Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทโครงการวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563

บทโครงการวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563

Published by s.pannawitt, 2021-01-05 09:42:42

Description: บทโครงการวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563

Search

Read the Text Version

1

2 คานา ก เอกสารเลม่ นี้ หอ้ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตาม อธั ยาศยั อาเภอเมอื งชลบรุ ี สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ชลบรุ ี จดั ทาขนึ้ เพือ่ รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการวนั เด็กแหง่ ชาติ ประจาปี 2563 เพอื่ เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ การจดั ใหบ้ รกิ ารแกเ่ ด็กและเยาวชนและประชาชนท่วั ไปในพน้ื ทอี่ าเภอเมืองชลบรุ ี ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรแ์ ละจุดเน้นการดาเนินงาน สานกั งาน กศน. ประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2563 และเพอื่ ประโยชน์ในการศกึ ษาในการจดั กจิ กรรมสาหรบั ผทู้ สี่ นใจ เนื้อหาในเอกสารเลม่ นี้ ไดก้ ลา่ วถงึ วธิ ดี าเนนิ งาน การวเิ คราะห์ขอ้ มูล และสรปุ ผลการดาเนินงานโครงการวนั เด็กแหง่ ชาติ ประจาปี 2563 อนึ่งขอขอบพระคณุ ภาคเี ครือขา่ ย และผูท้ เี่ กยี่ วขอ้ งทกุ ทา่ น ทใี่ หค้ วามรว่ มมอื ช่วยเหลอื จน ทาใหก้ ารดาเนินงานสาเร็จลลุ ว่ งไปไดด้ ว้ ยดี คณะทางานหวงั เป็ นอยา่ งยงิ่ วา่ เอกสารเลม่ นี้ จะเป็ นประโยชน์ แกผ่ สู้ นใจท่วั ไป หอ้ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี

3 สารบญั ข บทที่ หน้า คานา ก สารบญั ข สารบญั ตาราง ง สารบญั ภาพ จ 1 บทนา ........................................................................... 1 ความสาคญั .................................................................... 1 วตั ถุประสงค์................................................................... 2 เป้ าหมาย....................................................................... 2 วธิ กี ารดาเนินงาน ............................................................ 2 ลกั ษณะการจดั ............................................................... 2 2. เอกสารการศกึ ษาและรายงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ............................... 5 ยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดาเนินงาน สานกั งาน กศน.ประจาปี งบประมาณ 2562 5 แนวทาง/กลยทุ ธ์การดาเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ของ กศน.อาเภอเมอื งชลบรุ ี...................................................... 12 เอกสาร/งานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ................................................... 27 3. วธิ ีดาเนินงาน.................................................................. 39 ประชุมบุคลากรกรรมการสถานศกึ ษา ................................... 39 จดั ตง้ั คณะทางาน............................................................. 39 ประสานงานกบั หน่วยงานและบคุ คลทเี่ กยี่ วขอ้ ง ....................... 40 ค สารบญั (ตอ่ )

4 ค หน้า ดาเนินการตามแผน ....................................................... 40 สรุปผลและรายงาน .......................................................... 40 4. ผลการดาเนินงานและการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ................................. 42 ตอนที่ 1 ขอ้ มลู สว่ นตวั ผแู้ บบสอบถามของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ................................................... 42 ตอนที่ 2 ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ความคดิ เห็นทมี่ ตี อ่ โครงการ....................................……....................... . 45 บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ ................................................................................... 47 บรรณานุกรม ......................................................................... 50 ภาคผนวก ............................................................................. 51 คณะผจู้ ดั ทา สารบญั ตาราง

5 ง ตารางที่ หน้า 1 แสดงคา่ รอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามเพศ .............42 2 แสดงคา่ รอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอายุ ........... 43 3 แสดงคา่ รอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจาแนกตามอาชีพ ..........43 4 แสดงคา่ รอ้ ยละของผตู้ อบแบบสอบถามโดยจาแนกตามการศกึ ษา......44 5 ขอ้ มูลแสดงความคดิ เห็นผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ…………………………..……… 45 สารบญั ภาพ จ รปู ภาพ หน้า

6 1 การแสดงนิทรรศการเกยี่ วกบั การอา่ น ................................................................... 27 2 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นของไทยอายุ 6 ปี ขน้ึ ไป ........................................................ 28 3 สถติ เิ กีย่ วกบั การอา่ นของไทยอายุ 6 ปี ขน้ึ ไป จาแนกตามภูมภิ าค ......................... 28 4 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปี ขนึ้ ไปจาแนกตามสือ่ ……………………………..... 30 5 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นของไทยอายุ 6 ปี ขนึ้ ไป จาแนกตามสถานทกี่ ารอา่ น ............31 6 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปี ขนึ้ ไปจาแนกตามสาเหตทุ าไมไมอ่ า่ นหนงั สอื ...32 7 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 15-24 ปี ขนึ้ ไป ……………………………………….…..…32 8 นิทรรศการเกยี่ วกบั การอา่ นคนไทย ……………………………………………………...….…… 33 9 เด็กอา่ นหนงั สือ …………………………………………………………………………………….…… 34 10 เด็กอา่ นหนงั สือ …………………………………………………………………………………..….… 35 11 หนงั สือเด็กและเยาวชน…………………………………………………………….………….…..… 36 .

1 สว่ นที่ 1 บทนา ความสาค ั ญ ดว้ ยวนั เสารท์ สี่ องของเดอื นมกราคมของทกุ ปี รฐั บาลกาหนดใหเ้ ป็ นวนั เด็กแหง่ ชาติ ซงึ่ หน่วยงานตา่ งๆ ทง้ั ภาครฐั และเอกชนไดจ้ ดั กจิ กรรมสาหรบั เด็ก เพือ่ ใหต้ ระหนกั ถงึ ความสาคญั ของเด็กซง่ึ ถือวา่ เป็ นทรพั ยากรบคุ คลทสี่ าคญั ยงิ่ ตอ่ ประเทศชาติ ทจี่ ะเป็ นกาลงั สาคญั ในการพฒั นาชาติบา้ นเมอื งใหเ้ จรญิ กา้ วหน้าและม่นั คงสบื ไป เด็กจงึ ควรเตรยี มตวั ทจี่ ะเป็ นกาลงั ของชาตดิ ว้ ยการขยนั หม่นั ศกึ ษาหาความรแู้ ละใชเ้ วลาใหเ้ ป็ นประโยชน์อยา่ งเต็มที่ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นอยใู่ นระเบยี บวนิ ยั มีความขยนั หมน่ ั เพยี รตง้ั ใจทางานดว้ ยความรบั ผดิ ชอบยดึ มน่ ั ในความซอื่ สตั ย์ สจุ รติ ตลอดจนมคี วามเมตตากรุณาช่วยเหลอื เอ้ือเฟื้ อผอู้ นื่ เสยี สละและบาเพ็ญประโยชน์เพอื่ สว่ นรวม ชว่ ยกนั รกั ษาความสะอาดและอนุรกั ษ์ทรพั ยากร ตลอดถงึ สาธารณสมบตั สิ ว่ นรวมของชาติ หากเด็กทกุ คนไดต้ ระหนกั ถงึ อนาคตของตนและของประเทศชาติ โดยพยายามประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นใหเ้ หมาะสมกบั วยั แลว้ ก็จะไดช้ ือ่ วา่ เป็ น “เด็กดี” ชาตบิ า้ นเมอื งก็จะเจรญิ มีความผาสุกรม่ เยน็ ตลอดไป ด่งั พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ฯ พระราชทาน เนื่องในโอกาสวนั เด็กแหง่ ชาติ ตง้ั แตว่ นั ที่ 5 ธนั วาคม พุทธศกั ราช 2534 ณ พระตาหนกั จติ รลดารโหฐาน มคี วามวา่ “ คนทกุ คนมหี น้าทตี่ อ้ งทา แมเ้ ป็ นเด็กก็มีหน้าทอี่ ยา่ งเด็ก คือ ศกึ ษาเลา่ เรียน หมายความวา่ จะตอ้ งเรยี นใหร้ วู้ ชิ า ฝึ กหดั ทาการงานตา่ งๆใหเ้ ป็ น อบรมขดั เกลา ความประพฤตแิ ละความคดิ จติ ใจใหป้ ระณีต ใหส้ จุ รติ แจม่ ใส และเฉลยี วฉลาด มเี หตผุ ล เพอื่ จกั ไดเ้ ตบิ โตขน้ึ เป็ นคนทีม่ คี วามรู้

2 ความสามารถและมีประโยชน์ตอ่ ชาตบิ า้ นเมอื ง” เด็กและเยาวชนเป็ นอกี กลมุ่ เป้ าหมายทมี่ คี วามสาคญั ควรสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การเรียนรแู้ ละ พฒั นาการในการแสดงออก ซง่ึ ความรู้ ความสามารถในดา้ นตา่ ง ๆ โดยจดั ใหม้ กี จิ กรรมในเชงิ สรา้ งสรรค์ทหี่ ลากหลาย ทง้ั นี้วนั เดก็ แหง่ ชาตเิ ป็ นวนั สาคญั อีกวนั หนึ่งทหี่ อ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี จะจดั ใหม้ ีกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทหี่ ลากหลายภายใตค้ วามรว่ มมอื ของทกุ ฝ่ าย ทกุ แหลง่ ความรแู้ ละของประชาชนในชุมชน วตั ถปุ ระส งค์ 1. เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ เยาวชน ไดแ้ สดงออก กลา้ คดิ กลา้ ทา ในทางสรา้ งสรรคแ์ ละเป็ นประโยชน์และสว่ นรว่ มในการทากจิ กรรมตามความ สามารถและความสนใจ 2. เพอื่ สง่ เสรมิ และสนบั สนุนใหเ้ ด็ก เยาวชน ไดย้ ดึ ม่นั ในสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ใ์ นระบอบประชาธปิ ไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็ นประมขุ และเป็ นไปตามนโยบายของรฐั บาล 3. เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็ก เยาวชน มีสขุ ภาพทง้ั รา่ งกาย จติ ใจ สตปิ ญั ญา อารมณ์ และมีจติ สานึกทดี่ ตี ่สงั คมและประเทศชาติ ตลอดจนมคี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ มกี ารพฒั นาตนเองและสงั คมใหก้ า้ วหน้าสบื ไป เป้ าหมาย เชงิ ปรมิ าณ - เด็ก เยาวชน ผปู้ กครอง และประชาชนท่วั ไป จานวน 500 คน เชิงคณุ ภาพ - เด็กและเยาวชนไดแ้ สดงออกในเชงิ สรา้ งสรรค์รวมทง้ั ไดร้ บั ความรู้ และความบนั เทงิ

3 จากการสรา้ งบรรยากาศแหง่ การเรยี นรู้ และสง่ เสรมิ การแสดงออกโดยวธิ กี ารและ กจิ กรรมทหี่ ลากหลาย วธิ ีการดาเนิ พ้ืนทดี่ าเ งบ นงาน นนิ การ ระยะเวล ประมาณ กจิ กรรมหลกั วตั ถุประสงค์ กลมุ่ เป้ าหม เป้ าหม า าย าย 1.ประชมุ ปรกึ ษารปู 1. - เด็ก 500 - - 4,980.- บรเิ วณ วนั เสาร์ บาท แบบกจิ กรรม เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็ เยาวชน คน สนามห ที่ (งบบรหิ า นา้ ศาลา 11 รหอ้ งสมุ 2. ตง้ั คณะทางาน ก เยาวชน นกั เรยี น กลางจงั มกราค ดประชา หวดั ชล ม2563 ชน 3. ไดแ้ สดงออก นกั ศกึ ษา บุรี ผลผลติ ที่ 5 ประสานหน่วยงาน กลา้ คดิ กลา้ ทา กศน.อาเภ ผรู้ บั บรกิ ารตามอธั สถานประกอบการ ในทางสรา้ งสรร อเมืองชล ยาศยั ) เครอื ขา่ ยและประชา คแ์ ละเป็ นประโย บรุ ี ชนในชุมชนทเี่ กยี่ ว ชน์และมสี ว่ นรว่ และประช ขอ้ ง มในการทากจิ กร าชนท่วั ไป เพอื่ ขอรบั การสนบั ส รมตามความสาม นุนของขวญั ารถและความสน 4. ประชาสมั พนั ธ์ ใจ 5. 2.

4 ดาเนินการจดั กจิ กร เพอื่ สง่ เสรมิ และส รม นบั สนุนใหเ้ ด็ก ฐานที่ 1 เยาวชน กจิ กรรมรถโมบาย ไดย้ ดึ ม่นั ในสถา (หอ้ งสมดุ เคลอื่ นท)ี่ บนั ชาติ ศาสนา - หนงั สอื /สอื่ และพระมหากษั - คอมพวิ เตอร์ ตรยิ ์ - และการปกครอง ฉายภาพยนตรส์ าร ในระบอบประชา คดี ธปิ ไตย ฐานที่ 2 อนั มีพระมหากษั กจิ กรรมสง่ เสรมิ กา ตรยิ ์ทรงเป็ นประ รอา่ น มขุ - และเป็ นไปตามน กจิ กรรมบงิ โกราชา โยบายของรฐั บา ศพั ท์ ล - กจิ กรรมจก๊ิ ซอว์ 3. - เพอื่ สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็ กจิ กรรมระบายสหี ร ก เยาวชน รษา มีสขุ ภาพทง้ั รา่ งก - าย จติ ใจ กจิ กรรมตลาดนดั ห สตปิ ญั ญา นงั สอื อารมณ์ 6. และมีจติ สานึกที่ ประเมนิ ผลโครงกา ดตี อ่ สงั คมและปร ร ะเทศชาติ 7. ตลอดจนมีความ สรปุ ผลการดาเนินง คดิ รเิ รม่ิ สรา้ งสรร าน ค์ มกี ารพฒั นาตนเ องและสงั คมใหก้ ้ าวหน้าสบื ไป ระยะเวลา

5 - วนั เสารท์ ี่ 11 มกราคม 2563 งบประมาณโครงการ - 4,980 (สพี่ นั เกา้ รอ้ ยแปดสบิ บาทถว้ น) งผกรู้ าบั รผ- ดิหชอ้ งอสบมุดโคปรระชาชนจงั หวดั ชลบุรี เครือขา่ ย - จงั หวดั ชลบุรี - สานกั งาน กศน. จงั หวดั ชลบุรี - กศน.ตาบลในสงั กดั กศน.อาเภอเมืองชลบรุ ีทุกแหง่ - สถานประกอบการ ผลลพั ธ์ - เด็ก เยาวชน นกั เรียน นกั ศกึ ษา กศน.อาเภอเมอื งชลบรุ ี และประชาชนท่วั ไป ไดร้ บั ความสะดวกและพงึ พอใจในกจิ กรรมของหอ้ งสมดุ - สง่ เสรมิ และประชาสมั พนั ธห์ อ้ งสมุดประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี - ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมไดร้ บั ความรู้ ความสนุกสนานเพลดิ เพลนิ จากการจดั กจิ กรรมของหอ้ งสมดุ ประชาชนจงั หวดั ชลบรุ ี สว่ นที่ 2 เอกสารการศกึ ษาและรายงานทเี่ กีย่ วขอ้ ง 1. ยุทธศาสตรแ์ ละจดุ เน้นการดาเนินงาน สานกั งาน กศน. ประจาปี งบประมาณ 2563 วสิ ยั ทศั น์

6 6 คนไทยไดร้ บั โอกาสการศกึ ษาและการเรียนรตู้ ลอดชีวติ อยา่ งมีคณุ ภาพ สามารถดารงชีวติ ทเี่ หมาะสมกบั ชว่ งวยั สอดคลอ้ งกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และมีทกั ษะทจี่ าเป็ นในโลกศตวรรษที่ 21 บทบาทหน้าที่ สานกั งาน กศน. มีบทบาทหน้าทตี่ ามบทบญั ญตั แิ หง่ พระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบ บและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั พ.ศ. 2551 1. เป็ นหน่วยงานกลางในการดาเนินการ สง่ เสรมิ สนบั สนุน และประสานงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั และรบั ผดิ ชอบงานธุรการของคณะกรรมการ 2. จดั ทาขอ้ เสนอแนะ นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ แผน และมาตรฐานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ตอ่ คณะกรรมกา รสง่ เสรมิ สนบั สนุนและประสานความรว่ มมือการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษ าตามอธั ยาศยั 3. สง่ เสรมิ สนบั สนุน และดาเนนิ การพฒั นาคณุ ภาพทางวชิ าการ การวจิ ยั การพฒั นาหลกั สตู รและนวตั กรรมทางการศกึ ษา บคุ ลากร และระบบขอ้ มูลสารสนเทศทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาต ามอธั ยาศยั 4. สง่ เสรมิ สนบั สนุน และดาเนนิ การเทยี บโอนผลการเรียน การเทยี บโอนความรแู้ ละประสบการณ์และการเทยี บระดบั การศกึ ษา 5. สง่ เสรมิ สนบั สนุน และประสานงานใหบ้ คุ คล ครอบครวั ชุมชน องคก์ รชุมชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ องค์กรเอกชน องคก์ รวชิ าชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และองค์กรอนื่ รวมตวั กนั เป็ นภาคีเครอื ขา่ ยเพอื่ เสรมิ สรา้ งความเขม้ แข็งในการ ดาเนนิ งานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 6. จดั ทาขอ้ เสนอแนะเกยี่ วกบั การใช้ประโยชน์เครอื ขา่ ยเทคโนโลยีสารสนเทศแล ะการสอื่ สาร สถานีวทิ ยุโทรทศั น์เพือ่ การศกึ ษา วทิ ยุชุมชน ศนู ยว์ ทิ ยาศาสตรเ์ พอื่ การศกึ ษา หอ้ งสมดุ ประชาชน พพิ ธิ ภณั ฑ์ศนู ย์การเรียนชุมชนและแหลง่ การเรียนรอู้ นื่ เพอื่ สง่ เสรมิ การเรียนรแู้ ละการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ อยา่ งตอ่ เนื่องของประชาชน 7. ดาเนนิ การเกยี่ วกบั การตดิ ตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการดาเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 8. ปฏบิ ตั งิ านอนื่ ใดตามพระราชบญั ญตั นิ ้ีหรือกฎหมายอนื่ ทบี่ ญั ญตั ใิ หเ้ ป็ นอานาจ หน้าทขี่ องสานกั งานหรือตามทรี่ ฐั มนตรมี อบหมาย

7 เป้ าประสงค์ 1.ประชาชนผดู้ อ้ ย พลาด และขาดโอกาสทางการศกึ ษา รวมทง้ั ประชาชนท่วั ไปไดร้ บั โอกาสทางการศกึ ษาในรปู แบบการศกึ ษานอกระ บบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน การศกึ ษาตอ่ เนื่องและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ทมี่ ีคณุ ภาพ อยา่ งเทา่ เทยี มและท่วั ถงึ เป็ นไปตามสภาพ ปญั หา และความตอ้ งการของแตล่ ะกลมุ่ เป้ าหมาย 2. ประชาชนไดร้ บั การยกระดบั การศกึ ษา สรา้ งเสรมิ และปลูกฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และความเป็ นพลเมืองอนั นาไปสกู่ ารยกระดบั คุณภาพชีวติ และเสรมิ สรา้ งควา มเขม้ แข็งใหช้ ุมชนเพอื่ พฒั นาไปสคู่ วามม่นั คงและย่งั ยืนทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม ประวตั ศิ าสตร์ และสงิ่ แวดลอ้ ม 3. ประชาชนไดร้ บั โอกาสในการเรยี นรแู้ ละมเี จตคตทิ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโ ลยีทเี่ หมาะสมสามารถคดิ วเิ คราะห์ และประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั รวมทง้ั แกป้ ญั หาและพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ 4. ประชาชนไดร้ บั การสรา้ งและสง่ เสรมิ ใหม้ นี ิสยั รกั การอา่ นเพอื่ การแสวงหาควา มรดู้ ว้ ยตนเอง 5. ชุมชนและภาคเี ครอื ขา่ ยทกุ ภาคสว่ น รว่ มจดั สง่ เสรมิ และสนบั สนุนการดาเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั รวมทง้ั การขบั เคลอื่ นกจิ กรรมการเรียนรขู้ องชุมชน 6. หน่วยงานและสถานศกึ ษาพฒั นา เทคโนโลยีทางการศกึ ษา เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั มาใช้ในการยกระดบั คุณภาพในการจดั การเรียนรแู้ ละเพมิ่ โอกาสการเรยี นรใู้ หก้ บั ประชาชน 7. หน่วยงานและสถานศกึ ษาพฒั นาสอื่ และการจดั กระบวนการเรยี นรเู้ พอื่ แกป้ ญั หาและพฒั นาคุณภาพชีวติ ทตี่ อบสนองกบั การเปลยี่ นแปลงบรบิ ทดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง วฒั นธรรม ประวตั ศิ าสตร์ และสงิ่ แวดลอ้ ม รวมทง้ั ตามความตอ้ งการของประชาชน และชุมชนในรูปแบบทหี่ ลากหลาย 8. บคุ ลากรของหน่วยงานและสถานศกึ ษาไดร้ บั การพฒั นาเพอื่ เพม่ิ สมรรถ นะในการปฏบิ ตั งิ านการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อยา่ งมปี ร ะสทิ ธภิ าพ 9. หน่วยงานและสถานศกึ ษามีระบบการบรหิ ารจดั การตามหลกั ธรรมาภบิ าล

8 นโยบายและจุดเน้นการดาเนินงาน สานกั งาน กศน 1.ยุทธศาสตรด์ า้ นความม่นั คง 1.1 สง่ เสรมิ การจดั การเรียนรทู้ ปี่ ลกู ฝงั คณุ ธรรม สรา้ งวนิ ยั การมจี ติ อาสา และอุดมการณ์ความยดึ มน่ ั ในสถาบนั หลกั ของชาติ 1) เสรมิ สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหา กษตั รยิ ท์ รงเป็ นประมขุ มคี วามเป็ นพลเมืองดี เคารพความคดิ ของผอู้ นื่ ยอมรบั ความแตกตา่ งและหลากหลาย ทางความคดิ และอดุ มการณ์ รวมทง้ั สงั คมพหวุ ฒั นธรรม 2) สง่ เสรมิ การจดั กจิ กรรมการเรียนรทู้ ปี่ ลูกฝงั คณุ ธรรม สรา้ งวนิ ยั จติ สาธารณะ และอดุ มการณ์ความยดึ มน่ ั ในสถาบนั หลกั ของชาติ รวมทง้ั การมีจติ อาสา ผา่ นกจิ กรรมลกู เสือ กศน. และกจิ กรรมอนื่ ๆ ตลอดจนสนบั สนุนใหม้ กี ารจดั กจิ กรรมเพอื่ ปลกู ฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรมใหก้ บั บุคลากรในองคก์ ร 1.2 รว่ มขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศตามโครงการไทยนิยม ย่งั ยนื โดยบูรณาการขบั เคลอื่ นการทางานตามแนวทางประชารฐั ดาเนนิ โครงการ/กจิ กรรมในพนื้ ทที่ ง้ั ในระดบั ตาบล หมบู่ า้ น โดยใชท้ มี ขบั เคลอื่ นการพฒั นาประเทศตามโครงการไทยนิยม ย่งั ยนื ระดบั ตาบลเป็ นแกนหลกั และสนบั สนุนกลไกการขบั เคลอื่ นในพน้ื ทที่ ุกระดบั ตง้ั แตจ่ งั หวดั อาเภอ ตาบล และหมบู่ า้ น 1.3 พฒั นาการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ในเขตพฒั นาพเิ ศษเฉพาะกจิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และพนื้ ทชี่ ายแดน 1) พฒั นารูปแบบการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ใหม้ คี วา มสอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของสงั คม วฒั นธรรม และพ้นื ที่ เพอื่ สนบั สนุนการแกไ้ ขปญั หาและพฒั นาพื้นที่

9 2) เรง่ จดั ทาแผนและมาตรการดา้ นความปลอดภยั ทชี่ ดั เจนสาหรบั หน่วยงานและ สถานศกึ ษารวมทง้ั บคุ ลากรทปี่ ฏบิ ตั งิ านในพ้ืนทเี่ ขตพฒั นาพเิ ศษเฉพาะกจิ จงั ห วดั ชายแดนภาคใต้ โดยบรู ณาการแผนและปฏบิ ตั งิ านรว่ มกบั หน่วยงานความม่นั คงในพืน้ ที่ 3) สง่ เสรมิ และสนบั สนุนการจดั กระบวนการเรียนรใู้ นสถาบนั ศกึ ษาปอเนาะ ในรูปแบบตา่ งๆทหี่ ลากหลายตรงกบั ความตอ้ งการของผเู้ รยี น อาทิ การเพม่ิ พูนประสบการณ์ การเปิ ดโลกทศั น์ การยดึ ม่นั ในหลกั คณุ ธรรมและสถาบนั หลกั ของชาติ 4) สนบั สนุนใหม้ ีการพฒั นาบคุ ลากรทกุ ระดบั ทกุ ประเภทใหม้ สี มรรถนะทสี่ ูงขนึ้ เพอื่ ใหส้ ามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 1.4 สง่ เสรมิ การจดั กระบวนการเรียนรทู้ ตี่ อบสนองกบั การเปลยี่ นแปลงบรบิ ทดา้ นสั งคม การเมอื ง รวมทง้ั ความตอ้ งการของประชาชน และชุมชนในรูปแบบทหี่ ลากหลาย ใหป้ ระชาชนคดิ เป็ น วเิ คราะห์ไดต้ ดั สนิ ใจภายใตข้ อ้ มลู ทถี่ กู ตอ้ ง เช่น ความรเู้ รอื่ งการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็ นป ระมุข/การเลือกตง้ั 2. ยุทธศาสตรด์ า้ นการพฒั นากาลงั คนการวจิ ยั และนวตั กรรมเพือ่ สรา้ งขี ดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ 2.1 ขบั เคลอื่ นการดาเนนิ งานภายใตแ้ ผนพฒั นาการศกึ ษาระดบั ภาค 1) สรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจใหก้ บั บุคลากรของสานกั งาน กศน. เกยี่ วกบั การดาเนินงานภายใตแ้ ผนพฒั นาการศกึ ษาระดบั ภาค เพอื่ รว่ มขบั เคลอื่ นยทุ ธศาสตร์การพฒั นาภาค 2) เรง่ จดั ทายทุ ธศาสตร์และแผนพฒั นาการศกึ ษาระดบั ภาค ของสานกั งาน กศน. ใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนพฒั นาการศกึ ษาระดบั ภาค 2.2 พฒั นากาลงั คนใหม้ ที กั ษะความเขา้ ใจและใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั (Digital Literacy) 1) พฒั นาความรแู้ ละทกั ษะเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา เพอื่ ใหส้ ามารถ ใช้Social Media และ Application ตา่ งๆ ในการพฒั นารปู แบบการจดั การเรยี นการสอน

10 2) สง่ เสรมิ การจดั การเรยี นรดู้ า้ นเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอื่ ใหป้ ระชาชนมีทกั ษะความเขา้ ใจและใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ทสี่ ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจาวนั รวมทง้ั สรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ตนเองได้ 3) พฒั นาทกั ษะและสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนประกอบธุรกจิ การคา้ ออนไลน์ (พาณิชย์อเิ ล็กทรอนิกส์)มกี ารใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรค์เชงิ นวตั กรรมในการประ กอบอาชีพ สรา้ งทกั ษะอาชพี ทสี่ ูงขนึ้ ใหก้ บั ประชาชนเพือ่ รว่ มขบั เคลอื่ นเศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั 2.3 พฒั นาทกั ษะภาษาองั กฤษเพอื่ การสอื่ สารใหก้ บั ประชาชนเพอื่ รองรบั การพฒั น าประเทศ 1) พฒั นาทกั ษะภาษาองั กฤษเพอื่ การสอื่ สารของประชาชนในรปู แบบตา่ งๆ อยา่ งเป็ นรปู ธรรมโดยเนน้ ทกั ษะภาษาเพอื่ อาชีพ ทง้ั ในภาคธุรกจิ การบรกิ าร และการทอ่ งเทยี่ ว 2) พฒั นาความรแู้ ละทกั ษะเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั การใช้ Social Media และ Application ตา่ งๆเพอื่ พฒั นารูปแบบการจดั การเรียนการสอนภาษาองั กฤษ ของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา 3) พฒั นาสอื่ การเรียนการสอนภาษาองั กฤษ เพอื่ สง่ เสรมิ การใช้ภาษาเพอื่ การสอื่ สารและการพฒั นาอาชีพ 3. ยุทธศาสตรด์ า้ นการพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพคนใหม้ ีคุณภาพ 3.1 เร่งรดั ดาเนินการจดั การศกึ ษาอาชพี เพอื่ ยกระดบั ทกั ษะอาชพี ของประชาชนสู่ ฝี มอื แรงงาน 1) จดั การศกึ ษาอาชพี เพอื่ การมงี านทาทสี่ อดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของชุมชน และความตอ้ งการของตลาด ใหป้ ระชาชนสามารถนาไปประกอบอาชีพไดจ้ รงิ โดยใหเ้ นน้ หลกั สตู รการศกึ ษาอาชพี ชา่ งพน้ื ฐาน โดยประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีในการจดั การเรียนการสอนดา้ นอาชพี เชน่ การเรยี นผา่ น Youtube การเรยี นผา่ นFacebook Live ระบบการเรยี นรใู้ นระบบเปิ ดสาหรบั มหาชน (Massive Open Online Courses : MOOCs)คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) เป็ นตน้ รวมถงึ สนบั สนุนใหเ้ กดิ ระบบการผลติ ทคี่ รบวงจร และเปิ ดพนื้ ทสี่ ว่ นราชการเป็ นทแี่ สดงสนิ คา้ ของชุมชนเพอื่ เป็ นการสรา้ งรายได้ ใหก้ บั ชุมชน

11 2) บรู ณาการความรว่ มมอื ในการพฒั นาฝี มือแรงงานกบั สานกั งานคณะกรรมการ การอาชีวศกึ ษาผา่ นศนู ยป์ ระสานงานการผลติ และพฒั นากาลงั คนอาชีวศกึ ษา ภาคท่วั ประเทศ เพอื่ มงุ่ พฒั นาทกั ษะของประชาชนโดยใชป้ ระโยชน์จากศกั ยภาพและภมู สิ งั คมเ ฉพาะของพื้นที่ และดาเนินการเชงิ รกุ เพอื่ เสรมิ จุดเดน่ ในระดบั ภาคในการเป็ นฐานการผลติ แล ะการบรกิ ารทสี่ าคญั รวมถงึ มงุ่ เน้นสรา้ งโอกาสในการสรา้ งรายได้ เพอื่ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของตลาดแรงงานทง้ั ภาคอตุ สาหกรรมและการ บรกิ าร 3) พฒั นากลมุ่ อาชพี พน้ื ฐานทรี่ องรบั พื้นทรี่ ะเบยี งเศรษฐกจิ พเิ ศษภาคตะวนั ออก (EEC) ทสี่ ามารถพฒั นาศกั ยภาพไปสรู่ ะดบั ฝี มอื แรงงาน โดยศกึ ษาตอ่ ในสถาบนั การอาชีวศกึ ษา 3.2 สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนใช้เทคโนโลยีในการสรา้ งมูลคา่ เพม่ิ ใหก้ บั สนิ คา้ การทาชอ่ งทางเผยแพรแ่ ละจาหน่ายผลติ ภณั ฑ์ของวสิ าหกจิ ชุมชนใหเ้ ป็ นระบบ ครบวงจร และสนบั สนุนการจาหน่ายสนิ คา้ และผลติ ภณั ฑผ์ า่ นศูนยจ์ าหน่ายสนิ คา้ และผลิ ตภณั ฑอ์ อนไลน์ กศน. (ONIE Online Commerce Center : OOCC) เพอื่ จาหน่ายสนิ คา้ ออนไลน์ระดบั ตาบล 3.3 สง่ เสรมิ การพฒั นาสุขภาวะของประชาชนทกุ วยั โดยการสรา้ งความรคู้ วามเขา้ ใจ การ สนบั สนุนกจิ กรรมสขุ ภาวะ และสรา้ งเครอื ขา่ ยภาคประชาชน ในการเฝ้ าระวงั ป้ องกนั และควบคมุ โรค ใหก้ บั ประชาชนทกุ ชว่ งวยั โดยเฉพาะในพนื้ ทหี่ า่ งไกล พน้ื ทชี่ ายแดน และชายแดนภาคใต้ โดยประสานงานรว่ มกบั โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สขุ ภาพตาบล และเจา้ หน้าที่ อสม. ในการใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั การดูแลสขุ ภาวะอนามยั ใหก้ บั ประชาชน รวมทง้ั ผลติ ชุดความรเู้ กยี่ วกบั สขุ ภาวะ สุขอนามยั เพอื่ ใช้ประกอบการเรยี นรใู้ นหลกั สูตรการศกึ ษาของ กศน. 3.4 เพมิ่ อตั ราการอา่ นของประชาชน โดยการจดั กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ นในรปู แบบตา่ งๆ เชน่ อาสาสมคั รสง่ เสรมิ การอา่ น หอ้ งสมุดประชาชน บา้ นหนงั สอื ชุมชน หอ้ งสมดุ เคลอื่ นที่ ผลกั ดนั ใหเ้ กดิ หอ้ งสมดุ สกู่ ารเป็ นหอ้ งสมุดเสมอื นจรงิ ตน้ แบบ เพอื่ พฒั นาใหป้ ระชาชนมคี วามสามารถในระดบั อา่ นคลอ่ ง เขา้ ใจ ความคดิ วเิ คราะหพ์ น้ื ฐาน

12 และสามารถรบั รขู้ อ้ มูลขา่ วสารทถี่ กู ตอ้ งและทนั เหตกุ ารณ์ รวมทง้ั นาความรทู้ ไี่ ดร้ บั ไปใช้ปฏบิ ตั จิ รงิ ในชีวติ ประจาวนั 3.5 เตรียมความพรอ้ มการเขา้ สสู่ งั คมผสู้ งู อายุทเี่ หมาะสมและมคี ุณภาพ 1) สง่ เสรมิ การจดั กจิ กรรมใหก้ บั ประชาชนเพอื่ สรา้ งความตระหนกั ถงึ การเตรยี ม พรอ้ มเขา้ สูส่ งั คมผสู้ ูงอายุ (Aging Society) มคี วามเขา้ ใจในพฒั นาการของชว่ งวยั รวมทง้ั เรยี นรแู้ ละมีสว่ นรว่ มในการดแู ลรบั ผดิ ชอบผสู้ ูงอายใุ นครอบครวั และชุ มชน 2) พฒั นาการจดั บรกิ ารการศกึ ษาและการเรยี นรสู้ าหรบั ประชาชนในการเตรียมค วามพรอ้ มเขา้ สวู่ ยั สงู อายทุ เี่ หมาะสมและมคี ุณภาพ 3) จดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพชีวติ สาหรบั ผสู้ งู อายภุ ายใตแ้ นวคดิ “Active Aging”การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพชีวติ และพฒั นาทกั ษะชีวติ ใหส้ ามารถดแู ลตนเองทง้ั สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ และรจู้ กั ใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยี 4) สรา้ งความตระหนกั ถงึ คณุ คา่ และศกั ดศิ์ รีของผสู้ ูงอายุ เปิ ดโอกาสใหม้ กี ารเผยแพรภ่ มู ปิ ญั ญาของผสู้ งู อายุ และใหม้ สี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมดา้ นตา่ งๆ ในชุมชน เชน่ ดา้ นอาชพี กฬี า ศาสนาและวฒั นธรรม 5) จดั การศกึ ษาอาชีพเพอื่ รองรบั สงั คมผสู้ งู อายุ โดยบรู ณาการความรว่ มมือกบั หน่วยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ในทกุ ระดบั 3.6 พฒั นาหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน โดยใช้กระบวนการ“สะเต็มศกึ ษา” (STEM Education) 4. ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษา 4.1 สง่ เสรมิ การรภู้ าษาไทย เพมิ่ อตั ราการรหู้ นงั สือ และยกระดบั การรหู้ นงั สือของประชาชน 1) สง่ เสรมิ การรภู้ าษาไทยใหก้ บั ประชาชนในรปู แบบตา่ งๆ โดยเฉพาะประชาชนในเขตพฒั นาพเิ ศษเฉพาะกจิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ใหส้ ามารถฟงั พดู อา่ น และเขยี นภาษาไทย เพอื่ ประโยชน์ในการใช้ชีวติ ประจาวนั ได้ 2) เรง่ จดั การศกึ ษาเพอื่ เพมิ่ อตั ราการรหู้ นงั สอื และคงสภาพการรหู้ นงั สือ ใหป้ ระชาชนสามารถอา่ นออก เขยี นได้ และคดิ เลขเป็ น โดยมกี ารวดั ระดบั การรหู้ นงั สอื การใชส้ อื่ กระบวนการ และกจิ กรรมพฒั นาทกั ษะในรูปแบบตา่ งๆ ทเี่ หมาะสม และสอดคลอ้ งกบั สภาพพนื้ ทแี่ ละกลมุ่ เป้ าหมาย 3) ยกระดบั การรหู้ นงั สือของประชาชน โดยจดั กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะการรหู้ นงั สือในรูปแบบตา่ งๆรวมทง้ั พฒั นาใหป้ ร

13 ะชาชนมีทกั ษะทจี่ าเป็ นในศตวรรษที่ 21 เพอื่ เป็ นเครอื่ งมอื ในการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ของประชาชน 4.2 เพม่ิ โอกาสทางการศกึ ษาใหก้ บั ประชากรวยั เรยี นทอี่ ยนู่ อกระบบการศกึ ษา 1) เรง่ ดาเนินการหาตวั ตนของประชากรวยั เรยี นทอี่ ยนู่ อกระบบการศกึ ษา ใหก้ ลบั เขา้ สรู่ ะบบการศกึ ษา โดยใชก้ ลวธิ ี “เคาะประตูบา้ น รกุ ถงึ ที่ ลยุ ถงึ ถนิ่ ” โดยประสานกบั สานกั งานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั เพอื่ ดาเนินการตรวจสอบขอ้ มูลทะเบยี นราษฎร์เทียบกบั ขอ้ มูลการลงทะเบยี นเ รยี นของทกุ หน่วยงาน คน้ หาผทู้ ไี่ มไ่ ดอ้ ยใู่ นระบบการศกึ ษาเป็ นรายบคุ คล และรวบรวมจดั ทาเป็ นฐานขอ้ มูล และลงพนื้ ทตี่ ดิ ตามหาตวั ตนของกลมุ่ เป้ าหมายหาสาเหตขุ องการไมเ่ ขา้ เรยี น และสอบถามความตอ้ งการในการศกึ ษาตอ่ พรอ้ มทง้ั จาแนกขอ้ มูลตามประเภทของสาเหตุ และประเภทความตอ้ งการในการศกึ ษาตอ่ และสง่ ตอ่ กลมุ่ เป้ าหมายเพอื่ ใหร้ บั การศกึ ษาตอ่ ตามความตอ้ งการของกลมุ่ เป้ า หมายไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 2) ตดิ ตามผลของกลมุ่ เป้ าหมายประชากรวยั เรียนทอี่ ยนู่ อกระบบการศกึ ษาทไี่ ดร้ ั บการจดั หาทเี่ รียน และทง้ั จดั ทาฐานขอ้ มูลผสู้ าเร็จการศกึ ษาของกลมุ่ เป้ าหมาย รวมทง้ั พฒั นาระบบเพอื่ การตดิ ตามกลมุ่ เป้ าหมายทไี่ ดร้ บั การชว่ ยเหลอื ใหก้ ลบั เขา้ สรู่ ะบบการศกึ ษาแบบครบวงจร โดยตดิ ตามตง้ั แตก่ ารเขา้ ศกึ ษาตอ่ จนจบการศกึ ษา 4.3 สง่ เสรมิ และพฒั นาระบบการสะสมและเทยี บโอนหน่วยการเรียน (Credit Bank System) ของสถานศกึ ษา ใหม้ ีคณุ ภาพ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความตอ้ งการของกลมุ่ เป้ าหมาย เพอื่ ประโยชน์ในการดาเนินการเทยี บโอนความรแู้ ละประสบการณ์ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 4.4 สง่ เสรมิ และสนบั สนุนใหเ้ กดิ ตน้ แบบเมืองแหง่ การเรยี นรเู้ พอื่ สง่ เสรมิ การเรยี น รอู้ ยา่ งตอ่ เนื่องใหก้ บั ประชาชนในชุมชน โดยกาหนดพนื้ ทนี่ ารอ่ งทผี่ า่ นมาตรฐานเทยี บวดั (Benchmark) ของสานกั งาน กศน. 4.5 พฒั นาหลกั สตู รการจดั การศกึ ษาอาชีพระยะสน้ั ใหม้ ีความหลากหลาย ทนั สมยั เหมาะสมกบั บรบิ ทของพนื้ ที่ และตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนผรู้ บั บรกิ าร

14 4.6 พฒั นารปู แบบการจดั การศกึ ษาทางไกล ใหม้ คี วามทนั สมยั มีหลกั สตู รและสาระการเรียนรทู้ หี่ ลากหลาย และสถานศกึ ษา กศน. สามารถนาไปใชใ้ นการจดั การเรียนรใู้ หก้ บั กลมุ่ เป้ าหมายไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 4.7 สรา้ งกระบวนการเรยี นรใู้ นรปู แบบ E-learning ทใี่ ช้ระบบเทคโนโลยเี ขา้ มาบรหิ ารจดั การเรยี นรู้ เพอื่ เป็ นการสรา้ งและขยายโอกาสในการเรยี นรใู้ หก้ บั กลมุ่ เป้ าหมายไดส้ ะดวก รวดเร็ว ตรงตามความตอ้ งการของประชาชนผรู้ บั บรกิ าร เช่น ระบบการเรียนรใู้ นระบบเปิ ดสาหรบั มหาชน (Massive Open Online Courses :MOOCs) คอมพวิ เตอร์ชว่ ยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI) 4.8 ยกระดบั การศกึ ษาใหก้ บั กลมุ่ เป้ าหมายทหารกองประจาการ รวมทง้ั กลมุ่ เป้ าหมายพเิ ศษอนื่ ๆเชน่ ผตู้ อ้ งขงั คนพกิ าร เด็กออกกลางคนั ใหจ้ บการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน สามารถนาความรทู้ ไี่ ดร้ บั ไปพฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่อง 5. ยุทธศาสตร์ดา้ นสง่ เสรมิ และจดั การศกึ ษาเพือ่ เสรมิ สรา้ งคุณภาพชีวติ ทีเ่ ป็ นมติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม 5.1. สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารใหค้ วามรกู้ บั ประชาชน เกยี่ วกบั การป้ องกนั ผลกระทบและปรบั ตวั ตอ่ การเปลยี่ นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ และภยั พบิ ตั ธิ รรมชาติ 5.2. สรา้ งความตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการสรา้ งสงั คมสเี ขยี ว การกาจดั ขยะและมลพษิ ในเขตชุมชน 5.3. สง่ เสรมิ ใหห้ น่วยงานและสถานศกึ ษาใชพ้ ลงั งานทเี่ ป็ นมติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ มรวม ทง้ั ลดการใช้ทรพั ยากรทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม 6. ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการพฒั นาประสทิ ธภิ าพระบบบรหิ ารจดั การ 6.1 พฒั นาระบบฐานขอ้ มูลสารสนเทศดานการศกึ ษาเพอื่ การบรหิ ารจดั การอยา่ งเป็ นระบบ และเชอื่ มโยงกบั ระบบฐานขอ้ มูลกลางของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร 6.2 สง่ เสรมิ การพฒั นาบุคลากรทกุ ระดบั อยา่ งตอ่ เนื่อง ใหม้ ีความรแู้ ละทกั ษะตามมาตรฐานตาแหน่ง ใหต้ รงกบั สายงาน ความชานาญ และความตอ้ งการของบคุ ลากร 6.3 สง่ เสรมิ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั หลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารใหข้ า้ ราชการครูและบคุ ลาก รทางการศกึ ษา ตาแหน่งครู มวี ทิ ยฐานะและเลอื่ นวทิ ยฐานะ (ว21/2560)

15 2. แนวทาง/กลยุทธ์การดาเนินงานการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตา มอธั ยาศยั ของ กศน.อาเภอเมอื งชลบรุ ี ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเมืองชลบรุ ี ไดก้ าหนดทศิ ทางการดาเนนิ งาน ตามแผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา และแผนปฏบิ ตั กิ ารประจาปี โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี ทศิ ทางการดาเนินงานของสถานศกึ ษา ✍ปรชั ญา “คดิ เป็ น ทาเป็ น เนน้ ICT” ✍วสิ ยั ทศั น์ “จดั การศกึ ษาตลอดชีวติ ผกู มติ รกบั เครือขา่ ย กระจายความรสู้ ชู่ ุมชน ทุกทที่ ุกเวลาดว้ ย ICT มอี าชพี และแขง่ ขนั ในประชาคมอาเซยี นอยา่ งย่งั ยนื ” ✍อตั ลกั ษณ์ “กา้ วไปในยคุ ดจิ ทิ ลั ” ✍เอกลกั ษณ์ “องคก์ รออนไลน์” ✍พนั ธกจิ 1. จดั และสง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี น มคี วามรกู้ ารศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานอยา่ งมีคณุ ภาพ 2. จดั การศกึ ษาอาชีพใหผ้ เู้ รยี นมีอาชพี ทาได้ ขายเป็ น และมที กั ษะชีวติ ทเี่ หมาะสมทุกช่วงวยั 3. จดั และสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนนาเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอื่ พฒั นาตนเองและสรา้ งชอ่ งทางการจาหน่ายสนิ คา้ 4. จดั และสง่ เสรมิ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ทมี่ งุ่ ให้ผรู้ บั บรกิ ารมนี ิสยั รกั การอา่ น และพฒั นาแหลง่ เรยี นรใู้ นชุมชน 5. จดั และสง่ เสรมิ สนบั สนุน พฒั นาแหลง่ เรียนรู้ สอื่ และภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ 6. จดั และสง่ เสรมิ การศกึ ษาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เพอื่ พฒั นาสงั คมและชุมชนใหม้ คี วามเขม้ แข็งอยา่ งย่งั ยนื 7. จดั และสง่ เสรมิ ประชาชนใหเ้ ป็ นพลเมอื งดตี ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย

16 8. สง่ เสรมิ สนบั สนุน ภาคีเครือขา่ ย ใหม้ ีสว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั เพอื่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรตู้ ลอดชีวติ 9. พฒั นารูปแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั พ้ืนทรี่ ะเบยี งเศรษฐกิ จพเิ ศษภาคตะวนั ออก (EEC) และความตอ้ งการของกลมุ่ เป้ าหมาย 10. พฒั นาบคุ ลากรใหม้ สี มรรถนะในการปฏบิ ตั งิ านตามบทบาทหน้าทอี่ ยา่ งมีประสิ ทธภิ าพและตอ่ เนื่องโดยเน้นการนาเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั มาใช้ในการบรหิ ารจดั การ 11. สถานศกึ ษามีระบบการบรหิ ารจดั การตามหลกั ธรรมมาภบิ าล 12. ปฏบิ ตั งิ านอนื่ ๆ ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ✍เป้ าประสงค์ และตวั ช้ีวดั ความสาเร็จ เป้ าประสงค์ ตวั ชี้วดั ความสาเร็จ ประชาชนไดร้ บั โอกาสทางการศกึ ษาใ รอ้ ยละของประชากรกลมุ่ ต่างๆ นรูปแบบของการศกึ ษานอกระบบแล (กลมุ่ ประชากรวยั แรงงานปกตทิ ่วั ไป ะการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ทมี่ ีคณุ ภาพอ กลมุ่ ประชากรวยั แรงงานทเี่ ป็ นผูย้ ากไร้ ยา่ งท่วั ถงึ และเป็ นธรรม ผู้ด้อยโอกาส ผูพ้ กิ าร และกลมุ่ ผู้สงู อายุ) ทไี่ ด้รบั บรกิ ารการศกึ ษานอกระบบและการ ศกึ ษาตามอธั ยาศยั อยา่ งท่วั ถงึ ครอบคลุมและเป็ นธรรม ผู้เรยี นทเี่ ข้ารบั การฝึ กอาชีพมสี มรรถ รอ้ ยละของผู้เรียนทเี่ ขา้ รบั การศกึ ษาอาชีพเ นะในการประกอบอาชีพ พื่อการมีงานทาทมี่ ีสมรรถนะในการประกอ สามารถประกอบอาชีพทีส่ รา้ งรายไดใ้ บอาชีพทเี่ พม่ิ ขน้ึ หก้ บั ตนเองและครอบครวั ได้ องค์กรภาคสว่ นต่างๆรว่ มเป็ นภาคีเครื จานวนของภาคีเครือข่ายในการดาเนนิ งาน อขา่ ยในการดาเนินงานการศกึ ษานอก การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ย ระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อยา่ ง าศยั เพมิ่ มากขนึ้ กวา้ งขวาง สถานศกึ ษานาเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั มาใชใ้ รอ้ ยละของของผูเ้ รยี นทมี่ ีความพงึ พอใจต่อก นการเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการจดั การศกึ ารใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ของสถานศกึ ษา ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยา ศยั อยา่ งท่วั ถงึ บคุ ลากรของสถานศกึ ษาได้รบั การพั รอ้ ยละของบุคลากรของสถานศกึ ษาทไี่ ด้รบั ฒนาเพื่อเพมิ่ สมรรถนะในการปฏบิ ตั งิ การพฒั นาเพื่อเพม่ิ สมรรถนะในการปฏบิ ตั งิ านการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา านการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอั

17 ตามอธั ยาศยั อย่างท่วั ถงึ ธยาศยั โดยเน้นการนาเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั มาใ ช้ในการบรหิ ารจดั การ สถานศกึ ษามีการพฒั นาระบบการบริ รอ้ ยละของสถานศกึ ษามกี ารพฒั นาระบบกา หารจดั การเพือ่ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพโดยเ รบรหิ ารจดั การเพื่อเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพโดยเน้ น้นการนาเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ในการดาเ นการนาเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ในการดาเนนิ งาน นินงานการศกึ ษานอกระบบและการศึ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ย กษาตามอธั ยาศยั าศยั บุคลากรของหน่วยงานปฏบิ ตั งิ านตาม รอ้ ยละของบุคลากรของสถานศกึ ษาปฏบิ ตั งิ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ านได้เต็มประสทิ ธภิ าพ ✍กลยทุ ธ์ กลยทุ ธท์ ี่ 1 สง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ใหเ้ ป็ นไปตามนโยบายและมาตรฐานการศกึ ษาอยา่ งตอ่ เนื่อง กลยทุ ธท์ ี่ 2 สง่ เสรมิ ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารไดร้ บั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ โดยใชก้ ระบวนการคดิ เป็ นตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง กลยทุ ธท์ ี่ 3 สง่ เสรมิ สนบั สนุนใหภ้ าคีเครือขา่ ยมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั เพอื่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรตู้ ลอดชีวติ กลยทุ ธท์ ี่ 4 พฒั นาหลกั สตู รและรูปแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใหส้ อดคลอ้ งกบั พน้ื ทเี่ ขตพฒั นาพเิ ศษภาคตะวนั ออก (EEC) และความตอ้ งการของกลมุ่ เป้ าหมาย โดยการมีสว่ นรว่ มของภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ และแหลง่ เรยี นรทู้ ง้ั ภาครฐั และเอกชน กลยทุ ธท์ ี่ 5 สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารประชาสมั พนั ธ์ ในรปู แบบทหี่ ลากหลาย กลยทุ ธท์ ี่ 6 พฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษาโดยใชก้ ระบวนการมีสว่ นรว่ มจากทุ กภาคสว่ น กลยทุ ธท์ ี่ 7 พฒั นาระบบคุณภาพการศกึ ษาโดยใชว้ งจรการพฒั นาคณุ ภาพ (PDCA) เป็ นหลกั ในการจดั การศกึ ษา กลยทุ ธท์ ี่ 8 พฒั นาบคุ ลากรของสถานศกึ ษาใหม้ คี วามสามารถใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอื่ การ จดั กระบวนการเรยี นรู้ การบรหิ ารจดั การ และสง่ เสรมิ การทางานเป็ นทมี ✍เข็มมงุ่ สคู่ วามสาเร็จ 1. มี กศน.ตาบลเป็ นหลกั แหลง่

18 2. มีคอมฯ/อุปกรณ์ครบทกุ กศน.ตาบล 3. ใหท้ กุ คนมีความรู้ ICT 4. มีระบบจดั เก็บ/รายงานผา่ นออนไลน์ 5. ภายใน1-2 ปี ตอ้ งเป็ น 1 ใน กศน.จงั หวดั 6. ภายใน 3 ปี ตอ้ งเป็ น 1-5 ของสานกั งาน กศน. ✍การบรหิ ารนา ICT สกู่ ารปฏบิ ตั ิ 1.การจดั หาคอมฯ/อปุ กรณ์ 2.ขน้ั การพฒั นา 3.การประเมนิ ผล/รายงาน 1. การจดั หาคอมฯ/อุปกรณ์ 1.1 การเปิ ดตวั กศน.ตาบล โดย 1) เชญิ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (ส.ส.),สมาชกิ วุฒสิ ภา (ส.ว.) เป็ นตน้ 2) นานกั ศกึ ษา กศน. หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ปจั จุบนั มที ง้ั สนิ้ 4,621 คน 3) เชญิ ภาคเี ครือขา่ ย อาทเิ ชน่ โรงเรียน, อบต., เทศบาล, อบจ. , อาเภอ เป็ นตน้ 4) เสนอโครงการพฒั นา กศน.ตาบล ใหเ้ ป็ นแหลง่ เรยี นรดู้ า้ นดจิ ทิ ลั 1.2เชิญส.ส./ส.ว. เขา้ รว่ มทกุ กจิ กรรม 1) โครงการเขา้ คา่ ยตา่ ง ๆของนกั ศกึ ษา กศน. 2) โครงการวนั วชิ าการ ของนกั ศกึ ษา กศน. 3) โครงการ อนื่ ๆ 2. ขน้ั การพฒั นา 2.1 พฒั นาระบบ จะพฒั นาระบบการจดั เก็บ/รายงานตา่ งๆผา่ นออนไลน์ 2.2 พฒั นาคน 1) ครู กศน./จนท.ทกุ คน 2) นกั ศกึ ษา กศน.หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551ทง้ั 2 กลมุ่ เป้ าหมาย ตอ้ งมคี วามรู้ ดา้ น ICT และสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ได้ สาหรบั ในสว่ นของนกั ศกึ ษา กศน. หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กศน.อาเภอเมอื งชลบุรจี ะตอ้ งประกาศเป็ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ พรอ้ มทง้ั ใช้งบอดุ หนุน (กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น) ในการขบั เคลอื่ น โดยจดั โครงการพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน ดา้ น ICT พรอ้ มทง้ั จดั ทาสรปุ เป็ นรปู เลม่ ( 5 บท)

19 3.การประเมนิ ผล/รายงาน 3.1 รายงานผา่ นออนไลน์ โดยผา่ นทางเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต http://118.172.227.194:7003/choncity/ และจดั ทา Application รายงานผา่ นทางสมาร์ทโฟน 3.2 รายงานสรปุ ผลเป็ นรปู เลม่ (5 บท) จดั ทาสรปุ ผลโครงการ/กจิ กรรม เป็ นรปู เลม่ (5บท) เพอื่ รองรบั การประเมนิ คณุ ภาพโดยตน้ สงั กดั และภายนอก ✍แผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา เป้ าประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กจิ เป้ าหมา ตวั ชีว้ ดั ความ เกณฑ์ความ กรรม ย สาเร็จ สาเรจ็ (รอ้ ยละ) 1. กลยุทธ์ที่ 1. 8,000 1. 1. กลมุ่ เป้ าหมาย 1สง่ เสรมิ โครงการยกระ คน ไดร้ บั โอกาสท และพฒั น ดบั จดั การศกึ กลมุ่ เป้ าหมาย รอ้ ยละของกลุ่ างการศกึ ษาข้ั าคุณภาพ ษานอกระบบร 8,000 นพ้ืนฐาน การศกึ ษา ะดบั การศกึ ษา คน ไดร้ บั โอกาสท มเป้ าหมายได้ การศกึ ษาตอ่ เ นอกระบ ขน้ั พ้ืนฐานให้ นื่องและการศึ บและการ มีคุณภาพ างการศกึ ษาแ รบั โอกาสทาง กษาตามอธั ยา ศกึ ษาตาม ศยั ทมี่ คี ุณภาพ อธั ยาศยั 2. ตล่ ะประเภทข การศกึ ษาแตล่ ใหเ้ ป็ นไปตาม ใหเ้ ป็ นไป โครงการพฒั ความต้องการ ตามนโยบ นาคุณภาพผู้เ อง กศน. ะประเภทของ และสอดคลอ้ ง ายและมา รียน กบั สภาพปญั ห ตรฐานกา กศน.ตามหลกั 2.ผู้จบหลกั สูต กศน. าของกลมุ่ เป้ า รศกึ ษาอย่ สูตรการศกึ ษา นอกระบบระด ั รการศกึ ษาขน้ั 2. พื้นฐานแต่ละ รอ้ ยละของผูจ้ ระดบั มผี ลสมั บหลกั สูตรกา ฤทธทิ์ างการเรี รศกึ ษาขน้ั พ้ืน ยนเฉลยี่ ฐานแตล่ ะระดั >2.00 บมผี ลสมั ฤทธิ์ 3.กลมุ่ เป้ าหม ทางการเรียนเ

20 หมาย5.กลมุ่ เ างตอ่ เนื่อง บการศกึ ษาข้ั ายรว่ มกจิ กรร ฉลยี่ > 2.00 ป้ าหมายไดร้ บั นพ้ืนฐาน มพฒั นาคุณภ การสง่ เสรมิ แ พุทธศกั ราช 27 คน าพผู้เรียน 3. ละสนบั สนุนก 2551 รอ้ ยละของกลุ่ ารพฒั นาคุณภ 1,020ค 4. มเป้ าหมายรว่ าพชีวติ ตามห 3. น กลมุ่ เป้ าหมายเ มกจิ กรรมพฒั ลกั ปรชั ญาขอ โครงการสง่ เส ขา้ รว่ มกจิ กรร นาคุณภาพผูเ้ งเศรษฐกจิ พอ รมิ การรหู้ นงั สื มสง่ เสรมิ การ รียน เพียงเพื่อพฒั อสาหรบั ประช รหู้ นงั สือ นาสงั คมและชุ าชนอาเภอเมือ 4.รอ้ ยละของ มชนใหม้ คี วา งชลบรุ ี 5. กลมุ่ เป้ าหมาย มเขม้ แข็งอยา่ กลมุ่ เป้ าหมาย เขา้ รว่ มกจิ กร งย่งั ยืน 4. ทุกประเภทสา รมสง่ เสรมิ กา โครงการจดั กา มารถนาความ รรหู้ นงั สือ 3.กลมุ่ เป้ าหม รศกึ ษาเพื่อพั รไู้ ปใช้ในการ ายไดร้ บั การส ฒนาอาชีพ พฒั นาอาชีพห 5. รา้ งและสง่ เสริ (ศูนยฝ์ ึ กอาชีพ รือคุณภาพชีวิ รอ้ ยละของกลุ่ มใหเ้ ป็ นผูร้ กั ก ชุมชน) ตได้ มเป้ าหมายทุก ารอา่ นและใฝ่ ประเภทสามา รใู้ ฝ่ เรียนอยา่ ง 6. รถนาความรูไ้ ตอ่ เนื่องตลอด กลมุ่ เป้ าหมาย ปใชใ้ นการพั ชีวติ มคี ุณลกั ษณะ ฒนาอาชีพหรื ทพี่ งึ ประสงคต์ อคณุ ภาพชีวติ ามจุดมุง่ หมาย ได้ ของหลกั สูตร เป้ าประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กจิ ก เป้ าหมา ตวั ช้ีวดั ความ เกณฑ์ความ รรม ย สาเรจ็ สาเร็จ (รอ้ ยละ) กลยุทธ์ที่ 1. 285 คน 7. 6. 3สง่ เสรมิ โครงการเรยี น กลมุ่ เป้ าหมาย รอ้ ยละของกลุ่ สนบั สนุน รปู้ รชั ญาของเ มสี ว่ นรว่ มใน มเป้ าหมายมคี ุ ใหภ้ าคีเค ศรษฐกจิ พอเพี การจดั การศกึ ณลกั ษณะทพี่ ึ รือขา่ ยมีส่ ยงและเกษตร ษานอกระบบ งประสงค์ตาม วนรว่ มใน ทฤษฎใี หม่ และการจดั กา จดุ มุง่ หมายข การจดั กา 2.โครงการเส รศกึ ษาตามอธั องหลกั สตู ร รศกึ ษาน รมิ สรา้ งคณุ ภา ยาศยั 7. อกระบบ พชีวติ ทเี่ ป็ นมิ 2. รอ้ ยละของกลุ่ และการศึ ตรกบั สงิ่ แวดล้ มบี า้ นหนงั สือ มเป้ าหมายมีค

21 กษาตามอั อม 11,500 ชุมชนทเี่ ป็ นไ วามพงึ พอใจต่ ธยาศยั 3.โครงการเก คน ปตามเกณฑค์ อการรว่ มกจิ ก เพื่อใหเ้ กิ ษตรยุคใหมต่ า รบทกุ ตาบลอย่ รรมการเรียน ดการเรีย มวถิ ีความพอเ างน้อยตาบลล รทู้ ุกประเภท นรตู้ ลอด พียง ะ 1 แหง่ 1. รอ้ ยละ ชีวติ 4.โครงการอบ 3. 80 มีมุมหนงั สือเ ของกลมุ่ เป้ าห รมเชงิ ปฏบิ ตั กิ พื่อชุมชนอย่า มายได้รบั การ ารดา้ นเศรษฐ งน้อยตาบลละ สง่ เสรมิ การเรี กจิ พอเพียง 1ความพงึ พอใ ยนรทู้ างด้าน 5.โครงการปร ั จต่อการรว่ มกิ หลกั ปรชั ญาข ชญาของเศรษ จกรรมการเรยี องเศรษฐกจิ พ ฐกจิ พอเพียง นรทู้ กุ ประเภท อเพียง นาวถิ ีพอเพียง 1. 2. รอ้ ยละ 80 สชู่ ุมชน กลมุ่ เป้ าหมาย ของกลมุ่ เป้ าห 6.โครงการอบ ได้รบั การสง่ เ มายนาความรู้ รมและเรียนรู้ สรมิ การเรียน ไปใชใ้ นการพั ตามรอยพระยุ รทู้ างด้านหลกั ฒนาอาชีพแล คลบาทด้วยหล ั ปรชั ญาของเศ ะพฒั นาคณุ ภ กปรชั ญาของเ รษฐกจิ พอเพีย าพชีวติ ได้ ศรษฐกจิ พอเพี ง 3. รอ้ ยละ 90 ยง 2. ของกลมุ่ เป้ าห 7.โครงการเรี กลมุ่ เป้ าหมาย มายมคี วามพงึ ยนรเู้ ศรษฐกจิ นาความรูไ้ ปใ พอใจในระดบั พอเพียงและก ช้ในการพฒั น ดีขน้ึ ไป ารพฒั นาทยี่ ่งั าอาชีพและพ ั ยนื \"วถิ ีไทย ฒนาคณุ ภาพ วถิ ีพอเพียง\" ชีวติ ได้ 3. กลมุ่ เป้ าหมาย มคี วามพงึ พอ ใจในระดบั ดีขึ้ นไป เป้ าประสงค์ กลยุทธ์ โครงการ/กจิ เป้ าหมา ตวั ชี้วดั ความ เกณฑ์ความ กรรม ย สาเร็จ สาเร็จ (รอ้ ยละ)

22 9.สถานศกึ ษา กลยุทธ์ที่ 1. 800 คน 1. 1. รอ้ ยละ 80 พฒั นาสอื่ 4พฒั นาห โครงการสง่ เส แหลง่ เรียนรแู้ 17 กลมุ่ เป้ าหมาย ของเป้ าหมาย ละภูมปิ ญั ญาท้ ลกั สตู รแล รมิ การอ่านเพื่ ตาบล องถนิ่ ะรูปแบบ อพฒั นาบา้ นห ภาคเี ครอื ข่าย ภาคเี ครือขา่ ย ด้วยการจดั กร การจดั กจิ นงั สือชุมชน ะบวนการเรีย กรรมการ 2. มแี หง่ มีสว่ นรว่ มใน นรทู้ ตี่ อบสนอ เรยี นรู้ โครงการห้อง งกบั การเปลยี่ ใหส้ อดคล้ สมุดเคลอื่ นที่ 4กลมุ่ เป้ าหมา การจดั การศกึ นแปลงบรบิ ท องกบั พื้น สาหรบั ชาวตล ด้านเศรษฐกจิ ทเี่ ขตพฒั าด ยมีความพงึ พ ษานอกระบบ สงั คม นาพเิ ศษ 3. การเมอื ง ภาคตะวนั โครงการเมอื ง อใจในระดบั ดี และการจดั กา ในรปู แบบทหี่ ออก นกั อา่ น ลากหลาย (EEC) 4. ขน้ึ ไป รศกึ ษาตามอั และความ โครงการอ่าน ต้องการข สรา้ งงานผ่าน 1.กลมุ่ เป้ าหม ธยาศยั องกลมุ่ เป้ QRCode ายไดร้ บั การพั 2. าหมาย ฒนาชีวติ ใหส้ มบี า้ นหนงั สือ โดยการมี อดคลอ้ งกบั พื้ ชุมชนทเี่ ป็ นไ สว่ นรว่ ม นทเี่ ขตพฒั นา ปตามเกณฑค์ ของ พเิ ศษภาคตะวั รบทุกตาบลอ นออก (EEC) ยา่ งน้อยตาบล 4. ละ 1 แหง่ กลมุ่ เป้ าหมาย 3. มคี วามพงึ พอ มมี มุ หนงั สือเ ใจในระดบั ดีขึ้ พื่อชุมชนอยา่ นไป ง 1. น้อยตาบลละ กศน.อาเภอแ 1 แหง่ ละกศน.ตาบล 4. รอ้ ยละ 80 มกี ารอพั เดทข้ ของกลมุ่ เป้ าห อมลู การประช มายมีความพงึ าสมั พนั ธก์ จิ ก พอใจในระดบั รรมทางเวบ็ ไ ดีขนึ้ ไป ซด์เป็ นประจา ทุกเดือน

23 เป้ าประสง กลยุทธ์ โครงการ/กจิ เป้ าหมา ตวั ชี้วดั ความ เกณฑ์ความ ค์ กรรม ย สาเรจ็ สาเรจ็ (รอ้ ยละ) ภูมปิ ญั ญาท้ 1. โครงการ 17 1. 1. รอ้ ยละ 75 สถานศกึ ษามี ของกลมุ่ เป้ าห องถนิ่ และแ English น่ารู้ ตาบล คมู่ ือระบบการ มายได้รบั การ นิเทศภายใน พฒั นาชีวติ ให้ หลง่ เรยี นรทู้ ้ั คู่ Service 2. สอดคลอ้ งกบั ผูน้ ิเทศมีการนิ พื้นทเี่ ขตพฒั งภาครฐั และ โรงแรม เทศการจดั กจิ นาพเิ ศษภาค กรรมและราย ตะวนั ออก เอกชน 2.โครงการ งานผลเป็ นปร (EEC) ะจาทุกเดือน 2. รอ้ ยละ 80 กลยุทธ์ที่ Smart 5สง่ เสรมิ ให้ ONIE ของกลมุ่ เป้ าห มีการประช เพือ่ สรา้ ง มายมีความพงึ าสมั พนั ธ์ Smart พอใจในระดบั ในรูปแบบที่ farmers ดีขนึ้ ไป หลากหลาย 3.โครงการ 1. รอ้ ยละ Digtal 100 ของ กศน.อาเภอแ teracy ละ กศน.ตาบลมกี (เพื่อสรา้ งสงั ค ารอพั เดทข้อมู ลการประชาส ั มออนไลน์) มพนั ธก์ จิ กรร มทางเว็บไซด์ 4.โครงการกา เป็ นประจาทุก เดือน1. รคา้ ออนไลน์ รอ้ ยละ 100 ของสถานศกึ สสู่ งั คม ษามคี มู่ อื ระบ Digital 7.ชมุ ชนแล 5.โครงการเพ่ิ ะภาคเี ครอื มประสทิ ธภิ า ขา่ ยรว่ มจดั กลยุทธ์ที่ พการบรหิ ารจั ดการขยะมูลฝ สง่ เสรมิ แล 6พฒั นาระ อย ะสนบั สนุน บบการนิเท 1. การดาเนิน ศภายในสถ โครงการพฒั งานการศกึ านศกึ ษา นาระบบประช ษานอกระบ โดยใชก้ ระ าสมั พนั ธข์ อง

24 บและการศึ บวนการมี สถานศกึ ษา บการนเิ ทศภา กษาตามอธั สว่ นรว่ มจา 1. ยใน ยาศยั กทกุ ภาคส่ โครงการพฒั 2. รอ้ ยละ 80 วน นาบุคลากรกา ของผูน้ เิ ทศมี รนเิ ทศภายใน การนเิ ทศการ สถานศกึ ษา จดั กจิ กรรมแล กศน.อาเภอเมื องชลบุรี ะรายงานผลเ ป็ นประจาทกุ เดอื น เป้ าประสง กลยุทธ์ โครงการ/กจิ เป้ าหมา ตวั ชี้วดั ความ เกณฑ์ความ ค์ กรรม ย สาเรจ็ สาเรจ็ (รอ้ ยละ) 10.สถานศึ กลยุทธ์ที่ 1. 39 คน 1. 1. กษามีระบ 7พฒั นาระ โครงการบรหิ สถานศกึ ษามี สถานศกึ ษามี บการบรหิ า ารความเสี่ยงข คมู่ อื การบรหิ า คมู่ อื การบรหิ า รจดั การตา บบคณุ ภาพ องสถานศกึ ษา รความเสยี่ ง รความเสยี่ ง มหลกั การศกึ ษาโ กศน.อาเภอเมื ธรรมาภบิ า ดยใชว้ งจรก องชลบรุ ี 2. 2. ล ารพฒั นาคุ 2. รายงานสถาน รายงานสถาน ณภาพ โครงการพฒั ะทางการเงนิ เ ะทางการเงนิ เ (PDCA) นาระบบประก ั ป็ นประจาทุกเ ป็ นประจาทกุ เ เป็ นหลกั ใน นคุณภาพการ ดือน ดือน การจดั การศึ ศกึ ษา กษา กศน.อาเภอเมื องชลบรุ ี 8. กลยุทธ์ที่ 1.โครงการพั 39 คน 1.บุคลากรขอ 1. รอ้ ยละ 80 บคุ ลากรขอ งสถานศกึ ษาทุ ของบคุ ลากรข งสถานศกึ ษ 8พฒั นาบุค ฒนาบุคลากร กคนได้รบั การ องสถานศกึ ษา าไดร้ บั การ พฒั นาเพื่อเพิ่ ทกุ คนไดร้ บั ก พฒั นาเพื่อเ ลากรของสถ ด้านวชิ าการ: มสมรรถนะใ ารพฒั นาเพือ่ เ พมิ่ สมรรถน านศกึ ษาให้ Google นการปฏบิ ตั งิ า พมิ่ สมรรถนะ ะในการปฏิ มคี วามสาม Form นตามบทบาท ในการปฏบิ ตั งิ บตั งิ านตาม ารถใช้เทคโ 2.โครงการพั หน้าทอี่ ยา่ งมีป านตามบทบา บทบาทหน้า นโลยีดจิ ทิ ลั เ ฒนาบคุ ลากร ระสทิ ธภิ าพแล ทหน้าที่อยา่ ง พื่อการจดั ก ด้านวชิ าการ: ระบวนการเ การจดั ทาสือ่ ก

25 ทอี่ ยา่ งมีประ รยี นรู้ ารเรียนการสอ ะต่อเนื่อง มปี ระสทิ ธภิ า สทิ ธภิ าพแล การบรหิ ารจั น Clip 2.บุคลากรขอ พและต่อเนื่อง ะต่อเนื่อง ดการ Video งสถานศกึ ษาส 2. รอ้ ยละ 80 และสง่ เสรมิ 3.โครงการบริ ามารถนาควา ของบคุ ลากรข การทางานเ หารจดั การขอ้ มรไู้ ปใชใ้ นกา องสถานศกึ ษา ป็ นทมี มลู ข่าวสาร รพฒั นาการป สามารถนาคว กศน.ฝ่ ากระแ ฏบิ ตั งิ านตาม ามรูไ้ ปใชใ้ นก ส Social บทบาทหน้าที่ ารพฒั นาการ Network อยา่ งมีประสทิ ปฏบิ ตั งิ านตา 4.โครงการปร ธภิ าพ มบทบาทหน้า ะชุมบุคลากรเ 3. ทอี่ ย่างมปี ระสิ พื่อเพม่ิ ประสิ บุคลากรของส ทธภิ าพ ทธภิ าพในการ ถานศกึ ษามีค 3. รอ้ ยละ ปฏบิ ตั งิ าน วามพงึ พอใจใ 90ความพงึ พ 5.โครงการปร นระดบั ดีขนึ้ ไ อใจในระดบั ดี ะชุมเชงิ ปฏบิ ตั ิ ปความ ขนึ้ ไป การการจดั กร ะบวนการเรยี นการสอน เป้ าประสง กลยทุ ธ์ โครงการ/กจิ ก เป้ าหมา ตวั ชี้วดั ความ เกณฑ์ความ ค์ รรม ย สาเร็จ สาเรจ็ (รอ้ ยละ) 8. กลยทุ ธ์ที่ 1.โครงการพั 39 คน 1.บุคลากรขอ 1. รอ้ ยละ 80 บุคลากรขอ 8พฒั นาบุค ฒนาบคุ ลากร งสถานศกึ ษาทุ ของบคุ ลากรข งสถานศกึ ลากรของส ด้านวชิ าการ: กคนได้รบั การ องสถานศกึ ษา ษาไดร้ บั กา ถานศกึ ษาใ Google รพฒั นาเพื่ หม้ ีความสา Form พฒั นาเพื่อเพิ่ ทกุ คนไดร้ บั ก มสมรรถนะใ ารพฒั นาเพือ่ เ อเพม่ิ สมรร มารถใชเ้ ท 2.โครงการพั นการปฏบิ ตั งิ า พมิ่ สมรรถนะ ถนะในการ คโนโลยีดจิ ิ ฒนาบุคลากร นตามบทบาท ในการปฏบิ ตั งิ ปฏบิ ตั งิ าน ทลั เพอื่ การ ดา้ นวชิ าการ: หน้าทอี่ ยา่ งมีป านตามบทบา ตามบทบา จดั กระบวน การจดั ทาสือ่ ก ระสทิ ธภิ าพแล ทหน้าทีอ่ ยา่ ง ทหนา้ ทอี่ ยา่ การเรยี นรู้ ารเรยี นการสอ ะตอ่ เนื่อง มปี ระสทิ ธภิ า งมปี ระสทิ ธิ การบรหิ าร น Clip 2.บคุ ลากรขอ พและต่อเนื่อง ภาพและตอ่ จดั การ Video งสถานศกึ ษาส 2. รอ้ ยละ 80 เนือ่ ง และสง่ เสริ 3.โครงการบริ ามารถนาควา ของบคุ ลากรข มการทางา มรไู้ ปใช้ในกา องสถานศกึ ษา

26 นเป็ นทมี หารจดั การขอ้ รพฒั นาการป สามารถนาคว มลู ขา่ วสาร ฏบิ ตั งิ านตาม ามรไู้ ปใชใ้ นก กศน.ฝ่ ากระแ บทบาทหน้าที่ ารพฒั นาการ ส Social อยา่ งมปี ระสทิ ปฏบิ ตั งิ านตา Network ธภิ าพ มบทบาทหน้า ทอี่ ยา่ งมีประสิ 4.โครงการปร 3. ทธภิ าพ ะชุมบคุ ลากรเ บคุ ลากรของส พื่อเพม่ิ ประสิ ถานศกึ ษามีค 3. รอ้ ยละ ทธภิ าพในการ วามพงึ พอใจใ 90ความพงึ พ ปฏบิ ตั งิ าน นระดบั ดีขนึ้ ไ อใจในระดบั ดี 5.โครงการปร ปความ ขน้ึ ไป ะชุมเชงิ ปฏบิ ตั ิ การการจดั กร ะบวนการเรีย นการสอน 3. กรอบการจดั กจิ กรรมเพื่อพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน กรอบการจดั กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ตามนโยบายการจดั การศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน สานกั งาน กศน. (เอกสารแนบทา้ ยหนงั สอื สานกั งาน กศน. ดว่ นทสี่ ดุ ที่ ศธ 0210.04/ว3780 ลงวนั ที่ 2 กรกฎาคม 2561) ----------------------------- 1. หลกั การ รฐั บาลไดก้ าหนดยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี (2560 – 2579) โดยมีวตั ถุประสงค์เพอื่ แกไ้ ขจดุ ออ่ น และเสรมิ จดุ แข็งใหเ้ อื้อตอ่ การพฒั นาประเทศใหบ้ รรลุเป้ าหมาย การสรา้ งรกั ษาไวซ้ งึ่ ผลประโยชน์แหง่ ชาติ ในการทจี่ ะใหป้ ระเทศไทยมคี วามม่นั คงในทกุ ดา้ น คนในชาตมิ คี ุณภาพชีวติ ทดี่ แี ละม่นั คง และประเทศสามารถ พฒั นาไปไดอ้ ยา่ งย่งั ยนื จานวน 6 ยทุ ธศาสตร์ไดแ้ ก่ (1) ยุทธศาสตรด์ า้ นความม่นั คง (2) ยทุ ธศาสตร์ดา้ น การสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขนั (3)ยุทธศาสตร์การพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพทรพั ยากรมนุษย์ (4)

27 ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม (5) ยุทธศาสตร์ดา้ นการสรา้ งการเตบิ โตบนคณุ ภาพชีวติ (6) ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการปรบั สมดุลและพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การภาครฐั ซงึ่ สอดคลอ้ งจุดเน้นในการพฒั นาคุณภาพคนในสงั คมไทยทกุ ช่วงวยั ใหเ้ ป็ นค นดี มีสขุ ภาวะทีด่ ี มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มรี ะเบยี บวนิ ยั มจี ติ สานึกทดี่ ตี อ่ สงั คมสว่ นรวม มที กั ษะความรแู้ ละความสามารถปรบั ตวั เทา่ ทนั กบั การเปลยี่ นแปลงรอบตวั ที่ร วดเร็ว แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2560 – 2579 ไดก้ าหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั การศกึ ษา 4 ประการ ไดแ้ ก่ (1) เพอื่ พฒั นาระบบและกระบวนการจดั การศกึ ษาทมี่ คี ณุ ภาพและมปี ระสทิ ธภิ าพ (2) เพอื่ พฒั นาคนไทยใหเ้ ป็ นพลเมืองดี มคี ณุ ลกั ษณะทกั ษะและสมรรถนะทสี่ อดคลอ้ งกบั บทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนูญแ หง่ ราชอาณาจกั รไทยพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาตแิ ละยทุ ธศาสตร์ชาติ (3) เพอื่ พฒั นาสงั คมไทยใหเ้ ป็ นสงั คมแหง่ การเรยี นรแู้ ละมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม รรู้ กั สามคั คี และรว่ มมือผนึกกาลงั มงุ่ สกู่ ารพฒั นาประเทศอยา่ งย่งั ยนื ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และ (4) เพอื่ นาประเทศไทยกา้ วขา้ มกบั ดกั ประเทศทมี่ ีรายไดป้ านกลาง และความเหลอื่ มลา้ ภายในประเทศลดลง จงึ กาหนดยุทธศาสตรใ์ นการพฒั นาการศกึ ษาภายใต้ 6ยทุ ธศาสตรห์ ลกั ทสี่ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรช์ าติ 20 ปี เพอื่ ใหแ้ ผนการศกึ ษาแหง่ ชาตบิ รรลุเป้ าหมายตามจดุ มงุ่ หมาย วสิ ยั ทศั น์ และแนวคดิ การจดั การศกึ ษา ดงั นี้ (1) ยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การศกึ ษาเพอื่ ความม่นั คงของสงั คมและประเทศชาต(ิ 2) ยุทธศาสตร์การผลติ และพฒั นากาลงั คน การวจิ ยั และนวตั กรรม เพอื่ สรา้ งขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ (3) ยุทธศาสตร์การพฒั นาศกั ยภาพคนทกุ ชว่ งวยั และการสรา้ งสงั คมแหง่ การเรยี นรู้ (4) ยุทธศาสตรก์ ารสรา้ งโอกาสความเสมอภาพ และความเทา่ เทยี มทางการศกึ ษา (5)ยุทธศาสตร์การจดั การศกึ ษาเพอื่ สรา้ งเสรมิ สุขภาพชีวติ ทเี่ ป็ นมติ รกบั สง่ิ แว ดลอ้ ม (6) ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาประสทิ ธภิ าพของระบบบรหิ ารจดั การศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดป้ ระกาศใชห้ ลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน

28 พุทธศกั ราช 2551 ทมี่ งุ่ จดั การศกึ ษาเพอื่ ตอบสนองอดุ มการณ์การจดั การศกึ ษาตลอดชีวติ และการ สรา้ งสงั คมไทยใหเ้ ป็ นสงั คมแหง่ การเรียนรตู้ ามปรชั ญา “คดิ เป็ น” เพอื่ สรา้ งคณุ ภาพชีวติ และสงั คม มีการบรู ณาการอยา่ งสมดลุ ระหวา่ งปญั ญาธรรม ศีลธรรม และวฒั นธรรม มงุ่ สรา้ งพ้นื ฐานการเป็ นสมาชิกทดี่ ขี องครอบครวั ชุมชน สงั คม และพฒั นาความสามารถเพอื่ การทางานทมี่ คี ณุ ภาพ โดยใหภ้ าคเี ครือขา่ ยมสี ว่ นรว่ มจดั การศกึ ษาใหต้ รงตามความตอ้ งการของผเู้ รี ยน และสามารถตรวจสอบไดว้ า่ การศกึ ษานอกระบบเป็ นกระบวนการของการพฒั นาชีวติ และสงั คม สามารถพงึ่ พาตนเองได้ และรเู้ ทา่ ทนั การเปลีย่ นแปลง เป็ นหลกั สตู รทมี่ คี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั สภาพปญั หา ความตอ้ งการของบคุ คลทอี่ ยนู่ อกระบบโรงเรยี น ซงึ่ เป็ นผูม้ คี วามรูป้ ระสบการณ์จากการท างานและการประกอบอาชีพ โดยการกาหนดสาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ การจดั การเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผล ใหค้ วามสาคญั กบั การพฒั นากลมุ่ เป้ าหมายดา้ นจติ ใจ ใหม้ ีคณุ ธรรมควบคไู่ ปกบั การพฒั นาการเรียนรสู้ รา้ งภมู คิ มุ้ กนั สามารถจดั การกบั องคค์ วามรู้ ทง้ั ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ และเทคโนโลยเี พอื่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถปรบั ตวั อยใู่ นสงั คมที่ มีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา สรา้ งภูมคิ มุ้ กนั ตามแนวปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง รวมทง้ั คานึงถงึ ธรรมชาตกิ ารเรยี นรขู้ องผทู้ อี่ ยนู่ อกระบบ และสอดคลอ้ งกบั สภาพเศรษฐกจิ สงั คม การเมือง การปกครอง ความเจรญิ กา้ วหน้า ของเทคโนโลยีและการสอื่ สาร สานกั งาน กศน. จงึ กาหนดกรอบการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นทสี่ อดคลอ้ งกบั จดุ มงุ่ หมายของหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ซงึ่ เป็ นกจิ กรรมทีใ่ หส้ ถานศกึ ษาจดั เพมิ่ เตมิ จากการเรียนปกตใิ หก้ บั ผเู้ รียน เพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มสี ตปิ ญั ญา มีคณุ ภาพชีวติ ทดี่ มี ศี กั ยภาพในการศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพและการเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนื่องซง่ึ เป็ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประส งคส์ อดคลอ้ งกบั ทกั ษะการเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ตามจดุ มงุ่ หมายของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร แผนการศกึ ษาแหง่ ชาตแิ ละยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี ขนึ้ 2. กรอบการจดั กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน เพอื่ ใหส้ ถานศกึ ษาไดจ้ ดั กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น

29 เป็ นไปในแนวทางเดียวกนั อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล คมุ้ คา่ เกดิ ประโยชน์สูงสุดตอ่ ผเู้ รยี น ดงั นี้ 2.1 กจิ กรรมพฒั นาวชิ าการ เป็ นการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาใหผ้ เู้ รียนมพี ้นื ฐานความรเู้ พยี งพอกบั การศกึ ษา ในแตล่ ะระดบั และพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี วามรคู้ วามสามารถทางดา้ นวชิ าการเพม่ิ มากขน้ึ ในรา ยวชิ าตามหลกั สตู รการศกึ ษานอก ระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดแ้ ก่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ คณิตศาสตรว์ ทิ ยาศาสตร์ หรือวชิ าอนื่ ๆ ตามความตอ้ งการของนกั ศกึ ษา กศน. ซงึ่ วทิ ยากรหรือผสู้ อนควรเป็ นผทู้ มี่ คี วามรหู้ รือประสบการณ์ในการสอนวชิ าน้ั น ๆ โดยตรง อาจจะเป็ นบคุ คลภายนอกหรอื ครู กศน. ไดต้ ามความเหมาะสม สว่ นจานวนนกั ศกึ ษา กศน. ทรี่ ว่ มกจิ กรรมใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา 2.2 กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะชีวติ เป็ นการจดั กจิ กรรมเสรมิ เพม่ิ เตมิ จากการเรียนปกตใิ นสาระทกั ษะการดาเนนิ ชี วติ หลกั สูตรการศกึ ษา นอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 เนื่องจากสงั คมปจั จุบนั มีการเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเร็วทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม ขา่ วสารขอ้ มลู และเทคโนโลยี มีการแขง่ ขนั และความขดั แยง้ มากขน้ึ จงึ มคี วามจาเป็ นทสี่ ถานศกึ ษาตอ้ งจดั กจิ กรรมพฒั นาทกั ษะชีวติ ใหก้ บั ผเู้ รียน เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ มเี จตคตคิ า่ นิยมทถี่ ูกตอ้ งและมีทกั ษะหรือความสามารถพน้ื ฐานทจี่ าเป็ นในการ เผชญิ ปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ ในชีวติ อาทเิ ชน่ ปญั หายาเสพตดิ การตง้ั ครรภไ์ มพ่ งึ ประสงค์ เพศสมั พนั ธ์ทะเลาะววิ าท ครอบครวั แตกแยก ความรุนแรง ความเครยี ด ภยั พบิ ตั ิ เป็ นตน้ รวมทง้ั มคี ณุ สมบตั ทิ พี่ งึ ประสงค์ในการอยรู่ ว่ มกบั ผอู้ นื่ ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วาม สขุ และสามารถนาความรจู้ ากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมไปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ อยา่ งเหมาะสม 2.3 กจิ กรรมทแี่ สดงออกถงึ ความจงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ เป็ นการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาและสง่ เสรมิ สนบั สนุนใหผ้ เู้ รยี น มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ มที ศั นคตทิ ดี่ ี มีความรกั และภาคภมู ใิ จในชาตไิ ทย และแสดงออกถงึ ความจงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา

30 และพระมหากษตั รยิ ต์ ลอดจนทะนุบารงุ และปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมทางศาสนาที่ นบั ถอื การสง่ เสรมิ โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริ การเทดิ ทนู และปกป้ องสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์และพระบรมวงศานุวงศ์ 2.4 กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็ นการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาผเู้ รียนใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง โดยสามารถนาไปประยุกต์ใหเ้ กดิ ผลในทางปฏบิ ตั ใิ นการดารงชีวติ ประจาวนั ท้ั งตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ 2.5 กจิ กรรมลกู เสือ และกจิ กรรมอาสายวุ กาชาด เป็ นกจิ กรรมเพอื่ พฒั นาและสง่ เสรมิ สนบั สนุนใหผ้ เู้ รยี นเป็ นผทู้ มี่ ีระเบียบวนิ ยั มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มจี ติ อาสา มคี วามเสียสละในการชว่ ยเหลอื ผอู้ นื่ บาเพ็ญประโยชน์ตอ่ สงั คมและชุมชน โดยดาเนินการจดั กจิ กรรม ลกู เสือ กศน. และกจิ กรรมอาสายวุ กาชาด หรอื อาจดานนิ การรว่ มกบั สานกั งานลกู เสอื แหง่ ชาติ สานกั การลกู เสอื ยุวกาชาดและกจิ กรรมนกั เรยี น กระทรวงศกึ ษาธกิ าร สานกั งานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย เป็ นตน้ 2.6 กจิ กรรมกฬี าและสง่ เสรมิ สุขภาพ เป็ นการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นไดม้ โี อกาสออกกาลงั กายและเลน่ กฬี าเพื่ อสขุ ภาพ พลานามยั ทดี่ สี รา้ งนสิ ยั ความมีน้าใจเป็ นนกั กฬี าและใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็ นประโยชน์ เป็ นการสรา้ งความรกั ความสามคั คีในหมคู่ ณะ ใหร้ จู้ กั รแู้ พ้ รชู้ นะ รอู้ ภยั และเป็ นการสรา้ งสมั พนั ธภาพอนั ดี ระหวา่ งนกั ศกึ ษากศน . 2.7 กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาความรคู้ วามสามารถดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ (ICT) เป็ นกจิ กรรมเพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ ีความรแู้ ละทกั ษะใน ดา้ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ (ICT) เชน่ การจดั อบรมความรใู้ นดา้ นตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วกบั ICT เป็ นตน้ 2.8 กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาความรสู้ ปู่ ระชาคมโลก เป็ นการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาความรใู้ หก้ บั ผเู้ รยี น ในดา้ นการศกึ ษา เศรษฐกจิ สงั คมและวฒั นธรรม ความม่นั คง และการเมือง เพอื่ เขา้ สปู่ ระชาคมโลก เชน่ การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากรไปสสู่ งั คมสงู วยั ทกั ษะของประชากรในศตวรรษที่ 21 ทที่ ่วั โลกตา่ งตอ้ งเผชิญกบั ความทา้ ทายและมงุ่ พฒั นาประเทศไปสกู่ ารพฒั นาเศ รษฐกจิ และสงั คมยุค 4.0 เป็ นตน้

31 2.9 กจิ กรรมจติ อาสา กศน. “เราทาความดดี ว้ ยหวั ใจ” เป็ นกจิ กรรมทหี่ น่วยงาน/สถานศกึ ษาในสงั กดั ส สานกั งาน กศน. จดั ขน้ึ หรือรว่ มกบั หน่วยงานอนื่ ๆและรว่ มกบั ประชาชนทุกหมเู่ หลา่ ทีม่ ีจติ อาสาบาเพ็ญสาธารณประโยชน์ในพื้ นทตี่ า่ ง ๆ เพือ่ บรรเทาความเดือดรอ้ น และแกไ้ ขปญั หาให้แกป่ ระชาชน ไมว่ า่ จะเป็ นปญั หาน้าทว่ มในเขตชุมชน ปญั หาการจราจรและอนื่ ๆเพอื่ สบื สานพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเด ช บรมนาถบพติ ร ทที่ รงหว่ งใยปญั หาน้าทว่ มและปญั หาการจราจรในเขตพ้นื ทกี่ รงุ เทพมหานคร และจงั หวดั ตา่ ง ๆ และสอดคลอ้ งกบั พระบรมราโชบาย ของสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที1่ 0 เป็ นการพฒั นาสภาพแวดลอ้ มและความเป็ นอยูใ่ นชุมชนใหม้ ีสภาพทีด่ ขี น้ึ 2.10 กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ น และพฒั นาทกั ษะการเรยี นรู้ เป็ นกจิ กรรมทสี่ ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นมที กั ษะการอา่ น การเรยี นรู้ เสรมิ สรา้ งนิสยั รกั การอา่ น และการเรียนรูเ้ พอื่ นาไปใชใ้ นการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชนและสงั คม อนั จะนาไปสสู่ งั คมแหง่ การเรยี นรตู้ ลอดชีวติ 2.11 กจิ กรรมสง่ เสรมิ การเรียนรเู้ พอื่ พฒั นาทกั ษะอาชีพ เป็ นกจิ กรรมทสี่ ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนไดศ้ กึ ษา เรียนรฝู้ ึ กทกั ษะและฝึ กปฏบิ ตั ดิ า้ นอาชีพทตี่ นเองสนใจ เพอื่ เป็ นทางเลอื ก และวางแผนการประกอบอาชีพ และการศกึ ษาตอ่ ในอนาคต 2.12 กจิ กรรมสง่ เสรมิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม เป็ นกจิ กรรมทสี่ ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รยี นรู้ ดว้ ยการปลกู ฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม วฒั นธรรมขนบธรรมเนียมประเพณี และเอกลกั ษณ์ของชาติ ใหเ้ กดิ ความรกั และความภาคภูมใิ จ สบื สานวฒั นธรรมและประเพณีทอ้ งถน่ิ อยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ 2.13 กจิ กรรมการเรยี นรกู้ ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ท์ ร งเป็ นประมุข และ กฎหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งในชีวติ ประจาวนั เป็ นกจิ กรรมเพอื่ พฒั นาผเู้ รยี น ใหม้ คี วามรคู้ วามเขา้ ใจทถี่ กู ตอ้ งเกยี่ วกบั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็ นประมขุ และกฎหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งในชีวติ ประจาวนั เช่น กฎหมายรฐั ธรรมนูญกฎหมายการเลอื กตง้ั สทิ ธหิ น้าทพี่ ลเมือง กฎหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค เป็ นตน้ 2.14 กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งความสามารถพเิ ศษ เป็ นกจิ กรรมเพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นทมี่ คี วามสามารถพเิ ศษ หรือมพี รสวรรค์ในดา้ นตา่ ง ๆ ใหม้ ีโอกาสและกลา้ แสดงออกถงึ ทกั ษะ ความรู้ ความสามารถ ความคดิ สรา้ งสรรค์ และจนิ ตนาการ ในแนวทางทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสม

32 และพฒั นาความสามารถพเิ ศษหรอื พรสวรรค์ไปใชป้ ระโยชน์ตอ่ การด ารงชีวติ ของตนเอง เป็ นการสง่ เสรมิ สนบั สนุนการศกึ ษาตลอดชีวติ โดยการจดั ตง้ั ชมรมตา่ ง ๆ เชน่ ชมรม TO BE NUMBER ONE การจดั ตง้ั ศนู ยเ์ พอื่ นใจวยั รนุ่ เป็ นตน้ 3. รูปแบบของกจิ กรรม 3.1 แบบการจดั คา่ ยวชิ าการ คา่ ยกจิ กรรม ทง้ั ไป – กลบั และคา้ งคนื 3.2 แบบชน้ั เรยี น โดยครู กศน. หรอื วทิ ยากรทมี่ ีความรหู้ รอื ประสบการณ์ในการสอนวชิ านน้ั ๆ เป็ นผู้ จดั กจิ กรรมหรอื รว่ มกบั เครือขา่ ย 3.3 แบบศกึ ษาดูงาน 3.4 อนื่ ๆ ตามความเหมาะสม (โดยใหพ้ จิ ารณารปู แบบของกจิ กรรมขอ้ ที่ 3.1 – 3.3 กอ่ น แลว้ จงึ ดาเนนิ การ ในขอ้ 3.4) หมายเหตุ : ในกรณีทพี่ านกั ศกึ ษาออกนอกสถานทใี่ หป้ ฏบิ ตั ติ ามระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิ การ วา่ ดว้ ยการพานกั เรียนและนกั ศกึ ษาไปนอกสถานศกึ ษา พ.ศ.๒๕๔๘ 4. งบประมาณ การเบกิ จา่ ยใหเ้ ป็ นไปตามระเบยี บของทางราชการทเี่ กยี่ วขอ้ ง โดยยดึ หลกั ความถกู ตอ้ ง โปรง่ ใสตรวจสอบได้ 5. เงอื่ นไขของการดาเนนิ งาน 5.1 ผรู้ บั บรกิ ารตอ้ งเป็ นนกั ศกึ ษา กศน. ทีล่ งทะเบยี นเรยี นในหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ในภาคเรียนนน้ั ๆ 5.2 สถานศกึ ษาจดั ทาแผนการจดั กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียน ตามกรอบการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นา คุณภาพผเู้ รยี น 5.3 สถานศกึ ษาจดั สง่ แผนการจดั กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น เพอื่ ขอความเหน็ ชอบจากสานกั งาน กศน.จงั หวดั /กทม. 5.4 สถานศกึ ษาดาเนินการตามแผนการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี น ตรวจสอบ ประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรม พรอ้ มเบกิ จา่ ยเงนิ ตามระเบียบทกี่ าหนดใหแ้ ลว้ เสร็จภายในแตล่ ะภาคเรยี น และรายงานผลใหส้ านกั งานกศน. จงั หวดั /กทม. ทราบ 5.5 สานกั งาน กศน. จงั หวดั /กทม. นิเทศตดิ ตาม การจดั กจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นของสถานศกึ ษา 5.6 ใหใ้ ช้“กรอบการจดั กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาคุณภาพผเู้ รยี น ตามหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบ

33 ระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ส านกั งาน กศน.”ตง้ั แตภ่ าคเรียนที่ 2/2561 เป็ นตน้ ไป หมายเหตุ : กจิ กรรมเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพผเู้ รยี นทใี่ ชเ้ งนิ งบประมาณในการจดั กจิ กรรมไมน่ ั บเป็ นช่วั โมงกจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวติ (กพช.) ตามหลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 4. เอกสารงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ผลสารวจการอา่ นกบั บางขอ้ เท็จจรงิ ทคี่ น้ พบและน่าตกใจ ขอ้ มลู ผลสารวจการอา่ นของประชากร พ.ศ. 2558 โดยสานกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ ทนี่ ามาเผยแพรอ่ ยา่ งกวา้ งขวางโดยทีเคพาร์คนน้ั ถกู พดู ถงึ ผา่ นสอื่ ทุกแขนง และรบั รทู้ ่วั ไปไลเ่ รอื่ ยไปจนถงึ ระดบั ผนู้ าประเทศ หากมองเฉพาะตวั เลขสถติ เิ พยี งอยา่ งเดียวกใ็ หแ้ งม่ มุ ชวนคดิ หลายอยา่ ง ยง่ิ ลองใชข้ อ้ มูลชุดเดยี วกนั แตค่ ดิ ลกึ ลงไปอีกชน้ั ก็จะยง่ิ พบขอ้ เท็จจรงิ อกี หลายประเด็นทมี่ ีทง้ั ความน่าสนใจและน่าตกใจไปพรอ้ ม กนั

34 ภาพที่ 1 การแสดงนิทรรศการเกยี่ วกบั การอา่ น ปรมิ าณการอา่ นลดลง ความเหลอื่ มลา้ ในการอา่ นเพม่ิ ขนึ้ จากผลการสารวจพบวา่ ประชากรอายุ 6 ปี ขนึ้ ไป มอี ตั ราการอา่ นรอ้ ยละ 77.7 (48.4 ลา้ นคน) หรือมีคนอา่ นลดลงจากการสารวจรอบทแี่ ลว้ (พ.ศ. 2556) ประมาณ 2 ลา้ นคนเศษ และมผี ไู้ มอ่ า่ นรอ้ ยละ 22.3 (13.9 ลา้ นคน) เพม่ิ ขน้ึ จากการสารวจรอบทแี่ ลว้ ประมาณ 2 ลา้ นคนเศษเช่นกนั ภาพที่ 2 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปี ขนึ้ ไป สาเหตขุ องความเปลยี่ นแปลงเช่นน้ีมีความเป็ นไปไดห้ ลายกรณี ทนี่ ่าจะชดั เจนคอื กจิ กรรมการรณรงคส์ าธารณะสง่ ผลโดยตรงต่อปรมิ าณการอา่

35 น กลา่ วคอื ในการสารวจเมื่อปี 2556 อยใู่ นหว้ งเวลาทกี่ รุงเทพมหานครไดร้ บั เลือกจากองคก์ ารยเู นสโกใหเ้ ป็ นเมอื งห นงั สอื โลก (World Book Capital) จงึ มีขา่ วคราว กจิ กรรมและการประชาสมั พนั ธ์สง่ เสรมิ การอา่ นอยา่ งตอ่ เนื่อง ขณะทภี่ าวะเศรษฐกจิ สงั คมการเมือง ก็อาจมผี ลตอ่ การอา่ นของประชากรอยไู่ มน่ อ้ ย เนื่องเพราะในปี 2557 ตอ่ เนื่องถงึ ตลอดปี 2558 ปญั หาเศรษฐกจิ ฝื ดเคอื ง และบรรยากาศการจากดั เสรภี าพในการแสดงความคดิ เห็น เป็ นปรากฏการณ์ทลี่ ว้ นสง่ ผลทางลบตอ่ การนาเสนอและการรบั รขู้ า่ วสาร ตลอดจนการอา่ นและการเขยี นทง้ั สน้ิ ภาพที่ 3 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปี ขน้ึ ไปจาแนกตามภูมภิ าค ในทางกลบั กนั ถงึ แมว้ า่ จานวนคนอา่ นจะลดลง แตค่ วามเหลอื่ มลา้ ของการอา่ นก็ยงั คงมอี ยู่ และเป็ นความเหลอื่ มลา้ ทีม่ ีชอ่ งวา่ งเพมิ่ มากขน้ึ พจิ ารณาไดจ้ ากอตั ราการอา่ นของประชากรทอี่ าศยั อยใู่ นเขตเทศบาลเทยี บกบั น อกเขตเทศบาล เทา่ กบั รอ้ ยละ 82.9 และ 73.4 หรอื ตา่ งกนั 9.5% เปรียบเทยี บกบั ขอ้ มูลเมอื่ สองปี กอ่ น ความแตกตา่ งน้ีเทา่ กบั 8% หมายความวา่ ชอ่ งวา่ งความเหลอื่ มลา้ ระหว่างผอู้ าศยั อยใู่ นเขตเมืองและนอกเมือ งนน้ั ถา่ งกวา้ งขน้ึ แสดงวา่ คนอา่ นคอื ผูท้ ีอ่ ยูใ่ นพืน้ ทซี่ งึ่ มโี อกาสเขา้ ถงึ โครงสรา้ งพ้นื ฐานทางเศรษฐ กจิ และสงั คมไดม้ ากกวา่ สว่ นคนกรงุ เทพฯ มีอตั ราการอา่ นสงู กวา่ คนในภาคอนื่ ๆ

36 อยา่ งชดั เจน (คดิ เป็ น 93.5% ขณะทภี่ าคอนื่ อยใู่ นระดบั 70 กวา่ เปอรเ์ ซ็นต์ - ตา่ สดุ คอื ภาคอสี าน 73.0% รองลงมาคอื ภาคเหนือ 74.3%) ตวั เลขทแี่ ตกตา่ งกนั ของแตล่ ะภาคนน้ั อาจมาจากหลายสาเหตุ มใิ ช่เหตปุ จั จยั ทางดา้ นเศรษฐกจิ เพยี งเทา่ นน้ั ซงึ่ ควรมกี ารศกึ ษาวจิ ยั โดยละเอยี ดตอ่ ไป อาทิ ปญั หาการเขา้ ถงึ หนงั สอื และสอื่ การอา่ น ปญั หาการเขา้ ถงึ แหลง่ การอา่ น ปญั หาคุณภาพหนงั สอื หรอื เน้ือหาสาระทอี่ าจไมส่ อดคลอ้ งกบั บรบิ ทเศรษฐกจิ สงั คมของพ้นื ทนี่ น้ั ๆ และปญั หาเชงิ สงั คมวฒั นธรรม เช่น ขอ้ จากดั ดา้ นภาษา ศาสนา ความเชือ่ และชาตพิ นั ธุ์ เป็ นตน้ สือ่ ใหมแ่ ละไอทีทาใหค้ นใช้เวลาอา่ นเพม่ิ ขนึ้ สถติ กิ ารอา่ นปี 2558 พบวา่ เวลาเฉลีย่ ทีใ่ ชใ้ นการอา่ นเพม่ิ สูงขน้ึ เทา่ กบั 66 นาทีตอ่ วนั (เทียบกบั เมอื่ สองปี กอ่ นเทา่ กบั 37 นาทตี อ่ วนั ) หรือเพมิ่ ขนึ้ กวา่ เทา่ ตวั เหตผุ ลสาคญั ทีร่ ะยะเวลาในการอา่ นเพม่ิ ขน้ึ นน้ั เป็ นเพราะการสารวจครง้ั นี้ไดม้ ี การกาหนดขอบเขตนิยามคาวา่ “การอา่ น” ทกี่ วา้ งขวางครอบคลมุ ไปถงึ สอื่ ใหมด่ ว้ ย เชน่ สอื่ สงั คมออนไลน์/SMS/E-mail มไิ ดจ้ ากดั เพยี งเฉพาะสอื่ หนงั สอื ทเี่ ป็ นกระดาษ ดงั นน้ั สือ่ ใหมท่ สี่ ามารถเขา้ ถงึ ไดอ้ ยา่ งสะดวกสบายมากขน้ึ จงึ สง่ ผลอยา่ งมีนยั สา คญั ตอ่ พฤตกิ รรมและปรมิ าณการอา่ น เห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจนในกลมุ่ เยาวชน (อายุ 15-24 ปี ) ซ่ึงใช้เวลาอ่านมากทีส่ ดุ ถงึ 94 นาทตี อ่ วนั แต.่ .. ความนิยมอา่ นหนงั สือรปู แบบกระดาษก็ลดลงไมม่ ากนกั เพราะมผี อู้ า่ นสงู ถงึ รอ้ ยละ 96.1 ยงั คงนิยมอา่ นหนงั สอื ทเี่ ป็ นรปู เลม่ หรอื เอกสาร (ลดลงจากการสารวจครง้ั กอ่ นประมาณ 3%) ขณะทปี่ ระมาณรอ้ ยละ 55 อา่ นเนื้อหาจากสอื่ อเิ ล็กทรอนิกสห์ ลากหลายเชน่ โซเชียลมีเดยี เว็บไซต์ อีบคุ๊ อีเมล ไฟล์ขอ้ มูลและซีดี ผา่ นอปุ กรณ์ประเภทตา่ งๆ ทง้ั พีซีคอมพวิ เตอร์ โนต้ บคุ๊ สมารท์ โฟน และแท็บเล็ต และคาดวา่ ความนิยมอา่ นสอื่ ใหมผ่ า่ นอุปกรณ์ไรส้ าย (mobile devices) น่าจะเพมิ่ สงู ขนึ้ ในการสารวจครง้ั ตอ่ ๆ ไป จะเห็นไดว้ า่ อุปกรณ์ไอทสี ง่ ผลกระทบเชิงลบตอ่ การอา่ นหนงั สอื ทเี่ ป็ นกระดาษบ้ างแตก่ ็นบั วา่ น้อยมาก แตก่ ลบั ทาใหม้ แี นวโน้มทคี่ นจะอา่ นมากขนึ้ (หรอื ใช้เวลาอา่ นนานขนึ้ ) เพราะผอู้ า่ นมชี อ่ งทางเขา้ ถงึ การอา่ นไดห้ ลากหลายและสะดวกมากยง่ิ ขนึ้

37 ภาพที่ 4 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปี ขน้ึ ไปจาแนกตามสอื่ เหนือ-อีสาน อา่ นน้อย แตใ่ ช้งานหอ้ งสมดุ มากกวา่ ภาคอนื่ วา่ ดว้ ยเรอื่ งของหอ้ งสมุดและแหลง่ การอา่ น จากผลสารวจพบวา่ ผอู้ า่ นอายุ 6 ปี ขนึ้ ไป มกี ารใชบ้ รกิ ารหอ้ งสมดุ ดว้ ยการยมื หรอื ไปอา่ นทหี่ อ้ งสมดุ เพยี งรอ้ ยละ 12.9 (ประมาณ 6.2 ลา้ นคน) ในจานวนนี้ใชห้ อ้ งสมุดโรงเรียนหรือสถานศกึ ษามากทสี่ ดุ คือประมาณ 4.3 ลา้ นคน ใชห้ อ้ งสมุดประชาชน/ทอี่ า่ นหนงั สอื ชุมชน/แหลง่ เรยี นรใู้ นชุมชน ประมาณ 1.7 ลา้ นคน ทนี่ ่าสนใจคอื ภูมภิ าคทมี่ ผี อู้ ่านใช้บรกิ ารหอ้ งสมดุ มากทสี่ ดุ คือภาคเหนือและภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ (เทา่ กนั ทง้ั สองภาคคอื รอ้ ยละ 17.7 ซง่ึ สูงกวา่ คา่ เฉลยี่ ภาพรวมประเทศทรี่ อ้ ยละ 12.9) ขณะที่ กทม. และภาคกลาง แมจ้ ะมีอตั ราการอา่ นสงู แตก่ ารใช้ประโยชน์จากหอ้ งสมดุ กลบั น้อยมากเพยี งรอ้ ยละ 8.5 และ 8.6 ตามลาดบั ตวั เลขนี้ชดั เจนวา่ ในพนื้ ทซี่ ง่ึ มีปรมิ าณการอา่ นน้อย จะมีอตั ราการเขา้ ใชห้ อ้ งสมดุ มากกวา่ พื้นทที่ มี่ ปี รมิ าณการอา่ นมาก ภายใน 6 ปี จะไมม่ ีใครไปอา่ นหนงั สอื ทหี่ อ้ งสมดุ ถา้ ดตู วั เลขผลสารวจสถานทที่ คี่ นนิยมอา่ น จะพบวา่ หอ้ งสมดุ สาธารณะก็ไมใ่ ชแ่ หลง่ ทผี่ คู้ นนิยมใช้เป็ นสถานทอี่ า่ นเทา่ ไรนกั คอื มเี พียงรอ้ ยละ 1.2 เมอื่ เทียบกบั บา้ น ทที่ างาน หรอื สถานศกึ ษา ซงึ่ เทา่ กบั รอ้ ยละ 84.3, 25.2 และ 21.7 ตามลาดบั

38 หรอื มผี ใู้ ชห้ อ้ งสมุดเป็ นสถานทีอ่ า่ นประมาณ 5.8 แสนคนเทา่ นน้ั ซงึ่ เป็ นตวั เลขทลี่ ดลงอยา่ งตอ่ เนื่องจากประมาณ 1 ลา้ นคนเมอื่ ปี 2554 เหลอื 8 แสนคนเศษเมอื่ ปี 2556 แตห่ ากรวมเอาทอี่ า่ นหนงั สือประจาหมบู่ า้ น/ชุมชน/แหลง่ เรยี นรใู้ นชุมชน อกี รอ้ ยละ 3 เทา่ กบั วา่ มผี อู้ า่ นใชห้ อ้ งสมดุ กบั แหลง่ ทคี่ ลา้ ยหอ้ งสมุดเป็ นสถานทสี่ าหรบั อา่ น รวมกนั เทา่ กบั รอ้ ยละ 4.2 หรอื ประมาณ 2 ลา้ นคน ซง่ึ ก็ยงั นบั วา่ น้อยมากอยดู่ ี ผลสารวจการอา่ นในประเด็นน้ีตอกยา้ คาถามโตๆ วา่ ถงึ เวลาหรือยงั ทหี่ อ้ งสมดุ ของไทยจาเป็ นตอ้ งปรบั ตวั เพราะหากตวั เลขจานวนผใู้ ชห้ อ้ งสมุดลดลงในอตั ราขา้ งตน้ อยา่ งคงที่ น่นั หมายความวา่ ภายใน 6 ปี นบั จากนี้จะไมม่ ผี ใู้ ชบ้ รกิ ารไปอา่ นหนงั สือทหี่ อ้ งสมุดเหลืออยอู่ กี เลย การลดลงของปรมิ าณผใู้ ช้หอ้ งสมุดในฐานะทเี่ ป็ นแหลง่ การอา่ นและการคน้ ควา้ ขอ้ มลู เช่นนี้นบั เป็ นแนวโน้มทีเ่ กดิ ขน้ึ ท่วั โลก เพราะการแพรห่ ลายของการใชอ้ นิ เทอร์เน็ตเพอื่ การสืบคน้ แมแ้ ตห่ อ้ งสมดุ ในหลายประเทศตา่ งก็พยายามปรบั ตวั ใหส้ อดคลอ้ งกบั สง่ิ แวดลอ้ มใหมเ่ พอื่ ความอยรู่ อด รปู แบบหลกั ของการปรบั ตวั ของหอ้ งสมุดในตา่ งประเทศ คือการเปลยี่ นบทบาทจากสถานทอี่ า่ นและยมื คืนหนงั สอื เพยี งอยา่ งเดียว ไปเป็ นพื้นทเี่ พอื่ ตอบสนองความตอ้ งการของผคู้ นในการเรียนรรู้ ูปแบบอนื่ ๆ ทแี่ ตกตา่ งหลากหลายนอกเหนือไปจากการอา่ น

39 ภาพที่ 5 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปี ขน้ึ ไปจาแนกตามสถานทกี่ ารอา่ น เด็กไทย 450,000 คน อา่ นไมอ่ อก-อา่ นไมค่ ลอ่ ง คนไทยอายุ 6 ปี ขน้ึ ไปทไี่ มอ่ า่ นหนงั สือ ใหเ้ หตุผลทไี่ มอ่ า่ นวา่ เป็ นเพราะอา่ นหนงั สอื ไมอ่ อก รอ้ ยละ 20.6 หรอื ประมาณ 2.8 ลา้ นคน ลดลงจากการสารวจครง้ั กอ่ นประมาณ 3 แสนคน แตท่ นี่ ่าสนใจอยทู่ กี่ ลมุ่ เด็กอายุ 6-14 ปี หรอื ผทู้ กี่ าลงั ศกึ ษาอยใู่ นระดบั ป.1-ม.3 การสารวจครง้ั น้ีพบวา่ มผี รู้ ะบวุ า่ อา่ นไมอ่ อกถงึ รอ้ ยละ 31.7 คดิ เป็ นจานวน 2 แสนคนเศษ หากรวมเด็กกลมุ่ อายเุ ดยี วกนั น้ีทตี่ อบวา่ ไมอ่ า่ นเพราะ อา่ นไมค่ ลอ่ ง/อา่ นไดเ้ พียงเล็กน้อย อกี รอ้ ยละ 34.7 จานวนเด็ก ป.1-ม.3 ทอี่ า่ นไมอ่ อก/อา่ นไมค่ ลอ่ ง/อา่ นไดเ้ พยี งเล็กน้อย จะสงู ถงึ 4.5 แสนคน เป็ นภารกจิ สาคญั ทหี่ น่วยงานหลกั อยา่ งกระทรวงศกึ ษาธกิ าร คงตอ้ งเรง่ หาแนวทางแกไ้ ข ภาพที่ 6 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 6 ปี ขนึ้ ไปจาแนกตามสาเหตทุ าไมไมอ่ า่ นหนงั สอื คนไทยขาดนิสยั รกั การอา่ น 3,400,000 คน อกี เหตผุ ลหนึ่งทีค่ นไมอ่ า่ น คอื ไมช่ อบหรือไมส่ นใจอา่ น (อา่ นออก แตไ่ มช่ อบอา่ น) มีรอ้ ยละ 24.8 หรือประมาณ 3.4 ลา้ นคน เพมิ่ ขนึ้ จากการสารวจครง้ั กอ่ นถงึ 1.4 ลา้ นคน นี่คอื กลมุ่ ซง่ึ ควรไดร้ บั การสง่ เสรมิ ปลูกฝงั นิสยั รกั การอา่ น

40 นอกเหนือไปจากกลมุ่ ทรี่ กั การอา่ นหรืออา่ นหนงั สือจนเป็ นนิสยั อยแู่ ลว้ พดู งา่ ยๆ นี่คอื กลมุ่ เป้ าหมายของหน่วยงานภาคีสง่ เสรมิ การอา่ น รวมถงึ ทเี คพาร์คดว้ ย ภาพที่ 7 สถติ เิ กยี่ วกบั การอา่ นคนไทยอายุ 15-24 ปี ขนึ้ ไป หากพจิ ารณาเฉพาะกลมุ่ เยาวชนช่วงอายุระหวา่ ง 15-24 ปี ทไี่ มอ่ า่ น ซง่ึ มีอยูป่ ระมาณ 9.8 แสนคน ใกลเ้ คยี งกบั ผลการสารวจครง้ั กอ่ น - - เพมิ่ ขนึ้ ประมาณ 3 หมนื่ คน ในจานวนนี้ระบวุ า่ ไมช่ อบหรอื ไมส่ นใจอา่ น (ขาดนิสยั รกั การอา่ น) สงู ถงึ 3.6 แสนคน หรอื เพม่ิ ขนึ้ 1.1 แสนคนเมอื่ เทยี บกบั การสารวจครง้ั ทแี่ ลว้ อาจกลา่ วไดว้ า่ วยั รนุ่ กลมุ่ น้ีควรไดร้ บั การสง่ เสรมิ การอา่ นทเี่ ขม้ ขน้ ยง่ิ กวา่ กลมุ่ วั ยรนุ่ ทชี่ อบอา่ นหนงั สือหรอื เดนิ เขา้ หอ้ งสมดุ เป็ นประจาเสียอกี คาถามทตี่ อ้ งคน้ ห าคาตอบกค็ อื เยาวชนวยั รนุ่ 9.8 แสนคน (หรอื 3.6 แสนคน) น้ีอยทู่ ไี่ หน ? และจะมีวธิ ีการอยา่ งไรในการปลูกฝงั นิสยั รกั การอา่ นหรอื ดงึ ใหพ้ วกเขาเขา้ ถงึ “มหศั จรรย์” ของหนงั สอื ? ดาวน์โหลด infographic สถติ กิ ารอา่ นของคนไทย พ.ศ 2558

41 ภาพที่ 8 นิทรรศการเกยี่ วกบั การอา่ นคนไทย บทความ สารวจการอา่ น คนไทยยุคดจิ ทิ ลั

42 ภาพที่ 9 เด็กอา่ นหนงั สือ หลงั จากที่ พล.ต.สรรเสรญิ แกว้ กาเนิด โฆษกประจาสานกั นายกรฐั มนตรี ออกมาเปิ ดเผยวา่ พล.อ.ประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี รบั ทราบสถติ กิ ารอา่ นของคนไทย จากการแถลงขา่ วนาเสนอผลสารวจการอา่ นของประชากรคนไทย พ.ศ. 2558 โดยสานกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ และสานกั งานอุทยานการเรยี นรู้ (ทเี ค ปารค์ ) รูส้ กึ ยนิ ดที ีค่ นไทยใหค้ วามสาคญั กบั การอา่ นมากขน้ึ โดยมีเวลาการอา่ นเฉลยี่ 66 นาท/ี วนั เพม่ิ ขนึ้ จากการสารวจครง้ั ลา่ สุดเมอื่ ปี 2556 ทอี่ า่ นเพยี ง 37 นาที/วนั นายกรฐั มนตรขี องไทยปล้มื ปรม่ิ กบั การแถลงตวั เลขสารวจการอา่ นครง้ั นี้มาก เนื่องจากแนวโน้มการอา่ นของคนไทยเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งมนี ยั สาคญั โดยคนไทยอา่ นหนงั สือมากขนึ้ เป็ น 77.7% หรือประมาณ 48 ลา้ นคน อา่ นมากขนึ้ เป็ น 66 นาที/วนั คนไทยนิยมการอา่ นผา่ นสอื่ อเิ ล็กทรอนิกสถ์ งึ กวา่ 50% แต่ 96% บอกวา่ ยงั ชอบจบั หนงั สอื เป็ นเลม่ และสดุ ทา้ ยไมม่ วี ธิ รี ณรงค์สง่ เสรมิ การอา่ นดีทสี่ ดุ เทา่ กบั รณรงคผ์ า่ นครอบครวั แ มผ้ ลการสารวจการอา่ นของคนไทยในยคุ ดจิ ทิ ลั มกี ารอา่ นทีม่ ากขนึ้ อยา่ งน่าชืน่ ใ จ มาดตู วั เลขและความคดิ เห็นเชิงวเิ คราะหถ์ งึ สถติ กิ ารอา่ นครง้ั น้ีกนั สถติ กิ ารอา่ นของคนไทยปี 2558 สาหรบั สถติ กิ ารอา่ นของประชากรไทย จดั ทาขน้ึ โดยสานกั งานสถติ แิ หง่ ชาตทิ กุ รอบ 2 ปี โดยปี 2558 ไดข้ ยายคานยิ ามการอา่ น ใหร้ วมการอา่ นขอ้ ความในสอื่ สงั คมออนไลน์/เอสเอ็มเอส/อีเมลดว้ ย และทาการสารวจจากประชากรตวั อยา่ ง 55,920 ครวั เรอื น โดยเก็บรวบรวมขอ้ มลู เดือน พ.ค.-ม.ิ ย. 2558 ซงึ่ สรุปผลการสารวจทสี่ าคญั ไดด้ งั นี้ คือ ในการอา่ นของเด็กเลก็ อายตุ า่ กวา่ 6 ปี เด็กเล็กทอี่ า่ นมีประมาณ 2.7 ลา้ นคน คดิ เป็ นรอ้ ยละ 60.2 โดยเด็กผหู้ ญงิ มอี ตั ราการอา่ นสูงกวา่ เด็กผชู้ ายเล็กน้อย คือ รอ้ ยละ 60.9 และรอ้ ยละ 59.5 และมคี วาม แตกตา่ งกนั ระหวา่ งเขตการปกครองและภาค โดยในเขตเทศบาลมีอตั ราการอา่ นสูงกวา่ นอกเขตเทศบาล คือ รอ้ ยละ 63.9 และ 57.4 ตามลาดบั

43 ภาพที่ 10 เด็กอา่ นหนงั สอื สว่ นเดก็ เล็กในกรุงเทพมหานคร มีอตั ราการอา่ นสูงสดุ คอื รอ้ ยละ 73.8 ขณะทภี่ าคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เด็กเล็กมีอตั ราการอา่ นต่าสดุ คือ รอ้ ยละ 55.9 ในสว่ นการอา่ นของประชากรอายุตง้ั แต่ 6 ปี ขนึ้ ไป พบวา่ มีอตั ราการอา่ นรอ้ ยละ 77.7 ผชู้ ายมอี ตั ราการอา่ นสูงกวา่ ผหู้ ญงิ เล็กน้อย คอื รอ้ ยละ 78.9 และ 76.5 ตามลาดบั โดยวยั เดก็ และวยั เยาวชนมีอตั ราการอา่ นสงู ใกลเ้ คยี งกนั คือ รอ้ ยละ 90.7 และ 89.6 รองลงมาคือ กลมุ่ วยั ทางาน คือ รอ้ ยละ 79.1 และต่าสดุ คือกลมุ่ วยั สงู อายุ คอื รอ้ ยละ 52.8 ดา้ นประเภทของหนงั สือทอี่ า่ นหนงั สอื พมิ พ์เป็ นประเภทของหนงั สือทมี่ ผี อู้ า่ นสู งสุด คือ รอ้ ยละ 67.3 รองลงมาคอื ขอ้ ความในสอื่ สงั คมออนไลน์/เอสเอ็มเอส/อีเมล คอื รอ้ ยละ 51.6 ซง่ึ เน้ือหาสาระทีผ่ อู้ า่ นชอบอา่ นมากทสี่ ดุ คอื ขา่ ว สารคดี และความรทู้ ่วั ไป อยทู่ รี่ อ้ ยละ 48.5 เทา่ กนั โดยเวลาเฉลยี่ ทใี่ ชอ้ า่ นเฉลยี่ 1 ช่วั โมง 6 นาท/ี วนั หรือ 66 นาที โดยกลมุ่ เยาวชนใช้เวลาอา่ นมากทสี่ ดุ เฉลยี่ 1 ช่วั โมง 34 นาท/ี วนั หรอื 94 นาที กลมุ่ วยั เดก็ และวยั ทางานใช้เวลาอา่ นเฉลยี่ ตอ่ วนั มากกวา่ 1 ช่วั โมงเล็กน้อย สว่ นวยั สงู อายใุ ชเ้ วลาอา่ นน้อยทสี่ ดุ เฉลยี่ 44 นาท/ี วนั เมอื่ เปรียบเทยี บกบั ปี 2556 พบวา่ ทกุ วยั ใช้เวลาอา่ นเพมิ่ ขนึ้ เนื่องจากปี 2558 ไดเ้ พม่ิ การอา่ นขอ้ ความในสอื่ สงั คมออนไลน์/เอสเอ็มเอส/อีเมลดว้ ย โดยกลมุ่ วยั เยาวชนใช้เวลาอา่ นเพม่ิ ขน้ึ มากทสี่ ดุ ถงึ 44 นาท/ี วนั และทา้ ยสดุ ขอ้ มูลสถติ ยิ งั กลา่ วถงึ นโยบายการสนบั สนุนการอา่ นวา่ วธิ กี าร รณรงคใ์ หค้ นรกั การอา่ นทดี่ ที สี่ ดุ คอื ปลกู ฝงั ใหร้ กั การอา่ นผา่ นพอ่ แม่ และครอบครวั , ใหส้ ถานศกึ ษามกี ารรณรงค์สง่ เสรมิ การอา่ น, รูปเลม่ และเนื้อหาน่าสนใจ หรอื ใช้ภาษางา่ ยๆ สง่ เสรมิ ใหม้ หี อ้ งสมดุ หอ้ งสมดุ เคลอื่ นที่ มมุ อา่ นหนงั สอื ในชุมชน หรือพน้ื ทสี่ าธารณะ และทาใหห้ นงั สือสามารถหาซอ้ื หรอื เขา้ ถงึ ไดง้ า่ ย

44 โดยขอ้ มลู ดงั กลา่ วจากสานกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ สามารถใช้เป็ นเครอื่ งบง่ ชี้และเป็ นเครอื่ งมอื หาแนวทางเพอื่ สง่ เสรมิ การอา่ น ความรแู้ ละความเขา้ ใจของประชากร เพอื่ สนบั สนุนแนวทางการเรยี นรตู้ ลอดชีวติ สรา้ งยทุ ธศาสตร์ เป้ าหมายการดาเนินงานใหส้ อดคลอ้ งกบั การพฒั นาตามความเป็ นจรงิ ภาพที่ 11 หนงั สอื เด็กและเยาวชน เบื้องหลงั จากสานกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ มตคิ ณะรฐั มนตรี (ครม.) เมอื่ วนั ที่ 5 ส.ค. 2552 ใหม้ กี ารสง่ เสรมิ การอา่ นเป็ นวาระแหง่ ชาติ และวนั ที่ 2 เม.ย.ของทกุ ปี เป็ นวนั รกั การอา่ น ซง่ึ ตรงกบั วนั พระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี และกาหนดใหต้ ง้ั แตป่ ี 2552-2561 เป็ นทศวรรษแหง่ การอา่ นของประเทศ อกี ทง้ั มีการตง้ั คณะกรรมการสง่ เสรมิ การอา่ นเพอื่ สรา้ งสงั คมการเรยี นรตู้ ลอดชีวิ ต นอกจากนี้ ในช่วงปี 2556 กรงุ เทพมหานครไดร้ บั การคดั เลอื กใหเ้ ป็ นเมืองหนงั สือโลก โดยองค์การยูเนสโก ซงึ่ ในปี นน้ั เราจะสงั เกตไดว้ า่ กรงุ เทพมหานครมีโครงการมากมายทจี่ ะรณรงคส์ ง่ เสรมิ การอา่ น ปทั มา อมรสริ สิ มบูรณ์ ผอู้ านวยการสานกั สถติ สิ งั คม สานกั งานสถติ แิ หง่ ชาติ ช้ีวา่ ทาใหก้ ารสารวจการอา่ นของประชากรไทยครง้ั ทแี่ ลว้ มตี วั เลขสงู “เวลาทจี่ ะมาเปรยี บเทยี บกบั ปี 2558


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook