Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการสอนม.1

เอกสารประกอบการสอนม.1

Published by pattaravadee, 2019-01-19 22:52:02

Description: เอกสารประกอบการสอนม.1

Search

Read the Text Version

4.จากข้อมูล สารละลายใดมีความเขม้ ขน้ ของสารมากทสี่ ุด สาร มวลของสาร (g) ปริมาตรของน้า (cm3) A 12 50 B8 40 C3 10 D 20 80 ก. A ข. B ค. C ง. D 5.ตารางแสดงจดุ หลอมเหลวและจดุ เดือดของสารบางชนดิ สาร จดุ หลอมเหลว ( °C) จดุ เดือด (°C) A -183.00 -164.00 80.10 B 5.50 58.93 883.10 C -8.90 D 97.96 ท่ีอณุ หภมู ิ 30°C สารใดในตารางมีสถานะเปน็ ของแข็ง ก. A ข. B ค. C ง. D 6.สารในขอ้ ใดจดั อยูใ่ นกล่มุ เดียวกันตามลกั ษณะของเนอื้ สาร ก. น้าปลา น้าเกลือ น้าพรกิ ข. เหลก็ ทองเหลือง นาก ค. ยาลดกรด ยาธาตนุ ้าแดง ยานา้ แก้ไอ ง. เกลือแกง หนิ ปนู ดินทราย 7.ตารางแสดงมวลและปริมาตรของวัตถชุ นดิ ต่าง ๆ ปริมาตร วัตถุ มวล (g) (cm3) A 100 80 B 75 50 C 50 20 D 25 50 จากข้อมลู วัตถใุ ดลอยนา้ ได้ ก. A

ข. B ค. C ง. D ในวนั หยุดเสาร์-อาทิตย์ นักเรยี นชว่ ยแมท่ างานบ้าน โดยใช้นา้ ยาล้างหอ้ งนา้ เทลงบนพน้ื เพอื่ ทาความ สะอาด ปรากฏวา่ มฟี องแกส๊ เกดิ ขึ้นตรงปูนยาแนวกระเบ้ือง นักเรียนคนนีส้ งสัยวา่ เหตุใดจึงเกิด ปรากฏการณเ์ ช่นนน้ั จากสถานการณ์ท่ีกาหนดให้ใช้ตอบคาถามข้อ 8-9 8. นา้ ยาล้างห้องน้าท่นี ักเรยี นใช้เป็นสารจาพวกใด ก. กรด ข. เบส ค. เกลอื ง. ด่าง 9. ขอ้ ใดเปน็ ปฏิกริ ิยาท่เี กิดขึ้นระหว่างน้ายาลา้ งหอ้ งนา้ กบั ปูนยาแนวกระเบื้อง ก. เบส + หนิ ปนู แก๊สออกซิเจน + นา้ ข. กรด + หินปนู แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ + นา้ ค. เกลือ + หนิ ปนู แก๊สคารบ์ อนมอนอกไซด์ + นา้ ง. ด่าง + หินปูน แก๊สไนโตรเจน + น้า 10. ขอ้ ใดกลา่ วถูกต้อง ก. โปรตอนเปน็ อนภุ าคทเี่ ลก็ ท่ีสุดในอะตอม ข. ปรอทเป็นโลหะท่ีมสี ถานะเปน็ ของเหลว ค. สารอมิ ลั ซิฟายเออร์ใชท้ ดสอบสภาพกรด-เบส ง. สารละลายกรดมคี ่า pH สูงกวา่ 7 11. ข้อใดจัดเป็นสารละลาย ก. นม ข. โยเกิร์ต ค. นา้ แปง้ ง. นา้ อดั ลม 12.กลมุ่ สารในข้อใดเป็นสารเนือ้ เดยี วท้ังหมด ก คอนกรตี เหล็ก ทราย ค.พรกิ ป่น เกลือแกง ผงชูรส ข น้าอดั ลม น้าโคลน นา้ แปง้ ง. ทงิ เจอร์ไอโอดนี น้ายาลา้ งจาน น้าสม้ สายชู 13.พิจารณากราฟความสามารถในการละลายของสาร ขอ้ ใดสรุปถกู ต้อง

ก สาร B สามารถละลายได้ดีทส่ี ดุ ข สาร A มอี ตั ราการละลายเพ่มิ ขนึ้ อยา่ งรวดเร็วมากทส่ี ุด ค โดยเฉลยี่ สาร C สามารถละลายได้พอ ๆ กันกับสาร D ง เม่ืออุณหภมู ิเพิ่มขึน้ ความสามารถในการละลายของสารจะเพิ่มมากขึ้นยกเว้นสาร C 14. สารทุกสารในกล่มุ ใดท่ีเปลีย่ นสีกระดาษลติ มสั จากสนี ้าเงินเปน็ สแี ดง ก นา้ เชือ่ ม น้าปลา น้าฝน ข น้าอดั ลม น้ามะนาว น้ามะขามเปยี ก ค นา้ ส้มสายชู น้ายาลา้ งหอ้ งนา้ น้าเกลือ ง น้ายาลา้ งจาน น้าสบู่ สารละลายผงซักฟอก 15. การทดสอบสารอาหาร 3 ชนดิ ได้ผลดังตาราง สารอาหาร การเปล่ียนแปลงท่ีเกดิ ขึ้นกับสารทดสอบ ไอโอดนี ไบยูเร็ต เบเนดิกต์ A เปล่ียนเป็นสนี ้าเงินแกมม่วง ไมเ่ ปล่ียนแปลง ไมเ่ ปลย่ี นแปลง B ไม่เปลีย่ นแปลง เปลี่ยนเป็นสมี ว่ ง ไมเ่ ปลีย่ นแปลง C ไมเ่ ปล่ยี นแปลง ไมเ่ ปลย่ี นแปลง ได้ตะกอนสีแดงอิฐ สารอาหาร A B และ C น่าจะเป็นสารใดตามลาดับ ก มันตม้ นมสด นา้ ผึ้ง ค นมสด ขนมปัง นา้ เต้าหู้ ข น้าตาล เนย ไขต่ ม้ ง ขนมปงั น้าตาล นา้ เตา้ หู้ 16. พจิ ารณาการย่อยอาหารโปรตีน ดังน้ี สาร A และ B เปน็ เอนไซม์ชนดิ ใดตามลาดบั ค เพปซนิ ทรปิ ซิน ก อะไมเลส เพปซิน ง น้าดี ไลเพส ข ทริปซนิ เพปซิน 17. การเปลย่ี นสถานะในข้อใดที่เป็นการเปลย่ี นแปลงแบบคายความร้อน ก ของเหลวเปลยี่ นเป็นไอ ค ของแข็งเปล่ยี นเป็นไอ ข ของแขง็ เปลี่ยนเป็นของเหลว ง ไอเปลย่ี นเป็นของเหลว

18. ข้อใดกลา่ วผิด ก สมบตั ิของสารจาแนกได้เป็น 2 ประเภท คอื สมบตั ิทางกายภาพ และสมบัตทิ างเคมี ข ความหนาแน่นและจุดเดอื ดจัดเปน็ สมบัตทิ างกายภาพ ค สารประเภทคอลลอยด์ สามารถกรองผา่ นกระดาษกรองได้แต่ไม่ผ่านเซลโลเฟน ง สารเนอื้ เดียวต้องประกอบด้วยสารเพยี งชนิดเดยี วเทา่ น้ัน 19.ข้อใดต่อไปนเ้ี ป็นคอลลอยด์ท้ังหมด ก. นมสด น้าสลัด หมอก ข. แปง้ เปยี ก น้าสลัด น้าเชอ่ื ม ค. อากาศ วุ้น เยลล่ี นา้ โคลน ง. นา้ สบู่ นา้ สลัด น้าจม้ิ ไก่ นา้ มะนาว 20.ทีส่ ารละลายกรดไฮโดรคลอริก 10% โดยปริมาตรต่อปริมาตร หมายถงึ ข้อใด ก. สารละลายประกอบด้วยนา้ 10 % เป็นตวั ละลาย ข. สารละลายประกอบด้วยกรดไฮโดรคลอริก 10%เป็นตวั ทาละลาย ค. สารละลายประกอบดว้ ยกรดไฮโดรคลอริก 10 cm3 น้า 90 cm3 ง. สารละลายประกอบดว้ ยกรดไฮโดรคลอรกิ 90cm3 น้า 10 cm3 คาชแี้ จง ใช้ขอ้ มลู ต่อไปนป้ี ระกอบการตอบคาถามข้อ 21-24 สาร A หนัก 15 g ละลายในนา้ ปริมาตร 400 cm3 สาร B หนัก 10 g ละลายในนา้ ปรมิ าตร250 cm3 สาร C หนัก 25 g ละลายในน้าปริมาตร100 cm3 สาร D หนกั 10 g ละลายในน้าปรมิ าตร 50 cm3 21.สารใดมีความเข้มข้นมากท่สี ดุ ก. สาร A ข. สาร B ค. สาร C ง. สาร D 22.สารชนิดใดทม่ี คี วามเขม้ ข้นในการละลายน้อยท่สี ดุ ก.สาร A ข. สาร B ค. สาร C ง. สาร D 23.สารชนดิ ใดมีความเข้มขน้ 20g / 100 cm3 ก.สาร A ข. สาร B ค. สาร C ง. สาร D 24.จากข้อมูลขา้ งตน้ ข้อใดกล่าวถูกต้องทีส่ ดุ ก.สาร A มีความเขม้ ข้นร้อยละ 3.61 ข. สาร B มีความเขม้ ข้นร้อยละ 4.50

ค. สาร C มีความเขม้ ขน้ ร้อยละ 2.50 ง. สาร D มคี วามเข้มข้นรอ้ ยละ 20 ข้อมูลต่อไปน้ีใชต้ อบคาถามข้อ 25 สารละลาย สถานะ สว่ นประกอบของสารละลาย นา้ อดั ลม ของเหลว น้า นา้ ตาลทราย สี กลิน่ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ นาก ของแขง็ ทองคา 45 % ทองแดง 55 % 25.จากข้อมูลในตารางข้อใดข้อใดเปน็ ตวั ทาละลาย ก.น้าตาลทรายเปน็ ตัวทาละลายในนา้ อดั ลม ข. แก๊สคารบ์ อนไดออกไซดเ์ ป็นตวั ทาละลายในนา้ อัดลม ค. ทองแดงเปน็ ตวั ทาละลายในนาก ง. ทองคาเป็นตัวทาละลายในนาก 26. น้าตาลชนิดใดไม่ใหผ้ ลเป็นตะกอนสีแดงอฐิ เม่อื ทดสอบดว้ ยสารละลายเบเนดิกต์ ก. น้าตาลแลกโตส ข. นา้ ตาลมอลโตส ค. น้าตาลซูโครส ง. นา้ ตาลฟรุกโตส 27.สารชนดิ ใดทมี่ ีการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเปนกาซโดยไมผานการเปนของเหลวเรยี ก กระบวนการนว้ี าอะไร ก. การระเหดิ ข. การระเหย ค. การเดือด ง. การเปลย่ี นสถานะโดยเฉยี บพลัน 28. ผลกระทบทเ่ี กดิ จากการนาพลงั งานนิวเคลยี รมาใชคืออะไร ก. ตนทนุ คาเชอ้ื เพลงิ ข. ผลิตกระแสไฟฟาไดนอย ค. กากรังสเี ปนอันตรายตอมนษุ ย ง. ขาดวศิ วกรที่มคี วามชานาญ 29. การทดลองท่ีเกิดปฏิกริ ิยาดูดความรอนสงั เกตไดอยางไร ก. มีเปลวไฟเกิดขึ้น ข. เมอื่ จบั ภาชนะจะรูสึกเย็น ค. เกดิ สงิ่ ใหมตางไปจากเดมิ ง. มกี ารขยายตวั ของภาชนะท่ีรองรับ 30. นักวทิ ยาศาสตร์ใชส้ ิ่งใดเปน็ เกณฑ์ในการพิจารณาวา่ สารใดเป็นตัวทาละลายในสารละลาย ก. มีปริมาณสารอยู่มากและมสี ถานะเดยี วกับสารละลาย ข. มีปริมาณสารอยมู่ าก และมสี ถานะต่างจากสารละลาย ค. มีปรมิ าณสารอยนู่ อ้ ย และมสี ถานะเดียวกับสารละลาย ง. มีปรมิ าณสารอยนู่ ้อย และมีสถานะตา่ งจากสารละลาย 31 อุณหภูมิของสารละลายและสารบริสุทธิ์ ขณะเดอื ดเหมือนหรือตา่ งกันอย่างไร

ก. เหมอื นกนั เพราะเปน็ สารเนือ้ เดยี วกัน ข. เหมือนกัน เพราะมสี มบัติทกุ ส่วนเหมือนกัน ค. ต่างกัน สารบริสทุ ธ์ิจะมอี ุณหภมู ขิ ณะเดือดคงท่ี แตส่ ารละลายไม่คงท่ี ง. ต่างกัน สารบริสุทธิจ์ ะมอี ุณหภูมขิ ณะเดือดไม่คงท่ี แต่สารละลายคงท่ี 32 นาของเหลว A จานวน 20 cm3 ผสมกับของเหลว B 20 cm3 ในหลอดทดลองเขยา่ แลว้ ท้งิ ไว้ สักครู่พบว่ามีของเหลว B แยกชั้นอยดู่ า้ นบน 10 cm3 ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง ก. สารละลายที่เกิดขึ้นมีปริมาตร 25 cm3 ข. ของเหลว A และ B ไมล่ ะลายซ่งึ กนั และกัน ค. สารละลายท่ีเกดิ ขึน้ จัดเปน็ สารละลายไม่อมิ่ ตวั ง. ของเหลว A เป็นตวั ทาละลาย ของเหลว B เปน็ ตวั ถูกละลาย 33 ของเหลว A, B และ C แยกบรรจุอยใู่ นบกี เกอร์ เม่ือนาของเหลวแตล่ ะชนดิ มาทดสอบบาง ประการไดผ้ ลดงั น้ี สาร ลักษณะทม่ี องเหน็ เมื่อกรองผา่ นกระดาษกรอง เมื่อให้ความรอ้ นกบั ของเหลวทก่ี รองไดจ้ น ระเหยหมด A มีของแข็งขนาดเล็กมาก แยกของแข็งได้และของเหลวที่ ไมม่ ีอะไรเหลืออยู่ กระจายอยู่ในของเหลว กรองไดใ้ ส B เปน็ ของเหลวขุ่นเล็กนอ้ ย ของเหลวทก่ี รองไดย้ งั คงข่นุ มีของแข็งเหลืออยู่ เชน่ เดมิ C เป็นของเหลวใสสีเหลือง ของเหลวยงั คงใสและมสี ี ไดข้ องแข็งสีเหลือง อ่อน เช่นเดมิ ขอ้ ใดสรุปเกยี่ วกบั ชนดิ ของสารได้ถูกตอ้ ง ก. A คือสารเนื้อเดยี ว B คือสารแขวนลอย C คอื สารละลาย ข. A คือคอลลอยด์ B คอื สารละลาย C คอื สารประกอบ ค. A คอื สารเนื้อผสม B คอื สารประกอบ C คอื สารบริสทุ ธิ์ ง. A คือสารแขวนลอย B คอื คอลลอยด์ C คือสารละลาย 34. สารผสมชนดิ หนง่ึ มลี ักษณะมองเหน็ เป็นสาร 2 ชนดิ แบ่งแยกกนั อย่างชดั เจน เม่อื ปล่อยทงิ้ ไว้จะ ตกตะกอน นักเรยี นคิดว่าสารดงั กลา่ วคือสารในข้อใด ก. คอลลอยด์ ข. สารละลาย ค. สารบริสทุ ธิ์ ง. สารแขวนลอย จงพจิ ารณาขอ้ มลู ต่อไปนีแ้ ล้วตอบคา้ ถามขอ้ 35-37 ชนดิ ของธาตุ สมบตั ิของธาตุ เปราะ นาไฟฟ้า ไมน่ าไฟฟ้า ผวิ เป็นมนั วาว A -  - B-  -  C - - D-  - -

35.ธาตุใดเป็นโลหะ ข. B ก. A งD ค. C ข. B 36.ธาตใุ ดเปน็ กง่ึ โลหะ ง. D ก. A ค. C ข. B ง. B และ D 37.ธาตใุ ดมสี มบตั เิ ช่นเดยี วกบั ธาตคุ ารบ์ อน ก. A ข. ไม่นาไฟฟ้าได้ เปราะ มจี ดุ หลอมเหลวตา่ ค. C และ D ง. ไมน่ าไฟฟ้าได้ เปราะ มจี ุดหลอมเหลวสูง 38.ขอ้ ใดเปน็ สมบตั ขิ องธาตโุ ลหะ ก. นาไฟฟา้ ได้ เหนยี ว มีจดุ หลอมเหลวต่า ค. นาไฟฟา้ ได้ เหนยี ว มจี ุดหลอมเหลวสงู จงพจิ ารณาขอ้ มลู ต่อไปนี้แล้วตอบคา้ ถามข้อ 39 1. ธาตุ W แผร่ งั สแี อลฟาเพ่อื ลดพลังงานสว่ นเกนิ ในนวิ เคลียส 2. ธาตุ X เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมกี ับธาตุ Y เกดิ เปน็ สารประกอบ Z คายพลังงานความรอ้ น 3. ธาตุ M ใหร้ งั สคี ลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า เพอื่ ลดพลังงานส่วนเกินในนวิ เคลียส 4. ธาตุ A รวมกับธาตุ B เกิดเปน็ สารละลาย AB คายพลังงานความรอ้ น 39ข้อใดเปน็ ธาตกุ ัมมนั ตรังสี ก. 1 และ 2 ข. 3 และ 4 ค. 2 และ 4 ง 1 และ 3 40.สารในขอ้ ใดจดั เป็นสารประกอบ ก. สาร A มีสาถานะเป็นของแข็ง จุดหลอมเหลว 1,535oC และนาไฟฟ้า ข. สาร B เป็นของแขง็ สีดา จดุ หลอมเหลว 2,030 oC และไม่นาไฟฟ้า ค. สาร C เป็นของเหลวใสไมม่ สี นี าไปแยกด้วยไฟฟ้าไดธ้ าตุ X กบั ธาตุ Y ง. สาร D เปน็ ของเหลวสีเงนิ เป็นมันวาว เหนียว จดุ หลอมเหลว –39 oC 41.สารขอ้ ใดเป็นธาตุท้ังหมด ก. แมกนเี ซยี ม คารบ์ อนไดออกไซด์ เกลือแกง ข. กรดไฮโดรคลอริก โซดาไฟ แอมโมเนีย ค. อะลูมิเนียม หนิ ปูน ออกซิเจน ง. กามะถัน ทองแดง ไอโอดนี 42.สารประกอบในขอ้ ใดเปลย่ี นสกี ระดาษลติ มสั จากแดงเป็นน้าเงนิ ทั้งหมด ก. แอมโมเนยี โซดาไฟ น้าปนู ใส ข. กรดเกลือ น้าสม้ สายชู กรดคาร์บอนกิ ค. เกลือแกง หนิ ปนู ยปิ ซมั ง. นา้ ขีเ้ ถ้า ดินประสิว ดา่ งทบั ทิม 43.การใช้ประโยชน์จากธาตุในขอ้ ใดถกู ตอ้ ง ข. สังกะสี – แบตเตอรี่ ก. ทองแดง – ทาถา่ นไฟฉาย

ค. คารบ์ อน – ทาไส้ดนิ สอดา ง. อะลูมเิ นยี ม – เคลือบผวิ โลหะกนั สนิม 44.การใชป้ ระโยชนจ์ ากธาตใุ นขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ ง ข. แคลเซียมคลอไรด์ – ถนอมอาหาร ก. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ – น้าแขง็ แห้ง ง แอมโมเนีย – ทาปุ๋ย ค. โซเดยี มไฮดรอกไซด์ – ทาสบู่ 45. เม่อื สารตงั้ ตน้ 2 ตัว ทาปฏิกริ ยิ ากัน ดังนี้ สารผลิตAภัณฑค์ ือขB้อใด + C D ก. A B+ C D A B+ A C ข. C D ค. A D+ B C ง. A D+ 46. ปฏิกิริยาสะเทนิ เปน็ ปฏกิ ิริยาระหว่างสารใด ก. กรด + กรด ข. เบส + เบส ค. กรด + เบส ง. กลาง + กลาง 47. เมือ่ กรดรวมตวั พอดกี ับเบสจะไดส้ ารใดเปน็ ผลิตภัณฑ์ ก. ออกซเิ จน ข. คารบ์ อนไดออกไซด์ ค. เกลอื ง. เกลอื และนา้ 48. แกส๊ ใดทาใหเ้ กดิ ฝนกรด ก. SO2 และ NO ข. SO2 และ CO2 ค. SO3 และ NO ง. SO3 และ NO2 49. แกส๊ ใดเปน็ สาเหตุหลกั ท่ที าให้เกดิ ปรากฏการณเ์ รือนกระจก ก. CO ข. CO2 ค. SO2 ง. NO 50. นกั เรียนคนหนง่ึ สกดั สารมสี จี ากพชื โดยใช้แอลกอฮอล์ แล้วเติมกรดและเบสลงในสารทสี่ กดั ได้ ผลการ ทดลองที่ไดด้ ังตาราง พืช สขี องสารท่ีสกดั ได้ สใี นกรด สใี นเบส ดอกเยอราเนียม สีแดง สสี ้ม สเี หลอื ง ดอกดาวเรือง สีเหลือง สีเหลือง สเี หลอื ง ผักขม สีเขยี ว สเี ขยี วเหลือง สีเขยี วเหลอื ง กะหล่าปลีแดง สมี ว่ ง สชี มพู สีเขยี ว เตมิ สารท่ีสกดั ได้จากกะหลา่ ปลีแดง 2-3 หยดในสารละลายโซเดยี มไฮดรอกไซด์ สีเกิดการ เปลย่ี นแปลงอยา่ งไร ก. ส้ม เหลือง ข. แดง เหลอื ง ข. เขยี ว เขียวเหลือง ง. มว่ ง เขียว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook