4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 2) ทักษะการเชื่อมโยง 4.2 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ5. คุณลักษณะของวิชา - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุม่6. คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1. ใฝุเรยี นรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทางาน 3. มคี วามรับผิดชอบ7. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ใบงานที่ 3.2 เรอ่ื ง ครอบครัวหรรษา 2. ใบงานท่ี 3.3 เรื่อง การสร้างสัมพันธภาพตอ่ เพ่ือน8. กิจกรรมการเรยี นรู้ชั่วโมงท่ี 1ขน้ั นา 1. ครูซกั ถามนักเรยี นว่า เวลาอยู่บา้ นนักเรียนมีหนา้ ทช่ี ่วยเหลอื งานบ้านอะไรบา้ ง เชน่ ชว่ ยแม่กวาดบา้ น ถบู า้ น ชว่ ยพ่อรดนา้ ต้นไม้ เปน็ ตน้ จากนั้นให้ตัวแทนนกั เรยี นออกมาเล่าให้เพ่ือนฟงั 2. ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรียนฟังว่า เม่ือเราอาศยั อยู่รวมกนั เป็นครอบครวั สมาชิกทุกคนในครอบครวั ตา่ งต้องการให้ครอบครัวของตนเองเป็นครอบครัวท่ีมคี วามสขุ ดงั นนั้ การสร้างสมั พนั ธภาพในครอบครัวจงึ เป็นสิง่ สาคญั ท่ีทาให้ครอบครัวอยู่ร่วมกันอยา่ งมคี วามสขุ เราควรช่วยกนั สร้างสมั พันธภาพในครอบครวั ของเราขน้ั สอน 1. นกั เรยี นรวมกล่มุ เดมิ (จากแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1) แลว้ รว่ มกันศกึ ษาความร้เู รอ่ื ง การสรา้ งสมั พนั ธภาพในครอบครวั จากหนงั สือเรียน 2. ครูนาภาพการปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกนั ของสมาชกิ ในครอบครวั มาให้นักเรียนดู แลว้ ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั การปฏิบัติกิจกรรมในภาพดงั กล่าว 3. ครูถามนักเรียนวา่ นักเรียนจะทาอย่างไร เพื่อใหค้ รอบครัวของนักเรยี นเป็นครอบครวั ที่มีความสุข 4. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทาใบงานท่ี 3.2 เร่อื ง ครอบครวั หรรษา 5. ครสู ุ่มนักเรยี น 2-3 คน ออกมานาเสนอใบงานที่ 3.2 หนา้ ชั้นเรียน 6. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ นกั เรียนคิดวา่ ครอบครวั ทม่ี ีความสุขควรมลี ักษณะอย่างไรข้นั สรุป 1. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรยี นคดิ วา่ กิจกรรมท่จี ะช่วยสรา้ งความสุข ในครอบครัว ควรเปน็ อย่างไร
2. นกั เรียนร่วมกันสรปุ การปฏิบตั ิตนในการสรา้ งสมั พันธภาพ ในครอบครัว เพื่อทาใหค้ รอบครัวมีความสุข ชัว่ โมงท่ี 2ข้ันนา 1. นกั เรียนตอบคาถามกระต้นุ ความคิด ขอ้ 1-2 1. เพื่อนมคี วามสาคญั กบั นกั เรียนอยา่ งไร 2. ถ้านักเรียนอยากให้เพ่ือนรักและมาพูดคุยปลอบใจ ให้คาปรึกษา นักเรียนจะต้อง ปฏบิ ัติตนอยา่ งไร 2. นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับเพอื่ นจากสานวนต่อไปนี้ - เพื่อนกนิ หาง่าย เพื่อนตายหายาก - คนเดยี วหวั หาย สองคนเพอื่ นตาย 3. นักเรียนร่วมกันสรุปผลการแสดงความคิดเห็น จากน้ันครูถามนักเรียนว่า การมีเพื่อนที่ดี มีความสาคญั ต่อนักเรียนหรอื ไม่ อยา่ งไรข้นั สอน 1. นักเรียนรวมกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง การสร้างสัมพันธภาพในกลุ่มเพ่ือน จากหนังสือเรยี น แล้วบนั ทึกความรทู้ ีไ่ ด้ลงในแบบบนั ทึกการอ่าน 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า นักเรียน มีวิธีการรักษาเพื่อนท่ีดีของนกั เรยี นอย่างไร พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ 3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การรักษาเพื่อนท่ีดีซึ่งมีความ สาคัญต่อเราน้ัน เราจะต้องรู้จักสรา้ งและรักษาสมั พนั ธภาพท่ดี รี ะหวา่ งกันไว้ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันยกตัวอย่างวิธีการสร้างสัมพันธภาพในกลุ่มเพ่ือน ครูเขียนรวบรวมคาตอบบนกระดาน 5. สมาชกิ ในแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันพจิ ารณาขอ้ ปฏิบัติตนในการสร้างสัมพันธภาพในกลุ่มเพ่ือนที่อยู่บนกระดาน วา่ ควรใชว้ ิธีใดในการสร้างสัมพนั ธภาพในกลุ่มเพื่อนจึงจะเหมาะสม จากน้ันสมาชิกแต่ละคนเลือกวิธีการปฏบิ ตั ิตนที่คิดวา่ เหมาะสมในการสร้างสมั พันธภาพในกลมุ่ เพ่ือน แล้วจดบันทึกลงในสมุด พร้อมระบุเหตผุ ลประกอบ 6. ครูแจกกระดาษรูปหัวใจให้นักเรียน คนละ 2 แผ่น แล้วให้นักเรียนเขียนความในใจลงในกระดาษเพือ่ มอบใหเ้ พ่อื นตามหัวข้อท่กี าหนด ดงั นี้ - กระดาษหมายเลข 1 เขียนเพื่อขอโทษเพื่อนในสิ่งท่ีนักเรียนทาผิดพลาดกับเพื่อน เช่นขอโทษที่ทาให้เพอ่ื นเสยี ใจ ขอโทษทีไ่ ม่ได้ช่วยเพ่ือนทางานกลุ่ม เป็นตน้ - กระดาษหมายเลข 2 เขียนเพ่ือขอบคุณเพ่ือนในโอกาสต่างๆ ที่เพื่อนเคยให้ความช่วยเหลือ เช่น ขอบคณุ เพือ่ นทช่ี ว่ ยอธบิ ายการบา้ น ขอบคุณเพื่อนท่ชี ว่ ยปฐมพยาบาลตอนเปน็ ลม เปน็ ต้น 7. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด 8. นักเรียนแต่ละคนทาใบงานท่ี 3.3 เร่ือง การสร้างสัมพันธภาพต่อเพื่อน เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจ 9. ครสู มุ่ นักเรียน 2-3 คน ออกมานาเสนอใบงานท่ี 3.3 10. ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกกิจกรรมที่ 2 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจในชวั่ โมงถัดไป
ขน้ั สรุป 1. นักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรูเ้ รอื่ ง การสรา้ งสมั พนั ธภาพในกลมุ่ เพือ่ น และบอกประโยชน์ของการสรา้ งสัมพันธภาพในกลมุ่ เพื่อน 2. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด การสร้างสัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อนมีความจาเป็นหรือไม่เพราะเหตุใด (มคี วามจาเป็น เพราะการอยู่ร่วมกันในกลุ่มเพื่อนจะต้องรู้จักตนเอง และเข้าใจบุคคลอื่นด้วยจงึ จะอยรู่ ว่ มกันอยา่ งมีความสุข) ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ แสดงบทบาทสมมุตเิ ก่ียวกบั การสรา้ งสมั พันธภาพใน ครอบครวั และกลุ่มเพ่อื น จากเหตกุ ารณ์ท่คี รกู าหนดให้ ดงั นี้ 1) ขณะท่แี กม้ กาลงั เปดิ อนิ เทอรเ์ นต็ เพือ่ ค้นควา้ ขอ้ มลู ในการทารายงาน แม่ก็เดินเข้ามาบอกว่า ให้ แก้มปิดคอมพวิ เตอร์ และเขา้ นอนได้แล้ว เพราะขณะนเ้ี ปน็ เวลา 22.30 น. แกม้ ควรทาอย่างไร 2) ในช่วงพักกลางวัน นง โอ๋ ออย กาลังเล่นกระโดดยางกันอยู่ แล้วส้มเดินเข้ามาขอเล่นด้วย แต่ นงและออยไม่อยากให้สม้ เลน่ ดว้ ย เพราะส้มชอบแกลง้ เพื่อนขณะเล่น โอ๋ควรทาอยา่ งไร โดยใหค้ รอบคลมุ ประเด็นตามทก่ี าหนด ดงั นี้ 1) วิธีการสรา้ งสัมพนั ธภาพในครอบครัว 2) วธิ กี ารสรา้ งสัมพนั ธภาพในกลมุ่ เพื่อน 3) การแสดงบทบาทสมมตุ ิ9. สือ่ การเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ป.3 2. บัตรภาพ 3. ใบงานท่ี 3.2 เรื่อง ครอบครวั หรรษา 4. ใบงานที่ 3.3 เรื่อง การสร้างสัมพนั ธภาพต่อเพอ่ื น 5. กระดาษรปู หัวใจ10. การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ ใบงานที่ 3.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 3.2 ใบงานที่ 3.3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ตรวจใบงานที่ 3.3 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ในการสร้างสมั พนั ธภาพในครอบครวั และสงั เกตความรับผดิ ชอบ ใฝุเรยี นรู้ และมีจติ กลุ่มเพ่อื นสาธารณะตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3สงั เกตการแสดงบทบาทสมมตุ ใิ นการสร้างสมั พันธภาพในครอบครัวและกลมุ่ เพื่อน
บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ผลการสอน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอื่ ......................................................... (นางสาวอรณชั ชา เจรญิ สขุ ) ครูผสู้ อนขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื .......................................................... (นางสาวจติ ตานาถ เทพวงศ)์ ครูพีเ่ ลีย้ งขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .......................................................... ( นางวลิ าวลั ย์ ปาลี ) ผอู้ านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงใน ช่อง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนนลาดับ ชือ่ – สกุล ความมีวนิ ยั ความมนี า้ ใจ การรับฟงั การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผรู้ บั การ 321 เออ้ื เฟื้อ ความคดิ เห็น ความคิดเห็น เวลา 15 เสยี สละ คะแนน ประเมิน 321 321 321 3211 เด็กหญิงทิพปภา แสนวงั ทอง2 เด็กชายธีรพงศ์ เสริมวฒุ กิ ล้า3 เดก็ ชายนริ ุช รัตนมานะชยั4 เดก็ ชายปุณยวีร์ เกอ้ื กุลประดิษฐ์5 เด็กชายศภุ กฤต ไพรฑรู ยศ์ รีทอง6 เด็กชายจิรวัชร โกศลประทปี7 เด็กหญงิ กัลยา กมลชอบวิริยะ8 เด็กหญงิ กลุ นดิ า ก่อวริ ยิ าตระกลู9 เด็กหญงิ ชนาภา มฤคมาศ10 เด็กหญิงนิชา บวรหริ ญั ไพร11 เดก็ หญงิ ปภาดา วรนาถยนื ยง12 เด็กหญงิ รุ่งนภา มฤคมาศ13 เด็กหญิงสชุ ัญญา รงุ่ เกยี รติพนา14 เด็กหญงิ จันทรจ์ ิรา แก้วมา15 เด็กหญงิ สุภานนั ท์ แกว้ อินศรี ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์คาชแี้ จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลง ในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 3211. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษตั ริย์ ต่อโรงเรียน2. ซอื่ สตั ย์ สุจรติ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบัตติ ามหลกั ศาสนา3. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ตามท่ีโรงเรยี นจดั ข้นึ4. ใฝุเรยี นรู้ 2.1 ใหข้ อ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ ง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏิบตั ิในสงิ่ ท่ถี ูกต้อง5. อยอู่ ย่างพอเพียง 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว6. มุ่งมน่ั ในการ มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ทางาน 4.1 รูจ้ ักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม7. รักความเปน็ ไทย 4.3 เช่ือฟังคาสง่ั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง8. มจี ติ สาธารณะ 4.4 ตั้งใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และสิง่ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ ค่า 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพือ่ ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ ักการดแู ล รักษาทรพั ย์สมบัตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ 46 - 60 ดี 30 - 45 พอใช้ ต่ากวา่ 30 ปรับปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคลช่ือ ชนั้ …………...คาช้แี จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลง ในชอ่ งท่ตี รงกับระดับคะแนนลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3211 การแสดงความคิดเหน็2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผ้อู นื่3 การทางานตามหน้าท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย4 ความมีน้าใจ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ....................................................ผูป้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั 12 - 15 ดี 18 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาช้ีแจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการทก่ี าหนด แล้วขดี ลงใน ชอ่ งท่ีตรงกบั ระดบั คะแนนลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3211 นาเสนอเนือ้ หาในผลงานได้ถูกตอ้ ง2 การลาดบั ขั้นตอนของเนื้อเร่อื ง3 การนาเสนอมีความน่าสนใจ4 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ 12 - 15 ดี 18 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ในการสร้างสมั พันธภาพในครอบครวั และกลมุ่ เพ่อื น (ชิ้นงานที่ 2)ลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3211 วิธกี ารสรา้ งสมั พันธภาพในครอบครวั2 วธิ กี ารสร้างสัมพันธภาพในกลุ่มเพ่ือน3 การแสดงบทบาทสมมุติ รวม ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ดี พอใช้ = 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรงุ = 2 คะแนน = 1 คะแนน 8 - 9 ดี 5 - 7 พอใช้ ตา่ กวา่ 5 ปรับปรุง
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ในการสร้างสมั พันธภาพในครอบครัวและกลมุ่ เพอ่ื น (ช้ินงานท่ี 2)รายการประเมนิ คาอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ / ระดับคะแนน ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)1. วิธกี ารสรา้ ง แสดงบทบาทสมมุติทส่ี ่ือถงึ แสดงบทบาทสมมตุ ิทส่ี ื่อถึง แสดงบทบาทสมมุติทส่ี อื่ ถงึ สมั พนั ธภาพ การสรา้ งสัมพันธภาพใน การสรา้ งสัมพนั ธภาพใน การสรา้ งสมั พันธภาพใน ในครอบครวั ครอบครวั ได้ถกู ต้อง ชัดเจน ครอบครัวได้ถูกต้อง แตม่ ี ครอบครวั ได้ถูกตอ้ ง แตม่ ี ขอ้ ผิดพลาดบ้างเล็กนอ้ ย ขอ้ ผดิ พลาดเป็นสว่ นใหญ่2. วิธกี ารสร้าง แสดงบทบาทสมมุติทสี่ ื่อถงึ แสดงบทบาทสมมตุ ิทส่ี อื่ ถงึ แสดงบทบาทสมมุติทส่ี อื่ ถึง สัมพนั ธภาพ การสร้างสัมพันธภาพใน การสรา้ งสัมพนั ธภาพใน การสร้างสมั พันธภาพใน ในกลมุ่ เพื่อน กลมุ่ เพื่อนไดถ้ ูกต้อง ชัดเจน กลุม่ เพ่อื นไดถ้ ูกตอ้ ง แตม่ ี กล่มุ เพ่อื นไดถ้ กู ต้อง แต่มี ข้อผดิ พลาดบ้างเลก็ นอ้ ย ข้อผิดพลาดเปน็ ส่วนใหญ่3. การแสดงบทบาท แสดงบทบาทสมมุตไิ ดต้ รง แสดงบทบาทสมมุตไิ ด้ตรง แสดงบทบาทสมมุตไิ มต่ รง สมมุติ ประเดน็ มีความสมจรงิ ประเดน็ แตไ่ ม่คอ่ ยสมจรงิ ประเด็น แตว่ างตัวนกั แสดง วางตวั นกั แสดงได้เหมาะสม และวางตวั นักแสดงไมค่ อ่ ย ไดเ้ หมาะสม เหมาะสมช่วงคะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ตา่ กวา่ 5ระดบั คุณภาพ ปรับปรุง 8-9 5-7 ดี พอใช้
บตั รภาพ ภาพครอบครัวรบั ประทานอาหารรว่ มกัน ภาพครอบครัวปลกู ต้นไม้ภาพครอบครวั ไปเที่ยวทะเล ภาพครอบครัวทาบญุ ร่วมกนั
ใบงานที่ 3.2 ครอบครวั หรรษาคาช้แี จง ให้นกั เรียนตดิ ภาพการปฏิบตั ิกจิ กรรมรว่ มกันของสมาชกิ ในครอบครวั แลว้ บันทกึ ข้อมลู (ตดิ ภาพ) 1. กิจกรรมของครอบครัว คือ 2. สมาชกิ ในครอบครัว ได้แก่ 3. ความรสู้ ึกจากการรว่ มกจิ กรรมของครอบครวั คือ 4. ประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการรว่ มกจิ กรรมของครอบครัว คือ
ใบงานท่ี 3.3 การสรา้ งสัมพันธภาพต่อเพ่ือนคาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นอธิบายความสาคัญของเพ่ือน และบอกวิธกี ารสรา้ งสมั พนั ธภาพในกล่มุ เพื่อนของ นักเรยี น ความสาคญั ของเพื่อน วิธกี ารสรา้ งสัมพนั ธภาพในกลุม่ เพ่ือนของฉัน
ใบงานท่ี 3.3 การสร้างสัมพันธภาพต่อเพอ่ื นคาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอธิบายความสาคัญของเพื่อน และบอกวิธกี ารสร้างสัมพนั ธภาพในกลมุ่ เพ่อื นของนักเรยี น (ตัวอยา่ ง) ความสาคญั ของเพ่ือน เพือ่ นเป็นบคุ คลท่เี ราใหค้ วามสาคญั ความสนิทสนม และทากิจกรรมรว่ มกัน เพ่อื นของเราอาจมีทั้งเพศชาย และเพศหญิง เพอ่ื นมีความสาคัญต่อตวั เรา เชน่ เป็นเพ่ือนเรยี น เปน็ เพอ่ื นเลน่ เป็นเพอ่ื นคยุ เป็นผู้ทใ่ี ห้คาปรกึ ษา เปน็ ผูท้ ี่ปลอบใจเราเมอื่ เรามปี ัญหา เป็นตน้ วธิ กี ารสรา้ งสัมพันธภาพในกลุม่ เพ่อื นของฉัน 1) ให้กาลังใจเพ่อื น 2) ให้คาปรึกษาและแนะนาสิง่ ทีด่ ี 3) พูดชมเพื่อนด้วยความจริงใจ 4) ทากิจกรรมกับเพอ่ื นดว้ ยความเต็มใจ 5) เมอื่ มีปัญหากับเพ่อื น ควรปรบั ความเข้าใจกนั 6) มนี า้ ใจตอ่ เพื่อน (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อย่ใู นดลุ ยพินจิ ของครผู สู้ อน)
แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว1. ข้อใดคือความสาคญั ของครอบครวั เมอ่ื นักเรยี นเกิด 6. สิง่ ใดที่นักเรยี นควรไดร้ ับจากครอบครวั เป็นสาคญั ปญั หาในการเรยี น ก. เครือ่ งแต่งกาย ก. บอกครใู ห้ต้ังใจสอนหนังสอื ข. อุปกรณส์ ือ่ สาร ข. ใหเ้ งนิ ไปเรยี นพเิ ศษ ค. การศึกษา ค. ทาการบา้ นให้ ง. เงินทอง ง. เป็นทีป่ รึกษา 7. ข้อใดไม่ใช่ความสาคญั ของครอบครัว2. ข้อใดเป็นครอบครัวท่มี คี วามสุข ก. ใหเ้ งินตามทลี่ ูกหลานต้องการ ก. สมาชกิ ในบา้ นทาแตง่ านนอกบา้ น ข. ให้คาปรึกษาเมื่อมปี ญั หา ข. สมาชกิ ในบา้ นทากจิ กรรมรว่ มกัน ค. ใหก้ ารศึกษา ค. สมาชกิ ในบ้านสนใจแตเ่ รอื่ งของตนเอง ง. ใหท้ อ่ี ยู่อาศยั ง. สมาชกิ ในบ้านไมพ่ ดู กัน 8. พฤติกรรมใดเม่ือกระทาแล้วเพ่อื นไม่อยากคบ3. กิจกรรมใดท่ีควรทารว่ มกันในครอบครวั มากทส่ี ดุ ก. พูดจาไพเราะ ก. พักผอ่ นในห้องของตนเอง ข. แบง่ ขนมใหเ้ พ่อื น ข. พูดคยุ เรอื่ งการเมือง ค. เล่าเร่ืองตลกให้เพื่อนฟัง ค. ทาบุญตักบาตร ง. หวั เราะเยาะทเ่ี พ่อื นหกล้ม ง. ไปเทยี่ วสถานบันเทงิ 9. ใครปฏิบัตติ นเป็นเพ่ือนที่ดี4. ใครปฏบิ ตั ติ นเป็นลกู ท่ีดี ก. ปยุ๋ ชอบนินทาเพือ่ น ก. ฟางต้ังใจเรยี นหนงั สือ ข. เปรมแนะนาเพอื่ นให้เล่นการพนนั ข. มดชอบใชอ้ ารมณต์ ดั สนิ ปญั หา ค. ปูองให้ความชว่ ยเหลอื เพ่ือนเสมอ ค. แกว้ พดู เสยี งแข็ง ก้าวรา้ วอยเู่ สมอ ง. เปร้ยี วไม่ใช้เหตผุ ลในการพดู คยุ เมอ่ื มปี ญั หากับ ง. หวายชอบชวนแมไ่ ปดภู าพยนตร์ เพือ่ น5. ครอบครัวใดมคี วามสัมพนั ธ์ท่ีดภี ายในครอบครัว 10. ข้อใดไม่ใช่วิธีการสรา้ งสัมพันธภาพในกลมุ่ เพอื่ น ก. พอ่ แมต่ ่างทางานของตน ก. ชวนเพอ่ื นออกกาลังกาย ข. พ่อแม่ทะเลาะกนั ทุกวัน ข. ชมเพ่ือนเพอื่ ใหเ้ พ่ือนรักเรา ค. พอ่ แมใ่ ห้เงนิ ลูกไวใ้ ช้จ่าย ค. ให้เพือ่ นยมื ยางลบ ง. พ่อแมพ่ าลูกไปเทยี่ วในวันหยดุ ง. ยิ้มแย้มแจม่ ใส มฐ. พ 2.1 ป.3/1-2 ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็ 10เฉลย 1. ง 2. ข 3. ค 4. ก 5. ง 6. ค 7. ก 8. ง 9. ค 10. ข
แผนการจัดการเรียนรู้หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรื่อง การล่วงละเมดิ ทางเพศ จานวน 4 ชวั่ โมงแผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 1 เรือ่ ง การล่วงละเมดิ ทางเพศประเภทของการล่วงละเมดิ ทางเพศจานวน 2 ช่ัวโมงกลมุ่ สาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษาช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31ครผู ู้สอน นางสาวอรณชั ชา เจริญสขุสอนวนั องั คาร ที่ 17 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.สอนวนั องั คาร ท่ี 24 เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.1. สาระสาคัญ การล่วงละเมดิ ทางเพศเปน็ พฤตกิ รรมท่ลี ะเมิดสทิ ธิของผอู้ ่ืน การล่วงละเมิดทางเพศเป็นพฤติกรรมทีล่ ะเมิดสิทธขิ องผู้อืน่ ในเร่อื งเพศ ซ่ึงสามารถแสดงออกมาได้หลายลกั ษณะ2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัดชั้นป/ี ผลการเรียนร/ู้ เปาู หมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดาเนินชีวิต ตัวชีว้ ดั พ 2.1 ป.3/3 บอกวธิ หี ลกี เลยี่ งพฤติกรรมที่นาไปส่กู ารถกู ล่วงละเมิดทางเพศ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) บอกความหมายของการถกู ละเมดิ ทางเพศได้ 2) จาแนกประเภทของการลว่ งละเมดิ ทางเพศได้3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลกั : Knowledge - พฤติกรรมท่ีนาไปสู่การลว่ งละเมิดทางเพศ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1. นกั เรียนสามารถบอกความหมายของการถูกละเมิดทางเพศได้ 3.3 คุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude 1. มีความรบั ผิดชอบ 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. รกั ความเปน็ ไทย4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสารวจค้นหา 2) ทักษะการนาความร้ไู ปใช้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่
6. คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ 1. มคี วามรับผิดชอบ 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. รักความเปน็ ไทย7. ชิ้นงาน/ภาระงาน -8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ชวั่ โมงท่ี 1ข้นั นา 1. ครูซกั ถามนักเรียนว่า ในชีวติ ประจาวันของนักเรยี นมโี อกาสเส่ยี งต่อการถูกลว่ งละเมิดทางเพศหรือไม่ เพราะเหตุใด 2. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ ขา่ วการล่วงละเมิดทางเพศในหน้าหนงั สือพิมพ์มักมีสาเหตุมาจากเร่ืองใดขนั้ สอน 1. ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความ สามารถ คือ เกง่ ปานกลางค่อนข้างเกง่ ปานกลางคอ่ นขา้ งออ่ น และอ่อน จากน้ันใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ ศึกษาความรเู้ ร่ือง การล่วงละเมดิ ทางเพศ จากหนังสือเรียน 2. ครูนาข่าวเก่ยี วกบั การลว่ งละเมิดทางเพศมาเล่าใหน้ ักเรียนฟัง 3. ครูใหส้ มาชกิ แตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันวเิ คราะห์ข่าวในประเด็นตอ่ ไปน้ี - เดก็ หญิงในข่าวถูกใครล่วงละเมิดทางเพศ และเกดิ ผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจอยา่ งไร - นกั เรยี นไดข้ ้อคิดจากขา่ วเพื่อปูองกนั ตนเองไมใ่ ห้ถูกลว่ งละเมิดทางเพศไดอ้ ย่างไร 4. ครูให้นกั เรยี นสง่ ตวั แทนกลุ่มนาเสนอผลการวิเคราะห์หน้าชนั้ เรียนขน้ั สรปุ นกั เรยี นร่วมกันสรุปความร้เู ร่ือง การล่วงละเมิดทางเพศชว่ั โมงท่ี 2ขนั้ นา 1. ครูทบทวนความรเู้ ดิมเร่ือง การล่วงละเมิดทางเพศ 2. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด เพราะเหตุใด การพดู จาแทะโลมจงึ เป็นการล่วงละเมิดทางเพศ (เพราะเป็นการพูดโดยใช้ถ้อยคาในการเลียบเคียงทางด้านความรัก หรือการพูดเก่ียวกับร่างกายของผฟู้ ังในเชงิ การมีเพศสัมพนั ธ์ เช่น “น่ารักจงั เปน็ แฟนพี่ไหม” “รูปร่างน่ากอดจงั เลย” เปน็ ต้น)ข้ันสอน 1. นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นกาหนดหมายเลขประจาตัวสมาชิกกลุ่มเป็นหมายเลข 1-3 แล้วแบ่งหน้าท่ีกันศึกษาและสืบค้นความรู้เร่ือง ประเภทของการล่วงละเมิดทางเพศ จากหนังสอื เรียนหรือบทเรียน แล้วบันทึกความรู้ท่ีได้ลงในแบบบันทึกการอ่าน ตามประเด็นท่ีกาหนดดงั น้ี
- สมาชิกหมายเลข 1 ศึกษาความรู้เกีย่ วกบั การใชค้ าพูด - สมาชิกหมายเลข 2 ศึกษาความรู้เกีย่ วกบั การกระทาท่ีไม่ถกู เนื้อต้องตวั - สมาชิกหมายเลข 3 ศกึ ษาความรู้เกี่ยวกบั การกระทาท่ีถูกเนื้อต้องตวั 2. นักเรยี นนาขอ้ มลู ทส่ี บื คน้ ได้มาอภปิ รายร่วมกนั ภายในกลุ่ม แล้วผลัดกันซักถามข้อสงสัย เพ่ือให้สมาชิกทุกคนมีความเขา้ ใจท่ตี รงกัน 3. ครูนาบตั รภาพการถูกล่วงละเมิดทางเพศมาใหน้ กั เรยี นดู จากน้ันให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะหใ์ นประเดน็ ที่กาหนด ดงั น้ี - ภาพดังกล่าวเป็นการล่วงละเมิดทางเพศประเภทใดเพราะเหตใุ ด 4. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์และอภิปราย จากน้ันส่งตัวแทนกลุ่มนาเสนอผลการวเิ คราะหห์ น้าชน้ั เรียน พร้อมแสดงบัตรภาพประกอบข้นั สรปุ นักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั ประเภทของการถกู ล่วงละเมิดทางเพศ9. สือ่ การเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ป.3 2. ตวั อยา่ งขา่ ว 3. บัตรภาพ10. การวัดผลและประเมนิ ผลวิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 4 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 (ประเมนิ ตามสภาพจริง)ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตความรบั ผดิ ชอบ ใฝุเรยี นรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์และรักความเป็นไทย
บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ผลการสอน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ......................................................... (นางสาวอรณัชชา เจรญิ สุข) ครูผสู้ อนขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื .......................................................... (นางสาวจิตตานาถ เทพวงศ์) ครพู ่ีเลย้ี งขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ .......................................................... ( นางวลิ าวลั ย์ ปาลี ) ผ้อู านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงใน ช่อง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนนลาดับ ชือ่ – สกุล ความมีวนิ ยั ความมนี า้ ใจ การรับฟงั การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผรู้ บั การ 321 เออ้ื เฟื้อ ความคดิ เห็น ความคิดเห็น เวลา 15 เสยี สละ คะแนน ประเมิน 321 321 321 3211 เด็กหญิงทิพปภา แสนวงั ทอง2 เด็กชายธีรพงศ์ เสริมวฒุ กิ ล้า3 เดก็ ชายนริ ุช รัตนมานะชยั4 เดก็ ชายปุณยวีร์ เกอ้ื กุลประดิษฐ์5 เด็กชายศภุ กฤต ไพรฑรู ยศ์ รีทอง6 เด็กชายจิรวัชร โกศลประทปี7 เด็กหญงิ กัลยา กมลชอบวิริยะ8 เด็กหญงิ กลุ นดิ า ก่อวริ ยิ าตระกลู9 เด็กหญงิ ชนาภา มฤคมาศ10 เด็กหญิงนิชา บวรหริ ญั ไพร11 เดก็ หญงิ ปภาดา วรนาถยนื ยง12 เด็กหญงิ รุ่งนภา มฤคมาศ13 เด็กหญิงสชุ ัญญา รงุ่ เกยี รติพนา14 เด็กหญงิ จันทรจ์ ิรา แก้วมา15 เด็กหญงิ สุภานนั ท์ แกว้ อินศรี ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์คาชแี้ จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลง ในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 3211. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษตั ริย์ ต่อโรงเรียน2. ซอื่ สตั ย์ สุจรติ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบัตติ ามหลกั ศาสนา3. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ตามท่ีโรงเรยี นจดั ข้นึ4. ใฝุเรยี นรู้ 2.1 ใหข้ อ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ ง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏิบตั ิในสงิ่ ท่ถี ูกต้อง5. อยอู่ ย่างพอเพียง 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว6. มุ่งมน่ั ในการ มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ทางาน 4.1 รูจ้ ักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม7. รักความเปน็ ไทย 4.3 เช่ือฟังคาสง่ั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง8. มจี ติ สาธารณะ 4.4 ตั้งใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และสิง่ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ ค่า 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพือ่ ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ ักการดแู ล รักษาทรพั ย์สมบัตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ 46 - 60 ดี 30 - 45 พอใช้ ต่ากวา่ 30 ปรับปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคลช่ือ ชนั้ …………...คาช้แี จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลง ในชอ่ งท่ตี รงกับระดับคะแนนลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3211 การแสดงความคิดเหน็2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผ้อู นื่3 การทางานตามหน้าท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย4 ความมีน้าใจ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ....................................................ผูป้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั 12 - 15 ดี 18 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาช้ีแจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการทก่ี าหนด แล้วขดี ลงใน ชอ่ งท่ีตรงกบั ระดบั คะแนนลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3211 นาเสนอเนือ้ หาในผลงานได้ถูกตอ้ ง2 การลาดบั ขั้นตอนของเนื้อเร่อื ง3 การนาเสนอมีความน่าสนใจ4 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ 12 - 15 ดี 18 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
ตวั อย่างข่าว สลด! ด.ญ. 12 ปี ถกู พ่ชี าย 3 คน ขม่ ขนื นานกวา่ 3 ปี พบเด็กหญิง วัย 12 ปี ท่ี จ.อ่างทอง ถูกพี่ชาย 3 คน ข่มขืนจนฉี่ไม่ออก ต้องไปหาหมอ ถามจนทราบถูก ลว่ งละเมิดทางเพศตัง้ แตอ่ ายุ 9 ปี ผ้สู อื่ ข่าวรายงานวา่ เม่ือเวลา 16.00 น. (16 เม.ย.) นายสิทธิ กะสุผล กานัน ต. บ้านแห อ.เมอื งอ่างทอง พาตวั เดก็ หญงิ เอ (นามสมมตุ )ิ อายุ 12 ปี นักเรยี นช้ัน ป.6 โรงเรยี นแหง่ หนง่ึ เป็นลูกบ้าน เขา้ แจ้งความที่ สภ.เมืองอ่างทองวา่ เด็กหญิงเอ ถูกพี่ชายท้งั สามคน ซ่ึงมีอายุ 17, 15 และ 13 ปี ท่ตี ดิ ยาเสพตดิ กัน ทุกคน บงั คบั ขม่ ขนื มาตลอดต้งั แต่อายุ 9 ขวบ โดยนายสิทธิ กล่าวว่า ด.ญ.เอ ได้พักอาศัยอยู่กับย่า เนื่องจากแม่ติดคุก พ่อไปมีเมียใหม่ และในวันน้ีตน ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าท่ีอนามัย ต.บ้านแห ว่า ด.ญ.เอ ถูกพี่ชายล่วงละเมิดทางเพศมาต้ังแต่อายุ 9 ขวบ ขณะยัง เรียน ช้ัน ป.3 จนล่าสุดมีอาการฉี่ไม่ออก และพาไปรักษาตัวท่ีอนามัย เจ้าหน้าท่ีตรวจพบว่ากระเพาะปัสสาวะ อักเสบ หลังจากจ่ายยาให้ไปแล้วหนูน้อยไม่ยอมกลับบ้าน มีอาการซึมเศร้า จึงปลอบประโลมและสอบถามจน ทราบว่า สาเหตุท่ีไม่กลา้ กลับบา้ นพักเน่ืองจากกลัวว่าจะถูกพ่ีทั้ง 3 คน ข่มขืนกระทาชาเรา เนื่องจากท่ีผ่านมาถูก พี่ชายท้ัง 3 คน ข่มขืนบ่อยครั้ง โดยถูกข่มขืนต้ังแต่อายุ 9 ปี ขณะอยู่ ป.3 หมออนามัยจึงตรวจร่างกายพบว่ามี รอ่ งรอยขม่ ขืนจริง จงึ ได้แจง้ ใหต้ นทราบเพอ่ื หาทางปูองกนั และช่วยเหลอื กานัน ต.บ้านแห อ.เมืองอ่างทอง กล่าว ต่อว่า จนกระท่ังล่าสุดช่วงสงกรานต์ ด.ญ.เอได้ถูกพี่ชาย ล่วงละเมิดจนกระทั่งมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตอ้ งมาหาหมอ จากนัน้ ตนจงึ ไดส้ อบถามจากเด็ก โดยเด็กกย็ อมรับ แต่ยังมีอาการหวาดกลัวจะถกู ทารา้ ย เนอ่ื งจาก ถูกพี่ชายบังคับไม่ให้เล่าเรื่องให้ใครฟัง จึงพามาแจ้งความดังกล่าว หลังรับแจ้งจึงส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ. อา่ งทอง เพ่อื เปน็ หลักฐาน จากนั้นจึงสอบเบื้องต้น ตารวจได้ประสานเจ้าหน้าท่ีกระทรวงพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ จ. อ่างทอง นาตัวหนูน้อยเหยื่อกามไปพักอาศัย เพ่ือฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บ้านพักเด็กและเยาวชน จ.อ่างทอง เป็น การช่วั คราว ก่อนประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพร่วมสอบสวนตามระเบียบ เพ่ือขออนุมัติออกหมายจับพี่ชายทั้ง 3 คนมาดาเนินคดตี ่อไปที่มา : http://news.sanook.com
บตั รภาพ ภาพการพดู จาแทะโลม ภาพจ้องมองของสงวนภาพลูบคลารา่ งกาย ภาพการบงั คบั ขืนใจ
แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4คาช้แี จง ให้นักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว1. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะการล่วงละเมิดทางเพศ 6. ถา้ นกั เรยี นถกู คนแปลกหนา้ กอดและลบู คลา ควรทา ก. แพรถูกคนแปลกหนา้ ยมิ้ ให้ อย่างไร ข. พิมพ์เดินสวนกบั คนแปลกหนา้ ก. เล่าให้เพอื่ นสนทิ ฟัง ค. พราวถูกคนแปลกหนา้ ทักทาย ข. เก็บเงียบไว้เพราะอาย ง. พลอยถกู คนแปลกหนา้ จบั มือ ค. รบี รอ้ งขอความชว่ ยเหลือ ง. ไม่ควรทาอะไร เพราะจะไดร้ บั อนั ตราย2. ข้อใดไมถ่ อื ว่าเป็นการล่วงละเมดิ ทางเพศ ก. ตม้ั พดู จาแทะโลมผ้หู ญงิ 7. สถานที่ใดเสย่ี งต่อการถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ ข. ตอ้ มแอบถ่ายใตก้ ระโปรงผหู้ ญิง ก. วดั ค. ตก๊ิ ถูกผชู้ ายจับก้นบนรถโดยสาร ข. บา้ น ง. ตนู เดนิ ชนกบั ผูช้ ายตรงปูายรถโดยสาร ค. โรงเรียน ง. สถานบนั เทิง3. เพ่ือนต่างเพศในขอ้ ใดทีไ่ ม่ควรคบ ก. ชวนไปเลน่ กฬี าตอนพักเท่ียง 8. ขอ้ ใดเป็นวิธปี ูองกันการถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ ข. พูดคยุ กบั เราด้วยความสภุ าพ ก. ไมพ่ ูดกับเพศตรงขา้ ม ค. ชอบมาสัมผสั เนอื้ ตวั ของเรา ข. ไม่ไปเทีย่ วกับคนแปลกหนา้ ง. ช่วยเหลือในการทางานตา่ งๆ ค. คบเพอื่ นทเ่ี ท่ยี วตอนกลางคนื ง. หลีกเลี่ยงกินอาหารโตะ๊ เดยี วกับผู้ใหญ่4. พฤตกิ รรมของใครเส่ยี งตอ่ การถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ ก. ปองนั่งอยู่ในบ้านคนเดียว 9. ใครแตง่ กายยั่วยุอารมณท์ างเพศมากทสี่ ุด ข. ปรายนุ่งกางเกงขาสั้นไปตลาด ก. แนนสวมเสอ้ื แขนยาว ค. ปุูมยืนรอรถอยู่ท่ปี าู ยรถโดยสาร ข. ดาสวมกระโปรงคลมุ เข่า ง. ปรางไปซ้ือของท่ีร้านขายของเกา่ ค. พลอยสวมเสอ้ื คอกวา้ ง ง. เดอื นสวมเสอ้ื กันหนาว5. ข้อใดคือการล่วงละเมดิ ทางเพศทางการกระทาที่ชัด แจง้ 10. บุคคลใดมพี ฤตกิ รรมท่นี าไปสูก่ ารล่วงละเมดิ ทางเพศ ก. ขม่ ขืน ก. กอ้ งชอบดมื่ สุรา ข. จ้องมองของสงวน ข. กุ้งชอบไปทาบญุ ทว่ี ัด ค. ถ่ายภาพลามก อนาจาร ค. ก้อยชอบอา่ นหนงั สือ ง. พดู กระตนุ้ อารมณท์ างเพศ ง. แก้วซือ้ ขนมมาฝากเพ่อื น มฐ. พ 2.1 ป.3/3 ได้คะแนน คะแนน 10เฉลย 1. ง 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก 6. ค 7. ง 8. ข 9. ค 10. ก
แผนการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 เร่อื ง การลว่ งละเมดิ ทางเพศ จานวน 4 ชว่ั โมงแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่ือง พฤตกิ รรมทนี่ าไปสู่การถกู ลว่ งละเมิดทางเพศและวิธหี ลกี เล่ยี งพฤติกรรมทีน่ าไปสู่การถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ จานวน 2 ชั่วโมงกลุ่มสาระการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษาชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31ครผู ้สู อน นางสาวอรณัชชา เจริญสขุสอนวันองั คาร ท่ี 31 เดอื น กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.สอนวันอังคาร ที่ 7 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.1. สาระสาคญั การถูกล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นจากการมีพฤติกรรมต่างๆ การล่วงละเมิดทางเพศเป็นความรุนแรงทางเพศท่สี ามารถหลีกเล่ยี งได้ โดยใชว้ ธิ ีปอู งกนั ตนเองให้ถูกตอ้ ง เหมาะสม และปลอดภัย2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ัดช้นั ปี/ผลการเรยี นร้/ู เปาู หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดาเนินชีวติ ตัวช้ีวัด พ 2.1 ป.3/3 บอกวธิ หี ลีกเล่ยี งพฤติกรรมท่นี าไปส่กู ารถูกล่วงละเมิดทางเพศ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) บอกวิธีหลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมท่นี าไปสู่การถูกลว่ งละเมิดทางเพศ3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge - พฤติกรรมที่นาไปสกู่ ารถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ เชน่ การแตง่ กาย การเท่ียวกลางคืน การ คบเพ่อื น การเสพสารเสพตดิ - วธิ หี ลีกเล่ียงพฤติกรรมทีน่ าไปสูก่ ารถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ (ทักษะการปฏเิ สธ และอ่นื ๆ) 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1. นักเรียนสามารถบอกวธิ ีหลกี เล่ยี งพฤติกรรมทนี่ าไปสกู่ ารถูกลว่ งละเมิดทางเพศได้ 3.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude 1. มคี วามรบั ผดิ ชอบ 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มจี ิตสาธารณะ4. สมรรถนะสาคัญของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการคดิ 1) ทกั ษะการสารวจค้นหา 2) ทักษะการนาความรู้ไปใช้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต5. คุณลักษณะของวชิ า - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
6. คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. ใฝุเรยี นรู้ 2. มุง่ มั่นในการทางาน 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ7. ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 4.2 เรอ่ื ง วธิ หี ลกี เลยี่ งพฤตกิ รรมทนี่ าไปสกู่ ารถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ8. กจิ กรรมการเรียนรู้ช่ัวโมงที่ 1ข้นั นา 1. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ ลกั ษณะการแตง่ กายอย่างไร ทม่ี โี อกาสเส่ยี งตอ่ การถกูล่วงละเมดิ ทางเพศ 2. ครูนาบัตรภาพสถานท่ีทไี่ ม่ควรอยู่ตามลาพังกับเพศตรงข้าม หรือสถานที่ทีไ่ ม่ปลอดภยั มาให้นกั เรียนดู แล้วให้ชว่ ยกันแสดงความคดิ เหน็ขน้ั สอน 1. นักเรยี นรวมกลุม่ รว่ มกนั ศึกษาความร้เู รอื่ ง พฤติกรรมที่นาไปสู่การถูกลว่ งละเมิดทางเพศ จากหนงั สือเรียน หรอื แหลง่ ข้อมลู สารสนเทศ 2. ครูเปดิ วซี ดี ขี ่าวการถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศให้นกั เรยี นดู 3. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับเนื้อหาข่าวท่ีได้ดูจากวีซีดี ตามประเด็นท่ีกาหนด ดงั น้ี 1) สาเหตหุ รือปจั จยั เสีย่ งท่นี าไปสกู่ ารถกู ล่วงละเมิดทางเพศ 2) ผลกระทบทีเ่ กดิ ขึ้นจากการถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศ 4. นกั เรียนจดบันทึกผลการวเิ คราะห์ของสมาชิกกลุ่มตามประเด็นที่กาหนดลงในสมุดขั้นสรปุ 1. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด การเสพสารเสพติดเป็นพฤติกรรมท่ีนาไปสู่การ ลว่ งละเมดิ ทางเพศได้อย่างไร 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสาเหตุหรือปัจจัยเส่ียงท่ีนาไปสู่การถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ และผลกระทบท่เี กดิ ขึน้ จากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ 3. ตวั แทนของแต่ละกล่มุ ออกมานาเสนอผลการสรุปข้อมูลจากขา่ วการถูกล่วงละเมิดทางเพศหน้าช้นั เรียน 4. ครูอธิบายเก่ียวกับพฤติกรรมท่ีนาไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ให้นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจ 5. ครูประเมินผลนักเรียนจากการแสดงความคิดเห็นและสรุปข้อคิดท่ีได้รับจากการ วิเคราะห์ขา่ วการถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ 6. นักเรยี นแตล่ ะคนทาใบงานท่ี 4.1 เรื่อง พฤติกรรมเส่ยี งทน่ี าไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศ เสร็จแลว้ นาสง่ ครตู รวจ 7. ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกกิจกรรมท่ี 1 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจในชวั่ โมงถัดไป
ช่ัวโมงท่ี 2ขน้ั นา 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1-2 1. เมอ่ื นกั เรยี นไดด้ ูรายการข่าวทีน่ าเสนอเร่ืองราวของการถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ นักเรียนมคี วามคิดเหน็ อย่างไร 2. ถ้าเพ่ือนชวนดูคลิปลามก นกั เรยี นจะดูหรือไม่ เพราะเหตุใด 2. ครูนาตัวอย่างบทสนทนาในสถานการณ์เส่ียงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ มาอ่านให้นักเรียนฟัง จากนน้ั สุม่ เรยี กนกั เรยี นสนทนาโต้ตอบทลี ะบทสนทนา เช่น 1) อย่บู า้ นคนเดยี วเหงาละซิ ใหพ้ เี่ ขา้ ไปเล่นในบ้านเปน็ เพือ่ นดีไหมจ๊ะ 2) เราลืมของไว้ในบ้าน เขา้ ไปหยบิ ของเปน็ เพ่อื นเราหน่อยสิจ๊ะ 3) กลบั บา้ นคนเดียวเหรอ ใหน้ า้ ไปสง่ ที่บ้านดีไหมจะ๊ 3. ครูให้นักเรียนคนอื่นช่วยกันพิจารณาคาโต้ตอบของนักเรียน ที่ครูสุ่มเรียก จากน้ันช่วยกันจัดกลุ่มบทสนทนาโต้ตอบของเพ่ือนท่ีมีความเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ พร้อมแสดงเหตุผลประกอบขัน้ สอน 1. นักเรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ข้อ 1-2 1.หากมคี นลวนลามนักเรียนบนรถโดยสารประจาทาง นักเรียนควรทาอยา่ งไร 2. นักเรยี นคิดวา่ ในปจั จบุ ันการถูกลว่ งละเมิดทางเพศในเดก็ สามารถเกิดขน้ึ ได้กับเพศใด 2. นักเรียนกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง วิธีหลีกเล่ียงพฤติกรรมที่นาไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศ จากหนงั สอื เรียน 3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนาความรู้ที่ได้จากการศึกษาเก่ียวกับวิธีหลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีนาไปสู่การถูกล่วงละเมดิ ทางเพศมาอภิปรายรว่ มกนั ภายในกล่มุ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอตัวอย่างวิธีหลีกเล่ียงพฤติกรรมที่นาไปสู่การถูกลว่ งละเมดิ ทางเพศหนา้ ชน้ั เรยี น ครูคอยอธิบายเพิ่มเติมในสว่ นท่ยี ังมขี ้อบกพรอ่ ง 5. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาตัวอย่างการใช้ทักษะการปฏิเสธและทักษะการต่อรองในการหลีกเลี่ยงจากสถานการณเ์ สยี่ งต่อการถกู ล่วงละเมิดทางเพศ จากเอกสารประกอบการสอน 6. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทาใบงานท่ี 4.2 เรื่อง วิธีหลีกเล่ียงพฤติกรรมท่ีนาไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศ 7. เม่อื นกั เรียนแต่ละคนทาใบงานที่ 4.2 เสร็จแล้ว ให้จบั คกู่ บั เพื่อน ผลัดกันอธิบายคาตอบของตนให้เพือ่ นฟงั 8. นกั เรียนรวมกลุ่มเดิม (4 คน) แลว้ ผลัดกันอธิบายคาตอบในใบงานที่ 4.2 ของคู่ตนให้เพ่ือนอีกคู่หนึ่งฟงั เสรจ็ แล้วร่วมกันสรุปคาตอบในใบงาน และเกบ็ รวบรวมใบงานส่งครู 9. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนมีวิธีการดูแลตนเองอย่างไรท่ีจะไม่ทาให้เกิดโอกาสเสีย่ งตอ่ การถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศได้ขน้ั สรปุ 1. ครตู รวจสอบความร้คู วามเข้าใจของนักเรียนจากการทาใบงานท่ี 4.2 2. ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกกิจกรรมท่ี 2 จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจในช่วั โมงถัดไป
ครมู อบหมายให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มแสดงบทบาทสมมตุ ิ โดยคดิ สถานการณ์ทเ่ี ส่ียงต่อการถูกลว่ ง ละเมดิ ทางเพศ กล่มุ ละ 1 สถานการณ์ และบอกวิธกี ารปฏิบตั ิตนท่ปี ลอดภัยจากเหตุการณน์ ัน้ โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ตามท่กี าหนด ดังน้ี 1) การกาหนดสถานการณ์ทเ่ี สย่ี งตอ่ การถกู ล่วงละเมิดทางเพศ 2) การบอกวิธีหลกี เลย่ี งพฤติกรรมท่นี าไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศ 3) การแสดงบทบาทสมมุติ9. ส่ือการเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสอื เรียน สุขศกึ ษาและพลศึกษา ป.3 2. เอกสารประกอบการสอน 3. วีดีโอขา่ วการถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ 4. บัตรภาพ 5. ใบงานที่ 4.1 เร่อื ง พฤติกรรมเสย่ี งทนี่ าไปสกู่ ารถกู ลว่ งละเมิดทางเพศ 6. ใบงานที่ 4.2 เร่อื ง วธิ หี ลีกเลยี่ งพฤติกรรมท่นี าไปสู่การถูกลว่ งละเมิดทางเพศ10. การวัดผลและประเมนิ ผล วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 4.1 ใบงานท่ี 4.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สังเกตความรับผดิ ชอบ ใฝุเรยี นรู้ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์และรักความเป็นไทย
บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ผลการสอน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื ......................................................... (นางสาวอรณชั ชา เจรญิ สขุ ) ครผู ูส้ อนขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ .......................................................... (นางสาวจติ ตานาถ เทพวงศ์) ครพู ่ีเล้ยี งขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื .......................................................... ( นางวลิ าวลั ย์ ปาลี ) ผ้อู านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงใน ช่อง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนนลาดับ ชือ่ – สกุล ความมีวนิ ยั ความมนี า้ ใจ การรับฟงั การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผรู้ บั การ 321 เออ้ื เฟื้อ ความคดิ เห็น ความคิดเห็น เวลา 15 เสยี สละ คะแนน ประเมิน 321 321 321 3211 เด็กหญิงทิพปภา แสนวงั ทอง2 เด็กชายธีรพงศ์ เสริมวฒุ กิ ล้า3 เดก็ ชายนริ ุช รัตนมานะชยั4 เดก็ ชายปุณยวีร์ เกอ้ื กุลประดิษฐ์5 เด็กชายศภุ กฤต ไพรฑรู ยศ์ รีทอง6 เด็กชายจิรวัชร โกศลประทปี7 เด็กหญงิ กัลยา กมลชอบวิริยะ8 เด็กหญงิ กลุ นดิ า ก่อวริ ยิ าตระกลู9 เด็กหญงิ ชนาภา มฤคมาศ10 เด็กหญิงนิชา บวรหริ ญั ไพร11 เดก็ หญงิ ปภาดา วรนาถยนื ยง12 เด็กหญงิ รุ่งนภา มฤคมาศ13 เด็กหญิงสชุ ัญญา รงุ่ เกยี รติพนา14 เด็กหญงิ จันทรจ์ ิรา แก้วมา15 เด็กหญงิ สุภานนั ท์ แกว้ อินศรี ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์คาชแี้ จง : ให้ ผ้สู อน สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลง ในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 3211. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ กษตั ริย์ ต่อโรงเรียน2. ซอื่ สตั ย์ สุจรติ 1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาท่ตี นนบั ถือ ปฏิบัตติ ามหลกั ศาสนา3. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ 1.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมทเี่ กยี่ วกับสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ตามท่ีโรงเรยี นจดั ข้นึ4. ใฝุเรยี นรู้ 2.1 ใหข้ อ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ ง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏิบตั ิในสงิ่ ท่ถี ูกต้อง5. อยอู่ ย่างพอเพียง 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว6. มุ่งมน่ั ในการ มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ ในชีวติ ประจาวนั ทางาน 4.1 รูจ้ ักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนาไปปฏิบัตไิ ด้ 4.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาให้เหมาะสม7. รักความเปน็ ไทย 4.3 เช่ือฟังคาสง่ั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ย้ง8. มจี ติ สาธารณะ 4.4 ตั้งใจเรียน 5.1 ใชท้ รัพย์สนิ และสิง่ ของของโรงเรียนอย่างประหยดั 5.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรคู้ ณุ ค่า 5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานท่ีได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพือ่ ใหง้ านสาเร็จ 7.1 มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู างาน 8.2 รจู้ ักการดแู ล รักษาทรพั ย์สมบัตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ 46 - 60 ดี 30 - 45 พอใช้ ต่ากวา่ 30 ปรับปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคลช่ือ ชนั้ …………...คาช้แี จง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลง ในชอ่ งท่ตี รงกับระดับคะแนนลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3211 การแสดงความคิดเหน็2 การยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผ้อู นื่3 การทางานตามหน้าท่ีท่ีได้รบั มอบหมาย4 ความมีน้าใจ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ....................................................ผูป้ ระเมนิ ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั 12 - 15 ดี 18 - 11 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาช้ีแจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการทก่ี าหนด แล้วขดี ลงใน ชอ่ งท่ีตรงกบั ระดบั คะแนนลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3211 นาเสนอเนือ้ หาในผลงานได้ถูกตอ้ ง2 การลาดบั ขั้นตอนของเนื้อเร่อื ง3 การนาเสนอมีความน่าสนใจ4 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องบางส่วน ให้ 1 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ 12 - 15 ดี 18 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ิ การปฏิบัตติ นให้ปลอดภยั จากการถูกล่วงละเมดิ ทางเพศรายการประเมนิ คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ / ระดบั คะแนน ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)1. การกาหนด กาหนดสถานการณท์ ีน่ าไปสู่ กาหนดสถานการณ์ที่นาไปสู่ กาหนดสถานการณ์ทน่ี าไปสู่ สถานการณท์ ่เี สยี่ ง การถกู ล่วงละเมิดทางเพศได้ การถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศได้ การถกู ล่วงละเมิดทางเพศได้ ตอ่ การถกู ล่วง สมเหตุสมผล และมีความ สมเหตุสมผล และมีความ แตไ่ มส่ มเหตสุ มผล และมี ละเมดิ ทางเพศ เป็นไปไดใ้ นการเกดิ สถานการณ์ เป็นไปได้ในการเกดิ สถานการณ์ ความเปน็ ไปไดใ้ นการเกดิ ดงั กล่าวสูง ดังกล่าวปานกลาง สถานการณ์ดงั กล่าวนอ้ ย2. การบอกวธิ ี บอกวธิ ีหลกี เลย่ี งพฤติกรรม บอกวิธีหลกี เลยี่ งพฤติกรรม บอกวธิ หี ลกี เลยี่ งพฤติกรรม ที่นาไปสูก่ ารถูกล่วงละเมดิ ทนี่ าไปสกู่ ารถกู ลว่ งละเมดิหลีกเลยี่ งพฤตกิ รรม ทนี่ าไปสู่การถูกล่วงละเมดิ ทางเพศได้ถูกตอ้ งเหมาะสม ทางเพศได้ถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่ นาไปปฏิบตั ไิ ด้ยาก แตม่ คี วาม ค่อยเหมาะสม นาไปปฏบิ ตั ิทีน่ าไปสกู่ ารถูกล่วง ทางเพศไดถ้ กู ต้องเหมาะสม ปลอดภัยสงู ได้ยากและมคี วามปลอดภยั นอ้ ยละเมดิ ทางเพศ นาไปปฏบิ ตั ิได้ง่ายและ แสดงบทบาทสมมตุ ไิ ด้ตรง ประเดน็ แตไ่ ม่ค่อยสมจรงิ แสดงบทบาทสมมุตไิ ม่ตรง มคี วามปลอดภัยสงู วางตัวนักแสดงไม่ค่อย ประเด็น แต่วางตวั นกั แสดง เหมาะสม ไดเ้ หมาะสม3. การแสดงบทบาท แสดงบทบาทสมมตุ ไิ ด้ตรง สมมตุ ิ ประเด็น มีความสมจริง วางตัว นักแสดงได้เหมาะสมช่วงคะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ต่ากวา่ 5ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรุง 8-9 5-7 ดี พอใช้
บตั รภาพ ภาพถนนทางเปลยี่ ว ภาพหอ้ งนอนภาพสถานบนั เทิง ภาพโรงภาพยนตร์
ใบงานที่ 4.1 พฤติกรรมเส่ยี งที่นาไปสกู่ ารถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศตอนท่ี 1คาชแี้ จง ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ 1. การลว่ งละเมดิ ทางเพศ สามารถจาแนกออกเปน็ กี่ประเภท อะไรบ้าง 2. พฤติกรรมท่ีนาไปส่กู ารถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ มีอะไรบา้ งตอนท่ี 2คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนขดี หน้าข้อความท่ีเปน็ พฤติกรรมท่นี าไปสู่การถกู ล่วงละเมิดทางเพศ 1) ออมโดนโจรกระชากสรอ้ ยตอนเดินจา่ ยตลาด 2) เอกขี่รถจกั รยานยนต์ปาดหน้ารถสิบลอ้ 3) ก้อยเดินตามคนแปลกหน้าไปเอาขนมทร่ี ถตามคาชวน 4) แกว้ ออกไปเที่ยวสถานบนั เทงิ กับเพ่ือนผชู้ ายในตอนกลางคืน 5) มดซอ้ื ขนมจากร้านขายของชาท่ีมาเปิดใหม่ 6) ทรายใส่กางเกงขาสัน้ เส้อื สายเด่ียวออกไปซื้อของ 7) เกดรบั นา้ อัดลมจากคนแปลกหน้า เพราะกระหายนา้ มาก 8) กลา้ เดนิ หนจี ากกล่มุ เพ่ือนที่กาลงั สบู บุหรี่อยู่
ใบงานที่ 4.1 พฤตกิ รรมเสี่ยงที่นาไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศตอนท่ี 1คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนี้ 1. การลว่ งละเมดิ ทางเพศ สามารถจาแนกออกเป็นก่ีประเภท อะไรบ้าง การลว่ งละเมดิ ทางเพศ สามารถจาแนกออกเปน็ 3 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) การใชค้ าพดู 2) การกระทาทไ่ี ม่ถูกเนือ้ ตอ้ งตวั 3) การกระทาท่ถี ูกเนอ้ื ตอ้ งตวั 2. พฤติกรรมที่นาไปส่กู ารถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ มีอะไรบา้ ง พฤติกรรมท่ีนาไปสกู่ ารถกู ล่วงละเมิดทางเพศ ไดแ้ ก่ การแตง่ กายทไ่ี ม่รัดกุม โป๊ การเที่ยวในเวลากลางคืน การอยู่ตามลาพังกับคนแปลกหนา้ การเสพสารเสพตดิ การคบเพอื่ นทไ่ี มด่ ี (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยให้อยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)ตอนท่ี 2คาชแ้ี จง ให้นักเรียนขีด หน้าข้อความท่ีเป็นพฤติกรรมท่นี าไปส่กู ารถูกล่วงละเมิดทางเพศ 1) ออมโดนโจรกระชากสรอ้ ยตอนเดินจา่ ยตลาด 2) เอกข่รี ถจักรยานยนตป์ าดหน้ารถสิบล้อ 3) ก้อยเดินตามคนแปลกหนา้ ไปเอาขนมทร่ี ถตามคาชวน 4) แกว้ ออกไปเทีย่ วสถานบันเทิงกับเพื่อนผู้ชายในตอนกลางคืน 5) มดซื้อขนมจากรา้ นขายของชาทม่ี าเปิดใหม่ 6) ทรายใส่กางเกงขาส้นั เสื้อสายเดย่ี วออกไปซื้อของ 7) เกดรับนา้ อัดลมจากคนแปลกหน้า เพราะกระหายน้ามาก 8) กล้าเดนิ หนจี ากกลมุ่ เพื่อนที่กาลังสบู บหุ รีอ่ ยู่
เอกสารประกอบการสอน ตัวอย่างการใชท้ กั ษะการปฏิเสธและทักษะการตอ่ รองในการหลีกเลย่ี งจากสถานการณเ์ สยี่ งต่อการถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศ การพูดปฏเิ สธ เมอ่ื มผี ูอ้ น่ื มาขอกอดหรือหอมตัวเรา หนูน่ารักจัง ไมไ่ ด้ค่ะขอลุงกอดไดไ้ หมจ๊ะ เพราะแมส่ ัง่ ห้ามไว้ค่ะการพูดปฏิเสธ เมือ่ มคี นแปลกหนา้ ใหส้ งิ่ ของหรือให้อาหาร ขอบคุณครบั แต่ไมเ่ อาครับ หนกู นิ ขนมไหมจ๊ะ ผมยงั ไมห่ วิ อรอ่ ยนะ ไม่ครับ ผมต้องรบี ท่าการพูดต่อรอง เพ่ือหลกี เลย่ี งหรือถว่ งเวลา การบ้านครับ พ่อแมไ่ มอ่ ยูบ่ า้ นเหรอ แลว้ พ่อแมโ่ ทรมาบอกวา่ ไปเท่ียวเลน่ บา้ นน้า จะมาถึงบา้ นแลว้ ครบั ก่อนไหม
ใบงานท่ี วิธีหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่นำไปสู่ 4.2 กำรถกู ล่วงละเมิดทำงเพศคาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ี ในตอนเยน็ วันหน่ึงหลงั เลิกเรียน ขณะท่ชี มพู่กาลังน่งั รอพ่อแมม่ ารบั ท่ีโรงเรียน ไดม้ ีผู้ชายคน หนง่ึ เดนิ เขา้ มาทกั ทายพร้อมกับชวนคุยอย่างสนิทสนม เขาเล่าให้ฟังวา่ เขาเป็นเพ่ือนสนิทสมัยเรยี น ของพอ่ ชมพูซ่ ึง่ ไม่ได้พบกันนานแล้ว ชายผนู้ นั้ เลา่ ถึงความสนทิ สนมของเขากบั พ่อของเธอ จนทาให้ ชมพูห่ ลงเชอ่ื และยอมพูดคยุ ด้วยความไว้ใจ ต่อมา ชายผู้นั้นบอกว่าเขาจะพาชมพู่ไปเท่ียวห้างสรรพสินค้า หากชมพู่ตกลง เขาจะซ้ือ เสอ้ื ผ้า ของเล่นตา่ งๆ ท่ีเธออยากได้ให้อกี ดว้ ย เมื่อได้ยินดังน้ัน ชมพู่กต็ กลงแล้วเดินไปข้ึนรถของชาย ผู้นั้น ซ่ึงจอดไว้ด้านหลังโรงเรียน ที่ไม่มีผู้คน เมื่อไปถึงชายผู้น้ันกลับดึงมือชมพู่ไว้และให้เธอเข้ามา ใกล้ๆ พร้อมกับบอกว่าเขาเห็นชมพู่แล้วรู้สึกคิดถึงลูกของเขา เขาจะขอกอด จูบ และหอมชมพู่บ้าง ไดไ้ หม ชมพ่รู ้สู กึ งงและไม่รู้จะทาอย่างไร1.จากเร่ืองที่อา่ น นักเรียนคิดว่า ชมพ่มู พี ฤตกิ รรมเสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่ เพราะเหตุใด2.นักเรยี นคิดว่า จะเกดิ อะไรขึน้ กับชมพู่3.ถ้านกั เรียนเปน็ ชมพู่ นกั เรยี นจะมวี ิธกี ารหลีกเล่ยี งพฤติกรรมที่จะนาไปสู่การถกู ลว่ งละเมิดทางเพศน้ี ไดอ้ ยา่ งไร
แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว1. ใครแตง่ กายย่ัวยุอารมณท์ างเพศมากทส่ี ดุ 6. พฤติกรรมของใครเส่ียงต่อการถกู ล่วงละเมิดทางเพศ ก. เดือนสวมเสอ้ื กันหนาว ก. ปรางไปซอื้ ของท่ีร้านขายของเกา่ ข. พลอยสวมเส้ือคอกวา้ ง ข. ปูมุ ยนื รอรถอยู่ท่ปี าู ยรถโดยสาร ค. ดาสวมกระโปรงคลมุ เขา่ ค. ปรายนุ่งกางเกงขาส้ันไปตลาด ง. แนนสวมเส้ือแขนยาว ง. ปองนง่ั อยใู่ นบา้ นคนเดียว2. สถานทใ่ี ดเสย่ี งตอ่ การถูกล่วงละเมดิ ทางเพศ 7. เพือ่ นตา่ งเพศในข้อใดที่ไมค่ วรคบ ก. สถานบันเทงิ ก. ชวนไปเล่นกฬี าตอนพกั เทย่ี ง ข. โรงเรยี น ข. ชอบมาสมั ผสั เนอ้ื ตัวของเรา ค. บ้าน ค. พดู คยุ กบั เราด้วยความสภุ าพ ง. วดั ง. ชว่ ยเหลือในการทางานต่างๆ3. บุคคลใดมพี ฤตกิ รรมทนี่ าไปสูก่ ารลว่ งละเมดิ ทางเพศ 8. ข้อใดคือการล่วงละเมดิ ทางเพศทางการกระทาที่ชดั ก. กอ้ งชอบดมื่ สุรา แจง้ ข. กอ้ ยชอบอ่านหนังสอื ก. พดู กระต้นุ อารมณท์ างเพศ ค. กงุ้ ชอบไปทาบุญท่วี ัด ข. ถ่ายภาพลามก อนาจาร ง. แก้วซื้อขนมมาฝากเพื่อน ค. จ้องมองของสงวน ง. ข่มขืน4. ถ้านกั เรียนถกู คนแปลกหน้ากอดและลบู คลา ควรทา อยา่ งไร 9. ขอ้ ใดเป็นลักษณะการลว่ งละเมดิ ทางเพศ ก. ไม่ควรทาอะไร เพราะจะได้รบั อันตราย ก. แพรถูกคนแปลกหนา้ ยม้ิ ให้ ข. รบี ร้องขอความช่วยเหลือ ข. พราวถูกคนแปลกหนา้ ทกั ทาย ค. เก็บเงียบไวเ้ พราะอาย ค. พมิ พ์เดนิ สวนกับคนแปลกหน้า ง. เลา่ ใหเ้ พ่อื นสนทิ ฟัง ง. พลอยถูกคนแปลกหนา้ จับมอื5. ข้อใดเปน็ วิธปี ูองกันการถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ 10. ขอ้ ใดไมถ่ ือวา่ เปน็ การลว่ งละเมดิ ทางเพศ ก. หลกี เล่ยี งกนิ อาหารโต๊ะเดยี วกับผใู้ หญ่ ก. ตูนเดินชนกับผชู้ ายตรงปาู ยรถโดยสาร ข. คบเพือ่ นทเี่ ที่ยวตอนกลางคืน ข. ตก๊ิ ถกู ผชู้ ายจบั กน้ บนรถโดยสาร ค. ไมไ่ ปเท่ยี วกับคนแปลกหนา้ ค. ตอ้ มแอบถ่ายใตก้ ระโปรงผูห้ ญิง ง. ไม่พดู กับเพศตรงขา้ ม ง. ตม้ั พูดจาแทะโลมผู้หญงิ มฐ. พ 2.1 ป.3/3 ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็ 10เฉลย 1. ข 2. ก 3. ก 4. ข 5. ค 6. ค 7. ข 8. ง 9. ง 10. ก
แผนการจดั การเรยี นรู้หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 เรื่อง โรคควรรู้ จานวน 4 ชว่ั โมงแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง ประเภทของโรค การแพร่กระจายของโรค และวิธีปูองกนั การแพรก่ ระจายของโรค จานวน 4 ช่วั โมงกล่มุ สาระการเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษาชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31ครูผสู้ อน นางสาวอรณัชชา เจริญสุขสอนวันอังคาร ที่ 14 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.สอนวนั อังคาร ท่ี 21 เดอื น สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.สอนวันอังคาร ท่ี 28 เดอื น สงิ หาคม พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.สอนวนั อังคาร ท่ี 4 เดอื น กนั ยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.50 น. - 15.40 น.1. สาระสาคญั โรคต่างๆ ท่ีทาให้เราเจ็บปุวย ประกอบด้วย โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ เชื้อโรคของโรคติดต่อสามารถติดตอ่ และแพรก่ ระจายมาสู่คนโดยทางตรงได้ การแพร่กระจายของโรคโดยทางอ้อมเป็นการท่ีเช้ือโรคแพร่จากแหล่งหนึ่งไปสู่อีกแหล่งหนึ่งโดยมีพาหะเป็นตัวนาเช้ือโรค การปูองกันการแพร่กระจายของโรคสามารถปฏิบัติไดห้ ลายวิธี2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ดั ช้ันปี/ผลการเรียนรู้/เปาู หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดาเนินชวี ติ ตวั ช้วี ดั พ 4.1 ป.3/1 อธบิ ายการติดต่อและวิธกี ารปอู งกนั การแพร่กระจายของโรค จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) จาแนกประเภทของโรคได้ 2) อธบิ ายการติดต่อและการแพร่กระจายของโรคโดยทางตรงได้ 3) อธิบายการตดิ ต่อและการแพรก่ ระจายของโรคโดยทางอ้อมได้ 4) อธิบายวธิ ปี ูองกนั การแพร่กระจายของโรคได้3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge - ประเภทของโรค - การติดต่อและการแพร่กระจายของโรค - วธิ ีการปอู งกนั การแพร่กระจายของโรค 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1. นกั เรยี นสามารถจาแนกประเภทของโรคได้ 2. นกั เรียนสามารถอธบิ ายการตดิ ตอ่ และการแพรก่ ระจายของโรคโดยทางตรงได้ 3. นักเรยี นสามารถอธบิ ายการติดต่อและการแพรก่ ระจายของโรคโดยทางอ้อมได้จาแนกประเภทของโรคได้ 4. นักเรยี นสามารถอธิบายวิธปี อู งกนั การแพร่กระจายของโรคได้
3.3 คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ : Attitude 1. มีความรบั ผิดชอบ 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มุง่ มั่นในการทางาน4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการสารวจคน้ หา 2) ทักษะการนาความรู้ไปใช้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม6. คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ 1. มคี วามรับผิดชอบ 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง ประเภทของโรค 2. ใบงานท่ี 5.2 เรอ่ื ง การแพร่กระจายของโรคโดยทางตรง 3. ใบงานที่ 5.3 เรอ่ื ง การแพรก่ ระจายของโรคโดยทางออ้ ม 4. ใบงานท่ี 5.4 เรื่อง วิธปี ูองกันการแพร่กระจายของโรค8. กจิ กรรมการเรียนรู้ชวั่ โมงท่ี 1ขั้นนา 1. ครใู หน้ ักเรียนช่วยกันบอกชื่อโรคทร่ี จู้ กั แล้วครูเขยี นบนกระดาน จากน้นั ถามนกั เรยี นว่า แตล่ ะโรคมีอาการอย่างไร และแบ่งกลมุ่ โรคได้กปี่ ระเภท 2. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรยี นคดิ วา่ เม่ือเข้าฤดฝู นจะเกดิ โรคชนิดใดได้มากที่สุด เพราะเหตใุ ดขั้นสอน 1. ครแู บ่งนกั เรยี นเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ 4 คน คละกนั ตามความ สามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่ง ปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน แล้วให้แต่ละกลุ่มจับคู่กันเป็น 2 คู่ ให้แต่ละคู่ศึกษาความรู้เรื่องประเภทของโรค จากหนังสือเรยี น ดงั น้ี - คูท่ ี่ 1 ศกึ ษาความรู้เรอื่ ง โรคติดตอ่ - คทู่ ี่ 2 ศึกษาความรูเ้ ร่อื ง โรคไมต่ ิดตอ่ แลว้ บันทึกความรู้ทไี่ ดศ้ ึกษาลงในแบบบันทึกการอา่ น 2. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (4 คน) ให้แต่ละคู่ผลัดกันอธิบายความรู้เรื่องท่ีตนศึกษาให้เพ่ือนอีกคู่หนึ่งฟัง และซกั ถามข้อสงสยั จนสมาชิกทุกคนมคี วามเขา้ ใจตรงกนั 3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันทาใบงานที่ 5.1 เร่อื ง ประเภทของโรค
4. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด เพราะเหตุใด โรคไข้เลือดออกจึงเป็นโรคติดต่อ (เพราะเปน็ โรคท่ีเกิดจากเชื้อโรค ซง่ึ เป็นเชอ้ื โรคท่แี พรก่ ระจายจากสตั ว์ไปส่คู น) 5. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรยี นฟังว่า โรคต่างๆ ที่ทาให้เราเจ็บปุวยสามารถแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2ประเภท คือ โรคตดิ ตอ่ และโรคไม่ตดิ ต่อ พรอ้ มกบั ยกตัวอย่างโรคแต่ละประเภทขน้ั สรุป 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันเฉลยคาตอบในใบงานท่ี 5.1 2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปความรเู้ รอื่ ง ประเภทของโรคชั่วโมงท่ี 2ขั้นนา 1. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคดิ อวัยวะสว่ นใดท่ีเป็นส่วนที่รับเช้ือโรคทางตรง (มือ ผิวหนังจมูก ปาก) 2. ครูนาบัตรคาช่ือโรคต่างๆ มาตดิ บนกระดานหนา้ ชน้ั เรียน 3. ครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันบอกว่า โรคดังกล่าวเกดิ จากการแพรก่ ระจายโดยทางตรงวิธใี ด 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจว่า การแพร่กระจายโดยทางตรง เป็นการที่เช้ือโรคแพร่กระจายจากแหลง่ หน่งึ ไปสอู่ ีกแหลง่ หน่งึ โดยไมม่ สี อ่ื กลางหรอื พาหะเป็นตวั นาไปขนั้ สอน 1. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันกาหนดหมายเลขประจาตัวสมาชิกกลุ่มเป็นหมายเลข 1-3 แล้วแบ่งหน้าที่กันศึกษาและสืบค้นความรู้เรื่อง การแพร่ กระจายของโรคโดยทางตรง จากหนังสือเรียนหรอื บทเรยี น ตามประเด็นที่กาหนด ดงั น้ี - สมาชิกหมายเลข 1 ศึกษาความรู้เก่ียวกับการแพร่กระจายโดยทางตรง : สัมผัสกับผวิ หนังผู้ปุวย - สมาชิกหมายเลข 2 ศึกษาความรู้เก่ียวกับการแพร่กระจายโดยทางตรง : สัมผัสกับดินหรอื สงิ่ ปฏิกูลทม่ี เี ชอื้ โรค - สมาชิกหมายเลข 3 ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการแพร่กระจายโดยทางตรง : สัมผัสกับละอองน้ามูก น้าลาย จากการไอ จาม 2. สมาชิกแต่ละคนนาข้อมลู ทไี่ ดม้ าอภปิ รายรว่ มกันภายในกลุ่ม แล้วร่วมกันทาใบงานที่ 5.2 เรื่องการแพรก่ ระจายของโรคโดยทางตรง 3. ครูตัง้ คาถามจากประเด็นทน่ี ักเรียนศึกษา เพือ่ ประเมนิ ความรคู้ วามเข้าใจของนักเรียน เช่น - เพราะเหตใุ ด เมื่อสมั ผัสผู้ปุวยท่เี ป็นโรคอีสุกอีใส จะปุวยเปน็ โรคน้ีด้วย - ถา้ นักเรยี นขดุ ดินแลว้ ไม่ล้างมอื กอ่ นกินอาหาร จะทาให้เชื้อโรคแพร่กระจายสู่ร่างกายได้อย่างไร - ละอองนา้ ลายจากการไอหรือจามของผูป้ ุวย ทาใหเ้ กิดโรคไดห้ รือไม่ จงอธบิ าย 4. ครูตรวจสอบคาตอบของนักเรียน หากมีข้อบกพร่องให้ครู ช่วยอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียนมีความรู้ความเขา้ ใจมากย่ิงขน้ึ 5. นักเรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด เพราะเหตุใด นกั เรยี นจึงไมค่ วรดม่ื น้าแกว้ เดียวกนั (เพราะอาจจะติดเช้ือโรคจากเพ่อื น หรอื เพือ่ นติดเชอ้ื จากเราได้ เช่น เชอื้ หวัด)
ขนั้ สรุป 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรู้เร่อื ง การแพรก่ ระจายของโรค 2. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบฝึกกจิ กรรม จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจในชั่วโมงถัดไปชั่วโมงท่ี 3ขั้นนา 1. ครูนาภาพพาหะท่ีเป็นตัวนาเช้ือโรค มาให้นกั เรยี นดู แลว้ รว่ มกนั สนทนาเกีย่ วกบั ภาพ 2. ครูเชือ่ มโยงถึงการแพร่กระจายของโรคโดยทางอ้อม เพือ่ เข้าสู่บทเรยี น 3. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี นอาจไดร้ บั เชอ้ื โรคจากสัตว์ผา่ นทางใดบ้าง (การกดั เช่น ยุงลายมากัดเรา การไชเขา้ สบู่ าดแผลทางผิวหนงั เชน่ พยาธิ)ขั้นสอน 1. นักเรียนรวมกลุ่ม ร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง การแพร่กระจายของโรคโดยทางอ้อม จากหนังสอื เรยี น 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอธิบายการแพร่กระจายของโรคโดยทางอ้อม ตามประเด็นที่กาหนดดังนี้ 1) ส่ิงของทเี่ ปน็ พาหะ 2) สตั วท์ ่ีเปน็ พาหะ 3) อากาศนาเช้อื โรคแพรส่ ูค่ น 3. สมาชกิ ในกลมุ่ ร่วมกันตรวจสอบข้อมูลและสรุปการแพรก่ ระจายของโรคโดยทางอ้อม 4. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นว่า เพราะเหตุใด โรคไข้หวัดจึงสามารถแพร่กระจายเชอื้ โรคไดโ้ ดยทางตรงและทางอ้อม 5. นกั เรยี นและครสู รปุ ผลการอภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ 6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทาใบงานท่ี 5.3 เรื่อง การแพร่กระจายของโรคโดยทางอ้อมโดยใหส้ มาชกิ ในแต่ละกลุ่มจับคู่กนั เปน็ 2 คู่ แล้วให้แตล่ ะคู่ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ดังน้ี - สมาชกิ คนที่ 1 อ่าน และเขียนคาตอบ - สมาชกิ คนท่ี 2 สังเกต และตรวจสอบคาตอบ ให้สมาชกิ แตล่ ะคู่เปล่ยี นบทบาทกันในข้อต่อไปจนครบทุกข้อขนั้ สรปุ 1. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด เพราะเหตุใด คน 2 คน อยู่ในสถานที่เดียวกันแต่คนหน่ึงเปน็ ไขห้ วัด แต่อกี คนไม่เปน็ ไข้หวดั 2. นักเรียนร่วมกันสรุปเกีย่ วกับการแพรก่ ระจายของโรคโดยทางอ้อม 3. ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ กจิ กรรม จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจในชั่วโมงถดั ไป
ชั่วโมงที่ 4ขัน้ นา 1. ครูถามนักเรียนว่า นักเรียนเคยปุวยเป็นไข้หวัดหรือไม่ และนักเรียนคิดว่า หวัดเป็นโรคท่ีสามารถปูองกันได้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด 2. ครูเลา่ กรณีตวั อย่างของอิงอรให้นกั เรยี นฟัง ดังน้ี อิงอร เป็นนักเรียนช้ัน ป.3 เธอเป็นเด็กหญิงที่ค่อนข้างขี้โรคมาก เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนในชั้นเรยี น วันน้เี ธอไปโรงเรยี นด้วย ความหวาดระแวงเพราะกลัวติดโรคหวัด และโรคตาแดงจากเพ่ือนๆ เพราะชว่ งนเ้ี พอ่ื นท่ีโรงเรยี นหลายคนปุวยเป็นโรคดังกล่าว หากนกั เรยี นเปน็ เพ่ือนอิงอร นกั เรียนจะแนะนาให้เธอปอู งกันตนเองอย่างไรจงึ จะเหมาะสม 3. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเพอื่ ชว่ ยกันหาวิธีการปูองกันโรคดังกล่าวให้กับอิงอร จากน้ันร่วมกนั สรุปผล 4. ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ และช้แี จงให้นกั เรยี นเขา้ ใจและตระหนักถึงความสาคัญของการปูองกันโรคขนั้ สอน 1. นกั เรยี นรวมกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1) จากน้ันให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน และให้แต่ละคู่ออกมาจับสลากเพ่ือเลือกศึกษาความรู้ตามประเดน็ ที่กาหนด ดังนี้ - สลากหมายเลข 1 ศกึ ษาความรเู้ รื่อง โรคอสี ุกอีใส - สลากหมายเลข 2 ศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง โรคพยาธิ - สลากหมายเลข 3 ศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง โรคไขเ้ ลือดออก - สลากหมายเลข 4 ศกึ ษาความรเู้ ร่ือง โรคไขห้ วดั - สลากหมายเลข 5 ศกึ ษาความรเู้ รอื่ ง โรคตาแดง - สลากหมายเลข 6 ศกึ ษาความร้เู รื่อง โรคอหิวาตกโรคนกั เรียนแต่ละค่ศู ึกษาความรู้โดยใหค้ รอบคลมุ ประเด็น ดังนี้ 1) อาการของโรค 2) การแพร่กระจายของเชอื้ โรค 3) วิธปี ูองกนั การแพร่กระจายของโรค 2. นักเรยี นแตล่ ะครู่ ว่ มกันวางแผนศกึ ษาความรูต้ ามเรอื่ งทีจ่ บั สลากได้ 3. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคิดขั้นสรปุ 1. นักเรียนแต่ละคู่รว่ มกันรวบรวมและเรยี บเรียงข้อมูลความรู้ท่ีได้จากการศึกษา จากนั้นอภิปรายและสรุปเป็นองค์ความรู้ แล้วให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอความรู้หน้าช้ันเรียน ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 2. นักเรียนแต่ละคนทาใบงานที่ 5.4 เร่ือง วิธปี ูองกนั การแพรก่ ระจายของโรค 3. เม่ือทาใบงานที่ 5.4 เสร็จแล้ว ให้นักเรียนแต่ละคู่แลกเปล่ียนใบงานกันตรวจตามคาตอบที่ครูเฉลย 4. นักเรียนแต่ละคนทาแบบฝึกกิจกรรม จากแบบวัดฯ เป็นการบ้าน เสร็จแล้วนาส่งครูตรวจในชว่ั โมงถัดไป
ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนแต่ละคนเขยี นแผนผังความคดิ สรุปความรเู้ รื่อง โรค โดยให้ครอบคลุมประเดน็ ตาม ทก่ี าหนด ดังน้ี 1) การจาแนกประเภทของโรค 2) การอธบิ ายการแพร่กระจายของโรค 3) การอธิบายวิธีปอู งกันการแพร่กระจายของโรค9. สือ่ การเรียนการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน สขุ ศึกษาและพลศึกษา ป.3 2. ใบงานท่ี 5.1 เรอ่ื ง ประเภทของโรค 3. ใบงานที่ 5.2 เรอื่ ง การแพรก่ ระจายของโรคโดยทางตรง 4. บตั รคา 5. บตั รภาพ 6. ใบงานท่ี 5.3 เรื่อง การแพรก่ ระจายของโรคโดยทางอ้อม 7. กรณีตัวอยา่ ง 8. สลาก 9. ใบงานที่ 5.4 เร่ือง วิธีปูองกันการแพรก่ ระจายของโรค10. การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 5 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 (ประเมนิ ตามสภาพจริง)ตรวจใบงานท่ี 5.1 ใบงานท่ี 5.1 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ตรวจใบงานที่ 5.2 ใบงานท่ี 5.2 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ตรวจใบงานที่ 5.3 ใบงานท่ี 5.3 ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ตรวจแบบบันทึกการอ่าน แบบบนั ทกึ การอ่าน ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงานสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คลสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่สงั เกตความรับผดิ ชอบ ใฝเุ รยี นรู้ และม่งุ มั่น แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ในการทางาน
บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ผลการสอน……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ ......................................................... (นางสาวอรณัชชา เจริญสขุ ) ครผู ูส้ อนขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื .......................................................... (นางสาวจิตตานาถ เทพวงศ์) ครูพี่เลย้ี งข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชือ่ .......................................................... ( นางวิลาวลั ย์ ปาลี ) ผู้อานวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงใน ช่อง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนนลาดับ ชือ่ – สกุล ความมีวนิ ยั ความมนี า้ ใจ การรับฟงั การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผรู้ บั การ 321 เออ้ื เฟื้อ ความคดิ เห็น ความคิดเห็น เวลา 15 เสยี สละ คะแนน ประเมิน 321 321 321 3211 เด็กหญิงทิพปภา แสนวงั ทอง2 เด็กชายธีรพงศ์ เสริมวฒุ กิ ล้า3 เดก็ ชายนริ ุช รัตนมานะชยั4 เดก็ ชายปุณยวีร์ เกอ้ื กุลประดิษฐ์5 เด็กชายศภุ กฤต ไพรฑรู ยศ์ รีทอง6 เด็กชายจิรวัชร โกศลประทปี7 เด็กหญงิ กัลยา กมลชอบวิริยะ8 เด็กหญงิ กลุ นดิ า ก่อวริ ยิ าตระกลู9 เด็กหญงิ ชนาภา มฤคมาศ10 เด็กหญิงนิชา บวรหริ ญั ไพร11 เดก็ หญงิ ปภาดา วรนาถยนื ยง12 เด็กหญงิ รุ่งนภา มฤคมาศ13 เด็กหญิงสชุ ัญญา รงุ่ เกยี รติพนา14 เด็กหญงิ จันทรจ์ ิรา แก้วมา15 เด็กหญงิ สุภานนั ท์ แกว้ อินศรี ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137