4. อาณาจกั รพชื : Kingdom Plantae จดั ทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล Ep.2 : พชื ทไี่ ม่มเี นือ้ เยอื่ ลำเลยี ง จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล รำยวชิ ำชวี วทิ ยำ ช้ัน ม.6 โรงเรยี นเบญจมรำชทู ิศ จงั หวดั จนั ทบรุ ี
นักอนุกรมแบ่งพชื ออกเป็น 2 กล่มุ ใหญ่ ดังน้ี 1. กลุ่มพชื ทีไ่ มม่ ีเนือ้ เยอื่ ลำเลยี ง (nonvascular plant) - ได้แก่ Hornworts , Liverworts , Moss 2. กลุ่มพชื ท่มี ีเนือ้ เย่ือลำเลยี ง (vascular plant) 2.1 แบบท่ไี มม่ เี มลด็ (seedless plant) 2.2 แบบท่ีมเี มล็ด (seed plant) 2.2.1 พชื เมล็ดเปลอื ย (Gymnosperms) 2.2.2 พชื ดอก (Angiosperms) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
1. กลมุ่ พืชที่ไม่มเี นื้อเยื่อลำเลยี ง (nonvascular plant) - ไม่มเี น้อื เย่ือลำเลียง ไม่มีรำก ลำตน้ และใบท่ีแทจ้ ริง มสี ีเขียวขนำดเลก็ มักพบในทช่ี ้นื สูง - มีวฏั จกั รชีวติ แบบสลับโดยต้นแกมีโทไฟตเ์ ดน่ ตลอดชีวิต วัฏจักรชีวิตแบบสลับ (alternation of generation) ต่ำงจำกพืชอื่นๆ คือมีต้นสปอโรไฟต์ขนำดเล็ก พบเพียงบำงช่วงของชีวิต และเจริญอยู่บนต้นแกมีโทไฟต์ โดยตน้ สเี ขยี วท่เี รำเห็นทวั่ ไปเปน็ ต้นแกมีโทไฟต์ ต้นแกมโี ทไฟต์ (Gametophyte) มีลกั ษณะดงั น้ี - ขนำดเล็ก (สูงไม่เกิน 15 เซนติเมตร) - ยังไม่มีรำก ลำตน้ และใบทแี่ ทจ้ รงิ (ไม่มเี น้ือเยือ่ ลำเลยี งภำยใน) - มโี ครงสร้ำงคลำ้ ยใบเล็กๆ ทำหนำ้ ท่สี งั เครำะห์ดว้ ยแสง จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
- มีโครงสร้ำงคล้ำยรำกคือ ไรซอยด์ (rhizoid) เป็นเพียงเซลล์เด่ียวๆ มีหน้ำท่ี ดดู น้ำและแร่ธำตจุ ำกดินเขำ้ สลู่ ำตน้ พืชด้วยกำรแพร่ (diffusion) จึงลำเลียงได้ช้ำ และเป็นข้อจำกัดทำให้พืชเป็นพืชนำดเล็ก และต้องข้ึนรวมกลุ่มหนำแน่นใน บริเวณท่ีมีควำมชุ่มชื้นสูง เช่น ตำมพื้นดิน ก้อนหินเปียกชื้น กระถำงต้นไม้ ใกล้ แอ่งน้ำ บนภเู ขำทชี่ ุม่ ชน้ื - ต้นแกมีโทไฟตท์ ำหนำ้ ทสี่ รำ้ งเซลลส์ บื พันธุ์ (n) โดยกำรแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส ต้นแกมีโทไฟต์เพศผู้มีอวัยวะสืบพันธุ์ที่ปลำยยอด เรียกว่ำ แอนเทอริเดียม (antheridium) ทำหนำ้ ท่ีสรำ้ งสเปิร์ม ต้นแกมโี ทไฟตเ์ พศเมยี มีอวัยวะสืบพันธุ์เพศ เมียเรียกวำ่ อำร์คีโกเนยี ม (archegonium) ทำหน้ำทส่ี ร้ำงไข่ - กำรปฏิสนธิต้องอำศัยน้ำเป็นตัวกลำง สเปิร์มว่ำยน้ำไปปฏิสนธิกับไข่ เกิด ไซโกต (2n) เจรญิ เติบโตเปน็ ต้นสปอโรไฟตต์ อ่ ไป ตน้ สปอโรไฟต์ (Sporophyte) มีลกั ษณะดังน้ี - อำศัยอยู่บนต้นแกมีโทไฟต์เพศเมีย ทำหน้ำที่สร้ำง สปอร์ (n) โดยกำรแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส เมื่อสปอร์ ปลิวตกไปงอกเปน็ แกมีโทไฟต์ตน้ ใหม่ตอ่ ไป - สร้ำงอำหำรเองไม่ได้ (ไม่มสี ีเขยี ว) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
1 (Anthocerophyta) กลุม่ พชื ทไี่ ม่มีเน้อื เยอ่ื ลำเลยี ง (nonvascular plant) แบ่งออกได้ 3 ไฟลมั ดังน้ี ไฟลมั แอนโทซโี รไฟตำ (Anthocerophyta) เชน่ ฮอร์นเวริ ์ต (hornworts) - ต้นแกมีโทไฟตม์ ลี ักษณะเป็นแผ่น มีรอยหยักทีบ่ รเิ วณขอบ มีคลอโรพลำสต์ 1 อันต่อเซลล์ - ต้นสปอร์โรไฟตม์ ลี กั ษณะเป็นทอ่ เรยี วแหลมบริเวณปลำยคลำ้ ยเขำสตั ว์ มีเนอ้ื เยอ่ื เจริญบรเิ วณโคนต้น - ภำยในเซลล์มีโครงสร้ำงของโปรตีนท่ีเรียกว่ำ ไพรีนอยด์ (pyrenoid) คล้ำยกับในสำหร่ำย จึงเชื่อว่ำ นำ่ จะเปน็ พชื กลุ่มแรกท่ีอพยพขนึ้ มำอำศัยอยบู่ นบกได้ จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
Alternation of generation 1 (Anthocerophyta) in Hornworts จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
1 (Anthocerophyta) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
2 (Hepatophyta) ไฟลมั เฮพำโทไฟตำ (Hepatophyta) เช่น ลิเวอร์เวริ ์ต (liverworts) ชนิดตำ่ งๆ ได้แก่ Marchantia sp. - มีสว่ นคลำ้ ยใบและที่เปน็ แผน่ บำงๆ แยกออกเป็นพู เรียกว่ำ ทัลลสั (thallus) มีสีเขยี ว และรปู ร่ำงคล้ำยตบั (liver) - เซลลแ์ ตล่ ะเซลลภ์ ำยในลิเวอรเ์ วริ ์ตจะมหี ยดน้ำมัน (oil droplet) สะสมอยูภ่ ำยใน - ไมพ่ บปำกใบ (stomata) สำหรบั ใชใ้ นกำรแลกเปลีย่ นแก๊ส - ต้นแกมโี ทไฟตจ์ ะแยกเพศ มลี ักษณะคล้ำยรม่ แต่จะแตกตำ่ งกันในแต่ละเพศ - ตน้ สปอร์โรไฟตอ์ ย่ดู ้ำนล่ำง มอี บั สปอร์ (sporangium)ที่ภำยในมีสปอร์ มโี ครงสรำ้ งช่อื elator ช่วยกระจำยสปอร์ จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
2 (Hepatophyta) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
2 (Hepatophyta) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
ไฟลัมไบรโอไฟตำ (Bryophyta) 3 (Bryophyta) เช่น มอสส์ (moss) ชนดิ ตำ่ งๆ ไดแ้ ก่ ขำ้ วตอกฤำษี หรอื จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล สแฟกนมั มอส (Sphagnum sp.) ใช้เป็นพืชคลมุ ดิน - เป็นพืชขนำดเล็ก เรียงกันหนำแน่นมองดูคล้ำยพรม มีสีเขียวสด ข้ึนอยู่ใน บริเวณที่ชื้นแฉะหรือมีควำมชื้นสูง เป็นพืชกลุ่มแรกๆ ท่ีข้ึนอยู่ในส่ิงแวดล้อม ใหม่ๆ เช่น บนหิน (ท่ีมีควำมชุ่มช้ืนสูง) เมื่อพืชพวกนี้ตำยทับถมลงบนพื้น ก็จะ ทำให้เกดิ เนือ้ ดนิ ทอ่ี ุดมสมบูรณ์พอให้พืชอ่ืนมำอำศัยอยู่ต่อไป มอสบำงชนิดจึง มีประโยชนใ์ นแงข่ องป๋ยุ - ระยะแกมีโทไฟต์พบตลอดชีวิต ในช่วงแรกมีลักษณะเป็นสำยคล้ำยสำหร่ำย เรยี กวำ่ protonema - ระยะสปอโรไฟต์ของมอสประกอบด้วยสว่ น foot ทำหนำ้ ทีใ่ น กำรยดึ กบั ต้นแกมโี ทไฟต์ ส่วนกำ้ นชู (stalk) และสว่ นที่เป็น อบั สปอร์ (sporangium) ซงึ่ มฝี ำปิด (operculum) และมี โครงสร้ำงคลำ้ ยฟัน (peristome teeth)ช่วยกระจำยสปอร์
(Bryophyta) ข้อควรทรำบ : สแฟกนัมมอส (Sphagnum sp.) หรือข้ำวตอกฤำษี อยู่ในกลุ่ม พืชท่ีไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียง มักใช้เป็นวัสดุคลุมดินเพื่อรักษำควำมช้ืนในดิน เมื่อ ตำยทบั ถมกันมำกๆ จะเกิดเป็นเชอ้ื เพลิงท่เี รียกวำ่ พที (peat) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
(Bryophyta) จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: