มาตรา 85(1) ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่ราชการโดยมชิ อบ เพอ่ื ให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผูห้ น่ึงผูใ้ ด หรือ ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่ราชการโดยทจุ ริต มาตรา 85 (1) มี 2 ฐานความผดิ ฐานความผดิ ท่ี 1 องค์ประกอบ 1. มหี น้าที่ราชการ 2. ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการโดยมชิ อบ 3. เพอื่ ให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผูห้ นึ่งผูใ้ ด คาว่า “ เพอื่ ” คือมเี จตนาพเิ ศษ
คาว่า “หน้าที่ราชการ” หมายถึง หน้าท่ีราชการโดยตรง คือหน้าท่ีตาม กฎหมาย, ระเบยี บราชการ, มาตรฐาน กาหนดตาแหน่ง, พฤตินัย คาว่า “มิชอบ” หมายถึง ไมช่ อบด้วยกฎหมาย, ระเบยี บ ของทางราชการ, มติคณะรฐั มนตรี, แบบธรรมเนียม ของทางราชการ, ทานองคลองธรรม คาว่า “เสียหาย” หมายถึง เสียหายต่อชีวิต, รา่ งกาย เสรีภาพ, ทรัพย์สิน, การทามาหาได้, ความเจรญิ , เชื่อเสียง คาว่า “ผูห้ น่ึงผูใ้ ด” คือบคุ คล, นิติบคุ คล (กรมตารวจ ...ฎีกาท่ี 929/2537) ...รวมราชการด้วย?
ฐานความผดิ ที่ 2 คือทจุ ริตต่อหน้าท่ีราชการ มอี งค์ประกอบ 1. มหี น้าท่ีราชการ 2. ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่ราชการโดยทจุ ริต คาว่า “โดยทจุ ริต” หมายถึง แสวงหาประโยชน์ท่ีมคิ วรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผูอ้ ่ืน คาว่า “ประโยชน์” หมายถึง ทรัพย์สินหรือไมใ่ ช่ทรัพย์สินก็ได้ คาว่า “มิควรได้” หมายถึง ไมม่ สี ิทธิโดยชอบธรรมที่จะได้รับ ถ้าจะแยกองค์ประกอบความผดิ ฐานทจุ ริตฯ ให้ชัดเจน 1. มหี น้าที่ราชการ 2. ได้ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการโดยมชิ อบ 3. เพอ่ื ให้ตนเอง หรือผูอ้ ่ืนได้ประโยชน์ที่มคิ วรได้ 4. โดยมเี จตนาทจุ ริต
คาว่า “โดยมเี จตนาทจุ ริต” การท่ีจะพจิ ารณาว่าการกระทาใดเป็ นการทจุ ริตฯ หรือไม่ ต้องพจิ ารณาให้ลึกลงไปถึงเจตนาของผูก้ ระทา ว่ามีเจตนาทจุ ริต หรอื มเี ถยจิต หมายถึงมจี ิตอันช่ัวร้าย จิตคิดเป็ นโจร ความแตกต่างระหว่างฐานความผดิ 2 ฐานน้ี ฐานที่ 1 ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าที่ราชการโดยมชิ อบ เพอ่ื ให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผูห้ นึ่งผูใ้ ด - ผูก้ ระทาผดิ ไมม่ เี จตนาเอาประโยชน์ ฐานที่ 2 ปฏิบตั ิ หรือละเว้นการปฏิบตั ิหน้าท่ีราชการโดยทจุ ริต - ผูก้ ระทาผดิ มเี จตนาเอาประโยชน์ สาหรับตนเองหรือผูอ้ ื่น
มาตรา 85(2) ละท้ิงหรือทอดท้ิงหน้าท่ีราชการโดยไมม่ เี หตผุ ลอันสมควร เป็ นเหตใุ ห้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง องค์ประกอบ 1. มหี น้าที่ราชการ 2. ละท้ิงหรือทอดท้ิงหน้าท่ีราชการ 3. โดยไม่มีเหตผุ ลอันสมควร 4. เป็ นเหตใุ ห้เสียหายแก่ทางราชการอย่างรา้ ยแรง คาว่า “ละท้ิงโดยไมม่ ีเหตผุ ลอันสมควร” หมายถึง ไมอ่ าจ อ้างเหตผุ ลท่ีไมม่ าปฏิบตั ิราชการได้ คาว่า “ละท้ิงโดยมเี หตผุ ลอันสมควร” หมายถึง สามารถ อ้างเหตผุ ลท่ีไมม่ าปฏิบตั ิราชการได้ เช่น พาแมไ่ ป รพ. ด่วน
คาว่า “เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง” หมายถึง เสียหายแก่ทรัพย์สิน ชื่อเสียงของทางราชการ เช่น ละท้ิงเวร เป็ นเหตใุ ห้คนร้ายมาวางเพลิงเผาอาคาร, แพทย์ละท้ิงหน้าที่เวร เป็ นเหตใุ ห้คนไข้ตาย ละท้ิงหน้าท่ี ต้องมเี จตนาละท้ิงหน้าที่ด้วย คือมาได้แต่ไมม่ า โดยไมม่ ีเหตผุ ล แต่ถ้าไมม่ าโดยมเี หตผุ ล จะไมผ่ ดิ ฐานละท้ิงหน้าท่ี เช่น ไมม่ าเพราะป่ วย เมอื่ ส่งใบลา แล้ว ผบ. ไม่อนญุ าต, ถกู ตารวจจับไปคุมขัง ละท้ิงหน้าท่ีตามมาตราน้ี ไมต่ ้องดรู ะยะเวลา ละท้ิงไปไมน่ าน ถ้าราชการเสียหายร้ายแรงก็ผดิ แล้ว
มาตรา 85(3) ละท้ิงหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็ นเวลาเกินกว่า สิบห้าวันโดยไมม่ ีเหตผุ ลอันสมควร หรอื โดยมพี ฤติการณ์อัน แสดงถึงความจงใจไมป่ ฏิบตั ิตามระเบยี บของทางทางราชการ องค์ประกอบ 1. มหี น้าท่ีราชการ 2. ละท้ิงหน้าท่ีราชการติดต่อกันเป็ นเวลาเกินกว่า 15 วัน 3. โดยไม่มเี หตผุ ลอันสมควร หรือ 4. โดยมพี ฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไมป่ ฏิบตั ิตาม ระเบยี บของทางทางราชการ
คาว่า “ละท้ิงโดยไมม่ ีเหตผุ ลอันสมควร” คาว่า “ละท้ิงโดยมีเหตผุ ลอันสมควร” ละท้ิงหน้าที่เกินกว่า 15 วัน นับวันหยุดด้วยหรือไม่? ละท้ิงหน้าท่ีเกินกว่า 15 วัน แค่ไหนเรียกว่าเกินกว่า 15 วัน เช่น ละท้ิง 15 วัน 1 ช.ม. 2 ช.ม. 3 ช.ม. หรือ ต้อง 16 วัน ใช้มาตรฐานอะไรมาพจิ ารณา ละท้ิงหน้าท่ีโดยมพี ฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจ ไมป่ ฏิบตั ิตามระเบยี บของทางทางราชการ เช่น ย่ืนใบลาออกจากราชการแล้ว ไมร่ อรับทราบ คาสั่งอนญุ าตก่อน โดยไมม่ าปฏิบตั ิราชการอีกเลย
ตัวอย่าง มาตรา 85(3) 1. ละท้ิงหน้าที่ติดต่อกันเป็ นเวลา 3 เดือน ยังไมม่ คี าส่ัง ลงโทษ มาขอปฏิบตั ิหน้าที่ ผอ.รพ. ไม่ให้ทางาน 2. ข้าราชการบรรจใุ หม่ เมอ่ื ไปรายงานตัวแล้ว หน่วยงาน ส่งไปอบรม แต่ไมไ่ ปอบรมและไม่มาทางานอีกเลย ก.พ. ..ไมผ่ ดิ ฐานละท้ิงหน้าท่ี แมค้ าสั่งจะมผี ลย้อนหลัง 3. ข้าราชการ ได้รบั อนญุ าตให้ลาศึกษาต่อภายในประเทศ เมอ่ื ไปเรียนแล้ว ไมไ่ ปสอบ ร้แู ล้วว่าเรียนไมจ่ บ ไมก่ ลับมา ทางาน...ไมผ่ ดิ ฐานละท้ิง แต่อาจจะผดิ ฐานอ่ืน.. 4. ข้าราชการ ได้รับอนญุ าตให้ลาศึกษาต่อต่างประเทศ เมอ่ื หมดระยะเวลาการลาแล้ว ยังศึกษาต่อ..ผดิ ฐานละท้ิง /
มาตรา 85(4) กระทาการอันได้ช่ือว่าเป็ นผูป้ ระพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง แนวทางการพจิ ารณาเร่ืองประพฤติช่ัวของ ก.พ. 1. เกียรติของข้าราชการ เกิดความ 2. ความร้สู ึกของสังคม เส่ือมเสียเกียรติศักดิ์ 3. เจตนา (อธิบายพร้อมกับ มาตรา 82(10) เร่ืองประพฤติเส่ือมเสียแล้ว)
มาตรา 85(5) การดหู มน่ิ เหยียดหยาม กดขี่ ข่มเหง หรอื ทาร้ายประชาชน ผูต้ ิดต่อราชการอย่างร้ายแรง องค์ประกอบ 1. การดหู มน่ิ เหยียดหยาม กดข่ี ข่มเหง หรือ ทาร้ายประชาชน 2. ประชาชนผูต้ ิดต่อราชการ ดหู มน่ิ คือดถู กู ว่าไมด่ ีจริง ไมเ่ ก่งจริง แสดงออกทาง กิรยิ าท่าทาง, วาจา, หนังสือหรือภาพ เช่น ท่านเป็ นข้าราชการ “ทาอย่างน้ีไมย่ ุติธรรม” เหยียดหยาม คือการกล่าวถ้อยคาหรือแสดงกิริยา อาการดถู กู หรอื รังเกียจ
กดขี่ คือข่มให้อยู่ในอานาจ, ใช้อานาจบงั คับเอา, แสดงอานาจเอา ข่มเหง คือใช้กาลังรงั แก, แกล้งทาความเดือนร้อน ให้ผูอ้ ื่น ทารา้ ย คือทาให้บาดเจ็บหรือเสียหาย ข้อสังเกต 1. ประชาชนผูต้ ิดต่อราชการ ไมต่ ้องมาติดต่อก็ได้ เช่น โทรศัพท์มาติดต่อ 2. การดหู มน่ิ เหยียดหยาม คือจะทาให้ประชาชน มีความร้สู ึกอับอาย 3. การกดข่ี ข่มเหง ทาร้าย คือทาให้ประชาชน มคี วามร้สู ึกไมป่ ลอดภัย ตัวอย่าง .....กรณีร้ายแรง แพทย์ เอาปื นข่ใู ห้กราบเท้า......
มาตรา 85(6) กระทาความผดิ อาญาจนได้รับโทษจาคุกหรือท่ีหนัก กว่าโทษจาคุก โดยคาพพิ ากษาถึงท่ีสดุ ให้จาคุกหรือให้รับ โทษท่ีหนักกว่าโทษจาคกุ เว้นแต่เป็ นโทษสาหรับความผดิ ที่ได้กระทาโดยประมาทหรือความผดิ ลหโุ ทษ องค์ประกอบ 1. กระทาความผดิ อาญา 2. ได้รับโทษจาคุกหรือท่ีหนักกว่าโทษจาคุก 3. โดยคาพพิ ากษาถึงที่สดุ 4. เว้นแต่เป็ นโทษสาหรับความผดิ ท่ีได้กระทา โดยประมาทหรือหรือความผดิ ลหโุ ทษ
คาว่า “โทษจาคุกหรือหนักกว่าจาคุก” ต้องเป็ นโทษท่ีได้รับ ตามคาพพิ ากษาถึงที่สดุ แล้ว คาว่า “โทษจาคุก” ต้องจาคกุ จริงเท่านั้น โทษประหารชีวิต ทาไมต้องดาเนินการทางวินัยอีก? ข้อยกเว้น โทษท่ีได้กระทาโดยประมาท หรือความผดิ ลหโุ ทษ ท่ีศาลมคี าพพิ ากษาถึงท่ีสดุ แล้ว...จะลงโทษฐาน? เช่น นาย ก. นิติกร ขับรถยนต์ โดยประมาท ชนนาย ข. ตาย ศาลพพิ ากษาลงโทษจาคกุ 1 ปี คาพพิ ากษาถึง ท่ีสดุ แล้ว....ลงโทษทางวินัยนาย ก. ได้หรือไม่ ฐานอะไร ......จะลงโทษ ฐานประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ได้หรือไม่ ไมไ้ ด้....ฐานประพฤติชั่วต้องมเี จตนา
มาตรา 85(7) ละเว้นการกระทาหรือกระทาการใดๆ อันเป็ นการไม่ปฏิบตั ิ ตาม มาตรา 82 หรอื ฝ่ าฝื นข้อห้ามตามมาตรา 83 อันเป็ น เหตใุ ห้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง มาตรา 82 ข้อให้ปฏิบัติ ถ้าเสียหาย ผดิ วินัย ผดิ ไมร่ ้ายแรง รา้ ยแรง ร้ายแรง มาตรา 83 ข้อห้ามปฏิบัติ ผดิ ไมร่ ้ายแรง
มาตรา 85(8) ละเว้นการกระทา หรือกระทาการใดๆ อันเป็ นการไมป่ ฏิบัติ ตามมาตรา 80 วรรคสอง และมาตรา 82(11) หรอื ฝ่ าฝื น ข้อห้าม ตามมาตรา 83(10) ท่ีมกี ฎ ก.พ.กาหนด ให้เป็ น ความผดิ วินัยอย่างร้ายแรง มาตรา 80 วรรคสอง การกระทาหรือไมก่ ระทาของข้า ราชการในต่างประเทศ ตามที่กาหนดในกฎ ก.พ. มาตรา 82(11) ข้อให้ปฏิบัติตามท่ีกาหนดในกฎ ก.พ. มาตรา 83(10) ข้อห้ามปฏิบัติตามท่ีกาหนดในกฎ ก.พ.
การปรบั บทมาตราและฐานความผดิ มาตรา 89 การลงโทษข้าราชการ ให้ทาเป็ นคาสั่ง ผูส้ ่ัง ลงโทษต้องส่ังลงโทษให้เหมาะสมกับความผดิ และต้องเป็ นไปด้วย ความยุติธรรมและโดยปราศจากอคติ โดยในคาสั่งลงโทษ ให้ แสดงว่าผูถ้ กู ลงโทษกระทาความผดิ ในกรณีใดและตามมาตราใด ...ได้กระทาผดิ วินัยในกรณี......เป็ นการกระทาผดิ วินัย อย่างไมร่ ้ายแรง/ร้ายแรง ฐาน......ตามมาตรา................ ( ตามแบบฟอร์มตัวอย่างคาส่ังลงโทษ )
การปรบั ฐานความผดิ 1. ถ้ากรณีกระทาผดิ ปรับบทได้ท้ังมาตราที่เป็ นบทเฉพาะ และบทท่ัวไป ให้อ้างเฉพาะบททั่วไป...ถ้าไมแ่ น่ใจ? 2. มาตรา 80 และมาตรา 90 วรรคสอง ไมใ่ ช่ฐานความผดิ 3. กรณีกระทาผดิ วินัยไมร่ ้ายแรง 3.1 ไม่ปฏิบตั ิตามข้อปฏิบตั ิ ตาม ม. 81, 82 ปรับมาตรา 81 และมาตรา 84 ปรับมาตรา 82 และมาตรา 84 ถ้าร้ายแรงอ้าง 3.2 กรณีฝ่ าฝื นข้อห้าม ตาม 83 มาตรา 85(7) ปรับมาตรา 83 และมาตรา 84
การปรับฐานความผดิ ตัวอย่าง นาง ส. นักวิชาการเงินและบญั ชี ได้ปฏิบตั ิหน้าที่ ราชการโดยมชิ อบ คือเมอื่ รับเงินจากคนไข้แล้วไมน่ าเข้าใน ระบบราชการ แต่กลับนาไปใช้เป็ นประโยชน์ส่วนตัว ปรับบทวินัยได้ดังน้ี 1. ไมซ่ ่ือสัตย์ สจุ ริต ม. 82(1) 2. ไมป่ ฏิบตั ิหน้าที่ให้เป็ นไปตามกฎมายฯ ม.82(2)+85(8) 3. อาศัยตาแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ ม.83(3) 4. ทจุ ริตต่อหน้าที่ราชการ ม.85(1) อ้างบทที่ร้ายแรง 5. ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง ม.85(4) และบทเฉพาะ
ตัวอย่างการปรับฐานและบทวินยั ..............ได้กระทาผดิ วินัยกรณี............พฤติการณ์ดังกล่าว เป็ นการกระทาผดิ วินัยวินัย ฐานไมป่ ฏิบตั ิหน้าที่ราชการให้เป็ นไป ตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บของทางราชการฯ อันเป็ นเหตใุ ห้เสีย หายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82(2) และมาตรา 85(7) แห่งพระราชบญั ญัติระเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 สมควรได้รับโทษปลดอออกจากราชการ ข้อสังเกต กรณีกระทาผดิ วินัย ฐานไมป่ ฏิบตั ิหน้าที่ราชการ ให้เป็ นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บฯ แต่ไมเ่ สียหายรา้ ยแรง ต้อง ปรับบทตามมาตรา 82(2) และมาตรา 84
กระบวนการบริหารงานบคุ คล สรรหา ปฏิบัติ ศึกษา, ความดี พน้ ผลสาเรจ็ งาน อบรม ความชอบ หน้าท่ี ของงาน ทาผดิ วินยั โทษ ไมร่ ้ายแรง รา้ ยแรง กระบวนการบรหิ ารงานบคุ คล กระบวนการยุติธรรม คดีทางวินัย เป็ นคดีทางปกครอง ไมใ่ ช่คดีทางอาญา
วิทยากรผูบ้ รรยาย นายเรืองรัตน์ บวั สัมฤทธิ์ อดีต ผูอ้ านวยการ(นิติกรเชี่ยวชาญ ด้านวินัย) กล่มุ เสริมสร้างวินัยและระบบคณุ ธรรม สานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ โทร. 081 4090916 E-mail : ruengrat 1908 @ gmail. com
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122