หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 15 เรอ่ื ง ทำอย่างไรเปน็ เดก็ ดี กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยรายวชิ า ภาษาไทยรหสั วิชา ท ๑๔๑๐๑ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ นางอรวรรณ ปานจำรูญ ครูผสู้ อน โรงเรียนวดั พชื นมิ ิต (คำสวสั ดริ์ าษฎรบ์ ำรุง) ตำบลคลองหนง่ึ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี สำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 15 เรอื่ ง ทำอยา่ งไรเป็นเดก็ ดี กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย รหัส ท ๑4๑๐๑ รายวชิ าภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 8 ช่วั โมง ............................................................................................................................. ...................................... แผนการเรียนรู้ท่ี 1 เร่อื ง อ่านคดิ พชิ ิตปญั หา (1) เวลา 3 ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิด เพ่อื นำไปใชต้ ัดสนิ ใจ แก้ปัญหาใน การดำเนนิ ชีวติ และมนี ิสัยรกั การอา่ น ตัวชี้วดั ท ๑.๑ ป.๔/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว และบทรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง ท ๑.๑ ป.๔/8 มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขยี นสอื่ สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่ืองราวใน รูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ท 2.๑ ป ๔/๓ เขยี นแผนภาพโครงเร่ือง และแผนภาพความคดิ เพือ่ ใชใ้ นการพัฒนางานเขยี น มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ย่างมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรคู้ วามคิด และ ความรูส้ ึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตวั ช้วี ัด ท 3.๑ ป.๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรูส้ ึกเกย่ี วกบั เรื่องท่ีฟงั และดู ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วผู้อ่านต้องอ่านให้ถูกต้องตามหลักคำประพันธแ์ ละอกั ขรวิธีมีมารยาทใน การอ่านสามารถสอ่ื สารเปน็ แผนภาพความคดิ ได้อย่างชัดเจน ตลอดจนแสดงความคิดเห็นได้อย่างมี วิจารณญาณและสร้างสรรค์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้วได้ถกู ตอ้ ง 2. นักเรยี นเขียนสอ่ื สารดว้ ยแผนภาพความคิดได้ 3. นักเรียนสามารถพูดแสดงความคดิ เห็นจากเรื่องท่ีฟงั และอ่านไดอ้ ยา่ งมีเหตมุ ผี ล 4. นักเรยี นมมี ารยาทในการอา่ น 3. สาระการเรยี นรู้ 3.๑ การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว 3.2 การเขยี นแผนภาพความคิด 3.3 การตัง้ คำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเรือ่ งทฟ่ี ังและอ่าน
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.๑ ความสามารถในการสื่อสาร 4.๒ ความสามารถในการคดิ 4.๓ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์/ค่านิยม 5.๑ มวี ินยั 5.๒ ใฝ่เรียนรู้ 5.๓ มุ่งมัน่ ในการทำงาน 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน แผนภาพความคดิ Mind mapping 7.การวัดประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑ์การผ่าน ผา่ นร้อยละ60 วิธีการ ๑. แบบทดสอบก่อนเรียน ๑๐ ขอ้ ๑. ทดสอบกอ่ นเรยี น ๒. แบบสงั เกตพฤติกรรม ๒. สังเกต ๓. แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ๔. แบบประเมินแผนภาพความคิด -การตอบคำถาม ๕. แบบประเมินการทำงานกลมุ่ -การเขา้ รว่ มกิจกรรม ๓. ประเมินการอา่ นออกเสยี ง ๔. ประเมินแผนภาพความคดิ ๕. ประเมนิ การทำงานกล่มุ ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ (กระบวนการเรียนรแู้ บบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน) ช่ัวโมงที่1 ทดสอบกอ่ นเรียน (10 นาท)ี ขั้นที่ 1 เช่ือมโยงปญั หาและระบปุ ัญหา 1. ครูและนักเรียนสนทนาถงึ การอา่ นบทรอ้ ยแกว้ และร่วมกนั อภิปรายวธิ ีการอา่ นออกเสียงที่ ถูกตอ้ ง 2. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ เป็นกล่มุ ๆละ 5 - 6 คนเลือกประธานกลุ่ม รองประธาน (ตาม กระบวนการกลุ่ม)แต่ละกลุม่ ฝกึ อ่านออกเสยี งจากบทรอ้ ยแกว้ เรื่อง คนดีศรโี รงเรยี น ในหนังสอื เรียนภาษาพาที ช้ันประถมศกึ ษาปีท4ี่ หรือบทร้อยแก้ว จากหนังสืออื่นๆท่คี รูเตรียมให้ แล้วชว่ ยกันตรวจสอบวา่ เพือ่ นอ่าน ถูกต้องหรือไม่ และชว่ ยกันแนะนำเมอ่ื เพอ่ื นอ่านจบ 3. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ โดยใช้คำถามทา้ ทาย ดงั น้ี ๔. การอา่ นออกเสียงคำทมี่ อี กั ษรควบ และการเวน้ วรรคตอนมคี วามสำคัญอยา่ งไร ๕. การอา่ นบทรอ้ ยแกว้ มีปัญหาใดท่ี เกดิ จากการอา่ นและมีวิธีแก้ปญั หาไหม 6. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ พจิ ารณาข้อความจากเร่อื ง คนดศี รโี รงเรยี น ทอ่ี ่านวา่ มเี นือ้ หาสาระ เกย่ี วกบั ส่ิงใด โดยครูใช้คำถามดงั ตอ่ ไปน้ี - ทำไมครูจงึ ฝากใหว้ ่านเป็นผ้ดู ูแลเตก้ ับจอ้ น - วา่ นสมควรได้รบั รางวัลเกียรติยศ คนดศี รโี รงเรยี น หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
- เต้ มคี วามบกพรอ่ งในดา้ นใด - จอ้ นมคี วามบกพรอ่ งในดา้ นใด 7. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ และต้ังประเดน็ ปญั หาเกยี่ วกบั การอา่ นเช่น การเว้นวรรค จังหวะในการอา่ น การออกเสียง และมารยาทในการอา่ น ฯลฯ ข้นั ท่ี 2 ทำความเข้าใจปญั หา 8. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ พูดคุยถงึ ปญั หาเกี่ยวกบั หลกั การอ่านบทร้อยแก้วทจ่ี ะไปคน้ ควา้ ให้ เข้าใจในหวั ข้อท่กี ำหนดดังน้ี ๙. ปัญหาคืออะไร อะไรคอื ส่ิงท่ีไมร่ ู้ และหากต้องการรจู้ ะหาคำตอบได้ท่ีใด เชน่ ปญั หา ส่ิงท่ตี ้องการรู้ แหลง่ ขอ้ มลู การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว การแบ่งวรรคตอนที่ ใบความรู้ ตอ้ งแบ่งวรรคตอนอย่างไร ถูกตอ้ ง หนังสอื หอ้ งสมุด อินเตอร์เนต็ ถามผ้รู ้/ู ผู้สอน 10.นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั วางแผนการดำเนินการศกึ ษาค้นควา้ ตามประเดน็ ปัญหาท่ี ตง้ั ข้ึนและประเด็นอ่ืนๆท่ีตอ้ งการรู้ แล้วบันทกึ ลงในแบบบนั ทกึ การศกึ ษาค้นควา้ และการแกป้ ญั หา ตอนท่ี1 ชว่ั โมงที่ 2 ทบทวนบทเรียนโดยครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาถงึ ประสบการณ์การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว สภาพปัญหาทเี่ กิดจากการอา่ นและวธิ แี กป้ ัญหา ขั้นท่ี 3 ดำเนนิ การศึกษาค้นคว้า 11. ใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ เรือ่ ง คนดศี รโี รงเรียน หน้าช้ันเรียนทลี ะคนแล้ว ชว่ ยกนั ตรวจสอบว่าเพื่อนอา่ นถกู ต้องหรือไม่ 12.นักเรียนรว่ มกนั พดู แสดงความคดิ เห็นจากเรอ่ื งท่ีฟงั และอ่านอย่างมีเหตมุ ผี ล และส่ง ตวั แทนนกั เรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอแนวทางศึกษาค้นควา้ หาคำตอบตามประเดน็ ปัญหาที่ต้องการรู้ หน้าช้ัน เรียนจนครบทกุ กลุ่ม ครชู ่วยช้ีแนะเพม่ิ เติมเกย่ี วกับแนวทางการศึกษาคน้ ควา้ การแก้ปัญหาการอา่ นส่วนทเี่ หลอื ให้สมบรู ณ์ 13. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มวางแผนการศกึ ษาค้นควา้ โดยกำหนดวิธีการ แหล่งข้อมูล และ ประธานกลมุ่ รบั ผดิ ชอบมอบหมายงานตามหนา้ ท่ี 14. นักเรียนดำเนินการศกึ ษาคน้ คว้าตามประเด็นปัญหาการอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วให้ ถูกต้องตามหลักคำประพนั ธแ์ ละอกั ขรวธิ ี เชน่ − การอ่านออกเสยี งคำทีใ่ ช้ ร ล − การอา่ นคำท่ีมอี กั ษรควบ − การอา่ นอกั ษรนำ − การอ่านเครื่องหมายวรรคตอน และอักษรยอ่ และสิ่งท่ตี ้องการศึกษา โดยคน้ คว้าจากแหลง่ ข้อมลู ต่างๆ ตามวธิ ีการทีน่ ักเรยี นรว่ มกนั วางแผน 15. บนั ทึกขอ้ มลู และผลการศกึ ษาค้นคว้า
ชัว่ โมงท่ี 3 ทบทวนบทเรยี นโดยให้นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั ความรู้การอ่านบทร้อยแก้วให้ ถูกตอ้ งชัดเจนตามลกั ษณะคำประพนั ธ์ อกั ขรวิธี และความเข้าใจในเรอื่ งทอ่ี า่ นโดยใหน้ ักเรยี นอ่านออกเสียงบท ร้อยแก้วเร่อื ง คนดีศรโี รงเรียน พร้อมกนั ทุกคน ข้ันที่ 4 สงั เคราะห์ความรู้ 16. นักเรียนแตล่ ะคนในกลุ่มนำขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ มารว่ มกันอภิปราย แลกเปลีย่ นเรียนรู้กนั ในกลมุ่ ว่าความรู้ทไ่ี ด้มานน้ั มคี วามถกู ตอ้ งพอเพียง พรอ้ มศึกษาใบความรคู้ วบคู่ไปกับการ สรุปความรู้จากการศกึ ษาคน้ คว้าและตอบคำถามหรอื ปัญหาท่ีกำหนดไว้ไดห้ รือไม่ โดยมคี รูคอยให้คำแนะนำ เพ่ิมเตมิ ในแตล่ ะกลุ่ม ข้นั ที่ 5 สรปุ และประเมนิ ค่าของคำตอบ 17. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกนั สรปุ ผลการศกึ ษาค้นคว้าเกยี่ วกบั ประเดน็ ปญั หาการอ่านออก เสียงบทรอ้ ยแกว้ ลงในแบบบันทกึ การศึกษาคน้ คว้าและการแกป้ ญั หา ตอนท2่ี 18. ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มฝึกอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วโดยเลือกอา่ นจากหนงั สอื ในหอ้ งเรียน หรือหนังสอื อน่ื ๆในหอ้ งเรียนใหเ้ พอื่ นฟังและรว่ มกนั ประเมินว่าเพอื่ นอ่านออกเสียงดีหรอื ไม่ 19. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ มารยาทในการอ่านออกเสยี ง ขน้ั ท่ี6 นำเสนอและประเมนิ ผลงาน 20. นักเรียนทกุ กลุ่มชว่ ยกันสรปุ องค์ความรจู้ ากการศึกษาค้นควา้ เกีย่ วกบั การอา่ นออกเสยี ง บทร้อยแกว้ อีกครั้ง เป็นแผนภาพความคิดตามใบงาน( Mind mapping) ให้ตัวแทนนกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าของกลมุ่ หน้าช้นั เรียนตาม 21. นักเรียนในกลุ่มรว่ มกนั ประเมินผลงานของกลุ่มและผลงานของเพอื่ น ๙. สอ่ื และแหล่งเรยี นรู้ ๙.๑ แบบทดสอบก่อนเรยี น 9.2 หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชวี ิต ภาษาพาที ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เรือ่ ง คนดศี รีโรงเรยี น หน้า 176 - 183 ๙.3 บทความบทร้อยแกว้ จากหนังสือพิมพ์ ๙.4 อินเตอรเ์ นต็ ที่เกย่ี วขอ้ งหลกั การอา่ นออกเสียง ๑0. ขอ้ เสนอแนะ
ใบความรู้ เรอ่ื ง การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว ๑. อ่านออกเสียงให้ชัดเจนถูกต้องตามอกั ขรวิธเี สยี งดังชดั เจน ๒. ตอ้ งแบง่ วรรคตอนให้ถกู ตอ้ ง รู้จักแบ่งข้อความหรือประโยคยาวๆ ใหเ้ ปน็ ประโยคสน้ั ๆ ได้อยา่ งเหมาะสมเพ่อื ใหม้ ชี อ่ งเว้นระยะหายใจ ๓. ตอ้ งอ่านให้ถูกจงั หวะ ไมอ่ า่ นชา้ หรือเร็วเกินไป รู้จักใชร้ ะดับเสียงไม่ควรใชเ้ สยี งระดับ เดียวกนั ทัง้ เรอื่ ง ควรเนน้ เสยี งหนักเบาและอา่ นใหเ้ ป็นเสียงพูดอย่างธรรมชาตทิ ่ีสุด ๔. ไม่อา่ นตู่ตวั อกั ษร คอื เพยี้ นตัว ไมต่ รงตัว เช่น อ่านตตู่ วั ด เป็น ค หรอื อา่ น ฑ เปน็ ด ในบางคำ ๕. มีสมาธิสำรวมใจอย่กู ับเร่อื งทอ่ี า่ น และทำความเข้าใจตามเรื่องไปด้วย ๖. การอ่านควรใช้นำ้ เสียง อารมณ์ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับเนอื้ หาของเร่ือง และเหตกุ ารณ์ มารยาทในการอา่ น ๑)ไมอ่ า่ นออกเสยี งดังจนรบกวนผู้อน่ื (๒) ออกเสยี งถูกต้องชัดเจน ตามอกั ขรวธิ ี (๓) กรณีอา่ นหนงั สอื ในหอ้ งสมดุ ต้องไมส่ ง่ เสยี งหรอื ทำเสียงดงั รบกวนผอู้ ่ืน (๔) เลือกอา่ นหนังสือทม่ี ีประโยชน์ต่อตนเองและสังคม (๕) อา่ นอย่างมวี จิ ารณญาณ มีเหตุผล ไมห่ ลงเช่อื ในสิ่งงมงายไร้เหตุผล (๖) ระมดั ระวงั ในการถอื หนงั สอื มใิ หเ้ กดิ ความเสยี หาย (๗) ถา้ ตอ้ งการเรือ่ งหนึ่งเรอื่ งใดจากหนังสือ อาจเพอ่ื นำไปเป็นหลกั ฐาน อ้างอิงควรถ่ายสำนวนไว้ ไมค่ วรฉีกออกไปจากเลม่ (๘) การแสดงความคดิ เหน็ ในการอา่ นต้องมีเหตผุ ล ไมม่ อี คติในการอา่ น
แบบบันทึกการศกึ ษาคน้ ควา้ และการแก้ปัญหา กลุม่ .................................................. ประธาน รองประธาน รายชอ่ื สมาชิก 1. ........................................................................ เลขานกุ าร 2. ....................................................................... 3. ....................................................................... 4. ....................................................................... 5. ....................................................................... 6. ...................................................................... ตอนที่1 หัวขอ้ ปัญหา..................................................................................................................................... สิ่งทต่ี อ้ งการรู้ วิธหี าคำตอบ แหล่งข้อมูล ตอนท่ี 2 สรุปผลการศกึ ษาค้นคว้า/แก้ปัญหา
ใบงาน เรอื่ ง เดก็ ดี อา่ นคดิ พิชิตปัญหา ชื่อ.........................................................................................เลขท.ี่ ..................ชั้น..................... คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นเขยี นแผนภาพความคิดสรุปความรู้เรื่อง การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว แผนภาพความคิด (Mind mapping) การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้
เกณฑ์การประเมนิ การอา่ นออกเสยี งรอ้ ยแกว้ รายการ ๔ ระดับคุณภาพ ๑ นำ้ หนัก คะแนน ประเมิน ๓๒ คะแนน รวม อา่ นได้บา้ ง ๑. ความ อ่านได้ถกู ต้อง อ่านได้ถกู ต้อง อา่ นได้ ผดิ ไม่ ผดิ มากกวา่ ๔ ๑๖ ถกู ตอ้ งในการ ท้ังหมด ทั้งหมด ผิดไม่ เกิน ๑๐ คำ ๑๐ คำ อา่ น เกนิ ๓ คำ ๒. นำ้ เสยี ง อ่านไดช้ ดั เจน อา่ นไดช้ ัดเจน อา่ นได้ อ่านได้บ้าง การเว้นวรรค สอ่ื ความรูส้ กึ สือ่ ความรู้สึก คอ่ นข้างช้า ส่อื เสียงเบา ไม่ ๑ ๔ ตอน ของเร่ืองท่ี ของเรอ่ื งท่ี ความรูส้ ึกของ ชัดเจน ส่อื อ่านได้ดี อ่านไดพ้ อใช้ เร่อื งท่อี า่ นยงั ความร้สู กึ ไมช่ ัดเจน ไมไ่ ด้ ๓. การแบง่ แบง่ วรรคตอน แบ่งวรรคตอน แบง่ วรรคตอน แบ่งวรรค วรรคตอน ตามหลักการ ตามหลกั การ ตามหลักการ ตอนตาม อ่านได้ถกู ตอ้ ง อา่ นได้พอใช้ อ่านไดบ้ า้ ง หลกั การ ๒ ๘ เป็นบางแหง่ อา่ นไม่ ถกู ต้อง ๔. ออกเสียง ออกเสียงคำทม่ี ี ออกเสยี งคำที่มี ออกเสยี งคำท่ีมี ออกเสียงคำที่ คำท่มี ี ร ล ร ล และคำ ร ล และคำ ร ล และคำ มี ร ล และ และคำควบ ควบกล้ำ ควบกล้ำ ควบกล้ำ คำควบกลำ้ ๓ ๑๒ กลำ้ ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ งตาม ถกู ตอ้ งตาม ถกู ตอ้ งตาม ยงั ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามอกั ขรวิธี อักขรวธิ ีได้ดี อักขรวิธีไดด้ ี อกั ขรวธิ ีได้ ตามอักขรวธิ ี มาก พอใช้ รวมคะแนน ๔๐ เกณฑ์การตัดสนิ /ระดบั คุณภาพ คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๕ หมายถงึ ดีเยย่ี ม คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดบั ๔ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดับ ๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐ – ๑๙ ระดบั ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ผ่านระดบั ๓ ขน้ึ ไป
แบบบันทึกคะแนนการอา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้ รายการ ๑. ความ ูถก ้ตองในการอ่าน ประเมนิ ๒. น้ำเ ีสยงการเ ้วนวรรคตอน เลข ๓. การแ ่บงวรรคตอน ๔. ออกเ ีสยงคำ ี่ท ีม ร ล และคำ ที่ คะแนน ควบก ้ลำถูก ้ตองตามอักขรวิธี ชือ่ -สกุล รวมคะแนน ระ ัดบ ุคณภาพ ๑๖ ๔ ๘ ๑๒ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ทก่ี ำหนดไวข้ า้ งต้น
เกณฑก์ ารประเมนิ การเขยี นแผนภาพความคิด (Mind Mapping) รายการ ระดบั คณุ ภาพ น้ำหนกั คะแนน ประเมิน ๔ ๓ ๒ ๑ คะแนน รวม ๑. ความคิด เขียนแผนที่ เขยี นแผนที่ เขียนแผนท่ี เขียนแผนท่ี รวบยอด ความคดิ ทีแ่ สดง ความคิดทแี่ สดง ความคิดท่ี ความคิดท่ี ความคิดรวบยอด ความคิดรวบ แสดงความคิด แสดงความคิด ๓ ๑๒ หลกั ถกู ต้อง ยอดหลักถูกตอ้ ง รวบยอดหลกั รวบยอดหลัก ๑๒ ตรงประเดน็ ถูกตอ้ ง ไม่ตรง ๑๒ ประเด็น ๔ ๔๐ ๒. ความคิด ขยายความคิด ขยายความคิด ขยายความคิด ขยายความคิด รอง รองได้ถกู ต้อง รองได้ถูกต้อง รองไดถ้ กู ต้อง รองไดไ้ ม่ ครบทุกประเด็น แตไ่ มค่ รบทกุ มีจำนวนนอ้ ย ถูกต้อง ๓ ประเด็น ประเด็น มีจำนวนมาก ประเดน็ ๓. ความคิด ขยายความคิด ขยายความคิด ขยายความคิด ขยายความคิด ยอ่ ย ย่อยไดถ้ กู ตอ้ ง ย่อยได้ถูกต้อง ย่อยไดถ้ ูกตอ้ ง ย่อยได้ถกู ต้อง ครบทกุ ประเดน็ แต่ไม่ครบทุก มจี ำนวนน้อย ๓ ประเด็น ประเด็น มีจำนวนมาก ประเดน็ ๔. การ เช่ือมโยงความคิด เชื่อมโยง เชอ่ื มโยง ไมเ่ ช่อื มโยง เช่อื มโยง รวบยอดหลัก ความคิดรวบ ความคดิ รวบ ความคิดรวบ ความคดิ ความคิดรอง ยอดหลกั ยอดหลกั ยอดหลัก ๑ ความคดิ ย่อยได้ ความคิดรอง ความคิดรอง ความคิดรอง ชดั เจน ความคดิ ยอ่ ยได้ ความคดิ ย่อย ความคิดย่อย รวมคะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ /ระดับคณุ ภาพ คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๕ หมายถงึ ดเี ย่ยี ม คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดบั ๔ หมายถงึ ดมี าก คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดบั ๓ หมายถึง ดี คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐ – ๑๙ ระดับ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ผา่ นระดบั ๓ ขน้ึ ไป
๑. ความ ิคดรวบยอดแบบบันทึกคะแนนการเขียนแผนภาพความคดิ (Mind Mapping) ๒. ความ ิคดรอง ๓. ความ ิคด ่ยอยรายการประเมิน ๔. การเ ่ืชอมโยงความ ิคดคะแนน รวมคะแนน ระ ัดบ ุคณภาพเลข ชอ่ื -สกลุ ที่ ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ให้ดูจากเกณฑ์ทกี่ ำหนดไว้ข้างต้น
แบบประเมนิ การทำงานเป็นกลุ่ม กลมุ่ ท…่ี ……ชั้น…........................…ใบงานที่…...…เรือ่ ง….............………………………………. คำช้แี จง นักเรียนได้ปฏิบัตอิ ยา่ งไรใหต้ อบในเร่ืองทีต่ รงกบั การปฏิบตั ิของนักเรียนมากทีส่ ุดคอื ไม่ปฏบิ ัตเิ ลย ใหท้ ำเครอ่ื งหมาย ลงในช่องคะแนน 1 ปฏบิ ัติเพียงเลก็ น้อย ให้ทำเคร่ืองหมาย ลงในช่องคะแนน 2 ปฏบิ ัติเป็นครง้ั คราว ให้ทำเครื่องหมาย ลงในช่องคะแนน 3 ปฏิบตั ิบ่อยๆ ใหท้ ำเคร่ืองหมาย ลงในช่องคะแนน 4 ปฏบิ ัตเิ ปน็ ประจำ ใหท้ ำเคร่อื งหมาย ลงในช่องคะแนน 5 พฤติกรรมทตี่ ้องประเมิน 5 43 21 1. การวางแผนการทำงานร่วมกนั 2. การแบ่งหนา้ ท่รี ับผดิ ชอบในกลมุ่ 3. การให้ความร่วมมอื ของสมาชิก 4. การยอมรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อน่ื และการแสดงความคิดเหน็ 5. การแกป้ ัญหาภายในกลุม่ รวม เกณฑ์การประเมนิ ไดค้ ะแนนรวมไมน่ ้อยกว่า 15 คะแนน ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ นำคะแนนรวม มาคดิ เทียบเปน็ คะแนนในสว่ นของทักษะกระบวนการโดยใชป้ ระเมินขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม
แผนการเรียนรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง อ่านคดิ พิชิตปัญหา (2) เวลา 2 ชวั่ โมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความร้แู ละความคิด เพือ่ นำไปใชต้ ดั สินใจ แกป้ ัญหาใน การดำเนนิ ชีวิตและมีนสิ ัยรกั การอา่ น ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.๔/๑ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว และบทร้อยกรองไดถ้ ูกต้อง มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี น เขียนสื่อสาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราว ในรูปแบบตา่ งๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ตัวชว้ี ัด ท 2.๑ ป ๔/๓ เขียนแผนภาพโครงเรอ่ื ง และแผนภาพความคิดเพอื่ ใชใ้ นการพฒั นางานเขียน มาตรฐาน ท 5.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ ค่า และนำมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง ตัวช้วี ดั ท 5.๑ ป ๔/1 ระบขุ ้อคิดจากนิทานพืน้ บา้ นหรือนทิ านคตธิ รรม ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ ไดถ้ ูกตอ้ งชดั เจน จะทำใหก้ ารอ่านมปี ระสิทธภิ าพจบั ใจความถามตอบ อย่างมีเหตผุ ลได้ สามารถส่อื สารดว้ ยแผนภาพโครงเรอื่ งอยา่ งสร้างสรรค์ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรยี นในการอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ อย่างถกู ตอ้ ง 2. นกั เรียนบอกข้อคิดจากเรอ่ื งท่ีอา่ นได้ 3. นกั เรียนสามารถเขียนสอ่ื สารด้วยแผนภาพโครงเรื่องได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.๑. การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ 3.2. การเขียนแผนภาพโครงเรอ่ื ง 4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 4.๑. ความสามารถในการคิด 4.๒. ความสามารถในการสื่อสาร 5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์/ค่านิยม 5.๑. มวี นิ ัย 5.๒.ใฝเ่ รยี นรู้ 5.๓.มุ่งมนั่ ในการทำงาน
6. ช้ินงาน/ภาระงาน แผนภาพโครงเรอื่ ง 7.การวดั ประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารผา่ น ผา่ นร้อยละ60 วิธกี าร ๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ๑. สงั เกตพฤติกรรม ๒. แบบประเมินการทำงานกลุม่ ๓. แบบประเมนิ การเขยี นแผนภาพ -การอ่านออกเสียง -การถามตอบ โครงเรือ่ ง -การเข้าร่วมกิจกรรม ๒. ประเมนิ การทำงานกลุ่ม ๓. ประเมนิ การเขยี นแผนภาพ โครงเร่อื ง ๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (กระบวนการเรียนรู้เน้นกระบวนการปฏิบัติ) ชวั่ โมงที่ 1 ข้ันท่ี 1 สังเกต รบั รู้ 1. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั รอ้ งเพลง “มาอ่านหนงั สอื กนั เถอะ” (ท้ายแผน)แลว้ ช่วยกันบอก เร่อื งราวจากเนอ้ื เพลงเพอื่ ทบทวนความร้หู ลกั การอ่านจากช่วั โมงท่ีแลว้ 2. นักเรยี นเลา่ เรือ่ งจากการอ่านบทร้อยแก้ว เรอ่ื ง เดก็ ดีศรีโรงเรยี น ในหนงั สือภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปที 4่ี โดยให้ผลัดกันเล่าต้งั แตต่ น้ จนจบ ข้นั ท่ี 2 ทำตามแบบ 3. ใหน้ กั เรียนแบ่งเปน็ กลุ่ม(ควรใช้กลมุ่ เดิมตลอดจนจบแต่ละหนว่ ย) 4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั อ่านออกเสยี งบทร้อยแกว้ เร่อื งเดก็ ดีศรโี รงเรียน พร้อมกนั โดย อ่านทีละกลมุ่ แล้วให้กลมุ่ อ่ืนช่วยกนั บอกขอ้ บกพรอ่ งของการอ่านออกเสยี ง ครคู อยแนะนำเพ่ิมเตมิ 5. ครสู นทนาบทเรยี นโดยให้นักเรยี นชว่ ยกนั ต้ังคำถามและตอบคำถามเกีย่ วกับเนือ้ เร่ืองท่ี อา่ นเช่น ใคร ทำอะไร ที่ไหน อยา่ งไร และผลเป็นอยา่ งไร แลว้ ให้นกั เรียนทำแบบฝึกหดั ตอบคำถามจากเนือ้ เรอ่ื งในหนังสอื แบบฝึกหดั รายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวิต ทักษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปีท4่ี หนา้ 109-111 6. ครูนำเสนอแผนภูมิ แผนภาพโครงเร่ืองคนดีศรีโรงเรยี นบนกระดานดำ 7. นักเรียนและครชู ่วยกนั อภปิ รายและเตมิ ข้อความของคำถามในแผนภาพโครงเร่ือง 8. นกั เรียนอาสาสมคั รออกมาเลา่ เร่อื งและบอกขอ้ คิดจากเรือ่ งตามแผนภาพโครงเรือ่ งบน กระดานดำใหเ้ พือ่ นๆฟงั สว่ นนักเรยี นคนอน่ื ๆ และครูคอยแกไ้ ข ปรบั ปรงุ เพิม่ เติม ถ้าผเู้ ล่าเล่าเรื่องผดิ ช่ัวโมงที่ 2 ทบทวนความรเู้ ดมิ ทีเ่ รยี นจากชัว่ โมงท่แี ลว้ โดยการให้นักเรยี นเลน่ เกม ลำดบั เหตุการณน์ ทิ านสนุก (ท้ายแผน)
ขัน้ ท่ี 3 ทำเองโดยไมม่ แี บบ 9. สมาชิกในแต่ละกลมุ่ รว่ มกันวางแผนการอา่ นออกเสยี งและจบั ใจความสำคญั ของเร่ืองอกี คร้ัง ตามย่อหน้าทคี่ รกู ำหนดโดยไมม่ ีแบบ 10. ใหน้ กั เรียนช่วยกนั อภปิ รายตั้งคำถามเติมคำถาม และเหตกุ ารณ์ตามแผนภาพโครงเรือ่ ง ด้วยภาษาของตนเอง เชน่ ใคร : …………………….......................................... ที่ไหน : ……………………......................................... เม่ือไร : ……………………......................................... เหตกุ ารณ์ : …………………………………............…………… อยา่ งไร : …………………………………………...........…… ขอ้ คิด : …………………………………………..........…… 11. นักเรยี นและครูช่วยกนั สรปุ บทเรยี นตามยอ่ หน้าที่ครูกำหนดอีกครงั้ หนงึ่ 12. ให้นกั เรียนแตล่ ะคนเขยี นเร่ืองตามแผนภาพโครงเร่ืองด้วยคำพูดของนกั เรยี นเองลงใน สมุด ขน้ั ท่ี 4 ฝกึ ทำให้ชำนาญ 13. นักเรียนรว่ มกนั อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ นทิ านคตธิ รรม เร่ือง เส้ือใหม่ของเปยี๊ กแล้วฝกึ ถามตอบและสรปุ ข้อคิดจากเร่อื งที่อา่ นในใบงาน(ท้ายแผน) 14. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั เขียนแผนภาพโครงเรอื่ งด้วยภาษาของตนเองลงในใบงาน แผนภาพโครงเรือ่ ง ( ท้ายแผน ) เสรจ็ แล้วครูตรวจสอบและแนะนำแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง 15. มอบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ ทักษะในหนังสอื แบบฝกึ หัดรายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพื่อชวี ิต ทกั ษะภาษา ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่4ี หนา้ 116-117 (การบา้ น) ๙. ส่ือและแหลง่ เรยี นรู้ ๙.๑ หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชวี ิต ภาษาพาที ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๔ เร่ือง คนดีศรีโรงเรียน หน้า 176 - 183 9.2 หนังสอื แบบฝกึ หัดรายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพอ่ื ชีวติ ทกั ษะภาษา ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี4 ๙.3 เพลงและเกม 9.4 บทอา่ นร้อยแก้วเร่อื งเสื้อใหมข่ องเปี๊ยก 9.5 ใบงานฝกึ ถามตอบสรปุ ข้อคิด 9.6 ใบงานแผนภาพโครงเรือ่ ง ๑0. ขอ้ เสนอแนะ
เพลง มาอ่านหนังสอื กันเถอะ ทำนอง เพลงปูนาขาเก เนอื้ ร้อง ปาริชาติ เขง่ แกว้ มหี นงั สอื บันเทงิ สำราญ การต์ ูน นทิ าน เรอ่ื งสน้ั มากมี หากหนอู ยากรู้ ใหค้ น้ ดทู นั ที หยิบอ่านสกั นดิ สักนดิ คนดี อา่ นเขยี น เรยี นสนุก สุข..ใจเปรมปรดี ์ิ มา มา มะ เร็วซี อย่ามัวรอรี ปล่อยชีวี ไปวันๆ (ซ้ำ) คุณครทู ่านเคยสั่งสอน เปน็ อทุ ธาหรณ์สอนใจ เดก็ น้อยจงจำใส่ใจ ให้นำไป ใช้อยา่ งหลากหลาย การอ่านออกเสยี งทด่ี ี ควรตอ้ งมี ลีลามากมาย วรรคตอน จังหวะแบ่งไว้ ทำความเขา้ ใจอารมณ์เร่ืองราว เกม ลำดบั เหตกุ ารณน์ ทิ านสนกุ จุดประสงค์ 1. ฝึกทกั ษะการอา่ น 2. ฝกึ การลำดับเหตุการณ์/เรอ่ื งราว วธิ ดี ำเนนิ การ 1. นักเรียนแบง่ กลมุ่ 3-5 คน ครูใหน้ กั เรยี นอา่ นเรอ่ื ง/นิทาน/เรอ่ื งสัน้ โดยแตล่ ะกล่มุ ช่วยกนั จำเรอ่ื งราวและใจความสำคญั ของเร่ือง 2. ครูบอก กตกิ าการเล่นเกมและแจกแถบประโยคให้นกั เรยี นทุกกลมุ่ นกั เรยี นแตล่ ะ กลุ่มชว่ ยกนั เรียงลำดบั เหตกุ ารณ์ตามนทิ านเรอื่ งท่ีอ่าน กลมุ่ ใดเสร็จกอ่ นนำไปตดิ ท่ี ผนังหน้าช้ันเรยี น 3. กลุ่มใดเรียงเสรจ็ ก่อนและถกู ตอ้ ง เป็นกลมุ่ ทชี่ นะ (หนงั สอื เกมภาษาสื่อความคิดพชิ ติ การอ่าน ของวิภา ตณั ฑุลพงษ)์
บทร้อยแกว้ สำหรับอา่ น เรอ่ื ง เสื้อใหมข่ องเปย๊ี ก เป๊ยี กเป็นหอยทากทก่ี นิ เกง่ จนเพอื่ นต้งั ฉายาวา่ “นักกินแหง่ ท้องท่งุ ” มนั รกั เปลอื กหอยของ มันมากเพราะใครๆกช็ มว่าสวย วันหนึง่ มันรู้สกึ อดึ อัดเพื่อนๆบอกให้เปยี๊ กเปลีย่ นเปลอื กหอยใหม่ เพราะมนั อ้วน มันจงึ ถอดเปลือกหอยเกา่ ท้งิ ไปหาเส้อื ตัวใหม่ท่ีสวยและไมเ่ หมือนใคร เพอ่ื นๆหัวเราะท่เี ปีย๊ กเอาฝาขวดมาใส่ มัน อายมากรบี ออกเดนิ ทางหาเสอื้ ตวั ใหม่ มันเอาทอ่ ยางมาใสแ่ ต่ท่อยางแขง็ จนมนั เดินไมไ่ ด้ จึงรอ้ งใหแ้ มก่ ระตา่ ยมา ช่วยดึงออกจากท่อยาง ตอนเท่ียงเปย๊ี กพบแมลงเต่าทอง จึงขอปกี สีแดงของแมลงเปน็ เสอ้ื ใหมแ่ มลงเต่าทองให้ ไม่ได้ มันเสียใจจึงออกเดินทางตอ่ ตอนบา่ ยมนั รูส้ ึกเหนอื่ ยจงึ เขา้ ไปนอนในรงั นกแมน่ กไมพ่ อใจไล่มันออกจากรัง คืนนน้ั อากาศหนาวเยน็ มากเปีย๊ กไม่มเี สอ้ื มันจึงไปขออย่กู ับหงิ่ หอ้ ยๆแนะนำให้มนั นอนมดุ ใต้ใบไม้ มนั นอนหลับ อย่างมคี วามสขุ ตลอดคนื เช้าวนั รงุ่ ขนึ้ เปี๊ยกเดนิ ตามแสงอาทิตยแ์ ละเสยี งประหลาดท่ดี ัง “ครืน...ครืน...ครนื ...” มนั พบ ชายหาด “ไชโย! พบแล้วสวยๆทัง้ น้ัน ” เปีย๊ กร้องดว้ ยความดีใจ มันรีบเลือกเปลือกหอยที่ชายหาดแลว้ ทดลอง เข้าไปและลองเคลื่อนตัวบนพนื้ ทราย มันเห็นปู ปลาดาว แมงกะพรนุ และมีสาหร่ายมากมาย เปย๊ี กไดเ้ สอื้ ใหมพ่ บ เพ่อื นใหม่และบ้านใหมท่ ีน่ ่าอยู่ มันมีความสขุ เพือ่ นๆมคี วามสุขเหมือนเปี๊ยกไหม ( เคร้าโครงเรื่องจากนิทานเร่ืองเส้อื ใหม่ของเปยี๊ ก โดย วภิ า ตัณฑลุ พงษ์ )
ใบงาน เร่อื ง การเขยี นแผนภาพโครงเร่อื ง คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนอ่านบทร้อยแก้วเรื่อง เสื้อใหมข่ องเปีย๊ ก แล้วเขยี นแผนภาพโครงเรื่องใหถ้ กู ต้อง ___________________________________________________________________ แผนภาพโครงเรือ่ ง ........................................................... ใคร : ……………………………………………………………………………………...........................….. ที่ไหน : ………………………………………………………………...................................................… เมอ่ื ไร : ……….................................................………………………………………………………… เหตุการณท์ 1่ี : เหตุการณท์ 2่ี : เหตุการณ์ท่ี3 : เหตกุ ารณ์ท4่ี : เหตุการณท์ 5่ี : บทสรุป : ………...………………………………………………...………………………….…………………………... ………………………………………………...………………………………………………...……………………………………………………... .............................................................................................................................................................................. ข้อคิด : ………...………………………………………………...…………………..………………………………….... ………………………………………………...………………………………………………...……………………………………………………... ............................................................................................................................................................................. กลมุ่ ................................................... สมาชิก : ๑. .............................................. ๒................................................ ๓. .............................................. ๔. ............................................... ๕. .............................................. ๖. ...............................................
ใบงาน เร่อื ง ฝึกถามตอบและสรุปขอ้ คดิ ช่ือ..................................................................................................... เลขที่.................... ชั้น...................... ___________________________________________________________________________ คำชี้แจง ให้นกั เรยี นเขยี นคำถามและคำตอบแล้วสรปุ ขอ้ คดิ จากการอา่ นบทรอ้ ยแกว้ เรือ่ ง เสอื้ ใหม่ของเปย๊ี ก 1. คำถาม คำตอบ 2. คำถาม คำตอบ 3. คำถาม คำตอบ 4. คำถาม คำตอบ 5. คำถาม คำตอบ สรปุ สาระสำคญั ของเรอ่ื ง
เกณฑ์การประเมินการเขยี นแผนภาพโครงเร่ือง รายการ ๔ ระดับคณุ ภาพ น้ำหนัก คะแนน ประเมนิ ๓๒ ๑ คะแนน รวม ๑. เนือ้ เรื่อง เนื้อเร่ืองสรปุ เนอ้ื เรอื่ ง สรปุ เนอ้ื เรือ่ ง สรุป เน้อื เร่อื ง สรุป ๓ ๑๒ สรปุ ถกู ตอ้ งตาม ถูกต้อง แต่ไม่ ถกู ต้อง ยังไม่ถูกต้อง หลกั เกณฑ์ ครบถ้วน เลก็ นอ้ ย ๒. ลำดับความคิด ลำดบั ความคิด ลำดับความคิด ลำดับความคิด ลำดบั ความคิด ๓ ๑๒ เหตกุ ารณ์ เหตกุ ารณ์ เหตุการณ์ เหตกุ ารณ์ เหตุการณ์ ๓ ๑๒ ตอ่ เน่อื งสมั พนั ธ์ ต่อเนือ่ ง ต่อเนอื่ ง ต่อเนื่อง ตอ่ เนอ่ื งยังไม่ กัน สัมพนั ธ์กันดี สมั พันธ์กัน สัมพันธ์กัน สมั พันธ์กนั พอใช้ บ้างเปน็ มาก บางครัง้ สำนวนภาษา สำนวนภาษา สำนวนภาษาสื่อ ๓. สำนวนภาษา สำนวนภาษา ส่ือความหมาย ส่ือความหมาย ความหมายยงั ไม่ สอื่ ความหมาย ส่อื ความหมาย ได้ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ งเป็น ถูกต้อง ชดั เจน ไดถ้ กู ต้อง พอใช้ บางข้อความ ชดั เจน ดมี าก ๔. ความสะอาด สะอาด เป็น สะอาด เป็น สะอาด เป็น สะอาด เป็น เป็นระเบยี บ ระเบียบ ระเบียบ ระเบียบ ระเบียบ มีรอยลบ เรยี บรอ้ ย ลายมือ ลายมือ ลายมือ ขดู ขีดฆ่า ๑ ๔ สม่ำเสมอ ไมม่ ี สม่ำเสมอ มี สม่ำเสมอ รอย มากกว่า ๔ แหง่ ๔๐ รอยขีดฆ่า รอยขีดฆ่า ขดี ฆ่า ลบ ๓- เล็กน้อย ๔ แห่ง รวมคะแนน เกณฑก์ ารตัดสิน/ระดับคุณภาพ คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๕ หมายถึง ดีเยย่ี ม คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดบั ๔ หมายถึง ดมี าก คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดบั ๓ หมายถึง ดี คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดับ ๒ หมายถงึ พอใช้ คะแนน ๐ – ๑๙ ระดับ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง เกณฑก์ ารผา่ น ผา่ นระดับ ๓ ข้นึ ไป
๑. เนื้อเร่ือง สรุป แบบบันทึกคะแนนการเขยี นแผนภาพโครงเร่ือง ๒. ลำ ัดบความ ิคดเห ุตการ ์ณ ่ตอเน่ือง ัสมพันธ์กันรายการประเมนิ ๓. สำนวนภาษา ่ืสอความหมายคะแนน ัชดเจน ๔. ความสะอาดเ ็ปนระเ ีบยบเลข ช่ือ-สกลุ เรียบร้อยท่ี รวมคะแนน ระ ัดบ ุคณภาพ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ทีก่ ำหนดไวข้ า้ งต้น
แผนการเรียนร้ทู ่ี 3 เร่ือง คำนีม้ คี วามหมาย เวลา 1 ช่ัวโมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอา่ นสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่อื นำไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ัญหาใน การดำเนินชวี ิตและมนี ิสัยรักการอ่าน ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ป.๔/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว และบทรอ้ ยกรองได้ถกู ตอ้ ง ท ๑.๑ ป.๔/2 อธิบายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเรอ่ื งท่ีอา่ น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขยี นส่อื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเร่อื งราว ในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั ชี้วดั ท 2.๑ ป ๔/1 คัดลายมือตัวบรรจงเตม็ บรรทัดและคร่ึงบรรทดั มาตรฐาน ท 4.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และ พลงั ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ช้วี ดั ท 4.๑ ป.๔/1 สะกดคำและบอกความหมายของคำในบรบิ ทได้ ๒. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การอธิบายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเรอ่ื งทอี่ า่ นได้ถกู ตอ้ งตามหลกั และธรรมชาติ ของภาษาทำให้การสื่อสารมีความชัดเจน จุดประสงค์การเรยี นรู้ นักเรยี นบอกความหมายของคำ และแตง่ ประโยคจากเร่อื งทอี่ า่ นได้ถูกตอ้ ง 3. สาระการเรยี นรู้ การอา่ นออกเสียงและบอกความหมายคำ ประโยค สำนวน จากเรอ่ื งท่อี า่ น 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 4.๑. ความสามารถในการสือ่ สาร 4.๒. ความสามารถในการคดิ 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์/ค่านยิ ม 5.๑. มวี นิ ยั 5.๒.ใฝเ่ รียนรู้ 5.๓.มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 6. ชิน้ งาน/ภาระงาน ใบงาน เรอื่ ง คำน้มี คี วามหมาย
7.การวัดประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน ผา่ นร้อยละ60 วธิ ีการ 1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรม 1. สังเกตพฤติกรรม 2. ใบงาน คำน้มี คี วามหมาย -การอา่ น -การตอบคำถาม 2. ตรวจผลงาน ๘. กจิ กรรมการเรียนรู้ (กระบวนการสรา้ งความรู้) ขนั้ ที่ ๑ ขั้นแนะนำ 1. ครูชี้แจงถงึ การเรียนรู้ในชัว่ โมงน้ีให้นักเรียนทราบและรว่ มกันสนทนาสร้างแรงจงู ใจ เกยี่ วกบั ความสำคัญและความหมายของคำ ประโยค สำนวนต่างๆในภาษาไทย หรือยกตัวอยา่ งคำ ประโยคทม่ี ี การส่ือสารไม่ถูกต้องชดั เจน 2. นักเรียนเลน่ เกมปรศิ นาคำทาย (ท้ายแผน)โดยครูอา่ นความหมายของคำทีต่ อ้ งการคำตอบ และให้นักเรยี นชว่ ยกันหาคำท่ีมีความหมายตรงกันกับที่ครูอา่ น ขั้นท่ี ๒ ขนั้ ทบทวนความรู้เดิม 3. นักเรยี นอ่านคำและประโยคจากหนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพอื่ ชวี ติ ภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๔ เรอ่ื ง คนดีศรโี รงเรียน หนา้ 185 โดยการอา่ นตามครู 4. ครูและนักเรียนร่วมกนั สนทนาเก่ียวกบั ความหมายของคำและประโยคท่ไี ดอ้ ่าน ข้นั ที่ ๓ ขน้ั ปรับเปล่ยี นความคดิ 5. แบง่ กลุ่มนกั เรียนตามความเหมาะสม ให้แต่ละกลุ่มศกึ ษาคน้ หาคำทมี่ ีตวั การันต์และคำ พอ้ งเสยี ง จากในหนงั สือเรยี นรายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพ่อื ชวี ิต ภาษาพาที เรื่อง คนดศี รโี รงเรียน ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๔ หน้า175-183 6. แตล่ ะกล่มุ สง่ ตวั แทนนำเสนอและเขียนคำลงบนกระดานดำ โดยจัดแบ่งเปน็ กล่มุ ทนี่ ำเสนอ คำพ้องเสยี งและกลมุ่ ท่ีนำเสนอคำทม่ี ีตัวการันต์ จากนัน้ ทกุ คนชว่ ยกนั อา่ นและตรวจสอบการอา่ นให้ถกู ตอ้ ง อ่านเปน็ กลุ่มหรอื อา่ นเปน็ รายบคุ คล โดยฝึกซำ้ ๆ พรอ้ มยกตัวอย่างคำและอธบิ ายความหมายของคำ 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายความหมายของคำที่นำเสนอบนกระดานและช่วยกนั แต่ง ประโยคปากเปล่า 8. ครูมอบหมายใหน้ ักเรยี นทำแบบฝึกทกั ษะในหนังสอื แบบฝกึ หดั รายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพือ่ ชีวติ ทักษะภาษา เรอื่ ง คนดศี รีโรงเรยี น ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔ หนา้ 112 – 113 ขนั้ ท่ี ๔ ขั้นทบทวน 9. นักเรียนรว่ มกนั สรุปความสำคญั และความเขา้ ใจเกยี่ วกบั การอธิบายความหมายของคำ และประโยคจากเร่อื งทอ่ี ่าน 10. นกั เรยี นหาความหมายของคำและแต่งประโยคจากคำท่กี ำหนดให้ในใบงาน เรื่อง คำน้ีมี ความหมาย (ท้ายแผน) พรอ้ มคัดลายมอื ตัวบรรจงคร่ึงบรรทัด ๙. สอ่ื และแหลง่ เรยี นรู้ ๙.๑ หนงั สือเรียน รายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพอ่ื ชวี ิต ภาษาพาที ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ ๙.๒ หนังสอื แบบฝกึ หดั รายวิชาพ้ืนฐานภาษาไทย ชดุ ภาษาเพอื่ ชีวติ ทกั ษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๔ ๙.๓ คลิปท่ีเกย่ี วกับการพูดประเภทต่างจาก you tube ๙.4 เกมทายคำตามความหมาย
๑0. ขอ้ เสนอแนะ
เกมทายคำตามความหมาย ชดุ ท่1ี ปริศนาประเภทคำตอบ ใชค้ ำข้นึ ต้นเหมือนกนั โดยบอกคำหน้า คำข้นึ ตน้ ดว้ ย จำ เรามคี ำอยู่มากมาย จงึ ควรรคู้ วามหมาย และรคู้ ำวา่ จำใด (1) จำ หนึ่งพระอยู่วัด กำหนดชดั สามเดือนไป (2)อีก จำ คือตง้ั ใจ (3) จำ อะไรทำเนืองๆ (4) จำ ใดกำหนดไว้ เพ่ือมใิ หต้ อ้ งส้ินเปลือง (5) จำ ใดเม่ือมีเรอื่ ง ต้องเจรจาหาหนทาง (6) จำ ใดกำหนดนบั แลว้ จงึ รับมากนอ้ ยบ้าง (7) จำ ใดหมดหนทาง ต้องยอมแพ้แก่ศตั รู (8) จำ หน่งึ ชอื่ พรรณไม้ ผลกินไดห้ วานน่าดู (9) จำ ทำรูปตัง้ อยู่ แต่เราร้ใู ชข่ องจริง (10) จำ ใดใชส้ ิ่งของ แลกเงนิ ทองได้ทุกสิง่ (11) ทดี่ ินมีคา่ ย่ิง เอาไป จำ ใช้คำใด (12) จำ ใดโจทยก์ ลา่ วอ้าง ก็ตกขา้ งเป็นฝา่ ยไหน (13) ตลกเรยี ก จำ ใด (14) จำ อะไรไดเ้ งนิ มา (15) จำ ใชข้ บั กลอ่ มเสียง ฟงั สำเนียงเพราะหนักหนา (16) จำ เพลินเจริญตา (17) แยกออกมาคือ จำ ใด (18) อกี จำ ปลอมแปลงกาย (19) เวลาสายคอื จำ ไหน (20) พรรณไม้ชอื่ จำ ใด มีดอกหอมชวนดอมดม ทมี่ ิได้ยกมาชม มี จำ อีกมากมาย ผกู เอาไว้ให้จดจำ เชิญชวนคดิ คำคม เฉลยปรศิ นาคำทาย 1.จำพรรษา 2.จำนง 3.จำเจ 4.จำกดั 5.จำนรรจา 6.จำนวน 7.จำนน 8.จำปาดะ 9.จำลอง 10.จำนำ 11.จำนอง 12.จำโนทย์ 13.จำอวด 14.จำหนา่ ย 15.จำเรียง 16.จำเริญ 17.จำแนก 18.จำแลง 19.จำงาย 20.จำปี จำปา
ใบงาน เรอื่ ง คำน้มี คี วามหมาย คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนหาความหมายของคำและแต่งประโยคจากคำท่กี ำหนดใหต้ ่อไปนี้ดว้ ยลายมอื ตัวบรรจง คร่ึงบรรทัด คำ ความหมาย ประโยค ตัวอย่าง ความเที่ยงธรรม /ความชอบ ยุติธรรม ดว้ ยเหตผุ ล ศาลยอ่ มทรงไวซ้ ง่ึ ความยตุ ธิ รรม เกยี รติยศ สมาธิ พฤตกิ รรม ประสิทธิภาพ โฆษณา กติ ติศัพท์ ภมู ลิ ำเนา กลยทุ ธ์ ภมู ปิ ระเทศ บรสิ ุทธิ์
เกณฑก์ ารประเมินการบอกความหมายของคำ รายการ ๔ ระดบั คุณภาพ น้ำหนัก คะแนน ประเมนิ ๓๒ ๑ คะแนน รวม ๑. ความ มคี วามสนใจ มคี วามสนใจ มคี วามสนใจ มีความสนใจ สนใจ ในบทเรียนดี ในบทเรยี นดี ในบทเรียน ในบทเรียน ๓ ๑๒ ในบทเรียน มาก พอใช้ น้อย ๒. การสะกด สะกดคำ สะกดคำผิด สะกดคำผิด สะกดคำผิด ๓ ๑๒ คำ ถูกต้องทุกคำ ๑ – ๓ คำ ๔ – ๖ คำ ๗ – ๙ คำ ๓ ๑๒ ๓. การบอก บอก บอก บอก บอก ความหมาย ความหมาย ความหมายผิด ความหมายผิด ความหมายผิด ถกู ตอ้ งทกุ คำ ๑ – ๓ คำ ๔ – ๖ คำ ๗ – ๙ คำ ๔. ความสะอาด สะอาด เปน็ สะอาด เปน็ สะอาด เปน็ สะอาด เปน็ เป็นระเบยี บ ระเบียบ ระเบียบ ระเบียบ ระเบียบ มีรอย เรียบร้อย ลายมือ ลายมือ ลายมือ ลบ ขูด ขดี ฆ่า ๑ ๔ สม่ำเสมอ ไม่มี สม่ำเสมอ มี สม่ำเสมอ รอย มากกว่า ๔ รอยขีดฆ่า รอยขีดฆ่า ขดี ฆา่ ลบ ๓-๔ แหง่ เล็กน้อย แห่ง รวมคะแนน ๔๐ เกณฑก์ ารตัดสนิ /ระดบั คณุ ภาพ คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๕ หมายถึง ดเี ยย่ี ม คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดบั ๔ หมายถึง ดีมาก คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๓ หมายถึง ดี คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๐ – ๑๙ ระดบั ๑ หมายถงึ ควรปรับปรงุ เกณฑก์ ารผ่าน ผา่ นระดบั ๓ ข้นึ ไป
แบบประเมินการคดั ลายมอื ลำดบั รายการประเมิน คุณภาพการปฏบิ ัติ 1 ท่ี 5432 1 ขนาดของตวั อักษร 2 การวางสระ วรรณยกุ ต์ 3 การเวน้ ระยะชอ่ งไฟ 4 ความสวยงามความมีระเบยี บ 5 ความสะอาดเรียบรอ้ ย รวม ลงช่ือ ..................................................ผปู้ ระเมนิ (.................................................................) ......................./............................./...................... เกณฑ์การตัดสิน/ระดบั คุณภาพ ระดบั ๕ หมายถึง ดเี ยยี่ ม คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดบั ๔ หมายถงึ ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดบั ๓ หมายถงึ ดี คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๒ หมายถึง พอใช้ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดบั ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ คะแนน ๐ – ๑๙ เกณฑ์การผา่ น ผา่ นระดบั ๓ ขึน้ ไป
แผนการเรยี นรู้ที่ 4 เร่อื ง พดู ดเี ปน็ ศรีแก่ตัว(1) เวลา 1 ช่วั โมง ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมีวิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ความคดิ และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวช้วี ดั ท ๓.๑ ป.๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สกึ เกี่ยวกับเรอ่ื งที่ฟัง และดู ท ๓.๑ ป.๔/6 มารยาทในการฟัง การดู และการพดู ๒. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การพดู แสดง ความคดิ เห็น และความรสู้ ึกจากเร่อื งท่ฟี ังและดูจากสือ่ ต่างๆอย่างมีวิจารณญาณและ สร้างสรรค์ มคี วามสำคัญตอ่ การนำไปใช้ในการสื่อสารในชวี ิตประจำวัน และผ้พู ูดต้องมีทักษะในการฟังและมี มารยาทในการฟงั และพูด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นักเรียนบอกหลักการพดู แสดงความคิดเหน็ และความรู้สกึ จากเรือ่ งท่ฟี งั และดูไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. นักเรียนปฏิบตั ติ นเปน็ ผมู้ ีมารยาทในการพดู การฟงั และการดทู ่ดี ีได้ 3. สาระการเรยี นรู้ หลกั การพดู แสดง ความคดิ เหน็ และความรู้สกึ จากเรอ่ื งท่ีฟัง 4. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 4.๑. ความสามารถในการคิด 4.๒. ความสามารถในการส่ือสาร 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์/ค่านยิ ม 5.๑. ใฝเ่ รียนรู้ 5.๒.มุ่งม่ันในการทำงาน 6. ช้ินงาน/ภาระงาน บันทกึ สรุปหลักในการพูดแสดงความรู้ ความคดิ เห็นและความรสู้ ึก 7.การวดั ประเมินผล เคร่ืองมอื เกณฑ์การผ่าน ๑. แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นรอ้ ยละ60 วธิ ีการ ๒. แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิตนใน ๑. สังเกตพฤตกิ รรม ๒. ประเมินการพดู แสดงความ การพดู คดิ เห็น และความรู้สกึ จาก เรอ่ื งทฟ่ี ังและดู ๘. กิจกรรมการเรยี นรู้ (กระบวนการสร้างความร)ู้ ขั้นที่ ๑ ขั้นแนะนำ ๑. ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ใู หน้ ักเรียนทราบและสร้างแรงจูงใจโดยการใหด้ คู ลปิ เกีย่ วกบั การพดู หรือกลา่ วสนุ ทรพจน์ การโตว้ าที
ข้ันที่ ๒ ขนั้ ทบทวนความรู้เดิม ๒. นกั เรียนรว่ มกนั เล่าประสบการณ์การปฏบิ ัติตนในการพูดตามสถานทต่ี า่ งๆและแสดงความ คดิ เหน็ ความรสู้ ึกเกี่ยวกบั ประสบการณ์จากเรอ่ื งทเี่ คยได้ฟังและดู ๓. สนทนาซักถามนักเรยี นเก่ยี วกับการปฏบิ ตั ิตนในการพดู การฟังและการดู วา่ ควรปฏบิ ตั ิ อย่างไรบา้ ง ขนั้ ท่ี ๓ ขน้ั ปรับเปล่ยี นความคดิ ๔. นักเรยี นร่วมกนั สนทนาถึงเรื่องการปฏบิ ัตติ นในการพดู การฟงั และการดูที่ดี โดยให้ นักเรียนอาสาสมัครออกไปเขยี นประโยชน์และขน้ั ตอนของการพูดที่ดตี ามความเข้าใจ บนกระดานดำ ๕. ครูและนกั เรยี นอภปิ รายถงึ การพดู ปฏเิ สธหรอื การพูดโต้แยง้ ในการแสดงความคิดเห็นว่า เราควรมีทกั ษะในการพูดอยา่ งไรจงึ จะทำให้คนฟงั รสู้ กึ พงึ พอใจ ๖. แบง่ กลุ่มนกั เรยี นออกเป็น 5 กลุ่ม ตามความเหมาะสม แล้วให้ช่วยกันศกึ ษาความรู้ทาง ภาษา เรือ่ ง การพูดประเภทต่างๆตามท่ไี ด้รับมอบหมาย จากใบความรู(้ ท้ายแผน) หรือจากหนงั สือภาษาไทย ชดุ ภาษาพาที หน้า 186–188 ๗. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั สรุปลกั ษณะสำคัญของหลักการพดู ประเภทตา่ งๆและทบทวน เกย่ี วกบั มารยาทในการฟังและการพดู ตามทไี่ ดร้ ับมอบหมายแล้วส่งตวั แทนออกมานำเสนอหน้าช้ันเรยี น ขนั้ ท่ี ๔ ขั้นทบทวน ๘. นกั เรยี นร่วมกนั สรา้ งองคค์ วามรเู้ กย่ี วกับหลกั การพดู ประเภทต่างๆ แล้วเขยี นสรปุ ลงใน แบบบนั ทึกหลักการพูดแสดงความรู้ ความคดิ เห็นและความรู้สกึ ที่เกี่ยวกับเร่ืองที่ฟังและดู ๙. ใหน้ กั เรียนทำแบบฝกึ หัดฝกึ การใช้ภาษาจากหนังสือทักษะภาษาหนา้ 114 – 115 ๙. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๙.๑ หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพ่ือชวี ิต ภาษาพาที ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ เร่ือง เด็กดศี รีโรงเรยี น หนา้ 186–188 ๙.๒ หนังสอื เรียนรายวชิ าพื้นฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพอ่ื ชีวิต ทักษะภาษา ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ เรื่องฝึกการใช้ภาษา หนา้ 114 – 115 ๙.๓ คลปิ ท่ีเก่ียวกบั การพูดประเภทตา่ งจาก you tube ๑0. ขอ้ เสนอแนะ
ใบความรู้ เรอื่ ง หลกั การพูดประเภทต่างๆ การพดู แนะนำตวั การแนะนำตวั ต่อบคุ คลอนื่ หรือตอ่ ที่ประชุม ควรเรมิ่ กลา่ วคำ สวสั ดี แล้ว บอกชื่อ นามสกุล อาจ เพ่มิ เตมิ ว่าเปน็ ใคร อยทู่ ่ีไหน และบอกหนา้ ท่ที ไี่ ดร้ บั มอบหมายด้วย เชน่ “สวสั ดีค่ะ ฉนั ชอื่ มานี มทุ ิตาจิต จากอำเภอวังทอง จงั หวดั พิษณุโลกคะ่ ” “สวัสดคี รบั ผมช่อื มนัส จิตเปน็ สุข นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรียนอดุ มวทิ ยาการ เปน็ ผู้ รว่ มอภิปรายครบั ” การพูดสนทนา การสนทนา หรือพูดคุย มกั ใชม้ ากในชวี ิตประจำวัน เชน่ สนทนาในครอบครัวกบั ญาตพิ ่ีน้อง สนทนา กบั เพ่อื น สนทนากบั บคุ คลอ่ืนในสถานทต่ี า่ งๆ การสนทนาจะราบรน่ื มขี ้อควรปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ ๑. สนทนาเรื่องท่อี ย่ใู นความสนใจของคู่สนทนา เช่น เหตุการณ์ปจั จุบันทน่ี ่าสนใจ ๒. สนทนาด้วยไมตรีจิต ยิม้ แย้ม แจม่ ใส ๓. ใชค้ ำพูดและแสดงกิริยาท่าทางท่ีสุภาพ ๔. พดู เรื่องสว่ นตัวของตนเองและผ้อู ่ืนใหน้ อ้ ยท่สี ุด ๕. ร้จู งั หวะในการเปลี่ยนเรอ่ื งสนทนาเพื่อลดความขดั แยง้ และเปลยี่ นเรื่องได้อย่างแนบเนียน การพูดโน้มน้าวใจ การพดู โนม้ น้าวใจเป็นการพดู ให้ผ้อู ่นื เชอ่ื ถือ หรือมคี วามเห็นคล้อยตามในแต่ละวนั เราตอ้ งใชก้ ารพดู ประเภทนม้ี าก เชน่ พูดเชิญชวนให้รว่ มมือทำกิจกรรมใดกิจกรรมหน่งึ พดู โฆษณาส่ิงของ เคร่อื งใช้ หรือกจิ กรรม ท่ีดีๆ ฯลฯ การพูดโนม้ นา้ วใจจะบงั เกิดผลดี มขี ้อควรปฏิบัติดังนี้ 1. ใชภ้ าษาเชงิ เสนอแนะ ขอร้อง วิงวอน เรา้ ใจ ไม่บงั คบั ขู่เขญ็ 2. แสดงเหตุผลประกอบทหี่ นกั แนน่ เหน็ จริง ทำให้เกดิ ความเชื่อถอื 3. เสนอทางเลือกใหเ้ ห็นท้ังดา้ นดแี ละดา้ นเสยี 4. สร้างบรรยากาศให้สนุกเพลิดเพลนิ ผ่อนคลาย สบายๆ ไม่เคร่งเครียด 5. พดู ให้เกิดความรู้สกึ เห็นด้วยอยา่ งแรงกลา้ และเร้าใจให้ปฏิบัติทันที 6. ถา้ ความเหน็ ไมต่ รงกัน ความขดั แย้งอย่างนมุ่ นวลใช้เหตุผล ไมใ่ ชอ้ ารมณ์ การพูดโต้แยง้ ความคดิ เหน็ ของคนเราท่มี ีต่อสง่ิ ใดสง่ิ หน่งึ มักจะมี 2 ประเภท คอื เหน็ ดว้ ยและไม่เหน็ ด้วย ในการพูด โตแ้ ยง้ แสดงความไมเ่ หน็ ดว้ ย มขี อ้ ควรปฏิบัติทีไ่ ม่ก่อใหเ้ กิดผลร้ายตามมาภายหลงั ดังนี้ 1. พดู สุภาพ ใชน้ ำ้ เสียงน่มุ นวล 2. ใช้เหตุผลสนบั สนนุ เพือ่ แสดงว่าไมไ่ ด้ใช้อารมณ์หรือความรูส้ ึกสว่ นตวั อาจยกตัวอยา่ งเปรียบเทียบ แสดงใหเ้ ห็นจริง 3. รูจ้ ักเลอื กแสดงการโตแ้ ย้งในเร่อื งท่สี ร้างสรรค์ เรอื่ งใดท่โี ตแ้ ย้งแล้วไม่เกดิ ประโยชน์ควรหลีกเล่ยี ง 4. ไมพ่ ูดสอ่ เสยี ด พดู สอด หรอื แสดงกริ ิยาอาการทไี่ มเ่ หมาะสม
ใบความรู้ มารยาทในการพูดและการฟงั การฟังและการพดู เป็นการสอ่ื สารใหเ้ กิดความเขา้ ใจกัน รับรเู้ รือ่ งราวซึง่ กัน และกนั ผพู้ ดู เปน็ ผู้ สอ่ื สาร ผฟู้ งั เป็นผรู้ ับสาร สำหรับการฟังนั้นตอ้ งปรบั การสือ่ สาร และการบั สารให้เหมาะกับผู้เข้ารว่ มประชมุ ผ้เู ข้ารว่ มประชมุ ลว้ นมบี ทบาททั้งผู้ฟงั และผ้พู ดู ดังนัน้ จงึ ต้องคำนึงถึงมารยาทการฟงั และการพูดในการ ประชมุ ดงั น้ี ๑. ผฟู้ งั ต้องแสดงให้ผ้พู ูดเหน็ ว่าเรากำลังฟงั อยูต่ ลอดเวลา มใี บหน้ายมิ้ แย้ม ผูกไมตรี มองหนา้ ผทู้ ่ี กำลังพดู และถา้ ต้องการโต้ตอบ จะต้องพดู ด้วยท่าทีทนี่ ิม้ นวล ใช้ภาษาท่ีสุภาพและมีมรรยาท ๒. มีความกระตอื รือร้นท่ีจะฟงั อย่างตัง้ ใจวิเคราะหว์ นิ จิ ฉยั ตามทีไ่ ด้ยินได้ฟงั และควรจดบันทึก ประเดน็ สำคัญ ๓. มีสมาธใิ นการฟัง ไม่สนใจกบั เสียงรบกวนภายนอก ๔. แสดงกริ ยิ าให้ผ้พู ดู รวู้ ่าผู้สนใจฟัง เชน่ พยักหน้า ย้ิม พดู รบั คำ โดยไมเ่ สแสรง้ ๕. ไม่วา่ ผู้พูดจะเปน็ ใคร ผูฟ้ งั จะต้องใจกวา้ งฟงั ความคิดเหน็ ของผพู้ ดู ๖. ไมข่ ดั คอผูพ้ ูดในขณะท่ีผ้พู ดู กำลังพดู ถา้ จะถาม ควรถามดว้ ยเหตุผลไม่ใชอ้ ารมณ์ ๗. ผพู้ ดู จะวเิ คราะหผ์ ฟู้ งั ทั้งเพศ วัย กล่าวปฏสิ นั ถารใหเ้ หมาะกับผ้ฟู งั และปรับตัวให้เข้ากับผู้ฟัง ท้ังภาษาท่ใี ชแ้ ละเรอ่ื งทจ่ี ะยกเป็นตวั อย่างปะกอบคำช้ีแจง ๘. ผพู้ ดู จะต้องใชภ้ าษาท่ีผู้ฟงั เข้าใจง่าย เขา้ ใจไปในทางเดยี วกนั ไมไ่ ขวเ้ ขวจึงพดู ให้ชัดเจนไม่กำกวม ๙. ผพู้ ดู ควรพูดใหเ้ หมาะกบั โอกาส เมอื่ มีผู้โตต้ อบด้วยเหตผุ ล ใจกว้างเมื่อมผี ไู้ มเ่ หน็ ด้วยกับการพดู ของตนและขอความเห็นจากผฟู้ ัง วา่ ควรไปในแนวทางใด
ใบงาน หลกั ในการพดู แสดงความรู้ ความคดิ เห็นและความร้สู กึ ชอ่ื ..................................................................................................... เลขที่.................... ชนั้ ...................... ___________________________________________________________________________ คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขียนสรปุ หลักในการพูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรู้สกึ ใหถ้ ูกตอ้ ง (2๐คะแนน ) ๑. การพดู เชงิ เสนอแนะ ขอร้อง ๒. การพูดแสดงเหตุผลประกอบเพ่ือให้เกดิ ความเชื่อถอื ๓. การพดู เสนอแนวทางเลือกให้เหน็ ท้ังดา้ นดีด้านเสยี ๔. การพูดทส่ี ร้างบรรยากาศใหส้ นกุ สนานเพลิดเพลิน ไมเ่ คร่งเครยี ด ๕. การพดู ที่ทำใหผ้ ู้อน่ื เห็นด้วยอย่างแรงกลา้ และเรา้ ใจให้ปฏิบตั ติ ามทันที
เกณฑก์ ารประเมินการพูด รายการ ๔ ระดบั คุณภาพ น้ำหนัก คะแนน ประเมนิ ๓๒ ๑ คะแนน รวม ๑. พูด พดู ส่ือสารได้ พูดส่ือสารได้ พดู ส่อื สารได้ พูดส่อื สารได้ 3 12 สอื่ สารได้ ตรงประเด็น ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ ตรงประเดน็ ตรงประเด็น มากที่สดุ มาก พอใช้ นอ้ ยมาก ๒. มีความ มีความตง้ั ใจ มคี วามตั้งใจ มคี วามตง้ั ใจ ไม่มีความตัง้ ใจ 1 4 ต้งั ใจในการ ในการพดู ดี ในการพดู ดี ในการพูดดี ในการพดู 1 ๔ พดู มาก พอใช้ ปฏิบัติตนใน ปฏบิ ตั ิตนใน ไมส่ ามารถ ๓. มี ปฏบิ ตั ติ นใน การพูดไดด้ ี การพดู ได้ดี ปฏบิ ตั ติ ามข้อ มารยาท การพูดได้ดี พอใช้ ควรปฏบิ ตั ิใน ในการ มาก การพูดได้ พดู รวมคะแนน ระดบั ๕ 20 เกณฑ์การตัดสิน/ระดับคุณภาพ ระดบั ๔ ระดบั ๓ หมายถึง ดีเยี่ยม คะแนน 16 – 2๐ ระดับ ๒ หมายถึง ดมี าก คะแนน 14 – 15 ระดบั ๑ หมายถงึ ดี คะแนน 12 – 13 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1๐ – 11 หมายถงึ ควรปรบั ปรุง คะแนน ๐ – 9 เกณฑ์การผา่ น ผา่ นระดับ ๓ ขึน้ ไป
แบบบนั ทึกคะแนนการพดู รายการประเมนิ ๑. พูด ่ืสอสารไ ้ดตรงประเ ็ดน คะแนน ๒. ีมความ ั้ตงใจในการพูด ๔. ีมมารยาทในการพูด เลข ชือ่ -สกลุ รวมคะแนน ที่ ระ ัดบ ุคณภาพ ๑๒ 4 4 2๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ข้างต้น
แผนการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรื่อง พูดดีเป็นศรแี กต่ วั (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ๑. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรแู้ ละความคดิ เพ่ือนำไปใชต้ ดั สนิ ใจ แก้ปัญหาใน การดำเนินชวี ิตและมนี ิสยั รกั การอ่าน ตัวชวี้ ัด ท ๑.๑ ป.๔/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และบทรอ้ ยกรองได้ถูกตอ้ ง มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดอู ย่างมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรคู้ วามคิด และ ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชีว้ ดั ท 3.1 ป.๔/4 ตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตผุ ลจากเรื่องท่ฟี ังและดู ๒. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด หลกั การต้ังคำถามและตอบคำถามเชงิ เหตุผลจากเร่อื งทฟ่ี งั และดูเป็นทกั ษะทมี่ คี วามจำเปน็ ในการ ส่ือสาร จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถต้งั คำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรือ่ งที่ฟังและดไู ด้อย่างถกู ตอ้ ง 3. สาระการเรยี นรู้ การจบั ใจความและการตั้งคำถาม ตอบคำถามเชงิ เหตุผลในเร่ืองทฟ่ี งั และดจู ากสื่อต่างๆ 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 4.๑. ความสามารถในการคิด 4.๒. ความสามารถในการสอ่ื สาร 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์/ค่านยิ ม 5.๑. ใฝ่เรียนรู้ 5.๒.มุ่งมัน่ ในการทำงาน 6. ช้นิ งาน/ภาระงาน การตง้ั คำถาม ตอบคำถามเชิงเหตุผล 7. วัดประเมนิ ผล เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารผา่ น ๑. ใบงานการตงั้ คำถามและตอบ ผ่านร้อยละ ๖๐ วธิ ีการ ๑. การตง้ั คำถามและตอบ คำถาม ๒. แบบสังเกตพฤติกรรม คำถาม ๒. สังเกตพฤติกรรม ๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (กระบวนการคดิ ) ขน้ั ที่ ๑ การจัดสภาพแวดลอ้ มและสรา้ งบรรยากาศทเี่ อ้อื อำนวยตอ่ การคดิ ๑. นักเรยี นเล่นเกมห้าคำถาม (ทา้ ยแผน)
๒. นกั เรยี นชว่ ยกันอภิปรายถึงสาระความรู้ท่ีได้จากการเล่นเกมโดยครูอาจใช้คำถามชี้นำ ความคิด เช่น เกมนี้เก่ียวกบั เรื่องใด นักเรยี นได้ความรอู้ ะไรจากการเลน่ เกมบา้ ง ฯ ข้นั ที่ ๒ ใชร้ ปู แบบวิธกี ารสอนหรือเทคนิคการสอนตา่ งๆ กระตุน้ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การคดิ เชื่อมโยงจาก ความคดิ เดิมในลักษณะใดลักษณะหน่งึ ๓. นักเรยี นรว่ มกนั สนทนาทบทวนบทเรียนจากชั่วโมงทผ่ี า่ นมา ๔. ใหน้ กั เรยี นฟังเพอื่ นอ่านบทอ่านเสริมเรื่อง เดก็ ท่ีมีความตอ้ งการพิเศษจากหนงั สอื เรยี น รายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพอ่ื ชวี ติ ภาษาพาที ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔ หน้า 184 โดยผลัดกันเป็น ผู้ฟงั แลว้ ใหอ้ ีกฝ่ายตั้งคำถามจากเรอื่ งท่ฟี งั ขั้นที่ ๓ จัดกิจกรรมใหผ้ ูเ้ รียนได้ฝกึ ทักษะการคิด และกระบวนการคดิ ต่างๆ ตามความเหมาะสมกบั พนื้ ฐานของผู้เรยี น ๕. ครูเปดิ รายการเก่ียวกับโฆษณาและรายการข่าวประจำวันจากอินเตอร์เนต็ ให้นักเรยี นดู ๖. ให้นกั เรียนทุกคนชว่ ยกันบอกว่าเป็นโฆษณาอะไร หรือข่าวอะไร และบอกความรู้สึกนึกคดิ ของนักเรยี นตามความเขา้ ใจ ๗. นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายซักถามใจความสำคัญของโฆษณาและรายการขา่ วท่ีไดด้ แู ละฟัง จนเกิดความเข้าใจ ครูชว่ ยถามนำเพื่อกระตุน้ ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั คดิ ๘. ให้นักเรียนแตล่ ะคนผลดั กันออกมาตง้ั คำถาม และตอบคำถามจากเรือ่ งโฆษณาและ รายการข่าวทไี่ ดด้ แู ละฟังแล้วเขยี นข้อคำถาม และคำตอบบนกระดาน ขัน้ ท่ี ๔ ให้เวลาแกผ่ เู้ รยี นในการใช้ความคิด และแสดงความคดิ อภิปรายแลกเปลย่ี นกระบวนการ คิดท่ีเกดิ ข้นึ ในกระบวนการเรยี นรู้ ๙. ให้นักเรยี นรว่ มกันสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดจากประสบการณ์การฟงั หรือดู ๑๐. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ (ตามความเหมาะสม) ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ ทำกิจกรรมดงั นี้ 10.1 ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาใบความรู้การจับใจความสำคัญของเรื่องที่ฟัง และการดูสอ่ื ตา่ งๆ จากภาคผนวก 10.2 ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มตั้งคำถามจากเรอ่ื งที่อา่ นให้ได้มากที่สุด เพ่อื จะไดถ้ ามกลุ่มอืน่ 10.3 นักเรียนในกลมุ่ ชว่ ยกนั เขยี นคำถามลงในแถบประโยคแล้วนำไปตดิ บนกระดาน 10.4 นกั เรียนกลมุ่ ใดตอบคำถามจากเพอ่ื นกลุ่มอนื่ ได้ให้เขยี นคำตอบลงด้านหลงั แถบ ประโยค 10.5 ให้นกั เรียนช่วยกันอ่านแถบประโยคคำถามและคำตอบพร้อมกันทัง้ หมด ๑๑. สนทนาเกี่ยวกบั บทเรยี นอีกครง้ั โดยให้นกั เรียนตอบคำถามเกี่ยวกับเน้อื เร่อื งแล้วบันทึก คำถาม คำตอบลงในสมดุ ขั้นท่ี ๕ ร่วมกันสรปุ ประเดน็ ท่ีไดจ้ ากกระบวนการคิดท่เี กดิ ขึ้นจากการเรียนรู้ ๑๒.นักเรียนร่วมกนั รอ้ งเพลงใครทำอะไรทไ่ี หน ๑๓.นกั เรียนและครูช่วยกนั สรุปหลักการเกย่ี วกบั การต้งั คำถามและการตอบคำถามเชงิ เหตุผล ขัน้ ท่ี ๖ การวัดและประเมนิ ผลการเรียน ทง้ั ทางดา้ นเน้ือหา สาระการเรียนรู้ และทักษะ กระบวนการคิด ๑๔.นักเรียนเลือกเนอ้ื หาจากแบบเรยี นหรอื บทความที่สนใจอ่านเรอ่ื งแลว้ ต้งั คำถามพร้อม ตอบคำถามตามความคิดเหน็ ของนักเรียนอยา่ งมีเหตผุ ลบนั ทึกลงในใบงานท่คี รแู จก ๑๕.นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น ประจำหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เวลา ๑๐ นาที (ภาคผนวก)
๙. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ ๙.๑ หนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานภาษาไทย ชุดภาษาเพื่อชีวิต ภาษาพาที ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ หน้า 184 ๙.๒ ใบความรู้ เร่อื งการจับใจความสำคัญของเรอื่ งท่ีฟัง และการดูส่ือตา่ งๆ 9.3 ใบงานการตั้งคำถามและตอบคำถาม 9.4 รายการขา่ วและโฆษณาจากอินเตอร์เนต็ ๙.๕ แบบทดสอบหลังเรยี น ๑0. ข้อเสนอแนะ
ใบความรู้ การจับใจความสำคญั ของเรอื่ งทฟี่ ัง และการดูส่ือตา่ งๆ การฟังและการดู เปน็ ทักษะทางภาษาที่สำคัญในการตดิ ตอ่ สื่อสาร โดยการรับสาร จากบคุ คลหรือส่อื ตา่ งๆ เชน่ วทิ ยุ โทรทัศน์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ปัจจยั ที่ทำใหก้ ารฟงั และ การดมู ีประสทิ ธิภาพ มีข้อควรปฏิบัติ ดงั นี้ ๑. ความสนใจในการรับสาร หากมีความสนใจท่ีจะรับสารก็จะสามารถรับสารไดด้ ี ๒. สมาธิ การม่งุ ความสนใจอย่กู ับการดูหรอื ฟัง โดยไมค่ ำนงึ ถงึ เรื่องอน่ื จดจ่อกบั เรอื่ งท่ีฟัง เเละดู ๓. มารยาท โดยเฉพาะในสถานการณ์ท่ีเราตอ้ งฟังหรือต้องดูรว่ มกับผู้อืน่ ไมค่ วรคุย กันหรอื ลุกเดนิ เขา้ ออกบอ่ ยคร้งั ๔. ความพรอ้ มทั้งทางกายและจิตใจไดแ้ ก่ไมห่ ิว ไม่เจ็บไขไ้ ดป้ ่วย ไม่มจี ติ วติ กกังวล ๕. ประสบการณ์ ไดแ้ ก่ การอา่ น การฟงั เรอ่ื งราว การดูสิ่งตา่ งๆ เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ทำใหเ้ ขา้ ใจเรือ่ งราวต่างๆ สามารถวเิ คราะห์ เเละประเมินคา่ จากเรือ่ งได้
เกมหา้ คำถาม จดุ ประสงค์ 1. ฝกึ ทกั ษะการรูค้ วามหมายของคำ 2. ฝึกทกั ษะการต้ังคำถามและการใช้ความคิด วิธีดำเนนิ การ 1. ให้นกั เรยี นคนใดคนหนง่ึ เลือกบตั รคำขน้ึ มาคำหนึง่ (ควรเปน็ คำนาม)แลว้ เก็บบัตรน้นั ไว้ 2. ผหู้ ยิบบัตรจะบอกใหผ้ ู้ทายทราบว่า คำนนั้ เป็นคน พืช สัตว์ ส่งิ ของหรอื ของกินเพียง อยา่ งเดยี ว 3. ให้ผทู้ ายตัง้ คำถามไดไ้ ม่เกนิ 5 คำถาม 4. คำถามทจี่ ะถามนัน้ จะลงทา้ ยดว้ ยคำว่า “หรือไม”่ เช่นมหี รอื ไม่ มหี รอื ไมม่ ี ได้หรอื ไม่ได้ ถา้ ถามอย่างอ่ืนผคู้ ิดคำจะไมต่ อบและให้ถามใหม่ 5. ผู้คดิ คำจะตอบคำถามได้พียง ใช่หรอื ไมใ่ ช่ ถกู หรือไมถ่ ูก มีหรอื ไม่มี 6. เมอ่ื ผูท้ ายมั่นใจวา่ เป็นส่ิงใดแลว้ ให้บอกคำน้นั มา อาจทายกอ่ นครบ 5 คำถาม เพลงใคร ทำอะไร ทไ่ี หน ใครทำอะไรทไ่ี หน ทำกับใครตั้งแตเ่ มอ่ื ไร (ซำ้ ) เขามาพบกันทำไม เขามาพบกนั ทำไม ทำอยา่ งไรขอให้บอกมา ทำอยา่ งไรขอใหบ้ อกมา
ใบงาน การตั้งคำถาม และตอบคำถามเชงิ เหตผุ ล ชอื่ กลุ่ม........................................................................................... ช้ัน...................... รายชอื่ สมาชกิ กลมุ่ ๑………………………………………………………………….……………………… เลขท่ี………….. ๒…………………………………………………………………………………………. เลขท่ี………….. ๓………………………………………………………………….……………………… เลขท่ี………….. ___________________________________________________________________________ คำชี้แจง ๑. ให้นกั เรียนอา่ นเรื่องจากแบบเรยี นหรอื บทความท่สี นใจ ๒. เขยี นคำถามพร้อมตอบคำถามจากเรอื่ งที่อา่ นตามความคิดเหน็ ของนักเรยี นอย่างมเี หตุผล ๑. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ................................................................................................. .............................................. ๒. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๓. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๔. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๕. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ................................................................................................. .............................................. ๖. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ............................................................................................................................................... ๗. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ.......................................................................................................................... ..................... ๘. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๙. คำถาม................................................................................................................................................ คำตอบ........................................................................................................................ ....................... ๑๐. คำถาม............................................................................................................................................. คำตอบ........................................................................................................................ .......................
เกณฑ์การประเมินการตั้งคำถามและตอบคำถามอยา่ งมีเหตุผล รายการ ๔ ระดบั คุณภาพ นำ้ หนกั คะแนน ประเมนิ ๓๒ ๑ คะแนน รวม ๑. คำถามมี คำถามมี คำถามมี คำถามมี คำถามมี ๑๔ ใจความ ใจความ ใจความ ใจความ ใจความไม่ ชดั เจน ชัดเจนดีมาก ชดั เจนดี ชัดเจนพอใช้ ชัดเจน ๒. ต้งั คำถาม ตง้ั คำถาม ตั้งคำถามผดิ ตั้งคำถามผิด ต้งั คำถามผดิ ๓ ๑๒ ไดต้ รง ถกู ตอ้ งตรง ๑–๓ ประโยค ๔–๖ ประโยค ๗–๙ ประโยค ๓ ๑๒ ประเด็น ประเดน็ ๓. ตอบคำถาม ตอบคำถาม ตอบคำถามผดิ ตอบคำถามผดิ ตอบคำถามผิด ได้ถูกต้อง ถกู ตอ้ ง ๑–๓ ประโยค ๔–๖ ประโยค ๗–๙ ประโยค ทกุ ประโยค ๔. คำถามและ คำถามและ คำถามและ คำถามและ คำถามและ คำตอบไม่มี คำตอบมี คำตอบมี คำตอบมี คำตอบมี เหตผุ ล นา่ เช่อื ถือ เหตุผล เหตุผล เหตุผล เหตุผล ๓ ๑๒ ๔๐ น่าเชื่อถอื นา่ เชอื่ ถอื ดี น่าเชือ่ ถือดี น่าเชือ่ ถอื มาก พอใช้ รวมคะแนน เกณฑ์การตัดสนิ /ระดบั คณุ ภาพ คะแนน ๓๒ – ๔๐ ระดับ ๕ หมายถงึ ดีเยยี่ ม หมายถึง ดีมาก คะแนน ๒๘ – ๓๑ ระดับ ๔ หมายถงึ ดี หมายถึง พอใช้ คะแนน ๒๔ – ๒๗ ระดับ ๓ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ คะแนน ๒๐ – ๒๓ ระดับ ๒ คะแนน ๐ – ๑๙ ระดับ ๑ เกณฑ์การผ่าน ผา่ นระดบั ๓ ข้ึนไป
๑. ความสนใจในเรื่อง ่ีท ่อานแบบบนั ทกึ คะแนนการประเมนิ การต้ังคำถามและตอบคำถามอย่างมเี หตุผล ๒. การ ั้ตงคำถาม ๓. การตอบคำถามรายการ ๔. การระ ุบ ้ขอ ิคดเ ็หนประเมนิ รวมคะแนนเลข คะแนน ระ ัดบ ุคณภาพที่ ชื่อ-สกุล ๑๒ ๑๒ ๑๒ ๔ ๔๐ ๕ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ หมายเหตุ ใหด้ ูจากเกณฑ์ที่กำหนดไวข้ า้ งต้น
ภาคผนวก
แบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 เรอื่ ง ทำอย่างไรเปน็ เด็กดี คำช้ีแจง ให้นกั เรียนทำเครอื่ งหมาย × ทบั ตวั อกั ษร ก ข ค ง ที่ถกู ที่สดุ เพยี งขอ้ เดียว การท่ีมนุษยเ์ ป็นสัตวส์ ังคมประเภทหนงึ่ ต้งั แตเ่ กิดมาไดอ้ าศยั หรือไดร้ บั การเลย้ี งดู มาจนโตถึงทกุ วันนี้ เพราะได้รับการเล้ยี งและอบรมสง่ั สอนจากบคุ คลต่างๆ เชน่ พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ญาตพิ นี่ ้อง และไดเ้ รียนรู้สง่ิ ตา่ งๆ จากสงิ่ แวดลอ้ มเหล่าน้ัน ดังน้นั ส่งิ เหล่าน้ี จงึ มพี ระคณุ ตอ่ เรา เราตอ้ งพยายามหาวิธีตอบแทนผู้ท่ีมีพระคณุ ดังกลา่ วท่เี รยี กว่า “กตัญญกู ตเวท”ี ซึง่ ถอื เปน็ เครื่องหมายของคนดีในพระพทุ ธศาสนา 1. เร่อื งนี้กลา่ วถึงข้อใด ก. มนษุ ย์เปน็ สตั ว์สังคม ข. ความกตญั ญกู ตเวที ค. การอบรมเลย้ี งดู ง. วธิ ีการเลย้ี งดูลูก 2. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของผ้ทู ี่ความกตญั ญูกตเวที ก. ตอบแทนผู้มีพระคณุ ข. ตดิ ต่อพูดคุยกบั ผู้มพี ระคณุ ค. หาโอกาสใกลช้ ิดผู้มีพระคณุ ง. ตักตวงความรู้จากผมู้ ีพระคณุ 3. เพราะเหตุใดเราควรกตัญญูกตเวทตี ่อสิง่ ตา่ งๆ ก. เพราะส่งิ ตา่ งๆ เป็นสง่ิ ทม่ี ีคุณคา่ มาก ข. เพราะสงิ่ ตา่ งๆ เป็นสงิ่ ท่ีมีประโยชน์ ค. เพราะสิ่งต่างๆ ทำใหเ้ รามีความสุข ง. เพราะสิ่งต่างๆ ทำใหเ้ ราโตมาไดจ้ นถึงทกุ วนั น้ี 4. หากคนเรามคี วามกตัญญูกตเวที จะเกิดผลอย่างไร ก. ยากจนขน้ แค้น ข. มีเพอ่ื นฝูงมาก ค. มีคนชน่ื ชม ง. มีความสขุ 5. ออ้ มต้องการอา่ นข่าวสาร บทความ และเรื่องราวเก่ียวกบั วงการบนั เทงิ อ้อมควรเลือก อ่านหนงั สือใด ก. นิตยสารการเมอื งการปกครอง ข. หนังสือเรียนวิชาสงั คมศกึ ษา ค. หนังสือพมิ พร์ ายวัน ง. นิตยสารซุบซบิ ดารา 6. ใครไมม่ มี ารยาทในการอา่ น ก. อุย๋ อา่ นหนงั สือให้เพ่อื นฟงั ในหอ้ งสมุด ข. อ๋วิ ไม่ขีดเขียน หรือทำลายหนงั สอื ทย่ี ืมเพอื่ นมาอา่ น ค. เอไ๋ ม่อ่านสมุดบนั ทึกส่วนตัวของโอ๋ ง. เอกอา่ นหนงั สืออย่างต้งั ใจ 7. ข้อใดปฏิบัตติ นในการคดั ลายมอื ไม่ถูกต้อง ก. วางรปู สระ และวรรณยกุ ต์ใหถ้ กู ที่ ข. ทำเครือ่ งหมายล้อมรอบคำทเี่ ขียนผดิ แลว้ เขยี นใหม่ ค. เวน้ ระยะชอ่ งไฟให้เท่ากนั ง. เขียนตวั อกั ษรให้ถูกต้อง
1. ข้อใดควรปฏิบัติในการอ่านออกเสยี งรอ้ ยแกว้ ก. อ่านออกเสียงคำควบกล้ำให้ชัดเจน ข. ก้มหน้ากม้ ตาอา่ นโดยไมม่ องผู้ฟัง ค. อ่านดว้ ยนำ้ เสียงราบเรียบ ง. อ่านให้จบโดยเรว็ 9. ใครไมม่ มี ารยาทในการอา่ น ก. หนอ่ งชะโงกหนา้ ไปอา่ นหนงั สือพมิ พ์ในขณะที่หน่มุ อ่านอยู่ ข. หนิงอา่ นหนงั สือในใจขณะอย่ใู นห้องสมุด ค. หนยุ่ อ่านหนังสอื ในหอ้ งสมดุ จบแล้วนำไปเก็บทเ่ี ดิม ง. นิวกับนิ่มอา่ นหนงั สืออยา่ งตั้งใจ 10. ขอ้ ใดไม่ใชป่ ระโยชนข์ องการคดั ลายมอื ก. ทำใหม้ ีลายมือสวยงาม ข. รจู้ ักการรกั ษาความสะอาด ค. ทำใหว้ าดรูปไดส้ วยงาม ง. มีความเปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย เฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน - หลงั เรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง ทำอยา่ งไรเป็นเด็กดี ข้อ คำตอบ 1ข 2ก 3ง 4ง 5ค 6ก 7ข 8ก 9ก 10 ค
มีการวางแผน แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ทำตามแผน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง ทำอยา่ งไรเป็นเดก็ ดี ีมความค ่ลองแค ่ลวชอ่ื ชนิ้ งาน/ภาระงาน การทำงานเปน็ กระบวนการกลมุ่ ................................................................................ ทำงานร่วมกับ ู้ผอ่ืนไ ้ด___________________________________________________________________________ ทำงานเสร็จตามกำหนดคำชแ้ี จง ๑. เขียนเคร่ืองหมาย ในช่องรายการประเมินทต่ี รงกบั พฤติกรรมนักเรียน สนใจและ ้ัตงใจทำงาน๒. เขียนเครือ่ งหมาย ในช่องรายการประเมนิ ทน่ี ักเรยี นไม่แสดงพฤตกิ รรม รักความสะอาดเ ็ปนระเ ีบยบเกณฑก์ ารประเมนิ การผ่านการประเมนิ ตอ้ งผา่ นทุกรายการ แลว้ ใช้อกั ษร ผ (ผ่าน) มผ (ไม่ผ่าน) ข ัยนอดทน ีมความรับ ิผดชอบรายการประเมนิ มีความ ิคดริเร่ิมสร้างสรร ์ค ส ุรปผลเลข ท่ี ชื่อ – สกุล ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕
แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง ทำอย่างไรเป็นเด็กดี คำชี้แจง ๑. เขยี นเครอ่ื งหมาย ในช่องรายการประเมนิ สมรรถนะท่ีผา่ นการประเมิน ๒. เขยี นเคร่ืองหมาย ในช่องรายการประเมนิ ท่นี ักเรียนไม่ผา่ นการประเมิน ๓. ช่องสรุปทำเคร่ืองหมาย ✓ ลงในชอ่ ง ผา่ น เมือ่ นกั เรยี นผ่านการประเมนิ สมรรถนะครบทุกขอ้ ทำเครอ่ื งหมาย ✓ ในช่อง ไม่ผ่าน กรณนี ักเรยี นไมผ่ า่ นการประเมินขอ้ ใดขอ้ หน่ึง สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน สรุป เลขท่ี ช่ือ - สกลุ ๑. ความสามารถ ผา่ น ไม่ผา่ น ในการ ่ืสอสาร ๒. ความสามารถ ในการ ิคด 3. ความสามารถใน การใ ้ชเทคโนโล ีย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรอ่ื ง ทำอย่างไรเป็นเดก็ ดี คำชีแ้ จง ๑. ทำเครือ่ งหมาย ✓ ในช่องรายการคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงคใ์ นช่องรายการใหต้ รงกบั ระดับ คุณภาพ ที่ประเมนิ ๒. ช่องสรปุ ทำเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในชอ่ ง (ผ่าน) เมือ่ นักเรียนมีผลการประเมนิ คณุ ลักษณะระดบั ผา่ น ขน้ึ ไปทกุ ขอ้ ทำเคร่ืองหมาย ✓ ในช่อง (ไม่ผ่าน) กรณนี กั เรยี นไม่ผา่ นการประเมนิ ขอ้ ใดข้อหน่งึ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สรปุ ๑.มีวนิ ยั ๒.ใฝ่ 3.มุง่ มั่นใน เลข เรียนรู้ การทำงาน ่ผาน ท่ี ระดบั ระดบั ระดับ ระดับ ระดับ ระดบั ระดับ ไ ่ม ่ผาน คุณภาพ คณุ ภาพ คณุ ภาพ คุณภาพ คุณภาพ คุณภาพ คณุ ภาพ ๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓๐๑๒๓ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ คำอธิบาย ระดบั ๓ = ดเี ยยี่ ม , ระดับ ๒ = ดี , ระดับ ๑ = ผ่าน , ระดับ ๐ = ไมผ่ ่าน หมายเหตุ ใหศ้ ึกษาแนวทางการวัดและประเมนิ ผลคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคป์ ระกอบการประเมนิ
Search