Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ฝึกงาน

ฝึกงาน

Published by Woranutda Memee Phum Jeweree, 2021-07-30 01:50:45

Description: งานฝึกงาน

Search

Read the Text Version

34 บทบาททางเพศของตนโดยการเลียนแบบพอ่ แมเ่ พศเดียวกนั กบั ตน จากความรู้สึกทางเพศใน ลกั ษณะน้นั กจ็ ะเปลี่ยนไป 3.4. ข้นั ก่อนวยั รุ่น (Latency Stage) อายุระหวา่ ง 6-13 ปี เป็นระยะท่ีเด็กเขา้ โรงเรียน ความสนใจของ เดก็ จะหนั ไปสู่สงั คมภายนอก ไดม้ ีโอกาสพบปะเพื่อนฝงู ครู เด็กก็จะพยายามปรับตวั ใหม้ ี ความสัมพนั ธท์ ่ีดีกบั คนอ่ืน ๆ และการเรียนรู้ความคดิ เห็นของคนอื่น ๆ 3.5. ข้นั วยั รุ่น (Genital Stage) อยใู่ นช่วงอายุ 13-18 ปี เป็นข้นั ที่เด็กแสดงความสนใจ เพศตรง ขา้ มมากข้ึน การเร่ิมตน้ ท่ีแทจ้ ริงของความรักระหวา่ งเพศจะเกิดข้นึ ในข้นั น้ี Freud ไดเ้ นน้ ถึง ความสาคญั ของร่างกายวา่ มีผลตอ่ พฒั นาการทางบุคลิกภาพและเชื่อวา่ พฒั นาการจะเป็นไป ตาม 5 ข้นั ดงั กล่าว พฒั นาการทางเพศจะผา่ นไปดว้ ยดีหากเด็กไดร้ ับการเล้ียงดูจากพอ่ แม่ โดยให้ ไดร้ ับการตอบสนองความตอ้ งการอยา่ งเพยี งพอทุกข้นั หากเดก็ ไมไ่ ดร้ ับการตอบสนองอยา่ ง เพียงพอในข้นั หน่ึงข้นั ใดเด็กจะเกิดการชะงกั (Fixation) ในการพฒั นาข้นั ต่อไป และจะทาใหเ้ กิด ความลาบากในการปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั ชีวติ เม่ือเด็กเจริญเติบโตข้ึน และแสดงพฤติกรรมถดถอยเขา้ สู่ วยั เด็ก กล่าวคือ เด็กจะหันไปใชว้ ิธีการเก่า ๆ ท่ีเคยใชใ้ นการพฒั นาในระยะข้นั ปาก เน่ืองจากเดก็ ไม่ไดร้ ับการตอบสนองความตอ้ งการอยา่ งเพยี งพอ ดงั น้นั จากทฤษฎีบคุ ลิกภาพของ Freud เนน้ ประสบการณ์ในวยั ตน้ ของชีวิต หรือ โดยเฉพาะ ในวยั ทารกและวยั เด็กตอนตน้ นบั วา่ มีความสาคญั ยง่ิ ต่อการพฒั นาบุคลิกภาพของ บคุ คลเมื่อเติบโตเป็นผใู้ หญ่ พ้ืนฐานทางบุคลิกภาพจะถกู กาหนดในช่วง 5 ปี แรกของชีวิต ถา้ บคุ คล สามารถผา่ นพฒั นาการ ทกุ ข้นั ตอนอยา่ งราบรื่น เช่น มีความสุขความพอใจท่ีไดด้ ูดนม ไดส้ ัมผสั อนั ออ่ นโยนจากแม่ เดก็ มีความพอใจไมร่ ู้สึกเครียดในการฝึ กการขบั ถ่าย แม่มีความเขา้ ใจธรรมชาติและ ความตอ้ งการของลกู ไมม่ ีการลงโทษรุนแรง และเคร่งครัดเกินไป การพฒั นาบคุ ลิกภาพกเ็ ป็นไป โดยปกติ และมีบุคลิกภาพสมบูรณ์ องค์ประกอบของการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพภายใน องคป์ ระกอบของการพฒั นาบคุ ลิกภาพภายใน แบง่ ออกเป็น 5 ดา้ น ไดแ้ ก่ 1. การพฒั นาดา้ นสติปัญญา (Intelligent Quotient : IQ) หมายถึง ความฉลาดท่ีวดั ดว้ ย แบบทดสอบ เป็นเรื่องเกี่ยวกบั เชาว์ ไหวพริบ และความสามารถในการแกไ้ ขปัญหาดา้ นตรรกะ ตวั เลข ความจา ความสามารถทางภาษา ความสามารถทางการคิดวเิ คราะห์ IQ เป็นศกั ยภาพทาง สมองที่ติดตวั มาแตก่ าเนิด เปล่ียนแปลงแกไ้ ขไดย้ าก สามารถวดั ออกมาเป็นคา่ สดั ส่วนตวั เลขท่ี แน่นอนไดเ้ ทียบกบั อายคุ น ส่วนใหญม่ ี IQ ช่วง 90-110 ส่วนคนท่ีมี IQ เกิน 120 ถือวา่ เป็นคนที่ มี IQ ในระดบั สูง

35 นกั จิตวิทยา ชาวอเมริกา ช่ือฮาร์วาร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Guardner) กลา่ ววา่ คนเราทกุ คน มีความสามารถทางสมอง หลายดา้ นดว้ ยกนั โดยธรรมชาติแลว้ มนุษยท์ ุกคนจะมีความฉลาด 8 ดา้ น ซ่ึงประกอบดว้ ยดา้ นตา่ ง ๆ ดงั น้ี 1.1. ความฉลาดดา้ นภาษา (Linguistic intelligence) คอื ความสามารถดา้ นภาษา การพูดจา โนม้ นา้ ว ผอู้ ่ืน ความสามารถดา้ นการเขยี น ความสามารถดา้ นบทกวี มีความสามารถในการจาวนั เดือนปี และ คิดประดิษฐ์คา 1.2. ความฉลาดดา้ นการคานวณ (Logical-Mathematical Intelligence) คือความสามารถในการใช้ เหตผุ ล การคานวณ ความสามารถดา้ นจานวนตวั เลข ความสามารถในการแกโ้ จทยป์ ัญหา ความสามารถในการวิเคราะหค์ ิดเป็นระบบ 1.3. ความฉลาดดา้ นมิติสัมพนั ธ์ (Spatial Intelligence) คือความสามารถในการสร้างภาพในสมอง ความสามารถในการสร้าง จินตนาการสร้างภาพตา่ ง ๆ ที่ไมเ่ คยมีมาก่อน เช่น สถาปนิกสร้างภาพตึก หรือเมืองข้ึนจากภาพจินตนาการ ความสามารถในการอา่ นภาพแผนท่ี แผนภูมิ ความสามารถในดา้ น จินตนาการ สร้างสรรค์ 1.4. ความฉลาดดา้ นกายภาพหรือร่างกาย (Bodily-kinesthetic Intelligence) คือความสามารถในการ ใชส้ รีระร่างกาย ความสามารถในการเลน่ กีฬาที่ใชส้ รีระร่างกายไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว ความสามารถ ในการเตน้ รา การแสดง และรวมถึงความสามารถในดา้ นหตั ถกรรม และการใชเ้ คร่ืองมือตา่ ง ๆ การ เคลื่อนไหว การสมั ผสั และใชภ้ าษาท่าทาง 1.5. ความฉลาดดา้ นดนตรี (Musical Intelligence) คอื ความสามารถในดา้ นดนตรี ความสามารถดา้ น การร้องเพลง จบั ระดบั เสียงท่ีมีความแตกต่างไดด้ ี สามารถจาทานอง จงั หวะเพลง เสียงดนตรีไดด้ ี มี ความสามารถในการเล่นเคร่ืองดนตรี 1.6. ความฉลาดดา้ นทกั ษะสงั คม (Interpersonal Intelligence) คือ ความสามารถในดา้ นการเขา้ สงั คม การเป็นมิตรกบั คนอื่นไดง้ ่าย ความสามารถเขา้ ใจความรู้สึกของผอู้ ่ืน ความสามารถในการส่ือสาร การจดั การและความเป็นผนู้ า ชอบพูดคุยกบั ผอู้ ่ืนมีมนุษยสมั พนั ธ์ดี สามารถบริหารความขดั แยง้ ได้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ 1.7. ความฉลาดดา้ นบุคคล (Intrapersonal Intelligence) คอื ความสามารถของบุคคลในการเขา้ ใจ ตนเอง มีความมนั่ ใจในตนเอง เขา้ ใจถึงศกั ยภาพของตนเอง สามารถต้งั เป้าหมายในชีวิตไดอ้ ยา่ ง เหมาะสม ชอบการทางานคนเดียว ใชเ้ วลาในการคิดใคร่ครวญ และทาตามความสนใจของตนเอง 1.8. ความฉลาดดา้ นธรรมชาติ (Naturalist Intelligence) คือความสามารถในการมองเห็นความงาม ความสมั พนั ธ์ของสรรพสิ่งในธรรมชาติ รักธรรมชาติ

36 แนวทางในการพฒั นาบคุ ลิกภาพดา้ นสติปัญญา คือ ตอ้ งมีความเชื่อมนั่ ในตนเอง มีความ กระตือรือร้น รอบรู้ ความจา และมีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ หลกั ธรรมที่ช่วยเสริมสร้างใหก้ าร พฒั นาดา้ น IQ เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ ไดแ้ ก่ สุ จิ ปุ ลิ - สุ คอื สุตมยปัญญา ปัญญาจากการฟัง ตีความวา่ การฟัง คือ การรับสาร หรือ สาระ ท้งั ปวง จากส่ือต่าง ๆ มิใช่แตเ่ ฉพาะการฟังทางหูอยา่ งเดียว - จิ คือ จินตมยปัญญา ปัญญาจากการคดิ คอื รู้จกั ไตร่ตรอง หดั ใชเ้ หตุผลวเิ คราะห์ ช่วยให้ เกิดจินตนาการ และการสร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ ๆ - ปุ คอื ปุจฉา แปลวา่ ถาม จาก สุ และ จิ ตอ้ งมีความปรารถนาหาคาตอบเพิม่ เติมดว้ ย วิธีการ ต่าง ๆ ใหม้ ีปัญญางอกเงยยง่ิ ๆ ข้นึ - ลิ คือ ลิขิต จดบนั ทึก ต่อมาคาวา่ \"จด\" กข็ ยายเป็น การพิมพ์ การทาฐานขอ้ มลู ที่สามารถ นาไปรวบรวม ศึกษา วเิ คราะห์ หรือสังเคราะห์ ใหเ้ ป็นผลงานท่ีมีประโยชน์ 2. การพฒั นาดา้ นความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient : EQ) หมายถึง ความสามารถ ในการรับรู้และเขา้ ใจอารมณ์ท้งั ของตวั เองและผอู้ ่ืน ตลอดจนสามารถปรับหรือควบคมุ ไดอ้ ยา่ ง เหมาะสมกบั สภาพการณ์ สามารถควบคุมตนเองไมใ่ หห้ วน่ั ไหวไป ตามเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ ไมใ่ ห้ กา้ วร้าว อวดดี ซ่ึงจะช่วยใหก้ ารดาเนินชีวิตเป็นไปอยา่ งราบร่ืนและมีความสุข แนวทางในการพฒั นาบคุ ลิกภาพดา้ นความฉลาดทางอารมณ์ คือ ความรู้จกั กาลเทศะ การ ควบคมุ อารมณ์ การมีมนุษยสมั พนั ธ์ และการมีสมาธิ หลกั ธรรมที่จะช่วยเสริมสร้างการ พฒั นา EQ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี คอื พรหมวิหาร 4 ไดแ้ ก่ 1. เมตตา คือ ความปรารถนาใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ ับสุข เพราะความสุขเป็นสิ่งท่ีทุกคนปรารถนา 2. กรุณา คอื ความปรารถนาใหผ้ อู้ ่ืนพน้ ทุกข์ ทกุ ขโ์ ดยสภาวะเกิดจากเปลี่ยนแปลงตาม ธรรมชาติของร่างกาย เช่น การเกิด การเจ็บไข้ ความแก่ ความตายอยา่ งหลีกเลี่ยงไมไ่ ด้ ซ่ึงรวม เรียกวา่ กายกิ ทกุ ข์ และทกุ ขจ์ รหรือทุกขท์ างใจ อนั เป็นความทกุ ขท์ ี่เกิดจากสาเหตุที่อยนู่ อกตวั เรา เช่น เมื่อปรารถนาแลว้ ไมส่ มหวงั กเ็ ป็นทกุ ข์ การพลดั พรากจากส่ิงอนั เป็นท่ีรัก ก็เป็นทุกข์ เรียกวา่ เจตสิกทุกข์ 3. มทุ ิตา คอื ความยนิ ดีเมื่อผอู้ ่ืนไดด้ ี ความปรารถนาใหผ้ อู้ ่ืนมีความสุขความเจริญกา้ วหนา้ ยง่ิ ๆ ข้ึน ไม่มีจิตใจริษยา 4. อเุ บกขา คือ การรู้จกั วางเฉย หมายถึง การวางใจเป็นกลางเพราะพิจารณาเห็นวา่ ใครทาดี ยอ่ มไดด้ ี ใครทาชวั่ ย่อมไดช้ วั่ ตามกฎแห่งกรรม ไมค่ วรดีใจหรือคดิ ซ้าเติมเขาในเรื่องท่ีเกิดข้ึน

37 3. การพฒั นาดา้ นความฉลาดในการเผชิญหนา้ (Adversity Quotient : AQ) หมายถึง ความสามารถในการอดทนท้งั ความยากลาบากทางกาย ความอดกล้นั ทางใจ และจิต วญิ ญาณท่ีสามารถเผชิญและเอาชนะใหบ้ รรลุเป้าหมายท่ีต้งั ไว้ ซ่ึงหมายถึงพฤติกรรมการตอบสนอง ตอ่ ปัญหาอุปสรรคในชีวิต ไม่วา่ จะเป็นปัญหาเลก็ นอ้ ย ปัญหาปานกลาง หรือปัญหาใหญ่ กส็ ามารถ จดั การแกป้ ัญหาท่ีเกิดข้ึนน้นั ได้ แนวทางในการพฒั นาบคุ ลิกภาพดา้ นความฉลาดในการเผชิญหนา้ คือ ตอ้ งควบคุมอารมณ์ ตนเองใหส้ งบใหน้ ิ่งก่อน มีทศั นคติในแง่บวกต่อปัญหาเสมอ โดยใหค้ ดิ วา่ ปัญหาน้นั คือโอกาสที่จะ ทาใหไ้ ดเ้ รียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และทุกปัญหาสามารถแกไ้ ขได้ ถา้ หากผแู้ กป้ ัญหามีความอดทน ใส่ใจ และ จริงใจ ที่สาคญั ตอ้ งมีจิตใจท่ีเขม้ แขง็ มีความกลา้ หาญ ไม่หวาดหวนั่ ตอ่ ความยากลาบาก ไม่ หวาดกลวั บคุ คลอื่น รู้จกั ช่วยเหลือตนเอง หลกั ธรรมที่จะช่วยเสริมสร้างการพฒั นา AQ ไดเ้ ป็นอยา่ ง ดี คอื - พละ 5 ไดแ้ ก่ 1. ศรัทธา คือ ความเชื่อมนั่ ความมนั่ ใจ 2. วิริยะ คอื ความพากเพยี ร ความพยายาม 3. สติ คอื ความตรึกตรอง ความรอบคอบ 4. สมาธิ คือ ความใส่ใจ ความแน่วแน่ 5. ปัญญา คือ ความรู้ ความเขา้ ใจ ปรับปรุงแกไ้ ข - อิทธิบาท 4 ไดแ้ ก่ 1.ฉนั ทะ คอื ความรักความพอใจในงาน 2. วริ ิยะ คือ ความอดทนต่อความยากลาบาก 3. จิตตะ คือ ความต้งั ใจจดจ่อตอ่ งาน 4. วิมงั สา คือ การแกไ้ ขปรับปรุงหาขอ้ บกพร่อง 4. การพฒั นาความฉลาดดา้ นจริยธรรมและศีลธรรม (Moral Quotient :MQ) หมายถึง ระดบั จริยธรรมศีลธรรมของบุคคล ซ่ึงตนเองสามารถควบคุมได้ ไดแ้ ก่ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ความกตญั ญู ความมีระเบียบวนิ ยั ความสานึกผดิ ชอบชวั่ ดี และเคารพนบั ถือผอู้ ่ืน MQ ไม่สามารถฝึกฝนหรือขดั เกลาไดใ้ นช่วงเวลาส้นั ๆ ขณะที่บุคคลเจริญเติบโตข้ึนมาแลว้ เหมือนดงั คาโบราณของไทยที่วา่ “สนั ดอนน้นั ขดุ ได้ แต่สนั ดานน้นั ขุดยาก” การท่ีบคุ คลคนหน่ึงจะ

38 มี MQ ระดบั ดี ตอ้ งเริ่มปลกู ฝังในวยั เด็กจึงจะไดผ้ ล โดยอาศยั ปัจจยั 3 อยา่ งดว้ ยกนั คือ การสอน ศีลธรรมโดยตรงใหก้ บั เดก็ การถ่ายทอดทางศีลธรรมจากผใู้ หญ่ใหก้ บั เด็ก ความรักและ วนิ ยั MQ เป็นเร่ืองที่ตอ้ งฝึกมาต้งั แต่วยั เดก็ ถา้ บุคคลไดร้ ับการปลกู ฝังเรื่องคณุ ธรรมและจริยธรรม มาแต่ยงั เป็นเดก็ บุคคลกส็ ามารถพฒั นาพ้ืนฐาน MQ ของตนข้นึ มาในระดบั หน่ึง และ MQ น้ีก็จะฝัง ลึกลงไปในจิตใตส้ านึก ของบคุ คลผนู้ ้นั และจะรอเวลาที่ไดร้ ับการกระตุน้ อีกคร้ัง โดยการอบรมส่งั สอน การฟังธรรม และวิธีอื่น ๆแต่ถา้ บุคคลไมม่ ี MQ อยใู่ นจิตสานึกด้งั เดิมแลว้ ไมว่ า่ โตข้ึนจะไดร้ ับ การกระตุน้ อยา่ งไรก็ไมส่ ามารถ ทาใหบ้ ุคคลผนู้ ้นั กลายเป็นคนดีข้ึนมาไดม้ ากนกั แนวทางในการพฒั นาบุคลิกภาพความฉลาดดา้ นศีลธรรมและจริยธรรม ตอ้ งปลูกฝังในวยั เดก็ จึงจะไดผ้ ล เพ่ือใหต้ ิดเป็นนิสยั และเป็นธรรมชาติ หลกั ธรรมท่ีช่วยเสริมสร้างให้การพฒั นาดา้ น น้ี ใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ คอื - ฆราวาสธรรม 4 ไดแ้ ก่ 1. สจั จะ คือ ความซ่ือสัตย์ จริงใจต่อกนั เป็นหลกั สาคญั ที่จะใหเ้ กิดความไวว้ างใจและไมตรี ท่ีมีตอ่ กนั 2. ทมะ คอื การรู้จกั บงั คบั ควบคุมอารมณ์ ขม่ ใจระงบั ความรู้สึกต่อเหตบุ กพร่องของกนั และ กนั แกไ้ ขขอ้ บกพร่อง ใหก้ ลมกลืนประสานเขา้ หากนั ได้ ไม่เป็นคนด้ือดา้ นเอาแตใ่ จและอารมณ์ของ ตน 3. ขนั ติ คือ ความอดทน อดกล้นั ตอ่ ความหนกั และความร้ายแรงท้งั หลาย ชีวติ ของผอู้ ยู่ ร่วมกนั เมื่อเกิดภยั พบิ ตั ิ ความตกต่าคบั ขนั ไม่ตีโพยตีพาย แตม่ ีสติอดกล้นั คิดอุบายใชป้ ัญญาหาทาง แกไ้ ขเหตุการณ์ใหล้ ลุ ่วงไปดว้ ยดี 4. จาคะ คือ ความเสียสละ ความเผ่อื แผ่ แบง่ ปันตลอดถึงความมีน้าใจเอ้ือเฟ้ื อต่อกนั มิใช่ คอยแต่จะเป็นผรู้ ับเพียงฝ่ายเดียว ตลอดจนการเสียสละความพอใจและความสุขส่วนตน - สัปปรุ ิสธรรม 7 ไดแ้ ก่ 1. ธมั มญั ญุตา คือ ความเป็นผรู้ ู้จกั เหตุ ไดแ้ ก่ รู้ชดั ถึงเหตุแห่งความทกุ ขเ์ ดือดร้อนและบ่อเกิด แห่งความผาสุก เป็นการหาสาเหตุวา่ การแสดงออกหรือการรู้สึกน้นั เกิดจากอะไร เพ่ือจะไดแ้ กไ้ ข

39 หรือควบคุมตน้ เหตไุ มใ่ หเ้ ป็นสาเหตขุ องการประพฤติในสิ่งที่ไมค่ วรประพฤติ เช่น ความโกรธ ความเกลียด เป็นตน้ 2. อตั ถญั ญุตา คือ ความเป็นผรู้ ู้จกั ผล ไดแ้ ก่ รู้ซ้ึงถึงความเจริญสุขเป็นผลของบุญ และทุกข์ โทษ รู้ผลที่เกิดข้ึนจากการกระทาวา่ จะทาใหผ้ อู้ ่ืนรู้สึกไมด่ ีตอ่ ตวั เราหรือไม่ หมน่ั วิเคราะห์วา่ ผลที่ เกิดข้นึ น้นั เกิดจากเหตุใด หากไมต่ อ้ งการใหผ้ ลออกมาไม่ดี นนั่ หมายถึงวา่ จะตอ้ งพยายามหาเหตุดี ๆ มาปฏิบตั ิเพื่อจะก่อใหเ้ กิดผลดี ๆ ตามมา 3. อตั ตญั ญุตา คือ ความเป็นผรู้ ู้จกั ตน ไดแ้ ก่ สาเหนียกความรู้ความสามารถ วางตนสม อตั ภาพอยา่ งเจียมใจ เป็นการรู้ถึงจุดดีและจุดดอ้ ยของตนเอง วา่ มีความรู้ความสามารถเพยี งใด สิ่งใด เราทาไดห้ รือทาไมไ่ ด้ หากรู้วา่ ส่ิงใดทาไมไ่ ด้ ทาไมท่ นั ทาไดไ้ ม่ดี แลว้ ยงั ฝืนทายอ่ มไม่ก่อใหเ้ กิด ผลดีเลย 4. มตั ตญั ญุตา คือ ความเป็นผรู้ ู้จกั ประมาณการ ไดแ้ ก่ รู้จกั ใชง้ บประมาณพอดีสมควรแก่ ฐานะ การกระทาส่ิงใดก็ตามตอ้ งไม่มากเกินไปหรือนอ้ ยจนเกินไป เช่น พูดมากเกินไปจะทาใหผ้ อู้ ่ืน เบ่ือ และราคาญ หากพูดนอ้ ยเกิดไปก็จะทาใหผ้ อู้ ื่นรู้สึกอึดอดั เป็นตน้ 5. กาลญั ญุตา คือ ความเป็นผรู้ ู้จกั กาลเวลา ไดแ้ ก่ จดั สรรกิจการใหถ้ กู จงั หวะ การรู้จกั ถึง เวลาท่ีควรปฏิบตั ิ เช่น การโทรศพั ทห์ าผอู้ ่ืนก็ไมค่ วรโทรตอนดึก จะไปเยยี่ มเยยี นใครก็ตอ้ งนดั วนั เวลา เพือ่ เขาจะไดเ้ ตรียมตวั ใหพ้ ร้อม 6. ปริสัญญุตา คือ ความเป็นผรู้ ู้จกั ชุมชน ไดแ้ ก่ เขา้ ใจปรับบคุ ลิกภาพของตนใหส้ อดคลอ้ ง กบั สมาคมทกุ ระดบั การรู้ถึงกลุ่มคนและสังคมท่ีเราจะเขา้ ไปติดต่อดว้ ยวา่ มีลกั ษณะเป็นเช่นไร เช่น กลมุ่ นกั การเมือง กลุ่มนกั ธุรกิจ กลมุ่ ศาสนาตา่ ง ๆ เพอ่ื เราจะไดร้ ู้วา่ ควรจะพูดจาหรือประพฤติปฏิบตั ิ อยา่ งไรจึงจะเหมาะสม 7. ปคุ คลปโรปรัญญุตา คือ ความเป็นผูร้ ู้จกั เลือกคบบุคคล ไดแ้ ก่ อ่านอธั ยาศยั คนออก ถ่อม ตนหรือยกยอ่ งผอู้ ่ืนสมแก่กรณี บคุ คลท่ีเราจะคบหรือติดต่อดว้ ย ตอ้ งรู้วา่ เขาเป็นคนอยา่ งไร มี ตาแหน่งหนา้ ท่ีการงานใด เพื่อเราจะไดว้ างตนถูกวา่ เราจะคบเขาดว้ ยความสนิทสนมมากนอ้ ย เพยี งใด เช่น หากเขาเป็นผมู้ ีจิตใจดีเราอาจคบถึงข้นั สนิทสนมดว้ ย หรือหากเขามีตาแหน่งหนา้ ที่การ งานท่ีสูงกวา่ เรามาก เรากไ็ ม่ควรไปตีสนิทจนเกินไป

40 5. การพฒั นาดา้ นทกั ษะทางสังคมและการใชช้ ีวิตร่วมกบั ผอู้ ่ืน (Social Quotient : SQ) เพราะมนุษยไ์ มส่ ามารถอยคู่ นเดียวได้ ตอ้ งพ่ึงพาอาศยั ซ่ึงกนั และกนั จึงจาเป็นตอ้ งใชช้ ีวิต ร่วมกบั ผอู้ ื่นเป็นสังคม สังคมใดจะดารงอยไู่ ดก้ ด็ ว้ ย จะตอ้ งมีน้าใจเอ้ืออาทรต่อเพ่อื นร่วมสังคม ดว้ ยกนั ไมค่ ดิ วา่ ตนเองเหนือกวา่ ใคร ตอ้ งมีใจเปิ ดกวา้ งยอมรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ่ืน อีกท้งั ตอ้ ง ไม่เบียดเบียนซ่ึงกนั และกนั จากสงั คมเลก็ ๆ คือครอบครัวหลาย ๆ ครอบครัวก็รวมเป็นสังคม หม่บู า้ น หลายหม่บู า้ นก็เป็นสงั คมเมือง หลาย ๆ เมืองก็เป็นประเทศ หลายประเทศก็รวมกนั เป็น สงั คมโลก หลกั ธรรมที่ช่วยเสริมสร้างใหก้ ารพฒั นาบุคลิกภาพดา้ นทกั ษะสังคมและการใชช้ ีวิต ร่วมกบั ผอู้ ่ืน เป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ คือ - ธรรมโลกบาล ไดแ้ ก่ 1. หิริ คือ มีความละอายใจ ไมก่ ระทาชวั่ ไม่ทาความเบียดเบียนแก่ผอู้ ื่น 2. โอตตปั ปะ คอื มีความเกรงกลวั ต่อผลร้ายท่ีจะตามมาจากการกระทาชวั่ และความ เบียดเบียน- สงั คหวตั ถุ 4 ไดแ้ ก่ 1. ทาน คอื การแบง่ ปัน เอ้ือเฟ้ื อ ช่วยเหลือดว้ ยปัจจยั สี่ ตลอดจนใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจ 2. ปิ ยวาจา คือ พดู จาตอ่ กนั ดว้ ยคาสุภาพ คาไพเราะ ประกอบดว้ ยประโยชน์ ทาใหเ้ กิดรัก ใคร่นบั ถือ สามคั คกี นั 3. อตั ถจริยา คอื ทาตนให้เป็นประโยชน์ ขวนขวายช่วยเหลือในกิจการงาน รวมท้งั ช่วย แกไ้ ขปัญหา 4. สมานตั ตตา คือ ทาตวั ให้เขา้ กบั เขาได้ วางตนใหม้ ีความเสมอภาค ไมเ่ อาเปรียบ มีทกุ ข์ ร่วมตา้ น มีสุขแบง่ ปัน การพฒั นาบคุ ลิกภาพภายใน คอื การปรับปรุงแกไ้ ข เพิ่มเติม เปล่ียนแปลงทางดา้ นจิตใจ สติปัญญา อารมณ์ จริยธรรม ศีลธรรม การกลา้ เผชิญกบั ปัญหาอปุ สรรค รวมถึงการใชช้ ีวติ ร่วมกบั ผอู้ ื่นดงั น้นั ถา้ บุคคลสามารถพฒั นาไดท้ ้งั 5 ดา้ นควบคูไ่ ปกบั การพฒั นาบุคลิกภาพภายนอกแลว้ จะ ทาใหบ้ ุคคลมีบุคลิกภาพโดยรวมดียง่ิ ข้ึน

41 ธรรมะกบั การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพภายใน การประพฤติปฏิบตั ิตนเพือ่ ใหม้ ีบคุ ลิกภาพท่ีดี จาเป็นตอ้ งอาศยั หลกั ธรรมของพทุ ธศาสนา เป็นเครื่องช้ีแนะและพฒั นา บุคคลจะมีบุคลิกภาพท่ีดีตอ้ งประกอบไปดว้ ย กาย วาจา และใจท่ีดี หลกั ธรรมในพุทธศาสนาลว้ นแต่เป็นประโยชนต์ ่อการนามาปฏิบตั ิใหเ้ ป็นผมู้ ีบุคลิกภาพดี พระธรรมปิ ฎก กล่าววา่ หลกั การพฒั นาชีวิตในพระพุทธศาสนาที่นามาใชเ้ ป็นหลกั การ พฒั นาบคุ ลิกภาพน้นั มีอยู่ 4 ประการ ดงั น้ี 1. กายภาวนา เป็นการพฒั นาใหร้ ่างกายเจริญแขง็ แรงดี มีสุขภาพดี และมีการพฒั นาทกั ษะ โดยการฝึกฝนการใชร้ ่างกาย เช่น การใชม้ ือและอวยั วะใหม้ ีความคล่องแคล่วและชานาญการรวมท้งั พฒั นาร่างกายทาง หู ตา จมกู และลิ้น ที่ใชเ้ ป็นส่ิงสัมผสั ระหวา่ งตวั เรากบั ส่ิงแวดลอ้ มต่าง ๆ คือ ปัจจยั 4 และธรรมชาติแวดลอ้ มทวั่ ไป การพฒั นากายจึงควรฝึกฝนใน 2 ดา้ น ดงั น้ี 1.1. ฝึกฝนดา้ นการใชง้ าน เป็นการฝึกทกั ษะโดยการทาให้ หู ตา จมกู ลิน้ มีความเฉียบคม ละเอียดอ่อน วอ่ งไว แคลว่ คลอ่ ง และมีความจดั เจนในการทางาน 1.2 .สร้างประสบการณ์ท่ีดี คือ การฝึกให้ หู ตา จมกู ลิน้ รู้จกั เลือกรับเอาสิ่งท่ีมีคณุ คา่ และมีประโยชน์ เขา้ มาใหแ้ ก่ชีวติ และป้องกนั ไมใ่ หร้ ับเอาส่ิงท่ีไมด่ ีและเป็นโทษเขา้ มา เช่น การฟังคาเตือนจาก ผบู้ ริหารกไ็ ม่ควรรับเอาอารมณ์เขา้ มาใหเ้ กิดเป็นความโกรธ ควรรับเขา้ มาในทางท่ีทาใหเ้ กิดปัญญา เช่น การใชล้ ิ้นเป็น ถา้ รับประทานอาหารเป็นกจ็ ะทาใหเ้ กิดคุณภาพชีวิตและไดค้ ณุ ค่าทางอาหาร ถา้ รับประทานอาหารไม่เป็นคือมงุ่ แต่อร่อยก็ทาใหเ้ สียคุณภาพชีวติ ได้ เช่น อาจทาใหเ้ กิดทอ้ งเสีย หรือ เกิดการเส่ือมเสียสุขภาพ เป็นตน้ ในปัจจุบนั วตั ถเุ ป็นตวั เด่นท่ีเป็นเร่ืองสาคญั ถา้ รับเขา้ มาอยา่ งเป็น โทษ ไมร่ ู้จกั รับเขา้ มาในทางท่ีจะทาใหเ้ กิดปัญญากจ็ ะไม่เกิดคุณภาพชีวิต 2. ศีลภาวนา คือ การทาให้ตนเองมีระเบียบในการดารงชีวติ และอยรู่ ่วมกบั คนอ่ืนในสังคม อยา่ งเป็นสุข โดยการไมเ่ บียดเบียนผอู้ ื่น ช่วยเหลือเก้ือกลู ผอู้ ื่น และฝึกควบคมุ ตนในทางกาย วาจา ใจ ใหป้ ระพฤติปฏิบตั ิตามกฎเกณฑห์ รือขอ้ กาหนดของสงั คม เพื่อเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นาจิตใจต่อไป 3. จิตภาวนา คอื การพฒั นาจิตใจใหเ้ จริญงอกงามท้งั 3 ดา้ น ดงั น้ี 3.1. การพฒั นาคุณภาพชีวิต เป็นการพฒั นาจิตใหม้ ีคุณภาพ เริ่มต้งั แต่มีคุณธรรมท่ีทาใหจ้ ิตใจ ประณีตงดงาม เช่น มีเมตตากรุณา มีศรัทธา มีความกตญั ญูกตเวที เป็นตน้

42 3.2. การพฒั นาสมรรถภาพจิต เป็ นการพฒั นาใหจ้ ิตใจเขม้ แขง็ เพื่อใหน้ าไปใชง้ านไดด้ ี สาหรับการ ทางานไดเ้ ก่งทางานไดผ้ ลดีน้นั จิตตอ้ งมีสมาธิ มีสติ เพียรพยายาม เอาใจใส่ อดทน กลา้ สู้ รับผดิ ชอบ และมีจิตใจเขม้ แขง็ เป็นตน้ 4. ปัญญาภาวนา คอื การพฒั นาปัญญาให้เจริญงอกงาม เช่น การรู้จกั วนิ ิจฉยั แยกแยะสิ่งที่ รับรู้ดว้ ยเหตุดว้ ยผล แลว้ สามารถนาไปดาเนินการและแกป้ ัญหาต่าง ๆ ใหส้ าเร็จผลตามที่ตอ้ งการได้ การเกิดปัญญาคือการรับรู้ตามความเป็นจริงแลว้ วินิจฉยั โดยปราศจากความชอบและไมช่ อบนนั่ เอง ถา้ ไมไ่ ดฝ้ ึกอบรมปัญญาไว้ ปัญญากจ็ ะไม่เป็นอิสระ จะไม่บริสุทธ์ิ และจะเป็นปัญญาท่ีตกอยใู่ น อานาจครอบงาของอคติ เช่น ลาเอียงเพราะชอบใจ ชงั หลง กลวั โลภ โกรธ หรือลาเอียงเพราะหลง ถา้ ฝึกปัญญาจนเป็นผมู้ ีปัญญาเท่าทนั โลกและชีวิตจะทาใหจ้ ิตใจเป็นอิสระและมีความสุขท่ีนบั วา่ เป็ นจุดสูงสุดของชีวติ การปฏิบตั ิธรรมทาใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิเป็นคนท่ีสมบรู ณ์ มีศีล มีสมาธิ และมีปัญญา สุขมุ เยอื กเยน็ สร้างบุคลิกภาพภายในใหม้ ีผลต่อบุคลิกภาพภายนอก คุณธรรมและหลกั ธรรมทางศาสนาที่ใชเ้ พ่อื พฒั นาจิตใจ หรือพฒั นาบคุ ลิกภาพภายในมีอยหู่ ลายประการ เช่น เบญจศีลและเบญจธรรม เป็น ธรรมคูก่ นั ผทู้ ่ีมีเบญจธรรมจึงจะเป็นผมู้ ีเบญจศีล ซ่ึงหากคนมีศีลและธรรมดงั กลา่ วแลว้ จะเวน้ จาก การทาความชว่ั รู้จกั ควบคมุ ตนใหต้ ้งั อยใู่ นความดี ไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น และประพฤติชอบ ทางกาย วาจา และใจ จะทาใหอ้ ยรู่ ่วมกบั คนอื่นในสังคมไดอ้ ยา่ งมีความสุข 1. เบญจศีล หมายถึง ศีล 5 ขอ้ เป็นการรักษาเจตนาที่จะควบคมุ กายและวาจาใหเ้ ป็น ปกติ คือ ไม่ทาบาป โดยการละเวน้ 5 ประการ คือ ละเวน้ จากการฆา่ สตั ว์ ละเวน้ จากการลกั ขโมย ละ เวน้ จากการประพฤติผดิ ในกาม ละเวน้ จากการพดู ปด ละเวน้ จากการเสพสุรา เบญจศีล เป็นเครื่อง รักษาเจตนาท่ีจะควบคมุ กาย ละวาจาใหเ้ ป็นปกติ คือไม่ทาบาป โดยการละเวน้ 5 ประการ คอื - ปาณาติบาต คือ ละเวน้ จากการฆา่ สัตว์ และการเบียดเบียนสัตว์ - อทินนาทาน คอื ละเวน้ จากการลกั ขโมย ปลน้ จ้ี - กาเมสุมิจฉาจาร คอื ละเวน้ จากการประพฤติผิด ล่วงละเมิดลูกเมียผอู้ ่ืน - มสุ าวาท คอื ละเวน้ จากการพูดปด พดู คาหยาบ พูดเพอ้ เจอ้ พดู ส่อเสียด - สุราเมระยะ คอื ละเวน้ จากการเสพสุรา เพราะเป็นสาเหตุใหท้ าผดิ ศีลขอ้ อ่ืน

43 2. เบญจธรรม เป็นหลกั ธรรมที่ควรปฏิบตั ิ มี 5 ประการ ไดแ้ ก่ - เมตตากรุณา คือ บุคคลใดท่ีมีเมตตาย่อมไม่ฆ่า หรือเบียดเบียนสัตว์ ดว้ ยรู้ดีวา่ ทุกชีวิตยอ่ มมี ความ รักตวั กลวั ตายเช่นเดียวกบั เรา ทาใหไ้ ม่ผดิ ศีลในขอ้ ท่ี 1 - สัมมาอาชีพ คือ ประกอบอาชีพที่สุจริต มีรายได้ รู้จกั ใชจ้ ่าย และที่สาคญั รู้จกั คาว่าพอดี และมี หิริโอตตปั ปะ คือ ความละอายและเกรงกลวั ต่อผลของบาป จึงทาใหไ้ มผ่ ดิ ศีลขอ้ ท่ี 2 - ความสารวมอินทรีย์ คือ ระมดั ระวงั ตา หู จมกู ลิน้ กาย และใจ ทาให้ ความใคร่ในกามคุณ คือ การ ติดในรูป รส กล่ิน เสียง สมั ผสั ลดนอ้ ยลง เมื่อความสารวมเกิดข้ึน จึงทาใหไ้ ม่ผิดศีลขอ้ ท่ี 3 - ความซื่อสัตย์ คอื การพูดความจริง เป็นสิ่งที่ทาใหไ้ ม่เกิดการมสุ าวาท ทาใหไ้ ม่ผดิ ศีลขอ้ ท่ี 4 - สติ คือ การรู้สึกตวั ทาใหช้ ีวิตไม่ประมาท เพราะรู้วา่ อะไรดี อะไรชวั่ ทาใหไ้ ม่เกลือกกล้วั กบั ส่ิงท่ี จะทาใหช้ ีวติ ตกต่า เช่น สุราเม่ือคนดื่มกินกท็ าใหม้ ึนเมาและขาดสติ การมีสติจึงทาใหไ้ มผ่ ิดศีลขอ้ ที่ 5 สรุปสาระสาคัญ บคุ คลที่มีบคุ ลิกภาพดีน้นั ไม่ไดม้ ีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองแคภ่ ายนอกดว้ ยการแตง่ กายหรือพฤติกรรมที่แสดงออกเท่าน้นั หากจาเป็นตอ้ งมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและพฒั นา บคุ ลิกภาพภายในก่อน จึงจะทาใหก้ ารพฒั นาบุคลิกภาพภายนอกประสบความสาเร็จได้ การพฒั นาบุคลิกภาพภายใน เป็นสิ่งท่ีอยภู่ ายในจิตใจ การจะทาใหเ้ ป็นผทู้ ี่มีจิตใจดีตอ้ งอาศยั การอบรมบ่มนิสัย การสร้างประสบการณ์มาต้งั แต่เกิด บุคลิกภาพภายในเป็นส่ิงท่ีละเอียดอ่อน ตอ้ ง ใชเ้ วลา บคุ คลควรไดร้ ับการพฒั นาเพ่ือการทางานร่วมกนั ในสังคม ส่ิงที่จะช่วยใหก้ ารพฒั นาจิตใจที่ ไดผ้ ลดีคอื การปฏิบตั ิตามหลกั ธรรมคาสอนของพทุ ธศาสนา การนาเบญจศีลและเบญจธรรมไปใช้ ในการดาเนินชีวิต จะทาใหบ้ ุคคลอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุข มีสมั พนั ธภาพที่ดี ทาใหก้ ารทางานไม่ เกิดความเครียด ความคบั ขอ้ งใจ ความโลภ ความโกรธ ความเห็นแก่ตวั

44 บทท่ี 4 การพฒั นาบุคลกิ ภาพในการทางาน การพฒั นาบุคลกิ ภาพในการทางาน บคุ ลิกภาพของบคุ คลมิใช่เร่ืองตายตวั เสมอไป เปลี่ยนแปลงได้ พฒั นาได้ ตามบทบาทและ อาชีพท่ีดาเนินอยู่ การพฒั นาบุคลิกภาพในการทางาน อาจแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ดา้ น ดว้ ยกนั คือ การพฒั นา บุคลิกภาพโดยทว่ั ไป การพฒั นาบุคลิกภาพดา้ นการเป็นผนู้ า และการพฒั นาบุคลิกภาพดา้ นความ เป็นผใู้ หญ่ สาหรับความเป็นผนู้ าน้นั ไดก้ ลา่ วไวแ้ ลว้ ในบทท่ีผา่ นมา ดงั น้นั ในท่ีน้ีจะกลา่ วถึงการ พฒั นาบคุ ลิกภาพโดยทวั่ ไปและบุคลิกภาพดา้ นความ เป็นผใู้ หญ่ ซ่ึงมีแนวทางการพฒั นา ดงั ต่อไปน้ี 1.การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพโดยท่ัวไป 1.1. การพฒั นาบคุ ลิกภาพทางกาย ควรใชเ้ คร่ืองแต่งกายท่ีสะอาดเรียบร้อย ใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั รูปร่าง ของตน ไมฟ่ ่ ฟู ่ าหรือนาสมยั จนเกินไป บุคลิกภาพทางกายเป็นส่ิงประทบั ใจคร้ังแรก ถา้ ใครโดน วจิ ารณ์วา่ เห็นใหม่ๆไม่ชอบ แต่พอใกลช้ ิดแลว้ จึงรู้วา่ น่าคบ นอกจากการดูแลตนเอง เรื่องการแตง่ กายและความสะอาด ควรตรวจสอบตนเองเก่ียวกบั ภาษาและกิริยาทา่ ทางดว้ ย ดงั คาพงั เพยท่ีวา่ “สาเนียงบอกภาษา กิริยาบอกสกุล” คาพงั เพยน้ียงั ใชไ้ ดด้ ีอยแู่ ต่บุคคลก็ตอ้ งไมล่ ืมวา่ หากใครมีชาติ กาเนิดหรือมีพ้นื ฐานด้งั เดิมท่ีไม่ดีนกั กิริยาท่าทางและภาษาท่ีใชป้ ระจาของตน ก็สามารถปรับปรุง ใหด้ ีข้ึนได้ มารยาทดี ภาษาดี ไม่จาเป็นตอ้ งมาจากรากฐานชาติสกุลท่ีดีเสมอไปทกุ คนพฒั นาได้ 1.2. การพฒั นาบุคลิกภาพทางสติปัญญา ความรู้สึกนึกคิด เจตคติ และความสนใจ ผทู้ างานโดยทว่ั ไป ไมจ่ าเป็นจะตอ้ งฉลาดเฉลียวมีไหวพริบสูงเสมอไป จึงจดั วา่ มีบุคลิกภาพดี ถา้ ทกุ คนฉลาดมาก เทา่ กนั ไปหมด คดิ อะไรเหมือนๆ กนั สนใจส่ิงคลา้ ยๆ กนั โลกคงน่าเบ่ือ ดงั น้นั เม่ือบุคคลคิดวา่ ตนเองมีความสามารถดา้ นใดเป็นพิเศษก็มพุ ฒั นาดา้ นน้นั แต่ก็ไม่ควรละเลยที่จะสะสมความรอบรู้ หรือความสนใจดา้ นอ่ืนๆ ดว้ ย เพราะจะทาใหม้ ีความคิดและความสนใจที่กวา้ งข้ึน อนั เป็นส่ิงจูงใจ ใหม้ ีเพ่ือนใหม่เพิ่มข้ึน มีคนอยากคบอยากสนทนาดว้ ยมากข้ึน และมีความมนั่ ใจในตนเอง คยุ กบั ใครๆ คบกบั ใครๆ ไดส้ บายใจ ดงั น้นั การมีส่วนร่วมในการทางานของสโมสร สมาคม และองคก์ าร ตา่ งๆ ร่วมในการกีฬาการละเลน่ หรือในกิจกรรมต่างๆ จะทาใหเ้ ป็นบุคคลที่มีความรอบรู้ กวา้ งขวาง ข้ึนเชื่อมน่ั ในตนเอง 1.3. การพฒั นาบคุ ลิกภาพทางอารมณ์ บคุ คลที่ตอ้ งการจะพฒั นาบุคลิกภาพทางอารมณ์ อาจเริ่มตน้

45 โดยสงั เกตและคดิ หาเหตุผลจากพฤติกรรมของเด็กในตวั เด็กจะมีการแสดง อารมณ์ต่างๆ การ แสดงออกทางอารมณ์ของเด็กจะเป็นไปตามธรรมชาติ เช่น เมื่อรักเม่ือชอบกจ็ ะแสดงความเป็น เจา้ ของในสิ่งท่ีรักหรือชอบอยา่ งเตม็ ท่ี เม่ือโกรธ เกลียดไมช่ อบกแ็ สดงออกมาไม่ปิ ดบงั อารมณ์ เหล่าน้ีเมื่อบุคคลเห็นเดก็ แสดง มกั รู้สึกวา่ ไม่สมควรทาและพยายามใหเ้ ดก็ หยดุ พฤติกรรมดงั กลา่ ว น้นั ซ่ึงถา้ ผใู้ หญ่เป็นผแู้ สดงพฤติกรรมดงั กล่าวเสียเอง สังคมกน็ ่าจะไม่ยอมรับ ดงั น้นั วธิ ีการท่ีดีกค็ อื อยา่ ปล่อยใหม้ ีอารมณ์พลงุ่ พลา่ น เพราะจะทาใหบ้ ุคคลกา้ วร้าวหยาบคายต่อเพื่อนร่วมงาน ต่อ ผบู้ ริหาร ลูกคา้ และบุคคลทวั่ ไป หรือแมแ้ ตก่ ารแสดงออกซ่ึงความรักความชอบก็ควรจะสารวมให้ อยใู่ นระดบั ท่ีพอดีเพ่ือใหเ้ ป็นท่ียอมรับของบุคคลทวั่ ไปดว้ ย 1.4. การพฒั นาบุคลิกภาพทางสงั คม บุคลิกภาพทางสงั คม เช่น กิริยาทา่ ทาง น้าเสียง ภาษาพดู การ แต่งกาย และการวางตน เป็นปัจจยั เบ้ืองตน้ ที่จูงใจ ใหบ้ ุคคลอื่นๆ อยากคบหาสมาคมดว้ ย แต่ก็เป็น เพียงเบ้ืองตน้ เทา่ น้นั ปัจจยั ท่ีจะทาใหม้ ิตรภาพยง่ั ยนื มาจากคณุ สมบตั ิท่ีอยภู่ ายในตวั บุคคล เช่น น้าใจที่ใหผ้ อู้ ื่น ความไม่เห็นแก่ตวั ความซื่อสตั ย์ ความบริสุทธ์ิใจ การรู้จกั ใจเขาใจเรา ความเป็นคน ตรงตอ่ เวลา ซ่ึงสิ่งเหลา่ น้ีบคุ คลควบคุมตนเองใหป้ ระพฤติปฏิบตั ิได้ และเม่ือทาไปนานๆ กจ็ ะเกิด ความเคยชินและกลายเป็นลกั ษณะประจาตวั เกี่ยวกบั การแสดงออกทางสังคมน้ี มีแนวคิดที่ไมต่ าย ยงั เป็นที่ยอมรับนบั ถือในสังคมสมยั ใหม่ ไดแ้ ก่ หลกั การพฒั นาบคุ ลิกภาพตามแนวของยอร์ช วอชิงตนั ท่านประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ดงั น้ี 1. การกระทาทกุ อยา่ งในหมู่คณะ ควรที่จะทาโดยแสดงใหเ้ ห็นวา่ เราเคารพผทู้ ่ีร่วม 2. อยา่ หลบั ในเมื่อคนอ่ืนๆ กาลงั พดู อยู่ อยา่ นงั่ เม่ือผอู้ ื่นยนื อยา่ พูดในเมื่อควรจะน่ิง อยา่ เดิน ใน เม่ือคนอ่ืนๆ หยดุ เดิน 3. ทาสีหนา้ ใหช้ ื่นบาน แต่ในกรณีท่ีมีเรื่องร้ายแรงพงึ ทาสีหนา้ ใหเ้ คร่งขรึมบา้ ง 4. อยา่ โตเ้ ถียงกบั ผทู้ ี่อยเู่ หนือกวา่ แต่พงึ เสนอขอ้ วินิจฉยั ของตนแก่ผนู้ ้นั อยา่ งอ่อนนอ้ มถ่อม ตน 5. เมื่อผใู้ ดพยายามทางานจนสุดความสามารถแลว้ แมจ้ ะไมไ่ ดร้ ับผลสาเร็จเป็นอยา่ งดี ก็ไม่ ควรจะตาหนิติเตียนเขา 6. อยา่ ใชถ้ อ้ ยคารุนแรงติเตียนหรือดุด่าผหู้ น่ึงผใู้ ด 7. อยา่ ผลีผลามเชื่อขา่ วลือที่ก่อความกระทบกระเทือนใหแ้ ก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด

46 8. อยา่ รับทาในส่ิงท่ีตนไมส่ ามารถทาได้ แต่เม่ือสัญญาอยา่ งใดแลว้ ก็ตอ้ งทาตามสัญญาน้นั หลกั การพฒั นาบคุ ลิกภาพทางสงั คมท้งั 8 ประการของท่านอดีตประธานาธิบดียอร์ช วอชิงตนั ดงั กล่าวน้ีหากปฏิบตั ิไดค้ รบถว้ นไมว่ า่ จะเป็นนกั ธุรกิจหรือ ผทู้ างานอ่ืนใด ก็น่าจะมีแนวโนม้ ไดร้ ับ ความสาเร็จในชีวติ ที่นอกเหนือจากการมีบคุ ลิกภาพดี 2. การพฒั นาความเป็ นผู้ใหญ่ ผทู้ ี่ทางานควรฝึกตนใหม้ ีความเป็นผใู้ หญ่ ดงั น้ี 1.สร้างความเชื่อมน่ั ในตนเอง คอื พ่ึงตนเอง มีความรู้สึกมน่ั คง วนิ ิจฉยั ปัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง ตดั สินใจไดด้ ว้ ยตนเอง สามารถคาดการณ์ล่วงหนา้ ไดพ้ อประมาณวา่ ถา้ ลงมือกระทาไปแลว้ จะ ไดร้ ับผลอยา่ งไร 2.พยายามวเิ คราะห์ประเมินตนเองอยา่ งแทจ้ ริง คอื พิจารณาวา่ ตนมีความสามารถใดและ ขาดความสามารถทางใด แลว้ ใชค้ วามสามารถที่มีอยใู่ หไ้ ดป้ ระโยชนม์ ากท่ีสุด พยายามเปล่ียนสิ่งที่ พอจะเปลี่ยนได้ ส่ิงท่ีเปลี่ยนไมไ่ ด้ ส่ิงที่เปล่ียนไม่ไดก้ ็อยา่ นามาคานึงถึงจนกลายเป็นความวิตกกงั วล 3.ทาใจใหพ้ ร้อมในการเผชิญความจริง โดยคิดวา่ ในโลกน้ีมีข้ึนมีลงมีท้งั สิ่งดีและไมด่ ี มีท้งั คนดีมากและคนดีนอ้ ย เรากเ็ หมือนคนอื่นๆ คือประสบท้งั สิ่งดีและไม่ดีในชีวิต เราอาจพบหวั หนา้ งาน เพือ่ นร่วมงาน และลูกนอ้ งบางคนท่ีดีมาก แต่บางคนก็ทาใหเ้ รายุ่งยากใจในการทางานร่วมดว้ ย คนบางคนเป็นคนดีตามที่เราตอ้ งการ แต่บางคนถึงกบั ทาใหเ้ ราลม้ หมอนนอนเส่ือ ส่วนชีวติ ของเรา น้นั บางตอนกด็ ูราบร่ืนมน่ั คง บางตอนก็ทาท่าจะไปไม่ไหว คนท่ีมีความเป็นผใู้ หญ่คือ คนซ่ึงไมว่ า่ จะอยใู่ นสถานการณ์ใดยงั พร้อมอยเู่ สมอที่จะปรับปรุงชีวิตของตน เองใหด้ ีข้ึน ไม่หวนั่ ไหวไปกบั การเปล่ียนแปลงท่ีเป็นไปตามกฎธรรมชาติจนเกินกวา่ เหตุ 4.ฝึกตนใหม้ ีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเองไมว่ า่ จะอยใู่ นสถานการณ์ ใด คือ มีอารมณ์มนั่ คง ไม่ปลอ่ ยตนเป็นทาสของอารมณ์ตามธรรมชาติไปเสียหมด โดยธรรมชาติ ของชีวติ น้นั บางคนก็ร่าเริงมีความสุข บางคร้ังก็เศร้าหมองหดหู่ บางคร้ังกโ็ กรธเกลียดไมช่ อบใจ แต่ ก็ตอ้ งทาใจวา่ ชีวิตใครๆ กเ็ ป็นอยา่ งน้ี “ชว่ั เจ็ดที ดีเจ็ดหน” การมีดีบา้ งชว่ั บา้ งก็ทาใหช้ ีวิตมีรสชาติ ดงั น้นั เมื่อมีความสุขก็อยา่ ปล่อยใหค้ วามปิ ติยนิ ดีมาทาใหเ้ ราร่าเริงจนผิด กาลเทศะ หรือเมื่อเศร้า หมองหดหู่ใจกอ็ ยา่ ปล่อยตนจมอยกู่ บั ความเศร้าโศกจนทาอะไรไม่ไดห้ รือขาดสมาธิในการทางาน

47 การยม้ิ สูเ้ ขา้ ไวก้ น็ ่าจะเป็นทางออกที่ดีและอยา่ คิดส้นั ควรใหโ้ อกาสแก่ตนเองในการเผชิญกบั ปัญหา การฆ่าตวั ตายหนีความลม้ เหลวเป็นวิสยั ของผทู้ ่ีไมม่ ีความเป็นผใู้ หญ่ 5.ฝึกตนใหท้ างานโดยมีการวางแผนและเป้าหมาย คอื ไม่ปลอ่ ยชีวิตใหเ้ ป็นไปตามลมเพลม พดั เม่ือจะทางานกค็ วรจะถามตวั เองวา่ ทาเพ่ือใคร ทาอะไร ทาเม่ือใด และทาอยา่ งไร มีการ เตรียมการลว่ งหนา้ กาหนดกิจกรรมตา่ งๆ ไวล้ ่วงหนา้ วิธีการดงั กลา่ วน้ี จะช่วยใหก้ า้ วหนา้ อยา่ งมี จงั หวะ และทาใหช้ ีวิตในแต่ละวนั มีความหมายสาหรับตน 6.รู้จกั บงั คบั ใจตนเอง คอื ทาตนใหม้ ีความสามารถในการ”รอ” สิ่งท่ีตอ้ งการได้ ผใู้ ดก็ตาม ถา้ ไมส่ ามารถรอส่ิงที่ตอ้ งการได้ นบั วา่ ยงั ไม่เป็นผใู้ หญ่ ท้งั ยงั มีผลทาใหบ้ ุคลิกภาพดา้ นอื่นๆ พลอย เสียไปดว้ ย และแสดงวา่ ยงั ไม่พร้อมสาหรับการมีบุคลิกภาพที่ดี ความสามารถในการรอคอย ยงั ช่วย ใหม้ ีสัมพนั ธภาพที่ดีกบั ผอู้ ื่น และแกป้ ัญหาทางอารมณ์ไดม้ าก เช่น สามารถรอคอยผทู้ ่ีผิดนดั ได้ หรืออดทนรอการอนุมตั ิในบางเรื่องที่สาคญั ต่อ 7.ตระหนกั ในคุณค่าของตนเองและของผอู้ ่ืน คอื รู้จกั ยอมรับในคณุ ค่าของผอู้ ่ืนท่ีไมเ่ หมือน ตน เช่น คนบางคนเห็นวา่ เงินและทรัพยส์ มบตั ิคอื จุดหมายปลายทางของชีวติ บางคนเห็นวา่ คณุ คา่ ท่ี สาคญั สาหรับเขาคือมีความรู้สูง มีผลสาเร็จทางธุรกิจบางคนยดึ ถืออุดมการณ์หรืออดุ มคติบางอยา่ ง แลว้ ก็มงุ่ มน่ั ไปสู่แนวความคิดน้นั บางคนหาความพอใจใหช้ ีวติ โดยแต่งกายสวยหรู ในสิ่งของราคา แพง แต่บางคนชอบความเป็นอยงู่ ่ายๆ วนั หยดุ ก็ยงิ นกตกปลาไปตามเรื่อง ความแตกต่างระหวา่ ง บคุ คลดงั กลา่ ว ถา้ ทาใจใหย้ อมรับ ไม่มองคนอื่นที่ไม่เหมือนเราวา่ ผิด ไม่พยายามเปล่ียนคนอ่ืนให้ ยดึ ถือเหมือนเราไปเสียหมด กจ็ ะทาใหเ้ ราอยู่กบั เขาไดส้ บายใจข้ึน ทาใหม้ ีสุขภาพจิตดี บคุ ลิกภาพ ของเรากด็ ีข้นึ 8.พยายามปรับชีวิตใหเ้ ขา้ กบั สังคม คือ ทาตนใหม้ ีความสุขในทุกสภาพของส่ิงแวดลอ้ ม เรา อาจเป็นคนชอบสันโดษ แต่ถา้ เขามีงานร่ืนเริงในที่ทางานไม่วา่ จะในระหวา่ งเพือ่ น ระหวา่ ง ผบู้ งั คบั บญั ชากบั ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา เราก็ตอ้ งแสดงความพอใจที่จะร่วมดว้ ยได้ หรือเราอาจมีวธิ ี ทางานที่ตา่ งไปจากคนอื่น แต่เราก็ตอ้ งสามารถผ่อนปรนไดบ้ า้ งโดยไมก่ ระทบกระเทือนถึงอิสระใน ความคิดอา่ น ของผอู้ ่ืน

48 9.ควบคุมตนใหค้ ิดถึงผอู้ ่ืนมากกวา่ คิดถึงตนเอง คอื สนใจผอู้ ื่นมากกวา่ สนใจตนเอง ช่วยเหลือการงานของผูอ้ ื่น เอาใจใส่ในสารทกุ ขส์ ุกดิบของผอู้ ื่น เช่นน้ีอาจจะทาใหเ้ รามีความสุขได้ ความสุขใจเป็นปัจจยั ของการมีบคุ ลิกภาพดีไดอ้ ีกประการหน่ึง 10.ฝึกความอดทนและอดกล้นั ใหก้ บั ตนเอง คือ อดทนต่อความคิดของผอู้ ่ืนที่ขดั แยง้ กบั ตน อดทนกบั พฤติกรรมของคนบางคน อดทนกบั การถูกมองขา้ มในสิ่งที่ไม่อยากใหเ้ ขามองขา้ ม ยอมรับฟังคาวิจารณ์จากคนอื่นโดยพยายามคดิ วา่ คาวิจารณ์ตา่ งๆ เหล่าน้นั จะทาใหต้ นไดป้ รับปรุง เรื่องท่ีไม่พอใจบางเร่ืองควรพยายามลืม เม่ือไม่ชอบใจใครไม่ควรใชว้ ิธีพร่าบ่น เน่ืองจากอาจสร้าง ความราคาญใหผ้ อู้ ่ืน และพลอยทาใหผ้ อู้ ื่นมีปัญหาทางอารมณ์ไปดว้ ย 11.มีความสามารถในการรับและแกไ้ ขสิ่งท่ีไม่ชอบ คอื ไมค่ วรหวั เสียหรือพร่าพรรณนาใน โชคชะตาของตนเองใหผ้ อู้ ่ืนรับฟังไมห่ ยดุ หยอ่ น เพราะไม่วา่ จะทาอะไร มีอาชีพอยา่ งไร อยใู่ น ตาแหน่งใด หรือสมั พนั ธ์เก่ียวขอ้ งกบั ใครก็จะตอ้ งมีส่ิงไมช่ อบรวมอยดู่ ว้ ยท้งั สิ้น 12.ใชค้ วามสามารถท่ีมีอยใู่ หเ้ ป็นประโยชน์ท้งั ตนเองและองคก์ ารใหม้ ากที่สุด ดงั ตวั อย่าง ในชีวิตประจาวนั ที่มกั พบวา่ มีคนมากมายท่ีมีทกั ษะทางานเก่ง แตเ่ ก็บความรู้ความสามารถเหล่าน้นั ใส่ลิน้ ชกั ไว้ แลว้ ทางานเทา่ ที่ไดร้ ับคาสัง่ ใหท้ า ทางานเพยี งเพ่อื แลกกบั คา่ ตอบแทนใหพ้ ออยไู่ ด้ การ ดาเนินงานดงั กล่าวน้ี มกั ไมน่ าพาไปสู่ความกา้ วหนา้ หรือความสาเร็จในชีวติ 13.สร้างความรู้สึกพอใจที่จะไดป้ ฏิบตั ิตามระเบียบขอ้ บงั คบั ท้งั น้ี เพราะกฎและระเบียบทา ใหอ้ ยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งปกติสุข ถา้ หากทุกคนเคารพใ กฎและระเบียบน้นั กฎเกณฑใ์ ดในองคก์ ารที่เรา รู้สึกวา่ มนั เป็นไปไดใ้ นแงข่ องการปฏิบตั ิ ผทู้ ี่มีลกั ษณะเป็นผใู้ หญแ่ ลว้ ควรสามารถที่จะเสนอ ขอ้ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไดโ้ ดยสนั ติวธิ ี โดยอ่อนนอ้ มถอ่ มตน และโดยเลือกจงั หวะเวลาที่เหมาะสมใน การนาเสนอขอ้ คิดเห็นวิธีการดงั กลา่ วน้ี จะช่วยสร้างบรรยากาศท่ีดีไดใ้ นองคก์ าร ส่งผลใหท้ างาน ร่วมกนั ไดโ้ ดยราบรื่น ซ่ึงจะนามาสู่ผลดีในการปฏิบตั ิงาน ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของงาน

49 บทที่ 5 การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพของผู้ให้บริการ ความสาคัญของบคุ ลกิ ภาพต่องานบริการ บคุ ลิกภาพ สร้างความรู้สึกต่อผพู้ บเห็นวา่ ชอบหรือไมช่ อบ หรือเกิดความรู้สึกต่อคน ๆ น้นั อยา่ งไร เช่น เป็นคนมีเสน่ห์น่าคบหาสมาคมดว้ ย มีสงา่ น่าเกรงขาม หรือกลบั เป็นตรงขา้ มคือ ไม่น่า คบเสียเลย บุคลิกภาพทาใหค้ นเกิดความรู้สึกทางใจ ซ่ึงทาใหเ้ กิดอารมณ์แต่เพียงอยา่ งเดียว ไม่ตอ้ ง ใชค้ วามคดิ สติปัญญา หรือการตดั สินใจที่ตอ้ งใช้เหตุผลใด ๆ ท้งั สิ้น ลกั ษณะบคุ ลกิ ภาพทผ่ี ู้ให้บริการพงึ พจิ ารณา นกั จิตวทิ ยาแบง่ ลกั ษณะบคุ ลิกภาพออกเป็นแบบต่าง ๆ เพื่อเลือกอธิบายตามทฤษฎีของตน ท่ีใคร่จะกล่าวถึงในท่ีน้ีคือ การแบง่ บคุ ลิกภาพเพ่ือแสดงผลดีผลเสียของแต่ละประเภท ซ่ึงสามารถ แบง่ เป็น 3 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ลกั ษณะดึงดูด ลกั ษณะเป็นกลาง และลกั ษณะผลกั ใส ซ่ึงแต่ละลกั ษณะจะ ใหผ้ ลในแตล่ ะสถานการณ์ต่างกนั ออกไป ยงั มีลกั ษณะที่กลา่ วถึงกนั มากในอีกทฤษฎีหน่ึง แบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 2 ประเภท คอื ลกั ษณะที่เกบ็ ตวั (introvert) และลกั ษณะที่แสดงตวั (extrovert) และในแต่ละลกั ษณะมีขอ้ เสีย รวมอยดู่ ว้ ยกนั คนทว่ั ไปจะมีสองลกั ษณะผสมกนั แต่บางคนมีลกั ษณะหนกั ไปทางดา้ นเก็บตวั ซ่ึง เหมาะสมสาหรับหนา้ ที่การงานบางอยา่ ง เช่น เป็นนกั คิด นกั ประดิษฐ์ นกั บญั ชี ฯลฯ พวกที่มี ลกั ษณะแสดงตวั ก็เหมาะแก่งานติดตอ่ กบั บคุ คลมากหนา้ หลายตา เป็นบรรณารักษ์ เจา้ หนา้ ที่ หอ้ งสมดุ นกั ธุรกิจ นกั การเมือง พนกั งานขาย แทจ้ ริงแต่ละคนมิใช่จะมีลกั ษณะของบุคลิกภาพตามที่กลา่ วถึงขา้ งตน้ น้ีเท่าน้นั ยงั มี บุคลิกลกั ษณะอยา่ งหน่ึงที่โต๊ะอาหาร ในงานสงั คม ในหอ้ งประชุม กบั ญาติ กบั เพ่ือน กบั คนแปลก หนา้ จะมีการปรับใหเ้ ขา้ กบั ภาวการณ์ในขณะน้นั ผู้ให้บริการควรมีบุคลกิ ภาพเช่นไร โดยที่ บคุ ลิกภาพ เป็นการรวมลกั ษณะตา่ ง ๆ ที่มีอยใู่ นตวั บคุ คลหน่ึง ๆ อนั ประกอบดว้ ย รูปร่าง ลกั ษณะ อากปั กริยา คาพดู น้าเสียง การแสดงทา่ ทาง รวมถึงพฤติกรรมท่ีแสดงออก อปุ นิสัย ใจคอ ทศั นคติ ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ จึงแยกพจิ ารณาบุคลิกภาพท่ีดีไดก้ วา้ ง ๆ ดงั น้ี

50 1. ส่วนเก่ียวกบั กาย ไดแ้ ก่ การมีสุขภาพพลานามยั ดี แตง่ กายสะอาดและเรียบร้อย กิริยาท่าทางสงา่ ทา่ ทางร่าเริง แจ่มใส วอ่ งไว แตไ่ ม่ใช่หลุกหลิกลุกลน 2. เสียงและภาษาที่พดู น้าเสียงแจ่มใส ชดั เจน ไมเ่ บาและไมด่ งั เกินไป พูดจาฉะฉาน ไดเ้ ร่ืองไดร้ าว ไม่เพอ้ เจอ้ หรือพูดคลมุ เครือ ภาษาท่ีพดู เป็นภาษาที่คนทว่ั ไปเขา้ ใจ ใชภ้ าษาเหมาะแก่บุคคลและถูก กาลเทศะ คณุ ลกั ษณะประจาตวั อื่น ๆ เช่น มีความอดทนและอดกล้นั ตอ่ สิ่งภายนอกท่ีมากระทบจิตใจ สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ไมห่ วนั่ ไหว ไม่แสดงออกถึงลกั ษณะของคนเจา้ อารมณ์ เป็นคนท่ีรับฟัง ความคิดเห็น และฟังขอ้ ขดั แยง้ ของผอู้ ื่นดว้ ยอารมณ์ปกติ เขา้ ใจอะไรไดร้ วดเร็ว เป็นผมู้ ีวิจารณญาณ ไตร่ตรอง สุขมุ คมั ภีรภาพ สามารถเขา้ ใจอะไรไดถ้ กู ตอ้ ง ตดั สินใจไดเ้ ร็วและเหมาะสม วนิ ิจฉยั ปัญหาถูกตอ้ งตามที่ควรจะเป็น บคุ ลิกภาพท่ีไม่ดี ซ่ึงเป็นสิ่งควรระวงั ไดแ้ ก่ ขาดความคิดริเริ่ม เฉื่อยชา ผดั วนั ประกนั พรุ่ง ขาดความสงั เกต ขาดความรับผิดชอบ ขาดความระมดั ระวงั ขาดความสามารถในการทางาน ขาดการ ปรับปรุงตวั ผ้ใู ห้บริการควรปรับปรุงบคุ ลิกภาพอย่างไร ทุกคนควรสารวจวา่ ตนเองมีบุคลิกภาพในลกั ษณะใด เหมาะสมในการงานและการดาเนิน ชีวิตประจาวนั ในสังคมหรือไม่ ตอ่ จากน้นั อาจวางแนวทางปรับปรุงบคุ ลิกภาพ ท้งั น้ีคงจะตอ้ งใช้ เวลาประกอบดว้ ยความพยายามและความมนั่ คง การปรับปรุงในเบ้ืองตน้ ไม่เหลือบา่ กวา่ แรงอะไร เพยี งแตร่ ะมดั ระวงั รักษาสุขภาพท้งั ทาง ร่างกายและจิตใจ กจ็ ะเป็นเหตสุ ่งเสริมแกไ้ ขดดั แปลงบคุ ลิกภาพใหด้ ีข้ึน คนทว่ั ไปยอมรับมาตรฐาน ของสังคมในเร่ืองความสะอาดท้งั ร่างกายและเคร่ืองแตง่ กาย การมีกิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย พูดจา ฉะฉาน ชดั ถอ้ ยชดั คา ไดเ้ รื่องไดร้ าว ไม่พูดหยาบเพอ้ เจอ้ ท่าทางเขม็ แขง็ แคลว่ คล่อง สง่าผา่ เผย อ่อนโยนแตไ่ ม่อ่อนแอ ควบคมุ อารมณ์ไดด้ ี มีทศั นคติท่ีดีต่อเพื่อนร่วมงานและสถาบนั นบั แต่ ครอบครัวจนถึงสังคมภายนอก หากวางแนวทางไวเ้ ช่นน้ีก็จะกา้ วไปไดเ้ ร่ือย ๆ ไม่หลงทาง วิธีปรับปรุงแกไ้ ขใหม้ ีบุคลิกภาพท่ีดีข้นึ โดยการพจิ ารณาการปฏิบตั ิตนให้เป็นคนใจกวา้ ง ใหค้ วามร่วมมือกบั ผอู้ ่ืน เป็นตวั ของตวั เอง แสวงหาคาแนะนา กระทาแต่ส่ิงที่ถกู ตอ้ งดว้ ยความต้งั ใจ และไมย่ อ่ ทอ้ ตรวจสอบผลความกา้ วหนา้ ของตนเองอยเู่ สมอ

51 การเสริมสร้างบคุ ลกิ ภาพ 1. การมอง สายตาสามารถบอกถึงความรัก ความเกลียดชงั ความเมตตาปรานี ความโกรธแคน้ ความ เคารพนบั ถือ หรือความเหยยี ดหยาม ดูหมิ่นดูแคลน ฉะน้นั เม่ือเรามองใคร เราจะตอ้ งพยายามใช้ สายตาดว้ ยความสุภาพเรียบร้อย ระวงั ในการใชส้ ายตาอยา่ ใหค้ นอื่นเกิดความเขา้ ใจผิดได้ 2. การแต่งกาย ตอ้ งคานึงถึงความสะอาดเรียบร้อย ถกู ตอ้ งและเหมาะสมกบั กาลเทศะ แต่งกายให้ พอดี อยา่ ใหม้ ากเกินไปจนกลายเป็นน่าเกลียด 3. การพูด ตอ้ งมีศิลปะในการพดู พดู ใหช้ นะใจผฟู้ ัง โดยจะตอ้ งใชค้ าพดู ท่ีมีเหตผุ ล สุภาพ ไพเราะ และใชค้ าพูดท่ีเหมาะสมกบั ผฟู้ ัง (โดยคานึงถึงวยั เพศ ระดบั การศึกษา อาชีพ และความสนใจพิเศษ ของผฟู้ ัง) สถานที่ เวลา และโอกาส 4. การเดิน ตอ้ งระมดั ระวงั ไม่ใหเ้ กิดเสียงดงั จนเกินไป ซ่ึงจะทาใหเ้ ป็นที่รบกวนผอู้ ื่น ตอ้ งเดินให้ตวั ตรง อกผายไหลผ่ ่ึง เดินใหม้ ีทา่ ทางสง่าและเรียบร้อย ไมเ่ ดินผา่ กลางผอู้ ่ืนที่ยนื สนทนากนั อยู่ 5. การแสดงทา่ ทาง ตอ้ งระวงั ทา่ ทางท่ีไม่สวยงาม เวลาพูดหรือทาอะไรกต็ าม อยา่ มีการแสดงทา่ ประกอบมากเกินไปจนน่าเกลียด หรือแสดงทา่ ท่ีไมส่ ุภาพ 6. ทกั ษะในการทางาน ในการทางานใด ๆ ก็ตามจะตอ้ งทาใหด้ ีท่ีสุดเท่าที่จะดีได้ ตอ้ งทาดว้ ยทา่ ทาง คลอ่ งแคลว่ ดว้ ยความชานาญ และใหไ้ ดผ้ ลงานดีเด่น 7. สุขภาพ ตอ้ งระวงั สุขภาพใหด้ ี อยา่ ใหม้ ีโรค ระวงั รักษาสุขภาพร่างกายใหส้ มบรู ณ์แขง็ แรงอยู่ เสมอ

52 บรรณนานุกรม บทท่ี 1 การพฒั นาบคุ ลิกภาพ (ออนไลน์) แหล่งท่ีมา Chapter3-Service.pdf (spvc.ac.th) สืบคน้ เม่ือวนั ที่ 19 กรกฎาคม 2564 บทท่ี 2 การพฒั นาบคุ ลิกภาพภายนอก (ออนไลน์) แหล่งท่ีมา (personalitydevelopment111.blogspot.com) สืบคน้ เม่ือวนั ท่ี 20 กรกฎาคม 2564 บทท่ี 3 การพฒั นาบคุ ลิกภายใน (ออนไลน์) แหลง่ ที่มา (personalitydevelopment111.blogspot.com) สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 20 กรกฎาคม 2564 บทท่ี 4 การพฒั นาบุคลิกภาพในการทางาน (ออนไลน์) แหล่งที่มา Darunsit Pattanarangsan (google.com) สืบคน้ เม่ือวนั ท่ี 22 กรกฎาคม 2564 บทที่ 5 การพฒั นาบุคลิกภาพของผใู้ หบ้ ริการ (ออนไลน์) แหล่งท่ีมา รายวชิ าปรับพ้นื ฐานวชิ าชีพ (google.com) สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 23 กรกฎาคม 2564


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook