P a g e | 87 ชอื่ เร่อื ง : พฤตกิ รรมการเรยี นวิชาเขยี นแบบเทคนคิ เบ้ืองต้นของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/10 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชียงราย ผูว้ ิจัย : นายนกิ ร ชยั ชนะพงษ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : การงานอาชีพ ปที ท่ี ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครั้งนม้ี ีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ศึกษาพฤติกรรมการเรียนและปจั จัยท่ีมผี ลต่อพฤตกิ รรม การเรยี นของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/10 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวัดเชยี งราย ประชากรที่ใช้คอื นักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4/10 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงราย จำนวน 38 คน เครือ่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการวิจัยได้แก่ แบบสงั เกต และแบบสอบถาม เก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนที่เรียนเป็นกลุ่มประชากร และใช้แบบสอบถามสอบถามเกี่ยวกับปัจจยั ที่มี ผลตอ่ พฤตกิ รรมการเรียนของนกั เรียนที่เปน็ กลมุ่ ประชากร จำนวน 38 คน วิเคราะหข์ ้อมลู โดยหาค่าร้อย ละ คา่ เฉลีย่ สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า พฤติกรรมการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนอยู่ในระดับปานกลาง และขณะ เรียนอยู่ในระดับน้อย ส่วนปัจจัยทีม่ ผี ลต่อพฤติกรรมการเรยี นทัง้ 4 ด้าน อยู่ในระดบั ปานกลางคือปัจจัย ดา้ นพฤตกิ รรมการสอนของครู ปจั จยั ดา้ นความพร้อมของนกั เรียน ปัจจยั ดา้ นสภาพแวดล้อมในห้องเรียน และปัจจัยดา้ นสภาพแวดลอ้ มทางบา้ น บทคดั ย่องานวจิ ัยในชั้นเรียน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 88 ชื่อเร่ือง : พฤติกรรมการไมส่ ง่ งานตามกำหนดของนักเรยี นชนั้ ม.6/9 (ห้องเรยี นอาชพี ไฟฟ้ากำลงั ) โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม ประจำภาคเรียนที่ 1/2564 จำนวน 8 คน ผวู้ ิจยั : นายคมกริช บุญวงค์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : การงานอาชพี ปที ่ีทำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อศึกษาหาสาเหตุที่ทำให้นักเรียนทั้ง 8 คนไม่ส่งงาน ตาม กำหนด กล่มุ ตัวอยา่ งท่ีใช้คอื นกั เรยี นช้นั ม.6/9 (ห้องเรียนอาชีพไฟฟา้ กำลัง)โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ท่เี รยี นวิชา กฎหมายและมาตรฐานทางไฟฟ้า มจี ำนวน 27 คน เปน็ ชาย 25 คน และเป็นหญงิ 2 คน เครอ่ื งมอื ท่ีใชใ้ นการวิจัยได้แก่ แบบเช็คเวลาเรียน แบบเชค็ คะแนน แบบสงั เกตพฤตกิ รรม การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการ บันทึกข้อมลู ลงในเครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย วเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใช้สถิติ (ถ้าม)ี สถิติพื้นฐาน ร้อยละ ผลการวิจัยปรากฏว่า เมื่อพบว่านักเรียนกลุ่มนี้ไม่ส่งงานตามกำหนดเวลา ครูประจำวิชาได้ต้ัง เงอื่ นไขในการส่งงานในชน้ั เรียนข้นึ ถา้ สง่ งานตามกำหนดเวลาจะไมต่ ัดคะแนน ถา้ นักเรียนส่งงานช้าจะมี การตัด คะแนน ตามที่ได้ตกลงกัน และได้แจ้งผลการส่งงานลงในกลุ่มไลน์ของรายวิชา กฎหมายและ มาตรฐาน ทางไฟฟา้ ผลปรากฏว่า รอ้ ยละ 83.13 ของนกั เรียนกลุ่มดงั กล่าวส่งงานตรงเวลาขึ้น บทคัดย่องานวจิ ัยในชน้ั เรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 89 ชอ่ื เร่อื ง : การจัดการเรยี นการสอนในรปู แบบทางไกลและออนไซตเ์ พ่ือพัฒนาพฤติกรรมการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี เรอื่ ง งานซ่อมเครือ่ งใช้ไฟฟ้า ในช่วงสถานการณก์ าร 9/6 แพร่ระบาดของโรคCOVID-2564/1 ภาคเรยี นท่ี 19 ผวู้ จิ ยั : นายสุรยิ า หนองผือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : การงานอาชีพ ปีทีท่ ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1. เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการเรียนการสอนในรูปแบบ ทางไกล ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid -19 2. เพ่ือประเมนิ ความพงึ พอใจของนักเรยี น ท่ีมีตอ่ การเรยี นการสอน On-line 3. เพอ่ื เปรยี บเทียบผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของผู้เรียนจากกิจกรรมการ เรียนการสอนออนไลน์และออนไซต์ เรื่อง การซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยประชากรได้แก่นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/9 ภาคเรียน 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 27 คน เคร่ืองมือในการวิจัยได้แก่ การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ผ่าน Google Meet และการส่งงาน ใบ กิจกรรม การเรียนรู้ผ่านยูทูป การปฏิบัติทดสอบแบบออนไซต์ และช่องทางของกลุ่ม Facebook และ แบบประเมนิ ความพึงพอใจของผู้เรียนท่มี ีตอ่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนออนไลน์ ผลการวิจยั ในคร้ัง น้พี บว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรยี น ระหวา่ งเรยี นและหลังเรียน แตกตา่ งกันอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ 0.05 และผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนออนไลน์อยู่ในระดบั มาก เพราะผเู้ รียนสามารถศึกษาบทเรยี นและทบทวนบทเรยี นไดด้ ว้ ยตนเอง บทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในชน้ั เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 90 ช่อื เรอ่ื ง : ปัญหานกั ศกึ ษาหนีเรยี น ผู้วิจัย : นายสุพจน์ พงึ่ วงค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : การงานอาชพี ปที ีท่ ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวิจัยครง้ั นม้ี วี ตั ถปุ ระสงค์ เพื่อแกไ้ ขปญั หานักเรียนหนเี รยี น สาขาช่างไฟฟ้ากำลงั โรงเรยี นแม่จันวิทยาคมเพ่อื ศกึ ษาหาสาเหตุ ของปญั หาการเรยี นทเี่ กิดกบั นกั เรียน ในการหนีรยี น การศกึ ษาหากลุม่ ตวั อยา่ งท่ีใชค้ อื โดยใชก้ ลมุ่ ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาเป็นกลุม่ นกั เรียน ม.5 จำนวน นกั เรียน 28 คน การศึกษาในครงั้ นี้ เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการวจิ ัยไดแ้ ก่ การสมั ภาษณ์ การเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการในการดำเนินการวิจยั ในครั้งน้ผี ู้วิจัยได้ทาการเกบ็ รวมรวมขอ้ มูลดังน้ี 1. ศึกษาขอ้ มลู ในการวจิ ัย 2. สำรวจสถานทที่ าการวิจัย 3. เริ่มดำเนนิ การวิจัยโดยทาการสมั ภาษณ์ 4. เก็บรวมรวมข้อมูลท่ไี ดจ้ ากการสมั ภาษณ์ 5. นำข้อมลู ทเ่ี ก็บรวมรวมแลว้ นำมาวิเคราะห์ วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใชส้ ถิติ (ถ้าม)ี ............................................................................................................... ผลการวจิ ยั ปรากฏว่า จากการสมั ภาษณน์ ักเรยี นระดับชนั้ ม.5 สาขาไฟฟา้ กำลงั ได้ขอ้ มลู สาเหตุที่มาของ ปัญหา คือ 1. ถูกคาดโทษจากการทางานไมท่ นั ไมส่ ง่ การบ้าน 2. มนุษย์สัมพนั ธร์ ะหว่างบุคคล ตา่ งคนต่างอยู่ ไมก่ ล้าพูดคุยปรกึ ษา 3. บทเรียนยาก เรียนไม่รูเ้ รือ่ ง เนือ่ งจากความสามารถตา่ สตปิ ญั ญาไม่ค่อยดีค่อนขา้ งทึบ บทคัดย่องานวิจัยในชน้ั เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 91 ช่ือเรอื่ ง : การศกึ ษาการจดั กจิ กรรมการเรียนแบบผสมผสานผ่านเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ (Social media) และการเรยี นรแู้ บบเรียนทโี่ รงเรียน On-site เพอื่ แกป้ ญั หานกั เรียนขาดทกั ษะในการ ปฏิบตั ขิ องนักเรยี นชั้นม.6/8 วิชาการถนอมและแปรรูปอาหารในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด ของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) ผวู้ ิจยั : นางวิมล ปญั ญานันวงศ์ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : การงานอาชีพ (คหกรรม) ปีที่ทำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการแก้ปัญหาเวลาเรียนไม่ต่อเนื่อง เนื่องจาก สถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเรียนของนักเรียน เมื่อเรียนด้วยการ เรยี นแบบเนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสำคัญการศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง การลงมอื ปฏบิ ตั ิจรงิ 3) เพอ่ื ศึกษาความ พึง พอใจของนักเรียนที่มีตอ่ การเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนแบบเน้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญการศึกษาคน้ ควา้ ด้วย ตนเอง กลุม่ ตวั อย่างคอื นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6/8 แผนการเรยี นหอ้ งเรียนอาชีพ(กลุ่มงานคหกรรม ศาสตร์ สาขาอาหารและโภชนาการ โรงเรียน แม่จันวิทยาคม จำนวน 19 คน ใช้ระยะเวลาตลอดภาค เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ในรายวิชา การถนอมอาหารและแปรรปู อาหาร (ง 33227) สัปดาห์ละ 5 คาบเรียน รวมท้ังสน้ิ 100 ชวั่ โมง เคร่อื งมือทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ซึง่ สรา้ งขึ้นโดยผู้วจิ ัย ได้แก่ 1) แผนการจดั การ เรยี น 2) แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน รายวชิ า การถนอมอาหารและแปรรูปอาหาร (ง 33227) 3) แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี น 4) แบบสอบถามความพงึ พอใจของนักเรยี นที่มตี ่อการเรียน ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนกั เรียนชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/8 แผนการเรียนหอ้ งเรียนอาชีพ กลุ่ม งานคหกรรมศาสตร์ สาขาอาหารและโภชนาการ จำนวน 19 คน ดว้ ยกจิ กรรมการเรยี นแบบเน้นผู้เรียน เป็นสำคัญการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง การลงมือปฏิบตั ิจริง 2) การจัดการเรียนดว้ ยกิจกรรมการเรียน แบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง การลงมือปฏิบัติจริง สามารถแก้ไขปัญหาเวลา เรียนทไ่ี มต่ อ่ เนอื่ ง เน่ืองจากเนอ่ื งจากสถานการณโ์ รคระบาดไวรสั โควิด-19 3) นกั เรยี นมคี วามพึงพอใจ ตอ่ การเรียนด้วยกิจกรรมการเรยี นแบบเนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญการศกึ ษาคน้ คว้าด้วยตนเอง การลงมือปฏิบตั ิ จรงิ ระดับมาก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/8 ห้องเรียนอาชีพ สาขาอาหารและ โภชนาการ (คหกรรมศาสตร์) โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม จำนวน 19 คน เครื่องมอื ท่ีใชใ้ นการวจิ ัยได้แก่ 1.แบบสังเกตพฤติกรรม 2.แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี น 3.แบทดสอบความรู้ความสามารถในรายวชิ าการถนอมและการแปรรปู อาหาร บทคดั ย่องานวิจยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวดั เชียงราย
P a g e | 92 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดยการ การสังเกต การกรอกแบบสอบถาม และเอกสารในการวัดและประเมนิ ผล การเรยี นรู้ วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใช้สถิติ (ถ้ามี) ใช้คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D) ผลการวิจยั ปรากฏว่า 1.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/8 แผนการเรียนห้องเรียนอาชีพ สาขาอาหารและโภชนาการ (คหกรรมศาสตร์) จำนวน 6 คน ด้วยกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผ่าน เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ ทกุ คนมผี ลการเรยี นระดับ 4.00 (ดเี ยย่ี ม) คดิ เป็น 100 % 2.ผลการศึกษาพฤตกิ รรมการเรยี นของนกั เรยี นระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6/8 ทเี่ รยี นดว้ ยกิจกรรม การ เรียนแบบผสมผสานผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ตามแนวคิดเพื่อนช่วยเพื่อน พบว่านักเรียนช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/8 แผนการเรียนอาหารและโภชนาการ (คหกรรมศาสตร์) มีพฤติกรรมการตอบคำถาม มากที่สุด (ร้อยละ 97.70) รองลงมาคือ ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม (ร้อยละ 96.77) การเข้าร่วม กิจกรรม (ร้อยละ 96.77) การส่งงานตามเวลา (ร้อยละ 95.39) การแสดงความคิดเห็น (ร้อยละ 29.95) การตั้งคำถาม (รอ้ ยละ 5.99) และการโพสต์ แชรเ์ น้ือหา (รอ้ ยละ 3.69) เรยี งตามลำดบั 3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/8 ที่มีต่อการเรียนด้วย กิจกรรม การเรยี นแบบผสมผสานผา่ นเครือขา่ ยสงั คมออนไลนต์ ามแนวคิดเพอ่ื นชว่ ยเพอื่ น โดยภาพรวม มี ความพงึ พอใจ อยู่ในระดับมาก บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 93 ช่ือเร่ือง : การแกป้ ัญหาการสง่ งานในรายวิชา การบริการอาหารและเคร่ืองดื่ม โดยใชว้ ิธกี ารสง่ งานผ่าน ระบบห้องเรียนออนไลน์ (Google Classroom) ของนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5/10 (สาขา อาหารและโภชนาการ) ผวู้ จิ ยั : นางสาววรินทร กาบสนิท กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : การงานอาชพี (คหกรรม) ปีท่ีทำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวจิ ยั ครง้ั นี้มวี ัตถุประสงค์เพอ่ื 1. เพ่ือแก้ปญั หาการสง่ งานของนกั เรียนในรายวชิ า การบริการ อาหารและเครื่องดืม่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 แผนการเรยี นอาหารและโภชนาการ โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม ระหวา่ งส่งงานแบบปกติ และการส่งงานผ่าน Google Classroom มีความแตกตา่ งกนั กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/10 แผนการเรียนอาหารและ โภชนาการ โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม จำนวน 16 คน เครือ่ งมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัยไดแ้ ก่ 1.การส่งงานผ่านระบบ Google Classroom 2.แบบประเมินความพึงพอใจ การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ ใช้แบบประเมนิ ความพงึ พอใจวเิ คราะห์ขอ้ มูลเฃิงสถติ ิ วเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใช้สถติ ิ (ถ้ามี) 1.คา่ เฉลีย่ เลขคณิตประชากร 2.ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานประชากร 3.ความแปรปรวนประชากร 4.ค่าสถิติพืน้ ฐาน ร้อยละ ผลการวจิ ัยปรากฏวา่ 1. จากผลการวิจัยพบว่า มีจำนวนนักเรียนที่ไม่ Join Class ในปริมาณน้อย มีจำนวนนักเรียนท่ี สง่ งานผา่ นระบบ (Google Classroom) ตามกำหนดต่ำกว่าครงึ่ ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด แต่มีจำนวน นักเรียนส่งงานในปริมาณที่เพิ่มขึ้นจาการส่งงานในคร้ังแรก และมีจำนวนนกั เรียนที่ส่งงานช้าในปริมาณ น้อยมาก สว่ นนกั เรียนทไี่ ม่ส่งงานนั้นมีปรมิ าณน้อยกวา่ จำนวนนกั เรยี นทสี่ ่งงานตามกำหนด 2.จากผลการประเมนิ ความพงึ พอใจพบว่า นกั เรยี นมคี วามพึงพอใจในการส่งงานผ่านระบบ (Google Classroom) ในระดับมาก โดยพิจารณาจากการะประเมินเป็นรายข้อได้ว่า นักเรียนมีความ เข้าใจในระบบ (Google Classroom) ในระดับมาก มีความประหยัดเวลาในการส่งงาน ลดขั้นตอนและ อปุ สรรคในการสง่ งาน ในระดับมาก มีการใช้ระบบไดเ้ หมาะสมกบั วิชาทีเ่ รียน ในระดับปานกลาง สามารถ ในไปใช้ในรายวิชาอืน่ ๆ ได้ ในระดบั มาก น่นั คือนกั เรยี นมีการคดิ ต่อยอดและประยกุ ตว์ ิธีสง่ งานของตนเอง ในรายวชิ า อ่ืน ๆ ได้ สามารถส่งงานได้ตรงตามเวลาที่กำหนด ได้ในระดบั มากทสี่ ุด และนักเรยี นยงั มีความ ต้องการใชร้ ะบบ (Google Classroom) ในการสง่ งานตอ่ ไป บทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในช้นั เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งราย
P a g e | 94 ชื่อเรอ่ื ง : การจัดการเรยี นรู้ รูปแบบการสอนออนไลน์ ในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค COVID- 19 รายวิชาอาหารครอบครัว ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม ปี การศึกษา 2564 ผวู้ ิจยั : นางสาวศริ ิเพญ็ ดอนน้อยหน่า กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : การงานอาชีพ (คหกรรม) ปที ท่ี ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวิจยั ครั้งนีม้ วี ัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื 1.) เพอ่ื ศกึ ษาแอพลิเคชนั ที่ใช้ในการจดั การเรยี นรู้ รปู แบบการสอนออนไลน์ ในสถานการณ์การ แพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชาอาหารครอบครัว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4/9 โรงเรียน แมจ่ ันวทิ ยาคม ปีการศกึ ษา 2564 2.) เพื่อสามารถนำประโยชน์จากการศกึ ษาแอพลิเคชนั ที่ใช้ในการจดั การเรยี นรู้และการใช้สอ่ื ออนไลนม์ าประยุกต์ใช้ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ ในรายวชิ าหลักการประกอบอาหารครอบครวั ของนกั เรยี น ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม ปีการศึกษา 2564 กลมุ่ ตวั อย่างท่ีใช้คือ นักเรยี นหอ้ งเรยี นศิลปค์ หกรรม นกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4/9 โรงเรยี นแม่ จันวิทยาคม รายวิชา หลกั การประกอบอาหารครอบครัว จำนวน 33 คน เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการวจิ ยั ไดแ้ ก่ เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการวิจยั คร้งั นป้ี ระกอบดวั ย 1.) แอพพลเิ คชนั่ เพื่อการเรยี นรู้ - ใช้ google classroom ในการจดั การเรยี นการสอน - ใช้แอปพลเิ คชัน TikTok,Facebook,YouTube และ google meet ในการทำกิจกรรม 2.) แบบประเมินคุณภาพแอพพลิเคช่ันเพื่อการเรยี นรู้ 3.) แบบสอบถามความพงึ พอใจของผเู้ รียน การเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการ – วิธีดำเนินการศึกษา เป็นการทบทวนผลการศึกษาด้านการจัดการเรียนรู้ทางออนไลน์อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ซงึ่ จะเป็นประโยชนต์ อ่ การนำมาประยุกตใ์ ช้ในการจัดการเรยี นรู้ผ่านออนไลน์ต่อไป โดยใช้ ทักษะในการถ่ายทอดความรู้ของครูที่สำคัญอย่างยิ่งในการจัดการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นการเขียน แผนการสอน การใช้ส่ือการสอน และกระบวนการจัดการเรยี นรู้ สามารถสรปุ ได้ดังนี้ 1.) ทักษะการใช้เทคโนโลยเี พือ่ การศึกษาและการสร้างสรรค์ 2.) ทักษะการสือ่ สารทหี่ ลากหลาย 3.) ทักษะการบริหารและจดั เวลาการเรียนทยี่ ดื หยนุ่ แต่มปี ระสทิ ธภิ าพ บทคดั ย่องานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จนั จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 95 4.) ทักษะการจับประเด็นและการคิดวิเคราะห์5.)ทักษะการประเมินผลและให้คำแนะนำที่มี คุณภาพและเหมาะสมฉะนัน้ เพื่อใหก้ ารจดั การสอนออนไลน์มีประสิทธิภาพและมีผลสัมฤทธ์ิทีด่ ีขึ้น พบว่า มี 8 วิธี ท่ีใชส้ อนออนไลนใ์ ห้มปี ระสิทธิภาพและผลสมั ฤทธ์ิทด่ี ี ดังน้ี 1. กำหนดแนวทางทีช่ ดั เจน 2. ออกแบบการสอนทีน่ ่าสนใจ 3. เลือกเครือ่ งมือการสอนท่ีเหมาะสม 4. กระตุ้นใหน้ ักเรียนทำงานรว่ มกนั แบบออนไลน์ 5. ใช้ประโยชน์จากการทำงานทง้ั แบบกล่มุ และแบบเดี่ยว 6. ใช้ทรพั ยากรทม่ี ีอยู่ 7. มกี ารปิดการสอน 8. ใหน้ ักเรียน Feedback วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ (ถา้ มี) – สรุปการจดั การเรยี นรู้ทางออนไลนอ์ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ จากการศึกษาแอพลิเคชันที่ใช้ในการจัดการเรยี นรู้และการใช้สอ่ื ออนไลนม์ าประยกุ ตใ์ ชไ้ ดใ้ น รายวิชาหลกั การประกอบอาหารครอบครวั ของนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 4/9 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม ปี การศกึ ษา 2564 ประเดน็ ขอ้ ดี ขอ้ เสยี ครผู สู้ อน ผเู้ รยี น -รูเ้ ท่าทันการใช้เทคโนโลยีเพ่อื จดั กิจกรรม การศึกษา เรียนรู้ -ไมส่ ามารถสงั เกตพฤติกรรม ประเดน็ -บรหิ ารจดั การเรยี นการสอนในเวลาทจี่ ำกัด การ เรียนรู้ของผูเ้ รยี นได้ โดยตรง -สะดวกสบาย จงู ใจผ้เู รียน -ขอ้ จำกดั ในการเรยี นรู้ ดา้ น -ไดใ้ ชแ้ อพลิเคชนั ในชีวิตประจำวันในทำ กิจกรรมและการเรยี นรู้ เครือ่ งมอื อปุ กรณใ์ นการเขา้ เช่น สรา้ งสื่อวีดโี อการ ทำอาหารครอบครวั ลงใน เรยี น สร้างสรรคผ์ ลงาน TikTok, Facebook,YouTube ข้อดี ขอ้ เสยี -ขาดการมีสว่ นรว่ มและ ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างผู้เรยี น ด้วยกัน ลดโอกาสใน การ เรยี นรู้รว่ มกนั -ทักษะการใชแ้ อพลิเคชัน ของแต่ละบุคคล บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในช้นั เรียน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชยี งราย
P a g e | 96 แผนการ -ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใหผ้ ู้เรียน ไดใ้ ชแ้ อพลิเคชัน -ไมส่ ามารถควบคมุ จดั การ เรียนรู้ ที่คุ้นเคย เชน่ TikTok, Facebook,YouTube สามารถนำมา บรรยากาศภายในชั้นเรยี นได้ การบริหาร จัดการช้นั ทำกจิ กรรมการเรียนรอู้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ เรยี น -ออกแบบเนอื้ หาการสอน ช่องทางการใช้ -ตอ้ งคอยกระตนุ้ สรา้ ง เคร่อื งมือ ส่อื สาร เพื่อการเรียนรู้ทสี่ ามารถสอดรับ แรงจงู ใจในการเรียนรู้ และ การเครอื่ งมอื ในการเรยี นการสอนออนไลนไ์ ด้ คน้ หาความต้องการของ ผู้เรยี น -ใช้ google classroom ในการจัดการเรยี นการสอน -ใช้เวลาในการเรยี นรู้ -ใชแ้ อปพลิเคชนั TikTok,Facebook,YouTube และ google เครือ่ งมือเพื่อใหเ้ กิด meet ในการทำกิจกรรม ประสทิ ธิภาพในการเรยี น การสอน ผลการวจิ ัยปรากฏวา่ การวิจัยครัง้ นีม้ ีวัตถุประสงคเ์ พอ่ื ศึกษาแอพลิเคชนั ที่ใช้ในการจัดการเรยี นรู้ รปู แบบ การสอนออนไลน์ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชาอาหารครอบครัว ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 4/9 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ปีการศึกษา 2564 และเพื่อสามารถนำประโยชน์จากการศึกษาแอ พลิเคชนั ทใ่ี ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ และการใชส้ ่อื ออนไลนม์ าประยกุ ต์ใช้ได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ในรายวิชาหลักการ ประกอบอาหารครอบครวั ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/9 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ปีการศกึ ษา 2564 พอจะสรุปได้ว่าการจัดการเรียนรู้ทางออนไลน์จากการใช้แอพลิเคชันอย่างมีประสิทธิภาพ ในรายวิชา หลกั การประกอบอาหารครอบครวั นัน้ ครูผูส้ อนจะตอ้ งกำหนดแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียน การสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันและครูผู้สอน ทั้งน้ี เพื่อประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสำคัญเลือกใช้แอพลิเคชันในการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมและจากข้อมูลการศึกษา ดังกล่าว จึงนา่ จะเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรรู้ ูปแบบออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เช่นกันและส่ิงสำคัญ Feedback จากผูเ้ รยี นท่ี ปอ้ นกลับมาจากการจัดการเรียนการสอนออนไลน์จะนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาการ เรียนร้ขู องผเู้ รยี น ใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากยิ่งข้นึ ตอ่ ไป บทคดั ย่องานวจิ ยั ในช้ันเรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 97 กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชือ่ เร่อื ง : สมรรถภาพทางกายของนักเรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ผวู้ จิ ัย : นายวฒุ ิเดช รญั ชนานนท์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ปที ที่ ำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวจิ ยั คร้งั นมี้ ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือ เพอ่ื ศกึ ษาขอ้ มลู ดา้ นสมรรถภาพทางกายของนักเรียนระดับ มัธยมศึกษาชัน้ ปที ่ี 1 ทีก่ ำลงั ศึกษาอยูใ่ นโรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม เชยี งราย ปกี ารศกึ ษา 2564กลุม่ ตัวอย่างท่ี ใช้คือนักเรียนชายและนักเรียนหญิง ระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม เชียงราย ปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน 334 คน เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ัยไดแ้ กข่ อ้ มูลทั่วไป ไดแ้ ก่ 1. อายุ 2. เกณฑ์มาตรฐานการทดสอบสมรรถภาพทางกายนกั เรยี น 5 รายการ 2.1 ยืนกระโดดไกล 2.2 วง่ิ กลบั ตวั ระยะ 10 เมตร 2.3 ลกุ -นงั่ 30 วนิ าที 2.4 ความออ่ นตวั 2.5 วิง่ เรว็ 50 เมตร 3. ผลจากการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5 ด้าน อุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการวิจัย 1. ใบบันทึกผลการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 2. แผน่ ยางยนื กระโดดไกล 3. ไม้วิ่งเก็บของขนาด 5x5x10 เซนตเิ มตร จ านวน 2 ท่อน 4. เบาะรองสำหรับทดสอบลกุ -น่งั 5. เครื่องวดั ความออ่ นตวั 6. ลู่วิง่ ทางเรยี บระยะทาง 50 เมตร 7. นาฬกิ าจับเวลา 8. โปรแกรมวิเคราะห์ผลข้อมูลการเจรญิ เตบิ โตและการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5 ด้าน การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการ 1. กำหนดรายละเอยี ดขน้ั ตอน และวนั เวลาทจ่ี ะดำเนินการเก็บขอ้ มูลผ้เู รยี น 2. จดั เตรียมความพร้อมของอุปกรณต์ ่าง ๆ ท่ีใช้ในการทดสอบสมรรถภาพทางกาย บทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในชน้ั เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวดั เชยี งราย
P a g e | 98 3. ดำเนนิ การทดสอบสมรรถภาพทางกายและบนั ทึกขอ้ มูลของผู้ทดสอบ วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยใช้สถติ ิ (ถา้ มี) การวเิ คราะหข์ ้อมูล ไดใ้ ชเ้ คร่อื งมือวเิ คราะห์ผลการเจรญิ เตบิ โตและสมรรถภาพทางกาย 5 ด้าน โดยสรา้ งข้นึ จากโปรแกรม Microsoft Excel 2003 ใชเ้ กณฑ์อา้ งอิง มาตรฐานสมรรถภาพทางกายของกรม พลศึกษากระทรวงศึกษาธิการเป็นฐานข้อมลู และประเมินผลผเู้ รยี นตามเกณฑ์ 5 ระดบั ดงั นี้ 1. เกณฑ์ดมี าก 2. เกณฑด์ ี 3. เกณฑ์ปานกลาง 4. เกณฑ์ต่ำ 5. เกณฑ์ต่ำมาก ผลการวิจยั ปรากฏว่า สรปุ ผลการวิจัย จากผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู สมรรถภาพทางกายนกั เรยี นชายและนักเรียนหญงิ ระดบั มัธยมศึกษา ชัน้ ปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม สามารถสรุปไดว้ ่า มนี กั เรยี นอยู่ในเกณฑ์ \"ดมี าก\" จำนวน 46 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 13.78 มนี ักเรียนอยใู่ นเกณฑ์ \"ด\"ี จำนวน 120 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 35.93 มีนกั เรียนอยู่ในกณฑ์ \"ปานกลาง\" จำนวน 130 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 38.92 มีนักเรยี นอยใู่ นเกณฑ์ \"ต่ำ\" จำนวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 9.58 มนี ักเรียนอยูใ่ นเกณฑ์ \"ตำ่ มาก\" จำนวน 4 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 1.20 มีนกั เรยี นไมส่ ามารถทดสอบสมรรถภาพได้ จำนวน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.59 รวม 334 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 100.0 บทคัดยอ่ งานวิจยั ในชนั้ เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 99 ช่อื เรอ่ื ง : ผลของการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรเู้ พอื่ พัฒนาทกั ษะการสง่ ลูกฟตุ บอล ด้วยข้างเท้าด้านใน ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม 2 ผวู้ จิ ยั : นายสิทธิพงษ์ มินทะขตั ิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ปีที่ทำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวจิ ัยคร้ังนม้ี ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือเปรียบเทยี บผลของการใช้แผนการจัดการการเรียนรู้เพ่ือพัฒนา ทักษะการส่งลูกฟตุ บอลด้วยข้างเท้าดา้ นใน ของนักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียน ที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม จำนวน 30 คน ทีไ่ ด้มาโดยวธิ กี ารเลือกแบบเจาะจง เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจยั ได้แก่ แผนการจดั การการเรียนรู้เพอ่ื พัฒนาทกั ษะการส่งลูกฟุตบอลด้วย ข้างเท้าด้านใน ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2 และแบบประเมินทักษะการส่งลูกฟุตบอลด้วยข้างเทา้ ดา้ นในซึง่ ทำการเก็บรวบรวมข้อมลู โดยการประเมนิ จากแบบประเมนิ ทกั ษะการส่งลูกฟุตบอลดว้ ยข้างเท้า ดา้ นในและใชร้ ูปแบบวิจยั แบบ One Group Pretest – Posttest Design สถติ ทิ ใ่ี ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล ไดแ้ ก่ ค่าเฉลยี่ และค่าร้อยละ และคา่ สถิติ t-test for Dependent Samples ผลการวจิ ยั ปรากฏวา่ ทักษะการส่งลกู ฟตุ บอลด้วยขา้ งเทา้ ดา้ นในหลงั เรียนสูงกวา่ กอ่ นเรียนอยา่ งมี นยั สำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 บทคัดย่องานวจิ ัยในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 100 ชื่อเรอื่ ง : ผลการฝกึ ความแม่นยำทม่ี ผี ลตอ่ การยิงประตูบาสเกตบอลของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวัดเชยี งราย ผวู้ ิจัย : นายเทวราช กรกฏกำจร กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ปที ่ที ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การฝึกความแม่นยำที่มีผลต่อการยิงประตูบาสเกตบอลมีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อศึกษาผลของฝึก ความแม่นยำที่มีต่อการยิงประตูบาสเกตบอลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดแม่จัน วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชียงราย ประชากรท่ใี ชใ้ นการศกึ ษาได้แกน่ กั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนวัดแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย 2 ห้อง จำนวน 73 คน กลุ่มตัวอยา่ งไดแ้ ก่นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา โรงเรียนวัด แม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ห้อง 3/1 จำนวน 10 คน เครื่องมือทีใ่ ช้ในการศึกษา ครั้งนี้ได้แก่ 1. ลูกบาสเกตบอล 2. สนามบาส 3. เทปกาวสำหรับทำแบบฝึก 4. ใบบันทึกคะแนน 5. แบบฝกึ ความแม่นยำในการยงิ ประตูบาสเกตบอล สถิตทิ ่ใี ช้ในการวจิ ัยไดแ้ ก่ T-test สรปุ ผลการศกึ ษา ผลการฝกึ ความแมน่ ยำทม่ี ผี ลต่อการยิงประตูบาสเกตบอลของนักเรียนกลมุ่ เปา้ หมาย ผลปรากฏ ว่านกั เรียนจำนวน 10 คน มกี ารพฒั นาทักษะความแม่นยำ 7 คน คือไดค้ ะแนนเพมิ่ ขึ้นหลงั จากได้ใช้แบบ ฝกึ ความแม่นยำที่มีผลต่อการยงิ ประตูบาสเกตบอล นกั เรยี นกลมุ่ เป้าหมายอีก 3 คนได้คะแนนคงท่ีซ่ึงอยู่ ในระดับที่ผู้วิจัยพึงพอใจเพราะนักเรียนกลุ่มเป้าหมายร้อยละ 70 ได้มีการพัฒนาความแม่นยำในการยิง ประตูบาสเกตบอล บทคดั ย่องานวิจยั ในชั้นเรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 101 ช่ือเรอ่ื ง : การวิจยั เพื่อสร้างสมรรถภาพทางกายของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ผวู้ จิ ัย : นายสรวิชญ์ วิคี กล่มุ สาระการเรียนรู้ : สุขศกึ ษาและพลศึกษา ปที ี่ทำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยในครั้งน้ีมีวัตถปุ ระสงค์เพือ่ ศึกษาการวจิ ัยเพื่อสร้างสมรรถภาพทางกายของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 โดยมปี ระชากรที่ใช้ในการทดลองจำนวน31คนผวู้ ิจัยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่าง เดือนตุลาคม พ.ศ.2564–กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2564 โดยทำการเกบ็ ข้อมูลกอ่ นเรียน Pre-test เร่มิ ดำเนินการ โดยการใช้แผนการฝึกสมรรถภาพทางกายเพื่อพัฒนาทักษะและสมรรถภาพทางกายของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 1 และทำการเก็บข้อมูลหลังการเรียน Post-test ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ สตู รการหาค่าร้อยละ สูตรการหาค่าเฉล่ีย และสตู รการหาคา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรุปผลไดด้ งั นี้ ผลการวิจัยพบว่าจำนวนนักเรียนทั้งหมด 31 คน ส่วนมากเป็นนักเรียนชาย ร้อยละ 51.61 ผล คา่ เฉลยี่ เลขคณิตของการพัฒนาการของเพศชายเท่ากับ 1.56 คา่ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.63 ผล ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของการพัฒนาการของเพศหญิงเท่ากับ 1.33 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.49 พบว่าภาพรวมของนักเรียนทไี่ ดร้ ับการฝึกทักษะมพี ัฒนาการ จากค่าเฉลี่ยเลขคณติ เทา่ กับ 1.42 และส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 102 กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น (แนะแนว) ช่ือเรอื่ ง : การใช้หลกั ปรัชญาแนะแนวในการจัดกจิ กรรมแนะแนวเพอื่ เสรมิ สรา้ งความสขุ สำหรับ นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2/8 ผู้วจิ ยั : นางสาวปาจรียม์ าศ เหลืองสกุล กลุ่มสาระการเรียนรู้ : กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น (แนะแนว) ปีท่ีทำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการใช้หลักปรัชญาแนะแนวในการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้าง ความสขุ สำหรับนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2/8 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของการเปรียบเทียบระดับความสุขก่อนและหลังเรียนโดยใช้หลักปรัชญาแนะแนวในการจัด กิจกรรมแนะแนว เพ่อื เสรมิ สร้างความสุขสำหรับนักเรยี น ประชากรท่ีใช้ในการศกึ ษาครง้ั นี้ คือ นักเรียนชั้น มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/8 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม ทกี่ ำลงั ศกึ ษาอยใู่ นปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 37 คน เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมแนะแนว จำนวน 4 กิจกรรม แบบสอบถามวัดระดับ ความสุขของนักเรียน จำนวน 1 ฉบับ แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับผู้ตอบ แบบสอบถาม ตอนท่ี 2 แบบสอบถามวัดระดับความสขุ ของนกั เรยี นเป็นแบบสอบถามมาตราสว่ นประมาณ คา่ 5 ระดับ (Rating Scale) โดยใชป้ ระเมนิ ก่อนและหลังการเรยี น ผลการวิจัยพบวา่ 1. ระดับความสุขของนักเรียนก่อนใช้หลักปรัชญาแนะแนวในการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้าง ความสุข ระดับความสุขของนักเรียนโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (=2.58) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า นักเรียนมีระดบั ความสุขมากทีส่ ุดเกี่ยวกับความพึงพอใจในรูปร่างหน้าตาของตนเอง (=2.72) รองลงมาคือ นักเรียนรู้สึกประสบความสำเร็จและความก้าวหน้าในชีวิต (=2.69), นักเรียนมีสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน เพอ่ื นบ้าน และผู้รว่ มงาน (=2.67) และนกั เรียนรู้สกึ วา่ ชีวติ ของตัวเองมีความสุข (=2.31) ตามลำดบั 2. ระดับความสุขของ นักเรียนหลังใช้หลักปรัชญาแนะแนวในการจัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อเสริมสร้าง ความสุข พบว่า ระดบั ความสขุ ของนักเรียนโดยรวมอยใู่ นระดบั มาก (=3.59) เมอื่ พจิ ารณาเป็นรายขอ้ พบวา่ นักเรยี นมรี ะดับความสขุ มากที่สุดคอื นักเรียนมีโอกาสไดพ้ กั ผ่อนนอนหลับอยา่ งเพียงพอ (=3.97) รองลงมา คอื นกั เรยี นมีความสขุ กบั การริเร่มิ งานใหมๆ่ และมุง่ ม่นั ทจ่ี ะทำให้สำเร็จ (=3.85), นกั เรียนมั่นใจ ทจ่ี ะเผชิญ กบั เหตุการณ์ร้ายแรงท่ีเกิดขนึ้ ในชวี ิต (=3.74) และนักเรยี นมเี พ่อื นหรือญาติพี่น้องคอยช่วยเหลือ ในยามที่ นักเรยี นตอ้ งการ (=3.26) นอ้ ยทส่ี ุด ตามลำดบั จากการจดั กิจกรรมโดยการใชห้ ลักปรัชญาแนะแนวในการจัดกิจกรรมแนะแนวน้ัน นักเรยี นท้งั หมด มคี า่ เฉลยี่ ของระดับความสุขสูงขน้ึ ค่าเฉลี่ยของระดับความสุขก่อนได้รว่ มกิจกรรมโดยรวมอยู่ในระดับปาน กลาง (=2.58) และคา่ เฉล่ยี ของระดบั ความสุขหลังจากทไี่ ด้เขา้ รว่ มกจิ กรรมโดยรวมอยใู่ นระดับมาก (=3.59) บทคัดยอ่ งานวิจยั ในชั้นเรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 103 เมื่อนำค่าเฉลี่ยของระดับความสุขของนักเรียนก่อนเข้าร่วมกิจกรรม และหลังเข้าร่วมกิจกรรมมา เปรียบเทียบกันแล้ว ปรากฏว่าค่าเฉลี่ยของระดับความสุขหลังเข้าร่วมกิจกรรมสูงกว่าก่อนการเข้าร่วม กิจกรรม บทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในช้ันเรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชยี งราย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117