Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร

กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร

Published by ศุภชัย ทองชม, 2019-09-01 22:04:49

Description: กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร

Search

Read the Text Version

กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้ าธรรมาธิเบศร ประวตั ิผู้แต่ง เจา้ ฟ้ าธรรมาธิเบศร หรือ เจา้ ฟ้ ากุง้ ๑. ทรงเป็นกวเี อกในสมยั กรุงศรีอยธุ ยาตอนปลาย ๒. เป็นพระราชโอรสองคใ์ หญ่ ในสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศและพระพนั วสาใหญ่ ๓. ทรงพระนิพนธ์วรรณกรรมทางศาสนา เช่น นนั โทปนนั ทสูตรคาหลวง พระมาลยั คาหลวง งานพระนิพนธ์อ่ืนๆ เช่น กาพยห์ ่อโคลงประพาสธารทองแดง กาพยห์ ่อโคลงนิราศพระบาท กาพยเ์ ห่เรื่องกากี และกาพยเ์ ห่เรือ ๔. พระองคไ์ ดร้ ับสมญานามวา่ เป็นบรมครูทางกาพย.์ สาเหตุทแ่ี ต่ง เจา้ ฟ้ าธรรมธิเบศรทรงนิพนธ์กาพยเ์ ห่เรือข้ึนเม่ือคร้ันทรงดารงตาแหน่งพระมหาอุปราช กรมพระราชวงั บวรสถานมงคลและไดต้ ามเสด็จสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศไปนมสั การรอยพระพุทธบาทท่ีจงั หวดั สระบุรี อนั เป็ นธรรมเนียมที่ไดป้ ฏิบตั ิกนั สืบมา ตลอดสมยั อยธุ ยา ต้งั แต่ไดพ้ บรอยพระพทุ ธบาท เมื่อปี พ.ศ. ๒๑๔๙ ในสมยั พระเจา้ ทรงธรรม โดยไดม้ ีการต้งั พระราชนิเวศน์ตาหนกั ฟากตะวนั ออกของตาบลท่าเรือ ชื่อวา่ พระตาหนกั ทา่ เจา้ สนุก ไวป้ ระทบั พกั แรมเพื่อเสด็จต่อชลมารคอีก ๒ วนั นบั แต่น้นั จึงมีการเดินทางไป นมสั การรอยพระพุทธบาทโดยอาศยั ทางแมน่ ้าป่ าสกั ไปข้ึนท่ีตาบลท่าเรือเป็ นประจาตลอดมา ขบวนเสด็จ ของพระเจา้ แผน่ ดินเพ่ือไปนมสั การรอยพระพทุ ธบาทท่ีจงั หวดั สระบุรีน้นั เอิกเกริกและเกรียงไกรยงิ่ นกั ยงิ่ ถา้ เป็นการเสด็จพยหุ ยาตราทางชลมารคคร้ังหลงั จะมีการเตรียมการอยา่ งยงิ่ ใหญ่

ลกั ษณะการแต่ง ๑. ร้อยกรอง ประเภทกาพยเ์ ห่เรือ จบดว้ ย กาพยห์ ่อโคลง (บางตาราใชก้ าพยห์ ่อโคลงเห่เรือ ) ๒. กาพยเ์ ห่เรือ ๑ บท ประกอบดว้ ย โคลงสี่สุภาพนา ๑ บท แลว้ กาพยย์ านี ๑๑ ไมจ่ ากดั จานวนบท โดยให้ กาพยย์ านี ๑๑ บทแรก มีเน้ือความเดียวกนั กบั โคลงส่ีสุภาพท่ีนากาพย์ ประวตั ิความเป็ นมา ๓.๑ เห่ เป็นคากริยา หมายถึง กล่อม เช่น เห่ลูก ๓.๒ เห่ เป็นคาวเิ ศษณ์ หมายถึง เสียงอยา่ งกล่อมลูก ๓.๓ เห่ เป็นคานาม หมายถึง ทานองท่ีใชร้ ้องในบางพระราชพธิ ี เช่น เห่เรือ ใชร้ ้องเม่ือเวลาพายเรือพระที่นงั่ ในกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค เห่กล่อม ใชร้ ้องในพระราชพิธีข้ึนพระอูพ่ ระเจา้ ลูกเธอ สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพทรงสนั นิษฐานวา่ เดิมอินเดียใชข้ บั ร้องบูชาพระรามพระลกั ษมณ์ แลว้ ไทยนามาใชเ้ พ่อื ผอ่ นคลายเวลาพายเรือ และเพื่อใหจ้ งั หวะฝีพายใหพ้ ายเรือไปพร้อม ๆ กนั การเห่เรือ ระเบียบการเห่เรือพระราชพิธีกาหนดไวว้ า่ ๑. ถา้ เห่ในกระบวนพยหุ ยาตรานอ้ ย ตน้ บทเห่ (พนกั งานเห่) เห่ในเรือทรงผา้ ไตร ๒. ถา้ เป็นกระบวนพยหุ ยาตราใหญ่ ตน้ บทเห่ (พนกั งานเห่) เห่ในเรือพระท่ีนงั่ ทรง ห่างจากบุษบก ๑ เมตร นง่ั คุกเขา่ พนมมือในเวลาเห่ ๓. ถา้ เป็นกระบวนพยหุ ยาตราใหญ่ เมื่อ วนั ท่ี ๕ เมษายน ๒๕๒๕ ตน้ บทเห่ (พนกั งานเห่) เห่ในเรือพระท่ีนง่ั อนั ตนาคราช อนั เป็นเรือทรงพระชยั หลงั ชา้ ง ตน้ บทเห่ (พนกั งานเห่) จะเห่นาดงั น้ี ๑. เกริ่นและชา้ ลวะเห่ ตน้ บทเห่จะเร่ิมเกร่ินโคลงและเห่ทานองชา้ ลวะเห่ เม่ือเรือพระที่นงั่ เคลื่อนออก จากทา่ เขา้ อยใู่ นกระบวนเรียบร้อยแลว้ ฝีพายจะเริ่มจงั หวะเดินพายเมื่อรับลูกคู ๒. มูลเห่ หลงั จากเห่ทานองชา้ ลวะเห่ไปแลว้ ประมาณ ๒ - ๓ บท ตน้ บทเห่จะเปลี่ยนทานองเป็นมูลเห่ ฝีพายจะพายจ้า ๓ ทีส่งทายทุกบท ๓. สวะเห่ ใชเ้ ห่เมื่อเรือใกลถ้ ึงท่ีหมาย เป็นสญั ญาณใหฝ้ ีพายเตรียมตวั

เนือ้ เรื่อง ๑. ตอนเชา้ - บทเห่ชมกระบวนเรือ กล่าวถึงขบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค โดยมีเรือพระที่นง่ั ก่ิงและเรือต่างๆ ที่มีโขนเรือเป็ นรูปสัตว์ เป็นเห่ ชมขบวนเรือไดแ้ ก่ เรือครุฑยดุ นาค เรือไกรสรมุข เรือสมรรถชยั เรือสุวรรณหงส์ เรือชยั เรือคชสีห์ เรือ มา้ เรือสิงห์ เรือนาคา เรือมงั กร เรือเลียงผา เรืออินทรี - เรือสุวรรณหงส์เป็ นเรือท่ีไดร้ ับการยอ่ งวา่ สวยงามที่สุดในโลก - เรือครุฑยดุ นาคเป็ นเรือท่ีมีเร่ืองราวในวรรณคดี ๒. ตอนสาย - บทเห่ชมปลา ไดแ้ ก่ ปลานวลจนั ทร์ ปลาคางเบือน ปลาตะเพียนทอง ปลากระแห ปลาแกม้ ช้า ปลาทุก ปลาน้าเงิน ปลา กราย ปลาหางไก่ ปลาสร้อย ปลาเน้ืออ่อน ปลาเสือ ปลาแมลงภู่ ปลาหวเี กศ ปลาชะแวง ปลา ชะวาด ปลาแปบ ปลาท่ีกล่าววา่ มีความนยั แฝงชีวติ เจา้ ฟ้ ากงุ้ คือ ปลาเน้ืออ่อน ๓. ตอนบ่าย - บทเห่ชมดอกไม้ ตามชายฝ่ัง ไดแ้ ก่ ดอกนางแยม้ ดอกจาปา ดอกประยงค์ ดอกพดุ จีบ ดอกพิกุล ดอกสุกรม ดอกสายหยดุ ดอกพทุ ธชาด ดอก บุนนาค ดอกเตง็ ดอกแตว้ ดอกแกว้ ดอกกาหลง ดอกมะลิวลั ย์ และดอกลาดวน มีการกล่าวถึงเป็นพเิ ศษ \"บุหงาราไป\" ซ่ึงเป็นดอกไมแ้ หง้ อบหอม ห่อดว้ ยผา้ โปร่ง ๔. ตอนเยน็ - บทเห่ชมนก ไดแ้ ก่ นกยงู นกสร้อยทอง นกสาลิกา นกนางนวล นกแกว้ นกไก่ฟ้ า นกแขกเตา้ นกดุเหวา่ นกโนรี นกสัตวา ๕. ตอนดึก - บทเห่ครวญ คร่าครวญถึงหญิงท่ีตนรักในยามค่าคืน ตามลาดบั เวลา ยามสอง ยามสาม จนถึงใกลร้ ุ่ง

ลกั ษณะพเิ ศษของกาพย์เห่เรือ ๑. ลกั ษณะของสานวนและความหมาย ใชส้ านวนกะทดั รัด มีความหมายเด่นชดั เขา้ ใจง่ายและมีน้าหนกั อยา่ ง เหมาะสม เช่น พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือตน้ งามเฉิดฉาย ก่ิงแกว้ แพรวพรรณราย พายออ่ นหยบั วบั งามงอน ๒. ลกั ษณะถอ้ ยคา ใชถ้ อ้ ยคาเกล้ียงเกลาสละสลวย ไพเราะดว้ ยการสมั ผสั และทาใหเ้ กิดภาพพจน์ เช่น เน้ือออ่ นอ่อนแต่ช่ือ เน้ือนอ้ งหรืออ่อนท้งั กาย ใครตอ้ งขอ้ งจิตชาย ไม่วายนึกตรึกตรึงทรวง ๓. ลกั ษณะการพรรณนา การพรรณนาความรู้สึกลึกซ้ึงและแยบคายมาก เช่น แกม้ ช้าช้าใครตอ้ ง อนั แกม้ นอ้ งช้าเพราะชม ปลาทุกทุกขอ์ กตรม เหมือนทุกขท์ ี่พจี่ ากนาง ๔. ลกั ษณะอารมณ์ เกิดอารมณ์สะเทือนใจ เช่น เพรางายวายเสพรส แสนกาสรดอดโอชา อิ่มทุกขอ์ ่ิมชลนา อิ่มโศกาหนา้ นองชล ๕. ลกั ษณะการแต่ง แต่งถูกตอ้ ง มีการเล่นอกั ษร มีสานวนอุปมาอุปไมย เช่น รอนรอนสุริยโอ้ อสั ดง เรื่อยเรื่อยลบั เมรุลง ค่าแลว้ รอนรอนจิตจานง นุชพ่ี เพียงแม่ เร่ือยเร่ือยเรียมคอบแกว้ คลบั คลา้ ยเรียมเหลียว เน้ือเรื่อง กาพย์เห่เรือมีลกั ษณะเหมอื นกบั การแต่งนิราศ ที่มีการพรรณนาธรรมชาติระหวา่ งการเดินทางและมีการกล่าวถึงนางอนั เป็นที่รัก ยกเวน้ ! เห่ชม กระบวนเรือ ที่ไม่มีบทราพนั นิราศ จากเรื่องกาพยเ์ ห่เรือ แสดงใหเ้ ห็นถึงสภาพชีวติ ของคนสมยั ก่อนที่ใชก้ ารสญั จรทางน้าอยา่ งเป็นปกติ และการเดินทางท่ีใชเ้ วลานานโดยไม่มีเทคโลโนยใี ดๆ ทาใหม้ ีเวลาในการชื่นชมธรรมชาติและมีโอกาส สร้างสรรคผ์ ลงานการประพนั ธ์หรือเพลงที่ตกทอดมาถึงปัจจุบนั

ตวั อย่างบทเห่ชมเรือกระบวน โคลง ปางเสดจ็ ประเวศดา้ ว ชลาไลย ทรงรัตนพิมานไชย กิ่งแกว้ พร่ังพร้อมพวกพลไกร แหนแห่ เรือกระบวนตน้ แพร้ว เพลิศพริ้งพายทอง ฯ ช้าลวะเห่ พระเสดจ็ โดยแดนชล ทรงเรือตน้ งามเฉิดฉาย กิ่งแกว้ แพร้วพรรณราย พายอ่อนหยบั จบั งามงอน นาวาแน่นเป็ นขนดั ลว้ นรูปสตั วแ์ สนยากร เรือล่ิวปลิวธงสลอน สาครส่ันคร้ันคร้ืนฟอง เรือครุฑยดุ นาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผนั ผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอเ้ ห่มา สรมุขมุขส่ีดา้ น เพยี งพมิ านผา่ นเมฆา ม่านกรองทองรจนา หลงั คาแดงแยง่ มงั กร สมรรถไชยไกรกาบแกว้ แสงแวววบั จบั สาคร เรียบเรียงเคียงคู่จร ดงั ร่อนฟ้ ามาแดนดิน สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดชอ้ ยลอยหลงั สินธุ์ เพยี งหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลือนเตือนตาชม เรือไชยไววอ่ งวงิ่ รวดเร็วจริงยงิ่ อยา่ งลม เสียงเส้าเร้าระดม ห่มทา้ ยเยน่ิ เดินคูก่ นั ฯ

สรุป พระ เจา้ อยหู่ วั บรมโกศเสดจ็ พระราชดาเนินโดยทางชลมารคไดป้ ระทบั บนเรือตน้ ในการเดินทางภาพ ของเรือกิ่งน้นั ดูแพรวพราวภาพการพายเรือน้นั กด็ ูออ่ นไหวงดงามอยา่ งพร้อมเพรียงกนั ขบวนเรือน้นั แน่นเป็นแถวเป็ นแนวประกอบดว้ ยเรือท่ีหวั เรือเป็นรูป สัตวห์ ลายๆชนิดมองเห็นธงเด่น สะพร่ังมาแตไ่ กลการเดินขบวนเรือทาใหเ้ กิดเป็นคล่ืนน้าระลอก - เรือครุฑซ่ึงบนเรือน้นั มีพลทหารกาลงั พายเรืออยา่ งเป็ นจงั หวะพร้อมกบั เปล่งเสียงโห่ร้อง - เรือสรมุขลอยมาเปรียบสวยงามดง่ั พมิ านบนสวรรคท์ ี่กาลงั เคลื่อนที่ผา่ นหม่เู มฆ - เรือสรมุขตกแต่งไปดว้ ยม่านสีทอง หลงั คาสีแดงมีลวดลายมงั กรประดบั อยู่ - เรือสมรรถชยั ซ่ึงกาลงั แล่นมาเทียบเคียงกบั เรือสรมุขน้นั ประกอบไปดว้ ยกาบแกว้ ขนาดใหญ่มีการ เกิดแสงแวววบั สะทอ้ นกบั แม่น้ามีความงดงามมากเหมือนดง่ั วา่ กาลงั ร่อนลงจากสวรรคฟ์ ากฟ้ าลงสู่ พ้ืนดิน - เรือสุวรรรณหงส์มีพหู่ อ้ ยอยา่ งสวยงามล่องลอยอยบู่ นสายน้าเปรียบดง่ั หงส์ท่ีเป็นพาหนะของพระ พรหมเตือนตาใหช้ ม - เรือชยั น้นั แล่นดว้ ยความรวดเร็วเหมือนดง่ั ลม มีเสียงเส้าท่ีคอยใหจ้ งั หวะทา้ ยเรือให้แล่นไปเคียงคู่ กนั ไปกบั เรือพระท่ีนง่ั ลาอื่นๆ - เรือคชสีห์ที่กาลงั แล่นไปน้นั ดูแลว้ ชวนขบขนั ส่วนเรือราชสีห์ที่แล่นมาเคียงกนั น้นั ดูมน่ั คงแขง็ แรง - เรือมา้ น้นั กาลงั มุ่งหนา้ ไปขา้ งหนา้ ซ่ึงเรือมา้ ทีลกั ษณะท่ีสูงโปร่งเหมือนกบั มา้ ทรงของพระพาย - เรือสิงห์ดูเหมือนกบั วา่ กาลงั จะกระโจนลงสู่แมน่ ้าและมีความลาพองใจน้นั กแ็ ล่นป็นแถวตามๆกนั มา - เรือนาคน้นั มองดูเหมือนกบั มีชีวติ แลว้ ชวนขบขนั กาลงั จะถูกเรือมงั กรแล่นตามมาทนั - เรือเลียงผาน้นั ทาทา่ เหมือนกบั กาลงั จะกระโจนลงแม่น้า - เรืออินทรียก์ ็มีปี กท่ีเหมือนกบั กาลงั จะลอยไปในอากาศเสียงดนตรีน้นั ดงั ลน่ั มีเสียงกอ้ งมาจากแตร งอน เสียงพลทหารโห่ร้องอยา่ งครึกคร้ืนทาใหเ้ กิดความความร่ืนเริงในหม่พู ลทหารการเคลื่อน ขบวนออกจากน้นั ดูเขม้ แขง็ เป็นภาพที่ทาใหช้ ่ืนอกช่ืนใจมองดูเหมือนฝงู ปลาท่ีมีมากมายในสายน้า มชี นิดของเรือท้งั หมด ดงั นี้ เรือสมรรถไชย เรือไกรสรมุข เรือสุวรรณหงส์ เรือเรือชยั เรือครุฑยดุ นาค เรือนาคา เรือมา้ เรือวาสุกรี เรือคชสีห์ เรือราชสีห์ เรือมงั กร เรือเลียงผา เรือนกอินทรี

ตัวอย่างเห่ชมปลา โคลง พศิ พรรณปลาวา่ ยเคลา้ คลึงกนั ถวลิ สุดาดวงจนั ทร์ แจ่มหนา้ มตั สยายอ่ มพวั พนั พิศวาส ควรฤพรากนอ้ งชา้ ชวดเคลา้ คลึงชม ช้าลวะเห่ พิศพรรณปลาวา่ ยเคลา้ คิดถึงเจา้ เศร้าอารมณ์ มตั สยายงั รู้ชม สมสาใจไม่พามา นวลจนั ทร์เป็นนวลจริง เจา้ งามพริ้งยงิ่ นวลปลา คางเบือนเบือนหนา้ มา ไม่งามเทา่ เจา้ เบือนชาย เพียนทองงาทดงั ทอง ไมเ่ หมือนนอ้ งห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย ดงั่ สายสวาทคลาดจากสม แกม้ ช้าช้าใครตอ้ ง อนั แกม้ นอ้ งช้าเพราะชม ปลาทุกทุกขอ์ กตรม เหมือนทุกขพ์ ีท่ ี่จากนาง น้าเงินคืเงินยวง ขาวพรายช่วงสีสาอาง ไมเ่ ทียบเปรียบโฉมนาง งามเรืองเร่ืองเน้ือสองสี ปลากรายวา่ ยเคียงคู่ เคลา้ กนั อยดู่ ูงามดี แตน่ างห่างเหินพี่ เห็นปลาเคลา้ เศร้าใจจร หางไก่วา่ ยแหวกวา่ ย หางไก่คลา้ ยไมม่ ีหงอน คิดอนงคอ์ งคเ์ อวอร ผมประบ่าอ่าเอี่ยมไร ปลาสร้อยลอยล่องชล วา่ ยเวยี นวนปนกนั ไป

เหมือนสร้อยทรงทรามวยั ไม่เห็นเห็นเจา้ เศร้าบว่ าย เน้ือออ่ นอ่อนแตช่ ่ือ เน้ือนอ้ งฤๅอ่อนท้งั กาย ใครตอ้ งขอ้ งจิตชาย ไมว่ ายนึกตรึกตรึงทรวง ปลาเสือเหลือที่ตา เลื่อมแหลมกวา่ ปลาท้งั ปวง เหมือนตาสุดาดวง ดูแหลมล้าขาเพราคม แมลงภคู่ ู่เคียงวา่ ย เห็นคลา้ ยคลา้ ยน่าเชยชม คิดความยามเม่ือสม สนิทเคลา้ เจา้ เอวบาง หวเี กศเพศช่ือปลา คิดสุดาอ่าองคน์ าง หวเี กลา้ เจา้ สระสาง เส้นเกศสลวยรวยกลิ่นหอม ชะแวงแฝงฝังแนบ ชะวาดแอบแปบปนปลอม เหมือนพ่แี อบแนบถนอม จอมสวาทนาฏบงั อร พิศดูหมู่มจั ฉา วา่ ยแหวกมาในสาคร คะนึงนุชสุดสายสมร มาดว้ ยพ่จี ะดีใจ สรุป พนั ธุ์ปลาชนิดตา่ งๆวา่ ยวนเวียนอยใู่ นสายน้าทาใหม้ ีจิตใจเศร้าหมอง ปลาท้งั หลายยงั รู้วา่ ไมม่ ีใจที่จะวา่ ย น้าอยใู่ นสายน้า พระ จนั ทร์ส่องแสงสวา่ งมีความงามราวกบั เน้ือตวั ของปลาซ่ึงมีความงามราวกบั เน้ือ ตวั ของปลา ซ่ึงมีคางไม่โคง้ มนเหมือนกบั ใบหนา้ รูปร่างหนา้ ตาของผชู้ าย เปรียบดงั ทองไม่เหมือนกบั นอ้ งที่ห่มผา้ สไบ ปลา กระแหซ่ึงมีรูปร่างคลา้ ยปลาตะเพยี นทอง ดง่ั ปลาที่วา่ ยจากกนั ไปอยา่ งเหมาะสม ปลาน้นั แกม้ ช้าเหมือนมีคนมา จบั ตอ้ งคลา้ ยกบั วา่ ปลาอนั อมทุกขไ์ วม้ าก เหมือนกบั การจากลาไปจากคนรัก สีน้าเงิน เปรียบเสมือนสีขาวผอ่ ง เป็นมนั วาวของปลาไมเ่ หมือนความงามของหญิงสาว งามราวกบั มีเน้ือตวั สองสี ปลากรายวา่ ยเวยี นไปเคียงคูก่ นั แตน่ างกลบั ตีจากพไ่ี ป เห็นปลาแลว้ รู้สึกเศร้าใจ ปลาหางไก่ซ่ึงเป็นปลาทะเลชนิดหน่ึง แหวกวา่ ยอยใู่ นน้า ปลา ชนิดน้ีไม่มีหงอน คิดเพลงยาว รูปเอวอร มีผมประบ่าเอ่ียมอร ปลาสร้อยล่องลอยวา่ ยวนอยใู่ นแมน่ ้าเหมือนปลา สร้อยในวยั ในเด็ก ไม่เห็นมีความโศกเศร้าในจิตใจ ปลาเน้ืออ่อนน้นั อ่อนแตช่ ่ือ เน้ือนอ้ งหรือจะอ่อนไปท้งั กาย ใครจบั ตอ้ งกไ็ มน่ ึกอายและช้าใจปลาเสือตาแหลมกวา่ ปลาท้งั หลายเปรียบเสมือนดวงตา ซ่ึงดูแหลมคม มี หอยแมลงภเู่ วยี นวา่ ยน่าชื่นชม คิดความตา่ งๆในยามเหมาะสม เจา้ ที่มีหนา้ ที่สระสางเส้นผมต่างสละสลวยมีกลิ่น

หอม วา่ ยวนไปตามแนวฝั่งน้าและมกั จะมีปลาชะวาดวา่ ยปนอยดู่ ว้ ยเหมือนกบั พ่มี าดูแลนอ้ งอยา่ งทะนุถนอม พนั ธุ์ปลาตา่ งๆแหวกวา่ ยมาในแหล่งน้า เปรียบดงั หญิงงามท่ีมาหาพจี่ ะรู้สึกดีใจ บทแห่ชมปลา มชี นิดของปลา ได้แก่ ปลาแกม้ ช้า ปลาน้าเงิน ปลากราย ปลาหางไก่ ปลาสร้อย ปลาเน้ืออ่อน ปลาเสือ ปลาหวเี กศ ปลาแปบ ปลาชะวาด ปลาชะแวง ปลานวลจนั ทร์ ปลาคางเบือน ปลากระแห ปลาตะเพียน ปลาเคลา้ ดา ตัวอย่างบทเห่ชมไม้ โคลง เรือชายชมมิ่งไม้ มีพรรณ ริมท่าสาครคนั ธ์ กลิ่นเกล้ียง เพลด็ ดอกออกแกมกนั ชูช่อ หอมหื่นร่ืนรสเพ้ียง กล่ินเน้ือนวลนาง ฯ ช้าลวะเห่ เรือชายชมมิ่งไม้ ริมท่าไสวหลากหลายพรรณ เพลด็ ดอกออกแกมกนั ส่งกลิ่นเกล้ียงเพยี งกลิ่นสมร ชมดวงพวงนางแยม้ บานแสลม้ แยม้ เกสร คิดความยามบงั อร แยม้ โอษฐย์ มิ้ พริ้มพรายงาม จาปาหนาแน่นเน่ือง คล่ีกลีบเหลืองเรืองอร่าม คิดคนึงถึงนงราม ผวิ เหลืองกวา่ จาปาทอง ประยงคท์ รงพวงห้อย ระยา้ ยอ้ ยหอ้ ยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลลออง เจา้ แขวนไวใ้ หเ้ รียมชม พดุ จีบกลีบแสลม้ พกิ ลุ แกมแซมสุกรม หอมชวยรวยตามลม เหมือนกล่ินนอ้ งตอ้ งติดใจ

สาวหยดุ พดุ ทชาด บานเกล่ือนกลาดดาษดาไป นึกนอ้ งกรองมาไลย วางใหพ้ ีข่ า้ งท่ีนอน ฯ สรุป กระบวนเรือของเจา้ ฟ้ ากุง้ ที่แล่นอยใู่ นแมน่ ้าต่างกพ็ ากนั ช่ืนชมพรรณไมท้ ่ีกาลงั พากนั บานชูช่อและส่ง กลิ่นหอมมาจากชายตล่ิงท้งั ดอกนางแยม้ ที่บานแยม้ เกสรออกมาพอพระองคเ์ ห็นดงั น้นั ก็คิดถึงนางผเู้ ป็นที่รักยมิ้ ออกมาอยา่ งร่าเริงดอกจาปาท่ีข้ึนอยหู่ นาแน่นคล่ีกลีบสีเหลืองอร่ามออกมาเม่ือพระองคเ์ ห็นกน็ ึกถึงนางผเู้ ป็นท่ี รักท่ีมีผวิ สีเหลืองนวลดอกประยงคท์ ่ีหอ้ ยกนั เป็ นพวงดูแลว้ ก็เหมือนอุบะท่ีหอ้ ยพวงมาลยั ที่นางทาแขวนไวใ้ ห้ ผชู้ ายช่ืนชมดอกพุดจีบกลีบบานก็มีดอกพิกุลและตน้ สุกรมข้ึนแซมท่ีดอกต่างส่งกล่ินหอมเหมือนกบั กลิ่นเน้ือ ของนางที่เคยอยดู่ ว้ ยติดตามมา ดอกสาวหยดุ กบั ดอกพุทธชาดที่บานอยเู่ กล่ือนกลาดเตม็ ตล่ิงเม่ือพระองคเ์ ห็นก็ นึกถึงนางผเู้ ป็นท่ีรักที่เคยอยดู่ ว้ ยกนั ร้อยมาลยั วางไวใ้ หท้ ่ีขา้ งหมอน ดอกพกิ ุลกบั ดอกบุนนาคที่บานส่งกล่ินหอม หวาน ซาบซ่านเหมือนกบั คาหวานที่นางผเู้ ป็นท่ีรักใชอ้ อ้ นเวลาพดู ดว้ ยตน้ เตง็ ตน้ แตว้ ตน้ แกว้ และดอกกาหลง ตา่ งพากนั บานส่งกล่ินหอมอยู่ โดยไมร่ ู้หาย คลา้ ยกบั กล่ินเส้ือผา้ ของนางผเู้ ป็นที่รักดอกมะลิวลั ยด์ อกจิกดอกจวง พนั กนั เป็นพวงส่งกลิ่นหอมโชยมาชื่นใจยงิ่ นกั เมื่อไดก้ ลิ่นกท็ าใหพ้ ระองคค์ ิดถึงนางผเู้ ป็นท่ีรักดอกลาดวนกม็ ี กล่ินหอมตลบอบอวลเมื่อพระองคไ์ ดก้ ลิ่นก็ทาใหม้ ีความรู้สึกคิดถึงนางผเู้ ป็นที่รักอยา่ งเศร้าใจกลิ่นดอกราเพยก็ โชยมาเร่ือยๆทาใหค้ ิดถึงเม่ือคร้ังเคยเชยชมนางผเู้ ป็นท่ีรักอยทู่ ุกวนั ไม่มีห่างเม่ือนง่ั ชมเหล่าดอกไมท้ ี่สวยงาม หลากหลายพรรณก็ทาใหค้ ิดไปวา่ ถา้ หากนางผเู้ ป็นท่ีรักมาดว้ ยก็คงจะออ้ นใหพ้ ระองคน์ ้นั ช้ีใหด้ ูดอกไมเ้ หล่าน้นั เหล่าน้ีเป็ นแน่ พรรณนาถึงดอกไม้ ได้แก่ ดอกนางแยม้ ดอกจาปา ดอกประยงค์ ดอกพุดจีบ ดอกพกิ ุล ดอกสุกรม ดอกสายหยดุ ดอกพทุ ธชาด ดอกบุนนาค ดอกเตง็ ดอกแตว้ ดอกแกว้ ดอกกาหลง ดอกมะลิวลั ย์ ดอกลาดวน

ตัวอย่างบทชมนก โคลง รอนรอนสุริยโอ้ อษั ฎงค์ เร่ือยเร่ือยลบั เมรุลง ค่าแลว้ รอนรอนจิตตจ์ านง นุชพ่ี เพียงแม่ เรื่อยเร่ือยเรียมคอยแกว้ คลบั คลา้ ยเรียมเหลียว ฯ ช้าลวะเห่ เรื่อยเร่ือยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่า สนธยาจะใกลค้ ่า คานึงหนา้ เจา้ ตราตรู เร่ือยเรื่อยมาเรียงเรียง นกบินเฉียงไปท้งั หมู่ ตวั เดียวมาพลดั คู่ เหมือนพอี่ ยผู่ เู้ ดียวดาย เห็นฝงู ยงู ราฟ้ อน คิดบงั อรร่อนรากราย สร้อยทองยอ่ งเย้อื งกราย เหมือนสายสวาทนาดนวยจร สาลิกามาตามคู่ ชมกนั อยสู่ ู่สมสมร แตพ่ น่ี ้ีอาวรณ์ ห่อนเห็นเจา้ เศร้าใจครวญ นางนวลนวลน่ารัก ไม่นวลพกั ตร์เหมือนทรามสงวน แกว้ พ่นี ้ีสุดนวล ดงั่ นางฟ้ าหนา้ ใยยอง นกแกว้ แจว้ แจ่มเสียง จบั ไมเ้ รียงเคียงคู่สอง เหมือนพี่น้ีประคอง รับขวญั นอ้ งตอ้ งมือเรา ฯ สรุป

พระ อาทิตยก์ าลงั จะตกดิน เวลาจะใกลค้ ่าพ่กี ็คิดถึงแตห่ นา้ นอ้ ง นกบินสูงเฉียงไปท้งั ฝงู แต่มีอยตู่ วั หน่ึง ตอ้ งพลดั จากคูเ่ หมือนกบั พ่ีท่ี ตอ้ งอยคู่ นเดียว เห็นนกยงู แพนขนอยกู่ ็นึกถึงนอ้ งตอนทา่ เคล่ือนไหวท่ีมีลีลา เหมือนกบั ไมเ้ ถา ชนิดหน่ึงท่ีกาลงั เย้อื งกราย นกสาลิกามาตามคูช่ มกนั เหมือนกบั นางงามแตพ่ ีน่ ้ีก็คิดกงั วลถึงนอ้ ง แลว้ เศร้า ใจ นกนางนวลงามผดุ ผอ่ งแต่หนา้ น้นั งามผุดผอ่ งเหมือนกบั หนา้ นอ้ งที่งามผดุ ผอ่ ง เหมือนกบั นางฟ้ าที่ หนา้ ผดุ ผอ่ งเป็นยองใย นกแกว้ เสียงแจ่มแจว้ อยบู่ นตน้ ไมเ้ คียงคูก่ นั เหมือนกบั พ่นี ้นั ประคองและรับ ขวญั นอ้ ง ตอ้ งมือเบา ไก่ฟ้ ามาตวั เดียวเดินท่องเยวอยตู่ ามเขาเ หมือนพี่พรากจากนอ้ งท่ีเป็นท่ีรักพนี่ ้นั กร็ ู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ คิดถึงนอ้ ง นกแขกเตา้ อยกู่ นั เป็นคูอ่ ยบู่ นตน้ ไมไ้ ซป้ ี กไซห้ างใหก้ นั พนี่ ้นั กค็ ิดถึงตอนท่ีพน่ี ้นั ไดก้ อดนอ้ งแบบ แนบชิดเป็ นเวลานาน นกดุเหวา่ กร็ ้องกนั เสียงหวานสนน่ั กอ้ งไพเราะกงั วานปานเสียงนอ้ งที่พดู กบั พี่ นกโนรีสี ปานชาดน้นั มีลวดลายท่ีสวยงามแตก่ ็สวยไม่เท่านอ้ งที่ห่มตาด(ช่ือผา้ ชนิดหน่ึง ทอดว้ ยไหมควบกบั เงินแล่งหรือ ทองแล่ง)ท่ีสวยงามมาหาพี่ นกสตั วาน่าเอน็ ดูคอยหาคูอ่ ยทู่ ุกเวลาเหมือนพ่นี ้นั ที่ตอ้ งจากนอ้ งมา พี่กค็ ิดถึงนอ้ งจึง เศร้าเสียใจ นกปักษีน้นั มีหลายพรรณ ต่างกช็ มกนั ขนั เสียงในป่ า พิ่ยง่ิ ฟังกร็ ู้สึกวงั เวงใจดว้ ยความหลายหลากมาก ภาษาท่ีทาใหพ้ น่ี ้นั เศร้าใจ ได้พดู ถงึ ชนิดของนกได้แก่ - นกยงู นกขนาดใหญ่ชนิดหน่ึง ขนงามเป็นสีเล่ือม ขนเป็ นแวว - สร้อยทอง นกที่มีคอเป็ นสีต่าง ๆ - สาลิกา นกจาพวกนกเอ้ียง หวั สีดา ตวั สีน้าตาลแกมดา หนงั ของตาจดั เหลือง - นางนวล ชื่อนกกินปลาชนิดหน่ึง อยตู่ ามชายหาด - แกว้ ชื่อนกขนเขียว ปากแดงและงุม้ มีหลายชนิด - ไก่ฟ้ า เป็นนกสีสวยงามชอบอยเู่ ป็นฝงู อยา่ งไก่บา้ น ตวั ขนาดไก่แจ้ บินเก่งมาก - แขกเตา้ เป็ นนกในตระกลู นกแกว้ แตต่ วั เลก็ กวา่ - ดุเหวา่ ตวั สีดา เล็กกวา่ กาเลก็ นอ้ ย ร้องไพเราะ มกั จะเรียกกนั วา่ กาเหวา่ - โนรี เป็นนกจาพวกนกแกว้ โดยมากมีขนเป็นสีแดงลว้ น บางชนิดมีสีอื่นแซม เรียกเบญจพรรณ - สตั วนกใน เป็นนกจาพวกนกแกว้ ตวั โต สีเขียวเกือบเป็ นสีคราม

เสียงสรวลระรี่น้ี ตวั ย่างบทเห่ครวญ เสียงนุชพีฤ่ าใคร เสียงสรวลเสียงทรามวยั โคลง เสียงบงั อรสมรผู้ เสียงใด เสียงสรวลระร่ีน้ี ใคร่รู้ เสียงสรวลเสียงทรามวยั นุชพ่ี มาแม่ ลมชวยรวยกล่ินนอ้ ง อ่ืนน้นั ฤามี เคลือบเคลน้ เห็นคลา้ ยมา ยามสองฆอ้ งยามย่า ช้าลวะเห่ เสียงป่ี มีครวญเครง ล่วงสามยามไปแลว้ เสียงแกว้ พห่ี รือเสียงใคร มอ่ ยหลบั กลบั บนั ดาล สุดสายใจพ่ตี ามมา เพรางายวานเสพรส หอมเร่ือยตอ้ งคลองนาสา อิ่มทุกขอ์ ิ่มชลนา เหลียวหาเจา้ เปล่าวงั เวง เวรามาทนั แลว้ ทุกคืนค่าย่าอกเอง ใหแ้ คน้ แสนสุดทน เหมือนเรียมคร่าร่าครวญนาน งามทรงวงดงั่ วาด จนไก่แกว้ แวว่ ขนั ขาน งามพริ้มยมิ้ แยม้ พราย ฝันเห็นนอ้ งตอ้ งติดตา แสนกาสรดอดโอชา อ่ิมโศกาหนา้ นองชล จึงจาแคลว้ แกว้ โกมล ทุกขถ์ ึงเจา้ เศร้าเสียดาย งามมารยาทนาดกรกราย งามคาหวานลานใจถวลิ

แต่เชา้ เทา่ ถึงเยน็ กล้ากลืนเขญ็ เป็นอาจิณ ชายใดในแผน่ ดิน ไมเ่ หมือนพีท่ ี่ตรอมใจฯ โคลง เรียมทนทุกขแ์ ตเ่ ชา้ ถึงเยน็ มาสู่สุขคืนเขญ็ หม่นไหม้ ชายใดจากสมรเป็ น ทุกขเ์ ท่า เรียมเลย จากคู่วนั เดียวได้ ทุกขป์ ิ้ มปานปี สรุป เสียงหวั เราะน้ีเป็นของใคร เสียงนอ้ งของพหี่ รือใคร พีไ่ มร่ ู้ เสียงหวั เราะของนอ้ งเหมือนตามพม่ี าเสียง ของนางอนั เป็ นท่ีรักน้นั เพราะจนหาคนอ่ืนเทียบไมไ่ ดเ้ สียงหวั เราะน้ีเสียงแกว้ ใจพีห่ รือเสียงใคร เสียงหวั เราะ เสียงของนางผเู้ ป็ น ยอดรักเหมือนพีต่ ามมา ลมแผว่ ๆ ช่วยพดั กลิ่นหอมของนอ้ งเรื่อยมาจนถึงจมูก เหลือบ มองเห็นเหมือนเจา้ มาพอมอง หากลบั ไมเ่ ห็น ตีสองเสียงฆอ้ งดงั บอกเวลา ทุก คืนพ่ีอยตู่ วั คนเดียว มีเสียงป่ี บรรเลงเหมือนเสียงของนอ้ งหญิงที่พ่ีคิด ถึง ยามตีสามใกลเ้ ชา้ จนไก่ขนั เม่ือหลบั ไปพี่กลบั ฝันเห็นนอ้ งติดตาอยู่ ในฝันของพี่ เวลาเชา้ จนถึงเยน็ พ่นี ้ีไม่วายเศร้าหมอง อดกินของรสอร่อย เพราะอิ่มไปดว้ ยความทุกขอ์ ิ่มไปดว้ ย น้าตา อิ่มความเศร้าโศกน้าตานองหนา้ เวร กรรมตามมาทนั แลว้ พ่ีจึงตอ้ งจากเจา้ ที่พี่รัก คิดแลว้ ก็แคน้ ใจนกั ที่ ตอ้ งจากนอ้ งมาเป็ นทุกขเ์ ศร้าเสียดายยงิ่ นกั นางเปรียบเป็ นดง่ั ภาพวาด งามท้งั มารยาท รอยยมิ้ รวมท้งั คาพดู ของ นอ้ ง ไมม่ ีชายใดท่ีจะมาตรอมใจเหมือนพ่ที ี่เฝ้ าแต่คิดถึงนอ้ งพี่เฝ้ าแตท่ นทุกขต์ ้งั แต่เชา้ ถึงเยน็ ทุกวนั คืนเหมือน ตกนรกท้งั เป็ น ผชู้ าย คนไหนถา้ ไดจ้ ากหญิงอนั เป็ นท่ีรักก็ตอ้ งทุกขเ์ หมือนพี่ จากกนั แค่วนั เดียว แต่ทุกขเ์ หมือน จากกนั นานนบั ปี

คุณค่าทไ่ี ด้รับ คุณค่าทางด้านวรรณศิลป์ ๑. รูปแบบสอดคลอ้ งกบั เน้ือหา ๒. ดีเด่นทางดา้ นการพรรณนาใหเ้ ห็นภาพ และใหอ้ ารมณ์ความรู้สึกดี ๓. ศิลปะการแตง่ ดี มีกลวธิ ีพรรณนาโดยใชก้ ารอุปมา การเล่นคา การใชค้ าท่ีแนะใหเ้ ห็นภาพ คาท่ีนา ใหน้ ึกถึงเสียง คาท่ีแสดงอารมณ์ตา่ ง ๆ ไดด้ ี คุณค่าทางด้านสังคม ๑. สะทอ้ นภาพชีวติ ของคนไทยในปลายกรุงศรีอยธุ ยาที่ใชก้ ารสญั จรทางน้าเป็นสาคญั เนื่องจาก ประเทศไทยมีแมน่ ้าลาคลองมาก ๒. ใหค้ วามรู้เกี่ยวกบั ขบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค และประเพณีการเห่เรือ ๓. สะทอ้ นใหเ้ ห็นขนบธรรมเนียมประเพณี ค่านิยม และความเชื่อของคนไทย เช่น ค่านิยมเก่ียวกบั ความงามของสตรีวา่ จะตอ้ งงามพร้อมท้งั รูปทรง มารยาท ยมิ้ แยม้ แจ่มใส และพดู จาไพเราะ ความ เชื่อเร่ืองเวรกรรมตามหลกั พระพทุ ธศาสนา เป็นตน้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook