Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครู โรงเรียนใบบุญลำพูน_2564_ 300621

คู่มือครู โรงเรียนใบบุญลำพูน_2564_ 300621

Published by Chayanon Y., 2021-06-30 03:14:48

Description: คู่มือครู โรงเรียนใบบุญลำพูน ฉบับปี 2564

Search

Read the Text Version

ค่มู ือครู เอกสารประกอบการทำงาน โรงเรยี นใบบญุ ลำพนู พ.ศ. 2564

คำปรารภ เอกสารประกอบการทำงานโรงเรียนใบบุญลำพูนฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการ บริหารงานโรงเรียนตามรปู แบบการบรหิ ารสถานศึกษาเอกชน จัดทำขน้ึ เพ่อื เปน็ คูม่ อื ในการปฏบิ ัตงิ านในหน้าที่ ของครู บคุ ลากรในสงั กัดโรงเรยี นใบบญุ ลำพนู ซึ่งประกอบด้วย 1) กำหนดบทบาทหน้าที่ ลกั ษณะงานของฝ่าย บรหิ ารงานวิชาการ ฝา่ ยบริหารงานบุคคล ฝ่ายบรหิ ารงบประมาณ และฝา่ ยบริหารงานทั่วไป ไวใ้ ห้ถือเป็นหลัก ปฏิบัติ จะได้ทราบว่างานในหน้าที่ใดมีขอบข่ายความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานเพียงใด ฝ่ายนั้นๆ มี ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับฝ่ายใด ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบงานจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องครบถ้วน เป็นการกระจาย อำนาจในการปฏิบตั ิงาน และความรบั ผิดชอบได้ทัว่ ถึง ครู บคุ ลากรทุกคนได้มีบทบาทรว่ มกนั บริหารงาน และ รว่ มกันแก้ปัญหางานโรงเรยี นตามกำลังความคดิ ความสามารถของตนอยา่ งเต็มท่ีและมีความเป็นอิสระในด้าน การหาวิธีดำเนินงานในหน้าทีข่ องตนให้มีความเจริญก้าวหน้าตามที่เห็นสมควร โดยไม่ต้องรอรับคำสั่งอยู่ทุกๆ โอกาส ทำให้เกิดความสะดวกและมีความคล่องตัวขึ้น นอกจากนี้ยังได้มี 2) ข้อกำหนดเรื่องระเบียบวินัย บุคคลากรทุกคนในโรงเรียน ว่าด้วยการทำงาน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน และเรื่องสุดท้าย 3) สวสั ดกิ ารครู บุคลากร เพอ่ื เปน็ ขวัญกำลงั ใจในการทำงาน และคมุ้ ครองสทิ ธปิ ระโยชน์ของครู บุคลากรโรงเรยี น ใบบญุ ลำพูน อกี ทัง้ ยังก่อให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุดแกก่ ารเรียนการสอนของนักเรยี นอีกดว้ ย ฉะน้นั จึงมคี วามเชือ่ วา่ เอกสารฉบับนี้ จะอำนวยประโยชน์ให้การบริหารงานของโรงเรียนใบบุญลำพูน เกิดผลดียิ่งขึ้น และหวังว่าครู บุคลากรอื่นๆ ทุกคน จะได้รับความเข้าใจ ปฎิบัติงานด้วยความมั่นใจและ มองเห็นงานเป็นระบบชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ครู บุคลากรปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพือ่ คณุ ประโยชนข์ องโรงเรยี นและสงั คมสว่ นรวม คือ ชาติบา้ นเมอื งของเรา . ( นางมนี า ยงิ่ ชูตระกูล ) ผู้รบั ใบอนุญาต - ผจู้ ัดการโรงเรียนใบบญุ ลำพูน

สารบัญ หนา้ 1 รายการ 2 โครงสรา้ งการบรหิ ารงานโรงเรยี นใบบุญลำพูน 3 บทบาทและหน้าท่ีของผูอ้ ำนวยการโรงเรียน บทบาทและหน้าท่ีของผจู้ ดั การโรงเรยี น 4 5 ฝา่ ยบริหารงานวชิ าการ 6 โครงสรา้ งการบรหิ ารงานฝา่ ยบริหารงานวิชาการ 6 บทบาทและหนา้ ทีข่ องฝา่ ยบริหารงานวชิ าการ 6 ขอบขา่ ยและภารกจิ 7 1. งานจดั การเรียนการสอน 7 2. งานบริหารกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 8 3. งานพัฒนากระบวนการเรยี นรู้ 8 4. งานพฒั นาแหลง่ เรียนรู้ 9 5. งานผลติ เอกสาร สื่อ นวัตกรรมทางการศึกษา 9 6. งานพฒั นาหลักสูตร 9 7. งานวจิ ัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 10 8. งานนิเทศการศกึ ษา 10 9. งานวดั ประเมินผล 11 10. งานประกันคณุ ภาพภายใน 11. งานสารสนเทศของฝา่ ย 12 12. งานห้องสมุด 13 14 ฝ่ายบรหิ ารงานบคุ คล 14 โครงสรา้ งการบริหารงานฝา่ ยบริหารงานบุคคล 14 บทบาทและหน้าท่ีของฝ่ายบริหารงานบุคคล ขอบข่ายและภารกิจ 1. งานวางแผนอตั รากำลัง 2. งานสำมะโนครู

สารบัญ(ตอ่ ) หน้า 14 รายการ 15 3. งานสรรหาและบรรจแุ ต่งต้ัง 15 4. งานรักษาระเบยี บวินัย 15 5. งานสง่ เสริมวชิ าชพี และช่วยเหลอื 6. งานสารสนเทศของฝา่ ย 16 ฝา่ ยบริหารงานงบประมาณ 17 โครงสร้างการบริหารงานฝา่ ยบรหิ ารงานงบประมาณ 18 บทบาทและหน้าทขี่ องฝ่ายบริหารงานงบประมาณ 18 ขอบขา่ ยและภารกิจ 18 1. งานการเงิน 19 2. งานบญั ชี 19 3. งานดแู ลพสั ดุ 19 4. งานดูแลสินทรัพย์ 5. งานสารสนเทศของฝ่าย 20 ฝา่ ยบริหารงานทัว่ ไป 21 โครงสร้างการบริหารงานฝ่ายบริหารทัว่ ไป 22 บทบาทและหน้าทีข่ องฝา่ ยบริหารทั่วไป 22 ขอบข่ายและภารกิจ 22 1. งานเอกสาร-สารบรรณ 23 2. งานประสานระหว่างหนว่ ยงาน 23 3. งานสำมะโนผ้เู รียน 24 4. งานทะเบียนและการเทยี บโอน 24 5. งานกจิ การนกั เรียน 25 6. งานอนามัยและโภชนาการนักเรยี น 25 7. งานประชาสมั พนั ธแ์ ละประสานความรู้กบั ชมุ ชน 26 8. งานดูแลระบบสารสนเทศของโรงเรียน 26 9. งานปฏคิ ม 27 10. งานดแู ลอาคาร-สถานทีแ่ ละสนิ ทรัพย์ 27 11. งานดแู ลระบบสาธารณูปโภค 12. งานดูแลรกั ษาความปลอดภยั

สารบัญ(ต่อ) หน้า 28 รายการ 13. งานจารจรและยานพาหนะ 29 29 ระเบยี บการปฏบิ ัติงานในโรงเรยี น 32 1. หมวดท่ี 01 เรอ่ื งท่ัวไป 35 2. หมวดที่ 02 ขอ้ กำหนดเวลาทำงานของครู บคุ ลากร 38 3. หมวดท่ี 03 การลา 40 4. หมวดท่ี 04 เงนิ เดือน ค่าสอน ค่าลว่ งเวลาและค่าทำงานในวันหยุด 47 5. หมวดท่ี 05 การลงโทษ การเลิกสัญญาเป็นครูและค่าชดเชย 6. หมวดที่ 06 เบ็ดเตล็ด 49 49 สวัสดกิ าร 49 1. สวัสดกิ าร สมทบกองทุนสงเคราะห์ครู และประกันสังคม 50 2. สวัสดิการ ประกนั อุบัติเหตแุ ละเสยี ชวี ติ เพิม่ เตมิ 50 3. สวัสดิการ ชดุ ทำงาน 50 4. สวัสดกิ าร ครอบครวั 50 5. สวัสดิการ ขวัญและกำลังใจ 6. สวัสดกิ าร ทุนการศึกษาบุตร

โครงสรา้ งการบริหารงานโรงเรยี นใบบญุ ลำพนู 1

บทบาทและหน้าท่ขี องผ้อู ำนวยการโรงเรยี น มีหน้าท่ีรับผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. วางแผนการปฏิบัติงาน กำหนดระบบงาน บทบาทวิธีดำเนินงาน ตัวชี้วัดความสำเร็จของการ ปฏบิ ัติงานของฝ่าบริหารงานวชิ าการ และฝา่ ยบรหิ ารงานบุคคล ตลอดจนใหก้ ารสนับสนนุ สง่ เสริม ให้ทุกฝ่ายในโรงเรียนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลสูงสุดแก่ทาง โรงเรยี น นักเรียน และผรู้ บั บริการ 2. ควบคมุ ดแู ล ตดิ ตามตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานฝา่ ยบรหิ ารงานวิชาการ 3. ควบคมุ ดูแล ติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานฝา่ ยบรหิ ารงานบคุ คล 4. มอบหมายงานใหเ้ หมาะสมกับความรคู้ วามสามารถของบุคลากร ติดตามให้คำปรึกษา และให้ การนเิ ทศ 5. บังคับบัญชาครู เจ้าหน้าที่อื่นๆ ของฝ่ายบริหารงานวิชาการ และฝ่ายบริหารงานบุคคล และ นักเรยี นให้สามารถปฏิบตั ิหนา้ ท่ขี องตนเองได้อยา่ งถกู ต้องและครบถ้วน ตามระเบียบของโรงเรยี น 6. ดูแลสวสั ดิภาพและความเปน็ อยขู่ องนักเรยี น 7. สร้างขวัญ กำลังใจและบรรยากาศท่ดี ีใหเ้ กิดขน้ึ ในโรงเรยี น 8. สร้างเสริมความสมั พันธก์ บั ผปู้ กครองนักเรียน และชุมชนในทอ้ งถิน่ 9. ประสานงานกบั ผูจ้ ดั การโรงเรยี น เพือ่ สง่ เสรมิ การบริหารงานแบบมสี ว่ นรว่ ม และใช้ข้อมูลเปน็ ฐาน 10. นำนวตั กรรม เทคนคิ วิธีการใหมๆ่ ทางการศกึ ษามาใช้ และเผยแพรเ่ พ่ือพฒั นาการบริหาร ของฝ่ายบริหารงานวชิ าการ และฝา่ ยบริหารงานบุคคล 11. พัฒนาสถานศึกษาไปสูค่ วามเปน็ เลิศ เป็นสถานศกึ ษาท่นี ่าดู น่าอยู่ น่าเรียน เป็นทนี่ ยิ มของ ประชาชน ชุมชน และทอ้ งถ่นิ 12. เปน็ ผ้นู ำทางความคิด มวี ิสยั ทศั นใ์ นการบรหิ ารจัดการ สอดคลอ้ งกับนโยบายการบรหิ ารงาน ของฝา่ ย 2

บทบาทและหนา้ ทข่ี องผจู้ ัดการโรงเรียน มหี น้าท่รี ับผดิ ชอบในขอบขา่ ยต่อไปนี้ วางแผนการปฏิบัติงาน กำหนดระบบงาน บทบาทวิธีดำเนินงาน ตัวชี้วัดความสำเร็จของการปฏิบัติงาน ของบุคลากรฝ่ายบริหารงานงบประมาณ และ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ตลอดจนให้การสนับสนุน ส่งเสริม ให้ทุกฝ่ายในโรงเรียนสามารถปฏิบัตงิ านได้อย่างมีประสิทธภิ าพ และเกิดประสิทธผิ ลสูงสุดแก่ทางโรงเรียน นกั เรยี น และผรู้ ับบรกิ าร 1. ควบคมุ ดแู ล ติดตามตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนนิ งานฝา่ ยบรหิ ารงานงบประมาณ 2. ควบคุม ดูแล ตดิ ตามตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานฝา่ ยบรหิ ารงานทวั่ ไป 3. มอบหมายงานให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของบุคลากร ติดตามให้คำปรึกษา และให้การ นิเทศ 4. บังคับบัญชาบุคลากร นักการภารโรง ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว เจ้าหน้าที่อื่นๆ ของฝ่าย บริหารงานงบประมาณ และ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ให้สามารถปฏบิ ัติหน้าทขี่ องตนเองได้อย่างถูกต้อง และครบถ้วน ตามระเบียบของโรงเรยี น 5. ดูแลสวสั ดิภาพและความเป็นอย่ขู องบุคลากรทกุ คนในโรงเรียน 6. สร้างขวญั กำลังใจและบรรยากาศท่ดี ีใหเ้ กดิ ขึ้นในโรงเรยี น 7. สรา้ งเสริมความสมั พันธ์กบั ผู้ปกครองนักเรยี น และชมุ ชนในท้องถ่นิ 8. ประสานงานกับผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อส่งเสริมการบริหารงานแบบมีส่วนร่วม และใช้ข้อมูลเป็น ฐาน 9. นำนวัตกรรม เทคนคิ วิธกี ารใหม่ๆ เพ่อื พัฒนาการบรหิ ารงานงบประมาณ และงานบรหิ ารงานทัว่ ไป 10. พัฒนาสถานศึกษาไปสู่ความเปน็ เลิศ เป็นสถานศกึ ษาที่น่าดู นา่ อยู่ นา่ เรียน เป็นที่นิยมของประชาชน ชุมชน และท้องถ่ิน 11. เปน็ ผู้นำทางความคิด มวี ิสัยทัศน์ในการบรหิ ารจัดการ สอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานของฝ่าย 12. ควบคุมดูแลระบบข้อมูลสารสนเทศโรงเรียน ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการบริหารจัดการ เพือ่ พฒั นาการศึกษาของโรงเรยี น และเผยแพรผ่ ลงานของโรงเรยี นสู่ชมุ ชนอย่างตอ่ เนือ่ ง 13. จัดสวัสดิการต่างๆ อำนวยความสะดวกแก่ครู นักการภารโรง ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวและ บคุ ลากรทางการศึกษาอื่นๆ 3

โครงสรา้ งการบริหารงานฝา่ ยบรหิ ารงานวิชาการ 4

บทบาทและหน้าท่ีของฝ่ายบริหารงานวิชาการ ผชู้ ว่ ยผอู้ ำนวยการฝ่ายบริหารงานวิชาการ มีหนา้ ทีร่ บั ผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ ควบคุม ดแู ล ติดตามตรวจสอบ และประเมนิ ผลงานวชิ าการ งานวิชาการเป็นภารกิจหลักของโรงเรียน และตามประกาศ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติฉบับแก้ไข เพิ่มเติม ( ฉบับ4 ) พ.ศ.2562 มุ่งให้กระจายอำนาจในการบริหารจัดการไปให้สถานศึกษาให้มากที่สุดด้วย เจตนารมณ์ทจ่ี ะใหส้ ถานศกึ ษาดำเนินการไดโ้ ดยอสิ ระ คลอ่ งตวั รวดเร็ว สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของผู้เรียน สถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่น และ การมีส่วนร่วมจากผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ สถานศกึ ษามีความเข้มแข็งในการบริหารจัดการสามารถพัฒนาหลักสูตร และกระบวนการเรียนรู้ตลอดจนการ วัดผล ประเมินผล รวมทั้งวัดปัจจยั เกื้อหนุนการพัฒนาคุณภาพนักเรียน ชุมชน ท้องถิ่นได้อย่างมีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้บริหารงานด้านวิชาการได้โดยอิสระ คล่องตัว รวดเร็ว และ สอดคล้องกับความต้องการของ นักเรยี น สถานศึกษา ชมุ ชน ท้องถนิ่ 2. เพื่อให้การบริหาร และ การจัดการศึกษาของโรงเรียนได้มาตรฐาน และ มีคุณภาพสอดคล้องกับระบบ ประกันคุณภาพการศึกษา และ ประเมินคุณภาพภายในเพื่อพัฒนาตนเอง และ จากการประเมินหน่วยงาน ภายนอก 3. เพื่อให้โรงเรียนพัฒนาหลักสูตร และ กระบวนการเรียนรู้ ตลอดจนปัจจัยหนุนการเรียนรู้ที่สนองต่อความ ตอ้ งการของผเู้ รียน ชมุ ชน และ ทอ้ งถ่ิน โดยยดึ ผู้เรียนเปน็ สำคญั ได้อยา่ งมีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพ งานทุกสว่ นตอ้ งมกี ระบวนการปฎบิ ัติงานดังน้ี • กำหนดเป้าหมายให้ได้ตรงตามมาตรฐานที่ทางสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คณุ ภาพการศึกษากำหนด หรอื เปา้ หมายทีช่ ว่ ยสง่ เสรมิ พัฒนางานโรงเรียน • กำหนดรูปแบบการทำงานที่สามารถวัดผลได้ มีกรอบเวลาที่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่ที่ เกย่ี วข้องในการทำงาน • ติดตามผลและตรวจสอบปัญหา ถ้าเกิดปัญหาต้องมีการจัดทำ เอกสาร “ รายงานปัญหา และการแกป้ ัญหาทงั้ ระยะส้ัน และระยะยาว” ( COUNTER MEASURE REPORT ) • จัดทำสรปุ ผลงานโครงการ และกระบวนการตอ่ ยอด ตดิ ตาม ผลงานในระยะยาว 5

ขอบขา่ ยและภารกิจ 1. งานจัดการเรียนการสอน 2. งานบรหิ ารกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ 3. งานพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ 4. งานพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ 5. งานผลติ เอกสาร สื่อ นวตั กรรมทางการศึกษา 6. งานพัฒนาหลักสตู ร 7. งานวิจยั เพือ่ พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น 8. งานนิเทศการศึกษา 9. งานวัดประเมนิ ผล 10. งานประกนั คณุ ภาพภายใน 11. งานสารสนเทศของฝ่าย 12. งานหอ้ งสมุด งานจดั การเรยี นการสอน มหี น้าท่รี บั ผดิ ชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี 1. ดำเนนิ การเกย่ี วกับการจดั ตารางสอน ตารางการใช้หอ้ งสาระ ห้องสื่อ ให้มีความเหมาะสม 2. ตดิ ตาม ตรวจสอบ แกไ้ ขการจัดตารางการเรยี นการสอน ให้เหมาะสมกับผเู้ รียน อยา่ งสมำ่ เสมอ 3. ปฏิบัติหน้าท่อี ืน่ ๆ ตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย งานบรหิ ารกลุม่ สาระการเรียนรู้ มหี น้าที่รับผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี 1. กำหนดแนวทางปฏิบัติ และประสานหัวหน้าสาระการเรียนรู้ต่างๆ ในการจัดทำแผนการเรียนรู้ ในแตล่ ะสาระความรใู้ หเ้ หมาะสมกับผเู้ รียน 2. ให้ความช่วยเหลือ จัดประชุมกลุ่มสาระการเรียนรู้ งาน เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการจำเป็น ภายในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 3. ดำเนินการให้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ มีสื่อการสอน วัสดุฝึกที่ได้มาตรฐาน และจัดบรรยากาศทาง วชิ าการ 4. ควบคมุ และตดิ ตามการเรยี นการสอนในแต่ละกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ใหด้ ำเนนิ ไปตามหลักสตู ร 5. วิเคราะห์หลักสูตร แผนการจัดการเรียนรู้ และมาตรฐานการเรียนรู้ที่คาดหวังในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ติดตามดูแลกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนให้สนองหลักการและจุดมุ่งหมายของ หลกั สตู ร 6

6. ประสานงานให้ครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ทุกคนจัดทำแผนการเรียนรู้ การสอน ในรายวิชา ทร่ี บั ผดิ ชอบ 1 แผน/1 ภาคเรียน หรือ 1 ปี 7. ควบคมุ ดูแลการจดั กจิ กรรมส่งเสริมการจดั การเรียนรู้ เชน่ การจัดนทิ รรศการ กิจกรรมวชิ าการ การประกวดแขง่ ขนั จดั สอนเสริม จดั การเรียนการสอนให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเป็นการสง่ เสริม ให้นกั เรยี นร้จู ักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ 8. จัดครเู ข้าสอนแทนเมื่อครกู ลมุ่ สาระการเรยี นรไู้ มม่ าปฏิบตั ิการสอน 9. ตดิ ตามและประเมนิ ผลการบริหารกลุ่มสาระการเรยี นรู้ เพื่อนำไปพฒั นาปรบั ปรุงตอ่ ไป 10. ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอืน่ ๆ ตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย งานพฒั นากระบวนการเรียนรู้ มหี น้าทีร่ บั ผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. สง่ เสริมให้ครจู ัดทำแผนการจัดการเรยี นรู้ ตามสาระและหนว่ ยการเรียนร้โู ดยเนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ 2. สง่ เสรมิ ให้ครจู ัดกระบวนการเรียนรู้ โดยดำเนนิ การดงั น้ี 2.1 จัดหาเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจความถนัดของผู้เรียน ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ การประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อป้องกันและแก้ไข ปัญหาการเรยี นรู้จากประสบการณจ์ ริง และการปฏิบตั ิจรงิ 2.2 จัดหาเนื้อหาสาระและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้รักการอ่าน และใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง ผสมผสานความรู้ ต่างๆ ใหส้ มดุลกัน ปลกู ฝังคณุ ธรรม คา่ นยิ มทด่ี ีงาม และคณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 2.3 จัดบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมและแหล่งเรียนรู้ให้เอื้อต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ และการนำภูมิ ปัญญาทอ้ งถิ่น หรอื เครอื ข่าย ผูป้ กครอง ชมุ ชน ท้องถ่ินมามีสว่ นรว่ มในการจัดการเรยี นการสอนตาม ความเหมาะสม 2.4 ส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการนำข้อมูลสารสนเทศ มาวิเคราะห์เพื่อนำมาปรับปรุงการ จัดการเรียนการสอน 3. ให้คำแนะนำ ปรึกษาการนิเทศการเรียนการสอนแก่ครูในกลุ่มสาระต่างๆ โดยเน้นการนิเทศที่ร่วมมือ ชว่ ยเหลอื กันแบบกลั ยาณมิตร เพอ่ื พฒั นาการเรียนการสอนร่วมกัน หรอื แบบอื่นๆ ตามความเหมาะสม 4. ส่งเสรมิ ใหม้ ีการพัฒนาครู เพ่อื พัฒนากระบวนการเรียนรู้ตามความเหมาะสม 5. กำกับตดิ ตามการสอนของครูให้มีประสทิ ธภิ าพ และให้คำปรกึ ษาแนะนำเมื่อมปี ัญหาดา้ นการเรยี นการสอน 6. ปฏิบตั ิหนา้ ที่อ่ืนๆ ตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย งานพัฒนาแหล่งเรยี นรู้ มหี น้าที่รบั ผิดชอบในขอบขา่ ยต่อไปน้ี 1. สำรวจแหล่งการเรยี นรู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาทั้งในสถานศึกษา ชุมชน ท้องถิ่นในเขต พนื้ ทีท่ ่ใี หบ้ ริการ และนอกเขตท่ีให้บรกิ าร 7

2. จัดทำเอกสาร เผยแพร่แหลง่ เรยี นรู้แกค่ รู บุคลากร 3. จัดตงั้ พฒั นาแหล่งการเรยี นรใู้ หเ้ กิดองคค์ วามรู้ และประสานความรว่ มมือกบั สถานศกึ ษาอ่นื หรอื หน่วยงาน ท่ีเกย่ี วขอ้ ง 4. สนบั สนุนครู บุคลากรให้ใชแ้ หลง่ เรียนร้ทู ั้งภายในและภายนอกโรงเรียน 5. ส่งเสรมิ ใหค้ รนู ำภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่นมาบรู ณาการจดั การเรยี นรู้ 6. ปฏบิ ัติหนา้ ทอ่ี น่ื ๆ ตามทีไ่ ด้รบั มอบหมาย งานผลติ เอกสาร ส่ือ นวตั กรรมทางการศกึ ษา มีหน้าที่รับผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปนี้ 1. ศึกษา วิเคราะห์ ความจำเปน็ ในการใช้เอกสาร สอ่ื และเทคโนโลยีเพือ่ การจัดการเรียนการสอน และการ บริหารของฝ่ายบรหิ ารงานวชิ าการ 2. สง่ เสรมิ ใหค้ รูผลิตเอกสาร ส่อื และนวตั กรรมทางการศึกษา 3. พัฒนาสื่อและเทคโนโลยเี พ่ือใช้ในการจัดการเรียนการสอน และการพฒั นางานดา้ นวิชาการ 4. ประสานความร่วมมือในการผลิต จัดหา พัฒนาและการใช้เอกสาร สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อการจัดการเรียนการสอน และการพัฒนางานวิชาการกับสถานศึกษา บุคคล ครอบครัว องค์กร หน่วยงาน และสถาบนั อื่นๆ 5. การประเมนิ ผลการพฒั นาการใช้เอกสาร ส่อื นวตั กรรมและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 6. ดำเนินงานชว่ ยเหลือผลติ สือ่ การสอน ขอ้ สอบ กิจกรรม ท่ีได้รับการประสานจากฝา่ ยต่างๆ 7. กำหนดแผนงานการทำงานผลิตส่อื กรอบเวลา การสง่ มอบเอกสาร ฯลฯ 8. ปฏิบตั ิหนา้ ทอ่ี น่ื ๆ ตามทีไ่ ด้รบั มอบหมาย งานพฒั นาหลกั สูตร มหี น้าทร่ี บั ผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปน้ี 1. ประสานงานจัดให้มีการศึกษาวิเคราะห์หลักสูตร เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตร หลักสูตร นำไปสู่การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 2. ติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตร สรุปปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหา เพื่อปรับปรุงหลักสูตรให้ เหมาะสมกับสภาพของโรงเรยี น 3. ใหค้ ำแนะนำและชว่ ยเหลือในการผลิตส่ือการเรยี นการสอน การจดั หรอื ปรับปรงุ แผนการจัดการเรียนรู้ให้ เหมาะสมกับโรงเรียน และนโยบายของสถานศึกษา 4. ควบคมุ การใช้หนังสอื ประกอบการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื วสั ดุ อุปกรณ์ต่างๆ ในโรงเรยี น 5. ศึกษา วิเคราะห์แผนการเรียน การจัดรายวิชาต่างๆ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดของนักเรียน และบคุ ลากรในกล่มุ สาระฯ 6. วางแผน และดำเนนิ การใหม้ กี ารจดั สอนเสริมให้กบั นักเรยี นตามโอกาส 8

7. อำนวยความสะดวกดา้ นการจัดการเรียนรู้ จดั บรรยากาศทางวิชาการใหเ้ อ้ือต่อการจดั การเรียนรู้ 8. จดั กจิ กรรมพัฒนาครู เพ่อื เพม่ิ ศกั ยภาพให้กับครูอย่างต่อเน่อื ง 9. ปฏิบตั หิ นา้ ทีอ่ ่ืนๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย งานวิจยั เพอื่ พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น มหี น้าทร่ี บั ผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี 1. ศกึ ษา วิเคราะห์ วจิ ยั เพ่ือพฒั นาคุณภาพการเรยี นร้ใู นแต่ละกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 2. ส่งเสรมิ ใหค้ รูศกึ ษา วเิ คราะห์ วิจยั เพ่อื พฒั นาคุณภาพการเรียนรูใ้ นแตล่ ะกล่มุ สาระการเรียนรู้ 3. ประสานความร่วมมือในการศึกษา วเิ คราะห์ วจิ ัย ตลอดจนการเผยแพร่ผลงานวิจยั หรอื พัฒนาคุณภาพ การเรียนการสอน และงานวิชาการกับสถานศกึ ษา บคุ คล ครอบครวั องคก์ ร หน่วยงานและสถาบนั อ่ืน 4. ปฏิบตั หิ น้าที่อื่นๆ ตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย งานนเิ ทศการศกึ ษา มหี น้าท่รี ับผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. สำรวจและรวบรวมปญั หาการเรยี นการสอนจากครูผู้สอนเพือ่ พจิ ารณาหาทางแกไ้ ข 2. ร่วมกับ ผู้บริหาร คณะกรรมการวิชาการวางแผนจัดกิจกรรมการนิเทศในรูปแบบต่างๆ เช่น ประชุม ปรกึ ษาหารือ อบรมสมั มนา ประชุมปฏบิ ตั ิการ ประชุมอภิปราย จดั ทำเอกสารเผยแพร่ความรู้ ฯลฯ 3. ให้คำแนะนำและปรกึ ษา เพื่อปรับปรงุ การเรียนการสอน 4. ส่งเสริมและแนะนำให้การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ และบันทึกการสอน การจัดทำผลงานทางวิชาการ เพอื่ ความก้าวหนา้ ของครู นเิ ทศการเรียนการสอนให้เป็นไปตามแผนการเรยี นรแู้ ละบันทกึ การสอน 5. นเิ ทศและสง่ เสริมให้ครู ผลิตสื่อการเรยี นการสอนและจดั ทำผลงานทางวิชาการ 6. จัดให้มกี ารนเิ ทศการเรยี นการสอนแกค่ รูในกลุ่มสาระตา่ งๆ โดยเนน้ การนิเทศโดยพื่อนครูวชิ าและนเิ ทศโดย หวั หน้า 7. ปฏบิ ัตงิ านอนื่ ๆ ท่ีไดร้ บั มอบหมาย งานวัดและประเมนิ ผล มหี นา้ ทร่ี ับผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. ควบคุมดูแลวัดผลและประเมินผลการเรียนและผลการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามระเบียบโรงเรียน ดว้ ยการประเมินผลการเรียนตามหลักสตู ร 2. ให้คำแนะนำครู บุคลากรในโรงเรยี นเกี่ยวกับการวัดผลและประเมินผลตลอดจนทำเอกสารเผยแพร่ความรู้ เกย่ี วกบั การประเมินผลการเรยี น 3. ประสานงานกับหัวหน้าสาระต่างๆในการพัฒนาปรับปรุงการประเมินผลการเรียนให้เป็นไปตามระเบียบ การประเมนิ ผลการเรยี น 9

4. รวบรวม ติดตามและตรวจสอบผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ต่าง ๆ 5. ประสานงานกบั ฝา่ ยบรหิ ารงานทัว่ ไป ในการประกาศนักเรยี นทม่ี ีสิทธ์สิ อบ 6. กำหนดตารางสอบ ตารางสอบแกต้ วั จดั ทำตารางเรยี นเสรมิ และประกาศผลการสอบ สอบแกต้ ัว 7. พัฒนาเครื่องและวดั ประเมนิ ผลให้ไดม้ าตรฐาน 8. ประสานกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ในการจัดทำข้อสอบ กำหนดตารางสอบ กรรมการคุมสอบ และดำเนนิ การสอบ 9. ประสานกับครูประจำชั้นและผู้ปกครองนักเรียน ในกรณีที่ตรวจพบว่านักเรียนมีปัญหาเรื่องผลการเรียน การจบหลกั สตู ร 10. ปฏบิ ัตงิ านอนื่ ๆ ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย งานประกนั คณุ ภาพภายใน มหี นา้ ทร่ี ับผดิ ชอบในขอบข่ายตอ่ ไปนี้ 1. จัดระบบโครงสรา้ งองค์กรใหร้ องรบั กบั ระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา 2. กำหนดเกณฑ์การประเมิน เป้าหมายความสำเร็จของการศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาและตัวชี้วัดของ กระทรวงศึกษาธิการ เป้าหมายความสำเร็จของเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา 3. วางแผนพฒั นาคุณภาพการศึกษาตามระบบประกันคุณภาพการศึกษาใหบ้ รรลผุ ลตามเป้าหมายความสำเร็จ ของสถานศึกษา 4. ดำเนินการพัฒนาการศึกษาตามแผน และติดตาม ตรวจสอบ ประเมินคุณภาพภายในเพื่อปรับปรุงพัฒนา อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 5. ประสานความร่วมมอื กบั สถานศึกษาหรือหนว่ ยงานอ่ืนๆ ในการปรบั ปรุงพฒั นาระบบประกันคณุ ภาพภายใน 6. ประสานงานกบั สำนกั งานรับรองมาตรฐานการศึกษาและประเมินคณุ ภาพการศึกษา 7. ปฏิบตั ิงานอ่ืน ๆ ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย งานสารสนเทศของฝ่าย มีหน้าทร่ี ับผดิ ชอบในขอบขา่ ยต่อไปนี้ 1. กำหนดขน้ั ตอน ผรู้ บั ผดิ ชอบ กระบวนการทำงานในการจดั เก็บขอ้ มูลสารสนเทศของฝ่าย 2. จัดส่งข้อมูลสารสนเทศของฝ่ายให้ฝ่ายบริหารงานทั่วไป เพื่อนำข้อมูลไปรวบรวมเป็นงานสารสนเทศของ โรงเรยี นจดั เก็บเป็นปัจจุบัน 3. นำขอ้ มลู สารสนเทศมาปรับปรุง พฒั นางานของฝ่ายอยา่ งตอ่ เนื่อง 4. ปฏิบตั งิ านอื่น ๆ ท่ีไดร้ บั มอบหมาย 10

งานหอ้ งสมุด มีหน้าทร่ี ับผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปน้ี 1. จัดการบรหิ ารทรพั ยากรภายในห้องสมุด งานบำรงุ รักษา จดั หาสิง่ พิมพ์ตา่ งๆ พร้อมท้ังพัฒนาอย่างต่อเน่ือง ใหท้ นั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงในโลกปัจจบุ ัน 2. จดั กิจกรรม รณรงคใ์ ห้ผ้เู รยี น เข้ามาค้นควา้ หาความร้ใู นห้องสมุดหรอื การสืบคน้ ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ 3. จดั ทำสถติ ิข้อมูลการเขา้ ใช้ข่าวสาร ฯลฯ 4. ปฏิบตั ิงานอ่นื ๆ ที่ได้รับมอบหมาย 11

โครงสรา้ งการบรหิ ารงานฝา่ ยบรหิ ารงานบคุ คล 12

บทบาทและหน้าทข่ี องฝา่ ยบรหิ ารงานบุคคล ผ้ชู ่วยผอู้ ำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานบุคคล มีหนา้ ที่รับผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ ควบคมุ ดแู ล ตดิ ตามตรวจสอบการดำเนนิ งานของบุคลากร งานของฝ่ายบริหารงานบุคคล เป็นงานกำกับดูแล ติดตามการดำเนินงานของบุคลากรใน สถานศึกษา และรับผิดชอบการวางแผนและจัดการด้านอัตรากำลังของบุคลากรในสถานศึกษา รวมถึงการ รักษาระเบียบวินยั และพัฒนาบุคลาการให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและเป็นตัวอยา่ งอันดขี องบคุ ลากรดา้ น การศึกษา วตั ถปุ ระสงค์ 1. สง่ เสรมิ ให้มีการดแู ล กำกับ ความคมุ การปฏิบัตงิ านของครู บุคลากร ใหป้ ฏบิ ัติหน้าทแ่ี ละมคี วามรับผิดชอบ ตอ่ งานตามทไ่ี ด้รบั มอบหมายอย่างเต็มความสามารถ มีคุณภาพ และกอ่ ประโยชนแ์ ก่สถานศกึ ษา 2. ส่งเสริมใหม้ ีการดูแล กำกบั ติดตาม การประเมินผลด้านสารสนเทศงานของบุคลากรเพ่ือทราบขอ้ มูลจุดเด่น จุดดอ้ ยของบุคลากรเพอ่ื นำไปพฒั นาต่อไป 3. ส่งเสริมครู บุคลากรมีมาตรฐานทางวิชาชีพ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างในการเป็นผู้บริการด้านการศึกษา และเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรมตามมาตรฐานวิชาชีพ 4. ส่งเสริมให้ครู บุคลากร มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ที่จะสามารถนำมา พัฒนาผเู้ รยี น สถานศึกษาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ และกอ่ ใหเ้ กดิ ประสทิ ธผิ ลอนั ดยี งิ่ ขนึ้ งานทุกสว่ นตอ้ งมีกระบวนการปฎบิ ัตงิ านดังนี้ • กำหนดเป้าหมายให้ได้ตรงตามมาตรฐานที่ทางสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศกึ ษากำหนด หรอื เปา้ หมายท่ีช่วยส่งเสริมพฒั นางานโรงเรียน • กำหนดรูปแบบการทำงานที่สามารถวัดผลได้ มีกรอบเวลาที่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่ที่ เกี่ยวข้องในการทำงาน • ติดตามผลและตรวจสอบปัญหา ถ้าเกิดปัญหาต้องมีการจัดทำ เอกสาร “ รายงานปัญหา และการแก้ปญั หาทั้งระยะสั้น และระยะยาว” ( COUNTER MEASURE REPORT ) • จดั ทำสรปุ ผลงานโครงการ และกระบวนการต่อยอด ติดตาม ผลงานในระยะยาว 13

ขอบขา่ ยและภารกิจ 1. งานวางแผนอัตรากำลัง 2. งานสำมะโนครู 3. งานสรรหาและบรรจุแตง่ ตงั้ 4. งานรักษาระเบียบวนิ ัย 5. งานสง่ เสริมวชิ าชพี และช่วยเหลือ 6. งานสารสนเทศของฝา่ ย งานวางแผนอตั รากำลัง มีหน้าท่ีรับผิดชอบในขอบขา่ ยต่อไปน้ี 1. ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ฝ่ายต่างๆ ในการรบั สมัครครู บุคลากร 2. ประสาน รว่ มมือกบั ฝ่ายตา่ งๆ ในการวางแผนอัตรากำลงั คนของทุกฝ่าย โดยมีงานทต่ี ้องทำร่วมกับผู้จัดการ ต่อไปนี้ 2.1 งานกำหนดตำแหน่งครู บคุ ลากร 2.2 ดูแลการออกจากงาน (รายละเอยี ดเพ่มิ เติมในหวั ข้อ ระเบียบการปฏิบัตงิ านในโรงเรยี น) 3. ปฎิบตั ิหนา้ ทอี่ น่ื ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย งานสำมะโนครู มีหนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบในขอบขา่ ยต่อไปน้ี 1. จดั ทำสำมะโนครู บคุ ลากรทุกคนในโรงเรยี น 2. จัดระบบขอ้ มูลสารสนเทศจากการสำมะโนบคุ คลากร เพื่อให้สามารถนำขอ้ มลู มาใช้ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 3. เสนอข้อมลู สารสนเทศการสำมะโนบคุ คลากรให้สำนกั งานศึกษาธิการจังหวดั รบั ทราบ 4. ปฎิบัติหน้าทอี่ ื่นๆ ตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย งานสรรหาและบรรจแุ ตง่ ตั้ง มีหนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบในขอบข่ายต่อไปนี้ 1. พิจารณาอัตรากำลังและคดั เลือกบคุ ลากรท่ีความต้องการรว่ มกบั ผู้บรหิ าร 2. ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิงานของครู บุคลากร เพอื่ ปรบั เพิม่ เงนิ เดือนตามความเหมาะสม 3. วางระเบียบข้อกําหนดและปฏิบัติหน้าที่การบรรจุแต่งตั้งครู และการถอดถอนครู บุคลากร ของโรงเรียน เพ่อื ใหโ้ รงเรยี นมรี ะบบบรหิ ารงานบุคคลทมี่ ปี ระสิทธภิ าพ 4. ปฏิบัตหิ น้าทีอ่ น่ื ๆ ที่ไดร้ ับมอบหมาย 14

งานรกั ษาระเบียบวินยั มีหน้าท่ีรับผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี 1. ดูแลเรอื่ งวินัยและการรกั ษาวนิ ยั ของครู บคุ ลากร และลกู จา้ ง ตามระเบียบของโรงเรยี น 2. ตรวจสอบ และสรุปวนิ ยั พฤติกรรมของครู และบุคลากรในโรงเรยี น สง่ ให้ผจู้ ดั การประเมินผล 3. ดำเนินการให้ความรู้ ฝึกอบรม การสร้างขวัญและกำลังใจ การจูงใจ ฯลฯ ในอันที่จะเสริมสร้างการป้องกนั การกระทำผิดทางวนิ ัย 4. ปฏิบตั หิ นา้ ท่อี ่ืนๆ ท่ไี ด้รบั มอบหมาย งานสง่ เสรมิ วิชาชีพและช่วยเหลือ มีหน้าที่รับผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี 1. ให้คำปรึกษา แนะแนว แนวทางการทำงานในการประกอบอาชีพครู 2. พทิ กั ษส์ ทิ ธ์ขิ องครูภายในขอบเขตท่ีกฎหมายกำหนด 3. จัดหา อบรมความรู้ใหม่ๆสม่ำเสมอ เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ ในการทำงาน และพัฒนาผเู้ รยี น 4. ส่งเสริมใหค้ รูได้รบั สวัสดกิ ารตา่ งๆ ตามสมควร 5. ปฏิบตั หิ น้าทีอ่ ่ืนๆ ตามทีไ่ ด้รบั มอบหมาย งานสารสนเทศของฝา่ ย มหี นา้ ทีร่ ับผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. กำหนดข้นั ตอน ผรู้ ับผิดชอบ กระบวนการทำงานในการจัดเกบ็ ข้อมูลสารสนเทศของฝ่าย 2. จัดสง่ สรปุ ข้อมูลสารสนเทศของฝ่าย ให้ ฝา่ ยบรหิ ารงานท่วั ไป เพ่ือนำข้อมลู ไปรวบรวมเปน็ งานสารสนเทศ ของโรงเรียนจดั เกบ็ เปน็ ปจั จุบนั 3. นำข้อมูลสารสนเทศ มาปรบั ปรงุ พฒั นางานของฝา่ ยอยา่ งตอ่ เนือ่ ง 4. ปฎบิ ัติงานอน่ื ๆ ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย 15

โครงสรา้ งการบรหิ ารงานฝา่ ยบรหิ ารงานงบประมาณ 16

บทบาทและหน้าที่ของฝา่ ยบรหิ ารงานงบประมาณ ผู้ชว่ ยผอู้ ำนวยการฝ่ายบริหารงานงบประมาณ มีหนา้ ที่รับผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปน้ี ควบคมุ ดแู ล ติดตามตรวจสอบ และประเมนิ ผลงานงบประมาณ การบริหารงานด้านงบประมาณของโรงเรียน มุ่งเน้นความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ มีความ คล่องตัวโปร่งใส ตรวจสอบได้ ยึดหลักการบริหารมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ และมีการตรวจสอบงบประมาณแบบ มงุ่ เน้นผลงานในโรงเรียนให้มีประสิทธภิ าพต่อครู ผ้ปู กครอง เพอื่ ประโยชนข์ องโรงเรียน สง่ ผลให้เกิดคุณภาพที่ ดีขน้ึ ตอ่ ผู้เรยี น วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อสนับสนุนด้านงบประมาณให้การปฏิบัติงานลุล่วงด้วยดี มีความเป็นอิสระ คล่องตัว โปร่งใส และมี ประสทิ ธภิ าพ 2. เพ่อื ให้บรกิ ารงานพัสดุและสินทรัพยข์ องโรงเรียน 3. เพอ่ื ให้สถานศึกษาสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรทีไ่ ด้อยา่ งเพยี งพอและมีประสทิ ธภิ าพ งานทกุ สว่ นต้องมกี ระบวนการปฎบิ ัตงิ านดงั น้ี • กำหนดเป้าหมายให้ได้ตรงตามมาตรฐานที่ทางสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษากำหนด หรือเปา้ หมายทช่ี ่วยสง่ เสริมพัฒนางานโรงเรยี น • กำหนดรูปแบบการทำงานที่สามารถวัดผลได้ มีกรอบเวลาที่ชัดเจน และเจ้าหน้าที่ท่ี เกย่ี วข้องในการทำงาน • ติดตามผลและตรวจสอบปัญหา ถ้าเกิดปัญหาต้องมีการจัดทำ เอกสาร “รายงานปัญหา และการแกป้ ัญหาทง้ั ระยะสั้นและระยะยาว” ( COUNTER MEASURE REPORT ) • จัดทำสรุปผลงานโครงการ และกระบวนการต่อยอด ติดตามผลงานในระยะยาว 17

ขอบขา่ ยและภารกจิ 1. งานการเงนิ 2. งานบญั ชี 3. งานดแู ลพสั ดุ 4. งานดแู ลสินทรัพย์ 5. งานสารสนเทศของฝา่ ย งานการเงนิ มีหนา้ ทร่ี บั ผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. ใหค้ วามชว่ ยเหลอื รับการตดิ ต่อจากผ้ปู กครองหรอื บุคคลภายนอกท่ีเขา้ มาตดิ ต่อธรุ ะในโรงเรียน 2. รับจ่ายเงนิ คา่ เทอม คา่ เรียนพเิ ศษ ฯลฯ และส่งยอดประจำวันให้หวั หน้าตรวจสอบ 3. ต้อนรับและบรกิ ารใหข้ อ้ มูลแกผ่ ปู้ กครองหรือแขกผู้มาตดิ ต่อกับนักเรียนและทางโรงเรียน 4. ประสานงานเรอ่ื งการเงินกับหนว่ ยงานอนื่ ๆ 5. ติดตามทวงถามเหรอื แจง้ ขอ้ มลู คงค้างตา่ งๆ ของผู้ปกครอง หรอื บคุ คลท่เี ก่ียวขอ้ ง 6. ดแู ลงานดา้ นเงินอดุ หนนุ เงนิ ชว่ ยเหลอื ตา่ งๆที่ได้รบั จากหนว่ ยงานภายนอก 7. ดำเนนิ การจา่ ยเงนิ ใหน้ ักเรยี น/ผู้ปกตรอง (ค่าเครื่องแบบ / คา่ อปุ กรณ์ ทไี่ ด้รับเงินอดุ หนุน) 8. สำรวจงบประมาณโครงงานหรือกิจกรรม ทแ่ี ตล่ ะฝา่ ยได้กำหนดไว้ใน “แผนปฏบิ ตั ิงานประจำปี” 9. ดำเนินการตรวจสอบ เก็บข้อมูล ที่แต่ละฝ่ายติดต่อขอเบิกเงิน สิ่งของ เพื่อนำไปใช้ในแต่ละโครงงานหรือ กจิ กรรม 10. สรุปค่าใช้จ่าย เปรียบเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้ตอนต้นปีและเสนอ ผูจัดการโรงเรียน อย่างน้อยภาค เรียนละ 1 ครง้ั 12. การจัดหา / จัดซ้ือ 13. ปฎิบัติงานอื่นๆ ตามที่ไดม้ อบหมายและดำเนินงานร่วมกบั ผจู้ ัดการ หรือผู้ชว่ ยผจู้ ัดการ ในกรณีตอ่ ไปน้ี 13.1 จ่ายเงินเดือน ค่าเชา่ ครูและบคุ ลากร 13.2 ควบคุม ดแู ล อนมุ ตั กิ ารเบิกเงนิ สำหรับการจดั ซื้อ จัดจา้ ง ของทางโรงเรียน 13.3 จดั ทำบญั ชี รายรับ-รายจ่ายของโรงเรียน 14. ปฎบิ ัตงิ านอืน่ ๆ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย งานบัญชี มีหน้าท่รี บั ผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี 1. ดำเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลค่าใช้จ่ายตา่ ง ๆ จดั ส่งให้ ผ้จู ดั การโรงเรียนเพ่ือจดั ทำบัญชภี ายในโรงเรียนทุก ครัง้ ท่ีมีการเบกิ เงินสำหรบั การจัดซ้ือจัดจ้างต่าง ๆ 2. ปฎบิ ตั งิ านอ่นื ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย 18

งานดูแลพสั ดุ หน้าทรี่ ับผดิ ชอบในขอบข่ายตอ่ ไปนี้ 1. จดั หา วเิ คราะหแ์ ผนงาน/โครงการ ประสานฝา่ ยอื่น ๆ ในการจดั หา 2. จดั ซ้ือ วิเคราะหแ์ ผนงาน/โครงการโดยตรวจสอบงบประมาณ รายละเอียด คณุ ลกั ษณะและ ประสาน “ฝ่าย บรหิ ารงานงบประมาณในการจัดซ้ือ 3. จดั ทำทะเบยี นคมุ พสั ดุท้ังหมดในโรงเรยี น ใหเ้ ป็นปจั จุบนั เพอื่ ทำเป็นระบบฐานข้อมูล (ทำงานร่วมกับงาน อาคาร – สถานท่)ี 4. จัดทำข้อกำหนด ขั้นตอน การเบิก จ่าย พัสดุ รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง และแจ้งครู บุคลากรต่างๆ ใน โรงเรียนใหไ้ ด้รบั ทราบ 5. จัดทำตารางการตรวจสอบสถานะวสั ดุ ครภุ ัณฑ์ประจำปี และมีมาตรการกำหนดป้องกันการสญู หาย 6. จำหน่ายอุปกรณ์การเรยี นให้กับผู้ปกครอง 7. ปฏบิ ัติหนา้ ทีอ่ ื่นๆ ตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย งานดูแลสินทรพั ย์ มีหน้าทีร่ ับผิดชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปน้ี 1. ติดตามตรวจสอบการดูแลทรพั ย์สินและการรักษาความปลอดภยั ให้กบั โรงเรยี น 2. กำหนดนโยบาย วิธีการดูแลความปลอดภัยของอาคารสถานที่ ทรัพย์สินของทางโรงเรียน 3. เฝ้าสังเกต ตรวจตราการดำเนนิ การงานของบคุ ลากรในการตรวจสอบดแู ลสนิ ทรัพย์ของทางโรงเรยี น 4. ปฏิบตั ิหน้าทีอ่ นื่ ๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย งานสารสนเทศของฝา่ ย มีหนา้ ทร่ี ับผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. กำหนดข้ันตอน ผ้รู ับผิดชอบ กระบวนการทำงานในการจดั เกบ็ ขอ้ มลู สารสนเทศของฝา่ ย 2. จัดสง่ สรุปข้อมลู สารสนเทศของฝ่าย ให้ ฝา่ ยบริหารงานทวั่ ไป เพ่ือนำข้อมลู ไปรวบรวมเปน็ งานสารสนเทศ ของโรงเรียนจดั เก็บเปน็ ปจั จุบนั 3. นำข้อมลู สารสนเทศ มาปรับปรงุ พฒั นางานของฝ่ายอยา่ งต่อเน่ือง 4. ปฎิบตั ิงานอนื่ ๆ ตามที่ได้รบั มอบหมาย 19

โครงสรา้ งการบริหารงานฝา่ ยบรหิ ารงานทั่วไป 20

บทบาทและหนา้ ท่ีของฝ่ายบรหิ ารงานทวั่ ไป ผชู้ ว่ ยผอู้ ำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานท่วั ไป มหี น้าท่รี บั ผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ ควบคมุ ดแู ล คดิ ตามตรวจสอบ และประเมินผลการบริหารท่ัวไป การบริหารท่ัวไปเปน็ งานที่เกีย่ วข้องกับการจดั ระบบบริหารองค์การ ให้บริการงานอื่นๆ บรรลุผลตาม มาตรฐาน คุณภาพและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมีบทบาทหลักในการประสานส่งเสริมสนับสนุนและการ อำนวยความสะดวกต่างๆ ในการให้บริการการศึกษาทุกรูปแบบ ม่งุ พฒั นาโรงเรยี น ตามหลกั การบริหารงานท่ี มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลักโดยเน้นความโปร่งใสความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ ตลอดจน การมีส่วน รว่ มของบคุ คล ชุมชนและองค์กรท่เี กยี่ วขอ้ งเพือ่ ใหจ้ ดั การศกึ ษามปี ระสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้บริการ สนับสนุน ส่งเสริม ประสานงานและอำนวยการให้การปฏิบัติงานของแต่ละฝ่ายในโรงเรียน เป็นไปดว้ ยความเรยี บร้อย มปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล 2. เพื่อประชาสมั พนั ธเ์ ผยแพร่ข้อมูลขา่ วสารและผลงานของสถานศึกษาต่อสาธารณชนซ่ึงจะก่อให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ เจตคตทิ ดี่ ี เลอื่ มใส ศรทั ธาและใหก้ ารสนบั สนนุ การจัดการศึกษา งานทุกสว่ นตอ้ งมีกระบวนการปฎบิ ัตงิ านดังน้ี • กำหนดเป้าหมายให้ได้ตรงตามมาตรฐานที่ทางสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษากำหนด และเป้าหมายของโรงเรียนควบคู่กันไป เพื่อช่วยส่งเสริม พัฒนาการทำงานให้มปี ระสิทธิภาพ • กำหนดรูปแบบการทำงานท่สี ามารถวัดผลได้ มกี รอบเวลาทีช่ ดั เจน • ติดตามผลและตรวจสอบปัญหา ถ้าเกิดปัญหาต้องมีการจัดทำ เอกสาร “รายงานปัญหา และการแกป้ ัญหาท้ังระยะสัน้ และระยะยาว” ( COUNTER MEASURE REPORT ) • จัดทำสรุปผลงานโครงการ และกระบวนการต่อยอด ติดตาม ทั้งผลงานระยะสั้น และระยะ ยาว 21

ขอบขา่ ยและภารกจิ 1. งานเอกสาร-สารบรรณ 2. งานประสานระหว่างนักเรียน 3. งานสำมะโนผู้เรียน 4. งานทะเบียนและการเทียบโอน 5. งานกจิ การนกั เรียน 6. งานอนามยั และโภชนาการ 7. งานประชาสัมพันธแ์ ละประสานความรู้กบั ชุมชน 8. งานดูแลระบบสารสนเทศของโรงเรียน 9. งานปฏิคม 10. งานดูแลอาคาร-สถานทแี่ ละสินทรพั ย์ 11. งานดูแลระบบสาธารณูปโภค 12. งานดแู ลรกั ษาความปลอดภัย 13. งานจราจรและยานพาหนะ งานเอกสาร-สารบรรณ มีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในขอบขา่ ยต่อไปน้ี 1. ดูแลรบั ผิดชอบบรหิ ารงานเอกสารจากภายนอกและภายในโรงเรียน 1.1 ผลติ หรือจดั ทำเอกสาร 1.2 การส่ง (การตรวจสอบ ลงทะเบยี น นำส่ง) 1.3 การรบั (ตรวจ ลงทะเบยี น แจกจา่ ย) 1.4 การจดั เก็บ รกั ษา และการยมื 1.5 การทำลาย 2. ปฎบิ ัติงานอื่นตามท่ีได้รับมอบหมาย งานประสานระหวา่ งหน่วยงาน มีหน้าท่ีรบั ผดิ ชอบในขอบขา่ ยต่อไปน้ี 1. ดำเนินงานประสานงานระหว่างหน่วยงานภายนอกหรือบุคคลภายนอก ตามที่ได้รับการร้องขอจากฝ่าย ตา่ งๆ หรอื บุคคลากรในโรงเรียน 2. ช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำในการจัดทำเอกสาร ข้อมูล ฯลฯ ที่ต้องจัดส่งให้หน่วยงานภายนอกตามความ เหมาะสม 3. ปฎิบัตงิ านอืน่ ตามทีไ่ ด้รบั มอบหมาย 22

งานสำมะโนผูเ้ รยี น มีหนา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบในขอบข่ายต่อไปน้ี 1. สำรวจขอ้ มลู นกั เรียน 2. จดั ทำสำมะโนผู้เรียนทีจ่ ะเข้าบริการทางการศกึ ษาของโรงเรียน 3. จดั ระบบข้อมลู สารสนเทศจากการสำมะโนผูเ้ รียน เพอ่ื ให้สามารถนำข้อมูลมาใชไ้ ด้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ 4. เสนอข้อมูลสารสนเทศการสำมะโนผู้เรียนใหเ้ ขตพ้นื ที่การศึกษารบั ทราบ 5. ปฏบิ ัตหิ น้าท่ีอนื่ ๆ ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย งานทะเบียนและการเทียบโอน มีหนา้ ทีร่ บั ผิดชอบในขอบข่ายต่อไปนี้ 1. เปน็ นายทะเบียนของโรงเรยี น 2. จัดทำแผนปฏบิ ัติการ โครงการตา่ งๆ ของงานทะเบียน ปฏิทินปฏิบัตกิ าร และประเมินผลการดำเนินงาน งานทะเบียน 3. จัดทำทะเบียนนักเรียน ทะเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ. ๑) กรอกและตรวจทานผลการเรียนให้ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน 4. จัดทำแบบพมิ พต์ า่ งๆ ท่ีใชใ้ นงานทะเบยี น 5. ให้เลขประจำตวั นกั เรียน และจดั ทำรายชือ่ นกั เรยี นทุกช้ันเรยี น จัดทำสถิตจิ ำนวนนักเรยี น 6. รบั คำร้องการขอเปลี่ยนช่ือ ช่อื สกลุ การแกไ้ ขประวตั ิอื่นๆ ของนักเรยี น และดำเนินการเก่ยี วกับการแก้ไข หลกั ฐานในทะเบียนนกั เรียน 7. ประสานกับครูที่ปรึกษาและผู้ปกครองนักเรียน ในกรณีที่ตรวจพบว่านักเรียนมีปัญหาเรื่องผลการเรียน การจบหลกั สตู ร และการลงทะเบยี นวชิ าเรียน 8. รบั คำร้องและดำเนนิ การเกย่ี วกับการขอพักการเรียน การยา้ ย และการลาออกของนักเรียน 9. รับคำร้องการขอเปลย่ี นชอ่ื ชือ่ สกุล การแก้ไขประวัติอ่นื ๆ ของนักเรยี น 10. ออกใบรับรองผลการเรยี น ใบรบั รองเวลาเรียน ใบรับรองอน่ื ๆ ตามที่นักเรยี นหรือผูป้ กครองตอ้ งการ 11. ตรวจสอบคุณวุฒิของนกั เรยี นทมี่ าสมคั รทโ่ี รงเรียน 12. จดั ทำ ปพ. ๑ สำหรบั นกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 13. ออกหลกั ฐานแสดงผลการเรยี น และประกาศนียบัตรแก่นักเรยี นที่จบหลกั สตู ร 14. จัดให้มีการเทียบโอนความรู้ ทักษะประสบการณ์ และผลการเรียนจากสถานศึกษาอื่น สถาน ประกอบการ และอืน่ ๆ ตามแนวทางท่กี ระทรวงศึกษาธิการกำหนด 15. สำรวจนักเรียนที่ไม่มาลงทะเบียนเรียนในแต่ละภาคเรียน และขาดการติดต่อกับทางโรงเรียนเพ่ือ ดำเนนิ การจำหนา่ ยในสมุดทะเบียนประวตั ิ 16. ให้บริการข้อมลู ในด้านการเรียนแกค่ รู นกั เรียน และผู้ปกครอง 23

17. จดั เกบ็ เอกสารหลักฐานต่างๆ ของงานทะเบยี นให้เปน็ ระบบสะดวกในการตรวจสอบและการนำไปใช้ 18. ปฎิบตั ิงานอ่นื ตามที่ได้รับมอบหมาย งานกิจการนักเรียน มหี น้าทีร่ บั ผดิ ชอบในขอบข่ายต่อไปนี้ 1. วางแผนแก้ปัญหานักเรยี นในดา้ นต่างๆ และกำหนดระเบียบวินัยของนักเรยี น จัดทำเปน็ “คู่มอื นักเรยี น” เพ่ือใหค้ รทู ่ีปฎิบัตงิ าน รวมถงึ นกั เรียน ผู้ปกครองรบั ทราบถึงระเบยี บและขนั้ ตอนการปฏบิ ตั ิตัว 2. วางแผนควบคมุ ดูแลการปฏบิ ัตงิ านของครูทรี่ ับผิดชอบในด้านการปกครองนักเรียนให้มีประสิทธิภาพ 3. ประสานงานกับครูประจำช้ัน ครเู วร หรอื ครูที่เกย่ี วขอ้ งในการติดตาม ตรวจสอบ วนิ ัยนักเรียนรวมถึงความ ปลอดภัยของนกั เรยี นภายในโรงเรียน 4. กำกบั ดแู ล ตดิ ตามและตรวจสอบ 5. บนั ทกึ ข้อมูล สถติ ิ การรักษาวนิ ัยและการทำผดิ วนิ ัยของนกั เรยี น 6. ประสานงานกับ “ฝา่ ยวิชาการ” สำหรับนกั เรยี นทมี่ ีพฤติกรรมไมเ่ หมาะสม หรือผิดวินยั บอ่ ย เพอ่ื นำมาช่วยเหลอื นักเรียนให้ดีขึ้น 7.ปฎบิ ัตงิ านอ่ืนตามท่ไี ด้รบั มอบหมาย งานอนามัยและโภชนาการนกั เรยี น งานอนามยั มหี นา้ ทร่ี บั ผิดชอบในขอบขา่ ยต่อไปน้ี 1. กำหนดนโยบาย วางแผนงานโครงการ การดำเนินงานของงานอนามัยโรงเรียนให้สอดคล้องกับนโยบาย และวตั ถปุ ระสงคข์ องโรงเรียน 2. ควบคมุ ดูแล ห้องพยาบาลให้สะอาด ถูกสขุ ลักษณะ 3. จดั เครอ่ื งมือ เครื่องใช้ และอุปกรณใ์ นการปฐมพยาบาล รกั ษาพยาบาลให้พร้อมและใช้การไดท้ ันที 4. จัดหายาและเวชภณั ฑ์ เพอื่ ใช้ในการรักษาพยาบาลเบอื้ งต้น 5. จัดปฐมพยาบาลนักเรียน ครู – อาจารย์ และคนงานภารโรงในกรณีเจ็บป่วย และนำส่งโรงพยาบาลตาม ความจำเปน็ 6. จัดบริการ ประสานหน่วยงานภายนอก สำหรับการตรวจสขุ ภาพนักเรยี น ครู ภายในโรงเรยี น 7. จดั ทำบตั รสขุ ภาพนักเรยี น ทำสถติ ิ บนั ทกึ สขุ ภาพ สถิตินำ้ หนกั และสว่ นสูงนกั เรียน 8. ติดตอ่ ประสานงานกบั ผูป้ กครองนกั เรยี นในกรณีนักเรียนเจ็บป่วย 9. ให้คำแนะนำปรกึ ษาดา้ นสุขภาพนกั เรียน ความรเู้ กย่ี วกับโรคภัย การปอ้ งกนั โรค และการรกั ษาสขุ ภาพ 10. จัดทำสถติ ิ ขอ้ มลู ทางดา้ นสุขภาพอนามัยและจัดทำรายงานประจำภาคเรียน ประจำปีของงานอนามัย 11. ปฎบิ ตั งิ านอน่ื ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย 24

งานโภชนาการมหี น้าท่รี บั ผิดชอบในขอบข่ายต่อไปนี้ 1. กำหนดนโยบาย วางแผนงานโครงการ การดำเนินงานของงานสง่ เสรมิ โภชนาการให้สอดคล้องกับนโยบาย และวตั ถปุ ระสงค์ของโรงเรียน 2. ประสานงานกบั กลมุ่ สาระฯ ครปู ระจำชัน้ ในการใหค้ วามรู้ ความเข้าใจ ด้านโภชนาการให้กบั นกั เรยี น 3. ปฎิบัติงานอน่ื ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย งานประชาสมั พันธแ์ ละประสานความรกู้ ับชุมชน งานประชาสมั พันธ์มหี นา้ ทีร่ ับผดิ ชอบในขอบข่ายตอ่ ไปนี้ 1. กำหนดนโยบาย วางแผน งานโครงการ การดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้สอดคล้องกับนโยบายและ จดุ ประสงคข์ องโรงเรียน 2. ประสานงาน ร่วมมอื กับทุกฝา่ ยของโรงเรียนในการดำเนินงานดา้ นประชาสัมพันธ์ 3. ประกาศข่าวสารของทกุ ฝ่าย หรือข่าวที่เปน็ ประโยชนต์ ่างๆให้บคุ ลากรในโรงเรียนทราบ 4. ประสานงานด้านประชาสัมพนั ธท์ งั้ ในและนอกโรงเรียน 5. เป็นหน่วยงานหลักในการจัดพธิ กี ารหรือพิธกี รในงานพธิ ีการตา่ ง ๆ ของโรงเรียน 6. ประสานงานสารสนเทศ ในการนำเสนอและเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหาร การบริการและการ ประชาสัมพนั ธ์ 7. เผยแพรก่ จิ กรรมตา่ ง ๆ และช่ือเสยี งของโรงเรียนทางสื่อมวลชน สือ่ สิ่งพมิ พ์ สอ่ื ออนไลน์ 8. จัดทำเอกสาร – วารสารประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่ข่าวสาร รายงานผลการปฏิบัติงานและความ เคล่ือนไหวของโรงเรยี นใหน้ ักเรยี นและบคุ ลากรทั่วไปทราบ 9. รวบรวม สรุปผลและสถิติต่าง ๆ เกี่ยวกับงานประชาสัมพันธ์และจัดทำรายงานประจำปีของงาน ประชาสัมพนั ธ์ 10. ประสานความรู้ ร่วมมือ ชว่ ยเหลอื ชุมชน ในเร่ืองต่างๆ ตามความเหมาะสมและศักยภาพของโรงเรยี น 11. แจง้ ประกาศ หรอื ข้อมลู ข่าวสารท่ีไดร้ บั จากหนว่ ยงานภายนอกให้ครู บคุ ลากรในโรงเรียนทเ่ี ก่ียวข้องได้รับ ทราบ 12. ปฏบิ ตั ิหน้าทอี่ ่นื ๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย งานดูแลระบบสารสนเทศของโรงเรยี น มีหนา้ ที่รบั ผดิ ชอบในขอบข่ายต่อไปนี้ 1. สำรวจระบบเครอื ขา่ ยขอ้ มลู สารสนเทศของทุกฝา่ ยในโรงเรยี น 2. จดั ทำทะเบยี นเครือขา่ ย และกำกบั ดูแลขอ้ มูลสารสนเทศของแต่ละฝ่ายในโรงเรยี น 3. จัดระบบฐานข้อมูลของสถานศึกษา เพื่อใช้ในการบริหารจัดการภายในโรงเรียนให้สอดคล้องกับระบบ ฐานขอ้ มลู ของเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษา 25

4. พัฒนาบุคลากรผู้รับผิดชอบระบบเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในการ ปฏิบัตภิ ารกจิ 5. จดั ระบบเครอื ขา่ ยขอ้ มลู สารสนเทศเชื่อมโยงกับสถานศึกษาอืน่ เขตพื้นที่การศึกษา 7. ประเมนิ และประสานงานระบบเครอื ข่ายขอ้ มลู สารสนเทศ และปรับปรงุ พัฒนาเปน็ ระยะ 8. ปฏิบัติงานอน่ื ๆ ตามทไี่ ดร้ บั มอบหมาย งานปฎิคม มหี นา้ ที่รับผิดชอบในขอบข่ายตอ่ ไปน้ี 1. ต้อนรบั และบริการผูม้ าเยยี่ มชมหรือดูงานโรงเรยี น 2. ต้อนรบั และบริการผ้ปู กครองหรือแขกผูม้ าตดิ ต่อกบั นักเรียนและทางโรงเรยี น 3. วางแผนและประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ในการจัดเตรียมสถานที่ จัดเตรียมการต้อนรับผู้ที่เข้ามาติดต่อ ประชุม อบรม สัมมนาและศกึ ษาดูงานภายในโรงเรียน 3. จดั เตรยี มอาหาร เครื่องดืม่ อาหารว่าง ภาชนะและอุปกรณต์ า่ งๆ เพ่ือใช้ในการต้อนรับ 4. ปฎบิ ตั หิ นา้ ทอ่ี ่ืนๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย งานดูแลอาคาร-สถานทีแ่ ละสินทรัพย์ มหี น้าท่ีรับผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปน้ี 1. บรหิ ารจัดการอาคาร สถานที่ และสินทรพั ย์ - ต้งั บคุ คลากรข้นึ สำรวจสินทรพั ย์ตามอาคารตา่ งๆภายในโรงเรยี น เพ่ือทราบจำนวนและสภาพการใช้ งาน - จดั ทำบญั ชีสนิ ทรัพย์ ภายในภายนอกอาคารท้งั หมด - จำหน่าย บริจาค หรือขายทอดตลาดให้เป็นไปตามระเบียบในกรณีที่หมดสภาพหรือไม่ได้ใช้ ประโยชน์ - กำหนดแนวทางวางแผนการบรหิ ารจัดการอาคารสถานท่ี และสภาพแวดลอ้ มของสถานศึกษา - บำรุงดูแลและพัฒนาอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อมของสถานศึกษาให้อยู่ในสภาพที่มั่นคง ปลอดภยั เหมาะสมพรอ้ มท่จี ะใช้ประโยชน์ - ติดตามและตรวจสอบการใช้อาคารสถานที่ และสภาพแวดล้อมของสถานศึกษา เพื่อให้เกิดความ ค้มุ คา่ และเอ้ือประโยชน์ต่อการเรียนรู้ - สรุป ประเมนิ ผล และรายงานการใช้อาคารสถานท่ี และสภาพแวดลอ้ มของสถานศกึ ษา 2. ซ่อมบำรุงอาคารสถานท่ีท่มี ีอยเู่ ดมิ ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้อย่างปลอดภัยสภาพสวยงาม น่าอยู่ นา่ ดู น่าใช้ 3. ปรบั ปรุงพฒั นาอาคารสถานท่ีและสภาพแวดล้อม ทำแผนพัฒนาระยะยาว ระยะกลาง ระยะส้นั 4. งานฉกุ เฉนิ เปน็ งานเร่งดว่ นไม่มแี ผนงานลว่ งหนา้ เช่น ซ่อมไฟฟา้ ประปา 5. งานเฉพาะกิจ เปน็ งานท่ีทำร่วมกบั กจิ กรรมต่างๆ ของโรงเรยี น มีคำสั่งใหท้ ำเปน็ งานๆ เชน่ การจดั 26

สถานที่ในงานกิจกรรมต่างๆ ของทางโรงเรยี น งานประสานความร่วมมอื กบั ฝา่ ยอืน่ ๆในเรอ่ื งการใช้ อาคาสถานที่ 6. งานตามโครงการ เปน็ งานทที่ างอาคารสถานท่ีกำหนดไวใ้ นแผนดำเนนิ งานประจำปี 7. การดแู ลความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบริเวณโรงเรียน 7.1 การบรหิ ารงานนักการภารโรง กำหนดนกั การภารโรง ใหช้ ่วย ดูแล รบั ผดิ ชอบอาคารสถานทป่ี ระจำ อาคาร 7.2 กำหนดครู หรือ บคุ ลากรให้ชว่ ยตรวจสอบ อาคารต่างๆ และใหน้ กั เรียนในแต่ละหอ้ งเรียน ดแู ล รับผดิ ชอบห้องเรยี นของตนเอง โดยมีคุณครูท่ีปรกึ ษาควบคุมดูแล 8. ดูแลตกแต่งบำรงุ รกั ษาอาคารสถานท่ีรวมท้งั พสั ดุครภุ ัณฑ์ประกอบอาคารสถานที่ 9. การให้บรกิ ารด้านสาธารณปู โภค 10. การใหบ้ รกิ ารในการติดตอ่ ของใช้อาคารสถานท่ี 11. การปรบั ปรงุ สภาพแวดลอ้ มในโรงเรยี นและการจัดบรรยากาศในโรงเรียน 12. การซอ่ มแซม บำรุง สินทรัพยแ์ ละอาคารสถานที่ 13. ปฏิบัตหิ น้าที่อื่นๆ ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมาย งานดูแลระบบสาธารณปู โภค มีหน้าทร่ี บั ผิดชอบในขอบข่ายต่อไปน้ี 1. ดแู ลเรอื่ งความพร้อมใชง้ านของระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เชน่ ไฟฟ้า น้ำดมื่ 2. ตรวจสอบ ปรับปรุง ซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงประสานงานกับพัสดุกรณีทีมีเหตุต้องเปลี่ยน หรือซอ่ ม 3. ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่อ่นื ๆ ตามท่ไี ด้รับมอบหมาย งานดแู ลรักษาความปลอดภัย มหี นา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบในขอบขา่ ยตอ่ ไปนี้ 1. ดแู ลเรอื่ งการรักษาเวรยามกลางวนั ของครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาและลูกจ้าง 2. ดแู ลเรื่องการรักษาเวรยามกลางคืนของครู ลูกจ้างหรือนกั การ 3. ดูแลและดำเนินการในเรื่องเกี่ยวกับครูเวรประจำวัน ในวันทำการ และการปฏิบัติหน้าที่ของครูเวร ประจำวัน 4. จดั ใหม้ ผี ู้ตรวจสอบการปฏิบตั ิหนา้ ที่เวรยามเพ่ือควบคมุ ดูแลการอยเู่ วรยามอย่างต่อเน่ือง 5. ปฏบิ ัตหิ น้าท่อี นื่ ๆ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 27

งานจราจรและยานพาหนะ มหี น้าทรี่ บั ผิดชอบในขอบข่ายต่อไปนี้ 1. ดแู ลงานจราจร ทง้ั ภายในและประสานเจา้ หนา้ ท่ีตำรวจจราจรในการช่วยดูแลงานจราจรภายนอกโรงเรยี น 2. ดแู ลยานพาหนะของโรงเรียน ใหม้ สี ภาพสมบรู ณ์ ปลอดภัยและพร้อมใชง้ านอย่เู สมอ 2. ปฏบิ ตั ิหน้าทีอ่ ื่นๆ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 28

ระเบียบการปฏบิ ตั งิ านในโรงเรียน ระเบียบการปฏบิ ตั งิ านในโรงเรียนน้ีจัดทำขึ้นเพ่ือเป็นประโยชนต์ อ่ ครู บุคคลากรต่างๆในโรงเรยี น ท่ีจะ ได้นำมาใช้เป็นแนวทางในการบริหารงานและการปฏิบัติงานได้ถูกต้องตามระเบียบ และยังช่วยลดความ ผิดพลาดให้การทำงานต่างๆ โดยระเบียบฉบับนี้ได้จัดทำให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย การคมุ้ ครองการทำงานของครูใหญ่และครโู รงเรยี นเอกชนฉบับ พ.ศ. 2542 หมวดท่ี 1 เรือ่ งทัว่ ไป คำอธิบาย ข้อ 1 ระเบียบน้เี รยี กวา่ “ระเบยี บการปฏบิ ตั งิ านโรงเรยี นใบบญุ ลำพูน พ.ศ.2563” ขอ้ 2 ระเบียบน้มี ผี ลบงั คับใชต้ ั้งแต่วนั ที่ประกาศใช้ เป็นต้นไป ข้อ 3 ในระเบยี บนี้ “โรงเรยี น” หมายความวา่ โรงเรียนใบบญุ ลำพูน อำเภอเมือง จังหวดั ลำพูน “ผ้อู ำนวยการ” หมายความวา่ ผู้อำนวยการโรงเรียนใบบญุ ลำพนู “ผูจ้ ดั การ” หมายความว่า ผจู้ ดั การโรงเรียนใบบญุ ลำพูน “คร”ู หมายความว่า ครูท่ีปฎิบตั หิ น้าท่ใี นโรงเรียนใบบญุ ลำพูน “บุคลากร” หมายความว่า บคุ คลทไ่ี ด้รับมอบหมายใหป้ ฏบิ ัตงิ านในโรงเรียนใบบุญลำพูน “นกั เรียน” หมายความวา่ นักเรียนทก่ี ำลงั ศกึ ษาอยูใ่ นโรงเรยี นใบบุญลำพูน “ปกี ารศึกษา” หมายความวา่ ปีการศึกษาให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม จนถึง วันที่ 30 มีนาคมของปีถัดไป หรือตามที่ผู้บริหารประกาศแก้ไข เพิ่มเติม ตามแตล่ ะวาระการประชมุ “วันทำงาน” หมายความวา่ วนั ที่กำหนดให้ครู บคุ ลากรทำงานตามปกติ “วนั หยดุ ” หมายความว่า วันที่กำหนดให้ครู บุคลากรหยุดประจำสัปดาห์ วันหยดุ ตาม ประเพณี วนั ท่ีโรงเรียนสั่งให้หยดุ หรอื วันท่ีราชการกำหนดให้หยุด ทั้งน้ีข้นึ อยู่กับดลุ ยพนิ ิจของผู้อำนวยการ “วนั ลา” หมายความว่า วันทคี่ รู บคุ ลากรลาปว่ ย ลากิจ ลาคลอดบตุ ร ลาอุปสมบท ลาเพื่อ ประกอบพิธฮี ัจย์ หรือลาเพอ่ื ระดมพลทางทหาร “เงินเดือน” หมายความว่า เงินท่ีผู้จัดการจ่ายเป็นค่าตอบแทนครู บุคลากรประจำเป็นราย เดือน 29

“ค่าสอน” หมายความว่า เงินที่ผู้รับใบอนุญาตจ่ายเป็นค่าตอบแทนการสอนของครูที่สอน เป็นรายชั่วโมงตามสัญญาการเป็นครู หรือค่าตอบแทนการสอน ของครูในชั่วโมงทมี่ ากกวา่ ชว่ั โมงสอนทกี่ ำหนดไวใ้ นระเบยี บนี้ “การทำงานล่วงเวลา” หมายความว่า การทำงานนอกหรือเกนิ เวลาทำงานปกตหิ รอื เกินชว่ั โมง ทำงานในแต่ละวนั ตามทไี่ ดร้ ับอนญุ าตจากผูอ้ นญุ าตในวัน ทำงานหรือวนั หยุดแลว้ แต่กรณี “ค่าล่วงเวลา” หมายความวา่ เงนิ ที่ผจู้ ดั การจา่ ยให้แก่ครู บุคลากร เป็นคา่ ตอบแทน การทำงาน ล่วงเวลาวันทำงาน “คา่ ทำงานในวนั หยุด” หมายความว่า เงนิ ท่ผี ู้จัดการจ่ายใหแ้ ก่ครู บคุ ลากรเปน็ คา่ ตอบแทน การทำงานในวนั หยดุ “ค่าทำงานล่วงเวลาในวันหยดุ ” หมายความวา่ เงินทผ่ี ู้จัดการจา่ ยใหแ้ ก่ครู บคุ ลากรเป็น ค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาในวันหยุด “คา่ ชดเชย” หมายความวา่ เงนิ ท่ีผ้จู ดั การจ่ายใหแ้ กค่ รู บคุ ลากรเมอ่ื เลิกสญั ญาการเป็นครู นอกเหนือจากเงนิ ประเภทอ่ืน ซ่งึ ผู้จัดการตกลงจ่ายให้แก่ครู “คา่ ชดเชยพิเศษ” หมายความว่า เงนิ ที่ผู้จดั การจ่ายใหแ้ กค่ รู บคุ ลากรเม่อื สัญญาการเป็นครสู ิ้นสดุ ลง เพราะมเี หตุกรณีพิเศษทีก่ ำหนดไว้ในระเบียบน้ี คณุ สมบัตทิ ่ัวไปของผ้ทู จี่ ะมาทำงานเป็นครูหรอื บุคลากรในโรงเรยี น 1. มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์และจบการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไปหรือมีวุฒิในการทำงานที่ โรงเรยี นพิจารณาแล้วว่าเหมาะสม 2. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทย 3. ไมเ่ ปน็ คนไรค้ วามสามารถหรือจิตฟั่นเฟอื นไมส่ มประกอบหรือเป็นโรคติดตอ่ รา้ ยแรง 4. ไม่เป็นผู้ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจากองค์กรวิชาชีพ และหากเป็นครูผู้สอนจะต้องมี ใบอนุญาตประกอบวิชาชพี ครูตามทกี่ ฎหมายกำหนดหรือตามข้อกำหนดที่ทางโรงเรียนกำหนด 5. ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดสี ำหรับการเปน็ ผูป้ ระกอบวชิ าชีพครูและบคุ ลากรทางการศึกษา 6. ไม่เปน็ บคุ คลล้มละลาย 7. ไม่เป็นผูเ้ คยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดใหจ้ ำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดย ประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ 8. ไม่เป็นผเู้ คยถกู ลงโทษใหอ้ อก ปลดออก หรือไลอ่ อกทั้งจากหนว่ ยงานภาครัฐและเอกชน 9. ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการหรือเข้าปฏิบัติงานทั้งในหน่วยงานภาครัฐและ เอกชน 10. มคี ุณภาพในการทำงานตามที่มอบหมาย 30

11. ไม่ก่อเรอ่ื งทะเลาะววิ าท 12. ไม่เสพสารเสพตดิ รา้ ยแรง หรอื เปน็ ผ้คู า้ ยาเสพตดิ 31

หมวดที่ 2 ข้อกำหนดเวลาทำงานของครู บุคลากร 1. เวลาทำการท่ีโรงเรียนเปิดภาคเรียน วนั จนั ทร์ - วนั ศกุ ร์ เวลา 8.00 – 17.00 น. • ภาคเรียนที่ 1 เรม่ิ นับ เดอื นพฤษภาคม – เดอื นตุลาคม • ภาคเรยี นที่ 2 เรม่ิ นับ เดอื นพฤศจกิ ายน – เดือนมนี าคมของปถี ดั ไป 1.1 เวลาทำงานของครู บคุ ลากรระดบั เตรยี มอนุบาล และระดบั อนุบาล 1.1.1 เวลาทำงานครเู วรอาหารเชา้ ฯ เขา้ งาน 07.00 น. เข้างานเกนิ 07.15 น. ถอื วา่ มาสาย* 1.1.2 เวลาทำงาน ครเู วรประจำวัน เขา้ งาน 07.10 น. เข้างานเกิน 07.15 น. ถือวา่ มาสาย* / เลิกงาน 17.45 น. หรือจนกว่านักเรียนจะกลับหมด หากเลิกงาน กอ่ นเวลา 17.45 น. ถอื วา่ กลับกอ่ นเวลา 1.1.3 เวลาทำงาน ครู บุคลากร เข้างาน 07.20 น. เข้างานเกิน 07.40 น. ถอื วา่ มาสาย* / เลิกงาน 17.15 น. หากเลิกงานก่อนเวลา 17.15 น. ถือว่ากลับ กอ่ นเวลา 1.2 เวลาทำงานของครู บุคลากรระดับประถมศึกษา 1.2.1 เวลาทำงานครูเวรประจำวนั เข้างาน 07.10 น. เข้างานเกนิ 07.15 น. ถือว่ามาสาย* / เลิกงาน 17.45 น. หรอื จนกวา่ นักเรียนจะกลบั หมด หากเลกิ งานก่อนเวลา 17.45 น. ถอื วา่ กลับกอ่ นเวลา 1.2.2 เวลาทำงาน ครู บุคลากร เขา้ งาน 07.20 น. เขา้ งานเกิน 07.40 น. ถือว่ามาสาย* / เลิกงาน 17.15 น. หากเลิกงานก่อนเวลา 17.15 น. ถือว่ากลับ ก่อนเวลา 2. เวลาทำการท่ีโรงเรยี นปิดภาคเรยี น (เปิดสอนพเิ ศษ) วนั จนั ทรจ์ นถึงวนั ศุกร์ เวลา 8.00 – 16.00 น. ** ภาคเรยี นพเิ ศษ เริม่ นบั ช่วงเดือนมนี าคม เดอื นเมษายน เดือนพฤษภาคม และเดือนตุลาคม 2.1 เวลาทำงานสำหรบั ครู บคุ ลากรระดบั เตรียมอนบุ าลฯ - ประถมศกึ ษา 2.1.1 เวลาทำงานครูเวรประจำวัน เขา้ งาน 07.10 น. เขา้ งานเกนิ 07.20 น. ถือวา่ มาสาย* / เลิกงาน 17.30 น. หรือจนกว่านักเรียนจะกลับหมด หากเลิกงาน ก่อนเวลา 17.30 น. ถอื ว่ากลับกอ่ นเวลา 2.1.2 เวลาทำงาน ครู บุคลากร เขา้ งาน 08.00 น. เข้างานเกนิ 08.00 น. ถอื ว่ามาสาย* / เลิกงาน 16.00 น. หากเลิกงานก่อนเวลา 16.00 น. ถือว่ากลับ ก่อนเวลา 32

** หมายเหตุ: ไม่อนุญาตให้ครู ทุกระดับ รับสอนพิเศษส่วนตัวให้กับนักเรียนของโรงเรียนในวันและเวลา ทำงาน(รวมถงึ ช่วงเวลาปิดเทอมที่ทางโรงเรียนเปดิ สอนพิเศษ) หากไม่ปฎบิ ัตติ ามจะถือเปน็ ความผิดใน “หมวด ท่ี 5 ข้อ 2” 3. เวลาท่ีโรงเรยี นกำหนดใหค้ รูมาปฏิบตั งิ านของโรงเรียนแม้ในระหวา่ งวนั หยุดตามข้อ 4 3.1 ครูเวรวันเสาร์/วันอาทิตย์/วันหยุดนักขัตฤกษ์ เข้างาน 8.00 เข้างานเกิน 8.30 น. ถือว่าสาย */เลิก 16.00น. หากเลกิ งานก่อนเวลา 16.00น. ถอื วา่ กลับก่อนเวลา 3.2 ครทู ีท่ างโรงเรยี นมอบหมายให้เข้ามาทำงานในวนั หยุด เวลาเข้างาน / เลกิ งาน ตามประกาศทแ่ี จ้งอีกคร้งั 3.3 วันท่โี รงเรยี นกำหนดให้เป็นวันทำงานในวนั หยดุ 3.3.1 วันงานประจำปี 1 วัน 3.3.2 วันปฐมนิเทศนกั เรยี นใหม่ 1 วัน 3.3.3 วันครพู บผปู้ กครอง 1 วัน 3.3.4 วันแจกผลการเรียน กลางภาคเทอม 1 1 วนั 3.3.5 วนั แจกผลการเรียน กลางภาคเทอม 2 1 วนั 3.3.6 พธิ มี อบใบประกาศและแจกผลการเรียน 1 วัน 3.4 นอกเหนอื จากวนั ในข้อ 3.3 แลว้ หากมีความจำเป็นทโ่ี รงเรียนต้องขอให้ครู บุคลากร มาทำงานในวันหยุด ทางโรงเรียนจะจดั ให้ครูมาทำงานตามโอกาสในวนั หยุด รวมไมเ่ กนิ 4 วนั / ปีการศึกษา **หมายเหตุ: “การมาสาย” จะเริ่มนับตั้งแต่เวลาเข้างานที่กำหนดจนถึงเวลา 9.00น. หากเกินจากนี้จะไม่ถอื ว่าเป็นการมาสาย แต่ให้ถือเป็นการลากิจครึ่งวัน หากเข้างานหลัง 12.00 น. ถือเป็นการลากิจ 1 วัน หากครู บุคลากรมาสายโดยเหตุจำเป็น สามารถแจ้งให้ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานบุคคลพิจารณาได้ แต่จะต้อง แจ้งภายในวันเท่านั้น ทั้งนี้หากพิจารณาเห็นควรให้ละเว้น ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯต้องชี้แจงให้ผู้อำนวยการ รับทราบ การมาสายมแี นวทางปฏบิ ัติดงั น้ี หัวหน้าสาระ/ระดับ ดำเนินการตักเตอื นด้วยวาจา 1) มาสายตั้งแต่ครง้ั ท่ี 1-4 ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝา่ ยนั้นๆดำเนนิ การตักเตือนดว้ ยวาจา - หากเป็นครผู สู้ อน บุคลากร ผอู้ ำนวยการ ผูจ้ ัดการ ดำเนนิ การตกั เตือนดว้ ยวาจา - หากเป็นหวั หน้าหรอื ครูประจำฝา่ ย - หากเป็นผชู้ ่วยผู้อำนวยการ 2) มาสายครบ 5 คร้ัง ต่อภาคเรียน นบั เป็นลากจิ 1 วัน - ครบ 5 ครัง้ ฝ่ายบรหิ ารงานบคุ คล ดำเนนิ การตักเตอื นและแจ้งให้ครรู บั ทราบ - ครบ 10 คร้งั ฝ่ายบรหิ ารงานบคุ คล ดำเนนิ การตักเตอื นและแจ้งใหค้ รูรับทราบคร้ังที่ 2 33

- ครบ 15 ครั้ง ฝ่ายบรหิ ารงานบคุ คล ดำเนินการตักเตือนและลงบันทึกเป็นลายลักษณอ์ ักษร - ครบ 20 ครงั้ ฝา่ ยบรหิ ารงานบคุ คล ดำเนนิ การลงโทษโดยการภาคทณั ฑ์ - ตงั้ แต่ครงั้ ที่ 20 เปน็ ตน้ ไป ผู้อำนวยการ ผูจ้ ัดการพจิ ารณาแต่งตงั้ คณะกรรมการเพื่อพจิ ารณา บทลงโทษแก่บุคลากรที่ฝ่าฝืน โดยบทลงโทษจะเริ่มตั้งแต่ “หมวดที่ 5 ข้อ 1.3.2” 4. ในปกี ารศึกษาหนึ่ง โรงเรียนกำหนดให้ครมู ีวนั หยดุ ดงั นี้ 4.1 วันหยุดประจำสัปดาห์ตามท่ไี ดร้ บั อนุญาต 4.2 วันหยุดภาคเรียน 4.3 วันหยดุ นกั ขตั ฤกษ์ 4.4 วันหยดุ ตามประกาศหรอื คำส่งั ของทางราชการ 4.5 วนั ท่โี รงเรียนสั่งให้หยุด 5. ชัว่ โมงการสอน โรงเรยี นจัดใหค้ รูมีชั่วโมงสอนในสัปดาหห์ นึ่งตามระดบั ดังน้ี 5.1 ระดับกอ่ นประถมศกึ ษา จัดการเตรียมความพรอ้ มนกั เรยี นไม่เกนิ 25 ชว่ั โมง 5.2 ระดับประถมศึกษา สอนไม่เกิน 25 ชั่วโมง ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการปฏิบัติงานในหน้าที่ครูเพื่อการเตรียมการสอน การตรวจงาน การดูแลนักเรียน การประเมินผลและงานที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน หรือหน้าที่ที่ครูต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวง ศึกษาธิการว่าด้วยจรรยา มรรยาท วินัยและหน้าที่ของครู และตามระเบียบประเพณีของครูตามที่ คุรุสภา กำหนดอีกด้วยโรงเรียนจดั ให้ครูมีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง โดยจัดเป็นพักใหญ่ และพักน้อยให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่ทำการสอนและไม่ให้เวลาพักเป็นเวลาทำงาน ในกรณีที่มีการทำงาน ล่วงเวลาต่อจากเวลาทำงานตามปกตไิ ม่น้อยกว่า 2 ช่ัวโมง จดั ให้ครูมเี วลาพกั ไมน่ ้อยกว่า 20 นาที กอ่ นที่ครเู ร่ิม ทำงานล่วงเวลา 34

หมวดท่ี 3 การลา 1. ชนิดของการลา ในรอบปกี ารศึกษาโรงเรียนอนุญาตให้ครู บคุ คลากร สามารถลาได้ดังตอ่ ไปนี้ 1.1 ลากิจ สามารถลาได้ 4 วนั ตอ่ ภาคเรียน แต่ไม่เกิน 8 วันตอ่ ปกี ารศกึ ษา เพ่อื ไม่ใหม้ ผี ลกระทบตอ่ คณุ ภาพการให้บริการด้านการศกึ ษาของโรงเรยี น มขี ้อกำหนดเพมิ่ เติมดังน้ี 1.1.1 ไมอ่ นญุ าตใหล้ า ในกรณีท่ีครู บุคลากร ไมผ่ ่านชว่ ง 3 เดือนแรกของการทดลองงาน 1.1.2 อนุญาตให้ลาตอ่ เนอ่ื งทั้งก่อน-หลงั วนั หยดุ เสาร์ อาทิตย์ แตส่ ามารถขอลาได้ไมเ่ กนิ 2 วนั ตอ่ ปี และไม่เกิน 3 คนตอ่ คร้งั 1.1.3 ไมอ่ นุญาตให้ลาตอ่ เนื่องทัง้ กอ่ น-หลงั วนั หยุดนักขัตฤกษ์ วนั หยดุ ทีโ่ รงเรยี นกำหนด 1.1.4 ไม่อนญุ าตให้ลาได้ในวันตาม “หมวดที่ 2 ขอ้ 3.3” 1.1.5 ไมอ่ นุญาตให้ลากิจในวันท่มี ีการจัดการสอบของนักเรยี น และ ในวนั ท่ที ำการตรวจข้อสอบ หรือ ทำคะแนน ชว่ งปดิ ภาคเรียน 1.1.6 ไม่อนุญาตให้ลากิจในวันที่มีการจัดการสอบของนักเรียน และในวันที่ทำการตรวจข้อสอบ นักเรียน หรือวนั ทีท่ ำการสรุปคะแนนนักเรียน 1.1.7 หากครู บคุ คลากรที่มีหนา้ ทอี่ ยเู่ วรตาม “หมวดที่ 2 ข้อ 3.1” หากตดิ ธรุ ะ สามารถมอบหมายให้ บุคลากรอนื่ มาแทนได้ 1.1.8 การลาครึ่งวัน ลาภาคเช้า หมายถึง การลาระหวา่ งชว่ งเวลา 09.00 – 12.00น. ลาภาคบา่ ย หมายถงึ การลาระหวา่ งชว่ งเวลา 12.00 – 16.00น. ** หมายเหตุ: หากครู บุคลากรลาตามข้อที่กล่าวมาข้างตน้ หรือลาเกินกว่าที่กำหนดให้ฝ่ายบริหารงานบุคคล พิจารณาความผิดตาม “หมวดที่ 5 ข้อ 2” และจะมีการปรับตาม “หมวดที่ 3 ข้อ 3.3” แต่หากมีเหตุอันควร สามารถชแ้ี จงกบั ฝ่ายบรหิ ารงานบุคคลเพ่ือพิจารณาได้อีกคร้งั 1.2 ลาปว่ ย ใหล้ าได้ดังน้ี 1.2.1 กรณีเจ็บปว่ ยธรรมดา 1.2.2 กรณกี ารเจ็บปว่ ยทต่ี ้องรกั ษาตัวในโรงพยาบาล 1.2.3 กรณมี ใี บนดั พบแพทย์ เพื่อตรวจเช็กอาการต่าง ๆ 35

1.3 ลาเพือ่ ไปดูแลครอบครวั (พอ่ แม่ บุตร สามีหรือภรรยา) ทเ่ี จ็บป่วยไมเ่ กิน 4 วันตอ่ ครัง้ และไม่เกนิ 2 คร้ัง ต่อปีการศึกษา โดยจะไม่นับรวมในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดตามประกาศของโรงเรียน และต้องมี เอกสารประกอบการลาด้วยทุกคร้งั หรอื ตามดุลยพนิ จิ ของหัวหนา้ งานฝ่ายบรหิ ารงานบคุ คล 1.4 ลาคลอดบตุ ร 1.4.1 คลอดปกติ ลาได้ 30 วัน 1.4.2 ผา่ คลอด ลาได้ 45 วนั 1.5 ลาอปุ สมบทหรือลาไปประกอบพธิ ีฮจั ย์ ให้ลาได้ไมเ่ กิน 120 วัน ในกรณที ่ีครไู มเ่ คยอุปสมบทหรือไม่เคยไป ประกอบพธิ ฮี จั ย์ และได้ทำการสอนในโรงเรยี นนนั้ มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ** หมายเหตุ: การลาตามขอ้ 1.2 สามารถลารวมได้ไมเ่ กิน 60 วันทำงาน / ปกี ารศึกษา 2. การแจง้ ลางาน เมื่อมีเหตุจำเป็นให้ครูหรือบุคลากรต้องขอลาหยุดงาน ครูหรือบุคลากรต้องแจ้งหัวหน้างานทราบ ล่วงหน้า เพื่อให้พิจารณาเซ็นรับรอง แล้วส่งใบลาให้ “ฝ่ายบริหารงานบุคคล” ให้ทราบ แต่ถ้ามีเหตุที่ไม่ สามารถแจ้งให้ทราบลว่ งหน้า ครูหรือบุคลากรต้องโทรแจ้ง “ฝ่ายบริหารงานบุคคล”โดยเร็วทีส่ ุด และส่งใบลา เมอ่ื กลบั มาทำงานวันแรกทนั ที ระยะเวลาการยน่ื ใบลามีดงั น้ี 2.1 การลากจิ ใหย้ ืน่ ใบลาลว่ งหน้าอย่างนอ้ ย 1 วนั 2.2 การลาปว่ ย ให้แจง้ การปว่ ยให้โรงเรียนทราบในโอกาสแรกที่ลาป่วย และจะต้องแสดงใบรับรองของแพทย์ แผนปัจจุบันชัน้ หน่ึงจากหนว่ ยงานราชการหรือเอกชน 2.3 ลาเพ่อื ไปดแู ลพอ่ แม่หรอื ลูกทเี่ จบ็ ปว่ ย ใหย้ นื่ ใบลาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วนั 2.4 ลาคลอดบุตร • กรณีลากอ่ นคลอด ใหส้ ง่ ใบลาลว่ งหน้า หรอื สง่ ในวันคลอด • กรณไี ม่ไดล้ าก่อนคลอด ให้แจ้งการลาภายใน 3 วนั 2.5 ลาอปุ สมบทหรอื ลาเพื่อไปประกอบพธิ ีฮัจย์ ให้ย่นื ใบลาลว่ งหนา้ ไมน่ ้อยกว่า 3 เดือน แตถ่ า้ โรงเรียนยังหา ครแู ทนไมไ่ ด้ โรงเรยี นอาจยบั ยั้งการลานัน้ ไวก้ ่อน เพ่ือใหล้ าในปตี ่อไปกไ็ ด้ 3. การนบั วันลา / การปรับ 3.1 ครูหรอื บคุ ลากรทมี่ าทำงานสายหรอื กลบั ก่อนเวลารวม 5 คร้งั ใหถ้ ือว่าเปน็ ลากจิ 1 วัน หากวนั ลากิจเกนิ 4 วนั ตอ่ ภาคเรียน วันทีเ่ กินให้ปรบั เป็นเงนิ ดังน้ี - ครพู เ่ี ลี้ยง 300 บาทตอ่ วัน - ครู บุคลากร 500 บาทตอ่ วนั โดยมแี นวทางปฏบิ ตั ิดงั น้ี 36

- ครู บคุ ลากร ลาครบ 3 ครง้ั ฝ่ายบรหิ ารงานบุคคลดำเนินการแจ้งให้ครู บคุ ลากรรบั ทราบด้วยวาจา - ครู บคุ ลากร ลาคร้งั ท่ี 5 ฝ่ายบริหารงานบุคคลดำเนินการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรและ ปรบั ตามหมวดที่ “หมวดที่ 3 ขอ้ 3.1” - ครู บุคลากร ลา คร้งั ที่ 6 เปน็ ต้นไป ฝา่ ยบริหารงานบุคคลดำเนินการลงโทษโดยการภาคทัณฑ์และ ปรบั ตามหมวดที่ “หมวดที่ 3 ขอ้ 3.1” **หมายเหตุ : ท้งั นีบ้ ทลงโทษอาจปรับเปลยี่ นได้ข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของหัวหน้างานฝ่ายบริหารงาน การลากิจเกนิ กำหนดจะถูกนำมาพิจารณาในการปรับขน้ึ เงนิ เดือนประจำปี 3.2 หากครู บุคลากรไม่ส่งใบลาหลงั จากทกี่ ลบั มาทำงานภายใน 2 วนั ทางโรงเรยี นจะปรบั เงนิ จำนวน 300 บาทตอ่ ครงั้ 3.3 หากครูหรอื บุคลากรลางานในวันท่ีทางโรงเรียนไมอ่ นญุ าตใหค้ รูหรือบุคลากรลาหยุดตาม “หมวดที่ 2 ข้อ 3” หรอื วันท่ไี ม่อนุญาตใหล้ ากิจได้ตาม “หมวดท่ี 3 ข้อ 1.1” จะถกู ปรบั - ครพู ี่เล้ยี ง 500 บาทตอ่ วัน - ครู บคุ ลากร 800 บาทตอ่ วนั และใหถ้ ือเป็นความผิดใน “หมวดที่ 5 ขอ้ ที่ 2” แต่หากมเี หตุอันควร สามารถติดต่อช้ีแจงต่อ “ฝ่ายบริหารงาน บุคคล” เพอ่ื พิจารณาไดอ้ ีกคร้งั 3.4 การปรบั ในกรณีทค่ี รู บุคลากรไม่ปฎบิ ตั ิตาม “หมวดที่ 5 ขอ้ 5 การบอกเลกิ สญั ญา” ในกรณดี ังต่อไปนี้ 3.4.1 บอกเลิกสัญญาในช่วงเปดิ ภาคเรียน (ครู บุคลากร และ ครูพ่ีเลี้ยง) - แจง้ ลว่ งหน้าอยา่ งนอ้ ย 30 วันทำการ ไดร้ บั เงนิ เดือน เงินประกันการทำงาน แตไ่ มไ่ ดร้ บั เงนิ พิเศษอนื่ ๆ - แจ้งล่วงหนา้ นอ้ ยกว่า 30 วันทำการ ไดร้ ับแตเ่ งินเดือนตามวันทำงานจรงิ เท่านนั้ 3.4.2 บอกเลิกสัญญาในช่วงปิดภาคเรียน (ครู บุคลากร และ ครพู เ่ี ลยี้ ง) - แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันทำการ ได้รับเงินเดือน เงินประกันการทำงานและเงินพิเศษ อื่น ๆ - แจ้งล่วงหนา้ นอ้ ยกว่า 30 วันทำการ ไดร้ ับแต่เงนิ เดือนตามวันทำงานจริงเท่าน้ัน 37

หมวดที่ 4 เงนิ เดือน คา่ สอน ค่าล่วงเวลา และคา่ ทำงานในวนั หยดุ 1. การจา่ ยเงนิ 1.1 โรงเรียนจ่ายเงินเดือนให้ครู บุคลากรทุกวันสุดท้ายของเดือน หากเป็นวันหยุดทางโรงเรียนจะจ่ายให้ ล่วงหนา้ ก่อนวนั หยุด 1 วนั 1.2 โรงเรียนจะจ่ายเงินสอนพิเศษให้ในกรณที ี่ได้รับเงินค่าเรียนจากนักเรียนครบทุกคนภายในเดือนนั้นๆแลว้ เทา่ น้นั หมายเหตุ : หากครู บคุ ลากร ลา หรอื ไมไ่ ดป้ ฎิบัติหนา้ ทต่ี อนบ่าย ครู บุคลากรท่านนั้นจะไม่ไดร้ บั เงินพิเศษใน วนั น้ันๆ 1.3 ในกรณีที่ลาปว่ ย โรงเรียนจะจ่ายเงนิ เดอื นให้ครู บุคลากร เทา่ กบั อัตราคา่ จา้ งในวนั ทำงานตลอดระยะเวลา ท่ลี าแตป่ ีหนงึ่ ตอ้ งไม่เกนิ 30 วนั ทำงาน 2. คา่ สอน ค่าล่วงเวลา และคา่ ทำงานในวันหยดุ 2.1 ในกรณีทค่ี รูมีชัว่ โมงการสอนเกนิ กว่าท่กี ำหนดใน “หมวดที่ 2 ขอ้ 5” โรงเรยี นจะจา่ ยค่าสอนดังน้ี - ระดับกอ่ นประถมศึกษาหรอื ระดบั ประถมศึกษา ชว่ั โมงละ 60 บาท - สำหรับครทู ี่โรงเรยี นบรรจุเขา้ ทำการสอนเป็นรายชัว่ โมง จะจ่ายค่าสอนไม่น้อยกว่าสองเทา่ ของค่าสอน ตามที่กำหนด 2.2 ในกรณที ี่โรงเรยี นจัดให้ครู บุคลากรทำงานเกินเวลาทำการปกติไว้ใน “หมวดที่ 2 ข้อ 1 และ 2 ” โรงเรยี น จ่ายค่าทำงานล่วงเวลาเป็นเงนิ 200 บาทตอ่ ครั้ง (17.30 - 21.00 น.) หมายเหตุ : ท้ังน้ีไม่รวมถึงการประชมุ หรืออบรมเพอ่ื ประโยชน์ในการพัฒนาสง่ เสรมิ คุณภาพการสอนของครู 2.3 ในกรณีที่โรงเรียนจัดให้ครู บุคลากรทำงานในวันหยุดเกินจำนวนวันที่กำหนดไว้ใน “หมวดที่ 2 ข้อ 3.4” โรงเรียนจา่ ยคา่ ทำงานในวนั หยดุ เปน็ เงนิ ดงั นี้ - ครู บุคลากร 850 บาทตอ่ วนั - ครูพเ่ี ล้ยี ง 500 บาทตอ่ วัน 2.4 ในกรณีที่โรงเรียนจัดให้ครู บุคลากรทำงานในวันหยุดที่กำหนดไว้ใน “หมวดที่ 2 ข้อ 3.4” เกินจากเวลา ปกติ โรงเรยี นจา่ ยค่าทำงานลว่ งเวลาในวนั หยุดเปน็ เงนิ ดงั น้ี - ครู บุคลากร 280 บาทตอ่ ชวั่ โมงทีเ่ กินจากเวลาปกติ - ครพู ีเ่ ล้ยี ง 180 บาทตอ่ ช่ัวโมงทีเ่ กินจากเวลาปกติ 38

2.5 ในกรณีที่โรงเรียนกำหนดให้ครู บุคลากรเดินทางไปทำงานในสถานท่ีอื่นนอกบริเวณโรงเรียนจ่ายค่า ปฏบิ ตั ิงานนอกสถานท่ี ดงั น้ี 2.5.1 ในกรณที เี่ ดนิ ทางออกนอกสถานที่ ในวันและเวลาทำงานของโรงเรยี น - คา่ รถ หากนำรถยนตส์ ว่ นตวั ไป โรงเรยี นจา่ ยค่านำ้ มันสำหรับเดินทางไป-กลับ โดยคิด 3 บาทต่อกิโลเมตร 2.5.2 ในกรณที เี่ ดนิ ทางออกนอกสถานท่ีในวันทำงาน แต่เลยเวลาทำงานของโรงเรยี น - คา่ รถ หากนำรถยนตส์ ว่ นตวั ไป โรงเรียนจ่ายค่าน้ำมันสำหรบั เดนิ ทางไป-กลบั โดยคิด 3 บาทตอ่ กโิ ลเมตร - ค่าทำงานลว่ งเวลา 200 บาท / วนั - หากตอ้ งพักค้างคนื ทางโรงเรยี นจัดหาท่พี กั ให้ 2.5.3 ในกรณีทเี่ ดินทางออกนอกสถานที่ในวันหยุดเกินจำนวนวันท่ีกำหนดไวใ้ น “หมวดที่ 2 ข้อ 3.4” แต่เป็นเวลาทำงานของโรงเรยี น - ค่ารถ หากนำรถยนตส์ ่วนตวั ไป โรงเรียนจ่ายค่านำ้ มันสำหรบั เดินทาง โดยคดิ 3 บาทตอ่ กิโลเมตร - คา่ ทำงานในวันหยุด ตามข้อ 2.3 - หากตอ้ งพักคา้ งคืน ทางโรงเรยี นจัดหาที่พกั ให้ 2.5.4 ในกรณีที่เดินทางออกนอกสถานที่ในวันหยุดเกินจำนวนวันที่กำหนดไว้ใน “หมวดที่ 2 ข้อ 3.4” และทำงานเกนิ เวลาทำงานของโรงเรยี น - คา่ รถ หากนำรถยนต์ส่วนตัวไป โรงเรยี นจ่ายคา่ นำ้ มนั สำหรับเดนิ ทาง โดยคดิ 3 บาทตอ่ กิโลเมตร - ค่าทำงานในวนั หยุด ตามข้อ 2.3 - คา่ ทำงานลว่ งเวลาในวันหยุดตามขอ้ 2.4 - หากต้องพกั ค้างคนื ทางโรงเรียนจดั หาทพ่ี ักให้ **หมายเหตุ : คา่ รถ คดิ ระยะทางจากโรงเรยี นจนถึงสถานที่ปฎบิ ัตงิ านภายนอก ขัน้ ต่ำ 100 บาท คา่ เบ้ียเล้ียง 80 บาท/มื้อ 39

หมวดที่ 5 การลงโทษ การเลกิ สัญญาเปน็ ครูและคา่ ชดเชย 1. การพจิ ารณาการลงโทษ คณะครทู ผ่ี ้อู ำนวยการ หรือผจู้ ดั การโรงเรยี นแต่งตัง้ ใหพ้ ิจารณา 1.1. ครูและบุคลากรต้องปฏิบัติตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบ กฎข้อบังคับของโรงเรียน และคำส่ังของหัวหน้างาน 1.2 ให้มีคำสั่งให้ครูที่มีหน้าที่ส่งเสริมและดูแลบุคลากรที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของตนให้ปฏิบัติตาม กฎหมาย ระเบียบ กฎ ข้อบงั คับของโรงเรยี น และมตขิ องคณะกรรมการบรหิ ารโรงเรียนรวมทัง้ คณะกรรมการ ที่ปรึกษาผู้อำนวยการหากผู้บังคับบัญชาทราบว่าบุคลากรที่อยู่ใต้บังคับบัญชาคนใดกระทำความผิด ให้รีบ ดำเนินการลงโทษตามขัน้ ตอนทันที 1.3 โรงเรยี นสามารถลงโทษแก่บุคลากรท่ีฝา่ ฝืนข้อบังคับน้ีข้อใดข้อหนึ่งโดย ไมจ่ ำเป็นต้องเรียงลำดับ กอ่ นหลงั ขน้ึ อยู่กับความรา้ ยแรงของความผิดทไี่ ดก้ ระทำโทษดังกลา่ วมดี ังต่อไปน้ี 1.3.1 ตักเตือนเป็นลายลกั ษณ์อักษร 1.3.2 ภาคทณั ฑ์ 1.3.3 ตัดเงนิ เดอื น 1 เดอื นหรอื ร้อยละ 15 ของอัตราเงนิ เดอื นเปน็ ระยะเวลาไมเ่ กนิ 3 เดือน 1.3.4 ลดเงนิ เดอื นคร่งึ หนึ่งหรอื รอ้ ยละ 15 1.3.5 เลกิ จา้ ง อนึ่ง หากเป็นความผิดที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของโรงเรียน ความผิดเกี่ยวกับการประพฤติตนหรือ ความผิด เกี่ยวกับการทำงาน นอกจากโทษตามข้อ 1.3.1 – 1.3.5 แล้ว หากพิจารณาแล้วเห็นสมควร โรงเรียนสามาร ลงโทษเพิ่มเติมจาก 1.3.1 – 1.3.5 ได้ โดยรูปแบบของการลงโทษนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะและผลกระทบของ ความผดิ แตล่ ะประเภท 2. การกระทำความผดิ ดงั ต่อไปนี้ ถอื วา่ เปน็ ความผดิ ไมร่ า้ ยแรง 2.1 การแต่งกายไมถ่ ูกตอ้ งตามแบบที่กำหนด 2.2 การมาปฏบิ ัติงานสายหรือขาดงาน 2.3 การไม่สง่ งานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายภายในกำหนด 2.4 การไม่ให้ความร่วมมอื ในการทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน 2.5 การไมป่ ฏบิ ัติหนา้ ทีอ่ ยา่ งเตม็ ความสามารถหรอื ปฏบิ ัตเิ ร่อื งอืน่ ท่ีไม่เก่ียวกบั หน้าที่ของตนในเวลาทำงาน 40

2.6 การปฏิบัตติ นที่ไมเ่ หมาะสมในห้องประชมุ ห้องทำงานหรอื ห้องเรยี น 2.7 การไม่เขา้ สอนหรอื ละทิ้งหนา้ ท่ขี องตนโดยไม่มกี ารแจง้ ให้ผู้บังคับบัญชาทราบล่วงหน้า 2.8 การออกนอกบรเิ วณโรงเรียนในเวลาทำงาน โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต 2.9 การพูดจาหรือแสดงอาการทไ่ี ม่สมควรกบั ผู้อนื่ 2.10 การนำข้อมูลส่วนตัวของผ้อู ืน่ หรือเหตุการณ์ท่เี กดิ ขึน้ ในโรงเรยี นมาบอกกล่าวต่อบคุ คลทีส่ าม โดย มีเจตนาให้ผู้อื่นหรอื โรงเรยี นนัน้ ได้รับความเสียหาย 2.11 การทำลาย ขดี เขียน เปลยี่ นข้อความ หรือประกาศของทางโรงเรียนโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต 2.12 การไม่เชอ่ื ฟังหรือไมป่ ฏิบัติตามคำสงั่ โดยชอบของผ้บู งั คบั บัญชา 2.13 การวิพากษ์วิจารณ์นโยบาย คำสั่ง การบริหาร หรือวิธีการดำเนินงานในลักษณะที่อาจเกิดความเสื่อม เสียตอ่ ภาพพจนข์ องโรงเรยี น 2.14 การขอรบั บริจาคเงนิ ส่งิ ของหรอื ผลประโยชน์อื่นใดจากนกั เรียนหรือบคุ คลอนื่ เว้นแตไ่ ดร้ บั อนุญาต จากโรงเรียนหรอื เปน็ การทำบุญตามศรทั ธา 2.15 การเข้าชม โพสต์ข้อความ หรือดาวนโ์ หลดขอ้ มลู จากเว็บไซต์ท่ีไม่เหมาะสมแก่สถานภาพของตน หรือทำให้โรงเรียนตอ้ งเสื่อมเสยี ช่อื เสียง 2.16 การใช้นักเรียนทำธรุ ะส่วนตัวที่ไมเ่ กีย่ วกบั การเรียนการสอนให้แก่ตนเองท้งั ในและนอกเวลาเรยี น 2.17 กลัน่ แกล้ง กดขี่หรอื ข่มเหง นักเรยี นหรือผู้ร่วมงานใหไ้ ด้รบั ความเสยี หาย 2.18 การบกพรอ่ งตอ่ หนา้ ที่ของตนหรือประมาทเลนิ เล่อในการทำงาน 2.19 การไม่รับรหู้ รอื ไมแ่ สวงหาความร้ใู หม่ ๆ ในการจัดการเรียนรหู้ รือการปฏิบัติหนา้ ที่ 2.20 การสอนพิเศษ การเปน็ ทีป่ รึกษาหรอื คณะทำงานแก่หนว่ ยงานตา่ งๆอนั เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ ให้แก่ตนเองโดยไม่ไดร้ บั อนุญาตจากทางโรงเรียน 2.21 กระทำการหรือยอมใหผ้ ูอ้ ่ืนกระทำการหาประโยชน์อันอาจทำใหเ้ สื่อมเสยี ความเทยี่ งธรรมหรือเส่ือม เสียเกยี รติศกั ดิ์ในตำแหน่งหนา้ ที่ของตน 2.22 การทะเลาะววิ าทในเรือ่ งสว่ นตวั บริเวณโรงเรยี นทั้งในและนอกเวลางาน 2.23 การปกปดิ ความผดิ ของนักเรียนหรือบุคลากรอ่นื อนั อาจทำใหโ้ รงเรยี นไดร้ บั ความเสยี หายหรอื เสื่อมเสีย ชื่อเสียง 2.24 มีความประพฤตเิ สอ่ื มเสยี ทางดา้ นการเงนิ เชน่ การไมช่ ำระหน้แี ก่ผอู้ ื่น หรอื การอาศยั อำนาจหน้าที่ ความเปน็ บคุ ลากรของโรงเรียนกูย้ ืมเงนิ จากผู้ปกครองรวมท้ังนกั เรยี น เปน็ ตน้ 2.25 การรายงานเทจ็ หรือปกปดิ ข้อเท็จจรงิ ทีต่ อ้ งแจ้งต่อ อนั เป็นเหตใุ ห้เกิดความเสยี หายแก่โรงเรียน 2.26 การประกอบอาชีพอ่ืน ในระหวา่ งเวลาทำงานภายในบริเวณโรงเรยี น 2.27 การไมป่ ฏิบตั ิตามขอ้ บงั คบั ประกาศ คำส่ัง หรือแนวปฏบิ ตั ิตา่ งๆของทางโรงเรยี น ** หมายเหตุ หากเปน็ ความผิดไม่รา้ ยแรง • ทำความผดิ 1-4 ครั้ง หวั หนา้ / ผชู้ ่วยผอู้ ำนวยการ ตักเตือนด้วยวาจา • ทำความผิด 5-7 ครั้ง ฝ่ายบริหารงานบุคคลตกั เตือน 41

• ทำความผดิ 8 ครง้ั ฝา่ ยบรหิ ารงานบุคคลตักเตอื นโดยลงบันทึกเป็นลายลักษณอ์ กั ษร • ทำความผิด 9 ครั้ง ภาคทณั ฑ์ 3. การกระทำความผิดดังต่อไปนี้ ถอื ว่าเป็นความผิดรา้ ยแรง 3.1 การกระทำซ้ำในความผดิ ตามขอ้ 2 3.2 การไมส่ ่งงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายภายในกำหนดเปน็ เหตุให้เกิดความเสยี หายแก่โรงเรียนอย่างร้ายแรง 3.3 รายงานเทจ็ หรอื ปกปดิ ขอ้ เท็จจริงทีค่ วรแจ้งอนั เป็นเหตใุ ห้เกดิ ความเสยี หายแก่โรงเรียนอย่างรา้ ยแรง 3.4 ละทงิ้ หน้าทข่ี องตนเป็นเหตใุ ห้เสยี หายแกโ่ รงเรยี นอยา่ งร้ายแรง 3.5 การบกพร่องตอ่ หน้าทขี่ องตนหรอื ประมาทเลนิ เลอ่ ในการทำงาน เปน็ เหตุให้เกิดความเสียหายอย่าง ร้ายแรง ความเสยี หายน้ีใหห้ มายความรวมถึง กจิ การ ทรพั ยส์ ิน หรือชอื่ เสียง ของโรงเรียน 3.6 การประทุษร้ายหรอื กล่าวอาฆาตมาดร้ายผบู้ ังคบั บัญชา 3.7 การอาศยั หรือยอมใหผ้ ู้อน่ื อาศัยอำนาจหน้าที่ของตนไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมหาประโยชน์ใหแ้ ก่ตนเอง หรือผอู้ ่ืน 3.8 การปฏิบัติหรือละเวน้ การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อใหต้ นเองหรอื ผ้อู น่ื ไดร้ ับผลประโยชนอ์ ันมิควรได้ และให้รวมถึงเพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษตามระเบียบ ขอ้ บังคับ ประกาศ แนวปฏิบัติ หรือคำสง่ั ของ โรงเรียน 3.9 การจงใจหรือเลง็ เหน็ ได้วา่ จงใจทำให้เกิดความเสยี หายแกโ่ รงเรยี น ซงึ่ ความเสียหายนี้ ใหห้ มายความ รวมถงึ กจิ การ ทรัพย์สิน หรอื ชอ่ื เสยี ง ของโรงเรยี น 3.10 การมพี ฤตกิ รรมบ่อนทำลายความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื การสร้างกลมุ่ อทิ ธพิ ลภายในโรงเรยี น ไมว่ ่าจะโดย เจตนาหรือเลง็ เหน็ ไดว้ า่ มีเจตนา โดยมีวตั ถุประสงค์เพอ่ื ยยุ งส่งเสรมิ ใหเ้ กิดความแตกแยกวนุ่ วาย ก่อใหเ้ กิดความเกลียดชังโรงเรียน หรือขัดขวางนโยบายรวมทั้งการดำเนนิ งานต่างๆของโรงเรียนที่ได้มี การปฏิบัตติ ามข้ันตอนอยา่ งถกู ต้องแลว้ 3.11 การตงั้ กระทู้ การเขียนข้อความหรือเผยแพรข่ ้อมูลในลกั ษณะทีอ่ าจกอ่ ให้เกิดความเกลยี ดชงั หรือความ แตกแยกในโรงเรียนหรือสร้างความเสียหายแก่โรงเรียน รวมทั้งในลักษณะที่เป็นการดูหมิ่น เหยียด หยาม ตอ่ โรงเรยี น ผบู้ ริหาร หรือผ้ทู ่ตี อ้ งปฏิบัตหิ นา้ ทข่ี องตนตามทไี่ ดร้ บั มอบหมายจากทางโรงเรยี น 3.12 การกลน่ั แกล้ง กดข่หี รอื ข่มเหง นักเรยี นหรือผู้รว่ มงานให้ได้รบั ความเสยี หายร้ายแรง 3.13 การบกพร่องต่อหน้าที่ของตนหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่โรงเรียนอย่าง รา้ ยแรง 3.14 การคัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบหรือนำเอาผลงานทางวิชาการของ ผู้อื่น หรือ จ้าง วาน ใช้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอขอปรับปรุงการกำหนด ตำแหนง่ การเล่ือนตำแหนง่ การได้รับรางวลั หรือการใหไ้ ด้รับเงินเดอื นในระดบั ที่สูงข้ึน 3.15 การลงโทษนักเรียนด้วยวธิ ไี มเ่ หมาะสม เช่น ทำให้เกิดอันตรายต่อรา่ งกาย ทำให้เกดิ การ กระทบกระเทือนต่อสภาพจติ ใจ หรือทำให้เสยี ทรัพย์ เปน็ ตน้ 42

3.16 การครองตน ประพฤติตนอันไม่เหมาะสมแก่วิชาชีพหรือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่นักเรียน เช่น ประพฤติตนเป็นคนเสเพล ประพฤติฉันชู้สาว เสพยาเสพติด เล่นการพนัน ประกอบอาชีพท่ีไม่ เหมาะสมกับ สถานภาพของตน กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน ไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ ตนหรอื ไม่ เป็นตน้ 3.17 การเปดิ เผยข้อมลู หรือความลับของโรงเรียนตอ่ บุคคลภายนอกหรือผู้ที่ไม่มีหนา้ ทเ่ี กย่ี วข้องอนั อาจทำให้ โรงเรียนเสยี หายหรอื เสือ่ มเสียชอ่ื เสยี ง 3.18 การนำทรัพย์สินของโรงเรยี นไปเป็นทรพั ยส์ ินของตนเองหรือของผู้อ่ืนโดยไม่ไดร้ บั อนุญาตจากทาง โรงเรียน 3.19 มคี ุณสมบตั ิ หรอื ความสามารถไม่ตรง หรอื ไม่เหมาะสมกบั ทไ่ี ด้แจง้ ไวใ้ นตอนแรก แสดงหลักฐาน หรือ รับรองไว้ หรือแสดงหลกั ฐานอันเปน็ เท็จหรือปกปดิ ข้อเท็จจริง 3.20 การปลอมแปลงเอกสารของโรงเรยี นหรือของทางราชการ รวมท้งั การปลอมแปลงลายมอื ชื่อของผู้อ่ืน เพอ่ื นำไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชน์แก่ตนเอง 3.21 การละทงิ้ หนา้ ทเ่ี ปน็ เวลา 7 วันติดต่อกนั โดยไม่มีเหตุอนั สมควร 3.22 การช่วยเหลอื นักเรียนดว้ ยวิธีการทีไ่ มเ่ หมาะสม เชน่ บอกข้อสอบทั้งทางตรงและทางอ้อม แกค้ ะแนน สอบ ปกปดิ ความผดิ รา้ ยแรงของนกั เรยี นหรอื ใช้วิธีการสอบซอ่ มท่ีไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ท่ีทางโรงเรียน กำหนด เปน็ ต้น 3.23 ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้กักขังหรือจำคุก เว้นแต่เป็นความผิดที่ทำโดยประมาทหรือความผิดลหุ โทษ หรือกระทำการอืน่ ใดอันไดช้ ่อื วา่ เปน็ ผปู้ ระพฤติช่ัวอย่างรา้ ยแรง 3.24 การถูกศาลสงั่ ใหเ้ ป็นบุคคลล้มละลาย 3.25 การกระทำใด ๆ ทีฝ่ า่ ฝืนระเบียบวา่ ดว้ ยจรรยา มรรยาทและวนิ ัยตามระเบยี บประเพณี ของบคุ ลากร ตามทีค่ รุ ุสภากำหนด 3.26 การกระทำใดๆ ที่ฝ่าฝืนระเบียบว่าด้วยจรรยา มรรยาท วินัยและหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต ผู้จัดการ ครูอำนวยการ หรอื ครโู รงเรียนเอกชน 3.27 กระทำการขัดต่อระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศหรือคำสั่งของโรงเรียนหรือผู้บังคับบัญชาจนเป็นเหตุให้ เกดิ ความเสยี หายแก่โรงเรยี นอย่างร้ายแรง 3.28 การทำรา้ ยร่างกายในเรื่องสว่ นตัวบริเวณโรงเรียนท้ังในและนอกเวลางาน **หมายเหตุ : การท่ีจะลงโทษสถานใด ให้พิจารณาจากเจตนา ความร้ายแรงและผลจากการกระทำน้นั หาก มเี หตสุ มควรลดหย่อนโทษ ผู้จัดการหรอื ผู้อำนวยการจะนำมาประกอบในการพจิ ารณาลดโทษก็ได้ 43

4. การลงโทษ 4.1 กรณีความผิดไม่รา้ ยแรง ครู บุคลากรทก่ี ระทำความผิดจะถูกลงโทษต้งั แต่ข้ันตักเตือนเปน็ ลายลักษณ์อักษร ภาคทัณฑ์ ตดั เงินเดอื นหรอื ลดเงินเดือน ขน้ึ อยู่กับเจตนาของผู้กระทำ ลกั ษณะของความผิดทีเ่ กิดขนึ้ และความ เสียหายที่เกิดข้นึ 4.2 กรณีความผิดร้ายแรง บุคลากรที่กระทำความผดิ อาจถูกลงโทษโดยการเลิกจ้าง อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุ ให้ลดหย่อนโทษ โทษทไ่ี ด้รับตอ้ งไมต่ ่ำกว่าขน้ั ภาคทัณฑ์ 4.3 ในกรณีเกิดการกระทำความผดิ นอกเหนือจากที่ระบุไวใ้ นข้อ 2 และ 3 ให้คณะกรรมการบรหิ ารงานบคุ คล เป็นผู้ตีความว่าเป็นความผิดไม่ร้ายแรงหรือความผิดร้ายแรง โดยให้เทียบเคียงกับบรรทัดฐานการลงโทษ สำหรับความผิดดังกล่าว ซึ่งบรรทัดฐานนั้นอาจมาจากข้อมูลการลงโทษของโรงเรียนที่เคยเกิดข้ึนหรือข้อมูล การลงโทษของทางสถานศึกษาเอกชน หรือ ราชการ 4.4 ในกรณที คี่ รู บุคลากรไดก้ ระทำความผดิ และมีการรับสารภาพถึงการกระทำน้ันท้ังหมดหรือเป็นการกระทำ ความผิดที่แจ้งชัด หากความผิดนั้นมีโทษตามข้อ 1.3.1 – 1.3.5 เช่นนี้ หน่วยงานต้นสังกัดหรืองานบุคคลก็ สามารถพจิ ารณาลงโทษตามข้อ 1.3.1- 1.3.5 ไดท้ นั ที 4.5 แตห่ ากเป็นความผดิ ท่ตี ้องลงโทษหนกั กว่าวรรคแรก ใหฝ้ า่ ยตน้ สังกัดรวบรวมหลกั ฐานการกระทำความผิด คำรบั สารภาพเปน็ ลายลักษณ์อักษร และคำให้การของผทู้ เ่ี กยี่ วข้องพร้อมทง้ั ความเห็นของฝ่ายตน้ สังกัดว่าควร ลงโทษบุคลากรดงั กล่าวสถานใดแกผ่ ูอ้ ำนวยการผา่ นทางงานบคุ คล เพื่อพิจารณาลงโทษตอ่ ไป 5. การบอกเลิกสัญญา โรงเรยี น หรอื ครูบุคลากร หากตอ้ งการบอกเลิกสัญญา จะตอ้ งทำหนงั สือให้อีกฝ่ายรับทราบและต้อง แจ้งก่อนเวลาวันที่เลิกสญั ญา ไมน่ ้อยกว่า 30 วัน หมายเหตุ : หากเป็นช่วงเปิดเทอมเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อคุณภาพการให้บริการด้านการศึกษาของโรงเรียน ครู บุคลากรไมค่ วรบอกเลิกสัญญา หากบอกเลกิ จะมบี ทลงโทษใน “หมวดท่ี 3 ข้อที่ 3.4” 5.1. โรงเรยี นจ่ายคา่ ชดเชยให้ครทู เ่ี ลิกสญั ญาในกรณีดงั ต่อไปนี้ 5.1.1 โรงเรียนเลิกล้มกิจการ หรอื ถกู เพิกถอนใบอนญุ าต 5.1.2 โรงเรยี นยุบชั้นเรียน หรอื ลดห้องเรียน 5.1.3 โรงเรยี นหยุดกจิ การช่ัวคราว 5.1.4 ผรู้ ับใบอนญุ าตบอกเลิกสญั ญา โดยทค่ี รูไม่ได้กระทำความผดิ โดยมีเงอ่ื นไขการจา่ ยค่าชดเชยดงั น้ี 44

- ครูที่ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จ่ายให้ไม่น้อยกว่า 1 เดือน ของเงินเดือนเดือน สุดท้าย - ครทู ่ีทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แตไ่ มค่ รบ 3 ปี จา่ ยใหไ้ มน่ อ้ ยกว่า 3 เดอื น ของเงินเดอื นเดอื นสดุ ท้าย - ครูท่ที ำงานตดิ ต่อกันครบ 3 ปี แตไ่ มค่ รบ 6 ปี จา่ ยให้ไมน่ อ้ ยกว่า 6 เดือน ของเงนิ เดือนเดอื นสุดท้าย - ครทู ่ีทำงานตดิ ตอ่ กนั ครบ 6 ปี แตไ่ ม่ครบ 10 ปี จ่ายใหไ้ มน่ อ้ ยกวา่ 8 เดอื น ของเงนิ เดือนเดือนสดุ ท้าย - ครทู ่ีทำงานติดตอ่ กนั ครบ 10 ปขี ึน้ ไป จ่ายใหไ้ ม่น้อยกวา่ 10 เดอื น ของเงินเดือนเดือนสดุ ท้าย หมายเหตุ : การนับระยะเวลาเพื่อจ่ายค่าชดเชย ให้นับตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้บรรจุเข้าทำการสอนจนถึง วันที่อนุญาตให้โรงเรียนเลิกล้มกิจการยุบชั้นเรียน ลดห้องเรียน หรือหยุดกิจการชั่วคราว หรือวันที่เลิกสัญญา การเป็นครู 5.2 โรงเรยี นไม่ตอ้ งจ่ายคา่ ชดเชยให้แก่ครู ซงึ่ เลกิ สัญญาการเป็นครใู นกรณหี นึ่งกรณใี ดดังต่อไปนี้ 5.2.1 ลาออกโดยสมัครใจ 5.2.2 ทจุ รติ ตอ่ หน้าท่ีหรอื กระทำผดิ อาญาโดยเจตนาแกผ่ ูร้ บั ใบอนญุ าต โรงเรียน 5.2.3 จงใจทำให้โรงเรยี นได้รับความเสียหาย 5.2.4 ประมาทเลินเลอ่ เปน็ เหตุให้โรงเรยี นไดร้ ับความเสยี หายอยา่ งรา้ ยแรง 5.2.5 ฝา่ ฝนื ระเบยี บวา่ ด้วยจรรยา มรรยาทและวนิ ยั ตามระเบยี บประเพณขี องครตู ามที่คุรสุ ภากำหนด 5.2.6 ฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยจรรยา มรรยาท วินัยและหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต ผูจ้ ดั การ ครใู หญห่ รอื ครโู รงเรยี นเอกชน พ.ศ. 2526 5.2.7 ฝา่ ฝืนระเบียบของโรงเรยี นซ่ึงไดร้ บั อนมุ ตั จิ ากผ้อู นญุ าตแล้ว หรือคำส่ังโดยชอบดว้ ยกฎหมาย และเป็นธรรมของผู้รับใบอนุญาตและโรงเรียนได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่ในกรณีที่ร้ายแรง ผู้รับใบอนญุ าตไม่จำเปน็ ต้องตักเตือน 5.2.8 มีความประพฤตไิ มเ่ หมาะสมแก่ตำแหนง่ หนา้ ที่ 5.2.9 ละท้งิ หน้าทเ่ี ป็นเวลา 7 วนั ติดตอ่ กัน โดยไม่มเี หตอุ นั สมควร 5.2.10 ได้รับโทษจำคกุ ตามคำพพิ ากษาถึงท่สี ดุ ให้จำคุก เวน้ แตเ่ ป็นโทษสำหรบั ความผิดท่ีไดก้ ระทำโดย ประมาทหรอื ความผดิ ลหโุ ทษ 5.2.11 ถกู เพกิ ถอนใบอนญุ าตให้เป็นครตู ามพระราชบัญญตั ิโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2525 มาตรา 62 และ มาตรา 86 5.2.12 ออกจากการเปน็ ครตู ามขอ้ 3 5.2.13 ภายในระยะ 90-180 วนั ของการทดลองปฏบิ ตั ิงานนับแตว่ นั ได้รับอนุญาตให้เข้ามาปฏิบัตหิ นา้ ทใี่ น โรงเรยี นเข้าเปน็ ครู ปรากฏวา่ ครูมคี วามประพฤติไมด่ ี หรอื ไมม่ ีความรู้ หรือไมม่ ีความสามารถทจี่ ะ ปฏบิ ตั หิ น้าท่ี ผจู้ ัดการ หรือ ผู้ชว่ ยผู้อำนวยการฝ่ายบรหิ ารงานทว่ั ไปสามารถบอกเลิกสัญญาการเป็น ครู 45


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook