P a g e | 37 ชอื่ เรอ่ื ง : ศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรยี น ใช้ระบบการเรียนออนไลนผ์ ่านระบบ Google meet ในชว่ งสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5/1 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชยี งราย ผ้วู จิ ัย : มรกต ทพิ ย์สุวรรณ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีท่ีทำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวจิ ัยครั้งน้มี วี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื ศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรยี น ใช้ระบบการเรียนออนไลน์ผ่าน ระบบGoogle meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชา วิทยาการคำนวณ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/1 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวัดเชยี งราย กล่มุ ตัวอยา่ งที่ใช้คือ นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5/1 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวัดเชยี งราย เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ในการวจิ ัยไดแ้ ก่ แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ นักเรยี น ใชร้ ะบบการเรียนออนไลน์ผา่ น ระบบGoogle meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชา วิทยาการคำนวณ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ ใหก้ ล่มุ ทดลองตอบแบบสอบถามวัดความพึงพอใจต่อใชร้ ะบบการ เรียนออนไลน์ผ่านระบบGoogle meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชา วิทยาการคำนวณภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 วเิ คราะหข์ ้อมลู โดยใชส้ ถิติ (ถา้ ม)ี ใช้ คา่ เฉลยี่ () และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวจิ ัยปรากฏว่า โดยภาพรวมนกั เรยี นมีความพึงพอใจใน ระดับมาก ต่อการใช้ระบบการเรียน ออนไลน์ผ่านระบบ Google meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชา วิทยาการคำนวณ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ทร่ี ะดับนยั สำคญั .05 บทคดั ยอ่ งานวิจัยในช้นั เรียน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 38 ชอ่ื เรอ่ื ง : การพัฒนาชุดการสอน เรอ่ื ง คำส่ังพืน้ ฐานในการควบคุมหนุ่ ยนต์ วิชา ห่นุ ยนต์เบื้องต้น ช้นั มัธมศึกษาปที ี่ 2 ผวู้ ิจัย : นายภานพุ งค์ ชมภูต๊บิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปที ท่ี ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถปุ ระสงค์เพื่อพฒั นาชุดฝึกการเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ด้วยภาษาบล็อก สำหรบั นักเรียนโรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคมกลุ่มตวั อยา่ งท่ใี ชค้ อื นกั เรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2/1 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใชใ้ นการวจิ ัยได้แกช่ ุด ฝึกปฏิบัติการเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ แบบทดสอบก่อน และหลังการเรียน การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการใช้แบบทดสอบก่อนและหลังการเรียนการสอน วิเคราะห์ข้อมลู โดยใช้สถิติ คา่ เฉลีย่ ค่าเบ่ียงมาตรฐาน ผลการวิจัยปรากฏว่า การเปรยี บเทยี บความแตกต่าง ของการทดสอบความรู้ด้วยค่าสถิติทีเท่ากับ 6.20 แสดงว่าคะแนนหลังการฝกึ อบรมสูงกวา่ คะแนนก่อนการ เรยี นอยา่ งมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ่ีระดบั .01 และผลการประเมินความคิดเห็นและความพึงพอใจของนักเรียน พบว่าสว่ นใหญ่มีความพงึ พอใจในระดับมาก ซงึ่ เป็นไปตามสมมตฐิ านท่ีไดต้ งั้ เอาไว้แสดงวา่ ชุดฝกึ ที่สร้างขึ้นมี ประสิทธภิ าพทำ ให้เรียนมคี วามรูเ้ พม่ิ มากขึ้นและเหมาะสมในการนำ ไปใช้งานจรงิ ตอ่ ไป บทคดั ยอ่ งานวิจยั ในชนั้ เรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวดั เชียงราย
P a g e | 39 ชอื่ เรื่อง : การใช้บทเรียนออนไลนผ์ ่านระบบเครอื ขา่ ย เร่อื ง การเขยี นเว็บไซต์ด้วยภาษา HTML ในการจัดการเรียนการสอนในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 (COVID-19) ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5/11 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม ผูว้ ิจัย : นางสาวพชิ ชยานาฏ รีรกั ษ์ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีทีท่ ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบทเรียนออนไลน์ผ่านระบบเครือข่าย เรื่อง การเขียน เวบ็ ไซต์ดว้ ยภาษา HTML ในการจัดการเรียนการสอนในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค โรนา่ 2019 (COVID-19) ของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5/11 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คอื เป็นนักเรียนที่เรียนในรายวิชาการเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา HTML กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5/11 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวดั เชียงราย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 20 คน เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัยได้แก่ บทเรียนออนไลน์ผ่านระบบ เครือข่าย เรอื่ ง การเขยี นเว็บไซตด์ ้วยภาษา HTML การเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการสร้างแบบประเมินความ พึงพอใจต่อการใช้งานบทเรียนออนไลน์ผ่านระบบเครือข่าย เรื่อง การเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา HTML วิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถิติ แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิชาการเขียนเวบ็ ไซต์ดว้ ยภาษา HTML จำนวน 1 ฉบับ เปน็ แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบแบบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 80 ข้อ โดยแยกเป็นบทเรียน ผลการวิจัยปรากฏว่าบทเรียนออนไลน์ผ่านระบบเครือข่าย เรื่อง การเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา HTML มปี ระสทิ ธภิ าพเท่ากับ 87.04/84.42 คา่ ดัชนีประสทิ ธิผลจากการเรียนด้วยบทเรยี นบนเครือข่ายวิชา คอมพิวเตอร์มีค่าเท่ากับ 0.7100 แสดงว่านักเรียนมีความคิดเห็นในการเรียนร้อยละ 71.00 โดยสรุป บทเรียนออนไลน์ผ่านระบบเครือข่าย เรื่อง การเขียนเว็บไซต์ด้วยภาษา HTML มีประสิทธิภาพและมี ประสิทธิผลเหมาะสมควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนนำไป พฒั นาการเรยี นการสอนให้มีประสทิ ธภิ าพ บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแม่จนั จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 40 ชอื่ เร่อื ง : ศึกษาความพึงพอใจของนกั เรียน ใช้ระบบการเรียนออนไลน์ผ่านระบบ Google meet ในชว่ งสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 รายวชิ า วิทยาการคำนวณ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 ของนกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/1 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชยี งราย ผู้วจิ ยั : นางพรวิมล ไชยสุข กลุ่มสาระการเรียนรู้ : วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ่ีทำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งน้ีมีวตั ถุประสงค์เพื่อ ศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรียน ใช้ระบบการเรยี นออนไลน์ผ่าน ระบบGoogle meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชา วิทยาการคำนวณ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ของนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4/1 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย กลุ่มตวั อย่างที่ใช้คือ นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4/1 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวดั เชยี งราย เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวจิ ัยได้แก่ แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ นักเรียน ใชร้ ะบบการเรียนออนไลนผ์ ่าน ระบบGoogle meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชา วิทยาการคำนวณ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการ ให้กลุม่ ทดลองตอบแบบสอบถามวัดความพงึ พอใจต่อใช้ระบบการ เรยี นออนไลน์ผ่านระบบGoogle meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวชิ า วิทยาการคำนวณภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 วเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิติ (ถา้ มี) ใชค้ า่ เฉลยี่ () และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวจิ ัยปรากฏว่า โดยภาพรวมนกั เรยี นมคี วามพงึ พอใจใน ระดับมาก ตอ่ การใชร้ ะบบการเรียน ออนไลน์ผ่านระบบ Google meet ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ทีร่ ะดับนัยสำคัญ .05 บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชั้นเรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 41 ช่ือเรื่อง : พัฒนาการเรยี นรายวิชาออกแบบและเทคโนโลยี เร่ืองอุปกรณ์งานช่าง สำหรับนกั เรียน ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่1 ปีการศึกษา 1/2564 โรงรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม โดยใช้เทคนิคการสตรมี มง่ิ (Streaming) ผวู้ จิ ัย : นางสาวชนาธิป ปะทะดวง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ปีที่ทำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนใน รายวิชาออกแบบและเทคโนโลยี และพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เรื่องอุปกรณ์งานช่าง สำหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี1 ปกี ารศกึ ษา 1/2564 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม โดยใช้เทคนิคการสตรีม มิ่ง(Streaming) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีผลสัมฤทธิ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ขึ้นไปกลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม สำนกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศศกึ ษามัธยมศึกษาเชียงราย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 27 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย ( Simple random sampling)เครื่องมอื ที่ใช้ในการวจิ ัยไดแ้ ก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิห์ น่วยการเรยี นรู้ เรื่อง เครื่องมือช่าง (แบบออนไลน)์ ฉบับก่อนเรียนและหลงั เรยี น แผนจดั การเรยี นร้เู รื่อง อปุ กรณ์งานช่าง รายวิชาการออกแบบ และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ศึกษา 1/2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม และ แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรยี นท่ีมตี ่อการเรียนจัดการเรียนรู้หนว่ ยการเรยี นรู้เร่อื ง อุปกรณง์ านชา่ ง รายวชิ าการออกแบบและเทคโนโลยี การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการวิเคราะห์และสรปุ ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิง พรรณนา ได้แก่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉล่ีย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยปรากฏว่า 1) นักเรียนร้อยละ 85.18 มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนรูไ้ ม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 70 ของคะแนนหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อุปกรณ์งานช่าง รายวิชาออกแบบและเทคโนโลยี 2) นักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยเทคนิคการStreaming หน่วยการเรียนรู้อุปกรณ์งานช่าง รายวิชาออกแบบและเทคโนโลยี คะแนนทดสอบหลงั เรียนสงู กวา่ ก่อนเรยี นอย่างมีนยั สำคญั ทางสถิติท่ีระดับ .01 3) ระดับความพึงพอใจของนักเรียนในการเรียนรู้ท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยการตอบแบบสอบถาม ความพงึ พอใจในรูปแบบออนไลน์ พบว่า นักเรยี นระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 มีระดับความพึงพอใจท่ีมีต่อ การจัดการเรียนรู้โดยใชเ้ ทคนคิ สตรีมมิ่ง(Streaming) หน่วยการเรียนรู้เร่ือง อุปกรณ์งานชา่ ง รายวิชาการ ออกแบบและเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.80 และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานเทา่ กบั 0.50 บทคดั ย่องานวิจยั ในช้นั เรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 42 ช่ือเร่อื ง : การพฒั นารูปแบบการจดั การสอนออนไลน์ เร่ือง คลืน่ เพื่อพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ของนกั เรยี นระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 ในชว่ งสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของ COVID 19 ผวู้ จิ ัย : นางศุภาลัย ชา่ งศลิ ป์ กลุม่ สาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปที ่ที ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวจิ ยั คร้งั น้มี วี ตั ถปุ ระสงค์เพือ่ พัฒนารปู แบบการจดั การเรยี นการสอนออนไลน์ เรือ่ ง คลืน่ เพอื่ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3/3 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม ปกี ารศึกษา 2564 จํานวน 33 คน เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจดั การสอนออนไลน์ เรือ่ ง คลื่น แบบทดสอบเร่ือง คลื่น การเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยการ ใหผ้ ู้เรียนประเมนิ ผลสัมฤทธจ์ิ ากแบบทดสอบ วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิติคา่ เฉล่ีย และค่าเบยี่ งเบน มาตรฐาน ผลการวจิ ัยปรากฏว่า นักเรยี นร้อยละ 82.9 คดิ วา่ รปู แบบการสอนออนไลน์ ที่พัฒนาขึ้น สามารถกพัฒนาผลสมั ฤทธขิ์ องผูเ้ รยี นของนกั เรยี นอย่ใู นระดบั มาก ท่คี า่ เฉลี่ย 4.3 บทคัดยอ่ งานวจิ ัยในชัน้ เรียน ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 43 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชื่อเรอ่ื ง : แนวการปฏิบตั ทิ ีด่ ีในการจัดการเรยี นการสอนเพอื่ พัฒนา ทักษะการสื่อสาร สอ่ื ความหมาย ทางคณิตศาสตร์ และการนำเสนอ ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 เรือ่ ง การวเิ คราะหแ์ ละ นำเสนอข้อมูลเชงิ คณุ ภาพ ในวิชาคณิตศาสตร์พนื้ ฐาน ในช่วงสถานการณ์การแพรร่ ะบาด ของโรค COVID-19 ผ้วู จิ ัย : นางณฐมน ศรีภักดี กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : คณิตศาสตร์ ปที ีท่ ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครงั้ นีม้ ีวัตถุประสงค์เพอ่ื 1) ศกึ ษาแนวการปฏิบัติทด่ี ใี นการจัดการเรียนการสอนเพือ่ พัฒนา ทกั ษะการสอ่ื สาร สอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนำเสนอ ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง การวิเคราะหแ์ ละนำเสนอข้อมูลเชิงคุณภาพ ในวิชาคณิตศาสตร์ ในช่วงสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรค COVID-19 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีต่อการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ดว้ ยแนวปฏิบตั ิทีด่ ีในการ จัดการเรยี นการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 กลุ่มตัวอยา่ งทใ่ี ช้ คอื นกั เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 , 6/7, 6/9 และ 6/10 จำนวน 128 คน ในรายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน ค33101 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 เครื่องมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ัย ไดแ้ ก่ 1) แบบวิเคราะหแ์ นวทางการปฏบิ ตั ิที่ดีใน การจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 2) แบบสอบถามความพึง พอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ ผลการวจิ ยั ปรากฏว่า 1) แนวการปฏิบตั ทิ ด่ี ใี นการจัดการเรียนการสอนมีดงั น้ี 1. รูปแบบ การจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน(ฺBlended Learning) 2. จัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้ ช่องทางที่หลากหลาย เช่น โปรแกรม Google Classroom โปรแกรม Google Meet ระบบ Facebook และระบบ Line Group 3. ปฏบิ ตั ิตามคมู่ อื การปฏิบตั ิสำหรับสถานศึกษาในการป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคCOVID-19 2) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยแนวปฏิบัติที่ดีในการ จดั การเรียนการสอนในชว่ งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (= 4.15, S.D. = 0.625) บทคดั ยอ่ งานวิจัยในชั้นเรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 44 ชื่อเรื่อง : การพฒั นาผลการเรียนของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ในชว่ งสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาด 1 ของโรค COVID-เร่ือง การบวกลบทศนิยมโดยใชแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ 19 ผวู้ จิ ัย : นางสาวอบุ ล นิ่มนวล กลุ่มสาระการเรียนรู้ : คณิตศาตร์ ปที ท่ี ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การบวกลบ ทศนิยม ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1/4 ก่อนและหลังเรียนโดยใชแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ (2) เพ่ือ ศึกษาความพงึ พอใจของนักเรียนทมี่ ีตอ่ การทำแบบฝึกทกั ษะคณิตศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปี การศกึ ษา 2564 จำนวน 35 คน เครือ่ งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัยได้แก่ (1) แผนการจดั การเรยี นรู้ เร่อื ง ทศนิยมและเศษส่วน (2) แบบฝึก ทักษะเร่ือง การบวกลบทศนิยม (3) แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวก ลบทศนยิ ม (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนทม่ี ีตอ่ การทำแบบฝกึ ทักษะคณติ ศาสตร์ การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ (1) ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกลบทศนิยม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น (2) นำแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ มา ดำเนินการสอนกับนักเรียนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในกิจกรรมของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ (3) ให้ นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนโดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการ บวกลบทศนิยม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น (4) หลังจากดำเนินการสอบเสร็จ ให้นักเรียนตอบแบบสอบถามความพงึ พอใจท่มี ีต่อแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ วิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใช้สถติ ิ ไดแ้ ก่ คา่ เฉล่ีย ค่ารอ้ ยละ ผลการวิจัยปรากฏว่า (1) ผลการเปรียบเทียบความก้าวหน้าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ เรื่องการบวกลบทศนิยม ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1/4 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน (2) ความพึงพอใจทีม่ ีต่อแบบฝึกทกั ษะคณิตศาสตร์ เรอ่ื งการบวกลบทศนยิ ม อย่ใู นระดบั ดมี าก บทคดั ย่องานวจิ ยั ในชัน้ เรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 45 ช่ือเร่อื ง : การจดั การเรยี นการสอนเพือ่ พัฒนาทักษะการสอื่ สารเร่อื ง สถติ ิ รายวิชาคณิตศาสตร์พืน้ ฐาน ค23101 ของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 โดยวธิ ีสอนแบบ GPAS 5 Steps ผวู้ จิ ยั : กรรณกิ า ตบิ๊ มณี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : คณิตศาตร์ ปีทีท่ ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การศึกษาครงั้ นีม้ วี ัตถปุ ระสงค์เพอื่ พัฒนาทักษะการสื่อสารเรอ่ื ง สถติ ิ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ค23101 ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 เพือ่ เปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนกอ่ นเรียนและหลงั เรียน เรื่อง สถิติรายวิชาคณิตศาสตร์พ้ืนฐาน ค23101 ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 และเพื่อศกึ ษาความพงึ พอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง สถิติ รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ค23101 ของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยวิธีสอนแบบ GPAS 5 Steps กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ นักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3/1 -3/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จำนวน 3 ห้องเรียน จำนวน 96 คน ระยะเวลาในการทดลองจำนวน 8 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แผนการจดั การเรียนรู้เรอื่ ง สถติ ิ โดยการจดั การเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ในระดับช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 2 แผน รวมเวลา 8 ช่ัวโมงแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สถิติ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 เปน็ แบบปรนัยแบบเลอื กตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ และแบบประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรยี น ทมี่ ตี อ่ การจดั การเรียนรเู้ รอ่ื ง สถติ ิ โดยการจดั การเรียนรแู้ บบ GPAS 5 Steps ในระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามวิธขี องลิเคร์ิท สถติ ทิ ี่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ สถิติ t-test for dependent sample ผลการวจิ ยั พบว่า 1. นักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม มีทักษะการสื่อสารในการเสนอผลงาน อย่ใู นระดบั ดี รอ้ ยละ 99.83 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สถิติ โดยวิธีสอนแบบ GPAS 5 Steps หลังเรียนสูงกว่าก่อน เรียนอย่างมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ิทรี่ ะดบั .05 3. นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม มีความพึงพอใจในการเรียนเรื่อง สถิติ โดยวธิ สี อนแบบ GPAS 5 Steps อยู่ในระดบั มาก บทคัดย่องานวิจัยในช้นั เรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 46 ชื่อเร่ือง : การพัฒนาพฤตกิ รรมการเรยี น ใหม้ คี วามรบั ผิดชอบ ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ในรายวิชาคณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ผูว้ ิจัย : นางพรรณี สาระตา กลุ่มสาระการเรียนรู้ : คณิตศาตร์ ปีทท่ี ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ รายงานวิจัยในชั้นเรยี นฉบับนี้ มจี ดุ ม่งุ หมายเพ่อื เปน็ การพฒั นาพฤตกิ รรมการเรยี นให้เป็นผู้มีความ รับผิดชอบต่อหน้าที่ในการเรียนให้ดีขึ้น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2564 ในรายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม จังหวัดเชียงราย ในช่วงสถานการณก์ ารแพร่ระบาด ของโรค COVID-19 โดยมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสังเกต การสัมภาษณ์ ข้อมูลด้านการเรียน และการตอบ แบบสอบถามจากนักเรยี น การใชแ้ รงจงู ใจเสริมแรง โดยใหค้ ำชมเชยแกน่ ักเรยี นรวมทั้งดูแลดา้ นการเรียนให้ มีความรับผิดชอบ สนใจเรียน และติดตามจากคุณครูที่เข้าสอน ทำให้นักเรียนมีความกระตือรอื ร้นต่อการ เรียนมากขึ้น มีความเอาใจใส่ต่อการเรียน รับผิดชอบและสนใจเรียนมากขึ้น ทำให้บรรยากาศการเรียน ภายในห้องเรยี นที่เอ้ือตอ่ การเรยี นรู้ มีความตั้งใจเรียน มีความรับผิดชอบต่อหน้าทีม่ ากข้ึน ทำงานที่ได้รับ มอบหมายและสง่ งานตรงกำหนดเวลา รู้จกั ชว่ ยเหลอื ซงึ่ กันและกนั ดว้ ยความเตม็ ใจ บทคัดยอ่ งานวิจัยในชัน้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม อำเภอแม่จนั จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 47 ชื่อเรือ่ ง : การจัดการเรียนการสอนเพอ่ื พฒั นาทกั ษะความเข้าใจ เรอื่ ง อสมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว รายวชิ าคณิตศาสตร์ ค23101 ของนักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ในชว่ งสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค COVID 19 โดยวธิ ีสอนแบบ GPAS 5 Steps ผูว้ ิจยั : ชนกนนั ท์ นอ้ ยหมอ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : คณิตศาตร์ ปที ีท่ ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะความเข้าใจ เรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ค23101 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนเรื่อง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ค23101 ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 และเพอ่ื ศกึ ษาความพงึ พอใจในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้เร่ือง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว รายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ค23101 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยวธิ สี อนแบบ GPAS 5 Steps กลุ่มตวั อย่างท่ีใช้ในการศกึ ษาวิจยั ไดแ้ ก่ นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 3/4 ,3/6 , 3/8 และ 3/10ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 4 หอ้ งเรียน จำนวน 131 คน ระยะเวลาในการทดลองจำนวน 8 ชั่วโมง เครื่องมือท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แผนการ จัดการเรียนรู้เรือ่ ง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS 5 Steps ในระดับชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 2 แผน รวมเวลา 8 ชั่วโมงแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สถิติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 เป็นแบบปรนัยแบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ขอ้ และแบบประเมนิ ความ พึงพอใจของนกั เรียนท่ีมีต่อการจดั การเรียนร้เู รอ่ื ง อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว โดยการจัดการเรียนรูแ้ บบ GPAS 5 Steps ในระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน 15 ขอ้ เปน็ แบบมาตรสว่ นประมาณค่า 5 ระดับตาม วิธีของลเิ คริ์ท สถิตทิ ใ่ี ช้ในการ วิเคราะหข์ ้อมลู ไดแ้ ก่ คา่ เฉล่ีย คา่ รอ้ ยละ คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน และทดสอบ สมมติฐาน โดยใช้ สถิติ t-test for dependent sample ผลการวจิ ัยพบว่า 1. นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม มีทักษะการสื่อสารในการเสนอผลงาน อยใู่ นระดบั ดี รอ้ ยละ 90.83 2. ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เร่อื ง อสมการเชงิ เส้นตัวแปรเดยี ว โดยวธิ ีสอนแบบ GPAS 5 Steps หลงั เรยี นสงู กว่ากอ่ นเรยี นอยา่ งมนี ัยสาํ คญั ทางสถติ ิท่รี ะดับ .05 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม มีความพึงพอใจในการเรียนเรื่อง อสมการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว โดยวิธีสอนแบบ GPAS 5 Steps อยู่ในระดับมาก บทคัดยอ่ งานวิจัยในช้นั เรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 48 ชอ่ื เรอ่ื ง : การจดั การเรียนการสอนเพอื่ พัฒนาทกั ษะการส่ือสารเรื่อง สถติ ิ รายวิชาคณติ ศาสตร์พนื้ ฐาน ค23101 ของนกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID 19 ผู้วิจยั : ธัญสมร อาทติ ย์สาม กลุ่มสาระการเรียนรู้ : คณติ ศาตร์ ปีท่ีทำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การศกึ ษาคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพือ่ พฒั นาทักษะการสือ่ สารเรื่อง สถิติ รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ ื้นฐาน ค23101 ของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 เพ่อื เปรียบเทยี บผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นกอ่ นเรียนและหลังเรียน เรอื่ ง สถติ ิรายวชิ าคณิตศาสตรพ์ ืน้ ฐาน ค23101 ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 และเพือ่ ศึกษาความพึง พอใจในการจดั กจิ กรรมการเรียนรเู้ ร่อื ง สถิติ รายวชิ าคณิตศาสตร์พน้ื ฐาน ค23101 ของนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 โดยวิธสี อนแบบสือ่ ประสม กลุ่มตัวอยา่ งทใี่ ชใ้ นการศึกษาวิจัย ไดแ้ ก่ นกั เรยี นช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 3/5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 1 หอ้ งเรียน จำนวน 33 คน ระยะเวลาในการทดลองจำนวน 8 ช่วั โมง เคร่อื งมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล ไดแ้ ก่ แผนการ จัดการเรยี นรู้เรื่อง สถติ ิ โดยการจัดการเรยี นรแู้ บบส่ือประสม ในระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 2 แผน รวมเวลา 8 ชัว่ โมงแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนเรอื่ ง สถิติ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 เป็นแบบปรนยั แบบเลอื กตอบ ชนดิ 4 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ขอ้ และแบบประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรียนทีม่ ีตอ่ การ จัดการเรียนรู้เรอื่ ง สถติ ิ โดยการจัดการเรียนรูแ้ บบสอ่ื ประสมในระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 15 ขอ้ เปน็ แบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามวิธีของลเิ คร์ิท สถิติทใี่ ช้ในการ วิเคราะหข์ ้อมลู ไดแ้ ก่ คา่ เฉลยี่ คา่ รอ้ ยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ สถติ ิ t-test for dependent sample ผลการวิจยั พบว่า 1. นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม มีทกั ษะการส่อื สารในการเสนอผลงาน อยู่ในระดบั ดี 2. ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เร่ือง สถิติ โดยวธิ ีสอนแบบสอื่ ประสม หลงั เรียนสงู กว่ากอ่ นเรยี น อย่างมีนัยสาํ คญั ทางสถติ ิทีร่ ะดับ .05 3. นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม มีความพงึ พอใจในการเรยี นเรื่อง สถติ ิ โดยวิธสี อนแบบสอื่ ประสม อยู่ในระดบั มาก บทคัดย่องานวิจัยในชนั้ เรยี น ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จนั จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 49 ช่อื เรื่อง : การจดั การเรียนการสอนทางไกลเพือ่ พฒั นาพฤตกิ รรมการเรยี นรูข้ องนักเรยี น ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 เรอ่ื งปรซิ มึ และทรงกระบอกในชว่ งสถานการณ์โควิค - 19 ภาคเรียนท่ี 1/2564 ผู้วจิ ัย : นางสาวณิชานันทน์ ศูนย์กลาง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : คณิตศาตร์ ปที ่ีทำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ1)เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการเรียนการสอนในรูปแบบ ทางไกลดว้ ยโปรแกรม Google Classroomในชว่ งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid -19 2) เพื่อ ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนแบบทางไกลด้วยโปรแกรม Google Classroom ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปี การศกึ ษา 2564 ห้อง 2/9 จำนวน 37 คน เครือ่ งมือท่ีใชใ้ นการวิจยั ได้แก่โปรแกรม Google Classroom และแบบสำรวจความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการใช้ โปรแกรม Google Classroom ในรายวิชาคณิตศาสตร์ปีการศึกษา2564 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติใช้ร้อยละและค่าเฉลี่ย ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อโปรแกรมGoogle Classroom ในการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ตอบ แบบสอบถามมีจำนวน 37 คนเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษา 2/9 จำนวน 37 คนคดิ เป็นร้อยละ 100 เปน็ เพศ ชายจำนวน 20 คิดเป็นร้อยละ 54.05 และเพศหญิงจำนวน 17 คนคิดเป็นร้อยละ 45.95 ผลการ วเิ คราะห์ความพึงพอใจของนกั เรียนท่มี ีตอ่ การใชโ้ ปรแกรม Google Classroom พบว่าความพงึ พอใจสูงสุด ของนกั เรียนคอื โปรแกรมช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนและการส่งงานค่าเฉล่ยี ความพึงพอใจ 4.45 รองลงมาคือกระบวนการใช้โปรแกรม Google Classroom ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ความพึงพอใจท่ี น้อยที่สุดคือนกั เรียนต้องการใหค้ รูใช้โปรแกรมนี้ในการจดั การเรียนการสอนต่อไปแม้ไม่อยู่ในสถานการณ์ โรคระบาดมีค่าเฉลี่ย 3.38 ส่วนการวิเคราะห์ผลการเรียนพบวา่ ผลการเรยี นเฉลี่ยของนกั เรียนอยู่ในระดับ ผลสมั ฤทธิ์คดิ เปน็ ร้อยละ 70.15 บทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชน้ั เรียน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 50 ชอื่ เรอื่ ง : แนวปฏบิ ตั ิทดี่ ีในการจัดการเรยี นการสอนเพอื่ พัฒนาทกั ษะการคดิ ของนกั เรยี นช้ัน มธั ยมศกึ ษาปที ่6ี เรื่องแคลคลู ัสเบอื้ งต้น วชิ าคณิตศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ ในชว่ งสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรค COVID-19 ผ้วู จิ ยั : นางมณัชยา ปีบ้านใหม่ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : คณติ ศาตร์ ปีท่ีทำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะ การคิดของนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่6ี เรื่องแคลคลู ัสเบ้ืองต้น วชิ าคณิตศาสตรเ์ พม่ิ เติม ในชว่ งสถานการณ์ การแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 กลมุ่ ตัวอย่างที่ใชค้ ือ นักเรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 6/1 ,6/2 , และ 6/4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 78 คน เครือ่ งมอื ทใี่ ช้ในการวิจัยได้แก่ แนวทางในการจดั การเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ แบบสังเกต พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ บันทึกการสง่ งาน แบบบันทึกการวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ การเก็บรวบรวมข้อมูล โดย 1.สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ 2.บันทึกการส่งงาน 3.การวัดและ ประเมินผลการเรยี นรู้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ใช้ร้อยละและค่าเฉลี่ยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ผลการวิจัย พบว่าแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการคิดของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท6่ี เรื่องแคลคูลัสเบื้องต้น วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 มี ดังนี้ 1. ผู้สอนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอน โดยจัดรูปแบบการสอนแบบออนไลน์มากกวา่ การจัดการเรียน การสอนแบบออนไซต์ 2. การจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ต้องใช้มากกว่า 1 ช่องทางในการเรียนรู้ ทัง้ นผี้ ูว้ จิ ยั ช่องทางในการเรียนรู้โดยใช้ Google Classroom และ กลุ่ม facebook สำหรับการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน 3. มีการเสริมสร้างการเรียนรู้เชิงรุกนอกห้องเรียน 4. มีการบูรณาการการสอนแบบ ออนไลน์ร่วมกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง 5. มีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่หลากหลายไม่เน้นการวัด ประเมนิ ผลการเรียนรู้ด้วยระบบการสอบ ท้ังนพี้ บวา่ นกั เรียนร้อยละ 87.18 มคี วามพึงพอใจต่อแนวปฏิบัติ ในการจัดการเรียนการสอนของครูในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 อยู่ในระดับมาก ทีส่ ุด บทคดั ย่องานวจิ ัยในชนั้ เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 51 ช่อื เร่ือง : แนวปฏบิ ัติท่ีดใี นการจดั การเรียนการสอนรูปแบบทางไกลเพอื่ พฒั นาทักษะการคิด ของนักเรยี นชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เรอ่ื ง ฟังกช์ ัน วชิ าคณติ ศาสตร์ ในชว่ งสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ผวู้ จิ ัย : อัญชลี ประวัง กลุม่ สาระการเรียนรู้ : คณิตศาตร์ ปที ีท่ ำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครัง้ น้มี ีวัตถุประสงค์ เพอื่ ศกึ ษาแนวปฏิบัตกิ ารจัดการเรยี นการสอนเพอ่ื พฒั นาทักษะการ คิดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5 เรื่อง ฟังก์ชัน วิชาคณิตศาสตร์ ในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาด ของโรค COVID-19 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 และ 5/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 66 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) เครื่องมือที่ใช้ในวิจัย ได้แก่ 1) แบบ วิเคราะห์แนวทางการปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถ านการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 2) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ฟังก์ชัน ที่เน้นกิจกรรมการเรียนรูเ้ พื่อพัฒนาทักษะการคิดของ นกั เรียน 3) แบบสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียน และ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนที่มีต่อการ จดั การเรียนการสอนในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 ผลการวิจัยปรากฏวา่ นกั เรยี นร้อย ละ 75.76 มีส่วนร่วมในการตอบคำถามในระดับคุณภาพดีขึน้ ไป และนักเรียนร้อยละ 84.84 มีความพึง พอใจต่อการจัดการเรียนการสอนในสถานการณก์ ารแพร่โรคระบาดไวรสั โควดิ 19 อยใู่ นระดบั มากข้นึ ไป บทคดั ยอ่ งานวิจยั ในช้ันเรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 52 ชื่อเร่อื ง : แนวปฏบิ ัตทิ ่ดี ใี นการจดั การเรียนการสอนเพ่อื พัฒนาทกั ษะการคิดของนักเรียน ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เร่ือง จำนวนจรงิ วชิ าคณิตศาสตร์ ค31101 ในช่วงสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 ผวู้ ิจยั : สุภารตั น์ เลาเหลก็ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : คณิตศาตร์ ปีท่ที ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครงั้ นมี้ ีวัตถุประสงค์ เพอื่ ศึกษาแนวปฏบิ ตั กิ ารจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการ คิดของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เรื่องจำนวนจริง วชิ าคณิตศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ ค31101 ในชว่ งสถานการณ์ การแพร่โรคระบาดไวรัสโควิด 19 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 และ 4/3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 66 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการ ทดลองปฏิบัติ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ 2) เครื่องมือที่ใช้ในเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการสะ ท้อน ผลการวิจัย ได้แก่ แบบฝึกหัด แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของ นกั เรยี นท่มี ีต่อการจัดการเรยี นการสอนในสถานการณ์การแพร่โรคระบาดไวรัสโควดิ 19 ผลการวิจัยปรากฏ ว่า นักเรียนร้อยละ 80.25 มีส่วนร่วมในการตอบคำถามในระดับคุณภาพดีขึ้นไป และนักเรียนร้อยละ 84.50 มีความพงึ พอใจตอ่ การจดั การเรียนการสอนในสถานการณก์ ารแพรโ่ รคระบาดไวรสั โควดิ 19 อยใู่ น ระดับมากขึ้นไป บทคดั ย่องานวิจัยในชัน้ เรียน ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวดั เชยี งราย
P a g e | 53 ช่อื เรอื่ ง : การจดั การเรยี นการสอนทางไกลเพื่อพฒั นาพฤตกิ รรมการเรยี นรขู้ องนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 4 เร่ืองตรรกศาสตรใ์ นช่วงสถานการณโ์ ควคิ - 19 ภาคเรยี นท่ี 1/2564 ผ้วู จิ ัย : นางพชั รินทร์ มณี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : คณติ ศาตร์ ปที ่ีทำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การศึกษาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ1)เพื่อศึกษาแนวปฏิบัติที่ดีในการเรียนการสอนในรูปแบบ ทางไกลด้วยโปรแกรม Google Classroomในชว่ งสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค Covid -19 2) เพอ่ื ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนการสอนแบบทางไกลด้วยโปรแกรม Google Classroom ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ปกี ารศกึ ษา 2564 ห้อง 4/2 จำนวน 37 คน เคร่อื งมือที่ใช้ในการวิจัยไดแ้ ก่โปรแกรม Google Classroom และแบบสำรวจความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการใช้ โปรแกรม Google Classroom ในรายวิชาคณิตศาสตร์ปีการศึกษา2564 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยายเพื่อหาค่าเฉล่ีย และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและค่าความพงึ พอใจของนักเรียนที่มีต่อโปรแกรม Google Classroom ในการศกึ ษาพบวา่ กลุ่มตัวอยา่ งที่ตอบแบบสอบถามมีจำนวน 37 คนเป็นนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษา 4/2 จำนวน 37 คนคิดเป็นร้อยละ 100 เป็นเพศชายจำนวน 14 คิดเป็นร้อยละ 37.84 และเพศหญิง จำนวน 23 คนคิดเป็นร้อยละ 62.16 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้โปรแกรม Google Classroom พบว่าความพึงพอใจสูงสุดของนักเรียนคือโปรแกรมช่วยอำนวยความสะดวกในการ เรียนการสอนและการส่งงานค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ 4.33 รองลงมาคือกระบวนการใช้โปรแกรม Google Classroom ไมซ่ บั ซ้อน เข้าใจงา่ ย ความพงึ พอใจท่ีนอ้ ยที่สุดคือนักเรียนตอ้ งการให้ครูใช้โปรแกรมนี้ในการ จัดการเรยี นการสอนตอ่ ไปแมไ้ มอ่ ยู่ในสถานการณ์โรคระบาดมคี ่าเฉล่ีย3.01 สว่ นการวิเคราะห์ผลการเรียน พบว่าผลการเรยี นเฉลี่ยของนกั เรียนอยใู่ นระดับผลสมั ฤทธ์คิ ิดเป็นรอ้ ยละ 79.65 บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชนั้ เรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 54 ช่อื เรือ่ ง : แนวปฏบิ ตั ทิ ี่ดใี นการจัดการเรียนการสอนเพ่อื พฒั นาทักษะการสอ่ื สารทางคณิตศาสตรข์ อง นักเรยี นช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 เรอ่ื ง ทฤษฎีบทพที าโกรสั ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรค COVID-19 ผู้วจิ ยั : นางสาวเปรมกมล อนิ หลี กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : คณติ ศาตร์ ปที ี่ทำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวิจยั ครงั้ น้ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ 1) พฒั นาทกั ษะการส่ือสารทางคณติ ศาสตร์ของนักเรยี น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง ทฤษฎีบทพีทาโกรัส ด้วยแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการเรียนการสอนในช่วง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ให้นักเรียนจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีทักษะการ สื่อสารทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดบั ดี ขึ้นไป 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการจดั กจิ กรรมการ เรียนรดู้ ้วยแนวปฏิบัติทีด่ ีในการจัดการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 กล่มุ ตัวอย่างท่ีใช้ คอื นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 2/1 และ 2/2 จำนวน 67 คน ใน รายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน ค22101 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรยี นรทู้ เี่ นน้ กจิ กรรมการเรียนรูเ้ พอื่ พฒั นาทกั ษะการสือ่ สารทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน จำนวน 8 แผน 2) แบบประเมินทักษะการสื่อสารทางคณิตศาสตร์ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของ นักเรียนที่มีต่อการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ด้วยแนวปฏิบัติทีด่ ีในการจัดการเรียนการสอนในชว่ งสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และค่ารอ้ ยละ ผลการวิจัยปรากฏวา่ 1) นกั เรียนมีทกั ษะในการสอ่ื สารทางคณติ ศาสตรภ์ าพรวมอยใู่ นระดบั ดี (= 4.19, S.D. = 0.56) และนักเรยี นร้อยละ 72.44 มีทักษะการสื่อสารทางคณิตศาสตรอ์ ยู่ในระดับดี ข้ึนไป ซ่งึ ผ่านเกณฑ์ท่กี ำหนดไว้ 2) นักเรยี นมีความพงึ พอใจของนักเรยี นทีม่ ีตอ่ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ด้วยแนว ปฏิบัติที่ดใี นการจัดการเรียนการสอนในชว่ งสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในภาพรวมอยู่ ในระดบั มาก (= 4.24, S.D. = 0.53) บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชนั้ เรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 55 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชือ่ เรื่อง : การพฒั นาความสามารถในการเขียนเรยี งความ ยอ่ ความและสรปุ ความด้วยแบบฝกึ การเขยี น เรียงความ ยอ่ ความ และสรปุ ความ ของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม ผวู้ จิ ยั : นางสาววิไลพร เส่ียงกศุ ล กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปที ที่ ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวจิ ัยครั้งนมี้ วี ัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือสรา้ งและหาประสทิ ธิภาพแบบฝกึ ทักษะการเขยี นเรียงความ ย่อความ และสรุปความของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ตามเกณฑ์ มาตรฐาน 80/80 2. เพือ่ พฒั นาความสามารถในการเขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และสรุปความ ของนักเรยี น ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 2 ห้องเรยี น ประกอบด้วย นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 38 คน และ นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4/4 จำนวน 40 คน รวมท้งั สิ้น 78 คน เครอ่ื งมือทใี่ ชใ้ นการวิจัยได้แก่ 1. แผนการจัดการเรยี นรหู้ น่วยการเรียนรูห้ น่วยที่ 2 ลลี าภาษา จำนวนทั้งสิ้น 3 แผน 2. แบบฝึก การเขียนเรยี งความ ย่อความ และสรปุ ความและ 3. แบบวัดผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบกลุ่มเดียว (One Group Pretest– Posttest Design) ผู้วิจัยดำเนินการสอนด้วยตนเองกับกลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ซึ่งได้จากการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) จำนวน 78 คน ปีการศกึ ษา 2564 โดยดำเนินการ คือ ช้แี จงรายละเอยี ดข้นั ตอน และวิธปี ฏิบตั ิในการเรียน จากนั้น ทดสอบความสามารถเขยี นเพือ่ วิเคราะหแ์ ละประเมินค่าก่อนเรียน (Pre-test) และดำเนินกิจกรรมการเรียน การสอน โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้และแบบฝึกการเขียนเรียงความ ย่อความ และสรุปความ ทั้งหมด 3 แผน โดยทดลองสอนกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 6 สัปดาห์ จากนั้นทดสอบความสามารถการเขียนเพ่ือ วิเคราะห์และประเมินค่า (Post-test) และนำข้อมลู ทไ่ี ด้มาทำการตรวจ วิเคราะหท์ างสถติ ิโดยใช้โปรแกรม คอมพวิ เตอร์ SPSS for Window วเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใช้สถติ ิ (ถ้าม)ี ใช้วธิ กี ารทางสถิติ t – test Dependent Sample ผลการวิจัยปรากฏว่า ประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะการเขียนเรียงความ ย่อความ และสรุปความ ของนักเรียนระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80.20/83.65 และมี บทคัดยอ่ งานวจิ ัยในชั้นเรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 56 ผลคะแนนความสามารถในการอ่านเพ่ือวิเคราะห์และประเมินค่าสงู กว่ากอ่ นเรียนและมีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรยี น หลงั เรียนสงู กว่ากอ่ นเรียน อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติท่รี ะดบั .05 บทคดั ย่องานวจิ ัยในชั้นเรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 57 ช่ือเรือ่ ง : การพฒั นาทกั ษะการอา่ นตคี วาม ด้วยแบบฝึกการอ่านตคี วามของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษา ปที ่ี 5 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ผู้วจิ ัย : นายเฉลิมพล ทรายหมอ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาไทย ปที ท่ี ำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครัง้ นี้มวี ตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือสร้างและหาประสทิ ธิภาพแบบฝกึ ทักษะการอ่านตีความของ นักเรียนระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม 2. เพอื่ พฒั นาความสามารถในการอ่านตึความ ของนักเรยี นระดบั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 จำนวน 5 หอ้ งเรียน เครอื่ งมือที่ใช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ 1. แผนการจัดการเรยี นรู้เรื่องการอ่านตีความ แปลความ ขยาย ความ 2.แบบฝึกการอ่านตึความ 3. แบบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรยี น การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบกลุ่มเดียว (One Group Pretest– Posttest Design) ผู้วิจัยดำเนินการสอนด้วยตนเองกับกลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม ซงึ่ ไดจ้ ากการเลือกกลุม่ ตวั อยา่ งแบบเจาะจง (Purposive sampling) จำนวน 50 คน ปีการศึกษา 2564 โดยดำเนินการ คือ ชี้แจงรายละเอียดข้ันตอน และวิธีปฏิบัติในการเรยี น จากน้ัน ทดสอบความสามารถเขียนเพื่อวิเคราะห์และประเมินค่าก่อนเรียน (Pre-test) และดำเนินกิจกรรมการ เรียนการสอน โดยใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้และแบบฝึกการอา่ นตีความ โดยทดลองสอนกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 3 สปั ดาห์ จากน้นั ทดสอบความสามารถการอ่านตีความ (Post-test) และนำขอ้ มูลที่ได้มาทำการ ตรวจ วิเคราะห์ทางสถิติ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ (ถ้ามี) ใช้วิธีการทางสถิติ t – test Dependent Sample ผลการวิจัยปรากฏว่า ประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะการอ่านตีความ ของนักเรียนระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม คะแนนรวมการทดสอบก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 10.66 และค่าเฉลี่ยรอ้ ยละเทา่ กับ 52.00 คะแนนทดสอบหลงั เรยี นมคี ่าเฉลีย่ เท่ากับ 16.07 และค่าเฉลี่ยร้อย ละเท่ากับ 78.37 ปรากฏว่าคะแนนเฉลี่ยร้อยละของการทำแบบทดสอบหลังเรียนสูงกว่าการทำ แบบทดสอบก่อนเรยี น บทคดั ย่องานวิจยั ในช้นั เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 58 ชอื่ เรื่อง : การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวิชาภาษาไทย ท 5 ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 32101 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม โดยใช้การเรยี นการสอนผ่าน Google meet Application ผวู้ จิ ัย : นางสาววิมลรัตน์ ขดั สุรินทร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปีทที่ ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวจิ ยั คร้ังนีม้ วี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื 1. พัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาภาษาไทย ท32101 ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม โดยใชก้ ารเรียนการสอนผ่าน Google meet Application 2. เพือ่ พัฒนาการเรียนรูภ้ าษาไทย จากการเรยี นการสอนรายวชิ าภาษาไทย ท32101 โดยใช้ การเรียนการสอนผา่ น Google meet Application กลุ่มตวั อยา่ งท่ใี ชค้ อื นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5/4 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 38 คน เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัย คอื 1. แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายวชิ าภาษาไทย ท32101 2. แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น วิเคราะห์ ขอ้ มลู โดยใชส้ ถติ ิค่ารอ้ ยละ ผลการวิจัยพบวา่ ผลการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น จากการเรียนการสอนรายวชิ า ภาษาไทย ท 32101 โดยใช้การเรยี นการสอนผ่าน Google meet Application ของนักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5/4 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม นักเรยี นมีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนอยใู่ นระดับดรี ้อยละ76.31 บทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวดั เชียงราย
P a g e | 59 ช่ือเรื่อง : การพฒั นาความสามารถในการอ่านเชิงวเิ คราะห์ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วธิ สี อนแบบ SQ4R ร่วมกับแผนท่ีความคิด ผู้วิจยั : นางสาวณัฐฉรา ปากลู กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : ภาษาไทย ปที ี่ทำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวจิ ยั ครัง้ นม้ี วี ัตถุประสงคเ์ พือ่ 1) เปรยี บเทยี บความสามารถในการอ่านเชงิ วเิ คราะห์ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R ร่วมกับแผนท่ี ความคิด และ 2) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธี สอนแบบ SQ4R ร่วมกบั แผนทค่ี วามคดิ กลุ่มตวั อย่างทีใ่ ช้ในการวจิ ยั เปน็ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2/3และ 2/5 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวัดเชยี งราย ทเ่ี รยี นในภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 จํานวน 45 คน ไดม้ าโดยวธิ ีการ สุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ด้วยวิธีการจับสลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม กำหนด ระยะเวลาในการทดลอง จำนวน 10 คาบ เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการวิจัยไดแ้ ก่ เครือ่ งมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย ประกอบด้วย 1) แผนการจดั การเรยี นรู้ โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R ร่วมกบั แผนท่คี วามคดิ 2) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านเชิงวเิ คราะห์ และ 3) การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการใช้แบบสอบถามความคิดเหน็ ของนักเรียนที่มตี ่อการจัดการเรียนรู้ โดยใชว้ ธิ ีสอนแบบ SQ4R ร่วมกับแผนทคี่ วามคดิ วเิ คราะห์ข้อมลู โดยใช้ค่าเฉล่ยี ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบคา่ ทีแบบกลมุ่ ตัวอยา่ งกลมุ่ เดยี วไมเ่ ป็นอสิ ระต่อกัน (t-test for dependent)ผลการวจิ ยั ปรากฏวา่ 1. ความสามารถในการอ่านเชิงวิเคราะหข์ องนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 หลังจดั การ เรยี นรู้ โดยใชว้ ิธสี อนแบบ SQ4R ร่วมกับแผนที่ความคิดสงู กว่าก่อนจัดการเรียนรูอ้ ย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 2. ความคดิ เหน็ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 2 ที่มีตอ่ การจดั การเรยี นรูโ้ ดยใช้วิธีสอนแบบ SQ4R รว่ มกบั แผนท่คี วามคดิ อย่ใู นระดบั เหน็ ดว้ ยมาก บทคัดย่องานวิจัยในชนั้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 60 ชอื่ เรอื่ ง : ความคิดเห็นของนักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ที่มีตอ่ กจิ กรรมการเรยี นการสอนออนไลน์ รายวชิ า I32201 การค้นคว้าเพอื่ สรา้ งองค์ความรู้ ในชว่ งการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัส โคโรนา 2019 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ผวู้ ิจัย : นางสาวธชั กร จับใจนาย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ภาษาไทย ปีทที่ ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวิจัยคร้ังนีม้ ีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาความคิดเหน็ ของนักเรียนท่มี ตี อ่ กจิ กรรมการเรียน การสอนออนไลน์ รายวิชา I32201 การค้นควา้ เพื่อสร้างองคค์ วามรู้ ในชว่ งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 2) เพื่อประเมินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ ออนไลน์ของผู้สอน รายวิชา I32201 การค้นคว้าเพือ่ สร้างองค์ความรู้ ในช่วงการแพรร่ ะบาดของโรคติด เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 กลุ่มตวั อยา่ งทใ่ี ช้คอื นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5/3 ม.5/4 ม.5/6 และ ม.5/11 ท่เี รยี นรายวชิ า I32201 การค้นควา้ เพื่อสร้างองค์ความรู้ ในภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 จำนวน 131 คน เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามแบบ มาตรประมาณคา่ 5 ระดบั วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใชส้ ถิติ ค่ารอ้ ยละ ค่าเฉลย่ี และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อกิจกรรมการเรียนการ สอนออนไลน์ รายวิชา I32201 การค้นคว้าเพื่อสร้างองค์ความรู้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นราย ด้าน โดยเรยี งจากคา่ เฉลยี่ จากมากไปหาน้อยได้ ดงั นี้ ดา้ นสอ่ื และส่ิงสนับสนนุ การเรียนการสอน ด้านการ วัดและประเมนิ ผล ดา้ นครผู ูส้ อน ดา้ นกิจกรรมการเรยี นการสอน และด้านเนอ้ื หาตามลำดับ บทคัดย่องานวิจัยในช้ันเรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 61 ช่อื เรอ่ื ง : ความพงึ พอใจในการจัดการเรียนรดู้ ว้ ยบทเรียนออนไลน์ รายวิชาภาษาไทยพน้ื ฐาน ท 21101 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 (ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564) ผวู้ จิ ัย : นางกมลรัตน์ คำโมนะ กล่มุ สาระการเรียนรู้ : ภาษาไทย ปีท่ีทำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครง้ั น้ีมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาความพึงพอใจของนกั เรียนในการจดั การเรียน การสอนด้วยบทเรยี นออนไลน์ ผา่ น Google Sites โดยกลุ่มตัวอยา่ งทใ่ี ช้คือ นกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ห้องเรยี นที2่ , 4, 6, 8 และ 10 จำนวน 87 คน เคร่อื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัยได้แก่ แบบสอบถามใน Google Forms โดยแบบสอบถามน้ีแบง่ ออก เปน็ 2 สว่ น คอื สว่ นท่ี 1 เปน็ ขอ้ มลู ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม และ สว่ นที่ 2 เปน็ แบบสอบถามความพงึ พอใจในการจดั การเรยี นรูด้ ้วยบทเรียนออนไลน์ รายวชิ า ภาษาไทยพ้ืนฐาน (ท 21101) การเก็บรวบรวมข้อมลู มี 3 ขัน้ ตอน ได้แก่ 1.จดั ทำแบบทดสอบความพงึ พอใจในระบบออนไลนท์ าง Google Forms 2. นำแบบทดสอบลงในเว็บไซตท์ าง Google Sites ให้นกั เรียนในแต่ละหอ้ งเรยี นดำเนนิ การทำ แบบทดสอบ ซง่ึ แบ่งออกการศกึ ษาออกเป็น 5 ดา้ น 3. นำผลท่ีได้รบั มาหาคา่ ความพงึ พอใจ จากผลการวิจัยปรากฏว่า ด้านที่ 1 ด้านเนื้อหาบทเรียน นักเรียนมีความพึงพอใจในภาพรวม อยู่ในระดับ ปานกลาง ดา้ นที่ 2 ดา้ นเน้อื หาบทเรียน นักเรยี นมีความพึงพอใจในภาพรวมอยใู่ นระดับมาก ด้านที่ 3 ด้าน การจัดการเรียนรู้ นักเรียนมีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับปาน ด้านที่ 4 ด้านการประเมินผล นักเรียนมคี วามพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง ด้านที่ 5 ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ เพิ่มเติมนักเรียนได้ แสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับการจดั การเรยี นการสอน สะทอ้ นความคดิ เห็นกลบั มายังครูผ้สู อนเพอ่ื ใช้ปรับปรุง ในการจัดการเรียนการสอนต่อไป บทคดั ย่องานวจิ ัยในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 62 กลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชอ่ื เรื่อง : การพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิโดยการใชส้ ่อื PowerPoint ในรายวิชา ความส าคัญของ พระพุทธศาสนาต่อสังคมไทยของนักเรียนระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ผวู้ จิ ยั : นางสาวฉววี รรณ คำปนั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ปีท่ที ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวจิ ัยครงั้ นี้มีวัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื งานวิจัยนี้มวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อ 1) เพื่อศกึ ษาผลสมั ฤทธิท์ างการ เรยี นก่อนเรียน และหลงั เรียนโดยใช้ส่ือ PowerPoint เร่อื งความสำคัญของพระพุทธศาสนาตอ่ สงั คมไทย 2) เพื่อศกึ ษาความพงึ พอใจที่มตี อ่ สือ่ PowerPoint เร่ือง ความสำคญั ของพระพุทธศาสนาตอ่ สงั คมไทย กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชค้ อื นกั เรยี นระดับช้ันปที ี่ 5/11 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม จำนวน 20 คน เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นการวจิ ัยได้แก่ สื่อ PowerPoint การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยใช้แบบทดสอบ และแบบสอบถาม วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติคอื ค่าเฉล่ยี สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และคา่ t-test แบบ Dependent ผลการวจิ ัยปรากฏว่า 1. จากการสอนโดยใช้สือ่ PowerPoint เรอ่ื ง ความส าคญั ของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย พบว่า X ค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียน คือ 7.11 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน คือ 1.88 (X = 7.11, S.D = 1.88) และ X ค่าเฉล่ยี คะแนนหลังเรียน คอื 16.66 และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน คือ 1.28 (X = 16.66 , S.D = 1.28) และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนก่อนเรียนและค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียน พบว่า มีค่า t-test เท่ากับ -30.755 และค่า Sig. เท่ากับ .00 แสดงว่า การใช้สื่อ PowerPoint เรื่อง ความสำคัญของ พระพุทธศาสนาตอ่ สังคมไทย ใหน้ ักเรียนมผี ลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนดขี นึ้ 2. การสำรวจความพงึ พอใจทม่ี ตี อ่ สอ่ื PowerPoint เร่ือง ความส าคัญของพระพทุ ธศาสนาต่ำ สงั คมไทยพบว่า เมื่อพจิ ารณาจากคา่ เฉลี่ยรายข้อ คอื ขอ้ ทีม่ ีค่าเฉล่ียสูงสุด คอื น่าสนใจ และสรา้ งการร่วม เรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา โดยภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจต่อสื่อ อยู่ในระดับมากที่สุด และขอ้ ทม่ี ีค่าเฉลี่ยต่ำสดุ คอื จากการเรยี นรจู้ ากส่ือทำให้นกั เรยี นมกี ารพฒั นาผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรียนมากขนึ้ อยู่ในระดับมากที่สุด บทคัดยอ่ งานวิจัยในชน้ั เรียน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวดั เชียงราย
P a g e | 63 ชอ่ื เร่อื ง : การเสริมสรา้ งพฤติกรรมของนักเรยี นใหม้ ีวินัยในตนเอง มคี วามรบั ผดิ ชอบในการเรียน เพ่ือผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นท่สี งู ข้นึ ผ้วู ิจยั : นางอญั ชลี ขาเลศักด์ิ กลุม่ สาระการเรียนรู้ : สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ปที ที่ ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาการเสริมสร้างวินัยนักเรียนด้านความรับผิดชอบ ในระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม อาํ เภอแมจ่ นั จังหวดั เชียงราย ให้เป็นผู้มีระเบียบ วินัยในการรบั ผิดชอบต่อตนเองและผ้อู ่นื กลุ่มตวั อย่างทีใ่ ช้คือ นักเรยี นระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ แบบประเมิน และแบบบันทึก การตรวจสอบ ข้อมูลใช้ เทคนิคการตรวจสอบแบบสามเส้า )Triangulation Technique) และเสนอผลการวิจัยโดยวธิ ี พรรณนา การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการ การตรวจสอบข้อมูลใช้ เทคนิคการตรวจสอบแบบสามเส้า )Triangulation Technique) และเสนอผลการวิจัยโดยวธิ ีพรรณนา ผลการวิจัยปรากฏว่า สภาพปัญหาก่อนดําเนินการ ครูผู้สอนจะประสบกับปัญหาการขาดความ รับผิดชอบ 3 ด้าน คือด้านการตรงต่อเวลา ด้านความมีวินัยในการเรียน และด้านการ (ความรับผิดชอบ) รักษาความสะอาด เมื่อดําเนินการพัฒนาการเสริมสร้างวินัยนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลงั การพัฒนาเสริมสรา้ งวินยั ของนกั เรียน ทําใหน้ ักเรียนมี วนิ ัยมากขนึ้ ส่งผลใหก้ ารเรียนของนักเรียนดี ขึ้น อุดม วงศ์จอมพบว่า การสร้างความตระหนักให้กับนักเรียนในเรือ่ ง การมีวิน (77 :2548)ยั ส่งผลต่อ ความสาํ คญั ทจี่ ําเป็นต่อการดํารงชวี ิต สามารถประพฤติตนให้มีให้อยใู่ นสังคมได้อย่างปกตสิ ขุ บทคดั ย่องานวิจยั ในช้ันเรียน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวดั เชียงราย
P a g e | 64 ชอ่ื เรือ่ ง : แนวปฏบิ ัติท่ีดีในการจดั การเรยี นการสอนทางไกลแบบผสมผสานเพอื่ พัฒนาทักษะการคิด วเิ คราะห์ของนกั เรียนชั้นม.5/7เร่อื ง การประยุกตใ์ ชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งกบั เรยี นรู้ของตนเอง วิชาสงั คมศึกษา ส32101 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 ผู้วิจยั : นางสิงห์ทอง ชาวคำเขต กล่มุ สาระการเรียนรู้ : สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ปที ่ที ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครัง้ นี้มีวัตถปุ ระสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวปฏิบัติทีด่ ีในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ ทางไกล ในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 2) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning เพื่อส่งเสริมการคิดแบบโยนิโสมนสิการ 3) เพื่อให้นักเรียนนำหลักการ ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาประยุกต์ใช้ กับเรื่องการเรียนรู้ที่เหมาะสมของตน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ นักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 5/ 7 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 38 คน เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวจิ ัยได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 4 บูรณาการ ฯ Google Classroom คำถาม ในงานของชั้นเรียน ที่มี ลกั ษณะ เปน็ สถานการณ์ ต่าง ๆ ชาดกพระมหาชนก การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยนำแผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ เรอ่ื ง การบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การเปน็ พลเมอื งดี ไปใช้ในการ เรียนการสอน จำนวน 4 คาบ โดยใช้ สื่อ Power Point เรื่อง การประยุกต์ สามห่วง 2 เงื่อนไข กับการ แก้ไขปัญหาหรือการพัฒนาตนเอง เพื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามความถนัดและความสนใจของนักเรียน แต่ละคน โดยการตอบคำถามผ่าน Google Form และคำถาม ในงานของช้ันเรียน แล้วนำคำตอบของ นักเรยี น มาจัดกล่มุ นกั เรยี นทม่ี ีความสามารถทางการคดิ วเิ คราะห์ตามช่วงวยั และกลมุ่ ทต่ี อ้ งฝึกฝนพัฒนา ต่อไป นำมาบันทึกหลังแผนการจัดการเรียนรู้ การวิเคราะห์และสรุปข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ความถ่ี ร้อยละของนักเรยี น ผลการวิจัย ปรากฏว่า 1) การจดั การเรยี นการสอนในรปู แบบทางไกล ในสถานการณ์แพร่ระบาด ของเชือ้ โควดิ -19 รปู แบบ On – Demand โดยใช้ Google Classroom นกั เรียน ร้อยละ 86.84 สามารถเข้าถงึ และเรียนรู้ไดเ้ ป็นอยา่ งดี นักเรียนร้อยละ 13.16 ต้องตดิ ตามการส่งงานจากช่องทางอน่ื ด้วย 2) นักเรียนได้ฝึกการคิด แบบโยนิโสมนสกิ าร หลากหลายรปู แบบยอ่ ย ตามความถนดั และความสนใจ ของตนเอง กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ทุกคน 3) นักเรียน ร้อยละ 73.68 เป็นผู้มี ความสามารถทางการคดิ วิเคราะห์ ตามหลกั การปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ร้อยละ 26.32 ตอ้ งได้รับ การฝกึ ฝน ด้านการคดิ ในโอกาสตอ่ ไป บทคดั ยอ่ งานวิจยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 65 ชอื่ เร่ือง : การพฒั นาการเรียนการสอนโดยใช้ Google Classroom ในรายวชิ าสังคมศกึ ษา ของ นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 โรงเรยี นแม่จันวทิ ยาคม ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ผู้วจิ ัย : นางสาวมลั ลิกา คูสีวิน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ปีทีท่ ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวิจยั ครง้ั นีม้ วี ัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นรายในรายวิชาสังคมศึกษา ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม โดยใช้ Google Classroom ในการจัดกิจกรรมการ เรยี นการสอน 2) เพ่ือศึกษาความพึงพอใจของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรียนแมจ่ นั วิทยาคม ตอ่ การ จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยใช้ Google Classroom ในรายวชิ าสังคมศึกษา ตวั อยา่ งท่ีใชค้ ือ นักเรียน โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 1 ห้องเรียน รวม 27 คน เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั ได้แก่ 1) ระบบจดั การเรยี นการสอนออนไลน์ Google Classroom รายวิชา สังคมศึกษา 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาสังคมศึกษา 3) แบบประเมินความพึงพอใจของ นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ Google Classroom ในรายวิชาสังคมศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มลู ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน T score และค่าที (Dependent ttest) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชากิจกรรมพลศึกษา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ระบบจัดการเรียนการสอนออนไลน์ Google Classroom มี ค่าคะแนนผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ ทกุ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 ร้อยละของคะแนนทีเฉลี่ยทีเ่ พ่มิ ขึน้ 58.93 2. ความพึงพอใจของนักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม ตอ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนการ สอนโดยใช้ Google Classroom ในรายวิชาสังคมศึกษา พบว่ามีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ( Χ = 4.67, S.D. = 0.39) บทคดั ย่องานวิจยั ในชั้นเรยี น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จนั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชียงราย
P a g e | 66 ช่ือเรือ่ ง : การจดั การเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยใช้ Google Classroom ใน รายวชิ าสังคมศกึ ษา ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี2/3 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ผูว้ ิจยั : นางทพิ วรรณ บญุ หวาน กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : สังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม ปีที่ทำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การศกึ ษาคร้ังนี้เปน็ การวจิ ยั เชิงปริมาณ ศึกษาผลของการใช้ Google Classroom ในการจัดการ เรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 มีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื 1. เพื่อศกึ ษาผลของ การใช้ Google Classroom ในการจัดการเรียนการสอนวชิ าวิชาสังคมศึกษา 2. เพ่ือสำรวจความพึงพอใจ ของนกั เรยี นท่ีมตี ่อการใช้ Google Classroom ในการจัดการเรียนการสอน กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใช้ คือ นกั เรยี น ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2/3 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 40 คน เครอื่ งมือที่ใช้ในการวิจยั ได้แก่ โปรแกรม Google Classroom และแบบสำรวจความพึงพอใจของนกั เรยี นชนั้ ม.2 ทม่ี ตี อ่ การใช้ Google Classroom ในรายวชิ าวิชาสงั คมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี1 ปกี ารศึกษา 2564 วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใชส้ ถิติ บรรยาย (Desciptive Statistic) เพอื่ หาคา่ เฉล่ียและส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น และคา่ ความพึงพอใจของนักเรียนท่มี ตี อ่ การใชโ้ ปรแกรม Google Classroom ผลการศกึ ษาพบวา่ กล่มุ ตวั อยา่ งท่ตี อบแบบสอบถามมีจำนวน 40 คน เป็นนักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2/3 จำนวน 40 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 เป็นเพศชาย จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 25 และเพศหญงิ จำนวน 30 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 75 ผลการวเิ คราะห์ความพงึ พอใจของนกั เรยี นทมี่ ตี อ่ การใช้โปรแกรม Google Classroom พบวา่ ความ พึงพอใจสงู สดุ ของนกั เรียน คอื ครูผ้สู อนใชโ้ ปรแกรม Google Classroom อย่างเกิดประโยชนส์ ูงสดุ คา่ เฉลยี่ ความพึงพอใจมีค่า 4.32 รองลงมา คือ โปรแกรม Google Classroomช่วยอำนวยความสะดวกใน การเรยี นการสอนและการส่งงาน ค่าเฉลยี่ ความพึงพอใจมีค่า 4.06 ส่วนค่าความพึงพอใจทน่ี ้อยที่สุด คือ นกั เรยี นต้องการให้ครูใชโ้ ปรแกรมนี้ในการจัดการเรียนการสอนต่อไป แมไ้ มอ่ ยู่ในสถานการณ์โรคระบาด มี ค่าเฉล่ีย 3.24 สว่ นการวิเคราะห์ผลการเรยี น พบวา่ ผลการเรยี นเฉลีย่ ของนักเรียนอยใู่ นระดบั ผลสัมฤทธิ์ ยอดเยี่ยม มี จำนวนมากทสี่ ุด จำนวน 11 คน คดิ เป็นร้อยละ 27.5 และระดบั ผลสมั ฤทธด์ิ ี จำนวน 11 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 27.5 รองลงมาคอื ระดบั ปรบั ปรงุ จำนวน 9 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 22.5 การวจิ ยั ครั้งน้ีมวี ัตถุประสงคเ์ พือ่ 1. เพอื่ ศึกษาผลของการใช้ Google Classroom ในการจดั การเรียนการสอนวชิ าสงั คมศกึ ษา 2. เพ่อื สำรวจความพึงพอใจของนักเรียนทม่ี ีตอ่ การใช้ Google Classroom ในการจดั การเรยี น การสอน บทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในช้นั เรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 67 กลุ่มตวั อย่างทีใ่ ชค้ ือ นร.ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/3 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 เคร่ืองมือที่ใช้ในการวจิ ยั ไดแ้ ก่ 1.โปรแกรม Google Classroom 2.แบบสำรวจความพึงพอใจของนักเรยี นช้ัน ม.2/3 ท่มี ีต่อการใช้ Google Classroom ในรายวิชา สังคมศกึ ษา ปกี ารศกึ ษา 2564 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยการ สำรวจข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามผา่ น google form วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถติ ิ สถติ บิ รรยาย (Desciptive Statistic) เพอื่ หาค่าเฉลย่ี และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของผลสัมฤทธิท์ างการเรยี นและคา่ ความพงึ พอใจของนกั เรยี นที่มตี อ่ การใช้โปรแกรม Google Classroom ผลการวิจยั ปรากฏวา่ ตารางท่ี 1 ข้อมูลท่วั ไปของกลมุ่ ตัวอยา่ ง เพศ จำนวน รอ้ ยละ ชาย 10 25 หญงิ 30 75 รวม 40 100 กลุ่มตัวอยา่ งทต่ี อบแบบสอบถามมจี ำนวน 40 คน เปน็ นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/3 จำนวน 40 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100 เป็นเพศชาย จำนวน 10 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 25 และเพศหญิง จำนวน 30 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 75 ตารางท่ี 2 ความพงึ พอใจของนักเรียนที่มตี อ่ โปรแกรม Google Classroom ข้อ คำถาม ค่าเฉลี่ย สว่ น เบย่ี งเบน มาตราฐาน 1 โปรแกรม Google Classroom ช่วยอำนวยความสะดวกในการเรยี นการสอน 4.06 0.97 และการสง่ งาน 2 กระบวนการใช้งานโปรแกรม Google Classroom ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย 3.81 0.90 3 โปรแกรม Google Classroom เหมาะสมในการนำมาใช้เป็นเครอ่ื งมอื ในการ 3.94 0.84 จัดการเรยี นการสอนในช่วงเกิดโรคระบาด Covid-19 4 ครูผสู้ อนใช้โปรแกรม Google Classroom อย่างเกิดประโยชน์สงู สดุ 4.32 0.78 บทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชั้นเรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 68 5 นกั เรียนตอ้ งการใหค้ รใู ช้โปรแกรมน้ีในการจัดการเรียนการสอนต่อไป แม้ไม่อยู่ 3.24 1.24 0.83 ในสถานการณ์โรคระบาด 6 ความพึงพอใจในภาพรวม 4.02 ผลการวเิ คราะห์ความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีตอ่ การใชโ้ ปรแกรม Google Classroomพบวา่ ความพงึ พอใจสูงสุดของนักเรยี น คือ ครผู ู้สอนใชโ้ ปรแกรม Google Classroom อยา่ งเกิดประโยชน์สูงสดุ ค่าเฉลีย่ ความพึงพอใจมีค่า 4.32 รองลงมา คือ โปรแกรม Google Classroom ช่วยอำนวยความสะดวก ในการเรียนการสอนและการสง่ งาน คา่ เฉลย่ี ความพึงพอใจมคี า่ 4.06 ส่วนคา่ ความพึงพอใจที่น้อยท่ีสุด คือ นักเรยี นต้องการให้ครใู ช้โปรแกรมนใี้ นการจดั การเรยี นการสอนตอ่ ไป แมไ้ ม่อยใู่ นสถานการณ์โรคระบาด มี ค่าเฉลย่ี 3.24 ตารางที่ 3 สรุปผลสมั ฤทธ์ิการเรียนวิชาสังคมศึกษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/3 ระดับผลสัมฤทธิ์ ผลการเรียนเฉลี่ย จำนวน รอ้ ยละ 27.5 ยอดเย่ยี ม 3.51-4.00 11 20 27.5 ดีมาก 3.01-3.50 8 2.5 22.5 ดี 2.51-3.00 11 100 พอใช้ 2.01-2.50 1 ปรับปรุง 0.00-2.00 9 รวม 40 จากตารางท่ี 3 พบวา่ ผลการเรยี นเฉลย่ี ของนกั เรียนอยู่ในระดับผลสัมฤทธิ์ยอดเย่ียม มีจำนวน มากทส่ี ุด จำนวน 11 คน คิดเปน็ ร้อยละ 27.5 และระดับผลสัมฤทธ์ิดี จำนวน 11 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 27.5 รองลงมาคอื ระดับปรบั ปรุง จำนวน 9 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 22.5 บทคดั ยอ่ งานวิจยั ในช้ันเรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 69 ช่อื เร่ือง : การส่งเสริมเจตคติในการสง่ งานของนักเรียนในการเรยี นการสอนในช่วงสถานการณก์ ารแพร่ ระบาดของโรค COVID-19 ของนกั เรยี นระดับชั้น มธั ยมศึกษาปที ่ี 6/9 ผวู้ ิจัย : นายธวชั ชัย ยะถา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ : สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ปที ที่ ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวิจยั คร้งั นม้ี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ ส่งเสริมเจตคตใิ นการส่งงานของนกั เรียนระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/9 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/9 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ของ โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 27 คน เครือ่ งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจัยได้แก่ การส่งเสริมเจตคติโดยการใช้รางวัล (คะแนนเพม่ิ พิเศษ) ในการส่งเสริมเจตคติในการใช้สญั ลักษณ์ในงานทีม่ อบหมายวิเคราะห์ การเก็บรวบรวม ข้อมลู โดยการ ผวู้ จิ ยั ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตัวเองกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 27 คน โดยจัดทำ ตารางส่งงานของนกั เรียนระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6/9 ในรายวิชาอาเซยี นศกึ ษา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ใชค้ า่ เฉลยี่ ร้อยละ ผลการวิจยั ปรากฏว่า ค่าเฉล่ยี ของการสง่ งาน ในวิชาอาเซียนศกึ ษา หลงั การส่งเสรมิ เจตคติ พบว่า การสง่ งานสูงขนึ้ กว่ากอ่ นไดร้ ับการสง่ เสรมิ เจตคติ ซง่ึ หมายถงึ นกั เรยี นในระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6/9 ควร ได้รบั การสง่ เสริมเจตคติจาก ครผู สู้ อน เพอ่ื ชว่ ยให้นักเรียนมคี วามรบั ผิดชอบในการสง่ งานสูงข้ึน บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชนั้ เรยี น ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วิทยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 70 ช่ือเรอ่ื ง : การแกป้ ญั หาการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของ COVID-19 โดยใช้ google meet , google form และ google classroom ของนกั เรยี นช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เรอื ง การเปลีย่ นแปลงทางกายภาพของโลก รายวชิ าสังคมศึกษา วชิ า ส 31101 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผวู้ จิ ยั : นางทศั นีย์ ปรุ ณะพรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ปีท่ีทำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การวิจยั ครั้งน้มี ีวัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อแก้ปัญหาการจัดการเรยี นการสอนในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของ COVID 19 ของนักเรยี น ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 เรอื ง การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของโลก รายวชิ าสังคมศกึ ษา รหสั วิชา ส 31101 ปีการศึกษา 2564 2. เพือ่ พฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนของนกั เรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 เรือง การเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของโลก รายวิชาสังคมศกึ ษา รหสั วิชา ส 31101 ปกี ารศกึ ษา 2564 กลมุ่ ตัวอยา่ งทใ่ี ช้คือ นักเรียนระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4/3 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม สำนักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษา มัธยมศึกษาเชยี งราย ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2563จำนวน 38 คน เครือ่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจยั ได้แก่ 1. แบบทดสอบ กอ่ นเรียน - หลังเรยี น เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 จำนวน 40 ข้อใน google form 2. สถิตกิ ารเข้าเรยี นของนกั เรียน ใน google classroom และ google meet เร่ือง การเปล่ยี นแปลง ทางกายภาพของโลก กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปี ท่ี 4 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล โดยการ 1. ผู้วิจัย นำแบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน เร่อื ง การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพของโลก จำนวน 40 ขอ้ ให้นักเรยี นกลมุ่ ตวั อย่างทำแบบทดสอบ และแจ้งผลการตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี นให้นกั เรียน ทราบเปน็ รายบุคคล บทคัดย่องานวิจัยในช้นั เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชียงราย
P a g e | 71 วิเคราะหข์ ้อมูลโดยใชส้ ถติ ิ (ถ้ามี) ร้อยละ (Percentage) คำนวณจากสูตร เม่ือ P แทน ร้อยละ f แทน ความถ่ีท่ตี อ้ งการแปลงให้เป็นร้อยละ N แทน จำนวนความถ่ที งั้ หมด ผลการวิจัยปรากฏว่า เมื่อพิจารณารายคน พบวา่ นกั เรยี นทกุ คนมีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นจากการทำแบบทดสอบ หลงั เรียนเพ่ิมข้นึ ไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 20 ตามเกณฑ์คณุ ภาพความสำเรจ็ ท่กี ำหนดไว้ แสดงวา่ การจัดการ เรียนการสอนในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของ COVID 19 โดยใช้ google meet , google form และ google classroom ของนักเรยี นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 เรอ่ื ง การเปล่ยี นแปลงทางกายภาพของ โลก รายวิชาสงั คมศึกษา รหัสวิชา ส 31101 ปกี ารศกึ ษา 2564 สามารถแกป้ ัญหาการจดั การเรียนการ สอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID 19 ไดจ้ รงิ และสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียนมผี ลสัมฤทธท์ิ างการ เรียนสูงข้นึ ซ่ึงเปน็ ไปตามสมมตฐิ านที่ต้งั ไว้ บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชนั้ เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 72 ชอื่ เรือ่ ง : ผลการใช้ Google Meet ในการจดั การเรียนการสอนวชิ าประวัติศาสตร์ ม.1/1 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคมปีการศึกษา 2564 ผวู้ ิจยั : นางสาวนฤมล สารขัติ กล่มุ สาระการเรียนรู้ : สังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ปีท่ที ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การศึกษาครัง้ น้เี ปน็ การวจิ ัยเชิงปรมิ าณ ศึกษาผลของการใช้ Google Meet ในการจัดการเรียน การสอนวิชาประวัตศิ าสตร์ ปีการศกึ ษา 2564 มีวัตถุประสงคเ์ พื่อ 1. เพ่อื ศกึ ษาผลของการใช้ Google Meet ในการจดั การเรยี นการสอนวชิ าวิชาประวตั ิศาสตร์ 2. เพื่อสำรวจความพึงพอใจของนกั เรยี นทม่ี ตี อ่ การใช้ Google Meet ในการจัดการเรยี นการสอน กลุม่ ตวั อย่างทีใ่ ช้ คือ นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ห้อง 1 จำนวน 27 คน เครอื่ งมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ โปรแกรม Google Meet และแบบสำรวจความ พึงพอใจของนกั เรียนชน้ั ม.1 ท่มี ตี ่อการใช้ Google Meet ในรายวิชาวชิ าประวัตศิ าสตร์ ปกี ารศึกษา 2564 วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย (Desciptive Statistic) เพือ่ หาค่าเฉล่ียและสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นและคา่ ความพึงพอใจของนักเรยี นท่ีมตี อ่ การใชโ้ ปรแกรม Google Meet ผล การศกึ ษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามมจี ำนวน 27คน เปน็ นกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1/1 จำนวน 27 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 เปน็ เพศชาย จำนวน 9 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 33 และเพศหญิง จำนวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 67 ผลการวเิ คราะหค์ วามพึงพอใจของนักเรยี นทีม่ ีต่อการใชโ้ ปรแกรม Google Meet พบวา่ ความพงึ พอใจสงู สดุ ของนกั เรยี น คอื ครูผู้สอนใชโ้ ปรแกรม Google Meet อยา่ งเกดิ ประโยชน์สูงสดุ ค่าเฉลีย่ ความพงึ พอใจมีค่า 4.32 รองลงมา คือ โปรแกรม Google Meet ช่วยอำนวยความสะดวกในการ เรยี นการสอนและการส่งงาน คา่ เฉลย่ี ความพึงพอใจมีค่า 4.06 ส่วนค่าความพงึ พอใจท่นี อ้ ยท่ีสดุ คือ นักเรียน ตอ้ งการใหค้ รใู ชโ้ ปรแกรมน้ีในการจดั การเรยี นการสอนต่อไป แม้ไมอ่ ยูใ่ นสถานการณ์โรคระบาด มีคา่ เฉล่ีย 3.24 ส่วนการวเิ คราะห์ผลการเรยี น พบว่า ผลการเรียนเฉล่ียของนักเรยี นอยู่ในระดับผลสัมฤทธ์ิยอดเยี่ยม มีจำนวนมากทสี่ ดุ จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 37.04 รองลงมาคอื ระดบั ปรบั ปรุง จำนวน 8 คน คิดเป็น ร้อยละ 29.63 การวจิ ัยครั้งนม้ี วี ัตถุประสงคเ์ พือ่ 1. เพอื่ ศกึ ษาผลของการใช้ Google Meet ในการจดั การเรยี นการสอนวิชาประวตั ิศาสตร์ 2. เพ่ือสำรวจความพึงพอใจของนกั เรยี นท่มี ีต่อการใช้ Google Meet ในการจดั การ เรยี นการสอน กลุ่มตวั อยา่ งที่ใชค้ ือ นร.ช้ันมัธยมศึกษาปีที่1/1 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ปกี ารศึกษา 2564 เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1.โปรแกรม Google Meet บทคดั ย่องานวจิ ัยในชนั้ เรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 73 2.แบบสำรวจความพึงพอใจของนกั เรียนช้ัน ม.1/1 ท่มี ีต่อการใช้ Google Meet ในรายวชิ า ประวัติศาสตร์ ปีการศึกษา 2564 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยการ สำรวจขอ้ มูลโดยใช้แบบสอบถามผ่าน google form วิเคราะห์ขอ้ มลู โดยใช้สถติ ิ สถิติบรรยาย (Desciptive Statistic) เพ่อื หาค่าเฉล่ียและสว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน ของผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นและค่าความพึงพอใจของนกั เรยี นท่มี ีต่อการใช้โปรแกรม Google Meet ผลการวิจยั ปรากฏวา่ ตารางท่ี 1 ขอ้ มูลท่ัวไปของกลุ่มตวั อยา่ ง นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1/1 เพศ จำนวน ร้อยละ ชาย 9 33 หญงิ 18 67 รวม 27 100 กลุ่มตัวอย่างท่ีตอบแบบสอบถามมีจำนวน 27 คน เปน็ นกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1/1 จำนวน 27 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 100 เป็นเพศชาย จำนวน 9 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 33 และเพศหญิง จำนวน 18 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 67 ตารางท่ี 2 ความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีต่อโปรแกรม Google Meet ข้อ คำถาม คา่ เฉล่ีย ส่วน เบย่ี งเบน 1 โปรแกรม Google Meet ช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนและ 4.06 มาตราฐาน การสง่ งาน 3.81 3.94 0.97 2 กระบวนการใช้งานโปรแกรม Google Meet ไมซ่ บั ซอ้ น เข้าใจง่าย 4.32 3 โปรแกรม Google Meet เหมาะสมในการนำมาใชเ้ ปน็ เครือ่ งมือในการจดั การ 3.24 0.90 4.02 0.84 เรียนการสอนในชว่ งเกดิ โรคระบาด Covid-19 4 ครผู สู้ อนใชโ้ ปรแกรม Google Meet อย่างเกิด 0.78 ประโยชนส์ ูงสดุ 1.24 5 นกั เรียนต้องการให้ครูใช้โปรแกรมน้ีในการจดั การเรียนการสอนตอ่ ไป แมไ้ ม่อยู่ 0.83 ในสถานการณ์โรคระบาด 6 ความพึงพอใจในภาพรวม บทคัดยอ่ งานวิจัยในชน้ั เรียน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 74 ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนทีม่ ีตอ่ การใช้โปรแกรม Google Meet พบว่า ความพงึ พอใจสงู สุดของนักเรียน คือ ครูผู้สอนใชโ้ ปรแกรม Google Meet อย่างเกดิ ประโยชน์สงู สดุ ค่าเฉลี่ยความ พึงพอใจมีค่า 4.32 รองลงมา คือ โปรแกรม Google Meet ชว่ ยอำนวยความสะดวกในการเรยี นการสอน และการส่งงาน ค่าเฉลยี่ ความพึงพอใจมคี ่า 4.06 ส่วนค่าความพึงพอใจทน่ี ้อยที่สดุ คือ นกั เรียนตอ้ งการให้ ครูใชโ้ ปรแกรมนี้ในการจดั การเรยี นการสอนตอ่ ไป แมไ้ มอ่ ยูใ่ นสถานการณ์โรคระบาด มีค่าเฉลย่ี 3.24 ตารางท่ี 3 สรุปผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนวชิ าประวตั ิศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/1 ระดับผลสัมฤทธิ์ ผลการเรยี นเฉล่ีย จำนวน รอ้ ยละ ยอดเยี่ยม 3.51-4.00 10 37.04 ดีมาก 3.01-3.50 2 7.41 ดี 2.51-3.00 4 14.81 พอใช้ 2.01-2.50 3 11.11 ปรบั ปรุง 0.00-2.00 8 29.63 รวม 27 100 จากตาราง ท่ี 3 พบว่า ผลการเรียนเฉล่ียของนกั เรียนอยู่ในระดับผลสมั ฤทธ์ยิ อดเย่ียม มี จำนวนมากทส่ี ุด จำนวน 10 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 37.04 รองลงมาคอื ระดับปรับปรุง จำนวน 8 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 29.63 บทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในช้นั เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จังหวดั เชียงราย
P a g e | 75 ช่อื เร่ือง : ประสิทธิภาพการจดั การเรียนรูแ้ บบออนไลน์ รายวิชาสังคมศึกษา ส33101 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 6 ในชว่ งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ผวู้ จิ ัย : นายนำชัย หอมแก่นจัน กลุม่ สาระการเรยี นรู้ : สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ปีทที่ ำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย ผู้วิจัยมีความสนใจในการศึกษาแอพลิเคชันที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ในออนไลน์ รายวิชา สังคมศึกษา ส33101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และสำรวจปัญหาที่พบในการจัดการเรียนรู้ เพื่อนำมา เผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ในการจัดการเรียนรู้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้ือไวรัสโคโร นา 2019 (COVID-19) และนำองค์ความรู้ทีไ่ ด้ไปเปน็ แนวทางในการพฒั นาและประยุกต์ใช้ในการจัดการ เรยี นรทู้ ี่มีประสิทธิภาพต่อไป การวิจัยครง้ั นมี้ ีวตั ถุประสงค์เพื่อ 1) ศกึ ษาแอพลิเคชนั ที่ใช้ในการจัดการเรยี นรู้แบบออนไลน์ของ รายวิชาสังคมศึกษา ส33101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) ศึกษาปัญหาในการจัดการเรียนรู้แบบออนไลน์ กลมุ่ ตวั อยา่ ง ไดแ้ ก่ นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรียนแม่จนั วทิ ยารม จำนวน 200 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ ในการวิจยั ได้แกแ่ บบสอบถามวิธีการวิจยั นีเ้ ป็นการวิจัยเชิงสำรวจวเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใชส้ ถติ ิเชงิ พรรณนา ผลการศกึ ษาพบว่า 1) แอพลเิ คชนั ท่ีนักเรยี นชอบในการจัดการเรียนรูแ้ บบออนไลนม์ ากทสี่ ุด คอื แอพลิเค ชนั ไลน์ (Line) คดิ เป็นรอ้ ยละ 88.23 และ Google Meet คดิ เป็นรอ้ ยละ 23.53 และ2) ปัญหาที่ครพู บใน การจดั การเรียนรู้แบบออนไลน์คือ ปญั หาดา้ นอปุ กรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ สญั ญาณอินเทอร์เน็ต และโปรแกรม ที่ใช้สำหรับการเรียนแบบออนไลน์ถูกพบมากที่สุด ปัญหาทางด้านการเงิน ปัญหาด้านพฤติกรรมของ นกั เรียน เชน่ การบรหิ ารจัดการเวลาและความรับผิดชอบต่อตนเองของนักเรยี น นอกจากน้ันปัญหาด้าน ครอบครวั ยังทำใหน้ ักเรียนบางสว่ นตอ้ งทำงานเพอื่ แบ่งเบาภาระครอบครัวขณะอยูบ่ า้ น บทคดั ย่องานวิจัยในชั้นเรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จนั จังหวัดเชียงราย
P a g e | 76 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ ช่อื เรอ่ื ง : การศกึ ษาความพงึ พอใจของนกั เรยี นท่มี ีตอ่ สอ่ื การสอนออนไลน์ เรือ่ งโนต้ สากล ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณก์ าร แพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรน่า 2019 (COVID-19) ผู้วจิ ยั : นายสมศกั ดิ์ ช่างศลิ ป์ กลุม่ สาระการเรียนรู้ : ศิลปะ ปที ่ที ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อสื่อออนไลน์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้น มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 จำนวน 238 คน ใช้การสุ่ม ตัวอยา่ งแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครือ่ งมือท่ีใช้ได้แก่ 1) แผนการจดั การเรยี นรู้ 2) สอ่ื ออนไลน์ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วน เบย่ี งเบนมาตรฐาน และสถติ ิทดสอบท(ี t–test) แบบ dependent ผลการศึกษาพบวา่ 1. ความพึงพอใจของนักเรียน หลังเรียนโดยใช้สื่อออนไลน์ พบว่า มีความพึงพอใจมากที่สุด คิดเปน็ รอ้ ยละ 35.38 มีความพงึ พอใจมาก คดิ เป็นร้อยละ 42.02 มีความพงึ พอใจปานกลาง คดิ เป็นร้อย ละ 21.26 มีความพงึ พอใจนอ้ ย คดิ เป็นรอ้ ยละ 1.26 และ มีความพงึ พอใจนอ้ ยทสี่ ุด คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.08 บทคัดยอ่ งานวิจยั ในช้นั เรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวัดเชยี งราย
P a g e | 77 ชอ่ื เร่ือง : การพัฒนาชดุ กิจกรรมการเรยี นรเู้ พือ่ พฒั นาความเข้าใจของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4 เร่อื งประเภทของการละครไทย วชิ าศลิ ปะ ศ31101 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม ผวู้ ิจัย : นางสกุ นั ยา อินทมิ กลุม่ สาระการเรียนรู้ : ศิลปะ ปที ที่ ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ประเภทของการละครไทย ให้มีประสิทธิภาพ 2) เปรียบเทียบ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน ของนกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ก่อนและหลังการจดั การเรยี นรโู้ ดยใชช้ ดุ กิจกรรม การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจ เรื่อง ประเภทของการละครไทย และ 3) ศึกษาความพึงพอใจต่อชุด กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ประเภทของการละคร ไทย กล่มุ ตัวอยา่ งเปน็ นักเรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี 4 โรงเรยี นแมจ่ ันวทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 40 คน เครื่องมือทีใ่ ช้ในการวจิ ัย คร้ังนี้ ไดแ้ ก่ ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้เพ่ือพฒั นาความเขา้ ใจ เร่ือง ประเภทของการละครไทย แผนการจัดการ เรียนรู้ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และแบบวัดความพึงพอใจ ของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการ เรียนรู้เพ่ือพฒั นาความเข้าใจ เร่อื ง ประเภทของการละครไทย สถิติทีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู ได้แก่ รอ้ ยละ คา่ เฉลีย่ สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวจิ ยั พบวา 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรเู้ พ่อื พฒั นาความเข้าใจของนกั เรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 เรื่อง ประเภทของการละครไทย มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 86.18 / 81.90 ซึ่งสูงกวา่ เกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 2) นกั เรียนมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นท่ีเรียนดว้ ยชุดกิจกรรมการเรียนรเู้ พือ่ พัฒนาความเข้าใจ ของ นกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เรอ่ื ง ประเภทของการละครไทย หลงั เรียนสูงกว่ากอ่ นเรยี น ทางสถติ ิท่ีระดับ .05 และ 3) ความพึงพอใจ ของนกั เรียนทมี่ ีตอ่ ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้เู พื่อพัฒนาความเขา้ ใจ เร่ือง ประเภท ของการละครไทยอยใู นระดบั มากทสี่ ุด บทคดั ย่องานวิจัยในชน้ั เรียน ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชยี งราย
P a g e | 78 ชอ่ื เรอ่ื ง : ผลของกจิ กรรมกลุ่มที่มีต่อเจตคติต่อวชิ าศลิ ปะ ศ23101 ชองนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม ผวู้ ิจยั : นายณัฐพนั ธ์ อสิ ระดำรง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : ศิลปะ ปที ่ีทำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาผลของกิจกรรมกลุ่มที่มีต่อเจตคติต่อรายวิชาศิลปะ ศ23101 ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายกลุ่ม ตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวิจยั ครัง้ นี้ คือ นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี น แม่จนั วิทยาคม จำนวน 30 คน ทมี่ ีเจตคตทิ างลบตอ่ รายวิชาศลิ ปะ ศ23101 ซง่ึ ไดม้ าจากการสุ่มอย่างง่าย จากประชากร แล้วสมุ่ อย่างง่ายอีกครง้ั หนง่ึ เป็นกลุม่ ทดลองและกลุ่มควบคุม กลมุ่ ละ 15 คน กลุ่มทดลอง คอื กลมุ่ ทเี่ ข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม และกลุ่มควบคมุ คือกลมุ่ ท่ไี มไ่ ด้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม เคร่ืองมือท่ีใช้ในการ วิจยั คอื แบบทดสอบเจตคตติ อ่ รายวชิ าศิลปะ ศ23101 สถติ ิทใี่ ชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู ได้ คอื การทดสอบที (t-test) ผลการวิจัยพบวา่ 1) นักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 มีเจตคติทางบวกต่อรายวชิ าศิลปะ ศ23101 มากขึ้นหลังจากเขา้ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ อย่างมีนยั สำคัญทางสถติ ิทีร่ ะดบั .01 2) นักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 มีเจคติทางบวกตอ่ รายวิชาศิลปะ ศ23101 มากข้นึ หลงั จากไมไ่ ดเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดบั .01 3) นักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ทเี่ ข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ มเี จตคติทางบวกต่อรายวิชา ศิลปะ ศ23101 มากกวา่ นกั เรยี นที่ไมไ่ ด้เขา้ ร่วมกจิ กรรมกลุม่ อย่างมีนยั สำคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ .01 บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชน้ั เรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชียงราย
P a g e | 79 ชอ่ื เรื่อง : แนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรูร้ ายวชิ าศิลปะพ้นื ฐานชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1/10 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม โดยใช้แบบฝกึ ทักษะการวาดเส้นสร้างสรรค์ ผวู้ จิ ยั : นายเทศนิต เจรญิ ปญั ญาเนตร กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : ศิลปะ ปที ่ที ำวจิ ยั : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เป็นการวิจัยเชิงทดลอง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษา ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน เร่ืองแนวทางการพัฒนาการจดั การเรียนรู้รายวชิ าศลิ ปะพื้นฐานช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1/10 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม โดยใช้แบบฝึกทักษะวาดเส้นสร้างสรรค์ของนักเรียน จำนวน 33 คน จัดการทดลองใน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 25642 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียน การสอนโดยใชแ้ บบฝกึ การทำซำ้ เพอื่ พฒั นาทกั ษะในการวาดรปู รายวชิ าศิลปะพ้ืนฐาน การศึกษา 2564 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือกลุ่มเปา้ หมายที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1/10 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม จังหวดั เชียงราย ภาคเรียนที่ 1 ปี จำนวน 33 คน เครอื่ งมือท่ใี ช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. แบบฝึกทักษะการวาดเสน้ สร้างสรรค์ 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิท์ างการเรียนรายวิชาศิลปะ ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง ข้อ คำถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) ซึ่งมีค่าระหว่าง 0.67-1.00 การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ในการ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ไดแ้ ก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยปรากฏวา่ 1.ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรยี นรายวิชาศิลปะ โดยใชแ้ บบฝึกพัฒนา ทกั ษะ อยู่ในระดบั ผา่ นเกณฑด์ ี 2. ผลการเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรียนรายวิชาศิลปะ กอ่ นเรยี นและหลังเรียน โดยใช้แบบฝกึ พฒั นาทกั ษะพบว่าหลังเรียนสงู กวา่ ก่อนเรียน บทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรยี นแม่จันวิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จังหวดั เชยี งราย
P a g e | 80 ช่ือเรอ่ื ง : การสอนโดยใชแ้ บบฝึกการทำซำ้ เพือ่ พฒั นาทกั ษะในการวาดรปู รายวิชาศิลปะพืน้ ฐาน นกั เรียนระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1/2 โรงเรียนแมจ่ ันวทิ ยาคม จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 ผูว้ ิจยั : นางสาวทพิ ย์มณี ทองกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ : ศิลปะ ปที ที่ ำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เป็นการวิจัยเชิงทดลอง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียน เรื่องการสอนโดยใช้แบบฝึกการทำซ้ำเพื่อพัฒนาทักษะในการวาด รูป รายวิชาศิลปะพื้นฐานนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 จำนวน 5 คน โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จังหวัดเชียงราย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 25642 2.เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียน การสอนโดยใช้แบบฝึกการทำซ้ำเพื่อพัฒนาทักษะในการวาดรูป รายวิชาศิลปะพื้นฐาน การศึกษา 2564 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับช้ัน มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1/2 โรงเรียนแม่จันวิทยาคม จังหวดั เชยี งราย ภาคเรยี นท่ี 1 ปี จำนวน 5 คน เครื่องมือท่ี ใช้ในการวจิ ยั ไดแ้ ก่ 1. แบบฝึกพัฒนาทกั ษะในการวาดรปู รายวิชาศิลปะ มผี ลความเหมาะสม อยใู่ นระดับ ดมี าก (x = 4.82 , S.D. = 0.26) 2. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นรายวชิ าศิลปะ ค่าดัชนคี วาม สอดคล้องระหว่าง ข้อ คำถามกับจุดประสงค์การเรียนรู้ (IOC) ซึ่งมีค่าระหว่าง 0.67-1.00 การเก็บ รวบรวมข้อมูล โดยการแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถติ ิ ในการวิเคราะห์ ข้อมลู ได้แก่ คา่ เฉลีย่ และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยปรากฏวา่ 1.ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรียนรายวชิ าศิลปะ โดยใชแ้ บบฝึกพัฒนา ทักษะ อยใู่ นระดับผ่านเกณฑ์ ( x= 17.00 , S.D. = 1.58) 2. ผลการเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ของนักเรียนรายวิชาศิลปะ ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะพบว่าหลังเรียนสูงกว่า กอ่ นเรยี น บทคดั ยอ่ งานวจิ ัยในชั้นเรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งราย
P a g e | 81 ชอ่ื เร่ือง : การพฒั นาความรู้ความเขา้ ใจและทกั ษะการปฏบิ ัติเรอื่ งนาฏยศัพทโ์ ดยนำ Graphic Organizer มาใช้ในกระบวนการเรยี นรูส้ ำหรับนกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 โรงเรียนแมจ่ ันวิทยาคม ผูว้ จิ ยั : นางสาวนรินทร์ทิพย์ ปัญญาชยั เจรญิ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ : ศิลปะ ปีท่ที ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคัดย่อ การวจิ ัยครง้ั นมี้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พือ่ 1.เพือ่ ทราบผลสมั ฤทธด์ิ า้ นความรูค้ วามเขา้ ใจ และความสามารถในการปฏบิ ตั ิท่านาฏยศพั ท์ของ นักเรยี นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ก่อนและหลงั การนำ Graphic Oranizer มาใช้ในกระบวนการเรียน 2.เพอ่ื ศกึ ษาความรู้ความเขา้ ใจ และความสามารถในการปฏิบตั ิทา่ นาฏยศพั ท์ ของนักเรียนประถมศกึ ษาปีที่ 4 ด้วยการจัดการนำ Graphic Oranizer มาใชใ้ นกระบวนการเรียน ประชากร/กลุ่มตวั อย่างประชากร นักเรียนระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 38 คน กลมุ่ ตัวอยา่ งท่ีใชค้ อื นกั เรยี นระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2/2 เครือ่ งมอื ท่ใี ช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ 1. ใบงาน Graphic Oranizer เรอ่ื งนาฏยศพั ท์ สำหรับนกั เรียนประถมศกึ ษาปีท่ี โดยใช้เวลาใน การสอน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ เป็นเวลา 4 สปั ดาห์ โดยไมน่ บั วันท่ที ำการทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น 2. แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนวดั ความรูค้ วามเข้าใจ เรอ่ื งนาฏยศัพท์ 3. แบบประเมนิ ความสามารถในการปฏบิ ัตทิ า่ รำนาฏยศพั ท์ การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยวธิ ีทดสอบวดั ผลความร้คู วามเขา้ ใจ เรื่องนาฏยศพั ท์ และประเมนิ ความสามารถ ในการปฏบิ ตั ิทา่ รำนาฏยศพั ทข์ องนกั เรียยน ผลการวิจัยปรากฏวา่ จากผลการวจิ ยั พบว่า ความรูค้ วามเข้าใจและทกั ษะการปฏิบัตเิ รื่องนาฏยศัพท์โดยนำ Graphic Organizer มาใช้ใน กระบวนการเรียนรู้สำหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 นักเรยี นมกี ารพัฒนาทางด้านความรู้ความเข้าใจที่ แม่นยำ และมีทักษะการปฏิบัติท่ารำนาฏยศัพท์ทางนาฏศิลป์ไทย เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่นักเรียนมีการ พัฒนาทักษะของตนเองทางด้านการปฏิบัติท่ารำในวิชานาฏศิลป์ อยู่ในเกณฑ์ท่ีดีและระดบั พอใช้ ซึ่งเปน็ ท่ี นา่ พอใจ นักเรยี นมีความสนใจเรยี น ตั้งใจปฏบิ ัติกจิ กรรมตามขน้ั ตอนและกระบวนการเรยี นรู้ ทำใหน้ ักเรียน ได้เรียนร้เู ร่ืองนาฏยศัพท์เพิม่ ข้นึ ในด้านความรูค้ วามเข้าใจของนักเรียนก่อนและหลังเรียนโดยนำ Graphic Organizer มาใชใ้ นกระบวนการเรียนรู้ พบว่า ความรคู้ วามเข้าใจของนักเรียนก่อนและหลงั การนำ Graphic Organizer มาใช้ในกระบวนการเรียนรู้โดยหลังการจัดกิจกรรม นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจสูงกวา่ กอ่ นการ จัดกิจกรรม ทั้งนี้เนื่องจาก Graphic Organizer ที่สร้างขึ้นส่งผลให้นักเรียนเกิดการเข้าใจในเนื้อหาเร่ือง นาฏยศัพท์ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และจดจำได้นาน เข้าใจในสิ่งที่เรียน และช่วยให้นักเรียนสามารถจำเป็น บทคดั ยอ่ งานวิจยั ในชน้ั เรียน ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 82 ความจำถาวร เนื่องจากนักเรียนได้ใช้ความคิดในการจัดกระทำข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ แท้จริงและการไดเ้ ห็นภาพ ไดว้ าดภาพ เมื่อมีการออกแบบกราฟกิ เพ่ือนำเสนอข้อมูลหรือความรู้ ช่วยส่งผล ใหน้ กั เรยี นสามารถปฏบิ ัตทิ า่ นาฏยศพั ท์ไดถ้ กู ตอ้ ง บทคดั ยอ่ งานวจิ ยั ในชัน้ เรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงราย
P a g e | 83 กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี ชอื่ เรื่อง : การศึกษาพฤตกิ รรมเร่อื งการไม่ส่งงาน/การบ้านของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4/11 หอ้ งเรียนศลิ ปอ์ าชพี (สาขาเกษตรกรรม) โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ในชว่ งสถานการณก์ าร แพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 ผู้วจิ ัย : นางสาวกาญจนา เกตอุ ินทร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ : การงานอาชีพ (เกษตรกรรม) ปที ท่ี ำวจิ ัย : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวจิ ยั ครัง้ นีม้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อศึกษาสาเหตุของการไมส่ ง่ งาน การบ้านของนกั เรียนชนั้ / มัธยมศึกษาปีที่ โรงเรียนแม่จันวิทยาคม ในช่วง (สาขาเกษตรกรรม) ห้องเรียนศิลป์อาชีพ 11/4 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เพื่อรวบรวมขอ้ มูลสำหรับการแก้ปญั หาการไม่ส่งงาน / การบา้ นของนักเรยี น กลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีใช้คอื นกั เรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี (สาขาเกษตรกรรม) หอ้ งเรียนศลิ ปอ์ าชีพ 11/4 จำนวน คน 22 เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการวจิ ัยไดแ้ ก่ แบบสอบถาม การเกบ็ รวบรวมข้อมลู โดยการทำแบบสอบถามเพือ่ ศึกษาพฤตกิ รรม วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชส้ ถิติ การหาค่ารอ้ ยละ (ถ้ามี) ผลการวิจัยปรากฏวา่ จากการศกึ ษาและวเิ คราะหแ์ บบสอบถามเพอ่ื ศึกษาพฤตกิ รรมของนักเรียน ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ การบา้ / ในเรอ่ื งการไม่ส่งงาน (สาขาเกษตรกรรม) หอ้ งเรียนศลิ ป์อาชีพ 11/4น แสดง ให้เห็นว่า สาเหตุของการไม่ส่งงาน คือ การให้การบ้านมากเกินไป โดยคิดจาก 1 การบ้าน ลำดับท่ี / 81.82 คน คดิ เป็นร้อยละ 18 จำนวน 1 คน ทีเ่ ลือกเป็นสาเหตอุ ันดับท่ี 22 นักเรยี น บทคัดยอ่ งานวจิ ยั ในชน้ั เรยี น ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแม่จนั วิทยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งราย
P a g e | 84 ชื่อเร่ือง : การมีสว่ นร่วมของนกั เรียนในการเรยี นรู้วิชาการขยายพนั ธพ์ุ ชื ช้นั ม.5/10ในสถานการณ์การ แพร่ระบาดของโรคโควิค -19 ผวู้ ิจยั : นายพงษส์ ิทธ์ิ นันทญา กลุม่ สาระการเรียนรู้ : การงานอาชพี (เกษตรกรรม) ปที ่ีทำวิจัย : พ.ศ. 2564 บทคดั ย่อ การมีสว่ นรว่ มของนักเรียนในการเรียนรวู้ ิชาการขยายพันธุพ์ ืชชน้ั ม.5/10ในสถานการณ์การแพร่ การวิจัยครง้ั นม้ี วี ตั ถุประสงค์เพ่อื ศึกษาระดับการมสี ว่ นร่วมในการเรียนรายวิชาการขยายพนั ธุ์พืชระดับชั้น ม.5/0ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิค – 19 และศึกษาระดับความพึงพอใจในการมีสว่ นร่วม ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาการขยายพันธุ์พืชระดับชั้น ม.5/10 ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคโควคิ -19 กลุ่มตวั อยา่ งท่ใี ชค้ ือ นักเรียนระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที5่ /10 จำนวน 15 คน เครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการวิจัยได้แก1่ .แบบบันทกึ ในการมีส่วนร่วมในการเรียนร้วู ิชการการขยายพันธุ์ พชื ระดับชั้น ม.5/10 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจการมีส่วนรว่ มในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาการ ขยายพันธ์ุพืชในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคโควคิ -19 การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการบันทึกการมีส่วนร่วมของนักเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาการขยายพันธุ์พืชในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิค-19 นักเรียนระดับชั้น ม.5/10จำนวน 15 คน ใช้แบบสอบถามความพึงพอใจ วเิ คราะห์ข้อมลู โดยใช้ความถี่ ค่าเฉลยี่ และร้อยละ ผลการวิจยั ปรากฏว่านกั เรยี นมีส่วนรว่ มในการเรียนรายวิชาการขยายพันธ์ุพืชในสถานการณ์การ แพร่ระบาดของโรคโควิค-19 คิดเป็นร้อยละ 78 และมีระดับความพึงพอในการมีส่วนร่วมในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาการขยายพันธุพ์ ืชในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิค-19อยู่ในระดบั มาก ร้อยละ 72 ปานกลาง รอ้ ยละ20 และน้อย รอ้ ยละ 8 ตามลำดับ บทคัดยอ่ งานวิจยั ในชนั้ เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ นั จงั หวัดเชยี งราย
P a g e | 85 ชอ่ื เร่ือง : แนวทางการพฒั นาการจัดการเรยี นการสอน แบบผสมผสาน ในสถานการณก์ ารแพร่ระบาด โรค Covid-19 รายวิชาผลิตภัณฑ์พชื ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5/10 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม จ.เชียงราย ผ้วู จิ ัย : นางมณั ฑนา บวั ประเสริฐ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ : การงานอาชพี (เกษตรกรรม) ปีทีท่ ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการแก้ปัญหาเวลาเรียนไม่ต่อเนื่อง เนื่องจาก สถานการณโ์ รคระบาดไวรัสโควดิ -19 2) เพื่อศกึ ษาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนกั เรยี น เมือ่ เรียนด้วยการ เรียนแบบผสมผสาน เนน้ ผ้เู รียนเป็นสำคัญการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง และการลงมือปฏิบัตจิ ริง 3) เพ่ือ ศึกษาความ พึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยกิจกรรมการเรียนแบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง กลุม่ ตัวอยา่ งท่ีใช้คอื นักเรยี นระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5/10 แผนการเรียน หอ้ งเรยี นอาชพี สาขาพชื ศาสตร์ โรงเรยี นแม่จนั วทิ ยาคม จำนวน 15 คน ใช้ระยะเวลาตลอดภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 ในรายวิชา ผลิตภัณฑ์พืช ง32271 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา ผลิตภัณฑ์พืช 3) แบบ สังเกตพฤติกรรมการเรียน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้รายวิชา ผลิตภัณฑ์พืช การเก็บรวบรวมข้อมูล โดยการวิเคราะห์และสรุปข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลย่ี สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน และคา่ สถิตทิ ดสอบมาตรฐาน t-test ผลการวิจัยปรากฏว่า 1) การจัดกิจกรรมการเรียนแบบผสมผสานผ่าน เครือข่ายสังคมออนไลน์ สามารถแก้ไขปัญหาการเรียนท่ีไม่ต่อเนือ่ ง และเปน็ การปรับตัวให้เข้ากับกระแสสงั คมในยุคปัจจุบันที่ส่ือ สงั คมออนไลน์ (Social media) เขา้ มามีบทบาทต่อการดำเนินชวี ติ ของมนุษยใ์ นยุคเวลาเรียนที่ไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5/10 แผนการเรียนหอ้ งเรียนอาชพี สาขาพืชศาสตร์ จำนวน 15 คน ด้วยกิจกรรมการ เรียนแบบเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และการลงมือปฏิบัติจริง มีค่าเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D) = 4.44 , ค่าความแปรปรวน 19.76 และค่าสัมประสิทธ์ิของการกระจาย (CV.) = 5.30 หมายถึงประสทิ ธภิ าพอยใู่ นระดบั ดี 3) นักเรียนมีความพงึ พอใจ ตอ่ การเรยี นดว้ ยกจิ กรรมการเรียนแบบ ผสมผสาน โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง และสามารถเรียนรู้สู่การลงมอื ปฏิบัติจริง ในระดับ มาก ( x =̅ 4.15, S.D.= 0.74) บทคดั ยอ่ งานวิจัยในช้นั เรียน ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 โรงเรียนแม่จันวทิ ยาคม อำเภอแม่จัน จังหวดั เชียงราย
P a g e | 86 ช่ือเรอ่ื ง : แนวปฏบิ ัติทดี่ ใี นการจัดการเรยี นการสอนในรปู แบบทางไกลเพอ่ื พฒั นาความเข้าใจของ นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 เร่อื ง การบันทึกบญั ชีในสมดุ รายวนั ทัว่ ไป วชิ า การบญั ชี เบอ้ื งต้น ในชว่ งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ผู้วจิ ยั : นางขวญั วไิ ล บญุ ยอด กลุ่มสาระการเรียนรู้ : การงานอาชีพ (บัญช)ี ปีท่ที ำวิจยั : พ.ศ. 2564 บทคัดยอ่ การวจิ ัยคร้งั นี้มวี ตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือศกึ ษาแนวปฏิบตั ิทด่ี ใี นการจัดการเรียนการสอน รายวชิ าการ บญั ชเี บ้ืองต้นในสถานการณ์ Covid 19 ด้วยแรงจงู ใจเชิงบวก กลุ่มตวั อยา่ งทใี่ ชค้ ือนกั เรยี นระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ทเี่ รียนสาระเพม่ิ เตมิ รายวชิ า การบญั ชี เบ้ืองต้น โรงเรยี นแมจ่ ันวิทยาคม จำนวน 27 คน เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ยั ได้แก่ แนวทางในการจดั การเรยี นการสอนในรปู แบบต่างๆ แบบสังเกต พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ บนั ทึกการส่งงาน แบบบันทกึ การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ การเก็บรวบรวมข้อมูล 1.สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ 2.บันทึกการส่งงาน 3.การวัดและ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ วิเคราะห์ขอ้ มลู โดยใชส้ ถติ ิ ใชร้ ้อยละและค่าเฉล่ยี ในการวเิ คราะห์ข้อมูลทางสถติ ิ ผลการวิจัยพบว่าแนวปฏิบัติที่ดีใน การจัดการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เรื่อง การบันทึกบัญชีในสมุดรายวนั ทัว่ ไป วิชา การบัญชีเบือ้ งต้น ในช่วงสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของ โรค COVID-19 มีดังนี้ 1)ผู้สอนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการสอน โดยจัดรูปแบบการสอนแบบออนไลน์ มากกว่าการจัดการเรียนการสอนแบบออนไซต์ 2) การจัดการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ต้องใช้มากกว่า 1 ช่องทางในการเรียนรู้ ทั้งนี้ผู้วิจัยใช้ช่องทางในการจัดการเรียนรู้ด้วย Google Cassroom Google Meer Facebook Line 3) การจัดการเรียนการสอนแต่ละครั้งต้องใช้การใช้แรงจูงใจเชิงบวก เพื่อ กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจที่อยากจะเรียนรู้ อาทิ การเพิ่มคะแนนในการเข้าเรียนหรือทำงานของ นกั เรียน การสอนเสริมนอกเวลา การติดตามการทำงานของนักเรยี น การแสดงความช่นื ชมผลงานของ นักเรียนแต่ละครั้ง และเสนอแนะแนวทางการทำงานของนักเรยี น เป็นต้น 4) มีการวัดและประเมินผล การเรียนรทู้ ี่หลากหลายและ วัดและประเมินผลตามสภาพจริง ทั้งนีน้ ักเรยี นร้อยละ 70 มีผลการเรียน เฉลย่ี อยูใ่ นระดบั ดี และพบว่านักเรยี น มีความพงึ พอใจตอ่ แนวปฏิบัติในการจัดการเรยี นการสอนของครู ในชว่ งสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรค COVID-19 โดยรวม อยใู่ นระดบั มากที่สุด บทคัดย่องานวจิ ัยในช้ันเรยี น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรียนแมจ่ นั วทิ ยาคม อำเภอแมจ่ ัน จงั หวดั เชียงราย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117