แผนการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 เสนอ ผศ.ดร. อินทริ า รอบรู้ จัดทาโดย นาย อภิรกั ษ์ คาแพงนอ้ ย รหัสรกั ศกึ ษา 61131114005 แผนการจัดการเรยี นร้นู เี้ ป็นสว่ นหนึ่งของรายวิชา PTC3601 การออกแบบการจดั การเรียนรู้ทางเทคโนโลยกี ารศกึ ษาและคอมพิวเตอร์ คณะครศุ าสตร์ สาขา เทคโนโลยกี ารศึกษาและคอมพวิ เตอร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนนั ทา
คานา หนังสือเรยี นอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ รายวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ได้จดั ทาขนึ้ เพื่อใช้ส่อื ประกอบการเรยี นการสอน สาหรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 โดย สถานศกึ ษาสามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นการจัดการเรยี นรไู้ ด้ตามความเหมาะสมและ ตามบริบทในเลม่ ประกอบภาพรวมของเทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) และมแี นว ทางการจัดการเรียนรมู้ ากข้ึน ผจู้ ัดทาหวังว่าหนงั สอื อเิ ล็กทรอนิกสเ์ ลม่ นีจ้ ะเปน็ ประโยชน์ต่อผู้อ่าน หรอื นักเรียน นกั ศกึ ษา ทีก่ าลงั หาขอ้ มลู เรื่องนอ้ี ยู่หากมีขอ้ แนะนาหรือผิดพลาดประการใด ผู้จดั ทาขอนอ้ มรับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ท่นี ้ีดว้ ย จัดทาโดย นาย อภริ ักษ์ คาแพงน้อย
สารบัญ หนา้ ก,ข เรอ่ื ง 1-6 ค่มู อื การใชง้ าน 7-11 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 12-17 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 18-22 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 23-27 แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 4 28-32 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 33-37 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6 38-42 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 43-47 แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 8 48-52 แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 9 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 10
คาช้ีแจงสาหรับครู ก 1. กอ่ นนาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ไปใชจ้ ดั กิจกรรมการเรยี นการสอนครูควรศึกษาชุดกจิ กรรม การเรยี นรใู้ ห้รอบคอบ จากคู่มอื การใชช้ ุดกิจกรรมการเรียนร้ใู ห้เขา้ ใจ 2. ศกึ ษาแผนการจัดการเรยี นร้ผู ลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวงั สาระการเรยี นรกู้ ระบวนการ เรียนรู้การวดั ผลประเมินผล ตลอดจนแหล่งการเรยี นรู้ในแต่ละชุดกิจกรรมการเรยี นร้ใู หเ้ ข้าใจ อย่างชัดเจน 3. ครคู วรเตรียมชุดกิจกรรมการเรยี นรซู้ ่งึ ประกอบดว้ ย ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวังแบบทดสอบ ก่อนเรยี น ใบความรู้ กิจกรรม แบบทดสอบหลังเรียน บัตรเฉลยกจิ กรรมตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ใหค้ รบถว้ น 4. กอ่ นสอนครูควรชีแ้ จงบทบาทและหนา้ ทีข่ องผูเ้ รียน และกาหนดข้อตกลงร่วมกัน 5. ให้นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ น 6. แจ้งผลการเรยี นรทู้ คี่ าดหวังให้นกั เรยี นทราบ 7. ครูแจกชุดกจิ กรรมการเรียนรใู้ ห้นักเรียนศึกษาและแนะนาวธิ ีใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เพ่อื นกั เรียนจะไดป้ ฏิบัติได้อย่างถูกต้อง 8. ดาเนินการสอนตามกิจกรรมการเรยี นร้ทู ี่กาหนดไวใ้ นแผนการจัดการเรยี นรู้ 9. ขณะประกอบกิจกรรมครูควรเป็นท่ีปรึกษาให้คาแนะนากบั นักเรียนท่มี ปี ัญหา โดยเนน้ ใหน้ กั เรียนได้ร่วมคิดร่วมทาจากการปฏิบัติจรงิ เพ่อื สรปุ ผลการเรียนรู้ 10. ถา้ มนี ักเรียนเรยี นไมท่ ัน ครูควรให้คาแนะนาหรอื อาจมอบหมายงานหรือให้นกั เรยี นนาชุด กิจกรรมการเรียนรไู้ ปศึกษาเพมิ่ เตมิ ในเวลาวา่ ง
คาช้แี จงสาหรบั นกั เรยี น ข 1. กอ่ นศึกษาชดุ กิจกรรมการเรียนรนู้ กั เรยี นอา่ นคาชแ้ี จงและคาแนะนาสาหรับนกั เรยี นให้ เขา้ ใจ 2. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนชดุ กจิ กรรมการเรียนรชู้ ุดท่ี 1 3. ศึกษาใบความรอู้ ยา่ งตง้ั ใจ และร่วมแสดงความคิดเหน็ ในกลุ่มอย่างมเี หตผุ ล 4. ฝกึ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามความสามารถของตน 5. ตอบคาถามจากใบกิจกรรม ลงในใบกจิ กรรมด้วยความตั้งใจ 6. ตรวจคาตอบจากเฉลยกจิ กรรม 7. เม่อื เรยี นชุดกจิ กรรมการเรยี นรชู้ ุดที่ 1-10 8. หลังจากทากิจกรรมการเรยี นรเู้ สรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ ใหน้ กั เรยี นเกบ็ ชดุ กจิ กรรมการเรยี น รูใ้ หเ้ รียบรอ้ ย 9. ในการทากจิ กรรมแต่ละชุดกจิ กรรมการเรียนรขู้ อใหน้ ักเรยี นทาด้วยความตั้งใจ ให้ความ รว่ มมือ และมีความซอื่ สตั ยต์ อ่ ตนเองใหม้ ากที่สดุ โดยไม่ดูเฉลยก่อนทากิจกรรมและ แบบทดสอบ
แผนการจัดการเรยี นรู้ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาการคานวณ ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ข้อมลู ใกล้ตัว เวลา 2 ช่วั โมง มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ญั หาท่พี บในชีวติ จริงอยา่ งเปน็ ขัน้ ตอนและ เปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อยา่ ง มปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม ตวั ชว้ี ดั รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมลู และใชค้ วามรูด้ ้านวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยี สารสนเทศในการแก้ปัญหาหรือเพมิ่ มลู ค่าให้กับบรกิ ารหรอื ผลติ ภัณฑ์ ทีใ่ ช้ในชีวติ จริงอย่างสร้างสรรค์ จุดประสงค์ 1. ใช้ประโยชน์จากขอ้ มูลท่ีอยูร่ อบตวั 2. คน้ หา และรวบรวมขอ้ มลู จากแหลง่ ข้อมูลบนเวบ็ ไซต์เพื่อแกป้ ญั หา 3. ส่อื สารและนา เสนอขอ้ มลู ผลลพั ธใ์ นรปู แบบของตนเอง สาระการเรยี นรู้ 1. ยุคของขอ้ มลู และสารสนเทศ 2. ประโยชนห์ รือคณุ คา่ ของขอ้ มลู สาระสาคัญ ยุคของขอ้ มลู และสารสนเทศ เป็นยคุ ของการใช้ข้อมูล ที่มีอยู่จานวนมหาศาล มาสรา้ งมลู คา่ ให้เกิด ประโยชนก์ บั บคุ คล หรอื องคก์ ร การจะใช้ประโยชนจ์ ากข้อมูลเพื่อเพ่มิ ประสิทธภิ าพการทางาน หรอื การใช้ ชีวิตของตนเอง จะตอ้ งนาขอ้ มูลทเี่ กบ็ รวบรวมด้วยตนเอง หรอื อาจนาข้อมูลทตุ ยิ ภูมิทม่ี ีผรู้ วบรวมหรือสรปุ ไว้แลว้ มาผา่ นกระบวนการประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ปน็ สารสนเทศ นอกจากนกี้ ารนาเสนอข้อมูลด้วยภาพ และ เรือ่ งราวบนพื้นฐานของขอ้ มูล จะทาให้ผ้อู ื่นเขา้ ใจ เห็นความสาคัญและคณุ คา่ ของข้อมลู ทักษะและกระบวนการ 1. ทกั ษะการสบื ค้นข้อมลู 2. ทักษะการแก้ปัญหา 3. ทักษะการสือ่ สารและรว่ มมือ
สื่อและอปุ กรณ์ 2 1. ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง เวลา (นาท)ี ใบกิจกรรมที่ ขอ้ มลู ใกลต้ ัว 50 1.1 2. ใบความรู้ - 3. อน่ื ๆ - หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจดั เตรยี ม • จัดเตรียมใบกิจกรรมที่ 1.1 เรอื่ ง “ขอ้ มูลใกลตวั ” ตามจานวนกลุม่ ท่ีไดแ้ บ่งไว้ในชน้ั เรียน ขัน้ ตอนการดาเนินการ 1. ผู้สอนนาเข้าสู่บทเรยี นโดยให้พิจารณาภาพจากคา ถามชวนคดิ “รายไดเ้ ฉลี่ยต่อครัวเรือน” ในหนงั สือ เรียน แลว้ ถามผูเ้ รียนวา่ นกั เรยี นดภู าพน้ีแลว้ “นกั เรียนดูภาพนี้แล้ว สามารถอธบิ ายสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยไดอ้ ย่างไรบ้างและหากเป็น ผบู้ ริหารประเทศจะวางนโยบายในการพฒั นาประเทศอย่างไร”และชใ้ี หน้ ักเรยี นเห็นประโยชนข์ องผลลพั ธ์ ข้อมลู
2. ใหผ้ ูเ้ รยี นศกึ ษาหัวขอ้ ยคุ ของขอ้ มลู และสารสนเทศ ในหนังสือเรียนแลว้ ผู้สอนตง้ั คาถามเพ่ือตรวจสอบ 3 ความเขา้ ใจ เชน่ • การท่ีเราแชร์ขอ้ มลู ของตนเอง เช่น ภาพส่วนตวั อเี มล การโพสต์ขอ้ ความ จะมคี นนาข้อมูลของเรา ไปใช้ประโยชน์ตอ่ อยา่ งไรได้บ้าง 3. แบง่ ผูเ้ รยี นออกเปน็ กลุม่ กล่มุ ละ 3-4 คน ผู้เรยี นแต่ละกลุม่ ทาใบกิจกรรมท่ี 1.1 เรอ่ื ง ขอ้ มลู ใกล้ตัว 4. ใหผ้ ้เู รียนออกมานาเสนอแต่ละกลุม่ และแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กัน 5. ผูส้ อนใหผ้ ู้เรียนช่วยกนั ยกตวั อย่างเพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั แนวทางการใชข้ อ้ มูลเพ่ือเพิ่มประสิทธภิ าพในการ ทางาน หรอื การใช้ชีวิตประจาวัน ขนั้ สรุป 1. ผูส้ อน ประเมินผลงานจากการสงั เกตผ้เู รยี นจากการตอบคาถามในช้ันเรยี น 2. ผ้สู อนตรวจสอบ ความถกู ตอ้ งใบกจิ กรรม 1.1 ขอ้ มูลใกล้ตวั 3. ผ้สู อนชว่ ยกันสรปุ แนวคิด กระบวนการวิทยาการข้อมลู ร่วมกับผ้เู รยี น การวดั และประเมินผล จุดประสงค/์ ตวั ชี้วดั วิธีวดั การวัด เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารผา่ น และประเมนิ ผล 1. อธิบายขอ้ มลู ทอ่ี ยู่รอบตัว ใบงานที่ 1.1 ผู้เรยี นแต่ละกลุ่ม คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผ้เู รยี นจะตอ้ งได้ เราได้ และคน้ หา และรวบรวม ทาใบกจิ กรรมที่ ขอ้ มลู จากแหล่งข้อมูลบน 1.1 เรื่อง ขอ้ มลู คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึ้นไป เว็บไซตเ์ พื่อแก้ปัญหา ใกล้ตัว คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือวา่ ผ่าน คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง 2. มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ งานที่ สงั เกตพฤติกรรม สังเกตพฤติกรรม คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผู้เรยี นจะต้องได้ ได้รับมอบหมาย การทางาน การทางาน คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึน้ ไป รายบคุ คล รายบุคคล คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือว่าผ่าน คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง 3. สามารถทางานรว่ มกับผอู้ ื่น สังเกตความมี แบบประเมนิ คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผู้เรียนจะต้องได้ คณุ ลักษณะความ ไดอ้ ยา่ งดี วนิ ัยความ พึงพอใจ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขนึ้ ไป รับผดิ ชอบ คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือว่าผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง
ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ/ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 4 ใชแ้ บบประเมนิ ทักผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 (21st-Century Skills) ความหมาย ช่วงคะแนน ดีมาก 9-10 ดี 7-8 5-6 ปานปลาง 3-4 น้อย 0-2 นอ้ ยท่สี ุด เกณฑก์ ารประเมนิ นกั เรียน การมี ลาดับท่ี ชื่อ–สกุล การแสดง การ การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ของนักเรยี น ความ ยอมรับฟงั ตามทีไ่ ด้รับ นา้ ใจ การ 15 คดิ เหน็ มอบหมาย คนอน่ื ปรับปรุง ผลงานกลุม่ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมิน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ............ /................. /................ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครง้ั ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ 5 ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ ส่ือและแหลง่ ข้อมลู 1. http://oorrunningblog.blogspot.com/2014/09/how-long-should-i-run-10k.html 2. http://www.lokehoon.com/app.php?q_id=calculate_bmr_tdee ข้อเสนอแนะ 1. ผู้สอนอาจใชก้ ระดานแสดงความคิดเหน็ ออนไลน์ เพื่อเกิดการแลกเปลย่ี นเรียนรแู้ ละกระตุน้ ความสนใจ ผ้เู รียนผ่านส่ือการสอนในรูปแบบต่าง ๆ 2. กจิ กรรมน้ตี อ้ งการให้นกั เรียนเข้าใจหลกั การเบ้ืองตน้ ของการใชป้ ระโยชนจ์ ากข้อมลู และนาเสนอ ผลลพั ธ์ของข้อมลู จากความรเู้ ดมิ ของผูเ้ รยี น จากนัน้ จงึ เช่ือมโยงผเู้ รียนให้เข้าใจหลกั การของวิทยาการ ข้อมลู ในการเรยี นร้คู รั้งต่อไป
ใบกิจกรรมท่ี 1.1 6 ข้อมูลใกล้ตวั ชือ่ -สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ช้นั ............. ช่อื -สกลุ .................................................................................................................เลขท่ี.........ชน้ั ............. ชอ่ื -สกลุ .................................................................................................................เลขท่ี.........ชั้น............. ชอ่ื -สกลุ .................................................................................................................เลขท่ี.........ชน้ั ............. คาชแ้ี จง้ : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนีใ้ หถ้ ูกตอ้ ง อา่ นสถานการณท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกับการใช้ขอ้ มูลตอ่ ไปนแ้ี ละตอบคาถาม “จาวามีปญั หาเรอ่ื งความอ้วน และต้องการลดนา้ หนักโดยการว่ิงรอบสนามโรงเรยี นทกุ วนั แต่ปรากฏวา่ นา้ หนกั ยังเท่าเดมิ ”จาวาจงึ ค้นหา ขอ้ มูล และพบขอ้ มลู ดงั กราฟ ซง่ึ เป็นผลจากการศกึ ษาวจิ ัย และวิเคราะห์ข้อมูลทตุ ิยภมู ิทีม่ ีผูจ้ ดั เก็บ รวบรวมไวโ้ ดยพบว่า การวิ่งทใี่ ห้ประโยชน์สูงสุดต่อสขุ ภาพนนั้ จะตอ้ งวงิ่ จนทาใหอ้ ัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) อยรู่ ะหวา่ ง 70 - 80% ของอตั ราการเต้นของหวั ใจสงู สุด (Maximum Heart Rate) และ ต้องว่ิงตดิ ต่อกนั อยา่ งนอ้ ย 30 นาที 1. ข้อมลู อะไรบ้าง จากสถานการณ์ขา้ งต้น ทจ่ี ะชว่ ยให้จาวาพฒั นาการวิ่งของตนเองได้ ตอบ 2. ถ้านกั เรยี นต้องการลดนา้ หนกั และใชข้ อ้ มลู จากกราฟขา้ งต้น ควรจะวง่ิ ให้ไดอ้ ตั ราการเต้นของหัวใจ เป็น ..........ครงั้ /นาทจี ึงจะเท่ากับ 70% ของอตั ราการเต้นของหวั ใจสงู สดุ ตอบ 3. ใหน้ ักเรียนทดสอบดว้ ยการวง่ิ จริง หรือหาข้อมลู เพมิ่ เติมวา่ การวิง่ ด้วยความเร็วระดับใดหรอื ลกั ษณะใด จงึ จะทาใหอ้ ัตราการเต้นของหวั ใจ อยู่ระหวา่ ง 70-80% ของอัตราการเตน้ ของหวั ใจสูงสดุ แลว้ บนั ทึก ขอ้ มูลลงในตารางต่อไปน้ี ตอบ
แผนการจดั การเรียนรู้ 7 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาการคานวณ ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่ือง ร้จู ักกบั วิทยาการข้อมูล เวลา 2 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาทพี่ บในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นข้นั ตอนและเป็น ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม ตวั ช้ีวดั รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมูลและใชค้ วามรดู้ ้านวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ สือ่ ดจิ ิทลั เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการแก้ปญั หาหรือเพิม่ มูลคา่ ใหก้ บั บริการหรอื ผลติ ภัณฑ์ ท่ใี ชใ้ นชวี ิตจรงิ อยา่ งสร้างสรรค์ จดุ ประสงค์ 1. สารวจและเห็นตวั อย่างของการใช้วทิ ยาการขอ้ มูลจากแหลง่ เรียนรู้ หรือเว็บไซตต์ ่าง ๆ 2. อธิบายความหมายและความสาคญั ของวทิ ยาการขอ้ มลู 3. อธบิ ายกระบวนการวิทยาการขอ้ มลู สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายและบทบาทของวทิ ยาการข้อมลู 2. หลักการและกระบวนการวทิ ยาการขอ้ มลู สาระสาคญั “วิทยาการข้อมูล” เปน็ การศึกษาถงึ กระบวนการ วธิ กี าร หรอื เทคนคิ ที่นาขอ้ มลู จานวนมหาศาล มา ประมวลผล เพื่อให้ไดอ้ งคค์ วามรู้ เข้าใจปรากฏการณ์ สามารถตคี วามทานายหรือพยากรณ์ ค้นหารูปแบบหรือ แนวโน้มจากข้อมูล เพือ่ นามาวิเคราะหต์ อ่ ยอดและแนะนาทางเลือกทเ่ี หมาะสมในการตดั สินใจกระบวนการ วิทยาการข้อมลู ประกอบดว้ ย การตงั้ คาถามการเก็บรวบรวมขอ้ มลู การสารวจขอ้ มูล การวเิ คราะหข์ ้อมลู การ สื่อสารและการทาผลลัพธ์ใหเ้ ปน็ ภาพ เพ่ือเผยแพรข่ อ้ มลู สผู่ ใู้ ชก้ ลมุ่ เปา้ หมาย ทกั ษะและกระบวนการ 1. ทกั ษะการสืบค้นข้อมูล 2. ทักษะการแก้ปญั หา 3. ทักษะการสอื่ สารและร่วมมือ
สื่อและอปุ กรณ์ 8 1. ใบกจิ กรรม ใบกิจกรรมท่ี เรอ่ื ง เวลา (นาที) 2.1 ข้อมลู เปลยี่ นมุมมอง 50 2.2 ขอ้ มลู ชว่ ยชมุ ชนและโลกอย่างไร 50 2. ใบความรู้ - 3. อื่นๆ - หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 แนวทางการจัดการเรยี นรู้ การจดั เตรยี ม ใบกจิ กรรมท่ี 2.1 ข้อมูลเปลย่ี นมมุ มอง ตามจานวนกลุ่ม ใบกจิ กรรมที่ 2.2 ข้อมูลชว่ ยชุมชนและโลกอยา่ งไร ตามจานวนกลมุ่ ขั้นตอนการดาเนนิ การ 1. ผ้สู อนนาเข้าสู่บทเรียนโดยเปิดวีดิทัศน์ “นกั วิทยาศาสตรข์ อ้ มลู ” เพื่อสรา้ งแรงบันดาลใจในการ เรยี นรู้เก่ยี วกบั วทิ ยาการขอ้ มูลให้กบั ผูเ้ รยี นและตั้งคาถามวา่ นักวทิ ยาศาสตร์ข้อมลู คอื ใครทาหนา้ ที่เกยี่ วกบั อะไรรู้อะไรเกย่ี วกบั นกั วทิ ยาศาสตร์ข้อมลู บา้ ง 2. แบ่งผเู้ รยี นออกเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน ศึกษาหวั ข้อท่ี 1.2 วทิ ยาการข้อมลู ในหนงั สือเรียน และ ให้แตล่ ะคนในกลุ่มศกึ ษากรณศี กึ ษาคนละ 1 ตัวอยา่ ง จากนัน้ ให้ผลัดกันเล่าใหเ้ พือ่ นในกล่มุ ฟงั - พนื้ ท่ีนักเรยี นอยอู่ าศยั มปี ัญหาเรือ่ งฝุ่นละอองอยา่ งไร - ท่ีดินของเราเหมาะกับการปลกู ขา้ วหรอื ไมแ่ ละถ้าไมเ่ หมาะสม จะปลกู พชื ชนดิ ไรไดก้ าไรสงู สุด - เราจะจดั กลุ่มประเภทต่าง ๆในโลกใบน้ีไดก้ ก่ี ลมุ่ อะไรบ้าง 3. ผู้เรยี นในแต่ละกล่มุ ช่วยกนั ทา ใบกจิ กรรมท่ี 2.1 ข้อมูลเปลยี่ นมุมมอง และใบกจิ กรรมท่ี 2.2 ข้อมลู ชว่ ยชุมชนและโลกอยา่ งไร ขนั้ สรุป 1. ผูส้ อนประเมนิ ผลงานจากการสังเกตผูเ้ รยี นจากการตอบคาถามในชั้นเรยี น 2. ผสู้ อนตรวจสอบความถูกตอ้ งใบกิจกรรม 2.1 ขอ้ มูลเปลีย่ นมุมมอง และ ข้อมลู ช่วยชมุ ชนและโลกอยา่ งไร 3. ผู้สอนชว่ ยกนั สรปุ แนวคดิ กระบวนการวทิ ยาการขอ้ มูลรว่ มกับผู้เรยี น เรือ่ ง รจู้ ักกบั วิทยาการขอ้ มูล
การวดั และประเมินผล 9 จดุ ประสงค/์ ตวั ช้ีวัด วธิ ีวดั การวดั เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารผ่าน และประเมนิ ผล 1. อธิบายความหมายและ คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผู้เรยี นจะตอ้ งได้ ความสาคญั ของวิทยาการ ใบงานท่ี 2.1 ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุ่ม ขอ้ มูลและกระบวนการ ทาใบกจิ กรรมที่ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนข้นึ ไป วทิ ยาการข้อมลู 2.1 เร่ือง ขอ้ มูล เปลี่ยนมุมมอง คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื ว่าผา่ น 2. มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ งานที่ 2.2 ขอ้ มูลชว่ ย ได้รบั มอบหมาย ชุมชนและโลก คะแนน 1 - 4 ปรบั ปรุง อยา่ งไร คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผ้เู รยี นจะตอ้ งได้ สังเกตพฤติกรรม สงั เกตพฤตกิ รรม การทางาน การทางาน คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนข้ึนไป รายบุคคล รายบุคคล คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือวา่ ผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรงุ 3. สามารถทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืน สงั เกตความมี แบบประเมิน คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผูเ้ รียนจะต้องได้ คณุ ลกั ษณะความ ไดอ้ ยา่ งดี วนิ ัยความ พงึ พอใจ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนข้นึ ไป รับผิดชอบ คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื ว่าผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรงุ ประเมินคุณลักษณะ/ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ใช้แบบประเมินทกั ผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 (21st-Century Skills) ชว่ งคะแนน ความหมาย 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 3-4 ปานปลาง 0-2 น้อย นอ้ ยท่ีสุด
เกณฑ์การประเมนิ นกั เรยี น 10 การมี ลาดับที่ ช่อื –สกุล การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม ของนักเรยี น ความ ยอมรับฟัง ตามทไ่ี ด้รบั น้าใจ การ 15 คิดเหน็ มอบหมาย คนอน่ื ปรับปรุง ผลงานกลุม่ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............ /................. /................ ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ สอ่ื และแหล่งข้อมูล ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง 1. https://www.youtube.com/watch?v=vYRwDJP6qxE ขอ้ เสนอแนะ 1. กจิ กรรมนมี้ ีจานวนใบกจิ กรรมและใช้เวลาในการดาเนนิ การค่อนขา้ งมากจงึ ควรควบคมุ เวลาในการทากจิ กรรม
ใบกิจกรรมท่ี 2.1 11 ข้อมลู เปลี่ยนมมุ มอง ชอ่ื -สกุล.................................................................................................................เลขท.่ี ........ช้นั ............. ช่ือ-สกลุ .................................................................................................................เลขท.ี่ ........ชน้ั ............. ช่ือ-สกุล.................................................................................................................เลขท.่ี ........ช้นั ............. ช่ือ-สกุล.................................................................................................................เลขท.ี่ ........ชั้น............. คาช้ีแจ้ง : ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีใหถ้ กู ต้อง กราฟแสดงข้อมูลคณุ ภาพชวี ติ และเศรษฐกจิ ของประเทศตา่ ง ๆ ของเวบ็ ไซต์ gapminder เป็นดังนี้ ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาข้อมูลนี้ เพื่อตอบคา ถามข้อ 1 1. ให้นักเรียนทดลองใชเ้ วบ็ ไซต์ gapminder และเลือกข้อมูลอน่ื ๆ เช่น อัตราการตายของเดก็ (Childmortality) ในการวดั คณุ ภาพชวี ติ และ จีดพี ี (GDP)ในการวัดดา้ นเศรษฐกิจ แล้วพิจารณาผลลพั ธ์ ของการกระจายทไ่ี ด้ นกั เรยี นพบความแตกต่างระหว่างประเทศตา่ ง ๆ อยา่ งไร ตอบ กราฟแสดงการเปลีย่ นแปลงของรายไดต้ ่อเวลาในช่วง 50 ปลี า่ สดุ เทียบระหว่างประเทศไทยและประเทศ อ่นื ๆใหน้ กั เรียนศกึ ษากราฟนเี้ พอื่ ตอบคา ถามขอ้ 2 2. นกั เรยี นสามารถตคี วามขอ้ มลู จากกราฟได้อยา่ งไร ตอบ
แผนการจดั การเรียนรู้ 12 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคานวณ ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรอื่ ง แนวคดิ เชงิ ออกแบบ เวลา 2 ชัว่ โมง มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จรงิ อยา่ งเป็นขัน้ ตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ ง มปี ระสิทธภิ าพ ร้เู ท่าทัน และมีจริยธรรม ตวั ชี้วดั รวบรวม วเิ คราะห์ขอ้ มูลและใช้ความร้ดู ้านวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ สือ่ ดิจทิ ัล เทคโนโลยี สารสนเทศในการแก้ปญั หาหรือเพม่ิ มูลค่าให้กบั บริการหรอื ผลิตภณั ฑ์ ท่ใี ชใ้ นชีวิตจริงอยา่ งสรา้ งสรรค์ จดุ ประสงค์ 1. อธิบายหลกั การของแนวคิดเชงิ ออกแบบ 2. ประยกุ ต์การคดิ เชงิ ออกแบบกับวทิ ยาการขอ้ มลู ในการแก้ปัญหา สาระการเรียนรู้ 1. แนวคดิ เชิงออกแบบ 2. การนาแนวคดิ เชิงออกแบบมาใชก้ ับกระบวนการวิทยาการขอ้ มูล สาระสาคญั การใช้วทิ ยาการข้อมูลให้เกิดประโยชน์สงู สุดตอ่ ผใู้ ช้งานน้ัน ตอ้ งอาศยั แนวคิดเชิงออกแบบ (design thinking) หลักการพื้นฐานของแนวคดิ เชงิ ออกแบบ ได้แก่ การมองในมมุ ของผูใ้ ช้ การลองผิด ลองถูกการเรยี นรู้ผ่านการทดลองกบั กลุ่มผใู้ ชจ้ รงิ การทาซา้ และปรบั ปรงุ ทกั ษะและกระบวนการ 1. ทักษะการคดิ เชิงออกแบบ 2. ทักษะการคดิ สร้างสรรค์ 3. ทกั ษะการแก้ปญั หา 4. ทกั ษะการสื่อสารและรว่ มมือ
สอื่ และอปุ กรณ์ 13 1. ใบกิจกรรม ใบกิจกรรมที่ เรื่อง เวลา (นาที) 3.1 คดิ ออกนักออกแบบ 50 3.2 โครงงานคอมพิวเตอร์ 50 2. ใบความรู้ - 3. อนื่ ๆ - หนงั สอื เรียนรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ การจดั เตรียม จัดเตรียมใบกจิ กรรมท่ี 3.1 นักออกแบบ จัดเตรยี มใบกจิ กรรมท่ี 3.2 โครงงานคอมพวิ เตอร์ ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ ชว่ั โมงที่ 1 1. สอนเก่ยี วกบั เนื้อหาคิดออกออกแบบ ให้กบั นักเรยี นให้รถู้ งึ คณุ สมบตั ิ แล้วดูวีดทิ ัศนเ์ พม่ิ เตมิ 2. ใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม 4 คน ทาใบกิจกรรม 3.1 เรอื่ ง คดิ ออกออกแบบ 3. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันทาใบกิจกรรมท่ี 3.1 คดิ ออกออกแบบ เพือ่ ฝกึ ทักษะการคิดเชงิ ออกแบบ ใหไ้ ด้ส่งิ ทด่ี ีขึ้น เชน่ การเพมิ่ มลู คา่ ใหก้ บั บรกิ ารหรือผลิตภัณฑ์ โดยนักวิทยาศาสตรข์ ้อมูล สัมภาษณผ์ ซู้ อ้ื และผู้ขาย ถามและกรอกลงในแบบฟอร์มข้างตน้ พร้อมท้ังออกแบบบรกิ ารหรือ ผลติ ภัณฑ์ ลงในใบกิจกรรมที่ 3.1 4. ให้สมาชกิ แต่ละคนของแตล่ ะกล่มุ นาเสนอคาตอบในใบกจิ กรรมที่ 3.1 ตามบทบาทที่ตนเองไดร้ ับ ช่ัวโมงท่ี 2 1. ผ้สู อนเก่ยี วกบั เน้อื หาเก่ียวการเขียนโครงงานคอมพวิ เตอร์ ว่าต้องมีส่วนไหนบ้าง แล้วดวู ดี ทิ ัศน์ เพมิ่ เติม 2. อธิบายรปู แบบการทาโครงงานใหแ้ ก่ผเู้ รียน 3. ให้ผ้เู รียนแบ่งกลุ่มเพอ่ื ทจี่ ะทาโครงงานคอมพวิ เตอร์ ประมาณ 5-6 คน โดยใหเ้ ลือกหัวข้อทแ่ี ต่ละ กลมุ่ สนใจในประเดน็ ท่กี าหนด
ข้ันสรุป 14 1. ผูส้ อนประเมนิ ผลงานจากการสังเกตผู้เรยี นจากการตอบคาถามในชน้ั เรยี น 2. ผู้สอนตรวจสอบความถูกต้องใบกิจกรรม 3.1 คดิ ออกนักออกแบบ และ 3.2 โครงงานคอมพิวเตอร์ 3. ผ้สู อนและผูเ้ รียนรว่ มกันสรุปการใชแ้ นวคิดเชิงออกแบบท่เี หมาะสมกับสถานการณ์ เรื่อง แนวคดิ เชิง ออกแบบ การวัดและประเมินผล จดุ ประสงค/์ ตัวช้วี ัด วธิ วี ดั การวดั เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารผ่าน และประเมินผล คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผเู้ รียนจะต้องได้ 1. อธิบายหลักการของ ใบงานท่ี 3.1 ผู้เรยี นแตล่ ะกลุ่ม คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึน้ ไป คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือวา่ ผ่าน แนวคิดเชิงออกแบบ ทาใบกิจกรรมที่ คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง ผเู้ รียนจะต้องได้ - ประยกุ ต์การคิดเชิงออกแบบ 3.1 เรอื่ ง คิดออก คะแนน 9 - 10 ดีมาก คะแนน 7คะแนนขน้ึ ไป คะแนน 7 - 8 ดี ถอื ว่าผา่ น กับวิทยาการข้อมลู ในการ นกั ออกแบบ คะแนน 5 - 6 ปานกลาง คะแนน 1 - 4 ปรบั ปรุง ผู้เรียนจะตอ้ งได้ แกป้ ญั หา 2.2 โครงงาน คะแนน 9 - 10 ดีมาก คะแนน 7คะแนนขึ้นไป คะแนน 7 - 8 ดี ถือวา่ ผา่ น คอมพิวเตอร์ คะแนน 5 - 6 ปานกลาง คะแนน 1 - 4 ปรับปรงุ 2. มคี วามรับผิดชอบตอ่ งานที่ สังเกตพฤติกรรม สังเกตพฤตกิ รรม ไดร้ บั มอบหมาย การทางาน การทางาน รายบุคคล รายบคุ คล 3. สามารถทางานรว่ มกับผอู้ ื่น สงั เกตความมี แบบประเมนิ คณุ ลักษณะความ ได้อยา่ งดี วินยั ความ พงึ พอใจ รบั ผิดชอบ ประเมินคุณลกั ษณะ/ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 ใชแ้ บบประเมินทักผู้เรยี นในศตวรรษที่ 21 (21st-Century Skills) ช่วงคะแนน ความหมาย 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 3-4 ปานปลาง 0-2 น้อย น้อยท่สี ุด
เกณฑก์ ารประเมนิ นกั เรียน 15 การมี ลาดับที่ ช่ือ–สกุล การแสดง การ การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ของนักเรียน ความ ยอมรับฟัง ตามทไี่ ด้รับ น้าใจ การ 15 คดิ เหน็ มอบหมาย คนอืน่ ปรับปรุง ผลงานกลมุ่ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอื่ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............ /................. /................ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี สอ่ื และแหล่งข้อมูล 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง 1. https://www.youtube.com/watch?v=P1s9CxmRn-w&t=1 ขอ้ เสนอแนะ 1. ผู้สอนอาจให้ผู้เรยี นศึกษาเพมิ่ เตมิ เกีย่ วกับอปุ กรณค์ อมพวิ เตอร์ในอนิ เทอร์เน็ต 2. เน่อื งจากผู้เรียนอาจยังไมส่ ามารถเลือกหัวข้อโครงงานคอมพวิ เตอร์ท่สี นใจ ผ้สู อนอาจกาหนดหัวขอ้ โครงการให้กบั ผูเ้ รียนได้เอง
16 ใบกิจกรรมที่ 3.1 คดิ แบบนักออกแบบ ชื่อ-สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ชน้ั ............. ชอื่ -สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ชัน้ ............. ชอื่ -สกลุ .................................................................................................................เลขที่.........ชนั้ ............. ชอ่ื -สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ช้นั ............. คาช้แี จ้ง : ให้ผ้เู รยี นอา่ นสถานการณต์ ่อไปนี้ อา่ นสถานการณด์ งั น้ี “กลุ่มแม่บ้านในชมุ ชนแหง่ หนงึ่ ตอ้ งการหารายได้พิเศษโดยขาย ตม้ ยากุ้ง ” ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ ดาเนินการตามขั้นตอนตอ่ ไปนี้ 1. ใหผ้ ู้เรยี นทเี่ ป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมลู สัมภาษณ์ผซู้ อ้ื และผ้ขู าย โดยใชค้ าถามในแบบฟอรม์ ทกี่ าหนดให้ 2. ให้นกั วทิ ยาศาสตรข์ ้อมูล รวบรวมขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากผูซ้ ือ้ และผู้ขาย 3. ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันออกแบบสนิ คา้ จากขอ้ มูลทีเ่ ก็บรวบรวมได้ 4. นาเสนอสินค้า ตามหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี •ใครคือกลุม่ เปา้ หมาย •จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ท่ีคิดวา่ เปน็ ท่ีถูกใจของผ้ซู ือ้ เพราะอะไร •แนวทางการทาใหผ้ ลิตภัณฑ์นี้ขายดีข้ึนไดอ้ ยา่ งไร •ขอ้ มูลเพมิ่ เตมิ มีอะไรบ้างและหาได้จากทใ่ี ด ตอบ
17 ใบกจิ กรรมท่ี 3.2 โครงงานคอมพวิ เตอร์ ชื่อ-สกลุ .................................................................................................................เลขที่.........ชน้ั ............. ชอื่ -สกุล.................................................................................................................เลขที่.........ชนั้ ............. ชื่อ-สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ชัน้ ............. ชือ่ -สกลุ .................................................................................................................เลขท่ี.........ชน้ั ............. คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้เรียนออกแบบผลติ ภัณฑ์ มา 1 ชน้ิ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ 1. ช่อื ผลิตภัณฑ์ ตอบ 2. มีความสาคัญอยา่ งไร ตอบ 3. จุดเด่น จุดดว้ ยของผลติ ภัณฑ์ ตอบ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 18 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาการคานวณ ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่อื ง การรวบรวมขอ้ มลู เวลา 2 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนและ เป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่าง มปี ระสทิ ธภิ าพ ร้เู ทา่ ทัน และมจี ริยธรรม ตัวชวี้ ดั รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมลู และใชค้ วามร้ดู ้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดจิ ทิ ัล เทคโนโลยี สารสนเทศในการแกป้ ญั หาหรือเพิม่ มูลค่าให้กบั บริการหรือผลิตภณั ฑ์ ท่ีใช้ในชวี ติ จรงิ อย่างสร้างสรรค์ จดุ ประสงค์ 1. รวบรวมขอ้ มูลทุติยภูมิตามวตั ถปุ ระสงค์ 2. เลอื กแหล่งข้อมูลสาธารณะท่ีเช่ือถอื ได้ 3. จดั เตรียมขอ้ มูลก่อนการประมวลผล สาระการเรียนรู้ 1. การรวบรวมข้อมูล 2. การจดั เตรยี มข้อมูล สาระสาคัญ ขอ้ มลู ทตุ ยิ ภูมทิ ี่เผยแพร่บนอินเทอรเ์ น็ต มอี ย่หู ลากหลายรปู แบบ เช่น xls, xlsx, odp, csv หรอื อย่ใู นรูปแบบรายงานหรอื ตารางบนเวบ็ ไซต์ แหล่งขอ้ มลู ทุตยิ ภูมิ เชน่ เวบ็ ไซต์ให้บริการข้อมูลของ สา นกั งานพฒั นารฐั บาลดจิ ทิ ัล data.go.th สา นักงานสถติ ิแห่งชาติ www.nso.go.thการพจิ ารณา ความเหมาะสมของแหลง่ ขอ้ มูล สามารถใชม้ มุ มองทัง้ 5 ด้าน ไดแ้ ก่ ความทนั สมยั ของข้อมลู ความ สอดคลอ้ งกับการใช้งาน ความนา่ เชอื่ ถือของแหล่งข้อมูล ความถูกตอ้ งแม่นยา และจดุ มงุ่ หมาย ของแหลง่ ขอ้ มลู การจัดเตรียมข้อมูล (data preparation) เพือ่ เตรยี มพรอ้ มสา หรับการประมวลผล ประกอบดว้ ย การทาความสะอาดขอ้ มูล (data cleansing) การแปลงขอ้ มูล (data transformation) และการเชื่อมโยงขอ้ มลู (combining data)
ทักษะและกระบวนการ 18 1. ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ 2. ทกั ษะการรู้สารสนเทศ 3. ทักษะการแก้ปญั หา ส่อื และอุปกรณ์ 1. ใบกจิ กรรม ใบกิจกรรมที่ เร่ือง เวลา (นาที) 4.1 ขอ้ มูลตอบโจทย์ 50 2. ใบความรู้ - 3. อน่ื ๆ - หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 แนวทางการจัดการเรียนรู้ การจดั เตรยี ม จดั เตรียมใบกิจกรรมที่ 1.1 เร่ือง ข้อมูลตอบโจทย์ ขัน้ ตอนการดาเนินการ 1.1 ผสู้ อนนา เขา้ ส่บู ทเรยี น โดยอธบิ ายเรอ่ื งข้อมลู ขนาดใหญ่ หรือ Big Data ซ่ึงในปจั จุบันมคี วามสาคญั มากต่อองคก์ รภาครฐั และเอกชนในการนา ข้อมูลขนาดใหญม่ าชว่ ยในการวางแผน หรือตัดสินใจ โดยเปดิ วดิ ที ัศน์เร่ือง “Big data คืออะไร จา เปน็ ต่อองคก์ รหรือไม่ ?” 1.2 ผูส้ อนอธิบายเรื่องขอ้ มลู ทตุ ิยภูมิ และใหผ้ ู้เรยี นยกตวั อย่างข้อมูลทุตยิ ภมู ิ พร้อมทัง้ ระบแุ หล่งขอ้ มูล 1.3 ผเู้ รียนศกึ ษาหัวข้อท่ี 4.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล ในหนังสือเรียน 1.4 ผู้เรยี นจบั กล่มุ ละ 4 คน ทาใบกจิ กรรมที่ 4.1 ขอ้ มูลตอบโจทย์ แล้วนาเสนอความเหมาะสมของ แหล่งข้อมลู ที่ผ้เู รยี นได้สืบค้นมา ขนั้ สรุป 1. ผสู้ อนประเมนิ ผลงานจากการสังเกตผ้เู รียนจากการตอบคาถามในช้ันเรยี น 2. ผูส้ อนตรวจสอบความถกู ต้องใบกิจกรรม 4.1 ขอ้ มลู ตอบโจทย์ 3. ผู้สอนช่วยกันสรปุ ร่วมกบั ผเู้ รียน เรอ่ื ง การรวบรวมขอ้ มูล
การวดั และประเมินผล 19 จุดประสงค/์ ตัวชี้วัด วธิ ีวดั การวัด เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การผ่าน และประเมินผล 1. อธิบายการรวบรวมขอ้ มลู คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผเู้ รยี นจะตอ้ งได้ ทุติยภมู ติ ามวตั ถปุ ระสงค์ ใบงานท่ี 4.1 ผเู้ รยี นแต่ละกล่มุ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนข้นึ ไป เลอื กแหลง่ ขอ้ มลู สาธารณะท่ี ทาใบกจิ กรรมที่ คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือว่าผ่าน เช่อื ถอื ได้ 4.1 เร่อื ง คดิ ออก คะแนน 1 - 4 ปรบั ปรุง นกั ออกแบบ ผเู้ รียนจะตอ้ งได้ 2. มคี วามรับผิดชอบต่องานที่ 2.2 โครงงาน คะแนน 9 - 10 ดมี าก คะแนน 7คะแนนข้นึ ไป ไดร้ ับมอบหมาย คอมพิวเตอร์ คะแนน 7 - 8 ดี ถอื วา่ ผ่าน คะแนน 5 - 6 ปานกลาง 3. สามารถทางานร่วมกับผูอ้ ่ืน สังเกตพฤตกิ รรม สังเกตพฤตกิ รรม คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง ผเู้ รียนจะตอ้ งได้ ได้อยา่ งดี การทางาน การทางาน คะแนน 9 - 10 ดีมาก คะแนน 7คะแนนข้ึนไป รายบคุ คล รายบุคคล คะแนน 7 - 8 ดี ถือว่าผ่าน คะแนน 5 - 6 ปานกลาง สังเกตความมี แบบประเมิน คะแนน 1 - 4 ปรับปรงุ วินัยความ คณุ ลักษณะความ รับผิดชอบ พึงพอใจ ประเมินคณุ ลกั ษณะ/ทักษะในศตวรรษท่ี 21 ใชแ้ บบประเมนิ ทักผูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 (21st-Century Skills) ช่วงคะแนน ความหมาย 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 3-4 ปานปลาง 0-2 น้อย น้อยทส่ี ุด
เกณฑ์การประเมินนกั เรียน 20 การมี ลาดับที่ ชอื่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ของนักเรยี น ความ ยอมรบั ฟงั ตามทไ่ี ด้รบั น้าใจ การ 15 คดิ เหน็ มอบหมาย คนอ่ืน ปรบั ปรงุ ผลงานกลมุ่ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............ /................. /................ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง
21 สื่อและแหลง่ ข้อมูล 1. เวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=QuGlZrXPjiI 2. เวบ็ ไซต์ data.programming.in.th ข้อเสนอแนะ 1. ในการค้นหาขอ้ มูลทตุ ิยภมู ิ เพ่ือนามาใชใ้ นกิจกรรมควรแนะนาใหผ้ ้เู รียนคน้ หาขอ้ มลู ทเ่ี ป็น ตัวเลข เพื่อสามารถนามาใชใ้ นการวเิ คราะหเ์ ชิงตวั เลขตอ่ ไป 2. ข้อมูลทุติยภูมิในประเทศไทย สว่ นมากเป็นข้อมลู ทสี่ รุปมาแล้ว อาจจะไม่สามารถใชใ้ นการฝึก เร่ืองการทาความสะอาดข้อมลู และยากต่อการนา มาใชใ้ นการวิเคราะห์เชิงทา นายในบทที่ 3 สว่ นใหญจ่ ะ ใช้ไดใ้ นการวิเคราะห์เชงิ พรรณนาเพอ่ื ศกึ ษาภาพรวมของขอ้ มลู เท่านั้น นอกจากนี้ในการจัดเตรยี มขอ้ มูล ทตุ ยิ ภูมิทาไดย้ าก เพราะขอ้ มลู ที่จะสามารถนามาใชไ้ ด้ อาจมาจากหลายแหลง่ ซ่ึงมรี ูปแบบทีแ่ ตกต่างกนั ดังนน้ั ผสู้ อนควรให้คา แนะนาเป็นระยะ ๆ และใหเ้ วลาผเู้ รยี นในการจดั เตรียมขอ้ มลู เพือ่ ตอบคา ถามที่ ตนเองสนใจ
ใบกิจกรรมท่ี 4.1 22 ขอ้ มูลตอบโจทย์ ชื่อ-สกลุ .................................................................................................................เลขที่.........ชั้น............. ชื่อ-สกลุ .................................................................................................................เลขที่.........ชัน้ ............. ชือ่ -สกุล.................................................................................................................เลขที่.........ชนั้ ............. ช่อื -สกุล.................................................................................................................เลขที่.........ชนั้ ............. คาชี้แจ้ง : ให้นกั เรยี นค้นหาขอ้ มูล เพื่อตอบคาถามจากประเด็นทกี่ าหนดใหด้ ังนี้ รายได้เฉลยี่ ตอ่ ครัวเรอื นของจังหวดั ตนเองและจังหวดั ใกล้เคียง 5 จังหวดั มคี วามสัมพันธก์ ับปัจจัยใดบา้ ง 1. ปัจจัยท่นี ่าจะเก่ยี วขอ้ งกบั รายได้เฉล่ียต่อครวั เรอื นของจังหวัดตนเอง และจงั หวัดใกล้เคยี ง 5 จงั หวดั มีอะไรบ้าง ตอบ 2. ตัง้ คาถามทีส่ นใจและสมมตฐิ านท่ีเกีย่ วกบั รายไดเ้ ฉลี่ยและปัจจยั ที่เก่ยี วขอ้ งจากข้อ 1 ของจังหวดั ตนเองและจงั หวดั ใกลเ้ คียง 5 จังหวดั ตอบ
แผนการจัดการเรยี นรู้ 23 กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาการคานวณ ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เรอ่ื ง การสารวจข้อมลู เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขนั้ ตอนและเป็น ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม ตวั ช้วี ัด รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมูลและใช้ความรูด้ า้ นวิทยาการคอมพิวเตอร์ สือ่ ดจิ ิทลั เทคโนโลยสี ารสนเทศใน การแกป้ ญั หาหรือเพ่มิ มลู คา่ ใหก้ ับบริการหรือผลติ ภัณฑ์ ที่ใช้ในชีวิตจรงิ อยา่ งสรา้ งสรรค์ จดุ ประสงค์ 1. สารวจขอ้ มูลเพือ่ ทาความเขา้ ใจ รปู แบบ ความสัมพนั ธ์ และผลลัพธเ์ ชงิ พรรณนาเบือ้ งตน้ เกีย่ วกับขอ้ มูล 2. เลอื กใช้เครือ่ งมือในการสารวจขอ้ มูลตามความถนัด สาระการเรียนรู้ 1. การสารวจขอ้ มลู โดยใชก้ ารวาดแผนภาพ แผนภมู ิ กราฟ 2. เครอ่ื งมือท่ใี ชใ้ นการสารวจข้อมลู เชน่ โปรแกรมตารางทางาน โปรแกรมภาษา และโปรแกรม เฉพาะสาหรับงานด้านวิทยาการขอ้ มลู สาระสาคัญ การสารวจข้อมลู (data exploration) เป็นการทา ความเขา้ ใจเพอ่ื พจิ ารณาภาพรวมของข้อมูล โดย อาจใชแ้ ผนภาพ หรือกราฟของขอ้ มลู ในรปู แบบต่าง ๆ ระหวา่ งการสารวจ อาจจะพบข้อผิดพลาดหรอื ปญั หา อ่นื ๆ จากการต้ังคาถาม หรอื การรวบรวมขอ้ มลู ซ่ึงทา ใหต้ อ้ งกลับไปดา เนินการแกไ้ ขให้ถูกต้อง เครื่องมือที่ ใชใ้ นการสารวจข้อมูลอาจใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรปู หรอื การเขียนโปรแกรมภาษา ทกั ษะและกระบวนการ 1. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 2. ทักษะการรสู้ ารสนเทศ 3. ทกั ษะการแกป้ ัญหา
สอื่ และอปุ กรณ์ 24 1. ใบกิจกรรม เรื่อง เวลา (นาที) ใบกิจกรรมท่ี สารวจข้อมูล 40 5.1 2. ใบความรู้ 2.1 เตรียมใบความรู้ เรือ่ ง การสารวจข้อมูล 3. อืน่ ๆ - หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5 - เว็บไซต์ data.programming.in.th - แบบทดสอบ การเก็บรวบรวมและสารวจขอ้ มูล แบบออนไลน์ แนวทางการจดั การเรยี นรู้ การจดั เตรียม 1.1 ใบกิจกรรมสารวจข้อมูลตามจานวนผเู้ รียน 1.2 แบบทดสอบ การเก็บรวบรวมและสารวจข้อมลู แบบออนไลน์ ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ 1. ผู้สอนทบทวนกระบวนการในการจดั เตรียมขอ้ มูล และตรวจสอบผูเ้ รยี นในการจัดเตรยี มชุดขอ้ มูล 2. ให้ผเู้ รยี นศกึ ษาใบความรู้หัวข้อ การสารวจขอ้ มลู 3. ผสู้ อนฝกึ ให้ผูเ้ รยี นสารวจขอ้ มูล เช่น ข้อมูลส่วนตวั 4. ผเู้ รียนแตล่ ะกลุม่ ทาใบกิจกรรมที่ 5.1 ระหวา่ ทากจิ กรรมใหน้ ักเรียนสารวจข้อมูลเพม่ิ เติมได้ท่ี เว็บไซต์ data.programming.in.th 5. ผู้สอนให้ผู้เรียนโพสต์ผลลัพธ์ของขอ้ มูลจากการสารวจของตนเองลงโปรแกรมตามความเหมาะสม 6. ผู้เรยี นทาแบบทดสอบการเกบ็ รวบรวมและสารวจขอ้ มลู เพื่อประเมินความเข้าใจ ขนั้ สรปุ 1. ผู้สอนประเมินผลงานจากการสงั เกตผูเ้ รียนจากการตอบคาถามในชั้นเรียน 2. ผสู้ อนตรวจสอบความถกู ต้องใบกิจกรรม 5.1 สารวจขอ้ มูล 3. ผู้สอนช่วยกันสรุปร่วมกับผเู้ รยี น เรอื่ ง การสารวจขอ้ มลู
การวดั และประเมนิ ผล 25 จดุ ประสงค/์ ตวั ช้ีวดั วิธีวดั การวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารผ่าน และประเมินผล 1. อธบิ ายการสารวจขอ้ มูล ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผู้เรียนจะตอ้ งได้ เพอ่ื ทาความเข้าใจ รูปแบบ ใบงานที่ 5.1 ทาใบกจิ กรรมที่ ความสมั พนั ธ์ และผลลัพธ์เชงิ 5.1 เร่ือง สารวจ พรรณนาเบอื้ งตน้ เก่ยี วกบั ข้อมูล คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึ้นไป ขอ้ มลู 2. มีความรับผิดชอบต่องานท่ี คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือว่าผา่ น ได้รับมอบหมาย คะแนน 1 - 4 ปรับปรงุ 3. สามารถทางานร่วมกบั ผอู้ ่ืน ไดอ้ ย่างดี สงั เกตพฤติกรรม สงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผเู้ รยี นจะตอ้ งได้ การทางาน การทางาน รายบุคคล รายบุคคล คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึ้นไป คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือว่าผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรงุ สังเกตความมี แบบประเมิน คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผู้เรียนจะตอ้ งได้ วินยั ความ คณุ ลกั ษณะความ รับผดิ ชอบ พงึ พอใจ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนข้ึนไป คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือวา่ ผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง ประเมินคณุ ลกั ษณะ/ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ใช้แบบประเมนิ ทักผ้เู รียนในศตวรรษที่ 21 (21st-Century Skills) ช่วงคะแนน ความหมาย 9-10 ดีมาก 7-8 ดี 5-6 3-4 ปานปลาง 0-2 น้อย น้อยทสี่ ดุ
เกณฑ์การประเมินนกั เรียน 26 การมี ลาดับที่ ชอื่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ของนักเรยี น ความ ยอมรบั ฟงั ตามทไ่ี ด้รบั น้าใจ การ 15 คดิ เหน็ มอบหมาย คนอ่ืน ปรบั ปรงุ ผลงานกลมุ่ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............ /................. /................ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ให้ 1 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง
สือ่ และแหลง่ ขอ้ มูล 27 - เวบ็ ไซต์ data.programming.in.th - วิดีโอสอนการทาข้อมลู ให้เป็นภาพ (visualization) เช่น https://www.youtube.com/ channel/UCl4w_st9XiRHqWhnanGjIGg ข้อเสนอแนะ 1. ผสู้ อนอาจเตรยี มชุดขอ้ มลู การทากจิ กรรมไวใ้ นกรณีทผี่ ู้เรียนบางคนจัดเตรยี มข้อมูลไมเ่ รยี บร้อย 2. หากมีเวลาเพยี งพออาจใหน้ กั เรียนฝกึ การสารวจข้อมลู จากชดุ ขอ้ มลู อนื่ เพมิ่ เติม 3. ผสู้ อนควรแนะนา ผู้เรียนให้เลือกใช้เครื่องมือในการสารวจขอ้ มลู ตามถนัด และแนะนาแหลง่ ศกึ ษา หาความรู้เพ่ิมเตมิ
แผนการจัดการเรยี นรู้ 28 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาการคานวณ ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 6 เร่ือง การวิเคราะหเ์ ชงิ พรรณนา เวลา 2 ช่วั โมง มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวติ จริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอนและเป็น ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทัน และมีจรยิ ธรรม ตัวชวี้ ดั รวบรวม วเิ คราะห์ขอ้ มลู และใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ส่ือดจิ ทิ ลั เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการแกป้ ัญหาหรอื เพ่ิมมลู คา่ ให้กับบริการหรอื ผลิตภัณฑ์ ที่ใชใ้ นชีวิตจรงิ อย่างสร้างสรรค์ จุดประสงค์ 1. อธิบายหลกั การวิเคราะหข์ อ้ มลู เชงิ พรรณนา 2. เลอื กใช้ค่าสถติ ิท่ีเหมาะสมในการวเิ คราะห์ขอ้ มลู เชิงพรรณนา 3. ใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป หรอื โปรแกรมภาษาเพอ่ื วิเคราะหข์ ้อมลู เชงิ พรรณนา 4. อธบิ ายผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู เชงิ พรรณนา สาระการเรียนรู้ 1. การวิเคราะหข์ อ้ มูลเชงิ พรรณนา 2. สถติ สิ าหรบั วเิ คราะหข์ อ้ มลู เชน่ ค่ากลาง คา่ ตา่ สดุ สงู สุด เพื่ออธิบายขอ้ มลู เชิงพรรณนา 3. การหาความสัมพันธข์ องข้อมลู โดยใชแ้ ผนภาพการกระจาย สาระสาคัญ การวิเคราะห์เชิงพรรณนา (descriptive analytics) เป็นการวเิ คราะหข์ น้ั พน้ื ฐานทท่ี าใหเ้ ห็นภาพ รวมของข้อมูล และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล ชว่ ยอธบิ ายวา่ เกิดอะไรขนึ้ บา้ งในชว่ งท่ีผ่านมา และอาจนา มาชว่ ยในการตัดสนิ ใจ โดยอาจใชส้ ถิตเิ ชน่ การหาสดั สว่ นหรือรอ้ ยละ การวดั คา่ กลางของขอ้ มูล (central tendency) การหาความสมั พันธข์ องชุดข้อมลู (correlation) ทักษะและกระบวนการ 1. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2. ทักษะการแก้ปญั หา 3. ทกั ษะการสอ่ื สารและรว่ มมอื
สื่อและอุปกรณ์ 29 1. ใบกิจกรรม ใบกิจกรรมท่ี เรื่อง เวลา (นาที) 6.1 วเิ คราะห์ขอ้ มลู 50 2. ใบความรู้ - 3. อ่นื ๆ - หนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 แนวทางการจัดการเรียนรู้ การจัดเตรยี ม 1.1 จัดเตรยี มใบกจิ กรรม 6.1 เรอื่ ง วเิ คราะห์ข้อมูล ตามจานวนผ้เู รยี น ขนั้ ตอนการดาเนินการ 1.1 ผู้สอนนา เข้าสบู่ ทเรยี นโดยทบทวนเรือ่ งการเก็บรวบรวมข้อมลู และสารวจขอ้ มูลและชแี้ จง จากหนงั สอื เรียนและเชือ่ มโยงการวเิ คราะหข์ ้อมลู 3 ประเภท 1.2 ผู้เรียนศกึ ษาหวั ขอ้ ที่ 3.1 การวิเคราะห์เชงิ พรรณนา หวั ขอ้ ยอ่ ย 3.1.1 และ 3.1.2 ใน หนังสอื เรียน 1.3 ใหผ้ ้เู รียนอธบิ ายหลกั การวเิ คราะห์ข้อมมูลเชิงพรรณนาและเขียนคาตอบ ใสก่ ระดาษ 1.4 ผสู้ อนและผูเ้ รียนรว่ มกนั สรปุ และเปรียบเทียบความเหมาะสมของผลของการวเิ คราะห์ ข้อมูลเชิงพรรณนา 1.5 ผู้สอนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ การวิเคราะหเ์ ชงิ พรรณนา ขน้ั สรุป 1. ผู้สอนประเมนิ ผลงานจากการสงั เกตผู้เรียนจากการตอบคาถามในชน้ั เรียน 2. ผูส้ อนตรวจสอบความถูกตอ้ งใบกจิ กรรม 6.1 วเิ คราะหข์ ้อมูล 3. ผู้สอนช่วยกนั สรปุ การวิเคราะหเ์ ชิงพรรณนาร่วมกับผเู้ รียน เรื่อง การวิเคราะห์เชิงพรรณนา
การวัดและประเมนิ ผล 30 จุดประสงค/์ ตัวชี้วัด วิธีวดั การวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารผ่าน และประเมินผล 1. อธิบายหลักการวิเคราะห์ ผ้เู รยี นแตล่ ะกลุ่ม คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผู้เรียนจะตอ้ งได้ ขอ้ มลู เชิงพรรณนา เลือกใช้ ใบงานท่ี 6.1 ทาใบกจิ กรรมที่ ค่าสถิตทิ เี่ หมาะสมในการ 6.1 เรอ่ื ง วิเคราะห์ข้อมลู เชงิ พรรณนา วิเคราะห์ขอ้ มลู คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึน้ ไป คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือวา่ ผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง 2. มคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานที่ สังเกตพฤติกรรม สงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผู้เรยี นจะตอ้ งได้ ได้รับมอบหมาย การทางาน การทางาน คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขนึ้ ไป รายบุคคล รายบุคคล คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื วา่ ผ่าน คะแนน 1 - 4 ปรบั ปรงุ 3. สามารถทางานร่วมกับผอู้ ่ืน สังเกตความมี แบบประเมนิ คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผเู้ รียนจะต้องได้ คุณลกั ษณะความ ได้อยา่ งดี วินยั ความ พงึ พอใจ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนข้นึ ไป รับผิดชอบ คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือว่าผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง ประเมินคณุ ลักษณะ/ทักษะในศตวรรษที่ 21 ใชแ้ บบประเมนิ ทกั ผูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 (21st-Century Skills) ช่วงคะแนน ความหมาย 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 3-4 ปานปลาง 0-2 นอ้ ย นอ้ ยท่สี ดุ
เกณฑก์ ารประเมินนักเรยี น 31 การมี ลาดับท่ี ชอื่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ของนกั เรียน ความ ยอมรับฟงั ตามทไี่ ดร้ บั น้าใจ การ 15 คิดเห็น มอบหมาย คนอน่ื ปรับปรุง ผลงานกล่มุ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ............ /................. /................ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง สื่อและแหลง่ ขอ้ มูล 1. https://www.youtube.com/watch?v=5xisfgwTf80 ข้อเสนอแนะ 1. นกั เรยี นบางคนอาจจะไม่เข้าใจเน้ือหาบางอย่างไม่ชัดเจน
ใบกจิ กรรมท่ี 6.1 32 วิเคราะห์ข้อมลู ชื่อ-สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ช้นั ............. ชอ่ื -สกลุ .................................................................................................................เลขท.ี่ ........ชั้น............. ช่อื -สกุล.................................................................................................................เลขท.่ี ........ชัน้ ............. ชือ่ -สกุล.................................................................................................................เลขท.ี่ ........ชัน้ ............. คาชีแ้ จง้ : ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ดาวน์โหลดชดุ ข้อมลู ชุดใดชุดหน่งึ ที่สนใจจากเวบ็ ไซต์ data.programming.in.th แล้วใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูปช่วยในการวเิ คราะห์ข้อมลู เพ่ือตอบคาถาม สูตร = Min (number1, number2,...) = Max (number1, number2,...) 1. ขอ้ มลู ไฟป่า 1.1 คา่ ต่าสดุ คา่ สงู สดุ ของแตล่ ะปัจจยั ปัจจัย ค่าตา่ คา่ สงู สุด 1.2 อณุ หภมู ใิ นช่วงใดสงู กวา่ ช่วงอน่ื ๆ และบนั ทกึ ไฟล์ภาพท่แี สดงให้เห็นผลลัพธ์ของคาตอบ ตอบ 1.3 เดือนไหนฝนตกมากทีส่ ดุ และบันทึกไฟล์ภาพที่แสดงใหเ้ ห็นผลลัพธ์ของคาตอบ ตอบ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 33 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคานวณ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 7 เร่อื ง การทานายเชงิ ตวั เลข เวลา 2 ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขน้ั ตอนและเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมี ประสิทธภิ าพ รู้เท่าทนั และมีจรยิ ธรรม ตวั ชวี้ ดั รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมลู และใชค้ วามรู้ดา้ นวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ สอื่ ดจิ ทิ ัล เทคโนโลยี สารสนเทศในการแก้ปัญหาหรือเพม่ิ มูลคา่ ให้กับบรกิ ารหรือผลติ ภณั ฑ์ ที่ใชใ้ นชีวิตจริงอยา่ งสรา้ งสรรค์ จดุ ประสงค์ 1. อธิบายหลกั การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชงิ ทานายโดยใช้ตัวเลข 2. ทานายคา่ โดยใชส้ มการเชิงเสน้ และคานวณคา่ ความคลาดเคลื่อนในการทานาย 3. ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป หรือโปรแกรมภาษาในการทานายเชงิ ตัวเลข 4. อธิบายผลการทานายเชิงตวั เลข สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของการทานายเชงิ ตวั เลข 2. การทานายค่าจากเส้นแนวโนม้ โดยใชก้ ราฟและใช้สมการเชิงเส้น 3. การหาค่าความคลาดเคลื่อนในการทานาย 4. การสร้างเส้นแนวโนม้ และสมการเชิงเสน้ โดยใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รูป หรอื การเขยี นโปรแกรม สาระสาคญั การวิเคราะห์เชงิ ทานาย (predictive analysis) เปน็ การวเิ คราะหข์ ้อมูลในอดีตเพอ่ื หารปู แบบ ความสมั พนั ธ์ในชดุ ข้อมูลท่สี ามารถนา มาเปน็ ต้นแบบในการทา นาย การคาดการณ์ผลหรอื สิง่ ท่ีนา่ จะ เกิดข้ึนในอนาคต ซ่งึ จะชว่ ยให้บคุ คลหรอื องค์กรสามารถตดั สินใจได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ การทานายข้อมูลเชงิ ตวั เลข (numeric prediction) เปน็ การใช้ขอ้ มูลในอดตี มาวิเคราะห์หาความ สมั พนั ธ์ระหวา่ งชุดขอ้ มูลและสร้างแบบจาลองในการทานายทีใ่ ห้ผลลัพธเ์ ป็นตวั เลข โดยทว่ั ไปมวี ิธีการ ทานาย2 วิธีคือ การทานายโดยใช้กราฟและการทานายโดยใช้สมการเชิงเส้น
ทกั ษะและกระบวนการ 34 1. ทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ 2. ทักษะการแก้ปัญหา 3. ทักษะการสอ่ื สารและรว่ มมอื ส่ือและอุปกรณ์ 1. ใบกิจกรรม ใบกจิ กรรมที่ เร่อื ง เวลา (นาที) 7.1 การทานายเชงิ ตวั เลข 50 2. ใบความรู้ - 3. อ่ืนๆ - หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 แนวทางการจัดการเรียนรู้ การจดั เตรยี ม 1.1 จดั เตรยี มใบกจิ กรรม 7.1 เรอื่ ง การทานายเชิงตัวเลข ตามจานวนผเู้ รียน ขน้ั ตอนการดาเนนิ การ 1.1 ผสู้ อนนา เข้าส่บู ทเรยี นโดยทบทวนเรื่องการตง้ั คาถามสาหรับการวเิ คราะหเ์ ชงิ ทานายโดยใช้ เช่น - นักเรียนคดิ ว่าเวลาที่นักเรียนใชใ้ นการอา่ นหนังสือสอบสามารถทานายเกรดของนักเรยี นได้หรือไม่ - นักเรียนคิดวา่ อณุ หภมู ไิ อติมทานายอณุ หภูมิได้หรือไม่ 1.2 ผเู้ รียนศึกษาหวั ข้อท่ี 3.2 การวเิ คราะห์เชิงทานาย และ หัวข้อย่อย 3.2.1 การทานายเชงิ ตัวเลข ใน หนังสือเรียน 1.3 ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกันอภิปรายข้อดีขอ้ เสยี ของการทานายคา่ จากเส้นแนวโน้ม โดยใช้กราฟ สมการ เชงิ เสน้ โปรแกรมสาเรจ็ รปู หรือการเขียนโปรแกรมภาษา 1.4 ผู้เรียนจบั คกู่ ันทา ใบกจิ กรรมท่ี 7.1 การทานายเชิงตัวเลข 1.5 ผเู้ รยี นออกมานาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น ขั้นสรุป 1. ผู้สอนประเมินผลงานจากการสงั เกตผู้เรยี นจากการตอบคาถามในชนั้ เรียน 2. ผู้สอนตรวจสอบความถูกตอ้ งใบกิจกรรม 7.1 การทานายเชงิ ตวั เลข 3. ผูส้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ การวิเคราะห์การทานายเชงิ ตัวเลข เรือ่ ง การทานายเชงิ ตวั เลข
การวดั และประเมนิ ผล 35 จดุ ประสงค/์ ตวั ชี้วัด วธิ ีวัดการวดั เครือ่ งมอื วดั เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การผา่ น และประเมนิ ผล 1. อธิบายหลกั การวิเคราะห์ ผ้เู รยี นแต่ละกลมุ่ คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผเู้ รียนจะต้องได้ ข้อมลู เชิงทานายโดยใช้ตวั เลข ใบงานที่ 7.1 ทาใบกจิ กรรมที่ ทานายคา่ โดยใช้สมการเชงิ 7.1 เร่ือง การ เส้น และคานวณค่าความ ทานายเชงิ ตวั เลข คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขน้ึ ไป คลาดเคล่อื นในการทานาย 2. มีความรบั ผิดชอบตอ่ งานท่ี คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถือว่าผ่าน ได้รบั มอบหมาย คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง 3. สามารถทางานรว่ มกับผู้อนื่ ได้อยา่ งดี สงั เกตพฤตกิ รรม สงั เกตพฤตกิ รรม คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผูเ้ รียนจะตอ้ งได้ การทางาน การทางาน รายบคุ คล รายบุคคล คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขนึ้ ไป คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื วา่ ผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรบั ปรุง สงั เกตความมี แบบประเมิน คะแนน 9 - 10 ดีมาก ผู้เรยี นจะต้องได้ วินยั ความ คณุ ลกั ษณะความ รับผดิ ชอบ พึงพอใจ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขน้ึ ไป คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื วา่ ผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง ประเมินคุณลักษณะ/ทกั ษะในศตวรรษที่ 21 ใช้แบบประเมนิ ทักผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 (21st-Century Skills) ช่วงคะแนน ความหมาย 9-10 ดีมาก 7-8 ดี 5-6 3-4 ปานปลาง 0-2 นอ้ ย น้อยทส่ี ุด
เกณฑก์ ารประเมินนักเรยี น 36 การมี ลาดับที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม ของนักเรยี น ความ ยอมรับฟัง ตามที่ได้รบั นา้ ใจ การ 15 คดิ เหน็ มอบหมาย คนอนื่ ปรับปรงุ ผลงานกลมุ่ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............ /................. /................ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ปรับปรงุ สือ่ และแหล่งข้อมูล ตา่ กว่า 8 1. เว็บไซต์data.programming.in.th ข้อเสนอแนะ 1. ผสู้ อนแนะนาให้ผ้เู รียนเลอื กใช้เครือ่ งมอื การวิเคราะห์ขอ้ มูลตามความถนดั โดยอาจ เลือกใชโ้ ปรแกรมสาเรจ็ รปู หรือการเขยี นโปรแกรมภาษา
ใบกจิ กรรมที่ 7.1 37 การทานายเชงิ ตวั เลข ช่ือ-สกลุ .....................................................................................................เลขท่.ี ........ชนั้ ............. ช่ือ-สกลุ .....................................................................................................เลขท่.ี ........ชนั้ ............. ช่ือ-สกลุ .....................................................................................................เลขท่.ี ........ชนั้ ............. ช่ือ-สกลุ .....................................................................................................เลขท่.ี ........ชนั้ ............. คาช้ีแจง : ให้นกั เรยี นตอบคาถามของสถานการณ์ต่อไปนี้ นกั เรยี นเปน็ ผู้จัดการของศิลปนิ ช่ือดงั คนหน่ึง และต้องการรูค้ วามนยิ มของผูฟ้ งั ในการฟงั เพลงของศิลปินคนนเี้ พอ่ื วางแผนการจัดทาโฆษณา โดยนักเรียนมี ข้อมูลยอดวิวและจานวนการกดLike สะสมบนเวบ็ ไซต์ Youtube ยอ้ นหลงั จานวน 20 วนั ดงั นี้ 1. นกั เรยี นคดิ วา่ เหตใุ ดจึงมียอดวิวและจา นวนการกด Like เพ่มิ มากขนึ้ อยา่ งผดิ ปกติในบางวนั ตอบ 2. เพ่ือตรวจสอบรูปแบบความสมั พันธข์ องข้อมลู ให้นักเรียนสร้างแผนภาพการกระจายดว้ ยการพล็อต จดุ (x,y) โดยใหแ้ กน y แทนจานวนยอดววิ และแกน x แทนจา นวนการกด Like พรอ้ มทงั้ ดาเนินการ ตอ่ ไปนี้ 2.1 ลากเสน้ แนวโนม้ 2.1 ทานายคา่ จากเสน้ แนวโนม้ ในขอ้ 2.1 เพ่อื ทานายจานวนการ กด Like ถา้ จานวนยอดววิ เทา่ กบั 250,000 ครงั้ จานวนการกด Like โดยประมาณคือ ..................คร้งั
แผนการจดั การเรียนรู้ 38 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาการคานวณ ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 8 เร่อื ง การทานายเชงิ หมวดหมู่ เวลา 2 ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ข้ันตอนและ เป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม ตัวชวี้ ดั รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมูลและใชค้ วามรู้ดา้ นวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สอื่ ดจิ ิทลั เทคโนโลยี สารสนเทศในการแกป้ ัญหาหรือเพ่มิ มูลค่าให้กบั บรกิ ารหรือผลติ ภณั ฑ์ ที่ใชใ้ นชวี ติ จริงอย่างสรา้ งสรรค์ จดุ ประสงค์ 1. อธบิ ายหลกั การทานายเชงิ หมวดหมดู่ ว้ ยวธิ ี K-NN 2. ประเมนิ ความถกู ต้องในการจัดกลุ่มขอ้ มลู สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมายของการทา นายเชงิ หมวดหมู่ 2. การทานายโดยใชK้ -NN เพ่อื จาแนกข้อมูล 3. การประเมนิ ความถกู ตอ้ งในการจาแนกข้อมูล สาระสาคญั การทา นายเชิงหมวดหม่เู ป็นการทานายข้อมลู ท่สี นใจที่ไม่ใช่ข้อมูลตวั เลข ซึ่งจะใชข้ ้อมลู ใน อดตี ทม่ี ีการระบุหมวดหมมู่ าแล้ว มาวเิ คราะห์เพอ่ื ทานายข้อมลู ชดุ ใหมท่ ี่ยังไมท่ ราบหมวดหมู่ หนง่ึ ใน เทคนิคท่ีใชใ้ นการจดั หมวดหมทู่ ่เี ป็นท่ีรจู้ ักกันดคี อื วิธีการคน้ หาเพอ่ื นบา้ นใกลเ้ คยี งทีส่ ุด K ตัว (K- Nearest Neighbors:K-NN) ทกั ษะและกระบวนการ 1. ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ 2. ทักษะการแก้ปญั หา 3. ทักษะการส่อื สารและรว่ มมือ
สอ่ื และอุปกรณ์ 39 1. ใบกจิ กรรม ใบกจิ กรรมท่ี เรอ่ื ง เวลา (นาที) 8.1 ชีวิตฉนั คลา้ ยใคร 50 2. ใบความรู้ - 3. อ่นื ๆ - หนังสือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ การจัดเตรียม 1.1 จัดเตรยี มใบกิจกรรม 8.1 เร่อื ง ชีวติ ฉนั คล้ายใคร ตามจานวนผูเ้ รียน ขั้นตอนการดาเนนิ การ 1.1 ผู้สอนนา เขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการถามคา ถามชวนคดิ “นกั เรยี นเลน่ กฬี าประเภทไหนมากทส่ี ุด ชอบรบั ประทานอะไรมากทสี่ ดุ ” ให้ผูเ้ รยี นแสดงความคดิ เหน็ ตามอสิ ระ 1.2 ให้ผ้เู รยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน แล้วทา ใบกจิ กรรมที่ 8.1 ชีวติ ฉันคลา้ ยใคร หลังจากน้นั ผสู้ อน สุ่มผ้เู รยี นนาเสนอกราฟเรดารข์ องตวั เอง และใหเ้ ปรียบเทยี บกบั เพื่อนคนอนื่ ๆ ว่าเหมอื นหรือตา่ งกนั อยา่ งไร 1.3 ผู้เรยี นศกึ ษาหัวข้อยอ่ ยท่ี 3.2.2 การทานายเชิงหมวดหมู่ ในหนังสอื เรียน 1.4 ผูส้ อนและผู้เรียนรว่ มกนั สรุปการวเิ คราะห์การทานายเชิงหมวดหมู่ ขน้ั สรปุ 1. ผู้สอนประเมนิ ผลงานจากการสงั เกตผเู้ รียนจากการตอบคาถามในชนั้ เรยี น 2. ผู้สอนตรวจสอบความถูกต้องใบกิจกรรม 8.1ชวี ติ ฉันคล้ายใคร 3. ผู้สอนและผูเ้ รียนรว่ มกนั สรปุ การวเิ คราะหก์ ารทานายเชิงหมวดหมู่
การวดั และประเมนิ ผล 40 จดุ ประสงค/์ ตัวชวี้ ดั วธิ วี ดั การวดั เครื่องมือวดั เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารผ่าน และประเมินผล 1. อธิบายหลักการทานายเชงิ ผูเ้ รียนแต่ละกลุ่ม คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผู้เรียนจะตอ้ งได้ หมวดหมูด่ ้วยวธิ ี K-NN ใบงานท่ี 8.1 ทาใบกิจกรรมที่ 8.1 เร่ือง ชีวติ ฉัน คล้ายใคร คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขน้ึ ไป คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื วา่ ผา่ น คะแนน 1 - 4 ปรับปรงุ 2. มีความรบั ผดิ ชอบต่องานท่ี สังเกตพฤติกรรม สงั เกตพฤติกรรม คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผ้เู รียนจะต้องได้ ไดร้ ับมอบหมาย การทางาน การทางาน คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึน้ ไป รายบคุ คล รายบคุ คล คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื วา่ ผ่าน คะแนน 1 - 4 ปรบั ปรงุ 3. สามารถทางานรว่ มกับผู้อนื่ สงั เกตความมี แบบประเมิน คะแนน 9 - 10 ดมี าก ผเู้ รยี นจะต้องได้ คุณลกั ษณะความ ได้อยา่ งดี วินัยความ พงึ พอใจ คะแนน 7 - 8 ดี คะแนน 7คะแนนขึ้นไป รบั ผดิ ชอบ คะแนน 5 - 6 ปานกลาง ถอื ว่าผ่าน คะแนน 1 - 4 ปรับปรุง ประเมินคุณลกั ษณะ/ทักษะในศตวรรษที่ 21 ใช้แบบประเมนิ ทักผูเ้ รยี นในศตวรรษที่ 21 (21st-Century Skills) ชว่ งคะแนน ความหมาย 9-10 ดมี าก 7-8 ดี 5-6 3-4 ปานปลาง 0-2 นอ้ ย นอ้ ยทสี่ ดุ
เกณฑก์ ารประเมนิ นกั เรยี น 41 การมี ลาดบั ที่ ชือ่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม ของนกั เรียน ความ ยอมรบั ฟัง ตามทไี่ ด้รบั นา้ ใจ การ 15 คิดเห็น มอบหมาย คนอืน่ ปรับปรุง ผลงานกลมุ่ คะแนน 3 2 1 3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชือ่ ................................................... ผูป้ ระเมิน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ............ /................. /................ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้ัง ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–15 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ สื่อและแหลง่ ขอ้ มูล ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง 1. https://www.youtube.com/watch?v=-rMaIauzSu0 ข้อเสนอแนะ 1. กิจกรรมนีเ้ ป็นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชิงทานาย โดยใช้การวิเคราะหเ์ ชงิ หมวดหมู่ ซึง่ ขอ้ มลู ทไ่ี ดห้ รอื ผลลพั ธจ์ ากการทานายจะไมใ่ ช่ตวั เลข แตจ่ ะได้เปน็ ขอ้ มลู ท่บี อกว่าข้อมลู นั้นอยู่ในกลุ่มใด
ใบกจิ กรรมที่ 8.1 42 ชวี ิตฉันคล้ายใคร ช่อื -สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ชั้น............. ชอ่ื -สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ชั้น............. ชอ่ื -สกุล.................................................................................................................เลขท่ี.........ชัน้ ............. ช่ือ-สกลุ .................................................................................................................เลขที่.........ช้นั ............. คาชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนทาตามขั้นตอนดังน้ี 1. กาหนดตวั ช้ีวัดเกยี่ วกับนักเรยี นและเพือ่ นในกลุม่ จานวน 8 ตวั ชี้วัด เชน่ ระดบั ความชอบเที่ยวทะเลระดับ ความชอบอา่ นหนังสือ ระดบั ความชอบภาพยนตร์สยองขวญั จานวนชวั่ โมงท่ีเลน่ เกมตอ่ วัน โดยกาหนดระดับ ความชอบเปน็ 1-5 ตอบ 2. สร้างกราฟเรดาร์ หลงั จากนั้นให้นักเรียนแตล่ ะคนในกลุม่ กรอกข้อมลู ระดบั ความชอบของแต่ละตัวชี้วดั ให้ ครบถ้วนใน Google Sheets หลงั จากนน้ั ให้สังเกตและเปรยี บเทยี บในกลมุ่ ตนเองว่ากราฟของนกั เรียนเหมอื น ของเพ่ือนคนไหนมากท่ีสุด ตอบ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 43 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาการคานวณ ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 9 เรอื่ ง การทาข้อมูลให้เป็นภาพ เวลา 2 ชวั่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชีวิตจรงิ อยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและ เปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รเู้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม ตัวชว้ี ัด รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูลและใชค้ วามรู้ด้านวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ สอ่ื ดิจิทัล เทคโนโลยี สารสนเทศในการแกป้ ัญหาหรือเพิ่มมูลคา่ ใหก้ ับบริการหรือผลติ ภณั ฑ์ ท่ีใช้ในชีวติ จริงอยา่ งสร้างสรรค์ จดุ ประสงค์ 1. อธิบายหลักการและจดุ ประสงค์ของการทาข้อมูลใหเ้ ป็นภาพ 2. เลอื กใช้วิธีการทาข้อมลู ให้เปน็ ภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม สาระการเรียนรู้ 1. ความหมายของการทาขอ้ มลู ให้เปน็ ภาพ 2. วธิ ีการทาข้อมลู ใหเ้ ปน็ ภาพ 3. การทาข้อมูลให้เปน็ ภาพอยา่ งเหมาะสม 4. การเล่าเร่อื งราวจากข้อมูล สาระสาคัญ กระบวนการทาขอ้ มูลใหเ้ ปน็ ภาพเปน็ การจดั การหรอื การแปลงข้อมลู ใหอ้ ยู่ในรปู ของแผนภาพ แผนภมู ิหรือกราฟท่ีเหมาะสมกับชดุ ข้อมลู ทีต่ ้องการนาเสนอ โดยสามารถเลอื กใชต้ วั แปรในการ มองเห็นที่ทาใหผ้ ูร้ บั สารเขา้ ใจถูกตอ้ ง ตรงประเด็น ชัดเจน และดึงดดู ความสนใจ ทกั ษะและกระบวนการ 1. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2. ทกั ษะการคิดสรา้ งสรรค์ 3. ทกั ษะการแก้ปญั หา 4. ทักษะการสอื่ สารและรว่ มมอื
Search