Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1-4

หน่วยที่ 1-4

Description: หน่วยที่ 1-4

Search

Read the Text Version

การออกแบบการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ รายวชิ า ภาษาองั กฤษพ้ืนฐาน รหสั วชิ า อ 32101 ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4 จดั ทาโดย นางสาววลิ ัยพร ตัง้ บญุ ยะฤทธ์ิ นสิ ติ ฝึกประสบการณ์วชิ าชีพครู โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเคิง่ อาเภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชยี งใหม่ สานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สานักงานการศึกษาขัน้ พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

คาอธิบายรายวิชา รายวชิ า ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน รหัสวิชา อ 31201 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1.0 หน่วยกิต คาอธิบายรายวิชา ตามคาแนะนาในคู่มือการใช้งานต่างๆ คาชี้แจง คาอธิบาย และคาบรรยายที่ฟังและอ่านอ่านออกเสียง ขอ้ ความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครส้นั (skit) ถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน จับใจความสาคัญ วิเคราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟังและอ่านเรื่องท่ีเป็นสารคดีและบันเทิงคดี พรอ้ มทง้ั ให้เหตุผลและยกตัวอยา่ งประกอบสนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่าง ๆ ใกล้ ตวั ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว / เหตุการณ์ ประเดน็ ทอ่ี ยูใ่ นความสนใจของสงั คม และสอ่ื สาร อย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม พดู และเขยี นเพือ่ ขอและใหข้ ้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรียบเทยี บและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ เร่ือง/ประเด็น/ข่าว/เหตุการณ์ที่ฟังและอ่านอย่างเหมาะสม พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความ คิดเห็นของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อยา่ งมีเหตุผล พูดและเขยี น นาเสนอข้อมูลเก่ียวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เร่ืองและประเด็นต่างๆ ตามความสนใจของสังคม เลือกใช้ภาษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเช่ือ และที่มาของขนบธรรมเนียม และ ประเพณีของเจ้าของภาษา เข้าร่วม แนะนา และจัดกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม อธิบาย/ เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สานวน คาพังเพย สุภาษิต และบทกลอนของ ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย ค้นคว้า/สบื คน้ บันทึก สรปุ และแสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกบั ข้อมลู ที่เก่ียวข้องกับ กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ ืน่ จากแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ และนาเสนอด้วยการพูดและการเขยี น ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการ สบื ค้น/คน้ ควา้ รวบรวม วเิ คราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสอื่ และแหล่งการเรียนรูต้ ่างๆ ในการศึกษาต่อ และประกอบอาชีพ โดยใช้กระบวนการแสดงบทบาทสมมติ การใช้เกมจาลองสถานการณ์ การระดมความคิด การค้นพบ ความรู้ด้วยตนเอง การแก้ปัญหา การทากิจกรรมการเรียนภายใต้การแนะนาช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด การใช้ โสตทัศนปู กรณ์ การให้ผเู้ รยี นเสนอรายงานหน้าชั้นเรียน และการใชค้ าถาม เหน็ คุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซือ่ สัตย์สจุ ริต มวี นิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ อยูอ่ ย่างพอเพยี ง มุ่งม่นั ในการทางาน รักความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร มาตรฐาน 1.1 เข้าใจและตีความเรอื่ งท่ฟี ังและอ่านจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตุผล 1. ปฏิบัตติ ามคาแนะนาในคมู่ อื การใช้งานตา่ งๆ คาชี้แจง คาอธบิ าย และคาบรรยายท่ีฟังและอ่าน 2. อ่านออกเสียงข้อความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทร้อยกรอง และบทละครสั้น (skit) ถูกต้องตาม หลักการอา่ น 3. อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ท่ีอ่าน รวมทั้ง ระบุและเขยี นส่อื ท่ไี มใ่ ช่ความเรยี งรปู แบบต่างๆ ใหส้ ัมพันธก์ บั ประโยค และข้อความท่ีฟงั หรอื อ่าน 4. จบั ใจความสาคญั วิเคราะหค์ วามสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเหน็ จากการฟังและอ่านเรื่องท่ี เป็นสารคดแี ละบนั เทงิ คดี พรอ้ มทง้ั ใหเ้ หตผุ ลและยกตัวอยา่ งประกอบ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู กึ และความ คดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ 1. สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ข่าว /เหตกุ ารณ์ ประเด็นท่อี ยูใ่ นความสนใจของสงั คม และสอ่ื สาร อย่างต่อเนือ่ งและเหมาะสม 2. เลือกและใชค้ าขอรอ้ ง ให้คาแนะนา คาชีแ้ จง คาอธบิ าย อย่างคล่องแคล่ว 3.พูดและเขยี นแสดงความต้องการ เสนอ ตอบรบั และปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์จาลอง หรือสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสม 4. พูดและเขยี นเพื่อขอและใหข้ ้อมูล บรรยาย อธิบาย เปรยี บเทียบ และแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับเร่ือง/ ประเด็น/ข่าว/เหตุการณท์ ่ฟี งั และอา่ นอยา่ งเหมาะสม 5. พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกับ เร่ืองต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และข่าว/เหตุการณ์อยา่ งมีเหตผุ ล มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่างๆ โดยการพูดและการ เขยี น 1. พูดและเขียนนาเสนอขอ้ มูลเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตกุ ารณ์ เร่ืองและประเดน็ ตา่ งๆ ตาม ความสนใจของสงั คม 2. พูดและเขียนสรุปใจความสาคัญ/แก่นสาระที่ได้จากการวิเคราะห์เร่ือง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์ และ สถานการณ์ตามความสนใจ 3. พูดและเขียนแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับกิจกรรม ประสบการณ์ และเหตุการณ์ ทั้งในท้องถ่ิน สังคม และโลก พรอ้ มทัง้ ใหเ้ หตุผลและยกตวั อยา่ งประกอบ

สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พันธ์ระหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใช้ได้อยา่ งเหมาะสม กบั กาลเทศะ 1. เลอื กใช้ภาษา น้าเสียง และกริ ยิ าท่าทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 2. อธิบาย/อภิปรายวถิ ชี ีวิต ความคิด ความเชอื่ และท่ีมาของขนบธรรมเนยี ม และประเพณีของเจ้าของภาษา 3. เขา้ รว่ ม แนะนา และจัดกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมอย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ตอ้ งและเหมาะสม 1. อธิบาย/เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างประโยค ข้อความ สานวน คาพังเพย สุภาษิต และบทกลอนของภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 2. วิเคราะห์/อภิปราย ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างวิถีชีวิต ความเช่ือและวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษากบั ของไทยและนาไปใชอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธก์ ับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความร้กู ับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อน่ื และเป็นพื้นฐานในการ พัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศน์ของตน 1. ค้นคว้า/สืบคน้ บันทึก สรปุ และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ขอ้ มูลท่ีเก่ียวข้องกบั กลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ ่ืน จากแหล่งเรียนรูต้ า่ งๆ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน สาระที่ 4 ภาษากบั ความสมั พนั ธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ งๆ ทัง้ ในสถานศึกษา ชุมชน และสงั คม 1. ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองท่ีเกิดขึ้นในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และ สงั คม มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการ แลกเปลย่ี นเรียนร้กู ับสังคมโลก 1. ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูลต่างๆ จากสื่อ และแหลง่ การเรียนรตู้ ่างๆ ในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ 2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่น/ประเทศชาติ เป็น ภาษาต่างประเทศ รวมทง้ั หมด 21 ตวั ชีว้ ัด

ผังมโนทศั น์ รายวชิ าภาษาอังกฤษ รหสั วชิ า อ 31201 ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2562 Unit 1 : Schools Then and Now Unit 2 : You Have to Do It! จำนวน 10 ช่ัวโมง : 25 คะแนน จำนวน 10 ชว่ั โมง : 25 คะแนน รายวชิ าภาษาอังกฤษ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 60 ชัว่ โมง Unit 3 : Do You Know Where It Is? Unit 4 : They’re the Ones! จำนวน 10 ชว่ั โมง : 25 คะแนน จำนวน 10 ชัว่ โมง : 25 คะแนน

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่ือง School then and now รายวิชา ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน รหสั วิชา อ 31101 ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 นา้ หนกั เวลาเรียน 1.0 (นน./นก.) เวลาเรียน 10 ชว่ั โมง/สัปดาห์ 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจทคี่ งทน) หน่วยการเรียนรู้น้ีมีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเข้าใจว่าข้อความต่อเนื่อง (text) มีเง่ือนงา (clues) ที่ช่วยใน การเดาความหมายของคา นักเรียนจะได้อ่านขอ้ ความสั้น ๆ ที่ให้ข้อมูลเก่ียวกับโรงเรียนของชาติตะวันตกในอดีต และปัจจุบัน และบทความท่ีให้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กในยุคกรีก โรมัน และจีนโบราณ ฟังบุคคลเล่า ประสบการณ์ในโรงเรียนในอดีต พูดสนทนาโตต้ อบเกี่ยวกับสิง่ ท่ีตนเคยทา พดู นาเสนอเกย่ี วกับสภาพของโรงเรียนใน อดตี ทไ่ี ดจ้ ากการสมั ภาษณ์ผู้อาวโุ ส เขียนบรรยายสิง่ ที่ตนทาในโรงเรยี นท้ังในอดีตและปัจจุบนั นอกจากนย้ี ังเรยี นรู้ คาศพั ทเ์ กย่ี วกับโรงเรียนและกิจกรรมที่ทาในวัยเด็ก รวมทงั้ หน้าทภ่ี าษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ที่เป็นพ้ืนฐาน ของกิจกรรมการฟงั พูด อา่ น และเขียนในหน่วยการเรยี นรู้นี้ 2. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ช้วี ดั ชั้นป/ี ผลการเรียนรู้/เป้าหมายการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต. 1.1.1 ม .4-6/3 ตัวชี้วัดที่ 1 อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพนั ธ์กบั ส่ือที่ไมใ่ ช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ท่ีอ่าน รวมทั้ง ระบแุ ละเขยี นสอื่ ทีไ่ ม่ใชค่ วามเรยี งรูปแบบต่างๆ ให้สัมพนั ธ์กบั ประโยค และข้อความท่ีฟงั หรอื อ่าน มาตรฐาน ต. 1.2.1 ม .4-6/3 ตัวช้ีวัดท่ี 1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเร่ืองต่าง ๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ ขา่ ว / เหตุการณ์ ประเด็นทีอ่ ยู่ในความสนใจของสังคม มาตรฐาน ต. 1.3.1 ม .4-6/1 ตัวชี้วัดท่ี 1 พูดและเขียนนาเสนอข้อมลู เกย่ี วกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เร่ืองและประเด็น ต่างๆ ตามความสนใจของสงั คม มาตรฐาน ต. 1.3.2 ม .4-6/2 ตัวชวี้ ัดที่ 1 พูดและเขยี นสรุปใจความสาคัญ/แก่นสาระทไ่ี ด้จากการวเิ คราะห์เรือ่ ง กิจกรรม ข่าว เหตกุ ารณ์ และ สถานการณ์ตามความสนใจ มาตรฐาน ต. 2.1.1 ม .4-6/1 ตัวชี้วัดท่ี 1 เลือกใช้ภาษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางเหมาะกับ ระดับของบุคคล โอกาส และสถานที่ ตาม มารยาทสงั คม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มาตรฐาน ต. 3.1.1 ม .4-6/1 ตวั ชว้ี ัดที่ 1 คน้ คว้า/สบื ค้น บนั ทึก สรปุ และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่มสาระ การเรยี นร้อู ื่น จากแหลง่ เรยี นรตู้ ่างๆ และนาเสนอด้วยการพูดและการเขยี น

3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก: Knowledge (นักเรียนตอ้ งร้อู ะไร) คาศัพท์ - entire (adj.): used to emphasize that you mean all of something (ทงั้ หมด) - cane (n.): a stick used by teachers in the past to hit children as a punishment (ไม้เรียว) - paddle (n.): a short pole with a wide flat end, used for moving a small boat in water (ไม้พาย) - detention (n.): a school punishment in which you have to stay at school after the other student have left (การคุมตัว) - break (n.): to stop for a short time in order to have a rest or eat something (ช่วงพัก) - academic (adj.): relating to education, especially in a college or university ( ด้ า น วชิ าการ) - behavior (n.): the things that a person or animal does (พฤตกิ รรม) - counselor (n.): someone who gives advice about problems (ผู้ใหค้ าปรกึ ษา) - Used to - Past (อดีตกาล) - Present (ปัจจุบันกาล) 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ: Process (นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั อิ ะไรได)้ จบั ใจความสาคัญ วิเคราะห์ความ ตีความ จากข้อความท่ีอา่ น 3.3 คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์: Attitude (นักเรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรยี นอะไรบ้าง) มีวนิ ยั : เขา้ เรียนตรงเวลา ใฝ่เรยี นรู้ : คน้ คว้าหาความรู้จากแหล่งเรยี นรู้ตา่ ง ๆ มุง่ มัน่ ในการทางาน : ขยนั มคี วามรบั ผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย 4. สมรรถนะสาคญั ของนักเรยี น ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวชิ า ความรับผิดชอบ ความกลา้ แสดงออก

6. คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน: การศึกษาเรอื่ ง Past และ Present ทาแบบฝึกหัด เรื่อง Present และ Past อา่ นขอ้ ความสน้ั ๆ บทความ พดู สนทนาโต้ตอบเกย่ี วกบั ส่ิงท่ีตนเคยทา พดู นาเสนอเก่ยี วกับสภาพของโรงเรียน เขียนบรรยายสิ่งที่ตนทาในโรงเรยี นท้งั ในอดตี และปจั จบุ ัน 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบ 1 - 2 1. นาเขา้ สูบ่ ทเรียน - ครูบอกนักเรยี นว่า ในอดีตเราเคยมีบางส่ิงบางอย่าง แต่เดี๋ยวนี้เราไม่มีส่ิงนัน้ ๆ อีกแล้ว เช่น บริเวณบางแหง่ เคยใช้เปน็ ทเี่ พาะปลูก แตบ่ ดั นกี้ ลายเปน็ ทตี่ ัง้ ของโรงงานอตุ สาหกรรม ในกรุงเทพมหานครเคยมีรถรางใช้ใน ถนนสายหลัก แต่บัดน้ไี ม่มแี ลว้ 2. แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนจะได้อ่านข้อความที่กล่าวถึงสิ่งท่ีเคยมีเคยเป็นในประเทศ ตะวันตก แต่บัดนี้ไม่มีและไม่เป็นเช่นน้ันแล้ว เม่ืออ่านแล้ว นักเรียนจะต้องเปรียบเทียบสภาพของประเทศ ตะวันตกกับของไทย กิจกรรมกอ่ นอ่าน 1. ตรวจสอบความร้เู ดมิ - ครูอ่านออกเสียงช่ือหน่วยการเรียนรู้ Schools Then and Now และให้นักเรียนเดาว่าข้อความที่จะอ่าน เปน็ เรอ่ื งเกย่ี วกับอะไร - ครูให้นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียน หน้า 2-3 ทีละภาพและพูดเกี่ยวกับส่ิงท่ีนักเรียนเห็นในภาพ โดยตั้ง คาถามนาดังตวั อย่างตอ่ ไปนี้ - Who are the people? - Where are they? - How old are they? - What are they doing? ฯลฯ

กิจกรรมระหวา่ งอ่าน 1. อ่านขอ้ ความ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 2 นักเรียนฟังข้อความย่อหน้าแรกของกิจกรรม New Language ใน หนังสือเรียน หน้า 2 และอ่านในใจตาม ครูหยุดซีดีบันทึกเสียง ให้นักเรียนอ่านในใจอีกคร้ังหนึ่ง และ เปรียบเทยี บข้อมูลในขอ้ ความกับสงิ่ ทีพ่ ูดเกี่ยวกบั ภาพเมื่อทากจิ กรรมกอ่ นอา่ น - ครเู ปิดซีดีบนั ทึกเสียง CD 1 Track 2 ใหน้ กั เรียนฟังข้อความในย่อหน้าตอ่ ๆ ไป หยดุ ซีดบี นั ทึกเสียงเม่ือจบ ทกย่อหน้า ใหน้ กั เรียนอ่านในใจตามอีกครง้ั หนึ่ง ครูบอกนักเรียนให้อา่ นเอาความ ยงั ไมต่ อ้ งกงั วลกบั คาที่ไม่ ทราบความหมาย - ครใู ห้นกั เรยี นอา่ นขอ้ ความทั้งหมดในหนงั สือเรยี น หน้า 2-3 อีกคร้งั หน่งึ กจิ กรรมหลังอา่ น 1. ตรวจสอบความเขา้ ใจ - ครูเขยี นคาถามตอ่ ไปนบ้ี นกระดาน ใหน้ ักเรียนลอกลงบนกระดาษ 1. What is the main idea of this passage? A. Parents were more involved in school in the past. B. Students today are much happier than those in the past. C. Students of all ages used to be in the same classroom. D. Schools today are different from those in the past? 2. What is the best word to describe school teachers in the past? A. cruel B. strict C. fearsome D. serious - ครูให้นักเรียนตอบคาถามบนกระดาน และทากจิ กรรม Language Check ในหนงั สือเรยี น หนา้ 3 - ครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคาตอบ และให้บอกเหตุผลหรือท่ีมาของคาตอบแต่ละข้อ (ดูเฉลยคาตอบท้าย เลม่ ) คาตอบของคาถามบนกระดาน 1. D 2. C 2. ประเมนิ ผลการอา่ นขอ้ ความ - ครูประเมินผลความเข้าใจข้อความที่อ่านจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องที่ได้จากการทากิจกรรม Language Check ในหนังสือเรยี น หน้า 3 รวมกับคาตอบของคาถามบนกระดาน และใชเ้ กณฑผ์ า่ นรอ้ ยละ 60

3. เสรมิ สร้างความรู้ดา้ นคาศัพท์ - ครูให้นักเรียนถามความหมายของคาศัพท์ในข้อความในหนังสือเรียน หน้า 2-3 ท่ีไม่ทราบความหมาย ครู บอกความหมายของบางคาทันที บางคาครูช้ีนาให้นักเรยี นเดาความหมายของคาจากคาหรอื ข้อความที่อยู่ รอบ ๆ คานนั้ ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี a cane, a paddle - ครูชี้ให้นักเรียนดูข้อความ …to beat students with a cane or a wooden paddle และถาม นักเรียนว่าเวลาเด็ก ๆ ถูกตี ผู้ใหญ่ใช้อะไรตี นักเรียนอาจบอกว่า ไม้บรรทดั กิ่งมะยม เข็มขัดหนัง ฯลฯ ดังน้ัน cane และ paddle จึงเป็นเคร่ืองมือที่ครูใช้ตีนักเรียน และจาก Adjective ท่ีบรรยาย paddle ทาใหท้ ราบว่า paddle เป็นอุปกรณ์ท่ใี ช้ตี ท่ที าดว้ ยไม้ ครูบอกว่าการทนี่ กั เรยี นรู้เพยี งแค่วา่ cane และ paddle เป็นอุปกรณ์ท่ีครูใช้ตี ก็พอท่ีจะจับใจความที่อ่านได้ แต่ถ้าต้องการรู้ให้ชัดก็ต้องเปิดหา ความหมายในพจนานุกรม detention - ครเู ขยี นข้อความต่อไปนี้บนกระดาน Nowadays detention is one of the most common punishments in some countries. - ครชู ้ใี ห้นักเรียนดคู าทค่ี รขู ดี เส้นใต้และเขยี นวงล้อมรอบ อธิบายว่าโครงสร้างของประโยคนค้ี อื A is B คาที่อยู่ขา้ งหน้าและขา้ งหลงั “is” มีความหมายตรงกัน โดยอาศัยโครงสรา้ งนเี้ ราสามารถบอกได้ วา่ detention เปน็ punishment หรือการลงโทษประเภทหนึง่ แตก่ ย็ ังบอกวธิ กี ารลงโทษไม่ได้ - ครูอ่านออกเสียงในย่อหน้าแรกในหนังสือเรียน หน้า 3 ซ่ึงอยู่ต่อจากประโยคที่ครูเขียนบนกระดาน “Students go to a certain area in the school during break or after classes and do academic work.” - ครูบอกนักเรียนว่าประโยคนี้อธิบายถึงวิธีการลงโทษที่เรียกว่า detention นักเรียนอาจเคยมี ประสบการณ์แบบนี้ จึงพอสรุปไดว้ ่า detention ก็คือการลงโทษโดยการกักตัวไว้ใหท้ างานระหวา่ งพัก หรือหลงั เรยี น 4. เปรยี บเทียบโรงเรียนของชาตติ ะวันตกและของไทย - ครูให้นักเรียนจับคู่กัน และแจก Worksheet 1 สาหรับหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ให้นักเรียนแต่ละคู่ บอก นักเรียนให้อ่านข้อความในหนังสือเรียน หน้า 2-3 อีกคร้ังหน่ึง และให้แต่ละคู่ช่วยกันหาข้อมูลว่าโรงเรียน ของชาติตะวันตกแต่เดิมเป็นอย่างไรและเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร แล้วนาข้อมูลนั้นไปเขียนลงในตารางใน Worksheet 1 ในคอลมั นท์ ่เี ป็นข้อมูลของโรงเรียนของชาตติ ะวันตก - ครใู หน้ ักเรยี นแต่ละคชู่ ่วยกนั คิดเปรียบเทียบโรงเรียนของชาติตะวันตกกบั โรงเรียนของไทย เฉพาะประเด็น ท่ีกล่าวถึงในหนังสือเรียน หน้า 2-3 และเขียนข้อมูลเก่ียวกับโรงเรียนของไทยในอดีตเท่าที่ทราบและใน ปัจจบุ นั ลงในคอลมั น์ “Then” และ “Now” ของโรงเรยี นไทย - ครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคาตอบโดยครูลอกแผนภูมใิ น Worksheet 1 บนกระดาน ให้นักเรียนท่ีสมัครใจ ผลัดกนั ออกมาเขยี นขอ้ มูลลงในแต่ละคอลมั น์ในแผนภูมิ แลว้ นักเรยี นทง้ั ชนั้ ช่วยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง โดยครูเป็นผ้ชู ้นี า

5. ประเมนิ ผลการเปรยี บเทียบโรงเรียนของชาติตะวันตกและของไทย - ครูประเมินผลการเปรียบเทยี บโรงเรียนของชาติตะวันตกและของไทยจากจานวนข้อมูลท่ีถูกต้องในแผนภูมิ และใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60 คาบ 3 - 4 กจิ กรรม Conversation 1. นาเข้าสู่บทเรียน - ครูให้นักเรียนดูภาพตอนบนขวาของหนังสือเรยี น หน้า 4 ให้นักเรียนพูดเกย่ี วกบั ภาพ และให้เดาว่าบุคคล ทั้ง 2 พดู เกี่ยวกบั อะไร 2. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรยี นวา่ ในหน่วยการเรียนรนู้ ีน้ ักเรียนจะตอ้ งอ่านออกเสยี งบทสนทนา และฟังบคุ คล 2 คนพูดถึง วันเก่า ๆ เมื่อครั้งยังเป็นนักเรียน นักเรียนจะต้องอ่านออกเสียงให้ถูกต้องตามหลักการอ่าน และบอก รายละเอียดเกย่ี วกับข้อความท่ฟี งั กจิ กรรมก่อนอ่าน 1. เตรยี มความพร้อมดา้ นคาศัพท์ - ครูเขียนคาศัพท์และสานวนภาษาในบทสนทนาท่คี าดว่านกั เรยี นไม่ทราบความหมายบนกระดาน ดังนี้ - scanned - end up - teacher’s pet - couldn’t stand (someone) - tell on (someone) - gossip blog - ครูให้นักเรียนที่รู้ความหมายบอกความหมายของคา/สานวนเหล่าน้ีแก่เพื่อน และครูบอกความหมายของ คา/สานวนท่ีไม่มีผู้ใดทราบความหมาย - ครูให้นักเรียนปิดหนังสือเรียนและเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 5 ให้นักเรียนฟังการสนทนาระหว่าง บคุ คล 2 คน 2 ครง้ั และใหบ้ อกสงิ่ ทีท่ ั้ง 2 คนพดู กันเทา่ ที่จะบอกได้ 2. ตง้ั จดุ ประสงค์ในการอ่าน - ครอู า่ นออกเสียงคาถามในกิจกรรม About the Conversation ในหนงั สือเรยี น หนา้ 4 บอกนักเรียนให้ใช้ คาถามเหล่าน้เี ปน็ จุดประสงคใ์ นการอ่าน กิจกรรมระหวา่ งอ่าน 1. อ่านบทสนทนา - ครูให้นักเรียนจับคู่กันอ่านบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 4 เพ่ือหาคาตอบ สาหรับคาถามท้งั 4 ในกจิ กรรม About the Conversation - นกั เรยี นแต่ละคูอ่ า่ นบทสนทนา แลว้ ช่วยกันตอบคาถาม

กิจกรรมหลังอ่าน 1. ตรวจสอบความเขา้ ใจบทสนทนา - ครูให้นักเรียนท่ีสมัครใจผลัดกันอ่านคาตอบแต่ละข้อของคาถามท้ัง 4 ข้อ และนักเรียนที่เหลือตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง (ดูเฉลยท้ายเลม่ ) 2. อา่ นออกเสยี งบทสนทนา - ครเู ปิดซดี บี นั ทกึ เสียง CD 1 Track 5 ใหน้ ักเรียนฟงั อกี ครั้งหนึง่ หยุดซดี ีบันทึกเสียงเม่อื จบคาพูดของบุคคล เพือ่ ใหน้ ักเรยี นพูดตามเบา ๆ - ครูใหน้ ักเรียนจับคู่กนั ฝึกอ่านบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนงั สือเรยี น หนา้ 4 เมอื่ อ่านคล่อง แล้วใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคู่นดั หมายกบั ครเู พื่ออ่านออกเสยี งใหค้ รูฟงั นอกเวลาเรียน 3. ประเมินผลการออกเสียง - ครปู ระเมนิ ผลการอ่านออกเสียงบทสนทนาของนักเรยี นแตล่ ะคู่ โดยใช้แบบประเมินการอา่ นออกเสียง และ ใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้ กจิ กรรม Listening 1. ฟังบุคคลพูดถึงสมัยท่ีตนเปน็ นกั เรยี น - ครบู อกว่านักเรยี นจะได้ฟังบุคคล 2 คนพูดถงึ สมัยท่ตี นเป็นนักเรยี น - ครอู ่านออกเสียงประโยคในกิจกรรม Listening ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 4 ให้นกั เรียนถามถ้าไม่เข้าใจประโยค ใด แล้วบอกวา่ เมือ่ นกั เรียนฟังคาพูดของบคุ คลทัง้ 2 แลว้ ให้เขยี น T ไว้ทีป่ ระโยคท่ถี ูกตอ้ งตามข้อมูลทไ่ี ดฟ้ ัง - ครเู ปดิ ซดี ีบนั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 6 ใหน้ กั เรยี นฟงั และพยายามสรุปว่าแตล่ ะคนพูดอะไร - ครูเปิดซดี บี นั ทกึ เสียงอีกคร้ังหนง่ึ ครง้ั นี้ให้นกั เรยี นฟังและเขยี น T ข้างหนา้ ประโยคท่ีถกู ตอ้ งตามข้อมูลที่ได้ ฟงั - ครใู หน้ ักเรียนช่วยกันบอกคาตอบ และเปิดซีดบี ันทึกเสียงอีกคร้ังหนง่ึ เพอ่ื ยนื ยนั คาตอบของนักเรียน (ดูเฉลย ทา้ ยเล่ม) 2. ประเมินผลการฟัง - ครูประเมินผลความเข้าใจคาพูดของบุคคลจากจานวนคาตอบท่ีถูกต้องในการทากิจกรรม Listening ใน หนังสอื เรยี น หน้า 4 และใช้เกณฑผ์ ่านร้อยละ 60

คาบ 5 - 6 กิจกรรม Grammar 1. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้ used to + Verb, Adverb: ago และ Conjunctions: so, because เพอ่ื นาไปใชใ้ นการพูดโตต้ อบเกยี่ วกบั สง่ิ ท่ีเคยทาครัง้ แรก หรอื ครัง้ สดุ ท้ายที่ ทา และเหตุผลทเ่ี ลกิ ทา 2. ใช้ used to + Verb - ครูให้นกั เรยี นดูกรอบ Grammar ในหนังสอื เรยี น หน้า 5 ในส่วนทแี่ สดงการใช้ used to + Verb ครอู ธิบาย ว่า used to ใชพ้ ูดถึงสง่ิ ที่เคยทาในอดตี แต่ตอนนีไ้ ม่ไดท้ าแลว้ - ครอู า่ นออกเสียงประโยคบอกเล่า ปฏเิ สธ และคาถามท่ใี ช้ used to - ครบู อกสิง่ ท่ีครเู คยทา โดยใช้ used to ในประโยค และให้นักเรียนผลัดกันบอกครเู ก่ียวกับส่งิ ทน่ี กั เรียนเคย ทา แต่ตอนนี้ไม่ทาแล้ว - ครใู หน้ ักเรยี นทากจิ กรรม Grammar A ในหนังสอื เรียน หนา้ 5 ใหน้ ักเรยี นดภู าพและบอกส่งิ ท่เี หน็ ในแต่ละ ภาพ จากน้ัน ใหน้ กั เรยี นดตู ัวอย่างการทากิจกรรมในข้อ 1 ครูอธบิ ายว่า ภาพทเ่ี หน็ คอื สง่ิ ทีบ่ ุคคลในภาพ ใน ที่นี้คือ Rick เคยทา ประโยคท่ีใช้จึงเป็น Rick used to play soccer ข้อความใต้ภาพ now basketball แสดงสงิ่ ที่ Rick ทาในปัจจบุ นั ประโยคส่วนหลังจงึ เปน็ …but now he plays basketball. - ครูใหน้ กั เรยี นดคู าใตภ้ าพอ่นื ๆ จะพบว่ามชี ือ่ บุคคลหรอื ผกู้ ระทา และมคี าช้ีแนะเกี่ยวกับสิ่งทท่ี าในปัจจุบัน ครใู หน้ กั เรยี นเขียนประโยคบรรยายภาพ โดยใช้ประโยคขอ้ 1 เป็นแบบอย่าง - ครูให้นักเรียนผลัดกนั ออกมาเขียนประโยคข้อ 2-6 บนกระดาน เมื่อตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ให้ใช้เป็น เฉลยคาตอบ (ดเู ฉลยทา้ ยเล่ม) 3. ใช้ ago ในประโยค - ครเู ขยี นคา ago บนกระดาน อธบิ ายวา่ ใช้ ago เพ่ือกล่าวถึงเหตกุ ารณใ์ นอดีต ago จะอยูห่ ลงั ถ้อยคาบอก เวลา ดังตวั อยา่ งท่ีอยตู่ อนกลางของกรอบ Grammar ในหนังสอื เรียน หน้า 5 - ครูอ่านออกเสยี งประโยคตวั อยา่ งทงั้ 3 ประโยค และนกั เรียนอา่ นในใจตาม - ครใู ห้นกั เรยี นทากิจกรรม Grammar C ในหนงั สอื เรยี น หน้า 6 ครอู า่ นออกเสยี งคาส่งั และให้นักเรียนเขียน ประโยคบอกว่า นกั เรียนทาสงิ่ ท่ีอยูใ่ นรายการคร้งั หลังสุดเมื่อไร โดยดูประโยคข้อ 1 เป็นตัวอย่าง - เม่ือนกั เรียนทากิจกรรม Grammar C เสร็จแลว้ ใหน้ ักเรยี นแลกเปลย่ี นงานที่ทากับเพอื่ น ตา่ งคนตา่ งตรวจ แก้งานของกนั และกนั - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจ ผลัดกันอ่านประโยคท่ีตนเขียนคนละประโยค ครูช่วยแก้ไขประโยคที่ไม่ถูกต้อง (ตอบได้หลายอยา่ ง) - ครูอา่ นออกเสยี งคาสั่งของกิจกรรม Grammar D ในหนงั สือเรยี น หน้า 6 นักเรียนอ่านในใจตาม - ครอู ธบิ ายการใช้ first และ last ครบู อกวา่ first ใช้เมื่อกลา่ วถงึ เวลาแรกทเ่ี ราทาสิ่งใดสง่ิ หนึ่ง และ last ใช้ เมื่อกลา่ วถงึ เวลาล่าสดุ ทีเ่ ราทาส่ิงใดส่ิงหนง่ึ

- ครูเรียกนักเรียนคนหน่งึ ให้ออกมาพดู ถาม-ตอบประโยคตัวอย่างในหนงั สอื เรียนคูก่ ับครู - ครูให้นักเรียนดูภาพที่เป็นตัวชี้แนะในกิจกรรม Grammar D ให้นักเรียนช่วยกันบอกส่ิงที่เห็นในแต่ละภาพ แล้วให้นักเรียนจับคู่ผลัดกันพูดถาม โดยใช้ first หรือ last ในประโยคคาถาม และตอบโดยใช้ ago ใน ประโยคคาตอบ - ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคอู่ อกมาพดู ถาม-ตอบเก่ยี วกับภาพแต่ละภาพท่ีหน้าช้นั เรยี น (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม) 4. ใช้ so, because - ครนู าประโยคจากกจิ กรรม Conversation ในหนงั สือเรยี น หน้า 4 มาเขียนบนกระดาน I used to end up in detention a lot because I didn’t always do my homework. - ครเู ขียนแผนภาพแสดงเหตุและผลของประโยคบนกระดาน ดังน้ี cause result I didn’t always do my I used to end up in detention homework. a lot. - ครูชี้ใหน้ ักเรียนเหน็ ความสมั พนั ธเ์ ชงิ เหตผุ ลของประโยคบนกระดาน ซง่ึ มี because เปน็ ตัวเชอื่ ม - ครเู ขียนอกี ประโยคบนกระดาน ดงั น้ี - I didn’t always do my homework, so I used to end up in detention a lot. - ครูให้นักเรียนดูความหมายของ so และ because ในส่วนท้ายสุดของกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 5 ครูอธิบายว่า so หมายถึง “as a result” หรือ “ผลท่ีตามมา” ส่วน because หมายถึง “for the reason that” หรือ “ด้วยเหตุผลที่ว่า” แล้วให้นักเรียนอ่านประโยคตวั อย่างการใช้ so และ because ใน กรอบ Grammar และทาความเขา้ ใจกับการใช้คาเช่อื ม 2 คาน้ี - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Grammar B ในหนังสือเรียน หน้า 6 ให้เลือกใช้ so หรือ because ในประโยค เสร็จแลว้ ครูใหน้ ักเรยี นผลดั กันอ่านประโยคทเี่ ลือกใชค้ าเช่อื มเรียบรอ้ ยแลว้ (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) 5. พดู ถามและตอบเกี่ยวกับสง่ิ ทเี่ คยทา - ครเู ขียนบทสนทนาโต้ตอบต่อไปน้ีบนกระดาน A: I used to play soccer, but now I play table tennis. B: When did you last play soccer? A: Five years ago. B: Why did you stop playing soccer? A: Because I broke my leg. - ครูสมมตติ นเองเปน็ A และให้นักเรียนคนหนง่ึ เป็น B ออกมาพูดโตต้ อบตามบทสนทนาบนกระดานกับครูท่ี หน้าช้ัน - ครูเขยี นโครงบทสนทนาบนกระดานดงั น้ี A: I used to , but now I . B: When did you first / last play ?

A: ago. B: Why did you stop ? A: Because . - ครูให้นักเรียนจับคู่กัน ศึกษาบทสนทนาและโครงบทสนทนาบนกระดาน บอกนักเรียนให้พูดโต้ตอบกัน เกยี่ วกบั สง่ิ ท่ีเคยทาครงั้ แรก หรือครงั้ สดุ ทา้ ยท่ีทา และเหตผุ ลที่เลกิ ทา โดยใช้แบบอย่างบนกระดาน และให้ สลบั บทบาทกนั ด้วย - นักเรียนแต่ละคู่พูดโต้ตอบกัน ขณะท่ีนักเรียนทางาน ครูเดินไปรอบ ๆ ช้ันเรียน เพ่ือสังเกตการพูดของ นักเรียน 6. ประเมนิ ผลการพูดถาม-ตอบเกยี่ วกับสิ่งทเี่ คยทา - ครูประเมินการพูดของนักเรียนแต่ละคู่โดยใช้แบบประเมินการสนทนากิจกรรมคู่ และใช้เกณฑ์ผ่านระดับ พอใช้ กจิ กรรม Speaking 1. เตรียมการพดู นาเสนอ - ครูอ่านออกเสียงคาสั่งและคาถามของกิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า 6 และอธิบายคาสั่งและ คาถามจนแนใ่ จว่านักเรียนทุกคนเขา้ ใจ - ครูใหน้ กั เรยี นทากจิ กรรม Speaking ในหนงั สอื เรียน หนา้ 6 เป็นการบา้ น ให้ใชค้ าถามในกิจกรรมถามบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา หรือยายเก่ียวกับโรงเรียนท่ีท่านเรียน ถ้าบุคคลที่สัมภาษณ์พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ให้ใช้ ภาษาไทย คาบ 7 – 8 กจิ กรรม Speaking 1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนักเรยี นว่า ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้นี ักเรียนจะพดู นาเสนอขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการสัมภาษณ์ 2. พูดนาเสนอเกีย่ วกบั โรงเรยี นสมยั ก่อน - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า 6 โดยใช้ข้อมูลจากท่ีนักเรียนทาการบ้านจาก คาบท่ีแล้วสัมภาษณบ์ ดิ า มารดา ปู่ ย่า ตา หรือยายเกี่ยวกบั โรงเรยี นทท่ี ่านเรียน - ครูให้นักเรียนเขียนคาตอบจากการสมั ภาษณเ์ ป็นภาษาองั กฤษ และเรียบเรียงข้อมลู ใหต้ อ่ เนอ่ื ง - ครแู บ่งนกั เรียนเปน็ กลมุ่ กลุม่ ละ 6 คน ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนนาเสนอข้อมลู ที่ได้จากการสัมภาษณ์ในกลุ่ม 3. ประเมนิ ผลการพดู นาเสนอ - ครูประเมินการพูดนาเสนอของนักเรียนแต่ละคนโดยใช้เกณฑ์การประเมินการพูด และใช้เกณฑ์ผ่านระดับ พอใช้

คาบ 9 กิจกรรม Reading 1. นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น - ครูถามนักเรยี นว่า เมื่อพูดถึง ancient Greek, ancient Rome และ ancient China นักเรียนนึกถึงอะไรบ้าง นกั เรยี นอาจบอกชอ่ื บุคคล ช่ือเมือง สถาปัตยกรรม ประติมากรรมหรือเหตกุ ารณ์ เช่น สงคราม 2. แจง้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหนว่ ยการเรียนรู้น้นี กั เรียนจะไดอ้ า่ นบทความเกี่ยวกับกรีก โรมนั และจีนยุคโบราณ กิจกรรมก่อนอา่ น 1. เดาเน้ือหาจากชอ่ื เร่ืองและภาพ - ครูให้นักเรียนดูช่ือบทความ School in Ancient Times และภาพในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 7 และเดาว่าบทความที่อา่ นเกีย่ วกับอะไร จากเคร่ืองแต่งกายของบคุ คลในภาพบนขวา ซ่ึงไม่แนใ่ จว่า เป็นเคร่ืองแต่งกายของชาวกรีกหรือโรมันโบราณ นักเรียนอาจบอกว่าบทความน่าจะเก่ียวกับ ancient Greek/Roman school แลว้ บทความยงั ใหข้ ้อมูลเกย่ี วกบั ancient school in China อกี ด้วย 2. ต้งั จดุ ประสงค์ในการอ่าน - ครูให้นักเรียนช่วยกันคาดเดาว่าจะได้ข้อมูลอะไรจากบทความนี้บ้าง หรืออีกนัยหนึ่ง บทความนี้จะตอบ คาถามอะไรบ้าง ครูให้นักเรียนช่วยกันตั้งคาถามที่คาดว่าจะได้คาตอบจากบทความน้ี และครูเขียนทุก คาถามทน่ี กั เรยี นบอกบนกระดาน ตอ่ ไปนี้คือตวั อยา่ งคาถาม - Where was the school? - Who were students? - What subjects did students study? - ครูใหน้ ักเรยี นใชค้ าถามบนกระดานเปน็ จุดประสงค์ในการอ่าน คืออ่านเพื่อหาคาตอบให้คาถามเหลา่ นี้ กิจกรรมระหวา่ งอา่ น 1. อ่านบทความ - ครเู ปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 7 ใหน้ ักเรียนฟังและอ่านในใจตาม ถา้ พบคาทไี่ ม่ทราบความหมาย ให้ขีด เสน้ ใต้ไว้ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความในใจอีกคร้ังหนึ่ง และดูว่ามีคาตอบสาหรับคาถามใดบนกระดานบ้าง ครูให้ นักเรียนที่สมัครใจออกไปเขียนคาตอบข้างคาถามบนกระดาน นักเรียนจะเห็นได้ว่า ไม่มีคาตอบในบทความ สาหรบั บางคาถามบนกระดาน กจิ กรรมหลงั อา่ น 1. พฒั นาคาศพั ท์ - ครูให้นกั เรยี นออกมาเขียนคาศัพท์ท่ีไม่ทราบความหมายบนกระดาน - ครูให้นักเรียนท่ีทราบความหมาย บอกความหมายของคาบนกระดาน ถ้าไม่มีผู้ใดทราบ ให้ครูเป็นคนบอก ความหมาย

2. ตรวจสอบความเขา้ ใจ - ครเู ขียนคาถามแบบเลือกตอบตอ่ ไปนี้บนกระดาน 1. What does the passage tell about? A. The equality in education in ancient Rome. B. The education reform by one emperor of the Han dynasty. C. The subjects that Greek boys studied in ancient schools. D. The education in Greece, Rome, and China in ancient times. 2. What can be inferred about the education of girls in ancient times? A. Greek girls were illiterate. B. Roman girls received bilingual education. C. Roman and Chinese girls were equal in terms of education. D. Compared with average Greek and Roman girls, the Chinese had more opportunity in education. - ครูให้นักเรียนอ่านบทความเร่ือง School in Ancient Times อีกคร้ังหน่ึง แล้วตอบคาถามบนกระดาน และทากจิ กรรม About the Reading ในหนงั สือเรยี น หน้า 7 - ครใู ห้นกั เรยี นบอกคาตอบของคาถามบนกระดาน คาตอบของคาถามบนกระดาน 1. D. 2. D. - ครูให้นักเรียนท่ีสมัครใจผลัดกันออกมาเขียนคาตอบของคาถาม ในกิจกรรม About the Reading บน กระดาน และให้นักเรยี นคนอืน่ ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง (ดูเฉลยท้ายเล่ม) 3. ประเมนิ ผลการอา่ นบทความ - ครูประเมนิ ผลความเข้าใจบทความของนกั เรียนจากจานวนคาตอบท่ีถกู ตอ้ งทีไ่ ด้จากการทากิจกรรม About the Reading ในหนงั สือเรียน หนา้ 7 รวมท้งั คาตอบทไ่ี ด้จากคาถามบนกระดาน และใชเ้ กณฑ์ผา่ นร้อยละ 60

คาบ 10 กิจกรรม Writing 1. แจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนจะต้องเขียนบรรยายกิจกรรมที่นักเรียนทาในโรงเรียน ขณะน้ี และที่นักเรียนเคยทาเมื่อเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา และค้นคว้าเกี่ยวกับระบบการศึกษาของ ประเทศใดประเทศหนงึ่ โดยเฉพาะประเทศในกลมุ่ ASEAN กิจกรรมก่อนเขยี น 1. ระดมความคิด - ครูให้นกั เรยี นชว่ ยกันบอกกจิ กรรมท่ีนักเรยี นทาในโรงเรียนขณะนี้ และเขยี นสิง่ ท่นี กั เรยี นบอกบนกระดาน - ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกกจิ กรรมท่ีนกั เรียนเคยทาในขณะท่ีเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา และเขียนส่งิ ท่ี นักเรยี นบอกบนกระดาน 2. สรา้ งแผนภาพความคิด - ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคนสร้างแผนภาพความคิดกอ่ นเขยี น โดยช้แี นะใหน้ ักเรยี นแยกเขยี นกิจกรรมทีท่ าเปน็ 2 คอลมั นด์ ังน้ี Things I used to do in elementary school Activities I do in school nowadays กจิ กรรมการเขยี น 1. เขยี นบรรยายกจิ กรรมทเ่ี คยทาและท่ที าอยู่ในปจั จุบนั ในโรงเรยี น - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Writing ในหนังสือเรียน หน้า 7 ให้เขียนบรรยายกิจกรรมที่ทาในโรงเรียนใน ปจั จุบนั - นกั เรยี นใชข้ ้อมลู ในแผนภาพความคดิ ทีส่ ร้างขึ้นในกิจกรรมก่อนเขียน เรียบเรยี งงานเขยี นบรรยายของตน - นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง - นักเรียนจับคู่กับเพื่อน แลกกันอ่านงานเขียนบรรยายของกันและกัน และให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงตามท่ี เหน็ สมควร - นักเรยี นปรับปรงุ งานเขียน และเขียนรา่ งสดุ ทา้ ยส่งครู

กิจกรรมหลังเขยี น 1. ประเมินผลการเขยี นบรรยาย - ครูประเมินข้อเขียนบรรยายของนักเรียนโดยใช้เกณฑ์การประเมินผลงานเขียน และใช้เกณฑ์ผ่านระดับ พอใช้ 2. นาเสนองานเขียน - ครแู บ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ให้แต่ละคนนาเสนองานเขียนของตน โดยอ่านออกเสียงให้เพ่ือนใน กลุ่มฟงั - ครูให้แต่ละกลุ่มสรุปว่ามีกิจกรรมใดบ้างที่ส่วนใหญ่ของกลุ่มเคยทาเหมือนกัน และมีกิจกรรมใดในปัจจุบันที่ ส่วนใหญ่ทาเหมอื นกัน 9. ส่ือการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ รายการส่ือ จานวน สภาพการใช้สอ่ื 1. หนงั สอื เรยี น New World 4 ขั้นตรวจสอบความรู้เดมิ ข้นั สร้างความสนใจ ขยายความรู้ 2. หอ้ งสบื คน้ ข้ันสร้างความสนใจ ขยายความรู้ 3. Worksheet 1 ข้ันขยายความรู้ 4. บัตรคา ขน้ั ขยายความรู้ 5. บัตรภาพ ขั้นสรา้ งความสนใจ ขยายความรู้

10. การวัดผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวดั ประเด็น/ การเรียนรู้ ช้ินงาน/ภาระงาน เครอื่ งมอื วัดฯ เกณฑ์การ ประเมินผลจาก จบั ใจความสาคัญ การพดู ประโยคและข้อความแสด จานวนคาตอบที่ ใหค้ ะแนน วิเคราะหค์ วาม ความชอบและไมช่ อบการทางานบา้ น แบบตรวจ ใช้เกณฑ์ผา่ น ตีความ จาก โดยใชข้ อ้ มูลจากตารางในกจิ กรรม ถกู ตอ้ ง คาตอบ ร้อยละ 50 ข้อความทอ่ี ่าน Language Check อา่ นออกเสยี งบท การอา่ นออกเสียง ประเมนิ แบบประเมนิ ใช้เกณฑ์ สนทนาถกู ต้อง บทสนทนาในกจิ กรรม Conversation การอ่านออก การอ่านออก ผา่ นระดับ ตามหลกั การอา่ น สนทนาโตต้ อบ การสนทนาโตต้ อบเก่ียวกับสิ่งทเ่ี คยทา เสยี ง เสียง พอใช้ ขอ้ มูล ประเมนิ การ แบบประเมนิ ใชเ้ กณฑ์ สนทนาโตต้ อบ การสนทนา ผ่านระดบั พดู นาเสนอเรือ่ ง การพดู นาเสนอ กิจกรรมคู่ พอใช้ ในอดีต ประเมนิ การพูด แบบประเมนิ ใช้เกณฑ์ ผา่ นระดบั จบั ใจความสาคัญ คาตอบท่ไี ดจ้ ากการ ประเมนิ ผลจาก การพดู พอใช้ วเิ คราะหค์ วาม ทากิจกรรม About the Reading ใน จานวนคาตอบท่ี ใชเ้ กณฑ์ สรปุ ความ ตีความ หนงั สือเรยี น หนา้ 7 และคาตอบทไี่ ด้ แบบตรวจ ผ่านรอ้ ยละ บทความที่อ่าน จากคาถามที่ครสู ่งั ถูกตอ้ ง คาตอบ 50

บันทึกหลังการสอน 1.ผลการจดั การเรียนการสอน 1.1 การประเมินดา้ นความรู้ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 1.2 การประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 1.3 การประเมินดา้ นคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 2. ปัญหาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 3. แนวทางแกไ้ ข ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงช่ือ................................ (นางสาววลิ ยั พร ต้งั บุญยะฤทธ์ิ) ครูผสู้ อนและบนั ทึก

Worksheet 1 Directions: Complete the chart below with correct information about western and Thai schools. Western Schools Thai Schools Then Now Then Now

เฉลยคาตอบ Worksheet 1 Directions: Complete the chart below with correct information about western and Thai schools. Western Schools Thai Schools Then Now Then Now students of all ages different classrooms different classroom in the same for students of for students of classroom different ages and different ages and grades grades one teacher for the entire school teachers talked and students working in teachers talk and students listened groups students listen: students seldom teachers hit students detention is work in groups common teachers hit students teachers discussed school counselor - teachers are not students problems talks to student or allowed to hit with parents at parent student home - detention is sometimes used - normally classroom teachers talk to students and parents - students’ home visit by classroom teachers in some schools

เกณฑก์ ารประเมินการเขยี น ประเด็น 4 3 2 1 น้าหนัก คะแนน 28 เขียนโดยใช้ เขียนโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขียนโดยใช้ 14 โครงสร้าง โครงสร้าง โครงสร้าง โครงสร้าง โครงสรา้ ง ทาง ไวยากรณ์ได้ ไวยากรณ์ 14 ไวยากรณ์ ถูกต้อง ผดิ พลาด ไวยากรณผ์ ดิ พลาด ไวยากรณ์ ทุกประโยค เลก็ น้อย 28 หลายแห่ง ผิดพลาด 6 24 เกนิ ครงึ่ หนึ่ง ของงานเขียน สะกดคาและ สะกดคาและ สะกดคาและ สะกดคาและ การสะกดคา ใชเ้ คร่ืองหมาย ใชเ้ คร่อื งหมาย ใชเ้ ครือ่ งหมาย ใชเ้ คร่ืองหมาย และการใช้ วรรคตอน วรรคตอน วรรคตอนผดิ พลาด วรรคตอน เครอ่ื งหมาย ถูกต้องทง้ั หมด ผิดพลาด หลายแห่ง ผดิ พลาด วรรคตอน เลก็ นอ้ ย เกินครึ่งหน่ึง ของงานเขยี น ใชค้ าศพั ท์ ใชค้ าศพั ท์และ มีปญั หาอยบู่ ้างใน ใชค้ าศัพท์ และสานวน สานวน การใช้คาศพั ท์และ และสานวน การใช้ เหมาะสม เหมาะสม สานวน ผดิ พลาดหลาย คาศัพท์ อ่านแล้วเขา้ ใจ แต่อ่านแล้ว อา่ นแล้วไมเ่ ขา้ ใจ แหง่ อ่านแลว้ ชดั เจนทง้ั หมด ไมเ่ ข้าใจ หลายแหง่ ไม่เข้าใจเป็น บางแหง่ ส่วนมาก เขียนไดต้ รง เขยี นไดค้ อ่ นขา้ ง เขยี นไมค่ ่อย เขียนไม่ตรง ประเดน็ ตรงประเด็นตาม ตรงประเด็นตามที่ ประเดน็ การนาเสนอ ตามทีก่ าหนด ที่กาหนด และ กาหนด และเรยี บ- ตามทกี่ าหนด เน้ือหา และเรียบเรียง เรียบเรยี งเนอื้ หา เรียงเนือ้ หาไมค่ อ่ ย และเรียบเรียง เนอ้ื หาตามลาดบั ไดค้ อ่ นขา้ ง เหมาะสมเท่าที่ควร เนอื้ หาไมเ่ ป็นไป เหมาะสม เหมาะสม ตามลาดบั รวม เกณฑก์ ารประเมนิ 20-24 คะแนน ดมี าก 16-19 คะแนน ดี 12-15 คะแนน พอใช้ นอ้ ยกว่า 12 คะแนน ควรปรับปรุง

เกณฑ์การประเมินการพดู ประเดน็ 4 32 1 นา้ หนัก คะแนน -ส่อื สารไม่ 28 -สอื่ สารได้ตรง -สือ่ สารไดต้ รง -สอ่ื สารได้ตรง คอ่ ยตรง ประเด็น 28 ความถกู ตอ้ ง ประเดน็ ประเด็น เปน็ ประเด็นเปน็ -เน้ือหาไม่ ด้านเนอื้ หา -เนอ้ื หาถกู ตอ้ ง ค่อยถกู ตอ้ ง ตามหัวขอ้ ที่ ส่วนใหญ่ บางส่วน -ออกเสยี ง ไมถ่ กู ตอ้ ง -เน้อื หาถูกตอ้ ง -เนอ้ื หาถูกตอ้ ง -ใช้คาศพั ท์ สานวน และ กาหนด เป็นส่วนใหญ่ เปน็ บางส่วน โครงสร้าง ภาษาแบบ -ออกเสยี ง -ออกเสยี ง -ออกเสยี ง งา่ ย ๆ และ มขี ้อผดิ มาก ถกู ต้อง ได้ถูกตอ้ ง ถกู ต้อง การออกเสียง -ใชค้ าศัพท์ เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางสว่ น การใชค้ าศัพท์ สานวน และ สานวน และ โครงสรา้ ง -ใชค้ าศพั ท์ -ใชค้ าศพั ท์ โครงสร้างภาษา ภาษาถูกต้อง และเหมาะสม สานวน และ สานวน และ โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง ภาษาถกู ตอ้ ง ภาษาแบบ เปน็ ส่วนใหญ่ ง่าย ๆ และ มีข้อผิดบา้ ง -พูดได้ -พูดได้ - พดู ได้ -พูดเหมือน 1 4 คลอ่ งแคลว่ ทอ่ งจา -พดู เปน็ คลอ่ งแคลว่ คล่องแคล่วแต่ -ประสาน ธรรมชาติ สายตากับผูฟ้ ัง -ประสาน -พูดเปน็ ไม่เป็น บ้างเป็นระยะ สายตากัน ผู้ฟงั ธรรมชาติ ธรรมชาติ -แสดงออก ความสามารถ ทางสหี นา้ และ -ประสานสายตา -ประสาน ในการพูด ท่าทางอยา่ ง เหมาะสม กบั ผฟู้ ัง สายตากับผูฟ้ ัง รวม -แสดงออกทางสี น้อย หน้าและทา่ ทาง บา้ งเล็กนอ้ ย 5 20 เกณฑ์การประเมิน 16-20 คะแนน ดมี าก 13-15 คะแนน ดี 10-12 คะแนน พอใช้ นอ้ ยกว่า 10 คะแนน ควรปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารประเมนิ การอา่ น ประเด็น 4 3 2 1 นา้ หนัก คะแนน -อา่ นได้ -อา่ นได้ -อา่ น 14 -อ่านได้ คลอ่ งแคลว่ คล่องแคลว่ แตไ่ ม่ เหมือน -อ่านเปน็ เปน็ ธรรมชาติ ท่องจา คลอ่ งแคลว่ ธรรมชาติ -แสดงออกทางสี -พดู เป็น หน้าและท่าทางบ้าง เลก็ นอ้ ย ความสามารถ ธรรมชาติ ในการพดู -แสดงออก ทางสีหนา้ และ ทา่ ทางอย่าง เหมาะสม รวม 5 20 เกณฑ์การประเมนิ 16-20 คะแนน ดมี าก 13-15 คะแนน ดี 10-12 คะแนน พอใช้ น้อยกวา่ 10 คะแนน ควรปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง You Have to Do It! รายวิชา ภาษาอังกฤษพ้นื ฐาน รหัสวชิ า อ 31101 ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2562 น้าหนักเวลาเรยี น 1.0 (นน./นก.) เวลาเรยี น 10 ชว่ั โมง/สัปดาห์ 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจที่คงทน) หน่วยการเรียนรู้นี้มีจุดมุ่งหมายให้นักเรียนเข้าใจไวยากรณ์ have to / had to เพื่อใช้ส่ือสารเกี่ยวกับส่ิงท่ี จาเป็นต้องทา นักเรียนจะได้อ่านข้อความเกี่ยวกับกฎหมายแปลก ๆ ทั่วโลก ฟังคาแนะนาวิธีทางานบ้าน พูดและ เขียนเก่ียวกับงานบ้านที่ต้องทา นอกจากนี้นักเรียนยังได้เรียนรู้คาศัพท์ สานวนต่าง ๆ เก่ียวกับงานบ้าน รวมท้ัง หน้าท่ีทางภาษา โครงสร้างประโยคไวยากรณ์ท่ีเป็นพื้นฐานของกิจกรรม การฟัง พูด อ่าน และเขียนในหน่วยการ เรียนรู้น้ี 2. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั ชนั้ ปี/ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรยี นรู้ ต 1.1 ม.4-6/3 อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับส่ือท่ีไม่ใช่ความเรยี งรูปแบบต่างๆ ที่ อ่าน รวมทงั้ ระบุและเขียนส่อื ที่ ไม่ใช่ความเรียงรปู แบบต่างๆ ใหส้ ัมพนั ธ์กับประโยค และขอ้ ความที่ฟงั หรอื อ่าน ต 1.1 ม.4-6/4 จับใจความสาคัญ วิเคราะห์ความสรุปความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟงั และอ่านเรอื่ งที่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี พรอ้ มทงั้ ใหเ้ หตุผลและยกตวั อย่างประกอบ ต 1.2 ม.4-6/5 พูดและเขียนบรรยายความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกับ เรื่องต่างๆ กิจกรรม ประสบการณ์ และเหตกุ ารณ์อยา่ งมีเหตผุ ล ต 1.3 ม.4-6/1 พูดและเขียนนาเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เรื่องและ ประเดน็ ตา่ งๆ ตามความสนใจของสังคม ต 3.1 ม.4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับกลุ่ม สาระการเรียนรู้อื่นจากแหลง่ เรียนรู้ตา่ งๆ และนาเสนอดว้ ยการพดู และการเขียน 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอื้ หาสาระหลัก: Knowledge (นกั เรยี นต้องรู้อะไร) คาศพั ท์ - vacuum (v.): to clean a place using a vacuum cleaner (ดดู ฝุ่น) - rug (n.): a piece of thick cloth or wool that is put on the floor as a decoration (พรม) - laundry (n.): clothes, sheets etc that need to be washed, or that have been washed (ซกั ผ้าหรอื ผา้ ทซี่ กั แล้ว) - feed (v.): to give food to a person or animal (ใหอ้ าหาร) - take out (v.): to remove something (เอาไปทง้ิ )

- garbage (n.): waste material, such as paper, empty container, and food thrown away (ขยะ) - chore (n.): a job that you have to do, especially a boring one: household chores (งานบา้ น) สานวนภาษา - take the dog for a walk หรือ walk the dog หมายถึง การพาสุนัขออกไปเดินเล่น เดินออกกาลัง กาย - clean up after the dog หมายถงึ การทาความสะอาด เกบ็ อุจจาระของสนุ ขั หน้าทีภ่ าษา - To talk about household chores - To talk about obligations in the present โครงสรา้ งประโยค/ไวยากรณ์ - have to / does not have to/don’t have to - had to / didn’t have to 3.2 ทักษะ/กระบวนการ: Process (นกั เรยี นสามารถปฏบิ ัตอิ ะไรได)้ พูดประโยคและข้อความแสดงความชอบและไม่ชอบการทางานบา้ นใหส้ มั พนั ธ์กบั ขอ้ มูลในตาราง จับใจความสาคญั บอกรายละเอียดจากคาแนะนาทอ่ี า่ นและฟัง บอกรายละเอียดจากบันทึกประจาวนั ที่อ่าน เขียนและพูดนาเสนอส่ิงทจี่ าเปน็ ตอ้ งทา จับใจความสาคญั วเิ คราะหค์ วาม สรุปความ ตีความจากบทความทอี่ ่าน 3.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค:์ Attitude (นกั เรยี นควรแสดงพฤตกิ รรมการเรยี นอะไรบา้ ง) มีวนิ ยั : เข้าเรยี นตรงเวลา ใฝเ่ รยี นรู้ : ค้นควา้ หาความร้จู ากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ ง ๆ มงุ่ มนั่ ในการทางาน : ขยนั มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรยี น ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะของวิชา ความรบั ผดิ ชอบ ความกล้าแสดงออก

6. คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ มีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทางาน 7. ช้ินงาน/ภาระงาน: เรียนรแู้ ละฝึกใชไ้ วยากรณ์ have to / had to อา่ นขอ้ ความเกี่ยวกับกฎหมาย ฟังคาแนะนาวธิ ที างานบ้าน พูดและเขยี นเกยี่ วกับงานบ้านที่ตอ้ งทา 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบ 1 - 2 กจิ กรรม New Language 1. นาเข้าสู่บทเรียน - ครเู ขียนคาศพั ท์ Chore บนกระดาน พรอ้ มอธบิ ายความหมาย บอกนกั เรียนใหบ้ อกงานบ้านที่นกั เรยี นทาท่ี บ้าน ครเู ขียนคาเหลา่ นน้ั บนกระดาน 2. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนกั เรียนว่า ในบทเรยี นนี้นกั เรียนจะได้อ่านคาศพั ท์เก่ียวกับงานบ้านและพูดเกีย่ วกับงานบ้านที่ชอบ หรอื ไม่ชอบทา 3. อ่านคาศัพทเ์ ก่ียวกับงานบ้าน - ครใู ห้นักเรยี นดูภาพงานบ้านในกจิ กรรม New Language ในหนงั สอื เรียน หนา้ 8 และพูดเกีย่ วกับภาพ - ครูเปดิ ซีดบี นั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 8 ให้นักเรียนฟังหนง่ึ ครั้ง - ครูเปิดซดี ีบันทกึ เสียง CD 1 Track 8 อีกครั้งหนง่ึ และหยุดซดี ีบนั ทกึ เสยี งเป็นระยะเพอื่ ใหน้ กั เรยี นออกเสียง คาศัพท์ตาม จากน้นั ให้นักเรียนทาเครือ่ งหมายในช่องหน้างานบา้ นทีน่ กั เรยี นตอ้ งทา 4. พดู แสดงความชอบและไม่ชอบการทางานบา้ น - ครูใหน้ ักเรยี นดภู าพงานบ้านในหนังสือเรยี น หน้า 9 และอา่ นขอ้ ความในตาราง ครอู ธิบายโครงสร้าง like / love / hate doing something จากน้ันให้นักเรียนเติมข้อมูลลงในตารางแบบสารวจเกี่ยวกับการทางาน บา้ นของตนเอง และให้นักเรียนจับคพู่ ดู เก่ียวกับงานบา้ นท่ตี นเองชอบหรือไมช่ อบทา เช่น - I have to make my bed, but I like doing it. - I have to feed the pets, but I love doing it. - I hate doing the dishes, but I have to do it.

- ครูให้นักเรยี นตอบคาถามในกจิ กรรม Language Check ในหนังสือเรียน หน้า 9 และให้นักเรยี นเปรียบเทยี บ คาตอบของตนเองกับเพื่อนว่างานบ้านในข้อใดท่ีต้องทาและไม่ต้องทา แล้วให้นักเรียนพูดบอกความชอบ และไมช่ อบการทางานบ้านของตนเองหนา้ ชนั้ เรยี น โดยใชข้ ้อมลู จากตารางในหนังสอื เรยี น หน้า 9 - ครูประเมินผลการพูดแสดงความชอบและไม่ชอบการทางานบ้านโดยใช้เกณฑ์การประเมินการพูด และใช้ เกณฑผ์ ่านในระดับพอใช้ กิจกรรม Pronunciation 1. ออกเสยี งคา have to - ครใู ห้นกั เรียนทากิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรยี น หน้า 9 ครูเปดิ ซีดบี ันทึกเสียง CD 1 Track 9 ให้ นกั เรียนฟงั ประโยคที่มี have to และออกเสยี งตามหลาย ๆ คร้ังใหถ้ ูกตอ้ ง - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 9 ซ้าอีกครั้งหนึ่ง และให้นักเรียนจับคู่ฝึกอ่านออกเสียงในกิจกรรม Pronunciation กิจกรรม Practice 1. ถามและตอบคาถามเกีย่ วกับงานบ้านที่ชอบและไมช่ อบทา - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Practice ข้อ 1 ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 10 ให้นักเรียนฟังคาถามและคาตอบ จากน้ันครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 10 อีกครั้งหนึ่ง หยุดซีดี เมื่อจบแตล่ ะประโยคเพอ่ื ใหน้ ักเรียนออกเสียงตามหลาย ๆ ครัง้ - ครูให้นักเรียนจับคู่ ฝึกอ่านออกเสยี งคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ขอ้ 1 - ครูสุม่ ให้นักเรียนบางคอู่ อกมาอ่านออกเสยี งคาถามและคาตอบในกจิ กรรม Practice ข้อ 1 - ครใู หน้ กั เรียนทาใบงาน have to 2. พดู ถามและตอบคาถามโดยใช้ have to - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Practice ข้อ 2 ในหนังสือเรียน หน้า 9 โดยครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 10 ให้นักเรียนฟังคาถามและคาตอบ จากนั้นครูเปิดซีดีบันทึกเสียงอีกคร้ังหนึง่ หยุดซีดีบันทึกเสียงเมื่อจบ แตล่ ะประโยคเพือ่ ใหน้ กั เรยี นออกเสียงตามหลาย ๆ คร้ัง - ครูให้นักเรียนจับคู่ ฝกึ อ่านออกเสียงคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ข้อ 2 - ครูสมุ่ ให้นักเรยี นบางคูอ่ อกมาอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ขอ้ 2

คาบ 3 - 4 กจิ กรรม Conversation 1. นาเข้าสบู่ ทเรยี น - ครูให้นักเรียนดูภาพในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรยี น หน้า 10 ให้นักเรียนพูดเก่ียวกับภาพ และ ให้เดาว่าอะไรคือหวั ข้อของการสนทนา 2. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนจะได้ฟังและอ่านบทสนทนาแล้วตอบคาถามเก่ียวกับบท สนทนานัน้ 3. เตรยี มความพร้อมดา้ นคาศพั ท์ - ครเู ขียนคาศพั ท์และสานวนภาษาในบทสนทนาท่ีคาดว่านักเรยี นไมท่ ราบความหมายบนกระดานดังน้ี - A mess - Whew! - You’re grounded. - ครูให้นักเรียนบอกความหมายของคาศัพท์สานวนเหล่าน้ี ครูบอกความหมายของคาศัพท์และสานวนท่ไี มม่ ี ผ้ใู ดทราบความหมาย 4. ฟังบทสนทนา - ครูให้นักเรยี นปดิ หนงั สือเรียน และครูเปิดซดี บี ันทกึ เสยี ง CD 1 Track 11 ให้นักเรยี นฟงั การสนทนาระหวา่ ง บคุ คล 2 คน 2 ครงั้ และใหน้ ักเรียนบอกส่งิ ทีท่ ัง้ สองคนพูดกนั เทา่ ทจ่ี ะบอกได้ 5. อา่ นบทสนทนา - ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงคาถามทั้ง 6 ข้อในกิจกรรม About the Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 10 กอ่ นท่จี ะอ่านบทสนทนา - ครูให้นักเรียนอ่านบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนงั สอื เรียน หนา้ 10 และทากิจกรรม About the Conversation ในหนังสือเรยี นหน้าเดียวกัน - ครใู ห้นกั เรียนผลัดกนั ออกมาเขยี นคาตอบบนกระดาน และนกั เรียนคนอ่นื ชว่ ยกันตรวจสอบความถกู ต้อง (ดู เฉลยท้ายเล่ม) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอ่านบทสนทนาจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องจากการทากิจกรรม About the Conversation โดยใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 70 กิจกรรม Listening 1. นาเขา้ สบู่ ทเรียน - ครูถามนกั เรียนเกี่ยวกับปัญหาในการทางานบา้ น 2. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้น้ีนักเรียนจะได้ฟังบุคคลพูดเกี่ยวกับคาแนะนาในการทางานบ้าน นักเรยี นจะต้องฟงั และเขียนคาแนะนาเหล่านน้ั

กจิ กรรมกอ่ นฟงั 1. เตรยี มความพรอ้ มกอ่ นฟัง - ครใู ห้นักเรียนดูภาพในกิจกรรม Listening ในหนังสอื เรยี น หนา้ 10 และพดู เก่ียวกบั ภาพ เช่น - The woman is ironing. - She’s smiling. - She likes ironing. - ครูให้นักเรียนดูรายการงานบ้านในตารางของกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 10 ซ่ึงนักเรียน จะต้องฟังแลว้ เขยี นคาแนะนาเกีย่ วกบั การทางานบา้ นเหล่านัน้ กจิ กรรมระหว่างฟงั 1. ฟงั บุคคลพดู เก่ยี วกับคาแนะนาในการทางานบ้าน - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 12 ในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 10 คร้ังที่ 1 และให้ นักเรยี นฟังส่ิงท่ีบุคคลพดู - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 12 ครั้งท่ี 2 หยุดซีดีบันทึกเสียงเมื่อแต่ละบุคคลพูดจบ เพื่อให้นักเรยี น ฟังและเติมขอ้ ความในตารางของกิจกรรม Listening กจิ กรรมหลังฟงั 1. ตรวจสอบความเขา้ ใจข้อความท่ฟี งั - ครใู ห้นักเรยี นเปรียบเทยี บคาตอบกบั เพื่อนข้างเคียง - ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั บอกคาตอบ และเปดิ ซดี ีบันทกึ เสียง CD 1 Track 12 อีกครง้ั หนงึ่ เพ่ือยืนยันคาตอบของ นักเรยี น (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ ) 2. ประเมินผลการฟงั - ครปู ระเมินผลการฟงั ของนักเรยี นจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องในการทากจิ กรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 10โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 50 คาบ 5 - 6 กิจกรรม Grammar 1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้นี้นักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้ have to และ don’t / doesn’t have to เพือ่ นาไปใช้ส่อื สารเกยี่ วกบั สิ่งท่จี าเปน็ ตอ้ งทาและไม่ตอ้ งทา 2. เข้าใจและใช้ have to - ครบู อกนักเรียนให้ศกึ ษาโครงสร้างประโยคท่ีใช้ have to ในกรอบ Grammar ในหนังสอื เรยี น หนา้ 11 ครู อธบิ ายว่า have to ใชพ้ ูดถงึ เหตุการณ์ทจ่ี าเปน็ ตอ้ งทา สว่ นรปู ปฏเิ สธของ have to คือ don’t have to / doesn’t have to ใชก้ ลา่ วถึงเหตกุ ารณ์ทไ่ี ม่จาเปน็ ตอ้ งทา - ครูเขียนตัวอย่างประโยคท่ีใช้ have to บนกระดาน

Affirmative Negative I have to go to the dentist today. I don’t have to go to the dentist today. He has to clean the kitchen. She doesn’t have to clean the kitchen. อธิบายวา่ have to + V1 ใช้พูดถงึ เหตุการณ์ในปัจจบุ นั - ครูเขียนตวั อย่างประโยค had to / didn’t have to ท่ีใช้เมื่อพูดถงึ เหตุการณใ์ นอดีต - I had to go to the dentist yesterday. - I didn’t have to go to the dentist yesterday. - ครูใหน้ กั เรยี นทากิจกรรม Grammar A ในหนังสอื เรียน หน้า 11 โดยครทู าข้อที่ 1 ใหน้ ักเรยี นดเู ป็นตัวอย่าง ให้นักเรียนทาข้อท่ีเหลือโดยเลือกใช้ have to ในรูปที่ถูกต้อง ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียนอ่าน ประโยค (ดเู ฉลยทา้ ยเล่ม) - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Grammar B ในหนังสือเรียน หน้า 11 โดยครูอ่านออกเสียงคาสั่งและประโยค ตัวอย่าง แล้วให้นักเรียนเขียนข้อความเพ่ิมเติมในประโยคอีก 7 ประโยค บอกส่ิงท่ีต้องทาหรือไม่ต้องทา หลังจากนักเรียนทากิจกรรม Grammar B เสร็จแล้ว ให้นักเรียนแลกเปล่ียนกันตรวจแก้งานกับเพ่ือน จากน้ันครูให้นกั เรียนท่ีสมคั รใจอา่ นประโยคของตนคนละประโยค ครชู ่วยตรวจแก้ไขประโยคทไ่ี ม่ถูกต้อง - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Grammar C ในหนังสือเรียน หน้า 12 โดยให้นักเรียนอ่านข้อความในบันทึก ประจาวันของ Rebecca จากนั้นให้นักเรียนอ่านคาถามทั้ง 8 คาถาม แล้วตอบคาถามเหล่านั้น ครูให้ นกั เรยี นผลดั กันออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน และนักเรียนคนอ่นื ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง (ดูเฉลย ท้ายเลม่ ) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอ่านบันทึกประจาวัน จากจานวนคาตอบที่ถูกต้องจากการทากิจกรรม Grammar C โดยใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 70 กิจกรรม Writing 1. เขียนเล่าเกี่ยวกับงานบ้านทตี่ อ้ งทา - ครูอ่านออกเสียงคาส่ังของกิจกรรม Writing ในหนังสือเรียน หน้า 12 และอธิบายคาส่ังให้นักเรียนทุกคน เข้าใจ - ครูให้นกั เรียนเขียนเล่าเกี่ยวกับงานบ้านที่ตนและสมาชิกคนอ่ืน ๆ ในครอบครัวต้องทา โดยใช้ข้นั ตอนในการ เขียนดงั นี้ 1) ก่อนลงมือเขยี น (Prewriting) - คน้ หาหัวขอ้ เร่ือง เชน่ Things to do around my house. หรอื My family members’ chores. - รวบรวมขอ้ มลู เช่น สมาชิกในบ้านแต่ละคนมีหน้าทท่ี างานบ้านอะไรบา้ ง - ค้นคดิ ใจความหลัก - เตรยี มการเขียนหรอื วางโครงรา่ ง 2) การรา่ งงานเขยี น (Drafting) 3) การปรบั ปรุงร่างงานเขียน (Revising) 4) การบรรณาธิการ/พสิ ูจนอ์ กั ษร (Editing/Proofreading)

5) การเขยี นร่างสุดท้าย (Writing the Final Draft) - ครปู ระเมินงานเขียนของนกั เรียนแตล่ ะคนโดยใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ การเขียน และใช้เกณฑ์ผ่านระดบั พอใช้ กจิ กรรม Speaking 1. แจ้งจุดประสงค์การเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรยี นรู้นี้นักเรยี นจะได้พูดนาเสนอเกี่ยวกบั ส่ิงที่ต้องทาท้ังในวันนี้ วันพรุ่งน้ี และเมื่อวานนี้ 2. พดู นาเสนอเก่ยี วกับส่งิ ที่ต้องทา - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม speaking ในหนังสือเรียน หน้า 12 ครูอ่านคาสั่งให้นักเรียนฟัง จากน้ันครูให้ นักเรียนดูภาพด้านขวามือของกิจกรรม speaking และให้นักเรียนพูดเกี่ยวกับบุคคลในภาพว่า เขาต้องทา อะไรบ้าง - ครูให้นักเรียนทางานเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน อภิปรายในกลุ่มว่าส่ิงท่ีต้องทาวันน้ีหรือพรุ่งน้ีคืออะไรบ้าง งานบ้านที่ต้องทาเป็นประจาคืออะไรบ้าง และสิ่งที่ต้องทาเม่ือวานนี้คืออะไรบ้าง ครูเตือนให้นักเรียนใช้ ประโยค have to ใหถ้ ูกต้องกับ Present หรอื Past - ครใู ห้ตัวแทนกลมุ่ ทกุ กลุม่ ออกมาพดู นาเสนอขอ้ มูลที่ได้จากการอภิปรายภายในกลมุ่ 3. ประเมนิ ผลการพดู นาเสนอ - ครูประเมินผลการพูดนาเสนอของนักเรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้เกณฑ์การประเมินการพูด และใช้เกณฑ์ผ่าน ระดับพอใช้ คาบ 7 – 8 กิจกรรม Reading 1. นาเข้าสู่บทเรยี น - ครูถามนักเรยี นว่า ผเู้ สนอกฎหมายทใ่ี ช้ในประเทศคือใคร และต้องผา่ นความเหน็ ชอบจากผู้ใด นกั เรียนอาจ ตอบวา่ เสนอโดยรฐั บาลและไดร้ ับความเหน็ ชอบจากรัฐสภา 2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ครบู อกนกั เรยี นว่า ในหนว่ ยการเรียนรนู้ ้ีนกั เรียนจะได้อา่ นบทความเกย่ี วกับกฎหมายพิลกึ ทวั่ โลก กิจกรรมกอ่ นอา่ น 1. เดาเน้อื หาจากช่ือเรือ่ งและภาพ - ครูให้นักเรียนดูช่ือบทความ Silly Laws around the World และภาพในกิจกรรม Reading ในหนังสือ เรียน หน้า 13และเดาว่าบทความท่ีจะอ่านเกี่ยวกับอะไร นักเรียนอาจบอกว่า บทความน่าจะเก่ียวกับ กฎหมายตา่ ง ๆ ทใ่ี ช้กับสตั ว์ 2. ต้งั จุดประสงคใ์ นการอา่ น - ครูให้นักเรียนช่วยกันต้ังคาถามที่คาดว่าจะได้คาตอบจากบทความนี้ ครูเขียนคาถามเหล่านั้นบนกระดาน ตวั อย่างคาถาม What are those silly laws?

In what country were those laws made? Why? - ครูใหน้ ักเรียนใช้คาถามบนกระดานเปน็ จุดประสงค์ในการอ่าน กิจกรรมระหวา่ งอา่ น 1. อา่ นบทความ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 13 ในกิจกรรม Reading ในหนังสือเรียน หน้า 13 ให้นักเรียนฟังและ อ่านในใจตาม ถา้ พบคาทีไ่ ม่ทราบความหมาย ให้ขีดเสน้ ใต้ไว้ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความในใจอีกคร้ังหนึ่ง และดูว่ามีคาตอบสาหรับคาถามใดบนกระดานบ้าง ครูให้ นกั เรียนทส่ี มคั รใจออกไปเขยี นคาตอบใต้คาถามบนกระดาน กจิ กรรมหลงั อา่ น 1. พฒั นาศัพท์ - ครใู ห้นกั เรียนออกมาเขยี นคาศัพท์ทไ่ี มท่ ราบความหมายบนกระดาน - ครูให้นักเรียนที่ทราบความหมาย บอกความหมายของคาบนกระดาน ถ้าไม่มีผู้ใดทราบ ครูให้นักเรียนค้นหา ความหมายจากพจนานุกรม 2. ตรวจสอบความเข้าใจ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความเรื่อง Silly Laws around the World อีกคร้ังหนึ่ง แล้วทากิจกรรม About the Reading ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 13 - ครูให้นักเรียนที่สมัครใจผลัดกันออกมาเขียนคาตอบของคาถามในกิจกรรม About the Reading บน กระดานและใหน้ ักเรียนคนอน่ื ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง (ดูเฉลยทา้ ยเล่ม) 3. ประเมนิ ผลการอ่านบทความ - ครูประเมินผลความเข้าใจบทความของนักเรียนจากจานวนคาตอบทถี่ ูกต้องจากการทากิจกรรม About the Reading โดยใช้เกณฑผ์ ่านร้อยละ 60 คาบ 9 – 10 กจิ กรรม World Link 1. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนกั เรียนว่า ในบทเรียนนนี้ กั เรยี นจะต้องคน้ คว้าเรอ่ื งทนี่ ่าสนใจเกย่ี วกับ กฎหมายแปลก ๆ ในโลก 2. ค้นควา้ เกี่ยวกบั กฎหมายแปลก ๆ ในโลก - ครูใหน้ กั เรยี นทากจิ กรรม World Link ในหนงั สอื เรยี น หน้า 13 ให้นักเรยี นทางานกลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน - นกั เรยี นใช้อินเทอรเ์ นต็ คน้ หาข้อมูลเกย่ี วกับกฎหมายแปลก ๆ ในโลก 3. นาเสนอข้อมูล - นักเรยี นนาเสนอข้อมลู ในกลุ่มโดยการเขียนสรุป และมีภาพประกอบ - ครใู ห้นกั เรียนนาข้อมลู ที่ได้มาสังเคราะหแ์ ละเรยี บเรียง แลว้ เลือกตวั แทนกลมุ่ ให้พูดนาเสนอหน้าชัน้ เรียน

4. ประเมนิ ผลงานค้นควา้ - ครูประเมินผลงานค้นคว้าของนักเรียนโดยใช้เกณฑ์การประเมินผลงานและการนาเสนอผลงาน และใช้ เกณฑผ์ า่ นระดบั พอใช้ 9. สื่อการเรียนการสอน / แหล่งเรยี นรู้ รายการส่ือ จานวน สภาพการใช้สอื่ 1. หนังสอื เรียน New World 4 ข้ันตรวจสอบความรู้เดมิ ข้นั สรา้ งความสนใจ ขยายความรู้ 2.ใบงาน ขั้นตรวจสอบความรู้เดมิ ขน้ั สร้างความสนใจ ขยายความรู้ 3. ห้องสบื ค้น ขน้ั สร้างความสนใจ ขยายความรู้ 4. บัตรคา ข้นั ขยายความรู้ 5. บัตรภาพ ข้นั สรา้ งความสนใจ ขยายความรู้ 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ วี ัด เคร่อื งมอื วดั ฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน เกณฑ์การให้ จับใจความสาคญั การอ่านบทสนทนา ประเมนิ การอ่านออก แบบประเมนิ การ คะแนน อ่านออกเสียง ใช้เกณฑ์ผ่าน บอกรายละเอยี ดจาก ร้อยละ 50 บทสนทนาทอ่ี ่าน ใช้เกณฑ์ผา่ น รอ้ ยละ 50 บอกรายละเอียดจาก คาตอบที่ได้จากการทา ประเมนิ ผลจากจานวน แบบตรวจคาตอบ คาตอบที่ถกู ต้อง ใช้เกณฑ์ผ่าน บนั ทึกประจาวันท่ี กจิ กรรม Grammar C ระดบั พอใช้ ใช้เกณฑ์ผ่าน อา่ น ระดับพอใช้ เขยี นเล่าเกยี่ วกบั งาน งานเขียนเลา่ เก่ียวกบั ประเมินงานเขยี น แบบประเมิน ประเมนิ การพดู การเขียน บ้านทตี่ อ้ งทา งานบา้ นทีต่ อ้ งทา แบบประเมนิ การพดู พดู นาเสนอสง่ิ ที่ การพูดนาเสนอ จาเป็น ต้องทา

บันทึกหลังการสอน 1.ผลการจดั การเรียนการสอน 1.1 การประเมินดา้ นความรู้ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 1.2 การประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 1.3 การประเมินดา้ นคุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 2. ปัญหาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ 3. แนวทางแกไ้ ข ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................ ลงช่ือ................................ (นางสาววลิ ยั พร ต้งั บุญยะฤทธ์ิ) ครูผสู้ อนและบนั ทึก

เกณฑ์การประเมนิ การเขยี น ประเดน็ 4 3 2 1 นา้ หนกั คะแนน เขียนโดยใช้ เขยี นโดยใช้ เขยี นโดยใช้ 28 เขยี นโดยใช้ โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง 14 ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ 14 โครงสร้าง โครงสรา้ ง ผิดพลาด ผดิ พลาด ผดิ พลาด 28 ทาง ไวยากรณ์ได้ เล็กน้อย หลายแห่ง เกนิ คร่งึ หนง่ึ ไวยากรณ์ ถูกตอ้ ง ของงานเขยี น 6 24 ทกุ ประโยค สะกดคาและ สะกดคาและ สะกดคาและ ใช้เครอื่ งหมาย ใช้เครือ่ งหมาย ใช้เครอ่ื งหมาย สะกดคาและ วรรคตอน วรรคตอน วรรคตอน การสะกดคา ใชเ้ ครอ่ื งหมาย ผดิ พลาด ผดิ พลาด ผิดพลาด และการใช้ วรรคตอน เล็กน้อย หลายแห่ง เกนิ ครง่ึ หนึ่ง เครอ่ื งหมาย ถูกตอ้ งทั้งหมด ของงานเขียน วรรคตอน ใชค้ าศพั ท์และ มีปัญหาอยบู่ า้ ง ใช้คาศพั ท์ สานวน ในการใช้คาศัพท์ และสานวน การใช้ ใช้คาศัพท์ เหมาะสม และสานวน ผิดพลาดหลาย คาศพั ท์ และสานวน แตอ่ ่านแล้ว อา่ นแล้วไม่ แห่ง อา่ นแล้ว เหมาะสม ไมเ่ ข้าใจ เข้าใจหลายแห่ง ไมเ่ ขา้ ใจเป็น อ่านแลว้ เข้าใจ บางแหง่ ส่วนมาก ชดั เจนทง้ั หมด เขยี นไดค้ อ่ นข้าง เขียนไมค่ อ่ ย เขยี นไม่ตรง ตรงประเด็น ตรงประเดน็ ประเดน็ เขียนได้ตรง ตามทีก่ าหนด ตามที่กาหนด ตามที่กาหนด และเรียบเรียง และเรียบเรยี ง และเรียบเรียง ประเด็น เน้อื หาได้ เนอ้ื หาไม่คอ่ ย เน้ือหาไม่ ค่อนข้าง เหมาะสม เปน็ ไป การนาเสนอ ตามท่กี าหนด เหมาะสม เท่าท่ีควร ตามลาดับ เนื้อหา และเรียบเรยี ง เนื้อหา ตามลาดบั เหมาะสม รวม เกณฑก์ ารประเมนิ ดมี าก 20-24 คะแนน ดี 16-19 คะแนน พอใช้ 12-15 คะแนน ควรปรบั ปรุง นอ้ ยกวา่ 12 คะแนน

เกณฑ์การประเมินการพูด ประเด็น 4 3 2 1 นา้ หนกั คะแนน 2 8 -สอื่ สารไดต้ รง -ส่ือสารไดต้ รง -สือ่ สารได้ตรง -สือ่ สารไมค่ อ่ ย 2 8 ความถูกตอ้ ง ประเดน็ ประเดน็ เป็น ประเด็นเป็น ตรงประเดน็ 1 4 ด้านเนอื้ หา -เน้ือหาถูกต้อง สว่ นใหญ่ บางสว่ น -เน้อื หาไมค่ อ่ ย ตามหัวขอ้ ท่ี -เนือ้ หาถูกต้อง -เนอื้ หาถกู ต้อง ถกู ตอ้ ง 5 20 กาหนด เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางสว่ น -ออกเสียง -ออกเสยี ง -ออกเสยี ง -ออกเสียง ถูกต้อง ไดถ้ กู ต้อง ถูกตอ้ งเปน็ ไมถ่ ูกตอ้ ง การออกเสียง -ใชค้ าศัพท์ เปน็ ส่วนใหญ่ บางส่วน -ใชค้ าศัพท์ การใช้คาศัพท์ สานวน และ -ใชค้ าศพั ท์ -ใช้คาศัพท์ สานวน และ สานวน และ โครงสร้าง สานวน และ สานวน และ โครงสร้าง โครงสรา้ งภาษา ภาษาถกู ต้อง โครงสรา้ ง โครงสรา้ ง ภาษาแบบ และเหมาะสม ภาษาถูกตอ้ ง ภาษาแบบ ง่าย ๆ และ เปน็ สว่ นใหญ่ ง่าย ๆ และ มีข้อผดิ มาก มขี ้อผิดบ้าง -พดู ได้ -พูดได้ -พูดได้ -พดู เหมอื น คล่องแคลว่ คลอ่ งแคล่ว คลอ่ งแคลว่ แต่ ทอ่ งจา -พูดเป็น -พดู เป็น ไมเ่ ปน็ -ประสาน ธรรมชาติ ธรรมชาติ ธรรมชาติ สายตากบั ผฟู้ ัง ความสามารถ -ประสาน -ประสาน -ประสาน บ้างเปน็ ระยะ ในการพูด สายตากับผู้ฟัง สายตากับผฟู้ ัง สายตา -แสดงออกทาง -แสดงออกทาง กับผ้ฟู ังน้อย สีหน้าและ สหี นา้ และ ท่าทางอยา่ ง ท่าทางบ้าง เหมาะสม เล็กน้อย รวม เกณฑก์ ารประเมิน 16-20 คะแนน ดมี าก 13-15 คะแนน ดี 10-12 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 10 คะแนน ควรปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารประเมนิ การอา่ น ประเด็น 4 3 2 1 นา้ หนัก คะแนน -อา่ นได้ -อา่ นได้ -อา่ น 14 -อ่านได้ คลอ่ งแคลว่ คล่องแคลว่ แตไ่ ม่ เหมือน -อ่านเปน็ เปน็ ธรรมชาติ ท่องจา คลอ่ งแคลว่ ธรรมชาติ -แสดงออกทางสี -พดู เป็น หน้าและท่าทางบ้าง เลก็ นอ้ ย ความสามารถ ธรรมชาติ ในการพดู -แสดงออก ทางสีหนา้ และ ทา่ ทางอย่าง เหมาะสม รวม 5 20 เกณฑ์การประเมนิ 16-20 คะแนน ดมี าก 13-15 คะแนน ดี 10-12 คะแนน พอใช้ น้อยกวา่ 10 คะแนน ควรปรบั ปรงุ

แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรือ่ ง Do You Know Where It Is? รายวิชา ภาษาอังกฤษพืน้ ฐาน รหสั วิชา อ 31101 ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 นา้ หนกั เวลาเรยี น 1.0 (นน./นก.) เวลาเรียน 10 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ 1. สาระสาคัญ (ความเข้าใจที่คงทน) ห น่ ว ย ก า ร เ รี ย น รู้ นี้ มี จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ใ ห้ นั ก เรี ย น เข้ า ใ จ ก าร ถ า ม - ต อ บ เ ก่ี ย ว กั บ เ ส้ น ท า ง แ ล ะ ที่ ต้ั ง ขอ ง สถานท่ี นักเรียนจะได้อ่านบทความเกี่ยวกับการแบกเป้เดินทางท่องเท่ียว และบทสนทนาสั้น ๆ เกี่ยวกับการบอก ทาง ฟัง พูดและเขียนเกี่ยวกับท่ีต้ังและเส้นทางไปสถานที่ต่าง ๆ นอกจากน้ีนักเรียนยังได้เรียนรู้คาศัพท์ ต่าง ๆ เก่ียวกับสถานที่ รวมท้ังหน้าที่ทางภาษา โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ที่เป็นพ้ืนฐานของกิจกรรม การ ฟงั พูด อ่าน และเขียนในหนว่ ยการเรยี นรูน้ ี้ 2. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ดั ช้นั ปี/ผลการเรยี นรู้/เปา้ หมายการเรยี นรู้ ต 1.1 ม.4-6/3 อธิบายและเขียนประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับส่ือที่ไม่ใช่ความเรียงรูปแบบต่างๆ ที่ อา่ น รวมท้งั ระบุและเขยี นส่อื ทไี่ มใ่ ช่ความเรียงรปู แบบต่างๆ ใหส้ ัมพนั ธ์กับประโยค และข้อความท่ฟี งั หรืออ่าน ต 1.1 ม.4-6/4 จบั ใจความสาคัญ วเิ คราะห์ความสรปุ ความ ตีความ และแสดงความคิดเห็นจากการฟัง และอา่ นเรือ่ งที่ เป็นสารคดีและบนั เทิงคดี พร้อมทั้งใหเ้ หตผุ ลและยกตัวอยา่ งประกอบ ต 1.2 ม.4-6/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและเร่ืองต่าง ๆ ใกล้ตัว ประสบการณ์ สถานการณ์ข่าว / เหตกุ ารณ์ ประเด็นทีอ่ ยู่ในความสนใจของสงั คม และสือ่ สาร อย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ต 1.3 ม.4-6/1 พูดและเขียนนาเสนอข้อมูลเก่ียวกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์ เร่ืองและ ประเดน็ ต่างๆ ตามความสนใจของสังคม ต 1.3 ม.4-6/2 พูดและเขียนสรุปใจความสาคัญ/แก่นสาระท่ีได้จากการวิเคราะห์เร่ือง กิจกรรม ข่าว เหตุการณ์ และสถานการณ์ตามความสนใจ ต 2.1 ม.4-6/1 เลือกใช้ภาษา น้าเสียง และกริ ยิ าทา่ ทางเหมาะกับระดับของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตาม มารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา ต 3.1 ม.4-6/1 ค้นคว้า/สืบค้น บันทึก สรุป และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลท่ีเกี่ยวข้องกับกลุ่ม สาระการเรยี นรูอ้ ืน่ จากแหลง่ เรยี นรู้ตา่ งๆ และนาเสนอดว้ ยการพูดและการเขียน ต 4.1ม.4-6/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองท่ีเกิดข้ึนในห้องเรียน สถานศึกษา ชุมชน และสังคม ต 4.2 ม.4-6/1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการสืบค้น/ค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ และสรุปความรู้/ข้อมูล ต่างๆ จากสอื่ และแหลง่ การเรยี นรตู้ ่างๆ ในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ

3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลัก: Knowledge (นักเรยี นตอ้ งรูอ้ ะไร) คาศพั ท์ กจิ กรรม New Language - ATM (n.): Automated Teller Machine, a machine that you use with a card to get money from your bank account (บตั รกดเงิน) - hostel (n.): a cheap place for people to stay when they are away from home (ทีพ่ ักราคาไม่แพง) - park (v.): to put your car somewhere for a period of time (จอดรถ) - parking lot (n.): an open area where people com park their cars (ลานจอดรถ) - light (n.): a set of red, green, and yellow lights that control the movement of traffic (สญั ญาณไฟจราจร) - block (n.): a group of buildings with four streets that go around it (ชว่ งตึก) - mall (n.): a large covered area containing a lot of shops (หา้ งสรรพสินคา้ ) - สานวนภาษา กจิ กรรม New Language - catch the subway หมายถึง ใชบ้ ริการรถไฟใตด้ นิ - catch the bus หมายถึง ใชบ้ รกิ ารรถเมล์ - go over หมายถึง ข้ามไป เช่น go over the bridge คอื ข้ามสะพานไป - หน้าทภ่ี าษา - To ask about directions and locations - To describe locations - โครงสร้างประโยค/ไวยากรณ์ - Indirect Questions - Prepositions of Place 3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ: Process (นกั เรียนสามารถปฏิบัตอิ ะไรได้) -จับใจความสาคัญ บอกรายละเอียดจากบทสนทนาท่อี ่านและฟัง -สนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับตาแหน่งของส่ิงของ โดยใช้ภาษา น้าเสียง กริยาท่าทางเหมาะกับบุคคลและ โอกาสตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาในสถานการณ์จาลองในห้องเรียน -เขยี นบรรยายสถานที่ -พดู บอกเสน้ ทางไปบ้านโดยรถประจาทาง -วิเคราะหค์ วาม สรปุ ความ ตีความจากบทความท่ีอา่ น -ใช้ภาษาอังกฤษค้นควา้ สืบค้นเก่ยี วกบั เสน้ ทางเดินปา่ ทีไ่ ด้รับความนยิ มที่สุดสาหรับนักแบกเป้เดินทาง

3.3 คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์: Attitude (นักเรียนควรแสดงพฤติกรรมการเรียนอะไรบ้าง) มวี นิ ัย : เขา้ เรยี นตรงเวลา ใฝเ่ รยี นรู้ : คน้ ควา้ หาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ มุ่งมั่นในการทางาน : ขยนั มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 4. สมรรถนะสาคัญของนกั เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะของวิชา ความรับผิดชอบ ความกล้าแสดงออก 6. คณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ มวี นิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ ม่นั ในการทางาน 7. ช้ินงาน/ภาระงาน ถาม-ตอบเกยี่ วกับเสน้ ทางและทต่ี ัง้ ของสถานท่ี อ่านบทความเกยี่ วกับการแบกเป้เดนิ ทางท่องเท่ียว และบทสนทนาสั้น ๆ ฟัง พูดและเขยี นเกีย่ วกับท่ีต้ังและเสน้ ทางไปสถานที่ 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบ 1 - 2 กจิ กรรม New Language 1. นาเข้าส่บู ทเรียน - ครใู หน้ กั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หน้า 14-15 และใหน้ กั เรียนบอกคาศัพท์เกี่ยวกับสถานท่ีในภาพ ครูถาม นกั เรยี นเพิ่มเตมิ เกีย่ วกับสถานที่ท่ีนกั เรียนมกั จะไปและเขยี นคาศัพท์เหล่านัน้ บนกระดาน ครเู ลอื กสถานท่ีท่ี ใกล้กับโรงเรยี น และใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกเส้นทาง 2. แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนกั เรยี นว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ ี้นักเรียนจะได้อา่ นบทสนทนาสั้น ๆ เกี่ยวกับการบอกทาง และตอบ คาถาม True/False เก่ียวกบั บทสนทนาทอ่ี ่าน

3. อา่ นบทสนทนาสนั้ ๆ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 14 ในกิจกรรม New Language ในหนังสือเรียน หน้า 14-15 ให้ นักเรยี นฟังและอ่านตามในใจ - ครูใหน้ ักเรยี นบอกคาศัพท์ที่ไมค่ ุ้นเคย ครูอธิบายคาศัพท์เหลา่ น้นั และให้นักเรียนออกเสียงตามครู - ครูใหน้ กั เรยี นอ่านบทสนทนาทงั้ หมดในกจิ กรรม New Language ในหนงั สือเรียน หนา้ 14-15 อกี คร้ังหนงึ่ - ครูให้นักเรียนตอบคาถามในกิจกรรม Language Check ในหนังสือเรียน หน้า 14 และช่วยกันเฉลย คาตอบ (ดูเฉลยทา้ ยเลม่ ) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอ่านจากจานวนคาตอบที่ถูกต้องในการทากิจกรรม Language Check ใน หนังสือเรยี น หน้า 14 และใชเ้ กณฑ์ผา่ นร้อยละ 60 กจิ กรรม Pronunciation 1. ออกเสียงสูงตา่ ในประโยค Indirect Questions - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Pronunciation ในหนังสือเรียน หน้า 15 ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 15 ให้นักเรียนฟังการออกเสียงสูงต่าในประโยค Indirect Questions และออกเสียงตามหลาย ๆ ครั้งให้ ถูกต้อง - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียงซ้าอีกคร้ังหน่ึง แล้วให้นักเรียนจับคู่ฝึกอ่านออกเสียงประโยคในกิจกรรม Pronunciation กจิ กรรม Practice 1. พดู ถาม-ตอบโดยใช้ Indirect Questions - ครูให้นกั เรยี นทากิจกรรม Practice ในหนงั สอื เรยี น หน้า 15 โดยครูเปดิ ซีดีบนั ทึกเสยี ง CD 1 Track 16 ให้ นักเรียนฟังคาถามและคาตอบในข้อ 1-2 จากน้ันครูเปิดซีดีบันทึกเสียงอีกครั้งหน่ึง หยุดซีดีเม่ือจบแต่ละ ประโยคเพ่ือใหน้ กั เรยี นออกเสยี งตามหลาย ๆ ครง้ั - ครใู ห้นกั เรียนจับคู่ ฝึกอา่ นออกเสยี งคาถามและคาตอบในกิจกรรม Practice ครูเดนิ สังเกตการออกเสียงของ นกั เรียน - ครูให้นักเรียนแต่ละคู่เขียนคาถามและคาตอบคล้ายกับในกิจกรรม Practice โดยเปลี่ยนเป็นสถานที่ อื่น แลว้ ฝึกสนทนากัน - ครสู ่มุ ให้นกั เรยี นบางคู่ออกมาอา่ นออกเสียงคาถามและคาตอบที่นักเรียนช่วยกนั เขยี น กจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ/ประสบการณ์ทางภาษา - ครูให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัด ขอ้ A ในหนังสอื แบบฝกึ หดั New World 4 หนา้ 9 (ดเู ฉลยท้ายเลม่ )

คาบ 3 - 4 กจิ กรรม Conversation 1. นาเขา้ สูบ่ ทเรียน - ครใู หน้ กั เรียนดูภาพตอนบนขวาของหนังสอื เรียน หนา้ 16 ใหน้ ักเรียนพูดเก่ยี วกับภาพ และใหเ้ ดาว่าอะไรคือ หัวขอ้ ของการสนทนา 2. แจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้น้ีนักเรียนจะได้ฟังและอ่านบทสนทนาแล้วตอบคาถามเกี่ยวกับบท สนทนาน้ัน 3. เตรียมความพรอ้ มดา้ นคาศัพท์ - ครเู ขยี นคาศัพท์และสานวนภาษาในบทสนทนาทคี่ าดวา่ นกั เรียนไม่ทราบความหมายบนกระดาน ดงั น้ี -line -route -I’m starving -I got that. - ครูให้นกั เรียนบอกความหมายของคาศพั ท์และสานวนเหล่านี้ ครูบอกความหมายของคาศัพทแ์ ละสานวนที่ไม่ มผี ู้ใดทราบความหมาย 4. ฟงั บทสนทนา - ครูให้นักเรียนปิดหนังสือเรียน และเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 17 ให้นักเรียนฟังการสนทนาระหว่าง บคุ คล2 คน 2 คร้งั และให้นกั เรยี นบอกสงิ่ ที่ทง้ั สองคนพดู กันเท่าที่จะบอกได้ 5. อา่ นบทสนทนา - ครูให้นักเรียนอ่านออกเสียงคาถามในกิจกรรม About the Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 16 ก่อนท่ี จะอา่ นบทสนทนาเพ่อื หาคาตอบใหก้ บั คาถามเหลา่ น้ัน - ครูให้นักเรียนอ่านบทสนทนาในกิจกรรม Conversation ในหนังสือเรียน หน้า 16 และทากิจกรรม About the Conversation ในหนังสือเรยี นหนา้ เดยี วกนั - ครูให้นักเรียนผลัดกันออกมาเขยี นคาตอบบนกระดาน และนักเรียนคนอื่นช่วยกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง (ดู เฉลยทา้ ยเล่ม) - ครูประเมินผลความเข้าใจในการอ่านบทสนทนาจากจานวนคาตอบท่ีถูกต้องในการทากิจกรรม About the Conversation และใช้เกณฑ์ผ่านร้อยละ 70 กจิ กรรม Listening 1. ฟงั บทสนทนาและเขียนบอกทาง - ครูอ่านออกเสียงคาส่ังในกิจกรรม Listening ในหนังสือเรียน หน้า 16 ให้นักเรียนฟังและบอกนักเรียนว่าใน บทเรียนน้ี นักเรียนจะได้ฟังบทสนทนา 4 บทสนทนา ถาม-ตอบเกี่ยวกับเส้นทางไปสถานท่ี 4 แห่ง คือ pizza

place, train station, post office, และ restroom นักเรียนจะต้องฟังและเขียนบอกทางไปสถานที่ เหล่าน้นั - ครูเปดิ ซดี บี นั ทกึ เสยี ง CD 1 Track 18 ครั้งที่ 1 ให้นักเรยี นฟังและพยายามจับใจความสาคัญ - ครเู ปดิ ซดี ีบนั ทึกเสยี งครัง้ ท่ี 2 ให้นกั เรียนฟงั และหยุดซีดีเมือ่ จบแต่ละบทสนทนาเพื่อให้นกั เรียนเขยี นคาตอบ ลงในตารางในกิจกรรม Listening - ครตู รวจคาตอบโดยใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันบอกคาตอบ และเปิดซีดีอกี ครัง้ หนึง่ เพือ่ ยนื ยันคาตอบของนกั เรียน (ดู เฉลยทา้ ยเล่ม) 2. ประเมนิ ผลการฟงั - ครูประเมินผลการฟงั ของนักเรียนจากจานวนคาตอบท่ีถูกต้องในการทากิจกรรม Listening ในหนังสือเรยี น หน้า 16และใชเ้ กณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 50 กิจกรรมเสรมิ ทกั ษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครูให้นักเรียนทางานเป็นคู่สร้างบทสนทนาเก่ียวกับการบอกทางไปสถานท่ีท่ีนัดเจอกัน จากน้ันฝึกพูดบท สนทนานัน้ และแสดงบทบาทสมมติให้คูอ่ นื่ หรือเพ่อื นในชนั้ เรียนชม คาบ 5 - 6 กจิ กรรม Grammar 1. แจ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ - ครูบอกนักเรียนว่า ในหน่วยการเรียนรู้น้ีนักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้ประโยค Indirect Questions และ Prepositions of Place เพื่อนาไปใช้ถามและบอกเสน้ ทาง 2. เขา้ ใจและใช้ Prepositions of Place - ครูบอกนักเรียนให้ศึกษา Prepositions of Place และภาพประกอบในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หนา้ 17 ครูอธบิ ายว่า Prepositions of Place คือ คาท่ีใช้บรรยายตาแหน่งของส่ิงของหรือสถานที่ - ครูเขียน Prepositions of Place เหล่าน้ีบนกระดาน above, below, opposite, over, through, under, at the top of, at the bottom of อธิบายความหมายของแต่ละคาและให้นกั เรียนออกเสยี งตาม - ครูเขียนประโยคตัวอย่างการใช้ Prepositions of Place ต่อไปนี้บนกระดาน ตรวจสอบว่านักเรียนเข้าใจ ความหมายของคาบพุ บทเหลา่ นีโ้ ดยใหน้ ักเรยี นอาสาวาดภาพประกอบ -The house is at the top of the hill. -The car went over the bridge. -The bus is going through the tunnel. -The bus stop is opposite the school. -The parking lot is at the bottom of the hill. - ครใู หน้ กั เรยี นเล่นบอรด์ เกม Where is the bank? - ครใู ห้นกั เรียนทาใบงาน Prepositions of Place

- ครูให้นกั เรียนทากิจกรรม Grammar A ในหนงั สือเรียน หนา้ 17 โดยครูทาข้อที่ 1 ใหน้ ักเรียนดูเปน็ ตวั อย่าง ให้ นักเรียนทาข้อที่เหลือโดยพิจารณาเลือกใช้คาบุพบทที่ถูกต้อง ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนักเรียนอ่าน ประโยค (ดเู ฉลยทา้ ยเล่ม) 3. เขา้ ใจและใช้ประโยค Indirect Questions - ครูบอกนักเรียนให้ศึกษา Indirect Questions ในกรอบ Grammar ในหนังสือเรียน หน้า 17 ครูอธิบายว่า Indirect Questions ใชเ้ พือ่ แสดงความสภุ าพและเป็นทางการมากกวา่ Direct Questions - ครูเขียนประโยค Direct Questions และ Indirect Questions ต่อไปน้ีบนกระดาน อธิบายว่า Indirect Questions มักจะเร่ิมต้นประโยคด้วย Do you know หรือ Could/Can you tell me แล้วตามด้วย ประโยคคาถามซง่ึ เรียงลาดับดว้ ย Question Word, Subject, Verb Direct Question Indirect Question Where is the post office? Do you know where the post office is? Where does he live? Do you know where he lives? Who are they? Can you tell me who they are? Why is she crying? Can you tell me why she is crying? What did they say? Could you tell me what they said? กรณปี ระโยคคาถาม Yes/No Questions ซ่งึ ไม่มี Question Word ให้ใช้ if ใน Indirect Questions เชน่ Did she pass her driving test? Do you know if she passed her driving test? - ครูให้นักเรียนฝึกใช้ประโยค Indirect Questions โดยครูเขียนประโยค Direct Questions ต่อไปนี้บน กระดาน และให้นักเรียนช่วยกันเปล่ียนให้เป็น Indirect Questions จากน้ันครูและนักเรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถูกต้อง Direct Question Indirect Question Where is my book? When does the movie start? Why did they leave early? Which student got the highest grade? Is this the correct answer? คาตอบที่อาจได้จากนักเรยี น - Do you know where my book is? - Do you know when the movie starts? - Can you tell me why they left early? - Can you tell me which student got the highest grade? - Could you tell me if this is the correct answer?

- ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Grammar B และ C ในหนังสือเรียน หน้า 18 โดยครูอ่านออกเสียงคาสั่งและ ประโยคตัวอย่าง แล้วให้นักเรียนเขียนประโยค Indirect Questions ให้ถูกต้อง ครูตรวจคาตอบโดยสุ่ม เรยี กนกั เรยี นอา่ นประโยค (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) 4. พดู ถามและตอบเกี่ยวกบั ตาแหนง่ ของส่ิงต่าง ๆ ในบา้ น - ครูให้นักเรียนจับคู่กัน ผลัดกันถาม-ตอบเก่ียวกับตาแหน่งของสิ่งต่าง ๆ ในบ้าน ย้าให้นักเรียนตอบคาถาม โดยใช้ Prepositions of Place ครเู ขียนตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน ดงั น้ี A: Can you tell me where your bedroom is? B: It’s opposite the living room. - ครูประเมินการสนทนาโต้ตอบเกี่ยวกับตาแหน่งของส่ิงต่าง ๆ ในบ้าน โดยใช้เกณฑ์การประเมิน ความสามารถในการสนทนา และใช้เกณฑ์ผา่ นระดับพอใช้ คาบ 7 – 8 กจิ กรรม Writing 1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรยี นว่า ในหนว่ ยการเรียนรู้นี้ นกั เรยี นจะได้เขียนบรรยายสถานทต่ี ่าง ๆ ท่อี ยใู่ กล้ ๆ 2. เขยี นบรรยายสถานท่ีใกล้ ๆ - ครใู หน้ ักเรียนบอกสถานที่ทอ่ี ย่ใู กล้โรงเรยี น ครูเขยี นคาเหล่าน้ันบนกระดาน - ครเู ขียนบรรยายสถานทเ่ี หลา่ นนั้ บนกระดานให้นกั เรยี นดเู ป็นตัวอยา่ ง Example: There’s a park opposite the entrance to school. It has green spaces and a field for soccer. There’s a parking lot next to the school on the right. Teachers park their cars there. There’s an office building next to the school on the left. There are several law offices in the building. - ครูใหน้ ักเรียนเขียนบรรยายสถานทีท่ ีอ่ ยูใ่ กลบ้ ้านของนักเรียน อาจใหน้ ักเรียนวาดภาพแผนทป่ี ระกอบการเขยี น บรรยาย จากนั้นแลกเปลย่ี นกนั ตรวจแก้ไขงานของตนกับเพื่อน 3. ประเมนิ การเขยี นบรรยายสถานท่ีใกล้ ๆ - ครูประเมินผลการเขียนของนักเรียนแต่ละคนโดยใช้เกณฑ์การประเมินการเขียน และใช้เกณฑ์ผ่านระดับ พอใช้ กจิ กรรม Speaking 1. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครบู อกนักเรยี นวา่ ในหนว่ ยการเรยี นร้นู ้ีนักเรยี นจะไดพ้ ดู บอกเส้นทางไปบ้านของนกั เรยี นโดยทางรถประจา ทาง 2. พูดบอกเส้นทางไปบ้านของนักเรยี นโดยรถประจาทาง - ครูให้นักเรียนทากิจกรรม Speaking ในหนังสือเรียน หน้า 18 ครูอ่านคาส่ังให้นักเรียนฟัง จากนั้นครูให้ นกั เรยี นดูภาพ GPS ดา้ นขวามอื ของกิจกรรม Speaking และให้นกั เรียนพดู บอกประโยชน์ของเคร่ือง GPS

- ครูให้นักเรียนทางานเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ศึกษาคาศัพท์ในกรอบสีเหลืองของกจิ กรรม Speaking ครู ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยให้นักเรียนบอกความหมายของแต่ละคา จากน้ันให้นักเรียนพูดบอก เสน้ ทางไปบ้านของตนใหเ้ พื่อน ๆ ในกลุ่มฟงั - ครูให้ตวั แทนกลุ่มทกุ กลุ่มออกมาพดู บอกเส้นทางไปบ้านของตนหนา้ ชนั้ เรียน 3. ประเมนิ ผลการพดู บอกเส้นทาง - ครปู ระเมนิ การพดู ของนกั เรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้เกณฑก์ ารประเมนิ การพูด และใช้เกณฑ์ผ่านระดับพอใช้ กิจกรรมเสรมิ ทักษะ/ประสบการณท์ างภาษา - ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด ข้อ B และ C ในหนังสือแบบฝึกหัด New World 4 หน้า 10 หลังจากทา กิจกรรม Grammar A ในหนังสือเรียน หนา้ 17 (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) - ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด ข้อ D, E, F และ G ในหนังสือแบบฝึกหัด New World 4 หน้า 11-12 เป็น การบา้ น (ดเู ฉลยท้ายเลม่ ) คาบ 9 – 10 กิจกรรม Reading 1. นาเขา้ สู่บทเรยี น - ครูเขยี นคาศพั ท์ backpacking บนกระดานและถามความหมายจากนกั เรียน ถา้ นกั เรยี นไมส่ ามารถตอบได้ ครอู ธิบายความหมายแกน่ กั เรยี น 2. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - ครูบอกนักเรยี นว่า ในหน่วยการเรียนรนู้ น้ี ักเรยี นจะไดอ้ า่ นบทความเก่ยี วกบั การแบกเป้เดนิ ทางท่องเท่ยี ว กิจกรรมกอ่ นอา่ น 1. เดาเนื้อหาจากชือ่ เรอื่ งและภาพ - ครูให้นักเรียนดูชื่อบทความ backpacking - Now and Then และภาพในกิจกรรม Reading ในหนังสือ เรียน หน้า 19 และเดาว่าบทความท่ีจะอ่านเกี่ยวกบั อะไร นักเรยี นอาจบอกว่า บทความน่าจะเก่ียวกับการ เดนิ ทางทอ่ งเที่ยวโดยมีเป้เพียงใบเดยี ว - ครูเขยี นตาราง KWL บนกระดาน ใหน้ ักเรยี นช่วยกันเขียนข้อมูลทนี่ ักเรียนทราบเกี่ยวกับการแบกเป้เดินทาง ท่องเทย่ี วลงในตารางชอ่ ง K KW L (What you know) (What you want to know) (What you’ve learned)

2. ตงั้ จุดประสงค์ในการอ่าน - ครูให้นักเรียนช่วยกันต้ังคาถามท่ีต้องการจะได้คาตอบจากบทความนี้ ครูเขียนคาถามเหล่านั้นในตารางบน กระดานช่อง W ตัวอยา่ งคาถาม -When did backpacking become popular? -In what countries can we find backpackers? -Where do backpackers like to go? -What do backpackers carry? -What are the differences between backpacking at present and in the past? - ครใู ห้นกั เรยี นใชค้ าถามบนกระดานเปน็ จดุ ประสงค์ในการอ่าน กิจกรรมระหว่างอ่าน 1. อา่ นบทความ - ครูเปิดซีดีบันทึกเสียง CD 1 Track 19 นักเรียนฟังและอ่านในใจตาม ถ้าพบคาที่ไม่ทราบความหมาย ให้ขีด เส้นใต้ไว้ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความในใจอีกครั้งหนึ่ง และดูว่ามีคาตอบสาหรับคาถามใดบนกระดานบ้าง ครูให้ นักเรียนที่สมัครใจออกไปเขียนคาตอบข้างคาถามในตารางช่อง L บนกระดาน นักเรียนอาจจะพบว่า ไม่มี คาตอบในบทความสาหรับบางคาถามบนกระดาน กิจกรรมหลงั อา่ น 1. พัฒนาคาศพั ท์ - ครูใหน้ กั เรยี นออกมาเขียนคาศพั ท์ท่ีไมท่ ราบความหมายบนกระดาน - ครูให้นักเรียนที่ทราบความหมาย บอกความหมายของคาบนกระดาน ถ้าไม่มีผู้ใดทราบ ครูให้นักเรียนค้นหา ความหมายจากพจนานุกรม 2. ตรวจสอบความเข้าใจ - ครูให้นักเรียนอ่านบทความเร่ือง Backpacking-Now and Then อีกคร้ังหน่ึง แล้วทากิจกรรม About the Reading ในหนังสอื เรยี น หนา้ 19 - ครูให้นักเรียนท่ีสมัครใจผลัดกันออกมาเขียนคาตอบของคาถามในกิจกรรม About the Reading บน กระดานและให้นกั เรียนคนอน่ื ๆ ช่วยกันตรวจสอบความถกู ต้อง (ดเู ฉลยทา้ ยเลม่ ) 3. ประเมินผลการอ่านบทความ - ครูประเมินผลความเข้าใจบทความของนกั เรียนจากคาตอบท่ีถกู ต้องในการทากิจกรรม About the Reading และใช้เกณฑ์ผ่านรอ้ ยละ 60


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook