เกณฑ์การประเมินการฟงั และการดู หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๕ เร่ือง หนูใสใ่ จรว่ มลำนำ แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๗ เรื่อง เรียนรู้การฟงั และการดู รายการ ระดบั คุณภาพ นำ้ หนัก คะแนน ประเมนิ คะแนน รวม ๑. ความสนใจ ๔๓๒๑ ๑๒ ในบทเรยี น ๓ ๑๒ ๒. มสี มาธิใน มคี วามสนใจ มีความสนใจ มีความสนใจ มีความสนใจ ๓ การฟังและการ ในบทเรยี นดมี าก ในบทเรียนดี ในบทเรียนพอใช้ ในบทเรยี นนอ้ ย ๑๒ ดู มีสมาธใิ นการฟงั มสี มาธิในการฟงั มสี มาธิในการฟัง มสี มาธิในการฟัง ๓ ๓. ตอบคำถาม และการดดู ีมาก และการดดู ี และการดพู อใช้ และการดูนอ้ ย ๔ และเล่าเรื่องได้ ๑ ๔๐ ตอบคำถามและ ตอบคำถามและ ตอบคำถามและ ตอบคำถามและ ๔. มมี ารยาท เล่าเรือ่ งได้ เล่าเรอ่ื งยงั ไม่ ในการฟงั ถูกตอ้ งชัดเจน เล่าเรอ่ื งได้ เลา่ เรอื่ งได้ ถูกตอ้ ง และการดู ดมี าก มมี ารยาท ถูกต้องชดั เจน ถกู ตอ้ งพอใช้ ไม่มีมารยาท ในการฟงั ในการฟงั และการดดู ีมาก ดี และการดู มีมารยาท มีมารยาท ในการฟงั ในการฟัง และการดดู ี และการดพู อใช้ รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคณุ ภาพ ระดับ ๕ หมายถงึ ดีเย่ียม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๔ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดับ ๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๑ หมายถงึ ควรปรับปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑก์ ารผ่าน ผ่านระดับ ๓ ขน้ึ ไป
๑. ความสนใจในบทเ ีรยน แบบบนั ทึกคะแนนการฟังและการดู ๒. ีมสมาธิในการฟังและการ ูด หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง หนูใสใ่ จรว่ มลำนำ ๓. ตอบคำถามและเ ่ลาเ ่ืรองแผนการเรยี นรู้ที่ ๗ เรอ่ื ง เรยี นรู้การฟังและการดู ไ ้ด ๔. ีมมารยาทในการฟังรายการประเมิน และการ ูดเลข คะแนน รวมคะแนนท่ี ชอ่ื -สกุล ระ ัดบ ุคณภาพ ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ทก่ี ำหนดไวข้ ้างต้น
แผนการเรียนร้ทู ี่ ๘ เร่ือง เรียนรู้คำนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เวลา ๑ ชว่ั โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคิด เพอื่ นำไปใช้ตัดสินใจแก้ปญั หา ในการดำเนินชวี ิตและมนี ิสัยรกั การอา่ น ตวั ชี้วัด ท ๑.๑ ป.๔/๑ อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใชก้ ระบวนการเขยี นเขียนสอ่ื สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราว ในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตัวชวี้ ัด ท ๒.๑ ป.๔/๖ เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาคน้ ควา้ มาตรฐาน ท ๔.๑ : เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ป.๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทตา่ ง ๆ ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรคู้ ำ คำยาก และความหมายในบทอ่าน ถอื เป็นการพฒั นาทักษะทางภาษาท่ผี เู้ รยี นควรไดร้ บั การฝึกฝนให้ถกู ตอ้ ง จึงจะทำใหก้ ารเรยี นรภู้ าษาเปน็ ไปด้วยดแี ละเกดิ การพฒั นาทักษะทางภาษาไทยไดด้ ีข้นึ จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อา่ น และเขยี นคำ คำยาก และบอกความหมายของคำในบทอา่ นได้ถกู ต้อง ๒. การใชค้ ำ คำยาก ไปใช้ไดถ้ ูกตอ้ ง ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ การอ่าน และเขยี นคำ คำยาก และบอกความหมายของคำ ๓.๒ การใช้คำ คำยาก ไปใช้ได้ ๔. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ๔.๑ ความสามารถในการสือ่ สาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๕. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์/ค่านิยม ๕.๑ ใฝเ่ รยี นรู้ ๕.๒ ม่งุ ม่นั ในการทำงาน ๖. ช้ินงาน/ภาระงาน บนั ทกึ การเขียนคำ คำยาก และบอกความหมายของคำ
๗. การวัดและประเมินผล วธิ กี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ผ่านร้อยละ ๖๐ ๑. การเขยี นคำ คำยาก และบอก ๑. ใบงานการเขียนคำ คำยาก และบอก ความหมายของคำในบทอา่ น ความหมายของคำในบทอา่ น ๒. สงั เกตพฤติกรรม ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ (กระบวนการสรา้ งความรู้) ขนั้ ท่ี ๑ ข้นั แนะนำ ๑. ครแู จง้ จุดประสงค์การเรียนรใู้ ห้นักเรยี นทราบพรอ้ มกัน ขน้ั ท่ี ๒ ขั้นทบทวนความร้เู ดิม ๒. ครแู ละนักเรยี นชว่ ยกันสนทนาวธิ ีการสรปุ เรอ่ื งจากการฟงั จากชว่ั โมงทผี่ า่ นมา ข้ันท่ี ๓ ขั้นปรับเปลย่ี นความคดิ ๓. นักเรยี นดบู ตั รคำท่ีครูยกแสดงให้ดู แล้วร่วมกันสนทนา แสดงความคดิ เห็น และอภิปราย ถงึ คำ ความหมายของคำ จากนั้นครถู ามนำเพ่อื กระตุ้นใหเ้ กิดการอยากรู้ และจุดประกายความคิดให้นักเรยี น ตอบ นกั เรียนรว่ มกันตอบปากเปล่าตามความเขา้ ใจ ความร้สู กึ นึกคิดของนกั เรยี น ๔. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม ศกึ ษาคำ คำยาก และบอกความหมายของคำในบท อา่ น จากหนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพ่ือชีวติ ภาษาพาที ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เรอื่ ง อยา่ งนี้ดคี วรทำ หนา้ ๒๐๔ - ๒๑๘ ๕. นักเรยี นทำใบงาน ปฏบิ ตั ติ ามขั้นตอนในใบงาน ขนั้ ที่ ๔ ขั้นทบทวน ๑๐. นกั เรยี นช่วยกนั แต่งประโยคจากคำ คำยาก ท่ใี ช้ในชีวติ ประจำวัน ๙. สอ่ื และแหลง่ การเรียนรู้ ๙.๑ หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอ่ื ชวี ติ ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔ เร่อื ง อยา่ งนด้ี ีควรทำ หน้า ๒๐๔ - ๒๑๘ ๙.๒ บัตรคำ ๙.๓ ใบงาน ๙.๔ พจนานกุ รม ๑๐. ขอ้ เสนอแนะ …………………………….………………………………………………………………………………………………………….………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………. …………………………….………………………………………………………………………………………………………….…………………
ใบงาน ประกอบหน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๕ เรื่อง หนใู ส่ใจร่วมลำนำ ภาคเรียนท.ี่ ............... แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๘ เร่อื ง เรยี นรคู้ ำนำไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์ ปกี ารศกึ ษา............... ช่อื กลุ่ม........................................................................................... ชน้ั ...................... รายชอื่ สมาชกิ กล่มุ ๑………………………………………………………………….……………………… เลขท่ี………….. ๒…………………………………………………………………………………………. เลขท่ี………….. ๓………………………………………………………………….……………………… เลขที่………….. ๔…………………………………………………………………………………………. เลขที่………….. ___________________________________________________________________________ คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนหาคำศพั ท์ คำยาก ที่ควรศึกษา จากหนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ชุดภาษา เพือ่ ชวี ิต ภาษาพาที ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เรือ่ ง อย่างน้ีดคี วรทำ หน้า ๒๐๔ - ๒๑๘ หาความหมายจาก พจนานกุ รม แล้วกรอกลงในตารางท่กี ำหนดให้ (จัดทำเป็นพจนานุกรมคำของกลมุ่ ๔๐ คะแนน) คำ คำอา่ น ชนิดของคำ ความหมาย ตัวอย่าง อาฆาต อา – คาด คำกริยา ผกู ใจเจ็บ …………………………… ……………………………. ………………………. ………………………………………………… …………………………… ……………………………. ………………………. ……………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. ……………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… …………………………….. ……………………….. …………………………………………………… …………………………… ……………………………. ……………………….. ……………………………………………………
เกณฑ์การประเมนิ การเขียนคำ คำยาก และบอกความหมายของคำในบทเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรือ่ ง หนูใสใ่ จร่วมลำนำ แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๘ เร่อื ง เรียนรูค้ ำนำไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ รายการ ระดับคุณภาพ นำ้ หนกั คะแนน ประเมิน คะแนน รวม ๑. ความสนใจ ๔๓๒ ๑ ๑๒ ในบทเรยี น ๓ ๑๒ ๒. การสะกดคำ มคี วามสนใจ มคี วามสนใจ มคี วามสนใจ มีความสนใจ ๓ ๑๒ ในบทเรียนนอ้ ย ๓ ๓. การบอก ในบทเรียนดีมาก ในบทเรยี นดี ในบทเรยี นพอใช้ สะกดคำผิด ๔ ความหมาย ๗ – ๙ คำ ๑ ๔. ความสะอาด สะกดคำถูกตอ้ ง สะกดคำผิด สะกดคำผิด บอกความหมาย ๔๐ เป็นระเบยี บ ผดิ ๗ – ๙ คำ เรียบรอ้ ย ทกุ คำ ๑ – ๓ คำ ๔ – ๖ คำ สะอาด เป็น ระเบียบ มีรอยลบ บอกความหมาย บอกความหมาย บอกความหมาย ขูด ขีดฆา่ มากกว่า ๔ แหง่ ถูกตอ้ งทุกคำ ผิด ๑ – ๓ คำ ผิด ๔ – ๖ คำ สะอาด เป็น สะอาด เป็น สะอาด เป็น ระเบียบ ลายมือ ระเบียบ ลายมอื ระเบียบ ลายมอื สม่ำเสมอ ไมม่ ี สม่ำเสมอ มรี อย สม่ำเสมอ รอยขดี รอยขีดฆ่า ขดี ฆ่าเลก็ นอ้ ย ฆ่า ลบ ๓-๔ แหง่ รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคณุ ภาพ ระดับ ๕ หมายถงึ ดเี ย่ียม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดบั ๔ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดับ ๓ หมายถึง ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดับ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑก์ ารผา่ น ผ่านระดับ ๓ ข้ึนไป
๑. ความสนใจในบทเ ีรยน แบบบันทึกคะแนนการฟงั และการดู ๒. การสะกดคำ ๓. การบอกความหมายหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๕ เร่ือง หนูใส่ใจร่วมลำนำ ๔. ความสะอาดเป็นระเบียบแผนการเรยี นรูท้ ี่ ๘ เร่อื ง เรียนรูค้ ำนำไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ เ ีรยบ ้รอย รวมคะแนนรายการประเมิน ระ ัดบ ุคณภาพเลข คะแนน ท่ี ช่ือ-สกุล ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ข้างตน้
แผนการเรยี นรู้ท่ี ๙ เร่ือง ฝกึ แตง่ กลอนสุภาพหรือกลอนแปด เวลา ๑ ชัว่ โมง ๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความร้แู ละความคิด เพือ่ นำไปใช้ตัดสนิ ใจแกป้ ญั หา ในการดำเนินชีวติ และมีนสิ ัยรกั การอ่าน ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.๔/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถกู ต้อง มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสอื่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราว ในรปู แบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตัวชวี้ ัด ท ๒.๑ ป.๔/๖ เขยี นบันทกึ และเขยี นรายงานจากการศึกษาค้นควา้ มาตรฐาน ท ๔.๑ : เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตวั ชวี้ ัด ท ๔.๑ ป.๔/๕ แต่งบทร้อยกรองและคำขวัญ ๒. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การแต่งกลอนสภุ าพหรอื กลอนแปด คอื การนำคำภาษาไทยมารอ้ ยเรียงใหเ้ กิดการสมั ผัสคลอ้ งจอง ตามลกั ษณะฉันทลักษณ์ การบงั คับสัมผัสตามแผนผงั ของกลอนสุภาพ ถือเปน็ ศิลปะทางภาษาทางหนง่ึ ทนี่ กั เรียนจะต้องเรยี นร้แู ผนผงั หรอื ฉนั ทลักษณใ์ ห้เข้าใจ และนำไปใช้ให้ถูกต้อง จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกลักษณะฉันทลกั ษณ์ของกลอนสภุ าพหรอื กลอนแปดได้ ๒. ใชค้ ำมาเรียบเรยี งเป็นกลอนสภุ าพหรอื กลอนแปดได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ การอ่านและการเขียนกลอนสภุ าพหรือกลอนแปด ๔. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน ๔.๑ ความสามารถในการส่ือสาร ๔.๒ ความสามารถในการคดิ ๕. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/ค่านิยม ๕.๑ ใฝเ่ รยี นรู้ ๕.๒ มุ่งมน่ั ในการทำงาน ๖. ชิน้ งาน/ภาระงาน บนั ทกึ การแต่งกลอนสุภาพหรอื กลอนแปด
๗. การวัดและประเมินผล วิธกี าร เครื่องมอื เกณฑ์ ๑. การฝึกแต่งกลอนสภุ าพ ๑. ใบงานการฝกึ แตง่ กลอนสภุ าพ ผา่ นรอ้ ยละ ๖๐ หรือกลอนแปด หรือกลอนแปด ๒. สังเกตพฤติกรรม ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม ๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (กระบวนการคดิ ) ขัน้ ที่ ๑ การจัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศที่เอ้อื อำนวยตอ่ การคดิ ๑. นกั เรียนเล่นเกมตอ่ อย่างไรให้ถูกตอ้ ง (ท้ายแผน) ขั้นท่ี ๒ ใช้รูปแบบวธิ กี ารสอนหรือเทคนคิ การสอนต่างๆ กระตนุ้ ใหผ้ ู้เรยี นเกิดการคดิ เช่ือมโยงจาก ความคดิ เดิมในลกั ษณะใดลักษณะหนึง่ ๒. ทบทวนเก่ยี วกบั ลักษณะของคำคล้องจอง ซงึ่ นกั เรยี นได้เรียนและฝกึ มาแลว้ และสรปุ ให้นกั เรยี นไดเ้ ขา้ ใจดงั น้ี ๒.๑ คำคลอ้ งจอง เรยี กวา่ การสมั ผสั ๒.๒ กลุ่มคำ เรียกวา่ วรรค ขั้นท่ี ๓ จดั กิจกรรมใหผ้ ู้เรียนได้ฝกึ ทกั ษะการคิด และกระบวนการคิดต่างๆ ตามความเหมาะสมกับ พืน้ ฐานของผู้เรยี น ๓. นักเรียนศกึ ษาความรู้เรือ่ ง หลกั การแตง่ บทรอ้ ยกรอง กลอนสภุ าพหรือกลอนแปด จากใบความรู้ (ท้ายแผน) นักเรียนดแู ผนภมู ิกลอนสุภาพแลว้ อา่ นพร้อมๆ กนั ๔. สนทนาแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั ลกั ษณะในด้านการสมั ผสั คล้องจอง จากนัน้ ดแู ผนผงั กลอนสุภาพและแลกเปลี่ยนการเรยี นรรู้ ่วมกนั เก่ยี วกบั ลักษณะของกลอนสุภาพในเรอ่ื งจำนวนคำในวรรคและ สัมผัสบงั คบั ขน้ั ที่ ๔ ใหเ้ วลาแก่ผเู้ รียนในการใช้ความคดิ และแสดงความคดิ อภปิ รายแลกเปล่ียนกระบวนการ คิดที่เกดิ ขน้ึ ในกระบวนการเรยี นรู้ ๕. ตัวแทนนักเรยี นนำแผนผังกลอนสุภาพที่ครเู ตรียมไวม้ าติดบนกระดาน แลว้ ใหเ้ พือ่ นหาคำ มาแทนรูปแผนภูมทิ ี่กำหนดให้ ๖. ตัวแทนนกั เรยี นนำแผนภมู กิ ลอนแปดท่เี วน้ คำบางคำไว้ มาติดบนกระดานแลว้ ใหเ้ พอ่ื นหา คำทีเ่ หมาะสมมาเติมในช่องวา่ งน้นั ๗. แบง่ กลุ่มนกั เรยี นตามความเหมาะสม ให้แตล่ ะกลมุ่ แต่งกลอนสภุ าพบรรยายภาพที่ครู กำหนดใหก้ ลมุ่ ละ ๑ บท ๘. แตล่ ะกลมุ่ ออกมาเสนองาน โดยการเขยี นกลอนที่แต่งบนกระดานและอา่ นใหเ้ พือ่ นๆ ฟัง เสรจ็ แลว้ คัดสง่ ครู ๙. จดั ประกวดแต่งกลอนสภุ าพเป็นกลมุ่ หรือรายบคุ คล โดยครูกำหนดแผนภูมิกลอนสภุ าพ ให้แลว้ ใหน้ กั เรียนมาเตมิ คำให้ครบวรรคของกลอนสุภาพ ๑๐. แตล่ ะกลมุ่ หรอื แต่ละคนออกมาอ่านกลอนท่ีแตง่ กลอนสุภาพใหเ้ พือ่ นๆ ฟงั หน้าชน้ั เรียน แล้วสง่ ครูตรวจ
ข้ันท่ี ๕ ร่วมกนั สรปุ ประเดน็ ทไี่ ด้จากกระบวนการคิดทเี่ กดิ ขึน้ จากการเรยี นรู้ ๑๑. นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายและตงั้ ขอ้ สงั เกตในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ๑๑.๑ จำนวนวรรค ๑๑.๒ จำนวนคำในวรรค ๑๑.๓ จังหวะสัมผัสในวรรค ๑๒. นักเรยี นช่วยกนั โยงเส้นสัมผัสของคำประพันธ์ หรอื บทรอ้ ยกรองทีย่ กมาให้ดูเป็นตัวอยา่ ง แลว้ เขียนเปน็ แผนผงั บงั คบั การสมั ผัสกลอนสุภาพลงในสมุด ขั้นที่ ๖ การวัดและประเมินผลการเรียน ท้งั ทางดา้ นเนือ้ หา สาระการเรียนรู้ และทักษะ กระบวนการคิด ๑๓. แตล่ ะคนรบั ใบงาน ปฏบิ ัติตามขนั้ ตอนในใบงานแลว้ สง่ ครูตรวจ ๑๔. รว่ มกนั คัดเลือกคำประพันธ์ทีแ่ ต่งกลอนสุภาพไดด้ ี มาตดิ ที่ป้ายนเิ ทศหน้าชน้ั เรยี น ๑๕. ครแู ละนกั เรียนช่วยกันสรปุ บทเรียน ๙. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ ๙.๑ แผนผังคำประพันธก์ ลอนสภุ าพ ๙.๒ แผนภมู ิกลอนสุภาพ ๙.๓ ใบความรู้ ๙.๔ ใบงาน ๙.๕ บัตรคำ ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………….………………………………………………………………………………………………………….………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………. …………………………….………………………………………………………………………………………………………….…………………
เกม ต่ออยา่ งไรใหถ้ ูกต้อง จดุ ประสงค์ เพอ่ื เปน็ การฝกึ การตอ่ คำคลอ้ งจอง และเพ่อื สรา้ งความสนกุ สนานให้นักเรยี นกอ่ นเขา้ สู่บทเรยี น อุปกรณ์ - บตั รคำ ไก่ขัน ฟา้ ร้อง - สลาก วธิ ีเล่น ๑. นกั เรียนและครสู นทนาเกย่ี วกับคำคลอ้ งจอง การต่อคำคลอ้ งจอง และให้นักเรียนลองตอ่ คำคล้อง จองสองพยางค์จากบัตรคำ ๒. แบง่ นกั เรียนออกเป็นกลมุ่ ตามความเหมาะสม ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนจบั สลากวา่ กลุ่มใดจะได้ ออกเลน่ เร่มิ ต้นเขยี นคำคล้องจอง และกลมุ่ ใดเขียนคำคล้องจองเป็นกลุ่มตอ่ ไป โดยให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ เข้า แถวเรยี งหนง่ึ ๓. เมือ่ ครูให้สญั ญาณเริ่มเล่น คนท่อี ยหู่ ัวแถวกลุ่มแรกจะได้ออกมาเขียนคำสองพยางค์ บนกระดาน ดำ แล้ววิ่งกลับออกไปต่อท้ายแถวของกลุ่มตน กลุ่มที่ได้เล่นกลุ่มสองคนที่อยู่หวั แถว ให้วิ่งออกมาเขียนคำ คลอ้ งจองสองพยางค์กบั กลุ่มแรก แลว้ วง่ิ ไปต่อท้ายแถวกล่มุ ตน กลุ่มตอ่ ไปกว็ ่งิ ออกมาเขียนคำคล้องจองแล้ว กลับไปต่อท้ายแถวกลมุ่ ตน เชน่ เดยี วกบั กลุ่มอื่นๆ ๔. ครูจัดกิจกรรมเช่นนไ้ี ปเรอ่ื ยๆ จนนักเรียนได้ออกมาเขยี นครบทกุ คน หรอื ตามเวลาทีก่ ำหนด ๕. นักเรียนและครูชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง และสรปุ ลักษณะคำคล้องจอง
ใบความรู้ เรื่อง หลกั การแต่งบทรอ้ ยกรอง กลอนสุภาพหรอื กลอนแปด กลอนสุภาพหรือกลอนแปด เปน็ คำประพันธ์ทีน่ ยิ มใชแ้ ตง่ ตง้ั แต่สมยั โบราณ ลีลาการบรรยาย แบ่งเปน็ ๔ อรรถรส ดังนี้ ๑. เสาวรจนี คอื ขบวนเกยี้ วพาราสี หรอื การชมความงาม ๒. นารปี ราโมทย์ คือ ขบวนเอาอกเอาใจ การปลอบโยน ๓. พโิ รธวาทงั คือ ขบวนโกรธไมพ่ อใจ การตัดพ้อตอ่ วา่ ๔. สลั ลาปังคพิสยั คอื ขบวนผิดหวงั หรอื การคร่ำครวญ แผนผังกลอนสภุ าพหรือกลอนแปด มดี ังน้ี อนั ความคดิ /วิทยา/เหมอื นอาวุธ ประเสรฐิ สดุ /ซ่อนใส่/เสยี ในฝัก สงวนคม/สมนกึ /ใครฮกึ ฮกั จึงคอ่ ยชกั /เชอื ดฟัน/ใหบ้ รรลัย ช่วยใหร้ อด/รักใหช้ ดิ /พิสมยั จับให้มนั่ /คน้ั หมาย/ใหว้ ายวอด เพยี รจงได/้ ดงั่ ประสงค์/คงจะดี ตัดใหข้ าด/ปรารถนา/หาสง่ิ ใด ท่ีมา : สนุ ทรภู่ หมายเหตุ กลอนสภุ าพหรือกลอนแปดจะไม่มีลักษณะบงั คับ เอก โท หรือ ครุ ลหุ เหมอื นกับโคลงสีส่ ภุ าพ จะบงั คับเฉพาะสมั ผัสเท่าน้ัน
ใบงาน ภาคเรียนที่................ ปีการศกึ ษา............... ประกอบหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เร่อื ง หนใู สใ่ จรว่ มลำนำ แผนการเรยี นรทู้ ี่ ๙ เรือ่ ง ฝึกแตง่ กลอนสุภาพหรอื กลอนแปด ชือ่ ..................................................................................................... เลขที.่ ................... ชั้น...................... ___________________________________________________________________________ คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นแตง่ กลอนสุภาพหรือกลอนแปด จำนวน ๒ บท ต้ังชอ่ื เรือ่ งโดยให้มเี นอ้ื หากลา่ วถึง ความดี เสรจ็ แล้วให้เพ่อื นแสดงความคิดเหน็ และสง่ ครูตรวจ จากน้ันอ่านผลงานของตนเอง เป็นทำนองเสนาะให้เพือ่ นฟัง (๔๐ คะแนน) ความดที ่ีฉนั ทำ (ตวั อยา่ งชอื่ เร่ือง) …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เกณฑก์ ารประเมินการแตง่ กลอนสุภาพหรือกลอนแปด หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕ เรือ่ ง หนใู สใ่ จรว่ มลำนำ แผนการเรียนรทู้ ่ี ๙ เรือ่ ง ฝึกแต่งกลอนสุภาพหรอื กลอนแปด รายการ ๔ ระดบั คุณภาพ ๑ นำ้ หนกั คะแนน ประเมิน ๓๒ คะแนน รวม ๑. รูปแบบของ มฉี ันทลักษณ์ มฉี ันทลักษณต์ าม มฉี นั ทลกั ษณ์ มีฉันทลกั ษณ์ตาม ๓ ๑๒ ฉนั ทลักษณ์ ถูกตอ้ งตามรูปแบบ รปู แบบคำ ถูกต้องตามรูปแบบ รูปแบบคำ ๓ ๑๒ คำประพนั ธ์ ประพนั ธ์แต่ไม่ คำประพันธเ์ พยี ง ประพนั ธ์แต่ไม่ ๓ ๑๒ ถกู ต้องท้งั หมด เลก็ น้อย ถูกตอ้ ง ๑ ๔ ๔๐ ๒. สาระ/ความรู้ มีสาระความรู้ มสี าระความรู้ มีสาระความรู้เพยี ง ไม่มีสาระความรู้ ครบถ้วนตามหวั ข้อ ปานกลาง เล็กน้อย ไม่ ไมค่ รบถ้วน หรอื ชอ่ื เร่อื งทแ่ี ตง่ ไมค่ รบถ้วน ครบถว้ น ตามหวั ข้อ ตามหัวขอ้ ตามหวั ข้อ หรอื ชอ่ื เรื่อง หรือชอื่ เร่อื ง หรอื ช่อื เร่ือง ๓. เรยี บเรยี ง เรียบเรียงถอ้ ยคำ เรยี บเรียงถอ้ ยคำมี เรียบเรยี งถอ้ ยคำมี มกี ารเรยี บเรยี ง ถ้อยคำ/สมั ผัส ไดด้ ีมสี มั ผสั คลอ้ ง สมั ผสั คล้องจองแต่ สมั ผสั คลอ้ งจองที่ ถอ้ ยคำมีสัมผสั จองครบถว้ น ไม่ครบถว้ นทุกคำ ถกู ต้องเพียง แตไ่ มถ่ กู ต้องตาม บางคำ ฉนั ทลักษณ์ ๔. ความหมายตรง ใชค้ ำท่มี ี ใช้คำทม่ี ี ใช้คำมคี วามหมาย ใชค้ ำมคี วามหมาย เนือ้ เรื่อง/ความคิด ความหมายตรง ความหมายตรง ใกล้เคยี งแต่ไม่ตรง ใกล้เคียงแต่ไมต่ รง สรา้ งสรรค์ หวั ขอ้ เร่อื ง/มี หวั ข้อเร่อื ง/มี เรอ่ื ง/มคี วามคดิ เรอื่ ง/ไม่มคี วามคิด ความคดิ รเิ ร่ิม ความคดิ ริเรมิ่ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์ ริเริ่มสร้างสรรค์ สรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์เพยี ง เพียงเล็กนอ้ ย เลก็ น้อย รวมคะแนน เกณฑ์การตดั สิน/ระดับคุณภาพ ระดบั ๕ หมายถงึ ดีเยยี่ ม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๔ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดับ ๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดบั ๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดับ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑก์ ารผา่ น ผ่านระดบั ๓ ขึ้นไป
๑. ูรปแบบของ ัฉนท ัลกษ ์ณแบบบนั ทึกคะแนนการแตง่ กลอนสุภาพหรือกลอนแปด ๒. สาระ/ความ ู้ร ๓. เ ีรยบเ ีรยง ้ถอยคำ/ ัสมผัสหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เร่ือง หนใู สใ่ จรว่ มลำนำ ๔. ความหมายตรงเน้ือเ ่ืรอง/แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๙ เร่ือง ฝึกแต่งกลอนสภุ าพหรือกลอนแปด ความ ิคดส ้รางสรร ์ค รวมคะแนนรายการประเมนิ ระ ัดบ ุคณภาพเลข คะแนน ท่ี ชอื่ -สกลุ ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ให้ดูจากเกณฑ์ทีก่ ำหนดไวข้ ้างต้น
แผนการเรยี นรู้ที่ ๑๐ เร่อื ง ฝกึ แต่งคำขวัญ เวลา ๑ ช่วั โมง ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิด เพอ่ื นำไปใชต้ ัดสนิ ใจแก้ปญั หา ในการดำเนนิ ชวี ติ และมีนสิ ยั รักการอ่าน ตวั ชี้วดั ท ๑.๑ ป.๔/๑ อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้อง มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราว ในรปู แบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอย่างมปี ระสิทธิภาพ ตวั ชีว้ ัด ท ๒.๑ ป.๔/๖ เขียนบนั ทกึ และเขียนรายงานจากการศึกษาคน้ คว้า มาตรฐาน ท ๔.๑ : เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ ตวั ชี้วัด ท ๔.๑ ป.๔/๕ แต่งบทร้อยกรองและคำขวญั ๒. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด คำขวัญเป็นเครอ่ื งเตอื นใจ ชกั ชวน ช่วยเชิดชูสง่ เสรมิ กจิ การ หรือเพ่ือวตั ถุประสงค์อยา่ งใดอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่มกั เป็นขอ้ ความทไ่ี ม่ยาวนกั ถอ้ ยคำมกั มคี วามคล้องจองหรือมีสมั ผสั เป็นร้อยกรองส้นั ๆ เพือ่ ให้อา่ น และจำขึ้นใจง่าย จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. บอกลักษณะของคำขวัญได้ ๒. ใช้คำมาเรียบเรยี งเป็นคำขวญั ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ การอา่ นและการเขียนคำขวญั ๔. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ๔.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๕. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์/คา่ นยิ ม ๕.๑ ใฝ่เรยี นรู้ ๕.๒ ม่งุ ม่ันในการทำงาน ๖. ช้นิ งาน/ภาระงาน บนั ทึกการแตง่ คำขวัญ
๗. การวัดและประเมินผล เคร่อื งมือ เกณฑ์ ๑. ใบงานการฝึกแต่งคำขวญั ผ่านร้อยละ ๖๐ วธิ กี าร ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม ๑. การฝึกแตง่ คำขวญั ๒. สงั เกตพฤตกิ รรม ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ (กระบวนการคิด) ขน้ั ที่ ๑ การจัดสภาพแวดลอ้ มและสรา้ งบรรยากาศทเี่ อ้อื อำนวยตอ่ การคดิ ๑. นักเรยี นเล่นเกมต่ออยา่ งไรใหถ้ กู ตอ้ ง (ท้ายแผน) ขน้ั ท่ี ๒ ใชร้ ูปแบบวธิ กี ารสอนหรือเทคนคิ การสอนต่างๆ กระต้นุ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การคิดเช่อื มโยงจาก ความคิดเดิมในลักษณะใดลกั ษณะหนึ่ง ๒. ทบทวนเก่ียวกบั ลักษณะของคำคลอ้ งจอง ซงึ่ นักเรยี นไดเ้ รียนและฝึกมาแลว้ และสรปุ ให้นกั เรยี นได้เขา้ ใจดงั น้ี ๒.๑ คำคลอ้ งจอง เรยี กว่า การสัมผสั ๒.๒ กลุม่ คำ เรียกว่า วรรค ขั้นที่ ๓ จัดกิจกรรมใหผ้ เู้ รยี นไดฝ้ ึกทักษะการคิด และกระบวนการคิดต่างๆ ตามความเหมาะสมกับ พืน้ ฐานของผูเ้ รียน ๓. นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เร่ือง คำขวญั จากใบความรู้ (ทา้ ยแผน) นกั เรียนดูตวั อย่างคำขวญั แล้วอา่ นพร้อมๆ กนั ๔. สนทนาแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับลักษณะในด้านการสมั ผสั คลอ้ งจอง จากนั้นแลกเปล่ียน การเรียนรูร้ ว่ มกนั เกย่ี วกับลกั ษณะของคำขวัญในเรื่องจำนวนคำในวรรคและสมั ผสั ข้ันที่ ๔ ใหเ้ วลาแก่ผู้เรียนในการใชค้ วามคดิ และแสดงความคิด อภิปรายแลกเปล่ียนกระบวนการ คิดที่เกดิ ขนึ้ ในกระบวนการเรียนรู้ ๕. ตัวแทนนกั เรยี นนำแผนผงั คำขวัญทคี่ รเู ตรยี มไว้มาตดิ บนกระดาน แล้วให้เพ่อื นหาคำ มาแทนรปู แผนภูมิทก่ี ำหนดให้ ๖. ตวั แทนนกั เรยี นนำแผนภมู ิคำขวญั ท่ีเว้นคำบางคำไว้ มาตดิ บนกระดานแล้วให้เพ่อื นหา คำทเ่ี หมาะสมมาเติมในชอ่ งว่างนน้ั ๗. แบง่ กลมุ่ นักเรยี นตามความเหมาะสม ให้แตล่ ะกลมุ่ แตง่ คำขวญั บรรยายภาพทค่ี รู กำหนดให้กลมุ่ ละ ๓ สำนวน ๘. แต่ละกลุ่มออกมาเสนองาน โดยการเขยี นคำขวญั ทีแ่ ต่งบนกระดานและอ่านใหเ้ พอ่ื นๆ ฟงั เสรจ็ แลว้ คัดสง่ ครู ๙. จัดประกวดแตง่ คำขวัญเปน็ กลุ่ม หรือรายบุคคล โดยครกู ำหนดแผนภูมิคำขวญั ใหแ้ ลว้ ใหน้ กั เรียนมาเตมิ คำใหค้ รบวรรคของคำขวัญ ๑๐. แตล่ ะกลุ่ม หรอื แตล่ ะคนออกมาอา่ นคำขวญั ทีแ่ ตง่ ใหเ้ พื่อนๆ ฟังหน้าชน้ั เรียนแล้วส่งครู ตรวจ
ขั้นท่ี ๕ ร่วมกนั สรุปประเดน็ ท่ีไดจ้ ากกระบวนการคิดที่เกดิ ขน้ึ จากการเรยี นรู้ ๑๑. นักเรยี นร่วมกันอภิปรายและตง้ั ข้อสงั เกตในประเด็นต่อไปนี้ ๑๑.๑ จำนวนวรรค ๑๑.๒ จำนวนคำในวรรค ๑๑.๓ จังหวะสัมผสั ในวรรค ๑๒. นักเรยี นช่วยกนั โยงเสน้ สัมผัสของคำขวัญท่ียกมาให้ดูเป็นตวั อย่าง แลว้ เขียนเป็นแผนผัง บงั คบั การสมั ผสั ลงในสมดุ ขน้ั ท่ี ๖ การวัดและประเมินผลการเรยี น ทง้ั ทางด้านเนอ้ื หา สาระการเรียนรู้ และทกั ษะ กระบวนการคิด ๑๓. แตล่ ะคนรับใบงาน ปฏิบัตติ ามข้นั ตอนในใบงานแล้วสง่ ครตู รวจ ๑๔. รว่ มกนั คดั เลือกคำขวญั ที่แตง่ ได้ดี มาตดิ ท่ปี ้ายนเิ ทศหนา้ ชนั้ เรียน ๑๕. ครูและนักเรียนชว่ ยกนั สรปุ บทเรียน ๙. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ ๙.๑ แผนผังคำขวัญ ๙.๒ แผนภมู ิคำขวัญ ๙.๓ ใบความรู้ ๙.๔ ใบงาน ๙.๕ บัตรคำ ๑๐. ขอ้ เสนอแนะ …………………………….………………………………………………………………………………………………………….………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………. …………………………….………………………………………………………………………………………………………….…………………
เกม ต่ออยา่ งไรใหถ้ ูกตอ้ ง จดุ ประสงค์ เพอ่ื เปน็ การฝกึ การตอ่ คำคลอ้ งจอง และเพือ่ สรา้ งความสนกุ สนานให้นกั เรียนกอ่ นเข้าสบู่ ทเรียน อุปกรณ์ - บตั รคำ ไก่ขัน ฟา้ รอ้ ง - สลาก วธิ ีเล่น ๑. นกั เรียนและครสู นทนาเก่ียวกับคำคลอ้ งจอง การตอ่ คำคล้องจอง และให้นกั เรยี นลองตอ่ คำคล้อง จองสองพยางค์จากบัตรคำ ๒. แบง่ นกั เรียนออกเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม ใหแ้ ต่ละกล่มุ ส่งตวั แทนจบั สลากวา่ กลมุ่ ใดจะได้ ออกเลน่ เร่มิ ต้นเขยี นคำคลอ้ งจอง และกลมุ่ ใดเขียนคำคลอ้ งจองเปน็ กลมุ่ ต่อไป โดยให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ เข้า แถวเรยี งหนง่ึ ๓. เมือ่ ครูให้สญั ญาณเริ่มเล่น คนท่อี ยหู่ ัวแถวกลุ่มแรกจะได้ออกมาเขยี นคำสองพยางค์ บนกระดาน ดำ แล้ววิ่งกลับออกไปต่อท้ายแถวของกลุ่มตน กลุ่มที่ได้เล่นกลุ่มสองคนที่อยู่หัวแถว ให้วิ่งออกมาเขียนคำ คลอ้ งจองสองพยางค์กบั กลุ่มแรก แลว้ วิง่ ไปต่อท้ายแถวกลมุ่ ตน กลุ่มตอ่ ไปกว็ ง่ิ ออกมาเขียนคำคล้องจองแล้ว กลับไปต่อท้ายแถวกลมุ่ ตน เช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ ๔. ครูจัดกิจกรรมเช่นนี้ไปเร่อื ยๆ จนนักเรียนไดอ้ อกมาเขียนครบทกุ คน หรือตามเวลาท่กี ำหนด ๕. นักเรียนและครชู ว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง และสรุปลักษณะคำคล้องจอง
ใบความรู้ คำขวญั คำขวัญ คอื ถ้อยคำที่บุคคล คณะบคุ คล สว่ นราชการ สถาบนั หรอื เอกชนหนว่ ยใด หนว่ ยหนง่ึ คิดขึ้นเพ่อื เปน็ เครอ่ื งเตือนใจ ชักชวน ชว่ ยเชิดชสู ่งเสรมิ กิจการ หรือเพ่อื วัตถปุ ระสงค์อยา่ งใดอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่มกั เป็นขอ้ ความท่ไี ม่ยาวนกั ถ้อยคำมกั มีความคล้องจอง หรือมสี มั ผัสเป็นร้อยกรองสนั้ ๆ เพ่อื ใหอ้ ่านและจำขน้ึ ใจงา่ ย เช่น เสียชีพอยา่ เสียสัตย์ เดก็ ดเี ป็นศรีแก่ชาติ เดก็ ฉลาดชาติเจรญิ งานคอื เงิน เงนิ คอื งาน บันดาลสุข อ้างองิ จาก สพุ รรณี ธงชยั . เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๔–๖ เรอื่ ง สำนวน โวหาร สภุ าษติ คำพงั เพย. โรงเรียนบ้านบอ่ บึงโพนจาน อำเภอมหาชนะชัย จงั หวัดยโสธร : หมวดวิชาภาษาไทย, ๒๕๕๕. หนา้ ๓ (อัดสำเนา) ตัวอยา่ งคำขวัญ ยาเสพติด เป็นภยั ต่อชวี ิต เป็นพษิ ต่อสงั คม
ใบงาน ภาคเรียนที.่ ............... ปกี ารศกึ ษา............... ประกอบหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ เรือ่ ง หนูใสใ่ จร่วมลำนำ แผนการเรยี นรูท้ ่ี ๑๐ เรื่อง ฝึกแต่งคำขวัญ ช่ือ..................................................................................................... เลขท่.ี ................... ช้ัน...................... ___________________________________________________________________________ คำชแี้ จง ใหน้ กั เรียนแต่งคำขวญั เกย่ี วกับการต่อตา้ นยาเสพตดิ จำนวน ๕ สำนวน เสร็จแลว้ ใหเ้ พื่อนแสดง ความคดิ เห็นและส่งครูตรวจ จากนน้ั อ่านผลงานของตนเองให้เพ่อื นฟงั (๔๐ คะแนน) สำนวนท่ี ๑ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำนวนท่ี ๒ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำนวนท่ี ๓ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำนวนที่ ๔ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สำนวนท่ี ๕ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เกณฑก์ ารประเมนิ การแตง่ คำขวญั หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๕ เรอ่ื ง หนูใสใ่ จร่วมลำนำ แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ เร่อื ง ฝกึ แต่งคำขวัญ รายการ ๔ ระดับคุณภาพ ๑ น้ำหนัก คะแนน ประเมิน ๓๒ คะแนน รวม ๑. รปู แบบของ มีฉนั ทลักษณ์ มีฉันทลกั ษณต์ าม มฉี นั ทลกั ษณ์ มีฉันทลกั ษณต์ าม ๓ ๑๒ ฉนั ทลกั ษณ์ ถกู ต้องตามรูปแบบ รปู แบบคำ ถูกต้องตามรปู แบบ รูปแบบคำ ๓ ๑๒ คำประพันธ์ ประพนั ธแ์ ตไ่ ม่ คำประพันธ์เพียง ประพันธแ์ ตไ่ ม่ ๓ ๑๒ ถูกต้องทง้ั หมด เลก็ น้อย ถกู ตอ้ ง ๑ ๔ ๔๐ ๒. สาระ/ความรู้ มสี าระความรู้ มีสาระความรู้ มสี าระความรเู้ พียง ไมม่ ีสาระความรู้ ครบถว้ นตามหัวขอ้ ปานกลาง เลก็ นอ้ ย ไม่ ไม่ครบถว้ น หรือชื่อเรอ่ื งท่ีแต่ง ไมค่ รบถ้วน ครบถ้วน ตามหัวขอ้ ตามหัวข้อ ตามหวั ขอ้ หรอื ชื่อเร่ือง หรือช่ือเรอ่ื ง หรือชือ่ เรอื่ ง ๓. เรยี บเรียง เรียบเรยี งถอ้ ยคำ เรียบเรียงถอ้ ยคำมี เรียบเรยี งถอ้ ยคำมี มกี ารเรียบเรยี ง ถ้อยคำ/สมั ผสั ไดด้ มี สี ัมผสั คลอ้ ง สมั ผสั คล้องจองแต่ สมั ผัสคลอ้ งจองท่ี ถ้อยคำมสี มั ผัส จองครบถว้ น ไม่ครบถ้วนทุกคำ ถกู ตอ้ งเพยี ง แตไ่ มถ่ ูกต้องตาม บางคำ ฉนั ทลักษณ์ ๔. ความหมายตรง ใช้คำท่มี ี ใชค้ ำทม่ี ี ใช้คำมคี วามหมาย ใช้คำมคี วามหมาย เนอ้ื เรอื่ ง/ความคดิ ความหมายตรง ความหมายตรง ใกล้เคยี งแต่ไม่ตรง ใกลเ้ คยี งแต่ไมต่ รง สร้างสรรค์ หัวข้อเรือ่ ง/มี หัวขอ้ เร่ือง/มี เร่ือง/มคี วามคดิ เร่อื ง/ไม่มีความคดิ ความคิดรเิ รม่ิ ความคดิ ริเร่ิม ริเรมิ่ สรา้ งสรรค์ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ สร้างสรรค์ สร้างสรรค์เพยี ง เพยี งเลก็ น้อย เล็กนอ้ ย รวมคะแนน เกณฑก์ ารตัดสิน/ระดบั คุณภาพ ระดับ ๕ หมายถงึ ดเี ยย่ี ม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดบั ๔ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดบั ๓ หมายถึง ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดับ ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑก์ ารผ่าน ผ่านระดบั ๓ ข้ึนไป
๑. ูรปแบบของ ัฉนท ัลกษ ์ณแบบบันทึกคะแนนการแต่งคำขวญั ๒. สาระ/ความ ู้ร ๓. เ ีรยบเ ีรยง ้ถอยคำ/ ัสมผัสหน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เรื่อง หนูใสใ่ จร่วมลำนำ ๔. ความหมายตรงเน้ือเ ่ืรอง/แผนการเรยี นรู้ที่ ๑๐ เร่อื ง ฝึกแต่งคำขวัญ ความ ิคดส ้รางสรร ์ค รวมคะแนนรายการประเมิน ระ ัดบ ุคณภาพเลข คะแนน ท่ี ชอื่ -สกลุ ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ให้ดูจากเกณฑ์ทกี่ ำหนดไวข้ ้างตน้
แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๑๑ เรือ่ ง สำนวนชวนคิด ๑ เวลา ๑ ช่วั โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใช้ตัดสินใจแกป้ ญั หา ในการดำเนินชวี ติ และมีนิสยั รกั การอา่ น ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๔/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ และบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นสอื่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรือ่ งราว ในรปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธภิ าพ ตัวชว้ี ัด ท ๒.๑ ป.๔/๖ เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า มาตรฐาน ท ๔.๑ : เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ ตัวชวี้ ดั ท ๔.๑ ป.๔/๖ บอกความหมายของสำนวน ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด สำนวนภาษาเปน็ ถ้อยคำที่ใช้พูดหรือเขียนทส่ี ัน้ กะทัดรดั มคี ติเตือนใจ มีความสละสลวยไพเราะ และเห็นภาพชดั เจน จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. ใชส้ ำนวน สภุ าษติ หรอื คำพังเพยได้ถกู ต้อง ๒. บอกความหมายของสำนวน สุภาษิตหรอื คำพังเพยได้ถูกตอ้ ง ๓. สาระการเรียนรู้ การใชส้ ำนวน สุภาษิตหรือคำพังเพยและบอกความหมาย ๔. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๔.๑ ความสามารถในการส่อื สาร ๔.๒ ความสามารถในการคดิ ๕. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์/ค่านิยม ๕.๑ ใฝ่เรยี นรู้ ๕.๒ มุ่งมัน่ ในการทำงาน
๖. ชนิ้ งาน/ภาระงาน บนั ทกึ การเขยี นคำสำนวน สภุ าษิตหรือคำพงั เพยและบอกความหมาย ๗. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์ ๑. การเขยี นคำสำนวน ๑. ใบงานการเขียนคำสำนวน สภุ าษิตหรือ ผา่ นรอ้ ยละ ๖๐ สภุ าษติ หรือคำพังเพย คำพงั เพยและบอกความหมาย และบอกความหมาย ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม ๒. สงั เกตพฤติกรรม ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ (กระบวนการเรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ ริง) ขัน้ ที่ ๑ การเรียนรจู้ ากประสบการณ์โดยการกระตนุ้ แนะนำเร่อื งที่จะเรยี น ๑. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรใู้ หน้ กั เรียนทราบพรอ้ มกัน ๒. นักเรยี นแขง่ ขนั กนั เขียนสำนวนหรือคำพังเพย บนกระดานดำ ขั้นท่ี ๒ การศึกษาแนวคิด ทฤษฎี ขอ้ เท็จจริง ๓. นกั เรียนศกึ ษาความร้เู รื่อง สำนวน สภุ าษติ หรือคำพงั เพยจากใบความรู้ (ท้ายแผน) แลว้ ช่วยกันสรุปความหมายและขอบข่ายของสำนวนไทย ความเป็นมาของสำนวนไทย เพือ่ ให้รู้วา่ เปน็ คำท่มี ี ความหมายให้ข้อคดิ คติเตอื นใจอยา่ งไร ขน้ั ท่ี ๓ การฝึกปฏิบัติ ๔. นกั เรียนแบง่ กล่มุ ตามความเหมาะสม แล้วชว่ ยกนั คน้ หาสำนวน สภุ าษติ หรือคำพงั เพยใน บทเรียน จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพื่อชวี ิต ภาษาพาที ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๔ เร่อื ง อยา่ งนีด้ คี วรทำ หน้า ๒๐๔ - ๒๑๘ และจากสือ่ สิง่ พมิ พห์ รือหนังสอื อ่ืนๆ โดยใหเ้ ขยี นประโยคท่มี คี ำสำนวน สุภาษิตหรือคำพังเพย ลงในกระดาษเขยี นรายงานท่ีแจกให้ พรอ้ มขีดเส้นใต้สำนวน สภุ าษิตหรือคำพังเพย และ บอกความหมายคำหรือสำนวนน้นั ดว้ ย ๕. แต่ละกลุม่ ออกมารายงานการคน้ คว้าหน้าช้ันเรียน เสร็จแล้วส่งรายงานให้ครตู รวจ ข้ันที่ ๔ การนำไปใช้ หรอื ขยายผล ๖. นักเรียนแต่ละคนนำสำนวน สภุ าษติ และคำพังเพยไปแตง่ เป็นประโยคชนิดตา่ งๆ แล้วสง่ ครูตรวจ ถ้าผดิ พลาดครูส่งคนื ให้ไปแก้ไขใหถ้ กู ตอ้ ง แล้วรวบรวมผลงานท้งั หมดเปน็ เลม่ เพื่อใช้เป็นสมดุ สำหรบั การอา่ นประจำชน้ั ต่อไป ๗. ครมู อบหมายให้นักเรยี นทำใบงาน (ทา้ ยแผน) เสรจ็ แล้วครูและนกั เรียนช่วยกนั สรุป บทเรยี น
๙. สือ่ และแหลง่ การเรียนรู้ ๙.๑ หนังสือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพอ่ื ชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เรื่อง อย่างนีด้ คี วรทำ หนา้ ๒๐๔ - ๒๑๘ ๙.๒ ใบความรู้ ๙.๓ ใบงาน ๙.๔ หอ้ งสมุด ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………….………………………………………………………………………………………………………….………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………. …………………………….………………………………………………………………………………………………………….…………………
ใบความรู้ สำนวนไทย ความหมายและขอบข่ายของสำนวนไทย สำนวน คำว่า “สำนวน” ตามพจนานกุ รมอธิบายความหมายว่า หมายถึง โวหาร ทำนองพดู ถ้อยคำที่เรยี บเรียง ถ้อยคำท่ีไมถ่ ูกไวยกรณแ์ ต่รับใชเ้ ปน็ ภาษาท่ถี กู ตอ้ ง การแสดงถ้อยคำออกมา เปน็ ขอ้ ความพิเศษเฉพาะภาษาหน่ึงๆ สำนวนไทยจึงหมายถึง ถ้อยคำในภาษาไทยทใ่ี ชพ้ ูดจา สือ่ สารกนั โดยมคี วามหมายเป็นนยั กินความลึกซึง้ มิใชแ่ ปลความหมายของคำตรงตวั เปน็ ความหมายในเชงิ อปุ มาเปรียบเทียบ หมายรวมไปถงึ คำคม สุภาษิต คำพังเพย คำกลา่ ว และ โวหารต่างๆ ด้วย สุภาษิต สภุ าษติ หมายถงึ คำกล่าวดี หรอื คำพูดท่ีเป็นคติ เปน็ ถอ้ ยคำทีแ่ สดงหลกั ความจรงิ มุ่ง แนะนำ สั่งสอน หรือเตือนสติให้คิด สุภาษิตไทย ส่วนใหญ่มักได้มาจากพระพุทธศาสนา คณุ ธรรม และหลักในการดำเนนิ ชวี ติ ของคนไทย เชน่ ตนเป็นทีพ่ ึง่ แห่งตน ทำดไี ด้ดีทำชั่วได้ชวั่ ท่ีใดมรี กั ท่นี ้นั มที กุ ข์ เอาใจเขามาใสใ่ จเรา น้ำพึ่งเรอื เสือพึง่ ปา่ นกน้อยทำรังแตพ่ อตัว คำพงั เพย คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่กล่าวแสดงความเป็นจริง ความคิดเหน็ หรือสภาพการณใ์ ด สภาพการณ์หน่ึง ไวเ้ ปน็ กลางๆ เพอ่ื ใหน้ ำไปใช้ใหเ้ ขา้ กับเร่อื งท่ีพูด ให้ได้ความดขี ึน้ คำ พงั เพยส่วนมากมักเปน็ ลกั ษณะทเ่ี ปน็ ข้อคดิ และมคี วามหมายลึกซง้ึ เช่น ขัดคอคนไมข่ าว ข่ชี ้างจบั ต๊ักแตน ตำน้ำพรกิ ละลายแมน่ ำ้ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ รำไม่ดโี ทษป่ีโทษกลอง ปิดทองหลงั พระ พบไม้งามเมือ่ ยามขวานบ่ิน บญุ ทำกรรมแต่ง
ความเปน็ มาของสำนวนไทย สำนวนไทยมีอยู่ในภาษาพดู ต้ังแต่เรามีภาษาเขยี นในสมยั สุโขทยั เมือ่ เรามีภาษาเขียนจารึก เป็นหลกั ฐานขอ้ ความในศิลาจารึกของพ่อขนุ รามคำแหง มสี ำนวนไทยปรากฏเปน็ หลกั ฐานอยู่ เชน่ ในนำ้ มีปลาในนามขี า้ ว หมายถึง บ้านเมอื งมคี วามอดุ มสมบรู ณ์ เจบ็ ท้องขอ้ งใจ หมายถึง มเี ร่ืองเดอื ดรอ้ น ไพร่ฟา้ หน้าใส หมายถงึ ประชาชนอยู่เย็นเปน็ สขุ การมีภาษาเขียนครั้งแรก สำนวนไทยปรากฏทนั ที แสดงว่าสำนวนไทยเรามใี ชใ้ นภาษา พูดอย่กู ่อนแล้ว ในสมัยนม้ี ีหนงั สอื สุภาษติ พระร่วงเกิดขึน้ ถึงแมถ้ ้อยคำจะไม่ใช่ครง้ั กรุงสุโขทยั ทัง้ หมด แตก่ เ็ ชื่อว่ามีเคา้ ของเดิมอย่มู าก ซง่ึ มเี น้อื หาเป็นสำนวนไทยทีย่ งั ใชอ้ ย่ใู นปัจจุบนั มากมาย เชน่ เมอื่ น้อยให้เรยี นวิชา ให้หาสนิ เมอ่ื ใหญ่ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ทา่ น อยา่ รอิ ่านแกค่ วาม ประพฤตติ นตามบุรพระบอบ เอาแตช่ อบเสยี ผิด อยา่ กอบกจิ เปน็ พาล อย่าอวดหาญแก่เพอ่ื น เข้าเถอ่ื นอย่าลมื พร้า หน้าศึกอยา่ นอนใจ ไปเรอื นทา่ นอยา่ นัง่ นาน การเรอื นตนเรง่ คิด อยา่ น่งั ชิดผใู้ หญ่ อยา่ ใฝ่สงู ใหพ้ น้ ศกั ดิ์ ท่ีรกั อยา่ ดถู กู ปลูกไมตรอี ย่าร้รู ้าง สร้างกุศลอยา่ ร้โู รย อย่าโดยคำคนพลอด... ในหนงั สอื กฎมณเฑียรบาลของเกา่ มีสำนวนไทยใชอ้ ยู่ไม่นอ้ ย เช่น ข้าวเหลือเกลอื อมิ่ ลูกเจา้ เหงา้ ขนุ ตีใหห้ ลาบปราบให้กลัว มะพรา้ วห้าวยกั ปาก น้องกว็ ่าจะจี่ พ่ีก็ว่าจะเผา เป็นตน้ นอกจากน้ีในหนงั สอื วรรณคดีไทยเลม่ สำคัญๆ ทง้ั รอ้ ยแกว้ และร้อยกรอง ตั้งแต่สมยั อยธุ ยาเป็นตน้ มา เช่น ลลิ ติ พระลอ ลิลิตยวนพา่ ย ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ขุนชา้ ง ขุนแผน สามก๊ก ราชาธิราช ล้วนมสี ำนวนไทยปรากฏอย่มู ากมาย สำนวน หรือสภุ าษิตคำพังเพยน้นั มใี ช้ทุกชาติภาษา และแมช้ นชาตทิ ่อี ยหู่ ่างไกลกัน มี ภาษาและวัฒนธรรมต่างกันกอ็ าจมสี ำนวนหรือสุภาษติ คำพังเพยทม่ี ีความหมายคล้ายคลึงกนั ก็ได้ โดยใชถ้ ้อยคำต่างกันไป
ทเ่ี ปน็ เชน่ นนั้ เพราะสตปิ ญั ญาของมนษุ ย์ไม่แตกต่างกัน เม่อื มีความเจริญถงึ ระดับหนึ่งก็ สามารถมองความจริงทีม่ ีลักษณะสากลได้ใกล้เคียงกัน ชาติต่างๆ จึงมสี ำนวนที่มใี จความคล้ายกนั อยู่มาก เช่น สำนวนจีน ว่า คนมีเงินใครกต็ อ้ งฟัง สำนวนไทย วา่ มเี งนิ มที องนนั้ พูดได้ มีไมม้ ไี รป่ ลูกเรอื นงาม สำนวนจีน วา่ พายเรือในคลองก็ตอ้ งไปตามคลอง สำนวนไทย วา่ เอามะพร้าวหา้ วไปขายสวน สำนวนอังกฤษ ว่า อยู่ในกรุงโรมกต็ ้องทำอยา่ งชาวโรมนั สำนวนองั กฤษ ว่า เอาถา่ นหนิ ไปขายเมอื งนิวคาสเซิล ในชาตเิ ดยี วกนั ถ้าต่างบา้ นต่างถน่ิ สำนวนความหมายเดยี วกนั การใช้ถ้อยคำก็ เปลยี่ นแปลงแตกต่างกนั ไปตามสภาพแวดล้อม เช่น สำนวนทางภาคเหนือวา่ “คนรกั ใหญ่เท่า รอยตีนเสือ คนชังคนเบื่อกว้างเท่าเสือ่ ลำแพน” ซึง่ ตรงกบั สำนวนภาคกลางว่า “คนรกั เทา่ ผนื หนงั คนชังเท่าผืนเส่ือ” หรอื สำนวนภาคกลางว่า “เดนิ ตามผใู้ หญ่หมาไม่กดั ” ซง่ึ ตรงกับทาง ภาคใตว้ ่า “ตามหลังนายหมาไม่ขบ” เป็นต้น อา้ งองิ จาก สพุ รรณี ธงชยั . เอกสารประกอบการเรยี นการสอน กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔–๖ เร่ือง สำนวน โวหาร สุภาษติ คำพงั เพย. โรงเรียนบ้านบ่อบงึ โพนจาน อำเภอมหาชนะชัย จังหวดั ยโสธร : หมวดวิชาภาษาไทย, ๒๕๕๕. หนา้ ๑–๕ (อดั สำเนา)
ใบงาน ประกอบหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรอ่ื ง หนใู ส่ใจรว่ มลำนำ ภาคเรยี นที่................ แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๑ เรอ่ื ง สำนวนชวนคดิ ๑ ปีการศึกษา............... ช่อื กลุม่ ........................................................................................... ช้ัน...................... รายชือ่ สมาชกิ กลมุ่ ๑………………………………………………………………….……………………… เลขที่………….. ๒…………………………………………………………………………………………. เลขที่………….. ๓………………………………………………………………….……………………… เลขท่ี………….. ___________________________________________________________________________ คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถูกตอ้ ง (ข้อละ ๔ คะแนน รวม ๔๐ คะแนน) ๑. สำนวน หมายความวา่ อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๒. สภุ าษิต หมายความว่าอย่างไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๓. คำพังเพย หมายความวา่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๔. กระฟดั กระเฟยี ด หมายความวา่ อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๕. จาระไน หมายความว่าอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๖. รกั ดีหามจ่ัว รักชั่วหามเสา หมายความวา่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๗. ทำดีได้ดี ทำช่ัวได้ช่ัว หมายความวา่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๘. ใครดี ดีตอบ ใครชอบ ตอบแทน หมายความวา่ อย่างไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๙. ใครรา้ ย รา้ นแสน เหมอื นแม้นมนั ทำมา หมายความวา่ อยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………..………………………………………………………… ๑๐. คนเรามที ั้งดี ท้ังชว่ั จะดหี รอื ชั่วอยู่ที่ตัวทำ หมายความว่าอยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
เกณฑก์ ารประเมินการเขยี นคำสำนวน สภุ าษิตหรอื คำพังเพยและบอกความหมาย หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรอื่ ง หนใู ส่ใจร่วมลำนำ แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๑ เรอ่ื ง สำนวนชวนคิด ๑ รายการ ระดบั คณุ ภาพ น้ำหนกั คะแนน ประเมิน คะแนน รวม ๑. ความสนใจ ๔๓๒ ๑ ๑๒ ในบทเรียน ๓ ๑๒ ๒. การสะกดคำ มีความสนใจ มคี วามสนใจ มคี วามสนใจ มคี วามสนใจ ๓ ๑๒ ในบทเรียนนอ้ ย ๓ ๓. การบอก ในบทเรียนดีมาก ในบทเรยี นดี ในบทเรียนพอใช้ สะกดคำผิด ๔ ความหมาย ๗–๙ คำ ๑ ๔. ความสะอาด สะกดคำถูกต้อง สะกดคำผิด สะกดคำผิด บอกความหมาย ๔๐ เปน็ ระเบียบ ผดิ ๗–๙ สำนวน เรียบร้อย ทุกคำ ๑–๓ คำ ๔–๖ คำ สะอาด เป็น ระเบียบ มีรอยลบ บอกความหมาย บอกความหมาย บอกความหมาย ขดู ขีดฆ่า มากกว่า ๔ แหง่ ถูกตอ้ งทกุ สำนวน ผิด ๑–๓ สำนวน ผดิ ๔– ๖ สำนวน สะอาด เปน็ สะอาด เปน็ สะอาด เปน็ ระเบียบ ลายมือ ระเบียบ ลายมอื ระเบียบ ลายมอื สม่ำเสมอ ไม่มี สม่ำเสมอ มรี อย สม่ำเสมอ รอยขดี รอยขีดฆ่า ขีดฆ่าเลก็ น้อย ฆ่า ลบ ๓-๔ แห่ง รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคุณภาพ ระดบั ๕ หมายถึง ดีเยยี่ ม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๔ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดับ ๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดบั ๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑก์ ารผา่ น ผ่านระดับ ๓ ขึน้ ไป
๑. ความสนใจในบทเ ีรยนแบบบันทกึ คะแนนการเขียนคำสำนวน สภุ าษิตหรอื คำพังเพยและบอกความหมาย ๒. การสะกดคำ ๓. การบอกความหมายหน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง หนใู ส่ใจร่วมลำนำ ๔. ความสะอาดเป็นระเบียบแผนการเรยี นรู้ท่ี ๑๑ เรอ่ื ง สำนวนชวนคิด ๑ เ ีรยบ ้รอย รวมคะแนนรายการประเมิน ระ ัดบ ุคณภาพเลข คะแนน ท่ี ช่ือ-สกุล ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ให้ดูจากเกณฑ์ที่กำหนดไวข้ ้างตน้
แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เร่อื ง สำนวนชวนคิด ๒ เวลา ๑ ชั่วโมง ๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคิด เพือ่ นำไปใช้ตัดสินใจแกป้ ัญหา ในการดำเนินชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอา่ น ตัวชีว้ ัด ท ๑.๑ ป.๔/๑ อา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราว ในรปู แบบตา่ งๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ตัวชว้ี ดั ท ๒.๑ ป.๔/๖ เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาค้นควา้ มาตรฐาน ท ๔.๑ : เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ป.๔/๖ บอกความหมายของสำนวน ๒. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด สำนวนภาษาเป็นถ้อยคำทใี่ ช้พูดหรอื เขยี นทีส่ น้ั กะทัดรดั มีคติเตือนใจ มคี วามสละสลวยไพเราะ และเหน็ ภาพชัดเจน สามารถนำไปประยุกต์ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ไดอ้ ย่างเหมาะสม จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. ใชส้ ำนวน สุภาษติ หรือคำพงั เพยไดถ้ กู ต้อง ๒. นำสำนวน สุภาษติ หรือคำพังเพยไปแตง่ ประโยคได้ถกู ต้อง ๓. สาระการเรียนรู้ การใช้สำนวน นำสำนวน สุภาษิตหรือคำพังเพยไปแตง่ ประโยค ๔. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๔.๑ ความสามารถในการสอ่ื สาร ๔.๒ ความสามารถในการคิด ๕. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค/์ คา่ นยิ ม ๕.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๕.๒ ม่งุ ม่ันในการทำงาน ๖. ช้ินงาน/ภาระงาน สำนวนและการแตง่ ประโยคจากสำนวน
๗. การวัดและประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์ ๑. ใบงานการเขียนคำสำนวน นำสำนวน ผา่ นร้อยละ ๖๐ วิธีการ สภุ าษิตหรอื คำพังเพยไปแตง่ ประโยค ๑. การเขยี นคำสำนวน ๒. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นำสำนวน สภุ าษิตหรอื คำพังเพยไปแตง่ ประโยค ๒. สังเกตพฤตกิ รรม ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ (กระบวนการเรยี นรูจ้ ากประสบการณจ์ รงิ ) ขัน้ ที่ ๑ การเรยี นร้จู ากประสบการณ์โดยการกระต้นุ แนะนำเร่ืองท่ีจะเรยี น ๑. ครูนำนักเรยี นรอ้ งเพลงคำพงั เพย (ทา้ ยแผน) ๒. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ใู ห้นกั เรยี นทราบพรอ้ มกัน ขัน้ ท่ี ๒ การศึกษาแนวคดิ ทฤษฎี ขอ้ เท็จจริง ๓. นกั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่อื ง สำนวน สุภาษติ หรือคำพงั เพยจากใบความรู้ (ท้ายแผน) แล้วชว่ ยกนั สรุปมูลเหตุการเกิดสำนวนไทย ลกั ษณะสำนวนไทย ขนั้ ท่ี ๓ การฝึกปฏิบัติ ๔. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ตามความเหมาะสม แลว้ ชว่ ยกนั คน้ หาสำนวน สุภาษิตหรือคำพงั เพย ท่นี ักเรยี นชอบ จำนวน ๑๐ สำนวน จากใบความรู้ เขียนลงในกระดาษเขยี นรายงานท่ีแจกให้ และบอก ความหมายคำหรือสำนวนนนั้ ด้วย (ค้นหาความหมายจากส่ือตา่ งๆ ในห้องสมดุ ) ๕. แต่ละกลุ่มออกมารายงานการค้นควา้ หนา้ ช้ันเรียน เสรจ็ แล้วส่งรายงาน ขั้นท่ี ๔ การนำไปใช้ หรอื ขยายผล ๖. นกั เรียนแตล่ ะคนนำสำนวน สุภาษติ และคำพังเพยทชี่ อบไปแตง่ เป็นประโยคชนิดต่างๆ แลว้ สง่ ครตู รวจ ถ้าผดิ พลาดครสู ง่ คนื ใหไ้ ปแก้ไขให้ถูกต้อง แล้วรวบรวมผลงานทั้งหมดเป็นเล่ม เพ่ือใชเ้ ป็นสมดุ สำหรับการอา่ นประจำช้นั ต่อไป ๗. ครูมอบหมายให้นกั เรียนทำใบงาน (ท้ายแผน) เสรจ็ แลว้ ครูและนกั เรียนช่วยกันสรุป บทเรียน ๙. สือ่ และแหล่งการเรียนรู้ ๙.๑ เพลงคำพงั เพย ๙.๒ ใบความรู้ ๙.๓ ใบงาน ๙.๔ ห้องสมุด ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………….………………………………………………………………………………………………………….………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………. …………………………….………………………………………………………………………………………………………….…………………
เพลงคำพังเพย คำร้อง สพุ รรณี ธงชัย ทำนอง เพลงความเกรงใจ คำพังเพย เปน็ คำเอ่ย ขนึ้ มาลอยๆ เป็นคำคอย เตอื นสติ สอนใจ ติชม เกิดความคิด ความหมายติด ตอ้ งตานยิ ม ร้าวระบม “ขิงก็รา ขา่ กแ็ รง” (ซ้ำ)
ใบความรู้ มูลเหตกุ ารเกดิ สำนวนไทย สำนวนไทยมีมูลเหตทุ เ่ี กดิ มาจากหลายทางด้วยกนั เป็นตน้ วา่ เกดิ จากธรรมชาติเกิดจาก การกระทำ ความประพฤติ การกินอยขู่ องคน เกิดจากแบบแผนประเพณวี ฒั นธรรม เกดิ จาก ศาสนา เกดิ จากนิยาย ตำนาน หรือประวัติศาสตร์ เกิดจากการกฬี า การละเลน่ หรือการ แขง่ ขนั และมูลเหตุอืน่ ๆ อีก ซงึ่ พอสรุปประการสำคัญๆ ดงั นี้ ๑. เกดิ จากธรรมชาติ เช่น ขา้ วคอยฝน ฝนตกไม่ท่ัวฟา้ คลนื่ ใตน้ ้ำ นำ้ ซึมบ่อทราย ไม้งามกระรอกเจาะ ลูกไมห้ ลน่ ไม่ไกลตน้ ๒. เกดิ จากสัตว์ เชน่ ไก่แกแ่ มป่ ลาชอ่ น ขชี่ ้างจับตั๊กแตน ปลากระดี่ได้น้ำ ววั แกเ่ คย้ี วหญา้ อ่อน เสอื ซ่อนเล็บ หมาหยอกไก่ ๓. เกิดจากการกระทำ ความประพฤติ การปฏบิ ตั ิและการกนิ อยู่ของคน เช่น ไกลปืนเทยี่ ง ปดิ ทองหลงั พระ ชกั ใบใหเ้ รือเสยี พายเรือคนละที นอนตาไมห่ ลับ หาเช้ากนิ คำ่ ๔. เกดิ จากอวยั วะตา่ งๆ เชน่ ใจลอย ตาเล็กตาน้อย ตนี เทา่ ฝาหอย ปากยังไม่ส้นิ กล่นิ น้ำนมมือไมอ่ ย่สู ุข หวั รักหวั ใคร่ ๕. เกิดจากของกนิ ของใช้ เช่น ข้าวแดงแกงรอ้ ย ไข่ในหิน ฆ้องปากแตก ผา้ ขี้ร้วิ หอ่ ทอง ลงเรอื ลำเดยี วกัน บา้ นเคยอยู่อูเ่ คยนอน ๖. เกิดจากแบบแผนประเพณี วฒั นธรรม เช่น ช้างเท้าหลัง ต่ืนกอ่ นนอนหลัง เข้าตามตรอกออกตามประตู เป็นทองแผ่นเดยี วกนั ฝังรกฝงั ราก คนตายขายคนเป็น ๗. เกิดจากศาสนา เชน่ บุญทำกรรมแต่ง กรวดน้ำคว่ำขัน ขนทรายเขา้ วดั ตักบาตรถามพระ เทศนไ์ ปตามเนอื้ ผา้ ผ้าเหลืองรอ้ น ๘. เกิดจากนิยาย นทิ าน ตำนาน หรอื ประวตั ศิ าสตร์ เชน่ กระต่ายหมายจนั ทร์ กบเลอื กนาย ชกั แม่น้ำทัง้ หา้ ฤๅษีแปลงสาร ดอกพิกุลร่วง ปากพระร่วง ๙. เกิดจากการละเล่น กีฬา หรอื การแข่งขนั เช่น ไกร่ องบ่อน งงเปน็ ไกต่ าแตก รกุ ฆาต ลูกไล่ ไมด่ ูตามา้ ตาเรือ
ลักษณะสำนวนไทย ข้อความทีเ่ ปน็ สำนวนมีลักษณะดังตอ่ ไปนี้ ๑. มคี วามหมายโดยนยั คือ ความหมายไมต่ รงตัวตามความหมายโดยอรรถ พูดอยา่ ง หนึง่ มีความหมายไปอีกอย่างหนงึ่ เช่น กนิ ปนู ร้อนท้อง หมายถึง รู้สึกเดอื ดรอ้ นเพราะมีความผิดอยู่ ขนทรายเข้าวัด หมายถงึ ร่วมมือรว่ มใจกันทำบญุ ฤๅษเี ล้ยี งลิง หมายถึง เล้ยี งเด็กซุกซน เป็นตน้ ๒. ใชน้ อ้ ยคำกินความมาก การใชถ้ อ้ ยคำในสำนวนส่วนใหญ่เข้าลกั ษณะใชค้ ำนอ้ ยกนิ ความมาก มคี วามหมายเด่น เช่น ก่อหวอด ขนึ้ คาน คว่ำบาตร แกว้ ลมื คอน ขมิ้นกับปนู คมในฝกั ก้ิงก่าได้ทอง ใกลเ้ กลอื กนิ ดา่ ง เด็ดบัวไวใ้ ย สว่ นที่ใชถ้ อ้ ยคำมากแตล่ ะคำกล็ ้วนมคี วามหมายชว่ ยใหไ้ ดค้ วามกระจ่างชัดเจน ๓. ถอ้ ยคำท่ีมีความไพเราะ การใชถ้ ้อยคำในสำนวนไทย มกั ใช้ถ้อยคำสละสลวย มี สัมผัสคลอ้ งจอง เน้นการเลน่ เสียงสัมผัสอักษรใหเ้ สยี งกระทบกระท่ังกันเกดิ ความไพเราะน่าฟัง ทงั้ สัมผสั ภายในและสมั ผสั ระหวา่ งวรรค มีการจดั จงั หวะคำหลายรูปแบบ เช่น เปน็ กลุ่มคำซ้อน ๔ คำ เช่น กอ่ กรรมทำเขญ็ กอ่ รา่ งสรา้ งตัว คู่ผวั ตวั เมีย คู่เรียงเคยี งหมอน เปน็ กลุ่มคำซอ้ น ๖ คำ เช่น ขงิ กร็ าข่าก็แรง ข้กี ้อนใหญใ่ หเ้ ด็กเหน็ ยใุ ห้รำตำใหร้ ั่ว ลกู เต็มบา้ นหลานเต็มเมือง เปน็ กลมุ่ คำซ้อน ๘ คำ เช่น กนิ อยกู่ บั ปากอยากอยู่กบั ทอ้ ง กำแพงมหี ปู ระตมู ีตา คบคนใหด้ หู น้าซือ้ ผา้ ให้ดเู นอื้ โค่นกล้วยอยา่ ไวห้ น่อฆ่าพอ่ อย่าไว้ลกู เอาลกู เขามาเล้ียงเอาเมย่ี งเขามาอม ไกง่ ามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ลักษณะสมั ผัสคลอ้ งจอง มีทั้งคลอ้ งจองกนั ในขอ้ ความตอนเดียว เช่น ตื่นก่อนนอนหลงั ต้อนรับขบั สู้ ผกู สมัครรกั ใคร่ โอภาปราศรัย และคลอ้ งจองกนั ในข้อความที่เป็นสองตอน ซ่ึงมีอยูจ่ ำนวนมากหรือในขอ้ ความมากกว่า สองตอน ซึ่งมอี ยบู่ ้าง เชน่ นำ้ มาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ อย่าไวใ้ จทางอยา่ วางใจคน จะจนใจเอง
๔. สำนวนไทยมกั เปน็ การเปรียบเปรยหรือมปี ระวัตทิ ่มี า สว่ นใหญม่ าจากการเปรียบเทียบ จากอวยั วะในร่างกาย กริ ยิ าอาการของคน สัตว์ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ประเพณี ศาสนาและ นยิ าย นทิ านต่างๆ เช่น กลบั หน้ามือเปน็ หลงั มอื นอนตาไมห่ ลับ ใจดีสู้เสือ กนิ ไข่ขวัญ ว่าแต่เขาอิเหนาเปน็ เอง เป็นตน้ ตัวอยา่ ง การนำสำนวนไปแตง่ ประโยค สำนวน ก่อรา่ งสรา้ งตวั ประโยค พ่อฉนั เปน็ คนขยนั ท่านก่อรา่ งสรา้ งตัวด้วยตนเอง อ้างองิ จาก สพุ รรณี ธงชยั . เอกสารประกอบการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔–๖ เร่อื ง สำนวน โวหาร สภุ าษติ คำพงั เพย. โรงเรียนบา้ นบอ่ บึงโพนจาน อำเภอมหาชนะชัย จงั หวดั ยโสธร : หมวดวิชาภาษาไทย, ๒๕๕๕. หน้า ๖–๙ (อดั สำเนา)
ใบงาน ประกอบหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๕ เรือ่ ง หนใู สใ่ จรว่ มลำนำ ภาคเรียนท.่ี ............... แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๒ เรอ่ื ง สำนวนชวนคดิ ๒ ปกี ารศึกษา............... ช่ือกลุ่ม........................................................................................... ชั้น...................... รายชือ่ สมาชกิ กลุม่ ๑………………………………………………………………….……………………… เลขที่………….. ๒…………………………………………………………………………………………. เลขท่ี………….. ๓………………………………………………………………….……………………… เลขท่ี………….. ___________________________________________________________________________ คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นค้นหาสำนวน สภุ าษติ หรอื คำพงั เพย ทีน่ กั เรยี นชอบไปแตง่ เปน็ ประโยคชนิดตา่ งๆ ใหถ้ กู ตอ้ ง จำนวน ๑๐ สำนวน จากใบความรู้ (ขอ้ ละ ๔ คะแนน รวม ๔๐ คะแนน) ๑. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๒. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๓. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๔. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๕. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๖. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๗. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๘. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๙. สำนวน .................................................................................................................. ประโยค .................................................................................................................. ๑๐. สำนวน ................................................................................................................ ประโยค ..................................................................................................................
เกณฑ์การประเมนิ การเขยี นคำสำนวน นำสำนวน สุภาษิตหรอื คำพังเพยไปแตง่ ประโยค หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๕ เรอ่ื ง หนใู ส่ใจร่วมลำนำ แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๑๒ เร่อื ง สำนวนชวนคิด ๒ รายการ ระดบั คณุ ภาพ น้ำหนกั คะแนน ประเมนิ คะแนน รวม ๑. การสะกดคำ ๔ ๓๒ ๑ ๑๒ ๓ ๒. การแตง่ สะกดคำถูกต้อง สะกดคำผิด สะกดคำผิด สะกดคำผิด ๑๒ ประโยค ทุกคำ ๗–๙ คำ ๓ แตง่ ประโยค ๑–๓ คำ ๔–๖ คำ แต่งประโยค ๑๒ ๓. การบอก ถูกตอ้ ง ถูกต้อง ๓ ความหมาย ทุกประโยค แต่งประโยค แตง่ ประโยค ๗–๙ ประโยค ๔ ๔. ความสะอาด บอกความหมาย บอกความหมาย ๑ เปน็ ระเบียบ ถกู ต้องทกุ สำนวน ถูกต้อง ถูกตอ้ ง ผดิ ๗–๙ สำนวน ๔๐ เรียบรอ้ ย สะอาด เปน็ สะอาด เป็น ระเบียบ ลายมือ ๑–๓ ประโยค ๔–๖ ประโยค ระเบียบ มีรอยลบ สม่ำเสมอ ไม่มี ขดู ขีดฆา่ รอยขีดฆ่า บอกความหมาย บอกความหมาย มากกว่า ๔ แห่ง ผิด ๑–๓ สำนวน ผดิ ๔– ๖ สำนวน สะอาด เปน็ สะอาด เป็น ระเบียบ ลายมือ ระเบียบ ลายมือ สม่ำเสมอ มรี อย สม่ำเสมอ รอยขีด ขีดฆา่ เล็กน้อย ฆา่ ลบ ๓-๔ แห่ง รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสนิ /ระดบั คุณภาพ ระดบั ๕ หมายถึง ดเี ยยี่ ม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดบั ๔ หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดับ ๓ หมายถึง ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดบั ๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑก์ ารผ่าน ผ่านระดบั ๓ ขน้ึ ไป
๑. การสะกดคำแบบบนั ทึกคะแนนการเขยี นคำสำนวน นำสำนวน สุภาษิตหรือคำพงั เพยไปแต่งประโยค ๒. การแ ่ตงประโยค ๓. การบอกความหมายหน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ เร่ือง หนูใส่ใจร่วมลำนำ ๔. ความสะอาดเป็นระเบียบแผนการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรอื่ ง สำนวนชวนคดิ ๒ เ ีรยบ ้รอย รวมคะแนนรายการประเมิน ระ ัดบ ุคณภาพเลข คะแนน ท่ี ชื่อ-สกลุ ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ให้ดูจากเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ข้างตน้
แผนการเรียนรูท้ ี่ ๑๓ เรอื่ ง อ่านแล้วคิดเสรมิ ชีวิตไดค้ วามรู้ เวลา ๑ ชว่ั โมง ๑. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ัดสินใจแก้ปญั หา ในการดำเนนิ ชีวิตและมีนสิ ยั รักการอา่ น ตัวชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.๔/๑ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วและบทรอ้ ยกรองไดถ้ ูกตอ้ ง มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราว ในรปู แบบตา่ งๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ตัวชี้วัด ท ๒.๑ ป.๔/๖ เขยี นบันทึกและเขียนรายงานจากการศกึ ษาค้นควา้ มาตรฐาน ท ๓.๑ : สามารถเลือกฟงั และดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ กึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชว้ี ดั ท ๓.๑ ป.๔/๔ ตง้ั คำถามและตอบคำถาม เชงิ เหตุผลจากเรือ่ งทฟ่ี ังและดู มาตรฐาน ท ๕.๑ : เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณค่าและนำมาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ ตัวช้วี ัด ท ๕.๑ ป.๔/๑ ระบุขอ้ คิดจากนิทานพน้ื บ้านหรือนทิ านคตธิ รรม ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การอา่ นหนังสอื เพมิ่ เตมิ หรอื อ่านเสริมบทเรยี น จะชว่ ยใหน้ ักเรยี นรกั การอ่านและเกิดนสิ ยั รกั การอา่ น จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. สามารถอ่านเรื่องทกี่ ำหนดใหไ้ ด้อยา่ งถกู ต้อง ๒. สามารถต้ังและตอบคำถามจากเรอ่ื งที่อา่ นได้ ๓. ระบุขอ้ คดิ จากเร่อื งท่อี ่านได้ ๓. สาระการเรียนรู้ อา่ นเรื่อง ตั้งและตอบคำถาม ระบขุ อ้ คิดจากเรือ่ งทอ่ี ่าน ๔. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ๔.๑ ความสามารถในการสอ่ื สาร ๔.๒ ความสามารถในการคดิ ๕. คุณลักษณะอันพึงประสงค/์ คา่ นิยม ๕.๑ ใฝเ่ รียนรู้ ๕.๒ มุ่งม่นั ในการทำงาน
๖. ชน้ิ งาน/ภาระงาน บนั ทึกการอ่านเร่อื ง ต้ังและตอบคำถาม ระบขุ อ้ คิดจากเร่ืองท่อี ่าน ๗. การวัดและประเมินผล วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ผา่ นรอ้ ยละ ๖๐ ๑. การอ่านเรอื่ ง ต้งั และตอบ ๑. ใบงานการอ่านเร่อื ง ตัง้ และตอบคำถาม คำถาม ระบุข้อคดิ จากเรอื่ งท่ี ระบุข้อคดิ จากเรื่องทีอ่ า่ น อา่ น ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรม ๒. สังเกตพฤติกรรม ๓. แบบทดสอบหลงั เรียน ๓. ทดสอบหลงั เรียน ๘. กิจกรรมการเรียนรู้ (กระบวนการคดิ ) ขัน้ ท่ี ๑ การจัดสภาพแวดลอ้ มและสร้างบรรยากาศท่เี อื้ออำนวยตอ่ การคดิ ๑. นักเรียนเลน่ เกมอ่านอย่างไรใหถ้ กู ต้อง (ท้ายแผน) ขนั้ ที่ ๒ ใชร้ ูปแบบวธิ กี ารสอนหรือเทคนิคการสอนต่างๆ กระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นเกิดการคิดเช่ือมโยงจาก ความคดิ เดิมในลักษณะใดลกั ษณะหน่งึ ๒. ครูและนักเรียนสนทนาทบทวนบทเรยี นจากช่ัวโมงทผ่ี า่ นมา ขั้นที่ ๓ จัดกิจกรรมให้ผเู้ รียนไดฝ้ ึกทกั ษะการคิด และกระบวนการคิดตา่ งๆ ตามความเหมาะสมกบั พน้ื ฐานของผเู้ รียน ๓. นกั เรยี นอา่ นคำยากจากบัตรคำ ท่ีครูแสดงให้ดู ๔. ร่วมกันต้งั จุดมงุ่ หมายในการอา่ นว่า อ่านแล้วต้ังและตอบคำถาม สรุปใจความจากเรือ่ ง ท่อี า่ นได้ ข้ันที่ ๔ ใหเ้ วลาแกผ่ ูเ้ รยี นในการใช้ความคดิ และแสดงความคดิ อภปิ รายแลกเปล่ียนกระบวนการ คดิ ทีเ่ กดิ ขึ้นในกระบวนการเรยี นรู้ ๕. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มตามความเหมาะสม แล้วให้นกั เรียนอา่ นนทิ านพน้ื บ้านหรือนิทาน คตธิ รรม จากหนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวติ ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๔ เรอ่ื ง เมตตาธรรมนำสขุ หนา้ ๒๑๒ เรียนรูห้ รอื อ่านในลักษณะเพอ่ื นช่วยกัน คอื ตรวจความถูกตอ้ งกนั เอง ใหค้ นท่เี ก่งช่วยพาอ่าน และถามตอบกนั เองภายในกลุ่ม ๖. นักเรยี นอ่านออกเสียงตามเปน็ จงั หวะจนคลอ่ ง ๗. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายซักถามเน้อื หาสาระการเรยี นรู้ โดยตง้ั คำถามให้เพอ่ื นๆ ตอบ และระบุข้อคิดจากเรอื่ งที่อ่าน ๘. นกั เรยี นทกุ คนเขยี นคำถาม คำตอบ และระบุข้อคิดจากเรื่องทอี่ ่าน ลงในสมดุ (เนน้ คัดสวยงาม) ขั้นท่ี ๕ ร่วมกันสรปุ ประเดน็ ท่ีได้จากกระบวนการคดิ ทเ่ี กดิ ขึ้นจากการเรยี นรู้ ๙. นกั เรียนและครชู ่วยกันสรุปเนื้อหาสาระการเรยี นร้จู ากบทเรยี น
ข้นั ท่ี ๖ การวัดและประเมนิ ผลการเรยี น ทง้ั ทางด้านเนื้อหา สาระการเรยี นรู้ และทักษะ กระบวนการคิด ๑๐. แตล่ ะคนรบั ใบงาน ปฏบิ ัตติ ามข้นั ตอนในใบงานแล้วสง่ ครูตรวจ ๑๑. ครแู ละนกั เรยี นช่วยกันสรุปเน้ือหาสาระการเรยี นรจู้ ากบทเรียนทัง้ หมดอกี คร้ังหนงึ่ ๑๒. นกั เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน ประจำหน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๕ เวลา ๑๐ นาที (ภาคผนวก) ๙. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ ๙.๑ บตั รคำ ๙.๒ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพ่อื ชีวติ ภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๔ เรอ่ื ง เมตตาธรรมนำสุข หน้า ๒๑๒ ๙.๓ ใบความรู้ ๙.๔ ใบงาน ๙.๕ แบบทดสอบหลงั เรยี น ๑๐. ข้อเสนอแนะ …………………………….………………………………………………………………………………………………………….………………… …………………………………………………………………………….……………………………………………………………………………. …………………………….………………………………………………………………………………………………………….…………………
เกม อา่ นอย่างไรใหถ้ กู ต้อง จดุ ประสงค์ เพอ่ื เป็นการส่งเสริมการอ่าน และเพื่อสรา้ งความสนุกสนานให้นกั เรยี นก่อนเข้าสบู่ ทเรียน อุปกรณ์ - บตั รคำ วิธีเล่น ๑. ครูเตรยี มบตั รคำไว้ ๑๐ บตั รคำ ๒. แบ่งนักเรียนออกเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสม ๓. ครูให้สญั ญาณเรม่ิ เลน่ ครูยกบัตรคำขึ้นมา นักเรียนกลุ่มใดท่ยี กมือก่อนใหอ้ ่านกอ่ น ถา้ อ่านถกู ให้ ๒ คะแนน ครูเขยี นคะแนนบนกระดานดำ ถา้ อา่ นไมถ่ กู ใหก้ ลุม่ ทยี่ กมอื ลำดบั ที่ ๒ อ่าน ถา้ อา่ นถกู ให้ ๒ คะแนน ๔. คำไหนที่นักเรียนอา่ นได้แลว้ ใหเ้ ปลี่ยนคำใหม่มาให้นักเรียนอ่านแขง่ กนั ครูจดั กิจกรรมเช่นนี้ไป เร่อื ยๆ จนครบ ๑๐ คำ แล้วรวมคะแนน กลมุ่ ไหนท่ไี ดค้ ะแนนสงู สุดเปน็ ผชู้ นะ ๕. นักเรยี นและครชู ว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง และสรปุ การอา่ นอย่างไรให้ถกู ตอ้ ง รวดเร็ว หมายเหตุ จำนวนคำเพิ่มหรือลดไดต้ ามความเหมาะสม ทีม่ า : สุพรรณี ธงชัย
ใบความรู้ กระต่ายเจา้ เล่ห์ กาลคร้ังหนงึ่ นานมาแลว้ มีเร่ืองเล่าสืบต่อกันมาว่า มกี ระต่ายอย่ตู วั หน่งึ มคี วามเฉลียวฉลาดมาก อยู่มาในวันหนงึ่ กระต่ายตัวน้ีเห็นยายแกค่ นหน่งึ เอาข้าวไปถวายพระทวี่ ัด พร้อมกับมกี ลว้ ยอยู่หวหี นึง่ ใส่ไว้ใน กระเฌอทนู ไวบ้ นหวั กระตา่ ยตัวนนั้ อยากกินกลว้ ยมากจงึ ใชอ้ บุ ายหลอกยายเพ่ือท่ีตนจะได้กนิ กล้วยของยาย จึงรีบวง่ิ ไปดกั ทีก่ ลางทาง โดยการแกล้งลม้ ลงนอนตายอยู่ เม่ือยายเดินมาเห็นกระต่ายนอนตายอยกู่ ็ไดแ้ ต่ แปลกใจ จึงจับข้ึนมาดูเห็นตวั ยงั อุ่นๆอย่จู งึ จับใส่กระเฌอแลว้ กท็ ูนหวั ต่อไป ฝา่ ยกระต่ายเม่อื ได้ลงไปในกระเฌอของยายสมตามความตั้งใจ ก็ลกุ ขึน้ มาปอกกล้วยกินและไดท้ ้งิ เปลือกไปข้างหลัง สว่ นยายนนั้ เม่ือได้ยนิ เสยี งทงิ้ เปลือกกลว้ ยก็หันกลับไปดู แตก่ ็ไมเ่ ห็นมอี ะไร ได้เหน็ แต่ เปลอื กกลว้ ย กบ็ ังเกดิ ความสงสัยขึ้นมาว่าใครนะเดนิ ทางไปก่อนตน เมื่อยายหนั ไปข้างหลงั กระตา่ ยก็ทง้ิ เปลอื กกล้วยไปข้างหนา้ เมอื่ ยายหนั หน้าเพ่ือท่จี ะเดนิ ต่อไปกเ็ หน็ เปลือกกลว้ ยอกี แลว้ ก็กล่าววา่ เปลือกกลว้ ยน้ี ยงั คงใหมอ่ ยู่เลยคงจะตอ้ งมใี ครสักคนอยู่ขา้ งหนา้ ใกล้ๆ นี้แหละ และคงจะเดนิ ไปกินกล้วยไปด้วย ยายจึงรบี กา้ วเดินไปเพอ่ื ทีจ่ ะให้ทัน แม้ยายคนน้นั จะรีบเดินมากเท่าไรก็ตามไม่ทันเสยี ที จนกระท่งั ยายเหนือ่ ยจงึ หยดุ พกั เอากระเฌอวางลง ก็ได้เห็นกระตา่ ยกนิ กล้วยของตนจนหมดหวี เมอ่ื เหน็ ดงั นน้ั แลว้ ก็โกรธมาก กระตา่ ยก็ กระโดดออกว่ิงไปยายกร็ ีบว่ิงตามไปเพือ่ หมายที่จะตกี ระต่ายตัวนัน้ กระตา่ ยกว็ ง่ิ ข้ึนไปอย่บู นต้นคล้มุ ยายตี ไมไ่ ดจ้ ึงได้เอากรรไกรทมี่ ไี วผ้ ่าหมากตัดตน้ คลุ้มนั้นกระตา่ ยได้เห็นดังนั้นก็ตกใจเป็นอนั มาก ด้วยความทฉ่ี ลาด และมีไหวพรบิ ดี จึงกล่าวกับยายว่า “ยายเอ๋ยถา้ ยายเอากรรไกรน้นั ตัดตน้ คลุ้มน้ี กรรไกรของยายจะหักเอา เสียเปลา่ ๆ เพราะตน้ คลมุ้ นั้นมันแขง็ มาก ถ้ายายไม่เช่อื ยายก็ลองเอากรรไกรขูดดูแก่นของมันซี แก่นของมัน จะมีสีแดงแจ๋ทีเดียว” ยายก็สงสัยจึงเอากรรไกรขูดตน้ คล้มุ ดู เม่อื เอาเปลอื กด้านนอกออกก็เหน็ ด้านในกเ็ ปน็ สี แดง ยายกค็ ิดวา่ เปน็ แก่นจริงๆ จึงไมก่ ล้าตัด จึงไปหาเอามดี มา เม่ือยายไปแล้ว กระตา่ ยกว็ ิง่ ไปอยใู่ นโพรงของตน้ ไม้ ยายก็จับตีไม่ไดอ้ ีก ยายจงึ คดิ อ่านเอาบ่วง มาดักไวท้ ปี่ ากโพรงตน้ ไม้ หากกระต่ายออกมาจะได้ติดบ่วง เมอ่ื ยายดักบ่วงเสร็จกระต่ายก็คิดว่าหากตนออกไป ตอ้ งตดิ บ่วงตายเปน็ แนแ่ ท้ จึงคิดหลอกยายอีกคร้ัง แล้วก็บอกกล่าวกบั ยายอีกว่า “ยายเอ๋ยทำบว่ งดักฉนั อย่าง น้นั นะไม่มวี นั ทไี่ ดต้ วั ฉนั หรอกน่ายาย เพราะบว่ งอยา่ งนนั้ มันไม่รูด ถ้ายายไมเ่ ชื่อยายก็ลองเอาขาของยายใส่ลง ดกู อ่ นกไ็ ด้นะ” ฝา่ ยยายกส็ งสยั ว่าเปน็ จริงอกี จึงเอาขาใส่ลงไปในบว่ งดูคันของบว่ งก็ยกขึ้น ตอนนบ้ี ว่ งติดขา ของยายเสยี แลว้ ทำใหย้ ายต้องหอ้ ยโตงเตงอยู่อย่างนั้น กระตา่ ยกอ็ อกจากโพรงไปได้ แลว้ ก็หัวเราะเยาะยาย ว่า “ยายหนา้ โง่ติดบ่วงไปเถดิ ข้าไปกอ่ นหละ” วา่ แลว้ กระตา่ ยกจ็ ากไป ท่มี า : http://www.nithan.in.th/category/นทิ านพนื้ บา้ น
ใบงาน ประกอบหน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๕ เรื่อง หนใู สใ่ จร่วมลำนำ ภาคเรยี นที่................ แผนการเรียนรทู้ ี่ ๑๓ เรอ่ื ง อ่านแลว้ คดิ เสริมชวี ิตไดค้ วามรู้ ปกี ารศกึ ษา............... ชอ่ื กลุ่ม........................................................................................... ชน้ั ...................... รายชอ่ื สมาชกิ กลุ่ม ๑………………………………………………………………….……………………… เลขท่ี………….. ๒…………………………………………………………………………………………. เลขที่………….. ๓………………………………………………………………….……………………… เลขที่………….. ___________________________________________________________________________ คำชีแ้ จง ๑. ให้นักเรยี นอา่ นนิทาน เรือ่ ง กระต่ายเจ้าเลห่ ์ จากใบความรู้ ๒. ตง้ั และตอบคำถาม ตอนท่ี ๑ (ขอ้ ละ ๒ คะแนน รวม ๒๐ คะแนน) ๓. ระบขุ อ้ คดิ จากเร่ืองทีอ่ ่าน ตอนท่ี ๒ (๒๐ คะแนน) ๔. ตอนที่ ๑ และ ตอนที่ ๒ รวม ๔๐ คะแนน ตอนที่ ๑ ตั้งและตอบคำถาม ตัวอยา่ ง การตงั้ และตอบคำถาม คำถาม : ตวั ละครในเรอ่ื ง กระตา่ ยเจา้ เลห่ ์ มีใครบา้ ง คำตอบ : ยาย กระตา่ ย ๑. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ............................................................................................................................................... ๒. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๓. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ................................................................................................. .............................................. ๔. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ............................................................................................................................................... ๕. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ.......................................................................................................................... ..................... ๖. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๗. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๘. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ....................................................................................................... ........................................ ๙. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ............................................................................................................................................... ๑๐. คำถาม............................................................................................................................................. คำตอบ........................................................................................................................ .......................
ตอนที่ ๒ ขอ้ คิดจากเร่อื งทอี่ ่าน …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เกณฑก์ ารประเมนิ การอา่ นเร่ือง ต้งั และตอบคำถาม ระบขุ อ้ คิดจากเรอ่ื งท่อี ่าน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เร่อื ง หนใู สใ่ จรว่ มลำนำ แผนการเรียนรทู้ ี่ ๑๓ เร่ือง อ่านแลว้ คดิ เสริมชีวิตไดค้ วามรู้ รายการ ระดบั คณุ ภาพ ๑ น้ำหนกั คะแนน ประเมิน มคี วามสนใจ คะแนน รวม ๑. ความสนใจ ๔๓๒ ในเรอ่ื งทอ่ี า่ น ในเร่อื งทีอ่ ่าน นอ้ ย ๑๔ มคี วามสนใจ มีความสนใจ มีความสนใจ ตั้งคำถามผิด ๒. การตัง้ ในเร่ืองที่อา่ น ในเร่อื งทีอ่ า่ นดี ในเร่ืองท่ีอา่ น ๗–๙ ประโยค ๓ ๑๒ คำถาม ดีมาก พอใช้ ตอบคำถามผิด ๓. การตอบ ตงั้ คำถามถูกตอ้ ง ตง้ั คำถามผดิ ต้งั คำถามผดิ ๗–๙ ประโยค ๓ ๑๒ คำถาม ทกุ ประโยค ๑–๓ ประโยค ๔–๖ ประโยค ตอบคำถาม ตอบคำถามผิด ตอบคำถามผดิ ระบุขอ้ คิดเห็น ๓ ๑๒ ๔. การระบุ ถกู ต้อง ๑–๓ ประโยค ๔–๖ ประโยค ผิด ๗–๙ แหง่ ๔๐ ขอ้ คิดเหน็ ทุกประโยค ระบุข้อคดิ เห็น ระบขุ อ้ คิดเหน็ ระบุขอ้ คดิ เหน็ ถกู ตอ้ งท้ังหมด ผิด ๑–๓ แห่ง ผิด ๔–๖ แห่ง รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสิน/ระดบั คณุ ภาพ ระดบั ๕ หมายถึง ดีเย่ียม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๔ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดับ ๓ หมายถึง ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๑ หมายถึง ควรปรับปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑก์ ารผา่ น ผา่ นระดับ ๓ ขึน้ ไป
๑. ความสนใจในเ ื่รองที่แบบบนั ทึกคะแนนการอ่านเร่อื ง ต้งั และตอบคำถาม ระบขุ ้อคิดจากเร่อื งที่อ่าน อ่าน ๒. การ ้ัตงคำถามหนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๕ เรื่อง หนใู สใ่ จรว่ มลำนำ ๓. การตอบคำถามแผนการเรียนรทู้ ี่ ๑๓ เรื่อง อ่านแล้วคดิ เสริมชวี ิตไดค้ วามรู้ ๔. การระบุ ้ขอ ิคดเห็น รวมคะแนนรายการประเมนิ ระ ัดบ ุคณภาพเลข คะแนน ท่ี ชื่อ-สกุล ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ทก่ี ำหนดไวข้ ้างตน้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110