สรุป ปรจิ เฉท ๘ ขอ ๑ ๑. ก. แสดงคาถาปฏิญญาของพระอนุรุท- ธรรมท้งั หลายเหลา ใด คอื สังขตธรรม อสงั ขตธรรม และ ธาจารย ท้งั บาลแี ละคําแปลดงั นี้ บญั ญตั ิธรรม เปน ปจ จัยชว ยอุปการะแกปจ จยปุ บันธรรมเหลา ใด คือ สงั ขตธรรม โดยอาการตา งๆ มีเหตสุ ัตติ อารัมมณสัตติ เยสํ สงฺขตธมฺมานํ เย ธมมฺ า ปจฺจยา ยถา เปนตน บดั น้ี ในปจจยสังคหะนี้ ขา พเจา จะแสดงซึง่ ประเภท ตํ วิภาคมเิ หทานิ ปวกขฺ ามิ ยถารหํ. ตางๆ กนั แหงอาํ นาจการอปุ การะของปจจยั และปจจยุปบนั เหลา นนั้ ตามสมควร [P1] 39, 42, 45, 48, 55, 56, 58 แสดงคาถาบทสดุ ทา ย ดังนี้ โดยนัยดงั ท่ไี ดก ลา วมาแลว นน้ั การหมนุ เวยี นของวัฏฏะ วฏฏมาพนธฺ มิจเฺ จวํ เตภมู กมนาทิกํ ปฏจิ ฺจสมุปปฺ าโทติ ปฏเปสิ มหามุนิ ท้ัง ๓ ทผ่ี กู พันกันอยูไมขาดสาย อนั เกดิ อยูใ นภมู ิ ๓ ซง่ึ เปน ธรรมชาติท่ีหาเบ้อื งตนมิไดนน้ั แหละ พระจอมมุนี ยอมตรสั ไว วา เปนปฏิจจสมปุ บาทดงั นี้ [P ] 56 ๑. แปล พระบาลี ตตฺถ อวิชชฺ าปจจฺ ยา สงขฺ ารา สงขฺ ารปจจฺ ยา วิ ฺาณํ วิ ฺาณปจจฺ ยา นามรูป ฯลฯ ภวปจฺจยา ชาติ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปรเิ ทวทกุ ฺขโทมนสฺสปุ ายาสา สมภฺ วนฺติ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทกุ ขฺ กฺขนธฺ สฺส สมุทโย โหตีติ ? (คูท่ี ๑, ๒, ๓, ๑๐, ๑๑ ดงั น้ี [P2-3] 58(2)) [P2-3] 49, 52, 50, 56, 57, 59 คปทู ุญี่ ๑แญปาลภวิสางั ใขนานรัยอทป้ังุญ๒ญนานั้ ภสิคงัวขามารเปอนาไเปนแญหชง ปาภจ จิสัยังธขรารรมธแรลระมปทจ้ังจ๓ยุปปบรันะธกรารรมนี้โปดรยานกยั ฏแเหกงดิ ปขฎึ้นิจเจพสรมาปุะอบาาศทัยคือ อวิชชา คือ ความไมร ใู นสัจจะ ๔ ความไมรใู นปุพพันตะ ๑ ความไมร ใู นอปรนั ตะ ๑ ความไมร ใู น ปุพพนั ตาปรนั ตะ ๑ ความไมรูในปฏิจจสมปุ บาท ๑ รวม ๘ ประการน้ีเปนเหตุ วญิ คทูญี่ ๒าณ คือ โลกียวิปากจิต ๓๒ ปรากฏเกดิ ขน้ึ เพราะอาศัยสังขาร ๓ เปน เหตุ นคทูาี่ ม๓รูป คือ เจตสิกทปี่ ระกอบกบั โลกยี วิบากและกัมมชรูป ปรากฏเกิดขน้ึ เพราะอาศัยวิญญาณ คอื กศุ ล อกุศล ชคาทู ตี่ ๑ิ ๐คอื (กมั มวิญญาณ) ท่ใี นภพกอนๆ และวิปากวญิ ญาณทใ่ี นภพนเ้ี ปนเหตุ ฯลฯ (53, 56) ความเกิดข้ึนแหงโลกยี วิปากจิต เจตสกิ และกัมมชรูป ปรากฏเกดิ ข้นึ เพราะอาศยั กมั มภวะเปนเหตุ ชคูทร่ีา๑ค๑วามแก มรณะความตาย และโสกะความเศราโศก ปรเิ ทวะการรองไหร ําพนั ทกุ ขะความทุกขกาย โทมนสั สะ ความทุกขใจ อปุ ายาสะความคบั แคน ใจ ท้ัง ๗ น้ี ปรากฏเกดิ ขน้ึ เพราะอาศยั ชาติเปนเหตุ ความเกิดขน้ึ แหง กองทุกขแทๆ ท้ังปวงน้เี พราะอาศยั ปจ จยั ตางๆ มีอวชิ ชาเปน ตน ดงั ทไี่ ดก ลา วมาแลวน้ี ๑. เวทนาปจจฺ ยา ตณฺหา ตณหฺ าปจจฺ ยา อุปาทานํ อปุ าทานปจฺจยา ภโว ภวปจฺจยา ชาติ ชาตปิ จจฺ ยา ชรา มรณํ โสกปรเิ ทวทุกขฺ โทมนสสฺ ปุ ายาสา สมฺภวนตฺ ิ เอวเมตสสฺ เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนธฺ สสฺ สมทุ โย โหติ แปลบาลีปฏจิ จสมุปบาท ดังนี้ [P2-3] 44, 54(1ก) ตัณหาค๖ทู ่ี ๗ หรือวา โดยพิสดาร ๑๐๘ มีรปู ตัณหาเปน ตน ปรากฏเกิดขน้ึ เพราะอาศยั เวทนา ๖ เปนเหตุ อปุ าทานค๔ูท่ี ๘มกี ามุปาทานเปนตน ปรากฏเกิดข้ึน เพราะอาศยั ตัณหา ๖ หรือ ๑๐๘ ภวะคูท ่ี ๙ คอื กมั มภวะ และอุปปต ติภวะ ทง้ั ๒ ปรากฏเกิดขน้ึ เพราะอาศยั อุปาทาน ๔ เปนเหตุ เปนเหตุ ชาติ คือ ความเกิดข้นึ แหงโลกียวปิ ากจิต เจตสิก และกมั มชรูป ปรากฏเกดิ ข้ึนเพราะอาศยั กัมมภวะเปน เหตุ ชรา มรณะ และโสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ขะ โทมนสั สะ อปุ ายาสะท้ัง ๗ นี้ ปรากฏเกิดข้ึนเพราะอาศยั ชาติ เปนเหตุ ความเกิดขน้ึ แหงกองทุกขแทๆ ทัง้ ปวงน้ี เพราะอาศยั ปจจยั ตา งๆ มีอวิชชาเปน ตน ดงั ที่ไดกลาวมาแลว นี้ ๑. ค. องคปฏจิ จสมปุ บาทมี ๑๒ คอื ๑. อวิชชา ๒. สังขาร ๓. วิญญาณ ๔. นามรปู ๕. สฬายตนะ ๖. ผสั สะ ๗. เวทนา ๘. ตัณหา ๙. อปุ าทาน ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรามรณะ (43) จําแนกองคปฏิจจสมุปบาท โดยกาล ๓ ดังน้ีคอื อวิชชา และสงั ขาร ท้ัง ๒ น้ี เปนอตตี กาล คอื เปนธรรมที่เกิดในภพกอนๆ ชาติ ชรามรณะ ทงั้ ๒ (หรือ ๓) น้ี เปนอนาคตกาล คอื เปน ธรรมทเ่ี กิดในภพหนา
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 2 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน องคธ รรม ๘ ท่ีอยูตรงกลาง คือ วิญญาณ นามรปู สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา ตณั หา อปุ าทาน กมั มภวะ เหลาน้ี เปนปจ จบุ นั กาล คือ เปนธรรมที่เกิดในภพนี้ [P4] 36, 43, 46, 51, 49(2ค), 54(1ข), 55(1ข), 59 ๑. ปฏจิ จสมุปบาท (กลา วโดยองค มี ๑๒ แต) เมื่อแสดงโดยประเภทหรืออาการมีมากถงึ ๒๐ นนั้ แสดงการนบั สงเคราะหดงั นี้ สําหรบั ในอัทธา ๓ นน้ั [P5] 36(2), 46, 47, 51, 59(4) โดยยก อวิชชาและสังขารข้ึนแสดงแลว แมตัณหา อปุ าทาน กัมมภวะ ทง้ั ๓ นี้ ก็พงึ นับเขา ในอดีตอทั ธาดว ย โดยการยก ตัณหา อปุ าทาน กัมมภวะ ข้นึ แสดงแลว อวิชชา สงั ขารทัง้ สองน้ี กพ็ งึ นบั เขาในปจจบุ ันอธัทธา ดว ยเหมอื นกัน โดยการยก ชาติ ชรา มรณะ ข้ึนแสดงแลว ผลท้งั ๕ อยา ง อนั ไดแก วญิ ญาณ นามรูป สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา ก็พงึ นบั เขาในอนาคตอทั ธาดว ย ฉะนัน้ ประเภทหรืออาการ ๒๐ จงึ เปน ไปดงั นี้ [P5] 36(2), 46, 47, 51, 59(4) อตีเต เหตโว ปฺจ ๑. คาถา อาการ ๒๐ สนั ธิ ๓ สงั เขป ๔ จงึ เปนไปดงั น้ี [P5] 42 อทิ านิ ผลปฺจกํ อิทานิ เหตโว ปจฺ เหตใุ นอดีตภพ มี ๕ คอื อวชิ ชา สงั ขาร ตัณหา อปุ าทาน กมั มภวะ อายตึ ผลปฺจกนตฺ ิ วสี ตาการา ติสนฺธิ ผลในปจ จบุ นั ภพ มี ๕ คือ วญิ ญาณ นามรปู สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา จตุสงเฺ ขปา จ ภวนฺติ ฯ เหตใุ นปจจบุ ันภพ มี ๕ คือ ตณั หา อุปาทาน กัมมภวะ อวิชชา สงั ขาร ผลในอนาคตภพ มี ๕ คอื วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา ๒. ค. ๑. เปนปจ จัยได แตเ ปนปจจยปุ บนั ไมไ ด มี ๑ คอื อวชิ ชา [P ] 48, 45(2ก) ๒. เปนปจ จยุปบันได แตเปนปจ จัยไมได มี ๗ คือ ๑) ชรา ๒) มรณะ ๓) โสกะ ๔) ปรเิ ทวะ ๕) ทกุ ขะ ๖) โทมนสั สะ ๗)อุปายาสะ ๓. เปนปจจยั และปจจยปุ บันไดทั้ง ๒ มี ๑๐ คือ ๑) สงั ขาร ๒) วิญญาณ ๓) นามรปู ๔) สฬายตนะ ๕) ผสั สะ ๖) เวทนา ๗) ตัณหา ๘) อุปาทาน ๙)ภวะ ๑๐)ชาติ ๔. เปนปจ จัย และปจ จยุปบนั ไมไดท้งั ๒ ไมม ี ๑. ก. ปริจเฉท ๘ ทชี่ อ่ื วา ปจ จยสงั คหะนัน้ เพราะพระอนรุ ทุ ธาจารยไดแ สดงรวบรวมธรรมที่เปน ปจ จยั และปจจยุปบัน ตามนยั แหง ปฏจิ จสมปุ บาทและนัยแหง ปฏฐานทั้งหมดอยใู นปริจเฉทน้ี ฉะนั้น ปรจิ เฉท ๘ นจี้ ึงช่ือวา ปจ จยสงั คหะ [P7] 36, 49(2), 52, 57(ก/ค) , 59 ๑. ข. ธรรมที่เปน ปจจัยทแี่ สดงในปฏิจจสมปุ บาทนน้ั เปนปรมัตถล ว นๆ ไมมบี ัญญตั เิ ขาเจือปนดวยเลย สว นธรรมทเ่ี ปน ปจจัยทแี่ สดงในปฏ ฐานนน้ั มที ั้งปรมัตถแ ละบญั ญัติ ดว ยเหตนุ ้ี พระอนรุ ุทธาจารย จึงไดแสดงบัญญตั ิตางๆ ไวในสดุ ทา ยแหง ปรจิ เฉทนี้ [P7] 48, 49(2), 51, 59 (49, 51) สาํ หรบั ธรรมที่เปน ปจจยุปบันน้ัน เปน ปรมตั ถโ ดยสวนเดียว ทง้ั ๒ นัย ๑. ก. ปฏิจจสมุปบาท หมายความวา ธรรมท่เี ปน เหตุ ทท่ี ําใหผ ลธรรมเกิดขน้ึ สมาํ่ เสมอพรอ มกนั โดยอาศัยความพรอมเพรยี งแหงปจ จัยท่ีเกยี่ วเนอ่ื งกบั เหตนุ นั้ ๆ [P] 51 ๑. ข. ปจ จยสงั คหะ หมายความวา การรวบรวมธรรมทเ่ี ปน ปจจัยและปจจยปุ บัน ตามนยั แหงปฏจิ จสมุปบาท และปฏ ฐานทง้ั หมดอยูใ นปรจิ เฉท (ที่ ๘) นี้ [P7] 48, 58 ๑. ค. ธรรมท่เี ปน ปจ จัยในปฏจิ จสมปุ บาท ไดแ ก ปรมัตถลว น ๆ ไมม บี ัญญตั ิเขา เจือปนดว ยเลย สวนธรรมที่เปน ปจ จยั ในปฏ ฐานนนั้ ไดแก ปรมตั ถและบญั ญตั ทิ ้ังหมด [P7] 58 ขอ ๒ ๒. ก. คาํ วา ปจ จยะ หรือ ปจ จยั นั้น หมายความวา เปน เหตขุ องผลท่เี กีย่ วเนื่องดว ยเหตนุ ั้นๆ คาํ วา ปจจยปุ บนั หมายความวา เปนผลท่เี กดิ ขึ้นโดยอาศยั ธรรมที่เปน เหตุนัน้ ๆ สรุปความวา ปจ จยั ไดแก ธรรมทเ่ี ปนเหตุ ปจ จยุปบัน ไดแก ธรรมทีเ่ ปน ผล [P7] 36(1ข), 42(1ข), 46, 48 ดาวนโหลดขอ มลู และไฟลต างๆไดจาก Post ท่หี นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 3 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๒. ข. คําวา ปจ จยา แปลวา เปน ปจจัยชว ยอปุ การะ (อุปการกา) การชว ยอปุ การะมี ๒ อยาง คือ ๑. ชวยอุปการะแกป จจยุปบนั ธรรมท่ียังไมเกดิ ใหเกดิ ขึ้น อยา งหน่ึง ๒. ชวยอุปการะแกปจ จยปุ บนั ธรรมที่เกดิ ข้นึ แลว ใหตั้งมนั่ และเจริญข้ึน อยา งหน่งึ [P8] 48 ๒. ข. ปจ จัย แปลวา เปนปจจัยชวยอปุ การะหรอื ธรรมทชี่ วยอุปการะ หมายความวา เปน เหตุของผลทเี่ ก่ียวเน่ือง ดว ยเหตนุ นั้ ๆ และ ปจ จยุปบัน หมายความวา เปน ผลทเี่ กดิ ขึ้นโดยอาศัยธรรมทเ่ี ปนเหตนุ น้ั ๆ สรปุ ความวา ปจ จยั ไดแ ก ธรรมท่เี ปน เหตุ ปจ จยุปบัน ไดแก ธรรมท่ีเปนผล [P8] 45 ๑. ข. ปฏิจจสมปุ บาทธรรม หมายความวา ธรรมทเี่ ปน เหตุ มี ๑๑ คือ อวิชชา สงั ขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตณั หา อุปาทาน ภวะ และชาติ ปฏิจจสมปุ ปน นธรรม หมายความวา ธรรมทเี่ ปนผล มี ๑๑ คอื สงั ขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ [P ] 41(1), 52, 57(ข/ค) ผัสสะ เวทนา ตณั หา อุปาทาน ภวะ ชาติ และชรามรณะ ๒. ปฏจิ ฺจ สมํ สห จ อปุ ฺปชชฺ ติ เอตสมฺ าติ = ปฏจิ ฺจสมปุ ปฺ าโท? [P10] 52 แสดงเหตุผลตามนยั แหงปฏิจจสมปุ บาทนน้ั คอื แสดงแตเพยี งใหร ูวา สัตวทั้งหลายทปี่ รากฏอยูในโลกนี้ ลวนแตเปน ผลที่เกดิ มาจากธรรมทเ่ี ปน เหตุท้ังสน้ิ ท่ีจะเกดิ ข้ึนเองหรอื มผี สู รางใหเ กิด โดยไมไดอ าศยั ธรรมที่เปน เหตนุ นั้ ยอ มไมมเี ลย หมายความวา เมื่อมีเหตมุ ปี จ จัยครบบริบรู ณแลว ผลยอมปรากฏขน้ึ เปน ธรรมดา แตไมไ ดแ สดงถงึ อาํ นาจของปจจัยน้นั ๆ วาการชวยอุปการะของปจ จยั นั้นๆ เปนไปโดยอํานาจเหตุบาง อารมณบา ง อธิบดบี า ง เปน ตน และวจนตั ถะท่ียกมาน้ี แปลวา ผลธรรมมีสงั ขารเปน ตน เมื่อไดอ าศัยการประชมุ รว มกันแหงปจ จัยแลว ยอมเกิดขน้ึ สม่าํ เสมอพรอ มเพรยี งกัน เพราะอาศยั เหตุตา งๆ มี อวิชชาเปนตน ฉะนน้ั เหตตุ างๆ มอี วชิ ชา เปน ตน เหลานน้ั จึงชอ่ื วา ปฏจิ จสมปุ บาท ไดแ ก อวชิ ชาเปน ตน จนถงึ ชาติ ๑. ในปริจเฉทที่ ๘ น้ี ทานแสดงการอปุ การะไว ๒ นัย คือ ๑. ปฏิจจสมุปบาทนยั ๒. ปฏ ฐานนัย และนยั ท้ัง ๒ น้นั มคี วามแตกตางกนั ดังนี้ การแสดงเหตุผล (ของการอปุ การะกัน) ตามนัยปฏิจจสมปุ บาทนัน้ แสดงแตเ พียงใหรวู า สัตวท้ังหลายท่ี ปรากฏอยใู นโลกนี้ ลว นแตเปน ผลทเี่ กดิ มาจากธรรมท่ีเปนเหตุท้งั สิน้ ท่ีจะเกดิ ขนึ้ เอง หรือมผี ูสรางใหเกดิ โดย ไมไดอาศัยธรรมทเี่ ปนเหตนุ น้ั ยอมไมมเี ลย หมายความวา เมื่อมเี หตุมปี จจยั ครบบรบิ รู ณแ ลว ผลยอ มปรากฏข้นึ เปนธรรมดา แตไ มไดแ สดงถงึ อํานาจของปจ จัยนนั้ ๆ วา การชว ยอปุ การะของปจจัยน้นั ๆ เปนไปโดยอาํ นาจเหตุ บา ง อารมณบ าง อธิบดีบา ง เปนตน สว นการแสดงเหตผุ ล (ของการอปุ การะกนั ) ตามนัยแหงปฏฐานนนั้ แสดงใหรวู าสงิ่ ทม่ี ีชีวติ และไมมชี วี ติ ทง้ั หลายท่ีปรากฏอยูในโลกนี้ ลวนแตเ ปน เหตุผลทีเ่ ก่ียวเนือ่ งกนั ตามสมควร ทีป่ รากฏข้นึ โดยไมเ กี่ยวของกับ เหตผุ ลนั้น ไมมเี ลย และแสดงถึงอํานาจของปจจัยนน้ั ๆ ดวยวา การอุปการะของปจ จัยนนั้ ๆ เปนไปดว ยอาํ นาจ เหตบุ า ง อารมณบ า ง อธบิ ดบี าง เปน ตน P10-11] 38, 40 ๒/๓. (36) อวชิ ชา แปลวาไมรู หรือ ธรรมชาตทิ เ่ี ปนไปตรงกนั ขา มกบั ปญ ญา องคธ รรมไดแ ก โมหเจตสกิ มี ๘ ประการ คอื / (39, 40, 46) การไมร ูตามความเปน จรงิ ของอวชิ ชา มี ๘ อยาง คอื ๑. ทกุ เฺ ข อาณํ ไมรใู นทุกข ๒. ทกุ ฺขสมทุ เย อาณํ ไมรเู หตทุ ท่ี ําใหเกิดทกุ ข ๓. ทุกฺขนิโรเธ อาณํ ไมรูธรรมอนั เปนท่ดี บั แหงทุกข ๔. ทุกฺขนโิ รธคามนิ ีปฏปิ ทาย อาณํ ไมรูห นทางทใ่ี หเขาถึงความดับทุกข ๕. ปุพพฺ นเฺ ต อาณํ ความไมร ูในขันธ อายตนะ ธาตุ ทเี่ ปน อดตี ๖. อปรนฺเต อาณํ ความไมรูในขนั ธ อายตนะ ธาตุ ท่เี ปน อนาคต ๗. ปพุ พฺ นเฺ ต อาณํ ความไมรูในขนั ธ อายตนะ ธาตุ ท่เี ปน อดตี และอนาคต ดาวนโหลดขอมูลและไฟลต า งๆไดจ าก Post ท่ีหนา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 4 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน ๘. อทิ ปฺปจฺจยตาปฏิจจฺ สมุปปฺ นฺเนสุ ธมฺเมสุ อาณํ ความไมร ใู นรปู นามทเี่ กดิ ข้นึ โดยอาศัยมีเหตุใหเ กดิ ตาม ในปฏิจจสมปุ บาท [P16] 36, 40, 42, 46(2ข), 55(2ก) , 57(3ก) ๒. ก. ภยั ทง้ั ๔ คอื ๑. นานาสัตถอุลโลกนภัย คอื ยงั ไมพน จากการเคารพนบั ถอื ศาสดาตาง ๆ ๒. วนิ ิปาตภัย คือ การไปเกิดในท่ไี มแนน อน ๓. อปายภยั คือ ยงั ไมพน จากการไปเกิดในอบายภูมิ ๔. ทุจรติ ภัย คือ ยงั ไมพน จากการกระทําอันเปนทุจริตตา ง ๆ [P25-26] 53 ๒. ผูทม่ี อี วิชชาหนามาก ผทู ่มี ีอวชิ ชาเบาบางแลว และผูท่มี อี วิชชาบางท่สี ดุ ทัง้ ๓ พวกน้ี ไดแก .... ๑. บคุ คลบางพวก ไมรูวา การกระทําอยางนด้ี ีเปนกศุ ล การกระทาํ อยา งนี้ไมดเี ปน อกุศล ดว ยอาํ นาจแหง อวชิ ชาทีป่ กปดไวไมใ หร ู ฉะนั้น บุคคลพวกนจี้ งึ กลาทําในทุจริตตา งๆ อยางไมร สู ึกเกรงกลวั และละอายใจ อวิชชา ชนิดนเี้ ปน อวิชชาท่ีหนามาก ๒. บคุ คลบางพวก รูวาการกระทําอยางนดี้ เี ปน กศุ ล อยางนีไ้ มดเี ปน อกุศล ฉะนน้ั บคุ คลจาํ พวกน้ีเมื่อ ขณะท่ีมีอกุศลเกิดขน้ึ กส็ ามารถระงับไดไมปลอยใหล ว งถงึ กาย วาจา แลว เปลย่ี นจติ ใจและการกระทาํ นน้ั ใหเ ปน กศุ ลเกดิ ขึน้ อวชิ ชาของบคุ คลจําพวกน้ี จดั วาเปน อวิชชาทบี่ างมากแลว ๓. บุคคลที่สําเร็จเปน โสดาบนั สกทาคามี อนาคามีนัน้ ไดช่ือวาเปนผูเห็นแจง ในอริยสัจ ๔ แลว แตก ็ยังไมไ ด ทาํ ลายอวชิ ชาใหห มดสิ้นไป อวชิ ชาของพระอริยบุคคลเหลาน้ีเปนอวชิ ชาทบี่ างที่สดุ [P33] 54 ๒. อวิชชา เมอ่ื สรุปความแลว หมายความวา การไมร ตู ามความเปน จริงท่คี วรรู รแู ตสิ่งท่ไี มเ ปน ไปตามความ เปน จรงิ ทีไ่ มควรรู [(38) สงั ขารในปฏจิ จสมปุ บาทน้ัน หมายความวา ธรรมทป่ี รุงแตงใหผลธรรมเกดิ ข้ึน] และ อวชิ ชา เปน ปจจยั ชว ยอุปการะแก อปญุ ญาสงั ขารนัน้ ไดอํานาจปจ จัย ๑๕ ปจ จยั คอื ๑. เหตุปจ จัย ๒. อารมั มณปจ จัย ๓. อธปิ ติปจจัย (อารมั มณาธิปตปิ จจยั ) ๔. อนนั ตรปจจัย ๕. สมนันตรปจ จัย ๖ สหชาตปจจัย ๗. อญั ญมัญญปจ จยั ๘. (สหชาต)นิสสยปจ จยั ๙. อุปนิสสยปจจยั (ทงั้ ๓ ปจจัย) ๑๐. อาเสวนปจจัย ๑๑. สัมปยตุ ตปจ จัย ๑๒. อตั ถิปจจยั (สหชาตตั ถิปจจัย) ๑๓. นตั ถปิ จ จยั ๑๔. วิคตปจจัย ๑๕. (สหชาต)อวิคตปจจัย [P12, 36, 45] 38, 44 ๔. ข. อวิชชาเปนปจจยั ใหอปญุ ญาภิสังขารท่ีเกดิ พรอ มกันกบั ตนไดอาํ นาจไดอํานาจปจจยั ๗ ปจ จัย คอื ๑. เหตปุ จจยั ๒. สหชาตปจ จัย ๓. อัญญมญั ญปจจัย ๔. นสิ สยปจ จัย (สหชาตนิสสยปจจัย) ๕. สัมปยุตตปจ จยั ๖. อัตถปิ จ จยั (สหชาตัตถปิ จ จัย) ๗. อวคิ ตปจจัย (สหชาตอวิคตปจจัย) [P ] 51 ๔. ก. อวิชชาเปนปจจยั ชว ยอปุ การะแกอปุญญาภิสงั ขารทเ่ี กิดขึ้นติดตอกนั กับตนโดยไมม รี ะหวางคน่ั น้ัน ไดอํานาจปจ จัย ๖ คือ ๑. อนนั ตรปจ จัย ๒. สมนันตรปจ จยั ๓. อนนั ตรปู นิสสยปจจัย ๔. อาเสวนปจ จยั ๕. นัตถิปจ จยั ๖. วิคตปจ จัย [P ] 46(5ก) ๒/๓. สงั ขาร หมายความวา ธรรมท่ีปรงุ แตงใหผ ลธรรมเกิดขนึ้ [P36] 39, 52, 59 สงั ขารที่เปน ผลของอวชิ ชานน้ั มี ๖ อยาง คอื [P36] 41,.47, 55(3) ๑. ปุญญาภิสงั ขาร กุศลเจตนา เปน ผปู รงุ แตง โลกียกุศลวิบาก และกุศลกัมมชรปู โดยตรง องคธ รรมไดแ ก มหากศุ ลเจตนา ๘ รปู าวจรกศุ ลเจตนา ๕ ๒. อปุญญาภสิ ังขาร อกศุ ลเจตนา เปน ผปู รงุ แตง อกุศลวบิ าก และอกศุ ลกัมมชรูปโดยตรง องคธ รรมไดแก อกุศลเจตนา ๑๒ ๓. อาเนญชาภิสังขาร กศุ ลเจตนาที่ตง้ั ม่ันไมหวั่นไหว เปน ผูปรุงแตงอรูปวิบากโดยตรง องคธ รรมไดแก อรูปาวจรกศุ ลเจตนา ๔ ๔. กายสงั ขาร เจตนาท่เี ปน ผปู รุงแตง กายทจุ ริตและกายสจุ รติ ใหสําเร็จลง องคธรรมไดแก อกุศลเจตนา ๑๒ มหากศุ ลเจตนา ๘ ทเี่ กย่ี วกับทางกาย ดาวนโหลดขอมลู และไฟลต างๆไดจาก Post ที่หนา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 5 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๕. วจสี ังขาร เจตนาทเี่ ปน ผูปรงุ แตง วจที จุ ริตและวจีสุจริตใหสําเร็จลง องคธ รรมไดแก อกศุ ลเจตนา ๑๒ มหากุศลเจตนา ๘ ท่เี ก่ยี วกบั ทางวาจา ๖. จติ ตสังขาร เจตนาท่ีเปน ผูป รุงแตง มโนทุจริตและมโนสจุ รติ ใหส าํ เรจ็ ลง องคธรรมไดแก อกุศลเจตนา ๑๒ โลกียกศุ ลเจตนา ๑๗ ทเี่ ก่ยี วกบั ทางใจ ๔. ง. สังขาร ๓ เปน ปจ จยั ชว ยอุปการะแกวปิ ากจิต (วปิ ากวญิ ญาณ) [P53] ไดอ าํ นาจปจจัย ๒ คอื ๑) ปกตปู นสิ สยปจ จัย ๒) นานักขณกิ กัมมปจ จยั ขอ ๓ ๕. ก. อวิชชา ตามวจนตั ถะมีความหมายหลายอยาง เม่ือกลา วโดยสรปุ หมายความวา [P16] การไมรตู ามความเปน จริงท่ีควรรู รแู ตส ่ิงท่ีไมเปน ไปตามความเปนจรงิ ท่ไี มค วรรู น้แี หละชือ่ วา อวชิ ชา แสดงลักษณะ รส ปจจปุ ฏ ฐาน ปทฏั ฐาน ของอวิชชา ดังนี้ [P35] ๑. อาณลกฺขณา มีความไมร เู ปนลักษณะหรอื เปนปฏปิ กษต อ ปญญา เปนลกั ษณะ ๒. สมฺโมหนรสา ทําใหธรรมท่ีประกอบกบั ตนและผูที่โมหะกาํ ลงั เกิดอยนู ้นั มีความหลงหรือมดื มน เปน กิจ ๓. ฉาทนปจจฺ ุปฏานา เปน ธรรมชาติท่ปี กปดสภาวะที่มีอยูใ นอารมณน้ันๆ เปนอาการปรากฏ ในปญ ญาของบัณฑิตท้ังหลาย ๔. อาสวปทฏานา มีอาสวะ ๓ เปน เหตใุ กล (เวน ตวั เอง) ลักขณาทจิ ตุกกะ ของตณั หา คือ [P80] ๑. เหตลุ กขฺ ณา มกี ารเปนเหตุของทกุ ขทงั้ ปวง เปนลกั ษณะ เปน กจิ ๒. อภินนฺทนรสา มคี วามยนิ ดีพอใจในอารมณภ มู ิและภพ เปนอาการปรากฏ ๓. อติตตฺ ภาวปจฺจปุ ฏานา มีความไมอิม่ ในอารมณต า งๆ ของจิต หรือบุคคล เปนเหตุใกล ในปญ ญาของบณั ฑิตทง้ั หลาย ๔. เวทนาปทฏ านา มเี วทนา ๕. ข. อปุ ายาสะ แปลวา ความลําบากใจอยางหนกั หรือความคบั แคน ใจ [P144] แสดงลักษณะ รส ปจ จุปฏ ฐาน ปทฏั ฐาน ของอุปายาสะ ดังน้ี [P144] ๑. จติ ตฺ ปรทิ หนลกขฺ โณ มีการเผาจติ อยา งหนัก เปน ลกั ษณะ ๒. นิตฺถนุ นรโส มีการทอดถอนใจ เปน กจิ ๓. วิสาทปจฺจปุ ฏาโน มกี ายและใจขาดกาํ ลังลง เปนอาการปรากฏในปญ ญาของบณั ฑิตท้ังหลาย ๔. หทยวตถฺ ปุ ทฏาโน มหี ทยั วัตถุ เปนเหตใุ กล แสดงลักษณะเปนตน ของกมั มภวะ ดังนี้ [P121] ๑. กมมฺ ลกขฺ โณ มีความเปน กรรม เปน ลักษณะ ๒. ภาวนรโส มกี ารทาํ ใหเ กดิ เปน กิจ (กจิ จรส) ๓. กุสลากสุ ลปจฺจปุ ฏาโน มคี วามเปนกุศลอกศุ ล เปนอาการปรากฏ ในปญญาของบณั ฑิตท้ังหลาย ๔. อุปาทานปทฏ าโน มีอุปาทาน เปน เหตุใกล ๑. ค. วิญญาณ ท่ีเปน เหตุใหเ กดิ นามรูปน้ัน มี ๒ อยาง คือ [P ] ๑. วปิ ากวิญญาณ องคธ รรมไดแ ก โลกยี วิปากจิต ๓๒ ๒. กัมมวิญญาณ องคธรรมไดแ ก อกุศลจิต มหากุศลจติ รูปาวจรกศุ ลจิต ทีป่ ระกอบกับกุศล อกศุ ลเจตนา ทีใ่ นอดตี ภพ ๓. จาํ แนกกามปฏิสนธิวญิ ญาณ ดงั ตอไปนี้ P49-50] ดาวนโหลดขอมูลและไฟลต า งๆไดจาก Post ท่ีหนา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 6 ปฏิจจสมุปบาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน ๑. อปุญญาภสิ งั ขาร ๑๑ (เวน อทุ ธัจจเจตนา) เปน เหตุ อเุ บกขาสนั ตรี ณอกุศลวบิ ากจิต ๑ เปนผล ใหป ฏิสนธิใน อบายภูมิ ๔ เปนพวกทุคติอเหตกุ บคุ คล คอื พวกอบายสตั วท้งั หลาย ๒. ปุญญาภิสงั ขาร อนั ไดแก มหากุศลทวเิ หตกุ โอมกเจตนา ๔ เปน เหตุ อุเบกขาสันตรี ณกุศลวิบากจิต ๑ เปน ผล ใหปฏสิ นธิในมนษุ ยภมู ิ ๑ จาตุมหาราชิกาภูมิ ๑ เปนพวกสุคติอเหตุกบคุ คล คอื มนษุ ยแ ละเทวดาช้ันตํา่ ท่ีพกิ ลพิการใบ บา บอด หนวก เปน ตน ๓. ปุญญาภิสังขาร อนั ไดแ ก มหากุศลทวิเหตกุ อุกกัฏฐเจตนา ๔ และติเหตกุ โอมกเจตนา ๔ เปน เหตุ มหาวิบาก ญาณวปิ ปยตุ ตจิต ๔ เปน ผล ใหปฏิสนธิในมนุษยภูมิ ๑ เทวภูมิ ๖ เปนพวกทวิเหตุก- บคุ คล คือ มนุษยแ ละเทวดาช้ันกลาง ๔. ปญุ ญาภสิ งั ขาร อนั ไดแ ก มหากศุ ลตเิ หตุอุกกัฏฐเจตนา ๔ เปนเหตุ มหาวบิ ากญาณสมั ปยุตตจิต ๔ เปน ผล ให ปฏสิ นธิในมนุษยภมู ิ ๑ เทวภูมิ ๖ เปนพวกตเิ หตกุ บคุ คลคอื มนษุ ยและเทวดาชั้นสงู ๔. จาํ แนกปฏิสนธิวญิ ญาณ ๙ คอื อเุ บกขาสนั ตรี ณกุศลวิบาก ๑ มหาวบิ าก ๘ โดยปุญญาภิสังขารคือมหากุศล เจตนา ๘ มาโดยเฉพาะ ๆ ไดด ังตอ ไปน้ี [P49-50] ๑. ปุญญาภิสังขาร อันไดแก มหากุศลทวิเหตุกโอมกเจตนา ๔ เปนเหตุ อเุ บกขาสนั ตรี ณกศุ ลวิบาก ๑ เปนผลใหป ฏสิ นธิในมนุษยภมู ิ ๑ จาตุมหาราชิกาภูมิ ๑ เปนพวกสคุ ติ อเหตกุ บุคคล คือ มนษุ ยแ ละเทวดาช้ันต่ํา ท่พี ิกลพิการใบบา บอดหนวก เปน ตน (หมายถึงวา เปนมนุษยชัน้ ต่ําท่พี กิ ลพิการใบบาบอดหนวกเปน ตน และเปน เทวดาชน้ั ตาํ่ ไดแก วินปิ าตกิ อสุรามรี ปู รา งนาเกลียดนากลัวความเปน อยูกล็ ําบากมาก คลา ยกบั พวกเปรต) ๒. ปุญญาภสิ งั ขาร อนั ไดแก มหากุศลทวเิ หตกุ อุกกฏั ฐะเจตนา ๔ และติเหตกุ โอมกเจตนา ๔ เปนเหตุ มหาวิบากญาณวิปปยตุ ตจติ ๔ เปน ผล ใหป ฏสิ นธิในมนุษยภูมิ ๑ เทวภูมิ ๖ เปน พวกทวิเหตุกบคุ คล คือ มนุษยและเทวดาชัน้ กลาง ๓. ปุญญาภิสงั ขาร อันไดแ ก มหากุศลตเิ หตุกอุกกัฏฐะเจตนา ๔ เปน เหตุ มหาวิบากญาณสมั ปยุตตจิต ๔ เปนผล ใหปฏิสนธใิ นมนษุ ยภ มู ิ ๑ เทวภูมิ ๖ เปน พวกตเิ หตกุ บคุ คล คอื มนุษยและเทวดาชั้นสงู ๓. จาํ แนก ปวตั ติวิญญาณ ที่เกิดขึ้นโดยอาศยั ปุญญาภสิ งั ขาร ๑๓ เปน เหตุ ไดด ังตอ ไปน้ี ๑. ปุญญาภิสงั ขาร อันไดแก มหากศุ ลเจตนา ๘ เปนเหตุ อเหตกุ กศุ ลวบิ าก ๘ ไดแ ก การเหน็ การไดย นิ การไดก ล่นิ การรรู ส การถูกตอง การรบั อารมณ การไตส วนอารมณ และการรับอารมณต อ จากชวนะท่ดี ีเปนผล ในกามภูมิ ๑๑ ๒. ปุญญาภิสงั ขาร อันไดแ ก มหากุศลเจตนา ๘ เปนเหตุ มหาวบิ าก ๘ ไดแก การรบั อารมณตอจากชวนะที่ดีเปนผล ในกามสุคตภิ ูมิ ๗ ๓. ปุญญาภิสังขาร อนั ไดแก มหากศุ ลเจตนา ๘ เปน เหตุ อเหตุกกศุ ลวบิ าก ๕ ไดแ ก การเหน็ การไดยิน การรับอารมณการไตส วนอารมณทด่ี ีเปน ผล ในรูปภูมิ ๑๕ ๔. ปุญญาภิสังขาร อนั ไดแ ก รปู าวจรกุศลเจตนา ๕ เปน เหตุ รปู าวจรวิบาก ๕ ไดแ ก การรกั ษาภพเปน ผล ในรูปภูมิ ๑๕ [P50-51] ๔. แสดงปจจยั สงเคราะห อวิชชา เปนปจจัยชวยอุปการะแกอ ปุญญาภิสงั ขารท่เี กดิ พรอมกบั ตน ? 56(4ก/ค) ก. ไดอ ํานาจปจ จัย ๗ คอื ๑. เหตุปจจัย ๒. สหชาตปจ จัย ๓. อัญญมญั ญปจจัย ๔. สหชาตนสิ สยปจ จัย ๕. สมั ปยตุ ตปจ จัย ๖. สหชาตัตถปิ จ จยั ๗. สหชาตอวิคตปจจัย [P ] 56(4ก/ค) ๔. ก. อวชิ ชาทีเ่ ปนอารมณอ ยางเอาใจใสเปน พเิ ศษ เปน ปจจัยชวยอปุ การะแกอปุญญาภิสงั ขารนัน้ 57(4ก/ค) ไดอ ํานาจปจ จัย ๓ คอื ๑. อารมั มณปจจัย ๒. อารัมมณาธิปตปิ จ จัย ๓. อารมั มณูปนิสสยปจ จยั ๒. ข. วญิ ญาณเปน ปจ จัยชวยอุปการะแกน ามในอรูปภูมิ คอื อรปู วิปากจติ ๔ เปน ปจ จยั ชวยอปุ การะแกเ จตสกิ ๓๐ ทง้ั ในปฏสิ นธิกาล และปวตั ตกิ าล ในอรปู ภูมิ ๔ ดาวนโหลดขอ มูลและไฟลต า งๆไดจาก Post ท่หี นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 7 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน วิญญาณเปน ปจจัยชวยอปุ การะแกนามในปญจโวการภมู ิ คอื ทวปิ ญ จวิญญาณจติ ๑๐ เปน ปจ จยั ชวย อปุ การะแกสัพพจติ ตสาธารณเจตสกิ ๗ ในปวตั ตกิ าลเทาน้นั ในปญ จโวการภมู ิ ๒๖ ตามสมควร [P55-56] ๔. ก. ปฏิสนธวิ ิญญาณเปน ปจ จัยชวยอุปการะแกห ทยวตั ถุรูป ไดอ ํานาจปจจยั ๙ คอื ๑.สหชาตปจจัย ๒. อญั ญมัญญปจ จัย ๓.นสิ สยปจจัย (สหชาตนิสสยปจจยั ) ๔.วิปากปจจยั ๕. อาหารปจจัย (นามอาหารปจ จัย) ๖. อนิ ทริยปจจัย (สหชาตนิ ทริยปจจัย) ๗.วปิ ปยตุ ตปจ จัย (สหชาตวปิ ปยุตตปจ จยั ) ๘. อตั ถปิ จจัย (สหชาตตั ถิปจ จยั ) ๙. อวิคตปจ จัย (สหชาตอวิคตปจจัย) [P57] ๔. ข. นาม คอื วริ ยิ ะ สติ ปญญา ท่ปี ระกอบกบั โลกียวบิ าก เปนปจ จยั ชว ยอุปการะแกม นายตน ไดแ ก โลกยี วิบากทเี่ กดิ พรอ มกนั กับตนนั้น ไดอ าํ นาจปจ จยั ๙ คอื [P61(7)] ๑. สหชาตปจจัย ๒. อัญญมัญญปจจัย ๓. นิสสยปจ จยั ๔. วปิ ากปจ จัย ๕. สหชาตินทรยิ ปจจัย ๖. มัคคปจจัย ๗. สัมปยุตตปจ จัย ๘. อัตถิปจจัย ๙. อวคิ ตปจจัย ๔. ก. นามคอื เอกัคคตาท่ีประกอบกบั โลกยี วิบาก เปนปจจยั ชวยอปุ การะแกม นายตนะ ซง่ึ ไดแกโ ลกียวิบากทีเ่ กิดพรอมกนั กับตน ไดอํานาจปจ จัย ๑๐ คอื [P61(8)] ๑. สหชาตปจจยั ๒. อญั ญมญั ญปจ จัย ๓. สหชาตนิสสยปจจยั ๔. วปิ ากปจ จยั ๕. สหชาตนิ ทรยิ ปจ จยั ๖. ฌานปจจยั ๗. มัคคปจจัย ๘. สัมปยตุ ตปจจยั ๙. สหชาตตั ถปิ จจัย ๑๐. สหชาตอวิคตปจจยั ๔. ข. นามคอื เจตสิกขันธ ๓ ทป่ี ระกอบกบั ปญจโวการวบิ ากเปนปจ จยั ชวยอปุ การะแกป ญจายตนะ ใน ปวัตติกาลแหง ปญ จโวการภูมินั้น ไดอ าํ นาจปจ จัย ๔ [P61(10)] คือ ๑. ปจ ฉาชาตปจจยั ๒. ปจฉาชาตวปิ ปยตุ ตปจจยั ๓. ปจฉาชาตตั ถิปจจัย ๔. ปจ ฉาชาตอวิคตปจจัย ๔. ค. รูป คอื หทยวตั ถทุ เี่ กิดกอนและกําลังต้งั อยู เปนปจจยั ชวยอปุ การะแกม นายตนะซงึ่ ไดแก ปญจโวการวบิ าก ๑๘ (เวนทวิ ๑๐) ในปวตั ติกาลแหงปญ จโวการภูมิ [P62(12)] 49, 57(4ค/ค) ไดอาํ นาจปจ จยั ๕ คอื ๑. วัตถปุ ุเรชาตนิสสยปจจยั ๒. วัตถุปุเรชาตปจ จยั ๓ วัตถุปุเรชาตวปิ ปยุตตปจจยั ๔ วตั ถปุ เุ รชาตตั ถิปจ จยั ๕ วัตถปุ ุเรชาตอวิคตปจ จัย ๔. ข. รูป คอื จักขายตนะ ท่ีเกดิ กอนและหลังตง้ั อยู เปนปจจยั ชวยอปุ การะแกมนายตนะ ซ่งึ ไดแก จกั ขวุ ญิ ญาณจติ ๒ ในปวตั ติกาล แหงปญ จโวการภูมิน้นั ? [P62(13)] ๔. ข. รูป คอื ปญ จายตนะ ทีเ่ กดิ กอนและกาํ ลังตั้งอยู เปน ปจ จยั ชวยอปุ การะแกมนายตนะ ซง่ึ ไดแกท วปิ ญจวญิ ญาณจิต ๑๐ ในปวัตติกาลแหง ปญจโวการภูมิ ? [P62(13)] ๔. ค. จกั ขายตนะ เปน ปจ จัยชว ยอุปาการแก จักขุสัมผัสสะ ? [P62(13)] ๓. ก. โสตายตนะ เปนปจ จยั ชว ยอุปการะแก โสตสัมผัสสะ ? [P] ตอบ ข./ค. ไดอาํ นาจปจจยั ๖ คอื ๑. วตั ถปุ เุ รชาตนสิ สยปจ จัย ๒. วัตถุปุเรชาตปจ จัย ๓. ปเุ รชาตนิ ทริยปจ จัย ๔. วตั ถปุ เุ รชาตวิปปยุตตปจ จยั ๕.อตั ถิปจ จยั (วัตถุปเุ รชาตตั ถิปจจยั ) ๖.อวิคตปจ จยั (วตั ถุปุเรชาตอวคิ ตปจจัย) ๔. ข. กมั มชโอชา เปนปจจัยชว ยอปุ การะแก ปญจายตนะ ไดอํานาจปจ จัย ๓ คอื [P63(16)] ๑. รูปอาหารปจจัย ๒. อัตถปิ จจยั (อาหารัตถิปจ จัย) ๓. อวิคตปจจยั (อาหารอวิคตปจ จัย) ๓. ก./ข. จําแนกผสั สะ ๖ โดยภมู ิ / จาํ แนกได ดงั น้ี [P67] ในกามภมู ิ ๑๑ ผสั สะ ๖ ยอมเกดิ ข้ึนได ในรปู ภมู ิ ๑๕ (เวนอสญั ญสตั ตภูมิ) ผสั สะยอ มเกดิ ได ๓ คือ จกั ขสุ มั ผสั สะ โสตสมั ผสั สะ มโนสมั ผัสสะ ในอรูปภูมิ ๔ ผสั สะยอ มเกดิ ได ๑ คอื มโนสมั ผัสสะ 57(3ข) สวนในอสัญญสตั ตภูมินน้ั ผสั สะท้ังหมดยอ มเกดิ ไมได เพราะไมม อี ชั ฌัตติกายตนะ ๖ เกิดในภูมนิ ้ี ๓. ข. จักขสุ ัมผสั สะจะเกิดขึ้นไดตองอาศยั อายตนะ ๔ อยาง คอื [P] ๑. จักขายตนะ ไดแ ก จักขุปสาท ๓. มนายตนะ ไดแก จักขวุ ญิ ญาณ ดาวนโหลดขอมลู และไฟลต า งๆไดจาก Post ทหี่ นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 8 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๒. รปู ายตนะ ไดแก รปู ารมณ ๔. ธมั มายตนะ ไดแ ก สพั พจิตตสาธารณเจตสกิ ๖ (เวน ผสั สะ) ๓. ก. ผสั สะท้งั ๖ เปน ปจ จัยชว ยอุปการะแกเวทนาทัง้ ๖ นนั้ ไดอํานาจปจจัย ๘ คือ [P72] ข. จักขุสัมผสั สะ เปนปจจยั ชวยอปุ การะแกจ กั ขสุ มั ผัสสชาเวทนา ไดอํานาจปจจยั ๘ คือ ค. กายสมั ผสั สะ เปน ปจจัยชว ยอุปการะแก กายสัมผัสสชาเวทนา ไดอาํ นาจปจจัย ๘ คอื [P72-ประยกุ ต] ๑. สหชาตปจจยั ๒. อัญญมญั ญปจจัย ๓. สหชาตนสิ สยปจ จัย ๔. วิปากปจจยั ๕. นามอาหารปจจยั ๖. สมั ปยตุ ตปจจัย ๗. สหชาตตั ถปิ จจัย ๘. สหชาตอวิคตปจจัย ๒. ตณั หาทชี่ อ่ื วา ธัมมตัณหา นน้ั มุงหมายเอาในขณะมีความยินดีพอใจ หรือในขณะนึกถึง โลภะ โทสะ โมหะ มานะ ทฏิ ฐิ เปน ตัน ทีเ่ ปน ฝา ยอกศุ ล และนกึ ถงึ ศรทั ธา วริ ิยะ สติ สมาธิ ปญ ญา ฌาน อภญิ ญา เปน ตน ที่เปน ฝายโลกียกศุ ลและกรยิ า หรือนึกถึง การเห็น การไดยิน การไดกลิน่ การรูรส การถกู ตอ ง การนอน หลับ ทเี่ ปน ฝา ยกามวิบาก หรอื นึกถึง ปสาทรปู สขุ มุ รูป และบัญญตั ิตา งๆเหลาน้ีแลว มคี วามยนิ ดีพอใจเกิดขึ้น เรยี กวา ธัมมตัณหา [P75] ๔.ง. เวทนา เปนปจ จัยชว ยอปุ การะแก ตณั หาไดอ ํานาจปจจัย ๑ คอื ปกตปู นิสสยปจ จัย [P80] ๓. ถา มผี ูกลาววา รูปตณั หาน้ี เปน กามตณั หาก็ได เปน ภวตัณหากไ็ ด เปน วิภวตณั หาก็ไดดังนี้ [P] ทา นจะคดั คา น หรอื เห็นดว ยประการใด ใหแ สดงมาตามความเปนจริง ขาพเจา เห็นดว ยทุกประการ เพราะวา รปู ตัณหา กเ็ ปน กามตัณหาสวนหนงึ่ ในกามตณั หาทั้งหลาย หมายถึงวา กามตณั หา ก็ไดแ ก ความยินดตี ิดใจในรูป หรือรปู ารมณ ทเี่ กีย่ วกบั กามคณุ อยางหน่ึงในกามคุณทง้ั ๕ แตไมป ระกอบดวยสสั สตทฏิ ฐิ และอุจเฉททฏิ ฐิ รปู ตณั หานแ้ี หละ ก็เปน ภวตัณหาสวนหนึง่ ในภวตัณหาทง้ั หมด หมายถงึ วา ภวตณั หา ก็ไดแ ก ตณั หาท่ี เกิดพรอ มดว ย สัสสสตทฏิ ฐิ โดยอาศัยรปู หรอื รปู ารมณ กลา วคือ ผทู ่มี คี วามเห็นวา รปู หรอื รูปารมณท ่ีตนกําลัง ไดร บั อยูนี้ ตั้งอยเู ปนนิจ ไมเ ขาใจวามกี ารเกดิ ดับ รูปตัณหานีแ้ หละ ก็เปนวภิ วตณั หาสว นหนึง่ ในวภิ วตณั หาทัง้ หมด หมายถงึ วา วิภวตัณหา ก็ตณั หาท่เี กดิ พรอมกันกับอุจเฉททิฏฐิ โดยอาศัยรูป หรือรปู ารมณ กลาวคือ ผูท มี่ ีความเหน็ วา รปู หรือรปู ารมณ ซง่ึ ไดแก สงิ่ ที่มี ชีวติ และไมมีชีวติ ทั้งหลายในโลกนี้ มีตัวมตี นอยู และตัวตนนี้ไมส ามารถต้ังอยูไดต ลอด ยอมสูญหายไป แลว มี ความยนิ ดีติดใจในรูปารมณน นั้ ๓. อปุ ปตตภิ วะ ๘/๙ เมอ่ื ยอลงแลว ได ๓ คือ ๑. กามภวะ ๒. รูปภวะ ๓. อรปู ภวะ [P115] และกมั มภวะกบั อุปปต ตภิ วะทงั้ ๒ นี้ เปน เหตเุ ปน ผลซงึ่ กันและกนั ไดน ั้น กลาวคอื ถา กลา วถงึ กาลที่เปน อนาคตแลว กมั มภวะเปนเหตุ อุปปปตติภวะเปนผล หมายความวา สัตวทั้งหลายที่เปน อปุ ปต ตภิ วะนนั้ จะ ปรากฏขึ้นไดก ็เพราะอาศัยการกระทาํ ตางๆ ดว ยกาย วาจา ใจ ซ่ึงเปนอกุศลกัมมภวะ และโลกยี กุศลกัมมภวะ เปนเหตุ นจี้ ดั เปน ชนกเหตุ ถา กลา วถงึ กาลทีเ่ ปน ปจจุบันแลว อุปปตตภิ วะเปนเหตุ กมั มภวะเปนผล เพราะการงานทั้งหลายทเี่ กย่ี ว ดวยกาย วาจา ใจ (กมั มภวะ) จะปรากฏขึ้นได กต็ องอาศัยสตั วท ง้ั หลาย ซึ่งเปนอปุ ปตติภวะเปน เหตุ ๕. ข. กามุปาทาน เปน ปจ จยั ชวยอุปการะแก กัมมภวะที่ประกอบกบั ตนนัน้ ไดอ ํานาจปจ จัย ๗ ปจ จัย คือ ๑. เหตุปจ จัย ๒. สหชาตปจ จยั ๓. อญั ญมญั ญปจจยั ๔. นิสสยปจ จัย (สหชาตนิสสยปจ จัย) ๕. สัมปยตุ ตปจจยั ๖. อัตถปิ จจยั (สหชาตตั ถิปจ จัย) ๗. อวิคตปจจัย (สหชาตอวิคตปจจยั ) [P122(1)] ๔. ก. อปุ าทานทั้ง ๔ เปน ปจ จัยชว ยอปุ การะแกกมั มภวะ ท่เี กิดขึ้นตดิ ตอกันกับตน โดยไมม ีระหวา งคั่น ? ไดอาํ นาจปจ จัย ๖ คอื ๑) อนนั ตรปจจัย ๒) สมนันตรปจ จยั ๓) อนนั ตรูปนสิ สยปจ จัย ๔) อาเสวนปจจยั ๕) นตั ถปิ จจยั ๖) วิคตปจจัย [P122(3)] ๔. ข. อปุ าทาน ๔ อยา งใดอยางหนงึ่ เปน อารมณอ ยางเอาใจใสเปน พเิ ศษ เปนปจ จัยชว ยอุปการะแกกุศลอกศุ ล ดาวนโหลดขอมลู และไฟลต า งๆไดจาก Post ทห่ี นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 9 ปฏิจจสมุปบาท ปฏฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน กัมมภวะ ไดอํานาจปจจัย ๓ คอื [P123(6)] ๑. อารัมมณปจจยั ๒. อารมั มณาธิปติปจจัย ๓. อารมั มณูปนิสสยปจจัย ๔. ง. ตัณหาทเ่ี กิดกอ น ๆ เปนปจจยั อุปการะแกกามุปาทานที่เกิดหลงั ๆ [P111(1)] ไดอ ํานาจปจ จยั ๑ คือ ปกตปู นิสสยปจจยั ขอ ๔ ๔. ภวะมอี ยู ๒ อยาง คือ (ท้ังธัมมาธิษฐานและปุคคลาธษิ ฐาน) [P112] กัมมภวะ ไดแ ก การกระทาํ ดว ย กาย วาจา ใจ ในส่งิ ท่ดี แี ละไมดี ของบคุ คลทว่ั ไป (ยกเวนพระอรหนั ต) อปุ ปต ติภวะ ไดแ ก สัตวทัง้ หลายทีอ่ ยูใน ๓๑ ภูมิ พรอ มท้ังการเห็น การไดย ิน การไดก ลน่ิ การรูร ส การสมั ผัส การนอนหลบั ๕. ข. ภวะมอี ยู ๒ อยา ง คือ ๑. กมั มภวะ การปรุงแตง ทท่ี ําใหผ ลเกิดขึ้น [P112] วาโดยธมั มาธิษฐาน ไดแ ก อกศุ ลเจตนา ๑๒ โลกยี กุศลเจตนา ๑๗ รวมเจตนา ๒๙ ๒. อปุ ปตติภวะ ผลท่เี กิดข้ึนในภพนั้นๆ โดยอาศัยกัมมภวะ วาโดยธมั มาธษิ ฐาน ไดแก โลกียวิปากจติ ๓๒ เจตสกิ ๓๕ กัมมชรปู ๒๐ ๔. ชาติในบทภวปจจยาชาติ นี้ มุงหมายเอาปฏิสนธชิ าตเิ ทานน้ั เม่ือวาโดยกาํ เนดิ มี ๔ คอื [P125] ๑. ชลาพุชชาติ = การเกดิ ข้ึนในมดลกู ๓. สงั เสทชชาติ = การเกิดขนึ้ ในทที่ มี่ ียาง ๒. อัณฑชชาติ = การเกิดขึน้ ในฟอง ๔. โอปปาติกชาติ = การเกิดผดุ โตข้นึ ทนั ที วาโดยขนั ธมี ๓ คอื ๑. ปญ จโวการชาติ = การเกดิ ขนึ้ ของขนั ธ ๕ ๒. จตโุ วการชาติ = การเกดิ ขึน้ ของนามขันธ ๔ ๓. เอกโวการชาติ = การเกิดขึ้นของรูปขันธอยา งเดียว และคําวา ชาติ นคี้ อื การเกิดข้นึ ของสัตวท ง้ั หลายใน ๓๑ ภูมิ โดยประการตา งๆ มีพวกอบายสตั ว มนษุ ย เทวดา พรหม เหลาน้ี กโ็ ดยเน่อื งมาจากกัมมภวะ คือ การกระทําดว ยกายวาจาใจ ที่เปน กศุ ลบางอกุศลบางน้ันเอง ฉะนัน้ จงึ เห็นไดวา สัตวทงั้ หลายในโลกน้ี ไมม ีใครเปนผสู รา ง นอกจาก กุศลกรรม อกุศลกรรม เทานน้ั ๔. ง. กัมมภวะ เปนปจ จัยชว ยอุปการะแก ชาติ ไดอ ํานาจปจ จัย ๒ คือ ๑. ปกตปู นสิ สยปจจัย ๒. นานักขณกิ กัมมปจ จยั [P126] ๔. ก. ปฏจิ จสมุปบาท เมือ่ วาโดยภวจักรแลว มี ๒ อยาง คอื [P160-161] ตง้ั แตอดตี เหตุเปนตน จนถึงปจจบุ นั ผลเปนภวจกั รอันหน่ึง ชื่อวา ปุพพันตภวจักร เปนภวจกั รแรก ต้งั แตป จ จุบันเหตเุ ปน ตน จนถงึ อนาคตผล เปนภวจักรอันหนึ่ง ช่ือวา อปรนั ตภวจักร เปน ภวจักรหลัง (50, 57) ในปพุ พันตภวจกั ร มีองคป ฏิจจสมุปบาท ๗ องค คือ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรปู สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา ในองคท ้งั ๗ เหลาน้ี อวชิ ชาเปนตน เหตุ หรือ เปน ทต่ี ัง้ นาํ ใหถึงเวทนา ในอปรนั ตภวจักร มอี งค ๕ คอื ตัณหา อปุ าทาน กมั มภวะ ชาติ ชรามณะ ในองค ๕ เหลานี้ ตัณหาเปนตน เหตุ หรือ เปน ทต่ี ้ังนาํ ใหถงึ ชรามรณะ (57) ในปุพพนั ตภวจักรทีม่ ีองค ๗ นนั้ มงุ หมายเอาเฉพาะองคท ปี่ รากฏออกหนา แตใ นขณะทอ่ี งค ๗ หมนุ เวียน อยนู ้ัน ตณั หา อปุ าทาน กัมมภวะ ชาติ ชรามรณะ องคท้งั ๕ เหลา นี้ (ท่เี ปน อปรนั ตภวจกั ร) กห็ มนุ ตามไปดว ย ในอปรันตภวจักรท่มี อี งค ๕ นน้ั มงุ หมายเอาแตเฉพาะองคที่ปรากฏออกหนา เชนเดยี วกนั แตในขณะที่ องค ๕ หมนุ เวยี นอยูน้นั อวชิ ชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา องคท ัง้ ๗ เหลานี้ (ที่เปน ปพุ พนั ตภวจกั ร) ก็หมุนตามไปดว ย [P160-161] ๔. จงอธบิ ายในเหตุท่ีทําใหว ฏั ฏะทั้ง ๓ ขาดลง = ตามธรรมดาตนไมยอมงอกงามเจริญไดกโ็ ดยอาศัยรากแกว ถา รากแกว ถูกทําลายเสยี แลว ตนไมนน้ั ก็จะเกิดอาการอับเฉาลงทันที และผลสดุ ทายก็ตาย ขอน้ฉี ันใด รูปนาม ดาวนโหลดขอมูลและไฟลต า งๆไดจ าก Post ทหี่ นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 10 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน คอื สตั วท งั้ หลายทีเ่ จรญิ อยูในสังสารวฏั โดยไมมที ่ีสน้ิ สดุ น้ัน กเ็ พราะอาํ นาจแหง อวชิ ชาและตัณหา เมอ่ื ใดอวิชชา และตณั หาทง้ั ๒ นถี้ กู ทําลายลงดวยอาํ นาจแหง อรหัตตมรรคแลว ความเจริญของรปู นาม อนั ไดแ กการเวียนวา ย ของสัตวท ง้ั หลายน้ัน ก็เปน อันสิ้นสุดลง ดังน้ันพระอนรุ ทุ ธาจารยจงึ แสดงวา “เตสเมว จ มูลานํ นโิ รเธน นิรุชฺฌติ” ซึ่งแปลวา เมือ่ วัฏฏมลู ทั้ง ๒ นนั้ ดับส้ินลงไมมีเหลือ ดวยอํานาจแหงอรหตั มรรคแลว การหมนุ เวยี น แหงปฏิจจสมปุ บาท คือ วัฏฏะทง้ั ๓ ก็ยอมดบั ลงทันที (ฉนั นน้ั ) [P165] ขอ ๕ ๕. ก. วญิ ญาณที่เปน เหตุใหเ กิดนามรปู มี ๒ อยาง คือ [P53] ๑. วิปากวญิ ญาณ องคธ รรมไดแก โลกียวิปากจติ ๓๒ ๒. กมั มวิญญาณ องคธ รรมไดแก อกุศลจิต มหากุศลจิต รปู าวจรกุศลจิต ท่ปี ระกอบกบั กุศลและ อกศุ ลเจตนาที่ในอดีตภพ และคาํ วา นามรปู น้ัน นาม ไดแ ก เจตสกิ ๓๕ ทปี่ ระกอบกบั โลกียวิปากจติ ๓๒ รูป ไดแก ปฏิสนธิกมั มชรปู ปวตั ติกัมมชรูป จิตตชรปู ๕. ข. โสตสัมผัสสะจะเกิดขึ้นไดตองอาศยั อายตนะ ๔ อยาง คือ ๑. โสตายตนะ ไดแ ก โสตปสาท [P ] ๒. สัททายตนะ ไดแ ก สัททารมณ ๓. มนายตนะ ไดแ ก โสตวญิ ญาณ ๔. ธัมมายตนะ ไดแ ก สพั พจติ ตสาธารณเจตสิก ๖ (เวนผัสสะ) ๕. ก. การแสดงปฏจิ จสมปุ บาทของพระสมั มาสมั พุทธเจาในสังยุตตนิกายนนั้ [P ] มีประเภทแหงการแสดงเปน ๔ นัย คอื ๑. แสดงจากตน ไปถงึ ปลาย คือ ต้ังแตเวทนาไปตามลาํ ดับจนถงึ ชรามรณะเปนทีส่ ุด เรียกวา อาทิปรโิ ยสานอนโุ ลมเทศนา ๒. แสดงจากกลางไปถึงปลาย คือ ต้งั แตเวทนาไปตามลาํ ดับจนถงึ ชรามรณะเปน ทส่ี ุด เรียกวา มชั ฌปรโิ ยสานอนโุ ลมเทศนา ๓. แสดงจากปลายไปถึงตน คือ ตง้ั แตช รามรณะถอยหลงั ไปตามลาํ ดับจนถงึ อวชิ ชาเปนที่สดุ เรยี กวา ปริโยสานอาทิปฏิโลมเทศนา ๔. แสดงจากกลางไปถึงตน คือ ต้งั แตตณั หาถอยหลังไปตามลําดับจนถงึ อวชิ ชาเปนที่สดุ เรียกวา มัชฌอาทปิ ฏโิ ลมเทศนา ๒.ข. จงจาํ แนกองคปฏิจจสมุปปาทโดยสจั จะ (ตามอภิธรรมภาชนยี นยั ) ดังน้ี [P172] อวิชชา สังขาร จดั เปน สมทุ ยสจั จะ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา จัดเปน ทกุ ขสัจจะ ตณั หา อุปทาน กมั มภวะ จัดเปน สมุทยสัจจะ อุปปต ตภิ วะ ชาติ ชรา มรณะ จดั เปน ทกุ ขสัจจะ ๕. ก. การแสดงปฏิจจสมุปบาทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจา มอี ยู ๒ นยั คอื สุตตันตภาชนยี นยั และอภธิ รรม ภาชนยี นยั การแสดงโดยสุตตนั ตภาชนียนัย ไดแ สดงถึงความเปน ไปแหง ปฏจิ จสมุปบาท ในจิตหลายๆ ดวง ชื่อวา นานาจติ ตักขณิกปฏจิ จสมุปบาท สว นการแสดงโดยอภิธรรมภาชนียนัย ไดแ สดงถึงความ เปนไปแหง ปฏจิ จสมปุ บาท ในจิตดวงหน่งึ ๆ ชอ่ื วา เอกจิตตักขณกิ ปฏิจจสมปุ บาท [P180] ๕. ก. การแสดงปฏจิ จสมปุ บาทโดยสุตตันตภาชนยี นยั ไดแสดงถึงความเปน ไปแหงปฏิจจสมปุ บาทในจิตหลายๆ ดวง ช่ือวา “นานาจิตตกั ขณิกปฏิจจสมุปบาท” สวนการแสดงโดยอภิธรรมภาชนียนยั นน้ั ไดแ สดงถึงความเปน ไป แหงปฏิจจสมุปบาทในจิตดวงหนึง่ ๆ ชอื่ วา “เอกจติ ตักขณิกปกจิ จสมุปบาท” [P180] ดาวนโหลดขอ มูลและไฟลต างๆไดจาก Post ที่หนา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแ่ี ปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 11 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน ในอภธิ รรมภาชนยี นัย แบง การแสดงออกเปน ๓ พวก คือ อภิธรรมภาชนียนัย ในจิต ๘๙ เจตสกิ ๕๒ แบงการแสดงออกเปน ๓ พวก คือ [P180] ๑.อกศุ ลบท ๒.กศุ ลบท ๓. อพยากตบท ๖. ข. การแสดงความเปนไปแหงปฏิจจสมปุ บาทในจติ ดวงหน่ึงๆ มีชื่อวา “เอกจิตตักขณิกปฏจิ จสมปุ บาท” มี การแสดง ๓ บท คือ อกุศลบท กศุ ลบท อพั ยากตบท และในกุศลบทท้ังหมดมีการแสดงองคป ฏิจจฯ ได ๑๒ องค ดังนี้ ๑. กุศลมูล ๒. สงั ขาร ๓. วิญญาณ ๔. นาม ๕.ฉฏั ฐายตนะ ๖. ผัสสะ ๗.เวทนา ๘.ปสาทะ ๙.อธิโมกข ๑๐.ภวะ ๑๑.ชาติ ๑๒.ชรา มรณะ [P18..] ๕. ก. จงแปลปฏจิ จสมปุ บาทโดยอภิธรรมภาชนยี นัยในจติ ตุปบาททั้งหมด ดังน้ี วิ ฺ าณปจฺจยา นามํ นามปจจฺ ยา ฉฎายตนํ ฉฎายตนปจจฺ ยา ผสโฺ ส ผสฺสปจฺจยา เวทนา ? ตอบ ก. แปลดังน้ี เพราะจติ 89 เปน เหตุ เจตสิกขนั ธ 3 ที่ประกอบกับจติ 89 จงึ เกิด เพราะเจตสิกขันธ 3 ทปี่ ระกอบกับจติ 89 เปน เหตุ มนายตนะ คือ จิต 89 จงึ เกิดข้ึน เพราะมนายตนะคอื จิต 89 เปน เหตุ ผสั สะ ทป่ี ระกอบกับจิต 89 จงึ เกิดขน้ึ เพราะผสั สะท่ปี ระกอบกบั จิต 89 เปน เหตุ เวทนา ท่ปี ระกอบกบั จิต 89 จึงเกดิ ขนึ้ ๕. ก.จงแสดงถงึ ความเปน ไปแหง ปฏจิ จสมปุ บาทเฉพาะภาษาไทย ใน ทฏิ ฐคิ ตสัมปยตุ ตจิต เฉพาะคทู ี่ ๑ และคสู ดุ ทาย พรอมทงั้ บทสดุ ทายมาดู ? [P181-182] 49, 54(5ก) ตอบ ก. คูท่ี ๑ เพราะอวชิ ชาเปน เหตุ อปุญญาภิสงั ขาร คือ ทิฏฐคิ ตสมั ปยุตตอกศุ ลเจตนา ที่เปนไปพรอมดวย อวชิ ชา จงึ เกิดขึ้น, คสู ุดทา ย เพราะนามชาติ คือ อาการที่เกิดข้ึนของทฏิ ฐิคตสัมปยตุ ตจิตตุปบาท เปนเหตุ นามชรา นาม มรณะ คือ ขณะตั้งและขณะดบั ของทิฏฐิคตสัมปยตุ ตจิตตปุ บาท จงึ เกิดข้นึ , บทสุดทา ย ความเกิดขน้ึ แหงกองทกุ ขแทๆ ท้ังปวงนี้ เพราะอาศัยปจ จยั ตา งๆ มอี วิชชาเปนตน ดังท่ไี ดกลาวมาแลวน้ี ๖. แสดงความเปนไปของปฏจิ จสมปุ บาทในทิฏฐิคตวิปปยุตตจิต ๔ เจตสิก ๒๑ เฉพาะภาษาไทย ? (เวน ๓ องค คือ ฉัฏฐายตนะ ผัสสะ เวทนา) [P] ตอบ เพราะอวิชชาเปน เหตุ อปญุ ญาภิสังขาร คือทฏิ ฐิคตวปิ ปยุตตอกศุ ลเจตนา ทเี่ ปนไปพรอมดว ยอวิชชานัน้ จงึ เกดิ ขน้ึ เพราะอปญุ ญาภสิ ังขาร คอื ทิฏฐคิ ตวิปปยตุ ตอกุศลเจตนาเปน เหตุ ทฏิ ฐิคตวปิ ปยุตตจิต จึงเกดิ ขึ้น เพราะทฏิ ฐิคตวิปปยตุ ตจิต เปนเหตุ เจตสกิ ขนั ธ ๓ ท่ีประกอบกับทฏิ ฐคิ ตวปิ ปยตุ ตจิต จงึ เกิดข้นึ เพราะตณั หา ทป่ี ระกอบกบั ทฏิ ฐคิ ตวปิ ปยุตตจติ เปนเหตุ อธิโมกข ท่ีประกอบกบั ทฏิ ฐคิ ตวิปปยตุ ตตจิต จงึ เกิดขนึ้ เพราะอธโิ มกข ท่ีประกอบกับทฏิ ฐิคตวปิ ปยตุ ตจิตเปน เหตุ ภวะ คือ ทิฏฐคิ ตวิปปยตุ ตจติ ตปุ บาท (เวนอธิโมกข) จึงเกดิ ขึน้ เพราะภวะ คอื ทิฏฐิคตวิปปยตุ ตจติ ตุปบาท (เวนอธิโมกข) เปนเหตุ นามชาติ คอื อาการทเ่ี กิดข้นึ ของทฏิ ฐคิ ตวปิ ปยตุ ตตจติ จึงเกิดขึ้น เพราะนามชาติ คือ อาการที่เกดิ ขึ้นของทิฏฐิคตวิปปยุตตจติ ตุปบาทเปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะต้ังและขณะดบั ของทิฏฐคิ ตวิปปยุตตจติ ตุปบาท จึงเกิดข้นึ ความเกิดขึ้นแหง กองทุกขแ ทๆ ทง้ั ปวงนี้ เพราะอาศยั ปจจัยตางๆ มีอวิชชา เปน ตน ดังทไ่ี ดกลา วมาแลวนี้ ๕. ข. ในการที่อภิธรรมภาชนียนัย พระพุทธองคไมทรงแสดง โสก ปรเิ ทวะ เปน ตน ซงึ่ เปนผลของชาติน้ันเพราะ ในจิตตกั ขณะดวงหน่งึ ๆ นนั้ โสกะ ปริเทวะ เปน ตน เหลา น้ี ยอ มเกิดขนึ้ ไมได และอีกประการหนึง่ โสกะ ปริเทวะ เปนตน เหลา น้ี กไ็ มไ ดเกดิ ในภูมทิ ว่ั ไป เชน ในรูปภูมิ อรูปภูมิ ดว ยเหตนุ ี้ พระพทุ ธองคจ งึ ไมทรงแสดง โสกะ ปริเทวะ เปน ตน ใหเ ปน ผลของชาติ [P182] ดาวนโหลดขอ มูลและไฟลต า งๆไดจาก Post ท่ีหนา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทแี่ ปะไว)
มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 12 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน ๖. ก. แสดงความเปนไปแหง ปฏิจจสมปุ บาท ในอภิธรรมภาชนียนยั ในมหากุศลญาณสมั ปยตุ ตจิต ๔ ดงั นี้ [“ภวปจฺจยา ชาติ ชาติปจฺจยา ชรามรณํ เอวเมตสฺส เกวลสสฺ ทกุ ขฺ กขฺ นธฺ สฺส สมทุ โย โหติ ฯ”] [P181-182] เพราะ ภวะ คอื มหากศุ ลญาณสมั ปยตุ จิตตปุ บาท (เวน อธิโมกข) เปน เหตุ นามชาติ คอื อาการเกดิ ขน้ึ ของมหากุศลญาณสัมปยตุ ตจิตตุปบาท จึงเกดิ ข้ึน เพราะ นามชาติ คือ อาการเกดิ ข้นึ ของมหากศุ ลญาณสัมปยุตตจิตตุปบาทเปนเหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะตั้ง และขณะดบั ของมหากศุ ลญาณสมั ปยุตจิตตุปบาท จึงเกิดข้ึน ความเกิดขนึ้ แหงกองทุกขแทๆ ทัง้ ปวงน้ี เพราะอาศยั ปจจยั ตา งๆ มีกุศลมลู เปนตนดังท่ีไดกลา วมาแลว น้ี ๕. ข. ในมหากศุ ลญาณสมั ปยุตตจติ ตปุ บาท ๔ นนั้ ความเปนไปขององคป ฏิจจสมุปบาท มจี าํ นวน ๑๒ คอื ๑. กุศลมลู ๓ ๒. สังขาร ๓. วิญญาณ ๔. นาม ๕. ฉัฏฐายตนะ ๖. ผัสสะ [P18..] ๗. เวทนา ๘. ปสาทะ ๙. อธโิ มกข ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรามรณะ ๖. ค. ในวิจิกิจฉาสมั ปยตุ ตจิตตปุ บาท มีองคปฏิจจสมุปบาท ๑๑ คอื ๑. อวิชชา ๒. สงั ขาร ๓. วิญญาณ ๔. นาม ๕. ฉฏั ฐายตนะ ๖. ผัสสะ ๗. เวทนา ๘. วจิ ิกจิ ฉา ๙. ภวะ ๑๐. ชาติ ๑๑. ชรามรณะ อรูปาวจรกศุ ลจิตตปุ บาท มอี งคป ฏจิ จสมุปบาท ๑๒ คอื ๑. กศุ ลมูล ๒. สงั ขาร ๓. วญิ ญาณ ๔. นาม ๕. ฉัฏฐายตนะ ๖. ผสั สะ ๗. เวทนา ๘. ปสาท ๙. อธิโมกข ๑๐. ภวะ ๑๑. ชาติ ๑๒. ชรามรณะ ๕. ก. แสดงเปนบาลี ดังน้ี (ความเปน ไปของปฏจิ จสมปุ บาทในโลกุตตรกศุ ลจิต ๓ คู [P183] คอื คูท่ี ๑ คทู ่ี ๒ และ คูสดุ ทาย พรอ มดวยบทสุดทา ย คือ ) กุสลมูลปจฺจยา สงฺขาโร, สงฺขารปจจฺ ยา วิ ฺานํ ฯลฯ ชาตปิ จจฺ ยา ชรามรณํ เอวเมเตสํ ธมฺมานํ สมุทโย โหติ แปล เพราะกุศลมูล ๓ เปน เหตุ ปุญญาภิสงั ขาร คือ โลกตุ ตรกุศลเจตนา ท่ีเปน ไปพรอมดวยกุศลมูล ๓ จึงเกิดขึ้น เพราะปญุ ญาภสิ ังขาร คอื โลกุตตรกศุ ลเจตนา เปน เหตุ โลกตุ ตรกศุ ลจิตจึงเกดิ ขนึ้ เพราะนามชาติ คอื อาการเกิดขึน้ ของโลกตุ ตรกศุ ลจิตตุปบาท เปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คอื ขณะตง้ั และ ขณะดบั ของโลกุตตรกุศลจิตตปุ บาท จงึ เกดิ ข้ึน ความเกิดข้นึ แหง โลกุตตรกศุ ลธรรม ยอมเปนไปดงั นี้ ๖. ก. ความเปน ไปของปฏจิ จสมปุ บาทในโลกุตตรกศุ ลจิตนนั้ แปลวา [กุสลมูลปจฺจยา สงขฺ าโร ฯลฯ ชาตปิ จจฺ ยา ชรามรณํ เอวเมเตสํ ธมฺมานํ สมทุ โย โหติ.] [P18..] เพราะกุศลมูล ๓ เปนเหตุ ปุญญาภิสังขาร คอื โลกตุ ตรกุศลเจตนา ที่เปนไปพรอ มดวยกุศลมลู ๓ จึงเกดิ ข้ึน ฯลฯ เพราะนามชาติ คอื อาการทเี่ กดิ ขน้ึ ของโลกตุ ตรกุศลจิตตปุ บาท เปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คือ ขณะต้ังและ ขณะดบั ของโลกุตตรกุศลจิตตปุ บาทจงึ เกิดขึ้น ความเกิดข้นึ ของโลกตุ ตรกศุ ลธรรม ยอมเปนไปดังนี้ ๖. ก. โลกตุ ตรวปิ ากจิต ๔ เจตสกิ ๓๖ นน้ั วา มอี งคป ฏจิ จสมปุ บาท ๑๑ องค คือ ๑. สงั ขาร ๒ วิญญาณ ๓. นาม ๔.ฉฏั ฐายตนะ ๕. ผสั สะ ๖.เวทนา ๗. ปสาทะ ๘. อธิโมกข ๙. ภวะ ๑๐.ชาติ ๑๑.ชรา มรณะ [P18..] ๕. แปลเปน ไทยในปฏจิ จสมุปบาทโดยอภิธรรมภาชนยี นัย เฉพาะในทวปิ ญ จวญิ ญาณจติ ๑๐ [P185-186] ก. สงขารปจจฺ ยา วิาณํ, วิ าณปจจฺ ยา นาม ฯ ? [P185] ข. ภวปจจฺ ยา ชาติ, ชาตปิ จฺจยา ชรามรณํ เอวเมตสสฺ เกวลสสฺ ทุกฺขกฺขนธฺ สสฺ สมทุ โย โหติ ฯ ? [P186] ตอบ ก. เพราะปญุ ญาภสิ ังขาร อปุญญาภสิ ังขาร คือ มหากุศลเจตนา ๘ อกุศลเจตนา ๑๒ เปน เหตุ ทวิปญจวญิ ญาณจติ ๑๐ จึงเกิดข้ึน เพราะทวิปญจวญิ ญาณจิต ๑๐ เปน เหตุ เจตสกิ ขันธ ๓ ที่ประกอบกบั ทวิปญ จวิญญาณจิต ๑๐ จึงเกดิ ขน้ึ ข. เพราะภวะ คือ ทวปิ ญ จวญิ ญาณจิตตปุ บาท (เวน เวทนา) เปนเหตุ นามชาติ คอื อาการทเี่ กดิ ขนึ้ ของ ทวิปญ จวิญญาณจิตตุปบาท จึงเกิดข้นึ เพราะนามชาติ คอื อาการทเ่ี กิดขน้ึ ของทวิปญจวิญญาณจิตตุปบาท เปน เหตุ นามชรา นามมรณะ คือ ขณะต้งั และขณะดบั ของทวปิ ญ จวิญญาณจติ ตปุ บาท จงึ เกดิ ขนึ้ ความเกิดขน้ึ แหง ดาวนโหลดขอ มูลและไฟลต า งๆไดจ าก Post ท่หี นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มชั ฌิมอาภิธรรมิกะโท 13 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน กองทุกขแทๆ ท้ังปวงนี้ เพราะอาศัยปจ จัยตา งๆ มปี ญุ ญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร เปน ตน ดังท่ไี ดกลาวมาแลว น้ี ๕. ข. ในทวิปญจวญิ ญาณจติ ๑๐ สพั พจติ ตสาธารณเจตสกิ ๗ ดวงนั้น มีองคป ฏิจจสมุปบาท ๙ องค ค[Pือ18..] ๕. ข. ปฏิจจสมุปบาททเ่ี ปน ทางตา (จกั ขุวิญญาณ) เมอื่ วา โดยองคแลว มี ๙ องค คือ [P18..] ๑) สังขาร ๒) วิญญาณ ๓) นาม ๔) ฉฏั ฐายตนะ ๕) ผัสสะ ๖) เวทนา ๗) ภวะ ๘) ชาติ ๙) ชรามรณะ ๕. ค. อัพยากตบท ไดแสดงถงึ ความเปน ไปแหงปฏิจจสมปุ บาทในจติ ๕๖ ดวง [P185-186] คือ วปิ ากจิต ๓๖ กิรยิ าจติ ๒๐ เจตสิก ๓๘ ขอ ๖ ๒๔ ปจจยั -> ๔๗ ปจ จยั ๖. ก. แสดงช่ือ-คําแปลตามลําดบั ๕ ปจ จยั ดังนี้ [P188] สหชาตาธิปต1ิ -4 อารมั ณาธปิ ต5ิ ๑. เหตปุ จ จโย ธรรมท่ชี วยอปุ การะโดยความเปนเหตุ เห อา๘ ธิ๒๕ น๑ํ ๘ สน๑ํ ๘ สห๖ ๒. อารมั มณปจ จโย ธรรมทช่ี วยอปุ การะโดยความเปน สหวัตชาถตุปนเุ รสิ ชสายต1น-5ิส6-10ออนารนั 1ัมต3มร4ณูป6นปู-ิส9น1สิ 1สวยตั ะถ1-ุป3เุ,ร4ช, า7-ต91-5 12 13 อารมณ วตั ถารมั ณปเุ ร11ปกตปู นสิ 1-12 อารมั ณปเุ รชาต6-11 13 ๓. อธปิ ติปจ จโย ธรรมที่ชว ยอปุ การะโดยความเปน อธิบดี อัญ๓ นสิ ๓๑๑ อุป๓๑๒ ปุ๒๑๓ ฉา เส๓ ๔. อนันตรปจจโย ธรรมทชี่ ว ยอุปการะโดยความ สหชาตนิ ทริย7 ติดตอกันไมมีระหวางค่นั รปู อาหาร1 วตั ถปุ เุ รชาตนิ ทรยิ 1-5 สหชาตกมั ม2 นามอาหาร2 รูปชีวิตนิ ทริย6 ๕. สมนนั ตรปจ จโย ธรรมทช่ี วยอุปการะโดยความ นานกั ขณกิ กมั ม1 ตดิ ตอกันไมมีระหวางคน่ั ทีเดียว กมั ๒๒ ปา หา๒๒ อนิ ๓๗ ฌา มคั ๖. ข. แสดงความหมายของปจจยั ดังน้ี คอื [P188] 46 อุปนสิ ฺสยปจจฺ โย ธรรมท่ีชวยอุปการะโดยความเปนที่ สหชาตตั ถ1ิ -5 สหชาตอวคิ ต1-5 วตั ถุปุเรชาตตั ถ6ิ -10 17 วตั ถุปุเรชาตอวคิ ต6-10 17 อาศยั ท่มี กี าํ ลังมาก สหชาตวิปปยตุ ต2 อารัมมณปเุ รชาตตั ถ1ิ 1-16, 17 อารมั มณปุเรชาต1ั 1-16, 17 ปเุ รชาตปจจฺ โย ธรรมท่ชี วยอุปการะโดยความเกิดกอ น วตั ถุปุเรชาตวปิ 1 ปจฉาชาตตั ถิ วตั ถารมั มณปเุ ร1 ปจฉาชาตอวคิ ต ปจฺฉาชาตปจฺจโย ธรรมทชี่ ว ยอุปการะโดยความเกิดทีหลัง อาหารตั ถิ กมฺมปจฺจโย ธรรมที่ชวยอุปการะโดยความปรุงแตง อาหารอวคิ ต สัม ปจ ฉาชาตวิป2 อนิ ทริยตั ถิ วิ อนิ ทรยิ ิวคิ ต เพอื่ ใหก จิ ตา งๆ สําเร็จลง วิปากปจจฺ โย ธรรมท่ีชว ยอุปการะโดยความเปนวิปาก วิป๔๒ ถิ๖๑๗ นตั ถิ อ๖๑๗ คอื เขา ถงึ ความสุกงอมและหมดกําลังลง ปจ จยั ทม่ี ี ๑(๑๔), ๒(๔), ๓(๓), ๔(๑), ๖(๒) ปจจยั (สัมภาษณ) ๕. ข. ปจ จยั ท่ี ๑๐ คือ ปุเรชาตปจจฺ โย = ธรรมที่ชว ยอปุ การะโดยความเกิดกอน [P188] ปจ จัยที่ ๑๑ คอื ปจฉฺ าชาตปจจฺ โย = ธรรมที่ชว ยอปุ การะโดยความเกดิ ทหี ลงั ปจจยั ท่ี ๑๒ คือ อาเสวนปจฺจโย = ธรรมทชี่ ว ยอปุ การะโดยความเสพบอ ย ๆ ๕. ก. แสดงความหมายของปจ จัยดงั ตอไปนี้ [P189] ๑) วปิ ฺปยตุ ฺตปจฺจโย หมายความวา ธรรมท่ีชวยอุปการะโดยความเปน ผูไ มประกอบ ๒) อตฺถปิ จจฺ โย หมายความวา ธรรมทชี่ วยอปุ การะโดยความเปนผยู งั มีอยู ๓) นตถฺ ปิ จฺจโย หมายความวา ธรรมที่ชว ยอปุ การะโดยความเปน ผูไมม ี ๔) วคิ ตปจฺจโย หมายความวา ธรรมทช่ี ว ยอปุ การะโดยความเปน ผูปราศจากไป ๕) อวคิ ตปจฺจโย หมายความวา ธรรมทีช่ ว ยอุปการะโดยความเปน ผยู ังไมปราศจากไป ๖. ก. ปจจัยโดยยอ ๒๔ ปจจยั นั้น ปจจยั ทเี่ ปน คกู นั มี ๗ คู คอื (แสดงเฉพาะช่ือ) [P ] 47 คูท่ี ๑ ไดแก อนนั ตรปจจยั กบั สมนนั ตรปจ จัย คูท่ี ๒ ไดแก นสิ สยปจ จยั กับ อุปนสิ สยปจจยั ดาวนโหลดขอ มลู และไฟลต า งๆไดจาก Post ท่ีหนา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่แี ปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 14 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน คทู ี่ ๓ ไดแก ปุเรชาตปจจยั กับ ปจฉาชาตปจ จัย คทู ี่ ๔ ไดแ ก กัมมปจจยั กับ วิปากปจจยั คทู ี่ ๕ ไดแ ก สมั ปยตุ ตปจจยั กับ วิปปยุตตปจ จัย คทู ่ี ๖ ไดแ ก อัตถปิ จจยั กบั นตั ถปิ จ จยั คทู ี่ ๗ ไดแ ก วคิ ตปจ จยั กบั อวิคตปจ จัย ๖. ข. ในปจจยั ๒๔ นัน้ ปจ จยั ทีป่ ระชุมแหงปจ จยั ทั้งปวง ไดแ ก (มี ๔ ปจ จัย คอื ) [P ] ๑. อารัมมณปจจยั ๒. อปุ นิสสยปจ จัย ๓. กัมมปจ จัย ๔. อตั ถิปจจัย และในปจจัยเหลา นี้ แตล ะปจ จยั มีดังนี้ [P ] ๑. อารมั มณปจ จัย มี ๑ ปจจัย คือ อารัมมณปจ จยั ๒. อุปนสิ สยปจ จัย มี ๓ ปจจัย คอื ๑. อารัมมณูปนสิ สยปจ จัย ๒. อนันตรปู นิสสยปจจยั ๓. ปกตปู นิสสยปจ จัย ๓. กมั มปจ จัย มี ๒ ปจ จยั คอื ๑. สหชาตกัมมปจจยั ๒. นานกั ขณกิ กัมมปจจยั ๔. อัตถิปจจัย มี ๖ ปจ จัย คอื ๑. สหชาตัตถิปจ จัย ๒. วัตถปุ เุ รชาตตั ถปิ จจยั ๓. อารมั มณปเุ รชาตัตถิปจจยั ๔. ปจ ฉาชาตัตถิปจจยั ๕. อาหารตั ถิปจจยั ๖. อินทริยตั ถิปจ จัย ๕. ก. ... แสดงรูปทชี่ ือ่ วา “สหชาตรูป” ในสหชาตชาตทิ ั่วไปทง้ั หมดน้นั แบง ออกเปน ๒ อยาง คือ [P] ๑. จิตตชรปู ท่ีเกดิ ใน ปวัตตกิ าล อยา งหนึง่ ๒. กัมมชรูป ที่เกดิ ใน ปฏิสนธิกาล อยางหน่ึง ๖. ก. ปจจัยโดยยอ มี ๒๔ เม่ือแสดงโดยพสิ ดารแลว มี ๔๗ ปจจยั พิสดารอยทู ีป่ จจยั ๑๐ ปจ จัย คอื [P ] 36, 50 ๖./๓. ก. / ข. ปจจัยทม่ี ีมากกวาหน่งึ ปจจัยนน้ั มีจํานวน ๑๐ ปจจัย คอื [P ] ๑. อธิปตปิ จจยั ๒. นิสสยปจจัย ๓. อุปนสิ สยปจ จัย ๔. ปุเรชาตปิ จจัย ๕. กัมมปจ จยั ๖. อาหารปจจัย ๗. อินทรยิ ปจ จัย ๘. วปิ ปยตุ ตปจ จัย ๙. อตั ถิปจจยั ๑๐. อวคิ ตปจ จยั ๓. ข. ปจจยั ท่ีมี ๒ ปจจัย มี ๔ ปจจยั คือ ๑ อธปิ ตปิ จ จยั ๒ ปเุ รชาตปจ จัย ๓ กมั มปจจยั ๔ อาหารปจจยั 53 อธิปตปิ จจัย มี ๒ ปจจัย คอื ๑ สหชาตาธิปตปิ จจัย ๒ อารัมมณาธิปตปิ จ จัย ปุเรชาตปจจยั มี ๒ ปจ จัย คอื ๑ วตั ถุปุเรชาตปจจัย ๒ อารัมมณปเุ รชาตปจ จยั กัมมปจจัย มี ๒ ปจ จยั คือ ๑ สหชาตกมั มปจ จัย ๒ นานักขณกิ กัมมปจจัย อาหารปจจยั มี ๒ ปจ จัย คือ ๑ รูปอาหารปจจยั ๒ นามอาหารปจ จยั ปจ จัยทีม่ ี ๓ ปจจยั มี ๓ ปจจยั คือ ๑. นสิ สยปจจัย ๒. อุปนิสสยปจจยั ๓. อนิ ทรยิ ปจจัย นิสสยปจจยั มี ๓ ปจ จัย คอื ๑. สหชาตนสิ สยปจจยั ๒. วัตถุปุเรชาตนิสสยปจจัย ๓. วัตถารมั มณปเุ รชาตนิสสยปจ จัย อปุ นิสสยปจจยั มี ๓ ปจ จยั คือ ๑. อารมั มณูปนสิ สยปจ จัย ๒. อนนั ตรปู นิสสยปจจยั ๓. ปกตปู นสิ สยปจ จยั อนิ ทริยปจจัย มี ๓ ปจจัย คอื ๑. สหชาตินทริยปจจยั ๒. ปเุ รชาตนิ ทรยิ ปจ จยั ๓. รปู ชวี ิตนิ ทรยิ ปจจยั ปจ จยั ที่มี ๔ ปจจัย มี ๑ ปจจัย คือ วิปปยตุ ตปจจยั วปิ ปยุตตปจจัย มี ๔ ปจ จัย คือ ๑. สหชาตวิปปยตุ ตปจ จยั ๒. วัตถุปเุ รชาตวิปปยุตตปจ จัย ๓. วตั ถารัมมณปเุ รชาตวปิ ปยตุ ตปจ จยั ๔. ปจฉาชาตวปิ ปยุตตปจจัย ค. ในปจจยั เหลา นปี้ จจัยทอี่ ยูในจาํ พวกนามรูปเปน ปจจยั นามรปู เปน ปจจยุปบันมี ๗ ปจ จยั คือ ๑. อธปิ ติ ปจ จัย ๒. นสิ สยปจจยั ๓. อาหารปจ จยั ๔. อนิ ทริยปจจยั ๕. วปิ ปยุตตปจ จัย ๖. อัตถิปจจยั ๗. อวิคตปจ จยั ๗. ก. อินทรยิ ปจ จยั มี ๓ ปจ จยั คอื ๑ สหชาตนิ ทริยปจจัย .๒. ปุเรชาตนิ ทรยิ ปจจัย ๓. รูปชวี ิตินทรยิ ปจ จยั อัตถปิ จจยั มี ๖ ปจจัยคอื ๑ สหชาตตั ถิปจ จัย ๒. วตั ถปุ ุเรชาตตั ถิปจจัย ๓. อารัมมณปเุ รชาตัตถิปจ จัย ๔. ปจฉาชาตตั ถิปจ จัย ๕.อาหารตั ถปิ จ จัย ๖ อินทรยิ ตั ถิปจจัย [P] 43, 55(6ข) ดาวนโหลดขอมลู และไฟลต างๆไดจาก Post ทีห่ นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 15 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ สสนา กรรมฐาน ๕. ข. / ๗. ก. ในปจจยั ๒๔ นัน้ เม่อื แบงออกเปนหมวดๆ แลว มี ๖ หมวด คอื [P189(2)] (37) จาํ แนกปจจัย ๒๔ ออกเปนพวกๆ คอื นาม เปน ปจจยั ชว ยอปุ การแกนาม มี ๖ ปจ จัย นาม เปน ปจจยั ชวยอปุ การแกน ามรูป มี ๕ ปจ จัย นาม เปน ปจจัยชวยอปุ การแกรูป มี ๑ ปจ จยั รปู เปนปจจัยชว ยอปุ การแกน าม มี ๑ ปจจัย บญั ญตั นิ ามรปู ท้งั ๓ เปน ปจจัยชวยอุปการะแกนาม มี ๒ ปจ จัย นามรปู ทั้ง ๒ เปนปจจัยชว ยอุปการะนามรปู ท้ัง ๒ มี ๙ ปจจยั ๕. ข. นาม เปน ปจ จัยชว ยอปุ การะแกนาม ๖ ปจ จัย คือ [P190(3)] จิตและเจตสกิ ธรรม ท่เี กดิ ข้ึนและดับไปโดยไมม รี ะหวางคน่ั เหลานนั้ เปน ปจ จยั ชวยอุปการะแก จติ เจตสิก ที่ เกิดขึ้นใหมติดตอ กัน ดวยอํานาจ อนนั ตรปจ จยั สมนนั ตรปจจัย นตั ถิปจจยั วคิ ตปจ จัย ชวนะทเี่ กิดขึ้นกอนๆ เหลา นี้ เปนปจ จัยชวยอุปการะแกชวนะทีเ่ กิดหลงั ๆ ดวยอาํ นาจอาเสวนปจจัย จิต เจตสิกธรรม ท่ีเกิดพรอมกันเหลานี้ เปนปจ จัยชวยอุปการะแกกนั และกัน ดวยอํานาจสัมปยตุ ตปจจยั ๖. / ๕.ค. นามรปู เปน ปจจยั นามรูป (เปนปจ จยุปบัน) มี ๙ ปจจยั คอื [P189] ๑. อธิปตปิ จจัย ๒. สหชาตปจจัย ๓. อัญญมัญญปจ จยั ๔. นสิ สยปจจยั ๕. อาหารปจจยั ๖. อินทริยปจจยั ๗. วิปปยตุ ตปจ จัย ๘. อัตถปิ จจยั ๙. อวคิ ตปจจัย (56) และในปจจัยเหลานี้ แตละปจ จยั มี ๑ ปจจยั บา ง ๒ ปจ จัยบา ง เปนตน ดงั นี้ คือ อธปิ ติปจจยั มี ๒ ปจ จยั คอื ๑. สหชาตาธิปติปจจยั ๒. อารมั มณาธิปตปิ จ จยั สหชาตปจ จยั มี ๑ ปจ จยั คอื สหชาตปจ จยั อญั ญมัญญปจ จยั มี ๑ ปจจัย คอื อัญญมัญญปจจัย นิสสยปจจัย มี ๓ ปจจัย คอื ๑. สหชาตนสิ สยปจ จัย ๒. วัตถปุ ุเรชาตนสิ สยปจจยั ๓. วัตถารัมมณปเุ รชาตนิสสยปจจัย อาหารปจ จยั มี ๒ ปจจยั คือ ๑. รูปอาหารปจ จยั ๒. นามอาหารปจจยั อินทรยิ ปจ จยั มี ๓ ปจจยั คือ ๑. สหชาตินทรยิ ปจ จยั ๒. ปเุ รชาตนิ ทริยปจจัย ๓. รปู ชวี ิตนิ ทริยปจ จยั วิปปยุตตปจจยั มี ๔ ปจจัย คอื ๑. สหชาตวปิ ปยุตตปจ จัย ๒. วัตถปุ ุเรชาตวิปปยุตตปจจยั ๓. วัตถารัมมณปเุ รชาตวปิ ปยุตตปจ จยั ๔. ปจ ฉาชาตวิปปยุตตปจจยั อตั ถิปจ จัย มี ๖ ปจ จยั คอื ๑. สหชาตตั ถิปจจัย ๒.วัตถุปุเรชาตัตถิปจ จยั ๓. อารัมมณปเุ รชาตัตถิปจจัย ๔. ปจฉาชาตัตถิปจจยั ๕. อาหารตั ถปิ จจัย ๖. อนิ ทรยิ ตั ถิปจจัย อวิคตปจ จยั มี ๖ ปจ จัย คอื ๑. สหชาตอวคิ ตปจจยั ๒. วตั ถุปเุ รชาตอวคิ ตปจจัย ๓. อารัมมณปเุ รชาตอวคิ ตปจ จยั ๔. ปจ ฉาชาตอวคิ ตปจ จยั ๕. อาหารอวคิ ตปจจัย ๖. อินทรยิ อวิคตปจ จัย ๖. ค. สหชาตรปู แปลวา รปู ที่เกิดพรอมกนั กบั จิต มี ๒ อยางคอื [P196] ๑. จิตตชรปู ทเ่ี กิดในปวัตตกิ าล ๒. กัมมชรูป ทเ่ี กิดในปฏสิ นธกิ าล ๖. ก. ปจจยุปบนั ธรรมของ อญั ญมญั ญปจจัย คอื [P193] ๑. จิต เจตสิก เปน อญั ญมัญญปจจัย คอื จติ เจตสิก เปนอญั ญมัญญปจจยุปบันธรรม ๒. มหาภตู รูป ๔ เปน อญั ญมญั ญปจ จยั คอื มหาภูตรูป ๔ เปนอญั ญมญั ญปจจยปุ บนั ธรรม ๓. ปฏิสนธนิ ามขนั ธ ๔ เปน อัญญมัญญปจจัย คอื ปฏิสนธหิ ทยวัตถุ เปน อัญญมัญญปจจยุปบันธรรม ๔. ปฏิสนธิทหยวัตถุ เปน อัญญมญั ญปจ จัย คือ ปฏิสนธนิ ามขันธ ๔ เปน อญั ญมัญญปจ จยปุ บันธรรม ๔. ก. แสดงปจ จยุปปน ธรรมของ นามอนิ ทรีย องคธ รรม ๘ เปน อนิ ทรยิ ปจจัย คอื นามอินทรีย องคธรรม ๘ เปนอินทรยิ ปจจัย นามรปู คือ จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ และ จติ ตชรูป ปฏิสนธิกัมมชรปู เปน อนิ ทรยิ ปจ จยปุ ปน ดาวนโหลดขอมลู และไฟลต า งๆไดจาก Post ท่หี นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มชั ฌมิ อาภิธรรมิกะโท 16 ปฏิจจสมปุ บาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน แสดงปจจยปุ ปนธรรมของ รปู ชีวิตนิ ทรีย เปนอนิ ทริยปจ จัย คอื รูปชีวติ ินทรีย เปนอินทริยปจ จัย อปุ าทินนรปู คอื กัมมชรูป เปนอนิ ทรยิ ปจจยุปปน [P] 51 ๖. ก. แสดงปจ จยั ธรรมของอินทริยปจ จยปุ บนั ธรรม ดังน้ี [P ] ๑. ทวิปญจวิญญาณจิต ๑๐ เปน อนิ ทริยปจจยปุ บนั ธรรม คือ ๑. ปสาทรปู ๕ เปนอนิ ทรยิ ปจ จัยธรรม ๒. อุปาทินนรูป คอื กมั มชรปู เปนอนิ ทริยปจจยปุ บันธรรม คือ ๒. รูปชวี ติ ินทรยี เปนอนิ ทริยปจ จยั ธรรม ๓. นามรูป จติ เจตสิก จิตตชรปู ปฏิสนธิกมั มชรูป เปน อินทรยิ ปจ จยุปบนั ธรรม คอื ๓. นามอินทรยี องคธ รรม ๘ มชี ีวิตนิ ทรยี เ จตสกิ เปนตน เปน อนิ ทรยิ ปจ จยั ธรรม ๖. ข. แสดงปจ จยปุ บันธรรมของนสิ สยปจ จัยธรรม ดังนี้ [P ] ๑. จิต เจตสกิ เปน นสิ สยปจจยั ธรรม คือ ๑. จิต เจตสกิ จติ ตชรปู ปฏสิ นธิกมั มชรูป เปนนสิ สยปจ จยุปบนั ธรรม ๒. มหาภตู รปู ๔ เปน นสิ สยปจจัยธรรม คอื ๒. มหาภูตรปู ๔ และอุปาทายรูป ๒๔ เปนนิสสยปจจยุปบนั ธรรม ๓. วตั ถุรปู ๖ เปนนิสสยปจ จยั ธรรม คือ ๓. วิญญาณธาตุ ๗ เปน นสิ สยปจจยุปบนั ธรรม ๖. ก. จติ และเจตสิกธรรม เปนนิสสยปจจัย คอื จติ เจตสกิ และจิตตชรปู ปฏิสนธิกมั มชรูป เปน นสิ สยปจจยุปบนั ข. มหาภตู รูป ๔ เปนนสิ สยปจจัย คอื มหาภตู รูป ๔ และอุปาทายรูป ๒๔ เปน นสิ สยปจ จยปุ บัน ค. ปสาทรปู ๕ เปนอนิ ทรยิ ปจจัย คือ ทวปิ ญ จวญิ ญาณจิต ๑๐ เปนอนิ ทรยิ ปจ จยปุ บนั ง. รูปชีวติ ินทรีย เปน อนิ ทรยิ ปจ จัย คือ อุปาทินนรปู คอื กัมมชรูป เปนอินทริยปจ จยุปบนั จ. นามอนิ ทรยี อ งคธรรม ๘ มชี ีวิตินทรยี เ จตสิกเปน ตน เปนอนิ ทรยิ ปจจยั คือ นามรปู คอื จิต เจตสกิ จิตตช รปู ปฏิสนธิกมั มชรปู เปน อินทรยิ ปจจยุปบนั ขอ ๗ ๗. คาํ วา บญั ญตั ิ หมายความวา เนือ้ ความ คอื วตั ถุ สง่ิ ของ เร่ืองราวตางๆ ที่พึงใหถกู รไู ด [P202-203] ชนิดน้เี รยี กวา อตั ถบญั ญตั ิ ดงั แสดงวจนัตถะวา “ปฺาปย ตตฺ า = ปฺตฺติ” เนื้อความ คือ วัตถสุ ิ่งของเรื่องราวตา งๆ ท่ีพึงใหถกู รูได ช่อื วา บญั ญัติ ไดแ ก อัตถบัญญัติ “ปกาเรน าเปตีติ = ปฺตฺติ” เสยี ง คอื คาํ พดู ยอมทําใหรเู นอื้ ความ คือวัตถสุ ่ิงของเร่ืองราว และ สภาพปรมตั ถไดดวยประการตา งๆ ฉะนัน้ ชือ่ วา บัญญตั ิ ไดแก สทั ทบัญญัติ ๗. ก. ข. วจนัตถะตอ ไปนี้ แปลดังนี้ [P202-203] ๑. ปกาเรน าปยตตี ิ = ปฺตฺติ แปลวา วัตถสุ ิ่งของเร่อื งราวตา งๆ ชอื่ วา บญั ญตั ิ เพราะพึงใหถกู รูได โดย ประการตา งๆ ไดแ ก อัตถบัญญัติ ๒. ปกาเรน าเปตตี ิ = ปฺตตฺ ิ แปลวา เสียงคือคําพูด ยอ มทําใหร ูเ นื้อความ คือ วตั ถุสิง่ ของเร่อื งราว และ สภาพปรมตั ถไ ดด วยประการตา งๆ ไดแก สัททบญั ญตั ิ ๗. ก. ใหแ ปลคาํ บาลีดังตอไปนี้ ? [P202-3] 45 ปฺาปย ตฺตา = ปฺตตฺ ิ ปฺาปนโต = ปฺตฺติ ตอบ ก. แปลคําบาลีดังน้ี อัตถบัญญัติ เพราะเปน บญั ญัตทิ พี่ ึงใหถูกรูไดโดยประการตา ง ๆ สัททบญั ญัติ เพราะเปนบญั ญตั ทิ ่พี ึงใหร ูเ นอ้ื ความไดโดยประการตาง ๆ ๗. ก. บัญญตั ิเม่ือกลาวโดยประเภทใหญแลว มี ๒ ประเภท (อยาง) คอื [P202-203] ๗. ก. เนอ้ื ความท่เี หลือจากรปู นามนนั้ เรียกวา บญั ญตั ิ แบง ออกเปน ๒ อยาง คือ [197, P202-203] ๑. อตั ถบัญญตั ิ เพราะเปนบญั ญตั ทิ ี่พงึ ใหถูกรูไดโ ดยประการตา งๆ ตัวอยา ง เชน แผนดิน บาน บุคคล ทิศตะวันออก ถ้าํ บรกิ รรมนมิ ิต เปน ตน ๒. สัททบญั ญตั ิ เพราะเปนบญั ญตั ทิ ี่พงึ ใหรูเน้ือความไดโ ดยประการตา งๆ ดาวนโหลดขอมลู และไฟลต างๆไดจ าก Post ท่หี นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ที่แปะไว)
มัชฌิมอาภิธรรมกิ ะโท 17 ปฏจิ จสมปุ บาท ปฏฐาน บัญญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน ตัวอยา งเชน รูป เวทนา ภูเขา ตนไม ฉฬภิญโญบคุ คล เตวชิ โชบคุ คล เปนตน ๗. ยกตวั อยางในสิ่งมชี วี ิต เชน งู ทช่ี ือ่ วางู เปน สทั ทบญั ญตั ิ รูปรา งของงูมตี ัวยาวกลมเปน ตน เปนอตั ถบัญญัติ สีของงทู ําใหเราเห็นได ถา งูนั้นทําเสยี งขู เราก็ไดย นิ เสียงได ถาจับตัวดู ก็รสู ึกวาออน งูนัน้ กม็ กี ารมองเหน็ ส่ิงตางๆ ได ไดย ินเสยี งได ถาถูกคนตี กม็ ีความรสู กึ เจบ็ และมีความกลัวโกรธได สี เสียง ออ น เปน ตน เหลา นี้ เปน รปู ปรมัตถ การเห็นการไดยิน การรูสกึ เจ็บ การกลวั การโกรธของงูเหลานี้ เปน จิตและเจตสิกปรมัตถ สรุปความวา ช่ือตา งๆ ภาพตางๆ และคาํ พดู ตางๆ เปนสัททบญั ญัติ วัตถุส่ิงของเรื่องราวตา งๆ เปนอตั ถบญั ญัติ สภาวลักษณะของช่อื ท่เี กย่ี วกับรปู นาม และสภาวลกั ษณะที่อยูในส่ิงของตางๆ เปนปรมัตถ [P204] ๗. คาํ ตอไปน้ี หมายความวา ดังนี้ [P202, 211-212] ก. อตั ถบัญญตั ิ = เนอื้ ความคือวตั ถสุ ิ่งของเร่ืองราวตาง ๆ ท่ีพึงใหถ กู รูได ข. สทั ทบญั ญัติ = เสยี งคือคําพูด ยอมทาํ ใหรูเ น้อื ความ คอื วตั ถุสิ่งของเรอื่ งราว และ สภาพปรมัตถไ ด ดว ยประการตา ง ๆ ค. วชิ ชมานบัญญัติ = เปน สัททบญั ญตั ิ ที่มีสภาวปรมตั ถป รากฏอยู ฆ. วิชชมาเนนวิชชมานบญั ญตั ิ = เปน สัททบัญญตั ิ ท่ีกลา วถงึ ธรรมท่มี สี ภาวปรมตั ถป รากฏ กับธรรมที่ มีสภาวปรมตั ถปรากฏรวมกันอยู ง. อวิชชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญัติ = เปนสทั ทบญั ญตั ิ ท่ีกลา วถึงธรรมท่ไี มมีสภาวปรมตั ถปรากฏ กับ ธรรมที่ไมมีสภาวปรมตั ถปรากฏรวมกันอยู ๗. ก. ข. ค. อัตถบัญญัติทเ่ี ก่ียวกับโรงเรยี น มีชอ่ื วา สมหู บัญญตั ิ [P205] อัตถบัญญัตทิ ่ีเกี่ยวกบั สัตว มีชอ่ื วา สตั วบัญญัติ [P206] อัตถบัญญัตทิ ่ีเก่ยี วกับเดอื น มชี ื่อวา มาสบัญญตั ิ [P207] อัตถบญั ญัติทีเ่ กี่ยวกบั ป มชี อ่ื วา สงั วัจฉรปญญัติ [P207] [P207] อตั ถบญั ญัติที่เก่ียวกับวนั มีช่อื วา วารบัญญัติ ๗. สัททบัญญัติ เรียกชื่อได ๖ อยาง คือ [P208-210] ๑. นามะ ไดแ ก ช่ือตา งๆท่ีมสี ภาพนอมเขา สูเ นื้อความ คอื อตั ถบัญญตั ิ [P] และทาํ ใหเนอ้ื ความนน้ั นอ มเขา สตู น คือ ช่อื ตางๆ น้นั ดวย ๒. นามกมั มะ ไดแ ก นามบัญญตั ิทีน่ ักปราชญทั้งหลายในสมัยโบราณ เรยี กขานกนั มา [P] เชน เรยี กวา แผน ดนิ ภเู ขา เปนตน ๓. นามเธยยะ ไดแก นามบญั ญัตทิ นี่ กั ปราชญทั้งหลายในสมยั โบราณ สมมุติตั้งช่อื ไวจ นถงึ ทุกวันนี้ [P] เชน เรียกวา แผนดนิ ภูเขาเปน ตน ๔. นิรตุ ติ ไดแ ก นามบัญญัติที่นักปราชญท้งั หลาย คิดนึกพจิ ารณาแลวตงั้ ช่อื ส่ิงตา งๆ ใหปรากฏข้ึน [P] ๕. พยัญชนะ ไดแก นามบัญญัติทีส่ ามารถแสดงเน้ือความ คือ อตั ถบัญญตั ใิ หป รากฏ [P] ๖. อภิลาปะ ไดแ ก นามบัญญัตทิ ี่ผกู ลาวเรียก ยอ มมุงสูตรงเนื้อความ แลวก็กลาวเรียกขน้ึ [P] ๗. ข. สทั ทบญั ญตั ิอยา งเดียวเรยี กชอื่ ได ๖ อยา ง (มนี ามะ นามกมั มะเปน ตน) นนั้ เมื่อสรุปแลว ไดความวา คาํ วา ภมู หิ รือแผนดนิ นี้ มชี อื่ ได ๖ อยางดังท่ีกลา วมาน้ี แมใ นชือ่ อืน่ ๆ มี ภเู ขา ตนไม ชาย หญงิ เปนตน และภาษาตางๆ ทีใ่ ชกนั อยูในโลกนีค้ าํ หนงึ่ ๆ กม็ ชี อ่ื ได ๖ อยา งมี นามะ นามกัมมะ เปน ตน เชน เดียวกนั เพราะคาํ พูดและภาษา ตางๆ เหลานี้ก็เปนสทั ทบัญญัติดวยกนั ท้งั น้นั อุปมาเหมือนคนคนเดยี วมีชอ่ื ๖ อยางดว ยกนั ฉนั นัน้ และสัทท บญั ญัตเิ หลาน้ี เรียกวา นามบัญญตั กิ ็ได [P210] ๗. ข. แปล สา วชิ ฺชมานปฺตฺติ ฯลฯ อวชิ ชฺ มานเนน อวชิ ชฺ มานปฺตฺติ เจติ ฉพฺพิธา โหติ. ? [P200] ตอบ ข. บาลนี ี้ แปลวา สทั ทบัญญตั ิน้มี ี ๖ ประเภท คอื ดาวนโหลดขอ มูลและไฟลต า งๆไดจ าก Post ท่ีหนา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ท่ีแปะไว)
มัชฌมิ อาภิธรรมกิ ะโท 18 ปฏจิ จสมุปบาท ปฏ ฐาน บญั ญตั ิ : สมถ+วปิ ส สนา กรรมฐาน ๑. วิชชมานบัญญตั ิ ๒. อวิชชมานบัญญัติ ๓. วิชชมาเนนอวชิ ชมานบัญญัติ ๔. อวชิ ชมาเนนวชิ ชมานบัญญตั ิ ๕. วิชชมาเนนวัชชมานบัญญัติ ๖. อวิชชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ ๗. ก./ข. สทั ทบัญญัติ มี ๖ ประเภท คอื [P211-212] ๑. วิชชมานบัญญัติ เปน สทั ทบญั ญตั ทิ ี่มสี ภาวปรมตั ถปรากฏอยู เชน รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ นพิ พาน เปน ตน ๒. อวชิ ชมานบัญญัติ เปน สทั ทบญั ญัติท่ีไมมสี ภาวปรมัตถปรากฏอยู เชน แผนดิน ภูเขา ตน ไม แมน าํ้ มหาสมทุ ร บาน ชาย หญงิ เปน ตน ๓. วชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบัญญัติ เปน สัททบญั ญัตทิ ี่กลาวถงึ ธรรมทีม่ สี ภาวปรมตั ถปรากฏ กับธรรมที่ไมมี สภาวปรมัตถป รากฏ รวมกนั อยู เชน ฉฬภิฺโ เตวชิ โฺ ช ปฏิสมภฺ ทิ ปปฺ ตฺโต โสตาปนฺโน เปนตน ๔. อวิชชมาเนนวชิ ชมานบัญญตั ิ เปน สัททบญั ญัติทีก่ ลาวถึงธรรมท่ีไมมีสภาวปรมัตถป รากฏ กับธรรมท่มี ี สภาวปรมตั ถป รากฏ รวมกนั อยู เชน อติ ฺถิสทฺโท เสียงหญงิ สวุ ณฺณวณโฺ ณ สีทอง ปปุ ฺผคนฺโธ กลิ่นดอกไม เปน ตน ๕. วิชชมาเนนวิชชมานบัญญตั ิ เปนสทั ทบญั ญัตทิ ่กี ลา วถึงธรรมที่มีสภาวปรมัตถป รากฏ กบั ธรรมทีม่ ีสภาว- ปรมัตถปรากฏ รวมกันอยู เชน จกฺขุวิฺ าณํ วิญญาณท่ีอาศัยจักขุวัตถุเกิด, จกฺขุสมฺผสฺโส การกระทบทางตา เปน ตน ๖. อวิชชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญัติ เปน สทั ทบัญญตั ทิ ่กี ลา วถึงธรรมที่ไมม สี ภาวปรมตั ถปรากฏ กบั ธรรม ทไี่ มมีสภาวปรมตั ถป รากฏ รวมกนั อยู เชน ราชปุตฺโต = บุตรของพระราชา, ราชนตตฺ า = หลานของพระราชา, เสฏภรยิ า = ภรรยาเศรษฐ,ี เชฏ ภคนิ ี = พีส่ าว เปนตน คนใจบญุ เปน อวิชชมาเนนวิชชมานบัญญตั ิ ผลของกรรม เปนวชิ ชมาเนนวิชชมานบญั ญตั ิ ๗. วชิ ชมานบัญญัติ หมายความวา เปน สทั ทบัญญตั ทิ ่ีมีสภาวปรมตั ถปรากฏอยู [P211] เชน คาํ วา รปู เวทนา สัญญา สังขาร วิญาณ นิพพาน เปน ตน หรอื เม่อื กลาวโดยสรุปแลว ก็ไดแ กคาํ พดู ท่ีเก่ียวกับจิต เจตสกิ รูป นพิ พาน นน้ั เอง ดงั แสดงวจนตั ถะวา “วิชชฺ ามานสสฺ ปฺตฺติ = วชิ ฺชมานปฺตตฺ ิ” คาํ สมมตุ ิของธรรมทม่ี ีสภาวปรมตั ถปรากฏอยชู ื่อวา วิชชมานบัญญัติ อวิชมานบัญญัติ หมายความวา เปน สทั ทบัญญัตทิ ีไ่ มม ีสภาวปรมตั ถปรากฏอยู เชน คาํ วา แผน ดนิ ภูเขา ตนไม แมน้ํา มหาสมทุ ร บาน ชาย หญงิ เปน ตน ดงั แสดงวจนตั ถะวา “อวชิ ฺชมานสสฺ ปฺตฺติ = อวิชชฺ มานปฺตฺติ” คําสมมตุ ขิ องธรรมทีไ่ มม ีสภาวปรมัตถป รากฏอยูชือ่ วา อวิชชมานบัญญตั ิ ๗. ข. ชือ่ วา วชิ ชมาเนนอวิชชมานบัญญัติ หมายความวา เปนสัททบญั ญตั ิทกี่ ลาวถงึ ธรรมที่มีสภาวปรมตั ถ ปรากฏกบั ธรรมทไี่ มม สี ภาวปรมัตถปรากฏ รวมกนั อยู ตวั อยางของประเภทท่ี ๓ น้ี ถาแปลเปน ภาษาไทยแลว ก็ จะกลับเปน ตัวอยา งของสัททบญั ญัตปิ ระเภทท่ี ๔ ช่อื วา อวชิ ชมาเนนวิชชมานบญั ญัติ หมายความวา เปนสัทท บญั ญตั ิท่ีกลาวถงึ ธรรมท่ไี มมสี ภาวปรมัตถปรากฏกับธรรมท่มี สี ภาวปรมัตถป รากฏรวมกนั อยู และตวั อยา งที่ยก มานี้ แปลวา บุคคลทีไ่ ดอภญิ ญา ๖ บคุ คลทีไ่ ดวิชชา ๓ บุคคลที่ไดบรรลปุ ฏิสมั ภิทาญาณ [P211] ๗.ข. อาจารย เปนอัตถบัญญัติ ประเภทสตั วบญั ญตั ิ เปนสทั ทบัญญตั ิ ประเภทอวิชชมานบัญญัติ วันอาทิตย เปนอัตถบญั ญัติ ประเภทวารบัญญตั ิ เปนสทั ทบัญญตั ิ ประเภทอวิชชมานบญั ญัติ นกั ศึกษาปรมตั ถธรรม เปนสทั ทบญั ญัติ ประเภทอวชิ ชมาเนนวชิ ชมานบัญญัติ โสดาบนั บคุ คล เปนอัตถบัญญัติ ประเภทสตั วบญั ญตั ิ เปนสัททบัญญตั ิ ประเภทวชิ ชมาเนนอวชิ ชมานบญั ญตั ิ [P206-213] *************************** ดาวนโหลดขอ มูลและไฟลต างๆไดจาก Post ทห่ี นา fb/Line ID: Kanrasi Sengking (ตาม link ทีแ่ ปะไว)
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: