Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 4 การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์

หน่วยที่ 4 การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์

Published by meannylagkana, 2020-12-24 11:17:17

Description: หน่วยที่ 4 การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์

Search

Read the Text Version

๔หน่วยการเรียนรู้ท่ี การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศิลป์

ทัศนศิลป์ เป็ นศิลปะท่ีมองเห็นได้และมีกระบวนการถ่ายทอดท่ีมี ลกั ษณะเฉพาะตวั เป็ นผลงานท่ีมีความมงุ่ หมายในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก และความคิด ซ่ึงเกิดจากการสร้างสรรคข์ องศิลปิ นไปยงั ผชู้ ม รูปแบบลกั ษณะของ งานทศั นศิลป์ ท่ีมีเทคนิคต่างๆ ในการสร้างสรรคแ์ ละถ่ายทอดผลงาน เป็ นผลงาน ท่ีสามารถสื่อไดท้ ้งั อารมณ์ ความรู้สึก และความคิดผา่ นวธิ ีการต่างๆ เช่น การวาด เสน้ การระบายสี การป้ัน แกะสลกั กาสร้างสรรคง์ านสื่อผสม

๑. การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศิลป์ ประเภทจติ รกรรม จิตรกรรมเป็ นผลงานทศั นศิลป์ ประเภทหน่ึงที่มีเทคนิคต่างๆ ในการ สร้างสรรคแ์ ละถ่ายทอดเป็ นผลงานท่ีสามารถสื่อไดท้ ้งั อารมณ์ ความรู้สึก และ ความคิดผา่ นลกั ษณะเฉพาะของวิธีการต่างๆ เช่น การวาดเสน้ การระบายสี ใน ดา้ นการสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ ประเภทจิตรกรรมน้นั เราควรเรียนรู้เทคนิค ท่ีเป็ นพ้ืนฐาน คือ เทคนิคการเขียนภาพสีน้า และเทคนิคการวาดภาพลายเส้น เพ่ือผูเ้ รียนจะไดเ้ กิดทกั ษะและกระบวนการในการสร้าง นาเสนอ หรือแสดง ผลงาน แต่ท้งั น้ีผเู้ รียนจะตอ้ งมีความรู้ และความเขา้ ใจเก่ียวกบั คุณสมบตั ิของสี น้ าซ่ึงจะช่วยให้สามารถปฏิบัติงานสร้างสรรค์ผลงานได้ดีและตรงตาม วตั ถปุ ระสงคข์ องผสู้ ร้างสรรคผ์ ลงาน

๑.๑ เทคนิคการเขยี นภาพสีนา้ การเขียนภาพสีน้าเป็ นผลงานสร้างสรรคด์ า้ นจิตรกรรมที่เป็ นกระบวนการ สืบเนื่องจากการวาดภาพแรเงา เปล่ียนจากการใชด้ ินสอระบายน้าหนกั ลงบนรูปร่าง หรือรูปทรงท่ีวาด มาเป็ นการใชส้ ีน้าแทน เนื่องจากเทคนิคการเขียนภาพสีน้าเป็ นงาน เขียนภาพระบายสีท่ีแตกต่างจากการใชส้ ีประเภทอื่น จึงจาเป็ นท่ีจะตอ้ งเรียนรู้วธิ ีการ และข้นั ตอนของการเขียนภาพสีน้าเพ่ือใหเ้ กิดผลงานท่ีสวยงามตามรูปแบบที่คิด เอาไว้ จึงเรียกไดว้ า่ เป็ นการศึกษา “เทคนิคการเขยี นภาพสีนา้ ” นนั่ เอง สีน้าเป็ นวสั ดุท่ีใชเ้ ป็ นสื่อในการถ่ายทอดความรู้สึกของมนุษย์ โดยลกั ษณะ ของสีน้าช่วยใหก้ ารสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ มีความสมบูรณ์ตามเป้าหมายที่ ตอ้ งการ ท้งั น้ี สีน้ามีบทบาทเป็ นตวั ที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศใหร้ ูปแบบผลงานท่ี ถกู ถ่ายทอดออกมาน้นั มีเสน่ห์มากข้ึน โดยเฉพาะการถา่ ยทอดภาพจากธรรมชาติ ซ่ึง จะขาดบรรยากาศในการรับรู้ทางดา้ นสีสนั ไมไ่ ดเ้ ลย

๑) ความเข้าใจในลกั ษณะของสีนา้ ๑. สีน้าเป็ นสื่อวสั ดุที่ผสมน้าระบายลง บนกระดาษหรือบนระนาบ รองรับ อ่ืนๆตามท่ีตอ้ งการ ๒. สีน้าเป็ นสีที่มีลกั ษณะแบบโปร่งใส (Transparent) เกิดจากส่วนผสมของ สารสีซ่ึงไดจ้ ากพืชหรือแร่ธาตุ เช่น ดิน สีผสมกับสารยึดเกาะท่ีละลายน้ าได้ เช่น ยางไม้ หรือกาว ไม่เห็นเน้ือสี เมื่อ ระบายสี น้ าลงบนกระดาษจะเห็นความ ใสของสีบนพ้ืนผิวกระดาษ

๓. การระบายสีน้าถา้ ยง่ิ หมน่ั ฝึ กฝนจะยง่ิ คน้ พบเทคนิคตา่ งๆ มากมาย ๔. การระบายสีน้าจะตอ้ งปฏิบัติตามข้นั ตอนตามคุณสมบัติของสีน้าเพื่อให้ สามารถควบคุมการแสดงออกในภาพตามท่ีตอ้ งการได้ ๕. การระบายสีน้าในแต่ละข้นั ตอนจะตอ้ งรู้จกั การรอคอยเวลา เช่น ความเปี ยก ความหมาด ซ่ึงมีความจาเป็ นอยา่ งยงิ่ ในการระบายสีน้า ๖. รูปแบบของการระบายสีน้าจะตอ้ งมองดู เหมือนมีลีลาท่ีฉบั ไว มนั่ ใจ การลงรายละเอียด ควรใส่แตน่ อ้ ย แตด่ ูแลว้ สามารถเห็นภาพรวม ที่แสดงความคิดรวบยอด

๒) ส่ือ วสั ดุ และอปุ กรณ์ในการเขยี นภาพระบายสีนา้ สื่อวสั ดุ หมายถึง ส่ิงที่น้ามาใช้ในการระบายสี ได้แก่ สี น้า และ กระดาษ ซ่ึงถือเป็ นสิ่งสาคญั เบ้ืองตน้ ที่จาเป็ นตอ้ งเรียนรู้ก่อนการปฏิบตั ิงาน เขียนภาพระบายสีน้า อุปกรณ์ที่จาเป็ นเกี่ยวกบั การเขียนภาพสีน้าน้นั มีนอ้ ยจึง ง่ายต่อการสอนเขียนภาพระบายสีนอกห้องเรียน เช่น บริเวณสนาม บริเวณ ชุมชนใกลโ้ รงเรียน บริเวณวดั เป็ นตน้

๒.๑ สีประเภทต่างๆ (๑) สีน้ำชนิดบรรจุกล่อง ภายในกล่องแบ่งเป็ นช่องสี่เหลี่ยมหรือวงกลมหลายช่องสาหรับ บรรจุสีในแต่ละช่อง เน้ือสีมีลกั ษณะเป็ นผงอดั แน่นเป็ นกอ้ นแข็ง เวลาใช้ให้น้าพู่กันจุ่มน้า พอประมาณอยา่ ใหม้ นี ้ามากเกินไป จากน้ันใหล้ ะเลงลงบนสีที่ตอ้ งการ สีก็จะละลายออกมา แต่ถา้ น้ามากเกินไปจะทาให้เน้ือสีติดพู่กนั เป็ นกอ้ นได้ สีน้าในลกั ษณะน้ีเหมาะสาหรับการ พกติดตวั ไปเขียนภาพนอกสถานท่ี (๒) สีน้ำชนิดบรรจุหลอด เป็ นสีท่ีบรรจุหลอดละสีและมีหลายขนาด เน้ือสีมีลกั ษณะเหลว เหมือนยาสีฟัน มีความช้ืนและแตกตวั ไดด้ ี เวลาใชใ้ หบ้ ีบสีลงบนจานผสมสีเสียก่อน แลว้ ใช้ พูก่ นั จุ่มน้ามาละลายสีใหไ้ ดส้ ีเขม้ หรืออ่อนตามตอ้ งการ (๓) สีน้ำกระดำษ เป็ นสีน้าที่ติดอย่บู นพ้ืนผิวกระดาษ ไม่มีเน้ือสี แต่สีจะสดใสมากกว่าสีน้า ชนิดอื่น เวลาใชใ้ หน้ ้าพู่กนั จุ่มน้าแลว้ ละเลงสี สีท่ีผวิ กระดาษก็จะละลายออกมา ถา้ ใชน้ ้ามาก สีกจ็ ะละลายออกมามาก แต่ถา้ ใชน้ ้านอ้ ยสีกจ็ ะละลายออกมานอ้ ย

สีประเภทต่างๆ สีน้าชนิดบรรจุหลอด สีน้ากระดาษ สีน้าชนิดบรรจุกล่อง

๒.๒ กระดานรองเขียน มีไวส้ าหรับรองรับกระดาษ มีลกั ษณะเป็ นวสั ดุผิวเรียบ หรือเป็ นกระดาษ แผน่ เรียบ ไมบ่ างหรือหนาจนเกินไป ควรมีน้าหนกั เบา ส่วนมากเป็ นแผน่ ไมอ้ ดั หรือ กระดาษหนาแข็ง ดา้ นบนติดตวั หนีบกระดาษใหต้ ิดอยกู่ บั แผน่ รองเขียนหรืออาจใช้ เทปกาวขึงกระดาษบนกระดานรองเขียนใหต้ ึงก็ยงิ่ ดี

ข้นั ตอนการขึงกระดาษใหต้ ึงเหมาะสมสาหรับการเขียนภาพสีน้า สามารถทาได้ ดงั น้ี ๑. ตดั กระดาษเทปกาวชนิดที่ใชน้ ้าลูบ โดยตดั ใหม้ ีความกวา้ งและยาวเท่ากบั กระดาษเขียนสีน้า ๒. ใชฟ้ องน้าทาน้าบนกระดาษดา้ นหลงั ท่ีไม่ใช่ส่วนที่ระบายสีก่อน เมื่อทว่ั ดีแลว้ ให้พลิกดา้ นท่ีจะระบายสีข้ึน และวางใหอ้ ยกู่ ่ึงกลางกระดานรองเขียน จากน้นั ทาน้า ใหท้ ว่ั เช่นกนั ๓. นาเทปกาวมาชุบน้าและปิ ดขอบกระดาษท้งั ๔ ดา้ นใหเ้ ขา้ มาไม่เกิน ๑ เซนติเมตร ๔. วางกระดานแนวราบในที่ร่ม รอจนกวา่ กระดาษจะแหง้ จากน้นั กน็ ามาระบายสีได้

๒.๓ จานสี คือภาชนะแบนๆที่มีร่องสาหรับใชผ้ สมสี จานสีมีหลายขนาดหลายแบบ อาจเป็ นวสั ดุ ท่ีทาดว้ ยเซรามิกหรือพ่กู นั ท่ีจะใชร้ ะบายสีน้า มีท้งั ชนิดกลมและชนิดแบน และมีหลาย ขนาดท้งั ขนาดใหญ่ กลาง และเลก็ สามารถเลือกใชไ้ ดต้ ามลกั ษณะของชิ้นงานพลาสติก จานที่ทาดว้ ยเซรามิกมีความคงทนกวา่ และสีน้าไมส่ ามารถซึมเขา้ เน้ือจานได้

๒.๔ กระดาษเขยี นสีนา้ มีความหนาเรียกเป็ นปอนด์ เช่น ๑๐๐ ปอนด์ ๑๘๐ ปอนด์๒๐๐ ปอนด์ บางทีก็เรี ยกความหนาของ กระดาษเป็ นแกรม เช่น ๘๐ แกรม ๑๐๐ แกรม ๑๘๕แกรม ศิลปิ นสีน้ามกั เลือก กระดาษที่ทาข้ึนดว้ ยมือ ๒.๕ ภาชนะใส่นา้ ภาชนะสาหรับใส่น้าควรมี ๒ ใบ ใบหน่ึงมีขนาดเล็กสาหรับใส่น้าที่ ใชส้ าหรับระบายสี และอีกใบหน่ึงที่มี ขนาดใหญ่ใชส้ าหรับลา้ งพกู่ นั

๒.๖ พู่กนั - พู่กนั ชนิดกลม มีขนแปรงอ่อน เหมาะสาหรับใชก้ บั สีน้าหรือสีโปสเตอร์ - พู่กนั ชนดิ แบน มีท้งั ขนแปรงออ่ นและขนแปรงแขง็ ชนิดขนแปรงอ่อนใช้ กบั สีน้าและสีโปสเตอร์ ส่วนชนิดขนแปรงแขง็ เหมาะสาหรับใชก้ บั สีน้ามนั

คณุ สมบัตทิ ว่ั ไปของสีนา้ ลักษณะโปร่ งใส (Transparent Quality) สีน้ามีส่ วนผสมของเนื้อสีที่ บดละเอียด (Pigment) กับกาวชนิดที่มี คุณสมบัติพิเศษ คือ ละลายน้ าง่ายและ เกาะติดกระดาษแน่น อีกท้ังยงั มีลกั ษณะ โปร่งใสอีกดว้ ย ลักษณะเปี ยกชุ่ม (Soft Quality) เน่ืองจากการระบายสีน้าเป็ นการใช้สีผสม กับน้ าและระบายให้ซึ มเข้าหากันเมื่อ ตอ้ งการให้สีกลมกลืนกัน เม่ือระบายสีลง ไปแล้ว ลักษณะของสีบนกระดาษจะคง ความเปี ยกชุ่มของสีปรากฏใหเ้ ห็นอยเู่ สมอ

สีนา้ มคี ุณสมบัตแิ ห้งเร็วและ ซึมซับ (Dry Quickly & Absorb) สีน้ามีคุณสมบตั ิแห้งเร็ว จึงเป็ นสี ที่ระบายยาก เหมาะสาหรับผู้ที่ สามารถตดั สินใจรวดเร็วในการ ถ่ายทอดผลงาน

๓) การรับรู้สู่การพฒั นาผลงาน ๑. ประสาทสัมผสั ของการรับรู้ (The Senses of Perception) ประสาทสมั ผสั ของการ รับรู้ท้งั ๕ ไดแ้ ก่ รูป รส กล่ิน เสียง และสมั ผสั ๒. ศิลปิ น (The Artist) หรือผปู้ ฏิบตั ิงานสร้างสรรคภ์ าพเขียน เม่ือไดร้ ับ “การรับรู้” จากประสาทสัมผสั แลว้ สมองก็สามารถประมวลการณ์ท้งั หมดเพื่อใหป้ ระสาน สมั พนั ธ์กบั สุนทรียภาพส่วนบุคคล เป็ นความนึกคิดหรือมโนคติดา้ นแสง เงา สี รูปร่าง รูปทรง ๓. วิธีการ (Method) เป็ นข้นั ตอนหลงั จากเกิดความรู้สึกนึกคิด (Idea) แลว้ ศิลปิ น หรือผสู้ ร้างงานทศั นศิลป์ น้ีจะเลือกสรรจนกวา่ จะไดว้ ธิ ีการวา่ จะถ่ายทอดออกมา ๔. ภาพเขียนสีนา้ (The Watercolor) ข้นั ตอนสุดทา้ ยจะนาไปสู่ผลงานที่ได้ ซ่ึงก็คือ การสร้างสรรค์ผลงานภาพเขียนสีน้ าด้วยการถ่ายทอดความคิดรวบยอดที่ ประกอบดว้ ยการผสานของมือ ตา ความคิดสร้างสรรค์ ส่ือวสั ดุ และอ่ืนๆ

๔) เทคนคิ การระบายสีนา้ มีข้อคิดจากศิลปิ นสีน้าเคยกล่าวไว้ว่า “การระบายสีน้าให้ ได้ดี จะต้องฝึ กหัดตามลาดับข้ันตอน ตั้งแต่การจับพู่กัน การรู้จักและคุ้นเคยกับสี กระดาษ การจัดตาแหน่งของกระดานรองเขียน และจานระบายสี ตลอดจน ต้องมีวินัย ตั้งใจจดจ่ออย่างจริงจังข้อคิดนีน้ ับว่าเป็ นประโยชน์และได้ผล รวดเร็วมาก เทคนิคการเขียนภาพสีน้า แบ่งออก ไดเ้ ป็ น ๔ ชนิด ดงั น้ี

๔.๑ การระบายสีแบบเปี ยกบนเปี ยก หมายถึง การใช้พู่กันจุ่มน้าระบาย บนกระดาษวาดเขียนก่อน จากน้นั จึงใชพ้ ู่กนั จุ่มสีท่ีผสมกบั น้าค่อนขา้ งเหลว ระบายลงไป ขณะที่กระดาษยงั เปี ยกน้าอยู่ ภาพท่ีปรากฏ จะแสดงให้เห็นความชุ่ม ความซึมของสีแต่ ละสี ในระหวา่ งที่ระบายสีหากเอียงกระดาน รองเขียนใหท้ ามุมสูงข้ึน สีจะไหลยอ้ ยทบั กนั การระบายสีในลกั ษณะน้ีจะนิยมระบายกัน มากในภาพท่ีเป็ นทอ้ งฟ้าหรือน้า หรือผิววสั ดุ ที่มนั เพราะจะทาให้เกิดความรู้สึกกลมกลืน ของสีที่เด่นชัด การระบายสีแบบเปี ยกบน เปี ยกสามารถสร้างเทคนิคได้ ๒ แบบคือ การ ไหลซึมและการไหลยอ้ ย

๔.๒ การระบายสีแบบเปี ยกบนแห้ง หมายถึง การระบายสีที่ใชพ้ กู่ นั จุ่มสีที่ผสมไวค้ ่อนขา้ งขน้ เป็ นการระบายสี บนกระดาษที่ไม่ตอ้ งลงน้าก่อน คาวา่ เปี ยก คือ พกู่ นั กบั สีคอ่ นขา้ งเหลว ส่วนแหง้ คือ แผน่ กระดาษ เป็ นการระบายสีเรียบสีเดียวหรือหลายสี และการระบายอ่อนแก่แบบ เรียบโดยใชส้ ีเดียวในการเขียนภาพ

๔.๓ การระบายสีแบบแห้งบนแห้ง หมายถึง การระบายสีท่ีผสมไวค้ อ่ นขา้ งขน้ ลงบนกระดาษ การระบาย แบบน้ีมปี ระโยชน์ในการเนน้ ส่วนใดส่วนหน่ึงหรือบริเวณที่เห็นวา่ ควรทาใหเ้ กิด ความเด่นชดั อีกเทคนิคหน่ึงที่เป็ นการระบายสีแบบแหง้ บนแหง้ ก็คือการผสมสีท่ี ระบายคอ่ นขา้ งขน้ ระบายลงบนสีท่ีระบายไวก้ ่อนและแหง้ แลว้ เป็ นการระบายสี ใหมแ่ หง้ ๆ ทบั ลงไปจนเกิดเป็ นรอยพกู่ นั แหง้ ๆ

๔.๔ การระบายสีแบบแห้งบนเปี ยก หมายถึง การระบายสีที่ผสมไวค้ ่อนขา้ งขน้ ระบายลงบนกระดาษท่ี เปี ยก เทคนิคน้ีจะทาให้สีกระจายออกไปเองตามพ้ืนที่ที่เปี ยกน้นั สีบางส่วนก็จะ เกิดการซึมผสมกนั เองดว้ ย เช่น การระบายตน้ ไมห้ รือภูเขาให้กลืนกับท้องฟ้า หรือซึมเขา้ หาทอ้ งฟ้าบางส่วน เสน่ห์ของสีน้าอยทู่ ่ีการซึมของสีที่ผสมกลมกลืนกนั ท้งั น้ีในการลงมือปฏิบตั ิจริง จะใชท้ ้งั ๔ เทคนิคผสมผสานกนั

๑.๒ เทคนคิ การวาดเส้น การวาดเส้น (Drawing) เป็ นการส่ือความหมายของมนุษยด์ ว้ ย กระบวนการทางการวาด ขีดขูด หรือเขียน ให้เกิดเป็ นเส้นหรือร่องรอยโดย ใช้วัสดุท่ีมีรู ปลักษณ์ในการขีดเขียน ซ่ึงเป็ นการกระทาที่ เป็ นการส่ือ ความหมาย อาจเป็ นการทาเครื่องหมาย เป็ นการบนั ทึกเหตุการณ์ หรื อการ ถ่ายทอดจินตนาการใหป้ รากฏเป็ นภาพ

๑) ความเข้าใจในลกั ษณะของการวาดเส้น การวาดเส้นถือเป็นข้นั ตอนท่ีสาคญั ในกระบวนการสร้างสรรคผ์ ลงานศิลปะทุก แขนง เน่ืองจากตอ้ งใชก้ ารวาดเส้นเป็ นข้นั ตอนแรกในการถ่ายทอดสิ่งท่ีอยู่ในความคิดให้ เป็นรูปธรรมก่อนที่จะพฒั นาไปสู่รูปแบบต่างๆ ท่ีตอ้ งการ เช่น จติ รกร ตอ้ งร่างภาพจากความคิดและจินตนาการของตนก่อน แลว้ จึงเพ่ิมเติม ตดั ทอนให้ลง ตวั เมือ่ ไดภ้ าพร่างที่ลงตวั แลว้ จึงลงเส้นหรือลงสีใหช้ ดั เจนตรงตามความคิดและความรู้สึก ประติมากร ตอ้ งร่างภาพให้เห็นลกั ษณะรูปทรง ปริมาตร ท่ีร่างก่อนลงมือข้ึนรูปดว้ ยดิน เหนียว หรือก่อนการแกะสลกั ให้เกิดเป็ นรูปทรง ๓ มิติ ตามจินตนาการท่ีมีภาพร่างเป็ น แบบไวแ้ ลว้ สถาปนิก ตอ้ งร่างภาพเพอื่ เป็นแบบท่ีอยใู่ นความคิดของตนใหช้ ดั เจน ถูกตอ้ ง ท้งั ความงามและสัดส่วนของโครงสร้าง รวมท้งั ประโยชน์ใชส้ อยของอาคาร ก่อนเขียนดว้ ย เส้นที่ชดั เจนท่ีรับรู้และเขา้ ใจไดใ้ นการนาไปก่อสร้างตามแบบ

คณุ ลกั ษณะของเส้น มดี งั นี้ ๑. เส้นมีเพียงมิติเดียว คือ ความยาว แต่มีหลายลกั ษณะ หลายทิศทาง และหลาย ขนาด ๒. ลกั ษณะต่างๆ ของเสน้ เช่น ตรง โคง้ คด ฟันปลา คลื่น กน้ หอย เกล็ดปลาประ เป็ นตน้ ๓. ทิศทางของเสน้ ไดแ้ ก่ แนวราบ แนวดิ่ง และทแยงเฉียง ๔. ขนาดของเสน้ เสน้ จะมีความยาว ไม่มีความกวา้ ง เรียกวา่ เสน้ หนา เสน้ บางเส้น ใหญ่ และเสน้ เลก็ แต่ถา้ เสน้ ส้นั ๆ มีความหนามากก็จะหมดลกั ษณะของความเป็ น เสน้ ไปจะดูเป็ นรูปร่างของส่ีเหล่ียม

ความรู้สึกทเี่ กดิ จากลกั ษณะของเส้น มีดงั น้ี ๑. เสน้ ตรงใหค้ วามรู้สึกแขง็ แรง แน่นอน เขม้ แขง็ ๒. เสน้ โคง้ นอ้ ยๆ หรือเสน้ เป็ นคล่ืนนอ้ ยๆ ใหค้ วามรู้สึกสบาย เล่ือนไหล ต่อเนื่อง เป็ นความรู้สึกของความเคล่ือนไหวอยา่ งชา้ ๆ สุภาพ นุ่มนวล ๓. เสน้ โคง้ วงแคบใหค้ วามรู้สึกถึงการเปล่ียนทิศทางอยา่ งรวดเร็ว มีพลงั เคล่ือนไหว รุนแรง ๔. เสน้ โคง้ กน้ หอยใหค้ วามรู้สึกเคลื่อนไหว คล่ีคลาย เป็ นความรู้สึกท่ีไมส่ ิ้นสุดของ พลงั การเคล่ือนไหว ท่ีขยายตวั ออกอยา่ งไม่มีจุดจบ ๕. เสน้ ฟันปลาหรือเสน้ คดที่หกั เหโดยกะทนั หนั ใหค้ วามรู้สึกของการเปล่ียนทิศทาง อยา่ งรวดเร็วมาก ใหจ้ งั หวะกระแทก เกร็ง ใชแ้ ทนพลงั ไฟฟ้า ฟ้าผา่ ความรุนแรง

ความรู้สึกทเ่ี กดิ จากทศิ ทางของเส้น เสน้ ทุกเสน้ มีทิศทาง คือ ทางต้งั ทางนอน ทางเฉียง ในแตล่ ะทิศทางจะใหค้ วามรู้สึกแตกต่างกนั ดงั น้ี ๑. เสน้ ทางต้งั ใหค้ วามสมดุล แขง็ แรง มน่ั คง พงุ่ จริงจงั เป็ นสญั ลกั ษณข์ องความ สง่า ทะเยอทะยาน รุ่งเรือง สมบูรณ์ ๒. เสน้ ทางนอนใหค้ วามรู้สึกผอ่ นคลาย เงียบสงบ เช่น เสน้ ขอบฟ้ากบั ทะเลทุ่งกวา้ ง ๓. เสน้ ทางเฉียง เป็ นเสน้ ที่อยรู่ ะหวา่ งเสน้ ทางนอนกบั เสน้ ทางต้งั ใหค้ วามรู้สึก เคล่ือนไหว ไม่มนั่ คง ๔. เสน้ ท่ีเฉียงและปลายโคง้ ใหค้ วามรู้สึกที่ขาดระเบียบ หรือพลิว้ ไหว ดงั เช่น ยอดหญา้ ตอ้ งลม 12 3 4

๒) ส่ือ วสั ดุ และอุปกรณ์ในการวาดเส้น การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะโดยเทคนิค การวาดเส้นน้ัน ศิลปิ น สามารถเลือกใชว้ สั ดุอุปกรณ์ไดอ้ ย่างอิสระและหลากหลาย ตามแนวความคิด ทักษะฝี มือ และความถนัดส่วนตัว เช่น ดินสอดา ปากกาลูกลื่น ปากกาหัว สกั หลาด ปากกาหวั ไฟเบอร์ ปากกาคอแร้ง ปากกาหัวมนปลายตดั แท่งถ่านเกรย อง สีชอลก์ ก่ิงไมห้ รือพกู่ นั ชุบหมึกดา เป็ นตน้ สาหรับวสั ดุรองรับการวาดเสน้ น้นั อาจใช้ กระดาษ แผ่นไม้ แผ่นโลหะ หรือแผ่นพลาสติก ข้ึนอยกู่ บั ความคิดสร้างสรรคข์ องแต่ละบุคคลที่มุ่ง ส่ือสารผลงานดา้ นความงามและความคิดออกมาให้ ไดม้ ากท่ีสุด สาหรับการศึกษาเทคนิควาดเส้นข้นั พ้ืนฐานน้ัน ควรเร่ิมศึกษาการวาดเส้นด้วยการใช้ วสั ดุพ้ืนฐานสาหรับการฝึ กฝน ดงั น้ี

๒.๑) ดนิ สอดาเกรด B การที่กาหนดให้ใชด้ ินสอดา เกรดหรือความเขม้ ระดบั B ก็เพื่อให้ สะดวกในการฝึ กฝน ดว้ ยเหตุที่ดินสอ เกรดน้ีมีไส้ที่อ่อนนุ่มไม่หักง่าย และมี ความดา ที่สามารถไล่น้าหนักได้ครบ ต้งั แต่น้าหนักอ่อนท่ีสุดจนถึงเขม้ ที่สุด สาหรับดินสอถ่านหรื อเกรยองจะมี ความเปราะหกั ง่าย และมีน้าหนกั ความ เข้มที่ดาเกินไป ยากแก่การควบคุม ความอ่อนเขม้

๒.๒) กระดาษปรู๊ฟหรือกระดาษปอนด์ กระดาษปรู๊ฟเป็ นกระดาษท่ีมีเน้ือนุ่ม สีออกน้าตาลออ่ นมาก แผน่ บาง ราคาถูก ประหยดั สามารถซ้ือมาฝึ กไดจ้ านวนมากๆ และกระดาษไมก่ ดั ดินสอ หรือทาให้สะดุดในขณะขีดเขียน ส่วนกระดาษปอนด์จะนิยมใชแ้ บบ ๑๐๐ ปอนด์ เน้ือกระดาษจะหนาและหยาบกวา่ กระดาษปรู๊ฟ มีสีขาวสะอาด เหมาะ สาหรับใชฝ้ ึ กหลงั จากผา่ นการฝึ กฝนการวาดเสน้ ไดแ้ ม่นยาข้ึนแลว้ กร ะ ด าษ ป รู๊ ฟ เห ม า ะสา ห รั บ การวาดภาพด้วยดินสอ หรือถ่านชาร์ โคล เพราะเน้ือกระดาษนุ่ม สามารถ เกล่ียน้าหนกั อ่อนแก่ไดด้ ี ส่วนกระดาษ ป อ น ด์ เ น้ื อ ก ร ะ ด า ษ มี ค ว า ม ห น า ก ว่ า เหมาะสาหรับการวาดภาพด้วยดินสอ และระบายสี

๒.๓) กระดานรองเขียนและตวั หนบี กระดาษ กระดานรองเขียนส่วนใหญ่ที่จาหน่ายโดยทวั่ ไปจะมีขนาดท่ีพอดี กบั ขนาดกระดาษหลายขนาด ๒.๔) ยางลบ ควรเลือกยางลบชนิดออ่ น เนื่องจากสามารถลบทาความสะอาด ไดง้ ่ายและไม่ทาใหเ้ น้ือกระดาษเปื่ อยยยุ่ และขาด

๒.๕) คตั เตอร์และดนิ สอ ควรใชค้ ตั เตอร์และดินสอ ไม่ควรใช้กบเหลาดินสอเพราะไม่สามารถกาหนด ความยาวของไส้ดินสอและส่วนของเน้ือไมท้ ่ีต้องการเหลาได้ การใช้กบเหลาดินสอจะ ปรากฏไส้ดินสอโผล่พน้ เปลือกไมอ้ อกมาพอประมาณ เหมาะสาหรับใชเ้ ขียนหนงั สือหรือ ร่างภาพเบาๆ แต่ในการสร้างสรรคผ์ ลงานวาดเส้นน้ันจะตอ้ งมีอิสระในการลากเส้นบน กระดาษหมายถึง การทามุมของดินสอกับกระดาษอาจทามุมกวา้ ง คือ ต้งั ข้ึน หรือทามุม แคบที่สุด เพ่อื สะดวกในการแรเส้นเงา การใช้คัตเตอร์ เหลาดินสอสามารถ กาหนดการเหลาให้เน้ือไมเ้ ปิ ดให้เห็นไส้ดินสอ โผล่พ้นเน้ือไม้มากพอ และเหลาไส้ดินสอให้ ค่อนข้างเรี ยวแหลม แต่ไม่ควรเรี ยวแหลมมาก เพราะจะทาให้หักขณะวาดเส้น ในการทางาน ศิลปะควรเตรียมดินสอไวห้ ลายๆ แท่ง หลายๆ เบอร์ จะทาให้การทางานรวดเร็วไม่ตอ้ งเสียเวลา เหลาดินสอใหม่

๒.๖) อปุ กรณ์กาหนดขอบเขตของภาพ การสร้างอปุ กรณ์สาหรับกาหนดขอบเขตของภาพทาไดห้ ลายวธิ ี คือ (๑) หากระดาษแข็งขนาด ๕ x ๘ นิ้ว รูปสี่เหลี่ยมผืนผา้ แลว้ ใชค้ ตั เตอร์ ตดั กระดาษเป็ นช่องสี่เหลี่ยมบริเวณส่วนกลางกระดาษใชส้ าหรับส่อง เพื่อเป็ น ขอบเขตพ้นื ที่ของภาพเบ้ืองหนา้ ท่ีตอ้ งการวาด

(๒) ตดั กระดาษเป็ นรูปมุมฉาก จานวน ๒ ชิ้น เป็ นรูปตวั แอลความยาว ประมาณ ๖ x ๘ นิ้ว ขอบกวา้ งประมาณ ๑ นิ้ว แลว้ นามาประกบกนั ดงั ภาพ แลว้ นามาใชส้ ่องเป็ นกรอบกาหนดขอบเขตของภาพตามมมุ มองท่ีตอ้ งการวาด

๓) การรับรู้สู่การพฒั นาผลงาน การสร้างสรรคผ์ ลงานวาดเส้น มีหลายรู ปแบบศิลปิ นแต่ละคนจะมี เ ท ค นิ ค วิ ธี ก า ร ข อ ง ก า ร ใ ช้เ ส้ น ใ น ก า ร สร้างสรรค์และพฒั นาจนเป็ นลกั ษณะ เฉพาะตวั รูปแบบของผลงานวาดเส้นจึง มีหลากหลายตามการสร้างสรรค์ของ ศิลปิ น สามารถแบ่งออกเป็ น ๓ รูปแบบ ใหญๆ่ ไดด้ งั น้ี

๓.๑) แบบเหมือนจริง เป็ นการวาดเสน้ เพื่อบนั ทึกสิ่งที่ เห็นในธรรมชาติ หรือสิ่งแวดลอ้ มต่างๆ ท่ี มนุษยส์ ร้างข้ึน เช่น การวาดภาพทิวทศั น์ ตน้ ไมใ้ บหญ้าดอกไม้ คน สัตว์ ตึกราม บา้ นช่อง เป็ นตน้ รูปแบบของการวาดเส้น แบบเหมือนจริงน้ันเป็ นการวาดตามตา เห็น รายละเอียดตามมุมมองจะต้อง คัดลอกออกมาใ ห้เหมื อน จริ ง ที่ สุ ด เน่ืองจากลกั ษณะเด่นของการถ่ายทอดใน ภาพวาดเสน้ แบบเหมือนจริง รูปแบบน้ีกค็ ือความเหมือนจริงนน่ั เอง ผลงานของ วีระ สจั กลุ เป็นการวาดภาพทิวทศั น์เรือนแถวไมร้ ิมคลองอมั พวา จงั หวดั สมทุ รสงคราม

เ ป็ น ก า ร ว า ด เ ส้ น ท่ี เ กิ ด จ า ก ก า ร ๓.๒) แบบเหนือจริง สร้างสรรค์ด้วยวิธีการนารู ปทรงธรรมชาติมา ดดั แปลง ตดั ทอน เพิ่มเติม สร้างสรรคจ์ ินตนาการ เพื่อใหเ้ กิดรูปทรงใหม่ๆ แปลกตาผดิ ไปจากความ มีอยู่จริงท่ีเห็นไดใ้ นธรรมชาติ งานวาดเส้นแบบ เหนือจริงเป็ นความสามารถของศิลปิ นในการ ถ่ายทอดจินตนาการตามที่คิดฝัน หรือจากความ เชื่อความศรัทธาในเร่ื องเก่ียวกับนรก สวรรค์ ศิลปิ นจะสร้างสรรคภ์ าพดว้ ยเทคนิควิธีการอย่าง อิสระ และการจัดองค์ประกอบศิลป์ อย่างลงตัว ทาใหผ้ ดู้ ูเกิดอารมณ์ความรู้สึกคลอ้ ยตาม และเกิด จินตนาการคิดฝันไปตามภาพน้นั “น้า” ภาพวาดเสน้ แบบเหนือจริง ผลงานของถวลั ย์ ดชั นี ที่ศิลปิ นส่ือจินตนาการใหอ้ อกมาเป็นภาพที่ดูมีพลงั หนกั แน่น

๓.๓) แบบนามธรรม การสร้างสรรคภ์ าพวาดเส้นแบบนามธรรม เป็ นพฒั นาการของศิลปิ น เม่ือมีความรู้ความสามารถและทกั ษะในดา้ นเส้นในรูปแบบต่างๆ ที่เราควรฝึ ก จนคล่องมือ เพื่อประโยชน์สาหรับนามาใชใ้ นการออกแบบการวาดภาพแบบ เหมือนจริงแลว้ ก็มกั จะสนใจในการหลีกหนีจากความซ้าซากจาเจท่ีคิดว่าเป็ น ความธรรมดาจากธรรมชาติ จึงสร้างสรรค์ผลงานของตนออกจากกฎเกณฑ์ แสวงหาสิ่งใหม่ๆแนวทางสร้างสรรคท์ ่ีศิลปิ นคน้ หาจะพยายามให้หลุดพน้ จาก รูปทรงธรรมชาติท่ีสื่อความหมายชดั เจน

ผลงานวาดเส้นแบบนามธรรม ของ ประเทือง เอมเจริญ ท่ีสื่ออารมณ์ ความรู้สึก แงค่ ิดสอดแทรกไวใ้ นผลงาน เปล่ียนเป็ นเน้นการแสดงออกท่ีรูปทรงท่ีไม่มีเรื่องราว ใช้เส้นและ รูปทรงแทนความรู้สึกในการแสดงออก เช่น รูปทรงเรขาคณิตหรือรูปทรงอิสระ อ่ืนๆ มาสร้างสรรค์ให้เกิดความงามอย่างสมบูรณ์ตามหลกั องคป์ ระกอบศิลป์ ศิลปะการวาดเสน้ แบบนามธรรมเป็ นงานสร้างสรรคท์ ่ีส่ือความรู้สึกและอารมณ์ ตลอดจนจินตนาการดว้ ยเสน้ และรูปทรงใหผ้ ดู้ ูไดร้ ับรู้

๔) เทคนคิ การวาดเส้น การวาดภาพถือเป็ นทักษะสาคัญในการทางานจิตรกรรมและ ทศั นศิลป์ สาขาอื่น ก่อนการวาดเส้น ผศู้ ึกษาควรฝึ กทกั ษะการใช้มือในการ วาดเส้นให้คุน้ เคยกบั การลากเส้นในลกั ษณะต่างๆ เช่น เส้นแนวตรงแนว เฉียง แนวโคง้ จนรู้วา่ เส้นแต่ละแบบควรวาดอยา่ งไรจึงจะงาม โดยการจบั ดินสอหรือปากกาการขยบั ขอ้ มือและแขนในขณะวาดเส้น เพื่อใหเ้ กิดความ เคยชินและคุน้ เคย

ในการสร้างสรรคผ์ ลงานวาดเสน้ ในรูปแบบเหมือนจริง รูปแบบเหนือ จริ ง และรูปแบบนามธรรม ท้ัง ๓ รูปแบบมีความแตกต่างกันในวิธีการ สร้างสรรค์ กล่าวคือ การวาดเส้นรูปแบบเหนือจริงและรูปแบบนามธรรม เป็ น การสร้างสรรคง์ านที่อิสระของศิลปิ น สามารถคิดฝันและใชจ้ ินตนาการไดอ้ ยา่ ง ไร้ขอบเขต ตลอดจนเทคนิคการใชเ้ ส้นและการจดั องค์ประกอบศิลป์ มีความ หลากหลาย แปลกตา ตามความคิดของศิลปิ น ส่วนการวาดเส้นในรูปแบบ เหมือนจริงน้นั ผสู้ ร้างสรรคจ์ ะตอ้ งสร้างสรรคง์ านเหมือนธรรมชาติหรือส่ิงที่เป็ น แบบในการวาด นอกจากน้ียงั ตอ้ งคานึงถึงเรื่องของแสงเงา ซ่ึงเป็ นทศั นธาตุใน การวาดภาพเพ่ือใหร้ ูปทรงที่วาดดูเป็ นจริงตามธรรมชาติมากท่ีสุด

การวาดเส้นรูปแบบเหมือนจริง หมายถึง การสร้างสรรคผ์ ลงานวาดเส้น จากส่ิงต่างๆในธรรมชาติตามที่สายตามองเห็น ซ่ึงจะครอบคลุมทศั นธาตตุ า่ งๆ เช่น รูปร่าง รูปทรง ขนาดสัดส่วน พ้ืนผิว แสงเงา ที่วา่ ง เป็ นตน้ แต่ส่ิงสาคญั ในการ สร้างสรรคภ์ าพใหเ้ หมือนจริงก็คือ การสร้างน้าหนกั และเงาใหถ้ ูกตอ้ ง และแสดง สดั ส่วนของวตั ถุตามแบบของจริงท่ีเห็น การวาดเส้นรูปแบบเหมือนจริงท่ีแสดงแสงเงามีวิธีง่ายๆ ด้วยการใช้ ดินสอดาแรเสน้ เงาของภาพน้นั

การแรเส้นเงา (Hatching) คือ การสร้างเงาในภาพ เพ่ือให้ภาพวาดมีแสงเงา เป็ นการถา่ ยทอดเงาดว้ ยเสน้ ที่ลากขนานกนั ถ่ีๆ ความถ่ีห่างหรือความหนาบางของเสน้ เป็ นส่ิงท่ีระบุถึงความมืดสวา่ งของเงาในผลงานวาดเสน้ ภาพวาดท่ีมีแสงเงาทาให้ดูมี ความลึก มีระยะใกลไ้ กล และดูมีปริมาตร เป็ นการเปลี่ยนแปลงค่ารูปร่างท่ีมีลกั ษณะ ๒ มิติใหเ้ ป็ นรูปทรงที่มีคา่ เป็ น ๓ มิติ

ในการวาดเสน้ ตอ้ งร่างภาพเสียก่อน การร่างภาพเป็ นจุดเริ่มตน้ ของ กระบวนการสร้างสรรคท์ างศิลปะ ศิลปิ นส่วนใหญ่จะร่างภาพเพื่อถ่ายทอดส่ิง ที่ตนคิดออกมาให้เป็ นรูปธรรมที่สมบูรณ์ แลว้ จึงลงเส้นหรือแรเส้นเงาให้ สาเร็จเป็ นผลงาน

ในการวาดเส้นผู้ฝึ กปฏิบัติจะต้องศึกษาโครงสร้างของรูปทรงท่ี อยู่ ตรงหนา้ จากน้นั จึงร่างภาพให้ถูกตอ้ ง ก่อนจะแรเงาเป็ นภาพท่ีเสร็จสมบูรณ์ เป็ น การฝึ กฝนกระบวนการวาดเสน้ ต้งั แต่ใชต้ ามอง ส่งขอ้ มูลสู่สมอง สมองแปลความ ภาพที่เห็น แลว้ จึงสง่ั การใหม้ ือลากเสน้ ลงบนกระดาษการวาดเสน้ นอกจากจะเป็ น การสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะแลว้ ยงั สามารถนาเทคนิควาดเส้นไปใชใ้ นงาน พาณิชยศิลป์ เช่น งานเขียนภาพประกอบเร่ือง ภาพการ์ตูน ภาพลอ้ เลียนไดด้ ว้ ย

๒. การสร้างสรรค์ผลงานทศั นศิลป์ ประเภทประตมิ ากรรม การสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศิลป์ ดว้ ยการลงมือปฏิบตั ิ เป็ นการแสดงให้ เห็นถึงทกั ษะและศกั ยภาพของผเู้ รียนทางดา้ นการรับรู้ทางทศั นศิลป์ และเทคนิค วธิ ีการในการใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ผา่ นผลการลงมือปฏิบตั ิการจริง โดยมีตวั อยา่ งการ สร้างสรรคผ์ ลงานประติมากรรม ดงั น้ี ๒.๑ เทคนคิ การสร้างสรรค์ผลงานประเภทสื่อผสมแบบสามมติ ิ ๑) ความเข้าใจในลกั ษณะของการสร้างงานส่ือผสมแบบสามมติ ิ ส่ือผสม (Mixedmedia) หมายถึง ผลงานทศั นศิลป์ ที่เกิดข้ึนจากการนา ผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์หรือจากการวาดเส้น โดยใช้วสั ดุ หลายๆ แบบ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ หรือวิธีต่างๆ เพ่ือสร้างความผสมกลมกลืน ดว้ ยการสร้างสรรค์ จนไมส่ ามารถระบุไดว้ า่ เป็ นงานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงโดยเฉพาะ

หรือหมายถึง ผลงานทศั นศิลป์ ท่ีมีการผสมผสานกับส่ือที่เกี่ยวกบั ดนตรี ลีลาในการเคลื่อนไหวและสิ่งแวดลอ้ มต่างๆ เป็ นตน้ โดยสามารถรับรู้ ความงามไดจ้ ากประสาทสมั ผสั ท้งั ๕ ของมนุษย์ การสร้างงานแบบสื่อผสมแบบสามมิติ เป็ นการทางานดว้ ยการอาศยั ส่ือ วสั ดุตา่ งๆ จากธรรมชาติ ท้งั ท่ีเกิดข้ึนเองและมนุษยส์ ร้างข้ึน มีจานวนหลาย ประเภทที่นามาสร้างเป็ นผลงานแบบสามมิติ พร้อมกบั อาศยั เทคนิค วิธีการ และกลวิธีทางประติมากรรม เช่น การป้ัน การประกอบการปะติด เช่ือมต่อ เป็ นตน้ กลวิธีทางจิตรกรรม เช่น การเขียนภาพระบายสี หรือเทคนิคอื่นๆ เขา้ มาผสมผสานเพ่อื ใหเ้ กิดเป็ นผลงานทศั นศิลป์ ในอีกสาขาหน่ึง

สภาวะสุนทรีย์ หมายเลข ๒ ผลงานของ ธงชยั รักปทุม เทคนิคสื่อผสม ซ่ึงผลงานมีความเรียบง่ายไม่ซบั ซอ้ น แตด่ ูสวยงาม

๒) ส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์ในการสร้างงานส่ือผสมแบบสามมติ ิ เป็ นส่ือวสั ดุจากธรรมชาติท้ังจากที่เกิดข้ึนเอง เช่น กิ่งไม้ ใบไม้ ตน้ หญา้ เปลือกหอย เป็ นตน้ และจากสิ่งของเหลือใชอ้ ื่นๆ เช่น กระดาษ ขวด กระป๋ อง กลอ่ ง เป็ นตน้ พร้อมกบั อุปกรณ์การปฏิบตั ิงาน เช่น คตั เตอร์ ไมบ้ รรทดั สีโปสเตอร์ สีน้า กาวลาเท็กซ์ เป็ นตน้ ๓) การรับรู้สู่การพฒั นาผลงาน การสร้างงานส่ือผสมแบบสามมิติ ก่อนอื่นผสู้ ร้างสรรคผ์ ลงานจะตอ้ ง มีแนวคิดในเบ้ืองตน้ วา่ “ต้องการจะสร้ างงานแบบใด” “ด้วยวิธีการใด” และ “ใช้วัสดุอุปกรณ์อะไรบ้าง” คาถามดงั กล่าวคลา้ ยเป็ นโจทยใ์ ห้ผูส้ ร้างงานฝึ ก ทกั ษะในการคิดการวิเคราะห์เพ่ือจดั ลาดับประสบการณ์ และกระบวนการ ทางานใหม้ ีความสอดคลอ้ งกนั ไปตามลาดบั ต้งั แต่ข้นั เริ่มตน้ จนไปถึงข้นั ตอนท่ี ผลงานเสร็จสมบูรณ์ตามแบบท่ีกาหนดไว้

ผลงานในชุดสภาวะสุนทรียข์ อง ธงชยั รักปทุม ที่ศิลปิ นนาเอาของเล่น ชนิดต่างๆ ท่ีพบเห็นไดร้ อบตวั นามาสร้างสรรคเ์ ป็ นผลงานสื่อผสมแบบสามมิติ ท่ี ดูแลว้ มีชีวติ ชีวา สนุกสนาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook