Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปัฏฐานและบัญญัติ

ปัฏฐานและบัญญัติ

Published by WATKAO, 2021-01-22 06:58:04

Description: ปัฏฐานและบัญญัติ

Keywords: ปัฏฐานและบัญญัติ

Search

Read the Text Version

- 73- * คาถาท่ี ๒ คาถาสังคหะทีแ่ สดงถงึ ปจจัย ๖ จาํ พวก ( น.๑๘๙ ) ฉธา นามนฺตุ นามสฺส ปจฺ ธา นามรปู นํ น - น มี ๖ ( คาถา ๓ ) น - นร มี ๕ ( คาถา ๔ ) เอกธา ปนุ รูปสสฺ รูป นามสฺส เจกธา น - ร มี ๑ ( คาถา ๕ ) ร - น มี ๑ ( คาถา ๖ ) ปฺตฺตินามรูปานิ นามสฺส ทุวธิ า ทุวยํ บนร - น มี ๒ ( คาถา ๗ ) ฉพฺพิธา ปจฺจยา กถํ ฯ กถํ - ถามเพ่ือตอบเองไมไดต องการใหใครตอบ ทฺวยสสฺ นวธา เจติ นร - นร มี ๙ ( คาถา ๑๓ - ๒๑ ) จาํ แนกปจจัย ๒๔ ออกเปน พวกๆ คอื นาม นาม มี ๖ ปจ จยั มี ๕ ปจ จัย นาม นามรูป มี ๑ ปจ จยั มี ๑ ปจจยั นาม รปู มี ๒ ปจ จยั มี ๙ ปจจัย รูป นาม ( จํา = ๖ ๕ ๑ , ๑ ๒ ๙ ) บญั , นามรูป ท้งั ๓ นาม นามรปู ทง้ั ๒ นามรปู ทงั้ ๒ ปจจัยธรรมทัง้ หลายแบงออกเปน ๖ พวก ดังน้ี น-น มี ๖ อนนั ., สมนนั ., นัตถ.ิ , วิคต., อาเส., สมั ปยุตต. ( จาํ = กลุม อนนั ตร. เวน อนนั ตรู.เพม่ิ สมั .) น-นร มี ๕ เหตุ., ฌาน., มัคค., กมั ม., วปิ าก. ( จาํ = เห.ฌา.มัค. + กัม. + ปา. ) น-ร มี ๑ ปจ ฉาชาต. ร-น มี ๑ ปุเรชาต. ( จาํ = ใหญ ๔ + อญั .วิป. + ธิ.หา.อนิ ) บนร-น มี ๒ อารมั มณ., อปุ นิสสย. นร-นร มี ๙ อธิปติ., สห., อญั ., นสิ ., หา., อนิ ., วิป., อัตถ.ิ , อว.ิ

* การหาปจจัย / ปจจยปุ บัน ๖ จําพวก ( ๖ ๕ ๑ , ๑ ๒ ๙ ) ๑ เหตปุ .จ. น-นร ๑ ๑ ๒ อารัมมณป.จ. บนร-น ๑ ๓ อธิปติป.จ. นร-นร ๑) สหชาตาธิ. > น-นร ๒) อารัมมณาธ.ิ > นร-น ๑ ๑ ๔ อนนั ตรป.จ. น-น ๒ ๕ สมนันตรป.จ. น-น ๒ ๒ ๖ สหชาตป.จ. นร-นร ๒ ๒ ๗ อญั ญมัญญป.จ. นร-นร ๘ นสิ สยป.จ. นร-นร ๑) สห.นิ. > นร-นร ๒) วัตถ.ุ น.ิ > ร-น ๓) วตั ถา.น.ิ > ร-น ๓) ตู. > บนร-น ๙ อุปนสิ สยป.จ. บนร-น ๑) ณ.ู > นร-น ๒) ร.ู > น-น ๑๐ ปเุ รชาตป.จ. ร-น ๑) วตั ถุป.ุ > ร-น ๒) อารมั มณปุ. > ร-น ๑๑ ปจฉาชาตป.จ. น-ร ๑๒ อาเสวนป.จ. น-น * คาถาที่ ๓ นาม ---> นาม ๖ ปจจัย ( น.๑๙๐ ) ๑) จิต +เจ. ท่ีเกดิ ขน้ึ และดับไปโดยไมมีระหวางคัน่ เหลา น้ี จิต + เจ. ทเ่ี กดิ ขนึ้ ใหมตดิ ตอ กัน ๒) ชวนะทเ่ี กดิ กอ นๆ เหลา นี้ ชวนะทเี่ กิดหลังๆ ๓) จติ +เจ. ทเ่ี กิดพรอมกัน เหลานี้ ( = เปน ปจ จยั ชวยอุปการะแกก ันและกนั ) * คาถาที่ ๔ นาม ---> นามรปู ๕ ปจจยั ( น.๑๙๐ ) ๑) เหตุ ๖ องคฌาน ๕ องคม คั ค ๙ เหลาน้ี นร ท่ีเกดิ พรอมกันกับตน ๒) - เจตนา ที่เกิดพรอ มกนั นร ทเ่ี กดิ พรอ มกัน อยา งหน่ึง - เจตนา ท่ีเกดิ ตางขณะกัน คอื ดบั ไปแลว น้ัน นร ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยอาศัยกรรมทีด่ บั ไปแล ๓) วิปากนามขนั ธ ๔ / รปู ท่ีเกิดพรอมกัน ( = เปน ปจจัยชวยอุปการะแกก ันและกนั และเปนปจ จัยชวย * คาถาท่ี ๕ นาม ---> รูป ๑ ปจจยั ( น.๑๙๑ ) จติ +เจ. ที่เกิดหลงั ๆ เหลาน้ี กาย ท่เี กดิ กอนๆ

- 74- ๑๓ กัมมป.จ. น-นร ๑) สห.กัม. > น-นร ๒) นานัก. > น-นร ๑๔ วปิ ากป.จ. ๑๕ อาหารป.จ. น-นร ๑๖ อนิ ทริยป.จ. ๑๗ ฌานป.จ. นร-นร ๑) นามอาหาร > น-นร ๒) รูปอาหาร > ร-ร ๑๘ มคั คป.จ. ๑๙ สมั ปยตุ ตป.จ. นร-นร ๑) สหชาติน. > น-นร ๒) ปเุ รชาตนิ . > ร-น ๓) รปู ชีวติ นิ . > ร-ร ๒๐ วปิ ปยุตตป.จ. ๒๑ อัตถิป.จ. น-นร ๒๔ อวิคตป.จ. ๒๒ นตั ถิป.จ. น-นร ๒๓ วิคตป.จ. น-น นร-นร ๑) สห.วิป. > นร-นร ๒) วัตถุ.วปิ . > ร-น ๓) วัตถา.วปิ . ร-น ๔) ปจ .วิป. > น-ร นร-นร ๑) สห.ตัต/อว.ิ > นร-นร ๒) วัตถ.ุ ตตั /อวิ. > ร-น ๓) อารมั .ตัต/อวิ. > ร-น นร-นร ๔) ปจ.ตตั /อว.ิ > น-ร ๕) อาหา.รัต/อว.ิ > ร-ร ๖) อิน.ยัต/อวิ. > ร-ร น-น น-น ดวยอาํ นาจแหง อนนั ตรปจจัย, สมนันตรปจ จัย, นัตถปิ จจยั , วคิ ตปจจยั ดว ยอาํ นาจแหง อาเสวนปจ จัย ดวยอาํ นาจแหง สมั ปยตุ ตปจจัย ดวยอํานาจแหง เหตปุ จจัย, ฌานปจ จัย, มัคคปจจยั ลว อยางหน่ึง ดวยอาํ นาจแหง กัมมปจจยั อนั ไดแ ก สหชาตกมั มปจ จัย, นานกั ขณิกกมั มปจ จัย ดวยอาํ นาจแหง วปิ ากปจ จัย ยอปุ การะแก... ) ดว ยอํานาจแหง ปจฉาชาตปจ จยั

* คาถาที่ ๖ รปู ---> นาม ๑ ปจ จยั วิญญาณธาตุ ๗ ในปวตั ตกิ าล อยางหน่ึง ๑) วตั ถทุ ้งั ๖ ปญจวิญญาณวถิ ี อยา งหนงึ่ ๒) อารมณท้งั ๕ ดว ยอํานาจแหง ปเุ รชาตปจ จยั อนั ไดแก วตั ถปุ ุเรชาตปจ จัย, อา * คาถาที่ ๗ บญั ญตั ิ นาม รูป ท้ัง ๓ ---> นาม ๒ ปจ จัย ดวยอาํ นาจแหง ๑) อารมั มณปจจยั 3 คาถาที่ ๘ ในปจจัย ๒ อยา งน้นั อารมั มณปจ. มี ๖ อยา ง โดยปร ๒) อปุ นสิ สยปจจยั 3 คาถาที่ ๙ สว น อุปนิสสยปจ. มี ๓ อยา ง คอื ๑) อารัมมณปู นิสสยปจจยั 3 คาถาท่ี ๑๐ ในอปุ ปนสิ ๒) อนนั ตรปู นสิ สยปจ จัย 3 คาถาท่ี ๑๑ จิต + เจ.ทเ่ี ก ๓) ปกตูปนสิ สยปจ จยั 3 คาถาท่ี ๑๒ ๑) อกุศลธรรม มีราคะเป กศุ ลธรรม มศี รทั ธา ความสขุ กาย ทกุ ขกา บุคคล อาหาร อากาศ ๒) และกรรมทม่ี ีกําลงั อ - สทุ ธ. ๑) - มิสสก. มัค มคั เจต

- 75- ๒. อารมั มณปุเรชาต. = ปญ จารมณ ---> ปญจวิญญาณวถิ ี ปุเรชาต. ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช .... ช ต ต ารัมมณปเุ รชาตปจ จยั ๑. วตั ถปุ ุเรชาต. = วตั ถุ ๖ ---> วญิ ญาณธาตุ ๗ ระเภทแหงอารมณ มีรูปารมณ เปน ตน สสยปจ จัยทัง้ ๓ นนั้ อารมณที่พึงกระทาํ ใหเ อาใจใสเปนพเิ ศษ ชื่อวา อารัมมณปู นสิ สยปจ จยั กดิ ข้นึ และดบั ไปโดยไมม รี ะหวา งคน่ั น้ันเอง ชอ่ื วา อนนั ตรูปนสิ สยปจจัย ปนตน เหลา น้ี ธรรมทง้ั หลาย มีกุศลธรรม เปนตน ซงึ่ เกดิ อยทู งั้ ภายในและภายนอกตามสมควร กด็ ี เปน ตน าย วบิ ากนามขันธ ก็ดี ชอ่ื วา ปกตปู นสิ สยปจจัย ท้ังสนิ้ ศ ท่อี ยู อยางแรงกลา ๘๙ . ๕๒ . ๒๘ . (-เจตนา ๓๓ ) . บัญ. ---> ๘๙ . ๕๒ ( เปน ไดทั้งภายใน ภายนอก ) คค.๔ ผล.๔ เกดิ ตดิ ตอ กัน คค.๔ ผล.๔ ขามดวงขามวถิ ี ๒) ตนา ๒๙ โลกียวิปาก ๓๒ . ๓๕

* คาถาท่ี ๑๓ นาม รูป ---> นาม รูป ๙ ปจ จยั ( น. ๑๙๒ ) โดยประเภทแหง อธปิ ติ., สหชาต., อัญ., นิส. (๑๕) (๑๖) (๑๗ * คาถาท่ี ๑๔ ในบรรดาปจจยั ทง้ั ๙ นน้ั อธิปตปิ จ จยั มี ๒ ปจจยั คือ ๑) อารมณท ี่พงึ กระทาํ ใหเอาใจใ ๒) องคอธบิ ดีทง้ั ๔ มีฉนั ทะ เปน วิปปยุตตปจ จยั สหชาตปจ จัย อัญญมัญญปจจยั = สหชาตน 1. ๘๙ . ๕๒ ๘๙ . ๕๒ 2. มหาภูตรูป ๔ มหาภูตรปู ๔ 3.1 ปฏิ.๑๕.๓๕ หทยวัตถุ 3 ๑. สหชาตวิป. 3.2 หทยวัตถุ ปฏ.ิ ๑๕.๓๕ 3 4 ๗๕ . ๕๒ ปฏ.ิ กํ ๒ ๖ ๓, จิรุ. 5. มหาภูตรูป ๔ อุปาทายรปู ๒๔ ๒. วัตถปุ เุ รชาตวิป. = วตั ถุ ๖ วญิ ญาณธาตุ ๗ 1+4 = ๓. วตั ถารัมมณปุเร.วิป. = หทยวัตถุ มโน.๑, กามชวนะ.๒๙, ตทา.๑๑,อภิญ.๒,๔๔ 2+5 = ๔. ปจฉาชาตวิป. = ๘๕ . ๕๒ กาย 3.1+3.2 = * คาถาที่ ๑๕ สหชาตปจจยั มี ๓ อยา ง คอื *ค ๑) 1+4 = จติ +เจ. / รปู ท่เี กดิ พรอ มกนั อยา งหนงึ่ ๑ ๒) 2+5 = มหาภูตรปู ๔ ๒ ๓) 3.1+3.2 = ในปฏสิ นธขิ ณะ หทยวัตถุ / อปุ าทายรูป อยา งหนงึ่ ๓ และวิปากนามขนั ธ ๔ * คาถาที่ ๑๖ อัญญมัญญปจ จัย มี ๓ อยาง คือ *ค ๑) 1+4 = จติ +เจ. อยางหนึง่ ๑ ๒) 2+5 = มหาภตู รปู ๔ อยา งหนง่ึ ๓) 3.1+3.2 = ในปฏสิ นธิขณะ หทยวตั ถุ อยางหนึง่ ๒ และวิปากนามขันธ ๔ ๓

- 76- ., อาหาร., อนิ ., วปิ ., อัตถิ.+อวคิ ต. ( จํา = ใหญ ๔ + อัญ.วปิ . + ธ.ิ หา.อิน ) ๗) (๑๘) (๑๙) (๒๐) (๒๑) ใสเปนพเิ ศษ นาม ดว ยอํานาจแหง อารัมมณาธปิ ตปิ จ จยั อยา งหนึ่ง นตน ท่ีเกดิ พรอ มกนั นามรปู ท่ีเกิดพรอ มกัน ดวยอาํ นาจแหง สหชาตาธิปติปจ จัย อยางหนงึ่ นิสสยปจจยั นิสสย. = วตั ถปุ ุเรชาตนสิ สย. = วตั ถารมั มณปเุ รชาตนิสสย. 1. วตั ถุ ๖ วิญญาณธาตุ ๗ ( ๘๕ . ๕๒ ) หทย. มโน.๑, กามชวนะ.๒๙, 2. ตทา.๑๑, อภิญ.๒, ๔๔ 3.1 รวม = วัตถุ ๖ ---> วิญญาณธาตุ ๗ 3.2 4 5. ๘๙.๕๒ <--> ๘๙.๕๒ --> ปฏิ.กํ.๒ ๖ ๓, จริ ุ. 3.1+4 = ๘๙.๕๒ ---> ปฏ.ิ กํ ๓ ๗ ๔, จิรุ. มหาภตู รูป ๔ <--> / --> อปุ าทายรูป ๒๔ 1+3.1+4 = ๘๙.๕๒ <--> / --> ปฏ.ิ กํ.๓ ๗ ๔, จริ .ุ ปฏ.ิ ๑๕.๓๕, หทย. <--> ปฏิ.๑๕.๓๕, หทย. คาถาที่ ๑๗ นสิ สยปจ จยั มี ๓ อยาง คอื ๑) 1+4+3.1 = จติ +เจ. / รปู ทเี่ กิดพรอมกนั อยางหน่ึง ๒) 2+5 = มหาภูตรปู ๔ ๓) 3.2+วตั ถุ ๖ = วตั ถุรปู ๖ / อุปาทายรปู อยา งหนง่ึ วิญญาณธาตุ ๗ อยางหนงึ่ คาถาท่ี ๒๐ วปิ ปยุตตปจ จยั มี ๓ อยาง คือ วปิ ากนามขันธ ๔ ๑) 3.2, 3.1+4 = ในปฏสิ นธิขณะ หทยวัตถุ รูป ทีเ่ กิดพรอมกัน ดวยอาํ นาจแหง สห.วปิ .อยา งหนึง่ และจิต+เจ. กาย ทเ่ี กิดกอ นๆ ดว ยอํานาจแหง ปจ.วปิ .อยา งหนงึ่ ๒) ปจ ฉา. = จติ +เจ. ทเ่ี กดิ หลงั ๆ ๓)วตั ถุ+วัตถา. = ในปวตั ติกาล วัตถรุ ูป ๖ วญิ ญาณธาตุ ๗ ดวยอาํ นาจแหง ปเุ ร.วปิ . อันไดแก วตั ถุปุเรชาตวปิ . และวตั ถารัมมณปุเรชาตวปิ .

* คาถาท่ี ๑๘ อาหารมปี จ จยั ๒ อยา ง คอื กาย อยางหน่งึ 3 คาถาท่ี ๑) อาหารทพี่ งึ กระทาํ ใหเ ปน คาํ ๒) นามอาหารทั้ง ๓ มีผัสสะ เปนตน นร ทีเ่ กิดพรอมกนั อยางหนง่ึ ชาติ * คาถาท่ี ๑๙ อนิ ทรยิ ปจ จัย ๓ อยาง คือ นร ทีเ่ กดิ พรอ มกัน อยา งหนึง่ ๑) สหชาต ส. ๑) นามอินทรยี  อธ.๘ มชี ีวติ ินทรยี เจ. เปน ตน ๒) อารมั มณ ป.ุ ๒) ปสาทรูป ๕ ปญ จวญิ ญาณ อยา งหนง่ึ ๓) อนันตร ร.ู ๓) รปู ชวี ติ นิ ทริย ๔) วัตถุปเุ ร อุปาทนิ นรูป อยา งหนึง่ ๕) ปจฉาชา ๖) อาหาร. * คาถาที่ ๒๑ อัตถปิ จจัย และอวิคตปจจยั มีอยางละ ๕ ดังน้ี คือ ๗) รูปชวี ติ ิน ๘) ปกตูปน ส. ๑) โดยความเปน สหชาตชาติ อยา งหน่ึง ๙) นานกั ขณ วัต. โดยความเปน ปุเรชาตชาติ อยางหนง่ึ ** อา. ๒) โดยความเปน ปจ ฉาชาตชาติ อยา งหนึง่ ปจ . ๓) โดยความเปน กพฬีการาหาร อยา งหน่งึ โดยความเปน รปู ชีวิตินทรยี  อยางหน่งึ โดยประการทง้ั ปวง หา. ๔) อนิ . ๕) * คาถาที่ ๒๓ ในปฏฐานนยั นี้ทวี่ า สหชาตรูป ในสหชาตชาติท่ัวไปทงั้ หมดนน้ั แบง ออกเปน ๒ อยา ง ๑) โดยประเภทแหง จิตตชรปู ทเี่ กิดในปวัตติกาล ๒) และกมั มชรปู ทเ่ี กดิ ในปฏิสนธกิ าล ** ** นกั ศึกษาท้งั หลายพึงทราบดงั น้ี ๑) พรอมกัน ( สหชาตรูป ) ** โลกีย.๑๘ (-ทว.ิ ๑๐,อรูป.๔), ๓๕ --> จติ ตชรปู . * คาถาที่ ๒ ปฏิ โลกียวปิ าก.๓๒, ๓๕ ปวัตติกัมมชรูป ๒) พรอ มกัน ( สหชาตรปู ) อวิชชา -->สังขาร --> วิญญาณ (ปฏ.ิ ๑๕, เจ.๓๕ ) --> ปฏิ.กํ. ๓ ๗ ๔ รักทษาานศลี นาม ภาวนา ผัสสะ เวทนา กัมมวญิ ญาณ

๒๒ แสดงปจ จัยโดยยอ แลว ปจจยั ทั้งหมดเหลา น้ี ( ๔๗ --> ๒๔ --> ๔ ) ยอรวมลงใน - 77- ๑. อารัมมณปจ จัย ๒. อุปนิสสยปจ จยั ๓. กมั มปจจยั ๔. อัตถปิ จ จยั ทง้ั สน้ิ หา. 3 ยกเพยี ง ๔ ปจจยั นี้ เพราะสามารถครอบคลุมไดค รบท้ัง ๙ ชาติ คอื ๑.อารัมมณปจ. ๒.อุปนิสสยปจ. ๓.กมั มปจ. ส. ๔. อัตถปิ จ. อิน. ณู รู ตู สห. นานกั วตั . อา. ปจ. 3 ต. 3 3 ณ. 3 3 3 ร. 3 รชาต. 3 าต. 3 น. 3 นิส. 3 ณกิ . * ยก อัตถิปจ จยั ได ๖ ชาติ คอื ๑.สหชาตชาติ ๒.วัตถปุ ุเรชาตชาติ ๓.อารมั มณชาติ ๔.ปจฉาชาตชาติ ๕.อาหารชาติ ๖.รปู ชวี ติ ินทริยชาติ ขาด ๓ ชาติ - อนนั ., ปกตู., นานัก. และ อธ.ยังไมครบถวน * ยก อปุ นิสสยปจจัยได ๒ ชาติ คอื ๑.อนนั ตรชาติ ๒.ปกตูปนสิ สยชาติ ( มงุ หมายเอา อนัน., ปกตู. แตขาด นานัก.+อธ. ) * ยก กมั มปจ จยั ได ๒ ชาติ คอื ๑.สหชาตชาติ ๒.นานักขณิกกัมมชาติ ( มงุ หมายเอา นานัก. แตย งั ขาด อธ. ) * ยก อารมั มณปจ จัยได ๑ ชาติ คือ อารัมมณชาติ เพื่อใหม ี อธ.ครอบคลมุ ธรรมทั้งหลาย ๒๔ โดยนัยดังทกี่ ลา วมาแลว น้ี ธรรมท้งั หลาย ( อารมั มณปจ จยั อธ. = ๘๙, ๕๒, ๒๘, นิพ, บัญ ---> ๘๙, ๕๒ ) - ทเ่ี กดิ ในกาลทง้ั ๓ และท่ีเปนกาลวิมุตทเ่ี กดิ ในอชั ฌตั ตะและพหทิ ธ - ท่ีเปนสงั ขตะและอสงั ขตะ - หรอื ทมี่ ี ๓ โดยประเภทแหง บัญญตั ิ นาม รปู เหลานี้ ชอ่ื วา ปจ จัย ๒๔ ในปฏฐานปกรณ โดยประการท้งั ปวง ตามสมควรท่จี ะเปนไปได

* สรุปคาถา ปจ จัย ๒๔ โดยยอ คาถาท่ี ๓ น ---> น มี ๖ อนนั ตร. สมนนั ตร. นตั ถ.ิ วคิ ต. (กลมุ อนันตร.เวน อนนั ตรู เพิ่มสมั ) ค อาเส. ค ค สัม. ค คาถาท่ี ๔ น --->นร มี ๕ เห. ฌา. มคั ค ค กมั ม. สหชาต. (เจตนา พรอ มกนั ) ค ค นานกั . (เจตนา ตา งขณะกัน ) ค ปา. / คาถาท่ี ๕ น --->ร = ปจ ฉาชาต. คาถาที่ ๖ ร --->น = ปุเรชาต. อารมณท งั้ ๕ วัตถุท้งั ๖ คาถาท่ี ๗ บนร --->น อารมั มณ. ---> คาถาที่ ๘ อุปนิสสย. ---> คาถาท่ี ๙ ณู. ---> คาถาที่ ๑๐ รู. ---> คาถาท่ี ๑๑ ตู. ---> คาถาท่ี ๑๒ เจตนา กัมม. คาถาท่ี ๑๓ นร --->นร = ใหญ ๔ + อญั .วปิ . + ธ.ิ หา.อนิ คาถาที่ ๑๔ อธปิ ติ. อรมั มณา. สหชาตา. คาถาที่ ๑๕ สหชาต. 1+4 / 2+5 / 3.1+3.2 ในปฏสิ นธขิ ณะ. คาถาที่ ๑๖ อญั ญ. 1+4 2+5 3.1+3.2

- 78- คาถาท่ี ๑๗ นสิ สย. 1+4+3.1 / 2+5 / คาถาที่ ๑๘ อาหาร 3.2 + วตั ถุ ๖ คาถาที่ ๑๙ อินทริย. รูป / นามอาหาร คาถาที่ ๒๐ วิปป. ส. ปุ. ร.ู 3.2, 3.1+4 ปจฉาชาต. วตั ถุ ๖ + วัตถา. คาถาท่ี ๒๑ อตั ถิ + อวคิ ต มี ๕ อยาง วาโดย ส. วัต. อา. ปจ . หา. อิน คาถาท่ี ๒๒ ปุเร. คาถาที่ ๒๓ ปจ จัยโดยยอ ๔ = อารัมมณ. อุปนสิ สย. กมั ม. อตั ถ.ิ คาถาท่ี ๒๔ สห.รูป ๒ จิตตชรปู ท่เี กดิ ในปวตั ติกาล กัมมชรูปท่เี กดิ ในปฏิสนธกิ าล ในปฏ ฐานปกรณ โดยกาล ๓ กาลวมิ ุต อชั ฌัต. + พหิทธ. สังขตะ อสงั ขตะ บญั ญัติ นาม รปู ช่อื วา ปจ จัย ๒๔ ในปฏฐานปกรณ โดยประการท้ังปวง ตามสมควรท่จี ะเปน ไปได

สรุปปฏจิ จสมปุ บาทและปฏ ฐาน, บญั ญตั ิ โครงสรา งในปจ จัยสังคหะ ( ปรจิ เฉท ๘ ) ปฏิจจสมุปบาท ปฏ พระสูตร พระอภิธรรม พระสตู ร - นานาจิตตักขณกิ ปฏิจจ. - เอกจิตตกั ขณิกปฏิจจ. - มกี ารหาอาํ นาจปจ จัยแสดง - มีพระถาคา๑๐ +คาถาสดุ ทา ย - มกี ารแสดง ๓ บท ไวในทายแตล ะคูของปฏิจจ - สิง่ ที่ควรรู ๑) อกุศลบท ๕ แบบ - แสดงโดยปุคคลาธษิ ฐาน ๓,๑๒, ๒๐, ๓, ๔, ๓, ๒ ๑.ทฏิ ฐ.ิ ส.ํ ๔ ๔.วิจิกจิ ฉา.สํ.๑ กาล ๓ ๒.ทิฏฐ.ิ วปิ .๔ ๕.อทุ ธัจจ.ส.ํ ๑ องค ๑๒ ๓.ปฏิฆ.ส.ํ ๒ ประเภท ๒๐ ๒) กศุ ลบท ๑ แบบ ๑๒ องคเปล่ียน ๓ สันธิ ๓ ๓) อัพยากตบท ๓ แบบ สังเขป ๔ ๑.ทว.ิ ๑๐ ๙ องค วัฏฏะ ๓ ๒.อเห.๑๘ ๑๐ องค กิรยิ า = แท ( องคแ ทเ รม่ิ ที่ สังขา มลู ๒ ๓.สเห.วิปา.๒๑ ๑๑ องค วปิ าก = ไมแ ท ( องคแ ทเรมิ่ ที่ วญิ ญ สเห.กิ.๑๗ - ปญญาในช้ัน กัมมสกตาญาณ - ปญ ญาในชั้น วปิ สสนาญาณ

- 79 - ฏฐาน บัญญตั ิ พระอภธิ รรม - บาลที ี่ ๑ - บาลที ี่ ๒ ง - มีการแสดง ๒๔ พระคาถา เนอ้ื ความในอภิธรรม สวนทเ่ี หลือจากรปู นาม จ. ไดแก รูปนาม ไดแ ก บัญญัติ - แสดงโดยธัมมาธษิ ฐาน บาลีท่ี ๓ บาลที ี่ ๔ แสดงอัตถบญั ญัติ แสดงสัททบญั ญตั ิ าร ) วา โดยยอ ๖ อยา ง วาโดยชื่อ ๖ อยาง ญาณ ) วา โดยพิสดาร ๑๗ อยา ง บาลที ่ี ๕ วา โดยประเภทมี ๖ บาลที ี่ ๖ วา โดยวชิ ชมาน บาลที ่ี ๗ วาโดยอวชิ ชมาน บาลีที่ ๘ วา โดยวิชช.+อวชิ ช. บาลีที่ ๙ แสดงการรถู ึง สทั ท. + อตั ถ. และ ตน เหตทุ ี่นามบัญญัตปิ รากฏข้นึ

3 บาลที ่ี ๑ ตตฺถ รูปธมฺมา รปู กขฺ นโฺ ท จ จิตฺตเจตสกิ สงฺขาตา จตฺตาโร อรปู โ น ขนฺธา นพิ พฺ านฺเจติ ปจฺ ว ๔) รวมทง้ั ๕ อยางนี้ เรีย ๓) นามขนั ธ ๔ คอื จติ เ ๒) ที่เรยี กวา รูปธรรม ก ๑) ในเนอื้ ความของพระ 3 บาลีที่ ๒ ตโต อวเสสา ปฺ ตตฺ ิ, สา ปน ปฺาปย ตฺตา ปฺตฺติ, ** สทั ทบญั ญัติ สอ่ื ใหเ ขา ถงึ ปฺาปนโต ปฺ ตฺตตี ิ จ ทวุ ธิ า โหติ ฯ เชน ๑. โสมนสฺสหคตํ ทฏิ ฐ ิคตสมฺปยตุ ตฺ ํ สว นเนอื้ ความท่เี หลอื จากรูปนามนน้ั เรียกวา บัญญตั ิ ๒. ผัสส เวทนา สญั ญา อตั ถบัญญัติ สทั ทบัญญตั ิ ๓. ปถวี อาโป เตโช วาโย ๔. นพิ พาน - บัญญตั ิทพี่ ึง ใหถกู รไู ด - บญั ญัตทิ ่ีพึง ใหรูเนือ้ ความ ช่อื ตางๆ ภาพตา งๆ คาํ พูดตา งๆ - ปฺ าปยตตฺ า ปฺตตฺ ิ (น.๒๐๒) - ปฺ าปนโต = ปฺ ตตฺ ิ (น.๒๐๓) เปน สัททบญั ญัติ เนือ้ ความ คอื วตั ถสุ ่งิ ของเรื่องราว คําพดู ตา งๆ ชอ่ื วา \"บญั ญัติ \" ** เมอื่ บัญญัตปิ รากฏ ปรมัตถห าย / ป เชน ถาพูดถงึ เสน ผม ก็นกึ ถงึ สณั ฐ ตางๆ ที่พงึ ใหถกู รไู ดช ่ือวา บัญญตั ิ เพราะทาํ ใหรูเนือ้ ความ คอื วัตถสุ ่งิ ของ แตถ าพดู ถึงเสนผม ก็ระลึกถึง เร่อื งราวและสภาพปรมตั ถไ ด - ปกาเรน าปยตีติ = ปฺตฺติ - ปกาเรน าเปตีติ = ปฺ ตฺติ วัตถุส่งิ ของเร่ืองราว ชือ่ วา บัญญัติ เสียงคอื คาํ พูด ยอ มทาํ ใหรูเ นื้อความ เพราะพงึ ใหถ กู รไู ดโดย คือ วตั ถุสิ่งของเรือ่ งราวและสภาพ ประการตา งๆ ไดแ ก อัตถบัญญตั ิ ปรมตั ถไดดวยประการตา งๆ ฉะนนั้ ชอ่ื วา บญั ญัติ ไดแ ก สัททบัญญตั ิ

- 80 - วธิ มฺป อรูปนฺติ จ นามนตฺ ิ จ ปวุจฺจติ ฯ (น.๑๙๗ ) ยกวา อรปู กไ็ ด นามกไ็ ด ๒) รปู ธรรม รูปขนั ธ เจตสิก และนิพพาน ๓) นามขนั ธ ๔ วญิ ญาณขนั ธ ก็ไดแก รูปขนั ธ นนั้ เอง ขันธ ๓ ะอภิธรรมน้นั นิพพาน ขนั ธวิมตุ จิต ๔) เรียกวา อรปู เจตสกิ หรือ นามก็ได ง \" อัตถบัญญตั ิ \" สื่อใหเ ขา ถึงปรมตั ถท่ปี รากฏโดยสภาวะเทา น้นั อสงขฺ ารกิ ํ > สื่อใหร วู า เปน โลภมลู จิตดวงที่ ๑ > สภาวะแหง จติ คือการรูอารมณ เรยี กวา \" จิตปรมตั ถ \" > สือ่ ใหร วู า เปน เจตสกิ ทีป่ ระกอบกบั จติ > สภาวะ \" เจตสิกปรมัตถ \" รถู ึงธรรมชาตทิ ีม่ ี การกระทบอารมณ เสวยอารมณ จาํ อารมณ > ส่ือใหร วู า เปน มหาภูตรูป ๔ > สภาวะ \" รูปปรมตั ถ \" ความแข็งออ น หยอ นตึง เยน็ รอน > สอ่ื ใหร วู า ตอ งเจริญวิปสสนาใหเ ขา ถึง > สภาวะสงบจาก รูปนาม + ขนั ธ ๕ + กเิ ลส ความเปน พระอรยิ ะ วัตถุสิ่งของ เร่ืองราวตางๆ เขา ถงึ สภาวลักษณะของชื่อทเี่ กยี่ วกบั รปู นาม เปน อตั ถบญั ญัติ และสภาวลักษณะท่ีมีอยใู นวัตถุส่งิ ของ เปน ปรมัตถ ยังไมปรากฏโดยสภาวะ (เปน เงาของสภาวะ) มีอาการเกิด ตัง้ ดับเปนไตรลกั ษณ เปน บญั ญัตพิ เิ ศษ แตเปน อารมณข อง จิตเจตสิกได ทอ่ี าศยั สภาวปรมัตถ ปรมตั ถปรากฏ บญั ญัติหาย ฐานรปู รา งของเสน ผม บัญญตั กิ ็ปรากฏ ธาตุ ๔ ในเสนผม ซ่งึ เปนปรมัตถก ถ็ กู ปกปด งธาตุ ๔ ของเสนผม ปรมตั ถก ป็ รากฏ บัญญัติก็หายไป

3 บาลที ี่ ๓ แสดงประเภท อตั ถบญั ญตั ิ (น. ๑๙๗, ๒๐๔ ) วาโดยยอมี ๖ วา โดยพสิ ดาร ๑๗ สมมตเิ รยี กชอื่ วาโดยอ - อวนิ ิพโภครปู ๘ ๑. สนั ตานบัญญัติ (๑) - พนื้ ดิน, ภเู ขา, แมน้าํ , ตน ไม ฯ ๒. สมูหบญั ญัติ (๒) - บา น, รถ, เกวียน,หมูบาน ฯ - อวินพิ โภครปู ๘ ๓. สัตวบัญญตั ิ (๓) - ผชู าย, ผหู ญิง, บคุ คล, ตัวตน, ชีวติ ฯ - รูปนาม ๔. ทิสาบญั ญัติ (๔) - ทิศตางๆ - บญั ญัติ กาลบญั ญตั ิ (๕) - เวลาเชา, สาย, บาย, เย็น ฯ - บัญญัติ (๖) อตุ บุ ญั ญตั ิ - ฤดูตา งๆ - บญั ญตั ิ ๕. อากาสบัญญัติ (๗) มาสบญั ญัติ - เดอื นตา งๆ - บัญญตั ิ ๖. กสิณบญั ญตั ิ (๘) สงั วัจฉรบัญญตั ิ - ปช วด, ฉลู ฯ - บญั ญตั ิ (๙) วารบัญญัติ - วันอาทิตย, วันเสาร ฯ - บญั ญตั ิ นมิ ติ บญั ญัติ (๑๐) - บอ, ถํา้ , อุโมงค, ชอง, โพรง ฯ - บัญญตั ิ (๑๑) - ปถวกี สิณ, อาโปกณิณ ฯ - กสณิ ๑๐ อารมณส (๑๒) - บริกรรมนิมิต, อุคคหนิมติ , ปฏภิ าคนมิ ิต - นิมติ ๓ อารมณส ม เพง องคกรรมฐาน บรกิ รรมนมิ ติ อคุ คหนิมิต ภ ตี น ท ป จัก สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ เอกคั คตา. (เกิดทางใจ) จักขุปสาท เอกัคคตา.(เกิดทางตา) บรกิ รรมภาวนา ** ในบทวา \" เอวมาทปิ ฺปเภทา \" แปลวา ประเภทแหง อัตถบญั ญัติ มีสนั ตานบญั ญัติ เปนต (๑๓) นตั ถิภาวบญั ญตั ิ (๑๔) อานาปานบญั ญัติ (๑๕) อสุภบญั ญตั ิ (๑๖) อปุ าทาบัญญัติ (๑๗) อปุ นิธาบัญญัติ

องคธรรม - 81 - บัญญตั ทิ อ่ี าศยั ปรมตั ถ ( เงาของปรมัตถ ) - อาศยั ความเปน ไปของอวินิพโภครปู ๘ ที่เกิดข้ึนตดิ ตอ กันเปน พืดไมขาดสาย (อาจารยบางทา นเรยี กวา สมูหบัญญัติ) - อาศัยสนั ตานบัญญัติมารวมกนั (อาจารยบางทานเรียกวา สณั ฐานบญั ญตั )ิ - อาศัยความเปนไปของรา งกาย เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ ซงึ่ เปน ขนั ธ ๕ การยึดรปู นามเปนตัวตน - อาศยั การโคจรประทักษิณรอบเขาสิเนรุของพระจันทร พระอาทิตย สมถะ - อาศัยอาการทีอ่ วนิ ิพโภครูป ๘ ไมไ ดกระทบกันมีชองวางคน่ั กลาง มถะ - อาศัยนมิ ติ อารมณข องอวินพิ โภครูป ๘ - อาศยั ความเปนไปที่มอี าการพเิ ศษของการเจริญภาวนา ๓ อยา ง ปฏภิ าคนมิ ิต ฌ ภ น ท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ ภ น ท ม ปริ อุ นุ โค ปฐมฌานกุศลจิต ๑ เอกัคคตา. (เกดิ ทางใจ) ม.กุ.ส.ํ ๔ เรียกวา ฌานลาภีบุคคล อปุ จารภาวนา อปั ปนาภาวนา ตนนน้ั มคี วามหมายวา อตั ถบญั ญตั ิ ทีไ่ ดก ลาวมาน้ยี งั ไมห มด ยังมีอยอู กี มาก คอื - เปน อารมณของอากิญจัญญายตนะ - มีอสั สาส, ปสสาส เปน อารมณ - อสุภกรรมฐาน ๑๐ เปนอารมณ - อาศยั บญั ญัติ ทเ่ี กดิ จากปรมตั ถธรรม - อาศยั การเปรยี บเทียบ เชน ท่หี นึ่ง ท่สี อง หรอื ยาว สนั้ ใหญ เล็ก ฯ

3 บาลีท่ี ๕-๘ สทั ทบัญญตั ิ หรือนามบญั ญัติ ๖ ประเภท (น. ๒๐๐, ๒๑๑ ) ๑. วชิ ชมานบัญญตั ิ วิช - สทั ทบญั ญัติทม่ี ีสภาวปรมตั ถปรากฏอยู เชนคําวา รปู ๒. อวิชชมานบญั ญตั ิ อวชิ - สัททบัญญตั ิทีไ่ มม สี ภาวปรมัตถป รากฏอยู เชน คาํ วา แผ ๓. วชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญัติ วชิ .อวชิ ๑ + ๒ - สทั ทบญั ญตั ิท่กี ลา วถงึ ธรรมท่มี ีสภาวปรมัตถปรากฏ กับธรรม เชนคําวา ฉฬภิ ฺบุคคล = บคุ วชิ .อวิช โสดาบันบุคคล = บุค ปฏสิ มฺภทิ าญาณบคุ คล = บุค ๔. อวิชชมาเนนวชิ ชมานบัญญัติ อวชิ .วิช ๒ + ๑ - สทั ทบัญญตั ทิ ีก่ ลาวถงึ ธรรมที่ไมมีสภาวปรมัตถปรากฏ กับธร เชนคาํ วา อิตฺถีสทโฺ ท = เสยี อวิช.วิช สวุ ณณฺ วณฺโณ = สที ปุปฺผคนฺโธ = กล ๕. วิชชมาเนนวชิ ชมานบัญญัติ วิช.วชิ ๑+๑ - สัททบญั ญัตทิ ีก่ ลา วถงึ ธรรมทม่ี สี ภาวปรมตั ถปรากฏ กับธรรม เชนคาํ วา จกั ขุวิญญาณจติ โสมนสฺสหคตํ ทิฏค ตสมฺปยุตฺตํ โสตสมั ผัสส ๖. อวชิ ชมาเนนอวิชชมานบัญญตั ิ อวิช.อวิช ๒ +๒ - สัททบัญญตั ทิ ก่ี ลาวถงึ ธรรมทีไ่ มมีสภาวปรมตั ถปรากฏ กับธร เชนคาํ วา ราชปตุ ฺโต = บุต เสฏฐิภรยิ า = ภร ราชนัดดา = หล

- 82 - ป เวทนา สังขาร วญิ ญาณ นิพพาน ฯ ( จติ เจ. รูป นิพ.) ผนดนิ ภเู ขา แมน้าํ ตน ไม บาน ชาย หญงิ ฯ มท่ไี มมสี ภาวปรมัตถปรากฏรวมกนั อยู คคลทีไ่ ดอ ภญิ ญา คคลที่ไดโ สดาบัน เม่ือแปลเปนภาษาไทยแลว จะกลบั เปน ตรงกนั ขา ม คคลที่ไดปฏิสมั ภิทาญาณ คอื อวิช.วชิ ( = ขอ ๔ ) รรมทมี่ ีสภาวปรมัตถป รากฏรวมกันอยู ยงหญิง ทอง เมื่อแปลเปน ภาษาไทยแลว จะกลับเปนตรงกนั ขาม ล่นิ ดอกไม คือ วิช.อวิช ( = ขอ ๓ ) มทมี่ สี ภาวปรมัตถป รากฏรวมกันอยู * อติ ถภี าว = วชิ . แตถ ายก อติ ถี = อวิช. * นักศกึ ษาพระอภธิ รรม = อวชิ .วชิ รรมท่ีไมม สี ภาวปรมตั ถป รากฏรวมกนั อยู ตรของพระราชา รรยาเศรษฐี ลาน

3 บาลที ่ี ๔ สทั ทบัญญตั ิ เรียกโดยชอ่ื มี ๖ อยา ง (น. ๑๙๙, ๒๐๘ ) ๑) นามะ มว. ชอ่ื ตางๆ มสี ภาพนอมสเู นอื้ ความ คอื อัตถบญั ญตั ิ และทาํ ใหเ น้อื ความนนั้ นอมสตู น คือ ช่อื ตางๆ ๒) นามกมั มะ ๓) นามเธยยะ มว. นามบญั ญตั ทิ ีน่ ักปราชญท ้งั หลายในสมัยโบราณ เรยี กขานกนั มา ๔) นิรุตติ \" \" สมมตติ งั้ ชอ่ื ไว ๕) พยัญชนะ \" \" คิดนกึ พิจารณาแลวตงั้ ชื่อขนึ้ มว. นามบัญญตั ิ ทส่ี ามารถแสดงเนอื้ ความใหปรากฏข้นึ ได สทั ทบัญญติ อัตถบัญญัติ ๖) อภิลาปะ มว. นามบัญญตั ิมีผูกลาวเรียก มงุ ตรงสูเนือ้ ความ แลว จึงกลา วเรียกขึ้น ( = สทั ทบัญญตั ิ ) เม่ือผพู ดู ท้ังหลายตอ งการกลาวข้ึนแลว ยอ มนกึ ถึงเนื้อความ คอื รูปรา งสณั ฐานของแผนดินนั้นกอ น = อตั ถบญั ญตั ิ * สรปุ ความแลว คําวาภูมิ แผน ดินนม้ี ชี ่อื ได ๖ อยา งดังท่ีกลาวมานี้ แมใชช่ืออืน่ ๆ มีภเู ขา ตนไม ชาย หญิง เปน ตน และภาษาตางๆ ที่ใชก ันอยใู นโลกนี้ คาํ หนึง่ ๆ ก็มชี ่อื ได ๖ อยางมนี ามะ นามกัมมะ เปนตนเชน เดยี วกันเพราะคําพดู และภาษาตางๆ เหลาน้ี กเ็ ปนสทั ทบญั ญตั ดิ ว ยกนั ท้งั สิน้ อุปมาเหมอื นคนๆ เดียวมชี อ่ื ๖ ชื่อดวยกนั ฉันนน้ั และสัททบญั ญัติเหลานเี้ รยี กวา นามบัญญตั ิ กไ็ ด

- 83 - * สัททบัญญตั ิ ๖ อยางในการสนทนา (๔) นิรุตติ (คิดนึกพิจารณา) (๓) นามเธยยะ (ตัง้ ชื่อ) (๒) นามกัมมะ (เรียกขาน) นกั ปราชญค ดิ นึกพจิ ารณาตาม ตัง้ ชอ่ื ตามหลกั สากล เรยี กขานกันโดยทั่วไป โวหารชาวโลกทลี ะเล็กทลี ะนอย ตามบคุ คลบาง สถานทบี่ าง ( สงิ่ ตา งๆ มปี รากฏในโลกนี้กอ น) ประเทศบา ง ผูพ ูด ---> พดู วา ไดย นิ คาํ วา ---> ผูฟ ง ตองมเี นื้อความ รปู รา งสัณฐาน \"แผน ดนิ \" \"แผน ดิน\" เนอ้ื ความ รูปรา งสัณฐาน ของแผนดนิ จึงปรากฏ ของแผน ดินปรากฏกอ น อัตถบัญ. (สันตาน) สทั ทบญั .(อวิช.) อัตถบญั .(สนั ตาน.) ผพู ดู มีอตั ถบญั . เปนส่ือกลาง ผูฟง มีสทั ทบัญ. กอนเขาถงึ สทั ทบญั . ในการสนทนา กอนเขาถึงอัตถบัญ. = (๖) อภิลาปะ = (๕) พยัญชนะ (๑) นามะ

3 บาลีท่ี ๙ แสดงการรถู ึงสทั ทบญั ญัติ อัตถบัญญตั ิทัง้ ๒ และตนเหตทุ ่ีนามบัญญัตปิ รากฏขึ้น (น. ๒๐๑, ๒๑๓ ) ๑ วจีโฆสานสุ าเรน โสตวิ ฺาณวีถยิ า ๑ บคุ คลทั้งหล ปวตตฺ านนฺตรุปฺปนฺน มโนทฺวารสสฺ โคจรา ฯ นามบัญญัติซง่ึ เปนอ อตถฺ า ยสฺสานุสาเรน วิ ฺายนตฺ ิ ตโต ปรํ เปน ไปตามคาํ พดู น้ัน โลกสงฺเกตนิมฺมิตา ฯ ๒ สายํ ปฺตตฺ ิ วิเฺ ยฺยา ๒ นักศึกษาทัง้ โสตทวารวิถี สัททารมณ อตตี ัคคหณวิถี สมหู คั ภ ตี น ท ป โสต สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ตตภ ภ นท ม ชชชช ช ช ช ภ ภ นท โสตปสาท เกิดวนเวียนนับไมถวน ข้ึนอยูก บั วา มากห (ถา มีเพยี ง ๑ คํา ๑. ไดย นิ เสียงทีก่ ําลงั ปรากฏ ๒. อตีตคั . - รเู สยี งท่ีดับไปแลว ๓. สมหู ัค (ทม่ี ากกวา ๑ คาํ จาก รูปารมณ เช่อื มกนั รูปารมณ ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ตี น ท ป จกั สํ ณ วุ ช ช ช ช ช จักขุปสาท ยดึ วา เราเห็น สัททารมณ เชอื่ มกัน สทั ทารมณ ภ ตี น ท ป โสต สํ ณ วุ ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ ภ ตี น ท ป โสต สํ ณ วุ ช ช ช ช ช โสตปสาท ยดึ วาเราไดย ิน

- 84 - ลายไดร ูถ งึ อัตถบญั ญตั ิ คือวัตถสุ ง่ิ ของ เรือ่ งราวตา งๆ โดยเปนไปตามนามบญั ญัติ ภายหลังจากนามคั คหณวิถี อารมณข องนามคั คหณวถิ ี ที่เกิดขึน้ ในลาํ ดับแหง โสตทวารวิถี อตีตัคคหณวถิ ีและสมูหคั คหณวถิ ี ซ่งึ เกิดขน้ึ น งหลายพงึ ทราบบญั ญตั นิ น้ั วา นักปราชญท ้ังหลาย ยอ มตั้งขนึ้ อนโุ ลมไปตามโวหารของโลกทลี ะเลก็ ละนอ ย ตทนุวตั ติกมโนทวารวิถี คคหณวิถี นามคั คหณวถิ ี อตั ถคั คหณวถิ ี ม ช ช ช ช ช ช ช ภ ภ นท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ ภ นท ม ช ช ช ช ช ช ช ภ บจาํ นวนคาํ ตน เหตุนามบัญญตั ปิ รากฏ เนอื้ ความคอื วตั ถุสง่ิ ของ หรือนอ ย เร่อื งราวตา งๆ าสมูหัค.ไมเ กิด) ค.- รวบรวมคํา ๔. นามคั .- รชู ื่อ ๕. อตั ถคั .- รคู วามหมาย กกระบวนการที่ ๑ + ๒ ) ช ชตต ตา งกนั ท่อี ารมณ และผูรอู ารมณ เทานั้น ช ชตต


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook