96 ใบความรูเรอ่ื ง...การอาบนํ้าทารก ขั้นตอนการอาบนํ้าทารก 1. ลา งมือใหส ะอาด เตรียมอปุ กรณอาบน้ํา เช็ดตา เชด็ สะดอื ทารกใหพ รอม 2. ผสมน้าํ อุนคร่งึ กะละมัง ใชขอ ศอกหรือหลังมอื จุมน้าํ เพ่อื ทดสอบความอนุ ของนํา้ ใหพอดี 3. ถอดเสื้อผา ทารก ในรายทเี่ ปอนอจุ จาระตอ งทําสะอาดกอนนาํ ทารกอาบนํ้า 4. หอ ตัวทารกดวยผาขนหนูใหก ระชบั แบบมมั ม่ี 5. ประคองศรี ษะทารกใหอยูในองุ ฝามอื ใชแ ขนและศอกหนีบลําตวั ไวข างเอว ใชมอื พบั ใบหทู ั้ง สองขาง เพอ่ื ปอ งกนั น้าํ เขาหู 6. ใชน าํ้ ลบู หนา ทารกใหสะอาด จากนัน้ ลบู ศรี ษะใหท ว่ั ใชส บู/ยาสระผมนวดผมเบาๆ ลา งออก ดว ยน้ําสะอาด 7. คล่ีผาขนหนูที่ใชหอตัวทารก เช็ดผมทารกใหแหง อยาปลอยใหแหงเอง เพราะจะทําให ทารกเปน หวดั ได 8. ทําความสะอาดกะละมงั แลวเปลย่ี นนาํ้ ใหม ชอนตัวทารกใหศ รี ษะพาดบนขอ มือ โดยใชมือ จบั ท่หี วั ไหล ใชม อื อีกขา งชอ นกน และจับไวทต่ี น ขา 9. ลบู ตวั ทารกดว ยนาํ้ ใชส บลู บู ตวั ทารกใหทวั่ ลางออกดวยนาํ้ สะอาดทลี ะสวน ตั้งแตแ ขนทีละ ขาง ซอกคอ ลาํ ตัว จนถึงขาท้งั สองขา ง 10. ใชอกี ขา งจับท่ีหัวไหล โดยอุมควํ่าใหอกพาดที่แขนเพื่อลางดานหลัง ลูบสบูใหท่ัวหลัง กน และขา แลว ลางออกดวยนํ้าสะอาด 11. อุมทารกข้ึนจากกะละมงั วางบนผาขนหนผู นื ใหม แลว ซับตัวใหแหง โดยเฉพาะซอกคอและ ขอพบั ตางๆ หอ ตัวทารกใหอ บอุน ขั้นตอนการเช็ดตาทารก 1. ลางมอื ใหสะอาด 2. ใชสาํ ลีสะอาดชุบนาํ้ ตม สกุ ทเี่ ยน็ แลว บีบใหหมาดๆ 3. จับสาํ ลีดานนอกแยกออกจากกัน โดยเช็ดจากหัวตาไปหางตา อยาเช็ดซ้ําไปมา หากยังไม สะอาดเปลยี่ นสาํ ลีใหม แลวเชด็ ซ้าํ ใหสะอาด ขน้ั ตอนการเช็ดสะดือทารก 1. ลา งมือใหส ะอาด 2. ใชสําลีกอ นหรือไมพนั สําลี 2 อนั ชุบนํ้ายา Providine Solution ไมที่ 1 เรมิ่ เช็ดทป่ี ลายตัดทสี่ ะดือ แลวเชด็ จากปลายสะดอื ไปยังโคน ไมท ่ี 2 เช็ดท่โี คนสะดือใหส ะอาด
97 ใบความรูเรอื่ ง...การดแู ลทารกตวั เหลอื ง สาเหตุตัวเหลอื ง มี 2 ชนดิ คือ 1. ตวั เหลอื งท่เี ปน ปกติ ทารกแรกเกิดที่แข็งแรงดีประมาณรอยละ 60 อาจมีอาการตัวเหลือง ซ่ึงถือวาเปนภาวะปกติ เนอ่ื งจากตบั ของทารกยงั ทํางานไดไ มเ ตม็ ท่ี คอื ยังไมส ามารถกําจดั “สารเหลือง” ออกจากรา งกายได ทํา ใหเ กดิ การสะสมไวใ นรา งกาย และตามผิวหนัง โดยเฉพาะทารกทีถ่ ายขีเ้ ทาชา หรือดูดนมไดนอยเกินไป ทารกทคี่ ลอดกอนกําหนดหรอื ตวั เล็กมาก ก็มีโอกาสเปนตวั เหลอื งชนิดน้ีไดมากกวาทารกทคี่ ลอดครบ กําหนดและมนี ้าํ หนกั ปกติ อาการตัวเหลืองทีเ่ ปน ปกติ ในทารกแรกเกิดจะพบหลังคลอด 1 วนั ไปแลว และจะหายไปไดเ องภายใน 7-10 วนั โดยทที่ ารกไมม อี าการผดิ ปกตอิ นื่ ๆ ยงั ดดู นมไดป กติ 2. ตวั เหลืองทผี่ ดิ ปกติ อาการตัวเหลืองท่ีผิดปกติ คือทารกมีความผิดปกติอยางใดอยางหนึ่งที่เปนสาเหตุทําใหตัว เหลือง ซ่งึ อาจเกิดจากเลือดแมกับลูกไมเขากัน เม็ดเลือดแดงผิดปกติ ขาดสารบางชนิดในเม็ดเลือด แดง มีการติดเช้อื ต้งั แตอยใู นครรภห รือหลงั คลอด จะพบวาตวั เหลอื งเกดิ ขนึ้ อยางรวดเร็วภายใน 1 วัน แรกหลงั คลอด และจะเหลืองอยนู านมากกวา 1-2 อาทิตย เด็กที่มีคาตวั เหลอื งสูงมาก เดก็ จะมอี าการ ซึมลง ดูดนมไดน อ ยลง และถาไมไดร ับการรกั ษาอยางถูกตองสมองของเดก็ จะถูกทาํ ลาย ทาํ ใหมีอาการ สัน่ กระตุก ชักหลังแอน รอ งเสยี งแหลม สมองพิการ ถึงเสียชีวติ การดูแลทารกตวั เหลอื งขณะสองไฟรักษา 1. ทารกจะถกู ถอดเส้อื ผา ออก เหลือเพียงผาออมเพอื่ ใหผวิ หนังไดร บั แสงเต็มท่ี 2. ปดตาทารกไว เพอื่ ไมใ หแ สงระคายเคืองตา และเปลีย่ นทุกคร้งั เมื่อเช็ดตวั ทารก 3. เปล่ียนทานอนทารกเปนหงาย ควา่ํ หรือตะแคง ทกุ 2-4 ช่ัวโมง เพ่ือใหไดรบั แสงทว่ั ถึง 4. มารดาควรใหนมทารกโดยเร็วทสี่ ุดในแตล ะมื้อไมควรเกนิ ครึ่งชั่วโมงและใหบ อ ย ๆ ทุก 3 ชวั่ โมง เพราะนมแมจ ะชวยขับสารสเี หลอื งออกไดมากข้นึ ทางอุจจาระ และถาทารกไมย อมดูดนม ใหแ จง เจาหนา ท่ที ันทีเพอื่ จะไดชวยกันแกป ญ หา 5. ดแู ลเช็ดตัวใหท ารกตามปกติวันละ 2 คร้งั หา มทาแปง เพราะแปง จะไปบังแสงทาํ ใหท ารก ไดรับแสงไมเตม็ ท่ี 6. มารดาตองพูดคยุ กับทารก สมั ผสั โอบกอดเพื่อใหท ารกเกดิ ความอบอุนมากขน้ึ ปญ หาทีม่ ักพบเม่อื ลกู สอ งไฟ ไดแ ก 1. มผี ดผนื่ ขนึ้ ตามลําตัว ซึ่งจะหายไดเองเมอ่ื เลกิ สองไฟแลว 2. ลกู อาจมไี ขหรอื ตวั เย็น ซ่ึงปอ งกนั โดยการตรวจอุณหภมู โิ ดยการวัดปรอททุก 4 ช่วั โมง 3. ลูกจะถา ยอุจจาระบอยขึ้น ไมต องกงั วลเพราะเปนการขับสารสเี หลืองออกจากรา งกาย 4. เยื่อบุตาอาจถูกทาํ ลายได จากแสงไฟที่สอง มีการปองกันโดยใหลูกหลับตาและใสแผน ปด ตาไวใ หสนิททุกครั้งขณะท่สี องไฟ 5. สีผวิ ของทารกอาจเปลี่ยนเปนสนี ้าํ ตาล ถาไดรับการสองไฟนานๆ แตภาวะนี้สามารถหาย เปนปกติไดเอง 6. ถาพบวา ลกู มีอาการซมึ ดูดนมลดลง มีอาการชกั กระตกุ ควรแจงเจา หนาท่ที ราบทนั ที
98 การดแู ลทารกตวั เหลอื งเมือ่ กลับไปอยูบา น ควรปฏิบัติดงั น้ี 1. ใหลูกดูดนมแมไดต ามปกติ มารดารบั ประทานอาหารใหค รบ 5 หมูตามปกติ 2. สังเกตอาการผดิ ปกติของทารก เชน ดดู นมนอ ยลง ซมึ ตัวเหลอื งมากข้ึน ถายอุจจาระสี ซดี ใหรบี พาทารกมาพบแพทย 3. พาลกู ไปรบั วัคซีนปองกนั โรคไดตามปกติ และพามาตรวจตามแพทยน ดั ทุกครง้ั 4. ใหสังเกตพฒั นาการของลูกวาเปน ไปตามปกติหรอื ไม ถาพบวาผดิ ปกติควรพามา ปรึกษาแพทยเ พื่อทําการตรวจรักษาอีกครงั้
99 ใบความรูเ รอื่ ง...การดแู ลทารกคลอดกอนกาํ หนด ทารกคลอดกอ นกาํ หนด หมายถึง ทีเ่ กิดกอ นอายุครรภ 37 สัปดาห โดยไมคํานึงถงึ น้าํ หนักตัว ทารกท่ีคลอดกอนกําหนดสว นใหญจ ะมปี ญ หาตา ง ๆ เกดิ ขึ้น เพราะอวัยวะตาง ๆ ยังไมพ รอมทีจ่ ะ ทาํ งานไมวา จะจะเปนดา นการหายใจ การปรบั อุณหภมู ริ า งกายใหเขากบั สง่ิ แวดลอม ตลอดจนระบบ การยอ ยและการดูดซมึ เปน ตน การดูแลทารกคลอดกอนกาํ หนดเม่อื ทารกกลบั บาน 1. ดแู ลเรอ่ื งการหายใจ ควรมกี ารดแู ลทางเดนิ หายใจใหโลง โดยเชด็ ทําความสะอาดรจู มกู โดยใชส าํ ลพี ันปลายไม ชบุ นา้ํ หมาดเชด็ ถา ยงั ไมด ขี น้ึ อาจใชวิธีการดดู เสมหะดวยลูกยางแดง โดยดดู เสมหะในปากกอนในจมกู 2. ดแู ลเรื่องการควบคมุ อณุ หภมู ิ เพื่อลดการสูญเสียความรอนออกจากรางกาย โดยปองกันการสูญเสียความรอนทางการ ระเหย การแผรังสี การนําความรอ น และการพาความรอ น เชน ในกรณีทีห่ ลงั อาบน้าํ ทารก ควรเชด็ ตัวใหแหง สวมหมวก สวมถุงเทา ไมค วรปลอยใหเ ด็กนอนแชปสสาวะ อุจจาระ หลกี เลย่ี งการนาํ เดก็ ไว ในสถานที่มลี มโกรก 3. ดแู ลเรอ่ื งการติดเชอื้ หลกี เล่ียงทารกใหห างจากบคุ คลทเ่ี ปน โรคเก่ียวกบั ระบบทางเดินหายใจ และมอี าการเปน หวดั ไปจามแตถาแมป ว ยดวยอาการดังกลา วก็สามารถดแู ลใหนมลูกไดโ ดยใชผ า ปดปากปด จมูก ตลอด เพราะแมด แู ลใกลช ิดกับลกู ตลอดเวลา และและหม่ันลางมอื ทุกครงั้ 4. ดูแลเรอื่ งการใหอาหารทารก ในระยะที่ปวยอยูโรงพยาบาลแมตองหมั่นบีบนํ้านมใหลูกไวจนกระท่ังลูกนํ้าหนักดีขึ้นและ แขง็ แรงข้นึ แลว แพทยจะฝกการดดู นมจากเตานมมารดาจนชํานาญแลว จึงใหก ลับบา นไดเ มือ่ กลับบาน แมค วรใหนมแมต อ ไป การสง เสรมิ สขุ ภาพทารกคลอดกอนกําหนด ในทารกคลอดกอนกําหนดนั้นควรมีการสงเสริมสุขภาพเพ่ือกระตุนการเจริญเติบโตและ พัฒนาการที่ดีขึ้น โดยการกระตุนประสาทสัมผัสซึ่งมีหลายรูปแบบไดแก การกระตุนทางดานการ สัมผัส การกระตนุ ทางการไดย นิ การกระตุนทางการมองเห็น การกระตุนทางดานการทรงตัวและ การเคลอื่ นไหว การกระตนุ ทางการไดกลิ่นและการรบั รส 1. การกระตนุ ทางดา นการสัมผสั ผวิ หนงั เปน อวัยวะรบั สมั ผสั ทม่ี ีมากที่สุดในทารกคลอดกอนกําหนด มกี ารศกึ ษาพบวา การ กระตุน โดยการสมั ผสั ลูบตวั เดก็ สามารถชวยทําใหน ํา้ หนกั ตวั ทารกเพิ่มขึ้น ลดการรอ งกวน 2. การกระตนุ ทางการไดย นิ ทารกแรกเกิดมีความสามารถไดยนิ เสียงและสามารถแยกความแตกตางของเสียงได จะมี ปฏกิ ิริยาเสียงของมนุษยแ ละมีความไวตอจังหวะของเสียงและความตอเนอื่ งของเสียง เชน เสยี ง รองเพลง หรือ เสียงการเตน ของหวั ใจ ทารกสามารถเรยี นรทู จี่ ะแยกเสียงบิดามารดาจากเสยี งอนื่ ได และชอบเสียงผหู ญงิ มากกวาผชู าย
100 3. การกระตุนทางการมองเห็น การมองของทารก พบวาทารกมองวัตถใุ นระยะ 7-9 นิ้ว จากใบหนาไดด ีทสี่ ุด มคี วามสนใจตอ รูปแบบตารางหมากรุก การจอ งหนาเดก็ ดวยความรัก ตามองตา จะทําใหเ กิดความรักและผกู พัน ถา จอ งหนาเด็กนาน 15 วนิ าทีเด็กจะขยบั มอื ขยบั เทา ควาของ ถาใหเ ดก็ ดูวตั ถุท่แี ขวนไวครั้งละ 1-2 นาที เชา เย็น เด็กจะจอ งมองพรอ มทีจ่ ะมองตามวัตถุ ไขวค วา ย่ืนมือออกจบั ของ เพอื่ ควบคมุ สง่ิ แวดลอม 4. การกระตุนทางดานการทรงตัวและการเคลอื่ นไหว การกระตนุ การทรงตวั มวี ิธกี ารตา ง ๆ มากมาย เชน โดยใหทารกนอนบนเตียงนา้ํ เคล่อื นไหวไป มาไดห รือเตยี งทโี่ ยกไปมาในชว งระยะเวลา 10 นาที จะพบวาทารกทารกมีน้ําหนกั เพมิ่ มากขน้ึ และ นอกจากนั้นยงั ชว ยลดภาวะการหยุดหายใจของทารกลงดวย และยังชวยสงเสรมิ พัฒนาการของใย ประสาท 5. การกระตนุ ทางการไดก ลิ่น การไดก ลิน่ สามารถกระตนุ ใหเกิดการเคลือ่ นไหวของใบหนา การกระตุนดว ยกล่ินหอมหวาน ทําให ทารกแสดงสีหนาพอใจ สวนกลิ่นเหม็นจะทําใหท ารกแสดงสหี นา รังเกียจ 6. การกระตุนทางการรบั รส ทารกแรกเกดิ สามารถแยกรสของสิ่งตา ง ๆ ได เชน เม่อื แตะน้ําหวาน ทารกจะแสดงสหี นา ย้มิ ดดู ปากจบุ จับดว ยความพอใจ ถาเปน รสเปร้ยี วทารกจะทาํ หนา บง้ึ ทาํ ปากจู สวนรสขมทารกจะ แสดงสหี นา ไมช อบ อาปากและพยายามเอาลิ้นออกมาวางบนริมฝปากลาง สรปุ แนวทางในการสงเสรมิ สขุ ภาพทารกคลอดกอนกําหนด บดิ าและมารดาสามารถทจี่ ะไดโดยใหบ ดิ ามารดาไดส ัมผสั บตุ รตนเองโดยการลูบตามแขน ขา ลําตวั หรือการอุม ทารก แลวแตส ภาพของทารกแตล ะคน กอ นใหนม : ใหท ารกดมกล่นิ นาํ้ นมมารดา ขณะใหนม : อุมทารก มองสบตา พูดคุยกับทารก รองเพลงกลอมลบู ตามรางกายทั่วๆไป หลงั ใหน ม : อุมไกวทารก หรอื นั่งเกาอีโ้ ยก แขวนส่งิ เคล่อื นไหวเหนือเตียง 8-12 นิ้ว เปด เพลงเบา ๆ กลอม ขณะที่ทารกนอนควรใหทารกนอนบนผาปทู ่นี อนทมี่ ี ลายดาํ สลับขาว ขณะเปลี่ยนผาออม : มองสบตาทารก พดู คุยกบั ทารก การปฏิบตั ขิ องมารดาเมื่อทารกคลอดกอนกําหนดกลับบาน มาตรวจตามนดั เปน ระยะ ๆ เพอื่ ประเมนิ พฒั นาการดา นตา ง ๆ วา สมวยั หรอื ไม ทารกอาจตอ ง ไดร บั การกระตนุ พฒั นาการดา นทล่ี า ชา เพมิ่ เตมิ โดยใชว ธิ กี ารกระตนุ แตกตา งจากบดิ ามารดาทเี่ คยปฏบิ ตั ซิ ง่ึ บดิ ามารดาควรมาฟง คาํ แนะนําและฝก ปฏบิ ตั ดิ ว ยตนเองเพอื่ จะไดน ําไปปฏบิ ตั กิ บั ทารกไดถ กู ตอ ง
101 ใบความรูเ รอ่ื ง...กจิ กรรมสงเสรมิ พัฒนาการเด็กตามวัย กจิ กรรมสง เสรมิ พัฒนาการตามวยั ..การนวดสมั ผสั ทารกแรกเกิด การนวดสมั ผสั เปน การสงเสรมิ พฒั นาการดา นรางกายและจติ ใจ ทางดานรางกายจะชวยผอน คลายกลามเนือ้ การไหลเวียนของเลือดมาเลยี้ งกลา มเนื้อไดด ขี ้ึน สวนทางดา นจติ ใจ พอแมได ถา ยทอดความรักความอบอุนใหก ับลกู นอ ย และเปนการกระตุนประสาทสัมผัสดานอืน่ ๆดว ย จากการท่ี พูดคุยกบั ลกู การมองสบตา ลกู กจ็ ะรสู ึกถึงความรักความอบอุน ที่พอแมม อบให ผลของการวจิ ยั พบวา การนวดสมั ผสั มปี ระโยชน ดงั ตอ ไปนี้ 1. การเจรญิ เตบิ โตของเซลลป ระสาทและใยประสาทของเซลลส มอง เปน ไปอยางสมบรู ณ 2. ลดการเจบ็ ปวดโดยการยบั ยง้ั การนาํ สัญญาณความเจบ็ ปวดไปสสู มอง 3. ชวยกระตุนการทํางานของระบบการยอย อาหาร และลําไส การดูดซมึ อาหารดขี ้ึนมผี ลทาํ ใหน ้าํ หนกั ตวั เพมิ่ ขนึ้ เร็ว 4. กระตุน การไหลเวยี นของโลหิตและน้ําเหลอื ง นําอาหารไปเลยี้ งเนอ้ื เยื่อ และขับถายของเสีย ออก รวมทง้ั ลดอาการบวม 5. ชวยใหกลา มเนอื้ ผอนคลาย สง ผลใหเ ลอื ดไปเลี้ยงท่ัวรางกายทําใหทารกหลบั ไดนาน มากกวาปกติ ลดการใชพ ลังงานมผี ลทําใหน้าํ หนกั ตัวมากขนึ้ กลา มเนอ้ื แข็งแรง สง เสรมิ ให มีพัฒนาการดา นการเคล่อื นไหวตามวัย 6. ชว ยกระตุน ระบบภูมติ า นทานโรคของรางกายทาํ ใหโ อกาสเจบ็ ปว ยลดนอยลง 7. ชว ยกระตุนฮอรโ มนในการเจรญิ เตบิ โต ทําใหนา้ํ หนกั ตัวมากขนึ้ 8. ทําใหท ารกนอนหลบั ไดด ีขนึ้ และมีรปู แบบการนอนคงที่ 9. สงเสริมความรกั ความผกู พันระหวางพอ-แม- ลูก ขอควรระวังในการนวด • ไมนวดทารกทม่ี ีภาวะตวั เย็น • ไมน วดบรเิ วณกระดูกหกั หรอื เจาเลือด • นวดหลงั การฉดี วัคซนี 24-48 ช่วั โมง • ไมนวดทารกเจบ็ ปว ย มไี ข เกิน 37.80 C • ไมน วดทารกทผี่ ิวหนงั มผี นื่ ตดิ เช้อื ขนั้ ตอนการปฏิบตั เิ ก่ยี วกับการนวดสมั ผสั 1. ควรนวดในชวงที่ทารกอารมณดี ไมหวิ เชน หลงั อาบน้าํ หรือหลังจากรับประทานนมแลวอยาง นอ ย 1 ช่ัวโมง เพือ่ ใหนมยอยกอ นปองกันทารกอาเจียน 2. จดั สง่ิ แวดลอ มที่ชว ยใหท ารกสงบ อาจลดแสงสวางลงบา ง อุณหภมู หิ องไมร อ นหรือเย็น เกนิ ไป 3. ลางมอื ใหส ะอาด ถอดเครื่องประดับ ท่นี ิ้วมอื และ ขอ มือออก 4. เรม่ิ ตน พดู คยุ กบั ทารก แลว ใชม อื วางบนศรี ษะ อกี มอื หนงึ่ วางบรเิ วณลาํ ตวั เพอื่ ใหท ารกรบั รกู าร เรม่ิ ตน ทจี่ ะนวด 5. นวดสมั ผสั เร่มิ จากศรี ษะ ไปหนา ผาก ใบหนา ทรวงอก แขน ทอ ง ขาและหลัง รวมทง้ั สงั เกต พฤติกรรมท่ที ารกตอบสนองตอ การนวดสัมผสั
102 6. การนวดสมั ผสั จาํ เปนตอ งใชแรงกดพอควร ไมแนะนําใหเ พียงสมั ผสั เบาๆ ซงึ่ เปนการรบกวน ทารก เนอ่ื งจากเปนการกระตุนทําใหท ารกรสู ึกจก๊ั จี้ ( tactie stimulate ) แรงของการนวด ขน้ึ อยูกับสว นของรางกายทีจ่ ะนวด อาจ เบาหนกั ความแรงทีใ่ ชน วดจะเพิ่มขึ้นทลี ะนอย ขณะทีท่ ารกคนุ เคยและมกี ารตอบสนองท่ดี รี ะหวางผนู วดและทารก 7. ถา ในระหวางการนวดทารกแสดงพฤติกรรม ทางลบ เชน รอ งให มกี ารเคล่อื นไหวมากขึ้น สีผิว เปลย่ี นแปลง อาเจียน ควรหยดุ นวดทนั ที และรอจนกวา ทารกจะดีขนึ้ จึงเรมิ่ นวดใหม ระยะเวลาของการนวด ทารกตอบสนองตอ การนวดครัง้ แรกประมาณ 10 นาที และทารกท่อี ายุ นอยกวา 1 เดือนจะตอบสนองตอ การนวด ระยะสั้น ซ่งึ การนวดแตล ะครัง้ ไมควรเกนิ 15 นาที ทา นวดที่ถูกตอ ง (นวดทา ละ 5 ครง้ั ) ทาที่คาดผม จัดทาใหลูกนอนหงายวางฝามือทั้ง 2 ขางบนศีรษะใหน้ิวมือประสานกัน เลก็ นอ ยตรงแนวก่ึงกลางศรี ษะลบู ลงมาจนถงึ ปลายคาง ทาหลงั คาบา น ใชปลายนิ้วชแ้ี ละนิ้วกลางลบู ไลจากบรเิ วณกึ่งกลางหนา ผากลงมาท่ขี มับ ทายม้ิ แฉง ใชนิ้วหวั แมม อื ท้งั 2 ขา งวางตรงกลางบรเิ วณเหนือริมฝปากบน แลว ลากลงมา เปน เสนตรงจนสุดขอบปาก 5 ครง้ั ตอ จากนัน้ นวดบรเิ วณใตร ิมฝป ากลางใน ลักษณะเดียวกัน ทา เปด หนังสอื ใชฝ ามอื ทัง้ 2 ขา งลบู ไลจ ากบริเวณกลางหนา อกแยกมอื ออกจากกันไปทางดาน ขางของลําตวั ตามแนวซ่ีโครงโคงลงมาชนกันที่กลางทองนอย โดยใหตําแหนง ของการเคลื่อนไหวตัง้ แตต นจนจบเหมอื นการวาดรปู หวั ใจ จับขอมือลูกยกข้ึนเหนือศีรษะ นวดบริเวณใตรักแรซ่ึงเปนการนวดตอม นํ้าเหลอื งใตรักแร ( ทําเหมือนกนั ทั้ง 2 ขา ง ) ทาบีบแขนนวดไปรอบๆ นวดแขนลูกทีละขางโดยจับแขนลูกยกขึ้นแลวใชมืออีกขางจับรอบแขน นวด คลึงเปนหวงวงกลมจากตนแขนคอยๆ เล่ือนไปสูขอมือ แลวเคลื่อนลงไปตน แขน ขึ้น – ลง ( ทํา 5 คร้ัง ) ตอจากน้ันใชหัวแมมือกดฝามือลูกเบาๆ ( ทํา เหมอื นกันทง้ั 2 ขาง )
103 นวดกระตุนระบบทางเดินอาหาร เพื่อชวยเพิม่ ประสทิ ธิภาพในการทํางานของกลามเน้อื ในระบบ ทางเดินอาหาร ทา ไอ เลิฟ ยู ใชมือลูบเปนเสนตรงจากใตราวนมดานซายถึงบริเวณทองนอยเปนตัวไอ ( ทาํ 5ครัง้ ) ใชฝามือลูบเปนตัวแอลกลับหัว บริเวณทองโดยเร่ิมจากซายไปขวาของคุณ (ทาํ 5 ครั้ง ) ใ ช ฝ า มื อ ลู บ บ ริ เ ว ณ ท อ ง เ ป น ตั ว ยู ค วํ่ า โ ด ย เ ร่ิ ม จ า ก ซ า ย ไ ป ข ว า ข อ ง คุ ณ ( ทํา 5 ครง้ั ) ทา ระหดั วดิ น้ํา วางฝามือทั้งสองขางต้ังฉาก โดยเริ่มจากใตราวนมเคลื่อนมือลงดานลางถึง บรเิ วณทองนอ ยทีละขางเปนจงั หวะ เมื่อมือขางหน่ึงเคล่ือนลงจนสุด ก็เร่ิมอีก ขางหน่ึงลงลางทําสลับกัน ( ทํา 5 คร้ัง โดยนับมือใดมือหนึ่งเปนหลัก ) ตอจากน้ันใชมือซายจับขอเทาทั้งสองขางรวบเขาดวยกัน ชวยผอนคลาย กระเพาะโดยใชมอื ขวาลบู ลงจากชายโครงลงมาเหนือหัวเหนา ( ทาํ 3 ครง้ั ) ทา ปูไตพ ุง ใชน ว้ิ มอื ขางขวาไตบ ริเวณทอ งนอย โดยเร่ิมจากซายไปขวา ( ทาํ 5 คร้งั ) ทาบีบนวดขาไปรอบๆ นวดขาลกู ทีละขาง โดยจับขายกขึ้นแลวใชมืออีกขางจับรอบขา นวดคลึงเปน หวงวงกลม เร่มิ จากตนขาคอ ยๆเล่ือนไปสปู ลายเทาแลวเคล่ือนลง ( ทําขางละ 5 คร้ัง ) ตอจากนั้นใชหวั แมมือกดฝาเทา ลูกเบาๆ ทา ลูกกลง้ิ ใชฝ า มอื ท้ัง 2 ขา ง กลงิ้ ขาลูกไปมา โดยเริ่มจากหัวเขา ไปขอเทา แลวกล้ิงลง(ทํา ขา งละ 5 ครง้ั ) ทา เดินหนาและถอยหลงั จับลูกนอนคว่าํ เร่มิ จากบรเิ วณไหลด า นหลงั ถูมอื กบั หลังในจงั หวะเดินหนา และ ถอยหลังโดยใหมือหนึ่งเคลอ่ื นลง และอีกมือหนึง่ เคล่อื นขึน้ ขณะเดียวกันใหน วด เคลอ่ื นลงมาจนถึงกนกบ แลวเคลื่อนขนึ้ (ข้ึน– ลง 5 ครง้ั )
104 กิจกรรมสงเสรมิ พฒั นาการตามวัย..การเลน ของเลน หรอื การเลน มคี วามสาํ คญั ตอ การเรยี นรู ของเดก็ อยา งมาก ถอื วา เปน กญุ แจดอกสําคญั ทจ่ี ะ นาํ ไปสกู ระบวน การเรยี นรขู องเดก็ ในอนาคต ดงั้ นน้ั ถา พอ แมห รอื ผเู ลยี้ งดู ไดเ ขา ใจ และสามารถนาํ ของเลน หรอื กจิ กรรมการเลน ไปใชก บั เดก็ ไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพแลว ทกั ษะพฒั นาการ และการเรยี นรขู องเดก็ จะ กา วไปอยา งมคี ณุ ภาพยง่ิ ขน้ึ ซง่ึ เมอ่ื เดก็ มพี นื้ ฐานทางพฒั นาการทด่ี ี และเหมาะสมกบั วยั เดก็ จะสามารถ นาํ ประสบการณต า งๆ ทผี่ า นมาไปประยกุ ตใ ช กบั การเรยี นรใู นอนาคตได อยา งมคี ณุ ภาพ พัฒนาการและการเรียนรขู องเดก็ วยั 0-5 ป เดก็ วยั นเี้ รยี นรผู า นการเลน และเรยี นรผู า นทางการใชป ระสาทสมั ผสั ทงั้ 5 คอื ตาดู หฟู ง จมกู รบั กลนิ่ ลน้ิ รบั รส และผวิ หนงั รบั สมั ผสั ในวยั นเี้ ดก็ มกั ชอบนําของทกุ ชนดิ เขา ปาก โดยใชป ากในการสาํ รวจของนน้ั ๆ ทงั้ ดดู เลยี อม พอ แมค วรสง เสรมิ ใหเ ดก็ ไดใ ชท กั ษะเหลา น้ี โดยหาของเลน ทม่ี ขี นาดเหมาะมอื นา้ํ หนกั เบา ขนาดไมเ ลก็ จนเกนิ ไป ปลอดภยั ลา งทําความสะอาดงา ย เพอื่ ใหเ ดก็ ไดฝ ก ทกั ษะ ในการใชม อื และตา ประสานกนั ในการควา จบั เขยา เอาเขา ปาก พอ แมห รอื ผเู ลย้ี งดู ไมค วรดงึ มอื หรอื ของเลน ออกจากปากเดก็ เพราะจะทาํ ใหเ ดก็ หงดุ หงดิ อารมณเ สยี และขาดโอกาสในการใชป ากสาํ รวจเพอื่ การเรยี นรู และทสี่ าํ คญั พอ แมค วรพดู คยุ และ มปี ฎสิ มั พนั ธก บั ลกู ขณะอยกู บั ลกู ชชี้ วนใหล กู เลน อกี ดว ย พอแมหรือผใู หญบ างทา น อาจไมเ ขาใจถงึ พฤติกรรมของเด็กในวัยน้ี จึงจาํ กดั หรือหา ม ปราม ไมใหเด็กเอาของเขาปาก อาจเพราะกลัวสกปรกหรอื สําลกั ซง่ึ จะทําใหเ ดก็ หงดุ หงิด , อารมณ เสยี และไมเกิดการเรยี นรู ดังนนั้ พอแม และผูใ หญท ใ่ี กลช ดิ ควรเขา ใจ ในพฤติกรรมของเดก็ และ สงเสริมการเรยี นทกั ษะเหลา นี้ ใหถ ูกตอ งเหมาะสม รวมทง้ั ดูแลเรอ่ื งความปลอดภัย ในการเลนของลูก โดยเฉพาะอุปกรณก ารเลน ควรทจ่ี ะมขี นาดใหญ สสี ันปลอดภยั จบั / กาํ ถนดั มอื สามารถใหเ ดก็ ได สัมผัสผา นการกดั , ดูด , เลียได ขนาดและน้ําหนกั ตอ งเหมาะสมกับเดก็ แตล ะคน สามารถลา ง / ซกั อุปกรณของเลนได เมอื่ สกปรก ตลอดทั้งพอ แม ควรมปี ฏสิ มั พันธก ับเดก็ ชน้ิ ระหวางการเลน อีกดว ย อยาปลอ ยใหเด็กเลน คนเดยี ว เพราะเด็กยงั ไมร จู กั วา ของเลน แตละชิน้ มวี ิธีการเลน อยางไร การเลน เปนกจิ กรรมการเรยี นรู และเปนตวั กระตุน ใหเด็กเกดิ การรบั รทู ่ีดี ตลอดทงั้ ใหเดก็ ได เรยี นรู ตวั เองและบุคคลอ่นื โดยไมร ูต ัว และนอกจากนี้ การเลน ยังมผี ลตอพัฒนาการทางสมอง และ ระบบประสาทอีกดว ย ประโยชนข องการเลน 1. ชวยเสรมิ สรา งใหเด็กมีพัฒนาการในทกุ ดา น 2. ชวยเสริมสรางการใชป ระสาทสมั ผสั ทง้ั 5 ดา น 3. ชวยพัฒนาดา นสตปิ ญ ญา เสรมิ สรา งจินตนาการ และความคิดสรา งสรรค 4. ชวยพัฒนาความสามารถในดานการสอื่ สาร โดยเฉพาะคําศพั ท 5. ชวยเสริมสรา งความม่ันใจในตัวเอง 6. ชวยเสริมสรา งลกั ษณะนสิ ัยทดี่ ที างสังคม เชน การแบง ปน (sharing) การผลดั เปลยี่ น (turn taking) การชว ยเหลือ (co-operation) การอดทนตอการรอคอย ความยืดหยุน (flexi bi lity) 7. ชว ยเสรมิ สรา งใหเ ด็กรูจกั ตนเองไดดขี น้ึ ซง่ึ จะนําไปสคู วามสาํ เรจ็ ที่ไดกระทํา 8. ชวยเสริมสรา งสุขภาพจิตและอารมณท่ดี ี 9. ชวยพัฒนาและสง เสรมิ บทบาททางเพศ และบทบาทสมมตุ ิ 10. ชวยพัฒนาและเสริมสรางความสนใจและสมาธิ
105 การเลอื กของเลน ใหเ หมาะกบั ความสามารถของเด็ก ในแตละวัย มคี วามสาํ คญั ตอ การพฒั นา ศกั ยภาพของเด็กเปน อยางมาก พอแม หรอื ผูดแู ล จงึ มีบทบาทสาํ คญั ตอ การเลอื กสรรของเลน และจัด สภาพแวดลอมใหเ อื้ออํานวยตอ เด็ก ใหเ กดิ ศักยภาพในการเรียนรู โดยคาํ นึงถึง 1. ความปลอดภยั 2. ความเหมาะสมกับอายุและพฒั นาการของเดก็ 3. ความสนใจของเด็ก 4. ความสะอาด 5. ความเหมาะสมของราคา 6. วธิ ีการเลน ของเลน ตามวยั เดก็ อายุ ของเลนสง เสรมิ พัฒนาการ ประโยชน 2 เดอื น 4-6 เดือน • โมบาย รปู สตั ว /ดอกไม แขวนไว • สง เสรมิ การใชส ายตาในการมองวัตถุขณะ 9-12 เดือน ทหี่ ัวเตยี งหรอื เปล ทีเดก็ นอนเลน • โมบาย กรงุ กรง่ิ ตกุ ตายาง ผวิ หยาบ หรอื • เพือ่ ฝก ควา จบั หรือสมั ผสั ฝก ฟง เสยี งขณะ นมิ่ อาจทาํ จากผา หรอื พลาสตกิ มเี สยี ง บีบ เขยา เคาะ • กระจกเงา • เพือ่ ฝก การมองและการสงั เกต การ เคลื่อนไหวของหนาตาและทา ทาง ขณะ เดก็ มองเลน • ของเลนพวกไขลาน เชน ลกู เปด • ขณะทขี่ องเลนไขลาน เดก็ สนใจและมอง ลกู ไก และอืน่ ๆท่มี เี สียงดนตรี ตามและเปนการกระตุนใหเดก็ เกดิ การ ประกอบ เคล่อื นไหวตนเอง เชนคืบคลาน เกาะเดนิ เหน่ยี วตวั ลกุ ขน้ึ เกาะยืน • ตบมอื เปาะแปะ • เปน การฝก การใชก ลา มเนอื้ มอื ทงั้ 2ขา งและ เปน การเสรมิ ความสมั พนั ธข องบคุ คลอนื่ ดว ย และเปน การฝก ฟง จงั หวะในขณะตบมอื • เกมสจ ะ เอ • เปน การฝก ใหเดก็ รจู กั คน หาวสั ดทุ ห่ี ายไป ตลอดท้ังเปน การฝก ความสนใจ สมาธใิ น การฟงจงั หวะเสียงและยงั เปนการสรา ง ปฏิสมั พันธร ะหวางเดก็ กบั ผใู หญ 1-3 ป • บลอ็ กขนาดตา งๆ • เพ่อื ฝกทกั ษะกลา มเน้อื มดั เลก็ ในการวาง ซอ นและเรียงการใชมอื ประสานตา การ กะระยะการเปรยี บเทยี บขนาดตา งๆของ วตั ถุ
106 อายุ ของเลนสง เสรมิ พัฒนาการ ประโยชน 1-3 ป • กระดานคอ นตอก • เพ่อื ฝกทกั ษะกลา มเนื้อมัดเล็กทักษะการ ใชมอื ขอมือ แขน ตลอดทั้งการใชมือ ประสาน สายตา • ของลากจูง เชน รถ เรอื สัตวต า งๆ • เพอื่ ฝก ความคลอ งแคลว ของการใชก ลา มเนอื้ มดั ใหญ ในการเดนิ หรอื วง่ิ ในการลากจงู • อุปกรณเ ลนทราย เชนพลั่ว ชอ นถัง • เพื่อฝก การใชน วิ้ มือ แขนและการทํางาน พลาสตกิ ใชเลนกับทราย ประสานสายตา • หนังสือรปู ภาพ ทาํ ดว ยกระดาษแข็ง • เพอื่ ฝก การใชม อื นวิ้ มอื ขอ มอื ในการพลกิ พลาสตกิ รวมทง้ั โปสเตอรภาพสตั ว หนา หนงั สอื และใชน วิ้ ชรี้ ปู ภาพตา งๆตลอด ตางๆและอน่ื ๆ จนทกั ษะดา นความเขา ใจภาษาและการพดู • สเี ทยี น สเี มจิก ขีดเขียนบนกระดาษ • เพอื่ ใชขดี เขยี น.ในลักษณะทไ่ี มเ ปน รปู ราง ใดๆ ทงั้ สิ้น เด็กจะขีดเขยี นเอง และ สรา งสรรคจ ินตนาการของตนเอง โดยเด็ก จบั ดินสอในลกั ษณะกํา ตอ มาจงึ จบั โดย ลักษณะของการใชน ้วิ มอื ในที่สุด และเริม่ ขีดเขียนแบบมรี ูปทรงเรขาคณติ ไดม ากข้นึ • เกมสจา้ํ จี้มะเขือเปาะ • เพื่อฝก ความสมั พันธกับบคุ คลโดยผูใ หญ หรือเด็กเปนผนู าํ กลมุ เปน การฝกการฟง สรา งความสนใจและการมสี มาธใิ นการเลน กิจกรรม กิจกรรมสงเสรมิ พัฒนาการตามวัย..การเลา นทิ าน เดก็ ในวยั ขวบปแรกน้ันเกดิ การเรียนรูไ ดอ ยางมากมายจนนา มหัศจรรย เรมิ่ ตงั้ แตเ ม่ือพอแมอ าน หนังสือออกเสียงดังๆ เด็กๆ จะแสดงความสนใจใครรู ดวยการจองหนาพอมองหนาแมที่กําลังอาน หนงั สือ เม่ือพอ แมทําบอยๆ ทําทกุ ๆวัน วันละ 5 -10 นาที เดก็ เกดิ การซมึ ซบั น้าํ เสยี ง สีหนา และภาษา ของพอ แม ทาํ ใหเ กิดผลสาํ เรจ็ ทีส่ ําคญั ย่ิงคือ พอแมลูกไดใกลชิดกันมากขึ้น มีความสุขรวมกันมากข้ึน ดวยบรรยากาศในบานที่อบอุนสนุกสนาน ลูกจะไดรับการพัฒนาทักษะการฟงและการพูด สราง จินตนาการแกเ ด็ก ฝก สมาธิใหเ ด็กรจู กั สํารวจใจใหจดจออยูกับเรื่องท่ีฟง ซ่ึงเปนพื้นฐานการเตรียม ความพรอ มดา นการอานหนงั สอื และปลูกฝง นสิ ยั รกั การอา นใหแ กเดก็ ไปดวย ควรเริ่มเลานิทานตั้งแตอายุ 3 เดือน ถึงแมวาเด็กยังพูดไมได แตแคไดอยูในออมแขนและฟง เสยี งพอแม อยูใ กลๆ เด็กกม็ คี วามสุขแลว เด็กในวัย 4-6 เดือน เวลาที่พอแมอานหนังสือใหฟงเด็กจะ มองเหน็ รปู ภาพสวยๆในหนงั สือ และมองเห็นหนา พอแม จาํ เสียงได และมือก็กําแบไดแลวลองใหลูก จับหนงั สอื นมุ ๆ ที่พอ แมอา นใหฟ ง พอแมจ ึงควรเลือกหนังสือที่มีภาพประกอบสีสันสดใสตัดกับสีพื้น อาจทาํ ดวยผานมุ มอื หรอื วัสดทุ ที่ นทาน ทําความสะอาดงาย และใชสีปลอดพิษ การอานนิทานใหเด็ก ฟงควรอานชวงสั้นๆ 2-3 นาทีเปนลักษณะคลายชวนเด็กคุย ถาเด็กเร่ิมหงุดหงิดใหหยุดไวกอน แลว คอ ยเร่ิมวนั ใหมหรือเดอื นใหม
107 การเลานิทานไดผ ลดเี ม่ืออายุ 7-8 เดอื น เด็กวยั น้ีนั่งไดแลว เร่ิมสํารวจวัตถุที่อยูในมือ ชอบจับ และควาของเขาปาก เดก็ อาจจะจบั หนงั สือมากดั ท่ขี อบ หรอื จบั หนังสือขวาง พอแมอาจตองโอนออน ผอนตามลกู ไปกอน เพราะเดก็ อาจต้ังใจฟง ทีหลังก็ได พอแมควรอุมลูกไวบนตักกอดไว แลวเร่ิมอาน นิทานสนุกๆใหฟ ง แมว า เด็กจะยงั ไมร เู รื่อง แตกช็ อบที่จะดูภาพสวยๆและชอบเวลาที่พอแมอานเสียง สูงๆตา่ํ ๆ แลวถา ปลอ ยใหเด็กชว ยถือหนังสือดวยจะดีมาก พอแมควรหาหนังสือท่ีทําจากกระดาษแข็ง เปด พลิกงาย ขนาดกะทดั รัด ใหล กู ไดถือเลน หรือหัดเปดเอง ภาพประกอบสีสดใส และในแตละหนา ควรมภี าพเพยี งหน่ึงหรือสองภาพ เนือ้ หาควรเกยี่ วกบั สัตว เด็กเล็ก หรือสิ่งท่ีลูกคุนเคย และใชคําซํ้าๆ หรอื คําที่มีเสยี งคลองจอง ถาเด็กไมย อมฟง นทิ าน พอแมไมค วรหมดกําลงั ใจ เดก็ อาจตองการคลานหรอื เดินมากกวา การท่ี เดก็ ไดเ ดนิ หรือสํารวจสิ่งแวดลอ มรอบๆตัว จะทําใหเ ด็กสนใจหนงั สอื ทีหลังได เม่อื ไหรที่เดก็ คลานขนึ้ มา นง่ั บนตกั ฟง พอ แมอา นนทิ าน น่ันคือเด็กสนใจทจี่ ะฟงมากข้ึนแลว เด็กวยั 9-12 เดือนเร่ิมเปดหนังสือเองไดแลว และมสี ว นรว มในการอานหนงั สอื มากข้ึน เม่ือเด็ก ชอบ เวลาพอ แมอ านนทิ านใหฟง เดก็ จะสงภาษามว่ั ๆ ของลกู เพ่อื บอกวาสนกุ จังเลย เด็กๆจะชอบเรอ่ื ง ท่ีมีเสียงคลองจอง เปนจงั หวะ และมีคาํ ซาํ้ เยอะๆ และถามีหนังสือที่อานไปดวย เลนไปดวยได ก็จะดี มาก เพราะจะไดบริหารน้ิวมือใหแข็งแรงดวย ควรหาหนังสือท่ีมีผิวสัมผัสแบบตางๆ หรือหนังสือที่ สอดแทรกกจิ กรรมสนุกๆสําหรับ เด็กเล็กๆ เชน หนังสือ pop up หนังสือที่มีชิ้นสวนใหดึง กด ลาก หรือมีรูสาํ หรบั เอาน้ิวแหยไ ดและควรมขี นาดกะทดั รดั นา้ํ หนกั เบา ทาํ ดวยกระดาษแข็งอาบมัน เพ่ือให เด็กเปดเองได ถาเดก็ เร่ิมพูดเปนคําๆ ก็ควรอานหนังสือท่ีเด็กอานตามไดอาจเปนคําคลองจองงายๆ หรือเปน วลสี นั้ ๆ เพราะเด็กเริม่ จาํ ไดแ ลว ควรเลือกหนังสอื ที่มีรปู ภาพคุน ตา และเปนเรื่องราวรอบตวั ท่ี คนุ เคย เพราะจะดึงดดู ความสนใจไดดี เดก็ วยั 1-2 ปจะจาํ เน้อื เร่ืองในนิทานที่พอแมอานใหฟงบอยๆไดแลว แตก็ยังชอบฟงเรื่องเดิม ไมเ คยเบือ่ เวลาอา นหนงั สือกบั พอแม เดก็ อยากจะเปนคนเปดหนังสือเอง บางทีก็เลียนแบบการเลา นิทานของพอแมโดยเลานิทานใหตุกตาตัวโปรดฟง เด็กเร่ิมเรียนรูเหตุผล เช่ือมโยงความสัมพันธ ระหวา งเนือ้ เรื่องกบั ภาพได เริ่มเขาใจความหมายที่พอแมพูด จากการสังเกตน้ําเสียง ฉะน้ันเด็กจะมี อารมณรว มกับนทิ านทีพ่ อ แมอานใหฟงมากขึ้น สามารถจดจําเร่ืองราวตางๆได จึงควรอานชาๆ และ แบงเปน วรรคสั้นๆ เพ่อื ใหลกู จดจาํ ไดง า ยขึน้ หนงั สอื ทเี่ หมาะกบั เด็กวยั นี้ จึงควรเปน หนังสือท่ีมีภาพสัตวหรือภาพคน และมีตัวอักษรตัวโตๆ มาอานใหล ูกฟง และควรเปนหนงั สอื ทีท่ าํ จากระดาษแข็ง เพราะเปดงา ยและทนทาน ควรปลอ ยใหเ ดก็ ไดส าํ รวจหนงั สอื และพลิกหนากระดาษเอง โดยพอ แมแ สดงวธิ ีเปด หนา หนังสือท่ีถูกตอ งใหลกู ดูกอน เดก็ วัย 2-3 ปฟงนิทานรูเรือ่ งแลว เวลาที่พอ แมช ีท้ ต่ี ัวอกั ษร ลกู ก็จะมองตามนิว้ ไปดว ย ก็เลยทํา ใหเ ดก็ เร่มิ คุนเคยกบั ตัวอักษรบา งแลว ถึงจะยังอานไมอ อก แตอานตามได ถาเปนประโยคสั้นๆ เพราะ เดก็ เรมิ่ พดู ไดดขี ึน้ จะชอบเวลาที่พอ แมเ ลา นทิ านสลบั กับถามคําถามใหตอบ เพราะเด็กเร่ิมอยากเลา นิทานใหพ อ แมฟง บางแลว เดก็ วยั น้ยี ังมคี วามสนใจส้ันอยู คอื อยูน ิ่งไดเพยี งไมก่ีนาที หนังสือจึงไมค วรมี เนอื้ หายาวมากนกั โครงเรอ่ื งไมซ บั ซอ น จํานวนคํานอ ยๆ เปน คาํ คลอ งจอง เพราะวยั นเี้ รมิ่ พฒั นาทกั ษะทาง ภาษา ผา นภาษาดนตรที มี่ จี งั หวะ และมกี ารยํา้ คาํ ซา้ํ ไปซาํ้ มา เนอ้ื หาควรเกย่ี วขอ งกบั สง่ิ รอบตวั และกิจวัตร ประจําวนั งา ยๆ ทสี่ ามารถชว ยเหลอื ตนเองได เชน การแตง ตวั การแปรงฟน การเขา หอ งนํา้ การกนิ ขา ว เวลาอานหนังสือใหล กู ฟง พอแมควรตัง้ คําถามงา ยๆ และพดู เชือ่ มโยงภาพหรือเนื้อหาในหนังสือกับส่ิง ใกลต ัว เชน “ดูสิ รูปถวยน้ําสีแดง รองเทาลูกก็สีแดง แลวแอบเปลสีอะไรเอย” เพื่อเด็กจะไดเรียนรู เรื่องการเช่อื มโยง ความเหมอื น ความตา ง และพฒั นาทกั ษะการคิดตอ ไป
108 กจิ กรรมสงเสริมพัฒนาการตามวยั ..เทคนิคการสอนลูกหดั พูด ทาํ ไมเด็กแตละคนถึงมลี กั ษณะการพูดไมเ หมอื นกัน เชน คนหนึ่งพูดจอ ไมหยดุ อกี คนไมย อม พูดกับใคร ความแตกตางนีข้ น้ึ อยูท ป่ี จ จยั หลายดาน ทัง้ ดา นพัฒนาการของเดก็ วา ปกตหิ รอื ไม สภาพแวดลอม การเลีย้ งดูและท่สี าํ คญั คอื การเรียนรู อยางไรกด็ ีการพูดเปน เรือ่ งที่หดั กนั ได 1. การพดู ชาๆ ออกเสียงใหช ัด จะทําใหเ ดก็ จดจาํ ไปเปน แบบสาํ หรบั สรา งคําพดู ของตวั เอง และงา ยในการเลยี นแบบ และยงั เปน การฝก ประสาทของเดก็ ใหส ามารถแยกแยะความแตกตา งของเสยี งทไี่ ดย นิ ได ซงึ่ จะสง ผลทดี่ ตี อ การฝก อา นเมอื่ โตขนึ้ 2. เนน คํา การเนน คาํ ใดคาํ หน่ึงในประโยค จะเปนการสรา งจุดสนใจใหเ ด็ก เชน “มาทานขา วไดแลว” “น่ี หมานอยของหนู” เปน ตน เพราะเม่อื เดก็ สนใจแลว กจ็ ะจําคาํ ๆ น้ันไดง า ยขน้ึ 3. พูดซ้าํ ๆ การพูดซํา้ กเ็ หมือนกบั การขดี เสนใตป ระโยคคํานัน่ เอง แตการพูดซํ้าๆ นัน้ ไมตองใชคาํ ท่ียากน เพราะเด็กอาจจะเบอ่ื หรือเซ็งซะกอน และท่ีสาํ คญั ตอ งมีการโตต อบกันเกดิ ขนึ้ จงึ ควรหดั ใหเ ด็กได พูดคุยโตต อบกัน และขณะทพี่ ูด กค็ วรใชมือชีป้ ระกอบไปดวย เชน พูดวา เตยี ง ก็ชีไ้ ปที่เตียง เด็กจะ เช่อื มโยงความหมายเขา ดวยกนั ไดเร็วขึ้น 4. กระตุนใหเ ด็กพูดโตต อบ เม่ือเดก็ อายุเพียง 4 เดอื น จะสามารถสงั เกตเห็นรปู ปากไดแลว จะสงั เกตไดว าเสยี งไหนตอ งทํา ปากยังไง ดังนนั้ เวลาทพ่ี ูดก็ใหย ่นื หนา ไปคยุ ใกลๆ แลว ก็ตอ งตัง้ ใจฟงดวย วา เดก็ พูดวาอะไรตอบมา เพราะวัยนเ้ี คา จะเริม่ ชอบการพูดคยุ โตต อบ แมวาชว งแรกๆ จะเปนเสียงพูดทไ่ี มม ีความหมายก็ตาม 5. พูดคยุ กับเด็กบอ ยๆ ย่ิงพูดคยุ กับเดก็ บอ ยเทาไหร เดก็ กจ็ ะจําศพั ทไดเ ยอะขึน้ เทา น้นั และยังชวยใหพูดไดเร็วขึ้น แต สงิ่ สาํ คญั คอื การพูดคยุ ตอ งมกี ารโตต อบกันซง่ึ กันและกนั เพอื่ พัฒนาการทางดา นภาษาทีด่ ี เพราะมีการ สื่อสารทงั้ สองทางน่นั เอง 6. ไมต องกลัวประโยคยาวๆ เด็กท่ีพอแมช อบใชป ระโยคท่ีมีวลขี ยายซับซอน อยางเชน ประโยคทม่ี ีคําวา “เพราะวา ” “ทซ่ี ึ่ง” เด็กมักจะพฒั นาการพูดดว ยประโยคงา ยๆ ไดเร็วกวาเดก็ ทีม่ พี อแมไมค อ ยพูดประโยคเหลานี้ ไมต อง หว งวาเดก็ จะสบั สน กจิ กรรมสงเสริมพัฒนาการตามวัย..สือ่ ทวี แี ละผลกระทบ เดก็ บางคน เร่ิมสนใจดทู ีวีตัง้ แตอายุยงั นอ ยมากอยางไมน า เช่อื เชน อายุเพียง 9 เดอื นเทา นน้ั และมักดตู อ เน่อื งมาเรื่อยๆและนานขึน้ เรอื่ ยๆเมือ่ อายุมากข้นึ เด็กกลมุ นจ้ี ัดเปน กลมุ ทม่ี ีพัฒนาการทาง ภาษาลา ชา เนื่องจากจากการ ขาดการกระตุน ขาดการมี ปฏสิ ัมพันธก ับผเู ลีย้ งดู เดก็ เรียนรกู ารพูดผาน การมี ปฏสิ มั พันธก บั พอแม แตปจจุบนั เดก็ เล็กๆ หลายคนเติบโตมาพรอมกบั จอสเี่ หลย่ี มทเ่ี หมอื นมีคน อยูข างใน พูดคยุ ได หัวเราะได รองไหได ประวัตทิ ส่ี าํ คญั ทพี่ บในกลมุ เดก็ ทพี่ ูดชา คอื พอแมใหล ูกดูทีวี มากเกินไปหรือไม โดยท่วั ไปปญ หาจะ เกดิ กบั เด็กที่ดูนาน 6-8 ช่ัวโมงตอวนั ไมใชแ ค 1-2 ช่วั โมง และ มกั ไมใ ชเ ดก็ ทีด่ ทู วี ีแบบชวงสัน้ เชน ดู แตโฆษณาบางอันทชี่ อบ แลว ไป เลน แตมกั เปน เดก็ ทสี่ นใจดู ตอเนอื่ ง 30 นาที บางครง้ั เปน ช่วั โมง ถาเปน วดิ ีโอซีดกี ็สนใจดจู นจบแผน อาจดซู ํ้าๆหลายรอบ และมัก มีอารมณร วมกบั เน้ือหาท่ีดมู หี วั เราะลุกขึ้นเตน ตาม
109 ทั้งหมดนีท้ าํ ใหเ กิดปญ หากเ็ พราะทีวนี ้ันตา งกบั คนตรงทก่ี ารดทู ีวีนั้นเปน การสือ่ สารทางเดยี ว ( One way communication )คือไมวา เดก็ จะยมิ้ หัวเราะ หรอื พยายามสื่อสารทางกายดวย ทวี ีไม เคยตอบสนองกลบั คนื มาเลย มนั จะสงภาพและเสียงออกมาตามสญั ญาณโทรทัศนท ไ่ี ดเทานั้น ทวี ีหรือ วดิ ีโอซีดจี ึงแทนความสมั พันธกบั คนไมได เดก็ ทีด่ ทู ีวตี ลอดวันจึงเรยี นรูแตการรบั อยางเดยี ว ไมเรียนรู การสง หรอื การสื่อสารออกไป โทรทัศนซ ง่ึ เปนการส่อื สารทางเดยี ว เดก็ กจ็ ะขาดเวลาและโอกาสทีจ่ ะ ไดร ับการกระตุนทางการพูดคยุ และไมม ปี ฏิสมั พันธกับพอแม เซลลป ระสาทสมองทเี่ ก่ียวกับพัฒนาการ ทางภาษาโดยเฉพาะการทจี่ ะมปี ฏิสัมพันธกบั ผอู ืน่ กจ็ ะไมไดรบั การกระตุน สื่อ โทรทัศนม ผี ลกระทบตอ เด็กในหลายๆ ดา น รวมทง้ั พฤตกิ รรม ทศั นคติ และความเชื่อ ซ่งึ ผล อาจเห็นไดในทันที เชน ขัดใจ กระทืบเทา รอ งกรีด๊ ๆ เหมอื นดาราคนโปรด หรอื ผลกระทบนั้นคอ ยๆ สะสม เมื่อเดก็ รบั ขอ มลู น้ันซํา้ แลวซํ้าอีก เชน ใชการตอสูหรือใชวิธีรนุ แรงเปน แนวทางในการแกไข ปญ หาตา งๆ เหน็ วาการสบู บหุ รหี่ รือดืม่ เหลา ทาํ ใหด มู ีเสนห นาสนใจ โดยไมไดค ํานึงถงึ ผลเสยี ตอ สขุ ภาพ การมเี พศสัมพันธเ ปน เรือ่ งปกตทิ ใ่ี ครๆ กท็ ํากนั โดยไมต อ งรบั ผิดชอบ ไมต องคาํ นึงถึงผลเสียท่ี จะตามมาทั้งการตดิ โรค และตั้งครรภ เปน ตน ผปู กครองจงึ จําเปน ตอ งมคี วามรู และเขา ใจถงึ ผลกระทบของโทรทัศนทจี่ ะมีตอการเจรญิ เตบิ โต พัฒนาการและพฤติกรรมของเดก็ ผลตออารมณแ ละพฤติกรรม มกี ารศกึ ษามากมายถึงความกา วรา วรนุ แรงในโทรทัศนท ่มี ีตอ เด็กและวัยรุน ซึง่ พอสรุปไดด งั น้ี เดก็ ที่ดโู ทรทัศนตง้ั แตเ ลก็ ๆ จะเรียนรู สังเกต จดจํา และซึมซับความรุนแรง และใชความกา วราว รุนแรงตอ คนอื่นในการแกป ญหา แทนทจี่ ะใชการควบคุมตนเองหรือใชวิธีการอื่น การรับรคู วามรนุ แรง ผานทางสือ่ ซ้ําแลว ซาํ้ เลาเปน เวลานานๆ จะทําใหเ ดก็ ชาชนิ ไปกับความรุนแรง และขาดความเอื้ออาทร ตอบุคคลอื่นในชวี ิตจรงิ และอาจแสดงออกถึงความกา วราวเมอ่ื โตเปนวัยรนุ หรือผใู หญ เพราะ เด็กที่ใช เวลาอยูหนาจอโทรทัศนเปน เวลานานๆ จะซึมซับส่งิ ตาง ๆ ทเ่ี หน็ รายการตาง ๆ ในโทรทัศนจ ะเปน แมแ บบ สรา งคา นิยม ทศั นคติ หลอ หลอมเด็ก หากพอแมไมม ีเวลาคอยสอนหรือชีแ้ นะ พฤติกรรมทางเพศ รายการตา งๆ มกี ารแสดงออกของพฤตกิ รรมทางเพศมากขนึ้ รวมทง้ั การใชบ หุ รี่ เหลา ยาและสารเสพ ตดิ ในลกั ษณะเชญิ ชวนโดยไมไ ดแ สดงถงึ ผลเสยี ของสง่ิ เหลา น้ี จาก คณะทํางานของ AAP ลงความเหน็ วา การ มเี พศสมั พนั ธก อ นวยั ในวยั รนุ เปน ปญ หาทส่ี าํ คญั และวยั รนุ เรยี นรเู รอื่ งเกย่ี วกบั เพศศกึ ษาจากสอื่ ตา งๆ เปน อนั ดบั สองรองจากโรงเรยี น เดก็ ๆ ไดเ หน็ พฤตกิ รรมทางเพศของผใู หญผ า นสอ่ื โทรทศั น ซงึ่ แสดงออกถงึ ความ สนกุ สนาน ตน่ื เตน และถอื เปน เรอื่ งปกตโิ ดยไมไ ดส อดแทรกถงึ ผลเสยี ทจี่ ะตามมาจากการมเี พศ สมั พนั ธก อ น วยั การตดิ โรค ตงั้ ทอ ง ความรบั ผดิ ชอบหรอื หลกั ศลี ธรรมทถ่ี กู ตอ ง เดก็ วยั รนุ ดแู ลว อาจเขา ใจผดิ อยากลอง อยากรู หรอื อยากทําตามเพอื่ ใหไ ดร บั การยอมรบั วา เปน ผใู หญ มขี อ มลู ทแี่ สดงวา วยั รนุ ทดี่ รู ายการทม่ี กี าร แสดงบทบาททางเพศบอ ยๆ มกั จะมเี พศสมั พนั ธท อี่ ายนุ อ ยกวา วยั รนุ ทไ่ี มไ ดด ู ผลทางโภชนาการ เดก็ ใชเ วลาในการดโู ทรทศั นม ากเปน อนั ดบั สองรองจากการนอน เดก็ ทด่ี โู ทรทศั นม ากมกั จะอว น เพราะ เวลาสว นใหญถ กู ใชไ ปในการดโู ทรทศั น จงึ ไมม เี วลาเหลอื ในการออกกําลงั กาย หรอื เคลอ่ื นไหว และ ขณะดโู ทรทศั นเ ดก็ มกั กนิ เพมิ่ ขนึ้ โดยเฉพาะอาหาร เครอื่ งดม่ื หรอื ขนมขบเคย้ี วทม่ี แี คลลอรสี่ งู ทโ่ี ฆษณาใน โทรทศั น นอกจากนนั้ สอ่ื โทรทศั นย งั เนน ภาพลกั ษณท ตี่ อ งผอมบาง ทาํ ใหเ ดก็ หญงิ กงั วลเกยี่ วกบั นา้ํ หนกั และ พยายามทจ่ี ะควบคมุ นํา้ หนกั ตง้ั แตอ ายยุ งั นอ ย ซง่ึ จะมผี ลเสยี ตอ การเจรญิ เตบิ โตของเดก็ (เดก็ สว นใหญไ ม เขา ใจวา ภาพลกั ษณท ด่ี ดู ใี นโฆษณานน้ั สอ่ื โทรทศั นไ ดใ ชเ ทคนคิ ตา งๆ ตกแตง เพอื่ ใหด สู วยงาม)
110 ผลตอ ความคิดสรา งสรรคและภาษา เดก็ ทใี่ ชเ วลาอยหู นา จอโทรทศั นเ ปน เวลานานๆ จะเหลอื เวลานอ ยลงในการเลน อา นหนงั สอื ทาํ การบา น หรอื พดู คยุ กบั เพอื่ นหรอื ผใู หญ ทกั ษะทางภาษาจะพฒั นาไดด ตี อ งอาศยั การพดู คยุ สอื่ สารสองทาง โตต อบกนั ไปมาผา นทางการเลน การอา น และทํากจิ กรรม รายการ โทรทศั นท างการศกึ ษา บางรายการที่ ผลติ มาเฉพาะสาํ หรบั เดก็ อาจชว ยใหเ ดก็ ทอี่ ายมุ ากกวา 2 ปไ ดเ รยี นรคู ําศพั ทใ หม ๆ บทสนทนาหรอื ทกั ษะ ทางสงั คม แตส าํ หรบั เดก็ เลก็ ๆแลว เดก็ จะเรยี นรจู ากของจรงิ หรอื ประสบการณต รงไดม ากกวา ผลตอการเรียน เวลาทเ่ี ดก็ ใชในการทําการบา นมีความสมั พันธกบั ความสาํ เรจ็ ในการเรียนหนังสอื หากดู TVนาน จะมผี ลตอ การทําการบา นและรบกวนเวลานอนของเด็ก ซึง่ จะทําใหเ ด็กงวงนอน ไมมีสมาธิในเวลาเรียน และคะแนนตกตาํ่ เดก็ ๆ ดโู ฆษณา > 20,000 รายการตอ ป วยั รนุ ยอมรับวา โฆษณาบหุ รี่ เบยี ร ไวน เหลาใน โทรทัศนม ผี ลทาํ ใหว ัยรนุ อยากลองสูบและดื่ม โดยที่ โฆษณาเหลา นัน้ จงใจท่ีจะไมบอกถงึ ผลเสยี ทจ่ี ะ ตามมา เดก็ เลก็ ๆ มกั จะตกเปนเหย่อื ของโฆษณา ซึ่งเด็กๆ มักจะรบเราใหพ อแมซอื้ อาหารหรือส่งิ ของ ตางๆ ตามทเี่ หน็ ในโฆษณา ผลกระทบของโทรทัศนตอ เด็กเลก็ Anderson และ Pempek 2005 ได รวบรวมงานวิจัยถงึ ผลกระทบของโทรทัศนท มี่ ีตอเด็กเล็ก เพอ่ื ยืนยนั และสนบั สนนุ คาํ แนะนําของ AAP ทไี่ มใหเ ดก็ อายุนอยกวา 24 เดือนดโู ทรทัศน เพราะ ปจจบุ ันมรี ายการที่ต้งั ใจผลิตมาเพือ่ เดก็ เลก็ และเดก็ ๆปจ จบุ นั นใี้ ชเ วลาอยหู นาจอโทรทัศนน าน มากกวาในอดีต เม่อื เปรียบเทยี บกันพบวาเดก็ เรียนรจู ากการมปี ระสบการณจริงมากกวา การ เรยี นรู จากโทรทศั น การ ศึกษาสว นใหญย นื ยนั ถงึ ผลกระทบในแงล บทมี่ ีตอ การเรียนรู พัฒนาทางภาษา และ สมาธขิ องเดก็ เลก็ หากพอแมดโู ทรทศั นเ ปน เวลานานๆ จะลดเวลาที่จะเลนและมปี ฎิสมั พันธก ับเดก็ ลง ทาํ ใหการเรียนรูข องเด็กลดลง ผลตอ พัฒนาการดานการมองและการฟง ขณะ ดโู ทรทัศน ลกู ตาจะมกี ารเคล่อื นไหวนอยมาก ซงึ่ การกลอกตาและใหลกู ตาไดมกี าร เคลื่อนไหวมองสํารวจ สังเกตสง่ิ ตา งๆ จําเปนสาํ หรับการมองเห็นและพัฒนาดา นมติ สิ ัมพันธ (การกะ ระยะและมองภาพ 3 มิต)ิ ซง่ึ การดูโทรทัศนน อกจากเปน การมองภาพเพียงสองมติ แิ ลว ยังมผี ลตอ การ จองมอง สงั เกต และสมาธิ สวนในเร่อื งของทักษะการฟง นน้ั การเปดโทรทัศนต ลอดเวลาจะรบกวน สมาธใิ นการฟง ของเด็กสว นผลของรายการโทรทัศนซ ึง่ นําเสนอภาพและเสียงที่เปลย่ี นแปลงรวดเรว็ อาจจะกระตุน เด็กมากเกนิ ไป มีผลตอ สมาธิของเด็ก และอาจมีปญ หาเรือ่ งสมาธสิ ้นั เม่ือเขาสวู ัยเรียนน้นั งานวจิ ัยยงั มขี อขดั แยงและยงั ไมส ามารถสรปุ ได บทบาทของพอแม พอ แมค วรมบี ทบาทในการดูโทรทัศนข องเด็กโดย 1. เขาใจถึงบทบาทและอิทธิพลของโทรทัศนท่ีมีตอเด็กทั้งในแงบวกและลบ เพื่อเลือกใช โทรทัศนใหไดป ระโยชนเ ตม็ ทีแ่ กเ ดก็ เด็กเลก็ ๆ แมอ ายนุ อยกวา 1 ป ชอบและสนใจดโู ทรทศั น แตพอ แมควรหลกี เลี่ยงการใหเดก็ อายุนอ ยกวา 2 ปดโู ทรทศั น ถึงแมวาจะมกี ารผลติ รายการโทรทัศนสําหรับ เด็กเล็กๆ ก็ตาม งานวิจยั เกี่ยวกับพัฒนาการของสมองแสดงใหเห็นวาเด็กเล็กๆ ควรไดทํากิจกรรมที่มี ปฏสิ ัมพนั ธกับบคุ คลอนื่ และกระตุนการเรียนรูผาน ประสาทสัมผัสท้ังหา เชน รองเพลง พูดคุย อาน หนังสือ เลานิทาน วิ่งเลน และทํากิจกรรมหลากหลาย เพื่อกระตุนการเจริญเติบโตและพัฒนาของ สมองและทาํ ใหเด็กพฒั นาทกั ษะทางสังคม อารมณแ ละทักษะดานอืน่ ๆ ไดอยางเตม็ ที่
111 2. พอแมควรมีความรเู กีย่ วกบั สื่อ เพอ่ื ใหเขาใจและรูทันสื่อ สามารถเลือกใชโทรทัศนใหเกิด ประโยชนแ กเดก็ และหลีกเลีย่ งผลเสยี ที่จะตาม มา ในการดโู ทรทัศน เชนพอแมควรสรางกฎ กติกาใน ก า ร ดู โ ท ร ทั ศ น กั บ ลู ก แ ล ะ ทํ า ใ ห ไ ด เ ด็ ก อ า ยุ น อ ย ก ว า 2 ป ไ ม ค ว ร ดู โ ท ร ทั ศ น เดก็ อายุ 2-5 ป ไมควรดูโทรทัศนมากกวาวันละ 1-2 ชม. เด็กวัยเรียนอาจดูไดมากกวาน้ี แตพอแม ควร ตองชว ยเลอื กรายการหรือดูโทรทัศนรว มกบั ลกู ๆ พูดคยุ ถึงรายละเอียดของรายการที่ลูกดู เพ่อื ชว ย ชแ้ี นะ ถาม-ตอบ ฝก แกป ญ หา ไมใหมีโทรทศั นในหอ งนอนเด็ก เลอื กรายการทีม่ สี าระ ใหขอมลู ขาวสาร ให ความรแู กเ ดก็ และควรหลีกเลีย่ งรายการที่มีความกา วรา วรุนแรง กําหนดรายการทจ่ี ะดู โทรทัศนให ชดั เจน เมอ่ื จบรายการใหป ด ทวี ี ไมก ดปมุ เปลยี่ นชอ งไปเรอื่ ยๆ สนบั สนุนใหเ ด็กและวัยรุนไดทาํ กจิ กรรมอืน่ เชน เลนกีฬา อานหนังสือ หางานอดเิ รกทาํ ไมดโู ทรทัศนข ณะทานอาหารหรือกอนทํา การบา นเสรจ็ พอแมตอ งเปน ตวั อยางทด่ี ีในการดโู ทรทัศน เพราะพอแมจ ะเปนตน แบบใหเดก็ ทําตาม โดยสรปุ โทรทัศน เปน ส่ือท่สี ําคัญทเ่ี ขาถึงทุกครวั เรือน และมอี ิทธิพลอยางมากตอ พฒั นาการ พฤติกรรม และการเรยี นรูของเด็ก ผปู กครองควรทราบถึงผลดี และผลเสียของรายการโทรทัศนทมี่ ีตอเด็ก จํากดั เวลาและรายการที่เหมาะสมรว มกบั เด็ก พรอมทง้ั ใหพ อแมไ ดมีโอกาสพูดคุย แลกเปลย่ี นสถานการณ กบั เด็กโดยใชรายการโทรทัศนเปน สื่อ เพอ่ื ใหเกิดประโยชน และปองกันผลเสยี ทจี่ ะตามมาจากสือ่ โทรทัศน กจิ กรรมสง เสรมิ พัฒนาการตามวยั ..การเลกิ นมขวด และการใชถวยหดั ดมื่ การทเ่ี ดก็ เลกิ ดดู ขวดนมหลังอายุ 1 ปข้ึนไปจะนําสปู ญ หาดงั น้ี 1. ฟน ผุ จดั เปน โรคตดิ เชอื้ แบคทเี รยี จาํ นวนเชอ้ื จะเพมิ่ ขนึ้ เมอ่ื สมั ผสั อาหารทก่ี อ ใหเ กดิ ฟน ผเุ ชน นม หรอื นา้ํ ตาล และแบคทเี รยี ในคราบของจลุ นิ ทรยี จ ะยอ ยสลายนาํ้ ตาลในนมใหเ ปลย่ี นมาเปน กรด และเมอ่ื มกี รด มากเนอื่ งจากฟน สมั ผสั กบั นํา้ ตาลเปน เวลานาน ซํา้ ๆ บอ ยๆเชน การดดู ขวดนม คา ความเปน กรดดา งในชอ ง ปากจะเปลย่ี นแปลง จะทาํ ใหเ กดิ การสลายตวั ของแรธ าตใุ นฟน มากขน้ึ เรอ่ื ยๆจนเกดิ ฟน ผุ 2. ไมยอมกินขา ว ปกตเิ ด็กอายุ1ป ตองกินขาวเปนอาหารหลัก 3มือ้ และไดรบั นมวันละ2-3มือ้ แต ถา ยังดูดนมจากขวด เดก็ มีแนวโนมติดใจการดดู บางครง้ั ไมหิวก็ยังอยากดูด ทาํ ใหป รมิ าณนมมากจน อิ่ม เด็กทีต่ ิดขวดนมมักคนุ เคยกบั อาหารเหลวๆท่กี ลืนงาย เหมอื นนม ไมชอบอาหารหยาบทีต่ อ งเคีย้ ว จึงเกิดปญ หาปฏเิ สธอาหาร 3. อว น พบปญหาโภชนาการเกนิ ในวยั อนุบาล ตอ เนื่องจนเปน ผูใหญ ปกตเิ ดก็ วยั เตาะแตะ 2-3 ขวบ ตอ งการนมเพยี ง 16-24 ออนซเทา น้ันแตก ารตดิ ขวดนมมักทําใหไดร บั นมมาถงึ 32 ออนซ เกนิ ความ ตอ งการของรางกายทําใหเ ด็กเปน โรคอวน 4. รบกวนวงจรการนอนของเดก็ การนอนเปน ชว งเวลาทที่ าํ ใหร างกายไดพักและปรบั สภาพเพือ่ ให เกิดการเจริญเตบิ โตทง้ั รางกายและสมองที่ดปี กตเิ ดก็ ออนมกั นอนชวงสัน้ ๆ 2-3 ชวั่ โมงและต่ืนบอ ยแต เมอ่ื อายุ 4 เดอื น วงจรการนอนจะปรบั เปลย่ี น ทําใหเด็กไดน อนหลบั ตดิ ตอกันถึง 6-8 ชวั่ โมง โดยไมหิว เมอ่ื อายุ 6 เดอื น บางคนอาจนอนหลบั ยาวได 8-10 ชว่ั โมงระหวา งนร้ี า งกายจะสลบั เปน วงจรระหวา งการ หลบั ลกึ และตน้ื ซง่ึ อาจมกี ารรอ งและขยบั ตวั เปน พกั ๆโดยทเี่ ดก็ ไมร ตู วั หากผเู ลย้ี งดอู มุ ขนึ้ มากลอ มหรอื ใหน ม จะทําใหว งจรการนอนเกดิ การเปลย่ี นแปลงจนเดก็ เคยชนิ กบั การรอ งและตนื่ กลางดกึ เพอื่ กนิ นมหรอื ใหพ อ แมก ลอ ม ซงึ่ เปน สขุ นสิ ยั การกนิ การนอนทไี่ มด ี นําไปสปู ญ หาเดก็ ตดิ ขวดนมและรอ งตนื่ กลางดกึ
112 5. ผลตอการไดยนิ และพฒั นาการทางภาษา เน่อื งจากจากดูดนมขวด จะมีปญ หาตดิ เชอื้ ในชอง ปาก ซึ่งระหวางชอ งปากและชองหูมีทอ ที่เชื่อมตอ ถึงกนั ทาํ ใหเ กิดการตดิ เช้ือในชองหูตามมาได เกิด การอักเสบของหู หูนาํ้ หนวก ทําใหป ระสทิ ธิภาพการไดยินลดลง และมีผลตอการรับรูภ าษา และการใช ภาษา 6. ขาดวิตามินและแรธ าตุที่สาํ คญั ตอ การพฒั นาทางสมอง กินนมมากเส่ยี งตอการขาดธาตเุ หลก็ สาเหตุเกดิ จากในน้ํานมมีแคลเซยี ม ซึ่งมีฤทธิย์ บั ย้ังการดูดซมึ ธาตเุ หลก็ กจิ กรรมสงเสริมพัฒนาการตามวยั ..การเตรียมความพรอ มลกู กอนไปโรงเรยี น การเขา เรียนครง้ั แรกเปน เหตกุ ารณนา ตน่ื เตน ประทับใจทัง้ พอ แม ลกู จงึ ตอ งมกี ารเตรยี มพรอม กนั พอควร สําหรับการกาวสโู ลกกวางของลูกนอย โรงเรยี นอนบุ าลเปน แหลง สง เสรมิ การเรยี นรขู องเดก็ เสรมิ พฒั นาการครบทกุ ดา น ใหค วามรสู กึ มน่ั คง ฝก ฝนนสิ ยั การกนิ การเลน การดู การฟง การมเี หตผุ ล การปฏบิ ตั ติ นในชวี ติ ประจําวนั ทพ่ี งึ่ พาตนเองได พรอ มทจี่ ะอยกู บั ผอู นื่ หลอ หลอม การเปน คนดี มคี ณุ ธรรม จงึ ตอ งควรเตรยี มความพรอ มลว งหนา ดงั นี้ 1. การเตรียมตัวเตรียมใจ พอ แม ลูก ควรพูดถงึ การไปโรงเรยี นในภาพพจนที่ดี มีคุณครูใจดี เพ่ือน ๆ นา รกั ของเลน สนุก ไดว าดรปู อานนทิ าน เปนตน 2. การแตงตัวไปโรงเรียน ตองฝกใหสามารถแตงตัวไดเองในชวงเชาที่รีบเรงลูกตองต่ืนเชา เขา หองนํา้ ลูกจะคอ ย ๆ รูห นาที่ คือนอนหัวคํ่า ถาจะใหดีควรได 10 ชั่วโมง คือนอน 3 ทุม เน่ืองจาก 4 ทุมถึงตี 2 จะมกี ารหล่งั Growth hormone เต็มท่ี เดก็ จะพัฒนาสมอง รางกาย การเรียบเรียงขอมูล โดยสมองจะเลือกเก็บขอ มูลท่มี ีประโยชน อยาใหล ูกนอนดึกจะตื่นสายและขีเ้ กียจไปโรงเรียน ตน่ื เชา จะ สดช่ืนพรอ มเรยี นรู ฝกใหลูกจดั ขา วของไปโรงเรียนใหเรียบรอยกอนเขานอน ตอนเชาจะไดไมวุนวาย และรองงอแง พานใหอ ารมณเ สยี กันทัง้ บา น 3. การขับถายของลกู วนั แรก ๆ ของการเปดเรยี นอาจจะโกลาหล ถาไมไดฝกซอมไวลวงหนาสัก 2 สัปดาห ความรีบเรง และตื่นเตนอาจทําใหเด็กทองผูก หรือไมขับถายที่โรงเรียน เด็กหลายคนท่ียัง ควบคุมการขบั ถา ยไดไมดีนัก ควรบอกใหคุณครทู ราบ ซึ่งคุณครแู ละพี่เลีย้ งตองดูแลเดก็ หลายคน ถา ฝก ใหลกู ควบคุมได และบอกไดเม่อื ถึงเวลาจะขับถา ย จะชว ยไดมาก 4. อยาลืมอาหารเชา อาหารเชาสําคัญเปน พลังสมองและรางกาย เด็กตองการอาหารสมองในการ เรยี นรู แตธรรมชาตขิ องเดก็ เล็กมักโยเยไมกนิ อาหารเชา จงึ ควรใหเด็กนอนเร็ว ตื่นเชา และกินอาหาร เชา กอ นเปดเทอมจริง ถา ทําไมไดก็เร่มิ ตั้งแตว ันเปด เรียนเพ่อื ปรบั ความเคยชนิ ใหลกู อยา รบี เรงมากนัก เพอ่ื ไมใหทุกคนเครียดในวนั แรก อาหารเชาควรมีคณุ คาทางโภชนาการควรมีนมเสริมอาหารเชาสัก 1 แกว ถาปรบั เวลาไดเดก็ จะกนิ อาหารเชา ไดด ี 5. การนอนดกึ มีผลตอ การเรียนรขู องเดก็ เดก็ นอนดกึ จะนอนไมพอ งอแงในตอนเชา การเรียนรูไมดี จนสงผลตอศกั ยภาพในการเรยี นรแู ละไอคิว อีคิวได ดงั นนั้ พอ แมอ ยานอนดึกเพราะลูกจะนอนดึกดวย คือวันศุกร-เสารอาจจะอนุโลมได กอนนอนใหลูกแปรงฟน สวดมนต ฟงนทิ านใหจ ิตใจสงบ ไมม ที วี ี เปด ดงั ในหอ งนอน หรไี่ ฟลงใหลูกหลบั อาจรอ งเพลงใหฟ งหรอื เลา นิทาน เลา เรอ่ื งดี ๆ ของวนั แรกในการไป โรงเรียนใหเ ขาฝนดี
113 6. เร่ิมฝกเรื่องการรักษาเวลาและตรงตอเวลา เด็ก ๆ มีหลายประเภท คือทําอะไรรวดเร็วหรือ ยืดยาด ตอ รอง งอแง โดยเฉพาะวันแรกหรอื วันจันทร ควรใหล ูกเรมิ่ ฝก วนิ ยั เร่อื งกาํ หนดเวลา เชน • ตอนเชา ลกู จะมนี าฬกิ าปลกุ หรอื พอ แมป ลกุ ควรอาบนํา้ แปรงฟน แตง ตวั เสรจ็ ในเวลากโี่ มง สอนให ลกู ดนู าฬกิ าและเวลาของวนั ดว ย อาหารเชา เวลากโ่ี มง ขน้ึ รถไปโรงเรยี นกโ่ี มง • กลบั จากโรงเรยี นใหล กู วงิ่ เลน ได แลว อาบนาํ้ กโ่ี มง เวลาตง้ั โตะ อาหารกโ่ี มง ทําการบา นกโี่ มง ดทู วี ไี ด นดิ หนอ ย 3 ทมุ เขม็ นาฬกิ าอยทู เ่ี ลข 9 (สอนลกู ดนู าฬกิ าดว ย) ลกู ควรแปรงฟน เตรยี มเขา นอน 7. พอแมเ ปน ตน แบบใหล กู ทําตาม ถาพอ แมรักษาเวลา รักษาระเบยี บและกฎเกณฑใ นบานลกู จะทํา ตาม เมอ่ื เขาทําความดคี าํ พดู ชมเชยมปี ระโยชน ไมท ําอันตรายตอลูก แตไมตามใจจนลูกทําอะไรไมได ดวยตนเอง 8. ใหลูกชวยเหลอื ตวั เองใหไดม ากท่สี ุด ลูกอยูบ านเปนท้งั แกวท้งั แหวน บางครั้งเราก็ตามใจลูกมาก ไมตองทาํ อะไรดว ยตนเอง อยากไดอะไรกต็ ะโกนเรียกใหผ ใู หญทําแทน ทําใหลูกออนแอและไมพัฒนา จึงตองใหล กู แสดงความสามารถ เชน ลากกระเปาเลก็ ๆ ห้ิวกระติกน้ําเอง หรอื ใสแ ละถอดรองเทาเอง ถาเขาทาํ ไดจะมีความภมู ิใจมาก 9. ยามลูกเจบ็ ปวย ลูกอาจไมสบายมากขึ้น จากการเดินทางหรือการเขาเรียน และกิจกรรม อีกทั้ง อาจแพรเช้ือสูผูอ่ืน หรือรับเชื้อจากผูอ่ืนงายข้ึน หากใหคุณครูจัดเด็กปวยพรอมกันจะสับสนได เม่ือ แพทยแนะนําวา มาเรียนไดจึงคอยมา ปแรกของชีวิตอนุบาลเด็กจะปวยกันบอย ๆ จากโรคหวัด เชื้อ ไวรัส และอ่ืน ๆ ปท ่ี 2 และ 3 จะปวยนอ ยลงตามลาํ ดับ 10. ลูกบอกความตองการตนเองใหคนอ่ืนเขาใจได เด็กที่ไมคุนกับสถานที่ท่ี ไมใชบาน บางคนไม บอกความตองการตนเอง และคุณครูก็ไมรูวาเด็กตองการอะไร บางคนเอาแตรองไห หรืออาละวาด ตองฝกลูกวาถาตองการอะไรจะตองบอกวาอยางไร เชน หนูปวดฉี่ ปวดอึ หนูหิว หนูกลัว ก็ใหพูด ออกมากบั คณุ แมบอย ๆ แลว เขาก็จะพดู ใหคณุ ครูฟง เขา ใจได 11. ลูกควรฝกการรอคอย เกิดจากการตามใจเด็กมาก อยากไดอะไรตองไดโดยเฉพาะวัย 3 ป จึง ตองฝก ฝนเพ่อื ใหเ ขาเปน เดก็ ดี มอี ีควิ ท่ีดี รอได ตองฝกทบี่ า น เพราะคุณครูมีคนเดียวเด็กหลายคน จะ ใหคณุ ครดู แู ลพรอมกันทุกคนเปน ไปไมไ ด เวลาจะเลนกต็ องมีการตอ แถว จะรอเวลา ซึ่งเดก็ จะทําไดถา เขารว มกิจกรรม 12. ลูกควรฟงผอู ืน่ ดว ย เด็กท่พี ดู ไมห ยดุ ไมฟ ง ใคร ทําใหก ารเรียนรู การเขากลุมเปนไปไดไมดี ตอง ฝกใหลูกรจู กั ฟง เชน จากการเลานิทานใหล ูกฟงและแมซักถาม ทบทวนวาจับใจความไดหรือไม คณุ กบั ลูก ถงึ ประสบการณต าง ๆ ทีผ่ า นมาในแตละวัน ใหลูกเลาวาวันนี้เลนกับใครเลนอะไรกัน คุณครูอาน นิทานเร่ืองอะไร 13. เรยี นรูแบง ปน ผอู ่นื การเลน กบั เพอื่ น ๆ แบงของเลน กนั เลนดว ยกนั ชว ยกนั เก็บของเลน เด็กจะ เรียนรูทักษะ คอื เปนทง้ั ผูรบั ผใู ห ฝก การเปน ผูน าํ เปน LEADERSHIP ไดตงั้ แตเ ด็ก ๆ 14. ลูกมีพรสวรรคด า นใด เด็กทกุ คนมีความ \"เกง \" ท่ซี อนอยใู นตัว เพียงแตคุณพอคุณแมเ ปด โอกาส ใหลกู ไดแ สดงถึงศกั ยภาพน้นั หรอื ไม บางคนเกงทางการเคลือ่ นไหวรางกาย บางคนพูดเกง บางคนตลก เกง บางคนเงยี บ ๆ แตอานนิทานเร็ว บางคนนํากลุม เกง (มภี าวะผูนาํ ) ฯลฯ การมาโรงเรียนเดก็ จะมาเรียนรูจ ากคุณครูและเพ่ือน ๆ เปนการเพ่ิมทักษะของตนเอง มีเพ่ือน มากขึ้น มีความสุข มีพัฒนาการครบถวน ท้ังรางกายเติบโตแข็งแรง อารมณม่ันคง พัฒนาอีคิวและ พรหมวิหาร 4 การเขาสูค นหมูม ากและสงั คมสติปญ ญาพัฒนา มีจริยธรรม คณุ ธรรมสคู วามเปนเด็กเกง ดี มีสุข นั่นเอง
114 ใบความรูเ รอื่ ง...อบุ ตั เิ หตตุ ามวัยและการปฐมพยาบาลเบื้องตน อบุ ตั เิ หตตุ ามวยั เดก็ อายุ 2 เดือน-5 ป สถิติการเสียชวี ิตของเดก็ เกิดจากอบุ ัติเหตุเปน สาเหตอุ ันดบั แรกของเด็กไทย ไมวา จะเปนใน เมอื ง หรือในชุมชน ซึง่ อบุ ัติเหตดุ งั กลาวเกยี่ วของกับปจ จัย 2 อยาง คือ พฤติกรรม และสิ่งแวดลอ ม พฤติกรรมอาจจะเปน พฤติกรรมของเด็ก หรอื พฤติกรรมการดแู ลเดก็ และส่งิ แวดลอมท่อี ยรู อบๆ ตัว เดก็ ซ่งึ ทง้ั 2 อยาง นไ้ี มใชเ รือ่ งงายทเี่ ราจะแกไข และทาํ ความเขา ใจ เนอ่ื งจากความแตกตางทาง วฒั นธรรมของแตละชมุ ชน แตละพนื้ ที่และฐานะ เด็กอายุ 2-6 เดือน อุบตั เิ หตทุ ่ีเกิดข้ึน การตกจากทีส่ ูง ท่ีนอนหรือผาหมอุดจมูก ของรอนลวก การจมนาํ้ อันตราย จากปลก๊ั ไฟ และรถหัดเดนิ อาหาร หรือสงิ่ ของทท่ี าํ ใหสาํ ลักเขา หลอดลม การกนิ สารพิษ เด็กวัย 2-6 เดือน สาเหตุการเสียชีวติ จะคลา ยๆ กบั เด็กชว ง 0-2 เดือน แตกม็ ีสาเหตทุ ่ีเพมิ่ เขา มา เน่ืองจากเด็กในชวงวัยน้เี รม่ิ ใชม ือแลว เดก็ จะเริม่ ควาของเขา ปาก รจู กั การใชมอื ปด ของใกลๆ ตัว และ เริม่ ใชร ถหดั เดนิ (6 เดอื น) คุณพอคุณแมควรระมดั ระวงั โดยเฉพาะของรอ นพวกชา-กาแฟ น้าํ รอน ปลั๊กไฟเดก็ ในชวงวัยน้คี ุณพอคุณแมมักจะซอ้ื ของเลนใหก บั ลกู แลว การเลือกของเลนจึงควรระมัดระวัง เพราะเด็กมกั จะเอาของเลนเขาปาก การเลือกของเลนจงึ ตองระวัง สวนประกอบตองแนนหนา ไมหลดุ งา ย เพราะอาจจะหลดุ เขาปากเดก็ เขาไปอดุ ตนั ทางเดินหายใจ ทําใหเ ด็กเสยี ชวี ติ ไดและเด็กในวยั นจี้ ะ เริ่มคลานแลว คณุ พอคุณแมจงึ มกั จะเริม่ ใชร ถหัดเดนิ อาจจะเปนเพราะการไมมเี วลา หรอื ปอ งกันเดก็ ซน แตคณุ พอคุณแมหลายคนไมทนั คดิ ถงึ อุบตั ิเหตุทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ไมว าจะเปนการทเ่ี ดก็ ไปดงึ ปลก๊ั ไฟที่ เสียบไว การปนบายทสี่ งู จนทาํ ใหร ถพลิกควาํ่ เปน ตน เพราะการใหเดก็ ใชร ถหัดเดนิ นั้น จะตองไดร บั ความใสใ จอยางสูงจากผูใหญ รพู ฤติกรรมของเดก็ ในชว งวัยน้ี วธิ ที ีด่ ที ่สี ดุ ในการใหเดก็ หดั เดนิ คอื การ เดินดวยตวั เอง โดยมีผูใหญอ ยูใกลๆ เดก็ วยั 6-12 เดือน สาเหตขุ องอุบตั ิเหตุทจี่ ะเกิดขึ้นกับเดก็ วัยน้ี คือ การดงึ สายไฟ กาน้าํ รอน ประตู หนีบมอื และทีน่ า เปน หวงทส่ี ุดคอื เรื่องการจมนํา้ ซง่ึ เปนสาเหตกุ ารเสียชีวิตของเด็กที่นาเปน หว ง การ จมนํา้ ไมจ าํ เปน จะตองอยูรมิ น้ําเสมอไป อาจจะเปนกระปองนาํ้ ในบา น ทอ น้าํ สระน้าํ หรือแหลง นาํ้ ท่ี ผใู หญคิดวา ไมนา จะเปน อันตรายกบั เด็ก แตท ่ีผา นมาอุบัตเิ หตจุ ากการจมนาํ้ เปน สาเหตอุ ันดบั 1 ในการ เสียชีวิตของเด็ก เพราะพฤติกรรมของเดก็ คือชอบเลนนาํ้ เดก็ มักจะเอามือลงไปแกวงในน้ํา จงึ ทาํ ใหเ กิด อุบตั เิ หตุได ความแตกตางของโครงสรางเดก็ แตกตางจากผูใ หญ เพราะเดก็ หัวจะหนักเพราะการทรงตัว ยังไมดี หัวเดก็ จะคว่ํางาย ทําใหเ ด็กหัวทิม่ ลงใบในถังนาํ้ ไดง า ย วิธกี ารปอ งกันคือ การเทน้ําในกระปอ ง ทงิ้ เมื่อใชเสรจ็ หรอื ใชฝ าปด หรอื ปดประตูหองนํา้ หรือกัน้ พืน้ ที่ปลอดภัย ปอ งกันไมใหเ ด็กเขาใกล แหลง น้ํา การบาดเจบ็ ในเดก็ อายุ 2-4 ปแ ละการปอ งกัน ความเสีย่ ง การพลดั ตกหกลม (falls)และการชนกระแทก(struck) คําแนะนํา • เดก็ วัยนจ้ี ะวิง่ และปนปายได ดงั น้นั เดก็ จะมีความเสย่ี งสูงตอ การตกบันไดหกลม ชนกระแทก • ราวบนั ไดและระเบียงตอ งมีชองหางไมม ากพอทเี่ ดก็ จะรอดได • หนาตา งตอ งอยูส งู พอทเี่ ดก็ จะปนปายเองไมได
115 • เฟอรน ิเจอรเชนโตะ ตู ตอ งไมม ีมมุ คม หากมคี วรใสอ ปุ กรณก นั กระแทกท่ีมุมขอบทกุ มุม • ตูวางของตา งๆตองวางบนพ้นื ราบ มั่นคง ไมลมงายเม่ือเด็กโหน หรือปนปาย หากไมแนใจวาตู อยูใ นสภาพที่มัน่ คงใหย ึดตดิ ตูด วยสายยึดกบั กําแพง • ใชอ ุปกรณปอ งกนั ประตหู นีบมอื • หม่ันตรวจสอบประตูรั้วบานโดยเฉพาะประตูอัลลอยดซ่ึงมีขนาดใหญและมีนํ้าหนักมากวามี ความม่ันคงหรือไมป ระตนู ีอ้ าจหลุดจากรางและลม ทับเดก็ ไดง า ยหากเดก็ ปนปา ย • นอกจากในบานแลวเด็กวัยน้ีจะวงิ่ เลน ในละแวกบานดวยดังนัน้ การสํารวจและแกไขจุดอันตราย ในชุมชนเชน ทอ ระบายนาํ้ ทเ่ี ปดฝาไวโ ครงสรา งทม่ี ีความแหลมคมและขวางทางเดินหรือว่ิงของ เดก็ พ้นื สนามเดก็ เลนท่ีแข็ง หรอื เคร่อื งเลนสนามท่ีชํารดุ • พื้นสนามเดก็ เลนทลี่ ดความเสย่ี งตอ การบาดเจ็บของสมองจากการ ตกจากเครื่องเลน คือพ้ืนยาง สังเคราะห หรือพืน้ ทรายทีล่ ึก 20 ซม . ขึ้นไป)หากเด็กตกจากที่สูง และไดรับบาดเจ็บท่ีศีรษะ ควรปรกึ ษาแพทย ความเส่ียง การบาดเจบ็ ทต่ี า ( eye injuries ) คาํ แนะนาํ • ไมค วรใหเ ด็กเลนของเลน ชนิดปน ทมี่ ลี ูกกระสุนชนิดตา งๆเชน ปนอัดลม ปน ลกู ดอก หรือธนู เพราะอาจทําใหเ กิดการกระแทกลูกตาและมเี ลอื ดออกในชองตาได ความเสีย่ ง การจมน้าํ (drowning) คําแนะนาํ • เดก็ วยั นต้ี อ งระวงั การจมนํา้ จากการเลน นํา้ ในอา งอาบนาํ้ สระวา ยน้ํา หรอื การวงิ่ เลน ใกลแ หลง นาํ้ เชน สระนาํ้ คลอง บอ ดงั นน้ั ตอ งกําจดั แหลง นาํ้ ทไ่ี มจ าํ เปน ในบา นและละแวกบา น หรอื กน้ั รว้ั กน้ั ประตู ไมใหเ ด็กอยใู กลแหลงนา้ํ ได • รอ ยละ 37 ของเดก็ ทจ่ี มนํา้ เสียชีวิตเกดิ ในเดก็ เลก็ และมผี ดู ูแลเดก็ รบั ผดิ ชอบอยู แตผดู แู ลเดก็ เผลอชั่วขณะเชนเดนิ ไปลางจาน ตากผา รบั โทรศัพท หรืองบี หลับดงั นน้ั ในสง่ิ แวดลอ มทมี่ ีแหลง นาํ้ ท่เี ดก็ สามารถเขา ถึงได ผดู แู ลเดก็ ตอ งเฝาดตู ลอดเวลา หา มเผลอแมเ พียงชัว่ ขณะ • อายุ 2 ป สามารถสอนเลี้ยงตวั เมือ่ ตกน้าํ เพอื่ ใหโผลพ นนํา้ ชว่ั ขณะ ( water recovery ) และ สอนใหว ายน้าํ ระยะสัน้ ๆเพอื่ ใหตะกายเขาฝง ได การปฐมพยาบาลทีถ่ กู วิธคี ือการผายปอดดวยวธิ ี เปา ปากในกรณีทผ่ี ูจมน้าํ ไมห ายใจเอง สําหรบั การอุมพาดบา กระโดดหรือวิง่ รอบสนาม หรือวาง บนกระทะคว่าํ แลว รีดน้าํ ออก ไมใชวิธีทีถ่ กู ตอ งและจะทําใหข าดอากาศหายใจนานยิ่งข้ึน ความเส่ยี ง การอุดตนั ทางเดนิ หายใจ(suffocation) คาํ แนะนาํ • ไมค วรใหเ ด็กเลนของเลน ทม่ี ีขนาดเล็กกวา ทรงกระบอกทีม่ เี สน ผา ศนู ยกลาง 3.17 ซม . และ ความยาว 5.71 ซม . เพราะของเลน ขนาดนอ้ี าจทําใหส ําลกั อุดตันทางเดินหายใจได • สอนเด็กไมใหว ง่ิ หรือหัวเราะขณะกินอาหาร ผดู แู ลเดก็ ควรไดรับการฝก การชว ยชีวิตเดก็ เมอ่ื เกิด การอุดตันทางเดนิ หายใจ
116 ความเสยี่ ง ความรอนลวก ( burn ) และอันตรายจากไฟฟา (electricalhazard) คาํ แนะนาํ • อยาวางภาชนะบรรจุนํ้ารอ นบนพืน้ เชน หมอนา้ํ แกง เดก็ อาจสะดุดลม ลงในนาํ้ รอนและมอี าการ บาดเจบ็ รนุ แรงได • หอ งครัวเปน จดุ อันตราย ควรมปี ระตกู นั้ เพื่อมิใหเ ด็กเขาไปในบริเวณนั้นได โดยเฉพาะในเวลาทีม่ ี การทาํ อาหารหรือตม นาํ้ อยู • หากเดก็ ไดร บั บาดเจบ็ จากความรอ นลวก ใหใชน ้ําเยน็ หรอื นา้ํ ประปาสะอาดแชหรือลางบาดแผล เพือ่ ลดความรอนลง จนเดก็ หยุดรองจากความเจ็บปวด หลงั จากนนั้ ใชผ า สะอาดปดบาดแผล กอ นนําสง พบแพทย หามทาบาดแผลดว ยนาํ้ ปลา หรอื ยาสีฟน เพราะจะทําใหเ กิดการตดิ เชื้อได • เพื่อปอ งกันการไฟไหม ควรตดิ ต้ังเครอ่ื งจบั ควันเพือ่ เตือนภัยเมอ่ื มีควันไฟเกิดขนึ้ ผูติดตงั้ ควร ตรวจสอบแบตเตอรที่ ี่ใชอ ยางสมํา่ เสมอ • ติดต้งั ปลกั๊ ไฟสูง 1.5 เมตร เพือ่ ไมใหเดก็ เลนได • ตอ สายดนิ กบั อุปกรณไ ฟฟาท่เี ปนสื่อนําไฟฟา ไดเ ชนตแู ชแ ขง็ ตูกดน้าํ ด่มื • ตอเครือ่ งมือตัดไฟฟาอัตโนมัตเิ มอ่ื เกิดการลดั วงจร ความเสี่ยง สัตวกดั (animal bites) คําแนะนาํ • สอนเด็กไมใ หเ ลนกบั สนุ ขั จรจัดสนุ ัขเลี้ยงที่ไมร จู กั และลูกสุนขั แรกเกิดทมี่ ีแมอ ยูดว ย • สอนเด็กไมใ หร งั แกสตั วเชนดงึ หู ดึงหาง แยง จานอาหาร ของเลนของสตั ว • ไมป ลอ ยใหเด็กทารกอยูตามลาํ พังกบั สุนัข • ฉีดวัคซนี ปองกันพิษสุนัขบาแกส นุ ัขเลี้ยง ความเสย่ี ง อบุ ัติเหตุจราจร(traffic inj ur ies) คาํ แนะนํา • การโดยสารรถยนตอยางปลอดภัยควรใชท่นี ั่งสาํ หรบั เดก็ 1-4 ป โดยติดต้ังบนที่นัง่ ดา นหลงั รถ การนงั่ เบาะหลงั จะลดความเสีย่ งตอ การบาดเจบ็ รุนแรงลง 5 เทา • สําหรบั รถปก อพั ใหติดตง้ั ดา นหนาขา งคนขบั และหามใชถ ุงลมในทีน่ ัง่ ดานขางคนขบั เพราะถงุ ลม ท่ีกางออกขณะเกิดอบุ ัตเิ หตนุ ัน้ จะทําใหเ ดก็ ไดร ับบาดเจบ็ ได • อยาท้งิ เดก็ ไวใ นรถคนเดียว ความรอนภายในรถจะทําใหเ กิดอันตรายได • กอนถอยหลังรถออกจากบาน หรือในเขตชุมชน ใหสํารวจหลงั รถกอนวามเี ด็กเล็กซง่ึ ไมสามารถ มองเห็นไดจ ากกระจกสอ งหลังอยหู รือไม • ควรหลกี เลย่ี งการโดยสารรถจกั รยานยนต หากจําเปน จะตอ งใสห มวกนริ ภยั ทม่ี ขี นาดเหมาะสมกบั อายเุ สมอ • เดก็ ทโี่ ดยสารรถจกั รยาน ควรมที น่ี งั่ พเิ ศษสาํ หรบั เดก็ โดยทนี่ งั่ นยี้ ดึ ตดิ กบั รถจกั รยานอยา งแขง็ แรง มี เขม็ ขดั ยดึ เดก็ ตดิ กบั ทนี่ งั่ มที ว่ี างเทา เพอื่ ปอ งกนั เทา เขา ซลี่ อ และเดก็ ควรสวมใสห มวกนริ ภยั • ไมใ หเ ด็กถบี สามลอ หรือจักรยาน หรอื วิง่ เลนบนถนน หรอื บนทางเทา ความเสยี่ ง สารพิษ (poisoning) คาํ แนะนาํ • หากเด็กกนิ สารพิษ ใหต ิดตอ ศนู ยพิษวิทยาหมายเลข 022011083, 022468282 เพื่อขอรับ คําแนะนําในการปฐมพยาบาลอยางถกู วธิ ี
117 บรรณานกุ รม กน กก ร สุ นท ร ข จิ ต .ก า ร ใ ช ย า ใ น ส ต รี ต้ั ง ค ร ร ภ ค วา ม พิ ก าร ต อท าร ก ฉ บั บ ม า ต ร ฐ า น .กรุ ง เ ท พ ม ห า น ค ร : โ ร ง พิ ม พ คุ รุ ส ภ า , 2 5 4 4 . กอไชย โตศิริโชค.นวดเด็กเพ่ืออัจฉริยะ.พิมพครั้งที่ 2.กรุงเทพมหานคร : ยูโรปา เพรสบริษัทจํากัด,ไมระบุปพ.ศ. กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.ความรูเก่ียวกับการอบรมเล้ียงดูลูก.นนทบุรี : บริษัทบียอนด พับลิชชิ่ง จาํ กัด,2548. ชนิกา ตูจินดา.หมอชนิดาตอบปญหาเด็กวัยแรกเกิด-1 ป.พิมพคร้ังท่ี19.กรุงเทพมหานคร : บริษัทพิมพดี จาํ กัด,2547. โชคชัย ชยธวัช.สรางลูกเปนอัจฉริยะกรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพซี .พี.บุคส สแตนดารด,2546. พิภพ-มยุรี จิรภิญโญ.ครอบครัวแสนสุข คูมือแมและเด็กฉบับสมบูรณ.กรุงเทพมหานคร :God Giving,2546. พีรศุษม รอดอนันต.ลูกนอย ฟนสวย ย้ิมใส.กรุงเทพมหานคร : ซีเอ็ดยูเคชั่น,2549. พุทธิตา. 2549. พลังแหงรักและปญหาพัฒนาลูกออทิสติก. กรุงเทพฯ: แฮปป แฟมมิลี่. นวรัตน เพ็ญพิมล .บทความจากหยาดนาํ้ รักสูหน่ึงชีวิต. คอลัมภเตรียมตัวเตรียมใจ โ ร ส . บ ท ค ว า ม กิ น เ ผ่ื อ เ จ า ตั ว น อ ย . ค อ ลั ม ภ คุ ณ แ ม ค น ใ ห ม . นิ ต ย ส า ร รั ก ลู ก . รักลูกบุกส.แผนที่นาํ ทางสรางศักยภาพสมองลูก.กรุงเทพมหานคร :บริษัทพิมพดี จํากัด,2549. รวิวาร โฉมเฉลา.มหัศจรรยแหงการอาน.4.กรุงเทพมหานคร : บริษัท อมรินทรพริ้นต้ิงแอนดพับลิชชิ่ง จํากัด (มหาชน),2549. วิไล เลิศธรรมเทวี.เอกสารประกอบการบรรยายเรื่อง กลยุทธการสงเสริมสุขภาพทารก.นวดสัมผัสทารก. พิษณุโลก,2551. วิทยา นาควัชร ะ.วิธีเลี้ยงลูกใหเ กง ดีและมีสุข.พิ มพครั้งท่ี 4.กรุงเ ทพมหานคร : บริษั ทอมรินทรพร้ินต้ิ ง แอนดพับลิชช่ิง จาํ กัด(มหาชน),2545. สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล(ประเทศไทย).เภสัชกรดูแลยาเพื่อลูกนอย. กรุงเทพมหานคร : สํา นั กง า น คณะกรรมการอาหารและยา,2546 สายฝน –วิชัย ชวาลไพบูลย .40สัปดาหพัฒนาครรภคุณภาพ.พิมพครั้งท่ี 4.กรุงเทพมหานคร : บริษัทพิมพดี จํากัด,2548. สํานักสงเ สริมสุขภ าพ กรมอนามัย. การออกกําลังกายสําหรับหญิง ต้ังครรภ และหญิงห ลังคลอด : โรงพิม พ อ ง ค ก า ร ส ง เ ค ร า ะ ห ท ห า ร ผ า น ศึ ก . ไ ม ร ะ บุ ป สํานักสงเสริมสุขภาพ กรมอนามัย.คูมือสงเสริมสุขภาพแมและเด็ก : โรงพิมพชุมนุมการเกษตรแหงประเทศ ไ ท ย จํา กั ด , 2 5 4 9 . ศูนยอนามัยท่ี 8 กรมอนามัย.การสงเสริมทันตสุขภาพในวัยเด็ก.นครสวรรค : ส่ีแควการพิมพ,2547. ศูนยอนามัยท่ี 8 กรมอนามัย.คูมือการดูแลหญิงต้ังครรภและทารกแรกเกิด.นครสวรรค : วิสุทธ์ิการพิมพ,2548. ศูนยอนามัยท่ี 8 กรมอนามัย.คูมือวิทยากรโรงเรียนพอแม.นครสวรรค : พิมพดีการพิมพ,2549. ศูนยนมแมแหงประเทศไท ย.พระกษีรธารา ดวยรักจากแม แดพระองคที.พิมพค รั้งท่ี2.กรุงเทพมหานคร : บริษัทอมรินทรพริ้นติ้งแอนดพับลิชชิ่งจาํ กัด(มหาชน),2550. .
118 คณะผูจัดทํา ที่ ป รึ ก ษ า กิ ต ติ ม ศั ก ด์ิ พิ ณ เ มื อ ง ง า ม บรรพตปราการ น า ย แ พ ท ย ช า ญ ชั ย น า ย แ พ ท ย ช า ญ ชั ย ที่ ป รึ ก ษ า คณะทาํ งาน นายแพทยชัยนันต เถียรสุทธิกุล น า ง สุ จิ ต ร า บ า ง ส ม บุ ญ แพทยหญิงไสววรรณ ไผประเสริฐ นายแพทยชัยวัฒน อภิวันทนา น า ง ส า ว ป ร า ณี สุ วั ฒ น พิ เ ศ ษ ทันตแพทยกองเกียรติ เติมเกษมศานต นางสาวพิมพชนก แพสุวรรณ น า ง บุ ษ ร า ใจแสน น า ง ศ ศิ ช ล ห ง ษ ไ ท ย น า ย เ พ่ิ ม ศั ก ด์ิ รุ ง จิ ร า รั ต น น า ย ศิ ว พ ล สุ ว ร ร ณ บั ณ ฑิ ต น า ง จั น ทิ ร า สุ โ พ ธ์ิ นางเพียงฤทยั พิ พั ฒ น ศิ ริ นางสาวสิริวรรณ พั น ร อ ด นางสาวชดิ ชไม กวางแกว นางสารศิ า สื บ จ า ก ดี นางสาวเยาวลักษณ กาญจนะ นางวิราวรรณ โ พ ธิ์ ง า ม นายมานพ ศ รี ช ม พู ผู เ รี ย บ เ รี ย ง แ ล ะ ป ร ะ ส า น ง า น น า ง ศ ศิ ช ล ห ง ษ ไ ท ย นางสาววิจิตรา คํา้ ชู
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123