม่ไดม้ ไี ว้ขดุ หรอื เจาะแต่มไี วต้ ักหรอื โกย เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวดั ดอนพุดซา
5. พลัว่ ผสม 28 เปน็ เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ในการตักดิน ทราย หรอื ปุย๋ ทีม่ ีความละเอียดมาก เหมือนกบั พรั่วตัก แตค่ มพล่ัวจะปลาย แหลมโค้ง 6. สว้ มพรวน ใช้สำหรบั พรวนดินรอบ ๆ โคนตน้ พชื ทีม่ ขี นาดเล็ก ไม่ควรใช้พรวนดินแขง็ เพราะจะทำใหห้ ักและงอได้ง่าย 7. ช้อนปลูก ใชส้ ำหรบั ขดุ หลุมขนาดเล็ก ตักดนิ ตกั ปยุ๋ พรวนดิน หรือย้ายต้นกล้า เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศักดิ์ พวงบานเย็น ครโู รงเรยี นวดั ดอนพดุ ซา
8. คราด 29 มีลักษณะด้ามยาว และมีปลายส่วนหน้าประกอบด้วยตะขอหลายซี่เรียงกัน ใช้สำหรับเกลี่ยดิน ย่อยดิน เก็บเศษหญา้ และแต่งแปลงปลกู 9. บุ้งก๋ี รูปร่างคล้ายเปลือกหอยแครง มีหู 2 ข้างไว้สำหรับจับ ใช้สำหรับขนดิน ขนปุ๋ย หรือวัชพืช ไปยังสถานท่ี ตอ้ งการ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเย็น ครโู รงเรียนวัดดอนพดุ ซา
เครอ่ื งมอื เกษตรทใี่ ชใ้ นการบำรุงรักษาพชื 30 1. บัวรดนำ้ ใช้รดนำ้ ตน้ กลา้ หรือตน้ ไมท้ ่ีมีขนาดเล็ก หรอื พชื ลำตน้ อ่อน โดยนำ้ ท่อี อกจากฝักบวั จะเป็นสายขนาดเล็ก ชว่ ยใหพ้ ืชน้นั ได้นำ้ อย่างทว่ั ถงึ และไม่บอบช้ำ 2. ถงั นำ้ ใชส้ ำหรบั ตกั น้ำมารดพชื ต่าง ๆ โดยใชม้ ือกวกั จากถงั หรือใช้ขันตัก หรือนำมาใสบ่ ัวรดน้ำ และใช้ในการทำ กิจกรรมตา่ ง ๆ ของเกษตรกรรม 3. สายยาง ลกั ษณะเป็นยาง หรอื พลาสติก ทำเป็นเส้นยาวกลวงเหมือนทอ่ นำ้ ใช้สำหรบั ลำเลียงนำ้ จากก๊อกไปใช้ ประโยชน์ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศักด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรยี นวัดดอนพดุ ซา
4. กรรไกรตดั หญ้า 31 ใช้สำหรับตัดหญา้ หรอื ตดั แต่งตน้ ไม้ท่ีเปน็ พุ่ม เพื่อให้เกิดรูปทรงสวยงาม หรอื ตดั หญ้าในสถานท่มี ีมุมแคบ 5. กรรไกรตดั กิ่ง ใชส้ ำหรับตัดแต่งก่ิงที่มีขนาดเลก็ ตัดใบพชื ท่ีแห้ง หรือตัดใบพชื ทเ่ี ป็นโรคท้ิง 6. เลือ่ ยคนั ธนู หรือเลอ่ื ยคันศร ลักษณะเป็นยาง หรือพลาสติก ทำเป็นเส้นยาวกลวงเหมือนท่อน้ำ ใช้สำหรับลำเลียงน้ำจากก๊อกไปใช้ ประโยชน์ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวดั ดอนพดุ ซา
7. มีดดายหญ้า 32 ใชส้ ำหรับดายหญ้าหรือถางหญ้าทข่ี ้นึ สงู หรือตดั กิง่ ไม้ที่มีเน้ือไม้ไม่แขง็ แรงมาก เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการเก็บเกยี่ ว 1. เคยี ว มีลักษณะเป็นมีด ทำด้วยเหล็กโค้งคล้ายตะขอและมีคมอยู่ด้านใน และมีด้ามจับสำหรับถือ ใช้เก็บเกี่ยว พชื ผลประเภทขา้ วและธญั พชื 2. ตะกร้อเก็บผลไม้ เป็นเครื่องมือเกษตรรูปทรงโค้งรี มีฟันอยู่ที่ปากของตะกรอ้ เพื่อให้งา่ ยต่อการเก็บเกี่ยว นิมยมให้เก็บเกี่ยว ผลไมใ้ นที่สงู เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศักด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรียนวัดดอนพดุ ซา
2. หลกั การใชเ้ ครอ่ื งมืองานเกษตร 33 หลักการใช้เครื่องมอื การเกษตร เครื่องมือการเกษตรทุกประเภท ถ้ามีการใช้งานอย่างถูกหลัก ตลอดจนมี การดูแลและเก็บรักษาอย่างถูกต้อง เครื่องมือต่าง ๆ เหล่านั้น ก็จะอยู่ในสภาพที่ดี พร้อมที่จะอำนวยความสะดวก ในการใช้งาน มปี ระสิทธภิ าพสงู ในการทำงาน และสามารถใชไ้ ด้นานค้มุ กับเงินทล่ี งทนุ ไป หลักการใช้เครอ่ื งมอื งานเกษตร ควรปฏิบัตดิ งั ตอ่ ไปนี้ 1. การใช้เคร่ืองมอื คร้ังแรก ควรศึกษาคูม่ ือการใช้งานอยา่ งละเอยี ดก่อนนำไปใช้งาน 2. ก่อนปฏบิ ัติงานควรตรวจดูความเรียบร้อยของเคร่ืองมือก่อนนำไปใช้งานทุกครั้ง หากมขี อ้ บกพร่องต้อง รบี แก้ไขทันที 3. ในขณะที่ใช้เครื่องมือ ต้องหมั่นตรวจและคอยสังเกตว่ามีอะไรผิดของเครื่องมือ หากมีความผิดปกติให้ หยุดทำงาน แล้วทำการแก้ไขทันที 4. ควรเลือกเคร่อื งมือให้เหมาะสมกบั ลักษณะของงาน และไม่ใชง้ านเคร่ืองจนหนกั เกินไป เชน่ ใช้เคียวตัด ต้นไมใ่ หญ่ นำกรรไกรตัดกงิ่ ไปตดั ก่ิงไมข้ นาดใหญ่ เป็นต้น 5. ขณะใช้เครื่องมือ ควรแต่งกายให้รัดกุมและใช้เครื่องมืออย่างระมัดระวัง เพราะเครื่องมือบางชนิด สามารถทำอนั ตรายกับผใู้ ชง้ านได้ 6. เครื่องมือประเภทมีดคม ต้องหมั่นตรวจสอบความคมของเครื่องมอื อยู่เสมอ เพื่อให้เคร่ืองมือทำงานได้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 7. ไมค่ วรนำเครื่องมอื ทีช่ ำรุดมาใช้งาน เพราะอาจกอ่ ให้เกิดอันตรายกบั ผู้อืน่ ได้ 8. หลังจากใช้งานอุปกรณ์เสร็จแล้ว ควรทำความาะอาดและตรวจสอบข้อบกพร่องของเครื่องมือ หากมี ข้อบกพรอ่ งควรแก้ทันที 9. หากต้องไปปฏิบัติงานไกล ๆ ควรเตรียมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมไปด้วย เพราะ เคร่อื งมือมีปัญหาจะสามารถทำการซ่อมแซมและแก้ไขไดท้ นั ที เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรยี นวดั ดอนพุดซา
3. การดูแลรกั ษาเคร่อื งมืองานเกษตร 34 เมื่อใช้เครื่องมือทางการเกษตรเสร็จแล้ว ควรทำความสะอาดและค่อยซ่อมบำรุงรักษาก่อนนำไปเก็บ ทุกครัง้ เพ่อื ใหเ้ ครอื่ งมอื อยู่ในสภาพทดี่ ีและมีอายุการใช้งานทน่ี านขนึ้ โดยสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ดังน้ี 1. เม่ือใชเ้ ครอื่ งมือเสร็จแลว้ ไมค่ วรท้ิงไวต้ ากแดดตากฝน ควรเกบ็ ไว้ในที่โรงเรอื นหรือในทร่ี ม่ 2. เครอ่ื งมือที่ใช้งานกบั ดินควรลา้ งทำความสะอาดให้เรียบร้อย แลว้ ใช้ผา้ เชด็ ให้แหง้ ก่อนนำไปเกบ็ 3. เครอื่ งมอื ที่เป็นโลหะหลงั จากทีใ่ ชง้ านเสร็จแล้ว ควรชโลมทาดว้ ยน้ำมันเพ่อื ป้องกนั การเกิดสนิม 4. ไม่ควรทิง้ เครื่องมือตากแดดตากฝนไว้ เพราะจะทำให้เคร่อื งมือผุกรอ่ นและเกิดสนิมได้งา่ ย 5. เมือ่ พบเครื่องมือที่ชำรุด ต้องซ่อมแซมให้อยใู่ นสภาพท่ีดีกอ่ นเก็บทกุ คร้ัง 6. เครอื่ งมอื ทม่ี ีคม เม่ือใช้ไปนาน ๆ ประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลง ควรหมัน่ ลบั คมอย่างสมำ่ เสมอ 7. อุปกรณแ์ ละเครอื่ งมือทีม่ ีคม ต้องหนั ดา้ นคมเขา้ ด้านใน เท่านั้น เพราะอาจก่อใหเ้ กดิ อันตรายต่อตนเองและบคุ ลลอื่นได้ 8. ถา้ ไมจ่ ำเปน็ จรงิ ๆ ไมค่ วรให้ผู้อน่ื หยิบยมื เคร่ืองมือ เพราะอาจทำใหเ้ กดิ การสญู หาย หรือเครื่องมือชำรุดได้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ กั ด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวัดดอนพดุ ซา
หนว่ ยท่ี 5 35 ดนิ และวสั ดปุ ลูก ๑. ความสำคญั ของดนิ ๒. ส่วนประกอบและคุณสมบตั ิของดนิ และวัสดุปลกู 1. ความสำคญั ของดิน ดินเป็นทรพั ยากรธรรมชาติที่มคี วามสำคัญในการปลูกพชื ดงั น้ี 1. ดินเป็นแหล่งอาหารของพืช โดยพืชสามารถดูดธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชจาก พนื้ ดิน 2. ดนิ เปน็ แหลง่ อาหารของพชื รากพชื สามารถดูดน้ำและความชื้นทแ่ี ทรกซมึ อยูใ่ นดินได้ 3. ดินเป็นแหล่งอากาศของพืช ในดินมีช่องว่างระหว่างเมล็ดดิน ซึ่งช่องว่างนี้จะมีอากาศที่รากพืชใช้เพื่อ การหายใจ ดินทีม่ กี ารถา่ ยเทอากาศดี พืชจะสามารถเจริญเติบโตและแข็งแรง 4. ดนิ เป็นที่ยึดเกาะของรากพืช ทำให้พืชสามารถยืนตน้ ไดอ้ ยา่ งม่นั คง แข็งแรง และดำรงชีวติ อยูไ่ ด้ กระบวนการเกิดดนิ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น ครโู รงเรยี นวัดดอนพุดซา
36 ดินเหนียว ดินรว่ น ดนิ ทราย 2. สว่ นประกอบและคุณสมบัตขิ องดนิ และวัสดุปลูก ดินที่ดีและเหมาะสำหรับการปลูกพืช มีส่วนประกอบ 4 ส่วน ดงั นี้ 1. อนินทรียวัตถุ (Mineral Matter) มีสัดส่วนถึง 45 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของเนื้อดิน มาจากการผุพัง สลายตัวของหินและแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตาม ภมู ิภาค ถอื เป็นแหล่งอาหารหลักของทงั้ พชื และจรุ ินทรยี ์ในดิน 2. อินทรียวัตถุ (Organic Matter) ครอบคลุมตั้งแต่ ซากพชื ซากสัตวท์ ่ีกำลังสลายตวั และสลายตวั แลว้ จลุ ินทรีย์ท้ังที่ มีชีวิตอยู่และตายแล้ว ตลอดจนสารอินทรีย์ที่ได้จากการย่อย สลายหรอื สังเคราะห์ขน้ึ มาใหม่ แม้จะมีสดั สว่ นเพียง 5 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของดิน แตเ่ ปน็ ตัวช้วี ดั ระดับความอุดมสมบูรณ์ และความสามารถในการให้ผลผลิตของดนิ อีกด้วย 3. น้ำ (Water) คือส่วนที่เป็นของเหลวตามช่องว่างในดนิ มีสัดส่วน 25 เปอร์เซ็นต์ ของดินอาจมาจาก น้ำฝนที่ตกลงมา หรือน้ำใต้ดินที่ซึมขึ้นมาก็ได้ ช่วยทำละลายสารอาหารต่าง ๆ ในดินเพื่อให้พืชสามารถดูดซึม เป็นอาหาร รวมถึงทำให้ดนิ มคี วามชุ่มช้นื และออ่ นน่มุ 4. อากาศ (Air) ที่แทรกอยู่ในรูพรุน หรือช่องว่างระหว่างเม็ดดินที่ไม่มีน้ำ มีสัดส่วน 25 เปอร์เซ็นต์ ของดิน ก๊าซท่ีพบเจอในดินมีหลายชนดิ เช่น ไนโตรเจน ออกซเิ จน คารบ์ อนไดออกไซด์ ช่วยใหร้ ากพชื และจลุ นิ ทรีย์ ท่อี ยู่ใต้ดินใช้หายใจเพ่อื การเจริญเติบโต และชว่ ยใหด้ นิ โปรง่ มคี วามร่วนซุย เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศักดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวัดดอนพุดซา
3. คณุ สมบัติของดนิ และวัสดุปลกู 37 คุณสมบัติของดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องทราบคุณสมบัติ ของดินและวัสดุปลูก เพื่อวางแผนการปลูกพืชให้เหมาะสมกับดิน หรือปรับสภาพของดินให้เหมาะสำหรับ การปลูกพืช 1. คุณสมบัตทิ างกายภาพของดิน หมายถึง คุณสมบัติของดนิ ที่มองไม่เหน็ ไดห้ รือสัมผสั ได้ ซึ่งได้แก่ คุณสมบัติด้านเนือ้ ดิน โครงสร้างของดิน และชอ่ งวา่ งในดิน 1. คุณสมบัติด้านเนื้อดิน หมายถึง ความหยาบหรือความละเอียดของเนื้อดิน ซึ่งพิจารณาจากชิ้นส่วน ของอนินทรยี วัตถุท่ีประกอบเปน็ เนือ้ ดนิ (1) เนื้อดินหยาบหรือดินทราย อนุภาคของดินจะแข็ง มีขนาดใหญ่ มีช่องว่างระหว่างเม็ดดินมาก ระบายอากาศได้ดี แต่จะอุ้ม น้ำได้น้อยมากทำให้มีแร่ธาตุอาหารพืชต่ำ เนื่องจากถูกชะล้างออกจาก ก้อนได้ง่าย ดินกลุ่มนี้มีความอึดมสมบูรณ์น้อย พืชที่ปลูกมักเป็นพืชท่ี ต้องการน้ำน้อยแต่ทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง เช่น มันสำปะหลัง สบั ปะรด เป็นต้น (2) เนอื้ ดินละเอียดหรือดนิ เหนียว จะมีเม็ดดนิ ละเอยี ด ชอ่ งวา่ งระหวา่ งเมด็ ดนิ มีนอ้ ย ทำให้อมุ้ นำ้ ได้ดีมากจนทำให้การระบายน้ำและระบานอากาศไมด่ ี เมอื่ ดนิ เปยี กจะเหนยี วสามารถปน้ั เปน็ รูปร่างต่าง ๆ ได้ แต่ เม่ือดนิ แห้งดนิ จะแข็ง ซึง่ ยากตอ่ การไถพรวน เหมาะสำหรับการปลูกพชื ทต่ี อ้ งการน้ำขงั เช่น ข้าว (3) เนื้อดินปานกลางหรือดินร่วน ดินกลุ่มนี้เป็นเนื้อดินปาน กลาง มีการอุ้มน้ำได้ดีพอควร มีการระบายน้ำและอากาศดี เหมาะ สำหรับปลกู พืชท่วั ๆ ไป เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเย็น ครูโรงเรียนวัดดอนพุดซา
2. โครงสร้างของดินและช่องว่างในดิน สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปทรง คือ โครงสร้างแบบรูปทรงกลม 38 รูปเหลี่ยม และรปู แผน่ โครงสร้างแบบรูปทรงกลมจะมีช่องว่างระหว่างเม็ดดินมากท่สี ุด เหมาะสำหรับการปลูกพืช เน่ืองจากมีการระบายนำ้ และอากาศไดด้ ี สว่ นโครงสร้างรูปแผ่น มชี ่องวา่ งระหวา่ งเม็ดดนิ นอ้ ยท่ีสดุ 2. คุณสมบตั ิทางเคมี คุณสมบัติทางด้านเคมีของดินเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นภายในดิน ไม่สามารถมองเห็นได้ ดว้ ยตาเปลา่ ตอ้ งใชเ้ คร่ืองมือตรวจสอบความเป็นเคมนี น้ั คณุ สมบัตทิ างเคมีทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การปลูกพืช คอื ค่าความ เป็นกรดเป็นด่างของดินหรือ ค่า pH ความเป็นกรดเป็นด่างของดินเป็นตัวควบคุมการละลายของธาตุอาหารพืช ใหอ้ ยใู่ นรปู ทพ่ี ืชสามารถดูดไปใช้ได้ กลา่ วคือ ถ้าดนิ เป็นกรดมาก ธาตุอาหารบางชนดิ เชน่ เหลก็ แมงกานีส สงั กะสี จะละลายออกมา ถ้าดินเป็นด่าง ธาตุโบรอนและโมลิบดีนัมจะละลายมาก ถ้าดินเป็นกรดเป็นด่างเกินไป จะมีผลกระทบต่อการปลูกพืช เพราะเมื่อธาตุบางตัวละลายมากจะเป็นพิษกับพืช และธาตุบางตัวอาจะไม่ละลาย ทำให้พืชขาดธาตุเหล่านั้น พืชแต่ละชนิดเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความเป็นกรดเป็นด่างไม่เท่ากัน โดยทั่วไปพืช เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มคี า่ ความเปน็ กรดดา่ ง (pH) ระหว่าง 5.5-7.0 เครอ่ื งมือวดั คา่ pH ของดินทน่ี ิยมใช้มคี วามสะอาดสะดวกสบายในการวดั คอื pH Meter เปน็ เคร่ืองมือท่ี วดั ดว้ ยไฟฟา้ หรือใชช้ ดุ ตรวจสอบดว้ ยน้ำยาเปลีย่ นสีทเ่ี รียกวา่ pH Test Kit วัสดปุ ลกู การปลูกพืชในวัสดุปลูกแทนดิน (Soilless Culture media) คือการปลูกพืชในวัสดุอื่น ๆ แทน โดยวัสดุ หมายถึงทั้งที่เป็นอินทรียสารและอนินทรียสาร ที่จะต้องไม่มีธาตุอาหารพืชสะสมอยู่ การปลูกพืชลงในวัสดุปลูก แบบนี้เป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินที่มีลักษณะใกล้เคียงกับการปลูกพืชในดินแบบกระถางหรือในภาชนะโดยใช้นำ้ หยดมากที่สุด แต่จะแตกต่างกันตรงที่ถ้าปลูกลงในดินพชื จะได้รับอาหารทีม่ ีอยู่แล้วในดนิ หรือจากปุ๋ยทีใ่ สใ่ ห้แต่ละ ครั้ง และได้รับน้ำจากการให้น้ำแบบน้ำหยด ส่วนถ้าเป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบใช้วัสดุปลูกนั้น พืชจะได้รับ ธาตุอาหารไปพร้อม ๆ กับการให้น้ำหยด เพราะน้ำที่ให้เป็นน้ำสารละลายธาตุอาหารในแบบของการปลูกพืชโดย ไม่ใช้ดินนั่นเอง หัวใจสำคัญของวิธีการปลูกพืชในวัสดุปลูกคือการให้สารละลายธาตุอาหารในปริมาณและความถ่ี เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศักดิ์ พวงบานเย็น ครโู รงเรียนวดั ดอนพุดซา
ที่พอเหมาะกับความต้องการของพืชในแต่ละช่วงอายุการเจริญเติบโต และยังต้องมีวิธีการวางระบบระบายน้ำ 39 สว่ นเกินออกจากวสั ดุปลูกด้วยกัน อินทรีย์สสาร (ORGANIC Soilless Culture) วัสดุธรรมชาติหาได้ง่ายในท้องถิ่นมีราคาถูก แต่ข้อเสียคือ มักมีคุณสมบัติในการอมน้ำและระบายอากาศที่ยังไม่ สมดลุ กนั ภายในวัสดุตวั เดียว - พที มอส (Peat Moss) - มะพรา้ วสบั (Shredded coconut) - แกลบดบิ (Rice Hulls) - ฟางข้าว (Rice Straw) - เปลือกถั่ว (Nut shell) - ชานออ้ ย (Bagasse) - เปลอื กไมช้ ้นิ เลก็ (shredded bark) อนินทรีย์สสาร (INORGANIC Soilless Culture) คุณสมบัติที่รวนโปร่งและเบา จึงมีอากาศแทรกอยู่ เพียงพอต่อความต้องการของรากพืชและมีคุณสมบัติอุ้มความชื้นตั้งแต่น้อยจนถึงดีมาก ข้อดีอีกประการหนึ่งของ วัสดปุ ระเภทอนินทรยี ส์ ารคือ มคี วามสะอาด ปราศจากเช้อื โรคปนเปือ้ น และคงทนไมส่ ลายตัว หรือยุบตัวง่าย - เวอรม์ ิคิวไลท์ (Vermiculite) - เพอร์ไลท์ (Perlite) - หนิ ภเู ขาไฟ (Pumice) - ใยหิน (Rockwool) - ดินเผา (Calcined Clay) - กรวด (Gravel) - ทรายหยาบ (Sand) เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศกั ดิ์ พวงบานเยน็ ครโู รงเรยี นวดั ดอนพุดซา
หน่วยท่ี 6 40 การปลูกพชื และการขยายพันธ์พุ ชื ๑. ความรูเ้ บอ้ื งตน้ การขยายพันธพ์ุ ชื ๒. การขยายพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศ 3. การขยายพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ 4. การจัดการผลผลติ 1. ความรเู้ บ้ืองต้นการขยายพันธ์พุ ืช วธิ กี ารปลูกพชื วิธีการปลูกพืชแบ่งเป็นวิธีใหญ่ๆ ได้ 3 วิธี คือ การปลูกด้วยเมล็ดโดยตรง การปลูกโดยวิธีย้ายกล้าปลูก และการปลูกโดยใชส้ ่วนเจริญของพชื 1. การปลูกด้วยเมล็ดโดยตรง การหว่าน วิธีนี้ใช้กับพืชบางชนิดซึ่งเมล็ดพันธุ์ราคาถูก เพราะการ ปลูกโดยวิธนี ี้จะสนิ้ เปลืองเมล็ดพนั ธ์ุมาก เช่น ข้าวนาหวา่ น การปลูกด้วยวิธีนี้ เกษตรกรจะต้องมีความชำนาญในการหว่าน มิเช่นนั้นจะทำให้ต้นกล้าที่งอก ขึ้นมาแน่นเกินไป จนทำให้ต้นพืชแคระแกรน หรือทำให้โรคและแมลงเข้า ทำลายไดง้ า่ ย การปลกู เปน็ แถว การปลกู โดยวธิ นี ี้มกี ารจดั ระยะปลูกค่อนขา้ งแนน่ อน ซ่ึงแบง่ ออกได้เปน็ 2 วธิ ดี ว้ ยกัน - การโรยเป็นแถว การปลูกแบบนี้มีการจัดระยะระหว่างแถวแน่นอน แต่ระยะระหว่า งต้น ไมแ่ น่นอน เช่น การปลูกข้าวฟา่ ง หรือพืชผักบางชนดิ - การหยอดเป็นหลุม วิธีนี้จะมีการกำหนดระยะระหว่างต้นและ ระหวา่ งแถวแน่นอน เช่น การปลกู ขา้ วโพด ถว่ั เหลือง แตงโม เป็นต้น 2. การปลูกโดยวธิ ยี า้ ยกล้าปลูก การเตรียมกล้า - การเพาะกล้าในแปลงเพาะ เป็นการเพาะเมล็ดในแปลงเพาะที่เตรียม ไว้อยา่ งดี ซึ่งวธิ กี ารเตรยี มแปลงเพาะข้ึนอยกู่ บั ชนดิ ของพชื - การเพาะกล้าในกระบะ วิธีนี้ใช้กับพืชที่ไม่ทนทานต่อสภาพ การถอน ยา้ ยกลา้ แบบล้างราก เชน่ ไมด้ อกและพืชผกั บางชนิด ท่ีก้นกระบะต้องมชี ่อง เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศักด์ิ พวงบานเยน็ ครโู รงเรยี นวัดดอนพุดซา
ระบายน้ำ วัสดุที่ใช้เพาะควรเป็นส่วนผสมของทรายหยาบ ปุ๋ยคอก และปุ๋ยหมักเก่า ในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 41 การเพาะกล้าในกระบะเพาะนี้มักจะโรยเมล็ดเป็นแถวให้ช่วงแถวห่างกันประมาณ 5 เซนติเมตร และกลบผิวหน้า ดินบาง ๆ นอกจากการเพาะในกระบะนี้แล้วอาจเพาะในถ้วยกระดาษหรือ กระทงก็ได้ วิธีนี้จะทำให้รากของต้นกล้า ไม่กระทบกระเทือนเวลาย้ายลง ปลกู ในแปลงปลูก การเตรียมต้นกล้าก่อนการย้ายปลูก เป็นสิ่งจำเป็นทั้งนี้เพราะ หลงั จากเมลด็ เริม่ งอกข้นึ มาแล้วตอ้ งมีการดแู ลรักษาอย่างดี ตอ้ งมกี ารรดน้ำใหพ้ อเหมาะ โดยพิจารณาจากความชื้น ของดินในแปลงเพาะ เพราะถ้ารดน้ำมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคได้ง่าย เมื่อต้นกล้าโตได้ขนาดแล้ว ก่อนที่จะย้าย ปลูกต้องทำให้ต้นกลา้ อยู่ในสภาพพร้อมท่ีจะย้ายปลกู ซึ่งเรียกว่าการทำ ให้ต้นกล้าแขง็ แรง ควรทำในระยะ 7-10 วนั ก่อนการยา้ ยปลูก โดยรดนำ้ ใหน้ อ้ ยลงและใหต้ ้นกล้าได้รับแสงแดดเตม็ ที่ - การย้ายปลูก โดยขนย้ายกล้ามายังแปลงปลูก สำหรับต้นกล้าที่ถอนจากแปลงเพาะพยายามอย่าให้ต้น กล้ากระทบกระเทือนมาก ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางสอดไประหว่างโคนต้นกล้าแล้วกดดินที่โคนต้นกล้าให้แน่น แล้วรด นำ้ ใหช้ ุ่มพอควร ปกติการย้ายปลกู ต้นกล้าควรทำในตอนเยน็ เพ่ือลดปัญหาแสงแดดจัดในเวลากลางวนั และต้นกล้า จะตงั้ ตวั ไดใ้ นวันรุ่งขน้ึ หากต้นกล้ายงั เหี่ยวอยูค่ วรหาวัสดคุ ลุมกนั แสงแดดเพ่อื ชว่ ยให้ตน้ กลา้ ต้ังตัวไดเ้ ร็วขึ้น 3. การปลูกโดยใช้สว่ นเจริญของพชื เป็นการปลูกโดยใช้ท่อนพันธุ์ซึ่งมีตาข้างอย่างน้อย 2-3 ตา อาจจะเป็นส่วนซึ่งตัดมาจากลำต้นโดยตรง ซึ่งนิยมทำกับอ้อยและมันสำปะหลัง หรือท่อนพันธุ์ที่นำไปปักชำแล้ว วิธีนี้จะเรียนกอีกอย่างว่า การขยายพันธุ์พืช แบบอาศัยเพศนนั่ เอง ความหมายของการขยายพันธ์ุพชื การขยายพันธุ์พืช หมายถึง วิธีการเพ่ิมปริมาณต้นพืชด้วยวิธีการตา่ ง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือใหพ้ ันธุ์พืช ชนดิ น้ันไม่สูญพันธุ์ พชื ตน้ ใหม่ท่ีได้ยังคงลกั ษณะและคุณสมบตั ิของพันธท์ุ ่ดี ีไว้ หรอื อาจไดพ้ นั ธ์ุใหม่ที่มลี ักษณะผิดไป จากเดิม เพื่อเพ่ิมปรมิ าณผลผลิตและการผลติ ต้นพนั ธ์ุพืชท่ีดเี ปน็ การผลติ เพื่อการคา้ ความสำคญั ของการขยายพนั ธ์พุ ืช 1. ความสำคัญตอ่ มนุษย์ การขยายพันธ์ุพืชเป็นการเพ่มิ จำนวนอาหาร เคร่อื งนงุ่ ห่ม ยารักษาโรค และทีอ่ ยู่อาศัยของมนษุ ย์ 2. ความสำคัญตอ่ อาชีพ การขยายพันธุ์พืชทำให้เกษตรกรมีรายได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดอาชีพมากมาย เช่น การขยายพันธ์ุ มะม่วง ทำให้มะม่วงมีผลผลิตจำนวนมาก จนก่อให้เกิดอาชีพต่าง ๆ เช่น คนงานเก็บมะม่วง โรงงานทำกล่อง บรรจภุ ัณฑ์ พนกั งานชบั รถส่งของ กลมุ่ ทำผลไม้แปรรปู เช่น มะม่วงกวน มะม่วงแช่อิ่ม มะมว่ งดอง เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดิศักด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวดั ดอนพดุ ซา
3. ความสำคญั ต่อประเทศ 42 การขยายพันธ์พุ ชื โดยเฉพาะพชื เศรษฐกจิ ใหม้ ีคุณภาพ เชน่ ยางพารา ทเุ รียน ข้าว ลำไย ลิน้ จ่ี กลว้ ย ส่งผล เกษตรกรสามารถนำผลผลิตไปจำหนา่ ยเปน็ สินค้าสง่ ออกได้ ชว่ ยใหร้ ัฐบาลมีรายได้มากยงิ่ ขึ้น 4. ความสำคญั ต่อทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม การขยายพันธุ์พืชมีความสำคัญต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง เมื่อนำต้นไม้ที่ขยายพันธ์ุ ไปปลูกในที่ดินว่างเปล่าหรือที่ดินเสื่อมโทรม ทำที่ดินนั้นมีคุณค่าเป็นการเพิ่มทรัพยากรธรรมชาติ และทำให้โลก มีออกซเิ จนเพิม่ มากขนึ้ 5. ความสำคญั ตอ่ การดำรงพนั ธข์ุ องพชื การขยายพันธ์ุพืช เปน็ การเพมิ่ จำนวนพนั ธ์ุพืชให้มีจำนวนมากยงิ่ ขนึ้ และเป็นการคงพนั ธพุ ชื ไม่ให้สญู พนั ธุ์ วธิ ีการขยายพันธพ์ุ ืช พืชสามารถแบง่ ออกเป็น 3 พวก คอื จำพวกที่ 1 ได้แก่ พืชตระกูลเฟิร์น เช่น กู๊ดเกี๊ยะ ย่านลิเภา ลิเภา หรือนิเภา เฟิร์นใบมะขาม เฟิร์นนาคราช เป็นต้น พืชจำพวกนี้มีส่วนที่ใช้ ขยายพนั ธเ์ุ รยี กวา่ สปอร์ จำพวกที่ 2 พชื จำพวกสน เปน็ พืชทีไ่ ม่มี ดอก แต่มีเมล็ด เมล็ดไม่มีฝักหุ้ม ได้แก่ สนฉัตร สนแผง สนเก๊ียะ สนหางสิงห์ และสน ทรายทอง เปน็ ต้น จำพวกที่ 3 ไดแ้ ก่ พชื ทมี่ ดี อกและผลทว่ั ไป ซงึ่ พชื ในจพวกน้ยี ังแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ พืชใบเล้ียงเดยี่ ว เช่น ขา้ ว ข้าวโพด อ้อย เปน็ ตน้ และพืชใบเลีย้ งคู่ เช่น มะม่วง ยางพารา ถ่ัวชนิดต่าง ๆ และใบบัว เป็นตน้ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดศิ ักดิ์ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวดั ดอนพุดซา
พืชทง้ั 3 พวก มีวธิ กี ารขยายพนั ธุ์พชื 2 วธิ ี ไดแ้ ก่ 43 1. การขยายพันธุพ์ ชื แบบอาศยั เพศ การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศ เป็นการขยายพันธุ์พืชที่เกี่ยวข้องกับกับการผสมพันธุ์ เช่น การใช้เมล็ด ที่เกิดเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย พืชที่เกิด จากเมล็ดจะมีลักษณะไม่แน่นอนอาจจะเหมือนตน้ พ่อแม่ หรือไม่เหมือนก็ ได้ 2. การขยายพนั ธพ์ุ ชื แบบไม่อาศยั เพศ การขยายพนั ธ์พุ ชื แบบไม่อาศัยเพศ เปน็ การขยายพันธโุ์ ดยใช้ส่วน อื่น ๆ นอกเหนือจากเมล็ด ซึ่งการขยายพันธุ์จากส่วน ๆ เหล่านี้พืชที่ เกดิ ขึ้นจะมลี ักษณะเหมอื นตน้ เดมิ ทุกประการ การขยายพนั ธุพ์ ชื แบบอาศยั เพศ แบบไม่อาศยั เพศ เมลด็ ส่วนตา่ ง ๆ ของต้น สปอร์ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวิชางานเกษตร๑ - การตดั ชำ - การตอน - การต่อก่ิง - การทาบก่ิง - การติดตา - การแยกหนอ่ และแบ่งหนอ่ แบบ ตา่ ง ๆ ง นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเย็น ครูโรงเรียนวัดดอนพดุ ซา
หลกั การขยายพนั ธพ์ุ ชื 44 การขยายพนั ธ์ุพืชใหป้ ระสบความสำเรจ็ ผู้ทต่ี ้องการขยายพันธ์ุพืชต้องมหี ลกั การดังน้ี 1. ต้องมคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของพืช ลกั ษณะการเจรยิ เติบโตของพชื วิธกี ารและเทคนิค การขยายพันธพ์ุ ืช วิธีใชว้ สั ดุและอปุ กรณข์ ยายพนั ธพุ์ ืช 2. ควรหมัน่ สังเกต ตดิ ตาม ดูแล และควบคุมการเจริญเติบโตของพืชที่ทำการขยายพนั ธ์ุ 3. ต้องมีทักษะการขยายพันธุ์พืช เช่น การตัดชำ การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง การติดตา เป็นต้น ด้วยการฝึก ปฏบิ ัติจนเกิดความชำนาญ และสามารถเลือกวิธกี ารขยายพันธใุ์ ห้เหมาะสมกบั พันธ์ุพชื แต่ละชนดิ ประโยชนข์ องการขยายพันธ์พุ ืช 1. ช่วยรกั ษาพันธพุ์ ชื ทมี่ ีอยูไ่ มใ่ ห้สญู หายหรอื สูญพันธุไ์ ป โดยเฉพาะพชื พนั ธพ์ุ ้ืนเมอื งหรือพชื เฉพาะถน่ิ 2. ช่วยให้เกดิ พืชพันธุ์ชนิดใหมห่ รือช่วยพัฒนาสายพนั ธุพ์ ืชด้ังเดมิ ใหด้ ยี ่ิงข้ึน เช่น การพัฒนาสายพันธ์ขุ าว ให้สามารถจมอยู่ในน้ำได้นาน ๆ ทำให้ข้าวไม่เน่าเสียในช่วงน้ำท่วม หรือการพัฒนาสายพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่จาก ต่างประเทศให้สามารถปลกู ในประเทศไทยได้ เป็นตน้ 3. ชว่ ยลดต้นทุ่นการผลติ ดา้ นการเกษตร เนือ่ งจากเกษตรกรสามารถขยายพันธพ์ุ ชื เองได้ 4. ช่วยให้เกิดอาชีพต่าง ๆ เกี่ยวกับด้านการเกษตรและการแปรรูปอาหาร เช่น อาชีพรับจ้างเกี่ยวผลไม้ การแปรรูปผกั และผลไมข้ าย 5. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากเราสามารถนำความรู้เรื่องการขยายพันธุ์พืชมาปรับใช้กับพืชผักสวน ครัวได้ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑ นายอดิศกั ด์ิ พวงบานเยน็ ครโู รงเรยี นวัดดอนพดุ ซา
2. การขยายพันธ์ุแบบอาศยั เพศ 45 ความหมายของการขยายพันธ์แุ บบอาศยั เพศ การขยายพันธ์ุแบบอาศัยเพศ หรอื การขยายพันธ์ุด้วยส่วนสืบพันธ์ุของพชื หมายถึง การขยายพันธ์ุพืชโดย การผสมเกสรระหว่างเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย จนเกิดเป็นเมล็ดที่มีต้นอ่อนอยู่ในภายใน เมื่อเมล็ดแก่จัด และมีความอุดมสมบูรณ์ ต้นอ่อนก็จะงอกออกจากเมล็ด ซึ่งต้นอ่อนที่เกิดข้ึนอาจมีลกั ษณะเหมือนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ หรอื ไม่เหมือนก้ได้ข้นึ อยู่กับยีนท่ีไดร้ บั และต้นไมท้ ่ีไดจ้ ะมลี กั ษณะสูงใหญ่ มีระบบรากแข็งแรง ทำให้การขยายพันธ์ุ วิธนี ้ไี มเ่ หมาะสมกับไมผ้ ล เชน่ ทเุ รยี น เงาะ มะม่วง ลำไย แอปเปลิ้ ท้อ เปน็ ตน้ ยกเวน้ มังคดุ เนอ่ื งจากเมล็ดมังคุด ไม่ได้เกิดจากการผสมเกสรแต่พัฒนามาจากเนื้อเยื่อภายในรังไข่ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนแม่พันธุ์ ทุกประการ นอกจากนี้การขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศยังนิยมใช้ขยายพันธุ์จำพวกไม้ล้มลุก ผัก ธัญพืช ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้สำหรับปลูกป่า เป็นต้น ขอ้ ดีขอ้ เสยี ของการขยายพันธ์ุแบบอาศัยเพศ นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเยน็ ข้อดขี องการขยายพันธุ์แบบอาศยั เพศ 1. ต้นไมท้ ่ไี มไ่ ด้ติดเชื้อไวรัสจากแม่พันธ์ุ ครโู รงเรียนวดั ดอนพดุ ซา 2. พชื บางชนดิ สามารถเพาะได้ทกุ ฤดู 3. ตน้ ไมท้ ไ่ี ด้จะมอี ายยุ าวนานกวา่ การขยายพันธวุ์ ิธอี ื่น 4. ขยายพนั ธไ์ุ ด้ง่าย รวดเร็ว และไดพ้ นั ธุ์ไมป้ ริมาณมาก 5. ตน้ ไม้ทไี่ ดม้ โี อกาสกลายพนั ธ์ุในลักษณะที่ดีกว่าพ่อพนั ธ์ุแมพ่ นั ธุ์ เอกสารประกอบการเรยี นการสอน รายวิชางานเกษตร๑
6. สะดวกตอ่ การขนส่งระยะไกล เน่ืองจากต้นไมม้ ีขนาดเล็กและแข็งแรง 46 7. ต้นไมท้ ่ีไดม้ รี ะบบรากแกว้ หย่งั ลึกลงในดินทำใหช้ ว่ ยยึดลำต้นไม้ไดด้ ี ซง่ึ เหมาะสำหรบั เป็นฐานของต้นไม้ ในการขยายพันธ์ดุ ว้ ยการติดตา ทาบกิ่ง และเสยี บยอบ ข้อเสียของการขยายพันธุ์แบบอาศยั เพศ 1. ให้ผลผลิตช้า เนื่องจากต้นไม้ที่ได้จากการขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศต้องใช้เวลานานในการเติบโตกว่า จะใหผ้ ลผลิตได้ 2. พืชบางชนิดใชเ้ วลางอกนาน ทำให้ไดพ้ นั ธุไ์ มช้ า้ 3. ตน้ ไมท้ ี่ไดม้ โี อกาสกลายพนั ธุใ์ นลกั ษณะท่ีไมด่ ี 4. พืชบางชนิดไม่มีเมลด็ จงึ ไม่สามารถขยายพนั ธดุ์ ้วยวธิ ีนี้ได้ 5. เม่อื ต้นไมโ้ ตจะสงู ใหญ่ ทำใหไ้ มส่ ะดวกต่อการดูแลรกั ษาหรอื เก็บเกยี่ ว วธิ ีการคัดเลอื กเมลด็ พนั ธุ์ การขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศจำเป็นต้องอาศัยเมล็ดพันธุ์ที่ดีและมี คุณภาพ เนื่องจากเมล็ดพันธุ์เป็นปจั จัยสำคัญและจำเปน็ ที่สุดชนิดหนึ่งในการ เพาะปลูก ถึงแม้จะมีปัจจัยการผลิตอื่น ๆ ที่ดีพร้อม แต่ถ้าขาดเมล็ดพันธ์พุ นั ธ์ุ ที่ดีและมีคณุ ภาพแลว้ ผลผลติ ทไ่ี ด้อาจมีปริมาณและคุณภาพตำ่ หรือแทบไม่ได้ เลย ดังนั้นการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งลักษณะ ของเมล็ดพันธ์ทุ ่ีดีควรมีดังน้ี 1. เมล็ดพันธตุ์ อ้ งสะอาด ปราศจากจากสงิ่ เจือปนตา่ ง ๆ 2. ลักษณะภายนอกดี สีสดใส ไม่ลีบย่น อ่อนหรือแก่เกินไป ไป แตกรา้ วหรอื ป่นหัก 3. ไมม่ ลี ่องลอยของการถูกแมลงหรอื โรคเข้าทำลาย 4. เมล็ดพันธุ์ต้องมาจากตระกูลที่ให้ผลผลิตจำนวนมาก มีขนาดและ รูปรา่ งดี มสี ี มีนำ้ หนกั และรสชาติดี 5. ทนทานต่อโรคและแมลง 7. มคี วามสามารถในการงอกเจริญเตบิ โตสูง ปัจจัยในการงอกของเมลด็ 1. น้ำหรอื ความชื้น เมอื่ เมลด็ พนั ธุ์ถูกนำ้ หรือความช้ืนที่เหมาะสมทำให้เปลือกของเมล็ดอ่อนตัวจนน้ำและ ออกซิเจนเข้าผ่านไปในเมล็ด ทำให้ต้นอ่อนที่อยู่ภายในเมล็ดเจริญเติบโต รากของเมล้ดจึงแทงออกมาได้ง่าย จากนั้นเมล็ดจะเริม่ พองตัวและมีแรงดนั ภายในมากขึ้นจนทำใหเ้ ปลือกเมล็ดแตกออก จนกลายเป็นต้นอ่อนท่ีเจรญิ ออกมานอกเมลด็ เอกสารประกอบการเรียนการสอน รายวชิ างานเกษตร๑ นายอดศิ ักด์ิ พวงบานเยน็ ครูโรงเรยี นวัดดอนพุดซา
Search