Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดกิจกรรมที่2 เรื่องกำเนิดของสิ่งมีชีวิต

ชุดกิจกรรมที่2 เรื่องกำเนิดของสิ่งมีชีวิต

Published by djp.saithara, 2018-07-01 11:59:11

Description: กำเนิดของสิ่งมีชีวิต

Keywords: วิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

ชุดที่ 2 กำเนิดของส่ิงมชี วี ิต 1 คำนำ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรู้แบบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) รายวิชาชีววิทยา(ว33242) เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ทเ่ี น้นผู้เรยี นเป็นสาคญั ผู้เรียนสามารถนาไปฝึกปฏบิ ัติหรือเรยี นรู้เพิ่มเตมิ ด้วยตนเอง ทง้ั ในและนอกเวลาเรียน โดยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละชุดประกอบด้วยเอกสาร 2 ส่วน คือ คู่มือครูและชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ท้ังนี้เพื่อให้ผู้เรียนนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปดาเนินการกิจกรรมต่างๆ ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพตรงตามจุดมุ่งหมายของการสร้างชุดกจิ กรรม ซ่ึงชุดกิจกรรม เรอ่ื ง ความหลากหลายทางชีวภาพ ประกอบด้วย8 ชุดกจิ กรรม ดงั นี้ 1. ชดุ กิจกรรมที่ 1 การศกึ ษาความหลากหลายทางชวี ภาพ 2. ชดุ กจิ กรรมที่ 2 กาเนิดของส่งิ มีชีวิต 3. ชดุ กจิ กรรมท่ี 3 อาณาจักรมอเนอรา 4. ชดุ กจิ กรรมท่ี 4 อาณาจกั รโพรตสิ ตา 5. ชดุ กจิ กรรมท่ี 5 อาณาจกั รพืช 6. ชดุ กจิ กรรมท่ี 6 อาณาจักรฟงั ไจ 7. ชดุ กิจกรรมท่ี 7 อาณาจกั รสัตว์ 8. ชุดกจิ กรรมที่ 8 ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย ชุดกิจกรรมน้ีเป็นชุดท่ี 2 เร่ือง กาเนิดของส่ิงมีชีวิต ซึ่งประกอบด้วย คาช้ีแจง ผลการเรียนรู้จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ เวลาที่ใช้ วิธีใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื และอุปกรณก์ ารเรยี นรู้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ซ่ึงเป็นแบบตัวเลือก 4 ตัวเลือก จานวน 10 ข้อ พร้อมกับบัตรความรู้และบัตรกิจกรรม รวมท้ังมีแบบทดสอบหลังเรียนและเฉลยแบบทดสอบและบัตรกิจกรรม ทา้ ยสุดมีแบบบันทึกคะแนนก่อนเรียน ระหว่างเรียน และหลังเรียน ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดการเรียนรู้น้ี จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน สาหรับครู นักเรียนและผทู้ สี่ นใจ เพื่อใชใ้ นการพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นตอ่ ไป นางสาวสายธารา เดชเจริญพร ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชั้นมัธยมศึกษำปที ่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต 2 สำรบัญ หนำ้ 1เร่ือง 2คานา 3สารบัญ 4คาช้ีแจง 5การใชช้ ดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 6ผลการเรยี นรู้ 6จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 7เน้ือหาสาระ 8บทบาทของนักเรยี น 11แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 12บตั รกิจกรรมการเรยี นร้ทู ่ี 1 16บตั รความรทู้ ่ี 1 18บตั รกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ 2 21บตั รความรูท้ ี่ 2 22บตั รกิจกรรมการเรียนรทู้ ่ี 3 27บัตรความร้ทู ี่ 3 29บตั รกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ี่ 4 32แบบทดสอบหลังเรียน 33บรรณานุกรม 34ภาคผนวก 35แบบบันทกึ คะแนนระหวา่ งเรียน 36เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรยี น 42เฉลยบัตรกิจกรรม 47แบบสงั เกตพฤติกรรมนักเรียน และประเมินคณุ ลักษณะแบบประเมินผังความคิด ชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวฏั จกั รกำรเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษำปที ี่ 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของส่ิงมีชีวิต 3คำชีแ้ จง ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ ตามกระบวนการสืบเสาะหาความร้แู บบวฏั จักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) รายวชิ าชีววทิ ยา(ว33242) เร่อื ง ความหลากหลายทางชีวภาพ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 ชุดกจิ กรรมน้ีประกอบด้วยชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ 8 ดังน้ีชุดที่ ช่อื ชุดกจิ กรรม จำนวนชั่วโมง 1 การศกึ ษาความหลากหลายทางชีวภาพ 2 2 กาเนดิ ของสงิ่ มีชวี ิต 2 3 อาณาจักรมอเนอรา 2 4 อาณาจักรโพรตสิ ตา 2 5 อาณาจักรพชื 2 6 อาณาจักรฟังไจ 2 7 อาณาจักรสตั ว์ 2 8 ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย 2 16 รวม ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ฉบับนี้เป็นชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ชุดท่ี 2 เรื่อง กำเนิดของส่ิงมีชีวิต ซ่ึงนักเรียนจะได้ศึกษาเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ เพ่ือศึกษาเก่ียวกับความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต โดยใช้เวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมทัง้ หมด 2 ชั่วโมง และให้นักเรยี นศกึ ษาชุดกจิ กรรมตามลาดบั ขนั้ ตอนตอ่ ไปนี้ ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนดิ ของส่ิงมีชวี ิต 4กำรใช้ชุดกิจกรรมกำรเรียนรู้ ข้นั เตรยี มก่อนใช้ชุดกิจกรรม 1. ทาการศึกษาคน้ ควา้ ในเรื่องที่ตนเองจะเรยี นหรอื ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมมาก่อนล่วงหนา้ เพอ่ื ให้เข้าใจใน บทเรยี นได้ดแี ละรวดเร็วยง่ิ ขึ้น 2. เตรียมความพร้อมของตนเองสาหรบั การปฏบิ ัติกิจกรรมรว่ มกับเพอ่ื นในห้องเรียนกับเพ่ือนใน ห้องเรยี นและเพ่ือนร่วมกลมุ่ 3. คาแนะนาในการปฏิบตั ิงานกลมุ่ 3.1 เลอื กประธานกลุ่มเพ่ือเป็นผนู้ าในการดาเนนิ การจัดการเรยี นรู้ และเลขากล่มุ เพื่อบนั ทึก ขอ้ มูลในการปฏิบัติกจิ กรรมต่างๆ 3.2 สมาชกิ ทกุ คนตอ้ งมสี ่วนร่วม ชว่ ยเหลอื ซึ่งกันละกัน และรบั ผิดชอบรว่ มกนั 3.3 ตง้ั ใจปฏบิ ตั กิ ิจกรรมอย่างเต็มความสามารถและรอบคอบ 4. ใชก้ ล่มุ เดมิ ตลอดการเรยี นด้วยชดุ กจิ กรรมการเรียนรนู้ ี้ ขัน้ กำรใชช้ ดุ กิจกรรม 1. ศึกษาภาระงานใหเ้ ขา้ ใจ และปฏิบัตติ ามลาดบั ข้นั ตอน 2. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมดว้ ยตนเอง ไม่ลอกเพอื่ นและไม่ให้เพ่ือนลอก 3. ศกึ ษากจิ กรรมด้วยความต้งั ใจแลว้ ทาการวเิ คราะหเ์ นอื้ หาและสรุปเพือ่ ให้เข้าใจไดง้ ่ายๆ 4. ศึกษาคาชี้แจงของกจิ กรรมโดยการระดมความคดิ ในกลุ่ม เพ่ือตอบคาถามให้ตรงตามทฤษฎขี อง เร่อื งทเี่ รียน ไมต่ อบโดยไม่มีเหตผุ ลหรอื ไม่มีทฤษฎรี องรับ 5. ร่วมอภิปรายกับครดู ว้ ยความต้งั ใจ จดความรู้ใหม่ และซักถามทนั ทีเม่ือไม่เข้าใจ 6. มคี วามสามัคคี มนี า้ ใจ ภาคภมู ิใจในผลงานของกลมุ่ โดยไม่เอาเปรยี บด้วยการนัง่ เฉยหรือก่อ ความว่นุ วายในหอ้ งเรยี น ข้นั หลงั ใช้ชดุ กิจกรรม 1. ทาแบบทดสอบหลงั เรียน 2. รวบรวมผลงานทไ่ี ด้จากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมส่งครู เพื่อประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 3. จดั เกบ็ อุปกรณ์ทุกช้นิ ให้เรยี บรอ้ ย ชุดกิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวัฏจกั รกำรเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชนั้ มธั ยมศึกษำปที ่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของส่ิงมชี ีวิต 5ผลกำรเรยี นรู้ ดำ้ นควำมรู้ 1. นกั เรยี นสามารถสบื คน้ ข้อมลู อภิปราย อธิบายและสรุปเก่ียวกับกาเนิดของสิง่ มชี ีวิต กาเนิดของ เซลล์โพรคาริโอตและเซลลย์ คู าริโอต ดำ้ นทักษะกระบวนกำร นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิกจิ กรรมตามกระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ บบวัฎจกั ร 7 ขน้ั (7E) ดังนี้ 1. ทาแบบฝกึ หดั ก่อนบทเรยี น เพื่อทดสอบความร้เู ดมิ (Elicitation Phase) 2. รว่ มกนั อภิปรายและตง้ั คาถามจากแบบทดสอบก่อนเรียน (Engagement Phase) 3. สืบคน้ ข้อมลู จากเอกสารประกอบการเรยี นรเู้ รื่อง กาเนิดของส่ิงมชี วี ติ (Exploration Phase) 4. นาข้อมลู มาดาเนนิ การวิเคราะห์ แปลผล สรุปผลและนาเสนอผลท่ีไดใ้ นรปู ต่างๆ เชน่ บรรยายสรปุ สรา้ งแผนภมู ิความคิดรวบยอด (Explanation and Expansion Phase) 5. ให้นกั เรียนนาผลงานที่ได้จากการสรปุ ผลการวเิ คราะห์มานาเสนอหน้าช้นั เรยี นเพอ่ื นาไปสหู่ า ขอ้ สรุปรว่ มกันในชน้ั เรียนและประเมนิ ผลงาน (Evaluation and Extension Phase) ดำ้ นคุณธรรมจรยิ ธรรมและคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ 1. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ ไดแ้ ก่ การสนทนาซักถาม กระตือรือรน้ ในการปฏิบัติกจิ กรรม 2. มีความรับผิดชอบ ไดแ้ ก่ ปฏบิ ัตหิ น้าที่ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ทางานสาเร็จตามเป้าหมาย 3. ความมีเหตุผล ไดแ้ ก่ การรวบรวมขอ้ มูล การอธบิ ายหรือแสดงความคดิ เห็นอยา่ งมีเหตผุ ลมี หลกั การหรอื ข้อมลู อง้ องิ 4. มีระเบยี บวนิ ัย ได้แก่ ตรงต่อเวลาท่นี ัดหมาย ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บวนิ ัยของกิจกรรม 5. อยอู่ ย่างพอเพียง ไดแ้ ก่ ใชท้ รัพย์สนิ ตนเองอยา่ งประหยัด ทรพั ยส์ นิ ส่วนรวมอยา่ งคุ้มคา่ ไม่เอา เปรียบคนอน่ื วางแผนการเรียนการทางาน 6. มงุ่ ม่ันในการทางาน ไดแ้ ก่ ตงั้ ใจ อดทนทางาน ไม่ยอ่ ท้อ 7. รกั ความเป็นไทย ได้แก่ มีจิตสานกั ในความเปน็ ไทยและภูมิปญั ญาไทย 8. มจี ิตสาธารณะ ไดแ้ ก่ ช่วยเหลอื เพ่ือน พ่อแม่ ครู มจี ติ อาสา ทางานเพ่ือสว่ นรวม ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนิดของสิ่งมีชวี ิต 6จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 1. สืบค้นข้อมลู อภปิ ราย อธบิ ายและสรปุ เก่ียวกบั กาเนดิ ของส่งิ มีชีวติ กาเนิดของเซลลโ์ พรคาริโอต และเซลลย์ คู าริโอตได้ เนอ้ื หำสำระ 1. กาเนดิ ของสง่ิ มชี วี ิต 2. กาเนดิ ของเซลล์โพรคารโิ อต 3. กาเนิดของเซลลย์ ูตาริโอต เวลำทใ่ี ช้ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง กาเนดิ ของส่ิงมีชีวติ ใช้เวลาในการทาการเรียนรู้ 2 ชัว่ โมง ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรยี นรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษำปีที่ 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของส่ิงมชี ีวิต 7 บทบำทของนักเรยี น 1. นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 5 คน เลือกประธานกลมุ่ เพ่ือเป็นผู้นาในการดาเนินกจิ กรรมและเลขานกุ ารกลุ่มเพื่อบนั ทึกข้อมลู ในการปฏิบัติกจิ กรรมตา่ งๆและมอบหมายหน้าที่ให้สมาชกิ แตล่ ะคนในกลมุ่ ให้ชดั เจน 2. ตรวจสอบความครบถว้ นของชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ บบ 7Eเรอื่ ง กาเนดิ ของสง่ิ มชี วี ติ 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือทดสอบความรเู้ ดิมของนักเรียน 4. ศกึ ษากจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 1 แล้วใหแ้ ต่ละกลุ่ม รว่ มกนั อภิปรายและตอบคาถาม 5. ศกึ ษาและปฏิบัติกจิ กรรมการเรยี นร้ทู ี่ 2 เพ่อื สารวจและคน้ หาคาตอบ 6. ศกึ ษากจิ กรรมการเรียนรู้ที่ 3 และ 4 จากนั้นปฏิบตั ิกิจกรรม อภปิ รายและระดมความคิดในกลุม่ สรุปแกป้ ญั หาจากสถานการณท์ ่ีกาหนดขนึ้ แล้วบนั ทึกคาตอบลงในแบบบันทกึ กิจกรรม พร้อมท้งั ขยายความรทู้ ี่ได้รบั โดยการนาเสนอหนา้ ชน้ั เรียน 7. แลกเปลย่ี นกันตรวจแบบบันทกึ กจิ กรรมการเรียนรู้ โดยเลขานุการกลุม่ รวบรวมแบบบนั ทกึ คาตอบของสมาชิกไปแลกเปล่ียนกับกลมุ่ อ่นื โดยกาหนดใหก้ ลุม่ ท่ี 1 ตรวจกลุ่มท่ี 5, กลุม่ ท่ี 5 ตรวจกลุ่มท่ี 4, กล่มุ ท่ี 4 ตรวจกลุม่ ที่ 3, กลมุ่ ท่ี 3 ตรวจกลมุ่ ที่ 2 และกล่มุ ท่ี 2 ตรวจกลมุ่ ที่ 1 8. ประธานรับเฉลยกจิ กรรมการเรียนรู้ จากครูผสู้ อนเพื่อนามาตรวจคาตอบ 9. สมาชกิ ในกล่มุ ตรวจแบบบันทึกกจิ กรรมของสมาชิกกลมุ่ อืน่ (กรณมี ีขอ้ สงสยั ใหน้ ักเรยี นถามครผู ูส้ อน) 10. เลขานุการกลุ่ม รวบรวมแบบบันทึกกิจกรรมกลุ่มคืนกลุ่มเดิม 11. ประธานกลุม่ นาเฉลยกิจกรรมคืนครผู สู้ อน 12. สมาชิกในกลุ่มบันทกึ คะแนนลงในแบบบันทึกคะแนน รวมคะแนนของสมาชกิ ในกลมุ่หาคา่ เฉลีย่ เป็นคะแนนของกลุ่มแจง้ ครผู ูส้ อน ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวฏั จักรกำรเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของส่ิงมีชีวิต 8 แบบทดสอบก่อนเรยี นชดุ กำรเรยี นรู้ที่ 2 เรอื่ ง กำเนดิ ของสงิ่ มีชวี ติชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ ชุดท่ี 2 เรื่อง กำเนิดของส่ิงมีชีวติจำนวน 10 ขอ้ คะแนน 10 คะแนน ใช้เวลำ 10 นำทีคำช้แี จง: แบบทดสอบเปน็ แบบปรนัยเลอื กตอบ ก ข ค และ ง1. นักวทิ ยาศาสตร์คนใด ไม่ได้ ศึกษาเก่ียวกบั กาเนิดของสงิ่ มีชีวิต ก. หลุย ปลาสเตอร์ ข. โอพารนิ ค. เมนเดล ง. อริสโตเติล2. นักวิทยาศาสตร์ยุคแรก มีความคิดว่าสงิ่ มีชีวิตเกิดขึ้นจากสงิ่ ใดมากที่สดุ ก. พระเจา้ ข. ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ค. ของเน่าเสีย ง. สิ่งไม่มชี วี ิต3. “สงิ่ มชี วี ิตประกอบขึ้นดว้ ยสารอินทรีย์ซึ่งต้องมีธาตุคาร์บอน ,ไนโตรเจน, ไฮโดรเจน และออกซิเจน ประกอบอยู่” ใครเปน็ คนสนับสนนุ คากล่าวน้ี ก. หลุย ปลาสเตอร์ ข. โอพาลิน ค. เมนเดล ง. อริสโตเติล4. นักวทิ ยาศาสตร์ไดส้ นั นิษฐานวา่ กรดนิวคลิอิกชนิดแรกที่ เกิดขน้ึ คือข้อใด ก. RNA ข. DNA ค. Chomosome ง. Ribosome5. จากหลกั ฐานของส่ิงใด เริม่ พบรอ่ งรอยของสงิ่ มีชีวติ เมือ่ ประมาณ 3,500 ล้านปีทผี่ า่ นมาและมี ววิ ัฒนาการเปน็ ส่งิ มชี ีวิตจานวนมากในปจั จบุ นั ก. สารกัมมนั ตรงั สี ข. ซากดึกดาบรรพ์ ค. โครงสรา้ งเปลอื กโลก ง. จดหมายเหตุ ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวฏั จักรกำรเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ 6

ชุดท่ี 2 กำเนิดของสิ่งมีชีวิต 96. เซลลโ์ พรคาริโอต ยคุ แรกที่เป็นต้นกาเนิดของส่งิ มีชวี ิต คอื ข้อใด ก. กรดนิวคลอิ กิ ข. รา ค. ยสี ต์ ง. แบคทีเรยี7. โครงสร้างที่แตกตา่ งจากยูคาริโอต ของโพรคารโิ อต คอื ข้อใด ก. นิวเคลียส ข. เยื่อหุ้มเซลล์ ค. แฟลกเจลลา ง. ไซโทพลาสซึม8. แบคทเี รยี สาหรา่ ยสีเขียวแกมน้าเงิน ไมโคพลาส เปน็ ส่งิ มีชีวติ จาพวกใด ก. ยคู ารโิ อต ข. โพรคารโิ อต ค. พืช ง. สตั ว์9. ลกั ษณะที่เดน่ ชดั ของเซลล์ยูคาริโอต คอื ข้อใด ก. มีสารพนั ธุกรรม ข. มีคลอโรฟลิ ล์ ค. เคล่ือนที่ไดร้ วดเร็ว ง. สร้างอาหารเองได้10. โพรโตซัว เปน็ สิ่งมีชีวติ จาพวกใด ก. โพรคารโิ อต ข. ยูคารโิ อต ค. พชื ง. สตั ว์ ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของส่ิงมีชวี ิต 10 กระดำษคำตอบชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรทู้ ี่ 2เรื่อง กำเนดิ ของสง่ิ มีชวี ิต ก่อนเรียน  หลังเรียนช่อื .................................................................................... ช้นั ................ เลขที่ ..............ข้อที่ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.10. ชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดับชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของสิ่งมีชีวิต 11 บัตรกิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง กำเนดิ ของส่ิงมชี วี ติ คำชีแ้ จง กจิ กรรมการเรียนรู้ฉบับน้ีเปน็ กจิ กรรมทจี่ ดั การเรียนรู้ตามกระบวนการสืบเสาะหาความรูข้ ้นั ตรวจสอบความร้เู ดิม (Elicitation Phase) ข้นั เร้าความสนใจ (Engagement Phase)(10 คะแนน) ท่มี า: http://www.phenkhao.com/contents/378120 สืบค้นเมอ่ื 8 พฤษภาคม 2559คาช้ีแจง นักเรียนศึกษาภาพท่ีกาหนดใหแ้ ลว้ ตอบคาถามต่อไปนี้1. สง่ิ มีชีวติ ท่เี ปน็ สัตว์ในภาพ คือ............................................................................................................................. .................................................2. สง่ิ มีชีวิตทั้งสองชนิดมีลกั ษณะเหมือนหรือแตกต่างกนั อย่างไร............................................................................................................................. .................................................3. คนกบั สัตวน์ ักเรยี นคดิ ว่าใครเกดิ มาบนโลกน้ีกอ่ นกนั เพราะเหตุใด................................................................................................................................ ..............................................4. นักเรยี นคิดวา่ สง่ิ มีชีวติ ชนิดแรกบนโลกใบน้ีไดแ้ กส่ ่ิงมีชีวิตจาพวกใด จงอธิบาย................................................................................................................................. .............................................5. สง่ิ มีชวี ิตแตกต่างจากส่งิ ไม่มชี วี ิตอย่างไร............................................................................................................................. ................................................. ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จกั รกำรเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษำปที ่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี ีวิต 12 บตั รควำมร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง กำเนดิ ส่ิงมีชีวิต คำชแ้ี จง กิจกรรมการเรยี นรู้ฉบับนเี้ ปน็ กจิ กรรมที่จัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ข้ันสารวจคน้ หา (Exploration Phase) ขน้ั อธิบาย (Explanation Phase) คำส่ัง ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาบัตรความรู้และร่วมกันวิเคราะห์ อภิปรายและตอบคาถามต่อไปนลี้ งในบัตรบันทึกกิจกรรมการเรยี นรู้ กำเนดิ สง่ิ มีชวี ติ ส่งิ มีชีวติ เกดิ ขน้ึ มาได้อยา่ งไรไม่มีนกั วทิ ยาศาสตร์ท่านใดสามารถพสิ ูจน์ ได้อย่างชดั เจน มเี พียงสมมตฐิ านเกีย่ วกบั การกาเนิดของสิ่งมีชีวิตเท่าน้ันซึง่ นกั วิทยาศาสตรใ์ นอดีตหลายท่านตงั้ สมมตฐิ านเพ่ืออธบิ ายถงึ กาเนดิ ของส่ิงมีชีวิตชนิดแรกบนโลก ทำเลส (Thales) อนำซิแมนเดอร์ (Anaximader) หรือ อรสิ โตเตลิ นักปราชญท์ ีส่ นับสนนุ แนวคิดส่ิงมชี ีวติ มีกาเนดิ มาบนโลกนเี้ มือ่ ไร และเกิดขน้ึ ไดอ้ ยา่ งไร เป็นความอยากรู้ของมนุษย์มานานแลว้ ในสมยั โบราณ มีความเชื่อวา่ ส่งิ มชี ีวิตมกี าเนดิ มาจากพระเจ้าสรา้ งข้นึ บา้ งก็เชื่อวา่ ชีวิตเกดิ ขึน้ เองโดยธรรมชาติ แล้วเปลีย่ นแปลงมาเปน็ ส่ิงมีชวี ติ ตามทฤษฎกี ารเกดิ เองโดยธรรมชาติ(Spontaneous theory) ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวฏั จักรกำรเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษำปที ่ี 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนิดของสิ่งมีชีวิต 13 ฟรำนเซลโก เรดิ (Francisco Redi) หลยุ ปลำสเตอร์ (Louise Pasteur) มีความคดิ เห็นเกี่ยวกับกาเนดิ ของส่ิงมชี วี ติ เรม่ิ เปล่ียนแปลงไปและขัดแย้งกับความคิดเดิมอยบู่ ้าง ได้ทดลองโดยออกแบบและสร้างเครื่องมือขึน้ มาและไดข้ ้อสรปุ วา่ ส่ิงมชี ีวติ เกดิ มาจากส่ิงมชี ีวิตเสมอ แตก่ ย็ ังไม่ได้คาตอบแนช่ ัดว่า ส่ิงมชี วี ติ เรม่ิ แรกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ฮลั เดน (J.B.S. Haldane) 1924, มทู เนอร์ (R. Bentner) และ โอพำริน (A.I. oparin) บุคคลทั้งสามได้กล่าวทานองเดียวกันว่า ส่ิงมีชีวิตประกอบข้ึนด้วยสารอินทรีย์ซ่ึงต้องมีธาตุคาร์บอน ,ไนโตรเจน, ไฮโดรเจน และออกซิเจนประกอบอยู่ ทาให้เชื่อวา่ โลกในสมัยแรกระยะหนึ่งนน้ั มีภาวะเหมาะสมท่ีทาให้ธาตทุ ง้ั 4 ชนิดมาประกอบกนั ได้แลว้ กลายเป็นสารประกอบส่วนหนึง่ ของส่ิงมชี วี ติ นกั ชวี เคมีชาวรสั เซีย เอ ไอ โอพาริน (A.L.Oparin) ไดเ้ สนอแนวคดิ ว่า ส่ิงมีชวี ิตไม่สามารถเกิดได้ขน้ึเองในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงข้นั ตอนเดียว แต่ต้องใชเ้ วลานานมากโดยกระบวนการวิวฒั นาการทางเคมีอยา่ งชา้ ๆเปน็ การสังเคราะห์สารอินทรีย์จากโมเลกลุ งา่ ยๆ เป็นโมเลกลุ ท่ีซับซ้อน แนวคิดกาเนิดของชวี ิตบนพื้นผวิ โลกของ โอพารินมีขั้นตอนตา่ งๆดงั นี้ทมี่ า: https://sites.google.com/site/biologyroom610/biodiversity/biodiversity3 สบื คน้ เมื่อ 8 พฤษภาคม 2559 ชุดกิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษำปที ่ี 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต 14 จากแนวคิดของโอพารินนักวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่ากรดนิวคลิอิกชนิดแรกที่ เกิดข้ึนคือ RNAเน่ืองจาก RNA ทาหน้าที่ได้สองอย่างคือ เป็นสารพันธุกรรมและเอนไซม์ในปฏิกิริยาต่างๆของกระบวนการเมแทบอลิซึม เม่ือ RNA มีวิวัฒนาการข้ึนมาแล้วการสังเคราะห์ DNA จึงเกิดข้ึนภายหลัง นักเรียนได้ทราบมาแล้วว่าโครงสรา้ งของ DNA จึงประกอบด้วยพอลนิ ิวคลีโอไทด์ 2 สายพันกันเปน็ เกลียวทาให้ DNAมโี ครงสรา้ งโมเลกุลที่แข็งแรงกว่า RNA ซ่ึงเป็นพอลินิวคลีโอไทด์ 1 สาย นอกจากนี้ DNA ยังมีกลไกลในการแก้ไขหรือตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ขณะที่มีการจาลอง DNA (DNA replication) ทาให้มีมิวเทชนั่ นอ้ ยกวา่ RNAจงึ มโี อกาสอยู่รอดได้มากว่า ดังน้ันการคัดเลือกโดยธรรมชาตินอกจากจะเกิดขึ้นในระดับของสิ่งมีชีวิตแล้ว ยังเกิดขึ้นในระดบั โมเลกุลด้วย ฮำโรล ซี อูเรย์ (Harold C. Urey) และ สแทนสีย์ แอลมิลเลอร์ (Stanley Lo Miller) 1930 และ 1953 ได้พิสูจนแ์ ละทดลองให้เห็นวา่ สารอนิ ทรยี เ์ กดิ จากสารอนินทรีย์ โดยเอาไอน้าแอมโมเนยี มีเทนและไฮโดรเจน มารวมกนั โดยใช้กระแสไฟฟ้าช่วยทาใหเ้ กดิ เปน็ สารอนิ ทรียป์ ระเภทโปรตีนข้ึนสแทนสีย์ แอลมลิ เลอร์ (Stanley Lo Miller) ไดท้ าการทดลองเพื่อพิสูจนแ์ นวคดิ ของโอพาริน โดยแสดงให้เห็นว่าสารประกอบอยา่ งง่ายของส่งิ มีชวี ติ เขน่ กรดอะมิโน กรดอินทรยี ์ ชนิดอ่ืนรวมทัง้ สารอนิ ทรีย์ เชน่ ยูเรยี สามารถเกิดข้นึ ไดภ้ ายในชุดการทดลองท่ีคาดวา่ เป็นสภาวะของโลกในระยะเวลาน้ัน คือไม่มอี อกซเิ จน แต่มแี กส๊ มเี ทน แอมโมเนยี ม นา้ และแกส๊ ไฮโดรเจน โดยมแี หลง่ พลังงานจากไฟฟ้าท่มี า: https://sites.google.com/site/biologyroom610/biodiversity/biodiversity3 สืบค้นเมื่อ 8 พฤษภาคม 2559 ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนิดของส่ิงมีชวี ิต 15 เมลวิน เคลวิน (Mellrin Calvin) ค.ศ.1961 ได้ทดลองคล้ายกับสแทนลยี ์มิลเลอร์โดยผ่านรังสีแกมมาเข้าไป ปรากฎว่าได้สารประกอบหลายชนิดที่พบในสิง่ มชี วี ติ จึงลงความเห็นว่าอินทรยี ส์ ารรวมถงึ สิง่ มชี วี ิตอาจเกดิ จาก อนนิ ทรยี ์สารได้ ซิดนยี ์ ฟอกซ์ (Sidney Fox) นักชีวเคมีชำวอเมริกันและคณะ ได้แสดงให้เห็นว่า เซลล์เร่ิมแรกเกิดจากกรดอะมิโนได้รับความร้อนและมีการรวมกลุ่มกัน ซึ่งมีคุณสมบัติหลายประการท่ีคล้ายกันกับเซลล์ของส่ิงมีชีวิต เช่น การมีการเจริญเติบโต สามารถเพิ่มจานวนโดยการแตกหนอ่ และมีกระบวนการเมแทบอลิซมึ เกดิ ขึน้ เป็นตน้ท่มี า: https://sites.google.com/site/biologyroom610/biodiversity/biodiversity3 สบื คน้ เมือ่ 9 พฤษภาคม 2559 ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนิดของส่ิงมชี วี ิต 16 บัตรกิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื ง กำเนดิ ส่ิงมชี วี ติ คำช้ีแจง กจิ กรรมการเรยี นรู้ฉบับนีเ้ ป็นกจิ กรรมท่ีจดั การเรียนรูต้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรขู้ น้ั อธบิ าย (Explanation Phase), ขั้นขยายความรู้(Exploration Phase) และขั้นนาความรู้ไปใช้(Extend Phase) ให้นักเรียนอ่านคาส่งั และตอบคาถามต่อไปน้ี 1.จบั คู่ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งนักวิทยาศาสตร์กับแนวความคดิ ทเ่ี ก่ยี วกบั การกาเนิดของส่งิ มีชวี ติ……………หลยุ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) A) แนวความคิดทแ่ี สดงใหเ้ ห็นว่าส่ิงมชี ีวติ เร่มิ แรก วิวฒั นาการมาจากสารเคมี…………….อเลก็ ซานดร์ อวี าโนวิช โอพารนิ B) ทาการทดลองท่ีแสดงใหเ้ หน็ วา่ กรดอะมโิ น และ ยูเรยี ซง่ึ เปน็ สารสารอินทรีย์ เกิดจากการรวมตวั กนั ของสาร อยา่ งงา่ ยเชน่ แอมโมเนีย นา้ และกา๊ ซไฮโดรเจน โดยมี แหลง่ พลังงานจากไฟฟ้า……………..สแตนเลย์ มิลเลอร์ C) แนวคิดทีย่ นื ยันว่าสิง่ มีชวี ิตตอ้ งเกิดจากส่ิงมชี วี ติ (Stanley Miller) เท่านนั้……………..ซดิ นีย์ ฟอกซ์ (Sidney Fox) D) การทดลองทีส่ นับสนนุ ว่า เซลลเ์ ริ่มแรกเกิดจากการ รวมตัวกนั ของกรดอะมโิ นทไ่ี ด้รับความรอ้ น ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชั้นมัธยมศกึ ษำปที ่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนิดของสิ่งมีชวี ิต 172. จากแนวความคดิ ว่าสง่ิ มชี ีวิต เกิดจากววิ ัฒนาการของสารเคมี จงเรียงลาดับววิ ฒั นาการของสารเคมีตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกต้องสำรอนนิ ทรยี ์ อะตอมธำตุ สำรประกอบสารอนิ ทรีย์ น้า ก๊าซไฮโดรเจน กรดอะมโิ น DNA แอมโมเนีย RNA ไขมนั นา้ ตาล ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี ีวิต 18 บตั รควำมรูท้ ่ี 2 เร่อื ง กำเนดิ เซลล์โปรคำริโอต คำชแ้ี จง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับน้เี ป็นกิจกรรมทจ่ี ดั การเรียนรู้ตามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ข้ันอธบิ าย (Explanation Phase) และขน้ั ขยายความร้(ู Elaboration Phase) คำสง่ั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ทากจิ กรรม เร่ือง กาเนดิ เซลล์โปรคารโิ อต ตามกจิ กรรมที่กาหนดให้ต่อไปนี้ กำเนิดของเซลลโ์ พคำริโอต จากหลักฐานของซากดึกดาบรรพ์เริ่มพบร่องรอยของส่ิงมีชีวิตเม่ือประมาณ 3,500 ล้านปีที่ผ่านมาและมีวิวัฒนาการ เป็นสิ่งมีชีวิตจานวนมากในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการมาจากเซลลเ์ ร่ิมแรก น่าจะเปน็ สิ่งมชี วี ติ ทม่ี ีเซลล์โพคารโิ อต เช่น แบคทเี รีย เน่ืองจากบรรยากาศของโลกในยุคน้ันมีออกซิเจนเพียงเล็กน้อยดังนั้นสิ่งมีชีวิตท่ีพบน่าจะดาร งชีวิตแบบไม่ใช้ออกซิเจนและไม่สามารถสร้างอาหารขึ้นเองได้และมีวิวัฒนาการต่อมาเป็นส่ิงมีชีวิตท่ีดารงโดยการสรา้ งอาหารเองได้ด้วยกระบวนการสังเคราะหท์ างเคมีเช่นเดียวกบั อาเคยี รแ์ บคทีเรียในปัจจบุ นั ต่อมาเร่ิมมีวิวัฒนาการของแบคทีเรียที่สังเคราะห์ด้วยแสงจา กโมเลกุลของน้าและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ทาให้ปริมาณของแก๊สออกซิเจนในบรรยากาศเพ่ิมสูงข้ึนอย่างมาก และเป็นปัจจัยที่เอ้ือต่อการเกิดวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตท่ีมีเซลล์ยูคาริโอตในปัจจุบันส่ิงที่น่าสงสัยคือ เซลล์ยูคาริโอตถือกาเนิดมาได้อย่างไร ชุดกิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของส่ิงมีชวี ิต 19 ท่มี า : https://pitayaporn5652.wordpress.com สืบคน้ เมอ่ื 9 พฤษภาคม 2559 โพรคำริโอต (อังกฤษ: prokaryote) เป็นสิ่งมีชีวิตท่ีประกอบด้วยออร์แกเนลท่ีไม่มีเย่ือหุ้ม ไม่มีนิวเคลียส มักเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว คาว่า prokaryotes มาจาก ภาษากรีกโบราณ pro- ก่อน + karyon เมล็ดซึ่งหมายถึงนิวเคลียส + ปัจจัย -otos, พหพู จน์ -otes[1] ตัวอยา่ งของเซลลก์ ลมุ่ น้ีไดแ้ ก่  แบคทีเรีย ประกอบด้วยเยื่อหุ้มเซลล์ และไซโทพลาสซึม โดยในไซโทพลาสซึมจะมีไรโบโซม (ribosom)ไมม่ นี วิ เคลยี ส ส่วน DNA จะเป็นรูปวงแหวนพันอยู่กบั โปรตนี อยใู่ นไซโทพลาสซมึ เรียกวา่ นิวคลีออยด์(neucleoid) ด้านนอกของเยื่อหุม้ เซลล์ จะมีผนงั เซลลป์ ระกอบด้วยเปบทิโดไกลแคน แบคทเี รยี แกรมลบจะมีเยอ่ื หุ้มด้านนอกผนังเซลล์ (outer membrane) อกี ช้นั แต่แบคทีเรยี แกรมบวกไม่มี ทาให้ย้อมติดสีแกรมตา่ งกนั  อาร์เคีย เปน็ แบคทเี รียทพี่ บในสภาพแวดล้อมทผ่ี ดิ ธรรมชาตเิ ช่น เป็นกรดจดั อณุ หภูมิสูง องคป์ ระกอบ ของเยื่อหุ้มเซลล์และผนังเซลล์ต่างจากแบคทีเรียทั่วไป สาหร่ายสีเขียวแกมน้าเงิน เป็นโพรแคริโอตที่ สงั เคราะห์แสงได้ ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 6

ชุดที่ 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี ีวิต 20 เซลลโ์ พรคำรโิ อต ( prokaryotic cell) สงิ่ มชี วี ิตทป่ี ระกอบด้วย เซลล์แบบนีเ้ รียกว่าprocaryotes เปน็ เซลลท์ ่ีมีเฉพาะเย่ือหุ้มเซลล์และภายในเยอ่ื หุ้มเซลล์ ท่เี กิดจากการยนื่ เข้าไปของเยื่อหุ้มเซลลเ์ ท่านน้ั เซลล์ แบบน้จี ะไม่มเี ยื่อหมุ้ นิวเคลยี ส ตวั อยา่ ง ของเซลล์โพรคาริโอต ได้แก่ แบคทเี รยี สาหร่ายสีเขยี วแกมน้าเงนิ ไมโคพลาส ท่ีมา : https://b40p47a33j38.wordpress.com สืบค้นเมื่อ 9 พฤษภาคม 2559ลักษณะที่สำคญั : 1. ไมม่ เี ยื่อหุม้ ล้อมรอบสารพันธกุ รรม 2. มีขนาดเลก็ มากเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 0.1-10 ไมครอน 3. มผี นงั เซลลท์ แี่ ขง็ มีความหนาประมาณ 15-100 นาโนเมตร 4. เย่ือหุ้มเซลล์มีหนา้ ที่หลายอย่างคือขนส่งเชน่ ขนส่งสารผ่านเขา้ ออกเซลล์ ทาหนา้ ท่เี ป็นตวั รับ(receptor) 5. มไี รโบโซมทีม่ ีขนาดเลก็ คอื 70S 6. มีแฟลกเจลลา(flagella)ใชใ้ นการเคล่อื นที่ซง่ึ มีโครงสร้างแตกตา่ งจากยูคาริโอต ทม่ี า : https://b40p47a33j38.wordpress.com ชุดกิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษำปีท่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี ีวิต 21 บตั รกิจกรรมกำรเรียนรูท้ ่ี 3 เร่อื ง เซลล์โพรคำรโิ อต คำชแ้ี จง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบับนี้เปน็ กจิ กรรมทจ่ี ดั การเรยี นรู้ตามกระบวนการสบื เสาะหาความรขู้ ้นั ขยายความรู้(Exploration Phase) และข้ันประเมินผล(Evaluate Phase) คำสั่ง ให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ทากิจกรรม เร่ือง เซลล์โพรคาริโอต ตามกจิ กรรมที่กาหนดให้ตอ่ ไปน้ี จงเติมคาในรปู ภาพให้ถูกต้อง เซลลโ์ พรคำริโอต (Prokaryotic cell)นวิ คลีออยด์ ไรโบโซมขนาด 70s ไซโทรพลาซึมเยือ่ หุ้มเซลล์ ผนงั เซลล์ แฟลกเจลลา เซลล์โพรคารโิ อต ทม่ี า : https://sites.google.com/site/khrucirawrrn/prapheth-khxng-sell สืบคน้ เมื่อ 11 พฤษภาคม 2559 ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต 22บตั รควำมรู้ท่ี 3เรอื่ ง กำเนิดเซลล์ยูคำริโอต คำชแ้ี จง กจิ กรรมการเรียนรู้ฉบับน้ีเปน็ กิจกรรมทจี่ ัดการเรียนรูต้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ขั้นอธบิ าย (Explanation Phase) และขั้นขยายความรู(้ Elaboration Phase) คำสั่ง ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันทากิจกรรม เร่ือง กาเนิดเซลลย์ ูคารโิ อต ตามกิจกรรมทีก่ าหนดให้ตอ่ ไปนี้ กำเนิดเซลล์ยคู ำรโิ อต โอต ววิ ฒั นาการของเซลลโ์ พรคาริโอต มาเปน็ เซลลย์ คู ารโิ อต ท่มี า : http://www.slideshare.net สบื ค้นเมื่อ 16 พฤษภาคม 2559 เมอื่ โลกมปี ริมาณก๊าซออกซเิ จนเพ่มิ มากขนึ้ ทาให้เซลล์โพรคาริโอตมีการวิวฒั นาการมาเป็นเซลลย์ ูคาริโอต (Eukaryotic cell) ซงึ่ สว่ นใหญเ่ ซลล์กลมุ่ นี้จะหายใจโดยใช้กา๊ ซออกซเิ จน โดยการเปล่ียนแปลงจากเซลล์โพรคารโิ อตมาเปน็ ยคู ารโิ อตน้ันจะเกิดจากการทเี่ ยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์พวกโพรคาริโอตเจรญิ เขา้ มาห่อหุ้มสว่ นของสารพนั ธุกรรมจนเกิดเป็นนิวเคลียส และเกดิ เปน็ ออร์กาเนลลท์ ีม่ ีเยอื่ หุม้ เกิดข้ึน ในบรรดาออร์กาเนลลต์ ่างๆ ชุดกิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จกั รกำรเรียนรู้ 7 ข้นั (7 E) ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษำปที ่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี วี ิต 23ของเซลลย์ คู ารโิ อต นกั วิทยาศาสตรเ์ ช่ือว่าไมโทคอนเดรยี และ คลอโรพลาสต์ เปน็ ส่งิ มีชวี ติ พวกโพรคาริโอตซึ่งมขี นาดเซลลเ์ ลก็ กว่ายคู ารโิ อตมาก เขา้ มาอาศยั อยู่ในเซลลย์ ูคาริโอต และมิววิ ฒั นาการร่วมกนั มายาวนานจึงอยู่ร่วมกันตลอดมา โดยหลักฐานที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว มี 3 ประการ คือ ประการที่หนึ่ง ไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์ มี DNA เป็นของตวั เอง ประการทส่ี อง ไมโทคอนเดรยี และคลอโรพลาสตม์ ีเย่ือหุ้มสองช้ันซ่ึงค่อนข้างจะแตกต่างจากออร์กาเนลล์อื่นๆซึ่งมีเยื่อหุ้มเพียงชั้นเดียว โดยนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ว่า เยื่อหุ้มช้ันนอกเปรียบเหมือนผนังเซลล์ ของเซลล์พวกโพรคาริโอต ส่วนเยื่อหุ้มชั้นในเปรียบเสมือนเย่ือหุ้มเซลล์นั้นเอง และประการท่ีสาม ไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์สามารถเพิ่มจานวนตัวเองได้ ซึ่งท้ังสามประการนแี้ สดงให้เห็นว่าไมโทคอนเดรียและคลอโรพลาสต์เคยเป็นส่ิงมีชีวิตพวก โพรคาริโอต ท่ีดารงชีวิตแบบอิสระมาก่อนแล้วค่อยมาอาศัยอย่ใู นเซลลย์ ูคารโิ อตแบบพงึ่ พาเซลล์ยคู ำรโิ อต ( Eukaryotic cell ) ภายในเซลล์ยูคาริโอต จะประกอบด้วยเย่ือหุ้มเซลล์และของเหลวท่ีอยู่ ภายในเรียกโปรโตพลาสซมึ ส่วนของเหลวยคู าริโอตน้แี บ่งเปน็ 2 ชนิด คือ นวิ เคลยี สกับไซโตพลาสซึมสง่ิ มชี วี ติ ทีม่ ีเซลลช์ นิดยูคารโิ อต ได้แก่พชื สตั ว์ สาหรา่ ย และโปรโตซวั เซลล์ยคู ารโิ อต ทม่ี า : https://b40p47a33j38.wordpress.com/เซลล์-cell สบื ค้นเมอื่ 16 พฤษภาคม 2559ลักษณะสำคญั :1.ระบบเยื่อหุ้มภายในเซลล์ (internai membrane) ทาใหเ้ กดิเปน็ ออรแ์ กเนลล์ตา่ งๆเชน่ เอนโดพลาสมิก เรตืคลู ัม ไมโทคอนเดรยี คลอโรพลาสต์ เปน็ ต้น2.นวิ เคลยี สมเี ยอ่ื หมุ้ สารพนั ธุกรรมคือ DNA ขดตัวรวมกับโปรตนี เปน็ เส้นใยโครมาทิด(chromatin) หรอื โครมาโซม(chromasome)และมีนวิ คลโี อลัส(nucleolus)อยูภ่ ายในนิวเคลยี ส3.มีไซโทสกลี ตี อน ได้แก่ ไมโครทูบลู (microtubules)ไมโครฟิลาเมนต์(microfilaments)และฟิลาเมนต์มัธยนั ตร์(intermediate filaments)4.มเี อกโซไซโทซสิ (exocytosis) และเอนโดไซโทซิส (endocytosis)5.มกี ารแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิส (mitosis) และไมโอซสิ (meiosis) ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี ีวิต 24ตำรำงท่ี 1 แสดงควำมแตกต่ำงของเซลลโ์ พรคำริโอต และเซลล์ยคู ำริโอตสว่ นประกอบของเซลล์ เซลล์โพรคำริโอต เซลล์ยคู ำริโอต 1. ขนาดเซลล์ 1-10 ไมโครเมตร 10-100 ไมโครเมตร(ขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง) 2. นิวเคลียรบ์ อดี เรียก “นิวคลอี อยด์” เรยี ก “นวิ เคลียส”(nuclear body ) 3. นวิ เคลียร์เมมเบรน ไม่มี มี(nuclear membrane) เป็นวงกลมประกอบดว้ ย เป็นแท่งประกอบดว้ ย DNA 4. โครโมโซม DNA และโปรตนี ที่คลา้ ยฮสี โตน และโปรตีนฮีสโตน (histone) 5. จานวนโครโมโซม 6. นวิ คลีโอลัส 1 >1 7. การแบ่งเซลล์ ไมม่ ี มี แบง่ ตวั จาก 1 เป็น2 (binary ไมโทซสิ (mitosis) และ มี fission) และไมม่ ไี มโอซสิ ไมโอซสิ สาหรบั สรา้ งเซลล์ (meiosis) เพราะสง่ิ มีชวี ิตเปน็ ชนดิ สบื พันธ์ุ (sex cell) เนอื่ งจาก แฮพลอยด์ (haploid) สงิ่ มีชีวิตเป็นชนดิ ดพิ ลอยด์ (diploid) ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีท่ี 6

ชุดท่ี 2 กำเนิดของส่ิงมชี วี ิต 25สว่ นประกอบของเซลล์ เซลลโ์ พรคำรโิ อต เซลลย์ ูคำริโอต8. เยอื่ ห้มุ เซลล์ ประกอบด้วยชน้ั ฟอสโฟลิพิด 2 ประกอบด้วยช้นั ฟอสโฟลิพิด ช้ัน (phospholipid bilayer) 2 ชั้น (phospholipid bilayer )ท่มี ี ท่ีไม่มีคาร์โบไฮเดรต และ สเตอรอล คารโ์ บไฮเดรต และสเตอรอล สามารถ (sterol) ไม่สามารถเกิดเอนโดไซโท เกดิ เอนโดไซโทซสิ ซิส(endocytosis) และ และเอกโซไซโทซิส เอกโซไซโทซิส (exocytosis)9. ไรโบโซม 70 S 80 S (50 S และ 30 S) (60 S และ 40 S)10. ออรแ์ กเนลล์ทมี่ ีเยื่อหุ้ม ไมม่ ี(ไมโทคอนเดรีย,คลอโรพลาสต์ มีเอนโดพลาสมิกเรตคิ ูลัม, กอลจิแอพพาราตัส , แวควิ โอล และ ไลโซโซม)11. การสงั เคราะหแ์ สง เกิดที่เยือ่ หุ้มเซลล์ เกดิ ทค่ี ลอโรพลาสต์ 12. สายใยไมโทตกิ ไมม่ ี มี(mitotic spindle) ไมม่ ี มี 13.ไซโทสเกลเลตอน 14. เอนไซม์ท่ีเกยี่ วข้อง อยู่ท่ีเยอ่ื หมุ้ เซลล์ อยทู่ ่ีไมโทคอนเดรยีกับกระบวนการหายใจและระบบถ่ายทอดอเิ ลก็ ตรอน ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จักรกำรเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนิดของส่ิงมีชีวิต 26สว่ นประกอบของเซลล์ เซลลโ์ พรคำรโิ อต เซลลย์ ูคำริโอต ยูแบคทเี รยี (Eubacteria) มีผนงั เซลล์ ประกอบด้วย เซลลพ์ ืช สาหรา่ ย และรา มี เพปติโดไกลแคน(Peptidoglycan) ผนงั เซลล์ประกอบดว้ ย 15.ผนงั เซลล์ อาร์เคียแบคทเี รยี เซลลูโลส (cellulose) หรือ (Archaebacteria) มีผนังเซลล์ ไคติน (chitin)เซลล์สตั วแ์ ละ 16. ออรแ์ กเนลลท์ ่ีใช้สาหรับ ประกอบด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต โปรโตซัว ไม่มีผนงั เซลล์การเคลอื่ นที่ ทซี่ ับซ้อน หรือโมเลกุลที่คล้าย 17. ชนดิ ของสง่ิ มชี วี ิต เพปตโิ ดไกลแคน มแี ฟลเจลลา และซิเลยี ที่ มแี ฟลเจลลา ซง่ึ แตล่ ะอนั ไม่ถกู ประกอบดว้ ยไมโครทูบูล โดย หุ้มดว้ ยเย่ือหุม้ ไมม่ ีซีเลยี ไมโครทูบลู มีการจัดเรียงตัวในรูปแบบ จาเพาะและถูกหุ้มดว้ ยเย่ือหุม้ แบคทีเรีย (ยแู บคทีเรีย และอาร์ เซลลส์ ัตว์ เซลลพ์ ืชเซลลส์ าหรา่ ยเซลล์ เคียแบคทเี รีย) โปรโตซวั และเซลล์ราที่มา : http://www.nana-bio.com/e-learning/biodiversity สบื คน้ เมื่อ 16 พฤษภาคม 2559 ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 6

ชุดท่ี 2 กำเนิดของสิ่งมีชวี ิต 27 บัตรกจิ กรรมกำรเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง เซลลย์ คู ำรโิ อต คำชแี้ จง กจิ กรรมการเรียนรฉู้ บบั น้ีเป็นกิจกรรมท่ีจดั การเรยี นรตู้ ามกระบวนการสบื เสาะหาความรขู้ ัน้ ขยายความรู้(Exploration Phase) และขนั้ ประเมนิ ผล (Evaluate Phase) คำสัง่ ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ทากิจกรรม เรื่อง เซลลย์ คู าริโอต ตามกจิ กรรมที่กาหนดให้ตอ่ ไปนี้ จงเติมคาในรูปภาพให้ถูกต้อง เซลลย์ ูคำรโิ อต ( ตัวอยำ่ งเซลล์พืช )ไรโบโซมขนาด 80s แวคิวโอล ผนงั เซลล์ คลอโรพลาสต์เอนโดพลาสมิกเรตคิ ูลมั ชนดิ ขรขุ ระ ไซโทรพลาซึม นิวเคลยี สไมโทคอนเดรยี กอลจิแอพพาราตสั ที่มา: http://www.sciencegeek.net สบื คน้ เมอ่ื 20 พฤษภาคม 25591) A คอื ……………………………………………………………………………………………………….2) B คือ……………………………………………………………………………………………………….3) C คอื ……………………………………………………………………………………………………….4) D คือ……………………………………………………………………………………………………….5) E คอื ……………………………………………………………………………………………………….6) F คือ……………………………………………………………………………………………………….7) G คือ……………………………………………………………………………………………………….8) H คือ……………………………………………………………………………………………………….9) I คอื …………………………………….………………………………………………………………….10) สว่ นสาคญั ท่ีสุดในเซลล์ คอื ……………………………………………………………………. ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จกั รกำรเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต 28 แบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ กำรเรียนรทู้ ี่ 2 เรือ่ ง กำเนดิ ส่ิงมชี ีวติ ชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ ชดุ ที่ 2 เรอื่ ง กำเนิดของสงิ่ มีชีวติ ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 6 จำนวน 10 ข้อ คะแนน 10 คะแนน ใชเ้ วลำ 10 นำที คำชี้แจง: แบบทดสอบเปน็ แบบปรนยั เลือกตอบ ก ข ค และ ง จำนวน 10 ข้อ1. นกั วทิ ยาศาสตร์ยุคแรก มีความคดิ ว่าสงิ่ มีชีวิตเกิดขนึ้ จากส่ิงใดมากทีส่ ุด ก. พระเจา้ ข. ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ค. ของเน่าเสยี ง. สิ่งไม่มชี ีวติ2. นกั วทิ ยาศาสตรค์ นใด ไม่ได้ ศึกษาเกี่ยวกบั กาเนิดของส่ิงมีชีวติ ก. หลุย ปลาสเตอร์ ข. โอพาริน ค. เมนเดล ง. อริสโตเตลิ3. นกั วทิ ยาศาสตร์ได้สนั นิษฐานว่ากรดนิวคลอิ กิ ชนิดแรกท่ี เกิดขึ้นคือข้อใด ก. RNA ข. DNA ค. Chomosome ง. Ribosome4. “ส่งิ มชี ีวติ ประกอบข้ึนด้วยสารอนิ ทรยี ์ซ่ึงต้องมีธาตคุ าร์บอน ,ไนโตรเจน, ไฮโดรเจน และออกซิเจน ประกอบอยู่” ใครเปน็ คนสนบั สนุนคากลา่ วนี้ ก. หลยุ ปลาสเตอร์ ข. โอพาริน ค. เมนเดล ง. อรสิ โตเตลิ ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวฏั จักรกำรเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับช้นั มัธยมศึกษำปีที่ 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี ีวิต 295. ลกั ษณะทีเ่ ด่นชดั ของเซลล์ยคู ารโิ อต คือข้อใดก. มีสารพันธุกรรมข. มีครอโรฟิลล์ค. เคลื่อนท่ีไดร้ วดเร็วง. สร้างอาหารเองได้6. โครงสรา้ งทแี่ ตกตา่ งจากยูคาริโอต ของโพรคาริโอต คือข้อใดก. นิวเคลยี สข. เยอื่ ห้มุ เซลล์ค. แฟลกเจนลาง. ไซโทพลาสซึม7. แบคทเี รยี สาหร่ายสีเขยี วแกมนา้ เงิน ไมโคพลาส เปน็ สิ่งมีชีวติ จาพวกใดก. ยคู าริโอตข. โพรคารโิ อตค. พชืง. สตั ว์8. เซลล์โพรคาริโอต ยคุ แรกทเ่ี ป็นต้นกาเนิดของสงิ่ มชี วี ิต คอื ข้อใดก. กรดนิวคลอิ ิกข. ราค. ยสี ต์ง. แบคทีเรยี9. โปรโตซัว เปน็ สงิ่ มชี วี ิตจาพวกใดก. โพรคารโิ อตข. ยคู าริโอตค. พชืง. สัตว์10. จากหลักฐานของสิ่งใด เร่มิ พบรอ่ งรอยของสิง่ มีชวี ิตเม่อื ประมาณ 3,500 ล้านปที ผ่ี า่ นมาและมีวิวฒั นาการเป็นสิ่งมีชวี ิตจานวนมากในปจั จุบันก. สารกัมมันตรังสี ข. ซากดึกดาบรรพ์ค. โครงสรา้ งเปลอื กโลก ง. จดหมายเหตุ ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จกั รกำรเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ 6

ชุดท่ี 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี วี ิต 30 กระดำษคำตอบชุดกิจกรรมกำรเรียนรทู้ ่ี 2เร่ือง กำเนดิ ของสง่ิ มชี ีวิต ก่อนเรียน  หลังเรียนช่อื .................................................................................... ชัน้ ................ เลขที่ ..............ขอ้ ท่ี ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.10. ชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับช้ันมธั ยมศึกษำปีที่ 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของสิ่งมีชีวิต 31บรรณำนกุ รม กระทรวงศกึ ษาธิการ (2551). หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำนพุทธศักรำช 2551. กรงุ เทพมหานคร:ชมุ นุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. โครงการดาราวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตรม์ ลู นธิ ิ สอวน.(2552). ชวี วิทยำ สตั ววิทยำ3. กรงุ เทพมหานคร:มลู นธิ ิ สอวน. จิรสั ย์ เจนพาณิชย(์ 2558).ชีววิทยำสำหรับนักเรียนมัธยมปลำย.กรุงเทพมหานคร: หจก.สามลดา. เชาวน์ ชโิ นรกั ษ์ และพรรณี ชโิ นรกั ษ(์ 2552).ชีววิทยำ1.กรงุ เทพมหานคร: โสภณการพมิ พ.์ ซีร์สตาร์(2552).ชวี วิทยำ เล่ม 1.(แปลจาก Biology 1 Concepts and Applications โดย ทีมคณาจารย์ ภาควชิ าชีววิทยามหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ , ผู้แปล). กรงุ เทพมหานคร : เจเอสที พบั ลชิ ชง่ิ จากดั . นงลักษณ์ สุวรรณพินิจ และ ปรีชา สวุ รรณพินิจ(2552). จุลชวี วิทยำทว่ั ไป.กรงุ เทพมหานคร : จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ประสงค์ หลาสะอาด และจติ เกษม หลาสะอาด(มปป.).คู่มือสำระกำรเรียนรพู้ ื้นฐำนและเพิ่มเติม กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ ชีววิทยำ ม.6 เล่ม5.กรงุ เทพมหานคร:พฒั นาศึกษา ปรีชา สวุ รรณพินิจ และนงลกั ษณ์ สุวรรณพินิจ (2549).ชีววิทยำ2. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . วนั ดี วัฒนชัยย่ิงเจรญิ (2552). กำรจัดจำแนกสิ่งมีชีวติ .ภาควิชาชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ : มหาวิทยาลยั นเรศวร. สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย(ี 2554). หนงั สือเรยี นรำยวิชำชีววิทยำ เพมิ่ เติมเล่ม 5. กรงุ เทพมหานคร : สกสค. สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี(2555). คู่มอื ครรู ำยวิชำชีววทิ ยำเพ่ิมเติม เล่ม 5. กรงุ เทพมหานคร : สกสค. ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรยี นรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษำปีที่ 6

ชุดที่ 2 กำเนดิ ของส่ิงมชี วี ิต 32ภำคผนวก ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษำปที ่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของส่ิงมีชวี ิต 33 แบบบนั ทกึ คะแนนระหว่ำงเรียน เรอ่ื ง กำเนดิ ของสงิ่ มชี ีวติชุดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ วชิ ำ ชวี วิทยำ ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 6 กลุม่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ เรือ่ ง กำเนดิ ของสิ่งมีชีวติช่ือ .................................................................................... ช้ัน ................ เลขท่ี .............. กิจกรรม คะแนนเตม็ คะแนนทไ่ี ด้บตั รกิจกรรมท่ี 1 10บตั รกจิ กรรมท่ี 2 10บตั รกจิ กรรมที่ 3 10บตั รกิจกรรมท่ี 4 10 ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวฏั จักรกำรเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษำปีที่ 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต 34 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรยี น เร่อื ง กำรศึกษำควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ เฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน 1. ค 2. ง 3. ข 4. ก 5. ข 6. ง 7. ก 8. ข 9. ก 10. ข เฉลย แบบทดสอบหลังเรยี น 1. ง 2. ค 3. ก 4. ข 5. ก 6. ก 7. ข 8. ง 9. ข 10. ข ชุดกจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศึกษำปที ่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนดิ ของสิ่งมีชีวิต 35 เฉลยบตั รกจิ กรรมกำรเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง กำเนดิ ของสง่ิ มชี วี ติ คำชี้แจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบบั น้เี ปน็ กจิ กรรมที่จัดการเรียนรตู้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรขู้ ั้นตรวจสอบความรู้เดิม(Elicitation Phase) ขั้นเร้าความสนใจ(Engagement Phase) ทมี่ า: http://www.phenkhao.com/contents/378120 คาชี้แจง นักเรียนศึกษาภาพที่กาหนดให้แลว้ ตอบคาถามต่อไปน้ี 1. ส่งิ มชี วี ติ ทเ่ี ปน็ สัตว์ในภาพ คือ ลิง กับ คน 2. สิ่งมชี ีวติ ทงั้ สองชนดิ มีลักษณะเหมอื นหรอื แตกต่างกนั อย่างไร เหมอื นกัน เช่น สามารถเดินดว้ ยสองขา มีมือ 5 น้วิ หยิบจับสิ่งของได้ มีความฉลาด 3. คนกับสตั ว์นกั เรยี นคิดว่าใครเกดิ มาบนโลกนกี้ ่อนกัน เพราะเหตใุ ด. สัตว์ 4. นกั เรียนคดิ ว่าสง่ิ มชี ีวติ ชนิดแรกบนโลกใบนไี้ ด้แกส่ ่ิงมีชวี ิตจาพวกใด จงอธบิ าย พจิ ารณาคาตอบตามดุลพนิ จิ ครผู ูส้ อน 5. สงิ่ มีชวี ิตแตกตา่ งจากสิ่งไมม่ ีชีวติ อย่างไร ส่ิงมชี ีวติ กนิ อาหารได้ หายใจได้ เจรญิ เติบโต สบื พันธ์ไุ ด้ ขบั ถา่ ยได้ ตอบสนองต่อส่ิงเร้า ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวฏั จกั รกำรเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษำปที ี่ 6

ชดุ ที่ 2 กำเนิดของส่ิงมชี ีวิต 36 เฉลยบัตรกจิ กรรมกำรเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง กำเนดิ สิง่ มีชวี ิต คำชแี้ จง กิจกรรมการเรยี นรู้ฉบับน้ีเปน็ กจิ กรรมที่จัดการเรียนรู้ตามกระบวนการสบื เสาะหา ความรู้ขนั้ อธิบาย (Explanation Phase), ขัน้ ขยายความรู้(Exploration Phase) และข้นั นาความรู้ไปใช(้ Extend Phase)ใหน้ กั เรียนอา่ นคาสั่ง และตอบคาถามตอ่ ไปน้ี1.จับคคู่ วามสมั พันธ์ระหวา่ งนักวิทยาศาสตร์กับแนวความคิดทเี่ กยี่ วกบั การกาเนิดของสงิ่ มชี ีวิต……C………หลยุ ปาสเตอร์ (Louis Pasteur) A) แนวความคิดท่ีแสดงใหเ้ ห็นว่าสง่ิ มชี ีวติ เริ่มแรก ววิ ัฒนาการมาจากสารเคมี B) ทาการทดลองที่แสดงใหเ้ ห็นวา่ กรดอะมโิ น และ……B……….อเลก็ ซานดร์ อวี าโนวิช โอพาริน ยูเรียซึง่ เปน็ สารสารอนิ ทรีย์ เกิดจากการรวมตวั กนั ของ สารอย่างงา่ ยเชน่ แอมโมเนยี น้า และกา๊ ซไฮโดรเจน โดยมแี หลง่ พลงั งานจากไฟฟา้……A………..สแตนเลย์ มิลเลอร์ C) แนวคิดท่ียนื ยันว่าสงิ่ มีชวี ิตตอ้ งเกดิ จากสงิ่ มีชีวติ (Stanley Miller) เทา่ นั้น……D………..ซดิ นีย์ ฟอกซ์ D) การทดลองทีส่ นบั สนนุ ว่า เซลลเ์ ร่มิ แรกเกดิ จาก (Sidney Fox) การรวมตวั กนั ของกรดอะมิโนที่ไดร้ บั ความร้อน ชดุ กิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดับชัน้ มัธยมศึกษำปที ่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของส่ิงมีชีวิต 37 2. จากแนวความคดิ วา่ สงิ่ มีชีวิต เกิดจากววิ ัฒนาการของสารเคมี จงเรยี งลาดับววิ ฒั นาการของสารเคมีตอ่ ไปนี้ใหถ้ ูกตอ้ งสำรอนินทรยี ์ อะตอมธำตุ สำรประกอบสารอนิ ทรีย์ นา้ ก๊าซไฮโดรเจน กรดอะมิโน DNA แอมโมเนีย RNA ไขมัน น้าตาลน้า แอมโมเนีย อะตอมธาตุ กรดอะมโิ น ไขมัน น้าตาลก๊าซไฮโดรเจน สารอนนิ ทรีย์ สารประกอบ DNA RNA โปรตนี กรดไขมัน โปรตนีส่ิงมีชีวติ เรมิ่ แรก สารประกอบอินทรีย์ เอนไซน์ ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้แบบวัฏจักรกำรเรยี นรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 6

ชดุ ที่ 2 กำเนดิ ของส่ิงมชี ีวิต 38 เฉลยบัตรกิจกรรมกำรเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง เซลล์โพรคำรโิ อต คำชี้แจง กจิ กรรมการเรยี นรู้ฉบบั นเ้ี ป็นกิจกรรมทจ่ี ดั การเรียนรูต้ ามกระบวนการสืบเสาะหาความรขู้ น้ั ขยายความรู้(Exploration Phase) และข้นั ประเมนิ ผล(Evaluate Phase) คำสง่ั ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกนั ทากิจกรรม เรื่อง เซลล์โพรคาริโอต ตามกิจกรรมท่ีกาหนดให้ตอ่ ไปน้ีจงเติมคาในรปู ภาพให้ถูกต้อง เซลล์โพรคำรโิ อต (Prokaryotic cell) นิวคลอี อยด์ ไรโบโซมขนาด 70s ไซโทรพลาซึม เยอ่ื หุ้มเซลล์ ผนงั เซลล์ แฟลกเจลลาผนังเซลล์ ไซโทรพลาซึมเย่อื หุ้มเซลล์ นวิ คลอี อยด์ไรโบโซมขนาด 70s แฟลกเจลลา เซลลโ์ พรคาริโอตทีม่ า : https://sites.google.com/site/khrucirawrrn/prapheth-khxng-sell สืบคน้ เมื่อ 11 พฤษภาคม 2559 ชุดกิจกรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวฏั จกั รกำรเรียนรู้ 7 ขนั้ (7 E) ระดับชน้ั มัธยมศึกษำปีที่ 6

ชุดท่ี 2 กำเนิดของส่ิงมชี วี ิต 39 เฉลยบตั รกิจกรรมกำรเรยี นรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง เซลลย์ คู ำรโิ อต คำชี้แจง กิจกรรมการเรียนรู้ฉบบั นเี้ ปน็ กจิ กรรมทจี่ ดั การเรียนรู้ตามกระบวนการสบื เสาะหาความรขู้ ้ันขยายความรู้(Exploration Phase) และข้ันประเมินผล(Evaluate Phase) คำสั่ง ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันทากิจกรรม เร่ือง เซลล์โพรคารโิ อต ตามกิจกรรมท่ีกาหนดให้ต่อไปนี้ เซลลย์ ูคำริโอต ( ตัวอยำ่ งเซลลพ์ ืช ) ไรโบโซมขนำด 80s แวคิวโอล ผนังเซลล์เอนโดพลาสมิกเรตคิ ูลัมชนดิ ขรขุ ระ ไซโทรพลาซึม คลอโรพลาสต์ ไมโทคอนเดรีย กอลจิแอพพาราตสั นิวเคลยี ส ท่มี า http://www.sciencegeek.net สืบคน้ เมอ่ื 20 พฤษภาคม 25591) A คือ……………………ไรโบโซมขนาด 80s ............................…………………………2) B คอื ……………………ผนงั เซลล…์ ……………………………………………………………….3) C คือ……………………เอนโดพลาสมกิ เรติคูลมั ชนดิ ขรุขระ………………………………4) D คอื ……………………นิวเคลยี ส…………………………………………………………………5) E คือ……………………ไมโทคอนเดรีย…………………………………………………………6) F คือ……………………แวควิ โอ………………………………………………………………….7) G คอื ……………………กอลจแิ อพพาราตสั ………………………………………………….8) H คือ……………………ไรโบโซมขนาด 80s ……………………………………………….9) I คือ………………………คลอโรพลาสต์…………….…………………………………………10) สว่ นสาคัญท่สี ุดในเซลล์ คือ .................นิวเคลียส.......................................... ชุดกิจกรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จกั รกำรเรยี นรู้ 7 ขน้ั (7 E) ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษำปีท่ี 6

ชุดที่ 2 กำเนดิ ของสิ่งมีชวี ิต 40แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบคุ คล ช่ือ ชั้น..........................................คำชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกบั ระดบั คะแนนลำดับที่ รำยกำรประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1 321 การแสดงความคดิ เห็น2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผูอ้ น่ื3 การทางานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย4 ความมีนา้ ใจ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชือ่ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน เกณฑ์กำรตดั สินคุณภำพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยำ่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบำงครัง้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กวา่ 10 ปรับปรุง ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวัฏจักรกำรเรียนรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 6

ชดุ ที่ 2 กำเนดิ ของส่ิงมีชวี ิต 41 แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม ชอื่ กลุม่ …………………………………………………………… ช้นั …………………………………………คำชแี้ จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี  ลงในช่อง ท่ีตรงกับระดบั คะแนนลำดับท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 43211 การแบ่งหน้าท่ีกันอยา่ งเหมาะสม2 ความรว่ มมือกนั ทางาน3 การแสดงความคิดเห็น4 การรบั ฟงั ความคดิ เห็น5 ความมีน้าใจช่วยเหลอื กนั รวม ลงช่ือ .................................................... ผูป้ ระเมิน ................ /................ /................ เกณฑก์ ำรตัดสินคณุ ภำพเกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภำพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอยำ่ งสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบำงครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กวา่ 10 ปรบั ปรงุ ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรตู้ ำมกระบวนกำรสืบเสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จักรกำรเรียนรู้ 7 ขั้น (7 E) ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษำปีที่ 6

ชุดที่ 2 กำเนิดของส่ิงมชี ีวิต 42 แบบประเมินคุณลักษณะของนกั เรยี นคำช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตคุณลักษณะของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนนคุณลกั ษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 4321 อนั พึง ประสงค์ ด้ำน 1.1 ยืนตรงเม่อื ไดย้ นิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติ 1.2 ปฏบิ ตั ิตนตามสทิ ธิและหน้าที่ของนักเรียน1. รักชำติ 1.3 ให้ความรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทางานกบั สมาชิกในโรงเรียน ศำสน์ 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมและมีสว่ นร่วมในการจัดกจิ กรรมทสี่ ร้างความสามคั คี กษัตรยิ ์ ปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อโรงเรยี นและชุมชน 1.5 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ีตนนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลกั ของศาสนา 1.6 เข้ารว่ มกิจกรรมและมสี ว่ นร่วมในการจดั กิจกรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ตามทโ่ี รงเรยี นและชุมชนจัดข้ึน ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้ แบบวฏั จักรกำรเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษำปีท่ี 6

ชดุ ท่ี 2 กำเนิดของส่ิงมชี วี ิต 43 คุณลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน อันพึง 4 321 ประสงค์ด้ำน 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถ่ี ูกต้อง และเปน็ จริง2. ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ 2.2 ปฏิบตั ิในสง่ิ ทถี่ ูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวท่จี ะทาความผิด ทาตามสญั ญาทีต่ นให้ไวก้ ับเพ่ือน พ่อแม่ หรือผ้ปู กครอง และ 3. มีวินัย ครู รับผิดชอบ 2.3 ปฏิบัตติ ่อผ้อู ื่นดว้ ยความซอ่ื ตรง ไมห่ าประโยชน์ในทางที่ไม่ 4. ใฝ่เรยี นรู้ ถูกต้อง 5. อยู่อยำ่ ง 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของ พอเพียง ครอบครวั และโรงเรยี น ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ใน ชีวิตประจาวนั และรับผดิ ชอบในการทางาน 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทึกความรู้อยา่ งเป็นระบบ 4.3 สรุปความรไู้ ด้อยา่ งมเี หตุผล 5.1 ใชท้ รพั ย์สินของตนเอง เชน่ ส่ิงของ เครือ่ งใช้ ฯลฯ อย่าง ประหยัด คมุ้ คา่ และเก็บรกั ษาดูแลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ ง เหมาะสม 5.2 ใชท้ รัพยากรของส่วนรวมอยา่ งประหยัด คุ้มคา่ และเก็บรกั ษา ดแู ลอย่างดี 5.3 ปฏบิ ัตติ นและตดั สินใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตุผล 5.4 ไม่เอาเปรียบผอู้ น่ื และไม่ทาให้ผู้อนื่ เดอื ดร้อน พร้อมให้อภัย เม่อื ผอู้ นื่ กระทาผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใช้ชวี ิตประจาวนั บน พนื้ ฐานของความรู้ ข้อมูล ขา่ วสาร 5.6 ร้เู ทา่ ทนั การเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรับตัว อยู่รว่ มกับผอู้ ื่นได้อยา่ งมีความสุข ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวัฏจกั รกำรเรียนรู้ 7 ข้ัน (7 E) ระดบั ช้นั มัธยมศึกษำปีที่ 6

ชดุ ที่ 2 กำเนดิ ของสิ่งมชี ีวิต 44 คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึง 4 321 6.1 มีความต้งั ใจและพยายามในการทางานที่ไดร้ ับมอบหมาย ประสงค์ดำ้ น 6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ ่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสาเรจ็6. มุ่งมน่ั ในกำร ทำงำน7. รักควำมเปน็ 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย ไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รู้จกั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ช่วยคิด ช่วยทา และแบง่ ปนั ส่ิงของให้ผอู้ ่ืน8. มีจติ สำธำรณะ 8.3 ดูแล รกั ษาทรัพย์สมบัติของห้องเรยี น โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชนข์ อง โรงเรียน ลงชือ่ .................................................... ผ้ปู ระเมิน ................ /................ /................ ชดุ กจิ กรรมกำรเรียนรตู้ ำมกระบวนกำรสบื เสำะหำควำมรู้แบบวฏั จักรกำรเรยี นรู้ 7 ขัน้ (7 E) ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษำปีท่ี 6


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook