Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Literature Review 62

Literature Review 62

Published by saritchai, 2019-08-27 23:06:11

Description: AllLecture62

Search

Read the Text Version

ระเบยี บวธิ วี จิ ยั “การทบทวนวรรณกรรม” Research Methods in Literature Review Saritchai Predawan, Ph.D. IT 29-30 Aug 2019

การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) 1 ความหมายการทบทวนวรรณกรรม 2 ความสาํ คญั ของการทบทวนวรรณกรรม 33 วตั ถปุ ระสงคแ์ ละเป้ าหมายการทบทวนวรรณกรรม 43 ประเภทการทบทวนวรรณกรรม 53 เทคนคิ และขน้ั ตอนการทบทวนวรรณกรรม 2

ความหมายการทบทวนวรรณกรรม ความหมายวรรณกรรมวจิ ยั วรรณกรรม หมายถงึ งานหนงั สอื งานนพิ นธท์ ท่ี ําขนึ้ ทกุ ชนดิ โดยทมี่ ี การนําเสนอในรปู แบบตา่ งๆ กนั เชน่ ตาํ รา หนงั สอื จลุ สาร สง่ิ เขยี น สง่ิ พมิ พ์ ปาฐกถา เทศนา คาํ ปราศรยั สนุ ทรพจน์ สง่ิ บนั ทกึ เสยี ง ภาพถา่ ย และอนื่ ๆ เป็ นตน้ วรรณกรรมในงานวจิ ยั หมายถงึ เอกสารตา่ งๆทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั (1) แนวคดิ /ทฤษฎี และ (2) ผลงานวจิ ยั ทมี่ เี นอื้ หาสมั พนั ธก์ บั เรอื่ งทท่ี ําการ การศกึ ษาวจิ ยั The University of Sydney (2010) การทบทวนวรรณกรรมเป็ น การจดั ระบบหวั ขอ้ ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั โดยผา่ นการ สงั เคราะหเ์ พอ่ื นําไปสกู่ ารพฒั นางานวจิ ยั ครง้ั ตอ่ ไป

ความหมายการทบทวนวรรณกรรม Zikmund, Babin, Carr, & Griffin (2010) ใหค้ วามหมายการ ทบทวนวรรณกรรมหมายถงึ การคน้ หาโดยตรงจากงานทไ่ี ดร้ บั การตพี มิ พ์ รวมถงึ วารสารทตี่ พี มิ พต์ ามเวลาทกี่ าํ หนด และหนงั สอื ทมี่ กี ารกลา่ วถงึ ทฤษฎแี ละแสดงผลการศกึ ษาเชงิ ประจกั ษท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั หวั ขอ้ ทท่ี าํ การ ศกึ ษา Hart (อา้ งถงึ Levy & Ellis, 2006) กลา่ วอธบิ ายวา่ การทบทวน วรรณกรรมเป็ นการใชค้ วามคดิ ทป่ี รากฏอยใู่ นวรรณกรรมเพอื่ สนบั สนนุ วธิ กี ารทเี่ ฉพาะสาํ หรบั หวั ขอ้ วจิ ยั การเลอื กวธิ กี ารวจิ ยั และแสดงใหเ้ ห็นวา่ งานวจิ ยั นน้ี ําเสนอสง่ิ ใหม่ นอกจากน้ี Hart ยงั กลา่ ววา่ คณุ ภาพของการ ทบทวนวรรณกรรมหมายถงึ ความเหมาะสมทง้ั ในเชงิ กวา้ งและเชงิ ลกึ โดย มคี วามเขม้ ขน้ และสมํา่ เสมอ มคี วามชดั เจนและใชค้ าํ ทก่ี ระชบั และมกี าร วเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหท์ ม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ

ความหมายการทบทวนวรรณกรรม การทบทวนวรรณกรรม (Literature Review) เป็ นการกระบวน การตรวจสอบเอกสารทางวชิ าการตา่ งๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั หวั ขอ้ งานวจิ ยั เพอื่ นํามาวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหอ์ งคค์ วามรขู้ น้ึ อยา่ งเป็ นระบบและสามารถ ตรวจสอบยอ้ นกลบั ได้ การทบทวนวรรณกรรมควรเป็ นกระบวนการสาํ คญั ของทกุ ขน้ั ตอนการวจิ ยั หลกั ๆ ไดแ้ ก่ กอ่ นเรม่ิ ทาํ วจิ ยั :- เพอ่ื กาํ หนดชอ่ื เรอื่ ง ปญั หาวจิ ยั วตั ถปุ ระสงค์ สมมตฐิ าน กรอบแนวคดิ การวจิ ยั ระเบยี บวธิ กี ารวจิ ยั และวธิ ดี าํ เนนิ การวจิ ยั ระหวา่ งทาํ วจิ ยั :- เพอื่ ตรวจสอบความกา้ วหนา้ ของงานวจิ ยั ตา่ งๆ ทยี่ งั ตรวจไมพ่ บ ตอนเสนอโครงรา่ ง สรปุ ผลการวจิ ยั :- เพอ่ื จะไดข้ อ้ มลู สนบั สนุนผลการวจิ ยั เพมิ่ เตมิ

ความหมายการทบทวนวรรณกรรม การทบทวนวรรณกรรมวจิ ยั การศกึ ษาคน้ ควา้ และเรยี บเรยี งแนวคดิ ทฤษฎแี ละผลงานวจิ ยั ทจ่ี ะเกยี่ วขอ้ งใหเ้ ชอื่ มโยงกบั เรอ่ื งทศี่ กึ ษาวจิ ยั การนําเสนอวรรณกรรม การคดั เลอื กวรรณกรรมทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เรอื่ งทจ่ี ะทาํ การศกึ ษา วจิ ยั มาวเิ คราะหแ์ ละรวบรวมกาํ หนดเป็ นแนวคดิ รวมแลว้ นํามาเสนอเพอ่ื สนบั สนนุ ความเป็ นมาและความสาํ คญั ของปญั หา กรอบแนวคดิ ตวั แปร การกําหนดสมมตฐิ านและการอภปิ รายผล

ความสาํ คญั ของการทบทวนวรรณกรรม 1. สรา้ งความชดั เจนใหก้ บั หวั ขอ้ วจิ ยั 1.1 ชว่ ยใหผ้ วู้ จิ ยั มองปญั หาดว้ ยความเขา้ ใจ และอธบิ ายปญั หาการ วจิ ยั ถกู ตอ้ งชดั เจน 1.2 ชว่ ยใหค้ วามเป็ นมา และความสาํ คญั ของปญั หามนี ํา้ หนกั เพราะมี แนวคดิ ทฤษฎแี ละผลงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งมาสนบั สนนุ ชว่ ยสนบั สนนุ การ ตง้ั สมมตฐิ านและวธิ กี ารวจิ ยั 1.3 ชว่ ยใหผ้ วู้ จิ ยั สามารถสงั เคราะหก์ รอบแนวคดิ การวจิ ยั (Conceptual framework)

ความสาํ คญั ของการทบทวนวรรณกรรม 2. ตรวจสอบความซํา้ ซอ้ นของเรอื่ งทจี่ ะศกึ ษา ชว่ ยใหท้ ราบวา่ เรอื่ งทจี่ ะศกึ ษามใี ครเคยทาํ มากอ่ น? จะไดเ้ พม่ิ หรอื ฉกี แนวการวจิ ยั ใหแ้ ตกตา่ งออกไป 3. สนบั สนนุ การอภปิ รายผล ชว่ ยใหผ้ วู้ จิ ยั มเี หตผุ ลสนบั สนนุ สง่ิ ทผี่ วู้ จิ ยั คน้ พบวา่ จะมคี วามแตกตา่ ง/ เหมอื นกบั งานวจิ ยั เดมิ อยา่ งไร เชน่ ผลการศกึ ษา พบวา่ ก ลมุ่ ผตู้ อบแบบสอบถามทเ่ี ป็ น กลมุ่ Gen z ทเี่ ป็ นเพศหญงิ สว่ นใหญม่ พี ฤตกิ รรมการบรโิ ภคผลติ ภณั ฑเ์ สรมิ อาหารเพอื่ ความงาม ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั ผล การวจิ ยั ของศนู ยว์ จิ ยั กสกิ รไทย (2551 : 72) ทพ่ี บวา่ เพศหญงิ มแี นวโนม้ ซอื้ ผลติ ภณั ฑ์ เสรมิ อาหารมากกวา่ เพศชาย ทงั้ นอ้ี าจเป็ นเพราะเพศหญงิ มคี วามรกั สวยรกั งามมากกวา่ เพศ ชาย เป็ นตน้

ความสาํ คญั ของการทบทวนวรรณกรรม 4. การขยายความรทู้ างวชิ าการ ชว่ ยใหผ้ วู้ จิ ยั ไดแ้ นวคดิ ทฤษฎแี ละผลงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วมา 4.1 ชว่ ยขยายความรทู้ างวชิ าการในเรอื่ งทท่ี าํ 4.2 ชว่ ยการใหน้ ยิ ามศพั ทใ์ หม้ คี วามชดั เจนขนึ้ 4.3 ชว่ ยใหเ้ กดิ แนวคดิ ใหมใ่ นการตอ่ เตมิ งานวจิ ยั ทม่ี อี ยใู่ หเ้ ป็ นหวั ขอ้ ใหม่ ในการวจิ ยั คราวตอ่ ไป เชน่ ภาพลกั ษณ์ตอ่ องคก์ ร หมายถงึ ภาพทเ่ี กดิ ขนึ้ ในใจของคน (Mental picture) ภาพลกั ษณ์ตอ่ องคก์ ร หมายถงึ องคร์ วมของความเชอื่ ความคดิ และความ ประทบั ใจทบ่ี คุ คลมตี อ่ สง่ิ ใดสงิ่ หนงึ่ ภาพลกั ษณ์ตอ่ องคก์ ร หมายถงึ การรบั รขู้ องผบู้ รโิ ภคตอ่ องคก์ รทง้ั หมด

วตั ถปุ ระสงคข์ องการทบทวนวรรณกรรม ผวู้ จิ ยั ทําการคน้ ควา้ ศกึ ษารวบรวมและประมวลผลงานทางวชิ าการ เชน่ ผลงานวจิ ยั บทความเอกสารทางวชิ าการและตาํ ราทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั เรอ่ื งหรอื ประเด็นทที่ าํ การวจิ ยั วตั ถปุ ระสงคก์ ารทบทวนวรรณกรรม : เพอ่ื ประเมนิ ประเด็นปญั หา แนวคดิ ระเบยี บวธิ กี ารวจิ ยั ขอ้ สรปุ ขอ้ เสนอแนะจากผลงานวจิ ยั หรอื เอกสารสงิ่ พมิ พต์ า่ งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หวั ขอ้ หรอื ประเด็นของปญั หาของการวจิ ยั กอ่ นทจี่ ะดาํ เนนิ การ ทาํ การวจิ ยั ของตนเองและในบางครงั้ อาจมกี ารทบทวนเพมิ่ เตมิ หลงั จากทไี่ ดล้ งมอื ทาํ ไปบา้ งแลว้ (สชุ าติ ประสทิ ธริ์ ฐั สนิ ธ)ุ์ Neuman (1997: 68-69) และนงลกั ษณ์ วริ ชั ชยั (2543: 55-57) อธบิ ายวตั ถปุ ระสงคส์ าํ คญั ในการศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วขอ้ งไว้ วา่ 1. เพอ่ื ใหท้ ราบสภาพทเ่ี ป็ นปญั หาทางสงั คมโดยทว่ั ไปในประเด็นทส่ี นใจ ทาํ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ในการนํามาเขยี นความเป็ นมาและความสาํ คญั ของปญั หาการวจิ ยั ไดอ้ ยา่ งชดั เจน

วตั ถปุ ระสงคข์ องการทบทวนวรรณกรรม ผวู้ จิ ยั ทาํ การคน้ ควา้ ศกึ ษารวบรวมและประมวลผลงานทางวชิ าการ เชน่ ผลงานวจิ ยั บทความเอกสารทางวชิ าการและตาํ ราทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เรอื่ งหรอื ประเด็นทที่ าํ การวจิ ยั วตั ถปุ ระสงคก์ ารทบทวนวรรณกรรม : เพอ่ื ประเมนิ ประเด็นปญั หา แนวคดิ ระเบยี บวธิ กี ารวจิ ยั ขอ้ สรปุ ขอ้ เสนอแนะจากผลงานวจิ ยั หรอื เอกสารสง่ิ พมิ พต์ า่ งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั หวั ขอ้ หรอื ประเด็นของปญั หาของการวจิ ยั กอ่ นทจี่ ะดาํ เนนิ การ ทาํ การวจิ ยั ของตนเองและในบางครง้ั อาจมกี ารทบทวนเพมิ่ เตมิ หลงั จากทไ่ี ดล้ งมอื ทาํ ไปบา้ งแลว้ (สชุ าติ ประสทิ ธริ์ ฐั สนิ ธ)ุ์ Neuman (1997: 68-69) และนงลกั ษณ์ วริ ชั ชยั (2543: 55-57) อธบิ ายวตั ถปุ ระสงคส์ าํ คญั ในการศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งไว้ วา่ 1. ทาํ ใหท้ ราบสภาพทเ่ี ป็ นปญั หาทางสงั คมโดยทว่ั ไปในประเด็นทสี่ นใจ สาํ หรบั นําขอ้ มลู มาเขยี นความเป็ นมาและความสาํ คญั ของปญั หาการวจิ ยั ไดอ้ ยา่ ง ชดั เจน

วตั ถปุ ระสงคข์ องการทบทวนวรรณกรรม 2. ทาํ ใหเ้ กดิ ความชดั เจนในการกาํ หนดปญั หาการวจิ ยั เป็ นการศกึ ษาให้ ไดข้ อ้ มลู วา่ (1) ประเด็นทสี่ นใจจะทาํ วจิ ยั นนั้ มบี คุ คลใดทาํ วจิ ยั บา้ งแลว้ (2) ผลเป็ นอยา่ งไรมคี วามครอบคลมุ ในประเด็นนน้ั ๆ หรอื ไม่ (3) ประเด็นยอ่ ย ๆ ใดทยี่ งั ไมไ่ ดว้ จิ ยั และมคี ณุ คา่ ทจี่ ะวจิ ยั หรอื ไม่ ทาํ ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ในการนํามากาํ หนดคาํ ถามการวจิ ยั อยา่ งเหมาะสม ไมซ่ ํา้ ซอ้ น การรบั ทราบความสาํ คญั ของประเด็นทตี่ อ้ งการวจิ ยั และความ เชอ่ื มโยงของงานวจิ ยั ตนเองกบั งานวจิ ยั ในอดตี 3. ทาํ ใหพ้ ฒั นากรอบความคดิ การวจิ ยั และสมมตุ ฐิ านการวจิ ยั ในการนํา เสนอกรอบแนวคดิ เบอื้ งตน้ อาจมลี กั ษณะกรอบแนวคดิ ทก่ี วา้ ง ๆ ดงั นน้ั จะตอ้ ง ศกึ ษา เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งเพอื่ : (1) กาํ หนดตวั แปรทตี่ อ้ งการศกึ ษาในลกั ษณะของคาํ นยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร (2) สมมตุ ฐิ านการวจิ ยั ทม่ี พี น้ื ฐานทฤษฎี และงานวจิ ยั อา้ งองิ ความ ถกู ตอ้ งและชดั เจน

วตั ถปุ ระสงคข์ องการทบทวนวรรณกรรม 4. ทาํ ใหเ้ พอ่ื ใหม้ ขี อ้ มลู ใชพ้ จิ ารณาตดั สนิ ใจเลอื กวธิ ดี าํ เนนิ การ ซง่ึ เป็ น การศกึ ษาแบบแผนของการวจิ ยั วา่ แตล่ ะขนั้ ตอน : (1) มจี ดุ เดน่ หรอื จดุ บกพรอ่ งทต่ี อ้ งปรบั ปรงุ แกไ้ ขอยา่ งไร (2) สามารถเลอื กใชแ้ บบแผนการวจิ ยั ใหมไ่ ดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพและ มาตรฐานสงู กวา่ งานวจิ ยั ในอดตี 5. ทาํ ใหน้ ําไปอภปิ รายผลการวจิ ยั และทราบประโยชนท์ ไี่ ดจ้ ากการวจิ ยั เป็ นการนําสาระจากการศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วขอ้ งมาสงั เคราะหเ์ พอื่ ใชอ้ ภปิ รายผลวา่ : (1) ความแตกตา่ งหรอื สอดคลอ้ งกบั กรอบแนวคดิ (2) ปฏเิ สธหรอื ยอมรบั สมมตุ ฐิ านทกี่ าํ หนดขน้ึ (3) ตอบคาถามของประเด็นการวจิ ยั หรอื ไม่ (4) จะทาํ ใหก้ ารวจิ ยั ของตนเกดิ ประโยชนท์ ง้ั ดา้ นวชิ าการและการ นําไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งไร

เป้ าหมายการทบทวนวรรณกรรม • จะไดท้ ราบวา่ มใี ครเคยทาํ งานวจิ ยั ทเี่ กยี่ วกบั เรอ่ื งทเี่ รากาํ ลงั ศกึ ษา ทาํ ให้ ไมท่ ําวจิ ยั ซํา้ กบั ผอู้ นื่ • ทาํ ใหท้ ราบอปุ สรรค หรอื ขอ้ บกพรอ่ ง ในการทําวจิ ยั ในเรอ่ื งนน้ั ๆ • ใชเ้ ป็ นขอ้ มลู พนื้ ฐานประกอบการพจิ ารณากําหนดขอบเขตและตวั แปร ในการวจิ ยั • ใชเ้ ป็ นขอ้ มลู ในการกําหนดกรอบแนวคดิ การวจิ ยั และกาํ หนดสมมตฐิ าน การวจิ ยั • ชว่ ยในการกาํ หนดรปู แบบและวธิ กี ารวจิ ยั • ชว่ ยในการเชอื่ มโยงสงิ่ ทคี่ น้ พบในการวจิ ยั ครง้ั นก้ี บั ทพ่ี บจากการวจิ ยั ที่ ผา่ นมา

เป้ าหมายการทบทวนวรรณกรรม • แสดงใหผ้ ตู้ รวจสอบโครงการรวู้ า่ ผเู้ สนอโครงการ – มคี วามรคู้ รบถว้ นแลว้ ทงั้ ทฤษฎตี า่ งๆทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ทส่ี อดคลอ้ งและที่ ขดั แยง้ – รคู้ รบถว้ นแลว้ วา่ ใครทําอะไรไวบ้ า้ ง – เพอื่ สรปุ ใหไ้ ดใ้ นตอนทา้ ยวา่ ดว้ ยความรทู้ ง้ั ปวงทปี่ รากฏอยนู่ นั้ ทาํ ใหเ้ ราเชอ่ื ไดว้ า่ เราตอ้ งทาํ อะไรตอ่ ไป Remember: The purpose of your literature review is not to provide a summary of everything that has been written on your research topic, but to review the most relevant and significant research on your topic

 บปทระคเภวทาขมอทงวารงรณกรรม 1ว.ชิ วรารณกากรรรมประเภทปฐมภมู ิ (Primary Literature) ( Aวทิ ยrาtนพิ iนcธ์ (lTheessis)) งานนพิ นธ์ (Independent Study )  รายงานผลการวจิ ยั (Research Report)  สงิ่ คน้ พบอนื่ ๆ เชน่ ภาพ เสยี ง

5  บปทระคเภวทาขมอทงวารงรณกรรม 2ว. ชวิ รารณกการรรมประเภททตุ ยิ ภมู ิ (Secondary Literature) (Aตาํ rราt(Tiexct Bl oeoks) )  ปรทิ ศั นง์ านวจิ ยั (Research Review)  สารานกุ รม (Encyclopedia)  พจนานกุ รม (Dictionary)  คมู่ อื (Handbooks)  รายงานประจาํ ปี (Yearbooks)

แนวคดิ ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ประกอบดว้ ย : 1) ระบแุ หลง่ ทนี่ า่ เชอ่ื ถอื และอา้ งองิ ถกู ตอ้ ง 2) ความเหมาะสม ทนั สมยั (ไลเ่ รยี งจากปัจจบุ นั ยอ้ นหลงั ไป) 3) พอเพยี งทใ่ี ชเ้ ป็ นแนวคดิ การวจิ ยั และกรอบการวจิ ยั

ตวั อยา่ ง พฤตกิ รรมการเปิ ดรบั และทศั นคตขิ องกลมุ่ คนวยั ทาํ งานทม่ี ตี อ่ รายการขา่ ว ภาคเทยี่ งของสถานโี ทรทศั นใ์ นประเทศไทย การแนวคดิ และงานวิจยั ท่ีเก่ียวข้องเพ่ือเป็ นกรอบแนวความคดิ ใน การศกึ ษา จงึ ประกอบดว้ ย 1. แนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั พฤตกิ รรมการเปิ ดรบั ขา่ ว 2. ทฤษฏกี ารเลอื กและการแสวงหาขา่ วสาร 3. แนวคดิ และทฤษฏเี กย่ี วกบั ทศั นคติ 4. งานวจิ ยั ตา่ งๆทเ่ี กย่ี วขอ้ ง : ทศั นีย์ ยาสมาน. 2519. ก า ร ช ม ร า ย ก า ร โทร ทศั น ์เพ ่ือ ก า ร ศ กึ ษา ข อ ง ป ร ะช า ช น ใ น กรงุ เทพมหานคร. วทิ ยานพิ นธค์ รศุ าสตรมหาบณั ฑติ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . เทวี แยม้ สรวล. 2528 .การ วเิ คร าะหอ์ งคป์ ร ะกอบทม่ี ผี ลตอ่ ความสนใจร ายการ โทร ทศั น ์ สําหรบั เด็กของนกั เรยี นช น�ั ประถมศกึ ษาในกร งุ เทพมหานคร. วทิ ยานพิ นธ์ ครศุ าสตรมหาบณั ฑติ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .

The Literature Review Process

The Literature Review Process  In the initial stage of you literature review, you will start to define the parameters to your research question(s) and objectives.  After generating key words, and conducting your first search, you will have a list of references to authors who have published on these subjects.  Once these have been obtained, you can read and evaluate them, record the ideas and start drafting your review. After the initial search, you will be able to redefine your parameters more precisely and undertake further search, keeping in mind your research question(s) and objectives.

การประเมนิ วรรณกรรม ระดบั ความเกยี่ วขอ้ ง 1. เกย่ี วขอ้ งกบั ชอื่ เรอ่ื งหรอื ปญั หาในการวจิ ยั เพอื่ ใชใ้ นการเขยี น ภมู หิ ลงั ความสาํ คญั และทมี่ าของปญั หาไดช้ ดั เจน 2. เกย่ี วขอ้ งกบั สมมตฐิ านเพอ่ื จะไดม้ เี หตผุ ลวา่ ทาํ ไมกาํ หนด สมมตฐิ านเชน่ เนน้ วรรณกรรมทค่ี ดั เลอื กมาควรจะเกย่ี วขอ้ งหรอื สนบั สนนุ สมมตฐิ าน 3. เกย่ี วขอ้ งกบั ตวั แปร เพอ่ื จะไดก้ าํ หนดตวั แปรทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั นําไปสกู่ ารสรา้ งกรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั 4. เกยี่ วขอ้ งกบั การอภปิ รายผล เพอ่ื นํามาสนบั สนนุ /โตแ้ ยง้ ผลการวจิ ยั ทไี่ ด้ /เปรยี บเทยี บกบั ผลงานวจิ ยั ในอดตี

การประเมนิ วรรณกรรม ระดบั ความครอบคลมุ การเลอื กวรรณกรรมทสี่ ามารถนํามาอา้ งองิ สนบั สนนุ / โตแ้ ยง้ ครอบคลมุ ประเด็นตา่ งๆ ใหม้ ากทสี่ ดุ ตง้ั แตภ่ มู หิ ลงั ความ เป็ นมา กรอบแนวคดิ สมมตฐิ าน ขอบเขต ตวั แปร และการ อภปิ รายผลการวจิ ยั ถา้ เลอื กวรรณกรรมทค่ี รอบคลมุ นอ้ ยจะตอ้ งใชว้ รรณกรรม เป็ นจาํ นวนมากเกนิ ไปในการศกึ ษาวจิ ยั

การประเมนิ วรรณกรรม ระดบั ความนา่ เชอื่ ถอื 1. ความนา่ เชอื่ ถอื ของแหลง่ ทม่ี า จะตอ้ งสามารถสบื คน้ ไดถ้ งึ เจา้ ของผลงานเดมิ 2. ความนา่ เชอ่ื ถอื ของประเภทวรรณกรรมปฐมภมู มิ ากกวา่ ทตุ ยิ ภมู ิ 3. ความนา่ เชอ่ื ถอื ของเจา้ ของวรรณกรรม คณุ วฒุ ิ ความถนดั ความ ชํานาญของเจา้ ของวรรณกรรม 4. ความนา่ เชอ่ื ถอื ในสาํ นกั พมิ พ์ McGraw-Hill ,Adison Wesly,. Prentice-Hall, Dryden Press 5. ความทนั สมยั ของวรรณกรรม ปี พ.ศ.

เทคนคิ และขน้ั ตอนการทบทวนวรรณกรรม การศกึ ษาเอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การวจิ ยั อยา่ งพนิ จิ พเิ คราะห์ – การอา่ นเก็บความจากเอกสารทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การวจิ ยั • การอา่ นเก็บความคดิ สาํ คญั (Main Ideas) • การอา่ นเก็บรายละเอยี ด (Details) • การอา่ นวธิ กี ารจดั ระเบยี บความคดิ (Organisation of Ideas) • การอา่ นระหวา่ งบรรทดั (Read Between the Lines) – จากนน้ั จงึ ถอดความ (Paraphrase) สรปุ (Summarise) และ คดั ลอกขอ้ ความ (Quote)

เทคนคิ และขน้ั ตอนการทบทวนวรรณกรรม การจดบนั ทกึ เนอ้ื หาสาระทไี่ ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม ใน เรอื่ ง/หวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี • ปญั หาและวตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั • เหตผุ ลทท่ี ําวจิ ยั • สมมตฐิ าน • ทฤษฎี หรอื กรอบแนวคดิ • ตวั แปร • เครอ่ื งมอื การวจิ ยั • วธิ ดี าํ เนนิ การ • ผลการวจิ ยั • ขอ้ เสนอแนะ

เทคนคิ และขน้ั ตอนการทบทวนวรรณกรรม

เทคนคิ และขนั้ ตอนการทบทวนวรรณกรรม ตารางสงั เคราะหก์ ารทบทวนวรรณกรรม

เทคนคิ และขนั้ ตอนการทบทวนวรรณกรรม ตวั อยา่ ง : ตารางแสดงการสรปุ ตวั แปรทไ่ี ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม ตัวแปร ตวั ชี้วัด ผ้ใู ห้แนวคิด คุณค่าตราสนิ คา้ (BrandEquity) การตระหนักรู้ตราสนิ คา้ Farquhar(1989) (BrandAwareness) Aaker(1996,1998) การเชอื่ มโยงตราสนิ คา้ Keller(1998) (BrandAssociation) เสรี วงษ์มณ(2ฑ54า2) การรบั ร้คู ณุ ภาพ กิตติ สิริพลั (2ล5ภ42) (PercieveQuality) สุวิมล แมน้ จ(2ร5งิ46) ความจงรกั ภกั ดตี ่อตราสิน เสรี วงษ์มณฑา และชษุ ณ (BrandLoyalty) คณ(า2550) สรรค์ชยั เตียวประเสริฐกุ (2553)

เทคนคิ และขน้ั ตอนการทบทวนวรรณกรรม ตวั อยา่ ง : ตารางแสดงการสรปุ ตวั แปรทไ่ี ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม ตวั แปร ตัวชว้ี ัด ผใู้ ห้แนวคิด การตระหนักรตู้ ราสนิ การรจู้ กั ตราส(ินBคranา้ d Aaker(1996,1998) (BrandAwareness) Recognition) Keller(1998) การระลึกและจดจาํ ตราสิน LeeandLeh(2011) (BrandRecall) ชุลีรัตนบ์ รรณเกียรต(2กิ 54ุล4) ตราสนิ คา้ อันดับหนึ่งในใจ สุวมิ ล แมน้ จ(2ร5งิ46) (Topof mind) ศรีกญั ญา มงค(2ล54ศ7)ริ ิ อภสิ ิทธฉิ� ตั รทนานนแทละ์จริ ะ เสกขต์ รเี มธสนุ ท(2ร548)

เทคนคิ และขนั้ ตอนการทบทวนวรรณกรรม ตวั อยา่ ง : ตารางแสดงการสรปุ ตวั แปรทไี่ ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม ตวั แปร ตัวช้ีวัด ผูใ้ ห้แนวคิด การเชื่อมโยงตราสนิ ความแตกต่างหรอื โดดเดน่ Aaker(1996,1998) (BrandAssociation คแู่ ข่ง Keller(1998) ความคมุ้ คา่ ของตราสินคา้ LeeandLeh(2011) บคุ ลกิ ภาพตราสินคา้ ก่งิ รัก อิงคะ(ว25ัต42) คณุ ประโยชน์สนองความตอ้ ภิสิทธฉิ� ัตรทนานนแทละ์จริ ะ ความไว้วางใจตอ่ ตราสนิ ค้ เสกขต์ รีเมธสุน(ท25ร48) องค์กร เสรี วงษม์ ณฑา และชษุ ณ คณ(า2550)

เทคนคิ และขนั้ ตอนการทบทวนวรรณกรรม ตวั อยา่ ง : ตารางแสดงการสรปุ ตวั แปรทไี่ ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม ตัวแปร ตวั ช้ีวัด ผใู้ ห้แนวคดิ การรบั รู้คณุ ภาพ (PercieveQuality) ราคาที่ดกี (Pวrา่icePremium) Parasuraman,Zeithaml and ความเชอ่ื ถือ(Rไeดlia้ bility) Berry(1988) การตอบสน(Rอeงsponsiveness) Aaker(1996,1998) การให้ความมน่ั ใจแก่ลกู ค้ Keller(1998) (Assurance) กติ ติ สิรพิ ลั (2ล5ภ42) การเข้าใจและรู้จักลกู ค้า ชุลีรัตนบ์ รรณเกยี รต(2กิ 54ลุ 4) (Empathy) ความเป็นรูปธรรมของบริก (Tangibles)

เทคนคิ และขน้ั ตอนการทบทวนวรรณกรรม ตวั อยา่ ง : ตารางแสดงการสรปุ ตวั แปรทไ่ี ดจ้ ากการทบทวนวรรณกรรม ตวั แปร ตัวชว้ี ัด ผู้ใหแ้ นวคิด ปัจจัยที่มผี ลคตุณ่อค่าตรการบรหิ ารความสัมพนั ธล์ ู Rigbyetal.(2002) สินค้า Kimetal.(2006) RichardandJones(2006) ธรี พันธ์ โลท่ อ(ง25ค4าํ4) ดิสพงศพ์ รชนกน(า2ถ546) ความพงึ พอใจของลกู ค้า SchiffmanandKanuk(1994) Keller(1998) Kimetal.(2006) Mortazai etal.(2009) มนี า ออ่ งบาง(น25้อ5ย3)

หลกั คดิ ในการทบทวนวรรณกรรม 1. การทบทวนวรรณกรรมไม่จําเป็ นตอ้ งอา้ งถงึ วรรณกรรมหลกั ทงั้ หมดในสาขาทศ่ี กึ ษา 2. การทบทวนวรรณกรรมควรระบุความจํา เป็ นสํา หรบั การศกึ ษา ครง้ั ตอ่ ไปทกุ ครงั้ 3. คาํ ถามการวจิ ยั มคี วามสาํ คญั ตอ่ การกําหนดแนวทางการวจิ ยั สาํ หรบั การทบทวนวรรณกรรม 4. วรรณกรรมทไี่ ม่เกย่ี วขอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั ไม่ควร นํามาใสใ่ นงานวจิ ยั ทม่ี า: ปรับมาจาก The University of Sydney (2010) อา้ งใน ชยั เสฏฐ์ พรหมศรี

เทคนคิ การทบทวนวรรณกรรม 1. เทคนคิ แผนภาพตน้ ไม้ เป็ นเทคนคิ การกําหนดโครงสรา้ งของการ ทบทวนวรรณกรรมโดยมี ขน้ั ตอนทส่ี าํ คญั ดงั นี้ 1.1 การแสดงคาํ ถามการวจิ ยั หรอื วตั ถปุ ระสงคก์ ารวจิ ยั ไวด้ า้ นบนสดุ 1.2 การระบคุ าํ สาํ คญั ทสี่ ดุ สองหรอื สามประเด็นทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั งานวจิ ยั มากทส่ี ดุ 1.3 กําหนดประเด็นยอ่ ยๆ ของคาํ สาํ คญั ในขอ้ 1.2 1.4 กําหนดรายละเอยี ดของประเด็นยอ่ ยๆ ในขอ้ 1.3 ลงไปอกี 1.5 ดาํ เนนิ การสบื คน้ ขอ้ มลู ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 1.6 เมอ่ื ไดอ้ า่ นวรรณกรรมตา่ งๆ แลว้ อาจตอ้ งกลบั ไปทบทวน ขนั้ ตอนเรมิ่ แรกใหม่ 2. พรี ะมดิ ควาํ่ เป็ นเทคนคิ การทบทวนวรรณกรรมรวมถงึ การเขยี น บทนําโดยสว่ นบนของพริ ะมดิ คอื ความสาํ คญั ทว่ั ไปของแตล่ ะแนวคดิ หรอื ทฤษฏี สว่ นกลางคอื เนอ้ื หา สว่ นสดุ ทา้ ยคอื การเชอ่ื มโยงเนอื้ หา เขา้ กบั งานวจิ ยั 35

36

Broad Introduction to the theory/topic แนวคดิ นใ้ี ชไ้ ดท้ งั้ กบั Level of details การเขยี นบทนํา การทบทวนวรรณกรรม ในแตล่ ะประเด็น Conclusion/research questions 37

หลกั คดิ ในการทบทวนวรรณกรรม 1. การทบทวนวรรณกรรมไม่จําเป็ นตอ้ งอา้ งถงึ วรรณกรรมหลกั ทงั้ หมดในสาขาทศี่ กึ ษา 2. การทบทวนวรรณกรรมควรระบุความจํา เป็ นสํา หรบั การศกึ ษา ครง้ั ตอ่ ไปทกุ ครง้ั 3. คาํ ถามการวจิ ยั มคี วามสาํ คญั ตอ่ การกาํ หนดแนวทางการวจิ ยั สาํ หรบั การทบทวนวรรณกรรม 4. วรรณกรรมทไี่ ม่เกยี่ วขอ้ งกบั วตั ถุประสงคข์ องการวจิ ยั ไม่ควร นํามาใสใ่ นงานวจิ ยั ทม่ี า: ปรับมาจาก The University of Sydney (2010) อา้ งใน ชยั เสฏฐ์ พรหมศรี

ขอ้ บกพรอ่ งในการทบทวนวรรณกรรม • เป้ าหมายในการทบทวนวรรณกรรมไมช่ ดั เจน • ทําการทบทวนวรรณกรรมโดยการบอกสง่ิ ทผี่ วู้ จิ ยั ในอดตี ได้ ทาํ ทกุ อยา่ ง – เขยี นยอ่ หนา้ เทา่ กบั จาํ นวนเอกสารทอี่ า่ น – แตล่ ะยอ่ หนา้ เขยี นสรปุ วา่ แตล่ ะ Paper ทําอะไร ไดอ้ ะไร โดยการ ลอกบางสว่ นของ Abstract และ Conclusion – เขยี นเรยี งปี พ.ศ. กนั ไปตามลาํ ดบั โดยไมม่ กี ารแยกประเด็นชดั เจน • การทบทวนวรรณกรรมเฉพาะตอนทจี่ ะเขยี นโครงรา่ ง งานวจิ ยั (ควรทบทวนตลอดการทาํ วจิ ยั ) • การเขยี นเรยี งยอ่ หนา้ แตล่ ะ Paper จะไมม่ กี ารสงั เคราะห์ ความสมั พนั ธข์ องความรใู้ นอดตี และไมส่ งั เคราะหใ์ หเ้ ห็น เป้ าหมายความรใู้ นอนาคต 39

ขอ้ บกพรอ่ งในการทบทวนวรรณกรรม • สว่ นใหญเ่ ขยี นแบบบรรยายไมไ่ ดเ้ ขยี นแบบวพิ ากษว์ จิ ารณ์ การทบทวนวรรณกรรม คอื “การเขยี นใหม”่ จากทอี่ า่ นมา ทงั้ หมด • จะตอ้ งจบั เนอ้ื หาของทกุ paper ใหห้ ลอมเป็ นเรอื่ งเดยี วกนั ใหไ้ ด้ และ “เขยี นใหม”่ จากทอี่ า่ นมาทง้ั หมด • ขาดการอา้ งองิ ทถี่ กู ตอ้ งซงึ่ อาจทาํ ใหเ้ กดิ ปญั หาในเรอื่ งของ การโจรกรรมทางวชิ าการ (plagiarism) 40

ตวั อยา่ ง : การอา่ นเก็บความจากเอกสารทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การวจิ ยั ผลการวจิ ัยเร่ือง “การศกึ ษาโครงสรา้ งการจดั เก็บขอ้ มูลเพอื่ การตรวจสอบ ยอ้ นกลบั ของสนิ คา้ ประเภทผกั สดเพ่ือการส่งออก” น้ีเป็ นการศึกษาวิจัยเชงิ สํารวจ (Exploratory research) กง่ึ การวจิ ัยเชงิ พรรณา (Descriptive Research)เพอ่ื หาโครงสรา้ ง ขอ้ มูลขัน้ ตน้ ทเี่ กษตรกรหรือผูส้ ่งออกผักสดไฮโดรโปนกิ สข์ องไทยจําเป็ นตอ้ งเก็บและบันทกึ เพ่ือใหส้ ามารถแสดงทมี่ าของวัตถุดบิ ทหี่ รือสนิ คา้ ทไี่ ดร้ ับการส่งมอบจากคู่คา้ ทเี่ ป็ นซัพพลาย เออร์ และสามารถแสดงถงึ สนิ คา้ ทไี่ ดส้ ง่ มอบสนิ คา้ ใหก้ ับคู่คา้ ทเี่ ป็ นลกู คา้ โดยการใชห้ ลักในการ ตรวจสอบยอ้ นกลับแบบ “ถอยหลังหนง่ึ ขัน้ และ ไปขา้ งหนา้ หนง่ึ ขัน้ (One-Step Forward and One-Step Backward)” การทําศกึ ษาวจิ ัยในครัง้ น้ใี ชก้ ารเก็บขอ้ มูลปฐมภูมจิ ากกลุ่มประชากร ตัวอยา่ งเพอื่ คน้ หาความตอ้ งการขัน้ ตน้ และความพรอ้ มขององคก์ รเหลา่ นัน้ ร่วมกบั การคน้ ควา้ จาก แหล่งขอ้ มูลทุติยภูมิเพื่อคน้ หามาตรฐานที่สามารถใชเ้ ป็ น “ภาษากลาง” หรือ “Global Language” ในการดําเนนิ การตรวจสอบยอ้ นกลับร่วมกบั คคู่ า้ ใดๆจากทกุ องคก์ รในหว่ งโซอ่ ปุ ทาน เดยี วกนั ท่วั โลก เมอื่ พจิ ารณาผลการศกึ ษาทําใหไ้ ดข้ อ้ สรุปถงึ โครงสรา้ งขอ้ มลู ซง่ึ สามารถนําไปใชง้ าน ขัน้ ตน้ ไดโ้ ดยสามารถนําไปประยุกตใ์ ชใ้ นการพมิ พฉ์ ลาก โลจสิ ตกิ สใ์ นแบบทเี่ ป็ นบาร์โคด้ และ สามารถรองรับการนําขอ้ มลู ดังกลา่ วไปใชก้ ับฉลากชนดิ RFID ไดอ้ กี ดว้ ยซง่ึ หากเกษตรกรและผู ้ ส่งออกของไทยสามารถทําการตรวจสอบยอ้ นกลับไดโ้ ดยทเ่ี ป็ นไปตามมาตรฐานสากลย่อมจะ ชว่ ยเพม่ิ มูลค่าเพมิ่ ของสนิ คา้ ใหก้ ับเกษตรกรและผูส้ ง่ ออกผักสดไฮโดรโปนกิ สข์ องไทยไดเ้ ป็ น อย่างดี อีกทั้งยังสามารถช่วยลดขอ้ จํากัดและการกีดกันทางการคา้ เน่ืองจากเป็ นการเพิ่ม ความสามารถในการปฏบิ ัตติ ามขอ้ กําหนดความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety Rules and Regulations Compliance Capability) ซงึ่ เป็ นอปุ สรรคทส่ี ําคัญในการสง่ ออกทส่ี ําคัญในปัจจบุ ัน

42 แหลง่ สบื คน้ ขอ้ มูลระดบั นานาชาติ

Google 43  การใชคาํ คน หลายคํารวมกัน ชว ยใหไดผลท่ตี รง ความตอ งการมากขนึ้  เชน รวม .pdf .doc .ppt เขาไปดว ยกไ็ ด

Google scholar 44  สามารถใสช่ อื่ เรอื่ ง คาํ สาํ คญั เขา้ ไปไดเ้ ลย  ผลทไี่ ด ้ จะเป็ นทงั้ หนังสอื ตาํ รา และบทความในลกั ษณะ ตา่ งๆ

45 Emerald เป็ นฐานขอ้ มลู ครอบคลมุ สาขาวชิ าดา้ นการจัดการ ไดแ้ ก่ การเงนิ และการบญั ชี ระบบ อตั โนมตั ขิ นั้ สงู กฎหมายและ จรยิ ธรรมทางธรุ กจิ คณติ ศาสตร์ คอมพวิ เตอร์ เศรษฐศาสตร์ การศกึ ษา การผลติ และการบรรจุ ภณั ฑอ์ เิ ล็กทรอนกิ ส์ เป็ นตน้

46 ABI/INFORM ฐานขอ้ มลู ทร่ี วบรวมขอ้ มลู ทางดา้ น ธรุ กจิ การโฆษณา การตลาด เศรษฐศาสตร์ การ จัดการทรัพยากรมนุษย์ การเงนิ ภาษี คอมพวิ เตอร์ มากกวา่ 1,100 รายชอ่ื รวมถงึ สารสนเทศของบรษิ ัทตา่ ง ๆ อกี มากกวา่ 60,000 บรษิ ัท และสามารถสบื คน้ บทความฉบบั เต็มได ้ จากวารสารท่ัวโลกกวา่ 800 รายชอ่ื (เป็ น ฐานขอ้ มลู ที่ สกอ.บอกรับ)

47 A to Z เป็ นเครอ่ื งมอื ชว่ ยอํานวยความสะดวก ผใู ้ ชบ้ รกิ าร ในการเขา้ ใชว้ ารสารออนไลน์ ผใู ้ ช ้ สามารถสบื คน้ รายชอ่ื วารสารภาษาองั กฤษทม่ี ี ใหบ้ รกิ ารผา่ นฐานขอ้ มลู และ วารสารออนไลนท์ ่ี มก. บอกรับ เชน่ ACM, IEEE, Science Direct, Springer Link เป็ นตน้ การสบื คน้ ผใู ้ ชบ้ รกิ ารสามารถสบื คน้ ดว้ ยคําสําคญั ของชอ่ื วารสาร หรอื เรยี กดรู ายชอื่ วารสารตามลําดับ อกั ษร และตามหวั เรอื่ งของวารสาร พรอ้ มกบั เชอ่ื มโยงไปยังฐานขอ้ มลู ทม่ี วี ารสารชอื่ นัน้ ๆ ใหบ้ รกิ าร ซง่ึ สามารถเลอื กอา่ นและเรยี กดู เอกสารฉบบั เต็มไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว

48 ISI Web of Science เป็ นฐานขอ้ มลู บรรณานกุ รมและสาระสงั เขป พรอ้ ม การอา้ งองิ และอา้ งถงึ ทคี่ รอบคลมุ สาขาวชิ าหลกั ทง้ั วทิ ยาศาสตรแ์ ละ มนษุ ยศาสตร์ จากวารสารประมาณ 9,200 รายชอื่ ใหข้ อ้ มลู ตงั้ แตป่ ี 2001- ปจั จบุ นั (เป็ นฐานขอ้ มลู ท่ี สกอ.บอกรบั )

แหลง่ ขอ้ มูลการคน้ หาวรรณกรรม 49 ฐานขอ้ มลู วารสารอเิ ล็กทรอนกิ ส์ ใหข้ อ้ มลู เอกสารฉบบั เต็มของวารสารทจ่ี ัดพมิ พโ์ ดย สํานักพมิ พ์ Springer Verlag โดยมวี ารสาร ทัง้ ดา้ น วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วศิ วกรรมศาสตร์ การแพทย์ กฎหมายและสาขาอนื่ ๆ สามารถ สบื คน้ และเรยี กดบู ทความวารสารฉบบั เต็ม ไดต้ งั้ แตป่ ี 1997-ปัจจบุ นั (เป็ นฐานขอ้ มลู ท่ี สกอ.บอกรับ)

แหลง่ ขอ้ มูลการคน้ หาวรรณกรรม 50  ScienceDirect – http://www.sciencedirect.com  ฐานขอ้ มูลทางดา้ นวทิ ยาศาสตร ์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร ์ และอนื่ ๆ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook