-2- เปา้ หมาย ต้นรอบการประเมิน ผรู้ ับการประเมินเป็นผกู้ รอกค่าเป้าหมายของแตล่ คาดหวังในชว่ งระยะเวลารอบการประเมิน และค่าเป้าหมายของผู้ประเมนิ หรอื หนว่ ยง 1) เชงิ ปรมิ าณ หมายถงึ ผลงานท่ีเป็นจานวนวดั ได้ 2) เชิงคณุ ภาพ หมายถึง ความถกู ต้อง ความสมบูรณ์ และความเรียบร้อย 3) เชงิ ประโยชน์ หมายถงึ ความรวดเร็วหรอื ความตรงตามเวลาทก่ี าหนด ห ผลการปฏิบัติงาน สิ้นรอบการประเมิน ผ้ปู ระเมินเป็นผู้กรอกค่าคะแนน โดยเปร โดยผลสาเร็จของงานทท่ี าได้ สามารถเทยี บเปน็ คะแนนได้ ดังนี้ ผลสาเร็จของงานเทยี บกบั เป้าหมาย คะแนน (เชิงปริมาณ (8) และเชงิ คุณภาพ (9)) 0.5 (รอ้ ยละ) 1 1.5 ไม่ถึงรอ้ ยละ 60 ของเป้าหมาย 2 ตัง้ แตร่ ้อยละ 60 แต่ไม่ถึงรอ้ ยละ 70 ของเปา้ หมาย 2.5 3 ตั้งแตร่ อ้ ยละ 70 แต่ไมถ่ ึงร้อยละ 80 ของเป้าหมาย ต้งั แต่ร้อยละ 80 แต่ไมถ่ งึ รอ้ ยละ 90 ของเป้าหมาย ต้ังแตร่ อ้ ยละ 90 ถึงรอ้ ยละ 100 ของเปา้ หมาย เกนิ กว่าเป้าหมายทกี่ าหนด
ละตวั ชี้วดั ท่ีมีการตกลงร่วมกับผปู้ ระเมิน ซึ่งค่าเปา้ หมายตอ้ งสอดคล้องกบั ผลงานท่ี งาน ประกอบด้วยเป้าหมาย 3 มิติ ดังน้ี ยของผลงาน หรอื ความประหยดั หรือความคุ้มคา่ ของการใชท้ รพั ยากร รียบเทียบผลสาเรจ็ ของงานกบั เปา้ หมายที่ตกลงร่วมกันไว้ในแตล่ ะมิติ ต้ังแต่ตน้ รอบ ผลสาเร็จของงานเทียบกับเปา้ หมาย คะแนน (เชงิ ประโยชน์ (10)) (รอ้ ยละ) 0.5 1 ไม่ถงึ รอ้ ยละ 70 ของเป้าหมาย 1.5 ตง้ั แตร่ อ้ ยละ 70 แต่ไมถ่ งึ ร้อยละ 75 ของเปา้ หมาย 2 2.5 ตงั้ แต่รอ้ ยละ 75 แตไ่ ม่ถึงร้อยละ 80 ของเปา้ หมาย 3 ตัง้ แตร่ ้อยละ 80 แตไ่ มถ่ งึ รอ้ ยละ 85 ของเปา้ หมาย 3.5 ตง้ั แต่ร้อยละ 85 แต่ไมถ่ ึงร้อยละ 90 ของเปา้ หมาย 4 ต้งั แตร่ ้อยละ 90 แต่ไม่ถึงรอ้ ยละ 95 ของเป้าหมาย ตง้ั แต่ร้อยละ 95 ถงึ รอ้ ยละ 100 ของเป้าหมาย เกินกวา่ เปา้ หมายท่กี าหนด
-3 รวมคะแนนผลการปฏิบัติงาน สิ้นรอบการประเมิน ผู้ประเมินเป็นผู้กรอกคะแน + เชงิ ประโยชน)์ ทป่ี ระเมินไดม้ ารวมกัน โดยมคี ะแนนเต็มแตล่ ะตัวช้ีวัดเทา่ กับ 10 คะ ผลสัมฤทธ์ิของงาน ส้ินรอบการประเมนิ ผู้ประเมินเปน็ ผกู้ รอกผลการประเมินตา ผลสัมฤทธข์ิ องงาน = (นา้ หนกั x รวมคะแนนผลการปฏิบตั งิ าน)/10 (ตัว เหตผุ ลท่ีทาใหง้ านบรรลุ/ไม่บรรลุเปา้ หมาย สิ้นรอบการประเมิน ผปู้ ระเมินเปน็ ผู้ก ประเมนิ นนั้ ๆ สว่ นท่ี 2 พฤติกรรมการปฏิบตั ริ าชการ (สมรรถนะ) ในสว่ นท่ีจะเปน็ การประเมนิ พฤติกรรมการปฏบิ ัติราชการ สดั สว่ นรอ้ ยละ ตัวชีว้ ัดสมรรถนะ ประกอบดว้ ย สมรรถนะหลัก สมรรถนะประจาผู้บรหิ าร และส (1) สมรรถนะหลัก (Core Competency) คือ สมรรถนะเชิงพฤติกรรมที่กาหนดเป็น พฤติกรรม และค่านิยมท่ีพึงประกาศร่วมกัน เพอ่ื ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดตอ่ องคก์ ร ป 1.1) การมุ่งผลสัมฤทธ์ิ 1.2) การยึดม่ันในความถกู ตอ้ งและจริยธรรม 1.3) การเข้าใจในองค์กรและระบบงาน 1.4) การบริการเปน็ เลศิ 1.5) การทางานเปน็ ทมี (2) สมรรถนะประจาผู้บรหิ าร (Managerial Competency) คือ สมรรถนะที่ผู้บริหา ผ้ใู ตบ้ ังคับบัญชาใหส้ ามารถปฏิบัติหน้าที่ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับวัต ประเภทอานวยการท้องถ่นิ ประกอบดว้ ย 2.1) การเป็นผนู้ าในการเปลย่ี นแปลง 2.2) ความสามารถในการเป็นผูน้ า 2.3) ความสามารถในการพฒั นาคน 2.4) การคดิ เชิงกลยทุ ธ์
3- นนท่ปี ระเมนิ ได้ โดยนาคะแนนจากช่องผลการปฏิบัติงาน (เชิงปริมาณ+เชงิ คณุ ภาพ ะแนน ามสูตรคานวณ ดังน้ี วเลขทศนิยม 2 ตาแหนง่ ) กรอกโดยให้ระบุเหตุผลท่ีทาให้งานบรรลุเป้าหมายหรือไม่บรรลุเป้าหมายในรอบ การ ะ 30 ประกอบด้วย สมรรถนะประจาสายงาน ตามมาตรฐานกาหนดตาแหนง่ แตล่ ะตาแหน่ง ดังน้ี นคุณลักษณะรว่ มของขา้ ราชการทุกคนท่ีจาเป็นต้องมีเพื่อเป็นการหล่อหลอมให้เกิด ประชาน และประเทศชาติ ประกอบด้วย ารจาเป็นต้องมีในฐานะผู้นาหรือผู้บงั คับบญั ชาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนาทีมงานหรือ ตถุประสงค์ขององค์กร โดยใชป้ ระเมนิ เฉพาะตาแหน่งประเภทบริหารท้องถนิ่ และ
-4- (3) สมรรถนะประจาสายงาน (Functional Competency) คือ สมรรถนะทก่ี าหนดเฉพาะ นนั้ ๆ สามารถปฏิบัตภิ ารกิจในหน้าท่ีได้ดีย่ิงข้ึน และบรรลตุ ามวัตถุประสงค์ขององคก์ วิชาการ และประเภทท่วั ไป โดยต้นรอบการประเมิน ผู้รับการประเมินเป็นผู้กรอกสม นา้ หนกั ต้นรอบการประเมิน ผู้รบั การประเมินเปน็ ผกู้ รอกคา่ นา้ หนักแต่ละสมรรถ ซง่ึ เป็นสมรรถนะเชิงพฤติกรรมที่กาหนดเป็นคุณลักษณะรว่ มของขา้ ราชการทุกคนท (อปท.) หรือหน่วยงาน (สานัก/กอง/สว่ นราชการ) ในระดับท่ีเท่ากนั ระดับท่ีคาดหวัง/ต้องการ ต้นรอบการประเมิน ผู้รบั การประเมินเป็นผู้กรอกโด ตาแหนง่ (บงั คับเลือก) ระดบั ที่ประเมินได้ สิ้นรอบการประเมิน ผูป้ ระเมินเปน็ ผกู้ รอกระดับทป่ี ระเมินได้ สว่ นท้องถิน่ ทีล่ ะรายการจนถงึ ระดบั สมรรถนะท่ีกาหนด คะแนนที่ได้ ส้ินรอบการประเมิน ผูป้ ระเมนิ เปน็ ผูก้ รอกคะแนนทีไ่ ดต้ ามแนวทางก 1. ผ้ปู ระเมินตอ้ งพิจารณาวา่ ผู้ถกู ประเมนิ นน้ั ๆ กาหนดใหม้ รี ะดบั สมรรถนะ ทกุ ราย ทีป่ รากฏในพจนานุกรมระดบั สมรรถนะหลัก ต้งั แต่ตน้ จนถงึ ระดับสมรรถ 2. ในการประเมินสมรรถนะหนึ่งๆ ผปู้ ระเมินจะพิจารณาจากสมรรถนะหลกั หลกั และบนั ทึกผลการให้คะแนนลงในแบบฟอร์มท่กี าหนด รวมท้งั ระบเุ หตุการณ/์ พฤ ตัวอย่างเช่น : นาง ข. เป็นนักทรัพยากรบุคคล ระดับ ชานาญการ ซ่ึงตามห ระดับที่ 2 ดังนน้ั ในการประเมินผูป้ ระเมนิ จะทาการประเมนิ สมรรถนะหลักดังกล่าวครอ จนถึงระดับที่ 2 3. ผู้ประเมนิ พิจารณารายละเอียดพฤติกรรมในพจนานุกรมระดับสมรรถน การประเมินทาไดค้ รบถ้วนตามที่ระบุไว้โดยเป็นพฤตกิ รรม ท่ที าได้ ชดั เจน เหน็ ประจ ทาไดไ้ ม่ดหี รือไมค่ รบถ้วน หรือยังมีจุดบกพร่องต้องปรับปรุง หลังจากนัน้ ให้นารายกา เปรียบเทียบ คา่ คะแนน ดังนี้
ะสาหรบั ตาแหน่ง/สายงานต่างๆ เพื่อสนบั สนุนและสง่ เสรมิ ใหเ้ จ้าหน้าท่ีผ้ดู ารงตาแหนง่ กร (ปรากฏตามมาตรฐานกาหนดตาแหน่ง) โดยใชป้ ระเมินเฉพาะตาแหน่งประเภท มรรถนะประจาสายงานที่ตกลงร่วมกนั กับผู้ประเมิน อยา่ งนอ้ ยจานวน 3 สมรรถนะ ถนะท่มี ีการตกลงร่วมกับผู้ประเมนิ สาหรับการกาหนดคา่ น้าหนักของสมรรถนะหลัก ที่จาเป็นต้องมี ควรกาหนดค่าน้าหนักสมรรถนะหลกั ของข้าราชการทุกคนในองค์กร ดยให้ระบุระดับที่ต้องการของแต่ละสมรรถนะตามมาตรฐานกาหนดตาแหน่งแต่ละ โดยผู้ประเมินพิจารณารายละเอยี ดพฤตกิ รรมในพจนานุกรมสมรรถนะของพนกั งาน การประเมนิ สมรรถนะ ดงั น้ี ะท่ตี อ้ งการในระดับใด พฤตกิ รรมทจ่ี ะใช้เปน็ หลักฐานในการประเมินไดแ้ ก่ พฤติกรรม ถนะหลกั ทต่ี ้องการหรือท่ีปรากฏน้นั ๆ กแต่ละสมรรถนะโดยประเมนิ และให้คะแนนตามหลกั เกณฑ์การใหค้ ะแนนสมรรถนะ ฤติกรรมที่ผู้รบั การประเมินแสดงออก หลักเกณฑ์ นาง ข. ตอ้ งมีระดับสมรรถนะหลกั ท่ีต้องการด้านการบริการเป็นเลิศ ท่ี อบคลมุ พฤติกรรมทง้ั หมดตามทร่ี ะบุไวใ้ นพจนานุกรมระดับสมรรถนะ ตั้งแต่ระดบั ที่ 1 นะทีละรายการจนถึงระดับสมรรถนะท่ีกาหนด ทาการนับรายการพฤตกิ รรมทผ่ี ู้รับ จกั ษ์และสม่าเสมอ 80 % ขน้ึ ไป ทั้งนี้ ไมใ่ หน้ ับพฤตกิ รรมท่ีผู้รับการประเมินยังไมไ่ ด้ ารพฤตกิ รรมที่ประเมินไดไ้ ปเทียบกับหลกั เกณฑ์การให้คะแนนสมรรถนะ ตามตาราง
-5- ระดบั ทต่ี อ้ งการ/คาดหวัง ระดบั ท่ีประเมนิ ได้ ระดับท่ีประเมินได้ 01 (ตามมาตรฐานกาหนด ตาแหนง่ ) ระดับท่ปี ระเมินได้ ระดบั ที่คาดหวัง/ต้องการ 0 0 คะแนน 0 คะแนน ระดับที่คาดหวงั /ต้องการ 1 0 คะแนน 4 คะแนน ระดับท่ีคาดหวัง/ต้องการ 2 0 คะแนน 3 คะแนน ระดับที่คาดหวัง/ต้องการ 3 0 คะแนน 2 คะแนน ระดับที่คาดหวัง/ต้องการ 4 0 คะแนน 1 คะแนน ระดับที่คาดหวัง/ต้องการ 5 0 คะแนน 0 คะแนน ความหมายของคา่ คะแนนในแต่ละระดับ ดงั น้ี 5 คะแนน = ระดบั ทป่ี ระเมินได้มากกวา่ ระดบั ที่คาดหวังหรอื ตอ้ งการ 1 ระด 4 คะแนน = ระดบั ทปี่ ระเมนิ ได้เท่ากบั ระดับท่ีคาดหวังหรือต้องการ 3 คะแนน = ระดบั ทป่ี ระเมินไดน้ ้อยกวา่ ระดบั ที่คาดหวังหรอื ตอ้ งการ 1 ระ 2 คะแนน = ระดบั ท่ีประเมินไดน้ ้อยกวา่ ระดบั ท่ีคาดหวังหรอื ตอ้ งการ 2 ระ 1 คะแนน = ระดบั ทป่ี ระเมินไดน้ อ้ ยกว่าระดบั ที่คาดหวงั หรอื ต้องการ 3 ระ 0 คะแนน = ระดับท่ปี ระเมนิ ได้ตา่ ท่ีสดุ /ไมแ่ สดงออกพฤติกรรม/สมรรถนะ ทง้ั นี้ การกาหนดค่าคะแนนดงั กลา่ วเพื่อเป็นการกระต้นุ และผลักดันให้ขา้ ร หากขา้ ราชการแตล่ ะคนสามารถแสดงพฤติกรรมหรือสมรรถนะไดต้ ามเปา้ หมายหรือเก ประโยชน์ต่อหน่วยงานและองคก์ ร
ระดบั ทปี่ ระเมินได้ ระดับทีป่ ระเมินได้ ระดบั ทป่ี ระเมินได้ ระดับทีป่ ระเมินได้ 2345 0 คะแนน 0 คะแนน 0 คะแนน 0 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 4 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5 คะแนน 5 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 4 คะแนน 5 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 5 คะแนน ดบั ข้นึ ไป ะดบั ะดบั ะดับ าชการแสดงออกพฤติกรรมในระดับท่ดี ีข้นึ มากกวา่ ระดับท่ีคาดหวังหรือต้องการ ซึ่ง กนิ กว่าเปา้ หมายท่กี าหนด จะทาให้การปฏบิ ตั ิราชการมีประสทิ ธภิ าพย่ิงข้ึน และเกิด
-6- ผลการประเมนิ สิ้นรอบการประเมิน ผู้ประเมินเป็นผู้กรอกผลการประเมินตามส ตาแหน่ง) ระบเุ หตุการณ์/พฤติกรรมที่ผู้รบั การประเมินแสดงออก ส้ินรอบการประเมิน ผปู้ ร ในแตล่ ะสมรรถนะในรอบการประเมนิ นัน้ ๆ สรปุ ผลการประเมิน ในส่วนนี้ผู้ประเมินเป็นผู้กรอกสรุปผลการประเมินผลการปฏิบัติงาน พฤติกรรม การปฏิบตั ิราชการ (สมรรถนะ) ระดบั ผลการประเมิน ผู้ประเมินเปน็ ผกู้ รอก โดยนาผลการประเมนิ ของผู้รับการประเมนิ มาเทยี 1. ดีเด่น (ร้อยละ 90 ข้ึนไป) 2. ดมี าก (รอ้ ยละ 80 แตไ่ มถ่ งึ รอ้ ยละ 90) 3. ดี (ร้อยละ 70 แตไ่ ม่ถงึ ร้อยละ 80) 4. พอใช้ (ร้อยละ 60 แตไ่ ม่ถงึ รอ้ ยละ 70) 5. ต้องปรบั ปรุง (ต่ากว่าร้อยละ 60) สว่ นท่ี 3 แผนพัฒนาการปฏิบัติราชการรายบุคคล ในส่วนนเ้ี ป็นการวางแผนร่วมกนั ระหว่างผู้ประเมินกับผูร้ ับการประเมิน ประเมินถัดๆ ไป โดยควรเลือกงาน/สมรรถนะท่ีต้องการพัฒนาให้ดีขึ้น ซึ่งควรเป็นง สมรรถนะท่คี าดวา่ จะมผี ลกระทบตอ่ การปฏิบัติงานในอนาคตหรอื ท่ตี ้องการพัฒน
สูตรคานวณ ดังนี้ ผลการประเมิน = (นา้ หนัก x คะแนนท่ีได้) /5 (ตวั เลขทศนิยม 2 ระเมนิ เป็นผู้กรอกโดยให้ระบเุ หตุการณ์ หรอื พฤตกิ รรมที่ผ้รู บั การประเมินแสดงออก นโดยรวบรวมคะแนนการประเมินจากส่วนท่ี 1 ผลสัมฤทธิ์ของงาน และส่วนที่ 2 ยบกบั ชว่ งคะแนน 5 ระดบั ทก่ี าหนด น เพ่ือกาหนดกิจกรรมในการพัฒนางาน/สมรรถนะของผู้รับการประเมินในรอบการ งาน/สมรรถนะ ที่มีผลการประเมินต่างจากระดับเป้าหมาย หากไม่มีให้เลือกงาน/ นาตามความสนใจสว่ นตวั
-7 ส่วนที่ 4 ขอ้ ตกลงการปฏิบตั ิราชการ ในส่วนนใ้ี หผ้ ู้ประเมนิ กบั ผรู้ บั การประเมนิ ลงนามในข้อตกลงการปฏิบัตริ ปฏิบัตริ าชการ (สมรรถนะ) ในสว่ นท่ี 2 เพือ่ ขอรับการประเมนิ ตั้งแต่ต้นรอบการประเม ส่วนที่ 5 การรบั ทราบผลการประเมนิ ในส่วนน้เี มื่อสน้ิ รอบปงี บประมาณ ใหผ้ ูป้ ระเมนิ แจง้ ผลการประเมินใหผ้ รู้ ประเมิน กรณที ผี่ ู้รบั การประเมินไมย่ อมลงลายมือชือ่ รับทราบการประเมนิ ให้พนักงาน ดังกลา่ ว สว่ นที่ 6 ความเห็นของผบู้ ังคับบญั ชาเหนอื ข้ึนไป (ถ้ามี) ในส่วนนี้ใหผ้ ้บู งั คบั บัญชาเหนอื ขึน้ ไป (ถ้าม)ี เปน็ ผ้พู จิ ารณาและให้คว การปฏิบตั งิ านของพนกั งานสว่ นทอ้ งถน่ิ ส่วนท่ี 7 มตคิ ณะกรรมการกลัน่ กรองการประเมินผลการปฏิบัตงิ าน ในสว่ นน้ีใหป้ ระธานคณะกรรมกล่ันกรองการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงาน กอ่ นนาเสนอนายกองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ส่วนที่ 8 ความเห็นของนายกองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน ในสว่ นน้ใี ห้นายกองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นเป็นผกู้ รอกรายละเอยี ดเก
7- ราชการเกยี่ วกบั การกาหนดตัวชว้ี ดั ผลสมั ฤทธ์ิของงานในส่วนที่ 1 และพฤติกรรมการ มนิ รับการประเมินทราบเปน็ รายบคุ คล โดยใหผ้ ูร้ บั การประเมนิ ลงลายมอื ช่ือรบั ทราบผลการ นส่วนท้องถ่ินอยา่ งนอ้ ยหนง่ึ คน ลงลายมอื ชอื่ เปน็ พยานว่าได้มีการแจง้ ผลการประเมิน วามเหน็ เก่ยี วกบั ผลการประเมนิ กอ่ นนาเสนอคณะกรรมการกลน่ั กรองการประเมินผล นพนักงานส่วนทอ้ งถ่นิ เปน็ ผู้กรอกรายละเอียดตามมติของคณะกรรมการกล่ันกรองฯ กย่ี วกับความเห็นต่อมตขิ องคณะกรรมการการกลั่นกรอง
การมุ่งผลสมั ฤทธ์ิ (Achieve คาจากดั ความ:ความตง้ั ใจ และความขยนั หม่นั เพยี รปฏิบตั ิงานเพื่อให้ได้ผลงานตามเปา้ หมายและมาตรฐ กระบวนการปฏบิ ตั ิงานให้มีคณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพสูงสุดอย่เู สมอ ระดับท่ี 0:ไม่แสดงสมรรถนะด้านนี้อยา่ งชัดเจน ระดบั ท่ี 1: แสดงความพากเพยี รพยายาม และตง้ั ใจทางานใหด้ ี •มีความมานะอดทน ขยนั หมั่นเพียรในการทางาน และตรงต่อเวลา •มีความรับผดิ ชอบในงาน สามารถสง่ งานไดต้ ามกาหนดเวลา •ตั้งใจ และพากเพียรพยายามทางานในหนา้ ทแ่ี ละในส่วนของตนให้ดีตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย •แสดงความประสงคห์ รือข้อคดิ เห็นเพ่ือปรับปรุงและพัฒนางานของตนให้ดียิ่งๆขึน้ ไป ระดับที่ 2: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 1และสามารถทางานได้ผลงานตามเปา้ หมายที่วางไว้ หรอื ตามม •ทางานได้ผลงานตามเป้าหมายที่ผู้บงั คบั บัญชากาหนด หรอื เป้าหมายของหน่วยงานที่รับผดิ ชอบ •มีความละเอียดรอบคอบเอาใจใส่ ตรวจตราความถูกต้องของงาน เพอื่ ใหไ้ ด้งานทีม่ ีคุณภาพ •กาหนดมาตรฐาน หรือเป้าหมายในการทางานเพ่ือให้ได้ผลงานทีด่ ตี ามมาตรฐานขององคก์ ร •หม่นั ติดตามผลงาน และประเมินผลงานของตนเพ่ือใหไ้ ดง้ านทีม่ ีคุณภาพตามมาตรฐานขององคก์ ร •คิดหาวิธกี ารใหม่ๆ ในการปรับปรุงงานของตนให้มคี ุณภาพและประสทิ ธิภาพย่ิงขึ้นอยูเ่ สมอ ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 2และปรบั ปรงุ วธิ กี ารทางานเพอื่ พฒั นาผลงานให้โดดเดน่ เกนิ กว •ปรับปรุงวิธกี ารท่ีทาใหท้ างานได้ดีข้ึน เร็วขึน้ มีคุณภาพดขี ้นึ หรือมีประสทิ ธภิ าพมากขึ้น •ปรับปรุง และเปล่ียนแปลงระบบ และวิธกี ารทางานใหม้ ีคุณภาพ เพ่ือให้ได้ผลงานที่โดดเดน่ และเกินกว่า •เสนอหรอื ทดลองวิธกี ารทางานแบบใหม่ทีม่ ปี ระสิทธิภาพมากกวา่ เดิม เพ่ือใหไ้ ด้ผลงานตามทกี่ าหนดไว้ ระดับท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 3และอตุ สาหะมานะบากบัน่ เพ่อื ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายท่ีท้าทาย หรอื •บรรลเุ ป้าหมายทที่ า้ ทายในงานทีย่ ากหรือไม่เคยมีใครทาได้มาก่อน โดยใชว้ ิธีการพฒั นาระบบ ประยุกต ก่อน •กาหนดเปา้ หมายท่ีทา้ ทาย และเป็นไปได้ยาก เพื่อทาให้ไดผ้ ลงานท่ีดกี วา่ เดมิ อยา่ งเห็นไดช้ ดั •ทาการพัฒนาระบบ ข้นั ตอน วธิ ีการทางาน เพ่ือใหไ้ ด้ผลงานท่โี ดดเดน่ และแตกต่างไมเ่ คยมีใครทาได้มา ระดับท่ี 5: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 4และอทุ ศิ ตนเพ่ือองคก์ ร และประเทศชาติ •อุทิศตน ธารงความถูกตอ้ ง และยนื หยัดพิทกั ษ์ผลประโยชน์และชือ่ เสียงขององค์กร หรือประเทศชาติแม้ใ หน้าที่การงาน หรืออาจเสียงภยั ต่อชีวติ •ไม่ประพฤตปิ ฏิบัติตนเพื่อฉ้อฉลหรือเอาประโยชนส์ ่วนตนเป็นทตี่ งั้ ทั้งในเชิงวิสัยทัศน์ กลยทุ ธ์ และนโยบา
ement Motivation – ACH) ฐานท่ีองค์กรกาหนดไว้อยา่ งดที ีส่ ุด อีกทงั้ หมายความรวมถึงความมุง่ ม่ันในการปรับปรุงพฒั นาผลงานและ มาตรฐานขององคก์ ร ว่าเปา้ หมายมาตรฐานท่ีองคก์ รกาหนด าเปา้ หมายท่ีองค์กรกาหนดไว้ อไดผ้ ลงานท่ีโดดเดน่ และแตกตา่ งอยา่ งไม่เคยมีใครทาไดม้ าก่อน ต์ และบรหิ ารจดั การ เพ่ือให้ได้ผลงานที่โดดเด่น และแตกตา่ งอย่างทไ่ี มเ่ คยมีผู้ใดในองค์กรกระทาไดม้ า าก่อน ในสถานการณท์ ี่อาจสร้างความลาบากใจให้ หรอื แม้ในสถานการณ์ทอี่ าจเส่ียงต่อความม่นั คงในตาแหนง่ ายขององค์กร โดยมงุ่ เนน้ ประโยชนส์ ่วนรวมเพ่อื องคก์ ร ประชาชน และประเทศชาติเปน็ สาคญั
การยึดม่นั ในความถกู ตอ้ งแล คาจากดั ความ : การครองตนและประพฤติปฏบิ ัตถิ กู ต้องเหมาะสมทัง้ ตามหลักกฎหมายแล สงั คม ประเทศชาตมิ ากกวา่ ประโยชนส์ ่วนตน เพอ่ื เป็นกาลงั สาคญั ในการสนับสนุนผลกั ดนั ใ ระดบั ท่ี 0:ไม่แสดงสมรรถนะดา้ นน้อี ย่างชัดเจน ระดบั ที่ 1: ปฏิบตั ิหนา้ ทีด่ ้วยความถูกตอ้ งตามหลกั กฎหมาย จรยิ ธรรม และระเบียบวินัย •ปฏิบัตหิ น้าทดี่ ้วยความถกู ต้องตามหลกั กฎหมาย จรยิ ธรรม และระเบยี บวนิ ัยทห่ี นว่ ยงาน แ •มีจติ สานึกในการปฏบิ ตั ติ นในหนา้ ทคี่ วามรบั ผิดชอบ/ตาแหนง่ งานของตนให้ถกู ตอ้ งตามกฎร ระดบั ที่ 2: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 1และมสี จั จะเชอ่ื ถือได้ •มีสจั จะเชื่อถอื ได้ และรักษาวาจา พูดอย่างไรทาอยา่ งนั้น ไมบ่ ดิ เบือนอ้างขอ้ ยกเวน้ ให้ตนเอง •เปน็ คนตรงไปตรงมา กลา้ พดู และกล้าแสดงความคดิ เห็นอยา่ งตรงไปตรงมา เพือ่ ใหเ้ กดิ ควา ระดบั ท่ี 3: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 2และยึดมนั่ และแน่วแนใ่ นจรรยาบรรณ หลักคณุ ธรร •ยึดมน่ั ในหลกั การและจรรยาบรรณของวิชาชีพ ไมเ่ บย่ี งเบนด้วยอคตหิ รือผลประโยชนส์ ่วนต •ยดึ มัน่ และมีความแนว่ แนใ่ นหลกั การ คุณธรรม และประพฤตปิ ฏบิ ัติตนกบั ผู้อ่ืนอย่างเสมอภ •ยดึ หลักความยุติธรรม และความเป็นธรรมเป็นทต่ี ้ัง แมต้ ้องกระทบกบั บุคคลที่มอี านาจหนา้ ระดับท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 3และธารงความถกู ต้องเพอื่ องค์กร •ธารงความถกู ต้อง ยืนหยดั พิทกั ษผ์ ลประโยชนแ์ ละชอื่ เสยี งขององค์กรแม้ในสถานการณท์ ี่อา •ตัดสนิ ใจในหนา้ ที่ หรอื ปฏิบตั งิ านด้วยความถกู ต้อง โปรง่ ใส ซือ่ สัตย์สจุ ริต แมผ้ ลของการปฏ •เสยี สละความสุขสบาย ประโยชนส์ ่วนตน ตลอดจนความพงึ พอใจส่วนตนหรอื ของครอบครวั ระดับที่ 5: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 4และอทุ ิศตนเพื่อองค์กร และประเทศชาติ •อทุ ศิ ตน ธารงความถกู ตอ้ ง และยืนหยดั พทิ ักษผ์ ลประโยชนแ์ ละช่ือเสยี งขององคก์ ร หรอื ปร ความม่ันคงในตาแหนง่ หนา้ ท่กี ารงาน หรอื อาจเสยี งภยั ตอ่ ชีวิต •ไมป่ ระพฤติปฏิบัตติ นเพอ่ื ฉ้อฉลหรอื เอาประโยชน์ส่วนตนเปน็ ทีต่ งั้ ทงั้ ในเชิงวสิ ยั ทัศน์ กลยทุ ธ ประเทศชาตเิ ป็นสาคญั
ละจริยธรรม (Integrity-ING) ละคุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนหลกั แนวทางในวิชาชพี ของตนโดยมุ่งประโยชนข์ องประชาชน ใหภ้ ารกจิ หลกั ขององคก์ รบรรลุเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ และองคก์ รกาหนดไว้ ระเบียบ ขอ้ บังคบั มาตรฐานของหนว่ ยงานและองค์กร ง ามถูกตอ้ งในการปฏิบตั ิงานของหน่วยงานและองคก์ ร รม ยุตธิ รรม และปฏิบัติตนกับผู้อน่ื อยา่ งเท่าเทียมกัน ตน ภาค และเทา่ เทียมกัน โดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิกับผูอ้ ่นื าทที่ ีส่ งู กวา่ าจสร้างความลาบากใจให้ ฏบิ ตั อิ าจสร้างศัตรูหรือก่อความไม่พงึ พอใจใหแ้ กผ่ ทู้ เ่ี ก่ยี วข้องหรือเสียประโยชน์ ว โดยมงุ่ ใหภ้ ารกจิ ในหน้าทส่ี มั ฤทธิ์ผลและเน้นประโยชน์ขององคก์ รเปน็ ที่ตั้ง ระเทศชาติแมใ้ นสถานการณท์ ี่อาจสร้างความลาบากใจให้ หรอื แมใ้ นสถานการณ์ทอ่ี าจเสย่ี งต่อ ธ์ และนโยบายขององคก์ ร โดยมงุ่ เน้นประโยชนส์ ่วนรวมเพอ่ื องคก์ ร ประชาชน และ
ความเข้าใจในองค์กรและระบบงาน (Organiza คาจากดั ความ:ความเขา้ ใจและสามารถประยกุ ตใ์ ชค้ วามสัมพันธเ์ ชื่อมโยงของเทคโนโลยี ร เก่ยี วขอ้ ง เพือ่ ประโยชนใ์ นการปฏบิ ตั หิ น้าท่ใี ห้บรรลผุ ล ความเขา้ ใจนี้รวมถงึ ความสามารถใ เปล่ียนแปลงของสงิ่ ตา่ งๆ ตอ่ ระบบและกระบวนการทางาน ระดบั ท่ี 0:ไม่แสดงสมรรถนะดา้ นน้ีอยา่ งชดั เจน ระดบั ท่ี 1: เข้าใจเทคโนโลยี ระบบ กระบวนการทางานและมาตรฐานในงานของตน •เขา้ ใจเทคโนโลยี ระบบ กระบวนการทางานและมาตรฐานในงานท่ีตนสงั กัดอยู่ รวมท้ังกฎร ปฏบิ ัติงาน ติดตอ่ ประสานงาน หรอื รายงานผล ฯลฯ ในหน้าทไี่ ด้ถูกต้อง ระดับท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 1และเขา้ ใจความสมั พันธ์เช่ือมโยงของระบบและกระ •เขา้ ใจและเช่อื มโยงเทคโนโลยี ระบบ กระบวนการทางาน ขัน้ ตอนกระบวนการปฏบิ ตั งิ านต ทางานระหว่างกนั เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและสอดรับกนั สูงสุด ระดบั ที่ 3: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 2และสามารถมองภาพรวมแลว้ ปรับเปลีย่ นหรือปรับป •เขา้ ใจขอ้ จากัดของเทคนิค ระบบหรอื กระบวนการทางานของตนหรือหนว่ ยงานอืน่ ๆ ท่ีตดิ ต อยา่ งมีประสิทธภิ าพสงู ขึ้นได้ •เมอื่ เจอสถานการณ์ที่แตกตา่ งจากเดิมสามารถใชค้ วามเขา้ ใจผลตอ่ เนอ่ื งและความสัมพนั ธ์เช ระดบั ที่ 4: แสดงสมรรถนะระดับที่ 3และเขา้ ใจกระแสภายนอกกับผลกระทบโดยรวมต่อ •เข้าใจกระแสหรอื สถานการณภ์ ายนอก (เช่น นโยบายการเมอื งและการปกครองในภาพรวม รับมอื หรอื ดาเนนิ การการเปลย่ี นแปลงได้อยา่ งเหมาะสมและเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ •ศึกษาเรียนรูค้ วามสาเรจ็ หรือความผดิ พลาดของระบบหรือกระบวนการการทางานทีเ่ กีย่ วขอ้ ระดับที่ 5: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 4และเขา้ ใจความต้องการที่แท้จริงขององคก์ ร •เข้าใจสถานะของระบบ เทคโนโลยี และกระบวนการการทางานขององคก์ รอย่างถ่องแท้ จน อย่างยงั่ ยนื •เขา้ ใจและสามารถระบจุ ดุ ยืนและความสามารถในการพฒั นาในเชิงระบบ เทคโนโลยี กระบ
ation and Process Understanding -OPU) ระบบ กระบวนการทางาน และมาตรฐานการทางานของตนและของหนว่ ยงานอืน่ ๆ ที่ ในการมองภาพใหญ่ (Big Picture) และการคาดการณเ์ พือ่ เตรียมการรองรับการ ระเบียบ ตลอดจนขนั้ ตอนกระบวนการปฏบิ ัตงิ านต่างๆ และนาความเขา้ ใจนม้ี าใชใ้ นการ ะบวนการทางานของตนกับหนว่ ยงานอ่ืนๆ ที่ติดต่ออยา่ งชดั เจน ตา่ งๆ ของตนกับหน่วยงานอน่ื ที่ตดิ ตอ่ ด้วยอยา่ งถกู ต้อง รวมถงึ นาความเข้าใจนี้มาใชเ้ พอ่ื ให้การ ปรุงระบบใหม้ ีประสิทธิภาพขึ้น ตอ่ ด้วย และรูว้ ่าส่ิงใดทค่ี วรกระทาเพือ่ ปรับเปล่ียนหรือปรบั ปรงุ ระบบใหส้ ามารถทางานได้ ช่อื มโยงของระบบและกระบวนการทางาน เพื่อนามาแก้ไขปญั หาได้อย่างเหมาะสมทันเวลา อเทคโนโลยี ระบบหรอื กระบวนการทางานของหน่วยงาน ม ทิศทางของภาครัฐ เศรษฐกิจ และสงั คม เป็นตน้ ) และสามารถนาความเขา้ ใจนัน้ มาเตรียม องและนามาปรบั ใช้กบั การทางานของหน่วยงานอย่างเหมาะสม นสามารถกาหนดความต้องการหรอื ดาเนินการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมเพอ่ื ใหอ้ งค์กรเตบิ โต บวนการทางานหรอื มาตรฐานการทางานในเชิงบรู ณาการระบบ(Holistic View) ขององคก์ ร
การบริการเป็นเลศิ (Se คาจากัดความ:การใหบ้ ริการท่ีดแี กผ่ ู้รบั บริการ หรือประชาชนดว้ ยความใสใ่ จในความต้องการที่แทจ้ ประชาชนเป็นหลัก ระดับที่ 0:ไม่แสดงสมรรถนะดา้ นนอี้ ย่างชดั เจน ระดับที่ 1: แสดงความเตม็ ใจในการใหบ้ ริการ มอี ัธยาศัยไมตรีอนั ดี และใหบ้ ริการทผี่ รู้ ับบริการต้อ •ให้บริการด้วยความย้มิ แย้มแจม่ ใส เป็นมิตร เตม็ ใจต้อนรับ และสรา้ งความประทบั ใจอันดแี ก่ผู้รับบรกิ •ตดิ ต่อส่ือสาร ตอบขอ้ ซักถาม รายงานความคืบหน้าและใหข้ ้อมลู ท่เี ปน็ ประโยชน์แก่ผรู้ บั บริการ หรือป •ใหค้ าแนะนา และคอยติดตามเร่ือง เมื่อผูร้ ับบริการหรือประชาชนมีคาถาม ข้อเรียกร้องทเ่ี ก่ียวกบั ภาร •แจ้งให้ผู้รับบริการหรือประชาชนทราบความคบื หน้าในการดาเนนิ เรอ่ื ง หรือข้นั ตอนงานตา่ งๆ ทใี่ หบ้ ร •ประสานงานภายในหนว่ ยงาน และกับหนว่ ยงานที่เกี่ยวขอ้ ง เพ่ือใหผ้ ู้รับบรกิ ารหรือประชาชนได้รับบร ระดับท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 1และเตม็ ใจชว่ ยเหลอื และแกป้ ัญหาให้กบั ผบู้ รกิ ารได้ •รับเป็นธุระ ชว่ ยแก้ปญั หาหรือหาแนวทางแก้ไขปัญหาท่เี กิดขน้ึ แก่ผรู้ บั บรกิ ารอยา่ งรวดเร็ว เตม็ ใจ ไม •คอยดแู ลให้ผรู้ บั บริการได้รบั ความพึงพอใจ และนาข้อขดั ข้องใดๆ ในการใหบ้ ริการ (ถ้ามี) ไปพฒั นาก •อานวยความสะดวก ใหบ้ ริการด้วยความเตม็ ใจ ดาเนินการต่างๆ ใหล้ ูกค้าได้รบั ความพงึ พอใจเต็มที่ ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 2และให้บริการทเี่ กนิ ความคาดหวงั ในระดับทวั่ ไปของผู้รบั บรกิ •ให้เวลาแกผ่ รู้ บั บรกิ าร โดยเฉพาะเมื่อผู้รับบริการประสบความยากลาบาก เชน่ ใหเ้ วลาและความพยา •คอยให้ข้อมลู ข่าวสาร ความรูท้ เี่ ก่ยี วข้องกบั งานท่กี าลังให้บริการอยู่ ซง่ึ เปน็ ประโยชนแ์ ก่ผรู้ บั บริการ •ใช้ความพยายามเป็นพเิ ศษในการให้บริการและดาเนินการตา่ งๆ ใหแ้ กผ่ รู้ บั บรกิ าร หรอื ประชาชนในร •เสียสละเวลาสว่ นตน อาสาใหค้ วามชว่ ยเหลอื เป็นพเิ ศษเม่ือผู้รบั บริการหรือประชาชนเผชิญปญั หาหร ระดับท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 3และสามารถเข้าใจและให้บริการทต่ี รงตามความต้องการทีแ่ ท •เขา้ ใจความจาเปน็ และความต้องการทแ่ี ท้จริงของผรู้ บั บรกิ าร หรอื ประชาชนแมใ้ นกรณีทผี่ ู้รบั บรกิ าร ประโยชน์ไดต้ รงตามความต้องการนั้นๆ ได้อยา่ งแทจ้ ริง•ให้คาแนะนาท่เี ป็นประโยชนแ์ กผ่ ู้รับบรกิ าร ห ระดบั ที่ 5: แสดงสมรรถนะระดับที่ 4และมองการณ์ไกล และสามารถให้บริการทีเ่ ปน็ ประโยชน์อย •เลง็ เห็นผลประโยชน์ที่จะเกิดขน้ึ กับผูร้ ับบรกิ ารในระยะยาว และสามารถเปลย่ี นแปลงวธิ หี รือขน้ั ตอนการ •ปฏบิ ตั ิตนเป็นทีป่ รกึ ษาทผี่ รู้ ับบรกิ ารไว้วางใจ ตลอดจนมีส่วนช่วยในการตดั สนิ ใจของผู้รบั บรกิ าร •สามารถให้ความเห็นสว่ นตัวที่อาจแตกตา่ งไปจากวิธีการ หรือข้ันตอนท่ผี ้รู บั บรกิ ารตอ้ งการ เพื่อให้สอดค •นาเสนอบรกิ ารด้วยความเข้าใจอยา่ งถ่องแท้ เพื่อรักษาผลประโยชน์อันยั่งยืนหรือผลประโยชน์ระยะยาวใ
ervice Mind-SERV) จรงิ ของผู้รบั บริการ หรอื ประชาชน อีกทั้งโดยมงุ่ ประโยชนแ์ ละความพงึ พอใจของผรู้ ับบรกิ าร หรอื องการได้ การ หรอื ประชาชน ประชาชน เมื่อมคี าถามหรือขอ้ สงสยั รกิจของหน่วยงาน รกิ ารอยู่ ริการท่ีตอ่ เนือ่ งและรวดเร็ว มบ่ า่ ยเบ่ยี ง ไมแ่ ก้ตวั หรือปัดภาระ การให้บริการให้ดีย่ิงขนึ้ การ ายามพเิ ศษในการให้บรกิ าร เพื่อช่วยผู้รับบรกิ ารแกป้ ัญหา แมว้ ่าผู้รับบริการจะไม่ได้ถามถึง หรอื ไมท่ ราบมาก่อน ระดบั ทีเ่ กินความคาดหวงั ทวั่ ไป รอื ความยากลาบาก ทจ้ รงิ ของผรู้ บั บริการได้ หรือประชาชนอาจจะยังไมไ่ ด้คานึงถึงหรอื ไม่เคยขอความช่วยเหลือมากอ่ น และนาเสนอบรกิ ารท่เี ปน็ หรอื ประชาชน เพือ่ ตอบสนองความจาเป็นหรือความต้องการทีแ่ ทจ้ ริงของผรู้ ับบริการ หรอื ประชาชนได้ ย่างแทจ้ ริงและย่ังยืนใหก้ ับผูร้ บั บริการ รใหบ้ ริการ เพอื่ ให้ผูร้ ับบรกิ ารได้ประโยชนส์ ูงสุด คล้องกบั ความจาเป็น ปญั หา โอกาส ฯลฯ เพือ่ เป็นประโยชน์อย่างแท้จรงิ หรือในระยะยาวแก่ผู้รบั บริการ ใหแ้ ก่ผู้รับบริการ หรอื ประชาชน
การทางานเป็นทมี คาจากัดความ:การมีจิตสานกึ ในความสมานฉนั ท์ ความร่วมแรงรว่ มใจกันปฏิบัตหิ น้าที่ในฐา อย่างดที ส่ี ดุ ระดบั ที่ 0:ไม่แสดงสมรรถนะด้านน้อี ย่างชัดเจน ระดับท่ี 1: ร้บู ทบาทหนา้ ทีข่ องตน และทาหนา้ ทข่ี องตนในทีมใหส้ าเร็จ •ทางานในสว่ นทต่ี นได้รับมอบหมายไดส้ าเรจ็ และสนับสนนุ การตดั สนิ ใจในกลมุ่ •รายงานใหส้ มาชกิ ทราบความคืบหนา้ ของการดาเนินงานในกลมุ่ หรอื ขอ้ มลู อ่นื ๆ ทเี่ ป็นประ •รบู้ ทบาทหน้าท่ีของตนในฐานะสมาชิกคนหนง่ึ ในทมี และทางานในส่วนของตนไดอ้ ย่างไมข่ า •แบง่ ปนั ข้อมลู ทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ กเ่ พือ่ นร่วมงาน สมาชกิ ในทมี คนอ่ืนๆ แม้ว่าผูอ้ ืน่ ไม่ไดร้ ้องขอ ระดบั ท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และมที ัศนคติท่ีดีตอ่ เพอื่ นรว่ มงาน และให้ความร่วม •สร้างสัมพนั ธ์ และเข้ากับผ้อู ่นื ในกลุ่มได้ดี •เอือ้ เฟอื้ เผอื่ แผ่ ให้ความรว่ มมอื กบั ผอู้ ืน่ ในทีมดว้ ยดี •เชอื่ มน่ั ในความรคู้ วามสามารถของผอู้ นื่ และกล่าวถงึ ผู้อื่นในทางท่ีดี หรอื ในเชงิ สร้างสรรค์ •เคารพการตดั สนิ ใจหรือความเห็นของผู้อืน่ โดยพิจารณาจากเหตผุ ลและความจาเปน็ ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 2และรบั ฟังความคิดเหน็ และประสานความรว่ มมือ •เตม็ ใจรบั ฟังความเห็นของสมาชิกในทีม และเตม็ ใจเรียนรจู้ ากผู้อนื่ รวมถงึ ผูใ้ ตบ้ งั คับบญั ชา •ประสานและส่งเสริมสมั พนั ธภาพอันดใี นทีม เพ่อื สนบั สนนุ การทางานรว่ มกันให้มีประสทิ ธ •ขอความคิดเหน็ ประมวลความคิดเห็นของเพอ่ื นรว่ มงานไมว่ า่ จะเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาหรือผูใ้ ระดบั ท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 3และรักษามติ รภาพทดี่ ี ให้การสนับสนุน และชว่ ยเห •แสดงน้าใจ รบั อาสาช่วยเหลอื เพ่อื นร่วมงานทม่ี เี หตุจาเปน็ โดยไมต่ อ้ งร้องขอ •ให้กาลงั ใจเพอื่ นรว่ มงานอยา่ งจรงิ ใจและรกั ษามิตรภาพทีด่ รี ะหว่างกันเพอื่ ประโยชนต์ อ่ องค ระดับท่ี 5: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 4และส่งเสริมความสามคั คีในหม่คู ณะเพื่อมงุ่ ใหภ้ ารกิจป •ส่งเสรมิ ความสามัคคีในทีมโดยปราศจากอคติระหว่างกนั เพ่อื ม่งุ หวงั ใหท้ มี ประสบความสาเ •ประสานรอยร้าว หรอื คลีค่ ลายแกไ้ ขข้อขัดแยง้ ที่เกิดขน้ึ ในทมี และสง่ เสรมิ ขวัญกาลงั ใจระห
(Teamwork-TW) านะเป็นสว่ นหนงึ่ ของทมี เพอ่ื ให้ทมี งาน กลมุ่ หรอื หมู่คณะนัน้ ๆ บรรลเุ ปา้ หมายรว่ มกนั ได้ ะโยชนต์ อ่ การทางานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง าดตกบกพรอ่ ง อ มมอื ในการทางานกบั เพอ่ื นร่วมงาน อของสมาชิกในทีม า และผรู้ ่วมงานเพอื่ ประโยชน์ในการทางานร่วมกันให้ดียง่ิ ข้นึ ธิภาพย่งิ ขึน้ ใตบ้ งั คบั บัญชา เพอื่ ใช้ประกอบการตัดสินใจหรอื ปฏิบตั ิงานรว่ มกนั หลือเพือ่ นรว่ มทีม เพ่อื ให้งานประสบความสาเรจ็ คก์ รโดยรวม ประสบผลสาเร็จ เรจ็ หว่างกัน เพอื่ ให้ปฏบิ ัติงานร่วมกนั ไดอ้ ยา่ งราบร่นื
การเป็นผู้นาในการเปลีย่ นแปล คาจากดั ความ:ความตงั้ ใจและความสามารถในการกระต้นุ ผลกั ดันบคุ ลากร กลุ่มคน องค์กร หรอื แนวทางทเ่ี ปน็ ประโยชน์แกห่ นว่ ยงาน องค์กร ประชาชน สงั คม หรือประเทศชาติ รวมถงึ ความสา การปรับเปลย่ี นหรือการเปลย่ี นแปลงน้ันๆ เกดิ ขึ้นจรงิ ระดับท่ี 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะดา้ นนอี้ ย่างชดั เจน ระดบั ท่ี 1: เหน็ ความจาเปน็ ความสาคญั และประโยชน์ของการปรบั เปลยี่ น หรือการเปลี่ยน •เห็นความจาเป็น ความสาคญั และประโยชนข์ องการปรบั เปลยี่ น และสามารถกาหนดทศิ ทางแล •เขา้ ใจและยอมรับถงึ ความจาเปน็ ทิศทางและขอบเขตของการปรับเปลย่ี น /เปลี่ยนแปลง และต •กล้าเสนอความคดิ เห็น วิธีการ หรือแนวทางปฏบิ ตั ิทแ่ี ตกต่างไปจากวธิ กี ารเดมิ ขององคก์ ร เพอื่ ป เปลีย่ นแปลงทเี่ กดิ ขึน้ ระดบั ที่ 2: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 1และช่วยเหลือ สนบั สนุนใหผ้ อู้ นื่ เข้าใจ และยอมรบั การ •ชว่ ยเหลอื และสนบั สนนุ ให้ผู้อืน่ เขา้ ใจถงึ การปรบั เปลยี่ นท่เี กิดขนึ้ ทง้ั ภายในและนอกองคก์ ร และอ •หาวิธกี ารจงู ใจใหผ้ ู้อน่ื ดาเนนิ การเปลย่ี นแปลง หรือปรบั เปล่ียนแนวทางการดาเนนิ งานตา่ งๆ ขอ •สนบั สนุนความพยายามในการปรับเปล่ยี นหนว่ ยงาน องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ทเ่ี กยี่ วข้อง พ ระดบั ท่ี 3: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 2และกระตุน้ และสรา้ งแรงจูงใจใหผ้ ู้อน่ื กล้าเปล่ยี นแปลง •กระตุ้น ผลักดัน และสร้างแรงจงู ใจให้ผู้อื่นมีลกั ษณะของความเป็นผ้นู ากลา้ เปลยี่ นแปลงเพอ่ื ทาส •กระตนุ้ และสร้างแรงจงู ใจใหผ้ อู้ นื่ เห็นความสาคัญ และยอมรับของการปรับเปลยี่ นทีเ่ กิดขึน้ เพ่อื •เน้นย้า ส่อื สาร และสรา้ งความชดั เจนโดยการอธิบายสาเหตุ ความจาเป็น ประโยชน์ ฯลฯ ของก ระดับที่ 4: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 3และเตรียมแผนการปรบั เปลี่ยนอย่างเปน็ ระบบ •เตรยี มแผนการทเ่ี ปน็ ข้นั เปน็ ตอนท่ีชัดเจนและปฏบิ ตั ไิ ด้จริงให้องคก์ ร หรอื หนว่ ยงานตา่ งๆ ทีเ่ กีย่ •สรา้ งแรงจงู ใจให้ผสู้ นับสนุนและสรา้ งการยอมรบั จากผทู้ า้ ทายให้เหน็ โทษของการนง่ิ เฉยและเหน็ นนั้ ระดบั ที่ 5: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 4และเป็นผู้นาการเปล่ยี นแปลงขององคก์ ร และผลักดนั ใ •เปน็ ผู้นาในการปรับเปลี่ยนทงั้ ขององค์กร และหนว่ ยงานตา่ งๆ ที่เก่ียวข้อง รวมถงึ ผลกั ดนั ใหก้ าร •วเิ คราะหท์ ิศทาง กลยุทธ์ นโยบาย และผลกระทบต่างๆ ในภาพรวมทั้งทางสงั คม การเมอื ง เศรษ เปล่ยี นแปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั สถานการณข์ องประเทศหรอื สภาวการณ์ปจั จบุ นั
ลง (Change Leadership-CL) อหน่วยงานต่างๆ ท่เี กย่ี วข้องใหเ้ กิดความตอ้ งการในการปรบั เปลย่ี น หรอื เปลย่ี นแปลงไปใน ามารถในการดาเนินการถ่ายทอด ชแี้ จงและสื่อสารใหผ้ ูอ้ น่ื รบั รู้ เข้าใจ ยอมรับ และดาเนนิ การให้ นแปลง ละขอบเขตของการปรับเปลี่ยน/การเปล่ียนแปลงทีค่ วรเกดิ ขึน้ ภายในองค์กรได้ ตงั้ ใจในการเรียนรเู้ พ่ือให้สามารถปรบั ตัวให้สอดคลอ้ งกบั การปรบั เปล่ยี น/เปล่ียนแปลงน้นั ได้ ปรบั เปลยี่ นหรอื เปล่ียนแปลงการดาเนนิ งานของหนว่ ยงาน หรือองคก์ รให้สอดรบั กับการ รปรับเปลยี่ นหรือการเปลย่ี นแปลงทีจ่ ะเกิดขนึ้ อธบิ ายให้เขา้ ใจถงึ ความจาเป็น ความสาคญั และประโยชนข์ องการปรับเปลย่ี นนัน้ ๆ องตนเอง เพ่ือให้มผี ลสัมฤทธิข์ องงานทีส่ งู ข้นึ พร้อมทงั้ เสนอแนะวิธีการทจี่ ะชว่ ยใหก้ ารปรบั เปล่ยี นดาเนินไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพมากขนึ้ งเพือ่ ทาสิ่งใหมๆ่ ใหแ้ กห่ นว่ ยงาน หรือองค์กร สงิ่ ใหมๆ่ ใหเ้ กดิ ข้นึ ในหนว่ ยงาน หรอื องคก์ ร อให้เกดิ ความรว่ มแรงรว่ มใจและดาเนินการใหก้ ารเปลยี่ นแปลงนน้ั ๆ เกดิ ขน้ึ จรงิ การปรบั เปลย่ี นทเ่ี กดิ ข้ึนอยู่เสมอ ยวข้องสามารถรบั มอื กับการเปลยี่ นแปลงนั้นๆได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ นถงึ ประโยชน์ของการเปลย่ี นแปลงจากสภาวการณ์ปัจจบุ ันและอยากมีส่วนรว่ มในการเปลย่ี นแปลง ให้เกดิ การปรบั เปลย่ี นอย่างแทจ้ ริง และมีประสิทธภิ าพสูงสุด รปรับเปลยี่ นดาเนนิ ไปได้อยา่ งราบรื่นและประสบความสาเร็จดว้ ยวธิ ดี าเนินการทเี่ หมาะสม ษฐกิจ อตุ สาหกรรม เปน็ ต้น เพ่อื กาหนดแผนกลยทุ ธ์ขององคก์ รในการปรบั เปลย่ี น หรือการ
ความสามารถในการเป็นผ คาจากดั ความ:ความตง้ั ใจหรือความสามารถในการเปน็ ผนู้ าของกล่มุ คน หรือทีมงาน ตลอดจนสามารถป และวิธีการทางานต่างๆ ใหผ้ ้ใู ต้บังคับบัญชาหรือทมี งานปฏบิ ัตงิ านได้อย่างราบร่ืน เตม็ ประสทิ ธภิ าพและ ระดบั ท่ี 0:ไม่แสดงสมรรถนะดา้ นนอี้ ยา่ งชัดเจน ระดับที่ 1: บรหิ ารการประชุมไดด้ ีและคอยแจง้ ข่าวสารความเปน็ ไปแกผ่ ทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งอยู่เสมอ •กาหนดประเดน็ หัวข้อการปะชมุ วตั ถปุ ระสงค์ ตลอดจนควบคุมเวลาและแจกแจงหนา้ ทร่ี บั ผิดชอบให้แกบ่ ุคค ทางการก็ได้ •หมน่ั แจ้งข่าวสารความเปน็ ไปรวมทงั้ เหตุผลให้ผู้บงั คับบญั ชารับทราบอยู่เสมอแมไ้ ม่จาเป็นตอ้ งกระทา เพือ่ ให •แจง้ ให้สมาชิกในกลุม่ ทราบข่าวสารความเป็นไป ตลอดจนผลกระทบท่ีอาจไดร้ ับ เหตุผลการตัดสนิ ใจ แม้จะไ ระดบั ท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 1และเปน็ ผนู้ าในการทางานของกลมุ่ และสร้างเสริมประสทิ ธภิ าพ •กาหนดเป้าหมาย ทศิ ทางท่ีชดั เจน เลอื กใช้คนให้เหมาะกับงานหรือใช้วธิ กี ารอื่นๆ เพอ่ื สร้างสภาพแวดลอ้ มใน •กล่าวคาชมเชย หรอื ใหข้ อ้ คิดเหน็ ตชิ มท่ีสรา้ งสรรค์ เพ่ือส่งเสริมให้กล่มุ ทางานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ •ลงมือกระทาการเป็นตัวอย่างเพื่อช่วยใหก้ ลุ่มปฏบิ ตั ิหน้าทีไ่ ด้อยา่ งเตม็ ประสทิ ธภิ าพ •เลอื กคนให้เหมาะกบั งาน และกาหนดผลลัพธ์ท่ชี ัดเจนในแต่ละงานทม่ี อบหมาย เพ่อื ชว่ ยสรา้ งเสรมิ ให้กลุ่มทา •สรา้ งขวญั กาลังใจในการปฏิบตั ิงาน หรือให้โอกาสผใู้ ตบ้ งั คับบญั ชาในการแสดงศักยภาพการทางานอย่างเต็ม ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 2และเปน็ ทปี่ รกึ ษาและใหก้ ารดแู ลช่วยเหลอื ผ้ใู ตบ้ งั คบั บญั ชา หรอื •ปกป้องช่อื เสยี งของกลุ่ม สมาชิกในกล่มุ หรือบุคลากรในความดูแล •ดแู ล และช่วยเหลือให้ผู้ใต้บงั คบั บญั ชา สมาชิกในกลมุ่ หรอื บคุ ลากรในความดแู ลเขา้ ใจและปรับตัวรับการปร •รับฟังประเดน็ ปญั หา และรบั เปน็ ท่ปี รึกษาในการดูแลผใู้ ต้บังคบั บัญชา สมาชกิ ในกลมุ่ หรอื บคุ ลากรในความด •จัดหาบคุ ลากร ทรพั ยากร หรือข้อมูลที่สาคญั ต่างๆ มาใหใ้ นการปฏิบัตงิ านใหบ้ รรลตุ ามเป้าหมายเพื่อใหก้ ารส ระดับที่ 4: แสดงสมรรถนะระดับที่ 3และประพฤตติ นสมกับเป็นผนู้ า และเปน็ แบบอยา่ งทีด่ ี (Role M •สรา้ งค่านิยม ธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิท่ดี ปี ระจากลุ่ม หนว่ ยงาน หรือองค์กร และประพฤตติ นเป็นแบบอย่างที่ดแี กผ่ •บรหิ ารจดั การหนว่ ยงาน หรอื องค์กรดว้ ยความเปน็ ธรรม และยดึ หลกั ธรรมาภิบาล (Good Governance) (น •กล้าคิด และกล้าท่ีจะตดั สนิ ใจในการดาเนนิ งานตา่ งๆ โดยอยู่บนพ้ืนฐานของขอ้ มลู ที่เหมาะสมและรับผิดชอบ ระดับท่ี 5: แสดงสมรรถนะระดับที่ 4และสื่อสารวิสัยทศั นท์ ่มี พี ลงั เพ่ือนาผู้ใต้บงั คับบญั ชาและองค์กรใ •ส่อื สารวสิ ัยทศั นท์ ี่มพี ลัง สามารถรวมใจคนและสรา้ งแรงบนั ดาลใจใหผ้ ูใ้ ตบ้ งั คับบัญชาสามารถปฏบิ ตั งิ านใหภ้ •เป็นผู้นาในการปรบั เปลยี่ น พัฒนา หรือสร้างสรรค์ส่ิงใหม่ๆ ใหอ้ งคก์ ร และผลกั ดนั ให้องค์กรกา้ วไปสกู่ ารเปล ขององค์กร •เล็งเห็นความเปล่ียนแปลงทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต มีวิสยั ทัศน์และเตรยี มกลยุทธ์ใหอ้ งคก์ รไว้รับมือการเปลยี่ นแ
ผู้นา (Leadership-LEAD) ปกครอง ดูแล และใหค้ วามช่วยเหลอื รวมถงึ สามารถกาหนดทิศทาง วสิ ัยทศั น์ กลยุทธ์ แผนงาน เปา้ หมาย ะบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร คลในกลุม่ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ โดยการประชมุ ในทีน่ ้ีอาจเปน็ การประชุมอยา่ งเป็นทางการ หรือไมเ่ ปน็ หม้ ีความเขา้ ใจตรงกันนาไปสูก่ ารปฏบิ ัตงิ านในทิศทางเดยี วกัน ไม่จาเปน็ ตอ้ งแจ้งใหท้ ราบก็ได้ และประสทิ ธผิ ลในการปฏบิ ตั งิ านของกลุ่ม นการทางานทส่ี ง่ เสริมใหก้ ระบวนการปฏบิ ตั ิงานในกลุ่มมีประสิทธิภาพหรอื ประสทิ ธผิ ลยิ่งขึน้ างานได้ดขี นึ้ หรือมีประสทิ ธิภาพข้ึน มท่ี เพ่อื เสริมประสทิ ธิภาพ อสมาชิกในกลมุ่ รับเปลย่ี นทีจ่ าเปน็ ภายในองค์กรได้ ดูแลให้สามารถปฏิบตั ิงานด้วยความสขุ และมปี ระสทิ ธภิ าพสูงสดุ สนบั สนนุ ท่ีจาเป็นและเป็นประโยชนแ์ ก่ผูใ้ ตบ้ งั คับบญั ชา สมาชิกในกลุม่ หรือบคุ ลากรในความดแู ล Model) แก่ผู้ใต้บงั คบั บญั ชา หรือสมาชกิ ในกลุ่ม ผใู้ ต้บังคับบญั ชา นิติธรรม คณุ ธรรม โปร่งใส ความมีส่วนรว่ ม ความรบั ผิดชอบ ความคุ้มคา่ ) ในการปกครองผ้ใู ตบ้ งั คบั บญั ชา บกับสง่ิ ต่างๆ ทเี่ กิดข้ึน ใหป้ ระสบความสาเรจ็ ในระยะยาว ภารกิจสาเรจ็ ลุลว่ งไปไดจ้ รงิ ลย่ี นแปลงทรี่ าบรน่ื และประสบความสาเรจ็ ด้วยกลยุทธ์และวิธีดาเนินการท่ีเหมาะสมกับวฒั นธรรมและบริบท แปลงเหล่าน้ัน
ความสามารถในการพฒั นาคน (D คาจากดั ความ:ความตั้งใจหรอื ความสามารถในการสง่ เสรมิ สนบั สนุน และการพฒั นาความรคู้ วามส หรือประโยชน์ในงานของบุคคลเหลา่ นั้น ระดบั ท่ี 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะดา้ นน้ีอย่างชดั เจน ระดับที่ 1: เช่ือม่ันวา่ ผอู้ ื่นสามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถได้ หรือเปดิ โอกาสให้ผูอ้ นื่ ได้รับการ •เปิดโอกาสและสนบั สนุนใหผ้ อู้ น่ื ไดพ้ ัฒนาตนเองตามความประสงค์ เพอื่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ และพฒั นา •แสดงความเชอื่ มั่นว่าผ้อู ่ืนสามารถจะเรียนรู้ ปรับปรุงผลงาน และพัฒนาศักยภาพตนเองได้ ระดับท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และสอนงาน และให้คาแนะนาเกย่ี วกับวธิ ีปฏบิ ัติงาน •สอนงานในรายละเอียด และให้คาแนะนาทีเ่ ฉพาะเจาะจงทีเ่ ก่ียวกบั วิธีการปฏิบัติงานโดยมุ่งพัฒนาขดี ระดับท่ี 3: แสดงสมรรถนะระดับที่ 2และใหเ้ หตผุ ลประกอบการสอนและคาแนะนา และใหค้ วามส •ใหแ้ นวทางทเี่ ปน็ ประโยขน์ หรือสาธิตวธิ ปี ฏบิ ตั งิ านเพ่อื เป็นตวั อย่างในการปฏบิ ัติงานจรงิ พร้อมทงั้ อธ •ให้การสนับสนนุ และช่วยเหลือผ้อู ื่นเพอื่ ให้งานง่ายข้ึน โดยการสนับสนุนดา้ นทรพั ยากร อปุ กรณ์ ขอ้ ม •จดั หาอุปกรณ์เครื่องมือ และทรพั ยากรตา่ งๆท่จี าเปน็ และเปน็ ประโยชนใ์ นการปฏิบัติงานของผู้อืน่ เพ •ส่งเสริมให้มีการแลกเปล่ยี นเรียนรู้ เพอื่ ใหโ้ อกาสผู้อื่นเสนอแนะวธิ ีการพฒั นาศักยภาพหรือความสามา •เต็มใจใหก้ ารสนบั สนุน หรอื การช่วยเหลอื ในภาคปฏบิ ตั ิ เพือ่ ใหม้ ั่นใจว่าผู้อ่นื สามารถพัฒนาความสาม ระดับท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 3และใหค้ าตชิ มเร่ืองผลงานอย่างตรงไปตรงมาและสรา้ งสรรค •ตชิ มผลการปฏบิ ัติงานอยา่ งตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ (Constructive Feedback) ทั้งด้านบวกแล ผลงานอย่างต่อเนอ่ื ง •แสดงความคาดหวงั ในดา้ นบวกว่าบคุ คลน้ันๆ จะสามารถพฒั นาตนเองให้ดขี น้ึ ได้ และใหค้ าแนะนาทเี่ ความรู้และความสามารถได้อย่างเหมาะสม •วางแผนการพฒั นาท่ีสอดคล้องกับจุดแข็ง และข้อจากัดของผอู้ ่นื รวมท้งั ดาเนินการติดตามผลอย่างสม ระดบั ที่ 5: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 4และการพัฒนาศกั ยภาพบุคลากรในระยะยาวเพอ่ื เพม่ิ ผลงาน •มอบหมายงานทเี่ หมาะสม มีประโยชน์ และท้าทายความสามารถ มองหาโอกาสในการพฒั นาขดี ความสา ตอ่ เน่ืองและในระยะยาว •รณรงค์ สง่ เสริม และผลกั ดนั ใหม้ แี ผนหรือโครงการพัฒนาความรคู้ วามสามารถของบุคลากรอย่างเปน็ รูป •สร้างสรรคท์ างออก แนวทาง หรอื ส่ิงใหมๆ่ จากความเข้าใจในปัญหาหรือความต้องการเบื้องลกึ ของผู้อื่น •ผลกั ดนั และสรา้ งเสริมให้เกิดบรรยากาศแหง่ การเรยี นรู้ รวมถงึ ดาเนินการอยา่ งเป็นรปู ธรรม เพ่ือรณรงค์
Developing and Coaching-DC) สามารถผู้อื่น โดยมีเจตนามงุ่ เน้นพัฒนาศักยภาพของบคุ ลากร ทงั้ เพอ่ื ประโยชน์ของหน่วยงาน องคก์ ร รพัฒนา าความรู้ ความสามารถของตนเอง ดความสามารถของบคุ คลนั้น สนับสนุนในด้านต่างๆ เพื่อใหป้ ฏบิ ัติงานไดง้ า่ ยข้ึน ธิบายเหตผุ ลประกอบการสอนและการพัฒนาบคุ ลากร มูล หรอื ให้คาแนะนาในฐานะที่เป็นผเู้ ชย่ี วชาญในงานน้ันๆ พอื่ สง่ เสริมและสนบั สนุนให้ผอู้ ่ืนสามารถปฏิบัติงานในหน้าทไ่ี ด้งา่ ย และดีขึ้น ารถทม่ี ีประสทิ ธิภาพมากขึน้ มารถหรอื ศกั ยภาพของตนได้อยา่ งยั่งยนื และมีประสิทธภิ าพสูงสุด ค์เพอ่ื การพัฒนาท่ตี อ่ เนอื่ ง ละดา้ นลบโดยปราศจากอคติส่วนตัว เพอ่ื สง่ เสริมใหม้ ีการพฒั นาความรู้ ความสามารถและปรับปรุง เฉพาะเจาะจง สอดคล้องกับบุคลิก ความสนใจ และความสามารถเฉพาะบคุ คล เพ่อื ปรับปรุงพฒั นา ม่าเสมอ เพอ่ื ส่งเสริมการพัฒนาและปรับปรงุ ในทางทดี่ ีขนึ้ อยา่ งต่อเนอื่ ง นทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพต่อองคก์ ร ามารถและประสบการณ์อื่นๆ เพอื่ สนบั สนนุ ใหบ้ ุคลากรสามารถเรยี นรู้และพฒั นาความสามารถไดอ้ ย่าง ปธรรม เพอ่ื สรา้ งวฒั นธรรมองค์กรใหม้ กี ารส่งเสรมิ การเรยี นรู้ (Learning Organization) อยา่ งเปน็ ระบบ เพ่อื ให้การส่งเสริม พัฒนา หรอื ปรับปรุงศกั ยภาพหรอื ความสามารถของผอู้ ่ืนอย่างแท้จริงในระยะยาว สง่ เสรมิ ผลักดนั แผนการพฒั นาทรพั ยากรบคุ คลในหน่วยงานหรือองค์กรอย่างเปน็ ระบบ
การคิดเชงิ กลยทุ ธ์ (Str คาจากัดความ: ความสามารถในการคิด การทาความเข้าใจในเชงิ สังเคราะห์ รวมถงึ การมองภาพใน เขา้ กบั การปฏิบัตงิ านในชีวติ ประจาวนั หรอื ให้ได้มาซ่ึงกรอบความคดิ หรอื แนวความคดิ ใหม่ๆ อันเป็น ทัศนะ ในระดับสงู ยังรวมถึงความเขา้ ใจอย่างลึกซึ้งถึงผลกระทบของปจั จัยภายนอกที่มีต่อกลยทุ ธ์และ ระดบั ท่ี 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะด้านน้อี ย่างชัดเจน ระดับที่ 1: เขา้ ใจและปรับตวั ให้สอดคลอ้ งกับกลยทุ ธ์ของงานของตน •เข้าใจและปฏบิ ัติตนให้เหมาะสมสอดคลอ้ งกับกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ หรอื เป้าหมายของในการปฏบิ ตั ิภ •จัดลาดับความสาคัญของงานประจาวันของตนให้สอดคล้องกับเป้าหมายของหน่วยงานของตนได้ ระดับท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 1 และประยุกตค์ วามเข้าใจและเช่อื มโยงสงิ่ ทต่ี นปฏบิ ตั ิอย่ใู •ประเมนิ และเชือ่ มโยงการปฏบิ ัติภารกิจประจาวันให้เข้ากบั บริบทของกลยุทธข์ องหน่วยงาน โดยพจิ า หน่วยงานไดด้ ว้ ยหรือไม่ •สามารถประยุกตค์ วามเข้าใจ รปู แบบ ประสบการณ์และบทเรียนต่างๆ มาใชก้ าหนดข้อเสนอหรอื แนว ระดบั ท่ี 3: แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และประยกุ ตป์ ระสบการณ์ ทฤษฎี หรอื แนวคิดซับซอ้ นม •ประยกุ ต์ทฤษฎี หรอื แนวคิดซับซอ้ นทีม่ ีฐานมาจากองค์ความรู้หรือขอ้ มูลเชงิ ประจักษ์ ในการคิดและพ •ประยกุ ต์ Best Practice หรือผลการวจิ ัยตา่ งๆ มากาหนดโครงการหรือแผนงานทีม่ ีผลสัมฤทธแ์ิ ละมปี •กาหนดประเดน็ ต่างๆ ปญั หาอุปสรรค หรอื โอกาสต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน แลว้ ประยกุ ต์ประสบการณ กาหนดไว้ ระดับท่ี 4: เขา้ ใจถงึ ผลกระทบต่างๆ ท่ีผลตอ่ หน่วยงาน หรอื องคก์ ร และเตรยี มการรองรบั •คาดการณ์ถงึ ทิศทาง แนวโน้มในอนาคต และผลกระทบต่างๆ ตลอดจนการเปลยี่ นแปลงตา่ งๆ ทีอ่ าจ •ประเมินและสงั เคราะห์สถานการณ์ ประเด็น หรือปญั หาทางเศรษฐกจิ สงั คม การเมอื งภายในประเท กาหนดกลยุทธ์ แผนหรอื นโยบายขององคก์ รหรอื หน่วยงานที่ตนดูแลรับผิดชอบอยู่ให้ตอบสนองการเป ระดับที่ 5: กาหนดกลยทุ ธร์ ะยะยาวใหส้ อดคลอ้ งกบั วิสัยทัศนข์ ององค์กรและสภาพแวดล้อมภา •ศึกษาศักยภาพขององคก์ รในปจั จุบนั และดาเนินการปรับเปลยี่ นท่สี าคัญเพ่ือเสริมศักยภาพในการบร •ประเมินและเชื่อมโยงสถานการณ์ ประเด็นตา่ งๆ และปญั หาทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กฎหมาย •สรรสร้างและบูรณาการองค์ความรู้ใหมม่ าใช้ในงานกลยทุ ธ์ โดยพิจารณาจากบริบทประเทศไทย ระบ องคก์ ร •คดิ และปรับเปล่ียนทศิ ทางของกลยุทธก์ ารพัฒนาองค์กรในภาพรวม ใหเ้ ป็นกลยุทธ์ใหมท่ ช่ี ่วยผลกั ดนั ใ
rategic Thinking-ST) นเชงิ กลยทุ ธห์ รือยทุ ธศาสตรแ์ ละการเช่ือมโยงวิสัยทัศนใ์ นระยะยาวรวมถึงทฤษฎี และแนวคิดตา่ งๆ ให้ นผลมาจากการสรปุ รูปแบบประยกุ ต์แนวทางต่างๆ จากสถานการณห์ รือข้อมูลหลากหลาย และนานา ะนโยบายขององค์กร ภารกิจในงานของตนได้ ในงานเข้ากบั เป้าหมายใหญ่ของหนว่ ยงานที่ตนรบั ผดิ ชอบหรอื ขององคก์ ร ารณาวา่ กิจกรรมงานหรือวัตถุประสงค์ในเป้าหมายระยะสั้นน้ันสามารถจะชว่ ยใหบ้ รรลุเป้าหมายของ วทาง (Implication) เชงิ กลยุทธท์ ่ีสนบั สนนุ ใหห้ นว่ ยงานทร่ี ับผิดชอบบรรลภุ ารกจิ ท่ีกาหนดไว้ มาปรบั หรือกาหนดกลยุทธ์ในหนว่ ยงานทต่ี นรบั ผิดชอบหรือองคก์ ร พัฒนาเป้าหมายหรือกลยุทธ์ในการปฏิบัตงิ านขององค์กรหรอื หน่วยงานทตี่ นดแู ลรับผิดชอบอยู่ ประโยชน์ต่อองคก์ รหรือหนว่ ยงานที่ตนดแู ลรับผิดชอบอยู่ ณ์ บทเรียนในอดีต ฯลฯ มาปรับกลยุทธแ์ ละวธิ ีการทางานของตนหรือหน่วยงานเพื่อให้บรรลุเปา้ หมายท่ี จสง่ ผลกระทบตอ่ หน่วยงาน หรือองคก์ รและกาหนดแผนกลยทุ ธไ์ วร้ องรบั ทศและต่างประเทศท่ีซับซอ้ นด้วยกรอบแนวคิดและวธิ ีพิจารณาแบบมองภาพองค์รวม เพอ่ื ใชใ้ นการ ปลี่ยนแปลงดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพสูงสดุ ายนอก รรลุวสิ ัยทศั น์และพนั ธกจิ ระยะยาว ย ฯลฯ ท่เี กยี่ วข้องกับองคก์ รมาใช้กาหนดแผนกลยทุ ธ์องคก์ รในระยะยาว บบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในภาพรวม เพื่อให้ได้กลยทุ ธ์ที่แตกตา่ งและสร้างประโยชน์สูงสุดกบั ให้เกิดการพฒั นาอย่างต่อเนอ่ื งและยง่ั ยืนขนึ้ ได้
การกากับติดตามอย่างสมา่ เสมอ (M คาจากดั ความ:เจตนาท่จี ะกากบั ดแู ลและติดตามการดาเนินงานตา่ งๆ ของผูอ้ นื่ ทเ่ี กย่ี วข้องให กฎหมายหรอื ตามตาแหนง่ หนา้ ท่ีทมี่ ีอยูอ่ ยา่ งเหมาะสมและมปี ระสิทธภิ าพโดยมุง่ ประโยชนข์ อ ระดับที่ 0:ไม่แสดงสมรรถนะด้านน้อี ย่างชัดเจน ระดบั ที่ 1:ตระหนกั เห็นความสาคญั และประโยชน์ของการกากบั ตดิ ตามการดาเนนิ งานต •ตระหนกั เห็นความสาคญั ความจาเป็น และประโยชน์ของการกากับตดิ ตามการดาเนินงานต กาหนดไว้ และเพ่อื ให้เกดิ ประโยชน์ในการดาเนินงานของตนเอง หน่วยงาน หรือองค์กร ระดบั ที่ 2: แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และกระตอื รือร้นในการกากับตดิ ตามการดาเนินงาน •แสดงพฤตกิ รรมกระตือรอื รน้ ในการกากบั ตดิ ตามการดาเนนิ งานของผอู้ นื่ ที่เก่ยี วข้องในงาน เพ ดาเนินงานของตนเอง หน่วยงาน หรือองค์กร และสามารถระบุความเป็นไป หรือความกา้ วหน ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 2 และกากับติดตามการดาเนินงานตา่ งๆ ของผู้อน่ื อย •ดาเนินการกากบั ติดตามการดาเนินงานตา่ งๆ ของผอู้ ื่นอย่างสม่าเสมอ และเปน็ ระยะ และสา เกดิ ข้นึ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เพื่อนาไปส่กู ารดาเนนิ การตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม และสอดคล •ปรับสถานการณ์กระบวนการ หรือวิธกี ารตา่ งๆ เพอื่ จากดั ทางเลอื กของผอู้ ืน่ หรอื เพอ่ื บบี คัน้ ให ระดับที่ 4: แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และกากบั ติดตาม และตรวจสอบความถูกตอ้ งของก •สารวจ กากบั ตดิ ตาม และตรวจสอบการดาเนนิ งานต่างๆ ของผอู้ ่ืนอยา่ งใกลช้ ิดและในเชิงลึก ตา่ งๆ ที่ถกู ต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกบั มาตรฐานกฎระเบยี บหรือขอ้ บังคับที่กาหนดไว้ •หมั่นควบคมุ ตรวจตรา และตรวจสอบความถกู ต้องของการดาเนินงานต่างๆ ในทุกขัน้ ตอนอย กาหนดไว้ •ออกคาเตอื น(โดยชดั แจ้งวา่ จะเกิดอะไรขึ้นหากผอู้ นื่ ไม่ปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐานทีก่ าหนดไวห้ รอื กร คณุ ภาพใหถ้ ูกตอ้ งตามมาตรฐานกฎระเบยี บหรอื ขอ้ บังคบั ท่ีกาหนดไว ระดับท่ี 5: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 4 และจดั การกับการดาเนินงานตา่ งๆ ที่ไมด่ ี ไม่ถกู ต้อ •ดาเนนิ การอย่างตรงไปตรงมา หรอื ใชว้ ธิ เี ผชญิ หนา้ อยา่ งเด็ดขาดเมอื่ ผู้อ่ืนหรือหนว่ ยงานภายใ •กาหนด หรอื ปรับมาตรฐาน ข้อบังคบั หรือกฎระเบียบตา่ งๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งใหแ้ ตกตา่ ง ทา้ ทาย ห ใหส้ ูงข้ึน
Monitoring and Overseeing-MO) ห้ปฏิบัตติ ามมาตรฐานกฎระเบียบหรือข้อบังคบั ท่กี าหนดไว้โดยอาศยั อานาจตามระเบียบ องหนว่ ยงาน องค์กรหรอื ประเทศชาตเิ ปน็ สาคญั ตา่ งๆ ของผอู้ ื่น ต่างๆ ของผอู้ ืน่ ทเี่ กี่ยวข้องในงาน เพ่ือใหผ้ ู้อื่นปฏิบัตติ ามมาตรฐาน กฎระเบียบ หรือขอ้ บังคบั ที่ นตา่ งๆ ของผูอ้ ่นื พ่ือใหผ้ ูอ้ น่ื ปฏบิ ตั ิตามมาตรฐาน กฎระเบยี บ หรือข้อบงั คบั ท่ีกาหนดไวใ้ ห้เกดิ ประโยชนใ์ นการ นา้ ในการดาเนนิ งานต่างๆ ของผู้อื่นได้ ย่างสม่าเสมอ ามารถวิเคราะห์ และระบุขอ้ มลู ข้อเท็จจรงิ สาเหตสุ งิ่ ผิดปกติ และความเปลยี่ นแปลงต่างๆ ที่ ล้องกบั มาตรฐานกฎระเบียบหรอื ขอ้ บงั คับที่กาหนดไว้ ห้ผอู้ ืน่ ปฏบิ ตั ใิ นกรอบทถ่ี ูกตอ้ งตามกฎหมายหรือระเบียบปฏบิ ตั ทิ ีก่ าหนดไว้ การดาเนินงานตา่ งๆ ของผ้อู น่ื อย่างใกล้ชิด ก รวมทง้ั วเิ คราะห์ ประมวล วิจัย และสรปุ ผลการดาเนนิ การ การตอบสนอง และการให้บรกิ าร ย่างละเอยี ดของผ้อู นื่ ทีเ่ ก่ียวขอ้ งในงานให้เป็นไปตามมาตรฐานกฎระเบยี บหรือขอ้ บังคบั ที่ ระทาการละเมดิ กฎหมาย) และส่ังการให้ปรบั ปรุงการดาเนินงานต่างๆ ในเชิงปริมาณหรือ อง หรือส่ิงผดิ กฎหมายอยา่ งเดด็ ขาดตรงไปตรงมา ใต้การกากบั ดแู ลมีการดาเนินงานต่างๆ ทไี่ มด่ ไี ม่ถกู ตอ้ ง หรอื ทาผดิ กฎหมายอยา่ งรา้ ยแรง หรอื สงู ขน้ึ (เมือ่ สภาพแวดล้อมเปลีย่ นไป) เพอื่ สง่ เสริมใหบ้ คุ ลากรเกดิ การพฒั นาความสามารถ
การแกไ้ ขปัญหาแบบมอื อาชีพ (Profe คาจากัดความ:ความสามารถในวเิ คราะหป์ ญั หาหรือเลง็ เหน็ ปัญหา พรอ้ มทงั้ ลงมอื จัดการก วิชาชีพมาประยุกตใ์ ชใ้ นการแกไ้ ขปญั หาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ระดับท่ี 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะด้านน้อี ย่างชดั เจน ระดบั ท่ี 1: ตดิ ตามหาความรแู้ ละแนวคิดใหมๆ่ ในสายวิชาชีพ เพอ่ื ใช้ในการวเิ คราะห์แล •กระตอื รอื รน้ ในการศกึ ษาหาความรหู้ รอื เทคโนโลยีใหมๆ่ ในสาขาอาชีพของตนหรือในงานข •ใชค้ วามรใู้ นสายอาชีพของตนในการลงมือแก้ไข เมื่อเล็งเหน็ ปัญหาหรอื อปุ สรรคโดยไมร่ อชา้ ระดบั ที่ 2: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 1และวิเคราะหแ์ ละตดั สินใจอย่างมีข้อมลู และเหตุผล •วเิ คราะหข์ ้อมลู และหาเหตผุ ลตามแนวคดิ และหลกั การในวิชาชีพ เพือ่ ตัดสินใจดาเนนิ การแ •พลกิ แพลงหรอื ประยกุ ต์แนวทางในการแกป้ ัญหา โดยอ้างองิ จากข้อมลู หลกั การ และแนวค ระดบั ที่ 3: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 2และวเิ คราะหป์ ญั หาที่ผา่ นมา และวางแผนลว่ งหน้า •วิเคราะห์ขอ้ มลู ปญั หา หรอื สถานการณไ์ ดอ้ ยา่ งรอบดา้ น (โดยอาศัยประสบการณ์ และควา อย่างเป็นระบบ เพือ่ ปอ้ งกันและหลีกเลยี่ งปญั หาท่อี าจเกดิ ขนึ้ •วางแผน และทดลองใชว้ ธิ ีการ องคค์ วามรู้ หรอื เทคโนโลยใี หม่ๆ ในสายอาชพี ในการปอ้ งก ระดบั ที่ 4: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 3และผสมผสานแนวคดิ ในเชิงสหวทิ ยาการเพอ่ื หลกี เ •วเิ คราะห์ และผสมผสานศาสตรห์ ลายๆ แขนง (โดยอาศยั ประสบการณ์ ความเชย่ี วชาญท่ที ระยะสนั้ และเตรียมการปอ้ งกันหรอื หลกี เลย่ี งปญั หาในระยะยาวได้ •คดิ นอกกรอบ รเิ รมิ่ โครงการ หรือกระบวนการทางานต่างๆ ในลกั ษณะบรู ณาการหลายหน่ว ระดบั ที่ 5: แสดงสมรรถนะระดับที่ 4และปรับเปล่ยี นหรือสร้างความเชยี่ วชาญในสายอา •ปรบั เปลยี่ น (Reshape) องคก์ รใหม้ ีการบรู ณาการในเชิงวชิ าชีพ หรอื ให้มคี วามเช่ยี วชาญใน หรอื มีความซับซอ้ นสงู ขององค์กรได้อย่างย่ังยนื •เปน็ ผนู้ าทีไ่ ดร้ บั การยอมรับว่าเปน็ ผู้เช่ยี วชาญในสายอาชพี ที่สามารถปอ้ งกัน และหลกี เลย่ี งป สามารถแกไ้ ขปญั หาที่มีผลกระทบ แปรวิกฤตใิ ห้เปน็ โอกาส และเกดิ ประโยชน์อยา่ งยง่ั ยนื แก
essional Problem Solving –PPS) กบั ปญั หาน้ันๆ อยา่ งมขี อ้ มลู มหี ลกั การ และสามารถนาความเช่ียวชาญ หรือแนวคดิ ในสาย ละแก้ไขปัญหาระยะสน้ั ทีเ่ กดิ ข้ึน ของหนว่ ยงาน เพอ่ื นามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ในการแกไ้ ขปัญหา า ลในการจัดการปัญหาที่เกดิ ข้ึน แก้ไขปัญหาที่เกิดขนึ้ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพสงู สุด คดิ ในสายวชิ าชพี หรือประสบการณใ์ นการทางาน าอย่างเป็นระบบ เพ่ือป้องกันหรอื หลกี เลีย่ งปัญหา ามเชย่ี วชาญทส่ี ง่ั สมมาในสายอาชีพ) รวมท้งั วางแผน และคาดการณผ์ ลกระทบที่จะเกดิ ขน้ึ กัน หลกี เลยี่ งหรอื แกไ้ ขปญั หาให้เกิดขน้ึ ในหนว่ ยงานหรอื องค์กร เลยี่ ง ปอ้ งกันหรอื แกไ้ ขปัญหาท้งั ในระยะส้ันและระยะยาว ท้งั กวา้ งและลกึ รวมทั้งความสามารถพเิ ศษ (Charisma)) เพื่อแก้ไขปญั หาซง่ึ มคี วามซบั ซอ้ นใน วยงาน/หลายวชิ าชีพ เพ่อื แกไ้ ขปัญหาทีค่ าดว่าจะเกดิ ข้นึ ในอนาคต าชีพ/สหวิทยาการ เพื่อแก้ไขและหลีกเลยี่ งปัญหาอย่างย่งั ยนื นสายอาชพี อย่างแทจ้ รงิ เพื่อให้สามารถแก้ไข ปอ้ งกันและหลกี เลย่ี งปญั หาทม่ี ีผลกระทบสงู ปัญหาท่ีมผี ลกระทบเชงิ นโยบาย และกลยทุ ธ์ขององคก์ รไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพสงู สดุ หรอื กอ่ งคก์ รในระยะยาว
การแก้ปัญหาและดาเนินการเชงิ รกุ (Probl คาจากัดความ:การตระหนกั หรือเลง็ เห็นโอกาสหรือปญั หาอปุ สรรคทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ในอนาคต ตลอดจนพลกิ วกิ ฤติตา่ งๆ ให้เปน็ โอกาส ระดับท่ี 0:ไม่แสดงสมรรถนะด้านน้ีอย่างชดั เจน ระดับที่ 1: การตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และเดด็ เดย่ี วในเหตวุ กิ ฤติ หรอื สถานการณจ์ า •ตอบสนองอย่างรวดเรว็ และเด็ดเดย่ี วเมอื่ มีเหตวุ กิ ฤติหรือในสถานการณ์ทจ่ี าเปน็ เพอ่ื ให้ทนั ต ระดับท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 1และตระหนักถงึ ปัญหาหรอื โอกาสและลงมือกระทาก •ตระหนักถึงปญั หาหรอื โอกาสในขณะนั้นและลงมอื กระทาการโดยไม่รรี อใหส้ ถานการณค์ ล่คี เพ่ือใหส้ ามารถแก้ไขปัญหา หรอื ใชป้ ระโยชนจ์ ากโอกาสนน้ั ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ระดบั ที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 2และเล็งเหน็ โอกาสหรอื ปัญหาทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ได้ในระย •คาดการณ์และเลง็ เห็นปญั หาหรอื โอกาสทีอ่ าจเกิดขน้ึ ในระยะเวลา 1-3เดือนถัดจากปจั จบุ นั เปดิ กวา้ งรับฟงั แนวทางและความคดิ หลากหลายอนั อาจเป็นประโยชนต์ อ่ การปอ้ งกนั ปัญหา ระดบั ที่ 4: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 3และเลง็ เหน็ โอกาสหรอื ปัญหาทอ่ี าจเกิดขนึ้ ไดใ้ นระย •คาดการณแ์ ละเล็งเห็นปญั หาหรอื โอกาสท่ีอาจเกิดขน้ึ ในระยะเวลา 4-12 เดือนถดั จากปจั จ ทดลองและเสาะหาวิธีการ แนวคิดใหมๆ่ ทีอ่ าจเป็นประโยชนใ์ นการป้องกันปญั หาและสรา้ งโ ระดับที่ 5: แสดงสมรรถนะระดับที่ 4และเตรยี มการลว่ งหน้าเพ่ือปอ้ งกันปัญหาและสรา้ ง •คาดการณ์และเลง็ เหน็ ปญั หาหรอื โอกาสท่ีอาจเกิดข้นึ ในระยะยาวและเตรียมการล่วงหน้าเพ และแก้ไขปัญหาเพอ่ื สรา้ งโอกาสใหอ้ งคก์ รในระยะยาว
lem Solving and Proactiveness-PSP) และวางแผน ลงมือกระทาการเพื่อเตรยี มใช้ประโยชน์จากโอกาส หรือปอ้ งกันปัญหา าเป็น ต่อความเรง่ ดว่ นของสถานการณ์นน้ั ๆ การโดยไมร่ ีรอ คลายไปเอง หรอื ปล่อยโอกาสหลุดลอยไป อีกทงั้ รจู้ กั พลิกแพลงวธิ ีการ กระบวนการต่างๆ ยะใกล้ (ประมาณ 1-3เดอื นข้างหน้า) น และลงมือกระทาการล่วงหนา้ เพ่ือปอ้ งกันปญั หา หรอื สร้างโอกาสในสถานการณน์ น้ั ๆ อีกทง้ั ยะกลาง (ประมาณ 4-12เดือนข้างหน้า) จบุ ัน และเตรยี มการลว่ งหนา้ เพ่ือป้องกันปญั หา หรือสร้างโอกาสในสถานการณ์นัน้ ๆ ตลอดจน โอกาสในอนาคต งโอกาสในระยะยาว พอ่ื ป้องกันปญั หา หรือสรา้ งโอกาส อีกทั้งกระตุ้นใหผ้ อู้ ื่นเกดิ ความกระตอื รือรน้ ตอ่ การป้องกัน
การค้นหาและการบริหารจัดการขอ้ มลู (Inform คาจากดั ความ:ความสามารถในการสบื เสาะ เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อมลู เฉพาะเจาะจง การไขปมปริศน อาจมขี ้อมลู ทจี่ ะเปน็ ประโยชนต์ ่อไปในอนาคต และนาขอ้ มลู ท่ไี ด้มานั้นมาประมวลและจดั ก ประวัติความเปน็ มา ประเดน็ ปัญหา หรือเรอ่ื งราวตา่ งๆ ท่เี ก่ยี วข้องหรอื จาเป็นตอ่ งานในห ระดับท่ี 0:ไม่แสดงสมรรถนะด้านน้ีอย่างชดั เจน ระดบั ที่ 1: หาข้อมูลในระดับตน้ และแสดงผลข้อมลู ได้ •สามารถหาขอ้ มูลโดยการถามจากผทู้ เี่ กี่ยวขอ้ งโดยตรง การใช้ขอ้ มูลท่ีมอี ยู่ หรือหาจากแหล ได้อย่างถูกตอ้ ง ครบถว้ น ระดบั ท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 1และใชว้ ิธีการสบื เสาะหาขอ้ มูลเพื่อจับประเด็นหรอื แ •สามารถสบื เสาะปัญหาหรอื สถานการณอ์ ย่างลกึ ซงึ้ กว่าการต้ังคาถามตามปรกตธิ รรมดา หร ประเดน็ เหลา่ นั้นมาจดั การวเิ คราะห์ ประเมินผลใหเ้ กิดขอ้ มลู ทล่ี ึกซง้ึ มากท่ีสุด ระดบั ที่ 3: แสดงสมรรถนะระดับที่ 2และหาขอ้ มลู ในเบอ้ื งลกึ (Insights) •ค้นหาหรือสอบถามเจาะลกึ อยา่ งตอ่ เนือ่ ง (เช่น จากหนงั สอื หนังสอื พมิ พ์ นติ ยสาร ระบบสบื ความคิดเหน็ ท่ีแตกตา่ ง ต้นตอของสถานการณ์ ปญั หา หรือโอกาสทซ่ี ่อนเรน้ อยใู่ นเบอ้ื งลึก แ ประโยชนต์ อ่ การปฏบิ ัติงานสงู สุด ระดับท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดับที่ 3และสบื ค้นข้อมูลอย่างเปน็ ระบบให้เชอ่ื มตอ่ ขอ้ มลู ท •จัดทาการวิจัยโดยอา้ งองิ จากข้อมลู ทม่ี ีอยหู่ รอื สบื คน้ จากแหลง่ ขอ้ มลู ที่แปลกใหมแ่ ตกตา่ งจา เชอ่ื มตอ่ ขอ้ มลู ท่ขี าดหายไป หรือพยากรณห์ รือสรา้ งแบบจาลอง (model) หรอื สรา้ งระบบ ( ระดบั ที่ 5: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 4และวางระบบการสบื คน้ เพือ่ หาข้อมลู อย่างต่อเน่ือง •วางระบบการสืบคน้ เพ่อื ให้มขี อ้ มูลทที่ นั เหตุการณป์ อ้ นเขา้ มาอย่างต่อเนอ่ื งและสามารถออ และมนี ัยสาคญั
mation Seeking and Management–ISM) นาโดยซกั ถามโดยละเอยี ด หรือแมแ้ ตก่ ารหาขา่ วท่วั ไปจากสภาพแวดล้อมรอบตัวโดยคาดว่า การอย่างมรี ะบบ คณุ ลกั ษณะน้อี าจรวมถงึ ความสนใจใครร่ เู้ กีย่ วกับสถานการณ์ ภมู หิ ลัง หนา้ ที่ ลง่ ขอ้ มลู ทม่ี อี ยแู่ ลว้ และสรปุ ผลข้อมลู เพื่อแสดงผลข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เชน่ กราฟ รายงาน แกน่ ความของขอ้ มลู หรือปัญหาได้ รือสบื เสาะจากผเู้ ชย่ี วชาญ เพื่อใหไ้ ด้มาซง่ึ แก่นหรอื ประเดน็ ของเน้ือหา และนาแก่นหรือ บค้นโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนแหลง่ ข่าวตา่ งๆ) เพ่ือใหเ้ ข้าใจถงึ มมุ มองทศั นะ และนาความเขา้ ใจเหล่านัน้ มาประเมินผล และตีความเปน็ ข้อมลู ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเกิด ที่ขาดหายไปหรอื คาดการณ์ไดอ้ ย่างมนี ัยสาคญั ากปรกติธรรมดาท่วั ไปอยา่ งเปน็ ระบบหรอื เป็นไปตามหลกั การทางสถิติ และนาผลท่ีได้นน้ั มา (system formula) ไดอ้ ย่างถูกต้องและเป็นระบบ ง อกแบบ เลือกใช้ หรอื ประยุกต์วิธีการในการจดั ทาแบบจาลองหรอื ระบบตา่ งๆ ได้อย่างถกู ต้อง
การควบคุมและจัดการสถานการณอ์ ย่างสรา้ งสรรค คาจากดั ความ:ความสามารถในการควบคมุ และบริหารจัดการอารมณ์ ความร้สู กึ ของตนเองได้อย่าง บคุ คลรอบข้างมอี ารมณ์และความรสู้ ึกทเี่ ป็นปกติเชน่ กัน นอกจากนน้ั ยงั เป็นความสามารถในการควบ ช่วยเหลอื บริการ บรรเทาทกุ ข์ หรือการดาเนินการต่างๆ ทส่ี อดคลอ้ งกบั ความต้องการและเป็นประโ ความสุขของผูบ้ ริการ ประชาชน หรือผอู้ นื่ เปน็ ท่ีต้งั มากกว่าสง่ิ อืน่ ใด ระดบั ท่ี 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะด้านนี้อย่างชัดเจน ระดบั ท่ี 1:ควบคมุ อารมณ์ และความร้สู ึกตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสมกับเหตกุ ารณย์ ากลาบาก วกิ ฤต •ควบคุมอารมณ์และความรู้สกึ ของตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (โดยไม่แสดงอาการต่ืนตระหนก ตกใจ หร หรอื เหตุการณ์รา้ ยแรงตา่ งๆ เปน็ ต้น เพอ่ื ปอ้ งกันมใิ ห้บุคคลรอบขา้ งเกิดอารมณห์ รือมีความรสู้ ึกรว่ มดว้ •ใส่ใจกบั สภาพแวดล้อม สญั ญาณทางกายภาพ และสถานการณ์ต่างๆ ที่เกดิ ข้นึ เฉพาะหนา้ และพยาย ระดบั ที่ 2: แสดงสมรรถนะระดับที่ 1 และมีความอดทนต่อเหตกุ ารณย์ ากลาบาก วิกฤต หรอื เหตกุ •มคี วามอดทนต่อเหตุการณ์ตา่ งๆ ท่เี กิดขน้ึ เชน่ เหตุการณ์ท่มี ีความยากลาบาก วกิ ฤติ คบั ขัน หรือเหต •ไม่บา่ ยเบ่ียง หรอื หลกี เลี่ยงจากเหตุการณท์ มี่ คี วามยากลาบาก วิกฤติ คับขนั หรือเหตอุ ันไม่ปกติตา่ งๆ บรรเทาทกุ ขผ์ ู้รับบรกิ าร ประชาชน หรือผูอ้ ่ืนได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม •บรหิ ารจดั การ หรอื ควบคมุ อารมณ์และความรสู้ ึกของผรู้ บั บริการ ประชาชน หรือผูอ้ ่ืนใหเ้ ป็นปกติได้ วกิ ฤติ คบั ขนั หรือเหตุอันไม่ปกติตา่ งๆ ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 2 และจดั การสถานการณท์ ี่เกดิ ข้นึ ได้อย่างเหมาะสมและใหค้ ว •ควบคมุ ดูแล และจดั การสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ทีเ่ กิดขนึ้ เชน่ เหตุการณท์ ีม่ คี วามยากลาบ •ให้การดแู ล ความชว่ ยเหลือ และบรรเทาทุกขผ์ ้รู ับบรกิ าร ประชาชน หรือผอู้ ่ืนได้อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะส ระดับที่ 4: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 3 และให้บริการ ความชว่ ยเหลอื และดาเนินการต่างๆ ด้วยจิต •ใหบ้ รกิ าร ความชว่ ยเหลอื บรรเทาทุกข์ และดาเนินการตา่ งๆ แกผ่ ูร้ ับบริการ ประชาชน หรอื ผูอ้ ่ืน (ท อุปสรรค หรือสญู เสียประโยชน์บางอย่าง โดยมีความม่งุ หวงั ใหผ้ ู้รับบริการ ประชาชน หรือผู้อื่นมีความ •ติดตาม และประเมนิ ผลการใหบ้ ริการ ความชว่ ยเหลอื บรรเทาทุกข์ และดาเนินการตา่ งๆ แก่ผู้รบั บร ชว่ ยเหลือ บรรเทาทุกข์ และดาเนินการต่างๆ ได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสม สอดคล้องความต้องการ และ •เสียสละ และอุทศิ ประโยชนส์ ว่ นตัว และความสะดวกสบายต่างๆ เพือ่ ให้บรกิ าร ความช่วยเหลือ บรร ระดับที่ 5: แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และเสียสละประโยชนบ์ างสว่ นขององคก์ ร เพ่อื ใหผ้ รู้ บั บริกา •เสยี สละ และอทุ ิศประโยชน์บางสว่ นขององคก์ ร เพอื่ ให้ผ้รู ับบรกิ าร ประชาชน หรือผอู้ ่นื ไดร้ บั ประโยช
ค์(Controlling and Managing Situation-CMS) งถกู ต้องและเหมาะสม แม้วา่ อยู่ในเหตุการณ์ท่วี ิกฤติ คบั ขัน และยากลาบาก โดยมเี จตนาทจ่ี ะให้ บคุม และจดั การสถานการณท์ ่เี กดิ ขึน้ ได้เหมาะสมกบั แตล่ ะสถานการณ์ และดาเนินการให้ความ โยชน์แกผ่ บู้ ริการ ประชาชน หรอื ผู้อ่นื โดยมพี ืน้ ฐานของความมีจิตใจทเ่ี ป็นกศุ ล (จิตสาธารณะ) เห็น หรือเหตกุ ารณไ์ ม่ปกตติ ่างๆ ทเ่ี กดิ ข้นึ รือเสียใจ) กบั สถานการณท์ ีเ่ กิดขึ้นโดยเฉพาะสถานการณท์ ่ไี มป่ กติ เชน่ เหตุการณ์คบั ขัน ยากลาบาก วย ยามควบคมุ อารมณ์ ความรู้สกึ และปฏกิ ิริยาของตนใหอ้ ยภู่ าวะปกตไิ ด้ การณ์ไม่ปกตติ ่างๆ ที่เกิดข้นึ และ/หรือจัดการอารมณแ์ ละความรู้สึกของผอู้ นื่ ให้เป็นปกติได้ ตุอันไมป่ กติตา่ งๆ เปน็ ต้น โดยไม่แสดงความย่อท้อ หรอื ความไม่พอใจตอ่ ความยากลาบากนน้ั ๆ ๆ แต่เข้าไปมสี ว่ นรว่ มอย่างเต็มใจ และตงั้ ใจ โดยมคี วามมุง่ หวังท่ีจะใหก้ ารดแู ล ความชว่ ยเหลอื และ เชน่ ปลอบใจ โน้มนา้ วจูงใจ หรอื ให้คาแนะนาตา่ งๆ เป็นตน้ เมื่ออยู่ในเหตกุ ารณ์ทม่ี ีความยากลาบาก วามชว่ ยเหลอื ได้สอดคล้องกับความตอ้ งการของผู้รับบรกิ าร ประชาชน หรอื ผอู้ ่ืน บาก วิกฤติ คบั ขัน หรอื เหตุอันไม่ปกตติ ่างๆเป็นต้น ได้อยา่ งเหมาะสม สมกับแต่ละสถานการณ์ และสอดคล้องความต้องการของผู้รบั บริการ ประชาชน หรือผ้อู ื่น ตกศุ ลให้ผู้รบั บริการ ประชาชน หรอื ผ้อู นื่ มีความสขุ และได้รบั ประโยชนอ์ ย่างสูงสดุ ทม่ี คี วามเดือดร้อน) ดว้ ยจิตกศุ ล (จิตสาธารณะ) แมว้ ่าตนเองจะตอ้ งประสบกบั ความยากลาบาก มสขุ และได้รับประโยชน์อยา่ งสูงสดุ รกิ าร ประชาชน หรอื ผอู้ ่นื อย่างใกลช้ ดิ ต่อเน่ือง และสม่าเสมอ เพ่ือใหแ้ นใ่ จวา่ สามารถให้บริการ ความ ะได้รบั ประโยชน์อยา่ งสงู สุด รเทาทกุ ข์ และดาเนินการตา่ งๆ แก่ผรู้ ับบรกิ ารประชาชนหรอื ผู้อน่ื โดยไม่หวงั ผลตอบแทนใดๆ ท้ังส้ิน าร ประชาชน หรือผ้อู ่นื ไดร้ ับประโยชนอ์ ย่างสงู สุด ชน์อย่างสงู สุด และสอดคล้องความตอ้ งการอย่างแท้จรงิ
การคิดวเิ คราะห์ (Anal คาจากัดความ:ความสามารถในการทาความเขา้ ใจในสถานการณ์ ประเด็น ปญั หา โดยคิดว สถานการณ์ ประเดน็ หรือปญั หาที่เกิดขึ้นโดยรถู้ งึ สาเหตุ และผลกระทบของสถานการณ์ ป ระดับที่ 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะด้านนี้อย่างชดั เจน ระดบั ที่ 1: แตกและแยกแยะปัญหา แนวคดิ ประเด็น สถานการณ์ หลกั การ ทฤษฎี ฯลฯ •แยกแยะหรอื แตกปัญหา แนวคดิ ประเดน็ สถานการณ์ หลกั การ ทฤษฎี ฯลฯ ออกเป็นประ •จัดทาและระบรุ ายการหรือปญั หา แนวคดิ ประเด็น สถานการณ์ หลกั การ ทฤษฎตี ่างๆ เป็น ระดับที่ 2: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 1และจดั ลาดับความสาคญั ของประเดน็ ปญั หา แนวค •แยกแยะหรอื แตกปัญหา แนวคดิ ประเดน็ สถานการณ์ หลกั การ ทฤษฎี ฯลฯ ออกเป็นประ การดาเนินการตอ่ ไปตามความเรง่ ดว่ นหรอื ความจาเปน็ •เข้าใจและระบขุ ้ันตอน ลาดบั กอ่ นหลงั ของประเดน็ ตา่ งๆ ได้ ตัง้ ขอ้ สงั เกต ระบขุ ้อบกพร่องข ตา่ งๆ ระดับที่ 3: แสดงความสามารถระดับที่ 2และเขา้ ใจและเช่ือมโยงความสัมพันธ์เบอ้ื งต้นข •เช่อื มโยงความสมั พันธอ์ ย่างงา่ ยๆ ระหวา่ งเหตุและผลท่ีกอ่ ให้เกดิ เป็นปัญหาได้ •ระบุได้วา่ อะไรเป็นเหตเุ ป็นผลแก่กันในสถานการณห์ นึ่งๆ หรอื แยกแยะข้อดีข้อเสียของประเ •อธบิ ายเหตุผลความเปน็ มา แยกแยะข้อดี และขอ้ เสยี ของปญั หา สถานการณ์ ฯลฯ เปน็ ประ ระดบั ที่ 4: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 3และเข้าใจและเชื่อมโยงความสัมพันธท์ ี่ซับซอ้ นของ •แยกแยะและเชอื่ มโยงประเด็น ปญั หา หรอื ปัจจยั ต่างๆ ทซ่ี บั ซอ้ นไดใ้ นหลายๆ แง่มมุ เช่น เ •แยกแยะองคป์ ระกอบตา่ งๆ ของประเดน็ ปัญหาทม่ี เี หตปุ จั จยั เช่อื มโยงซบั ซ้อนเป็นรายละเอ อยา่ งไร คาดการณ์ว่าจะมโี อกาส หรืออปุ สรรคอะไรบา้ ง ระดับที่ 5: แสดงสมรรถนะระดับที่ 4และใชเ้ ทคนิคและความรเู้ ฉพาะดา้ นในการคิดวิเคร •ประยุกต์ใชค้ วามรู้ ความเช่ยี วชาญ เทคนคิ เฉพาะด้าน เชน่ หลกั สถิติข้นั สงู ความเชีย่ วชาญ อนั ทาให้ได้ขอ้ สรปุ หรือคาตอบท่ไี มอ่ าจบรรลุได้ด้วยวธิ ีปรกตธิ รรมดาทวั่ ไป •วิเคราะห์ปญั หาในแงม่ มุ ทล่ี ึกซงึ้ ถึงปรัชญาแนวคิดเบอื้ งหลงั ของประเดน็ หรอื ทางเลือกต่างๆ
lytical Thinking-AT) วเิ คราะหอ์ อกเปน็ สว่ นยอ่ ยๆ เป็นรายการ หรอื เป็นขั้นตอน และเหน็ ความสัมพันธ์ของ ประเด็น หรอื ปญั หาทอ่ี าจเกดิ ข้นึ ได ฯ ออกเป็นประเดน็ ย่อยๆ ะเด็นยอ่ ยๆ โดยยงั ไม่คานงึ ถงึ ลาดับความสาคญั นข้อๆ แตอ่ าจยงั ไมไ่ ด้จัดลาดับก่อนหลงั คิด ประเดน็ สถานการณ์ หลกั การ ทฤษฎี ฯลฯได้ ะเด็นย่อยๆ และจัดเรยี งงาน กิจกรรมตา่ งๆ ตามลาดบั ความสาคญั ก่อนหลังเพอ่ื ประโยชนใ์ น ของข้ันตอนงานได้อนั เป็นผลจากความเขา้ ใจในลาดบั ความสาคัญหรือลาดบั ก่อนหลงั ของสงิ่ ของปญั หา แนวคดิ ประเดน็ สถานการณ์ หลกั การ ทฤษฎี ฯลฯ ได้ เด็นตา่ งๆ ได้ ะเดน็ ตา่ งๆ ได้อย่างมีเหตมุ ีผล งปญั หา แนวคิด ประเด็น สถานการณ์ หลักการ ทฤษฎี ฯลฯ ได้ เหตุ ก. นาไปสู่ เหตุ ข. เหตุ ข. นาไปสเู่ หตุ ค. และนาไปสูเ่ หตุ ค. ฯลฯ อียดในช้ันตา่ งๆ อีกท้ังวิเคราะห์วา่ แงม่ มุ ตา่ งๆ ของปัญหาหรอื สถานการณห์ นง่ึ ๆ สมั พันธ์กัน ราะห์ ญเฉพาะสาขาทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั ผลติ ภณั ฑห์ รอื บรกิ ารมาวเิ คราะห์ประเดน็ หรือปัญหาตา่ งๆ ในงาน ๆ ทซ่ี บั ซอ้ นเหล่านน้ั
การบรหิ ารความเสีย่ ง (Ris คาจากัดความ: ความสามารถในการระบคุ วามเส่ียง และหาวธิ ีการป้องกันความเสย่ี ง ตลอ ใหแ้ ก่องค์กร และสรา้ งองคก์ รใหเ้ ติบโตอยา่ งย่งั ยนื และมเี สถยี รภาพ ระดับที่ 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะด้านน้ีอย่างชัดเจน ระดบั ท่ี 1: เห็นถึงความสาคญั ของการบริหารความเสย่ี งและระบคุ วามเสีย่ งในหน่วยงาน • ตระหนกั และใหค้ วามรว่ มมอื ในการพทิ กั ษ์ประโยชน์และบริหารความเสย่ี งของหนว่ ยงาน • สามารถระบุความเส่ียงของงานและกจิ กรรมทเ่ี กยี่ วข้องได้ • วิเคราะห์และประเมินความเสยี่ งท่มี ผี ลกระทบต่อภารกิจในหนว่ ยงานของตนได้ ระดับท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดับที่1 และปรบั ปรุงงานของตนใหพ้ รอ้ มเผชิญความเสีย่ งด •คานึงถงึ ผลของความเสี่ยงหรือความเสยี หายที่อาจเกิดขนึ้ ประเมินระดบั ความเส่ยี งท่ยี อมรบั •ศกึ ษาและพัฒนาศกั ยภาพดา้ นความรู้ ทักษะ และเทคนิคตา่ งๆและนามาประยุกตใ์ ชใ้ นจัดท ระดับท่ี 3: แสดงสมรรถนะระดับที่2 และคาดการณล์ ่วงหน้าและเตรยี มรับมือกบั ความเส •หม่ันคาดการณแ์ ละหาแนวโนม้ ช่องโหว่ ขอ้ บกพรอ่ ง ฯลฯ ทงั้ จากปัจจยั ภายในและภายนอ หรือเตรยี มหาทางรบั มือกับความเสย่ี งนน้ั •ตดิ ตาม ประเมิน และปฏิบตั งิ านเชงิ รกุ เพื่อเตรียมความพรอ้ มในการรับมือกับทุกสถานการณ ระดบั ท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดบั ที่3 และบริหารความเสย่ี งขององคก์ รในภาพรวม •ควบคมุ บรหิ าร และกระจายความเส่ียงในระดบั กลยทุ ธข์ องหนว่ ยงาน/องค์กร เพ่อื สง่ เสรมิ •กาหนดวิธกี ารปฏิบตั ใิ นการบริหารความเสย่ี งทค่ี รอบคลมุ ทง้ั องคก์ รและสอดคลอ้ งกบั นโยบ ระดับท่ี 5: แสดงสมรรถนะระดับที่4 และแปรความเสย่ี งใหเ้ ป็นโอกาสในการดาเนินงาน •พิจารณาความเสี่ยงดว้ ยมมุ มองใหม่ และหาวธิ แี ปรความเสย่ี งทีม่ อี ยู่ หรอื ทคี่ าดการณ์ไวใ้ หเ้ •ใชค้ วามเส่ียงทางการดาเนนิ งานขององค์กรเปน็ เหตผุ ล หรอื แรงกระต้นุ ผลกั ดนั ใหเ้ กิดการป
sk Management-RISK) อดจนระแวดระวงั ควบคมุ และลดความเสีย่ งในทกุ ทางทอี่ าจเกิดขนึ้ เพอื่ พิทักษผ์ ลประโยชน์ น ด้านตา่ งๆ บได้ และเตรียมการรับมอื ไว้ก่อน ทาแผนเพอื่ ปอ้ งกันหรือลดความเสย่ี งทอี่ าจเกดิ ข้นึ กบั หนว่ ยงาน ส่ียงอย่างสมา่ เสมอซ่ึงจะมีผลเสียตอ่ การทางาน อกองค์กร อันอาจกอ่ ให้เกดิ ความเส่ียงในการดาเนนิ งานในหนว่ ยงาน และดาเนินการแก้ไข ณท์ อี่ าจเกิดขน้ึ อย่างสม่าเสมอ มให้องคก์ รมกี ารดาเนนิ งานไปในทิศทางทม่ี ีเสถยี รภาพมั่นคง บายบรหิ ารความเสี่ยงขององค์กร หรือมาตรฐานสากล เปน็ โอกาสในการดาเนินงาน ปรบั เปล่ียนใหมๆ่ เพ่ือสรา้ งสรรค์นวตั กรรมใหม่ๆ ท่ีเปน็ โอกาสในการแขง่ ขันขององค์กร
การบรหิ ารทรัพยากร (Reso คาจากัดความ:การตระหนกั เสมอถงึ ความคมุ้ คา่ ระหว่างทรพั ยากร (งบประมาณ เวลา กาล (Output) และพยายามปรับปรุงหรอื ลดขั้นตอนการปฏบิ ัติงาน เพอื่ พฒั นาใหก้ ารปฏิบัตงิ าน ความสาคัญในการใชเ้ วลา ทรัพยากร และข้อมลู อยา่ งเหมาะสม และประหยัดค่าใช้จ่ายสงู ส ระดับท่ี 0:ไม่แสดงสมรรถนะด้านนีอ้ ย่างชัดเจน ระดับท่ี 1: ปฏิบัติงานโดยคานึงถึงความคมุ้ คา่ และค่าใชจ้ า่ ยทเ่ี กดิ ขึ้น •ตระหนักถงึ ความคุ้มค่าและคา่ ใช้จา่ ยตา่ งๆ ทจ่ี ะเกิดขน้ึ ในการปฏิบัติงาน •ปฏิบัตงิ านตามกระบวนการขั้นตอนท่กี าหนดไว้ เพอ่ื ใหส้ ามารถใชท้ รพั ยากรไมเ่ กนิ ขอบเขตท ระดบั ที่ 2: แสดงสมรรถนะระดับที่ 1และปฏบิ ัตงิ านโดยคานึงถึงค่าใช้จ่ายท่เี กิดข้นึ และม •ตระหนักและควบคมุ ค่าใช้จ่ายท่เี กดิ ขึ้นในการปฏิบัตงิ านโดยมคี วามพยายามท่ีจะลดค่าใช้จา่ •จัดสรรงบประมาณ ค่าใชจ้ ่าย ทรพั ยากรทมี่ อี ยู่อย่างจากัดใหค้ มุ้ ค่าและเกิดประโยชน์ในการ ระดับที่ 3: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 2และกาหนดการใชท้ รัพยากรให้สมั พนั ธก์ ับผลลัพธท์ •ประเมนิ ผลความมีประสทิ ธภิ าพของการดาเนินงานท่ีผา่ นมาเพอื่ ปรับปรงุ การจดั สรรทรพั ยา •ระบุขอ้ บกพรอ่ ง วิเคราะห์ขอ้ ดี ข้อเสียของกระบวนการการทางานและกาหนดการใช้ทรัพย ระดบั ท่ี 4: แสดงสมรรถนะระดับท่ี 3และเชื่อมโยงหรือประสานการบริหารทรพั ยากรร่วม •เลอื กปรบั ปรงุ กระบวนการทางานที่เกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุดกบั หลายหนว่ ยงาน และไมก่ ระท •วางแผนและเชือ่ มโยงภารกจิ ของหนว่ ยงานตนเองกบั หน่วยงานอื่น (Synergy) เพือ่ ใหก้ ารใช •กาหนดและ/หรอื ส่ือสารกระบวนการการบรหิ ารทรัพยากรทส่ี อดคลอ้ งกันท่ัวทงั้ องค์กร เพ่อื ระดับท่ี 5: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 4และเสนอกระบวนการใหมๆ่ ในการทางานให้มีประ •พฒั นากระบวนการใหม่ๆ โดยอาศัยวสิ ยั ทัศน์ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ตา่ งๆ มาป ประสิทธภิ าพสงู สุด •สามารถเพม่ิ ผลผลิตหรือสรา้ งสรรคง์ านใหม่ ทีโ่ ดดเดน่ แตกตา่ งใหก้ บั หน่วยงาน และองคก์ ร
ource Management-RM) ลงั คนเครื่องมอื อุปกรณ์ ฯลฯ) ทลี่ งทนุ ไปหรอื ท่ใี ชก้ ารปฏบิ ัติภารกิจ (Input) กบั ผลลพั ธท์ ไี่ ด้ นเกิดความค้มุ ค่าและมปี ระสทิ ธิภาพสงู สุด อาจหมายรวมถงึ ความสามารถในการจัด สดุ ตที่กาหนด มคี วามพยายามท่ีจะลดค่าใช้จ่ายเบ้อื งต้น ายต่างๆ ทีจ่ ะเกิดขึ้น รปฏบิ ัติงานอย่างสงู สดุ ทตี่ ้องการ ากรให้ไดผ้ ลผลิตทเ่ี พม่ิ ขน้ึ หรอื มีการทางานที่มปี ระสทิ ธิภาพมากขนึ้ หรอื มคี ่าใชจ้ ่ายทลี่ ดลง ยากรทส่ี มั พนั ธ์กบั ผลลพั ธ์ทตี่ อ้ งการโดยมองผลประโยชนข์ อง องคก์ รเป็นหลัก มกันระหว่างหน่วยงานเพื่อใหเ้ กดิ การใชท้ รัพยากรทคี่ ุ้มคา่ สงู สุด ทบกระบวนการทางานต่างๆ ภายใน องค์กร ช้ทรพั ยากรของหน่วยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งทั้งหมดเกดิ ประโยชน์สงู สุด อเพม่ิ ขดี ความสามารถขององค์กร ะสิทธิภาพย่งิ ข้ึนเพือ่ ให้เกดิ การพฒั นาทย่ี ่ังยืน ประยกุ ต์ในกระบวนการทางาน เพอื่ ลดภาระการบรหิ ารงานใหส้ ามารถดาเนนิ งานได้อย่างมี โดยใชท้ รัพยากรเทา่ เดิม
การม่งุ ความปลอดภยั และการ คาจากัดความ:ความมงุ่ ม่ันท่ีจะให้ความสาคญั กับความปลอดภยั การระวังภยั รวมทงั้ การ อันตราย และสาธารณภยั ต่างๆ ต้งั แต่การปฏิบัตติ นในชีวิตประจาวนั ทั่วไป รวมถึงการดา การฟ้นื ฟผู ู้ประสบภัยให้ได้รบั การดแู ลอย่างมปี ระสิทธภิ าพ รวมถงึ การสนบั สนนุ และเสรมิ ชุมชน และสังคมในระยะยาว ระดบั ท่ี 0:ไมแ่ สดงสมรรถนะด้านน้อี ย่างชัดเจน ระดับที่ 1:ตระหนักถงึ ความสาคญั ด้านความปลอดภยั และผลเสียของการเกิดเหตุอนั ต ปลอดภัยต่างๆ •ใหค้ วามสนใจกบั ปจั จัยตา่ ง ๆ รอบตัว ที่อาจเป็นตน้ เหตขุ องการเกิดภัย และความไม่ปลอ โดยสามารถอธบิ ายถงึ สาเหตขุ องความไม่ปลอดภยั ดังกลา่ ว •รูว้ ธิ จี ัดการกับความเสี่ยงทจี่ ะทาใหเ้ กดิ ภัย การป้องกนั และวธิ แี กไ้ ขปัญหาความไมป่ ลอดภ •ขวนขวายหาความรูเ้ พิ่มเติมเก่ยี วกบั การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาอันตราย สาธารณภยั รวม •เขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ การแลกเปล่ียนความรู้ และการรณรงคเ์ พ่อื พฤติกรรมทปี่ ลอด ระดับท่ี 2: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 1และแสดงออกใหเ้ หน็ ถงึ ความเป็นผู้ไม่ประมาท รอ ผรู้ ว่ มงาน และสามารถประยุกต์ใชค้ วามรู้และทรพั ยากรทม่ี อี ยูใ่ นการปอ้ งกันและแก้ไขป •กระทาการใดๆ ดว้ ยความรอบคอบ ไมป่ ระมาท เพอ่ื ใหเ้ กิดความปลอดภยั ท้ังในการดาเน •โนม้ นา้ วชักชวนเพ่อื นร่วมงานและผเู้ กี่ยวขอ้ งให้ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของความปลอดภ ขยายวงกว้างจนกลายเปน็ ปญั หาสาธารณภยั •ช้ีแนะแนวทางการปฏิบตั แิ กเ่ พ่ือนรว่ มงานและผเู้ กยี่ วขอ้ งให้มีพฤติกรรมทปี่ ลอดภัย •สามารถประยุกตใ์ ช้ความร้ใู นการป้องกันมิให้เกิดภยั รวมถงึ ประยุกตใ์ ชค้ วามรแู้ ละทรพั ยา สาธารณภยั ระดบั ท่ี 3: แสดงสมรรถนะระดบั ท่ี 2 และวเิ คราะห์ สังเคราะห์ มองเห็นทางเลอื กในกา •มองเห็นทางเลอื กในการนาวิธกี ารบรหิ ารจดั การสาธารณภยั ท่เี หมาะสมมาปรบั ใช้ให้ได้ปร •สามารถวิเคราะหส์ ภาพปญั หาในการบรหิ ารจัดการสาธารณภยั ที่เปน็ อยู่ อธบิ ายใหค้ วามเห จัดการในปจั จุบนั ได้อย่างถูกตอ้ ง
รระวังภยั (Safety Mind-SM) รป้องกันภัยต่างๆ ทอ่ี าจจะเกิดข้ึน โดยรบั รู้และตระหนกั ถึงความสาคญั ในการป้องกันภยั เหตุ าเนินกจิ กรรมในการปฏบิ ัตงิ าน และตระหนกั ถึงความสาคญั ในการช่วยเหลอื การบรรเทาทกุ ข์ มสร้างวฒั นธรรมความปลอดภัยและการระวงั ภยั ตา่ งๆ ให้เกิดขึน้ ในระดบั หนว่ ยงาน องค์กร ตราย สาธารณภัย รวมถึงสามารถอธิบายได้ถงึ วิธกี ารจดั การเพ่อื แกไ้ ข และการป้องกันเหตุไม่ อดภัยต่าง ๆ รวมถึงสนใจในทมี่ าของเหตุการณค์ วามไม่ปลอดภัย/ปญั หาสาธารณภยั ทเ่ี กดิ ขน้ึ ภัย หรอื เพือ่ มใิ ห้ภยั ลุกลามขยายวงกว้างจนกลายเป็นปัญหาสาธารณภยั มถึงความรู้ในการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาความไมป่ ลอดภยั ตา่ ง ๆ ดภัยต่าง ๆ อบคอบ ระแวดระวงั ภัย และความไม่ปลอดภยั ตา่ งๆ ท่อี าจเกดิ ข้นึ ท้ังกบั ตัวเองหรือ ปญั หาความไม่ปลอดภัยได้ นินกจิ กรรมสว่ นตวั ในชีวติ ประจาวัน และการปฏบิ ตั งิ าน ภยั อย่างแทจ้ ริง ช้ใี ห้เหน็ ถึงอนั ตรายและผลเสียของการกระทาท่ไี มป่ ลอดภัยท่ีอาจการลกุ ลาม ากรท่มี อี ยู่ในการแกไ้ ขปัญหาความไม่ปลอดภยั เพอ่ื มใิ หล้ ุกลามขยายวงกวา้ งจนกลายเปน็ ปญั หา ารนาวธิ กี ารบริหารจัดการสาธารณภัยทเี่ หมาะสมมาปรบั ใช้ใหไ้ ดป้ ระโยชน์สูงสดุ ระโยชน์สูงสุด ห็นต่างๆ ในประเด็นปญั หาของการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และระบบการบริหาร
•หมั่นวิเคราะห์ และมองหาแนวโน้ม ช่องโหว่ ขอ้ บกพรอ่ ง ฯลฯ ทงั้ จากปจั จยั ภายในและภ หรอื เตรียมหาทางรบั มอื กับปญั หานัน้ •ติดตาม ประเมิน และปฏบิ ัตงิ านเชิงรกุ เพอื่ เตรียมความพรอ้ มในการรับมือกับทกุ สถานการ •สามารถจดั การกบั ปญั หาสาธารณภยั ประเภทตา่ งๆ ท่ีมีความซบั ซอ้ นได้ ท้ังในแง่ของการป ระดบั ที่ 4: แสดงสมรรถนะระดบั ที่ 3 และพฒั นากระบวนการในการบริหารจดั การสาธ •สงั เคราะห์องค์ความร้ดู า้ นการบรหิ ารจัดการสาธารณภยั เพือ่ ใหไ้ ดน้ วตั กรรมหรือรูปแบบใ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล •เสนอแนวทางปฏบิ ัตใิ นการจัดการกับปญั หาในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั และถ ผูเ้ ก่ยี วข้องไดร้ ับทราบ เพอ่ื มงุ่ หวังใหผ้ ทู้ ่ีเกี่ยวข้องต่างๆ สามารถดาเนนิ การบรหิ ารจัดการส •มงุ่ ปรบั ปรุง และเปลี่ยนแปลงระบบ และวธิ กี ารในการปอ้ งกนั ช่วยเหลอื บรรเทาและฟน้ื ฟ สงั คมได้อยา่ งโดดเด่นและเกินกวา่ เปา้ หมายทก่ี าหนดไว้ ระดบั ที่ 5: แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และประเมินคณุ ค่า และทางเลือก เพื่อกาหนดนโ •สามารถคาดการณ์ปญั หาท่ีจะเกดิ ข้ึนในอนาคต สามารถประเมนิ ทรัพยากรตา่ งๆ ทางด้าน ชว่ ยเหลือ และฟ้ืนฟูสภาพจากการเกดิ สาธารณภยั ได้อยา่ งเหมาะสมกบั สภาพปญั หาและสถ •สนบั สนนุ ใหเ้ กดิ บรรยากาศแหง่ การเสรมิ สร้างวฒั นธรรมความปลอดภยั ข้ึนในหน่วยงานห ระยะยาว •สนับสนุนใหเ้ กดิ การบรู ณาการการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยเขา้ กับทกุ กจิ กรรมการท •สนบั สนุนการจัดการความรู้ เพือ่ พฒั นาบคุ ลากรให้มอี งค์ความร้ทู เี่ พยี งพอต่อการขบั เคล่ือ •สนับสนุนให้มกี ารเผยแพรป่ ระชาสัมพันธเ์ พื่อเสริมสรา้ งวฒั นธรรมความปลอดภยั ใหเ้ กดิ ขึ้น •เปน็ แบบอย่างทด่ี ขี องการมจี ติ สานึกความปลอดภยั ทง้ั พฤติกรรมการปฏิบตั งิ าน การดาเน
ภายนอกองค์กร อันจะทาให้เกดิ ปญั หากบั การบรหิ ารจดั การสาธารณภยั และดาเนินการแกไ้ ข รณค์ วามไม่ปลอดภัย/ปญั หาสาธารณภยั ทเ่ี กิดขึน้ ท่ีอาจเกดิ ขน้ึ อย่างสม่าเสมอ ป้องกนั การช่วยเหลือ บรรเทา รวมถึงการฟ้ืนฟู ธารณภัยทเี่ หมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสดุ ในการบรหิ ารจัดการสาธารณภยั ที่เหมาะสมต่อการนาไปใช้ในสถานการณ์ภยั ในพ้นื ทต่ี า่ งๆ ได้ ถ่ายทอดแบบอย่างท่ีดขี องการดาเนินงานป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยใหผ้ รู้ ว่ มงานและ สาธารณภัยไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสูงสดุ ฟู ใหม้ ีคณุ ภาพ เพือ่ ใหไ้ ดส้ ามารถดาเนินการเพอ่ื สรา้ งความปลอดภัยใหก้ บั องค์กร ชุมชน หรือ โยบายและกลยทุ ธ์ทมี่ ผี ลต่อการบรหิ ารจดั การสาธารณภัยทมี่ ีประสิทธภิ าพในระยะยาว นการบรหิ ารจัดการสาธารณภยั สาหรบั ใช้เป็นทางเลอื กในการดาเนินการเพ่อื การป้องกนั ถานการณ์ความเปลย่ี นแปลงด้านสาธารณภยั หรอื ขอบเขตท่ีรบั ผดิ ชอบอันเปน็ ประโยชน์ตอ่ การบรหิ ารจดั การสาธารณภัยที่มปี ระสทิ ธิภาพใน ทางาน อนองคก์ ร นในระดบั ชุมชนและสังคม นนิ กจิ กรรมส่วนตวั ในชีวติ ประจาวนั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133