Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การบริหารงานคุณภาพในองค์การ

การบริหารงานคุณภาพในองค์การ

Published by Kru_Winnie, 2017-09-21 05:26:42

Description: การบริหารงานคุณภาพในองค์การ บทที่ 1-14

Search

Read the Text Version

การบริหารงานคุณภาพในองคก์ าร

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 หนว่ ยท่ี 1 ช่ือวิชา การบริหารงานคุณภาพในองค์การ (Quality เวลาเรียนรวม 54 Administration in Organization) รหสั วชิ า 3001 – 1001 คาบ ชือ่ หน่วย การจดั องค์การ สอนครง้ั ที่ 1–2 /18ชอ่ื เร่ือง การจัดองค์การ จานวน 6 คาบหัวข้อเรื่อง 1. ความหมายของการจดั องค์การ 2. ทฤษฎอี งคก์ าร 3. ประเภทขององค์การ (Types of Organization) 4. หลกั การจดั องค์การ 5. กระบวนการจดั องคก์ าร (Process of Organizing) 6. การจดั โครงสร้างขององคก์ าร (Organization structure) 7. การจัดแผนกงาน (Department) 8. แผนภมู อิ งค์การ (Organization charts) 9. อานาจหนา้ ทีแ่ ละความรับผดิ ชอบ (Authority and Responsibility) 10. การมอบหมายงาน (Delegation)แนวคิดสาคญัองค์การเปน็ กล่มุ ขนาดใหญ่ เปน็ การรวมบุคคลเพื่อทากิจกรรม และใหบ้ ริการ โดยการแบ่งสนั ปันส่วนกนัทางาน เพื่อให้บรรลุเปา้ หมายขององค์การทตี่ ั้งไว้ หลกั ขององค์การได้แก่ ความชานาญงาน สายการบงั คับบัญชา ขอบขา่ ยการควบคุมและการจัดลาดบั งาน ซึง่ องค์การโดยทั่วไปจะมีหน้าที่ใหบ้ ริการ สรา้ งผลผลติ ใหม้ ีคุณภาพ และมีการทางานอย่างมีประสทิ ธภิ าพ และมีการขยายงาน ระดมทรัพยากรตา่ งๆ และมรี ะเบียบวินยัทว่ี างไว้ เพอ่ื ให้องคก์ ารประสบความสาเรจ็ ในการบรหิ ารงาน ผลผลิตหรือบรกิ ารเกิดประสิทธิภาพ และมีประสทิ ธิผลสมรรถนะย่อย (Element of Competency) 1.แสดงความรคู้ วามรเู้ กี่ยวกับองค์กรและการจัดองค์การได้ 2.วางแผนการจัดองค์การตามหลกั การ

จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม ดา้ นความรู้ 1. บอกความหมายความหมายของการจดั องคก์ ารและทฤษฎีองค์การได้ 2. อธบิ ายประเภทขององคก์ าร (Types of Organization) และหลกั การจดั องค์การได้ 3. เปรียบเทียบการจัดโครงสรา้ งขององค์การ (Organization structure)ได้ 4. ระบลุ าดบั ขนั้ วธิ ีการการจัดแผนกงาน(Department)ได้ 5. บอกประโยชนข์ องการมอบหมายงาน (Delegation) และ อานาจหนา้ ท่แี ละความรบั ผดิ ชอบ (Authority and Responsibility)ได้ ด้านทักษะ 1. แจกแจงประเภทขององคก์ าร (Types of Organization)ได้ 2. อธบิ ายความแตกต่างของการจดั โครงสรา้ งขององคก์ าร (Organization structure)ได้ 3. อธิบายรายละเอียดของแผนภูมอิ งคก์ าร(Organization charts) ได้ ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม/บรู ณาการเศรษฐกจิ -พอเพยี ง 1. เห็นคณุ คา่ ของความมวี นิ ัยในการทางาน 2. เห็นความสาคญั ของการพฒั นาตวั เองให้พรอ้ มในการเข้าไปอยูใ่ นองค์การ 3. ตระหนักในเร่ืองการตรงต่อเวลา มีวินยั มคี วามรบั ผิดชอบ ละเอยี ดรอบคอบ นามาเปน็ แนวทางในการดาเนนิ ชวี ิตได้เนอ้ื หาสาระ 1. ความหมายของการจัดองคก์ าร องคก์ าร คอื กลุ่มบุคคล แต่เปน็ กลุ่มทีค่ ่อนข้างใหญ่ และมีลักษณะเฉพาะท่ีมีจดุ มุ่งหมายในการดาเนนิ การอยา่ งใดอย่างหนึง่ โดยกล่มุ บคุ คลน้จี ะมสี ิ่งยดึ เหนยี่ วร่วมกนั และรว่ มแรงร่วมใจกันทางานเพ่ือบรรลเุ ปา้ หมายทไ่ี ดว้ างไว้ องคก์ ารจงึ มีลกั ษณะดังนี้ 1. องค์การเป็นรปู แบบของการรวมบุคคล 2. มีความสมั พันธ์ทีจ่ ะทากิจกรรมอย่างใดอยา่ งหนึง่ ร่วมกนั 3. มกี ารแบ่งงาน จดั สรรหน้าทใ่ี ห้สมาชิกในองคก์ าร 4. มีโครงสรา้ งขององการในลกั ษณะของการบงั คบั บญั ชา 5. มกี ารยอมรบั ในสังคม ตามระเบยี บแบบแผน ประเพณี หรอื กฎหมาย

2. ทฤษฎอี งค์การ ทฤษฎอี งค์การอาจแบ่งได้เปน็ 3 ทฤษฎีดว้ ยกันคือ 1. ทฤษฎดี ัง้ เดมิ (Classical organization theory) 2. ทฤษฎสี มัยใหม่ (Neo-Classical organization theory) 3. ทฤษฎีสมยั ปัจจุบนั (Modern organization theory) 3. ประเภทขององค์การ (Types of Organization) ในการแบ่งประเภทขององค์การนั้น ขึน้ อยู่กับจดุ มงุ่ หมายขององค์การว่าเปน็ อย่างไร ซึ่งมลี ักษณะการดาเนนิ งานท่แี ตกตา่ งกัน โดยสามารถแบ่งประเภทองคก์ ารได้ ดังน้ี 1. การแบง่ องค์การตามความต้องการของบุคคล 2. การจาแนกองคก์ ารโดยยึดโครงสรา้ ง แบง่ ออกเป็น 2 แบบ 3. การแบ่งองค์การตามจดุ มุ่งหมายขององค์การ 4. หลักการจัดองคก์ าร หลกั การจัดองค์การ OSCAR ของ Henri Fayol มาจากคาวา่ Objective,Specialization, Coordination, Authority และ Responsibility ซง่ึ Fayol ไดเ้ ขยี นหลกั ของการจัดองค์การไว้ 5 ขอ้ เม่ือนาเอาตัวอักษรตัวแรกของคาท้งั 5 มาเรยี งต่อกนั จะทาใหส้ ะกดได้คาว่า OSCAR สาหรับรายละเอียด ท้ัง 5 คาจะขอกล่าวไวใ้ น \" หลกั ในการจัดองค์การท่ีดี \" 5. กระบวนการจดั องคก์ าร (Process of Organizing) ประกอบด้วย กระบวนการ 3 ขนั้ ดงั น้ี 1. พิจารณาแยกประเภทงาน จัดกลุ่มงาน และออกแบบงานสาหรบั ผ้ทู างานแตล่ ะคน (Identification of Work & Grouping Work) 2. ทาคาบรรยายลักษณะงาน (Job Description & Delegation of Authority & Responsibility) 3. จัดวางความสัมพนั ธ์ (Establishment of Relationship) 6. การจดั โครงสร้างขององค์การ (Organization structure) การจัดโครงสรา้ งขององคก์ ารมีหลายแบบ ซึ่งแตล่ ะแบบก็มขี ้อดีขอ้ เสยี ในตัวของมันเอง ฉะนน้ั การที่ผบู้ ริหารจะวางแนวในการจัดโครงสรา้ งนั้น อาจจะต้องพจิ ารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกนัอย่างไรก็ตามการจัดโครงสร้างขององคก์ ารสามารถแบง่ แยกออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภทดงั น้ี 1. โครงสร้างองค์การตามหน้าทีก่ ารงาน (Functional Organization Structure) 2. โครงสร้างองค์การตามสายงานหลัก (Line Organization Structure) 3. โครงสร้างองค์การแบบคณะทป่ี รกึ ษา (Staff Organization Structure) 4. โครงสร้างองค์การแบบคณะกรรมการบรหิ าร (Committees OrganizationStructure)

5. โครงสร้างองค์การงานอนุกรม (Auxiliary) 7. การจดั แผนกงาน (Department) การจดั แผนกงาน หมายถึง การรวมกลุ่มกิจกรรมตา่ ง ๆ เข้าด้วยกนั โดยการรวมกิจกรรมท่ีคล้ายกัน และเหมาะสมท่ีจะนามาปฏิบตั ิ ในกลุม่ เดยี วกนั เข้าไว้ด้วยกนั เป็นกลมุ่ แผนก หรอื หน่วยงาน 8. อานาจหนา้ ทแี่ ละความรับผิดชอบ (Authority and Responsibility) ในการจดั องคก์ ารจะสามารถจัดการได้อยา่ งเหมาะสม เมอ่ื มกี ารแบ่งงานกันตามหน้าทีท่ ่ีไดร้ บั มอบหมาย และทกุ คนรู้จักงานและหนา้ ท่ีของตน ปฏิบตั งิ านภายในขอบเขตทีอ่ งค์การมอบหมายมา แต่งานที่ดาเนินการจะสามารถสัมฤทธ์ผิ ลได้ก็ตอ่ เมอื่ ผู้บรหิ ารทม่ี อี านาจในการมอบหมายอานาจหนา้ ทนี่ ั้นจะต้องกาหนดความรบั ผิดชอบของบุคคลแต่ละคนในการปฏิบัตงิ านอีกด้วย 9. การมอบหมายงาน (Delegation) การมอบหมายงาน หมายถึง การทผ่ี บู้ งั คบั บัญชาได้กาหนดความรบั ผิดชอบและอานาจหน้าท่ี (Assignment of Responsibility and Authority ) หรือเป็นการกระจายงานในหนา้ ท่ี ความรับผิดชอบ (Responsibility) และให้อานาจในการตัดสนิ ใจ (Authority) ภายในขอบเขตทกี่ าหนดให้ผรู้ ่วมงานหรือผูใ้ ตบ้ ังคับบัญชาไปปฏบิ ัติส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือหนังสอื เรยี น วชิ าการบรหิ ารงานคุณภาพในองคก์ าร(Quality Administration in Organization) หนว่ ยที่1 2. แบบฝกึ หัด ใบกจิ กรรมของหนว่ ยท่ี 1 3. แบบทดสอบและแบบประเมินพฤติกรรม หน่วยที่ 1 4. แหลง่ สบื คน้ ขอ้ มลู หอ้ งสมดุ วทิ ยาลยั ศนู ย์วทิ ยบริการ หอ้ ง Internetกิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ท่ี 1/18 คาบที่ 1–3/54) ขั้นเตรียม 1. ครขู านช่อื ผู้เรียน 2. ครูแนะนารายวชิ า วธิ กี ารเรียนการสอน การวัดผลและประเมนิ ผล ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น 3. ครใู หผ้ ู้เรียนทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยท่ี 1 4. ครตู ง้ั คาถามเพ่อื นาเขา้ ส่บู ทเรียนเรอื่ ง การจัดองคก์ าร 5. ผู้เรยี นตอบคาถามที่ครูถาม ขนั้ เรียนรู้ 6. ครอู ธิบาย ถาม-ตอบในหวั ขอ้ การจดั องคก์ าร 7. ครใู หผ้ ู้เรียนทาแบบฝกึ หัดหน่วยที่ 1 8. ครใู หผ้ ู้เรยี นจับกลมุ่ ปฏิบัตกิ ิจกรรมท่ี 1.1

9. ครแู ละผู้เรยี นร่วมกนั เฉลยแบบฝกึ หดั และกิจกรรมขั้นสรปุ 10. ครูสรปุ เน้อื หาสาระสาคัญในบทเรียนกิจกรรมการเรยี นรู้ (สัปดาห์ที่ 2/18 คาบท่ี 4–6/54) (ต่อ) ขัน้ เตรยี ม 1. ครูขานชอ่ื ผู้เรยี น 2. ครูทบทวน ใหข้ อ้ มูลย้อนกลบั ในหวั ข้อในเรื่องการจัดองคก์ าร ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น 3. ครตู ้งั คาถามเพ่ือนาเข้าสบู่ ทเรียนเรอ่ื งการจัดองคก์ าร 4. ผู้เรยี นตอบคาถามทค่ี รถู าม ขั้นเรยี นรู้ 5. ครูอธิบาย ถาม-ตอบในหัวขอ้ การจดั องคก์ าร 6. ครูใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และรว่ มกันเฉลย ขน้ั สรปุ 7. ครสู รปุ เนื้อหาสาระสาคญั ในบทเรยี นและมอบหมายงานการวัดผลและประเมินผล การวัดผล การประเมินผล (ใช้เครอื่ งมือ) (นาผลเทยี บกับเกณฑ์และแปลความหมาย)1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยท่ี 1 (ไว้เปรียบเทียบกบั คะแนนสอบหลังเรยี น)2. แบบสงั เกตการทางานกลุ่มและการนาเสนอผลงานกลมุ่ เกณฑผ์ ่าน 60%3. แบบฝึกหดั ในหน่วยที่ 1 เกณฑ์ผ่าน 50%4. แบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หน่วยที่ 1 เกณฑผ์ ่าน 50%5. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพจรงิ เกณฑ์ผา่ น 60%งานทมี่ อบหมาย ให้ผู้เรยี นทาแบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ 1 และกจิ กรรมให้สมบรู ณส์ ่งในคร้ังต่อไปผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสาเรจ็ ของผู้เรียน 1. คะแนนจากแบบฝึกหัดในหน่วยที่ 1 2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หนว่ ยที่ 1

3. ผลจากการปฏิบตั ิตามใบกิจกรรมเอกสารอ้างอิง 1. หนงั สอื เรยี น วิชาการบริหารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บริษทั ศนู ยห์ นังสือเมืองไทย 2. เวบ็ ไซตแ์ ละสอื่ สง่ิ พมิ พ์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เนื้อหาบทเรยี น 3. การอ้างองิ ตามบรรณานุกรมของหนังสอื เรียน วิชาการบริหารงานคุณภาพในองคก์ าร (Quality Administration in Organization)

บนั ทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................................................ ................................................................................................................................................. ................................................. 2. ผลการเรียนของนกั เรยี น/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาที่พบ............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................. 3. แนวทางการแก้ปัญหา............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... .................................................ลงชื่อ............................................... ลงชอ่ื ...............................................(...............................................) (.............................................) ครูผู้สอน ตัวแทนนักเรยี น

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 หน่วยที่ 2 ช่อื วิชา การบรหิ ารงานคุณภาพในองคก์ าร (Quality เวลาเรยี นรวม 54 คาบ Administration in Organization) รหสั วชิ า 3001 – 1001 สอนครัง้ ท่ี 3 /18 ชอ่ื หน่วย การเพิ่มประสทิ ธภิ าพขององค์การ จานวน 3 คาบช่อื เรือ่ ง การเพิ่มประสิทธภิ าพขององค์การหัวข้อเรอ่ื ง 1. ความหมายของการเพิ่มประสิทธภิ าพในองค์กร 2. พฤตกิ รรมในองค์กร 3. แนวคดิ พืน้ ฐานเก่ยี วกบั พฤตกิ รรมองค์การ 4. ความหมายของพฤติกรรมองคก์ าร 5. ความสาคัญของพฤติกรรมองคก์ ารแนวคิดสาคัญ การเพม่ิ ประสิทธภิ าพในองคก์ ร เปน็ ความพยายามในการพฒั นา ปรบั ปรงุ เปล่ียนแปลง หรือหาแนวทางใหม่ ๆ โดย เพิ่มความสามารถ ในการใช้ทรพั ยากรต่างๆ ในองค์กร ใหเ้ กดิ คณุ ค่า และประโยชน์สงู สดุ ท้ังนี้ ต้องเปรียบเทยี บ กับ ผลของงานท่ีเกดิ ขน้ึรวมถงึ การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการใช้ ทรพั ยากร ซึ่งประกอบด้วย คน เงนิ ทนุ วัตถุดบิ วสั ดอุ ปุ กรณ์เคร่อื งมอื เคร่ืองจักร เทคโนโลยี และจะต้องใชก้ ลยุทธม์ ากมาย หลากหลายวิธี เก่ียวกับ วฒั นธรรมองคก์ รการจูงใจการทางาน การวิเคราะหง์ านการฝกึ อบรมการติดต่อสอื่ สารในองคก์ ร ซง่ึ องค์กรจะตอ้ งมกี ารศกึ ษาและนามาใช้ใหถ้ กู ต้อง เหมาะสมกบั องค์กร นอกจากนยี้ ังเปน็ เร่ืองของความตอ้ งการท่จี ะใหอ้ งค์กรมกี ารเปล่ียนแปลงในทศิ ทางทกี่ ้าวหน้าข้นึ ในอนาคต โดยใชค้ วามรทู้ างด้านการบรหิ ารและการบริหารทรพั ยากรมนษุ ยป์ ระยกุ ต์เป็นหลกั และทิศทางที่ก้าวหน้าขององคก์ รในอนาคต เปน็ ระบบที่องค์กรไดจ้ ัดรูปแบบให้เอ้ืออานวยต่อการพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์และสร้างกลมุ่ ทางานทม่ี ีประสทิ ธิภาพให้ทางานอยา่ งมีประสทิ ธผิ ลให้กบั องค์กรสมรรถนะย่อย (Element of Competency) 1. แสดงความรเู้ กย่ี วกับการวางแผนพัฒนาประสทิ ธิภาพในองค์กร 2. วางแผนการเพิม่ ประสิทธิภาพขององค์การตามหลักการจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ด้านความรู้ ผู้เรียนสามารถ 1. อธิบายความหมายและความสาคญั ของการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร 2. อธิบายความหมายของพฤตกิ รรมองค์การได้ 3. แจกแจงแนวคดิ พื้นฐานเกี่ยวกับพฤตกิ รรมองค์การได้

4. อธิบายความสาคัญของพฤติกรรมองคก์ ารได้ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ผ้เู รยี นสามารถ 1. บอกความหมายของการเพ่ิมประสิทธิภาพในองคก์ รได้ 2. อธิบายพฤติกรรมในองค์กรได้ 3. บอกแนวคิดพ้ืนฐานเกี่ยวกบั พฤตกิ รรมองค์การได้ ดา้ นคณุ ธรรมและค่านิยมทพ่ี ึงประสงค์ 1. มีพฤติกรรมในการทางานได้อย่างเหมาะสมกบั ตนเองและองคก์ ร 2. แสดงพฤตกิ รรมท่ดี ใี นการทางาน 3. มเี จตคติและกิจนิสัยทด่ี ีในการพัฒนาตนและมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาองคก์ รเนอ้ื หาสาระ 1. ความหมายของการเพิ่มประสทิ ธภิ าพในองคก์ ร ความหมายของการเพิม่ ประสทิ ธภิ าพในองค์กร คอื ความต้องการที่จะให้องค์กรมกี ารเปลี่ยนแปลงในทศิ ทางท่ีก้าวหนา้ ข้นึ ในอนาคต โดยใช้ความร้ทู างด้านการบริหารและการบริหารทรพั ยากรมนุษยป์ ระยุกต์เป็นหลักและทศิ ทางที่ก้าวหนา้ ขององค์กรในอนาคต เปน็ ระบบที่องค์กรไดจ้ ดั รปู แบบให้เอื้ออานวยต่อการพฒั นาทรัพยากรมนษุ ย์ และสรา้ งกลุม่ ทางานทม่ี ีประสทิ ธิภาพใหท้ างานอยา่ งมปี ระสิทธผิ ลให้กับองค์กร 2. พฤตกิ รรมในองคก์ ร พฤตกิ รรมองคก์ าร เปน็ การศกึ ษาการกระทาของบุคคลในองค์การ และผลกระทบของพฤติกรรมต่อการแสดงออกขององคก์ าร พฤติกรรมองค์การจะเกดิ จากวิชาตา่ ง ๆ โดยมีพื้นฐานของการวจิ ยัเปน็ กรอบในการวเิ คราะห์ และแก้ปัญหา การศึกษาพฤติกรรมองค์การ จะทาความเข้าใจเกี่ยวกับองค์การและความเปลยี่ นแปลงต่อความอยรู่ อดขององค์การในอนาคต สง่ ผลให้บุคคลสามารถปรบั ตัวไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและสามารถนาพาองคก์ ารให้ประสบความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ทีว่ างไว้ 3. แนวคิดพ้ืนฐานเกยี่ วกบั พฤติกรรมองคก์ าร การศกึ ษาเรอื่ งพฤติกรรมองค์การมีความจาเปน็ ท่เี ราจะต้องเขา้ ใจความหมายของคาว่า“พฤติกรรมของมนษุ ยใ์ นองค์การ” (Human Behavior in Organization) และ “พฤตกิ รรมองค์การ”(Organization Behavior) เสยี ก่อนวา่ มคี วามแตกต่างกนั หรอื ไม่อยา่ งไร 4. ความหมายของพฤตกิ รรมองคก์ าร ความหมายพฤติกรรมองค์การ คือ การศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในองค์การอย่างเปน็ระบบ ทง้ั พฤตกิ รรมระดบั บุคคล กลมุ่ และองค์การ โดยใชค้ วามรู้ทางพฤติกรรมศาสตร์ ซง่ึ ความรู้ท่ีได้สามารถนาไปใชใ้ นการเพ่ิมผลผลิตและความพึงพอใจของบุคลากร อันนาไปสู่การเพ่ิมประสทิ ธิผลขององค์การในภาพรวม

5. ความสาคัญของพฤติกรรมองค์การ ผูบ้ รหิ ารในยุคแรก ๆ มองบุคคลวา่ เป็นปัจจยั การผลติ อยา่ งหน่ึงเช่นเดียวกับเคร่ืองจกั รเคร่อื งกล ต่อมาได้มีความพยายามท่ีจะเพิม่ ประสิทธิภาพใหค้ นทางานไดม้ ากข้ึน เร็วขึ้น โดยการจูงใจดว้ ยเงนิและวัตถุเปน็ หลกั ที่เรียกวา่ “การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์” แต่พบว่า วธิ ี การใหค้ วามสาคัญกับมนุษยสมั พันธ์ไมไ่ ดค้ าตอบทด่ี ีกับการบริหาร จงึ มกี ารใชว้ ิธกี ารศึกษาทางพฤติกรรมศาสตร์ ทท่ี าให้เข้าใจพฤติกรรมของมนษุ ยท์ ี่อยู่ภายใตส้ ภาพแวดล้อมขององค์การ อันเป็นทีม่ าของการศกึ ษาพฤติกรรมองคก์ าร ซง่ึ การศึกษาดงั กลา่ ว มีอิทธิพลอยา่ งมากต่อแนวคดิ การบรหิ ารในปัจจุบัน เน่อื งจากการบรหิ ารเปน็ กระบวนการทางานให้สาเร็จโดยใช้บคุ คลอื่น พฤติกรรมของบุคคลในองคก์ ารจึงมีความสาคัญต่อการเพิม่ ผลผลิตและประสิทธิผลขององค์การสอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื หนังสอื เรียน วชิ าการบรหิ ารงานคณุ ภาพในองคก์ าร(Quality Administration in Organization) หนว่ ยท่ี2 2. แบบฝึกหัด ใบกิจกรรมของหนว่ ยที่ 2 3. แบบทดสอบและแบบประเมินพฤติกรรม หน่วยท่ี 2 4. แหลง่ สบื ค้นขอ้ มูลห้องสมดุ วิทยาลัย ศูนยว์ ิทยบรกิ าร ห้อง Internetกิจกรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาห์ท่ี 3/18 คาบที่ 7–9/54) ข้นั เตรียม 1. ครขู านชอ่ื ผเู้ รียน 2. ครูตรวจสอบความพร้อม ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรยี น 3. ครูใหผ้ เู้ รยี นทดสอบก่อนเรยี น หน่วยที่ 2 4. ครตู ั้งคาถามเพอ่ื นาเข้าสู่บทเรียนเรื่องการเพิ่มประสิทธภิ าพขององค์การ 5. ผ้เู รียนตอบคาถามทคี่ รูถาม ข้ันเรียนรู้ 6. ครูอธิบาย ถาม-ตอบในหวั ขอ้ ความหมายและความสาคัญของการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพขององค์การ 7. ครใู หผ้ ู้เรยี นทาแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 2 8. ครใู หผ้ เู้ รียนจับกลมุ่ ร่วมอภิปรายเนอื้ หาบทเรียน 9. ครูและผู้เรยี นร่วมกันเฉลยแบบฝกึ หัดและกิจกรรม ขั้นสรปุ 10. ครูสรปุ เนื้อหาสาระสาคญั ในบทเรียน

การวดั ผลและประเมินผล การวัดผล การประเมินผล (ใช้เครื่องมือ) (นาผลเทยี บกับเกณฑ์และแปลความหมาย)1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยที่ 2 (ไวเ้ ปรยี บเทยี บกับคะแนนสอบหลงั เรยี น)2. แบบสงั เกตการทางานกลุ่มและการนาเสนอผลงานกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 60%3. แบบฝึกหดั ในหน่วยท่ี 2 เกณฑ์ผ่าน 50%4. แบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หน่วยท่ี 2 เกณฑผ์ า่ น 50%5. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพจรงิ เกณฑผ์ า่ น 60%งานทมี่ อบหมาย ให้ผู้เรียนทาแบบฝกึ หดั หน่วยที่ 2ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผูเ้ รียน 1. คะแนนจากแบบฝกึ หัดในหน่วยท่ี 2 2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยท่ี 2 3. ผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรมเอกสารอ้างอิง 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการบรหิ ารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บรษิ ัทศนู ยห์ นังสือเมืองไทย 2. เวบ็ ไซตแ์ ละส่ือสิ่งพมิ พ์ที่เกี่ยวขอ้ งกับเน้ือหาบทเรียน 3. การอ้างอิงตามบรรณานุกรมของหนังสือเรียน วิชาการบริหารงานคณุ ภาพในองค์การ (Quality Administration in Organization)

บันทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................. 2. ผลการเรยี นของนกั เรยี น/ผลการสอนของคร/ู ปญั หาท่ีพบ............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................. 3. แนวทางการแก้ปัญหา........................................................................................................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................ลงช่ือ............................................... ลงชือ่ ...............................................(...............................................) (.............................................) ครูผสู้ อน ตวั แทนนักเรยี น

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 3 หน่วยท่ี 3ชือ่ วิชา การบริหารงานคุณภาพในองคก์ าร (Quality เวลาเรยี นรวม 54Administration in Organization) รหสั วชิ า 3001 – 1001 คาบช่ือหน่วย วฒั นธรรมองค์การ (Organization Culture) สอนครง้ั ที่ 4 /18 ช่ือเรื่อง วัฒนธรรมองค์การ (Organization Culture) จานวน 3 คาบหัวข้อเร่ือง 1. ความหมายของวัฒนธรรมองค์การ 2. ความสาคญั ของวัฒนธรรมองค์การ 3. ประโยชนข์ องวัฒนธรรมองค์การ 4. องคป์ ระกอบสาคัญของวฒั นธรรมองค์กร 5. การสร้างสรรค์วฒั นธรรมองค์การ 6. ลกั ษณะของวัฒนธรรมทท่ี าให้องค์การเกิดประสิทธผิ ล 7. วฒั นธรรมองคก์ ารกบั การบริหารองค์การ 8. การพัฒนาวัฒนธรรมองคก์ ารให้เข้มแข็ง 9. ปัจจัยทเ่ี สริมสร้างวัฒนธรรมองคก์ าร 10.วัฒนธรรมท่เี ปน็ ตัวบ่งชคี้ วามสาเร็จและความลม้ เหลวขององค์การแนวคดิ สาคัญ วฒั นธรรมองค์การ เป็นวถิ ีชีวติ ทค่ี นกลุ่มใดกลุ่มหน่งึ ยดึ ถือปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กนั มา ซึ่งจะกลายเป็นนสิ ัยและความเคยชิน และกลายเปน็ ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีประพฤติปฏิบัติ ความเช่อื ค่านิยมรวมท้ังภาษาวัตถสุ ิ่งของต่าง ๆ วฒั นธรรมทาใหค้ นรวมตัวกันเป็นสังคม มีการอยู่รว่ มกันอย่างมีระเบียบ ผลของวัฒนธรรมจะออกมาในรูปจริยธรรม ตลอดจนคา่ นิยมท่ใี ช้ในการตัดสนิ ใจหรือวนิ ิจฉัยสั่งการ จรยิ ธรรมองค์การถือเปน็ สว่ นสาคัญท่จี ะทาให้การดาเนินงานขององค์การก้าวหน้าและส่งผลใหอ้ งค์การไดร้ ับความเชื่อถือจากสังคม ดังนัน้ องค์การทุกประเภทจึงจาเปน็ อย่างยิ่งท่ีจะตอ้ งนาจรยิ ธรรม หรือวฒั นธรรม มาใชใ้ นการบริหารและแก้ไขปัญหาองค์การอย่างถูกวธิ เี พอื่ ใหไ้ ด้รับความเช่ือถือ ภาพพจน์ที่ดี อนั นามาซึ่งชื่อเสยี ง เกยี รติยศและความกา้ วหน้า และการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในระยะยาวขององค์การสมรรถนะย่อย (Element of Competency) แสดงความรู้เกีย่ วกับวัฒนธรรมองคก์ าร

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ดา้ นความรู้ ผ้เู รียนสามารถ 1.บอกความหมายของวฒั นธรรมองคก์ ารได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 2.อธบิ ายความสาคญั ของวฒั นธรรมองค์การได้ 3. บอกประโยชน์ของวัฒนธรรมองค์การได้ 4.อธบิ ายองค์ประกอบสาคัญของวัฒนธรรมองค์กรได้ 5.บอกลักษณะของวัฒนธรรมท่ีทาให้องคก์ ารเกิดประสทิ ธผิ ลได้ 6.บอกปจั จัยทเ่ี สรมิ สรา้ งวัฒนธรรมองค์การได้ 7.แยกแยะวัฒนธรรมทเี่ ป็นตัวบ่งชค้ี วามสาเร็จและความล้มเหลวขององคก์ ารได้ 8.อธบิ ายวัฒนธรรมองค์การกับการบริหารองคก์ ารได้ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ผูเ้ รยี นสามารถ 1. สรา้ งมนษุ ยสมั พันธ์ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ 2. ปฏบิ ตั ติ ามวฒั นธรรมองค์การไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 3. พัฒนาวฒั นธรรมองค์การให้เข้มแข็งได้ ดา้ นคณุ ธรรมและค่านิยมทีพ่ ึงประสงค์ 1. เปน็ ผู้ มีความสุขุมรอบคอบ ชา่ งสงั เกตและรูจ้ ักคิด 2. มคี วามเขา้ ใจและเห็นความสาคญั ของวัฒนธรรมองค์การ 3. มคี วามมงุ่ มัน่ ในการพฒั นาตนเองและปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั วัฒนธรรมองค์การได้เนอ้ื หาสาระ 1. ความหมายของวัฒนธรรมองคก์ าร วฒั นธรรมองค์การ (Organizational culture) หรอื วัฒนธรรมบรษิ ทั (Corporateculture) หมายถึง แนวทางที่ได้ยดึ ถือปฏิบัตกิ นั ในองคก์ าร ซ่ึงวัฒนธรรมองค์การจะมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ทัศนคตแิ ละพฤติกรรมของสมาชกิ ในองค์การ 2. ความสาคัญของวฒั นธรรมองค์การ ความสาคญั ของวัฒนธรรมต่อองค์การ มี 3 ประการคือ 1. วฒั นธรรมองค์การสามารถกาหนดรูปแบบพฤตกิ รรมขององคก์ ารได้ 2. รูปแบบพฤติกรรมองคก์ ารที่เกดิ ขึ้นจากวฒั นธรรมองค์การอาจเป็นไดท้ ้ังปจั จัยเก้ือกูลหรอื อปุ สรรคต่อการดาเนนิ งานขององค์การ 3. จากผลงานการศกึ ษาของ พอล เบท และ เอ็มอีพี สลกิ แมน (Paul Bate and M.E.P. Seligman) พบวา่ วฒั นธรรมจะมอี านาจชักนาใหเ้ กิดภาวการณ์เรยี นร้ตู า่ ง ๆ ได้

3. ประโยชน์ของวัฒนธรรมองค์การ 1. ชว่ ยในการปรับตัวตอ่ สภาพแวดล้อมภายนอก (External adaptation) 2. ช่วยในการประสมประสานภายใน (Internal integration) 3. วฒั นธรรมองค์กรคือ สงิ่ ท่ีหล่อหลอมให้คนในองค์กรมแี ละเขา้ ใจกฎกติกาในการอยู่รว่ มกัน 4. วัฒนธรรมองคก์ รช่วยใหอ้ งค์กรบรรลุเป้าหมายขององคก์ รไดโ้ ดยง่าย 5. วฒั นธรรมองค์กร เปน็ สัญลกั ษณ์ อย่างหนงึ่ ของขององค์กร 4. องคป์ ระกอบสาคญั ของวัฒนธรรมองคก์ ร องคป์ ระกอบของวัฒนธรรมองคก์ รแตล่ ะแห่งก็มีความแตกต่างกนั ขน้ึ อยู่กับวิสัยทศั น์หรอื ทิศทางของบริษทั ตวั อย่างเช่น ในบริษทั ขนาดใหญท่ ่ีมีการร่วมห้นุ กับบรษิ ัทขา้ มชาติ มีเปา้ หมายองคก์ รท่ีจะเปน็ ผนู้ าในดา้ นใดด้านหน่งึ ในระดับนานาชาติ อาจจะต้องกาหนดวฒั นธรรมองคก์ รให้พนกั งานในองคก์ รพรอ้ มรบั ความเปลีย่ นแปลงและความท้าทายใหม่ๆ ตลอดเวลา และสง่ เสริมการเรียนร้ใู หก้ บั พนักงานอยา่ งเต็มที่ 5. การสร้างสรรค์วัฒนธรรมองค์การ การสร้างสรรคว์ ัฒนธรรมองค์การกเ็ หมือนกบั การสร้างสรรคผ์ ลิตภัณฑ์หรือบริการเพ่ือขายให้กบั ลูกค้า แต่แตกตา่ งกนั ที่กระบวนการของการสรา้ งสรรค์ วฒั นธรรมองค์การคอื กระบวนการทแ่ี ท้จริงในการเชื่อมโยงค่านิยมเชงิ กลยุทธ์ (Strategy Values) กับค่านิยมทางวัฒนธรรม (Cultural Values)กระบวนการของการสรา้ งสรรคว์ ัฒนธรรมองค์การมี 5 ข้ันตอน 6. ลกั ษณะของวัฒนธรรมที่ทาใหอ้ งค์การเกิดประสิทธผิ ล วฒั นธรรมองคก์ ารจะส่งผลตอ่ ประสิทธิผล (Effectiveness) ขององค์การเป็นอย่างมาก เมื่อวัฒนธรรมน้ันกอ่ ให้เกดิ 1. การผกู พัน (Involvement) และการมีสว่ นรว่ มในองค์การ 2. การปรบั ตัว (Adaptability) ทเี่ หมาะสมกับการเปลีย่ นแปลงของสภาพแวดล้อมทง้ั ภายในและภายนอกองคก์ าร 3. การประพฤติปฏบิ ตั ิได้สมา่ เสมอ (Consistency) ซึ่งจะทาใหเ้ กิดการทางานทีป่ ระสานกัน และสามารถคาดหมายพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขน้ึ ได้ 4. มีวสิ ัยทัศน์และภารกจิ ขององค์การที่เหมาะสม ทาใหอ้ งค์การมีกรอบและทิศทางการ ดาเนินงานทชี่ ัดเจน 7. วฒั นธรรมองค์การกบั การบริหารองคก์ าร คอื สิง่ ทห่ี ล่อหลอมให้คนในองคก์ รมีและเข้าใจกฎกตกิ าในการอยู่ร่วมกัน 8. การพัฒนาวัฒนธรรมองค์การให้เข้มแขง็ องค์การถูกก่อต้งั ข้ึนมาโดยกลุ่มบคุ คลและมีการสรา้ งวัฒนธรรมทใ่ี หค้ วามหมายในกิจกรรมต่างๆ วัฒนธรรมองค์การคือ ประสบการณ์ บุคลกิ ภาพ ค่านิยม และบรรยากาศที่สร้างได้ “ เป็นวถิ ที างท่ีกระทาสง่ิ ตา่ ง ๆ ใหบ้ รรลุความสาเรจ็ ”

9. ปัจจัยท่ีเสริมสร้างวัฒนธรรมองคก์ าร ปัจจัยที่สาคญั 2 ประการ ทมี่ สี ่วนช่วยในการสรา้ งหลกั ฐานและความตอ่ เนื่องของวฒั นธรรมองคก์ าร คือ 1. บทบาทของผกู้ ่อตัง้ 2. การขัดเกลาทางสงั คม 10. วัฒนธรรมทีเ่ ป็นตัวบง่ ช้ีความสาเรจ็ และความล้มเหลวขององคก์ าร วฒั นธรรมองคก์ ารท่สี ามารถนาพาองค์การสูค่ วามสาเรจ็ โดยขึน้ อยู่กบั ปัจจัยทางพฤติกรรมของผ้บู ริหาร หรอื ผูน้ าสอ่ื และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื หนงั สือเรียน วิชาการบรหิ ารงานคุณภาพในองคก์ าร(Quality Administration in Organization) หนว่ ยที่3 2. แบบฝึกหัด ของหน่วยท่ี 3 3. แบบทดสอบและแบบประเมนิ พฤติกรรม หน่วยที่ 3 4. แหล่งสืบค้นข้อมลู ห้องสมุดวิทยาลัย ศูนยว์ ิทยบรกิ าร ห้อง Internetกิจกรรมการเรยี นรู้ (สัปดาห์ท่ี 4/18 คาบที่ 10–12/54) ขัน้ เตรียม 1. ครขู านช่อื ผูเ้ รียน 2. ครูตรวจสอบความพร้อม ขัน้ นาเข้าสู่บทเรยี น 3. ครูใหผ้ ู้เรียนทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยท่ี 3 4. ครตู ้ังคาถามเพอ่ื นาเขา้ สู่บทเรียนเรื่องวัฒนธรรมองค์การ (Organization Culture) 5. ผูเ้ รียนตอบคาถามท่ีครูถาม ขั้นเรยี นรู้ 1. ครูอธบิ าย ถาม-ตอบในหวั ข้อ ความหมายและความสาคัญของวัฒนธรรมองค์การ (Organization Culture) 2. ครูใหผ้ ู้เรยี นทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 3 3. ครูใหผ้ เู้ รียนจบั กลุ่มร่วมอภปิ รายเนื้อหาบทเรยี น 4. ครูและผูเ้ รียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหดั และกจิ กรรม ขั้นสรปุ 1. ครูสรุปเนอื้ หาสาระสาคัญในบทเรยี น

การวดั ผลและประเมินผล การวัดผล การประเมนิ ผล (ใช้เครื่องมือ) (นาผลเทยี บกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยที่ 3 (ไวเ้ ปรียบเทียบกับคะแนนสอบหลงั เรยี น)2. แบบสงั เกตการทางานกลุ่มและการนาเสนอผลงานกลุ่ม เกณฑ์ผ่าน 60%3. แบบฝึกหดั ในหน่วยท่ี 3 เกณฑ์ผา่ น 50%4. แบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หน่วยท่ี 3 เกณฑ์ผา่ น 50%5. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพจริง เกณฑผ์ า่ น 60%งานทมี่ อบหมาย ให้ผู้เรียนทาแบบฝกึ หดั หน่วยที่ 3ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผูเ้ รียน 1. คะแนนจากแบบฝกึ หัดในหน่วยที่ 3 2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยท่ี 3 3. ผลจากการปฏบิ ัติกิจกรรมเอกสารอ้างอิง 1. หนงั สอื เรยี น วชิ าการบรหิ ารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บรษิ ัทศนู ยห์ นังสือเมืองไทย 2. เวบ็ ไซตแ์ ละส่ือสิ่งพมิ พ์ที่เกี่ยวขอ้ งกับเน้ือหาบทเรยี น 3. การอ้างอิงตามบรรณานุกรมของหนังสือเรียน วิชาการบริหารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization)

บนั ทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................. 2. ผลการเรยี นของนกั เรียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาท่ีพบ............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................................................ ................................................................................................................................................. ................................................. 3. แนวทางการแก้ปญั หา............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ............................................................ลงชื่อ............................................... ลงชอ่ื ...............................................(...............................................) (.............................................) ครผู ้สู อน ตวั แทนนกั เรยี น

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 หนว่ ยที่ 4 ช่อื วิชา การบริหารงานคุณภาพในองคก์ าร (Quality เวลาเรียนรวม 54 คาบ Administration in Organization) รหัสวชิ า 3001 – 1001 สอนครงั้ ท่ี 5-6/18 ช่อื หน่วย การจูงใจ (Motivation) จานวน6 คาบชอ่ื เรื่อง การจูงใจ (Motivation)หวั ข้อเร่อื ง 1. ความหมายของการจงู ใจ 2. ความสาคญั ของการจูงใจ 3. กระบวนการจงู ใจ 4. ทฤษฎกี ารจูงใจ 5. การจงู ใจในการทางาน 6. ชนิดของส่งิ จงู ใจ 7. ประเภทของการจูงใจในองค์กร 8. ชนดิ ของสง่ิ จงู ใจ 9. แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 10. ผลของการจงู ใจแนวคดิ สาคัญ เพราะเหตุใดคนเราหรือสัตว์จงึ แสดงพฤติกรรมอยเู่ สมอมาตั้งแตเ่ กิดจนตาย คาตอบกเ็ พราะมีแรงผลักดัน อานาจความอยาก ความต้องการหรือพลังขับชักจูง กระตนุ้ ใหบ้ ุคคลแสดงพฤตกิ รรมออกมา กระบวนการต่างๆ ทรี่ ่างกายและจิตใจถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้าใหเ้ กิดการแสดงออกของพฤติกรรมเพอื่ ทจ่ี ะบรรลจุ ดุ มุ่งหมาย ซึง่ ผู้บรหิ ารหรือผูน้ าต้องมคี วามร้แู ละเขา้ ใจในหลักการและเทคนคิ จูงใจ Mosley,pietri และ Megginson (2551:80, อ้างถึงในหนังสอื พฤติกรรมองคก์ าร) กลา่ วถงึ เปา้ หมายขั้นพ้ืนฐานของการจูงใจทางการจดั การ 3 ประการ ไดแ้ ก่ 1. เพอ่ื ดงึ ดดู พนักงานท่ีมีศักยภาพใหร้ ว่ มงานกบั องคก์ าร 2. เพื่อกระตุ้นพนักงานใหป้ ฏบิ ตั งิ านและสร้างผลงานที่มปี ระสทิ ธภิ าพ 3. เพอ่ื รักษาพนักงานทม่ี คี วามสามารถให้อยู่กับองค์การ ท้งั หมดท้ังปวงก็คือ จุดประสงคข์ องการเพิม่ ประสิทธภิ าพขององค์การนั่นเองสมรรถนะย่อย (Element of Competency) 1. แสดงความรู้เกีย่ วกับการจูงใจ (Motivation) 2. เกิดแรงจงู ใจในการพัฒนาตนเอง

จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ดา้ นความรู้ ผเู้ รียนสามารถ 1. บอกความหมายและความสาคญั ของแรงจงู ใจได้ 2. อธบิ ายกระบวนการจูงใจได้ 3. อธบิ ายประเภทของการจงู ใจในองค์กรได้ 4. บอกทฤษฏกี ารจงู ใจได้ 5. สรปุ รายละเอยี ดการจูงใจในการทางานได้ 6. อธบิ ายชนิดการจูงใจได้ 7. อธิบายเผลของการจูงใจได้ 8. จาแนกและพจิ ารณาถึงรายละเอยี ดของแรงจงู ใจใฝ่สมั ฤทธิ์ได้ ด้านทักษะและกระบวนการ ผู้เรียนสามารถ 1. จูงใจบคุ คลเพื่อให้ทางานได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพได้ 2. สรา้ งแรงจงู ใจในการปฏิบัตงิ านในองค์การได้ 3. ปฏบิ ตั ิตามแนวทางของแรงจูงใจใฝ่สมั ฤทธิ์ได้ ด้านคณุ ธรรมและค่านิยมทพี่ งึ ประสงค์ 1. เหน็ ความสาคัญของการสรา้ งแรงจงู ใจ 2. นาแนวทางการจงู ใจมาใช้ในชีวติ 3. เห็นคณุ คา่ การจงู ใจในการทางานเน้อื หาสาระ 1. ความหมายของการจงู ใจ การจูงใจ หมายถึง การนาเอาปจั จัยตา่ ง ๆ มาเปน็ แรงผลักดันใหบ้ ุคคลแสดง พฤตกิ รรมออกมาอยา่ งมีทศิ ทาง เพื่อบรรลจุ ุดมุ่งหมายหรอื เป้าหมายทต่ี ้องการ ดังนนั้ ผทู้ ่ีทาหน้าท่จี ูงใจ จะตอ้ งค้นหาวา่ บุคคลที่เขาตอ้ งการจูงใจ มคี วามต้องการหรือมีความคาดหวงั อยา่ งไร มีประสบการณ์ ความรู้ และทัศนคตใิ นเรื่องนัน้ๆ อย่างไร แลว้ พยายามดึงเอาสิ่งเหลา่ น้ันมาเปน็ แรงจงู ใจ (Motive) ในการแสดงพฤติกรรม หรอื เปลย่ี นแปลงพฤติกรรมตา่ ง ๆ

2. ความสาคญั ของการจูงใจ พฤติกรรมสว่ นใหญ่มักจะมีแนวทางมงุ่ ไปยังเปา้ หมายทส่ี มั พันธ์อยา่ งใกลช้ ิดกบั การสนองความตอ้ งการพน้ื ฐานทางกายให้สมดังความต้องการนัน้ ๆ เช่น มนุษย์มีความต้องการทางร่างกาย ทาให้ตอ้ ง กินนอน ขับถา่ ย ฯลฯ อยตู่ ลอดเวลา และคนเราจะมวี ธิ ีการในการที่หาวธิ ีสนองความต้องการเหลา่ นั้น การศึกษาเรอ่ื งของการจงู ใจ จึงเปน็ สิ่งจาเป็นทจี่ ะช่วยใหเ้ ราได้เข้าใจถึงพฤติกรรม และวธิ กี ารในการสร้างหนทางเพ่ือเปล่ยี นพฤติกรรมไปในทศิ ทางทต่ี อ้ งการ 3. กระบวนการจูงใจ กระบวนการจงู ใจมีองค์ประกอบ 3 ประการ คอื 1. ความตอ้ งการ (Needs) คอื ภาวการณข์ าดบางส่ิงบางอย่างของอินทรีย์ อาจจะ เป็นการขาดทางดา้ นร่างกายหรือการขาดทางดา้ นจติ ใจก็ได้ 2. แรงขับ (Drive) เม่อื มนุษย์มคี วามขาดบางส่ิงบางอยา่ งตามข้อ 1 ท่ีกลา่ วมาแลว้ ก็ จะเกดิ ภาวะตึงเครยี ดข้ึนภายในร่างกาย ภาวะตึงเครียดนีจ้ ะกลายเปน็ แรงขบั หรือตัวกาหนด ทศิ ทาง (Action Oriented) เพ่ือไปสเู่ ปา้ หมายอนั จะเปน็ การลดภาวะความตึงเครียดนัน้ 3. สง่ิ ล่อใจ (Incentive) หรือ เป้าหมาย (Goal) จะเป็นตวั กระตุ้นหรือเป็นตวั ลอ่ ให้ มนุษย์แสดงพฤติกรรมตามท่คี าดหวังหรอื ท่ีต้องการ ซ่ึงอาจจะมีได้หลายระดบั ตั้งแต่ส่งิ ลอ่ ใจใน เร่ืองพนื้ ฐานคอื ปัจจัย 4 ไปจนถึงความต้องการทางใจในด้านต่างๆ 4. ทฤษฎกี ารจงู ใจ ทฤษฎีแรงจงู ใจทีส่ าคัญมี 8 ทฤษฏี 5. การจูงใจในการทางาน การจงู ใจ เป็นหลกั การทางจติ วทิ ยาทใ่ี ช้ในการบริหารบุคคล หรือองค์การบรหิ ารงานโดยท่ัวไปทง้ั ในภาครัฐบาล รัฐวสิ าหกจิ และเอกชน วตั ถปุ ระสงค์ของการจูงใจให้คนทางาน คือ ความตอ้ งการเพม่ิ พูนประสทิ ธิภาพของการปฏิบตั งิ านหรอื การทางานของพนกั งานใหด้ ขี ้ึน และส่ิงหนงึ่ ที่ยอมรับทว่ั ไปว่าสามารถเพิม่ พนู ประสทิ ธภิ าพการทางานของพนักงานได้กค็ ือ การจูงใจ ดังนั้นผูบ้ ริหารทุกคนจึงพยายามใช้เทคนิคการจงู ในเพื่อกระตุ้นให้พนกั งานในบริษทั ของตนทางานอยา่ งเต็มความสามารถ 6. ชนดิ ของสิง่ จงู ใจ สิง่ จูงใจ หมายถงึ วัตถุหรือภาวะใด ๆ ทส่ี ามารถเรา้ ใหเ้ กดิ การจูงใจได้ดี องค์กรหรือธรุ กจิ ใด ๆ จะบรรลวุ ตั ถุประสงค์ได้ก็ขนึ้ อยกู่ บั ความรว่ มมือของผู้ปฏิบตั งิ าน การทีจ่ ะใหผ้ ู้ปฏบิ ตั ิงานรว่ มมอื กบัเรานัน้ กต็ อ้ งอาศยั ส่งิ จูงใจ เราอาจแบ่งการจูงใจออกได้เป็น 2 ลักษณะ 7. ประเภทของการจูงใจในองค์กร 1. การจงู ใจภายใน (Intrinsic Motivation) หมายถึง สภาวะของบุคคลที่มีความต้องการในการทา การเรยี นรู้ หรอื แสวงหาบางอยา่ งด้วยตนเอง โดยมิตอ้ งให้มบี ุคคลอนื่ มาเก่ียวข้อง เชน่ นกั เรียนสนใจเล่าเรยี นด้วยความรสู้ ึกใฝ่ดีในตัวของเขาเองไม่ใชเ่ พราะถกู บิดามารดาบงั คับ หรอื เพราะมีสงิ่ ล่อใจใดๆ

2. การจงู ใจภายนอก (Extrinsic Motivation) หมายถึง สภาวะของบุคคล ที่ได้รับแรงกระตุน้ มาจากภายนอกให้มองเหน็ จุดหมายปลายทาง และนาไปสูก่ ารเปลี่ยนแปลงหรือการแสดงพฤติกรรมของบคุ คล แรงจูงใจเหล่านี้ 8. แรงจงู ใจใฝส่ ัมฤทธ์ิ แรงจูงใจใฝส่ ัมฤทธิ์ หมายถึง แรงจูงใจทจ่ี าทาให้คนมุ่งประสิทธิภาพในการทางาน มีความกระตือรือร้นท่ีจะพยายามทางานให้ไดผ้ ลดีเยยี่ ม พยายามทจี่ ะแก้ไขปญั หาตา่ ง ๆ ด้วยตนเอง ไมว่ ่าจะทากิจกรรมอะไร คือ มจี ติ ใจมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอุปสรรคทงั้ ปวง 9. ผลของการจูงใจ จากการศกึ ษาเร่ืองราวของการจูงใจ สามารถสรุปผลใหเ้ ห็นไดช้ ัดเจนว่า การจูงใจเป็นกระบวนการทีม่ ีอิทธิพลในการกอ่ ให้เกดิ ผลเปลี่ยนแปลงปจั จัยหลายส่ิง ได้แก่ 1. การเปลย่ี นแปลงทัศนคติ และความเช่อื (Attitude Changes) 2. การเปลย่ี นแปลงในด้านความคดิ เห็นทแี่ สดงออก (Opinion Changes) 3. การเปลยี่ นแปลงการรบั รู้ (Perception Changes) 4. การเปลยี่ นแปลงความตง้ั ใจ (Willingness Changes) 5. การเปลี่ยนแปลงการกระทา (Action Changes) 6. การเปลี่ยนแปลงอารมณ์และความร้สู ึก (Feeling and Emotion Changes)สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื หนงั สอื เรยี น วชิ าการบรหิ ารงานคุณภาพในองคก์ าร(Quality Administration in Organization) หน่วยที่4 2. แบบฝกึ หัด ใบกิจกรรมของหนว่ ยที่ 4 3. แบบทดสอบและแบบประเมินพฤติกรรม หนว่ ยที่ 4 4. แหลง่ สืบคน้ ขอ้ มูลหอ้ งสมุดวิทยาลยั ศนู ยว์ ทิ ยบริการ หอ้ ง Internetกจิ กรรมการเรียนรู้ (สปั ดาห์ท่ี 5 /18 คาบที่ 13-15 / 54) ข้ันเตรยี ม 1. ครูขานชือ่ ผเู้ รียน 2. ครูตรวจสอบความพร้อม ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น 3. ครูใหผ้ ู้เรียนทดสอบก่อนเรยี น หน่วยที่ 4 4. ครูต้งั คาถามเพื่อนาเข้าสู่บทเรยี นเร่ืองการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพขององค์การ 5. ผู้เรยี นตอบคาถามทคี่ รูถาม

ขั้นเรยี นรู้ 6. ครูอธบิ าย ถาม-ตอบในหวั ขอ้ ความหมายและความสาคัญของการเพมิ่ ประสิทธภิ าพของ องค์การ 7. ครใู หผ้ ู้เรียนทาแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 2 8. ครใู หผ้ ู้เรยี นจับกลมุ่ รว่ มอภิปรายเนอ้ื หาบทเรียน 9. ครูและผู้เรียนรว่ มกันเฉลยแบบฝึกหดั และกิจกรรม ขั้นสรปุ 10. ครสู รุปเนอื้ หาสาระสาคญั ในบทเรียนกจิ กรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ที่ 6/18 คาบท่ี 16–18/54) (ต่อ) ขน้ั เตรียม 1. ครขู านชอ่ื ผ้เู รียน 2. ครทู บทวน ใหข้ ้อมูลยอ้ นกลบั ในหวั ข้อในเรื่องการจูงใจ (Motivation) ขั้นนาเขา้ สู่บทเรียน 3. ครตู งั้ คาถามเพ่ือนาเข้าสูบ่ ทเรียนเร่อื งการจูงใจ (Motivation) 4. ผู้เรยี นตอบคาถามที่ครถู าม ขน้ั เรยี นรู้ 5. ครอู ธิบาย ถาม-ตอบในหวั ข้อการจงู ใจ (Motivation) 6. ครใู หผ้ ู้เรียนปฏบิ ัติกิจกรรม และรว่ มกันเฉลย ขน้ั สรปุ 7. ครูสรุปเนอ้ื หาสาระสาคัญในบทเรียนและมอบหมายงานการวัดผลและประเมนิ ผล การวัดผล การประเมินผล (ใช้เครื่องมอื ) (นาผลเทียบกบั เกณฑแ์ ละแปลความหมาย)1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (Pre–test) หน่วยที่ 4 (ไว้เปรียบเทยี บกบั คะแนนสอบหลงั เรียน)2. แบบสงั เกตการทางานกลุม่ และการนาเสนอผลงานกลมุ่ เกณฑ์ผ่าน 60%3. แบบฝกึ หดั ในหนว่ ยที่ 4 เกณฑผ์ า่ น 50%4. แบบทดสอบหลังเรยี น (Post–test) หนว่ ยท่ี 4 เกณฑ์ผา่ น 50%5. แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพจริง เกณฑ์ผ่าน 60%

งานทมี่ อบหมาย ให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 4ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเรจ็ ของผู้เรยี น 1. คะแนนจากแบบฝึกหดั ในหน่วยท่ี 4 2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หนว่ ยที่ 4 3. ผลจากการปฏิบตั ิกจิ กรรมเอกสารอ้างอิง 1. หนังสือเรยี น วิชาการบรหิ ารงานคุณภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บรษิ ทั ศูนยห์ นงั สือเมืองไทย 2. เว็บไซตแ์ ละสอ่ื สง่ิ พิมพ์ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั เนื้อหาบทเรียน 3. การอ้างอิงตามบรรณานุกรมของหนงั สือเรยี น วิชาการบริหารงานคณุ ภาพในองคก์ าร (Quality Administration in Organization)

บนั ทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................. 2. ผลการเรียนของนกั เรยี น/ผลการสอนของครู/ปญั หาที่พบ............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................ .......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................. 3. แนวทางการแก้ปัญหา........................................................................................................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................ลงช่ือ............................................... ลงช่อื ...............................................(...............................................) (.............................................) ครูผ้สู อน ตวั แทนนักเรียน

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 หน่วยท่ี 5ชอื่ วิชา การบรหิ ารงานคุณภาพในองค์การ (Quality เวลาเรียนรวม 54Administration in Organization) รหัสวชิ า 3001 – 1001 คาบชอื่ หน่วย การสอ่ื สารกับการบริหารจัดการองคก์ ร สอนครัง้ ท่ี 7 /18 ชือ่ เรอ่ื ง การส่ือสารกับการบริหารจัดการองคก์ ร จานวน 3 คาบหัวข้อเรอ่ื ง 1. ความหมายของการส่อื สาร 2. ความสาคัญของการส่ือสาร 3. ความจาเปน็ ต้องมีการสื่อสารขององค์กร 4. กระบวนการสื่อสารในองค์กร 5. เสน้ ทางการสอ่ื สารในองคก์ ร 6. หลักการสือ่ สารในองค์กร 7. อปุ สรรคของการส่ือสารที่เกิดขึ้นในองคก์ ร 8. การสื่อสารทมี่ ีประสิทธิภาพ : กลยทุ ธ์สคู่ วามสาเรจ็ ขององค์กร 9. การเพ่ิมประสิทธิภาพในการสื่อสารแนวคดิ สาคญั การสื่อสารไดก้ ลายมาเป็นปัจจัยหรือองค์ประกอบท่ีสาคญั ของการบริหารงานเปน็ ท้ังปัจจัยและทรพั ยากรท่ีจะใชใ้ นการบริหารจดั การองค์กร ถ้าหากไมม่ กี ารสื่อสารก็ไมส่ ามารถทจี่ ะบริหารองคก์ รไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ การส่อื สารจงึ เป็นกลยทุ ธ์ทีม่ ีความสาคัญต่อองค์กรในการบรหิ ารทจี่ ะทาให้งานขององค์กรดาเนนิ ตอ่ ไปและชว่ ยในการประสานงานของหนว่ ยงาน ในแงข่ องการบรหิ ารองค์กรการสือ่ สารทาให้เกิดความหมาย ทาให้คนคาดคะเนความคดิ ซึ่งกันและกันได้และทาให้มกี ารแลกเปลี่ยนข้อมูลกนั ในฐานะทีเ่ ป็นเครอ่ื งมอื ในการดาเนนิ งานขององค์กร การสื่อสารนาไปใช้ในกิจกรรมขององค์กรหลายอย่าง เชน่ การตัดสินใจการสร้างความเชย่ี วชาญเฉพาะด้าน การสรา้ งความเจรญิ และพฒั นาองค์กร การควบคุมและประสานงานลักษณะของการสื่อสารในองคก์ รอาจพจิ ารณาในฐานะท่เี ป็นระบบรวม คอื การใชก้ ารสื่อสารติดตามรายงานและวิเคราะห์ข้อมูล การกาหนดวิสัยทศั น์ พันธกจิ และวัตถุประสงค์ขององค์กร รวมทั้งการติดต่อกบั องค์กรอ่ืนๆ ในฐานะทีเ่ ป็นระบบย่อยการสื่อสารเปน็ เคร่ืองมือสรา้ งความสมั พนั ธ์ในกลุ่มการฝึกอบรม การสรา้ งบรรยากาศการทางาน การควบคุมสง่ั งานและการสรา้ งความพอใจ ในฐานะทีเ่ ป็นระบบเฉพาะบคุ คลอาจ

พจิ ารณาการสอื่ สารในแง่ของพฤติกรรมทางการสอ่ื สารในเรอ่ื งตา่ ง ๆ เช่น การรว่ มประชมุ การเขยี นคูม่ อื การร่างจดหมาย การทาสัญญา การพดู คุยในกลุ่มคนท่ที างานด้วยกนั และการโต้แยง้ เป็นต้นสมรรถนะย่อย (Element of Competency) 1. แสดงความร้เู กย่ี วกับการสื่อสารกับการบริหารจัดการองคก์ ร 2. ใช้การสื่อสารเพื่อการบรหิ ารจัดการองคก์ รจุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ด้านความรู้ 1. อธิบายความหมายและความสาคัญของการสอื่ สารได้ 2. จาแนกกระบวนของการสอ่ื สารได้ 3. อธบิ ายเสน้ ทางของการสื่อสารได้ 4. แจกแจงอุปสรรคปญั หาของการส่ือสารได้ 5. อธบิ ายหลกั การสื่อสารในองคก์ รได้ 6. พจิ ารณาการเพ่มิ ประสิทธิภาพในการสอ่ื สารได้ 7. วเิ คราะหห์ ลักการส่ือสารในองค์กรได้ ดา้ นทักษะ 1. ส่อื สารกับบคุ คลทุกกลุม่ ทุกสงั คมได้อย่างมประสิทธิภาพ 2. ปฏิบตั กิ ารส่อื สารหลากรปู แบบตา่ งๆได้ 3. ใหค้ วามร่วมมือเพ่ือการสอ่ื สารทม่ี ีประสิทธภิ าพ : กลยทุ ธส์ ู่ความสาเรจ็ ขององคก์ รได้ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจ-พอเพียง 1. แสดงออกเรื่องการส่ือสารอย่างพอดไี ม่มากหรือวา่ นอ้ ยจนเกนิ ไป 2. มีความรอบคอบ มีเหตุผลร้จู กั พิจารณาจากเหตุปัจจยั ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง 3. มีความรอบร้เู กย่ี วกับวชิ าการตา่ งๆท่ีเก่ียวข้องอย่างรอบด้าน 4. มคี วามอดทน มีความเพียร ใช้สติปญั ญาในการดาเนนิ ชวี ิตเน้ือหาสาระ 1. ความหมายของการส่ือสาร การสื่อสาร (communication) หมายถงึ กระบวนการถ่ายทอดข่าวสาร ขอ้ มลู ความรู้ประสบการณ์ ความรสู้ กึ ความคิดเหน็ ความตอ้ งการจากผสู้ ง่ สารโดยผ่านส่ือต่าง ๆ ท่ีอาจเปน็ การพดู การเขยี น สญั ลกั ษณ์อืน่ ใด การแสดงหรอื การจดั กจิ กรรมต่าง ๆ ไปยงั ผู้รับสาร ซึง่ อาจจะใช้กระบวนการสื่อสารท่ีแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม หรือความจาเปน็ ของตนเองและคู่ส่ือสาร โดยมวี ัตถปุ ระสงค์ให้เกดิ การรบั รู้

รว่ มกันและมปี ฏิกริ ิยาตอบสนองต่อกัน บรบิ ททางการสื่อสารท่เี หมาะสมเป็น ปัจจัยสาคัญที่จะชว่ ยให้การสอ่ื สารสัมฤทธิ์ผล 2. ความสาคัญของการสื่อสาร การส่อื สารมีความสาคญั ดังนี้ 1. การสอื่ สารเปน็ ปจั จัยสาคญั ในการดารงชีวิตของมนษุ ย์ทกุ เพศ ทกุ วยั ไม่มใี ครที่จะดารงชวี ิตได้ โดยปราศจากการส่ือสาร ทุกสาขาอาชีพก็ตอ้ งใช้การส่ือสารในการปฏบิ ตั งิ าน การทาธรุ กจิตา่ ง ๆ โดยเฉพาะสังคมมนุษย์ที่มกี ารเปล่ียนแปลงและพฒั นาตลอดเวลา พัฒนาการทางสงั คม จึงดาเนนิ ไปพร้อม ๆ กบั พัฒนาการทางการสอ่ื สาร 2. การส่อื สารก่อใหเ้ กิดการประสานสัมพนั ธก์ นั ระหว่างบุคคลและสังคม ช่วยเสรมิ สร้างความเขา้ ใจอนั ดรี ะหวา่ งคนในสังคม ชว่ ยสบื ทอดวัฒนธรรมประเพณี สะท้อนให้เห็นภาพความเจรญิ ร่งุ เรือง วิถชี ีวติ ของผ้คู น ชว่ ยธารงสังคมใหอ้ ยรู่ ว่ มกันเปน็ ปกติสุขและอยู่รว่ มกนั อย่างสันติ 3. การสอ่ื สารเป็นปัจจัยสาคัญในการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าท้ังตัวบุคคลและสังคม การพฒั นาทางสงั คมในดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฯลฯ รวมทงั้ ศาสตร์ในการสอ่ื สาร จาเป็นตอ้ งพฒั นาอยา่ งไม่หยุดยง้ั การสือ่ สารเปน็ เครื่องมือในการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของมนุษย์และพฒั นาความเจรญิ ก้าวหน้าในด้านตา่ ง ๆ 3. ความจาเป็นตอ้ งมีการสอ่ื สารขององคก์ ร การสื่อสารขององค์กร (organizational communication) คอื การแลกเปลยี่ นข้อมูลขา่ วสารและความรู้ในหม่สู มาชกิ ขององคก์ รเพอื่ ให้บรรลปุ ระสทิ ธภิ าพและประสิทธิผลขององค์กร การส่ือสารของ องค์กรมีหลายระดับ ได้แก่ ระดับปจั เจกบคุ คล ระดบั กล่มุ และระดับองค์กร ดังนั้น องค์กรจึงจาเป็นต้องมกี ารส่ือสารด้วยเหตุผลหลายประการ 4. กระบวนการส่ือสารในองค์กร การสอ่ื สารในองค์กรจะมีลกั ษณะเปน็ กระบวนการ (process) อย่างหนึ่ง ซึง่ เปน็ การผ่านขอ้ มลู ข่าวสารและความเขา้ ใจเพ่ือที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบคุ คลอ่นื เปลย่ี นแปลงพฤติกรรมตามทีต่ อ้ งการสว่ นประกอบสาคญั ของกระบวนสื่อสารประกอบด้วย 1. ผสู้ ง่ ข้อมูลขา่ วสาร (sender) 2. ผู้รบั ข้อมลู ขา่ วสาร (receiver) 3. ช่องทางการส่ือสาร (communication channel) 4. สัญลักษณ์ต่าง ๆ (symbols) 5. เสน้ ทางการส่ือสารในองค์กร การส่ือสารในองคก์ รในปจั จุบนั นจี้ าเป็นตอ้ งหาขอ้ มลู ข่าวสารใหไ้ ด้รวดเรว็ กวา่ ในอดีตสาหรับการแก้ไขปญั หาได้ทนั ทว่ งทแี ละเพอื่ ใช้ในการตัดสนิ ใจไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ เส้นทางของการส่ือสารในองค์กรท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ มีเสน้ ทางการส่อื สารเกดิ ข้ึนไดห้ ลายทิศทาง

6. หลักการสอื่ สารในองค์กรในทกุ องค์กรจะมีการสื่อสารเป็น 2 ลกั ษณะ คอื การส่อื สารท่เี ปน็ ทางการ และการสือ่ สารท่ไี ม่เป็นทางการโดยมหี ลกั การท่ีจะทาให้การส่ือสารท้งั สองลกั ษณะนี้มีประสิทธภิ าพและเกิดประสิทธผิ ล 7. อุปสรรคของการสื่อสารทเ่ี กิดขึ้นในองคก์ ร อุปสรรคของการสื่อสารที่เกิดขึ้นในองคก์ รน้ันมหี ลายประการ ซงึ่ อาจแยกพิจารณาได้ 2ประเดน็ สรปุ ได้ดงั น้ี 1. การบิดเบือนการสอ่ื สาร การบดิ เบือนทีเ่ กดิ ขนึ้ ในการสอื่ สารน้ันอาจเกดิ ขึ้น โดย ต้งั ใจหรือไม่ ตัง้ ใจ 2. ภาระหนา้ ที่รบั ผดิ ชอบเก่ียวกับการส่อื สาร ภาระในการสอ่ื สารเปน็ เรื่อง เกีย่ วกับปรมิ าณและความสลบั ซับซอ้ นของขอ้ มลู ข่าวสารที่ได้รับมา 8. การสือ่ สารทม่ี ีประสิทธภิ าพ : กลยุทธ์สู่ความสาเร็จขององคก์ ร การส่อื สารเปน็ กลยทุ ธห์ รือกระบวนการหรือเคร่ืองมือท่ีจะนาไปสู่ความเข้าใจในการตดิ ต่อและการทางานร่วมกนั ของบุคคลในองคก์ รเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่หากไม่เรียนรูแ้ ละเข้าใจความต้องการของตนเอง ไมเ่ ขา้ ใจผู้อน่ื แล้วไมว่ ่าจะมกี ระบวนการสอ่ื สารที่ดแี ละมอี ุปกรณ์ส่ือสารทีท่ นั สมยั เพียงใดก็ไรค้ ุณคา่ นอกจากน้ีการส่อื สารจาเปน็ จะตอ้ งเข้าใจถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคล เมือ่ บุคคลมีความแตกต่างกันการสื่อสารที่ดีจะต้องใช้ความมมี นุษยสัมพันธท์ ี่ดีควบคกู่ ันไปดว้ ยจงึ จะทาให้การส่ือสารนน้ั ประสบผลสาเร็จ 9. การเพิ่มประสิทธภิ าพในการส่ือสาร เนือ่ งจากการส่อื สารทผี่ ิดพลาดจะส่งผลกระทบต่อการบรรลปุ ระสทิ ธผิ ลขององค์กรเสมอการสร้างระบบการสอ่ื สารภายในองค์กรทีด่ ีจึงเปน็ สง่ิ จาเป็นอย่างมาก หน้าท่ีสาคัญประการหนง่ึ ของผู้บรหิ ารทกุ องคก์ ร คือ การจดั ระบบการสื่อสารตลอดจนการไหลของข้อมลู ขา่ วสารในองคก์ รและลดความผิดพลาดหรืออปุ สรรคในการส่อื สารสอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือหนังสือเรียน วชิ าการบริหารงานคุณภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) หนว่ ยท่ี 5 2. แบบฝึกหดั ของหนว่ ยท่ี 5 3. แบบทดสอบและแบบประเมินพฤติกรรม หน่วยท่ี 5 4. แหลง่ สืบคน้ ข้อมลู หอ้ งสมดุ วทิ ยาลยั ฯ ศูนยว์ ทิ ยบรกิ าร ห้อง Internetกจิ กรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ท่ี 7 /18 คาบท่ี 19-21 /54) ข้นั เตรยี ม 1. ครูขานชอ่ื ผู้เรียน 2. ครูตรวจสอบความพร้อม

ขัน้ นาเข้าส่บู ทเรียน 3. ครใู หผ้ ู้เรยี นทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยที่ 5 4. ครูตั้งคาถามเพอ่ื นาเขา้ สู่บทเรยี นเรอ่ื งการสอ่ื สารกับการบรหิ ารจัดการองค์กร 5. ผู้เรยี นตอบคาถามที่ครูถามขั้นเรียนรู้ 1. ครอู ธิบาย ถาม-ตอบในหัวข้อ ความหมายและความสาคัญของการส่ือสารกับการบรหิ าร จดั การองค์กร 2. ครใู หผ้ ู้เรยี นทาแบบฝึกหัดหน่วยท่ี 5 3. ครใู หผ้ ู้เรยี นจับกลุม่ รว่ มอภิปรายเน้ือหาบทเรยี น 4. ครแู ละผู้เรยี นร่วมกนั เฉลยแบบฝึกหดั และกิจกรรมขั้นสรปุ 1. ครสู รปุ เน้อื หาสาระสาคัญในบทเรียนการวัดผลและประเมินผล การวดั ผล การประเมินผล (ใชเ้ ครือ่ งมือ) (นาผลเทยี บกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)1. แบบทดสอบก่อนเรียน (Pre–test) หน่วยท่ี 5 (ไวเ้ ปรยี บเทยี บกบั คะแนนสอบหลังเรียน)2. แบบสังเกตการทางานกลุ่มและการนาเสนอผลงานกลุม่ เกณฑ์ผา่ น 60%3. แบบฝึกหดั ในหน่วยท่ี 5 เกณฑผ์ ่าน 50%4. แบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หนว่ ยที่ 5 เกณฑ์ผา่ น 50%5. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ตามสภาพจริง เกณฑ์ผ่าน 60%งานท่มี อบหมาย ให้ผู้เรียนทาแบบฝกึ หดั หนว่ ยท่ี 5ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสาเร็จของผูเ้ รยี น 1. คะแนนจากแบบฝึกหดั ในหนว่ ยท่ี 5 2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หน่วยที่ 5 3. ผลจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเอกสารอา้ งอิง 1. หนงั สอื เรียน วิชาการบรหิ ารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บริษัทศูนย์หนังสือเมืองไทย 2. เว็บไซต์และส่ือสงิ่ พมิ พ์ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เน้ือหาบทเรียน

3. การอ้างองิ ตามบรรณานุกรมของหนังสือเรียน วิชาการบรหิ ารงานคุณภาพในองคก์ าร(Quality Administration in Organization)บนั ทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ................................................. 2. ผลการเรียนของนกั เรียน/ผลการสอนของคร/ู ปญั หาท่ีพบ............................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................. 3. แนวทางการแกป้ ญั หา........................................................................................................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................................................ ................................................................................................................................................. .................................................ลงชื่อ............................................... ลงชอ่ื ...............................................(...............................................) (.............................................) ครูผสู้ อน ตวั แทนนักเรียน

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 6 หน่วยที่ 6ชอ่ื วิชา การบริหารงานคุณภาพในองค์การ (Quality เวลาเรยี นรวม 54Administration in Organization) รหสั วชิ า 3001 – 1001 คาบชอื่ หน่วย การฝกึ อบรม สอนคร้ังที่ 8 /18 ชื่อเรื่อง การฝกึ อบรม จานวน 3 คาบหวั ข้อเรอื่ ง 1. ความหมายของการฝึกอบรม 2. วตั ถปุ ระสงค์ของการฝกึ อบรม 3. ประโยชนข์ องการฝกึ อบรม 4. บทบาทท่สี าคัญของผรู้ ับผดิ ชอบจดั การฝึกอบรม 5. คณุ สมบตั ิของผู้รบั ผิดชอบจัดการฝกึ อบรม 6. กระบวนการฝกึ อบรม 7. ประเภทการฝึกอบรม 8. กิจกรรมทางดา้ นการฝึกอบรม 9. สาเหตุท่ีทาให้การฝกึ อบรมไม่ประสบความสาเร็จ 10. การฝกึ อบรมท่ีประสบผลสาเรจ็แนวคดิ สาคัญ การทางานในองค์การ บุคลากรต้องเรยี นร้สู งิ่ ต่าง ๆ ทง้ั พฤติกรรมที่ควรทาและไม่ควรทา องค์การเป็นผู้มีหน้าที่ในการสอน การเรียนรคู้ วามสมั พนั ธร์ ะหว่างสิ่งเร้าและความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสิ่งแวดลอ้ มกับพฤติกรรมจะมีความสาคัญ การเรียนรู้โดยประสบการณ์โดยตรงจะทาให้บุคคลมคี วามเช่ือถือมากทสี่ ดุ เมื่อองค์การตอ้ งการพฤติกรรมของพนักงานเปน็ อย่างไร องค์การกต็ ้องวางเงอ่ื นไขนาและเงื่อนไขด้านประสิทธผิ ลใหถ้ กู ต้องและให้ถือปฏิบัตอิ ย่างเคร่งครดั องคก์ ารตอ้ งสร้างหนว่ ยงานเพ่ือชว่ ยใหบ้ คุ คลเรียนรู้ส่ิงตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วข้องกับการทางาน เพือ่ ให้เขาทางานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ และอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ ไม่มีวธิ ีการหรือเทคนิคการอบรมวธิ ีใดวิธีหน่ึงจะดีทส่ี ุดเพียงวธิ เี ดียว การฝึกอบรมพฒั นาความรู้ความสามารถของบคุ คลต้องอาศยั หลักให้เกดิ การเรียนรู้ ซง่ึ มีหลากหลายรปู แบบ เพ่ือบรรลุวตั ถุประสงค์ของการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์การสมรรถนะย่อย (Element of Competency) 1. สามารถแสดงความรเู้ กยี่ วกบั การฝึกอบรม 2. เลอื กกลยทุ ธ์จากการฝึกอบรม เพื่อเพ่มิ ประสิทธภิ าพการทางาน

จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ ผูเ้ รยี นสามารถ 1. อธบิ ายความหมายของการฝกึ อบรมได้ 2. จาแนกวตั ถุประสงคข์ องการฝึกอบรมได้ 3. อธิบายประโยชน์ของการฝึกอบรมได้ 4. แจกแจงบทบาททสี่ าคัญของผรู้ ับผิดชอบจัดการฝึกอบรมได้ 5. อธิบายคณุ สมบัติของผู้รับผดิ ชอบจดั การฝกึ อบรมได้ 6. อธิบายกระบวนการฝกึ อบรมได้ 7. วิเคราะห์สาเหตทุ ี่ทาให้การฝึกอบรมไม่ประสบความสาเรจ็ ได้ 8. ร่วมวางแผนกิจกรรมทางด้านการฝึกอบรมได้ ด้านทักษะและกระบวนการ ผเู้ รียนสามารถ 1. เปน็ สมาชิกการฝกึ อบรมไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ 2. อธบิ ายบทบาทของผรู้ ับผดิ ชอบการฝกึ อบรมได้ 3. ปฏบิ ัติกิจกรรมทางด้านการฝึกอบรมได้ ด้านคณุ ธรรมและค่านิยมท่พี ึงประสงค์ 1. มคี วามรอบคอบ มีเหตผุ ลรู้จกั พิจารณาจากเหตุปจั จัยทเ่ี กย่ี วข้อง 2. เห็นความสาคญั และใหค้ วามร่วมมอื ในการฝึกอบรม 3. มีจติ สานกึ สาธารณะ และมีความอดทน มีความเพยี ร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนนิ ชีวิตเน้อื หาสาระ 1. ความหมายของการฝึกอบรม การฝกึ อบรม คอื กระบวนการที่ทาให้ผู้เข้ารับการอบรมเกิดการเรียนรู้ในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึง เพื่อเพิ่มพูนหรือพัฒนาสมรรถภาพในด้านต่างๆตลอดจน การปรับปรุงพฤติกรรม อันนามาซึ่งการแสดงออกท่ีสอดคล้องกับวัตถปุ ระสงคท์ ต่ี ้งั ไว้ 2. วตั ถปุ ระสงค์ของการฝกึ อบรม การฝกึ อบรมน้ันหากจะพูดวา่ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อการพฒั นาองค์กรก็เป็นสง่ิ ถกู ต้อง หากได้พิจารณาในรายละเอียดสามารถแบ่งไดเ้ ป็นลกั ษณะใหญ่ ๆ ดังนี้ 1. เพอื่ แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกบั บุคลากรซ่ึงเป็นสาเหตหุ ลกั ของการจัดให้มีการฝกึ อบรมโดยท่วั ๆไป 2. เพ่อื เตรยี มรับการเปล่ียนแปลงในอนาคต เชน่ การเปลย่ี นแปลงวิธปี ฏิบัติงานหรอืกรรมวิธใี นการผลติ ต่าง ๆ หรือการฝึกอบรมเพ่ือใหเ้ รียนรูเ้ ก่ียวกบั เครื่องจักร เคร่ืองมือหรือเทคโนโลยีใหม่ๆขององค์กร

3. ตอ้ งการเพมิ่ ขีดความสามารถของบุคลากรทีม่ ีอยใู่ ห้เข้าส่รู ะดับมาตรฐานหรือระดบั ท่ีพงึประสงค์ เพื่อให้มคี วามรูท้ นั กับเทคโนโลยีตา่ ง ๆ ท่ีก้าวหน้าอย่างรวดเรว็ 4. เตรียมการรบั มอื กบั การแข่งขันท่ีทวีความรุนแรงข้นึ เพ่ือนาความรู้ต่าง ๆ เตรยี มพร้อมพฒั นาตนเอง พฒั นาองค์กร หรืออาจจะสรปุ วัตถุประสงค์ในด้านตา่ งๆ ดงั นี้ 1. การเพ่ิมปรมิ าณผลผลิต 2 การพัฒนาคุณภาพของผลผลิต 3. การลดต้อนทุนของงาน 4. ลดอัตราการเกดิ อบุ ตั เิ หตุอนั จะสง่ ผลตอ่ การลดตน้ ทุนท่ีเก่ียวข้อง 5. การลดอตั ราการหมนุ เวยี นและการขาดงานของบุคลากร 3. ประโยชนข์ องการฝกึ อบรม 1. บุคลากรหรอื กลุ่มบคุ ลากรสามารถพัฒนาขีดความสามารถของตนเองเน่ืองไดร้ บัประสบการณ์การเรยี นรู้ สามารถนาความรู้ไปใช้ในในการทางานใหป้ ระสบผลสาเรจ็ หรอื ช่วยเพม่ิประสิทธภิ าพในการทางาน 2. การได้ปรกึ ษาหารือกนั ในส่วนของผ้เู กยี่ วข้องในองค์การ เช่นผเู้ ข้ารับการฝึกอบรมหวั หนา้ งานผู้บังคบั บญั ชา ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหรอื ผูเ้ กี่ยวขอ้ งทุกระดับ รว่ มกันหาแนวทางในการแกป้ ัญหาและการปรับปรุงการทางาน 3. ผเู้ ขา้ ร่วมการฝึกอบรมไดย้ กระดับความรู้ ทักษะ ให้เกดิ การปรบั ทัศนะคติ 4. ช่วยลดระยะเวลาในการเรียนรู้งาน 5. ชว่ ยลดภาระหน้าท่ีของหัวหนา้ งาน 6. ช่วยกระตนุ้ บุคลากรให้ปฏิบัตงิ านเพื่อความกา้ วหนา้ ของตน 4. บทบาทท่ีสาคญั ของผู้รบั ผดิ ชอบจัดการฝกึ อบรม 5. คณุ สมบตั ขิ องผู้รบั ผิดชอบจัดการฝึกอบรม 6. กระบวนการฝกึ อบรม 7. ประเภทการฝึกอบรม 8. กจิ กรรมทางดา้ นการฝึกอบรม กิจกรรมท่ีองค์กรมอบหมายใหห้ นว่ ยงาน หรอื กลมุ่ บุคลากรรบั ผดิ ชอบดาเนนิ การ อาทิเช่ 1. การจดั ฝึกอบรมเองภายในองคก์ ร (In house training) เป็นการจัดฝึกอบรมให้บคุ ลากรภายในองค์กรไดเ้ ข้าอบรมพรอ้ ม ๆ กนั ทีละจานวนมาก (Class room training) โดยดาเนินการตามข้นั ตอนในการจัดโครงการฝึกอบรมเพอ่ื พฒั นาบุคลากร 2. การส่งบุคลากรไปอบรมภายนอกองคก์ ร

3. การจัดประชุมเชงิ ปฏิบตั ิการ (Workshop) มักเป็นการยกปัญหาที่มอี ยู่มาใหศ้ ึกษาหรอืทดลองปฏบิ ัติ และอาจใชเ้ ปน็ แนวปฏบิ ตั หิ ลงั การประชมุ 4. ดูงาน เปน็ การไปขอฟงั การบรรยายสรปุ ถงึ ลกั ษณะการจัดระบบงาน และวิธีการปฏบิ ัติงานจรงิ ของหน่วยงานอน่ื ๆ ที่สนใจศึกษา ณ ทต่ี งั้ ของหนว่ ยงานนน้ั 5. การฝกึ อบรมในขณะปฏิบตั ิงานจรงิ ดังที่เรียกว่า การฝึกอบรมในทท่ี าการปกติหรือOn the job training ไดแ้ ก่ 5.1 การสอนแนะหรือการให้คาปรึกษา (Coaching/Counseling) หมายถงึ การที่ผูบ้ ังคับบัญชา ควบคุมดูแลให้บคุ ลากรลงมือปฏิบัตงิ านจริง โดยใหค้ าปรึกษาแนะนาอยา่ งใกล้ชดิ การcoaching นี้ อาจหมายความรวมถึง การเป็นพี่เลยี้ ง ซงึ่ ไม่จาเปน็ ต้องสอนเฉพาะเร่ืองงานเท่าน้นั อาจรวมท้ังเรื่องเกย่ี วกับคน หรอื การวางตัวในองค์การด้วยก็ได้ 5.2 การสอนงานหรอื นิเทศงาน (Job Instruction/Job Supervision) หมายถึงการท่ผี บู้ งั คบั บัญชา สอนงานใหแ้ กผ่ ปู้ ฏิบัติงานในสงั กัด โดยเนน้ ถงึ การแบง่ งานออกเป็นข้นั ตอน และการที่ผบู้ งั คบั บญั ชา จะต้องสาธติ หรือแสดง วธิ ีปฏิบัตงิ านให้เขา้ ใจกอ่ น แล้วจงึ ควบคุมดแู ลให้ปฏิบัตติ ามอยา่ งถกู ต้อง 9. สาเหตทุ ี่ทาใหก้ ารฝึกอบรมไมป่ ระสบความสาเรจ็ 10. การฝกึ อบรมทปี่ ระสบผลสาเรจ็สอ่ื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื หนงั สือเรยี น วิชาการบรหิ ารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) หน่วยท่ี6 2. แบบฝกึ หัด ของหนว่ ยที่ 6 3. แบบทดสอบและแบบประเมนิ พฤติกรรม หนว่ ยท่ี 6 4. แหล่งสืบคน้ ข้อมูลหอ้ งสมุดวิทยาลัย ศนู ย์วิทยบรกิ าร หอ้ ง Internetกิจกรรมการเรยี นรู้ (สัปดาห์ท่ี 8/18 คาบท่ี 22-24 /54) ขั้นเตรยี ม 1. ครูขานชื่อผู้เรียน 2. ครตู รวจสอบความพร้อม ขน้ั นาเขา้ ส่บู ทเรียน 3. ครใู หผ้ ู้เรียนทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยที่ 6 4. ครตู ัง้ คาถามเพ่ือนาเขา้ สู่บทเรียนเรื่องการฝึกอบรม 5. ผู้เรยี นตอบคาถามที่ครถู าม

ข้ันเรยี นรู้ 5. ครอู ธบิ าย ถาม-ตอบในหวั ข้อ ความหมายและความสาคัญของการฝึกอบรม 6. ครใู หผ้ ู้เรียนทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 6 7. ครใู หผ้ ู้เรยี นจบั กลุ่มรว่ มอภปิ รายเนื้อหาบทเรยี น 8. ครูและผู้เรยี นร่วมกนั เฉลยแบบฝึกหัดและกจิ กรรมขัน้ สรุป 1. ครสู รุปเนือ้ หาสาระสาคญั ในบทเรียนการวดั ผลและประเมินผล การวดั ผล การประเมนิ ผล (ใชเ้ ครือ่ งมือ) (นาผลเทยี บกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน (Pre–test) หน่วยที่ 6 (ไวเ้ ปรียบเทียบกับคะแนนสอบหลงั เรียน)2. แบบสังเกตการทางานกล่มุ และการนาเสนอผลงานกลุ่ม เกณฑผ์ า่ น 60%3. แบบฝึกหัดในหน่วยท่ี 6 เกณฑ์ผ่าน 50%4. แบบทดสอบหลงั เรยี น (Post–test) หน่วยท่ี 6 เกณฑผ์ ่าน 50%5. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม ตามสภาพจรงิ เกณฑผ์ า่ น 60%งานที่มอบหมาย ให้ผู้เรียนทาแบบฝกึ หัดหน่วยที่ 6ผลงาน/ชน้ิ งาน/ความสาเร็จของผูเ้ รียน 1. คะแนนจากแบบฝึกหัดในหน่วยท่ี 6 2. คะแนนแบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยที่ 6 3. ผลจากการปฏิบัตกิ จิ กรรมเอกสารอา้ งองิ 1. หนังสือเรยี น วชิ าการบริหารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บรษิ ัทศนู ยห์ นงั สือเมืองไทย 2. เวบ็ ไซตแ์ ละส่อื ส่งิ พมิ พท์ ่เี กี่ยวขอ้ งกบั เน้ือหาบทเรียน 3. การอ้างองิ ตามบรรณานุกรมของหนังสอื เรียน วชิ าการบริหารงานคุณภาพในองคก์ าร(Quality Administration in Organization)

บนั ทึกหลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้......................................................................................................................................................... ................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................................................ ................................................................................................................................................. ................................................. 2. ผลการเรยี นของนกั เรยี น/ผลการสอนของครู/ปัญหาท่ีพบ............................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. ......................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ................................................. 3. แนวทางการแกป้ ญั หา........................................................................................................................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................ลงช่ือ............................................... ลงช่อื ...............................................(...............................................) (.............................................) ครผู ูส้ อน ตวั แทนนักเรียน

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 หน่วยที่ 7ช่อื วิชา การบริหารงานคุณภาพในองค์การ (Quality เวลาเรียนรวม 54Administration in Organization) รหสั วชิ า 3001 – 1001 คาบช่อื หน่วย การวเิ คราะหง์ าน (Job Analysis) สอนครงั้ ที่ 9 /18 ชอ่ื เรอื่ ง การวเิ คราะห์งาน (Job Analysis) จานวน 3 คาบหัวข้อเรือ่ ง 1. ความหมายของการวิเคราะห์งาน 2. ผลของการวิเคราะหง์ าน 3. กระบวนการในการวิเคราะห์งาน 4. วธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเกย่ี วกับงาน 5. นักวเิ คราะห์งาน 6. คณุ สมบัติของนักวเิ คราะห์งานแนวคิดสาคญั การวิเคราะหง์ าน เป็นกระบวนการทถี่ ูกนามาใชใ้ นการศึกษา รวบรวม และวเิ คราะหข์ ้อมูลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั งาน เพื่อท่ีจะได้สารสนเทศของงานอย่างเพียงพอในการนาไปใช้ประโยชน์ การวเิ คราะห์งานเป็นกิจกรรมสาคญั ทีจ่ ะช่วยใหเ้ ราเกิดความเขา้ ใจในงานแตล่ ะชนิด โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจบุ ันทเ่ี กิดการเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และรนุ แรง ส่งผลให้งานบางประเภทล้าสมยั ลงจนหมดความสาคัญ หรือต้องปรบั รปู แบบการปฏิบัติใหเ้ หมาะสม ตลอดจนเกิดงานใหม่ท่ีทวีความสาคญั มากขนึ้ การจดั การทรัพยากรมนุษยส์ ามารถนาผลลพั ธท์ ่ีได้จากการวเิ คราะห์งาน หรอื ทเี่ รียกว่า “สารสนเทศงาน” ซง่ึ มหี ลายลักษณะ เช่น เอกสารพรรณนางาน เอกสารระบขุ ้อกาหนดของงาน มาตรฐานการทางาน มาใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นการทางานได้ ตง้ั แต่การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ การสรรหาและการคดั เลอื ก การฝึกอบรมและการพฒั นา การกาหนดคา่ ตอบแทน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การออกแบบงาน จนกระท่ังถึงการวางแผนการเกษยี ณอายุของบุคลากร ดังนน้ั นักบริหารทรพั ยากรมนษุ ยจ์ ึงตอ้ งมคี วามเขา้ ใจในกระบวนการและวิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลของงาน เพ่อื ให้สามารถประยุกตใ์ ช้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพและประสิทธิผล และสง่ ผลใหเ้ กดิ การเพ่ิมประสิทธิภาพขององค์การสมรรถนะย่อย (Element of Competency) 1. แสดงความร้เู กย่ี วกับการวเิ คราะห์งาน 2. วเิ คราะหง์ านตามสถานการณ์ เพือ่ เพิม่ ประสิทธิภาพการทางานจุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม

ดา้ นความรู้ ผู้เรยี นสามารถ 1. อธบิ ายความหมายของการวิเคราะหง์ านได้ 2. จาแนกผลของการวเิ คราะห์งานได้ 3. อธิบายกระบวนการในการวเิ คราะห์งานได้ 4. แจกแจงวธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับงานได้ 5. อธิบายคุณสมบตั ขิ องนักวิเคราะห์งานได้ 6. ระบคุ ุณสมบตั ิของนกั วเิ คราะห์งานได้ ด้านทักษะและกระบวนการ ผูเ้ รยี นสามารถ 1. วเิ คราะห์งานอยา่ งเขา้ ใจและมีประสทิ ธิภาพ 2. อธบิ ายบทบาทของนักวิเคราะห์งานได้ 3. ปฏบิ ตั ิวธิ ีการเกบ็ รวบรวมข้อมูลเกยี่ วกับงานได้ ด้านคุณธรรมและคา่ นยิ มที่พึงประสงค์ 1. มีความรอบคอบ มเี หตผุ ลร้จู ักพจิ ารณาจากเหตปุ ัจจยั ที่เก่ียวขอ้ ง 2. เหน็ ความสาคญั กระบวนการในการวิเคราะห์งาน 3. มีความอดทน มีความเพยี ร ใช้สตปิ ญั ญาในการดาเนินชีวติเนื้อหาสาระ 1. ความหมายของการวิเคราะหง์ าน การวเิ คราะหง์ าน หมายถงึ กระบวนการท่มี ีการจดั การอย่างเป็นระบบซ่งึ ถกู นามาใชใ้ นการศกึ ษา รวบรวม และวเิ คราะห์ข้อมูลทเ่ี กย่ี วข้องกบั งาน เพ่ือทจี่ ะได้สารสนเทศของงานน้ัน เพียงพอต่อการท่ีจะนาไปใช้ประโยชน์ในการทากจิ กรรมอื่นในอนาคต” 2. ผลของการวเิ คราะหง์ าน ผลลัพธท์ ่ไี ดจ้ ากการวิเคราะห์งานจะถูกจดั ทาในหลายลักษณะ เพ่ือที่จะนาไปใชประโยชน์ตามความเหมาะสม โดยสารสนเทศของงานที่สาคัญมดี ังต่อไปนี้ 1. เอกสารพรรณนาลักษณะงาน (Job Description) 2. เอกสารระบุข้อกาหนดของงาน (Job Specification) 3. มาตรฐานการทางาน (Job Standard) 4. การประเมนิ ค่างาน (Job Evaluation) 3. กระบวนการในการวเิ คราะห์งาน 1. การวางแผนทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Planning) 2. การสรรหาและการคดั เลือกบุคลากร (Recruitment and Selection) 3. การฝกึ อบรมและการพฒั นาบุคลากร (Training and Development) 4. การประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน (Performance Evaluation

5. การกาหนดคา่ ตอบแทน (Compensation) 6. การส่งเสริมความปลอดภยั ในการทางาน (Safety Reinforcement) 7. การออกแบบงาน (Job Design) 8. ประโยชนอ์ น่ื ๆ (Other Benefits) 4. วิธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมลู เก่ียวกับงาน 1. การสังเกต (Observation Method) 2. การใชแ้ บบสอบถาม (Questionnaire Method) 3. การสัมภาษณ์ (Interview Method) 4. การประชมุ (Conference Method) 5. การบันทึกงาน (Diary Method) 6. การทดลองปฏิบัติ (Job Experiment Method) 5. นกั วเิ คราะหง์ าน นกั วเิ คราะหง์ านจะสงั กดั อยู่กับฝ่ายทรัพยากรมนุษยเ์ ปน็ ส่วนมาก โดยอาจจะแบง่ระดับของนักวเิ คราะหง์ านตามตาแหน่ง ทักษะ ความอาวโุ ส และประสบการณไ์ ดเ้ ป็น 4 ระดบั ระดบั ท่ี 1 นักวเิ คราะห์งานขั้นต้น ระดับท่ี 2 นกั วิเคราะห์งาน ระดบั ที่ 3 นักวิเคราะห์คา่ จา้ ง ระดบั ที่ 4 นักบรหิ ารค่าจ้าง 6. คณุ สมบตั ิของนกั วิเคราะห์งาน 1. มคี วามตน่ื ตัว (Active) 2. มคี วามรู้และประสบการณ์ (Knowledge and Experience) 3. มพี ื้นฐานดา้ นการวจิ ยั (Research Foundation) 4. มีความเข้าใจในงาน (Understanding) 5. มีบคุ ลกิ ภาพเหมาะสม (Appropriate Personality) 6. มีความสามารถในการติดต่อสอื่ สาร (Communication Skill) 7. มีทกั ษะในการวเิ คราะห์ (Analytical Skill)ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื หนงั สือเรยี น วิชาการบรหิ ารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) หน่วยท่ี7 2. แบบฝึกหดั ของหน่วยที่ 7 3. แบบทดสอบและแบบประเมินพฤติกรรม หนว่ ยท่ี 7 4. แหลง่ สืบคน้ ขอ้ มลู หอ้ งสมดุ วทิ ยาลยั ศูนย์วทิ ยบรกิ าร ห้อง Internet

กิจกรรมการเรียนรู้ (สัปดาห์ท่ี 9/18 คาบที่ 25-27/54) ขั้นเตรยี ม 1. ครูขานชือ่ ผู้เรียน 2. ครตู รวจสอบความพร้อม ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 3. ครใู หผ้ ู้เรยี นทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยท่ี 7 4. ครตู งั้ คาถามเพ่ือนาเข้าสู่บทเรียนเร่อื งการวิเคราะหง์ าน (Job Analysis) 5. ผู้เรียนตอบคาถามทค่ี รูถาม ขัน้ เรยี นรู้ 6. ครอู ธิบาย ถาม-ตอบในหัวข้อ ความหมายและความสาคัญของการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) 7. ครูใหผ้ ู้เรียนทาแบบฝึกหัดหน่วยที่ 7 8. ครใู หผ้ ู้เรียนจับกล่มุ ร่วมอภปิ รายเนอื้ หาบทเรียน 9. ครแู ละผู้เรียนร่วมกนั เฉลยแบบฝึกหดั และแบง่ กลุ่มทากจิ กรรม ขน้ั สรปุ 1. ครสู รุปเนอ้ื หาสาระสาคญั ในบทเรียนการวดั ผลและประเมนิ ผล การวดั ผล การประเมินผล (ใชเ้ ครอ่ื งมือ) (นาผลเทยี บกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)1. แบบทดสอบก่อนเรยี น (Pre–test) หนว่ ยท่ี 7 (ไว้เปรยี บเทยี บกับคะแนนสอบหลงั เรยี น)2. แบบสังเกตการทางานกลุม่ และการนาเสนอผลงานกลมุ่ เกณฑ์ผา่ น 60%3. แบบฝึกหัดในหน่วยท่ี 7 เกณฑผ์ ่าน 50%4. แบบทดสอบหลังเรียน (Post–test) หน่วยที่ 7 เกณฑ์ผา่ น 50%5. แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพจริง เกณฑผ์ า่ น 60%งานท่มี อบหมาย ให้ผู้เรียนทาแบบฝึกหัดหนว่ ยที่ 7ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสาเร็จของผเู้ รียน 1. คะแนนจากแบบฝึกหดั ในหน่วยท่ี 7 2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หนว่ ยท่ี 7 3. ผลจากการปฏิบัติกจิ กรรม

เอกสารอา้ งอิง 1. หนงั สือเรยี น วชิ าการบริหารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บริษัทศนู ยห์ นงั สือเมืองไทย 2. เวบ็ ไซต์และสื่อสงิ่ พมิ พ์ท่ีเก่ียวขอ้ งกับเน้ือหาบทเรียน 3. การอา้ งองิ ตามบรรณานุกรมของหนังสือเรียน วิชาการบริหารงานคุณภาพในองค์การ (Quality Administration in Organization)บันทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................................................ .................... 2. ผลการเรียนของนกั เรียน/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาที่พบ............................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................ ................................................. 3. แนวทางการแกป้ ัญหา............................................................................................................................. ................................................................................................................. .................................................................................................. ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ..................................................................................................... ...................................................................................................... ....................ลงชื่อ............................................... ลงชือ่ ...............................................(...............................................) (.............................................) ครูผสู้ อน ตัวแทนนักเรยี น

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 8 หน่วยที่ 8ชอ่ื วิชา การบรหิ ารงานคุณภาพในองคก์ าร (Quality เวลาเรยี นรวม 54Administration in Organization) รหสั วชิ า 3001 – 1001 คาบชอ่ื หน่วย กลยทุ ธก์ ารเพิ่มประสิทธิภาพการทางาน สอนครัง้ ที่ 10 /18ชอื่ เร่ือง กลยุทธ์การเพม่ิ ประสิทธภิ าพการทางาน จานวน 3 คาบหวั ข้อเรอ่ื ง 1. การบริหารเชงิ กลยุทธ์ 2. การบริหารการผลติ 3. การออกแบบประสทิ ธภิ าพ 4. การปรบั ปรุงการผลติ ด้วยวงจร PDCA 5. ข้อเสนอแนะการปรับปรงุ งานแนวคิดสาคัญ โลกของการแข่งขันยุคใหม่ มกี ารเปลยี่ นแปลงของสภาพแวดลอ้ มภายนอกอยู่ตลอดเวลา ธุรกจิจาเปน็ ต้องปรับตวั เพอ่ื ให้อยู่รอด และเพ่อื ให้ธุรกจิ สามารถขบั เคลื่อนไปไดบ้ นสถานการณก์ ารแข่งขนั ทร่ี นุ แรงนี้ได้ การบริหารเชงิ กลยทุ ธจ์ งึ เป็นสง่ิ สาคัญเพราะไมว่ ่าธุรกิจจะมขี นาดใหญห่ รอื ขนาดเลก็ ลว้ นแล้วแตต่ อ้ งเผชญิกบั สถานการณก์ ารแข่งขนั ท่เี พิ่มมากขึน้ เร่ือยๆ ดังน้นั หากผ้ปู ระกอบการไม่มีทกั ษะและกลยุทธ์ในการบริหารจดั การกจ็ ะเป็นอุปสรรคตอ่ การเตบิ โตของธรุ กจิ และการเพ่ิมประสิทธิภาพในการทางาน หนทางหน่งึ ที่ช่วยสง่ เสริมการบริหารงานให้เกิดประสิทธภิ าพบรรลุเปา้ หมายท่กี าหนด และสามารถแก้ปัญหาประสทิ ธิภาพทางการบริหารไมว่ ่าดา้ นทีเ่ ก่ียวกับ ผลผลิต ทีต่ กต่ากว่าเดิม ด้วยการใช้กลยุทธก์ ารบรหิ ารที่ทรงคุณภาพทจี่ ะทาใหก้ ารบริหารสามารถประสบผลสาเร็จไดอ้ ย่างดีในทุกสถานการณ์ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพขององค์การได้ทกุ ดา้ นในท่ีสดุสมรรถนะย่อย (Element of Competency) เลือกกลยุทธ์เพ่ือเพิ่มประสทิ ธิภาพการทางานจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ดา้ นความรู้ ผู้เรียนสามารถ 1. อธิบายหลกั การบริหารเชงิ กลยทุ ธ์ได้ 2. อธิบายการบรหิ ารการผลติ ได้ 3. อธบิ ายการออกแบบและการปรบั ปรงุ การผลิตดว้ ย PDCA ได้ 4. อธิบายข้อเสนอแนะการปรบั ปรงุ งานได้

5. วเิ คราะห์และเลอื กใช้กลยทุ ธ์การเพ่ิมประสทิ ธิภาพการทางานไดเ้ หมาะสม ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 1. แยกแยะผลปญั หาการบรหิ ารการผลติ ได้ 2. ประยกุ ต์ใช้หลกั การ PDCAไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ 3. นาข้อเสนอแนะการปรับปรุงงานไปใชไ้ ด้ 4. พัฒนาความสามารถและทักษะเของตนเองเพื่อเพมิ่ ประสิทธิภาพการทางาน ด้านคณุ ธรรมและค่านยิ มท่ีพึงประสงค์ 1. เห็นคุณค่าของความมีวินัยในการทางาน 2. เหน็ ความสาคญั ของการพัฒนาตัวเองให้พร้อมในการเขา้ ไปอยใู่ นองค์การ 3. ตระหนกั ในเรื่องการตรงต่อเวลา มีวินยั มคี วามรับผิดชอบ ละเอียดรอบคอบ นามาเป็น แนวทางในการดาเนินชวี ติเนื้อหาสาระ 1. การบรหิ ารเชิงกลยุทธ์ กลยุทธ์ (Strategic) เป็นแผนการปฏิบัติการท่ีอธิบายถึง การจัดสรรทรัพยากรและกิจกรรมอื่นๆ ให้ เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมและช่วยให้องค์การบรรลุเป้าหมาย ดังนั้น การบริหารเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) จึงหมายถงึ กระบวนการสร้างความมั่นใจว่า องค์การได้รับผลประโยชน์จากการใช้กลยุทธ์ ท่เี หมาะสมนามาใช้ดา้ นการตัดสนิ ใจ และนาไปปฏิบัติซึ่งกลยุทธ์จะเสนอความเป็นต่อในการแข่งขัน ระหว่าง องค์การและสิ่งแวดลอ้ มเพอ่ื บรรลุวตั ถุประสงค์ขององค์การ 2. การบรหิ ารการผลิต การบริหารการผลิต (Product Management) หมายถึง การสร้าง การวิเคราะห์ การจัดการ การวางแผนการปฏิบัติตามแผน และการควบคุมผลิตภัณฑ์ขององค์การ เพื่อสนองความจาเป็นและความต้องการของลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจ ขณะเดียวกันก็ต้องบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ ผู้บริหารจะต้องมีความร้คู วามเข้าใจ การดาเนินงานตามกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ถ้าผู้บริหารขาดความสนใจการเพ่ิมผลผลิตอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการแล้วผลเสียจะเกิดข้ึน ดังนั้น การบริการการผลิตท่ีสาคัญ คือ การบริหารจดั การ ควบคุมการดาเนินงานใหส้ อดคล้องกับกระบวนการผลิตเพ่ือการเพม่ิ ผลผลิตอย่างมีคุณภาพ 3. การออกแบบประสทิ ธิภาพ การออกแบบ (Design) เปน็ เทคนิควธิ กี ารเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการทางานอีกวิธีการหนึ่งซึง่จะพิจารณาการทางานร่วมกันระหว่างคนและเครื่องจกั ร จาเปน็ อย่างยิง่ ที่องค์การจะต้องศกึ ษาปจั จัยท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการผลิตทสี่ าคัญ ได้แก่ การทางานของพนักงาน การทางานของเครอ่ื งจักร และการทางานของพนักงานทีต่ ้องทางานกับเครื่องจกั ร

4. การปรับปรุงการผลิตดว้ ยวงจร PDCA องค์การผ้ผู ลิตมีวธิ กี ารเพ่ิมผลผลิตได้หลายวิธี ท้ังแบบตะวันตกและแบบญี่ปุ่น ข้ึนอยู่กับลักษณะของการผลิต ถึงแม้ว่าจะมีเคร่ืองเทคโนโลยีต่างๆ เป็นปัจจัยสาคัญต่อการปรับปรุงการเพ่ิมผลผลิต แต่ก็ไม่สามารถทาให้เกิดคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดได้ถ้าปราศจากพนักงานท่ีมีคุณภาพและความรับผิดชอบดังนั้น เทคนิควิธีการปรับปรุงการเพ่ิมผลผลิตที่องค์การการผลิต นิยมใช้อย่างแพร่หลายก็คือ เทคนิควิธีการที่ทาให้พนักงานได้มีส่วนร่วม เป็นเทคนิควิธีการที่ใช้ในองค์การการผลิตของประเทศญี่ปุ่น ซ่ึงองค์การการผลิตและบริการนามาปรับใช้ในการเพิ่มผลผลิต ญ่ีปุ่น เรียกว่า Kaizen Activity ที่รู้จักกันโดยทั่วไป ได้แก่ วงจรPDCA 5 ส. ระบบขอ้ เสนอแนะ และกจิ กรรมกลมุ่ คุณภาพ 5. ขอ้ เสนอแนะการปรับปรุงงาน ขอ้ เสนอแนะการปรบั ปรงุ งาน (Suggestion) เปน็ เทคนิควธิ กี ารเพิ่มผลผลิตวิธีหน่ึงที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นปรับปรุงงานที่ทาอยู่ ช่วยให้การปฏิบัติงานในส่วนต่างๆ มีการพฒั นาและปรบั ปรุงให้ดีขน้ึ สง่ ผลให้องค์การสามารถปรบั ปรุงงานและทางานใหม้ ีประสทิ ธภิ าพมากขน้ึ 6. การบริหารคุณภาพทั่วทัง้ องค์การ หลักการบริหารคุณภาพท่ัวทั้งองค์การ Total Quality Management : TQM ของสหรัฐ อเมริกา จะมีลักษณะคล้ายกับ Total Quality Control : TQC ของ ดร.ไฟเกนบาวน์ และ Company – Wide Quality Control : CWQC หรือ Total Quality Control : TQC แบบญ่ีปุ่น เป็นแนวคิดในการ ทางานทมี่ ุ่งเน้นให้พนกั งานทุกระดบั ภายในองค์การได้มสี ว่ นร่วม ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงจนถึงพนักงานระดับ ปฏิบตั ิการ โดยกาหนดเป้าหมายของการพัฒนากล่มุ คณุ ภาพท้งั องค์การใหม้ ีจิตสานึกดา้ นคุณภาพ 7. ปัญหาการบริหารการผลิต การผลติ ขององค์การ สว่ นมากมักจะไม่อาจควบคุมการผลติ ให้เป็นไปตามแผน ซึ่งจะแสดง ให้เหน็ ถงึ ความบกพรอ่ งในการบริหารการผลติ องค์การท่ปี ระสบกบั ความล้มเหลวมกั จะเกดิ จากการขาด ความเขา้ ใจในกระบวนการผลิต (Production Process) และขาดการจดั การอยา่ งเหมาะสม ส่อื และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสอื หนงั สือเรยี น วชิ าการบรหิ ารงานคุณภาพในองคก์ าร (Quality Administration in Organization) หนว่ ยที่ 8 2. แบบฝึกหดั ของหนว่ ยที่ 8 3. แบบทดสอบและแบบประเมนิ พฤติกรรม หน่วยท่ี 8 4. แหลง่ สบื คน้ ข้อมูลหอ้ งสมดุ วทิ ยาลัย ศูนยว์ ิทยบริการ หอ้ ง Internet

กิจกรรมการเรยี นรู้ (สปั ดาห์ท่ี 10/18 คาบท่ี 28-30 /54) ขน้ั เตรียม 1. ครูขานชือ่ ผเู้ รียน 2. ครูตรวจสอบความพร้อม ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรียน 3. ครใู หผ้ ู้เรียนทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยท่ี 8 4. ครตู ้งั คาถามเพื่อนาเขา้ สูบ่ ทเรียนเรื่องกลยทุ ธก์ ารเพิ่มประสิทธภิ าพการทางาน 5. ผู้เรยี นตอบคาถามทคี่ รูถาม ขนั้ เรยี นรู้ 6. ครูอธบิ าย ถาม-ตอบในหวั ข้อ ความหมายและความสาคัญของกลยทุ ธก์ ารเพ่มิ ประสิทธิภาพ การทางาน 7. ครูใหผ้ ู้เรียนทาแบบฝึกหัดหนว่ ยท่ี 8 8. ครใู หผ้ ู้เรียนจับกลุ่มรว่ มอภิปรายเน้ือหาบทเรียน 9. ครูและผู้เรียนรว่ มกันเฉลยแบบฝกึ หัดและแบ่งกลุ่มทากิจกรรม ขั้นสรปุ 10. ครสู รุปเนอื้ หาสาระสาคัญในบทเรียนการวัดผลและประเมนิ ผล การวัดผล การประเมนิ ผล (ใช้เครอื่ งมือ) (นาผลเทยี บกบั เกณฑ์และแปลความหมาย)1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น (Pre–test) หนว่ ยที่ 8 (ไว้เปรยี บเทยี บกบั คะแนนสอบหลังเรยี น)2. แบบสังเกตการทางานกล่มุ และการนาเสนอผลงานกลมุ่ เกณฑ์ผา่ น 60%3. แบบฝกึ หัดในหน่วยที่ 8 เกณฑผ์ า่ น 50%4. แบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หน่วยท่ี 8 เกณฑผ์ ่าน 50%5. แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ตามสภาพจรงิ เกณฑ์ผ่าน 60%งานทมี่ อบหมาย ให้ผู้เรียนทาแบบฝกึ หัดหน่วยที่ 8ผลงาน/ช้นิ งาน/ความสาเรจ็ ของผเู้ รยี น 1. คะแนนจากแบบฝกึ หัดในหนว่ ยที่ 8 2. คะแนนแบบทดสอบหลงั เรียน (Post–test) หน่วยที่ 8 3. ผลจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม

เอกสารอา้ งอิง 1. หนังสือเรยี น วิชาการบริหารงานคณุ ภาพในองค์การ(Quality Administration in Organization) บริษัทศูนยห์ นังสือเมืองไทย 2. เว็บไซตแ์ ละส่ือสิ่งพมิ พ์ทเ่ี ก่ียวข้องกบั เน้ือหาบทเรยี น 3. การอา้ งอิงตามบรรณานุกรมของหนงั สือเรียน วิชาการบริหารงานคณุ ภาพในองคก์ าร(Quality Administration in Organization)บันทกึ หลงั การสอน 1. ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................... ........................................................................ .................... 2. ผลการเรยี นของนักเรยี น/ผลการสอนของคร/ู ปัญหาที่พบ............................................................................................................................. ................................................................................................................................... ................................................................................ ......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................... 3. แนวทางการแกป้ ัญหา............................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................ .................................................ลงช่ือ............................................... ลงช่อื ...............................................(...............................................) (.............................................) ครูผสู้ อน ตวั แทนนกั เรยี น

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 9 หนว่ ยท่ี 9 ช่อื วิชา การบริหารงานคุณภาพในองคก์ าร (Quality เวลาเรียนรวม 54คาบ Administration in Organization) รหัสวชิ า 3001 – 1001 ช่อื หน่วย กิจกรรมระบบคุณภาพและเพิม่ ผลผลติ สอนคร้งั ที่ 11-12/18ชอื่ เรื่อง กจิ กรรมระบบคุณภาพและเพิม่ ผลผลิต จานวน 6 คาบหัวข้อเรื่อง 1. การนาระบบคุณภาพและการเพิ่มผลผลิตมาประยุกต์ใช้ในองค์กรเพื่อการพัฒนางาน 2. TQM และการปรบั วัฒนธรรมองค์กร 3. รางวลั คุณภาพแห่งชาติ (National Quality Award) 4. การสรา้ งความพงึ พอใจ/จงรกั ภักดตี อ่ องค์กร Customer Relationship Management : CRM 5. ซิกซ์ ซกิ ม่า (Six Sigma) 6. QSME 7. ระบบทนั เวลาพอดี (JIT : Just-in-time)แนวคิดสาคญั คงไมม่ ีใครปฏเิ สธว่า นบั จากนไ้ี ป คาว่า “คุณภาพ” จะมคี วามสาคญั มากข้นึ ทกุ ที เพราะ “คณุ ภาพคือความอยู่รอด” การนาระบบคุณภาพและการเพิ่มผลผลิตมาประยุกตใ์ ชใ้ นองค์กรเพ่ือการพฒั นางานมีเทคนิคมากมาย ซ่ึงผบู้ ริหารสามารถเลอื กนามาประยุกต์ใช้ใหเ้ หมาะสมกับประเภท ชนิดและขนาดขององคก์ รได้ประการสาคัญคือผู้บริหารองคก์ รต้องเป็นผู้มวี ิสยั ทัศน์กว้างไกล เปิดกวา้ ง ยอมรบั การเปล่ยี นแปลงตลอดเวลาและทุกอย่างเปน็ พลวัต โดยผ้บู ริหารจาเปน็ ต้องปรบั ความคดิ ของตนเองใหม่ให้ทันกับการเปล่ยี นแปลงอย่างรวดเร็วของโลกปัจจบุ นั โดยตอ้ งเปน็ ผู้นากระบวนการปรบั ปรงุ คุณภาพและผลติ ภาพขององค์กร คานงึ ถึงเรอ่ื งคุณภาพและผลติ ภาพอยู่ตลอดเวลา เขา้ ใจความต้องการและความคาดหวงั ของลูกคา้ ให้โอกาสพนักงานดว้ ยการอบรม หาวธิ จี ูงใจ ตลอดจนสรา้ งวัฒนธรรมในองค์กรให้พนกั งานรูส้ ึกวา่ ตนเป็นสว่ นหนึง่ ขององค์กร เพราะเม่อื พนกั งานเกิดความพงึ พอใจนั่นคือตัวบ่งชว้ี า่ ลูกคา้ กจ็ ะพึงพอใจต่อไป บรหิ ารงานบนพนื้ ฐานของความเป็นจริง สง่ เสริมเรอ่ื งของการปรับปรงุ กระบวนการ ตอ้ งใช้กระบวนการวางแผน เชน่ กลยุทธ์ เพื่อทาในสง่ิ ท่ีองค์กรมงุ่ หวงั พยายามกระตุ้นพนกั งานให้ใชค้ วามรู้ พลังความกลา้ และความม่งุ มนั่ ท่จี ะเปลี่ยนแปลงปรับปรงุ อยา่ งรวดเรว็ และต่อเนื่อง ตอ้ งมองการณ์ไกล และใส่ใจในรายละเอยี ด รอบคอบและกล้าตัดสนิ ใจ การปรบั ความคดิ นัน้ เป็นหัวใจของการบรหิ ารระบบคุณภาพและการเพิ่มผลผลติ โดยจะประสบความสาเร็จได้จาเปน็ ต้องดาเนนิ การอยา่ งเป็นระบบเปน็ กระบวนการ และตอ่ เนื่อง

สมรรถนะย่อย (Element of Competency) ประยกุ ตใ์ ช้กิจกรรมระบบคุณภาพและการเพ่ิมผลผลติ ในการจัดการงานอาชีพจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ ผ้เู รียนสามารถ 1. อธบิ ายกิจกรรมระบบคณุ ภาพและการเพ่ิมผลผลติ ได้ 2. บอกรายละเอียดการนาระบบคณุ ภาพและการเพ่ิมผลผลิตมาประยุกต์ใช้ในองค์กรเพ่ือการ พฒั นางาน (Work Development) ได้ 3. อธบิ ายรายละเอียด TQM และการปรับวฒั นธรรมองคก์ รได้ 4. อธิบายสาระสาคัญของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (National Quality Award) ได้ 5. บอกหลักการ QSMEได้ 6. อธบิ ายประโยชน์ซิกซ์ ซิกม่า (Six Sigma)ได้ 7. แจกแจงรายละเอยี ดของระบบทนั เวลาพอดี (JIT : Just-in-time)ได้ 8. บอกรายละเอยี ดของการสรา้ งความพึงพอใจ/จงรกั ภักดตี ่อองค์กรได้ ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ผเู้ รยี นสามารถ 1. แจกแจงรายละเอยี ดกจิ กรรมระบบคุณภาพและเพ่ิมผลผลิตได้ 2. แยกแยะการนาระบบคุณภาพและการเพิ่มผลผลิตมาประยุกตใ์ ชใ้ นองค์กรเพ่ือการพัฒนา งาน ได้ 3. บอกรายละเอยี ดประโยชน์และความสาเรจ็ ของ TQM และการปรับวัฒนธรรมองค์กรได้ 4. จาแนกข้นั ตอนการดา เนนิ งานการสรา้ งความพงึ พอใจ/จงรกั ภักดตี อ่ องคก์ ร ได้ ด้านคณุ ธรรมและคา่ นิยมท่ีพึงประสงค์ 1. พฤติกรรมในการทางานได้อย่างเหมาะสมกบั ตนเองและองค์กร 2. รู้จักสารวจตนเองและพฒั นาศกั ยภาพตนเอง 3. แสดงพฤตกิ รรมท่ีดีในการทางาน 4. มเี จตคติและกจิ นิสยั ที่ดีในการพฒั นาตนและมสี ่วนรว่ มในการพัฒนาองคก์ รเนือ้ หาสาระ 1. การนาระบบคุณภาพและการเพิม่ ผลผลติ มาประยุกตใ์ ช้ในองคก์ รเพ่ือการพัฒนางาน ผู้บรหิ ารสามารถนาเทคนิคต่าง ๆ ของระบบการบรหิ ารงานคุณภาพและการเพิ่มผลผลติ มาปรบั ใช้ในองค์กรได้มากมาย เช่น 1. TQM และการปรับวฒั นธรรมองค์กร 2. รางวลั คณุ ภาพแหง่ ชาติ (National Quality Award) 3. การสรา้ งความพึงพอใจ/จงรกั ภกั ดตี อ่ องค์กร Customer Relationship Management : CRM


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook