Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore มหาชาติชาดก

มหาชาติชาดก

Published by ศุภชัย ทองชม, 2019-09-01 00:57:36

Description: มหาชาติชาดก

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๘ มหาชาติหรือมหาเวศสันดรชาดก ความเป็ นมา พุทธศาสนิกชนชาวไทยนบั ถือกนั มาแตค่ ร้ังโบราณวา่ มหาเวศสันดรเป็ นชาดกที่สาคญั กวา่ ชาดกเรื่องอ่ืน เพราะวา่ ดว้ ยเร่ืองราวที่ปรากฏบารมีของพระโพธิสัตวอ์ ยโู่ ดยบนิบูรณ์ท้งั ๑๐ บารมี นอกจากน้ียงั มีผนู้ ามหาเวสสันดรชาดกไปแตง่ เป็ นภาษาไทยอีกหลายสานวน และใชค้ าประพนั ธ์หลายชนิด เช่น กลอน ฉนั ท์ กาพย์ ลิลิต และร้อยแกว้ รวมท้งั ยงั มีมหาเวสสนั ดรชาดกท่ีเป็ นภาษาถิ่นอีกหลายฉบบั ประวตั ิผ้แู ต่ง - สานักวดั ถนน – กณั ฑ์ทานกณั ฑ์ - สานักวดั สังข์กระจาย – กณั ฑ์ชูชก - พระเทพโมลี (ก่นิ ) – กณั ฑ์มหาพน - เจ้าพระยาพระคลงั (หน) –กณั ฑ์กมุ ารและกัณฑ์มัทรี หลงั จากสมเดจ็ พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ ทรงแสดงยมกปาฏิหารย์ ทาใหพ้ ระประยรู ญาติละทิฐิยอมถวายบงั คม ก็ บงั เกิดฝนโบกขรพรรษ พระภิกษุท้งั หลายจึงไดท้ ูลถามพระพุทธเจา้ พระพุทธองคต์ รัสเล่าวา่ ฝนชนิดน้ีเคยตก มาแลว้ ในอดีต พระองคจ์ ึงทรงแสดงธรรมเรื่องมหาเวสสนั ดรชาดก หรือเร่ือง มหาชาติ ท้งั 13 กณั ฑ์ ตามลาดบั ดงั น้ี กณั ฑ์ที่ 1 ทศพรา พระอินทร์ประสาทพรแก่พระนางผสุ ดี ก่อนท่ีจะจุติลงมาเป็นพระราชมารดาของพระ เวสสันดร แตป่ างก่อนน้นั ผุสดีเทวเี สวยชาติเป็ นอคั รมเหสีของพระอินทร์ เม่ือจะสิ้นพระชนมายจุ ึงขอกณั ฑท์ ศ พรจากพระอินทร์ได้ 10 ประการ ท้งั ยงั เคยโปรยผงจนั ทร์แดง ถวายพระวปิ ัสสีพุทธเจา้ และอธิฐานใหไ้ ดเ้ กิด เป็นมารดาพระพุทธเจา้ ดว้ ย พร 10 ประการน้นั มีดงั น้ี 1. ขอใหเ้ กิดในกรุงมทั ทราช แควน้ สีพี 2. ขอใหม้ ีดวงเนตรคมงามและดาขลบั ดง่ั ลูกเน้ือทราย 3. ขอใหค้ ิ้วคมขาดงั่ สร้อยคอนกยงู 4. ขอใหไ้ ดน้ าม \"ผสุ ดี\" ดงั ภพเดิม 5. ขอใหพ้ ระโอรสเกริกเกียรติที่สุดในชมพทู วปี

6. ขอใหพ้ ระครรภง์ าม ไม่ป่ องนูนดง่ั สตรีสามญั 7. ขอใหพ้ ระถนั เปล่งปลงั่ งดงามไมย่ านคลอ้ ยลง 8. ขอใหเ้ ส้นพระเกศาดาขลบั ตลอดชาติ 9. ขอใหผ้ วิ พรรณละเอียดบริสุทธ์ิดุจทองคาธรรมชาติ 10. ขอใหไ้ ดป้ ลดปล่อยนกั โทษที่ตอ้ งอาญาประหารได้ กณั ฑ์ที่ 2 หมิ พานต์ พระนางผสุ ดีจุติลงมาเป็นราชธิดาของพระเจา้ มทั ทราช เมื่อเจริญชนม์ ได้ 16 ชนั ษา จึงไดอ้ ภิเษกสมรสกบั พระเจา้ กรุงสญชยั แห่งสีวริ ัฐนคร ต่อมาไดป้ ระสูติพระโอรสนามวา่ \"เวสสันดร\" ในวนั ท่ีประสูติน้นั ไดม้ ีนางชา้ งฉนั ททนั ตต์ กลูกเป็นชา้ งเผอื กขาวบริสุทธ์ิจึงไดน้ ามาไวใ้ นโรงชา้ ง ตน้ คู่บารมี ใหน้ ามวา่ \"ปัจจยั นาค\" เม่ือพระเวสสันดรเจริญชนม์ 16 พรรษา พระราชบิดาก็ยกราชสมบตั ิให้ ครอบครองและทรงอภิเษกกบั นางมทั รี พระราชธิดาราชวงศม์ ทั ทราช มีพระโอรสช่ือ ชาลี พระธิดาชื่อกณั หา พระองคไ์ ดส้ ร้างโรงทาน บริจาคทานแก่ผเู้ ขญ็ ใจ ตอ่ มาพระจา้ กาลิงคะแห่งนครกลิงคราษฎร์ ไดส้ ่ง พราหมณ์มาขอพระราชทานชา้ งปัจจยั นาคเพ่ือใหฝ้ นตกในบา้ นเมืองท่ีแหง้ แลง้ กนั ดาร พระองคจ์ ึงพระราชทาน ชา้ งปัจจยั นาคใหแ้ ก่พระเจา้ กาลิงคะ ชาวกรุงสัญชยั ไมพ่ อใจท่ีพระราชทานชา้ งคูบ่ า้ นคู่เมืองไป จึงเนรเทศพระ เวสสนั ดรออกนอกพระนคร กณั ฑ์ท่ี 3 ทานกัณฑ์ พระเวสสนั ดรทรงมหาสัตตสดกทาน คือ การแจกทานคร้ังยง่ิ ใหญก่ ่อนที่พระ เวสสนั ดรพร้อมดว้ ยพระนางมทั รี ชาลีและกณั หาออกจากพระนคร จึงทลู ขอพระราชทานโอกาสบาเพญ็ มหา สัตตสดกทาน คือ การใหท้ านคร้ังยง่ิ ใหญ่ อนั ไดแ้ ก่ ชา้ ง มา้ รถ โคนม นารี ทาสี ทาสา รวมท้งั สุรา บาน อยา่ งละ 700 กณั ฑ์ท่ี 4 วนประเวศน์ เป็นกณั ฑท์ ่ีส่ีกษตั ริยเ์ ดินทางสู่เขาวงกต เม่ือเดินทางถึงนครเจตราชท้งั ส่ีกษตั ริยจ์ ึง แวะเขา้ ประทบั หนา้ ศาลาพระนคร กษตั ริยผ์ คู้ รองนครเจตราชจึงทลู เสด็จครองเมือง แตพ่ ระเวสสันดรทรง ปฏิบตั ิ กษตั ริยเ์ จตราชจึงมอบหมายใหพ้ รานเจตบุตรผมู้ ีความเช่ียวชาญชานาญป่ าเป็ นผรู้ ักษาประตปู ่ า ไม้ กษตั ริยท์ ้งั 4 พระองคป์ ลอดภยั และเม่ือเสด็จถึงเขาวงกตไดพ้ บอาศรม ซ่ึงทา้ ววษิ ณุกรรมเนรมิตตามพระ บญั ชาของพระอินทร์ กษตั ริยท์ ้งั สี่จึงทรงผนวชเป็นฤาษีพานกั ในอาศรมสืบมา กณั ฑ์ท่ี 5 ชูชก ในแควน้ กาลิงคะมีพราหมณ์แก่ชื่อชูชกพานกั ในบา้ นทุนวฐิ ะเท่ียวขอทานตามเมืองตา่ ง ๆ เมื่อไดเ้ งินถึง 100 กหาปณะ จึงนาไปฝากไวก้ บั พราหมณ์ผวั เมียแลว้ ออกเดินทางขอทานต่อไป เมื่อเห็นวา่ ชูชก หายไปนานจึงไดน้ าเงินไปใชเ้ ป็นการส่วนตวั เม่ือชูชกเดินทางมาทวงเงินคืนจึงยกนางอมิตดาลูกสาวใหแ้ ก่ชู

กชก นางอมิตดาเมื่อมาอยรู่ ่วมกบั ชูชกไดท้ าหนา้ ท่ีของภรรยาท่ีดี ทาใหช้ ายในหม่บู า้ นเปรียบเทียบกบั ภรรยา ของตน หญิงในหมู่บา้ นจึงเกลียดชงั และรุมทาร้ายทุบตีนางอมิตดา ชูชกจึงเดินทางไปทูลขอกณั หาชาลีเพอื่ มา เป็นทาสรับใช้ เมื่อเดินทางมาถึงเขาวงกตกถ็ ูกขดั ขวางจากพรานเจตบุตรผรู้ ักษาประตูป่ า กณั ฑ์ท่ี 6 จุลพน พรานเจตบุตรหลงกลชูชก ท่ีไดช้ ูกลกั พริกขิงใหพ้ รานดู อา้ งวา่ เป็นพระราชสาสนข์ อง พระเจา้ กรุงสญชยั จะนาไปถวายพระเวสสันดร พรานเจตบุตรจึงตอ้ นรับและเล้ียงดูชูชกเป็นอยา่ งดีและไดพ้ าไป ยงั ตน้ ทางท่ีจะไปอาศรมฤาษี กณั ฑ์ที่ 7 มหาพน เม่ือถึงอาศรมไดพ้ บกบั อจุตฤาษี ชูกชกใชค้ ารมหลอกล่อจนอจุตฤาษีใหท้ ี่พกั หน่ึงคืน และบอกเส้นทางไปยงั อาศรมพระเวสสันดร พร้อมพรรณนาหมสู่ ตั วแ์ ละพรรณไมต้ ามเส้นทางใหช้ ูชกฟัง กณั ฑ์ท่ี 8 กณั ฑ์กมุ าร เป็นกณั ฑท์ ่ีพระเวสสันดรทรงใหท้ านสองโอรสแก่เฒ่าชูชก พระนางมทั รีฝันร้าย เหมือนบอกเหตุแห่งการพลดั พราก รุ่งเชา้ เมื่อพระนางมทั รีเขา้ ป่ าหาอาหารแลว้ ชูชกจึงเขา้ เฝ้ าทลู ขอสอง กมุ าร สองกมุ ารลงไปซ่อนตวั อยทู่ ี่สระ พระเวสสนั ดรจึงเสดจ็ ติดตามหาสองกมุ ารแลว้ มอบใหแ้ ก่ชูชก กณั ฑ์ที่ 9 กณั ฑ์มัทรี พระนางมทั รีเดินเขา้ ไปหาผลไมใ้ นป่ าลึกจนคลอ้ ยเยน็ จึงเดนทางกลบั อาศรม แต่มี เทวดาแปลงกายเป็นเสือนอนขวางทางจนค่า เมื่อกลบั ถึงอาศรมไม่พบโอรสธิดาและพระเวสสนั ดรไดก้ ล่าววา่ นางนอกใจ พระนางมทั รีจึงออกเที่ยวหาโอรสธิดาและกลบั มาสิ้นสติตอ่ เบ้ืองพระพกั ตร์ พระองคท์ รงตกพรทยั ลืมตนวา่ เป็นดาบสจึงทรงเขา้ อุม้ พระนางมทั รีและทรงกนั แสง เมื่อพระนางมทั รีฟ้ื นจึงถวายบงั คมประทาน โทษ พระเวสสนั ดรจึงบอกความจริงวา่ ไดป้ ระทานโอรสธิดาแก่ชูชกแลว้ หากชีวติ ไม่สิ้นคงจะไดพ้ บกนั พระ นางมทั รีจึงไดท้ รงอนุโมทนาในปิ ยบุตรทานน้นั กณั ฑ์ที่ 10 สักรบรรพ พระอินทร์เกรงวา่ พระเวสสนั ดรจะประทานพระนางมทั รีใหแ้ ก่ผทู้ ี่มาขอ จึงแปล เป็นพราหมณ์เพื่อมาทูลขอพระนางมทั รี พระเวสสนั ดรจึงประทานใหพ้ ระนางมทั รีกย็ นิ ดีอนุโมทนาเพือ่ ร่วม ทานบารมีใหส้ าเร็จพระสมั โพธิญาณ เป็นเหตุใหเ้ กิดแผน่ ดินไหวสะทา้ น พระอินทร์ในร่างพราหมณ์จึงฝาก พระนางมทั รีไวย้ งั ไม่รับไป แลว้ ตรัสบอกความจริงและถวายคืนพร้อมถวายพระพร 8 ประการ กณั ฑ์ท่ี 11 มหาราช เม่ือเดินทางผา่ นป่ าใหญช่ ูชกจะผกู สองกุมารไวท้ ี่โคนตน้ ไม้ ส่วนตนเองปี นข้ึนไป นอนตน้ ไม้ เหล่าเทพเทวดาจึงแปลงร่างลงมาปกป้ องสองกุมารจนเดินทางถึงกรุงสีพี พระเจา้ กรุงสีพเี กิดนิมิต ฝันตามคาทานายน้นั นามายงั ความปี ติปราโมทย์ เมื่อเสดจ็ ลงหนา้ ลานหลวงตอนรุ่งเชา้ ทอดพระเนตรเห็นชูชก และกมุ ารท้งั สองพระองค์ ทรงทราบความจริงจึงพระราชทานค่าไถ่คืน ต่อมาชูชกก็ถึงแก่ความตายเพราะกิน อาหารมากเกินขนาดจนไมย่ อ่ ย พระชาลีจึงไดท้ ูลขอใหไ้ ปรับพระบิดาพระมารดานิวตั ิพระนคร ใน

ขณะเดียวกนั เจา้ นครลิงคราษฏร์ไดค้ ืนชา้ งปัจจยั นาคแก่นครสีพี กณั ฑ์ที่ 12 ฉกษตั ริย์ พระเจา้ กรุงสญชยั ใชเ้ วลา 1 เดือน กบั 23 วนั จึงเดินทางถึงเขาวงกต เสียงโห่ร้อง ของทหารท้งั 4 เหล่า ทาใหพ้ ระเวสสันดรทรงคิดวา่ เป็นขา้ ศึกมาโจมจีนครสีพี จึงชวนพระนางมทั รีข้ึนไปแอบ ดูที่ยอดเขา พระนางมทั รีทรงมองเห็นกองทพั พระราชบิดาจึงไดต้ รัสทลู พระเวสสนั ดร และเม่ือท้งั หกกษตั ริยไ์ ด้ พบกนั ทรงกนั แสงสุดประมาณ รวมท้งั ทหารเหล่าทพั ทาใหป้ ่ าใหญ่สนนั่ คร่ันครืน พระอินทร์จึงไดท้ รงบนั ดาล ใหฝ้ นโบกขรพรรษตกลงมาประพรมกษตั ริยใ์ หห้ ายเศร้าโศกและฟ้ื นพระองค์ กณั ฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์ พระเจา้ กรุงสญชยั ตรัสสารภาพผดิ พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวชพร้อมท้งั พระนาง มทั รี และเสด็จกลบั สู่สีพนี คร เมื่อเสด็จถึงจึงรับสง่ั ใหช้ าวเมืองปล่อยสัตวท์ ่ีกกั ขงั คร้ันยามราตรีพระเวสสนั ดร ทรงปริวติ กวา่ รุ่งเชา้ ประชาชนจะแตกต่ืนมารับบริจาคทาน พระองคจ์ ะประทานส่ิงใดใหแ้ ก่ประชาชน ทา้ ว โกสียไ์ ดท้ ราบจึงบนั ดาลใหม้ ีฝนแกว้ 7 ประการ ตกลงมาในนครสีพีสูงถึงหนา้ แขง้ พระเวสสันดรจึงทรง ประกาศใหป้ ระชาชนมาขนเอาไปตามปรารถนา ที่เหลือใหข้ นเขา้ พระคลงั หลวง ในกาลตอ่ มาพระเวสสนั ดรเถลิงราชสมบตั ิปกครองนครสีพีโดยทศพิธราชธรรม บา้ นเมืองร่มเยน็ เป็นสุขตลอด พระชนมายุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook