Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Narathiwat

Narathiwat

Published by Kanchana Radreungsoontre, 2018-10-24 02:08:15

Description: Narathiwat

Search

Read the Text Version

นราบ้านเรา มิ่ง มง คลแทน ) พ ระ พุทธรู ปและ พ ร ะ โพธิสัตว์นิกายมนตยานบ ริเวณวัดเขากงน ร า ธิ ว า ส ช่ื อ บ้ า น เ ร า เชน่ กนั ตอ่ มา กลายเป็นอาเภอหน่ึง เรียกวา่ อาเภอบางนรา ข้ึนกบั เมอื งสายบุรี ซ่งึ เป็ น ชื่อนราธิวาสเป็นชอื่ ท่ีตง้ั ข้ึนมาใหม ่ หน่ึงในเจ็ดหัวเมืองภาคใต้ ตอ่ มาได้โอนไปในปี พ.ศ. 2458 ชื่อเดิมของพ้ืนที่น้ีคือ มนา ข้นึ กบั เมืองระแงะ ซ่ึงเป็ นหน่ึงในเจ็ดหัวรา หรือ มนารอ (มลายู: Menara, ‫ )منارا‬ซ่ึง เมืองเชน่ กนั โดยประวตั ิความเป็ นมาของมคี วามหมายวา่ \"หอคอย\" ที่กลายมาจากคา นราธิวาสน้ัน มคี วามเชอ่ื มโยงกบั เร่ืองราววา่ กวู าลา มนารา (มลายู: Kuala Menara) ที่ ของเมอื งปัตตานี เมอื งสายบุรี และ เมอื งระมคี วามหมายวา่ \"กระโจมไฟ\" หรือ \"หอคอย แงะท่ีปากน้า\" สว่ นชาวไทยทน่ี ับถือศาสนาพทุ ธจะเรียกวา่ บางนรา หรือ บางนาค ตอ่ มาในปี ในสมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธพ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลท่ี 1 แห่งเจ้าอยูห่ ัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใ ห้ กรุ ง รัตน โกสิ น ทร์ ได้มีรับ สั่ง ใ ห้กร มเปล่ียนช่อื เมอื งข้ึนใหมว่ า่ นราธิ วาส อนั มี พระราชวงั บวรมหาสุรสีหนาท ยกทพั หลวงความหมายวา่ \"อนั เป็นท่อี ยขู่ องคนดี\" ลงมาปักษ์ใตเ้ พื่อปราบปรามข้าศึกทเ่ี ขา้ มา ทาง ปั กษ์ใ ต้ เ ม่ือขา้ ศึกแตกพ ่ายห นี ไปข้อมลู ท่ัวไปบ้านนราฯ หมดแล้ว จึงเสด็จประทบั ณ เมืองสงขลา และไดม้ ีรับสั่ง ออกไปถึง หัวเมือง มลายู จงั หวดั นราธิวาส เดิมมฐี านะเป็ น ทง้ั หลาย ที่เคยข้นึ กบั อยุธยามากอ่ น ให้มาเพียงเมอื งหน่ึงในอาณาจกั รลงั กาสุกะซ่งึ พบ ออ่ นน้อมดงั เดิม โดยพระยาไทรบุรี และหลกั ฐานโบราณคดีคอ่ นขา้ งน้อยเชน่ ซาก พระยาตรังกานูยอมออ่ นน้อมแตโ่ ดยดี แต่เจดีย์ 3 องค์บริเวณวดั เขากง อายุ1,300 ปี พระยาปัตตานีแข็งเมอื งไมย่ อมออ่ นนอ้ ม จึง(ตอ่ มาถูกรื้อถอนแล้วสรา้ งพระพทุ ธทกั ษิณ รับสั่งให้ยกทัพไปเมืองปั ตตานีเมื่อ พ.ศ. 2332 เม่อื ไดเ้ มอื งปัตตานีแลว้ ไดโ้ ปรดเกล้า ฯ ให้พระราช ทาน ตราต้ังใ ห้แกพ่ ระ ยา สงขลา (บุญฮุย) เป็นพระยาปัตตานี และให้ อยใู่ นความกากบั ดแู ลของเมืองสงขลาตอ่ ไป และ ต้ังใ นเ ป็ นเ มืองมน ตรีข้ึนอยูก่ บั กรุ ง

รตั นโกสินทร์โดยตรง ในระหวา่ งทพ่ี ระยา โดยเจ้าเมอื งท้งั 4 ได้สมคบคิดกนั เป็ นกบฏปัตตานี (ขวญั ซ้าย) วา่ ราชการเมอื งปัตตานี ข้นึ จึงโปรดเกล้าใหพ้ ระยาเพชรบุรี และอยู่น้ัน บ้านเ มืองสง บเ รียบร้อยปกติสุ ข พระยาสงขลา (เถ้ียนเส้ง) ลงมาปราบ และตลอดมา คร้ันเมือ่ พระยาปัตตานีถึงแกก่ รรม พิจารณาเห็นวา่ หนิบอสูชาวบ้านบางปูซ่ึงโปรดเกล้าฯ ให้นายพา่ ย น้องชายพระยา พระยายะหริ่แตง่ ต้งั ใหเ้ ป็นกรมการเมอื งยะหลวงสวสั ดิภกั ดีผู้ชว่ ยราชการเมอื งปัตตานี หริ่งได้เป็ นกาลังสาคญั และได้ทาการตอ่ สู้และไดย้ ้ายทีว่ า่ การเมืองปัตตานีจากบา้ นมะ ดว้ ยความกลา้ หาญยิ่ง ด้วยคณุ งามความดีน้ีนา (อา่ วนาเกลอื ) ไปตง้ั อยูท่ ่ีบา้ นยามู จงึ ไดแ้ ตง่ ต้งั ให้เป็ นผู้รักษาราชการเมืองระ แงะ สืบตอ่ จากพระยาระแงะ (หนิเดะ) ที่หนี ใน ระ ห วา่ งน้ัน พวกของซาเ ห็ ด ไป และได้ย้ายที่วา่ ราชการจากบา้ นระแงะรัตนวงศ์ฯ และพวกโมเซฟไดเ้ ริ่มกอ่ กวน มาตง้ั ใหมท่ ่ตี าบลตนั หยงมสัความสงบสุขของบ้านเมอื ง โดยคบคิดกบัปลน้ บ้านพระ ยาปัตตานี และบา้ นหลวง ใ น ส มยั พ ระ บ าท ส มเ ด็ จพ ร ะสวสั ดิภักดี แตก่ ็ได้ถูกตีถอยหนี ไปหลบ จุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว รัชกาลที่ 5 ทรงใ ห้ซอ่ นตัวอยูท่ ีบ่ า้ นกะลาพอ แขวงเมอื งสายบุรี ยกเลิกการปกครองแบบเกา่ เพราะการแบง่นอกจากน้ัน เมือง ปัตตานี ซ่ึง มอี าณาเขต เขตแขวงการปกครอง และตาแหนง่ หน้าท่ีกวา้ งขวาง และมโี จรผรู้ ้ายชกุ ชมุ เทย่ี วปล้น ราชการในหัวเมอื งทง้ั 7 ที่ยงั ทบั ซอ้ นกนั อยู่บ้านเรือนราษฎ รจนเหลือกาลัง ที่พระยา หลายแห่ง จึง ได้วาง ระ เ บียบแผน การปัตตานี จะปราบใ ห้ราบคาบได้ จึง แจ้ง ปกครองและตาแหนง่ หน้าท่ีราชการให้เป็ นราชการไปยังเมืองสงขลา พระยาสงขลา ระเบียบตามสมควรแกก่ าลสมยั เม่อื วนั ท่ี 10(เ ถียนจ๋ อง ) ออกมาปราบปราม และจัด ธันวาคม พ.ศ. 2444นโยบายแบง่ แยกเมอื งปัตตานีออกเป็ น 7เมอื ง ได้แก ่เมอื งปัตตานี , เมืองหนองจิก, ตอ่ มาเม่อื วนั ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.เมอื งยะลา, เมอื งรามนั ห์, เมอื งระแงะ, เมอื ง 2449 มปี ระกาศพระบรมราชโองการให้แยกสายบุรี และ เมือง ยะ หริ่ ง ตอ่ มาใ นสมยั บริ เ วณ 7 หัว เ มือง อ อกมาจ ากมณฑ ลพระ บาทสมเ ด็จพระ นั่ง เ กล้าเ จ้าอยู่หัว เทศาภิบาล เรี ยกวา่ มณฑลปั ตตานี เพื่อรชั กาลที่ 3 ไดม้ พี ระยาปัตตานี (ตว่ นสุหลง) , สะดวกแกร่ าชการ และทานุบารุงบา้ นเมอื งพระยาหนองจิก (ตว่ นกะจ)ิ , พระยายะลา ใหเ้ จริญข้ึนกวา่ แตก่ อ่ น ในปี พ.ศ. 2458 ได้(ตว่ นบางกอก) และพระยาระแงะ (หนิเดะ) ย้ายที่วา่ ราชการจากเ มอื งระแงะ ตาบล ตัน ห ยง มสั มาต้ัง ท่ีบ้าน มะ น าลอ ( บาง

มะนาวใน ปัจจุบนั ) อาเภอบางนรา ส่วน 3. อาเภอบาเจาะทอ้ งที่เมืองระแงะ และไดย้ กฐานะอาเภอ 4. อาเภอย่งี อบางนราข้ึนเป็นเมอื งบางนรา มอี าเภอในการ 5. อาเภอระแงะปกครอง ได้แก ่ อาเ ภอบางน รา , อาเ ภ อ 6. อาเภอรือเสาะตนั หยงมสั , ก่ิงอาเภอยะบะ, อาเภอสุไหงปา 7. อาเภอศรีสาครดี และกงิ่ อาเภอโตะ๊ โมะ 8. อาเภอแวง้ 9. อาเภอสุคริ ิน คร้นั ตอ่ มาสมยั พระบาทสมเด็จพระ 10. อาเภอสุไหงโก-ลกมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว รัชกาลท่ี 6 ไดเ้ สด็จ 11. อาเภอสุไหงปาดีประพาสมณฑลปักษ์ใต้ เมอื่ พระองค์เสด็จ 12. อาเภอจะแนะถงึ เมอื งบางนรา ทรงพระราชทานพระแสง 13. อาเภอเจาะไอร้องศาสตราแกเ่มอื งบางนรา และทรงดาริวา่ บางนราน้นั เป็นชื่อตาบลบา้ น และควรทีจ่ ะมชี ่ือ สัญลกั ษณ์ประจาจงั หวดัเมอื ง ไวเ้ ป็ นหลักฐานสื บไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้เปลีย่ นชื่อเป็น \"เมอื ง ดอกไม้ประจาจงั หวดันราธิวาส\" ซ่ึงหมายถึงท่ีอยูข่ องคนดี เมือ่วนั ท่ี 10 มถิ ุนายน พ.ศ. 2458 ดอกบานบุรีเหลอื ง ตราประจาจงั หวดั ในปี พ.ศ. 2476 ไดม้ ีการปรับปรุงระเบียบบริห ารราช การส่วนภูมิภ าคคร้ัง รูปเรือใบแลน่ กางใบ ตรงกลางใบมียิ่งใหญ่และให้เปล่ียนช่อื เมอื งเป็ นจังหวดั รูปช้างเผือกประดับเครื่องคชาภรณ์ อยูใ่ นเมอื งนราธิวาสจึงเป็ นเปล่ียนเป็ น \"จงั หวดั วงกลม มคี วามหมายดงั น้ี รูปเรือใบแลน่ กางนราธิวาส\" จากน้นั เป็นตน้ มา ใบ หมายถึง ที่ต้งั อยูร่ ิมทะเล มกี ารคา้ ขาย การประมง และการ ตดิ ตอ่ กบั ประเทศเพ่อื นการเมอื งการปกครอง บา้ นใกลเ้ คียง ในเรือมรี ูปชา้ งเผือกประดบั การปกครองแบง่ ออกเป็น 13 อาเภอ77 ตาบล 589หมบู่ า้ น 1. อาเภอเมอื งนราธิวาส 2. อาเภอตากใบ

เครื่องคชาภรณ์อยูใ่ นวงกลม หมายถึง ช้าง พระบรมราชินีนาถ พร้อมท้งั พระบรมวงศาสาคัญ คูบ่ ุญข อง พ ร ะ บาท สมเ ด็ จพ ร ะ นุวงศใ์ นชว่ งเดือนสิงหาคมและตุลาคมของเจา้ อยหู่ วั ชอ่ื วา่ “พระศรีนรารฐั ราชกริ ิณี” ทกุ ปีต้นไม้ประจาจงั หวัด อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง ต ะ เ คี ย น ชั น ต า แ ม ว อุทยานแหง่ ชาติอา่ วมะนาว -เขา(Neobalanocarpus heimii) ตนั หยง เดิมคือวนอุทยานอา่ วมะนาว จดั ต้งั ข้ึนเพ่ือสนองพระราชดาริดา้ นส่งเสริมการคาขวัญประจาจังหวดั ทอ่ งเทย่ี วของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทกั ษิณราชตาหนัก ชนรักศาสน า สยามบรมราช กุมารี ใน พื้น ที่ป่ าสง วน แห่ง ชาติ ป่ าเ ขาตันห ยง บริ เวณนอกเขตนราทศั น์เพลิน ปาโจตรึงใจ แหลง่ ใหญแ่ ร่ พร ะร าช ฐา นทอง ลองกองหอมหวาน พ ร ะ ต า ห นั ก ทั ก ษิ ณ ร า ชแหล่งท่องเทย่ี ว นิเวศน์ จังหวดั นราธิวาสพระตาหนกั ทกั ษณิ ราชนิเวศน์ พระ ตาห นักทักษิณราช นิ เวศน์ อุทยานแหง่ ชาติอา่ วมะนาว -เขา ตนั ห ยง เป็ น อุทยานแหง่ ช าติเ ตรียมการต้งั อยูบ่ ริเวณเขาตันหยง (ตนั หยง แปลวา่ ประกาศ ท่ีประกอบด้วยพ้ืนท่ีที่มคี วามอุดมพกิ ลุ ) ตาบลกะลุวอเหนือ ตามทางหลวงสาย สมบูรณ์ และมคี วามสวยงามตามธรรมชาติน ราธิ วาส – ตากใ บ ห่าง จากตัวเ มือง ซ่งึ ประกอบไปดว้ ยสภาพของหาดทรายขาวนราธิวาส ประมาณ 8 กิโลเมตร เป็ นทีแ่ ปร สลบั ด้วยโขดหินน้อยใหญบ่ ริเวณริมทะเลพระ ราช ฐาน ของ พ ระบาทสมเ ด็จพ ระ และนอกจากน้ี บริเวณพืน้ ที่อุทยานแหง่ ชาติเ จ้า อ ยู่หั ว แ ล ะ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ้ า ยงั สามารถพบเห็นพนั ธุ์ไมป้ ่าชายหาดแปลก ตา หาดูไดย้ ากอีกดว้ ย

อุทยานแห่งชาติน้าตกซโี ป อาเภอรามนั จงั หวดั ยะลา และอาเภอกะพอ้ จงั ห วดั ปัตตานี มีสภาพภูมปิ ระเ ทศเป็ น อุทยานแหง่ ชาติน้ าตกซีโป มีเน้ือท่ี เทือกเขาสูงสลบั ซบั ซ้อน เป็ นแหลง่ ตน้ น้าลา ประมาณ 180,518 ไร่ ธาร มพี ันธุ์ไมท้ ่ีมคี า่ นานาชนิด โดยเฉพาะ หรื อ 288.83 ตาราง ปาล์มบงั สูรยแ์ ละใบไมส้ ีทอง มีจุดเดน่ ทาง กโิ ลเ มตร ครอบคลุม ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง เชน่ น้ าตก พ้ืน ท่ีใน ท้อง ท่ีตาบล ตา่ ง ๆ ตลอดจนมีประวตั ิศาสตร์เป็ นพ้ืนที่ ดุซงญอ ตาบลกาลิซา ของผูก้ อ่ การร้ายในนามขบวนการบโู ดและ ต า บ ล เ ฉ ลิ ม ต า บ ล ขบวนการพโู ล มีเนื้อท่ีประมาณ 213,125 ไร่ หรือ 341 ตารางกโิ ลเมตรมะรื อโบตก ตาบลตะมะยูง ตาบลซากอตาบลศรีบรรพต ตาบลเชิงคีรี อาเภอจะนะ เขตรักษาพนั ธ์สุ ัตว์ป่ า ฮาลา-บาลาอาเภอระแงะ อาเภอรือเสาะ อาเภอศรีสาครจงั หวดั นราธิวาส ลกั ษณะภูมิประเทศเป็ น พื้นที่อนุรักษ์แห่งใหมข่ องไทยที่เทือกเขาสูงสลับซับซ้อน เรียง ตัวจากทิศ ไ ด้ รั บ ก า รเหนือถงึ ทศิ ใต้ มยี อดเขาแมะแต เป็นยอดเขา ปร ะ ก าศ จัด ต้ังสูงสุดของอุทยานฯ สภาพป่าไมใ้ นพ้ืนที่ยงั อยา่ งเป็นทางการอดุ มสมภูรณ์อยมู่ ากส่วนใหญเ่ ป็ นป่ าดงดิบ เมื่อปี พ.ศ. 2539ช้ืน อั น เ ป็ น แ น ว ช า ยแ ดน ไท ย -อทุ ยานแห่งชาตบิ ูโด-สุไหงปาดี มาเลเซียน้ัน มีพ้ืนท่ีประมาณ 270,725 ไร่ ครอบคลุมพื้นท่ีทวิ เขาสันกาลาคีรี แมป้ ่ าฮา อทุ ยานแห่งชาติบโู ด-สุไหงปาดี มี ลาและป่าบาลาเป็นป่ าดงดิบทไี่ มต่ อ่ เน่ืองกนัพืน้ ท่ีครอบคลุมอยูใ่ นพื้นที่อาเภอบาเจาะ แตก่ ไ็ ดร้ ับการประกาศเป็ นเขตรักษาพนั ธ์ุอาเภอรือเสาะ อาเภอยง่ี อ อาเภอเจาะไอร้อง สัตวป์ ่าผนื เดยี วกนั ซ่งึ ประกอบดว้ ยป่ าฮาลาอาเภอระแงะ อาเภอสุคิริน จงั หวดั นราธิวาส ในเขตอาเภอเบตง จงั หวดั ยะลา และ อาเภอ จะแนะ จงั หวัดนราธิ วาส กับป่ าบาลาท่ี ครอบคลุมอาเภ อแวง้ และ อาเ ภอสุคิริ น

จัง ห วัดน รา ธิ วา ส โ ดย ส่วน ท่ีเ ปิ ดใ ห้ นราธิวาส จังหวดั นราธิวาส คิดเป็ นเนื้อที่ประชาชนเข้าไปศกึ ษาธรรมชาติไดค้ ือป่าบา กวา่ 125,625 ไร่ (แตส่ ว่ นท่ีสมบูรณ์จริง ๆ มีลาแห่งน้ีเทา่ น้ัน ซ่ึงมีการตดั ถนนสายความ ประ มาณ 50,000 ไร่) มีแหล่งน้ าสาคัญ 3มนั่ คง (ทางหลวงหมายเลข 4062) ไปตาม สายไหลผา่ น คือ แมน่ ้าบางนรา, คลองสุไหงเทือกเขาสันกาลาคีรี ทาให้การเขา้ ถึงพ้ืนท่ี ปาดี และคลองโต๊ะแดง (อันเป็นท่มี าของช่ือป่าสะดวกงา่ ยดายข้ึน โดยเริ่มจากบา้ นบูเก๊ะ เรียก) [1] ป่าแหง่ น้ีเป็นถิ่นทีอ่ ยูอ่ าศยั ของพืชตา อาเภอแวง้ ตดั ผา่ นป่าบาลา และไปส้ินสุด และสัตวป์ ่ าหลากหลายชนิด ซ่งึ หลายชนิดที่ บ้าน ภูเขาทอง ใ นอาเ ภ อสุคิริ น รวม อยูใ่ นสถานะใกลส้ ูญพนั ธุ์ และพื้นที่รอบๆระยะทาง 18 กโิ ลเมตร ป่ากเ็ ป็นพน้ื ท่ีเพาะปลูกขา้ ว ยาง และผลไม้ ตา่ ง ๆ โดยมศี ูนย์วิจยั และศึกษาพนั ธ์ป่าพรุสิป่ าพรุโต๊ะแดง รินธร ซ่ึงตง้ั อยู่ ณ ตาบลปาเสมสั อาเภอสุ ไหงโกลก ใชเ้ วลาเดินทางจากตวั เมอื งสุไหง เขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่ าเฉลิมพระ โกลก ผา่ นทางหลวงสายสุไหงโกลก - ตากเกยี รติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม ใบ แล้วเล้ียวซ้ายตรงแยกช วนันท์ ด้วยบรมราชกุมารี หรือท่ีรู้จกั กนั ดีในช่อื ป่าพรุ ระยะทางประมาณ 10 กโิ ลเมตรจากตัวเมอื งโต๊ะแดง หรือ ป่ าพรุสิรินธร เป็ นป่าพรุที่มี สุไหงโกลก เดิน ศึกษาธรรมชาติยาวกวา่เนื้อที่มากที่สุดทีย่ ังเหลืออยใู่ นประเทศไทย 1,200 เมตร ภ ายใ นศูนย์ฯมีเ ส้น ทางเ ดินเ น้ื อท่ีของ ป่ ามีควา มกวา้ ง ป ระ มาณ 8 ศึกษาความอุดมสมบูรณ์ของป่ าผา่ ใจกลางกโิ ลเ มตร และมีความยาวประ มาณ 28 ป่ าพรุ มีห อคอย และ ศูน ย์บริ การข้อมูลกโิ ลเมตร มพี ื้นที่ครอบคลุมอาณาเขตของ ตลอดจนซุ้มแสดงประวตั ิและขอ้ มลู ของพืชอาเภอตากใบ อาเภอสุไหงปาดี อาเภอสุไหง พนั ธ์ และสัตวต์ า่ งๆในพ้ืนที่ป่ าพรุโดยรอบโก-ลก อาเภอเจาะไอร้อง และอาเภอเมอื ง ใชเ้ วลาเดินประมาณ 45 - 60 นาที พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๕ พ ร ะ บ ร ม ร า ช า นุ ส า ว รี ย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวฯ รัชกาลท่ี ๕ ประ ดิษฐานอยู่ ณ พระแท่น

กลางสวนหลวงภูมนิ ทร์ ใ นเขตเ ทศบาล วดั ชลธาราสิงเ ห หรื อ วดั พิทักษ์เมือง สุ ไห ง โก-ลก อาเภ อสุ ไหง โก- ลก แผ่น ดิ น ไท ย ส ร้า ง ข้ึ น ปล าย รั ช ส มัยจงั หวดั นราธิวาสเป็ นพระบรมรูปหลอ่ สาริด พระ บาทสมเ ด็จพ ระ จอมเ กล้าเจ้าอยูห่ ัวสีดา จดั สร้างโดยกรมศลิ ปากรเมอ่ื ประมาณ รัชกาลที่ 4 ในสมยั ดินแดนตากใบยงั เป็ นปี พ.ศ. 2510 หนั พระพกั ต์ไปทางประเทศ รัฐกลันตัน โดยวดั แหง่ น้ี มคี วามสาคญั ทางมาเลเซีย แสดงถึงพระบารมเี มตตาเหนื อ ประวตั ิศาสตร์ของชาติ เน่ืองจากเป็นโบราณประ ช าช น ช าวสยามที่จะ ทรง ปกป้อ ง สถานทรี่ ัฐบาลใชเ้ ป็นเหตุผลอา้ งอิงในการ ปักปันเขตแดนในปี 2441 ที่มผี ลให้ดินแดนแผ่น ดิ น ไ ท ย ต ล อ ด ไ ป ถึ ง แ ม้ส ม เ ด็ จ แหง่ น้ีไมต่ อ้ งผนวกเป็นประเทศมาเลเซีย จึงพระพทุ ธเจ้าหลวงจะเสด็จสวรรคตไปกวา่ ได้รับสมญานามวา่ วดั พิทักษ์แผน่ ดินไทยร้อยปี แล้ว แตพ่ ระ บารมีเ มตตายัง ทรง วดั ดงั กลา่ วยงั เป็ นศูนย์รวมความศรัทธาในคมุ้ ครองประชาชนชาวไทยอยู่ปัจจุบันเป็ น พระพทุ ธศาสนาของชาวไทย ในเขตอาเภอที่เคารพสักการะของชาวเมอื งสุไหงโก-ลก ตากใบและใกลเ้ คียง รวมท้ังชาวมาเลเซียแล ะ นั กท่อง เ ที่ย วทั่วไ ป ท้ัง ไท ยแ ล ะ ปัจจุบันมีพระภิกษุส งฆ์จาพรรษา 7 รูป มีตา่ งประเทศ พระไพศาลประ ช ามาศ เป็ นเ จ้าอาวาสวัดชลธาราสิงเห นา้ ตกสิรนิ ธร วดั ชลธาราสิงเห (วดั พทิ กั ษแ์ ผน่ ดิน น้าตกสิรินธร ต้ังอยูท่ ่ีบา้ นบาลา ต.ไทย) เป็นวดั เกา่ แก ่ต้งั อยูห่ มู่3 ตาบลเจะ๊ เห โละจูด อ.แวง้ จ.นราธิวาส เป็ นสายน้ าตกที่อาเภอตากใบ จาก ส่ีแยกตลาดอาเภอตากใบ คอ่ ยๆไหลลดหล่นั กนั มาตามแนวป่า ผา่ นผาแยกซา้ ยประมาณ 100 เมตร หินน้อยใหญ่ แตล่ ะช้นั มีลานหินเป็ นแอง่ รองรับน้ าให้สามารถเลน่ น้ าและนั่งผกั ผอ่ น

ได้ ซ่ึงแตล่ ะ ช้นั น้ าตกก็มีความสวยง าม กนั วา่ \"ถา้ มานราธิวาสแลว้ ไมไ่ ปเท่ียวหาดลกั ษณะแตกตา่ งกนั ไป นราทศั น์ ก็ เทา่ กบั ยงั ไปไมถ่ ึงนราธิวาส\"น้าตกสิรินธรต้งั อยูใ่ นเขต เขตรักษาพันธ์ุ บริเวณห าดนราทศั น์นอกจากจะสัตวป์ ่ าฮาลา-บาลา อ.แวง้ จ.นราธิวาส เป็ น เป็นชายหาดท่ีสวยงามตามธรรมชาติแลว้ ยังพน้ื ท่ีป่ าท่ียังคงความอุดมสมบูรณ์ที่สุดใน มีส่ิ ง อาน วยความ สะ ดวกต่าง ๆใ ห้กับประเทศไทย ทาให้น้ าตกแห่งน้ีมีน้ าท่ีใ ส นักทอ่ งเที่ยวอีก เชน่ ป้อมตารวจรักษาความ ปลอดภยั และให้คาปรึกษาแกน่ ักทอ่ งเที่ยว มหี ้องสุขา สวนสุขภาพ ศาลาพักรอ้ น และ รา้ นอาหารไวค้ อยบริการนักทอ่ งเที่ยวที่ไป เ ท่ี ย ว ใ ห้ไ ด้รั บ ค วา ม ส ะ ด วก อี ก ด้ว ยและไมเ่ คยแห้งขอดแ บบน้ ีตลอดทุกฤดูแ ละ จัดทาโดยนอกจากสมเ ด็จพระเทพรัตน ราชสุ ดาฯ นางสาวกาญจนา รดั รึงสุนทรีสยามบรมราชกมุ ารี ทรงเสด็จเ ย่ียมและพระราชทานนามน้ าตกแหง่ น้ีเป็น “น้ าตก 5806510035 TH2สิรินธร” เมอ่ื วนั ท่ี 5 กนั ยายน 2525 ยงั ทรงมีโครงการให้สารวจและ รวบรวมพนั ธ์ุไม้ดอกไมป้ ระดบั ป่าภาคใต้ ในพื้นที่ป่าแห่งน้ีไวก้ วา่ 200 ชนิดหาดนราทศั น์ เป็ น ช ายห าดท่ีง อกข้ึน เ อง ตามธรรมชาติ ยาวประมาณ ๔ - ๕ กโิ ลเมตร มีทรายขาวละเอียดสลบั ไปกบั ทวิ สนทีเ่ อนลู่ตามแรงลม หาดนราทัศน์จึงเ ป็ นสถาน ที่ทอ่ งเที่ยวและพกั ผอ่ นหยอ่ นใจของชาวเมอื งนราธิวาส และแขกผมู้ าเยือน จนมกี ารพูด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook