Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทพากย์เอราวัณ

บทพากย์เอราวัณ

Published by Papitchaya Kosuma, 2020-02-04 11:08:08

Description: บทพากย์เอราวัณ

Search

Read the Text Version

บทพากยเ์ อราวณั

ประวตั ิผูแ้ ตง่ ทรงพระประชวรดว้ ยโรคพิษไข้ ทรงไมร่ ูส้ ึกพระองคเ์ ป็นเวลา ๘ วนั พระอาการประชวรก็ไดท้ รุดลงตามลาดบั และเสด็จสวรรคตเม่ือวนั ท่ี ๒๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั (รชั กาลท่ี ๒) กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๖๗ สิริพระชนมพรรษาได้ ๕๗ พรรษา และ ครองราชยส์ มบตั ิได้ ๑๕ ปี พระมหากษัตริยไ์ ทยรัชกาลท่ี ๒ ในราชวงศจ์ กั รี มีพระนาม เดิมวา่ ฉิม (สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลน้ ภาลยั ทรงเช่ียวชาญดา้ นอกั ษร พระราชสมภพเม่ือวนั พุธ ซ่ึงตรงกบั วนั ท่ี ๒๔ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ศาสตรเ์ ป็นอยา่ งย่ิง ตลอดระยะเวลา ๑๕ ปี แหง่ รชั สมยั ของพระองคไ์ ดท้ รง ๒๓๑๐ เป็นพระราชโอรสพระองคท์ ่ี ๔ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ ทานุบารุงดา้ นศิลปะ วรรณคดีและสถาปตั ยกรรม โดยฉพาะวรรณคดีมี ยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช ( รชั กาลท่ี ๑ ) เสวยราชสมบตั ิ ขณะมี ความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ทง้ั ท่ีทรงพระราชนิพนธเ์ องและโปรดเกลา้ ฯ ให้ พระชนมพรรษาได้ ๔๒ พรรษา ประชุมกวีแตง่ วรรณคดีประเภทตา่ งๆ เชน่ คากลอน ละครนอก ละครใน เสภา นิราศ กาพย์ ฉันท์ ลิลิต โคลงสุภาพและโคลงดนั้ ลว้ นเป็ นแบบฉบบั อนั ยอดเย่ียมในทางนาฏศิลป์ นอกจากน้ีพระองคย์ งั ทรงปรับปรุงการละคร ไทยจนถึงขน้ั มาตรฐานสูงทง้ั กระบวนทา่ เน้ือรอ้ ง ทานองเพลงและการ ร่ายรา

บทพระราชนิพนธใ์ นพระระองคท์ ่ีสาคญั มีอยูห่ ลายเร่ือง ลกั ษณะคาประพนั ธ์ : กาพยฉ์ บงั ๑๖ เชน่ - ๑ บทมี ๓ วรรค แบง่ เป็นวรรคแรก ๖ คา วรรคสอง ๔ คา ๑. เสภาเร่ืองขุนชา้ งขุนแผน สนั นิษฐานวา่ คือ ตอนข้ึนเรือนขุนชา้ ง และวรรคสาม ๖ คา ๒. บทละครเรืองอิเหนา ๓. บทละครเรืองรามเกียรต์ิ - ใน ๑ บท มีสมั ผสั บงั คบั ๑ แหง่ คือ คาสุดทา้ ยของวรรคแรกสมั ผสั กบั ๔. บทละครเร่ืองไชยเชษฐ์ สงั ขท์ อง คาวี ไกรทอง มณีพิชยั คาสุดทา้ ยของวรรคสอง ๕. กาพยเ์ หเ่ รือ บทเหช่ มเคร่ืองคาวหวาน ๖. บทพากยโ์ ขน ตอนพรหมาสตร์ นาคบาศนางลอยและเอราวณั - มีสมั ผสั ระหวา่ งบทอยูท่ ่ีคาสุดทา้ ยของบทแรกกบั คาสุดทา้ ยของวรรค แรกของบทตอ่ ไป

ประวตั ิของอินทรชิต คือ พระอิศวรประทานศรพรหมาสตร์และพรสามารถแปลงร่างเป็น พระอินทร์ได้ พระพรหมประทานศรนาคบาศและพรไมใ่ หต้ ายบน เดิมมีช่ือวา่ รณพกั ตร์ เป็น บุตรทศกณั ฐก์ บั นางมณโฑ พ้ืนดินหากตายก็ใหต้ ายบนอากาศหากเศียรขาดตกลงพ้ืนก็ใหเ้ กิดไฟ มีมเหสีช่ือ นางสุวรรณกนั ยุมา มีบุตรช่ือยามลิวนั และกนั ยุเวก ไหมท้ ว่ั ทงั้ จกั รวาลตอ้ งนาพานแวน่ ฟ้าของพระพรหมเทา่ น้ันมารองรับ มีสีกายสีเขียว มีฤทธ์ิเกง่ กลา้ มาก เม่ือโตข้ึนจึงทูลลาพระบิดา เศียรจึงจะระงบั เหตุได้ ส่วนพระนารายณป์ ระทานศรวิษณุปาณมั เม่ือ และพระมารดาเพ่ือไปศึกษาวิชากบั พระฤๅษีโคบุตรจนสาเร็จ ไดร้ บั พรและอาวุธวิเศษแลว้ จึงเกิดความหึกเหิมบุกสวรรคแ์ ละทา้ พระ วิชามนตม์ หากาลอคั คี จึงกราบลาอาจารยเ์ พ่ือไปบาเพ็ญตบะ อินทร์รบ และชนะพระอินทร์ ทศกณั ฐเ์ ม่ือทราบขา่ วบุตรของตนมีชยั เม่ือบาเพ็ญจนเกง่ กลา้ แลว้ จึงทาพิธีขออาวุธวิเศษตอ่ มหาเทพทงั้ ชนะก็ดีใจมากจึงเปล่ืยนช่ือใหมเ่ ป็น อินทรชิต หมายถึง \"ชนะพระ ๓ มหาเทพจึงประทานอาวุธวิเศษให้ อินทร์\" แตด่ ว้ ยไมต่ งั้ ตนอยูใ่ นธรรมและการประพฤติชว่ั ของตน ภายหลงั ถูกศรของพระลกั ษมณส์ ้ินใจตาย

ตอนที่จะนาเสนอต่อไปน้ี อินทรชิตไดเ้ เปลงกายเป็ นพระอินทรเ์ เละข่ชี า้ งเอราวณั ซ่ึงเป็นชา้ งท่ีการณุ ราช เป็ นตอน ไดแ้ ปลงกายมา เป็ นชา้ งเผือก รูปร่างใหญโ่ ตเเข็งเเรง มีเศียรท่ีงดงาม 33 เศียร 1 เศียรมี 7 งางดงามเหมือนเพชร 1 งามีสระบวั อยู่ 7 สระ สระบวั 1 สระมีบวั อยู่ 7 กอ การทาศึกสงครามคร้งั ท่ี3 กอบวั 1 กอมีดอกบวั 7 ดอก บวั 1 กลีบมีเทพธิดาอยู่ 7 ตนท่ีดูออ่ นเยาวเ์ เละงดงาม ของอินทรชิตกบั พระลกั ษมณ์ เทพธิดา1 ตน มีบริวารอยู่ 7 ตน ลว้ นเเตเ่ ป็นยกั ษ์เเปลงกายมาทง้ั ส้ิน นางบริวารไดร้ ่ายราดว้ ยทา่ ทางท่ีออ่ นชอ้ ยสวยงาม ท่ีเศียรของ ชา้ งมีวิมานเเกว้ ท่ีงดงามราวกบั วิมานเวไชยนั ตข์ องพระอินทร์ ประดบั ดว้ ยแกว้ 9 ประการ ไดแ้ ก่ เพชร ทบั ทิม มรกต บษุ ราคมั โกเมน นิล เพทาย มกุ ดา เเละไพฑรู ย์ สว่ นสรอ้ ย ชนกั ก็เป็นสรอ้ ยท่ีถกั ดว้ ยทอง มีตาขา่ ยรอ้ ยดว้ ยเพชร มีผา้ ทิพยป์ ก ท่ีตระพองของชา้ งเพ่ือตกแตง่ และความสวยงาม เเละก็ไดม้ ียกั ษต์ นหนึ่งไดเ้ เปลงกายเป็ นโลทนั สารถีของพระอินทร์ ทหารของกองทพั ยกั ษต์ า่ งก็เเป ลงกายเป็นเทวดา เทพารกั ษ์ ครุฑ นาค ฤๅษี เเละ วิทยาธร ซ่ึงกองทพั ไดจ้ ดั ตามตาราพิชยั สงคราม เทวดาทุกตนลว้ นมีอาวุธตา่ งๆอยูใ่ นมือ เชน่ โตมร ศร พระขรรค์ เเละคฑา

เเลว้ เทวกดาทกุ ตนก็รีบเหาะมายงั สนามรบอย่าง ฝ่ายพระลกั ษมณเ์ ม่ือเห็นกองทพั ของพระอินทรท์ ่ีอินทรชิตเเละ เร็วไว เมื่อพระอาทิตยข์ ้ึนสอ่ งเเสงเรืองรองไปทว่ั เมฆ เหลา่ ยกั ษ์เเปลงกายมาก็ตรสั ถามสคุ รีพว่า \"เหตุใดพระอินทรจ์ ึงเสด็จ ลมพดั กล่ินดอกไมค้ ลุง้ ไปทว่ั หมูเ่ เมลงก็บินลงมาตอมตาม มาในสนามรบ\" สคุ รีพจึงทลู ทดั ทาน กลบั ไปว่า \"เป็นเร่ืองธรรมดาท่ี ดอกไม้ นกดูเห็นวา่ เตือนพระอาทิตย์ ไกต่ า่ งกระพือปีก พระอินทร์จะเสด็จมาพรอ้ มหมูเ่ ทวดา เพ่ือท่ีจะมาอวยพรพรอ้ มดว้ ยดอกไม้ และขนั สง่ เสียงรอ้ งดงั ไปทว่ั ป่า นกตา่ งๆก็พากนั ต่ืนตา เเตค่ รั้งน้ีดูเเปลกๆ เเตง่ กายพรอ้ มรบ เเละอาวุธครบมือ อาจจะเป็นกลของ ตา่ งหาคูม่ าประสานทานองเพลง เเสงดาวเร่ิมหายไป ทศกณั ฐก์ ็ได้ ขอใหพ้ ระลกั ษมณโ์ ปรดระวงั อยา่ ไดไ้ วใ้ จศตั รูเป็นอนั ขาด“ เเละเเสง พระอาทิตยก์ ็ไดข้ ้ึนมาเเทน ทว่ั ฟา้ เปล่ียนเป็น สีเหลือง เเลว้ พระรามก็ต่ืนจากการนอนหลบั เห็นดงั นนั้ อินทรชิตจึงสงั่ ใหเ้ สนาระบาถวายให้ พระรามทรงเสด็จข้ึนราชรถที่เป็ นสีทองคลา้ ยจะเเขง่ กบั เเสงของพระอาทิตย์ มีมา้ ศึก พระลกั ษมณไ์ ดเ้ คลิบเคล้ิมไปกบั การเเสดงน้ี จะ ท่ีมีพละกาลงั มากอยูข่ า้ งหนา้ มาตลีท่ีเป็ นสารถีในมือถือพระขรรคข์ บั รถมากลาง ไดท้ าการเเผลงศรพรหมาสตร์ อินทรชิตท่ีน่งั อยู่ กองทพั 4 เหล่า เพลาเเละลอ้ รถประดบั ไปดว้ ยพลอยกระทบสน่ั เสียงดงั กึกกอ้ ง มีพล ชา่ งเอราวณั เเลเห็นพระลกั ษมณก์ าลงั ทหารลิงท่ีถือฉัตรเเละโบกพดั เสียงกลองผสมกนั เป็นเสียงไพเราะ ไพร่พลโหร่ อ้ งเอาชยั เคลิบเคล้ิมหลงใหลในการระบาดว้ ยทา่ ทางท่ี ดงั สน่นั ทหารลิงก็ไดเ้ เสดงอิทธิฤทธ์ิดว้ ยการหกั ถอนตน้ ไม้ ใหม้ าเป็ นอาวธุ ตน้ ไม้ สวยงามของเหลา่ เสนา จึงจบั ยกศรพรหมาสตร์ โคน่ ลม้ กระจดั กระจายดว้ ยอานาจของพลทหารลิง เเสงอาทิตยล์ ดความรอ้ นลง ข้ึนมาเหนือหวั เเลว้ ก็เเผลงศรใส่พระลกั ษมณ์ ทาใหเ้ กิดเสียงดงั กึกกอ้ ง สน่ันไปทว่ั เมื่อศรโดนตวั เเสงอาทิตยล์ ดความรอ้ นลง เหลา่ เทพยาดา พระลกั ษมณ์ พระลกั ษมณก์ ็สลบลม้ ลงไปทนั ที ตา่ งอวยชยั เเละโปรยพวงดอกไมท้ ิพย์ เเละเม่ือ นน้ั ลอ้ รถก็ลอยสูงข้ึนไมต่ ิดกบั พ้ืนเเผน่ ดิน เเละ พระรามก็เร่งใหพ้ ลทหารลิงติดตามไปออก ศึกดว้ ย

คุณค่าด้านสังคมและ สะท้อนวถิ ไี ทย • ๑. ความเช่ือในเร่ืองเทพเจา้ - ในเน้ือเรื่องศาสนา พราหมณ์-ฮินดู ลว้ นแต่เก่ียวขอ้ งพระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระอินทร์ ทาใหศ้ าสนาพราหมณ์-ฮินดู มีอิทธิพลความเช่ือของคนไทย สะทอ้ นออกมาใน รูปแบบศิลปกรรม นาฏศิลป์ วรรณกรรม • ๒. ความเช่ือดา้ นโชคลาง - ในบทพากยเ์ อราวณั มี เน้ือหาพรรณาของกองทพั ของอินทรชิตและพระ ลกั ษมณ์พร้อมสู้รบกนั ท่ีเช่ือมโยงกบั ศาสนา พราหมณ์-ฮินดู คือ เม่ือกองทพั ของพระลกั ษมณ \"และสงั ขพ์ ร้อมกบั ท่ีทหารหาญโห่ร้องเอาชยั

ผ้จู ดั ทำ ด.ช. ณภทั ร สอดสี เลขที่ 4 ม.3/3 ด.ญ.พชิ ามญชุ์ ถาดทอง เลขที่ 22 ม.3/3 น.ส. แพรวา ทาสวน เลขที่ 24 ม.3/3 ด.ญ. ณฐั ฐิญา บุญเกตุ เลขที่ 14 ม.3/3 น.ส.ปพิชญา โกสุมา เลขท่ี 18 ม.3/3 ด.ญ.สิรีธร โรจนพิทกั ษ์ เลขที่ 29 ม.3/3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook