ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ณี ป โตร เลียม 30.09.2020 9AM TO 10AM
ปโตรเลียม petroleum ปโตรเลยี ม คอื สารท่ีเกดิ ขึ้นตามธรรมชาติ เปน ของผสม ของโฮโดรคารบอนชนิดตา งๆ ที่ยงุ ยากและซับซอ น ทัง้ ท่ีอยใู น สภาพของแข็ง ของเหลว และแกส หรือท้ังสามสภาพปะปนกนั แตเ ม่ือตองการจะแยกประเภทออกเปน ปโ ตรเลยี มชนดิ ตา งๆ > นํา้ มันดบิ (Crude oil) > กาซธรรมชาติ (NaturalGas) > แกส ธรรมชาติเหลว (Condensate)
แหล่งกําเนิดปโตรเลียม Petroleum origin น้าํ มนั และแกสธรรมชาติมีสถานะเปนของเหลว เบากวา น้ํา นํ้ามันผลติ ไดจากบอนาํ้ มัน (oil pools) ซงึ่ หมายถงึ แหลง สะสมนํ้ามันและแกส ธรรมชาตใิ ตดนิ ในแหลง กักเก็บทีม่ ีตวั ปด กั้นทางธรณีวิทยา หมายถึงสว น ของหินทมี่ ีน้าํ มนั บรรจอุ ยเู ต็มชองวา งในหนิ นน้ั ดังนัน้ บอ นาํ้ มันหลายๆ บอท่มี ีลักษณะโครงสรางของการกักเก็บคลา ยๆ กนั หรือบอเดียวโดยแยก จากบอ อน่ื ท่ไี หลออกไปอาจเรียกรวมๆ กนั วา แหลง น้ํามนั
pกroาcรreเaกtิiดon น้าํ มนั ดิบและแกส ธรรมชาติ จะพบเกดิ รวมกบั หินตะกอนท่เี กิดใน ทะเลเสมอ สวนประกอบทสี่ าํ คัญไดแก สารประกอบไฮโดรคารบอน เปน สวนใหญ มซี ัลเฟอรไ นโตรเจน และออกซิเจนเปนสว นนอ ย ปจ จุบันนกั ธรณีวิทยามคี วามเช่ือวา นา้ํ มันและแกสธรรมชาตมิ ีตน กาํ เนิดมาจากอินทรยี วัตถุท่ีเปน พชื และสัตว เม่อื ซากอนิ ทรียวตั ถุพวกนี้ไดเ กดิ การสะสมตวั ขน้ึ แลว จะตองถูก ปด ทบั โดยตะกอนอกี ทอดหนึง่ จากนา้ํ หนักของตะกอนทป่ี ดทบั อุณหภูมแิ ละความดนั จะเพมิ่ ขน้ึ เม่อื ความลกึ ถึงประมาณ 2.5 กิโลเมตร จะเกดิ การเปล่ียนแปลงในสวนของอินทรียวตั ถุ
การสะสมตัว Accumulation จะเห็นไดว าเราตอ งการชดุ ของตะกอน ซึง่ มอี นิ ทรียวตั ถุเปน จํานวนมาก และถกู ปดสะสมตัวอยทู ่ีความลกึ อยางนอ ยประมาณ 2.5 กโิ ลเมตร กอนทีจ่ ะเกิดนํ้ามนั และแกส ธรรมชาติ ชดุ ของ หนิ ตะกอนน้ีเรยี กวา หนิ ตนกาํ เนิด (Source Rock) ของนํ้ามนั และ แกสธรรมชาติ นํ้ามันและแกส ธรรมชาตนิ ี้ ปกตจิ ะเกิดการเคล่ือนท่ี จากตาํ แหนง ทีม่ นั เกดิ ท้งั นก้ี เ็ นอ่ื งจากนํา้ หนกั ของหินทป่ี ด ทบั อยูจะ เปนตัวบบี อัดใหน า้ํ มนั และแกสเคลอื่ นตวั ไปตามชองวาง และรอย แตกในหนิ นอกจากนีแ้ ลว เนือ่ งจากในหนิ ตน กําเนิดมกั จะมนี ํ้าแทรก ตวั อยู รวมทั้งหินทอี่ ยูขางเคยี งดว ย และถาหากชอ งวางน้นั โตเพยี ง พอ นํา้ มันและแกสกม็ กั จะเคลอ่ื นทข่ี น้ึ ขา งบนไปสชู ัน้ หนิ ที่อ่มิ ตัวดวย นํ้า ในที่สดุ
นาํ มันดิบ Crude oil น้าํ มนั ดบิ คอื ปโ ตรเลยี มทม่ี สี ถานะเปนของเหลวในธรรมชาติ สวนมากมสี ีดาํ หรือน้าํ ตาล มีลกั ษณะเปน สารประกอบ ไฮโดรคารบอนชนดิ ตาง ๆ ปะปนกันอยู และในบางครั้งอาจมีสาร อน่ื ๆ ประกอบอยูดว ย เชน กาํ มะถนั (S), ไนโตรเจน (N), ออกซิเจน (O) เปนตน ดว ยเหตนุ ี้น้ํามนั ดิบทข่ี ดุ ข้นึ มาจะยังไม สามารถนําไปใชป ระโยชนไ ดทนั ที ตอ งมกี ารนํามาแยก สารประกอบไฮโดรคารบอนตาง ๆ ออกเปน กลมุ ๆ กอ น จงึ จะ สามารถนาํ ไปใชประโยชนตามชนิดของสารได โดยการวธิ กี าร แยกสารทปี่ นอยูในนํ้ามันดิบออกจากกันน้ี เรียกวา การกลั่น นาํ้ มันดบิ
การกลันนาํ มันดิบ Crude oil refining การกลัน่ นา้ํ มนั ดบิ เปนวธิ กี ารกลั่นลําดับสว นทอี่ าศยั หลักการวา สารประกอบไฮโดรคารบ อนชนดิ ตา ง ๆ ทผ่ี สมปนอยูในนา้ํ มันดิบ จะมี จดุ เดอื ดทแี่ ตกตางกนั ไปตามจาํ นวนคารบอนภายในโมเลกุล (สารท่มี ี จาํ นวนคารบอนมากจะยิ่งมจี ุดเดอื ดสงู ) ดงั นั้นเมือ่ สง นํ้ามนั ดิบเขาไปสู หอกล่ันที่มอี ุณหภูมิสงู 400 องศาเซลเซียส นา้ํ มนั ดิบจะเดอื ดแลวระเหย กลายเปนไอลอยขึน้ ไปสว นบนของหอกล่นั ซึ่งมีอณุ หภูมติ ่ํากวาจุดเดอื ด ของสาร สารนน้ั ก็จะควบแนนกลบั มาเปนของเหลวเหมือนเดิมได ดว ยเหตุ น้ีจงึ สามารถแยกสารตา ง ๆ ทผี่ สมกนั อยูใ นนํา้ มันดบิ ออกจากกันได โดยสารท่มี จี ุดเดอื ดสูง (จํานวนคารบ อนมาก) จะมกี ารควบแนน ออกมา กอน สว นสารท่มี จี ดุ เดอื ดต่ํา (จาํ นวนคารบ อนนอย) จะมีการควบแนน ออกมาทหี ลังตามลําดับ
แก๊สธรรมชาติ Natural gas เปนสารประกอบไฮโดรคารบอนชนดิ หนึ่งทป่ี ระกอบดว ยไฮโดรเจนและ คารบ อนที่เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตวป ระเภทจลุ ินทรยี ท่ี มีอายหุ ลายรอ ยลานป ซึ่งสามารถแยกสว นประกอบได เปน มีเทน อีเทน โพ รเพน บวิ เทน เพนเทน เปน ตน หรอื หมายถงึ ปโ ตรเลียมทมี่ ีสภาพเปนแกส ณ ที่อุณหภูมและความดันมาตรฐาน 15.6 องศาเซลเซยี ส แกส ธรรมชาตไิ มมสี ี ไมมกี ล่นิ ไมม ีสารพษิ ถอื วาเปน ผลติ ภณั ฑที่ ปลอดภยั สงู สดุ ผลติ ภัณฑห น่ึงในปจจบุ ัน โดยท่วั ไปสามารถแบงออกตามสมบตั ทิ างเทคนิคได 4 ประเภท ดงั น้ี 1. Sweet gas 3. Dry gas 2. Sour gas 4. Wet gas
แก๊สธรรมชาติ Natural gas 1. Sweet gas หมายถึง แกส ทีม่ ีปฏกิ ิริยาเปน กลางตอกระดาษ pH ที่เปย กนํา้ โดยมีแกสมเี ทนเปน สวนประกอบหลกั ซึง่ เปน แกส ไฮโดรคารบ อนที่มีนํ้าหนัก เบาที่สุด และอาจพบ อเี ทน โพรเพน และเพนเทน ปะปนอยบู า ง 2. Sour gas หมายถงึ แกส ธรรมชาติทมี่ ีกรดกาํ มะถนั เจอื ปนอยสู ูง ทาํ ใหเ กิด สภาพท่ีเปน กรดข้นึ สามารถตรวจสอบไดโ ดยใชกระดาษ pH ทเ่ี ปย กนํา้ ถา มี กาซไฮโดรเจนซลั ไฟดป ะปนอยูสูง อาจทําใหแ กส นน้ั มีพษิ ได ดงั นนั้ จึงตองกําจดั กาซไฮโดรเจนซลั ไฟดก อ นสงไปยังทอี่ นื่ 3. Dry gas หมายถงึ แกส ธรรมชาติทไ่ี มมสี ว นผสมของแกสธรรมชาตเิ หลว (condensate) มแี ตแกส มีเทนเกอื บรอ ยเปอรเ ซ็นต ทาํ ใหม รี าคาสงู กวาแกส ธรรมชาตชิ นิดอืน่ ๆ 4. Wet gas หมายถงึ แกส ธรรมชาติที่มีสว นประกอบหลกั เปนพวกแกส ธรรมชาติเหลว ไดแ ก โพรเพน บิวเทน เพนเทน และเฮกเซน แกส เหลา นจี้ ะกลาย เปน ของเหลวไดง า ยทีอ่ ณุ หภมู ิตาํ่ และความดนั สูง ทําใหเ กิดปญหาในการขนสง
แก๊สธรรมชาติเหลว Condensate 1. กาซธรรมชาติ (Natural Gas) เปนปโ ตรเลียมที่อยใู นรปู ของกา ซที่ สภาพแวดลอมบรรยากาศ 2. กาซธรรมชาติเหลวหรอื คอนเดนเสท (Condensate) ประกอบดวย สารไฮโดรคารบอนในกลุมเดยี วกบั กา ซธรรมชาติ 3. กา ซปโ ตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas : LPG) ประกอบ ดวยกา ซโพรเพน (C3HS) และกาซบิวเทน (C4H10) ท่ถี ูกทําใหเปน ของเหลวโดยการเพม่ิ ความกดดนั 4.กา ซมเี ทนในช้ันถา นหิน (Coal Bed Methane) มีสวนประกอบและนาํ มาใชประโยชนไ ดเ ชน เดียวกบั กาซมีเทนในกาซธรรมชาติ แตต า งกนั ทพ่ี บ อยใู นช้ันถานหนิ 5. LCNG เปน การนาํ LNG ไปใชเปน เชือ้ เพลงิ ในรถยนต เน่อื งจาก LNG ที่ถกู ขนสงมาเก็บรกั ษาไวเปน ของเหลวมอี ณุ หภมู ิ ลบ 161 องศา เซลเซยี ส 6. LNG (Liquefied Natural gas) เปน กา ซธรรมชาตทิ ่ถี ูกทําใหอยูใน รปู ของเหลวเพ่ือประโยชนใ นการขนสงไปใชใ นทไี่ กล ๆ จากแหลงผลิต 7. CNG (Compressed Natural Gas) เปน การนาํ กา ซธรรมชาติมา อัดกอ นเตมิ ลงถงั กาซรถยนตเพ่ือใหไดปริมาณมาก โดยปกติ จะใช ความดนั ประมาณ 200 บาร 8. นํ้ามนั กา ซโซฮอล เปน นา้ํ มนั ผสมระหวา งเบนซินกับเอทานอลบริสุทธิ์ รอ ยละ 99.5 ในสัดสว น 90 : 10 จึงมีคุณสมบตั ทิ ่วั ไปคลายนํ้ามันเบนซิน มีคาออกเทน 95 สามารถใชไ ดกับเคร่อื งยนตเ บนซนิ ระบบจายนาํ้ มัน แบบหวั ฉดี 9. นํ้ามันไบโอดีเซล เปน ผลติ ภณั ฑท ีไ่ ดจ ากการนาํ นาํ้ มันพชื ชนิดตา ง ๆ หรือนํ้ามันสัตว (นา้ํ มนั ใหม หรอื นา้ํ มนั ทใี่ ชแลว ) ไปผานกระบวนการ ทางเคมโี ดยการเตมิ แอลกอฮอลและตวั เรง ปฏกิ ิริยา ซง่ึ มคี ณุ สมบตั ใิ กล เคยี งกบั น้ํามนั ดีเซล จงึ เรียกช่อื วา ไบโอดเี ซล
แบบฝกหัด
1. ปโ ตรเล่ียมมกี ่ีชนิด? ก. 1 ชนดิ ข. 2 ชนิด ค. 3ชนิด ง. 4ชนิด 2. นํ้ามันและแกส ธรรมชาติมสี ถานะเปน ? ก. ของเหลว ข. ของเเขง ค. แกส ง. ไอน้าํ
3. ความลึกถึงประมาณก่กี โิ ลเมตร จะเกิด การเปลี่ยนแปลงในสว นของอินทรยี วัตถุ ? ก. 7.5 กโิ ลเมตร ข. 2.5 กโิ ลเมตร ค. 2.6 กิโลเมตร ง. 5.2กโิ ลเมตร 4. น้าํ มันและแกสกม็ ักจะเคลอื่ นที่ขนึ้ ขางบน ไปสชู น้ั หนิ ทีอ่ มิ่ ตวั ดว ยอะไร ? ก. คลน่ื เเมเ หล็ก ข. เเสง ค. ไอนาํ้ ง. นํา้
5. น้ํามนั ดบิ สวนใหญมสี ีอะไร? ก. แดง ข. ดํา ค. นํ้าเงิน ง. ขาว 6. การกลน่ั นํา้ มันดบิ ในอณุ หภมู ิ 600 องศา จะไดผ ลติ ภัณฑอะไร? ก. พลาสติก ข. แกส หุงตม ค. ยางมะตอย ง. นา้ํ มนั เครื่องบิน
7. แกสธรรมชาติมกี ีช่ นดิ ? ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3ชนดิ ง. 4ชนิด 8. \"แกสธรรมชาติท่ไี มมีสวนผสมของแกส ธรรมชาติเหลว\" คือแกส ธรรมชาตชิ นดิ ใด? ก. sweet gas ข. Dry gas ค. sour gas ง. wet gas
9.ไบโอดีเซล เกิดจาการนาํ สิ่งใดมาใชซ าํ้ ? ก.พชื ,นาํ้ มนั สตั ว ข. พืช.เน้อื สตั ว ค. นํ้ามนั สตั ว,นํ้าสะอาด ง. น้าํ มันสตั วอยางเดียว 10. น้ํามนั กาซโซฮอลใชอัตตราสว น เบนซิ นเเละ เอทานอลบริสุทธ์ิ เทา ใด ก. 20 : 80 ข. 70 : 30 ค. 90 : 10 ง. 50 : 50
ผจู ดั ทํา นางสาวอัญชลี นาโพธ์ิ เลขท2ี่ 6 นางสาวเพช็ รลดา แจม เหมอื น เลขท3ี่ 5 นาย สิทธโิ ชค อรรถเสถียร เลขท่ี 21 นาย ณัฎฐากร ประการแกว เลขที2่ 7 นาย อนศุ ิษฏ ธรรมทนั ตา เลขท่3ี 9 นาย อดศิ ร กอบทองสกลุ เลขที่43
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: