Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 3.วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น

3.วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น

Published by hamas1426, 2021-07-08 14:25:46

Description: 3.วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนต้น

Search

Read the Text Version

วรรณคดสี มยั อยุธยาตอนต้น

• ยุควรรณคดอี ยุธยา สามารถแบ่งเป็น 3 ตอน วรรณคดสี มยั อยุธยาตอนต้น เริ่มต้งั แต่สมยั พระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจา้ อู่ทอง) ไปจนถึงพระอาทิตยวงศ์ (พ.ศ. 1893-2172) ยคุ สาคญั ของวรรณคดี คือ สมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถและสมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม วรรณคดสี มยั อยุธยาตอนกลาง ต้งั แต่สมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง จนถึงสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2172-2231) ซ่ึงในช่วงน้ียคุ ทองของวรรณคดีคือ สมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วรรณคดอี ยุธยาตอนปลาย ต้งั แต่สมยั สมเดจ็ พระเพทราชา จนถึงสมเดจ็ พระเจา้ เอกทศั (พ.ศ. 2231-2310) วรรณคดีรุ่งเรืองมากในสมยั สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศ

วรรณคดสี มยั อยุธยาตอนต้น • สภาพเหตุการณ์บ้านเมือง ช่วง พ.ศ. 1893-2172 มีปัจจยั ที่มีผลต่อวรรณคดีคือ การแผข่ ยายอาณาเขต การแยง่ ชิงราชสมบตั ิ และการตกเป็นประเทศราช ทาใหว้ รรณคดีไทยที่สืบทอด ต่อมามีไม่มากนกั • ลกั ษณะคาประพนั ธ์ท่ีนิยมแต่งในช่วงอยธุ ยาตอนตน้ คือ “โคลง” และ “ร่าย”

วรรณคดสี มยั อยุธยาตอนต้น • เนื้อหา ประกอบไปดว้ ยเรื่องราว ดงั น้ี เกย่ี วกบั ศาสนา เช่น มหาชาติคาหลวง กาพยม์ หาชาติ เกย่ี วกบั สดุดพี ระมหากษตั ริย์ เล่าเหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์ เช่น ลิลิตยวนพา่ ย เกยี่ วกบั นิทาน เช่น ลิลิตพระลอ เกยี่ วกบั พธิ ีกรรม เช่น ลิลิตโองการแช่งน้า เกยี่ วกบั อารมณ์และความรู้สึกของกวี เช่น โคลงกาสรวล โคลงทวาทศมาส

ลลิ ติ โองการแช่งนา้ ผู้แต่ง: ตามหลกั ฐานไม่ปรากฏนามผู้แต่ง แต่มีการสนั นิษฐานกนั น่าจะเป็ นพราหมณ์ผู้รอบรู้และเป็ นผู้ประกอบพธิ ีถือนา้ พระพพิ ฒั น์สัตยา วรรณคดีเรื่องน้ีเป็นวรรณคดีท่ีใชใ้ นพิธีกรรม ผู้รู้ส่วนใหญ่สันนิษฐาน ว่าแต่งในสมัยสมเดจ็ พระรามาธิบดที ี่ 1 (อู่ทอง) เน่ืองจากพระเจา้ แผน่ ดินตอ้ งการใหไ้ พร่ฟ้าขา้ แผน่ ดินจงรักภกั ดีจึง จาเป็นตอ้ งมีพิธีถือน้าและมีคาแช่งน้า

ลลิ ติ โองการแช่งนา้ ทานองแต่ง: แต่งเป็ นลลิ ติ กล่าวคือ มีร่ายโบราณ ต่อดว้ ย โคลงหา้ หรือโคลงมณฑกคติ วตั ถุประสงค์ในการแต่ง: เพื่อใช้ในพธิ ีถือนา้ พระพพิ ฒั น์สัตยา (สาบาน) ซ่ึงเป็นพธิ ีที่ใหเ้ หล่าเสนา ขา้ ราชการสาบานตนวา่ จะ จงรักภกั ดีต่อพระมหากษตั ริย์

เนื้อหาลลิ ติ โองการแช่งนา้ - เน้ือหาเริ่มแรกเป็นการกล่าวสรรเสริญเทพเจา้ พราหมณ์ คือ พระนารายณ์ พระอศิ วร และพระพรหม อนั แสดงถึงอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ท่ีปนเขา้ มา กบั ความเชื่อทางพทุ ธและทางภูตผี ตวั อย่างการสรรเสริญพระนารายณ์หรือพระวษิ ณุ “โอมสิทธิสรวงศรแกล้ว แผ้วมฤตยู เอางูเป็ นแท่น แกว่นกลืนฟ้ากลืนดนิ บนิ เอาครุฑมาข่ี สี่มือถือสังข์จักรคธาธรณี ภรี ุอวตาร อสูรแลงลาญทกั ททัคนจิ รนายฯ (แทงพระแสงศรปลยั วาต)”

• ถอดคาประพนั ธ์ โอม ขอความสาเร็จจงมีดว้ ยอานุภาพของพระนารายณ์ ผทู้ รงสิริและ แกลว้ กลา้ ซ่ึงสถิตในสรวงสวรรค์ พระผพู้ น้ จากความตาย ประทบั เหนือ อาสนะ คือ งู ทรงมีอานาจครอบงาท้งั ฟ้าท้งั ดิน ทรงครุฑเป็ นพาหนะ พระกรท้งั สี่ถืออาวธุ ส่ีอย่าง คือ สังข์ จักร คทา และธรณี (คือดอกบวั ) ทรง แบ่งภาคมาเกิดเป็นผทู้ ่ีน่ากลวั เพอื่ ปราบอสูร และทรงใชส้ ายฟ้าทาใหอ้ สูร แหลกลาญ

เนื้อหาลลิ ติ โองการแช่งนา้ - ต่อไปกล่าวถึงเม่ือโลกหมดอายสุ ิ้นกปั กลั ป์ กจ็ ะมีไฟมาไหมเ้ ผาโลกให้ หมดสิ้นไป ตวั อย่าง นานาอเนกน้าวเดมิ กลั ป์ จกั ร่าจกั ราพาฬเม่ือไหม้ กล่าวถงึ ตระวนั เจด็ อนั พล่งุ นา้ แล้งไข้ขอดหาย เจด็ ปลามนั พ่งุ หล้าเป็ นไฟ วาบจตุราบายแผ่นขวา้ ชักไตรตรึงษ์เป็ นเผ้า แลบลา้ สีทอง

• ถอดคาประพนั ธ์ เทา้ ความยอ้ นไปถึงยคุ เดิมท่ีผา่ นมามากมายหลายยคุ จะกล่าวถึงเม่ือ จกั รวาลถกู ไฟไหม้ กล่าวถึง ดวงอาทิตย์เจ็ดดวง ข้ึนมาในทอ้ งฟ้า (หรือดวง อาทิตยเ์ จด็ ดวงทาใหน้ ้าเดือด) น้างวดแหง้ หายไป นา้ มนั ของปลาเจด็ ตวั พ่งุ ขนึ้ ทาใหโ้ ลกลุกเป็นไฟ ไฟไหมอ้ บายภูมิ ท้งั ส่ีพินาศไป ทาใหส้ วรรคช์ ้นั ดาวดึงส์ กลายเป็นเถา้ ถ่าน

เนื้อหาลลิ ติ โองการแช่งนา้ - พระพรหมจะสร้างโลกขนึ้ ใหม่แทนโลกเก่า สิ่งมีชีวติ อย่างมนุษย์เกดิ ขนึ้ มา เกดิ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ มวี นั เดือน ปี ตามมา มพี ระราชา - เนื้อหาในตอนนีม้ ีทม่ี าจากอคั คญั ญสูตร ซ่ึงอธิบายกาเนิดของคนและ ประมุขของปวงชนไวว้ า่ มาจากพรหมท้งั หลายท่ีจุติบนพ้นื ดินแลว้ บริโภคดิน จึงเกิดตณั หาเส่ือมจากญาณ มีผวิ พรรณหยาบบา้ ง ผวิ ดีบา้ ง เกิดการดูถูกกนั จนดินท่ีบริโภคดบั สูญ

เนื้อหาลลิ ติ โองการแช่งนา้ - เกดิ เป็ นข้าวสาลที ไี่ ม่มีเปลือก พรหมจงึ ต้องบริโภคข้าวสาลแี ทน และ เกิดการขบั ถ่าย เกิดเพศตามชาติกาเนิด - ต่อมาพรหมซ่ึงกลายเป็ นมนุษย์แล้ว ไปเกบ็ ขา้ วสาลีมาสะสมไวม้ าก ๆ ทาใหข้ า้ วสาลีเมด็ ลีบเลก็ ลง มีเปลือกหุม้ - มนุษย์เหล่าน้ันมกี ารแบ่งเขตแดนขนึ้ มีการลกั ขา้ วของกนั - ในทส่ี ุดกเ็ ลือกคนทม่ี ปี ัญญา แขง็ แรง รูปงามกว่าคนท้งั หลายขนึ้ เป็ น หัวหน้า หรือเป็ นกษัตริย์

• ตัวอย่าง ผาหอมหวานจ่ึงขนึ้ จึง่ เจ้าต้งั ผาเผือกผาเยอ สรดื่นหมู่แมนมา หาวนั คืนไปได้ หอมอายดนิ เลอก่อน เพยี งดบั ไต้มืดมูล ตนเขาเรืองร่อนหล้าเลอหาว เป็ นพระสูรย์ส่องหล้า เห็นฟ้าเหน็ แผ่นดนิ จ้าวชิมดนิ แสงหล่น ว่นว่นตาขอเรือง เป็ นเดือนดาวเมืองฉ่า

แลมีคา่ มีวนั กนิ สาลเี ปลือกปล้อน บมผี ู้ต้อนแต่งบรรณา เลือกผู้ยงิ่ ยศเปนราชาอะคร้าว เรียกนามสมมตริ าชเจ้า จง่ึ ต้งั ท้าวเจ้าแผ่นดนิ

เนื้อหาลลิ ติ โองการแช่งนา้ - อญั เชิญส่ิงศกั ด์ิสิทธ์ิมาเป็นพยานและช่วยลงโทษผทู้ รยศในพิธีถือน้า ดงั น้ี - มีการอญั เชิญพระกรรมบดปี ่ ูเจ้าซ่ึงเป็นเทพในศาสนาพราหมณ์มาเป็น ประธานในพธิ ี - อาราธนาพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์มาร่วมในพธิ ี - เชื้อเชิญเทวดา อสูร ผี ไปจนถงึ สัตว์มาร่วมพธิ ี แลว้ ใหร้ ่วมกนั เป็นพยานใน การลงโทษคนทรยศหกั หลงั ทาการกบฏต่อพระมหากษตั ริย์

เนื้อหาลลิ ติ โองการแช่งนา้ - การลงโทษเป็ นการลงโทษทางใจ บางคร้ังกเ็ ป็ นเร่ืองเหนือจริง เช่น ให้ นา้ ตัดคอ ถูกพระยายมนาตัวไปลงนรก ใหไ้ ดร้ ับอนั ตรายจากสตั วร์ ้าย เช่น ให้แร้งกาเจาะพงุ ให้หมี เสือกดั - ส่วนผซู้ ื่อสตั ยจ์ ะไดร้ ับผลตอบแทนโดยสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิบนั ดาลให้ เช่น มอี ายยุ ืน มจี ติ ใจกล้าหาญ ไม่มอี นั ตรายมาแผ้วพาน - และยงั ไดร้ ับรางวลั จากกษตั ริย์ เช่น ทรัพย์สมบัติ ยศศักด์ิ ช่ือเสียง ผู้หญงิ

ตัวอย่างคาสาปแช่งในลลิ ติ โองการแช่งนา้ ดีร้ายบอกคนจา ผพี รายผชี รหมื่นดาช่วยดู การูคล่ืนเป็ นเปลว บซ่ือน้าตดั คอ บซื่อมลา้ งออเอาใส่เลา้ ตดั คอเร็วใหข้ าด บซื่อแร้งหาเตา้ แตกตา บซ่ือน้าหยาดทอ้ งเป็นรุ้ง บซื่อหมาหมีเสือเขน่ เข้ียว ยมราชเก้ียวตาตาวช่วยดู เจาะพงุ ใบแบ่ง เข้ียวชาชแวงยายี

ตัวอย่างคาสาปแช่งในลลิ ติ โองการแช่งนา้ • จงเทพยุดา ฝูงน้ีให้ตาย ในสามวนั อย่าให้ทนั ในสามเดือน อย่าให้เคลื่อนใน สามปี อยา่ ใหม้ ีสุขสวสั ดีเมื่อใด อยา่ กินเขา้ เพื่อไฟจนตาย จงไปเป็นเปลวปล่อง อยา่ อาศยั แก่น้าจนตาย น้ าคลองกลอกเป็ นพษิ นอนเรือนคารนคาจนตาย จระเขร้ ิบเสือฟัด หมีแรดถวดั แสนงขนาย หอกปื นปลายปักครอบ ใครตอ้ งจอบจงตาย งูเง้ียวพษิ ท้งั หลายลุม้ ฟ้า ตายต่าหนา้ ยงั ดิน **ถวดั =ตวดั แสนง= เสนง หรือเขาสัตว์ ขนาย=งาช้างพงั

ตัวอย่างคาสรรเสริญในลลิ ติ โองการแช่งนา้ ม่ิงเมืองบุญศกั ดิแพร่ ใครซ่ือใครรางควายทอง เพิม่ ชา้ งมา้ แผว่ วั ควาย ใครซื่อฟ้าสองยา้ วเร่งยนิ เพรงรัตนพรายพรรณยน่ื ใครซื่อสินเภตรา เพิ่มเขาหม่ืนมหาไชย ใครซ่ือใครรักเจา้ จงยศ กลืนชนมาใหย้ นื ยงิ่ เทพายศล่มฟ้า อยา่ รู้วา่ อนั ตราย ไดใ้ จกลา้ ดงั เพชร

คุณค่าของลลิ ติ โองการแช่งนา้ 1. ในด้านอกั ษรศาสตร์ ถือเป็นลิลิตเร่ืองแรกในวรรณคดีไทย ผแู้ ต่ง สามารถใชถ้ อ้ ยคาและสร้างเน้ือหาใหก้ ระทบอารมณ์และความรู้สึกกลวั เกรง ไม่กลา้ กระทาผดิ สตั ยส์ าบานได้ 2. ในด้านการปกครอง ลิลิตโองการแช่งน้าถือเป็นเครื่องมือในการ ปกครอง ซ่ึงผเู้ ขา้ ร่วมพธิ ียอ่ มแสดงถึงความจงรักภกั ดีต่อพระมหากษตั ริย์ และแสดงถึงความสามคั คีของคนในชาติ

ลลิ ติ ยวนพ่าย ลลิ ติ ยวนพ่าย - คาวา่ “ยวน” กค็ ือ ไทยลา้ นนา หรือเชียงใหม่ - คาวา่ “พ่าย” กค็ ือ แพ้ วรรณคดีเรื่องน้ีเป็นวรรคดีสดุดีวรี กรรม เป็นการยอพระเกียรติสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถที่ทาศึกไดช้ ยั ชนะต่อพระเจา้ ติโลกราช เจา้ เมือง เชียงใหม่

ลลิ ติ ยวนพ่าย ผู้แต่ง: ไม่ปรากฏนาม สนั นิษฐานวา่ แต่งในรัชสมยั สมเดจ็ พระรามาธิบดี ท่ี 2 และผแู้ ต่งคงเป็นกวคี นสาคญั ในราชสานกั ที่เชี่ยวชาญดา้ นภาษา ขนบธรรมเนียม พงศาวดารอยา่ งลึกซ้ึง ทานองแต่ง: ลิลิตด้นั กล่าวคือ เป็นร่ายด้นั และโคลงด้นั บาทกญุ ชร วตั ถุประสงค์: เพ่อื ยอพระเกียรติพระมหากษตั ริย์

ลลิ ติ ยวนพ่าย เนื้อหา: - เนื้อหาเบื้องต้นเป็ นการไหว้ครู จากน้ันกเ็ ป็ นการพรรณนาพระเกยี รติ คุณของสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ - การกล่าวถงึ ว่าพระองค์ประสูตทิ ท่ี ุ่งพระอทุ ยั ระหวา่ งท่ีพระราชมารดา ไปส่งเสดจ็ พระราชบิดา คือ สมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ 2 ท่ียกทพั ไปรบ เขมร การรบกบั เขมรคร้ังน้นั ปรากฏวา่ ไดช้ ยั ชนะ

ลลิ ติ ยวนพ่าย - เม่ือสมเดจ็ พระบรมราชาธิราชที่ 2 เสดจ็ สวรรคตสมเดจ็ พระบรม ไตรโลกนาถกไ็ ดค้ รองราชยส์ มบตั ิ - วนั หน่ึงพระยายุทธิษฐิระเจ้าเมืองเชลยี งหรือพษิ ณุโลกคดิ ทรยศไป เข้ากบั พระเจ้าติโลกราชเจ้าเมืองเชียงใหม่ - สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถจึงยกทพั ไปปราบปรามจนราบคาบ แลว้ เสดจ็ ไปประทบั อยทู่ ี่เมืองพิษณุโลก

- ระหวา่ งน้นั พระองคไ์ ดท้ รงหาเวลาเพอื่ ทานุบารุงพระพทุ ธศาสนาให้ รุ่งเรือง ไดส้ ่งพระราชโอรสไปนิมนตพ์ ระลงั กามา แลว้ พระองคไ์ ดอ้ อกผนวช เป็ นพระภิกษุคร้ ังหน่ึง - ต่อมาพระเจ้าตโิ ลกราชเจ้าเมืองเชียงใหม่ทรงพระวกิ ลจริตหวาดระแวง วา่ หนานบุญเรืองพระราชโอรสวา่ คิดกบฏ จึงรับสง่ั ใหจ้ บั ไปฆ่าเสีย - พระเจา้ ติโลกราชยงั รับสง่ั ใหห้ ม่ืนด้งนครท่ีพระองคใ์ หไ้ ปครองเมือง เชียงช่ืน กลบั มาเชียงใหม่แลว้ ใหจ้ บั ประหารชีวิตเสียดว้ ย - นางเมืองภริยาของหม่ืนด้งนครมาขอความช่วยเหลือจากกรุงศรีอยุธยา

- สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถจงึ ยกทัพไปช่วย แต่พนั โนราชแห่งเชียงชื่นรีบ ไปบอกทางเชียงใหม่รู้ตวั เสียก่อน - เชียงใหม่จงึ ยกทัพมายดึ เมืองเชียงชื่นไว้ได้ เม่ือกองทพั กรุงศรีอยธุ ยาไปถึง จึงต่อสูก้ นั สุดทา้ ยชยั ชนะตกเป็นของกรุงศรีอยธุ ยา สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ไดร้ ับชยั ชนะ - เร่ืองราวตอนท้าย เป็ นการกล่าวสรรเสริญพระเกยี รตสิ มเดจ็ พระบรม ไตรโลกนาถ

ตัวอย่างลลิ ติ ยวนพ่าย • ผแู้ ต่งสรรเสริญสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถวา่ ทรงรู้รอบดา้ น ต้งั แต่ ระบบระเบียบการปกครองในสมยั โบราณ ตลอดจนกิจการงานหนงั สือ ท้งั หมด และยงั ทรงประพฤติธรรม

รบนิ รบยบท้าว เบาราณ รบอบระบบั ยล ยงิ่ ผู้ รบยนรบกิ ารย เกลากาพย กด็ ี ราบอดรบดั รู้ รอบสรรพ์ การบุญการบาปแท้ ทุกการ การท่ยงธรรมาธรรม์ ถ่องถ้วน ล่วงบาลรบาลบร ทุกเทศ กด็ ี ล่วงโทษล่วงคุณล้วน เลศิ ราม * บาล = ปกครอง, เลยี้ งดู

ตัวอย่างลลิ ติ ยวนพ่าย • สรรเสริญพระบรมไตรโลกนาถในดา้ นการปกครองวา่ ทรงรู้จกั ผอู้ ยใู่ น ความดูแลของพระองคว์ า่ ผใู้ ดซื่อ ผใู้ ดคิดคด ใครคดใครซ่ือร้าน ดใี ด กด็ ี ใครใคร่ครองตนบยฬ ท่านม้วย ซ่ือนึกแต่ในใจ จงซ่อน กด็ ี พระอาจล่วงรู้ด้วย ดุจหมาย

• สรรเสริญพระปรีชาสามารถในการจดั ทพั และกลยทุ ธใ์ นการสงคราม ลวงหาญหาญกว่าผู้ หาญเหลือ ว่านา ริยง่ิ ริคนริ ยง่ิ ผู้ ลวงกลใส่ กลเหนือ กลแกว่น กลแฮ รู้ยงิ่ รู้กว่ารู้ เรื่องกล เชองโหรเหนแม่นแม้น มุนิวงศ สบศาสตราคมยล ล่งล่วน สบศิลปสาแดงทรง ทายาท ไส้แฮ สบสิพาคมถ้วน ถ่ีแถลง

คุณค่าของลลิ ติ ยวนพ่าย 1. ในด้านอทิ ธิพลต่อวรรณคดรี ุ่นหลงั ลิลิตยวนพา่ ยมีอิทธิพลต่อนกั กวี รุ่นหลงั จะเห็นไดจ้ ากลลิ ติ ตะเลงพ่าย ที่ประพนั ธ์โดยสมเดจ็ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส 2. ในด้านอกั ษรศาตร์ ลิลิตยวนพา่ ยนบั เป็นวรรณคดียอพระเกยี รตเิ ล่มแรก 3. ด้านภาษา โวหารเปรียบเทยี บ มีการเปรียบผลงานการประพนั ธ์ เหมือนพวง มาลาที่ร้อยเรียงดว้ ยปัญญาเพอื่ เทิดพระเกียรติ และเปรียบเหมือนสร้อยท่ีสวยงามที่ ประดบั ไว้ และขอใหง้ านชิ้นน้ียงั อยู่

๏ สารสยามภาคยพร้อง กลกานท น้ีฤๅ คือคู่มาลาสวรรค์ ช่อชอ้ ย เบญญาพศิ าลแสดง เดอมกรยดิ พระฤๅ คือคู่ไหมแส้งร้อย ก่ึงกลาง ฯ อุปรมา ๏ เป็นสร้อยโสภิศพน้ เวยี ไว้ โสรมโสดาศิรธรางค ยนื โยค จงคงคู่กลั ปา อยา่ หาย ฯ หายแผน่ ดินฟ้าไหม้

มกี ารใช้คาซ้า และเล่นเสียงสัมผสั ในลกั ษณะกลบท ๏ พระคุณพระครอบฟ้า ดินขาม พระเกียรติพระไกรแผน ผา่ นฟ้า พระฤทธิพา่ งพระราม รอนราพ ไส้แฮ พระก่อพระเก้ือหลา้ หลากสวรรค์ ฯ

คุณค่าของลลิ ติ ยวนพ่าย 4. ในด้านประวตั ศิ าสตร์ ไดร้ ู้ถึงการทาสงครามระหวา่ งพระมหากษตั ริย์ ต่างเมืองกนั การรบซ่ึงใชช้ า้ งและมา้ เป็นพาหนะ และอาวธุ

มหาชาตคิ าหลวง • คาวา่ “มหาชาต”ิ หมายถึง การเกิดคร้ังยง่ิ ใหญ่ของพระโพธ์ิสตั ว์ • หมายความวา่ ในพระชาตสิ ุดท้ายทเ่ี สวยพระชาตเิ ป็ นพระเวสสันดร ได้ทรง บาเพญ็ บารมีครบถ้วนทุกประการ ก่อนจะได้เป็ นพระพทุ ธเจ้า • คาวา่ “คาหลวง” วรรณคดีที่เป็น “วรรณคดคี าหลวง” มีเพียง 4 เร่ือง - มหาชาติคาหลวง - นนั โทปนนั ทสูตรคาหลวง - พระมาลยั คาหลวง - พระนลคาหลวง

• จากวรรณคดีท้งั 4 เร่ือง พอจะอนุมานไดว้ า่ วรรณคดคี าหลวงมีลกั ษณะ ดงั น้ี 1. เป็ นวรรณคดที พ่ี ระมหากษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์จดั ให้มีขึน้ จะโดย ทรงนิพนธเ์ อง หรือทรงเป็นพระธุระใหผ้ อู้ ่ืนนิพนธข์ ้ึนกไ็ ด้ 2. เนื้อเรื่องต้องเป็ นเรื่องที่ศักด์ิสิทธ์ิ หรือเป็ นเรื่องสาคญั ทางศาสนา หรือ ศีลธรรม 3. คาประพนั ธ์ที่ใช้ค่อนข้างหลากหลายมีท้งั โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน และ ร่าย 4. คาหลวง อาจหมายความไดว้ ่า เป็ นฉบับที่ถูกต้อง ควรยึดถือเป็ นแบบ ฉบับได้

มหาชาตคิ าหลวง • มหาชาตคิ าหลวง เป็นหนงั สือมหาชาติภาษาไทยที่เป็ นคาหลวงเรื่องแรก ของไทย • ของเดิมไดห้ ายไปบา้ ง พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั รัชกาลท่ี 2 ทรงใหแ้ ต่งซ่อมจนครบ 13 กณั ฑ์ • ที่แต่งเพ่ิมเขา้ มา มี 6 กณั ฑ์ คือ - กณั ฑ์หมิ พานต์ - กณั ฑ์ทานกณั ฑ์ - กณั ฑ์จุลพล - กณั ฑ์มัทรี - กณั ฑ์สักบรรพ - กณั ฑ์ฉกษตั ริย์

วรรณคดีทใ่ี ช้ในการเทศน์มหาชาติ • ประเพณีการเทศน์มหาชาติมีมานานแลว้ ในปัจจุบนั นิยมเทศน์กนั อยู่ ทุกภาค มีสานวนแตกต่างกนั ไปบา้ ง แต่ที่เป็นที่รู้จกั แพร่หลาย ดงั น้ี • มหาชาตคิ าหลวง สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถไดโ้ ปรดใหป้ ระชุม นกั ปราชญร์ าชบณั ฑิตแต่งเป็นภาษาไทย โดยใชค้ าประพนั ธ์ท้งั โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย

วรรณคดที ใี่ ช้ในการเทศน์มหาชาติ • กาพย์มหาชาติ สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรมไดโ้ ปรดใหป้ ระชุมนกั ปราชญ์ ราชบณั ฑิตแต่งเป็นร่ายยาว ซ่ึงมีความยาวมากไม่สามารถเทศนไ์ ดจ้ บภายใน หน่ึงวนั • มหาชาตกิ ลอนเทศน์หรือร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ใชค้ าประพนั ธป์ ระเภท ร่ายยาว ซ่ึงรวมสานวนดีของกวหี ลายท่านจากแหล่งต่าง ๆ จนครบ 13 กณั ฑ์ โดยมีจุดมุ่งหมายจะนาไปเทศนใ์ หป้ ระชาชนฟัง

ผู้แต่ง: นกั ปราชญร์ าชบณั ฑิตหลายคนช่วยกนั แต่ง ตามพระบรมราชโองการ ของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เม่ือ พ.ศ.2025 ลกั ษณะคาประพนั ธ์: ยกคาถามคธข้ึนมาแลว้ แปลเป็นคาประพนั ธ์หลาย ประเภทในการแต่ง ท้งั โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และร่าย วตั ถุประสงค์ในการแต่ง: เพือ่ ใชส้ วดใหอ้ ุบาสกอุบาสิกาฟังเวลาไปอยบู่ าเพญ็ กศุ ลที่ในวดั เนื้อหา: มหาชาติคาหลวง มีขอ้ ความแบ่งเป็น 13 ตอน คือ

1. กณั ฑ์ทศพร • กล่าวถึงพระพทุ ธเจา้ ตรัสรู้ แลว้ เสดจ็ ไปเทศนาโปรดพระเจา้ พิมพิสาร พระประยรู ญาติและพทุ ธบิดา เกิดฝนโบกขรพรรษ พระสงฆส์ าวกทูลอาราธนาใหแ้ สดง เร่ืองมหาเวสสนั ดรชาดก • เร่ิมตน้ ดว้ ยพระอนิ ทร์ทรงทราบวา่ พระนางผุสดผี เู้ ป็นชายาตอ้ งจุติจากดาวดึงส์ สวรรคไ์ ปเกิดในโลกมนุษย์ จึงอนุญาตใหพ้ ระนางขอพรได้ 10 ประการ ดงั น้ี 1. ขอใหไ้ ดเ้ ป็นอคั รมเหสีของของพระเจา้ กรุงสญชยั ผคู้ รองสีวิรัฐ 2. ขอใหม้ ีพระเนตรดาประดุจตากวางท่ีมีอายุ 1 ปี

กณั ฑ์ทศพร (ต่อ) 3. ขอใหม้ ีคิ้วดางาม 4. ขอใหม้ ีชื่อเดิมคือ “ผสุ ดี” 5. ขอใหห้ นา้ ทอ้ งแบนราบเม่ือทรงครรภ์ 6. ขอใหม้ ีบุตรชายท่ีมีชื่อเสียงโด่งดงั ไปทว่ั 7. ขอใหม้ ีนมต้งั ไม่ยอ้ ย 8. ขอใหม้ ีผมดกดาอยเู่ สมอ (ไม่มีผมงอกสกั เสน้ ) 9. ขอใหม้ ีผิวงาม 10. ขอใหม้ ีโอกาสช่วยคนจากโทษประหารชีวติ

ตวั อย่างเกดิ ฝนโบกขรพรรษ โปกฺขรวสฺส วสฺสิ อนั วา่ ห่าฝนสวรรคช์ ื่อโบษขรพรรษธารา กต็ กลงมาเมื่อนน้ น ฯ ตามฺพวณฺณ อุทก เหฏฺฐา วริ วนฺต คจฺฉติ น้าฝนนน้ นมีแสงดุจทองแดงบมิเศร้า ทรับทราบเทา้ ธรณีดลบอยเู่ ลยฯ เย เตมิตุกามา เต เตเมนฺติ อนั ว่าคนท้งงหลายผู้ ใคร่ให้ต้ององค์ ฝนกต็ กลงชุ่มทราบอาบท่ววสรีราพยพ สบสรรพางค์ คนผู้ ใคร่น้นน ฯ อเตมิตุกามสฺส สรีเร เอกพนิ ฺทุมตฺตมฺปิ น ปตติ อนั ว่าคนท้งงหลาย ผู้ใดแลบมีใจปรารถนา ฝนกบ็ มาเมลดหนึ่ง ต้องตนซ่ึงผู้บจงใคร่น้นน ต ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภูตชาตา อเหสุ จ่ึงภิกษุบริพาร เห็นอาการอศั จรรย์ กม็ ีใจอาลยั ดงงน้ี อโห อจฺฉริย โอ อศั จรรยน์ กั หนา

ตวั อย่างพระนางผุสดขี อพร อนนวา่ ขา้ ผจู้ ะแปรปรวนชีวติ รสิ้นสุด อสฺส เมาะ ภวสิ ฺสามิ กจ็ ะ จยรตยตุ ิลงเกอด ตตฺถ นิเวสเน ประเสรอฐในเรือนรัตนแสนสบดั ิเมืองมิ่ง อุตฺตเม อนั งามม่ิงรจนา สิวริ าชสฺส แห่งพระยาสีพริ าช พระบาทไทเปนเฉลอมแผน่ นน้ น นีลเนตฺตา นีลภมู จงมีเนตรเพราพรรณ คิ้วคืออญั ชนน พรายเพรอดน้นั นีลกฺขีว ยถา มิคี ตาดุจตามฤคดาปลอด เม่ือนอ้ ยคลอดปนู ปี หน่ึงนน้ น ผสุ ฺสตี นาม นาเมน จงทรง นามสบรรษดี เม่ือดลปรถพดี ลโพน้ ตตฺถ อสฺส ปุรินฺทท บพติ รพระบุรินทท ขา้ ขอมียศในปราสาท แห่งพระบาททา้ วสญชยบพิตรนน้ น ฯ

2. กณั ฑ์หิมพานต์ • พระนางเทพผุสดไี ดจ้ ุติลงมาเป็นราชธิดาของพระเจา้ มทั ทราช เม่ือเจริญชนม์ ได้ 16 ชนั ษา จึงไดอ้ ภิเษกสมรสกบั พระเจ้ากรุงสญชัย แห่งกรุงสีวริ ัฐ ต่อมาได้ ประสูติพระโอรสนามวา่ \"เวสสันดร\" • ในวนั ท่ีพระเวสสนั ดรประสูติน้นั ไดม้ ีนางชา้ งตกลูกเป็นชา้ งเผอื กขาวบริสุทธ์ิจึง นามาไวใ้ นโรงชา้ งตน้ คูบ่ ารมีใหน้ ามวา่ \"ปัจจยั นาค\" • เม่ือพระเวสสันดรเจริญชนม์ ราชบิดากย็ กราชสมบตั ิใหค้ รอบครองและทรง อภิเษกกบั “นางมัทรี” มีพระโอรส 1 องคช์ ่ือ “ชาล”ี ราชธิดาช่ือ “กณั หา”

กณั ฑ์หิมพานต์ (ต่อ) • พระองคไ์ ดส้ ร้างโรงทานบริจาคทานแก่ผเู้ ขญ็ ใจ ต่อมาพระเจา้ แห่งนคร กาลิงครัฐไดส้ ่งพราหมณ์มาขอพระราชทานชา้ ง “ปัจจยั นาค” เพอ่ื ใหฝ้ นตก ในบา้ นเมืองท่ีแหง้ แลง้ • พระเวสสนั ดรประทานชา้ งที่เป็นชา้ งคู่บา้ นคู่เมืองใหต้ ามคาขอ ทาใหช้ าวเมือง โกรธแคน้ พากนั ไปทูลความแก่พระเจา้ กรุงสญชยั • พระเจา้ กรุงสญชยั จึงเนรเทศพระเวสสนั ดรออกจากเมืองไปอยเู่ ขาวงกต

ช้างปัจจยั นาค

ตัวอย่างเมืองกาลงิ ครัฐเกดิ ภัยแล้ง ในกาลน้นั อนั ว่าเมืองกาลงึ คราษฎ์ กบ็ มอิ าจให้ฝนตกเมืองตน ก็บงั เกดิ โกลาหล ทุกประการฯ มนุสฺสา ชีวติ ุ อสกฺโกนฺโต โจรกมฺม กโรนฺติ อนั วา่ ฝงู คน ท้งั หลาย กบ็ มิอาจขวนขวายเล้ียงตน กจ็ ลาจลโจร เม่ือน้นั ฯ มหาชนา ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา อุปกฺโกสึสุ อนั วา่ ฝงู คนชนชาวเมือง กฟ็ ุ้งเฟ่ื องพร้อมกนั ร้อง กอ้ ง ทอ้ งพระตาหนกั พระยาพลนั ฯ อถ ราชา สาธุ ตาตา เทว วสฺสาเปสฺสามีติ ในกาล น้นั บน้ นพระบาทสมเดจ็ กาลึงคราษฎก์ ร็ ับปฏิญาณ จ่ึงสมาทานอุโบสถ กบ็ มิอาจ ปรากฏฝนมิไดแ้ ล ฯ

ตัวอย่างพราหมณ์มาขอช้างปัจจัยนาค ๏ รตน เทว ยาจาม สิวนี รฏฺวฑฺฒน ททาหิ ปวร นาค อีสาทนฺต อุรฺฺุหวนฺติ ฯ ขา้ แต่พระองคผ์ ผู้ า่ นพิภพสีพี ตูข้าท้งั หลายมานี้ จะขอหัตถรี ัตนปัตยนาท ขอ พระองคจ์ งประสาทประสิทธิ จงสาเร็จกิจแห่งพระโพธิญาณ เล่าเทอญ ฯ ๏ ต สุตฺวา มหาสตฺโต อห สีสมาทึ กตฺวา อนั วา่ พระมหาสตั ว ฟังซ่ึงอรรถ วจั นแห่งพราหมณ์ จึงทรงพระดาริห์ตริโดยงาม กจ็ ินตนาการในใจ วา่ กนู ้ีจกั กระทา อชั ฌตั ติกทาน บดั น้ีหมู่พราหมณ์ตามขอชา้ ง เปนทางพาหิรกทาน ควรจะใหต้ ามใจ ขอ ดงั น้ี ฯ

3. ทานกณั ฑ์ • พระนางผสุ ดีขอพระราชทานอภยั โทษแก่พระเวสสนั ดร แต่ไม่เป็นผล • ก่อนออกจากเมือง พระเวสสนั ดรทรงบาเพญ็ สัตตสดกมหาทาน - สัตตะ แปลวา่ เจ็ด - สดก แปลวา่ จานวน 100, หมวด 100 การทาทานคร้ังใหญ่ โดยให้ส่ิงของ 7 อย่าง อย่างละ 700 ได้แก่ ช้าง ม้า รถ สตรี โคนม ทาสชาย และทาสหญงิ • แลว้ ทรงราชรถออกจากเมืองพร้อมพระนางมทั รีและลูก ระหวา่ งทางมีพราหมณ์ ขอพระราชทานมา้ และรถทรงกท็ รงบริจาคให้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook