History of Art (2)

History of Artน.ส.ไอรดา ถิรชุตินันท์ ม.4/14 เลขที่ 44

ประวตั ศิ าสตร์ศลิ ปะสากลประวตั ศิ าสตร์ศลิ ปะสากล หมายถงึ ศิลปะท่ีสร้างขนึ ้ ในอารยธรรมยโุ รป อียปิ ต์กรีก โรมนั ซงึ่ มีการพฒั นามาเป็นเวลากว่าสามพนั ปี จนมีรูปแบบแนวคิด ความเช่ือตามยคุ สมยั ตา่ ง ๆ และมวี ิวฒั นาการมาหลายยคุ หลายสมยั จนอิทธิพลขยายไปยงั ชาตติ า่ งๆในโลกกว้าง ศลิ ปะสากลจงึ เป็นศลิ ปะทมี่ ีการผสมผสานแนวความคดิ ตลอดจนรูปแบบตา่ งๆ ไว้อย่างกว้างขวาง มกี ารใช้วสั ดุ อปุ กรณ์ และมวี ธิ ีการสร้างสรรค์ผลงานได้โดยอิสระ ศลิ ปะสากลจงึ จาแนกได้ตามชว่ งเวลาและยคุ สมยั ได้อยา่ งกว้างๆ The starry night (Vincent Van Gogh)

ศิลปะสามารถแบ่งไดต้ ามยคุ สมยั และช่วงเวลาไดอ้ ย่างกวา้ งๆดงั นี้ ศิลปะสากลสมยั ก่อนประวัติศาสตร์ งานศลิ ปะทไ่ี ด้เริ่มทากอ่ นกนั มากอ่ นทีม่ นษุ ย์จะรู้จกั การบนั ทกึ เร่ืองราวท่ีเรียกวา่ ยคุ ก่อนประวตั ศิ าสตร์ โดยนบั ตงั้ แต่ ยคุ หินเกา่ ซง่ึ อยใู่ นช่วงเวลาประมาณ 30,000-10,000 ปี มาแล้ว มนษุ ย์ได้เขียน ภาพสี และขดู ขีดบนผนงั ถา้ และเพิงผา เป็นภาพสตั ว์ การล่าสตั ว์ ภาพเหลา่ นีม้ กั ระบายด้วยถา่ นไม้ และสที ี่ผสมกบั ไขมนั สตั ว์ ภาพเขียนบนฝาผนงั ใน ถา้ อลั ตามริ า ที่ประเทศสเปน

ศิลปะยุคคลาสสิก (Classical Art) ศลิ ปะในยคุ กรีกโบราณและโรมนั โบราณในชว่ งยคุ สาริด(ประมาณ 3,000 ปี กอ่ นคริสตกาล จนถึงยคุ มืด ราว ค.ศ. 500) ◦ ศิลปะกรีกโบราณ (Greek Art) ชาวกรีกมคี วามเช่ือว่า \"มนษุ ย์เป็นมาตรวดั สรรพสิ่งซง่ึ ความเชื่อ นีเ้ป็นรากฐาน ทางวฒั นธรรมของชาวกรีก เทพเจ้าของชาวกรีกจะมี รูปร่างอยา่ งมนษุ ย์ และไมม่ ี ความเชื่อเกี่ยวกบั ชีวิตหลงั ความตาย เหมอื นชาวอยี ิปต์ ◦ จติ รกรรม รู้จกั กนั ดกี ม็ ีแตภ่ าพวาดระบายสตี กแตง่ ผิวแจกนั เทา่ นนั้ ◦ ประตมิ ากรรม สว่ นมากเป็นเร่ืองศาสนา ซงึ่ สร้างถวายเทพ เจ้าตา่ ง ๆ ◦ สถาปัตยกรรม ใช้ระบบโครงสร้างแบบเสาและคาน เช่นเดยี วกบั อียิปต์

◦ศิลปะโรมันโบราณ (Roman Art) ชว่ งเวลาหลงั ได้เปล่ยี นสาระ เรื่องราวใหมเ่ ป็นเร่ืองราวเกี่ยวกบั ศาสนาคริสต์ สบื ตอ่ มาเป็ นเวลาอีก นานมาก แหลง่ อารยธรรมสาคญั ของโรมนั คอื อารยธรรมกรีกและ อที รัสกนั ◦จติ รกรรม จติ รกรรมผาฝนงั ประกอบด้วยแผงรูปสเ่ี หลีย่ ผืนผ้า ซง่ึ มกั เลยี นแบบหินออ่ น เป็นภาพทิวทศั น์ ภาพคน และภาพเกี่ยวกบั สถาปัตยกรรม ◦ประตมิ ากรรม รับอิทธิพลมากจากชาวอีทรัสกนั และกรีกยคุ เฮเลนิ สติก แสดงถงึ ลกั ษณะที่ถกู ต้องทางกายภาพ เป็นแบบอดุ มคติท่ีเรียบ งา่ ย แตด่ เู ข้มแขง็ มาก ◦ สถาปัตยกรรม อาคารสถาปัตยกรรมมีขนาดกว้างใหญ่ และ มีการตกแตง่ อยา่ งฟ่ มุ เฟือย มีการควบคมุ ทาเลท่ีตงั้ การจดั ภมู ิทศั น์อยา่ งพถิ ีพถิ นั มีการ

ศลิ ปะยุคกลาง (Middle Age) มีความมน่ั คงทางเศรษฐกิจและศิลปวทิ ยา ศิลปะของคริสต์ศาสนา จงึ เจริญรุ่งเรือง โดยเฉพาะสงิ่ กอ่ สร้างที่เกี่ยวกบั คาทอลกิ กลมุ่ ศิลปะทีอ่ ยใู่ นยคุ กลางได้แก่ ศิลปะกอธิค สมยั ฟื น้ ฟศู ลิ ปวทิ ยา ศิลปะบารอก และรอกโกโก ◦ศิลปะกอธคิ (Gothic Art) ลกั ษณะสาคญั ของสถาปัตยกรรมมผี นงั เปิดกว้าง มีสว่ นสงู เดน่ เป็นพเิ ศษและมแี บบท่ีออกมาเป็ นลายเส้น อนั ซบั ซ้อน ทกุ สว่ นล้วนประกอบเข้าด้วยกนั เป็นสญั ลกั ษณ์นิยม ทางศาสนา โครงสร้างหลงั คาเป็นโค้งแหลม ◦ จิตรกรรม มกั เน้นไปที่การออกแบบกระจกสีบานหน้าตา่ ง การเขียนภาพ มกั จะแสดงรูปคนที่สะโอดสะอง ในชดุ เสอื ้ ผ้า อาภรณ์ท่ีพลวิ ้ และโค้งไหวอยา่ งออ่ นช้อย

ศลิ ปะยคุ ฟืน้ ฟู (Renaissance) เป็นช่วงเวลาที่เกิดการเปล่ียนแปลงทางวฒั นธรรมในทวปี ยโุ รป ซงึ่เป็นจดุ เร่ิมต้นของวฒั นธรรมยคุ ใหม่ มีความสนใจลกั ษณะภายนอกของมนษุ ย์ และ ธรรมชาติ เป็นแบบที่มีเหตผุ ลทางศีลธรรม ผลงานของศิลปินท่ีมีทงั้ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมทาให้ช่ือเสยี งของศลิ ปินหลายคน เป็นที่รู้จกั ทว่ั โลกตลอดกาล เช่น ลโี อนาร์โดดา วนิ ชี มีเกลนั เจโล ราฟาเอล David Statue Mona Lisa La fornarina

ศลิ ปะสมัยใหม่ (Modern art) เป็นงานที่มีลกั ษณะเป็นสากล และเป็นแบบอยา่ งของแตล่ ะบคุ คลมากวา่ ที่จะเป็นแบบอยา่ งศิลปะแห่งแคว้นซง่ึ เป็นแบบที่มีความแตกตา่ งกนัจนยากท่ีจะกลา่ วอยา่ งผิวเผินได้ วสั ดแุ ละเทคนิคใหม่ ๆ รวมทงั้ การเปล่ียนแปลงโลกทศั น์อยา่ งรวดเร็ว ศลิ ปินบางกลมุ่ ก็ได้แสดง ภาพสะท้อนสภาพสงั คม บ้างก็แสดงมมุ มองบางอยา่ งท่ีแตกตา่ งออกไป บ้างก็ แสดงภาวะทางจิตของศิลปินและกลมุ่ ชน บ้างก็ แสดงความประทบั ใจในความงามตามธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม

ศลิ ปะร่วมสมยั (Contemporary art) เป็นการรวมตวั กนั อยากหลากหลายของทงั้ วสั ดุ วิธีการ แนวความคิด และหวั ข้อท่ีทาให้เกิดการท้าทายตอ่ ขอบเขตของงานศิลปะรูปแบบเดมิ ๆ ที่ เป็นที่นิยมในชว่ งศตวรรษที่ 20 ด้วยความท่ีศลิ ปะร่วมสมยั นนั้ มีความ หลากหลายเป็นอนั มาก