การออกแบบแผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ า สุขศกึ ษา รหสั วชิ า พ 12101ระดับชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2561 เวลาทงั้ หมด 20 ชั่วโมง จัดทาโดย นางสาวอรณชั ชา เจรญิ สุข ตาแหนง่ พนักงานราชการ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเคง่ิ อาเภอแม่แจ่ม จงั หวดั เชยี งใหม่ สานักบริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สานักงานการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 1 ชั่วโมงแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง โรคไข้หวัด จานวน 8 ชั่วโมงหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การบาดเจบ็ และการเจบ็ ปุวยกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษาชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31ครผู สู้ อน นางสาวอรณัชชา เจรญิ สขุ1. สาระสาคญั ไขห้ วัดเปน็ โรคติดต่อท่ีพบบอ่ ยในคนทกุ เพศทกุ วัย การมีความรเู้ กี่ยวกับสาเหตุ อาการ วิธีการปอู งกนัและการปฏบิ ัตติ นอยา่ งถกู วิธีจะช่วยลดความรนุ แรงของโรค2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วัดช้ันป/ี ผลการเรยี นรู้/เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณค่าและมที ักษะในการสร้างเสรมิ สุขภาพ การดารงสขุ ภาพ การปอู งกันโรคและการสร้างเสริมสมรรถภาพเพ่ือสขุ ภาพ ตัวชี้วัด พ 4.1 ป.2/4 อธิบายอาการและวิธปี อู งกนั การเจบ็ ปวุ ย การบาดเจ็บท่ีอาจเกดิ ข้นึ พ 4.1 ป.2/5 ปฏิบตั ติ ามคาแนะนาเมอ่ื มีอาการเจ็บปวุ ยและบาดเจบ็ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายสาเหตุ อาการ การดูแลรักษา และวธิ ีปูองกันโรคไข้หวัดได้ 2. ปฏิบตั ิตนอย่างถูกวิธีเมื่อมีอาการของโรคไข้หวัดได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge 1) อาการและวิธปี อู งกนั การเจบ็ ปุวย 2) วิธีปฏบิ ตั ติ นเมื่อเจ็บปวุ ย 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรียนสามารถบอกอาการและวิธีปอู งกันการเจบ็ ปุวย 2) นกั เรียนบอกวธิ ปี ฏบิ ัติตนเม่อื เจ็บปวุ ย 3.3 คุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ : Attitude 1. มวี นิ ยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มคี วามรับผิดชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต5. คุณลกั ษณะของวชิ า - ความรับผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
6. คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มีความรับผดิ ชอบ7. ชิ้นงาน/ภาระงาน - ใบงานที่ 1.1 เร่ือง โรคไข้หวดั8. กจิ กรรมการเรียนรู้ขน้ั นา 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ ว่า นกั เรยี นเคยเจ็บปุวยดว้ ยโรคใดบา้ ง และมีอาการอย่างไร 2. ครถู ามนกั เรียนวา่ นักเรียนเคยปวุ ยเปน็ โรคไข้หวดั หรือไม่ และมีอาการของโรคเป็นอย่างไร 3. ครอู ธิบายใหน้ กั เรียนเข้าใจว่า ถา้ เราร้สู าเหตุของการเกิดโรค จะช่วยให้เราปูองกนั โรคไขห้ วัดได้อยา่ งถูกวิธีข้ันสอน 1. ครูแบง่ นักเรยี นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความ สามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่งปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน จากน้ันให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง โรคไข้หวัด จากหนังสือเรยี น 2. ครูให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มร่วมกันตั้งคาถามเกี่ยวกับประเด็นท่ีศึกษา แล้วคัดเลือกคาถามที่ดีที่สุดกลุ่มละ 2 คาถาม เขียนใส่กระดาษแลว้ นามาส่งครู 3. ครูแจกกระดาษคาถามให้นักเรียนกลุ่มละ 2 คาถาม จากน้ันให้สมาชิกในกลุ่มร่วมกันหาคาตอบและสรุปคาตอบทเี่ ปน็ มตขิ องกล่มุ 4. ตัวแทนของแต่ละกลุ่มอ่านคาถามที่ได้รับ แล้วตอบคาถาม จากน้ันให้กลุ่มท่ีเป็นเจ้าของคาถามตรวจสอบคาตอบ หรอื อธิบายคาตอบหากมขี อ้ บกพร่อง 5. ครชู มเชยกล่มุ ทีต่ อบคาถามไดถ้ ูกตอ้ ง และเข้าใจงา่ ย เพ่ือเสริมกาลงั ใจ 6. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันทาใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง โรคไขห้ วดั โดยให้สมาชิกแต่ละคนหาคาตอบด้วยตนเองจนครบทุกข้อ จากนั้นจับคู่กับเพื่อนในกลุ่มผลัดกันอธิบายคาตอบของตนเอง (สมาชิกอีกคู่ในกลุ่มก็ปฏิบัตกิ ิจกรรมเชน่ เดยี วกนั ) 7. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (4 คน) ผลัดกันอธิบายคาตอบของคู่ตนเองให้เพ่ือนอีกคู่หน่ึงในกลุ่มฟัง เพ่ือหาขอ้ สรปุ ของคาตอบแลว้ บันทกึ ลงในใบงานท่ี 1.1 เสร็จแล้วนาสง่ ครูตรวจข้นั สรุป 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ โรคไขห้ วัดมกั จะเกดิ การระบาดในช่วงใด 2. นกั เรียนรว่ มกันสรุปความรเู้ รอ่ื ง โรคไขห้ วัด ตามประเด็นท่กี าหนด ดงั นี้ 1) สาเหตขุ องการเกิดโรคไข้หวดั 2) อาการของโรคไขห้ วดั 3) วธิ ีดแู ลรกั ษาและปูองกนั โรคไข้หวดั9. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น สุขศึกษาและพลศึกษา ป.2 2. ใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง โรคไข้หวัด 3. ห้องสมดุ ในโรงเรยี นและอินเทอร์เน็ต
10. การวัดผลและประเมินผล วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์ (ประเมินตามสภาพจรงิ )ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วย แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการการเรียนรูท้ ่ี 1 เรยี นรู้ที่ 1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 1.1 ใบงานท่ี 1.1 ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์รายบุคคล รายบคุ คลสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกล่มุสงั เกตความมวี ินัย ใฝเุ รียนรู้ และมี แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงความรับผิดชอบ ประสงค์
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว1. นง้ิ ตวั ร้อน มนี ้ามูก นง้ิ เป็นโรคใด 6. เม่อื มีอาการเคืองตา และรูส้ กึ คนั ท่บี ริเวณหวั ตา ก. ไข้หวัด ควรทาอยา่ งไร ข. ตาแดง ก. ใช้มอื ขย้ีตาเบาๆ ค. ท้องรว่ ง ข. ใช้ผา้ เช็ดหนา้ เช็ดเบาๆ ค. ล้างตาด้วยแอลกอฮอล์2. ของใชใ้ ดควรหลีกเลยี่ งใชร้ ว่ มกับผปู้ วุ ยตาแดง ก. ดินสอสี 7. ข้อใดไม่ควรทาขณะเป็นไขห้ วัด ข. ผ้าเช็ดหน้า ก. นอนพักผอ่ น ค. หนงั สือเรียน ข. ดืม่ น้าอนุ่ มากๆ ค. กินยาทุกช่วั โมง3. ข้อใดเปน็ สาเหตขุ องการเกิดแผลฟกช้า ก. เดินชนโต๊ะ 8. ถ้าถกู มดี บาด ควรทาอยา่ งไรก่อน ข. ถูกมีดบาด ก. ลา้ งแผลใหส้ ะอาด ค. ถูกตะปูตา ข. ทายาใสแ่ ผลสดทนั ที ค. ใชน้ า้ แข็งประคบทบี่ าดแผล4. ใครมโี อกาสท้องเสียมากที่สุด ก. หวานกนิ อาหารท่ีมีรสเคม็ จัด 9. เพราะเหตุใด จงึ ต้องนากุญแจมากดบรเิ วณทถ่ี กู ข. หวายด่ืมน้าตอนเชา้ และเยน็ ผึ้งต่อย ค. แหวนกนิ อาหารที่มีแมลงวันตอม ก. เพื่อเอาเหล็กในออก ข. เพอ่ื ให้เลือดหยดุ ไหล5. เมอื่ ถูกผึ้งต่อยจะมีบาดแผลอย่างไร ค. เพอ่ื ใหบ้ าดแผลตดิ กนั ก. บวม เจ็บปวด ข. ฟกช้า เปน็ หนอง 10. ถ้าหัวเขา่ ฟกช้า ควรทาอย่างไรกอ่ น ค. มีเลอื ดไหลไม่หยุด ก. ประคบด้วยถงุ น้ารอ้ น ข. ประคบด้วยผ้าหอ่ น้าแข็ง ค. ทาขผ้ี ง้ึ แกป้ วดบวม
แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 9คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว1. ถา้ ถกู มีดบาด ควรทาอยา่ งไรกอ่ น 6. เมอื่ ถูกผึง้ ต่อยจะมบี าดแผลอยา่ งไร ก. ใช้น้าแข็งประคบทบ่ี าดแผล ก. ฟกช้า เปน็ หนอง ข. ทายาใส่แผลสดทันที ข. มีเลือดไหลไม่หยดุ ค. ลา้ งแผลใหส้ ะอาด ค. บวม เจ็บปวด2. เพราะเหตุใด จงึ ต้องนากุญแจมากดบรเิ วณท่ถี กู 7. ของใชใ้ ดควรหลีกเลย่ี งใชร้ ่วมกับผ้ปู ุวยตาแดง ผงึ้ ต่อย ก. ผา้ เชด็ หน้า ก. เพื่อให้เลือดหยุดไหล ข. หนงั สือเรยี น ข. เพอ่ื เอาเหล็กในออก ค. ดินสอสี ค. เพ่ือให้บาดแผลติดกัน 8. นิง้ ตัวร้อน มีน้ามูก นิ้งเป็นโรคใด3. ถา้ หวั เข่าฟกชา้ ควรทาอยา่ งไรก่อน ก. ตาแดง ก. ประคบด้วยผ้าหอ่ น้าแขง็ ข. ท้องรว่ ง ข. ทาข้ีผ้ึงแก้ปวดบวม ค. ไข้หวดั ค. ประคบด้วยถุงนา้ ร้อน 9. ใครมีโอกาสท้องเสียมากท่สี ดุ4. เมือ่ มีอาการเคืองตา และรู้สกึ คันท่ีบริเวณหัวตา ก. หวายดมื่ นา้ ตอนเชา้ และเย็น ควรทาอยา่ งไร ข. แหวนกนิ อาหารท่ีมแี มลงวันตอม ก. ใช้ผ้าเชด็ หนา้ เชด็ เบาๆ ค. หวานกินอาหารท่ีมีรสเคม็ จัด ข. ใชม้ อื ขย้ีตาเบาๆ ค. ลา้ งตาด้วยแอลกอฮอล์ 10. ข้อใดเปน็ สาเหตุของการเกดิ แผลฟกช้า ก. เดินชนโต๊ะ5. ข้อใดไม่ควรทาขณะเปน็ ไขห้ วัด ข. ถูกตะปูตา ก. นอนพักผอ่ น ค. ถกู มดี บาด ข. กินยาทุกชั่วโมง ค. ดื่มน้าอุ่นมากๆเฉลย 1. ก 2. ข 3. ก 4. ค 5. ก 6. ข 7. ค 8. ก 9. ก 10. ข
ใบงานที่ 1.1 โรคไขห้ วดั 9.1คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นบอกสาเหตุ อาการ วธิ ีการดแู ลรักษา และปูองกันเมื่อเกดิ โรคไข้หวดั โรคไขห้ วัด สาเหตุ อาการ การดูแลรักษาและการปอ้ งกัน
แผนการจดั การเรยี นรู้ จานวน 1 ชัว่ โมงแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ ง โรคตาแดง จานวน 8 ช่วั โมงหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง การบาดเจบ็ และการเจบ็ ปวุ ยกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษาชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31ครผู ูส้ อน นางสาวอรณชั ชา เจรญิ สุข1. สาระสาคญั ตาแดงเป็นโรคตดิ ต่อท่ีพบในเด็กวัยเรยี นมากที่สดุ สามารถปูองกันได้หากรู้สาเหตุ อาการ และปฏบิ ตั ิตนอยา่ งถูกวิธี จะช่วยลดความรนุ แรงของโรค2. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วัดชนั้ ป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณคา่ และมีทักษะในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ การดารงสุขภาพ การปอู งกันโรคและการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพ่ือสุขภาพ ตัวชว้ี ัด พ 4.1 ป.2/4 อธบิ ายอาการและวิธีปูองกันการเจ็บปุวย การบาดเจ็บที่อาจเกิดข้นึ พ 4.1 ป.2/5 ปฏิบตั ิตามคาแนะนาเมอ่ื มีอาการเจบ็ ปุวยและบาดเจบ็ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธิบายสาเหตุ อาการ การดูแลรกั ษา และวธิ ปี อู งกันโรคตาแดงได้ 2) ปฏิบัติตนอยา่ งถกู วธิ ีเม่ือมีอาการของโรคตาแดงได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge 1) อธิบายสาเหตุ อาการ การดแู ลรักษา และวิธปี อู งกนั โรคตาแดงได้ 2) ปฏบิ ตั ติ นอยา่ งถูกวธิ ีเมื่อมีอาการของโรคตาแดงได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรียนสามารถบอกอาการและวิธปี ูองกันการเจบ็ ปุวยโรคตาแดงได้ 2) นกั เรียนบอกวิธปี ฏบิ ัตติ นเมื่อเจบ็ ปวุ ยโรคาแดง 3.3 คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มีความรับผิดชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
6. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มีความรบั ผิดชอบ7. ช้นิ งาน/ภาระงาน การนาเสนองาน8. กิจกรรมการเรยี นรู้ขน้ั นา 1. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด ว่าถ้าเพื่อนในห้องเรียนเป็นโรคตาแดง นักเรียนจะปฏิบัติตนอยา่ งไร 2. ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างโรคที่มักจะเกิดข้ึนบ่อยกับวัย ของนักเรียน และมักจะแพร่ระบาดในโรงเรยี นได้เร็ว 3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า โรคตาแดง เป็นโรคติดต่อที่ มักพบและแพร่ระบาดได้มากในเด็กวัยเรียนขัน้ สอน 1. ครใู หน้ ักเรียนกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1) ร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง โรคตาแดง จากหนังสอื เรียน 2. ครูให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มเขียนแผนภาพแสดงสาเหตุของการเกิดโรคตาแดง ลงในกระดาษขนาดA4 3. นกั เรียนแต่ละคนผลัดเปลย่ี นกันอธิบายแผนภาพแสดงสาเหตุของการเกิดโรคตาแดง โดยให้สมาชิกในกลมุ่ ร่วมกันกาหนด เวลาในการนาเสนอผลงานตามความเหมาะสม จนครบทกุ คน 4. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มซักถาม หรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ยี วกับสาเหตุของการเกิดโรคตาแดง 5. นักเรียนแต่ละกลุ่มคัดเลือกผลงาน หรือปรับปรุงผลงานแผนภาพแสดงสาเหตุของการเกิดโรคตาแดงของกลุม่ แล้วนาเสนอที่หนา้ ชน้ั เรียน พรอ้ มอธิบายประกอบขนั้ สรุป 1. นกั เรียนตอบคาถามกระต้นุ ความคิด 2. นักเรียนร่วมกนั สรปุ ความรเู้ ร่ือง โรคตาแดง ตามประเด็นท่ีกาหนด ดังนี้ 1) สาเหตขุ องการเกิดโรคตาแดง 2) อาการของโรคตาแดง 3) วิธดี ูแลรกั ษาและปูองกนั โรคตาแดง9. สื่อการเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น สุขศกึ ษาและพลศึกษา ป.2 2. กระดาษขนาด A4 3. หอ้ งสมดุ ในโรงเรียนและอินเทอรเ์ น็ต
10. การวัดผลและประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่ืองมอื เกณฑ์ประเมินการนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน เกณฑ์ รายบุคคล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ เกณฑ์สงั เกตความมวี ินัย ใฝุเรยี นรู้ และมี แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึง ระดับคุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์ความรบั ผิดชอบ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่าน เกณฑ์
แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาชแี้ จง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการท่ีกาหนด แลว้ ขดี ลงในชอ่ ง ที่ตรงกับระดับคะแนนลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 3211 นาเสนอเน้อื หาในผลงานได้ถูกต้อง2 การลาดบั ขน้ั ตอนของเนื้อเรอื่ ง3 การนาเสนอมีความนา่ สนใจ4 การมีส่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพรอ่ งบางส่วน ให้ 2 คะแนน 12 - 15 ดีผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพรอ่ งเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน 18 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 1 ชั่วโมงแผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ท้องเสยี จานวน 8 ชัว่ โมงหนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรื่อง การบาดเจ็บและการเจบ็ ปุวยกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษาช้ันประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31ครูผ้สู อน นางสาวอรณชั ชา เจริญสุข1. สาระสาคญั ท้องเสียเกิดจากการกินอาหารท่ีไม่สะอาดหรือมีเชื้อโรคปนเป้ือน สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย การมีความรเู้ กย่ี วกับสาเหตุ อาการ วิธีการปอู งกัน และการปฏบิ ัติตนอย่างถกู วิธีจะชว่ ยลดความรนุ แรงของโรค2. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัดชัน้ ปี/ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคุณค่าและมีทักษะในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ การดารงสขุ ภาพ การปอู งกนั โรคและการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพื่อสขุ ภาพ ตัวช้ีวัด พ 4.1 ป.2/4 อธิบายอาการและวธิ ีปูองกันการเจ็บปวุ ย การบาดเจบ็ ท่ีอาจเกิดขนึ้ พ 4.1 ป.2/5 ปฏิบตั ิตามคาแนะนาเม่ือมีอาการเจบ็ ปุวยและบาดเจ็บ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธบิ ายสาเหตุ อาการ การดแู ลรักษา และวิธปี อู งกนั อาการท้องเสยี ได้ 2) ปฏบิ ัติตนอยา่ งถูกวิธีเมื่อมีอาการทอ้ งเสยี ได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge 1) อธบิ ายสาเหตุ อาการ การดูแลรกั ษา และวิธีปูองกนั โรคท้องเสียได้ 2) ปฏิบตั ติ นอย่างถกู วิธเี ม่ือมีอาการของโรคทอ้ งเสียได้ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรยี นสามารถบอกอาการและวิธปี ูองกันการเจ็บปุวยโรคท้องเสียได้ 2) นักเรยี นบอกวิธีปฏิบตั ิตนเมอ่ื เจ็บปวุ ยโรคท้องเสยี 3.3 คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มีความรับผิดชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
6. คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มีความรบั ผดิ ชอบ7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน การนาเสนองาน8. กิจกรรมการเรยี นรู้ขน้ั นา 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ 2. ครใู ห้นักเรยี นร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ และหลักการเลือกอาหารทีช่ ว่ ยปูองกันและหลีกเล่ยี งอาการทอ้ งเสยีขั้นสอน 1. นักเรียนกลุ่มเดิม (จากแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1) ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง ท้องเสีย จากหนังสือเรยี นหรือบทเรียนคอมพวิ เตอร์ Smart L.O. LMS Lite 2. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ 3. ครตู งั้ ประเดน็ คาถามเพอ่ื ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกันอธบิ าย และหาคาตอบ เช่น - อาหารประเภทใดทีม่ ักจะเป็นสาเหตุทาให้มอี าการทอ้ งเสยี - อาการขาดน้าเมอ่ื มอี าการท้องเสยี มลี ักษณะอยา่ งไร - นา้ เกลอื แร่สามารถทาเองไดห้ รอื ไม่ และทาอยา่ งไร 4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทาใบงานท่ี 9.2 เรื่อง อาการท้องเสีย โดยให้สมาชิกแต่ละคนหาคาตอบดว้ ยตนเองจนครบทกุ ขอ้ จากนนั้ จบั คกู่ ับเพื่อนในกล่มุ ผลัดกนั อธบิ ายคาตอบของตนเอง (สมาชิกอีกคู่ในกลมุ่ ก็ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเช่นเดยี วกัน) 5. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (4 คน) ผลัดกันอธิบายคาตอบของคู่ตนเองให้เพื่อนอีกคู่หนึ่งในกลุ่มฟัง เพ่ือหาขอ้ สรปุ ของคาตอบแล้วบนั ทึกลงในใบงานที่ 1.2 เสรจ็ แลว้ นาสง่ ครูตรวจขัน้ สรปุ นกั เรยี นร่วมกนั สรุปความรูเ้ ร่ือง อาการท้องเสีย ตามประเดน็ ท่ีกาหนด ดังน้ี 1) สาเหตุของอาการท้องเสีย 2) อาการทอ้ งเสีย 3) วธิ ีดูแลรกั ษาและปอู งกนั อาการทอ้ งเสีย9. สื่อการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น สุขศึกษาและพลศึกษา ป.2 2. ใบงานท่ี 1.2 3. ห้องสมดุ ในโรงเรยี นและอินเทอร์เนต็
10. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 9.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล ใบงานที่ 9.2 ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคลสงั เกตความมีวนิ ัย ใฝุเรียนรู้ และมี ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ความรับผดิ ชอบ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน กลมุ่ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึง ประสงค์
ใบงานท่ี 1.2 อาการท้องเสีย9.2คาชี้แจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามท่ีกาหนดให้ถูกต้อง 1. อาการท้องเสยี เกดิ จากสาเหตุใด 2. อาการลักษณะใดทแ่ี สดงใหเ้ ห็นว่ามอี าการทอ้ งเสีย 3. อาการสญู เสยี น้า หรือขาดนา้ มลี กั ษณะอย่างไร 4. การด่ืมนา้ เกลือแรเ่ มื่อเกดิ อาการทอ้ งเสยี ควรดื่มอยา่ งไร 5. การปูองกนั อาการทอ้ งเสยี ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไร
แผนการจัดการเรยี นรู้ จานวน 1 ชั่วโมงแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 4 เรอ่ื ง การดูแลรักษาและปูองกันการเจ็บปุวย จานวน 8 ช่วั โมงหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การบาดเจ็บและการเจ็บปุวยกลุ่มสาระการเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษาชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31ครูผูส้ อน นางสาวอรณัชชา เจริญสขุ1. สาระสาคญั การดแู ลรกั ษาและการปูองกนั อยา่ งถกู วธิ ี จะช่วยลดความรนุ แรงของการเจ็บปุวยตา่ งๆ2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั ช้ันปี/ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณค่าและมที ักษะในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ การดารงสุขภาพ การปอู งกันโรคและการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพื่อสขุ ภาพ ตวั ช้วี ดั พ 4.1 ป.2/4 อธิบายอาการและวธิ ปี ูองกันการเจ็บปุวย การบาดเจบ็ ท่ีอาจเกดิ ข้ึน พ 4.1 ป.2/5 ปฏิบตั ติ ามคาแนะนาเมอ่ื มีอาการเจ็บปวุ ยและบาดเจบ็ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธิบายวิธีการดูแลรักษา และวิธีปูองกันการเจ็บปุวย โรคตาแดง โรคท้องเสียและโรคไขห้ วดั ได้ 2) ปฏบิ ตั ติ นอยา่ งถูกวธิ เี ม่ือมีอาการเจ็บปวุ ยได้3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge 1) อธิบายสาเหตุ อาการ การดแู ลรักษา และวิธปี ูองกนั โรค 2) ปฏบิ ตั ติ นอย่างถกู วธิ ีเมื่อมีอาการของโรคทอ้ งเสยี ได้ 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) นักเรยี นสามารถบอกอาการและวธิ ีปูองกนั การเจ็บปวุ ยได้ 2) นกั เรียนบอกวิธีปฏิบัติตนเมือ่ เจ็บปุวย 3.3 คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude 1. มวี ินัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มีความรับผดิ ชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกล่มุ
6. คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มีความรับผดิ ชอบ7. ชิน้ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 1.3 เรื่อง โรคภยั ไข้เจ็บ 2. ใบงานที่ 1.4 เรอ่ื ง รอบร้เู ร่ืองโรค8. กิจกรรมการเรยี นรู้ขั้นนา 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันทบทวนความรู้เกี่ยวกบั การดแู ลรักษาและการปูองกนั การเจ็บปวุ ยต่างๆ 2. ครูเน้นย้าให้นักเรียนตระหนักถึงความสาคัญของการปูองกันการเจ็บปุวยท่ีสามารถปฏิบัติได้ง่ายหากนกั เรียนตระหนักและใสใ่ จในการดูแลสุขภาพขนั้ สอน 1. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มเดิมจากแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1) ร่วมกันตอบคาถามที่ครูกาหนดดังน้ี - เพราะเหตุใด คนเราจึงมอี าการเจบ็ ปุวย - ถ้านกั เรยี นมอี าการเจ็บปวุ ย นักเรียนควรทาอยา่ งไร - ถ้านกั เรยี นอยากหลีกเลย่ี งการเจ็บปวุ ย ควรปฏบิ ัติ อยา่ งไร 2. ครชู มเชยกลุ่มนกั เรยี นทต่ี อบคาถามได้ถกู ต้อง และอธิบายเพิ่มเตมิ ในสว่ นทบี่ กพร่อง 3. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด เพราะเหตใุ ด เราจงึ ไม่ควรคลุกคลกี ับผปู้ ุวยข้ันสรุป 1. นักเรียนร่วมกันสรุปแนวทางในการนาความรู้จากการศึกษาการเจ็บปุวยต่างๆ และนาไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตประจาวันใหเ้ กดิ ประโยชน์ 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทาใบงานท่ี 1.3 เรื่อง โรคภัย ไข้เจ็บ โดยให้สมาชิกร่วมกันหาคาตอบที่ถูกตอ้ ง 3. นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยคาตอบในใบงานท่ี 1.39. ส่อื การเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ป.2 2. ใบงานท่ี 1.3 3. ห้องสมดุ ในโรงเรียนและอินเทอร์เน็ต
10. การวดั ผลและประเมินผลวิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 1.3 ใบงานที่ 1.3 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 1.4 ใบงานท่ี 1.4 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบคุ คลสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สังเกตความมีวินัย ใฝุเรียนรู้ และมีความ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์รบั ผดิ ชอบ
ใบงานท่ี 1.3 โรคภยั ไขเ้ จ็บคาชี้แจง ใหน้ ักเรียนนาข้อความเตมิ ลงในช่องว่างใหส้ ัมพันธ์กบั การเจ็บปวุ ยต่างๆ 1. เปน็ โรคตดิ ตอ่ ท่ีมักพบในเด็กวัยเรียน 2. เป็นโรคทม่ี ักระบาดในฤดูฝน หรือฤดูหนาว 3. ควรใช้ผา้ เชด็ หนา้ ปดิ ปากเมื่อมีการจาม 4. ต้องดม่ื น้าผสมผงน้าตาลเกลือแร่ 5. มอี าการถา่ ยเหลว 3 คร้ังต่อวัน 6. เกดิ จากการที่พษิ ของเช้ือโรคเข้าไปในรา่ งกาย 7. ไม่ใช้มือขย้ตี า เมือ่ รูส้ ึกมีอาการเคอื งตา 8. ต้องดมื่ น้าอนุ่ มากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ 9. แมลงหวีเ่ ปน็ ตวั นาเชอื้ โรคจากคนหนงึ่ สู่คนหนึ่ง 10. เปน็ โรคทีเ่ กดิ จากการกนิ อาหารไมส่ ะอาดโรคไข้หวดั โรคตาแดง ท้องเสีย
ใบงานที่ 1.4 รอบรู้เรื่องโรคคาช้ีแจง ให้นกั เรียนอ่านอาการของโรคท่ีกาหนด แล้วบอกวธิ กี ารดแู ลรักษาที่ถูกต้อง จมุ๋ มอี าการเคืองตา น้าตาไหล และมขี ีต้ ามากกวา่ ปกติ จึงส่องกระจกดูพบวา่ ตาขาวมสี ีแดง แจ่มมอี าการถ่ายเหลวติดตอ่ กันมา 3 วนั และมอี าการอาเจียนรว่ มดว้ ย จึงรูส้ กึ ออ่ นเพลียมาก แจว๋ มีอาการปวดเม่อื ยตามรา่ งกาย เจ็บคอ และมีอาการคัดจมกู ร่วมด้วย
แผนการจดั การเรยี นรู้ จานวน 1 ชั่วโมงแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 เรอ่ื ง การบาดเจบ็ จากของมคี ม จานวน 8 ชั่วโมงหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การบาดเจบ็ และการเจ็บปุวยกลุม่ สาระการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษาชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31ครูผสู้ อน นางสาวอรณัชชา เจรญิ สขุ1. สาระสาคัญ การบาดเจ็บจากของมีคม เปน็ สิ่งท่ีเกดิ ขนึ้ จากความไม่ระมัดระวัง หากเกดิ อาการบาดเจ็บจากของมีคมควรปฏิบตั ติ นอย่างถกู วิธี จะชว่ ยลดความรนุ แรงของอาการบาดเจ็บได้2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดชน้ั ปี/ผลการเรียนร/ู้ เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณคา่ และมีทักษะในการสร้างเสริมสุขภาพ การดารงสุขภาพ การปูองกนั โรคและการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพื่อสุขภาพ ตัวชว้ี ดั พ 4.1 ป.2/4 อธบิ ายอาการและวิธปี อู งกันการเจบ็ ปุวย การบาดเจบ็ ท่ีอาจเกิดข้ึน พ 4.1 ป.2/5 ปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาเมอ่ื มีอาการเจบ็ ปุวยและบาดเจ็บ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) อธิบายอาการบาดเจ็บจากของมคี มที่เกดิ ขึน้ ได้ 2) ปฏบิ ตั ิตนอยา่ งถูกวิธีเมื่อได้รับบาดเจ็บจากของมคี มได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge 1) อาการและวิธีปอู งกันการบาดเจ็บจากของมีคม 2) ปฏิบตั ิตนอย่างถูกวธิ เี ม่ือบาดเจบ็ จากของมีคม 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรยี นสามารถบอกอาการและวธิ ปี ูองกันการบาดเจ็บจากของมีคม 2) ปฏิบัตติ นอยา่ งถูกวธิ เี มื่อบาดเจบ็ จากของมีคม 3.3 คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ : Attitude 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มคี วามรบั ผิดชอบ4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ5. คณุ ลักษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
6. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มคี วามรับผิดชอบ7. ช้ินงาน/ภาระงาน 1. ใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง โรคภยั ไข้เจบ็ 2. ใบงานท่ี 1.4 เรื่อง รอบรู้เร่ืองโรค8. กิจกรรมการเรยี นรู้ข้ันนา 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคิด 2. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสนทนาเก่ยี วกับสาเหตุของการบาดเจ็บจากของมีคม 3. ครูอธบิ ายให้นักเรียนเข้าใจว่า การบาดเจ็บจากของมีคม เช่น มีดทาครัว คัตเตอร์ กรรไกร เป็นภัยที่สามารถเกิดข้ึนได้กับทุกคน เพราะเป็นส่ิงที่เก่ียวข้องกับกิจกรรมในชีวิตประจาวัน เช่น การประกอบอาหารดงั นนั้ นักเรียนจะตอ้ งตระหนกั ถงึ อนั ตรายดังกลา่ ว และเรียนรู้วิธีการปูองกันและการปฐมพยาบาลท่ีถูกวิธี เพ่ือนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชวี ิตประจาวนั 4. ครแู จ้งให้นกั เรยี นทราบว่า ครจู ะสาธิตการปฐมพยาบาลเมื่อได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ให้นักเรียนดูเปน็ ตัวอย่าง 5. ครูจดั เตรียมอปุ กรณ์ในการปฐมพยาบาลและวางแผนการสาธติ ตามลาดบั ขั้นตอนขั้นสอน 1. นกั เรยี นกล่มุ เดมิ (จากแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1) รว่ มกนั ศกึ ษาความรู้เร่ือง การบาดเจ็บจากของมีคม จากหนงั สือเรียนหรืออนิ เตอร์เนต 2. ครูอธิบายลักษณะการเกิดบาดแผลจากการถูกของมีคมบาดให้นักเรียนเข้าใจ และสามารถสังเกตได้ 3. ครูขออาสาสมัครนกั เรียน 1 คน ออกมาเปน็ แบบในการสาธติ การปฐมพยาบาลเมื่อถูกของมีคมบาดโดยครูแนะนาอปุ กรณใ์ นการปฐมพยาบาล และอธิบายลกั ษณะของบาดแผล 4. ครสู าธติ การปฐมพยาบาลบาดแผลท่ีถูกของมคี มบาด พรอ้ มอธบิ ายประกอบในแต่ละข้นั ตอน 5. ครูสุ่มนักเรียนออกมาสาธิตตามข้ันตอนในการปฐมพยาบาล ถ้านักเรียนยังทาไม่ถูกต้องให้อธิบายเพิม่ เติม แล้วใหน้ กั เรียนแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งและทาการสาธิตการปฐมพยาบาลอกี คร้ังข้ันสรปุ 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ 2. ครูตั้งประเด็นคาถามเพ่ือประเมินความรู้ความเข้าใจของนักเรียนจากการสาธิตของครู โดยให้สมาชิกในแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันหาคาตอบ เช่น - ก่อนการทาแผล ควรทาความสะอาดบาดแผลอยา่ งไร - ถ้าเลือดไม่หยุดไหล ควรทาอยา่ งไร - แผลลักษณะใดทไี่ มค่ วรปดิ แผลด้วยผ้ากอ๊ ซ 3. ครูตรวจสอบคาตอบ และอธิบายความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนตระหนักถึงความสาคัญของการปฐมพยาบาลท่ถี กู วิธี
4. นักเรียนร่วมกันสรุปวิธีการปฐมพยาบาลเม่ือถูกของมีคมบาดจากนั้นร่วมกันฝึกปฏิบัติการปฐมพยาบาลโดยใหส้ มาชกิ กลุม่ รว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง9. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง่ เรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ป.2 2. อปุ กรณ์ในการปฐมพยาบาล 3. หอ้ งสมดุ ในโรงเรียนและอินเทอร์เนต็10. การวดั ผลและประเมนิ ผล วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์ประเมินการนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ รายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สังเกตความมวี ินยั ใฝเุ รยี นรู้ และมี ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ความรบั ผดิ ชอบ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
แผนการจัดการเรยี นรู้ จานวน 1 ชว่ั โมงแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 เรอื่ ง การบาดเจ็บจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย จานวน 8 ชัว่ โมงหนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เรื่อง การบาดเจบ็ และการเจ็บปวุ ยกลุม่ สาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษาชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31ครูผู้สอน นางสาวอรณัชชา เจริญสขุ1. สาระสาคัญ การบาดเจ็บจากการถูกแมลงสัตว์กดั ต่อย ควรปฐมพยาบาลและปฏิบัติตนอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความรุนแรงของอาการบาดเจบ็ ได้2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัดชัน้ ปี/ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณคา่ และมที ักษะในการสร้างเสริมสุขภาพ การดารงสขุ ภาพ การปอู งกนั โรคและการสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ ตัวชีว้ ดั พ 4.1 ป.2/4 อธบิ ายอาการและวิธีปูองกันการเจ็บปุวย การบาดเจบ็ ท่ีอาจเกดิ ข้ึน พ 4.1 ป.2/5 ปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาเมอ่ื มีอาการเจ็บปุวยและบาดเจบ็ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1) อธบิ ายอาการบาดเจบ็ จากการถกู แมลงสตั ว์กัดต่อยได้ 2) ปฏบิ ัตติ นอยา่ งถูกวธิ ีเม่อื ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแมลงสตั ว์กัดต่อยได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลกั : Knowledge 1) อาการและวิธีปอู งกันการบาดเจ็บจากแมลงสัตว์กดั ต่อย 2) ปฏบิ ัติตนอย่างถกู วธิ ีเม่ือบาดเจบ็ จากแมลงสัตว์กดั ต่อย 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) นักเรียนสามารถบอกอาการและวิธีปูองกันการบาดเจบ็ จากแมลงสตั วก์ ดั ตอ่ ย 2) ปฏิบัติตนอย่างถูกวธิ ีเมื่อบาดเจ็บจากแมลงสัตว์กัดต่อย 3.3 คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มคี วามรบั ผิดชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ5. คุณลกั ษณะของวิชา - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่
6. คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มีความรับผดิ ชอบ7. ชิน้ งาน/ภาระงาน นาเสนอ8. กจิ กรรมการเรียนรู้ขัน้ นา 1. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุน้ ความคดิ ถ้าเพ่อื นถูกผงึ้ ต่อย นักเรียนจะมีวิธีช่วยเหลอื อย่างไร 2. ครถู ามนกั เรยี นว่า เคยถกู แมลงสัตว์กัดตอ่ ยหรอื ไม่ แลว้ นักเรยี นมวี ิธปี ฏบิ ัติตนอยา่ งไร 3. ครูใหน้ ักเรียนกลมุ่ เดมิ (จากแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1) ร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง การบาดเจ็บจากการถกู แมลงสตั ว์กัดต่อย จากหนงั สอื เรยี น โดยครูกาหนดประเด็นในการปฐมพยาบาล ดงั นี้ 1) การปฐมพยาบาลเมื่อถกู ผง้ึ ต่อ แตนต่อย 2) การปฐมพยาบาลเม่ือถกู สุนัขกัด 3) การปฐมพยาบาลเมอ่ื ถูกงกู ัด 4. สมาชิกแตล่ ะคนในกลมุ่ ผลดั กนั อธบิ ายวิธกี ารปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บในแต่ละประเด็นท่ีครูกาหนด จนเกิดความร้คู วามเขา้ ใจในแตล่ ะข้นั ตอนของการปฐมพยาบาลขน้ั สอน 1. ครูสาธิตการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อยให้นักเรียนดูตามประเด็นดงั นี้ 1) ถกู ผ้งึ ต่อ แตนตอ่ ย 2) ถูกสนุ ขั กดั 3) ถูกงกู ัด 2. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ฝกึ ปฏิบตั ิการปฐมพยาบาลผู้ได้รับ บาดเจ็บ ตามประเด็นท่ีครูกาหนด ตามแบบที่ได้ดูจากครู 3. สมาชิกในแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏิบัติและตรวจสอบความถูกต้องของการปฐมพยาบาลในแต่ละวิธีหากมขี อ้ บกพรอ่ งให้รว่ มกนั สรปุ ข้อบกพร่อง และหาแนวทางการแกไ้ ขใหถ้ ูกต้องรว่ มกันขัน้ ฝึก 1. นกั เรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด 2. ครใู ห้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนออกมาจับสลากวธิ กี ารปฐมพยาบาลผไู้ ดร้ บั บาดเจบ็ ดงั น้ี - สลากหมายเลข 1 การปฐมพยาบาลเมื่อถกู ผง้ึ ตอ่ แตนต่อย - สลากหมายเลข 2 การปฐมพยาบาลเมื่อถูกสุนัขกดั - สลากหมายเลข 3 การปฐมพยาบาลเมอื่ ถูกงูกดั 3. สมาชกิ ในแต่ละกลุ่มรว่ มกันวางแผนในการปฐมพยาบาลผู้ได้รบั บาดเจบ็ ตามสลากท่ีจบั ได้ 4. สมาชิกในแต่ละกลุ่มปฏิบัติการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บตามที่จับสลากได้ ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และใหค้ าแนะนาถา้ มีขอ้ บกพร่อง
ขนั้ สรุป 1. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มฝกึ ปฏบิ ตั ิการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย จนเกิดความชานาญ 2. นักเรียนร่วมกนั บอกประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถกู แมลงสตั ว์กัดตอ่ ย และแนวทางในการนาความรไู้ ปปรบั ใชใ้ นชีวิตประจาวัน9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน สุขศึกษาและพลศึกษา ป.2 2. อุปกรณ์ในการปฐมพยาบาล 3. ห้องสมดุ ในโรงเรยี นและอินเทอรเ์ น็ต 4. สลาก10. การวัดผลและประเมินผล วิธกี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์ประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สังเกตความมวี นิ ัย ใฝเุ รียนรู้ และมี รายบคุ คล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ความรบั ผิดชอบ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
แผนการจัดการเรยี นรู้ จานวน 1 ช่ัวโมงแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 เรอ่ื ง การบาดเจ็บจากการพลัดตก หกลม้ จานวน 8 ชั่วโมงหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง การบาดเจ็บและการเจ็บปวุ ยกล่มุ สาระการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษาชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31ครผู สู้ อน นางสาวอรณชั ชา เจริญสขุ1. สาระสาคญั การบาดเจบ็ จากการพลดั ตก หกลม้ ทาให้เกิดบาดแผลที่มีลักษณะเป็นแผลถลอก แผลฟกช้า ห้อเลือดควรปฐมพยาบาลและปฏิบตั ติ นอย่างถกู วิธี จะชว่ ยลดความรุนแรงของอาการบาดเจ็บได้2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้วี ัดชั้นปี/ผลการเรยี นร/ู้ เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณค่าและมีทักษะในการสรา้ งเสริมสขุ ภาพ การดารงสุขภาพ การปูองกันโรคและการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพ่ือสขุ ภาพ ตวั ชี้วัด พ 4.1 ป.2/4 อธิบายอาการและวธิ ปี ูองกันการเจ็บปุวย การบาดเจ็บท่ีอาจเกดิ ข้ึน พ 4.1 ป.2/5 ปฏิบตั ิตามคาแนะนาเม่ือมีอาการเจ็บปวุ ยและบาดเจ็บ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) อธิบายอาการบาดเจบ็ ทีเ่ กดิ จากแผลถลอก แผลฟกชา้ หอ้ เลือดได้ 2) ปฏิบตั ิตนอยา่ งถกู วธิ เี ม่อื ไดร้ บั บาดเจ็บจากแผลถลอก แผลฟกชา้ หอ้ เลอื ดได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอื้ หาสาระหลกั : Knowledge 1) อาการและวธิ ีปูองกนั การบาดเจบ็ จากการหกล้ม 2) ปฏิบัติตนอย่างถกู วธิ ีเมื่อบาดเจ็บจากการหกลม้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรียนสามารถบอกอาการและวธิ ีปูองกันการบาดเจบ็ จากการหกลม้ 2) ปฏบิ ตั ติ นอย่างถกู วธิ เี ม่ือบาดเจ็บจากการหกล้ม 3.3 คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ : Attitude 1. มวี ินัย 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มีความรับผดิ ชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
6. คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มคี วามรับผิดชอบ7. ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 1.3 เร่ือง โรคภยั ไข้เจบ็ 2. ใบงานท่ี 1.4 เรือ่ ง รอบร้เู ร่ืองโรค8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ขน้ั นา 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตุน้ ความคิด 2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สนทนาความรู้เกย่ี วกบั บาดแผล พลัดตก หกลม้ขั้นสอน 1. ครูใหน้ ักเรยี นกลุม่ เดิม (จากแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1) ร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง การบาดเจ็บจากการพลดั ตก หกล้ม จากหนงั สือเรียนหรือบทเรียนคอมพิวเตอร์ Smart L.O. LMS Lite โดยครูกาหนดประเด็นในการปฐมพยาบาล ดังน้ี 1) การปฐมพยาบาลบาดแผลถลอก 2) การปฐมพยาบาลบาดแผลฟกช้า หอ้ เลอื ด 2. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มผลัดกันอธิบายวิธีการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บในแต่ละประเด็นที่ครูกาหนด จนเกิดความรคู้ วามเขา้ ใจในแต่ละขัน้ ตอนของการปฐมพยาบาล 3. ครูขออาสาสมัครนักเรยี น 1 คน ออกมาเปน็ แบบในการสาธิตการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลถลอก และบาดแผลฟกช้า ห้อเลือด โดยครูแนะนาอุปกรณ์ในการปฐมพยาบาล และอธิบายลักษณะของบาดแผล 4. ครูสาธิตการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลถลอก และบาดแผลฟกช้า ห้อเลือด พร้อมอธบิ ายประกอบในแตล่ ะข้ันตอน 5. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ฝึกปฏิบตั กิ ารปฐมพยาบาลผไู้ ด้รับบาดเจ็บ ตามประเดน็ ทีค่ รูกาหนดขั้นสรปุ 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มสาธิตการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลถลอก และบาดแผลฟกช้าหอ้ เลือด พร้อมอธบิ ายประกอบการสาธติ 2. นักเรียนกลุ่มอืน่ ๆ และครรู ่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 3. นักเรียนร่วมกันบอกประโยชน์ท่ีได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ9. ส่ือการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน สุขศกึ ษาและพลศึกษา ป.2 2. อุปกรณ์ในการปฐมพยาบาล 3. ห้องสมุดในโรงเรียนและอินเทอร์เนต็
10. การวดั ผลและประเมนิ ผล วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ รายบคุ คล ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝเุ รียนรู้ และมี แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ความรบั ผดิ ชอบ กลุ่ม แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึง ประสงค์
แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน 1 ชั่วโมงแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 เรอ่ื ง การปฐมพยาบาลเมื่อมีอาการเจ็บปวุ ยและบาดเจ็บ จานวน 8 ชั่วโมงหน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง การบาดเจ็บและการเจบ็ ปวุ ยกลุ่มสาระการเรียนรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษาชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31ครผู สู้ อน นางสาวอรณชั ชา เจรญิ สขุ1. สาระสาคัญ การเจ็บปุวยและการบาดเจ็บต่างๆ เกิดขึ้นได้บ่อยคร้ังหากขาดความระมัดระวัง เม่ือเกิดอาการเจ็บปุวยและอาการบาดเจ็บควรปฏิบัติตนอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความรุนแรงของอาการเจ็บปุวยและอาการบาดเจ็บได้2. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชว้ี ดั ช้นั ปี/ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 4.1 เหน็ คุณค่าและมที ักษะในการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ การดารงสุขภาพ การปอู งกันโรคและการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพื่อสขุ ภาพ ตวั ชี้วัด พ 4.1 ป.2/4 อธบิ ายอาการและวิธปี อู งกนั การเจ็บปุวย การบาดเจบ็ ท่ีอาจเกิดขึน้ พ 4.1 ป.2/5 ปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาเมอ่ื มีอาการเจบ็ ปุวยและบาดเจบ็ จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1) บอกวิธีปฏบิ ตั ิเม่อื มีอาการเจบ็ ปุวยและไดร้ ับบาดเจ็บตา่ งๆ ได้ 2) ปฏบิ ัตติ นอยา่ งถูกวิธีเม่ือมีอาการเจบ็ ปวุ ยและได้รบั บาดเจบ็ ตา่ งๆ ได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge 1) อาการเจ็บปุวยและไดร้ บั บาดเจ็บต่างๆ ได้ 2) การปฏบิ ัตติ นอย่างถูกวิธีเมื่อมีอาการเจ็บปวุ ยและได้รับบาดเจ็บตา่ งๆ ได้3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรยี นสามารถบอกอาการเจ็บปุวยและไดร้ บั บาดเจ็บต่างๆ ได้ 2) ปฏบิ ัติตนอยา่ งถกู วธิ เี ม่ือเม่ือมีอาการเจ็บปุวยและได้รบั บาดเจ็บตา่ งๆ ได้ 3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude 1. มวี นิ ยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มีความรบั ผดิ ชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการส่ือสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ5. คุณลักษณะของวิชา - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม
6. คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มคี วามรับผิดชอบ7. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง โรคภัย ไขเ้ จบ็ 2. ใบงานที่ 1.4 เร่ือง รอบรเู้ ร่ืองโรค8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ขน้ั นา 1. นักเรยี นรวมกลุ่มเดิม (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1) จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นเลอื กผูน้ ากลมุ่ 1 คน 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับสลาก ในประเด็นที่ครูกาหนด กลุ่มละ 2 ประเด็นดงั น้ี 1) โรคไขห้ วดั 2) โรคตาแดง 3) ทอ้ งเสีย 4) บาดเจ็บจากของมีคม 5) บาดเจบ็ จากการถูกแมลงสัตว์กดั ตอ่ ย 6) บาดเจ็บจากการพลัดตก หกลม้ขั้นสอน 1. สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนในการศึกษาความรู้ และวิธีการปฐมพยาบาลเมื่อมีอาการเจ็บปุวยและบาดเจ็บ ตามประเด็นทีจ่ ับสลากได้ 2. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนเคยทาแผลด้วยอุปกรณ์ในการ ปฐมพยาบาลอะไรบ้าง 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันออกมาสาธิตการปฐมพยาบาลเม่ือมีอาการเจ็บปุวยและบาดเจ็บ ตามประเด็นท่จี บั สลากได้ ตามทไ่ี ด้วางแผนร่วมกนั ไวใ้ นข้นั ท่ี 2 ด้วยความรับผิดชอบ 4. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนคิดว่า การปฐมพยาบาลลดความเจ็บปวดได้หรือไม่จงอธบิ ายขั้นสรุป ครูประเมินผลการสาธิตการปฐมพยาบาลของนักเรียนเป็นรายกลุ่ม พร้อมกับให้คาแนะนาในจุดท่ีบกพร่อง นักเรียนแต่ละกลุ่มปรับปรุงผลงานการสาธิตการปฐมพยาบาลตามคาแนะนาของครู เพ่ือที่จะสามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน9. สอ่ื การเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1. หนังสือเรยี น สุขศึกษาและพลศึกษา ป.2 2. อุปกรณใ์ นการปฐมพยาบาล 3. ห้องสมุดในโรงเรยี นและอินเทอรเ์ นต็ 4. สลาก
10. การวดั ผลและประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมือ เกณฑ์ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคลสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สังเกตความมวี นิ ัย ใฝเุ รยี นรู้ และมีความ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์รบั ผดิ ชอบตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการ แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์เรียนรู้ท่ี 1 ที่ 1สงั เกตการสาธติ การปฐมพยาบาลเมื่อมี แบบประเมนิ การสาธิตการปฐมพยาบาล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์อาการเจ็บปวุ ยและบาดเจ็บ เมือ่ มอี าการเจ็บปุวยและบาดเจบ็ การปร
แบบประเมินการสาธติ การปฐมพยาบาลเม่อื มอี าการเจบ็ ปว่ ยและบาดเจ็บลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3211 การอธบิ ายอาการและวิธีปูองกันการเจ็บปวุ ย2 การสาธติ การปฐมพยาบาลเมื่อมีอาการเจบ็ ปุวย3 การอธบิ ายอาการและวธิ ปี อู งกันการบาดเจ็บ4 การสาธติ การปฐมพยาบาลเมื่อมีอาการบาดเจ็บ รวม ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.................../................เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ดี = 3 คะแนน พอใช้ = 2 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปรบั ปรงุ = 1 คะแนน 10 - 12 ดี 6 - 9 พอใช้ ต่ากวา่ 6 ปรบั ปรงุ
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานคาชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการทกี่ าหนด แล้วขีด ลงในช่อง ท่ตี รงกับระดบั คะแนนลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3211 ความถกู ต้องของเนื้อหา2 ความคดิ สรา้ งสรรค์3 วิธกี ารนาเสนอผลงาน4 การนาไปใชป้ ระโยชน์5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ .................................................... ผูป้ ระเมิน ................ /................ /................เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพผลงานหรอื พฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางส่วน ให้ 2 คะแนน 12 - 15 ดีผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1คะแนน 18 - 11 พอใช้ ต่ำกว่ำ 8 ปรับปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 1 ช่ัวโมงแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 9 เรอื่ ง สาเหตขุ องอุบตั ิเหตทุ างบก จานวน 5 ชัว่ โมงหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง อุบัติเหตุและการปอู งกนักลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษาชั้นประถมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31ครูผู้สอน นางสาวอรณชั ชา เจรญิ สุข1. สาระสาคัญ อบุ ตั เิ หตทุ างบกเกดิ ขนึ้ ไดจ้ ากหลายสาเหตุ จึงตอ้ งมีวิธปี ูองกนั อย่างถกู ตอ้ ง2. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ดั ช้ันป/ี ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 5.1 ปอู งกันและหลกี เลี่ยงปจั จยั เสีย่ ง พฤติกรรมเสย่ี งต่อสขุ ภาพ อุบัตเิ หตุ การใช้ยาสารเสพติด และความรุนแรง ตัวชว้ี ดั พ 4.1 ป.2/1 ปฏบิ ัตติ นในการปูองกันอบุ ตั ิเหตี่อาจเกิดข้ึนทางนา้ และทางบก จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) บอกสาเหตุของการเกดิ อบุ ัตเิ หตุทางบกได้3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอื้ หาสาระหลัก : Knowledge 1) สาเหตุของการเกดิ อบุ ัติเหตทุ างบก 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรียนสามารถบอกสาเหตุของการเกิดอุบัตเิ หตุทางบก 3.3 คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude 1. มีวินัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด (ทกั ษะการนาความรู้ไปใช)้ 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ5. คณุ ลกั ษณะของวิชา - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่6. คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มคี วามรับผดิ ชอบ7. ช้ินงาน/ภาระงาน ใบงานท่ี 2.1 เรอื่ ง สาเหตขุ องการเกดิ อุบตั ิเหตทุ างบก
8. กิจกรรมการเรยี นรู้ข้ันนา 1. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ 2. ครซู ักถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั การเดนิ ทางมาโรงเรียนว่า นักเรียนเดินทางมาอย่างไร เพ่ือให้ได้คาตอบที่หลากหลาย เชน่ เดิน โดยสารรถประจาทาง เรอื โดยสาร จักรยานยนต์ จกั รยาน เป็นต้น 3. ครูให้นักเรียนบอกข้อปฏิบัติของนักเรียนในการเดินทางมาโรงเรียนอย่างปลอดภัย เช่น เดินมาโรงเรยี น - เดินบนฟตุ บาทและชดิ ด้านขวา - ข้ามถนนตรงทางมา้ ลายเม่อื มีสญั ญาณไฟเขยี ว หรือข้ามถนนโดยใชส้ ะพานลอย 4. ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ ว่า การเดินทางอย่างระมัดระวัง เป็นวิธีท่ีสามารถปูองกันอุบัติเหตุได้อีกทางหนึ่งข้นั สอน 1. ครูแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความ สามารถ คือ เก่ง ปานกลางค่อนข้างเก่งปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน จากนั้นให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง สาเหตุของอุบัติเหตุทางบก จากหนังสือเรยี น 2. ครูให้นักเรียนร่วมกันอธิบายความหมายของคาว่า อุบัติเหตุ ถ้านักเรียนยังอธิบายไม่ได้ ให้ครูยกตัวอยา่ งเหตกุ ารณก์ ารเกดิ อบุ ัติเหตุ เพอื่ ใหน้ ักเรียนเกิดความเข้าใจมากขน้ึ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า อุบัติเหตุ หมายถึง เหตุที่เกิดข้ึนโดยไม่คาดคิด ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ พกิ าร และ อาจเสียชวี ติ ได้ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางทางบกตามทไ่ี ด้ยกตวั อยา่ ง เช่น - ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร - ฝนตกหนกั ถนนลื่น - ขับรถขณะเมาสุรา - ขาดความชานาญเส้นทาง 5. ครสู ุ่มตวั แทนนักเรยี น 2-3 กลมุ่ สรปุ ผลการอภปิ ราย 6. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทาใบงานท่ี 2.1 เรื่อง สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางบก โดยให้สมาชิกแต่ละคนเขียนแผนผังก้างปลาด้วยตนเองจนเสร็จ จากนั้นจับคู่กับเพ่ือนในกลุ่มผลัดกันแสดงแผนผังกา้ งปลา พรอ้ มอธิบายคาตอบของตนเอง (สมาชิกอกี คู่ในกล่มุ ก็ปฏบิ ัติกจิ กรรมเช่นเดยี วกนั ) 7. นักเรียนรวมกลุ่มเดิม (4 คน) ผลัดกันแสดงแผนผังก้างปลา พร้อมอธิบายคาตอบของคู่ตนเองให้เพอ่ื นอกี คหู่ นง่ึ ในกล่มุ ฟงั เพอ่ื หาขอ้ สรุปของคาตอบแลว้ บนั ทกึ ลงในใบงานท่ี 2.1 เสร็จแลว้ นาส่งครตู รวจข้นั สรปุ นกั เรยี นร่วมกันสรุปสาเหตุของการเกดิ อุบัติเหตุทางบก9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ป.2 2. ใบงานท่ี 2.1 เรอ่ื ง สาเหตุของการเกดิ อบุ ตั ิเหตุทางบก 3. ห้องสมุดในโรงเรียนและอินเทอร์เน็ต
10. การวัดผลและประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ย แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ )การเรยี นรู้ที่ 2 2ตรวจใบงานท่ี 2.1 ใบงานที่ 2.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์สังเกตพฤตกิ รรมการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์รายบคุ คล รายบคุ คลสังเกตพฤติกรรมการทางานกล่มุ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สังเกตความมวี ินัย ใฝเุ รียนรู้ และมีความรับผดิ ชอบ แบบประเมินคุณลักษณะอันพึง ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ การปร
ใบงานท่ี 2.1สาเหตุของการเกดิ อุบัติเหตทุ างบก10.1คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเขียนแผนผงั แสดงสาเหตุของการเกดิ อบุ ัตเิ หตทุ างบก
แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 10คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว1. ขณะเดินทางตามถนน ไม่ควรทาสงิ่ ใด 6. ถา้ จะข้ามถนน ควรปอู งกนั ตนเองจากอบุ ัตเิ หตุ ก. เดนิ บนทางเทา้ ชิดด้านใน อยา่ งไร ข. เดินชิดไหล่ทางดา้ นขวา ค. เดินชดิ ไหล่ทางดา้ นซ้าย ก. ขา้ มตรงทางมา้ ลาย ข. เดนิ ข้ามบริเวณรถติด2. เพราะเหตุใด ไม่ควรยืนโหนทปี่ ระตู ค. วิ่งข้ามถนนทันที ก. อาจพลดั ตกรถได้ 7. เพราะเหตุใด ควรใส่เสือ้ สีขาวหรือสสี ว่าง ขณะ ข. อาจถูกตารวจจราจรปรบั เดนิ ทาง ในเวลากลางคนื ค. ทาให้ผ้อู น่ื ขนึ้ หรือลงรถลาบาก ก. ทาใหผ้ วิ ดูขาวข้ึน ข. ดสู วยงาม และประทับใจ3. ใครปฏิบตั ติ นในการขีจ่ ักรยานไดถ้ ูกต้อง ค. เพอ่ื ใหผ้ ขู้ ับข่มี องเห็นได้ชัดเจน ก. ฟูาขจี่ ักรยานชดิ ขอบทางขวาของถนน 8. ข้อใดเปน็ สาเหตขุ องการเกิดอุบตั เิ หตุทางน้า ข. ฝาู จับจักรยานด้วยมอื ข้างเดียว ก. ผู้โดยสารลงเรืออยา่ งเปน็ ระเบยี บ ค. ฟางตรวจสภาพจักรยานกอ่ นขี่ ข. ฝนตก มพี ายุ ค. ผู้ขบั เรอื ไมด่ ม่ื สุรา4. ข้อใดเป็นการปูองกันอุบตั ิเหตุทางน้า 9. เมือ่ ลงเรือแล้วควรปฏิบัตติ นอย่างไร ก. น่งั บนกราบเรอื ก. เดนิ เข้าไปในตวั เรอื ข. ยนื รอเรอื ทีโ่ ปฺะเรอื ข. นัง่ ท่ีกราบเรือ ค. สวมเสอ้ื ชูชีพขณะโดยสารเรือทางไกล ค. ว่งิ เล่นในเรือ 10. เพราะเหตุใด ควรยนื รอรถไฟฟูาหลงั เสน้ สีเหลอื ง5. ใครปฏบิ ตั ิตนไดป้ ลอดภยั จากอุบตั เิ หตุ ก. เจ้าหนา้ ท่ีรถไฟบังคับ ก. กุ้งยืนรอรถไฟฟาู อยูห่ นา้ เสน้ เหลือง ข. เพื่อปูองกนั ตนเองจากอุบตั ิเหตุ ข. กบิ๊ จบั พนักพิงขณะยนื บนรถโดยสารประจา ค. เพื่อความเป็นระเบยี บ ทาง ค. กุ๊กกระโดดขนึ้ เรือเม่ือเรอื จะออกจากทา่ เทยี บเรอื
แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว1. เพราะเหตุใด ควรใส่เสือ้ สีขาวหรอื สสี ว่าง ขณะ 6. ขอ้ ใดเป็นการปูองกนั อบุ ัติเหตุทางน้า เดนิ ทาง ในเวลากลางคนื ก. ยืนรอเรอื ทโ่ี ปฺะเรือ ก. เพือ่ ใหผ้ ูข้ ับขม่ี องเหน็ ไดช้ ัดเจน ข. สวมเส้อื ชูชีพขณะโดยสารเรอื ทางไกล ข. ทาใหผ้ ิวดขู าวขน้ึ ค. นัง่ บนกราบเรอื ค. ดูสวยงาม และประทับใจ 7. ใครปฏิบัติตนในการขจี่ กั รยานไดถ้ ูกตอ้ ง2. เม่ือลงเรือแล้วควรปฏบิ ัตติ นอยา่ งไร ก. ฝาู จับจกั รยานดว้ ยมือข้างเดยี ว ก. นง่ั ทกี่ ราบเรือ ข. ฟางตรวจสภาพจกั รยานกอ่ นขี่ ข. วิ่งเลน่ ในเรอื ค. ฟูาขจ่ี ักรยานชิดขอบทางขวาของถนน ค. เดินเขา้ ไปในตัวเรอื 8. ใครปฏิบัตติ นไดป้ ลอดภัยจากอุบตั ิเหตุ3. เพราะเหตุใด ควรยนื รอรถไฟฟูาหลังเสน้ สีเหลือง ก. กุ้งยืนรอรถไฟฟูาอยูห่ น้าเสน้ เหลือง ก. เพอื่ ความเป็นระเบียบ ข. กุ๊กกระโดดขนึ้ เรือเมื่อเรอื จะออกจากท่า ข. เพือ่ ปูองกันตนเองจากอบุ ัติเหตุ เทยี บเรอื ค. เจา้ หนา้ ท่ีรถไฟบังคบั ค. ก๊ิบจับพนักพิงขณะยืนบนรถโดยสาร ประจาทาง4. ถ้าจะข้ามถนน ควรปอู งกนั ตนเองจากอบุ ัติเหตุ อย่างไร 9. ขณะเดินทางตามถนน ไมค่ วรทาส่ิงใด ก. เดนิ ชิดไหลท่ างด้านซ้าย ก. วง่ิ ขา้ มถนนทันที ข. เดนิ บนทางเท้าชดิ ด้านใน ข. เดินขา้ มบรเิ วณรถตดิ ค. เดินชดิ ไหล่ทางด้านขวา ค. ข้ามตรงทางม้าลาย5. ขอ้ ใดเป็นสาเหตุของการเกดิ อุบตั เิ หตทุ างนา้ 10. เพราะเหตุใด ไม่ควรยืนโหนทป่ี ระตู ก. ฝนตก มีพายุ ก. อาจถูกตารวจจราจรปรบั ข. ผโู้ ดยสารลงเรอื อย่างเปน็ ระเบียบ ข. อาจพลัดตกรถได้ ค. ผู้ขบั เรือไมด่ ่มื สรุ า ค. ทาให้ผอู้ ืน่ ขึน้ หรือลงรถลาบากเฉลย 1. ก 2. ค 3. ข 4. ค 5. ก 6. ข 7. ข 8. ค 9. ก 10. ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ จานวน 1 ชว่ั โมงแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เร่ือง การปูองกันตนเองขณะเดนิ ทางตามถนน จานวน 5 ชวั่ โมงหน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง อุบัติเหตุและการปูองกนักลุม่ สาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษาชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31ครูผู้สอน นางสาวอรณชั ชา เจริญสุข1. สาระสาคัญ การปูองกันตนเองจากอุบัติเหตุขณะเดินทางตามถนน สามารถปูองกันได้ถ้าไม่ประมาทและมีความระมดั ระวัง2. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชวี้ ัดชน้ั ป/ี ผลการเรียนร/ู้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน พ 5.1 ปูองกนั และหลกี เลีย่ งปัจจยั เส่ยี ง พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ การใชย้ าสารเสพติด และความรุนแรง ตวั ช้ีวดั พ 4.1 ป.2/1 ปฏิบัติตนในการปูองกันอุบตั ิเหต่อี าจเกิดขึ้นทางนา้ และทางบก จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) บอกวธิ ีการปอู งกันตนเองจากอบุ ตั ิเหตุจากการเดนิ ทางตามถนนได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลกั : Knowledge อบุ ัตเิ หตุทางบก - สาเหตขุ องอุบตั ิเหตุทางบก - วธิ กี ารปอู งกันอุบัติเหตุทางบก 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) นกั เรยี นสามารถบอกวิธีการปูองกันตนเองจากอุบัตเิ หตจุ ากการเดินทางตามถนนได้ 3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มีความรบั ผิดชอบ4. สมรรถนะสาคัญของนักเรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด (ทกั ษะการนาความรู้ไปใช้) 4.2 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ5. คุณลักษณะของวชิ า - ความรบั ผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลมุ่6. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มีความรบั ผิดชอบ
7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน การนาเสนอ8. กิจกรรมการเรียนรู้ขน้ั นา 1. นักเรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด นักเรียนมีวิธีปูองกันตนเองให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุขณะเดนิ ทางตามถนนอย่างไร 2. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างวิธีการข้ามถนนที่ปลอดภัยมากท่ีสุด 1 วิธี พร้อมอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ 3. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 3 คน ออกมานาเสนอ พร้อมอธิบาย และยกตัวอย่างประกอบท่ีหน้าชั้นเรยี น 4. ครชู ี้แจงใหน้ ักเรียนทราบว่า การเกดิ อุบัตเิ หตุนนั้ สามารถเกิดไดท้ กุ ท่ีทุกเวลา นกั เรียนจึงควรศึกษาสาเหตุและวธิ ีปอู งกันการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ เพ่ือนามาปรบั ใช้ในชวี ติ ประจาวนั ให้มคี วามปลอดภยั มากท่สี ดุข้นั สอน 1. นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เรื่อง การปอู งกนั ตนเองจากอุบตั เิ หตขุ ณะเดินทางตามถนน จากหนังสือเรียน 2. ครใู หน้ กั เรยี นกลุ่มเดมิ (จากแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1) ร่วมกนั วิเคราะห์สถานการณ์จากเหตุการณ์ที่ครูกาหนดตามที่จบั สลากได้ แลว้ สาธติ การปูองกันอุบตั ิเหตุขณะเดนิ ทางตามถนน ประกอบการอธบิ าย เช่น 1) ปูองขา้ มถนนตรงทางมา้ ลายในตอนกลางคนื เพราะตอ้ ง ไปซอื้ ของใหแ้ มท่ ่ีฝั่งตรงขา้ ม 2) แอนเดนิ กลับบา้ นเองหลงั เลกิ เรยี น โดยต้องเดินทางเท้า ท่ีแคบและมีรถเยอะเข้าไปไกลเกือบ 2 กิโลเมตร 3. ครสู งั เกตการปฏบิ ัติกจิ กรรมรว่ มกันของนกั เรียนแตล่ ะกลุ่ม 4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานที่หน้าช้ันเรียน จากนั้นครู และเพื่อนกลุ่มอื่นสังเกต และแสดงความคิดเหน็ เพิม่ เติม หรอื ซกั ถามข้อสงสยัข้นั สรุป นักเรียนร่วมกนั สรปุ วธิ กี ารปอู งกนั ตนเองจากอบุ ัตเิ หตขุ ณะเดินทางตามถนน9. สอ่ื การเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียน สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ป.2 2. ตวั อย่างสถานการณ์ 3. หอ้ งสมดุ ในโรงเรียนและอินเทอร์เน็ต
10. การวัดผลและประเมินผล วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝุเรียนรู้ และมคี วาม รายบคุ คล ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์รบั ผิดชอบ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึง ประสงค์
แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาชแ้ี จง : ให้ ผ้สู อน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการท่ีกาหนด แลว้ ขีด ลงในช่อง ทตี่ รงกับระดับคะแนนลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3211 นาเสนอเนือ้ หาในผลงานได้ถูกต้อง2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเนื้อเรอื่ ง3 การนาเสนอมีความน่าสนใจ4 การมีสว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่อื .................................................... ผู้ประเมิน ................ /................ /................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางสว่ น ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเปน็ ส่วนใหญ่ 12 - 15 ดี 18 - 11 พอใช้ ตำ่ กวำ่ 8 ปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรยี นรู้แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 11 เรือ่ ง การปอู งกันตนเองขณะเดินทางด้วยรถโดยสารประจาทางจานวน 1 ชวั่ โมงหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 เรือ่ ง อุบตั ิเหตแุ ละการปอู งกนั จานวน 5 ชั่วโมงกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษาชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31ครผู ูส้ อน นางสาวอรณัชชา เจริญสุข1. สาระสาคัญ การปูองกันตนเองจากอุบัติเหตุขณะเดินทางด้วยรถโดยสารประจาทาง รถไฟ หรือรถไฟฟูา สามารถปูองกนั ได้ถ้าไม่ประมาทและมคี วามระมัดระวัง2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั ชั้นป/ี ผลการเรียนรู้/เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 5.1 ปูองกันและหลกี เลี่ยงปัจจยั เส่ียง พฤติกรรมเส่ียงต่อสุขภาพ อบุ ัติเหตุ การใช้ยาสารเสพติด และความรุนแรง ตัวช้ีวดั พ 4.1 ป.2/1 ปฏบิ ตั ติ นในการปูองกนั อุบัตเิ หตี่อาจเกดิ ขึน้ ทางนา้ และทางบก จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1) บอกวิธีการปอู งกันตนเองจากอุบตั เิ หตขุ ณะเดินทางด้วยรถโดยสารประจาทาง รถไฟ หรือรถไฟฟาู ได้3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เน้อื หาสาระหลัก : Knowledge อุบตั เิ หตทุ างบก - สาเหตุของอุบัติเหตุทางบก - วิธกี ารปูองกนั อุบตั ิเหตุทางบก 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) นักเรยี นสามารถบอกวธิ ีการปูองกันตนเองจากอุบัตเิ หตุจากการเดินทางตามถนนได้ 3.3 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude 1. มีวินยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มคี วามรบั ผิดชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรียน 4.1 ความสามารถในการคิด (ทักษะการนาความรู้ไปใช้) 4.2 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต5. คุณลกั ษณะของวชิ า - ความรับผิดชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกลุ่ม6. คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มคี วามรบั ผดิ ชอบ
7. ชนิ้ งาน/ภาระงาน ใบงานท่ี 2.2 เรอื่ ง การปูองกันอบุ ตั เิ หตุทางบกกิจกรรมการเรียนรู้ขั้นนา 1. นักเรยี นตอบคาถามกระตุน้ ความคิด 2. ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างวิธีการขึ้นรถโดยสารประจาทาง รถไฟ หรือรถไฟฟูาท่ีปลอดภัยมากท่ีสุด1 วิธี พร้อมอธบิ ายและยกตวั อยา่ งประกอบข้นั สอน 1. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มเดิมจากแผนการจัดการเรียนรู้ ท่ี 1) กาหนดหมายเลขประจาตัวให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มเป็นหมายเลข 1-4 แล้วแบ่งหน้าที่กันศึกษาและสรุปความรู้เพื่อนามาอภิปราย และแลกเปล่ยี นความรู้กนั ภายในกลมุ่ ดงั น้ี - สมาชิกหมายเลข 1 ศึกษาและสรุปความรู้เก่ียวกับ การปูองกันตนเองขณะเดินทางด้วยรถยนต์ - สมาชกิ หมายเลข 2 ศึกษาและสรปุ ความร้เู กีย่ วกบั การปอู งกันตนเองขณะเดินทางด้วยรถโดยสารรถประจาทาง - สมาชิกหมายเลข 3 ศึกษาและสรุปความรู้เกี่ยวกับ การปูองกันตนเองขณะเดินทางด้วยรถไฟ - สมาชิกหมายเลข 4 ศึกษาและสรุปความรู้เก่ียวกับ การปูองกันตนเองขณะเดินทางด้วยรถไฟฟูา 2. นักเรียนท่ีมีหมายเลขเดียวกันในแต่ละกลุ่มรวมกันเป็น กลุ่มใหม่ เรียกว่า กลุ่มผู้เช่ียวชาญจากนน้ั รว่ มกนั ศึกษาประเดน็ ความรู้ทค่ี รูกาหนด จากหนงั สือเรียนหรอื บทเรียนคอมพิวเตอร์ Smart L.O. LMSLite และหอ้ งสมุด 3. นักเรียนกลุ่มผู้เช่ยี วชาญร่วมกนั อภปิ รายจนเกิดความรู้ ความเข้าใจทถ่ี กู ตอ้ ง แล้วสรปุ ผล 4. นักเรียนกลุ่มผู้เช่ียวชาญแยกย้ายกันกลับเข้าสู่กลุ่มบ้าน เพ่ือ อธิบายและสรุปความรู้เกี่ยวกับการปอู งกนั ตนเองจากอบุ ัติเหตุ ตามประเด็นท่ไี ดศ้ กึ ษา จากนน้ั รว่ มกนั อภปิ รายและสรปุ ผล 5. นักเรยี นทาใบงานที่ 2.2 เร่ือง การปอู งกันอบุ ัติเหตุทางบก เมื่อทาเสร็จแล้วให้ตรวจความเรียบร้อยกอ่ นนาสง่ ครูตรวจขัน้ สรปุ นักเรียนร่วมกันสรุปวิธีปูองกันตนเองจากอุบัติเหตุขณะเดินทางด้วยรถยนต์ รถโดยสารประจาทางรถไฟ และรถไฟฟูา9. สื่อการเรียนการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ป.2 2. ใบงานท่ี 2.2 เร่อื ง การปูองกนั อุบัติเหตุทางบก 3. หอ้ งสมดุ ในโรงเรยี นและอินเทอร์เนต็
10. การวัดผลและประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์ตรวจใบงานท่ี 2.2 ใบงานท่ี 2.2 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสังเกตพฤติกรรมการทางาน ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ รายบุคคลสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์สังเกตความมีวนิ ัย ใฝุเรยี นรู้ และมี แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ความรับผิดชอบ
ใบงานท่ี 2.2 การปอ้ งกนั อุบัตเิ หตุทางบกคาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขียนแผนผงั ความคดิ แสดงวธิ ีการปูองกนั ตนเองจากอุบัติเหตุขณะเดนิ ทางดว้ ยรถยนต์ รถโดยสารประจาทาง รถไฟ รถไฟฟูา วิธีการป้องกันตนเองจากอุบัตเิ หตขุ ณะเดนิ ทาง ดว้ ยรถยนต์ รถโดยสารประจาทาง รถไฟ รถไฟฟ้า
แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน ประเมินการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการที่กาหนด แลว้ ขดี ลงในชอ่ ง ท่ตี รงกับระดบั คะแนนลาดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3211 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา2 ความคดิ สร้างสรรค์3 วิธีการนาเสนอผลงาน4 การนาไปใชป้ ระโยชน์5 การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ .................................................... ผูป้ ระเมิน ................ /................ /................เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพผลงานหรือพฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางสว่ น ให้ 2 คะแนน 12 - 15 ดีผลงานหรือพฤติกรรมมขี ้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1คะแนน 18 - 11 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ จานวน 1 ชว่ั โมงแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 12 เรอื่ ง อุบตั เิ หตุทางน้า จานวน 5 ชั่วโมงหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เร่ือง อุบตั เิ หตุและการปูองกนักลุ่มสาระการเรียนรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31ครผู สู้ อน นางสาวอรณัชชา เจริญสุข1. สาระสาคญั อบุ ัตเิ หตุทางนา้ เกิดขึ้นไดห้ ลายสาเหตุ จึงตอ้ งมวี ิธปี ูองกันอย่างถกู ตอ้ ง2. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชีว้ ัดช้นั ปี/ผลการเรียนรู/้ เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 5.1 ปอู งกนั และหลีกเล่ยี งปัจจัยเส่ียง พฤติกรรมเสยี่ งตอ่ สุขภาพ อุบัติเหตุ การใชย้ าสารเสพติด และความรนุ แรง ตวั ชวี้ ัด พ 4.1 ป.2/1 ปฏิบัตติ นในการปูองกันอบุ ัติเหตอ่ี าจเกดิ ข้นึ ทางน้าและทางบก จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1) บอกสาเหตขุ องการเกดิ อบุ ตั เิ หตุทางน้าได้ 2) บอกวิธีการปฏิบัตติ นในการปอู งกันการเกิดอุบัติเหตทุ างนา้ ได้3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลกั : Knowledge อุบตั ิเหตทุ างนา้ - สาเหตุของอุบตั ิเหตุทางน้า - วิธีการปูองกนั อุบตั ิเหตทุ างน้า 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ : Process 1) นักเรยี นสามารถบอกวิธีการปูองกนั ตนเองจากอุบัติเหตุจากการเดินทางตามถนนได้ 3.3 คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ : Attitude 1. มีวินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มีความรบั ผดิ ชอบ4. สมรรถนะสาคญั ของนกั เรยี น 4.1 ความสามารถในการคิด (ทักษะการนาความรู้ไปใช้) 4.2 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต5. คณุ ลักษณะของวชิ า - ความรบั ผดิ ชอบ - ความรอบคอบ - กระบวนการกล่มุ6. คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มีความรับผิดชอบ
Search