Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1. รัฐสภาสารฉบับเดือนมกราคม 2560

1. รัฐสภาสารฉบับเดือนมกราคม 2560

Published by sapasarn2019, 2020-11-09 06:14:30

Description: 1. รัฐสภาสารฉบับเดือนมกราคม 2560

Search

Read the Text Version

99 ประจ�ำ วนั เชน่ ชมุ ชนบา้ นปา่ บกุ ในพน้ื ท่ี เทศบาลต�ำ บลแมแ่ รง มกี ารลดขยะในงานศพ ดว้ ยการงดใหพ้ วงหรดี   หรอื การทเ่ี ทศบาลตำ�บลบา้ นเหลา่   สนบั สนนุ ใหใ้ ชธ้ ปู และเทยี น ไฟฟา้ ในงานศพ เปน็ ตน้ และประการสดุ ทา้ ย  คอื   การตดิ ตามงานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง  ยกตวั อยา่ ง  เชน่   การท่ี เทศบาลนครล�ำ ปาง มกี ารจดั ประชมุ เพอ่ื วางแผนงานและตดิ ตามงานเปน็ รายเดอื น และรายสปั ดาห์ หรอื การท่ี อบต.ขว่ งเปา มกี ระบวนการทใ่ี หเ้ จา้ หนา้ ทท่ี กุ คนทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ได้มีส่วนร่วมในการระดมความคิดเห็นและวางแผนการพัฒนาระบบการจัดเก็บภาษี อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง นอกเหนือจากแนวปฏิบัติท่ีดีเจ็ดประการดังกล่าวแล้ว  แต่ละ  อปท.  ยงั มแี นวปฏบิ ตั ทิ ด่ี อี น่ื ๆ เชน่ เทศบาลต�ำ บลแมแ่ รง มกี ารปรบั กลยทุ ธก์ ารจงู ใจใหช้ มุ ชน กระตือรือร้นในการจัดการขยะ  จากท่ีให้รางวัลดีเด่นกับชุมชนท่ีจัดการขยะได้ดีท่ีสุด เปน็ ใหร้ างวลั กบั ชมุ ชนทม่ี พี ฒั นาการมากทส่ี ดุ   เพอ่ื แกป้ ญั หาการไดร้ างวลั อยา่ งตอ่ เนอ่ื งของ ชมุ ชนใดชมุ ชนหนง่ึ อนั สง่ ผลใหช้ มุ ชนอน่ื ไมอ่ ยากเขา้ รว่ ม สว่ น อบต.ดอนแกว้ มวี ธิ กี าร จงู ใจใหค้ นเขา้ รว่ มการจดั การขยะโดยใหร้ างวลั “คนดศี รดี อนแกว้ ” และ “เพชรดอนแกว้ ” ซง่ึ เปน็ การยกยอ่ งชมเชยมากกวา่ ทจ่ี ะเปน็ การใหเ้ งนิ รางวลั หรอื การท่ี อบต.นาเหลอื ง ไดบ้ รรจเุ รอ่ื งการดแู ลรกั ษาปา่ ไวใ้ น “ธรรมนญู สขุ ภาวะชมุ ชน” ซง่ึ ถอื วา่ เปน็ ขอ้ ตกลงรว่ มกนั ของชุมชน  ส่วน  อบต.บ้านหนุน  ก็ได้มีการจัดทำ�แผนผังการทำ�งานของศูนย์ยุติธรรม ชมุ ชนอยา่ งชดั เจน เพอ่ื ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจและเขา้ ถงึ บรกิ ารไดโ้ ดยงา่ ย เปน็ ตน้ ทา่ มกลางแนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี ตี า่ งๆ  ดงั กลา่ ว  สองสง่ิ ทจ่ี ะขาดหายไปไมไ่ ดใ้ นการ ถอดบทเรยี นในการบรหิ ารจดั การทด่ี ขี อง อปท. คอื ปจั จยั แหง่ ความส�ำ เรจ็ และปญั หา และอปุ สรรคท่ี อปท. ไดเ้ ผชญิ ระหวา่ งการด�ำ เนนิ งานดา้ นตา่ งๆ โดยการจดั เวทคี รง้ั นไ้ี ด้ เลง็ เหน็ ถงึ ปจั จยั แหง่ ความส�ำ เรจ็ ท่ี อปท. มรี ว่ มกนั อยา่ งนอ้ ย ๗ ประการดว้ ยกนั (ดู สรปุ ในตารางท่ี ๓) โดยสามประการแรกเปน็ ปจั จยั ทว่ี า่ ดว้ ยบคุ ลากรภายในทอ้ งถน่ิ คอื ผนู้ �ำ ของ อปท. ผนู้ �ำ ชมุ ชน และเจา้ หนา้ ทข่ี อง อปท. ทต่ี า่ งมคี วามส�ำ คญั ในการรเิ รม่ิ ผลกั ดนั และขบั เคลอ่ื นการบรหิ ารจดั การทด่ี ใี นดา้ นตา่ งๆ

สามประการต่อมาจะเปน็ ปจั จยั ทเ่ี ก่ยี วกับชมุ ชนภายในพน้ื ทข่ี อง  อปท.  ซง่ึ ประกอบดว้ ย วฒั นธรรมรว่ ม การมสี ว่ นรว่ ม และความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน โดยในประการ ท่ีส่ีน้ัน  การท่ีชุมชนมีวัฒนธรรมร่วมกันได้นำ�มาสู่การร่วมแรงร่วมใจในการดำ�เนินงาน ตา่ งๆ ของ อปท. เชน่ กรณขี องเทศบาลต�ำ บลแมแ่ รง อบต. ดอนแกว้ และเทศบาล เมอื งแมฮ่ อ่ งสอน  เปน็ ตน้   ประการทห่ี า้ วา่ ดว้ ยการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนนน้ั   เปน็ ปจั จยั แห่งความสำ�เร็จท่ีจะขาดไปไม่ได้เลยสำ�หรับการบริหารจัดการท่ีดีส่วนใหญ่  หากจะมี ข้อยกเว้นก็อย่างเช่นกรณีของเทศบาลนครเชียงรายท่ีมีแรงหนุนเสริมมาจากองค์กร ภายนอก และประการสดุ ทา้ ย คอื ความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน ซง่ึ เปน็ การมองภาพรวม ของชุมชนว่ามีความเป็นอันหน่ึงอันเดียวและพร้อมเข้าร่วมการดำ�เนินงานของท้องถ่ิน มากนอ้ ยเพยี งใด ซง่ึ ในเวทนี ้ี อบต.ดอนแกว้ และ อบต.บา้ นหนนุ เปน็ กรณตี วั อยา่ งทเ่ี หน็ ไดช้ ดั 100

ตารางท่ี ๓ ปจั จยั แหง่ ความส�ำ เรจ็ และปญั หาอปุ สรรคของการบรหิ ารจดั การทด่ี ี 101

ประการสดุ ทา้ ย คอื ประการทเ่ี จด็ วา่ ดว้ ยเครอื ขา่ ยของ อปท. โดยจะเหน็ ได้ ว่าการทำ�งานของแทบทุก  อปท.  ท่เี ข้าร่วมเวทีการถอดบทเรียนในการบริหารจัดการท่ดี ี ในคร้ังน้ีล้วนแล้วแต่มีเครือข่ายในการทำ�งาน  ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายการทำ�งานด้าน สง่ิ แวดลอ้ มของ เทศบาลนครเชยี งราย เครอื ขา่ ย “ทอ้ งถน่ิ ทอ้ งท่ี ทอ้ งทงุ่ ” ของ อบต.นาเหลอื ง เครอื ขา่ ยการแลกเปลย่ี นเรยี นรขู้ องเทศบาลต�ำ บลแมแ่ รง เปน็ ตน้ นอกจากน้ี ปจั จยั อน่ื ๆ ยงั ไดแ้ ก่กฎระเบยี บทช่ี ดั เจนทเ่ี ทศบาลต�ำ บลบา้ นเหลา่ ก�ำ หนดขน้ึ เพอ่ื การจดั การขยะ แ ละ ฐานข้อมูลท่ีเป็นปัจจุบันและทันสมัยของ  เทศบาลนครลำ�ปาง  ท่ีเอ้ือต่อการคำ�นวณ และจดั เกบ็ ภาษอี ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ประเด็นสุดท้ายของการวิเคราะห์และสังเคราะห์เพ่ือถอดบทเรียนในการ บรหิ ารจดั การทด่ี ขี อง อปท. ในภาคเหนอื ตอนบน คอื ประเดน็ วา่ ดว้ ยปญั หาและอปุ สรรค ท่ี อปท. ตอ้ งเผชญิ ระหวา่ งด�ำ เนนิ งานดา้ นตา่ งๆ ทง้ั ๔ ดา้ น ซง่ึ จากขอ้ มลู ในตารางท่ี ๓ สามารถสรปุ รวมปญั หาและอปุ สรรคท่ี อปท. เผชญิ รว่ มกนั ไดอ้ ยา่ งนอ้ ย ๓ ประการ ไดแ้ ก่ ประการทห่ี นง่ึ   คอื   บทบาทของหนว่ ยงานสว่ นกลางตา่ งๆ  ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การบรหิ าร จัดการของ  อปท.  ในด้านน้นั ๆ  ซ่งึ ประเด็นปัญหาท่รี วบรวมได้ประกอบไปด้วยปัญหา และอปุ สรรคทม่ี กั จะไดย้ นิ อยเู่ สมอ เชน่ ความไมย่ ง่ั ยนื ของนโยบายสว่ นกลาง การสง่ เสรมิ ท่ีไม่ต่อเน่ืองและไม่เป็นระบบของหน่วยงานส่วนกลาง  ความเข้มงวดท่ีมากเกินไปของ สำ�นักงานตรวจเงินแผ่นดิน  การท่สี ่วนกลางบางแห่งปิดก้นั หรือขัดขวางการเข้าถึงข้อมูล ทจ่ี �ำ เปน็ ตอ่ การพฒั นางานของ อปท. เปน็ ตน้ ประการทส่ี อง คอื ทรพั ยากรของ อปท. ทม่ี อี ยอู่ ยา่ งจ�ำ กดั ไมว่ า่ จะเปน็ คน หรอื เงนิ ทไ่ี มเ่ พยี งพอตอ่ การด�ำ เนนิ งานดา้ นตา่ งๆ ดงั จะเหน็ ไดช้ ดั เจนจากกรณขี อง อบต. นาเหลือง  ท่ดี ำ�เนินงานดูแลรักษาทรัพยากรท่ามกลางงบประมาณท่มี ีจำ�กัด  หรือการท่ี อบต.ขว่ งเปา มเี จา้ หนา้ ทท่ี เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั งานจดั เกบ็ ภาษอี ยเู่ พยี งสองคน เปน็ ตน้ ประการสดุ ทา้ ย คอื ปญั หาวา่ ดว้ ยการเมอื งในทอ้ งถน่ิ เชน่ ความขดั แยง้ และเหน็ ตา่ งระหวา่ งกลมุ่ การเมอื งในทอ้ งถน่ิ วา่ ดว้ ยเรอ่ื งของการดแู ลรกั ษาทรพั ยากรทต่ี �ำ บล นาเหลือง  หรือการพยายามจะเอ้อื ประโยชน์ให้แก่พวกพ้องในเร่อื งของการจัดเก็บภาษ ี ทต่ี �ำ บลขว่ งเปา เปน็ ตน้ 102

103 นอกจากปญั หารว่ มสามประการดงั กลา่ วแลว้ การบรหิ ารจดั การของ อปท. ยังต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคเฉพาะอีกด้วย  เช่น  การจัดการขยะของเทศบาลเมือง แม่ฮ่องสอน  ท่ีการขนส่งขยะออกไปกำ�จัดนอกพ้ืนท่ี  มีความยากลำ�บากเน่ืองจาก ภูมิประเทศเป็นภูเขาไม่เอ้อื ต่อการคมนาคม  หรือการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการเป็น พน้ื ทท่ี อ่ งเทย่ี วของอ�ำ เภอแมร่ มิ สง่ ผลให้ อบต.ดอนแกว้ ตอ้ งเผชญิ กบั ปญั หาการเพม่ิ ขน้ึ ของขยะอยา่ งมากในชว่ งทอ่ งเทย่ี ว เปน็ ตน้ เม่ือพิจารณาร่วมกับประเด็นความย่ังยืนท่ีได้กล่าวไปแล้วข้างต้น  พบว่า ปญั หาอปุ สรรคเหลา่ นส้ี ง่ ผลตอ่ ความยง่ั ยนื ของการบรหิ ารจดั การทด่ี ี อปท. อยา่ งชดั เจน ไมว่ า่ จะเปน็ บทบาทของสว่ นกลางทไ่ี มแ่ นน่ อน (เชน่ กรณนี โยบายของกระทรวงยตุ ธิ รรม ท่ี อบต. บา้ นหนนุ น�ำ มาเปน็ ฐานในการรเิ รม่ิ ศนู ยย์ ตุ ธิ รรมชมุ ชน) หรอื เขม้ งวดเกนิ ไป (เชน่ กรณกี ารท�ำ งานของ สตง. ท่ี อปท. หลายแหง่ เหน็ วา่ เขม้ งวดเกนิ ไป) ลว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ อปุ สรรคทอ่ี าจท�ำ ใหก้ ารบรหิ ารจดั การทด่ี ที  ่ี อปท.  ไดน้ �ำ เสนอไมส่ ามารถด�ำ เนนิ การตอ่ ไปได้ หรอื จะเปน็ กรณที ม่ี ปี ญั หาทางการเมอื งเขา้ มาเกย่ี วขอ้ งเชน่ กรณีเทศบาลเมอื งแมฮ่ อ่ งสอน ทต่ี อ้ งตอ่ รองผลประโยชนก์ บั อบต.ผาบอ่ ง ใหล้ งตวั กรณี อบต.นาเหลอื ง ทม่ี กี ารขดั แยง้ กนั ตอ่ ประเดน็ การดแู ลรกั ษาทรพั ยากรในทอ้ งถน่ิ   หรอื กรณขี อง  อบต.ขว่ งเปา  ทก่ี ารจดั เกบ็ ภาษี ดำ�เนินการได้ไม่เต็มท่ีเน่ืองจากระบบอุปถัมภ์  ส่ิงเหล่าน้ีก็ส่งผลต่อความไม่ย่ังยืน ของการบริหารจัดการท่ีดีได้ท้ังส้ิน  อย่างไรก็ดี  อปท.  ท่ีตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว ตา่ งก�ำ ลงั พยายามหาแนวทางแกไ้ ขหรอื บรรเทาปญั หาอปุ สรรคเหลา่ น้ ี เพอ่ื ใหก้ ารบรหิ าร จดั การทด่ี ดี �ำ เนนิ ตอ่ ไปไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื ในทา้ ยทส่ี ดุ

สรปุ สง่ ทา้ ย บทเรียนในการบริหารจัดการท่ดี ีท่ไี ด้จากการจัดเวทีในคร้ังน้ไี ด้ย�ำ้ เตือนให้เห็น อกี ครง้ั วา่ ความส�ำ เรจ็ ของการบรหิ ารจดั การของ อปท. นน้ั   มที ม่ี าจากแนวปฏบิ ตั ทิ ห่ี ลากหลาย แตส่ ง่ิ ส�ำ คญั ทจ่ี ะขาดเสยี ไมไ่ ดใ้ นการประสบความส�ำ เรจ็ นน้ั คอื ความมงุ่ มน่ั ของ อปท. กระบวนการทเ่ี นน้ การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน และการท�ำ งานแบบเครอื ขา่ ยรว่ มกบั หนว่ ยงาน อน่ื ๆ ข้อสรุปท่ีไม่แปลกใหม่น้ีอาจทำ�ให้เกิดคำ�ถามถึงประโยชน์ท่ีได้จากการถอด บทเรยี นในครง้ั นว้ี า่   จะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาองคค์ วามรวู้ า่ ดว้ ยการบรหิ ารจดั การทด่ี ี ของ  อปท.  ได้มากน้อยเพียงใด  คำ�ตอบท่ีมีให้กับคำ�ถามดังกล่าว  คือ  บทเรียนต่างๆ เหล่าน้ีจะเป็นส่วนเสริมและเติมความสมบูรณ์ให้กับองค์ความรู้ชุดดังกล่าวซ่ึงยังพัฒนา อยา่ งไมห่ ยดุ ยง้ั เชน่ เดยี วกนั บทเรยี นเหลา่ นจ้ี ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ นกั ปฏบิ ตั ิ ใหเ้ หน็ ถงึ มมุ มอง อกี ชดุ หนง่ึ ทม่ี องเรอ่ื งของการบรหิ ารจดั การทด่ี ขี อง อปท. อนั ประกอบไปดว้ ยความส�ำ เรจ็ ความแตกตา่ ง/โดดเดน่ ความยง่ั ยนื แนวปฏบิ ตั ทิ ด่ี ี ปจั จยั แหง่ ความส�ำ เรจ็ และปญั หาและ อุปสรรค  ซ่ึงจะช่วยในการพัฒนาการบริหารจัดการของ  อปท.  ในแต่ละด้านต่อไปได้ ในอนาคต 104

105 รายการอา้ งองิ โกวทิ ย์ พวงงาม. การประเมนิ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทม่ี กี ารบรหิ ารจดั การทด่ี .ี วารสารการเมอื งการปกครองกจิ การสาธารณะ, ๔,๒ (๒๕๕๗): ๓๒ - ๖๐. จรสั สวุ รรณมาลา และคณะ. นามานกุ รมนวตั กรรมทอ้ งถน่ิ ไทย. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ รุ สุ ภา, ๒๕๔๗. ชลดิ า ศรมณ.ี การสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมบรกิ ารสาธารณะโดยองคก์ ารบรหิ ารสว่ นต�ำ บล. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั รามค�ำ แหง, ๒๕๕๖. ณรงค์ บญุ สวยขวญั . โครงการบรกิ ารสาธารณะทเ่ี ปน็ นวตั กรรมทอ้ งถน่ิ ทภ่ี าคใต.้ วารสาร สถาบนั พระปกเกลา้ . ๙,๑ (๒๕๕๗): ๓๖-๕๘. ประกาศคณะกรรมการการกระจายอ�ำ นาจใหแ้ กอ่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เรอ่ื งหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และอตั ราการจดั สรรเงนิ อดุ หนนุ เพอ่ื เปน็ รางวลั ส�ำ หรบั องคก์ ร ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จงู ใจเพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การของทอ้ งถน่ิ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ . ภควตั อจั ฉรยิ ปญั ญา, บรรณาธกิ าร. รางวลั พระปกเกลา้ ’ ๕๘. กรงุ เทพฯ: สถาบนั พระปกเกลา้ , ๒๕๕๘. วรี ะศกั ด์ิ เครอื เทพ. นวตั กรรมสรา้ งสรรคข์ ององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ . กรงุ เทพฯ: ส�ำ นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั , ๒๕๔๘. สเุ มธ แสงนม่ิ นวล. ตน้ แบบการบรหิ ารจดั การขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ในประเทศไทย. วารสารสถาบนั พระปกเกลา้ ๑๑,๒ (๒๕๕๖): ๖๓-๘๐.

* วรรณพร พงษเ์ พง็ ** บทคดั ยอ่ ศึกษาน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือสำ�รวจแนวคิดเร่ือง  “กรุงเทพอารยะ” จากการนำ�เสนอภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ  ในคู่มือนำ�เท่ียวของรัฐท่ีผลิต ระหวา่ งปี พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๕๖  สมมตฐิ านการศกึ ษา คอื   “กรงุ เทพอารยะ” เปน็ ภาพลักษณ์หลัก  ท่ีนำ�เสนอผ่านอัตลักษณ์สำ�คัญของแหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรม *  สรุปและถอดความจากวิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต  เร่ือง  “Civilized  Bangkok” in Globalization: The representation of Bangkok in official tourist guides, 1998-2013 สาขาวชิ าไทยศกึ ษา  (นานาชาติ),  คณะอักษรศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ปีการศึกษา  ๒๕๕๘  มีรองศาสตราจารย์ ดร.สจุ ติ รา จงสถติ ยว์ ฒั นา เปน็ อาจารยท์ ป่ี รกึ ษา **อาจารยป์ ระจ�ำ สาขาวชิ าภาษาไทย คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล 106

107 ในกรงุ เทพฯ  อนั ประกอบดว้ ย  “ความหลากหลายทางวฒั นธรรม”  และ  “การสรา้ งสรรค์ วัฒนธรรมอย่างผสานกลมกลืน”  การนำ�เสนอภาพลักษณ์น้ีแสดงให้เห็นคุณค่าทาง วฒั นธรรม และสรา้ งภาพลกั ษณท์ ด่ี ใี หป้ ระเทศไทย วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา เพอ่ื จ�ำ แนก ภาพลกั ษณแ์ บบตา่ งๆ  ของกรงุ เทพฯ  และวเิ คราะหก์ ระบวนการประกอบสรา้ งและน�ำ เสนอ ภาพลกั ษณ์ “กรงุ เทพอารยะ” ทป่ี รากฏในคมู่ อื น�ำ เทย่ี วของรฐั การศกึ ษาพบวา่ ภาพลกั ษณ์ ทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯประกอบด้วย  “เมืองพุทธ”  “เมืองแห่งประณีตศิลป์”  และ “มหานครแห่งอาหาร”  ภาพลกั ษณเ์ หล่านป้ี ระกอบสร้างข้นึ จากลักษณะ  “ความเปน็ ไทย” ทม่ี คี ณุ คา่ สงู สดุ ดา้ นความงาม ความศรทั ธา ความบนั เทงิ และความเปน็ เลศิ ดา้ นรสชาติ จากการวิเคราะห์กระบวนการนำ�เสนอภาพลักษณ์พบว่า  ลักษณะของ  “กรุงเทพอารยะ” ทน่ี �ำ เสนอในการศกึ ษานม้ี สี องดา้ น  ประการแรก กรงุ เทพฯ เปน็ ศนู ยก์ ลางของอารยธรรม พุทธศาสนาและราชสำ�นักท่ีสืบเน่ืองจากสมัยสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์  ประการท่ีสอง กรุงเทพฯ  เป็นมหานครเก่าแก่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ท่ีได้รับอิทธิพลจาก อารยธรรมโลก  รวมท้ังวัฒนธรรมท่ีสร้างข้ึนในเอเชีย  และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ในบริบทโลก  การประกอบสร้างภาพลักษณ์  “กรุงเทพอารยะ”  มีลักษณะสอดคล้องกับ กระแสการทอ่ งเทย่ี วของโลก สง่ ผลใหก้ รงุ เทพฯเปน็ เมอื งทอ่ งเทย่ี วชน้ั น�ำ ของโลก Abstract The study aims to explore the concept of “Civilized Bangkok” from the representation of Bangkok cultural images in official tourist guides in the period of “Amazing Thailand” campaign from 1998 up until 2013. In this study, it is hypothesized that ‘Civilized Bangkok’ is the most prominent characteristics of the identity of Bangkok’s cultural attractions selected to represent civilization in official tourist guides.  This includes a ‘diversity of cultures’ with ‘well-blended’ formation represented on different ‘value-based’ concepts that has created a positive image of the Thai nation. The objectives of this study are to identify images of Bangkok and analyze the construction and representation of “Civilized Bangkok” based on official tourist guides.

It is found that there are three images of Bangkok including Buddhist City, City of Exotic Arts, and Metropolis of Exotic Cuisines. These images are constructed from the characteristics of the epitome of “thainess” in aspects of beauty, faith, entertainment, and tastes. From the process of representation, the characteristics of “Civilized Bangkok” is represented based on two aspects. Firstly, Bangkok has been portrayed as the center of continuing Buddhist and Royal civilization from Sukhothai period to Rattanakosin period. Secondly, Bangkok represents the status of Old Metropolis of Southeast Asia that had been influenced from world civilization and cultures originated in Asia and Southeast Asia. In global context, the construction of “Civilized Bangkok” is corresponding to global tourism which enhances Bangkok to be one of the foremost tourist city in the world. บทน�ำ การวิเคราะห์แนวคิดเร่ือง  ความศิวิไลซ์ในบริบทโลก  หรือความเป็นไทย (thainess)  ท่ผี ลิตสร้างข้นึ เพ่อื เพ่มิ มูลค่าทางเศรษฐกิจ  และสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ ในระดบั นานาชาตมิ คี วามส�ำ คญั   เนอ่ื งจาก  แนวคดิ ดงั กลา่ ว  สามารถอธบิ ายประเดน็ เรอ่ื ง ลกั ษณะทางวฒั นธรรมทม่ี ผี ลตอ่ การจดั การแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว  และกระบวนการสรา้ งภาพลกั ษณ์ เมอื งรว่ มสมยั ได ้ เมอ่ื พจิ ารณาการทอ่ งเทย่ี วกรงุ เทพฯในรอบ ๑๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๕๖) พบวา่ แคมเปญ “อะเมซซง่ิ ไทยแลนด”์ (Amazing Thailand) เปน็ แคมเปญทป่ี ระสบ ความส�ำ เรจ็   และสง่ ผลใหใ้ หภ้ าพลกั ษณก์ รงุ เทพฯ  เปน็ ทร่ี จู้ กั แพรห่ ลายในระดบั นานาชาติ  หากแตจ่ ากการสำ�รวจงานวจิ ยั ทผ่ี า่ นมา  พบวา่   แนวทางการศกึ ษาเกย่ี วกบั การทอ่ งเทย่ี ว กรุงเทพฯ  มักใช้ทฤษฎีทางนิเทศศาสตร์อธิบายวิธีการส่ือสารภาพลักษณ์ทางวัฒนธรรม ของกรุงเทพฯ  และการสำ�รวจความคิดเห็นของนักท่องเท่ียวท่ีมีต่อแหล่งท่องเท่ียว ทางวฒั นธรรมในกรงุ เทพฯ  แตย่ งั ขาดมติ กิ ารศกึ ษาภาพลกั ษณข์ องกรงุ เทพฯ  เมอื งทอ่ งเทย่ี ว โดยใช้ความรู้ด้านวัฒนธรรมไทยอธิบายกระบวนการสร้างและนำ�เสนอภาพลักษณ์ท่ีรัฐ สรา้ งขน้ึ 108

109 ในระยะเวลาดังกล่าว  มีแหล่งท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมท่ีรัฐและเอกชนเข้าไป จัดการจำ�นวนมาก  ต่างไปจากสมัยก่อนหน้าน้ี  ท่โี ดดเด่นประกอบด้วย  วัฒนธรรมพุทธ ศาสนา  วัฒนธรรมประณีตศิลป์  และวัฒนธรรมอาหาร  วัฒนธรรมไทยท้ังสามกลุ่มน้ี สะท้อนภาพลักษณ์กรุงเทพฯ  ในฐานะเมืองหลวงของประเทศไทย  และเมืองท่องเท่ียว สำ�คัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ท่ีมีความเจริญทางอารยธรรมพุทธศาสนา และราชส�ำ นกั   ตา่ งไปจากเมอื งทอ่ งเทย่ี วส�ำ คญั อน่ื ๆ ผเู้ ขยี นจงึ ตอ้ งการวเิ คราะหว์ า่   รฐั ในฐานะ หน่วยงานหลักท่ีมีหน้าท่ีสร้างภาพลักษณ์สำ�คัญของประเทศสู่นานาชาติ  นำ�เสนอภาพ ลกั ษณข์ องกรงุ เทพฯ  ในฐานะเมอื งทม่ี อี ารยธรรมดงั กลา่ วอยา่ งไร งานวจิ ยั นไ้ี ดก้ �ำ หนดกรอบคดิ และค�ำ จ�ำ กดั ความส�ำ คญั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การศกึ ษา ดงั น้ี การน�ำ เสนอภาพลกั ษณ์ (representation) หมายถงึ   กระบวนการประกอบ สร้างและนำ�เสนอลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมไทยแบบราชส�ำ นักในพ้ืนท่ีท่องเท่ียวของ กรงุ เทพฯ เพอ่ื แสดงวา่ กรงุ เทพฯ เปน็ เมอื งทม่ี คี วามเจรญิ ทางวฒั นธรรม “กรุงเทพอารยะ”  หรือ  “Civilized  Bangkok”  หมายถึง  ภาพลักษณ์ วัฒนธรรมไทยในกรุงเทพฯ  เมืองท่องเท่ียว  ท่ีรัฐได้เลือกนำ�เสนอผ่านคู่มือนำ�เท่ียว เพ่อื แสดงลักษณะ“ความเจรญิ ”  ทางวัฒนธรรมไทย  และวฒั นธรรมสมัยใหม่ในกรุงเทพฯ ลกั ษณะของกรงุ เทพฯ  ทน่ี �ำ เสนอผา่ นคมู่ อื ทอ่ งเทย่ี วนน้ั   ประกอบดว้ ยสองสว่ น  สว่ นแรก กรุงเทพมีลักษณะเป็นสังคมสมัยใหม่  เป็นเมืองท่ีได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเท่ียว ชน้ั น�ำ ระดบั โลก  สว่ นทส่ี อง กรงุ เทพมลี กั ษณะเปน็ สงั คมแบบจารตี ทส่ี ามารรกั ษาวฒั นธรรม พุทธศาสนาและราชสำ�นักไว้ได้อย่างต่อเน่ือง  งานวิจัยน้ีมีจุดเน้นของการวิเคราะห์อยู่ท่ี สว่ นหลงั   คอื ความเจรญิ ทางวฒั นธรรมไทยในยคุ สมยั ใหม่ “กรงุ เทพอารยะ” จงึ เปน็ ภาพลกั ษณ์ ท่ีประกอบด้วยสองลักษณะสำ�คัญ  คือ  เมืองท่ีมีการพัฒนา  (Development)  เพ่ือให้ เปน็ สมยั ใหม่ และเมอื งทม่ี คี วามเจรญิ ทางวฒั นธรรมไทย  (Thai civilization) ตามทร่ี ฐั ไดใ้ ช้ ในความหมายของตวั เอง โลกาภิวัตน์  (Globalization)  ใช้ในความหมายว่า  ลักษณะวัฒนธรรมไทย ในบริบทโลก  ท่ีได้รับอิทธิพลจากกระบวนการพัฒนาเมืองท่องเท่ียวให้มีความทันสมัย 

และวธิ กี ารจดั การทางวฒั นธรรมเพอ่ื อนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดวฒั นธรรมจารตี   (วถิ ปี ฏบิ ตั ทิ ส่ี บื ทอด เก่ยี วข้องกับศาสนา  คติความเช่อื )  การจัดการดังกล่าวมีลักษณะร่วมกันในเมืองท่องเท่ยี ว สำ�คัญของโลก  ท่ีทำ�เพ่ือให้สอดรับกับวิธีการบริโภคทางวัฒนธรรมในยุคสมัยใหม่ วฒั นธรรมไทยในบรโิ ลก ทป่ี รากฏในงานวจิ ยั น้ี จงึ ประกอบดว้ ย สว่ นแรก ความสมยั ใหม่ ทางวฒั นธรรม (modern culture) เปน็ วถิ ชี วี ติ คนเมอื ง หรอื วฒั นธรรมเมอื ง (urban culture) ปรากฏในรูปของส่ิงอำ�นวยความสะดวกในการเดินทาง  การพักผ่อนอย่างหรูหรา  การรับประทานอาหารนานาชาติ  และแหล่ง  ชอปปิงทันสมัย  ส่วนท่ีสอง  ลักษณะ วัฒนธรรมไทยท่ีรัฐได้นำ�เสนอผ่านวิธีการจัดการแหล่งท่องเท่ียวสำ�คัญของกรุงเทพฯ ใหส้ อดรบั กบั เทรนดก์ ารทอ่ งเทย่ี วในระดบั นานาชาติ ไดแ้ ก ่ การจดั การพพิ ธิ ภณั ฑด์ ว้ ยสอ่ื สมยั ใหม่ การผสมผสานเทคนคิ แสง สี เสยี งเขา้ กบั การแสดงทางวฒั นธรรม การประดบั ประดาตกแต่งพระราชวังและวัดหลวงด้วยแสงไฟ  การจัดสถานท่ีรับประทานอาหารให้มี ลกั ษณะทเ่ี ปน็ สากล และการรกั ษารปู แบบเดมิ ของเมอื งเกา่ จากการศกึ ษาเรอ่ื ง กระบวนการสรา้ งและน�ำ เสนอภาพลกั ษณ์ “กรงุ เทพอารยะ” พบวา่ ๑. ลกั ษณะของภาพลกั ษณค์ วามศวิ ไิ ลซใ์ นทน่ี ้ี สะทอ้ นวา่ วาทกรรมเกย่ี วกบั ความเจริญทางวัฒนธรรมของชาติไทย  อันประกอบด้วย  ความเป็นเมืองพุทธและความ เปน็ ชาตทิ ม่ี คี วามสบื เนอ่ื งจากสโุ ขทยั อยธุ ยา มาถงึ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ นน้ั เปน็ กรอบคดิ ท่ี เกดิ ขน้ึ สบื เนอ่ื งจากราชส�ำ นกั สยามในอดตี สกู่ ารจดั การทอ่ งเทย่ี วภาครฐั ในปจั จบุ นั ในมติ ิ ทก่ี วา้ งขน้ึ รฐั ไดน้ �ำ เสนอความส�ำ คญั ของกรงุ เทพฯ ในฐานะเมอื งศนู ยก์ ลางความเจรญิ ทาง วัฒนธรรมพุทธศาสนาและวัฒนธรรมราชสำ�นักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ท่ียัง คงสบื ทอด  พฒั นา รกั ษาวถิ ปี ฏบิ ตั อิ นั เกย่ี วขอ้ งกบั วฒั นธรรมดงั กลา่ ว ในรปู ของพระราชพธิ ี และประเพณีทางพุทธศาสนา  งานหัตถศิลป์ของหลวง  ศิลปะการแสดง  และพิพิธภัณฑ์ ท่ีจัดแสดงโดยภาครัฐและภาคเอกชน  รวมท้ังอาหารชาววังและวัฒนธรรมการกินอาหาร แบบราชสำ�นกั ในพน้ื ทท่ี อ่ งเทย่ี วกรงุ เทพฯ  กรอบคดิ ดงั กลา่ วสะทอ้ นผา่ นการจดั การแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วในกรงุ เทพฯทง้ั ภาครฐั และภาคเอกชน ดงั น้ี 110

111 - กลุ่มวัฒนธรรมราชสำ�นักท่ีรัฐเข้าไปจัดการ  แยกเป็นสองส่วน  ได้แก่ สว่ นทอ่ี ยใู่ นความดแู ลของกองงานสว่ นพระองค์ เชน่ งานศลิ ปแ์ ผน่ ดนิ และโขนพระราชทาน เปน็ ตน้ สว่ นทส่ี องอยใู่ นก�ำ กบั ดแู ลของกรมศลิ ปากร และหนว่ ยงานการทอ่ งเทย่ี วภาครฐั ไดแ้ ก่ การอนรุ กั ษส์ ถาปตั ยกรรมไทยประเพณี และการจดั การพพิ ธิ ภณั ฑ์ - กลุ่มวัฒนธรรมราชสำ�นักท่ีเอกชนเข้าไปจัดการ  ได้แก่  การแสดงแบบ ประยุกต์ท่ผี สมผสานโขน  ห่นุ   และท่ารำ�ท่กี รมศิลป์คิดข้นึ   แล้วภาคเอกชนน�ำ ไปใช้แสดง ให้เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ท่ีเก่ียวกับการแสดง  รวมท้ังอาหารตำ�รับชาววังท่ีแพร่หลาย ในรา้ นอาหารชน้ั น�ำ ของกรงุ เทพฯ รปู ภาพ ภาพแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วในกรงุ เทพฯ ทป่ี ระชาสมั พนั ธ์ ชว่ งปี “อะเมซซง่ิ ไทยแลนด”์ ๑ ๑ ทม่ี า: Bangkok Metropolitan Administration

๒. ความศวิ ไิ ลซ์ หรอื ในภาษาไทยแปลวา่ “อารยะ”  ในชอ่ื “กรงุ เทพอารยะ” ประกอบดว้ ย ๒ สว่ น ไดแ้ ก่ สว่ นทห่ี นง่ึ ความเปน็ สมยั ใหมท่ เ่ี กดิ จากการพฒั นากรงุ เทพฯ ให้เป็นแหล่งท่องเท่ียว  ส่วนท่ีสอง  กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมไทยสมัย รตั นโกสนิ ทร์ ซง่ึ ประกอบดว้ ยวฒั นธรรมพทุ ธศาสนา และวฒั นธรรมราชส�ำ นกั เปน็ ส�ำ คญั ความเจรญิ ทางวฒั นธรรม (สว่ นทส่ี อง) เกดิ จากสองปจั จยั ไดแ้ ก ่ การสบื ทอดอารยธรรม พุทธศาสนาและราชสำ�นักจากสมัยสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์  และจากการผสมผสาน วัฒนธรรมต่างประเภท  ท้งั ท่เี ป็นอารยธรรมโลก  และวัฒนธรรมท่แี พร่กระจาย/ถือก�ำ เนิด ในภมู ภิ าคเอเชยี เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เขา้ ดว้ ยกนั   ทง้ั “ความทนั สมยั ” (สว่ นทห่ี นง่ึ ) และ “ความเจรญิ ทางวฒั นธรรม” (สว่ นทส่ี อง) แสดงใหเ้ หน็ “ความหลากหลายทางวฒั นธรรม” (diversity of cultures) ในมติ ติ า่ งๆ ไดแ้ ก่ การผสมผสานกนั ระหวา่ ง ความตา่ งของอายุ ประเภท และแหลง่ ก�ำ เนดิ วฒั นธรรมตา่ งๆ ทท่ี �ำ ใหเ้ กดิ ลกั ษณะเฉพาะของวฒั นธรรมไทย แบบราชส�ำ นกั ทน่ี �ำ เสนอในฐานะแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วกรงุ เทพฯ  ดงั จะขยายความในล�ำ ดบั ตอ่ ไป - ความต่างด้านอายุของวัฒนธรรม  ในมิติท่ีกว้างท่ีสุดคือ  วัฒนธรรม แบบเมือง  กับวัฒนธรรมแบบจารีตปรากฏร่วมกันในพ้ืนท่ีท่องเท่ียว  วิธีการจัดการ ทางวฒั นธรรมแบบสมยั ใหม่ ทใ่ี ชก้ บั วฒั นธรรมแบบจารตี - ความต่างด้านประเภทของวัฒนธรรม  ประกอบด้วยวัฒนธรรมหลัก สามประเภท คอื พทุ ธศาสนา ประณตี ศลิ ป์ และอาหาร ในสามประเภทนแ้ี มจ้ ะเปน็ วฒั นธรรม คนละประเภทกนั แตก่ ม็ ลี กั ษณะส�ำ คญั รว่ มกนั คอื งานหตั ถศลิ ปท์ ป่ี รากฏเปน็ องคป์ ระกอบ ส�ำ คญั ของการตกแตง่ ประดบั ประดาวดั วงั การแสดง งานฝมี อื ในพพิ ธิ ภณั ฑ์ การตกแตง่ ประดับประดาอาหารราชสำ�นัก  การสร้างสรรค์งานฝีมือเหล่าน้ีสะท้อนให้เห็นอิทธิพล ของวฒั นธรรมพทุ ธศาสนาและราชส�ำ นกั ตอ่ การสรา้ งงานหตั ถศลิ ปอ์ นั ปรากฏเปน็ จดุ ดงึ ดดู ในบรบิ ทการทอ่ งเทย่ี ว จดุ รว่ มกนั ของแนวคดิ เร่อื ง  การท�ำ พุทธบูชา  และเฉลมิ พระเกยี รติ  ทป่ี รากฏ ในแหล่งท่องเท่ียวสามประเภท  ประกอบด้วย  การจำ�ลองสัญลักษณ์ท่ีเก่ียวข้องกับ พระพุทธเจ้า  และพระมหากษัตริย์  มาสร้างสรรค์เป็นหัตถศิลป์แบบจารีต  ยกตัวอย่าง เช่น  การสร้างสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  การสร้างพระพุทธบาท  การสร้างรูป 112

113 อมนษุ ยใ์ นไตรภมู ิ เชน่ ครฑุ แทนพาหนะของพระนารายณ์ (เรอื พระทน่ี ง่ั สลกั เปน็ รปู ครฑุ ) หรือรูปอมนุษย์ป้ันเป็นประติมากรรมตกแต่งสถานท่ีภายในวัด  (แสดงการจำ�ลองวิมาน ชน้ั ตา่ งๆ เชน่ มหานครนพิ พาน)  การจ�ำ ลองรปู กรวยบายศรเี พอ่ื ตกแตง่ ส�ำ รบั อาหาร (บายศรี สญั ลกั ษณแ์ ทนเขาพระสเุ มร)ุ ทง้ั หมดนม้ี ที ง้ั ทเ่ี ปน็ สถานทท่ี อ่ งเทย่ี วทง้ั วดั และวงั เปน็ สว่ น หน่งึ ของการตกแต่งร้านอาหาร  และฉากการแสดง  เป็นต้น  แบบร่วมสมัย  ยกตัวอย่าง เช่น  งานหัตถศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าฯ  ผสานประติมากรรมจำ�ลองกงล้อพระธรรมจักร และพระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ เปน็ ตน้ การใชล้ วดลายทส่ี อ่ื ถงึ ความประณตี แบบไทย เชน่ ลายกนก  การใชส้ ที องเปน็ สญั ลกั ษณข์ องสง่ิ ทม่ี คี า่ และระดบั ช้ันสูงสุดของงานหัตถศิลป์ปรากฏเป็นงานจิตรกรรมและประติมากรรม  ตู้พระธรรม งานตกแต่งภายในร้านอาหาร  และขนมไทยมงคล  เป็นต้น  การใช้วัสดุหรือผ้าไหมท่มี ีค่า ผลิตงานหัตถศิลป์  เช่น  งานศิลป์แผ่นดิน  (การใช้ทองแท้  และอัญมณี)  และการตกแต่ง รา้ นอาหารระดบั หา้ ดาว เปน็ ตน้ รปู ภาพ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วส�ำ คญั ตลอดแนวแมน่ �ำ้ เจา้ พระยาในหนงั สอื น�ำ เทย่ี วของ กรงุ เทพมหานคร๒ ๒ ทม่ี า: Bangkok Metropolitan Administration

- ความต่างด้านแหล่งกำ�เนิดของวัฒนธรรม  อารยธรรมไทย  (Thai Civilization) เกดิ จากการผสมผสานกนั ของ (ผลผลติ ของ) อารยธรรมโลก (Silk civilization, Gold civilization) และวฒั นธรรมทเ่ี ปน็ สมบตั ริ ว่ ม (shared culture) ของประเทศในเอเชยี และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต ้ หรอื ถอื ก�ำ เนดิ ในภมู ภิ าคนแ้ี ลว้ กระจายไปทว่ั โลก  แลว้ สรา้ ง เปน็ ลกั ษณะเฉพาะของ “ไทยราชส�ำ นกั ” กรุงเทพฯ  ได้สร้างอารยธรรมไทย  จากวัฒนธรรมพุทธศาสนาและราชส�ำ นัก ท่ีมีแนวคิดเร่ืองพุทธบูชาและการเฉลิมพระเกียรติเป็นแกนกลาง  ดังปรากฏผ่านผังเมือง หตั ถศลิ ป์ การแสดง และอาหาร  เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมไทย (Thai cultural heritage) ทง้ั หมดนเ้ี กดิ จากการผสาน (blend/formation) ผลผลติ ของวฒั นธรรมยอ่ ยประเภทตา่ งๆ ท่ีกำ�เนิด  แพร่หลายในภูมิภาค  และจากผลผลิตของอารยธรรมโลก  ท่ียอมรับกันเป็น สากลว่ามีคุณค่าสูง  กระบวนการประกอบสร้างน้ัน  เกิดจากการ  “ผสมผสานอย่าง กลมกลนื ” (blend/balance) แนวคดิ เรอ่ื งพทุ ธบชู าและการเฉลมิ พระเกยี รต ิ เขา้ กบั วธิ กี าร สรา้ งสรรคว์ สั ด ุ และวธิ กี ารแสดงออกของงานประณตี ศลิ ปไ์ ทยแบบตา่ งๆ  จนเกดิ ลกั ษณะ เฉพาะของ “วฒั นธรรมราชส�ำ นกั ” (Thai Royal Culture) ๓. ชุดของภาพลักษณ์หลัก  ๓  กลุ่ม  เสนอว่า  จุดขายสำ�คัญของวัด  วัง งานหตั ถศลิ ป์ และอาหารไทยแบบราชส�ำ นกั ในกรงุ เทพฯ มลี กั ษณะดเี ดน่ ดา้ นความประณตี และความซับซ้อนของฝีมือช่าง  ต่างไปจากประเทศอ่ืนๆ  เพราะไทยมีราชสำ�นักและ หนว่ ยงานกลางเชน่ กรมศลิ ปเ์ ปน็ ผวู้ างมาตรฐาน สรา้ ง และเผยแพรล่ กั ษณะหตั ถศลิ ป์ ตลอดจนกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมอาหารแบบราชสำ�นักของประเทศไทย นอกจากลักษณะเฉพาะของงานช่างหลวงท่ีเป็นตัวแทนความงามแบบจารีต  ภูมิทัศน์ ของเกาะรตั นโกสนิ ทร์ ยงั เปน็ ภาพแทนของกรงุ เทพฯ เมอื งเกา่ (Old Bangkok) ทส่ี บื ทอด ขนบความคดิ เรอ่ื ง อดุ มคตขิ องเมอื งสวรรค์ ทง้ั การจ�ำ ลองผงั เมอื งของกรงุ ศรอี ยธุ ยา และ นครไตรตรงึ ษแ์ หง่ สวรรคช์ น้ั ดาวดงึ สท์ ป่ี รากฏในเตภมู กิ ถา ๔. กระบวนการสรา้ งภาพลกั ษณ์ ประกอบดว้ ยสองวธิ กี ารส�ำ คญั ไดแ้ ก่ ๑) การคดั เลอื กจดุ ขาย  รฐั ไดน้ �ำ เสนอลกั ษณะแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทางวฒั นธรรมไทย ด้วยการยืมค�ำ วา่   “ความเอ็กส์โซตกิ ”  (Exotics)  ซ่งึ นานาชาติใชเ้ รียกลกั ษณะวัฒนธรรมไทย 114

115 ในกรุงเทพฯ  ท่ียังไม่ผ่านการทำ�ให้ทันสมัย  (modernized)  มาปรับใช้ในความหมายว่า “ลักษณะไทยอันประณีต  เป็นจากความสืบเน่ืองทางจารีตความคิดเร่ืองการเฉลิมพระเกียรติ และพทุ ธบูชา  อนั สบื ทอดจากรัฐไทยในอุดมคติ  จากสมัยสโุ ขทยั   สมยั อยุธยา  จนถงึ สมัย รัตนโกสินทร์  ปรากฏเป็นลักษณะไทยราชสำ�นัก  ท้ังแบบจารีตและร่วมสมัย”  “ความเป็น อดุ มคต”ิ   ปรากฏเปน็ แนวคดิ ทแ่ี ฝงไวใ้ นรปู ศลิ ปะและวฒั นธรรมพทุ ธศาสนาและราชส�ำ นกั กล่าวคือ  ส่ิงเหล่าน้ีเป็นผลผลิตของความสงบร่มเย็นของอาณาจักรพุทธ  ความมีเมตตา และยุติธรรมของกษัตริย์  ความสามารถของกษัตริย์ด้านการรบและการฟ้ืนฟูวัฒนธรรม มีข้อสังเกตว่า  ศิลปะและวัฒนธรรมท่ีเป็นตัวแทนของการผลิตสร้างในสมัยต่างๆ  น้ัน เกดิ ขน้ึ จ�ำ เพาะ “ยคุ ทอง” ของสโุ ขทยั อยธุ ยา และรตั นโกสนิ ทร ์ ดงั น ้ี สมยั สโุ ขทยั   เชน่ การประดิษฐ์กระทงของนางนพมาศ  พระพุทธรูปทองคำ�สุโขทัยไตรมิตร  ความรุ่งเรือง ของสโุ ขทยั ทจ่ี �ำ ลองผา่ นเจดยี แ์ ละระฆงั ยอ่ สว่ น (สมยั พอ่ ขนุ รามค�ำ แหง) ในโรงแรมสโุ ขทยั สมยั อยธุ ยา  เชน่ กระบวนเรอื พระราชพธิ ที เ่ี ปน็ ตน้ แบบ (สมยั สมเดจ็ พระนารายณ)์ และ ผังเมืองท่ีสมบูรณ์ตามคติไตรภูมิในสมัยสมเด็จพระบรมโกษฐ์  (ยกย่องว่าเป็น  พระเจ้า มหาธรรมราชา  และเปน็ สมยั สดุ ทา้ ยของยคุ ทองแหง่ อยธุ ยา)  สมยั รตั นโกสนิ ทร ์ กลมุ่ พทุ ธศลิ ป์ หัตถศิลป์  สถาปัตยกรรมวัดและวัง  ล้วนมีต้นแบบทางจารีตความคิดจากสมัยก่อนหน้า และท่ีมีบันทึกไว้เป็นวรรณคดีพุทธศาสนาและเฉลิมพระเกียรติท้ังส้ิน  จากน้ันจึงเสริม เทคนคิ วธิ ี อปุ กรณท์ เ่ี ปน็ ทน่ี ยิ มเฉพาะสมยั กรงุ เทพฯ เขา้ ไป ๒) การน�ำ เสนอลกั ษณะของแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว  ดว้ ยวธิ กี ารปรงุ แตง่ ใหม้ ลี กั ษณะเดน่ ดงั กลา่ วเปน็ ภาพทถ่ี อดจากจนิ ตนาการ (romanticize) ตามทป่ี รากฏใน ฉากสวรรคไ์ ตรภมู ิ ลักษณะอุดมคติของเมืองพุทธท่ีมีวัดวาอารามจ�ำ นวนมากและวิถีชีวิตริมนำ�้ ของกรุงเทพฯ ยังไม่ถูกทำ�ให้เป็นสมัยใหม่  (modernized)  และเร่ืองเล่าเก่ียวกับนางนพมาศ  เป็นต้น วธิ กี ารดงั กลา่ วพบมากทส่ี ดุ   ในการจดั การแหลง่ ทอ่ งเทย่ี ววดั   วงั   การแสดง  และการสรา้ ง บรรยากาศของรา้ นอาหารระดบั หา้ ดาวในกรงุ เทพฯ ๕. ลกั ษณะของภาพลกั ษณ์ “กรงุ เทพอารยะ” เกดิ จากกระบวนการประกอบสรา้ ง (construction)  ลักษณะเด่นของวัฒนธรรมพุทธศาสนา  วัฒนธรรมประณีตศิลป์  และ วัฒนธรรมอาหารในพ้ืนท่ีท่องเท่ยี วของกรุงเทพฯ  ภาพลักษณ์เหล่าน้มี ีท้ังท่รี ัฐได้สร้างข้ึน

จากการนำ�เสนอลักษณะเด่นตามท่ีเป็นจริง  และภาพลักษณ์ท่ีรัฐได้ใช้ตามท่ีปรากฏแพร่ หลาย ในงานเขยี นบนั ทกึ การเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี วของตา่ งชาตทิ ก่ี ลา่ วถงึ กรงุ เทพฯ จากการศกึ ษา  พบวา่   จดุ ขายของวฒั นธรรมพทุ ธศาสนาและวฒั นธรรมราชสำ�นกั ในพน้ื ทท่ี อ่ งเทย่ี วของกรงุ เทพฯ ประกอบดว้ ยสว่ นส�ำ คญั หลายประการ ดงั น้ี - ลักษณะผังเมือง  ภูมิทัศน์  และสถาปัตยกรรมไทยประเพณีของวัดหลวง และพระบรมมหาราชวัง  ลักษณะเฉพาะของกรุงรัตนโกสินทร์ประกอบด้วยผังเมืองแบบ Buddhist cityscape ภมู ทิ ศั นท์ แ่ี สดงความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งแมน่ �ำ้ เจา้ พระยา วดั พระราชวงั และบา้ นเรอื น  ตลอดจนสถาปัตยกรรมไทยประเพณที ่แี สดงพฒั นาการของการสร้างเมอื ง กรุงเทพฯ  (City  creation)  ต้งั แต่สมัยสร้างกรุงรัตนโกสินทร์  ผังเมืองแบบ  “เมืองพุทธ” (Buddhist  cityscape)  เป็นการจำ�ลอง  “เมืองในอุดมคติ”  สองลักษณะ  ได้แก่ กรุงศรีอยุธยา  และนครไตรตรึงษ์  สวรรค์ช้ันดาวดึงส์ในไตรภูมิกถา  กล่าวคือ  เกาะรัตนโกสินทร์เป็นตัวแทนของจักรวาลวิทยาแบบพุทธ-พราหมณ์  ท่ีจำ�ลองผังเมือง ในไตรภูมิกถา  โดยกำ�หนดให้พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วเป็นศูนย์กลางจักรวาล การจัดตำ�แหน่งของสถาปัตยกรรมในวัดหลวงเช่นวัดพระแก้ว  และวัดพระเชตุพน  หรือ สถูปเจดีย์และพระปรางค์ก็สะท้อนแนวคิดจักรวาทวิทยาดังกล่าว  ในขณะเดียวกันก็คำ�นึง ถึงความสืบเน่ืองของอาณาจักรอยุธยาและรัตนโกสินทร ์ จึงกำ�หนดผังเมืองท่ีมีตำ�แหน่ง วัด  วัง  และแม่นำ้�คล้ายคลึงกัน  การนำ�เสนอภาพลักษณ์  “กรุงเทพอารยะ”  ในฐานะ เมอื งพทุ ธและเมอื งแหง่ ประณตี ศลิ ป ์ จงึ แสดงใหเ้ หน็ ความงามในอดุ มคติ ตามภาพจ�ำ ลอง ของนครไตรตรงึ ษ์ (ทเ่ี ปน็ mystic beauty) และกรงุ ศรอี ยธุ ยา มหานครทเ่ี ปน็ “อดุ มคต”ิ หรอื ตน้ แบบการสรา้ งกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ - ความสำ�คัญของกรุงเทพฯ  ในฐานะศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาแบบ เถรวาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  กรุงเทพฯได้นำ�เสนอภาพลักษณ์  “เมืองพุทธ”  ท่ีมี ความส�ำ คญั ในระดบั ภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เพราะเปน็ แหลง่ รวบรวมพระพทุ ธรปู ทม่ี คี วามส�ำ คญั ตามคตคิ วามเชอ่ื ของพทุ ธแบบเถรวาททน่ี บั ถอื กนั ในอาณาจกั รพทุ ธโบราณ ของภมู ภิ าคน้ี (พระแกว้ มรกต พระพทุ ธสหิ งิ ส์ พระพทุ ธชนิ ราช) พระพทุ ธรปู ทไ่ี ดร้ บั ยกยอ่ งวา่ มีพุทธลักษณะงดงามทัดเทียมกับต้นแบบพระพุทธรูปแบบคันธารราษฎร์ท่ียอมรับกันว่า 116

117 งดงามมากทส่ี ดุ (พระพทุ ธรปู ปางลลี า วดั เบญจมบพติ ร) รวมถงึ เปน็ ศนู ยก์ ลางทร่ี วบรวม จัดแสดงพระพุทธรูปต้งั แต่ยุคแรกเร่มิ ท่พี ุทธศาสนาร่งุ เรืองสมัยทวาราวดี  ถึงรัตนโกสินทร์ด้วย นอกจากพระพุทธรูปท่ีเป็นตัวแทนความศักด์ิสิทธ์ิและความงดงามดังกล่าวแล้ว  การสรา้ งวดั โพธเ์ิ พอ่ื เปน็ แหลง่ เรยี นรขู้ องประชาชน  โดยรวบรวมศาสตรต์ า่ งๆ  ทง้ั ทางโลก และทางธรรม  ผ่านกระบวนการสร้างศิลปะจัดแสดงยังเป็นภาพแทนของเมืองพุทธ ทม่ี คี วามกา้ วหนา้ ตง้ั แตเ่ รม่ิ สถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร์ นอกจากมติ ดิ า้ นความรู้ การผนวก แนวคิดทางการเมืองแบบสมัยใหม่เข้ากับสัญลักษณ์ของพุทธจักรดังเช่นสถาปัตยกรรมวัด เบญจมบพติ ร กน็ บั เปน็ ตวั แทนวธิ กี ารจดั การกบั ความเปลย่ี นแปลงของโครงสรา้ งทางสงั คม ในสมยั รชั กาลท่ี ๕ ไดอ้ กี ดว้ ย - การผสานคตคิ วามเชอ่ื ทางพทุ ธศาสนา ฮนิ ดู และวญิ ญานนยิ ม (animism) เพ่อื สร้างประติมากรรมอมนุษย์ท่จี ำ�ลองภาพจากไตรภูมิ  และยักษ์หกค่จู ากวรรณคดีเร่อื ง รามเกยี รต์ิ ในวดั พระแกว้ วดั พระเชตพุ น และวนั อรณุ ราชวรารามนน้ั ท�ำ ใหเ้ กดิ ลกั ษณะเฉพาะ ทด่ี งึ ดดู นกั ทอ่ งเทย่ี ว - ลกั ษณะของประณตี ศลิ ปข์ องไทยทม่ี จี ดุ เดน่ ดา้ นความประณตี   การผสาน วัสดุและเทคนิคแบบต่างๆ  ลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นความก้าวหน้าในเชิงแนวคิด การสรา้ งสรรค”์ (advancement of cultural formation) ตา่ งไปจากประเทศตา่ งๆ โดยเฉพาะ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ท่ีวัฒนธรรมพุทธและราชสำ�นักเคยมีบทบาทสำ�คัญ ในการสร้างอารยธรรมเฉพาะภูมิภาคน้ี  ยกตัวอย่างเช่น  กลุ่มเคร่ืองราชูปโภคและ เครอ่ื งเฉลมิ พระเกยี รติ เชน่ รามเกยี รตซ์ิ ง่ึ เปน็ “สมบตั ริ ว่ ม”(shared literature) ในภมู ภิ าค เอเชยี ใตแ้ ละเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ราชส�ำ นกั สยามไดพ้ ฒั นาและสรา้ งสรรคใ์ นรปู งานชา่ ง การแสดง “โขนราชส�ำ นกั ” แบบไทย และโขนทร่ี ฐั ปรบั จากแบบโบราณใหร้ ว่ มสมยั - การผสมผสานทางวัฒนธรรมเพ่ือสร้างจุดขายในบริบทการท่องเท่ียว ในการวิเคราะห์ได้ชูประเด็นหลักคือ  อารยธรรมไทยท่ีเป็น  “ไทยรัตนโกสินทร์”  หรือ “ไทยสมัยกรุงเทพฯ”  ในพ้ืนท่ีท่องเท่ียวเป็นผลจาก  การผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่าง กลมกลนื (well-blended formation) เพราะผา่ นกระบวนการสรา้ งมาตรฐานของราชส�ำ นกั และกระบวนการท�ำ ใหเ้ ปน็ ของหลวง (standardization and centralization)

รปู ภาพ ตวั อยา่ งรปู ภาพประชาสมั พนั ธก์ ารทอ่ งเทย่ี วกรงุ เทพฯ๓ การทำ�ให้สมบูรณ์แบบ  เช่น  ในพ้ืนท่ีเกาะรัตนโกสินทร์  ได้จำ�ลองไตรภูมิ และผงั เมอื งแบบอยธุ ยา,  ในวดั พระแกว้ และพระบรมมหาราชวงั ผนวกแนวคดิ พทุ ธ  ฮนิ ดู และผ ี ในแตล่ ะองคป์ ระกอบส�ำ คญั ของวดั และวงั เชน่ จติ รกรรมรามเกยี รต์ิ ณ วดั พระแกว้ ครบทกุ ตอน กระบวนเรอื พระราชพธิ ี สตู รอาหารชาววงั “ทรงเครอ่ื ง” เปน็ ตน้ ดงั นน้ั ค�ำ วา่ “การสรา้ งสรรคว์ ฒั นธรรมอยา่ งกลมกลนื ”  (well-blended formation)  ในงานวจิ ยั น้ี หมายถงึ การสร้างสรรค์วัฒนธรรมด้วยการบวนการต่างๆ  ท่ีทำ�ออกมาแล้ว  ประสบความสำ�เร็จ ในการสนองความตอ้ งการในบรบิ ทการบรโิ ภคทางการทอ่ งเทย่ี วทางวฒั นธรรม  ทน่ี กั ทอ่ งเทย่ี ว ๓ ท่ีมา:  http://logosociety.blogspot.com/2010/06/amazing-thailand-logo.html  และ http://www.bangkoktourist.com 118

119 ให้ความสำ�คัญกับ  “ส่ิงดึงดูดใจ”  (attraction)  ประกอบด้วยสามส่วนสำ�คัญ  คือ ความสวยงาม ความบนั เทงิ ใจ และความอรอ่ ย  ลกั ษณะดงั กลา่ ว ยงั สามารถสรา้ งภาพลกั ษณ์ เมืองศิวิไลซ์ของกรุงเทพฯ  ท่ีวัฒนธรรมพุทธศาสนาและราชสำ�นักเป็นจุดศูนย์กลาง ของการสร้างสรรค์  พัฒนา  และวางมาตรฐานวัฒนธรรมท่เี ป็นแบบแผน  กล่าวโดยสรุป ความหมายของคำ�ว่า  “อารยธรรมไทย”  (Thai  Civilization)  ในงานวิจัยน้ี  เป็นผลรวม ของการคัดเลือก  ผนวก  และสร้างสรรค์ผลผลิตจากอารยธรรมโลก  และวัฒนธรรมย่อย ในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ซ่ึงสามารถสรุปลักษณะอารยธรรมไทย สมัยรัตนโกสินทร์ท่รี ัฐน�ำ เสนอ  คือ  ประการท่หี น่งึ   ผลรวมของวัฒนธรรมท่เี กิดในสังคม “เกา่ แก”่ (สมยั กรงุ เทพฯ ไมน่ าน แตก่ ลมุ่ วฒั นธรรมทเ่ี ลอื กมาน�ำ เสนอสรา้ งและสบื ทอดมา จากวัฒนธรรมท่มี ีมานาน)  ประการท่สี อง  การผสมผสานวัฒนธรรมท่มี ีความต่างในมิติ เวลา  ประเภท  และแหลง่ ก�ำ เนดิ และประการทส่ี าม การสรา้ งสรรคร์ ปู แบบเฉพาะของยคุ สมยั (ศิลปะสมัยกรุงเทพฯ  ตามช่วงเวลาต่างๆ  จนมาถึงยุคปัจจุบัน)  ท่ีพัฒนาจากต้นฉบับ หรอื แบบฉบบั ของเดมิ สรปุ และอภปิ รายผลการศกึ ษา ข้อมูลท่ีปรากฏในคู่มือนำ�เท่ียวของรัฐแสดงให้เห็นว่า  ลักษณะเด่นด้าน วฒั นธรรมไทยในกรงุ เทพฯ ทร่ี ฐั เลอื กใหเ้ ปน็ ตวั แทน “ความเจรญิ ทางวฒั นธรรม” ดว้ ยลกั ษณะ คณุ คา่ สงู สดุ ดา้ นความงาม ความศรทั ธา ความบนั เทงิ และความเปน็ เลศิ ดา้ นรสชาตนิ น้ั ประกอบสร้างข้นึ จากลักษณะวัฒนธรรมพุทธศาสนาและราชสำ�นักท่พี ัฒนาอย่างต่อเน่อื ง ในพน้ื ทท่ี อ่ งเทย่ี ว  ภาพลกั ษณข์ อง “กรงุ เทพอารยะ” ทร่ี ฐั ไดน้ �ำ เสนอผา่ นกลมุ่ แหลง่ ดงึ ดดู ทางการท่องเท่ียวอันประกอบด้วย  กรุงเทพฯ  “เมืองพุทธ”  “เมืองแห่งประณีตศิลป์” และ “มหานครแหง่ อาหาร” จงึ สะทอ้ นความส�ำ คญั และบทบาทของวฒั นธรรมพทุ ธศาสนา และราชสำ�นักท่ีสืบทอดมาต้ังแต่เร่ิมสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ในบริบทการท่องเท่ียวปัจจุบัน ภาพลักษณ์ดังกล่าวสะท้อนความสืบเน่ืองของแนวคิดเร่ือง  ความเจริญทางวัฒนธรรม จากราชส�ำ นกั สยามสกู่ ารจดั การทอ่ งเทย่ี วภาครฐั

รัฐได้นำ�เสนอความหมายของอารยธรรมไทยว่า  แม้ปัจจุบันกรุงเทพฯจะมี วฒั นธรรมสมยั ใหมท่ เ่ี กดิ จากการพฒั นา แตก่ ย็ งั คงรกั ษาลกั ษณะวฒั นธรรมไทยแบบจารตี ท่ีสามารถสร้างเป็นจุดขายในบริบทท่องเท่ียวได้  เพราะมีลักษณะสอดคล้องกับกระแส การทอ่ งเทย่ี วของโลก รฐั ยงั น�ำ เสนอในมติ ขิ องประวตั ศิ าสตรว์ า่ ความสบื เนอ่ื งของวฒั นธรรม ราชสำ�นักและพระพุทธศาสนาอย่างต่อเน่ืองน้ีเองท่ีส่งผลให้วัฒนธรรมไทยกลุ่มน้ีมีความ เจรญิ งอกงามและพฒั นาจนเปน็ “อารยธรรมไทย” (Thai Civilization) หรอื อกี นยั หนง่ึ คอื อารยธรรมของชาตไิ ทย (Thai Nation) กรอบคดิ เรอ่ื ง “ความศวิ ไิ ลซข์ องชาตไิ ทย” ทร่ี ฐั ไดน้ �ำ เสนอผา่ นคมู่ อื น�ำ เทย่ี วฯ มีลักษณะสืบเน่ืองกับชุดความคิดท่ีราชสำ�นักสยามได้สร้างข้ึนต้ังแต่แรกเร่ิมสถาปนา กรงุ รตั นโกสนิ ทรเ์ รอ่ื ยมาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง  ดว้ ยวธิ กี ารอนรุ กั ษ์ รอ้ื ฟน้ื และยกใหเ้ ปน็ จดุ ดงึ ดดู ทางการท่องเท่ียวสำ�คัญของกรุงเทพฯ  และของประเทศไทย  แนวคิดท่ีเด่นท่ีสุด  ได้แก่ การสรา้ งกรงุ เทพฯใหเ้ ปน็ “เมอื งพทุ ธ” (Buddhist City) ดว้ ยการสรา้ งวดั หลวงจ�ำ นวนมาก ภายในเกาะรัตนโกสินทร์  การจัดสร้างแหล่งรวบรวมพระพุทธรูปเก่าแก่ไว้ท่ีกรุงเทพฯ และการสร้างพุทธประเพณีท่ีแสดงความสืบเน่ืองระหว่างกรุงเทพฯและศรีลังกา  เช่น วสิ าขบชู า คดิ ประดษิ ฐข์ น้ึ สมยั รชั กาลท่ี ๒ รอ้ื ฟน้ื สมยั จอมพลสฤษด์ิ และกรงุ เทพมหานครได้ เฉลมิ ฉลองวนั วสิ าขบชู าโลก ณ ทอ้ งสนามหลวง การเพม่ิ เตมิ และปรบั เปลย่ี นใหพ้ ระราชพธิ ี ตามคติฮินดูมีความเป็นพุทธมากข้ึน  เช่น  กระบวนเรือพระราชพิธีในงานทอดกฐินหลวง รฐั ไดร้ อ้ื ฟน้ื พระราชพธิ เี หลา่ นแ้ี ละประชาสมั พนั ธใ์ นฐานะการทอ่ งเทย่ี วทางวฒั นธรรมของ ประเทศไทยในชว่ งปี “อะเมซซง่ิ ไทยแลนด”์ แนวคดิ ทส่ี องคอื หตั ถศลิ ปข์ องหลวงเปน็ ตน้ แบบ ความงามแบบไทย  งานช่างฝีมือท่ีรัฐนำ�เสนอ  แสดงให้เห็นความสำ�คัญของแนวคิด เร่ืองการเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์  และแนวคิดเร่ืองการทำ�พุทธบูชาปรากฏผ่าน งานฝมี อื ชน้ิ เดน่ ทร่ี ฐั ชใู หเ้ ปน็ หตั ถศลิ ปแ์ หง่ แผน่ ดนิ   ประกอบดว้ ย เรอื พระทน่ี ง่ั เครอ่ื งทรง พระแก้วมรกต  งานศิลป์แผ่นดินในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ  และงานช่าง โบราณประเภทพระพุทธรูปท่ียกย่องกันว่าเป็นรูปแบบท่ีงดงามท่ีสุด  ได้แก่  พระพุทธรูป สโุ ขทยั ไตรมติ ร และพระพทุ ธรปู ปางลลี า ณ วดั เบญจมบพติ รฯ เปน็ ตน้ นอกจากนแ้ี ลว้ 120

121 และยังปรากฏเปน็ ส่วนหน่งึ ของชดุ การแสดงโขนในสมเดจ็ พระนางเจ้าฯพระบรมราชนิ ีนาถ ท่ีฝีมือช่างได้สร้างสรรค์งานให้ลำ้�ไปกว่าสมัยก่อนหน้า  อีกท้ังยังมีหัตถศิลป์ ทส่ี รา้ งสรรคข์ น้ึ ใหมใ่ หม้ รี ปู แบบเฉพาะ  ไดแ้ ก ่ พระพทุ ธบาทวดั พระเชตพุ นฯ  ทผ่ี สานงาน แนวคิดพุทธศิลป์แบบเถรวาทเข้ากับวัสดุมุกแบบจีน  เคร่ืองทรงพระแก้วมรกตสามฤดู ท่ีราชสำ�นักสยามได้คิดข้ึนให้ต่างไปจากเดิมเพ่ือผนวกเข้ากับประเพณีทางพุทธศาสนา ทม่ี ตี ลอดป ี เปน็ ตน้   ทง้ั หมดนเ้ี สรมิ ใหเ้ กดิ ภาพลกั ษณข์ องกรงุ เทพฯ  ในฐานะ  “เมอื งแหง่ ประณตี ศลิ ป”์ (City of Exotic Arts) นอกจากน้ีแล้ว  ร่องรอยทางความคิดเร่ืองการประดิษฐ์สร้างหัตถศิลป์ให้มี ความประณตี และการจ�ำ ลองรปู สญั ลกั ษณท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเฉลมิ พระเกยี รตยิ ศพระมหากษตั รยิ ์ และการทำ�พุทธบูชา  ปรากฏผ่านวัฒนธรรมอาหารแบบราชสำ�นักท่ีปรากฏในพ้ืนท่ี ท่องเท่ียว  จากข้อมูลพบว่า  แนวคิดดังกล่าวมีความสืบเน่ืองและสัมพันธ์กับภาพลักษณ์ ทส่ี รา้ งขน้ึ ใหมข่ องกรงุ เทพฯ คอื มหานครแหง่ อาหาร (Metropolis of Exotic Cuisines) กลา่ วคอื   กรงุ เทพฯ  เปน็ เมอื งอาหารระดบั โลกทร่ี บั วฒั นธรรมอาหารจากนานาชาตมิ าแตอ่ ดตี   ดังปรากฏผ่านการผสมผสานความหลากหลายของเคร่ืองปรุง  วัตถุดิบ  และวิธีการปรุง รัฐได้นำ�เสนอคุณลักษณะดังกล่าวผ่านลักษณะเด่นของอาหารชาววัง  ท่ีนำ�ส่ิงเหล่าน้ีมา ผสมผสานเขา้ กบั มาตรฐานศลิ ปะการปรงุ อาหารของราชส�ำ นกั ไดแ้ ก่ ความประณตี ในการ คดั เลอื กวตั ถดุ บิ เพอ่ื สรา้ งความกลมกลนื ดา้ นรสชาติ และการตกแตง่ ประดบั ประดาอาหาร เม่อื พิจารณาเฉพาะกล่มุ วัฒนธรรมอาหารของราชสำ�นกั   ในฐานะตวั แทนความเจรญิ ทาง วัฒนธรรมไทยท่สี ืบเน่อื งจากอดีตส่ปู ัจจุบัน  พบว่า  วัฒนธรรมอาหารแบบราชสำ�นักยังมี บทบาทส�ำ คญั ในฐานะจดุ ดงึ ดดู ส�ำ หรบั นกั ทอ่ งเทย่ี ว โดยเฉพาะในรา้ นอาหารระดบั หา้ ดาว ร้านอาหารท่ีสืบทอดตำ�รับชาววัง  และร้านอาหารไทยสมัยใหม่ท่นี �ำ อาหารชาววังมาปรุง และเสริ ฟ์ แบบรว่ มสมยั

รปู ภาพ ภาพส�ำ รบั อาหารไทยทก่ี ารทอ่ งเทย่ี วไทยเลอื กน�ำ เสนอ๔ จดุ ขายท่รี ฐั นำ�เสนอ  เปน็ การขายวฒั นธรรมไทยเพ่อื ตอบสนองความต้องการ หลักท่ีมีร่วมกันของนักท่องเท่ียวนานาชาติ  คือ  ได้เดินทางมาพักผ่อน  ชมเมือง รับประทานอาหารอร่อย  ดูการแสดง  เท่ียวพิพิธภัณฑ์  การดึงดูดนักท่องเท่ียวตาม วัตถุประสงค์ดังกล่าว  รัฐได้นำ�เสนอลักษณะเด่นของวัฒนธรรมไทยในบริบทท่องเท่ียว ผา่ นการใชค้ �ำ ส�ำ คญั คอื “exotic Thai”  จากลกั ษณะของแหลง่ ดงึ ดดู ทพ่ี บในขอ้ มลู พบวา่ หมายถงึ   ลกั ษณะเฉพาะของวฒั นธรรมพทุ ธศาสนา ประณตี ศลิ ป์ และอาหารทร่ี าชส�ำ นกั ทส่ี บื ทอด พฒั นา และมกี ารแพรก่ ระจายสสู่ าธารณะ  กลมุ่ วฒั นธรรมดงั กลา่ วไดร้ บั การปรงุ แตง่ โดยการจัดการทางวัฒนธรรมและด้วยวิธีการสร้างสรรค์หัตถศิลป์ให้มีความงามแบบ ๔ ทม่ี า: http://www.tatnews.org/thai-food 122

123 “ตามจินตนาการ” หรอื “เหนอื จริง” (mystic) เพ่อื น�ำ เสนอแนวคิด การเฉลมิ พระเกียรติ และพทุ ธบชู าตามแบบ “ประเพณหี ลวงของไทยกรุงเทพฯ” เป็นส�ำ คัญ ทงั้ หมดน้ีเปน็ ความ “มหศั จรรย”์   (Amazing)  ของวฒั นธรรมไทยทร่ี ฐั ไดป้ รงุ แตง่ เพอ่ื สรา้ งจดุ ขาย  ลกั ษณะความ เอ็กส์โซติก  (exotic)๕  เป็นคำ�ที่  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  กรุงเทพมหานคร  และ การบนิ ไทย  “ยมื มา”  จากค�ำ ฝรง่ั ทใ่ี ชเ้ รยี กวฒั นธรรมตะวนั ออก  เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ทเ่ี ขา้ ใจในระดบั นานาชาติ  แตก่ ค็ ดั เฉพาะสว่ นทเ่ี ปน็ ความหมายบวก และสามารถน�ำ มาปรงุ แตง่ ใหเ้ ขา้ กบั คตคิ วามเชอ่ื เรอ่ื ง การเฉลมิ พระเกยี รตยิ ศ และพทุ ธบชู าเปน็ หลกั (เมอื งสวรรค,์ เมอื งแหง่ เทพเทวดา) นอกจากน้ีก็มีลักษณะภาพลักษณ์ท่ีเป็นท่ีรู้จักแต่เดิม  ได้แก่  เวนิสตะวันออก รฐั ไดน้ �ำ เสนอลกั ษณะทเ่ี รยี กวา่ “เอก็ สโ์ ซตกิ ” ดงั กลา่ วผา่ นกระบวนการ “ท�ำ ใหด้ เู หนอื จรงิ / ภาพในจนิ ตนาการ”  เพอ่ื สรา้ งลกั ษณะทแ่ี ปลกพเิ ศษและโดดเดน่   (spectacle)  เพอ่ื ดงึ ดดู นกั ทอ่ งเทย่ี ว พรอ้ มกบั น�ำ เสนอคณุ คา่ ทางวฒั นธรรม (cultural values) ผา่ นภาพแทนความ เปน็ ไทย (the representatives of “thainess”) แบบราชส�ำ นกั ในบรบิ ทการทอ่ งเทย่ี วสมยั ใหม่ ลกั ษณะคณุ คา่ ทางวฒั นธรรมทส่ี �ำ คญั ประกอบดว้ ย ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ (แสดงความสบื เนอ่ื ง ของชาตไิ ทย),  ดา้ นสงั คม (รฐั พธิ แี บบพทุ ธ, พทุ ธผสมฮนิ ด,ู พทุ ธกบั พราหมณ)์ ดา้ นความรู้ เชงิ ชา่ ง (แสดงผา่ นงานชน้ิ เอกทส่ี รา้ งไดย้ าก), และดา้ นความงามเฉพาะสมยั (งามแบบรตั นโกสนิ ทร)์ ๕ ในพจนานกุ รมไทย เชน่ ราชบณั ฑติ หมายถงึ “วเิ ทศ, มาจากแหลง่ อน่ื ” และ ส.เสถบตุ ร ให้ ความหมายวา่ “เทศ, ประหลาด, มาจากตา่ งประเทศ” ในพจนานกุ รมตา่ งประเทศ เชน่ Oxford หมายถงึ ดงึ ดดู ใจดว้ ยลกั ษณะทศ่ี ลิ ปะและวฒั นธรรมทม่ี สี สี นั   หรอื เฉพาะถน่ิ ของวฒั นธรรมยงั ไมไ่ ดร้ บั การท�ำ ใหท้ นั สมยั ดว้ ยเทคโนโลย ี (modernized)

บรรณานกุ รม Bangkok Metropolis Administration. World’s Best City. Bangkok: Bangkok Metropolis Administration, 2008. Bangkok Metropolitan Administration. Amazing Bangkok 1998. Bangkok: Bangkok Metropolitan Administration, 1998. Bangkok Metropolitan Administration. The must see sites in Bangkok 1999. Bangkok: Bangkok Metropolitan Administration, 1999. Bangkok Metropolitan Administration. Bangkok’s Campaign 2012. Bangkok: Bangkok Metropolitan Administration, 2012. Bangkok Metropolitan Administration, The Shining of Art: Bangkok Museums. Bangkok: Bangkok Metropolitan Administration. Cohen, E. Exploration in Thai Tourism. UK: Emerald Group, 2008. Hoskin, J. AZU’S Dreams of Thailand. Bangkok: AZU Editons Ltd., 2005. Koanantakool, P.C. and Askew, M. Urbanlife and Urban People in Transition. Bangkok : TDRI, 1993. Parnwell, M. Heritage tourism in Southeast Asia. Edited by Michael Hitchcock and Victor T. King. Cophenhagen : NIAS Press, 2010. Peleggi, M. Thailand The Worldly Kingdom 2007. Singapore : Talisman Publishing, 2007. Reynolds, C.J. National Indentity and Cultural Nationalism, In Seditious Histories : Contesting Thai and Southeast Asia Part. University of Washington Press: United States, 2006. Spirou, C. Globlization, Urban Competition and Tourism, New York: Routledge, 2011. Tourism Authorities of Thailand. Thailand Tralvel Manual 2012 - 2013. Bangkok : Tourism Authorities of Thailand, 2013. 124





ผงั รายการสถานวี ทิ ยโุ ทรทศั นร์ ฐั สภา พ.ศ. 2560 เวลา จนั ทร์ อังคาร พุธ พฤหสั บดี ศุกร์ เวลา เสาร์ อาทติ ย์ สารคดีพระบเาคทาสรมพเธดงจ็ ชพารตะปิ กเกล้า (5) เคารพธงชาติ 08.00 น. ห้องขา่ วรัฐสภาแชนแนล (ภาคเช้า) (live) รัฐสภาของปชช. (live) 08.00 น. รับสญั ญาณ คสช. 08.05 น. สารคดีพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ (5) 08.05 น. สารควดนั ีใกนาหรลเมวืองงร.(95)(2-3 นาที) มองรัฐสภา (live) 09.00 น บ้านธัมมะ (55) 09.05 น. 09.05 น 10.00 น. ข่าวรฐั สภาต้นชวั่ โมง 09.30 น ข่าวรฐั สภาตน้ ชว่ั โมง 10.05 น. 10.00 น. ณyoวuนัลnนมื gนัป้ อ่ใวนยยาว(กนั 2รน5ู้ ี()้(2ข35่า0)ว)รฐั สภาต้นชวั่Tโhมตeงะcลlaยุ sชsมุ roชoนm(55(2)5) ถ่ายทอดสดการประชุมสภาปฏิรูปประเทศแห่งชาติ กรรมาธิการพบประชาชน(55) ถ่ายทอดสดการประชุมสภานิติบญั ญตั ิแห่งชาติ 10.30 น. Asean law (25) Parliament Film (25) 11.00 น. ตงั้ แตเ่ ริ่มจนจบการประชุม ข่าวรฐั สภาตน้ ชว่ั โมง ตงั้ แต่เริ่มจนจบการประชมุ 11.00 น. ข่าวรฐั สภาตน้ ชว่ั โมง 11.05 น. 12.00 น. สขุ นคร (55) สอ่ งท้องถ่ินไทย (55) 12.00 น. กฎหมายหน้า 1 (live) (55) 1143..0000 นน.. 13.05 น. 14.05 น. ห้องข่าวรัฐสภาแชนแนล 111443...003500 นนน.. สรุปข่าวรัฐสภารอบสปั ดาห์ (55) 15.00 น. สายดว่ น(ภราัฐคสเทภ่ยีาง()liv(leiv)e()2 ช.ม.) 11115546....30000500 นนนน.... English non stop (Rerun) 15.05 น. 16.05 น. ผ้หู ญิงเปล่ยี นโลก (30) รู้ทนั กลโกง (25) 16.00 น. ข่าวรฐั สภาตน้ ชวั่ โมง 17.00 น. 16.05 น. สายดว่ นรัฐสภา (ตอ่ เนื่อง) 17.30 น. พลเมอื ง D (30)ข่าวรฐั สภาตน้ ชว่ั โมงวิทย์อินฟดู้ (25) 16.30 น. 18.00 น. 17.00 น. ข่าวรฐั สภาต้นชวั่ โมง 18.30 น. สร้างศลิ ป์ (30) ผ้หู ญิงเปล่ยี นโลก ® 17.05 น. เสวนารัฐสภา (60) 19.00 น. 18.00 น. ข่าวรฐั สภาตน้ ชวั่ โมง 20.00 น. โลกนา่ รักษ์ (30) ณวนั นนั้ ในวนั นี ้ ® 18.30 น. ผ้หู ญิงเปล่ยี นโลก ® ข่าวรฐั สภาตน้ ชว่ั โมง สร้างศลิ ป์ ® The classroom ® 20.35 น. เสวนารัฐสภา ®ข่าวรฐั สภาต้นชวั่ โจมดุ งร่วมความคดิ ® 20.00 น. พลเมือง D ® ตะลยุ ชมุ ชน ® ข่าวรฐั สภาตน้ ชวั่ โมง สอ่ งท้องถิ่นไทย ® สขุ นคร ® 21.30 น. รัฐสภาของปชช. ® 22.00 น. 20.35 น. 22.05 น. กรรมาธิการพบปชช.® 1 สปั ดาห์กบั สนช. (55) 21.30 น. 23.00 น. 22.00 น. มองรัฐสภา ® 23.05 น. ยา่ นเกา่ เลา่ เร่ือง ® Asean law ® 22.05 น. 24.00 น. การ์ตนู \"เมอื งนริ มติ แหง่ จิตตนคร\" (25) 23.00 น. เคารพธงชาติ + รับสญั ญาณ คสช. รายการ เดนิ หน้าประเทศไทย กษัตริย์นกั ประชาธิปไตย ® เคารพธงชาต+ิ รับสญั ญาณ คสช. รายการเดนิ หน้าประเทศไทย 23.00 น. World for all (30) พลเมือง D ® 24.00 น. ห้องขา่ วรัฐสภาแชนแนล (ภาคค่า) (live) มีช่วง ประเดน็ เป็นข่าว (สตขู า่ วฯ play) (1.30 ชม.) Highlight ประชมุ สภา (55) 07.59 น. ข่าวพระราชสานกั (รับสญั ญาณ MCOT ) ขา่ วพระราชสานกั (รับสญั ญาณ MCOT ) หมายเหตุ สารฐัรคธดรรเี มฉลนิมูญพไทระยเเกขียา้ รใตจงิ (่า1ย0 (น5า)ที) ZOOM IN (55) รับZสOญั OญMาIณN (ค4ส0ช). สารคดเี ฉลิมพระเกียรติ (10 นาที) จุดร่วมความคดิ (55) ละครเฉลมิ พระเกียรติ English non stop (5) วนั การเมือง (5) Think ตา่ งการเมือง ® ณวนั นนั้ ในวนั นี ้ ® ละครเฉลมิ พระเกียรติ ชดุ \"คา่ ของแผน่ ดนิ \" (30) Think ตา่ งการเมอื ง (25) ชดุ \"คา่ ของแผน่ ดนิ \" (1.30 ชม.) ข่าวรฐั สภาต้นชว่ั โมง ข่าวรฐั สภาต้นชว่ั โมง กฎหมายหน้า 1 (55) รัฐสภาอาเซียน (55) ย้อนรอย(การ)เมอื งไทย (55) ข่าวรฐั สภาต้นชว่ั โมง ข่าวรฐั สภาตน้ ชวั่ โมง สายดว่ นรัฐสภา (55) สขุ นคร ® ตะลยุ ชมุ ชน ® เพลงเสทาิดรพครดะีเเฉกลียิมรตพิใรนะหเกลียวรงตริ ชั (5ก)าลที่ 9 เพลงเสทาดิ รพครดะีเเฉกลียิมรตพิใรนะหเกลียวรงตริ ัช(5ก)าลที่ 9 เพจ 365 พระราชกรณียกจิ ®ถ่ายหทมอาดยสถดงึการราปยรกะาชรมุ รสรี ภันาขบั เคลื่อนการปฏริ ูปประเทศ ทกุ วนั จนั ทร์ และวนั องั คาร ตงั ้ แตเ่ วลา 09.30 น เป็นต้นไป ธัญ24ช/น2ติ/2จ5ลุ6ศ0ริ ิขจรชยั ผ้จู ดั ผงั ถ่ายทอดสดการประชมุ สภานิตบิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ ทกุ วนั พฤหสั บดี และวนั ศกุ ร์ ตงั้ แตเ่ วลา 10.00 น เป็นต้นไป (การถ่ายทอดสดการะประชมุ อาจมกี ารเปลยี่ นแปลงขึน้ อยกู่ บั ทป่ี ระชมุ สภาฯ) *สารคดสี ั้น/มวิ สิคฯ ในหลวง ใส่แทรกในรอยต่อรายการได้ตามความเหมาะสม ตลอดทงั้ วัน*


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook