Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือ การดำเนินงานอาสายุวกาชาด ในสถานศึกษาสังกัด สำนักงาน กศน. 62 (14 มิย 62)

คู่มือ การดำเนินงานอาสายุวกาชาด ในสถานศึกษาสังกัด สำนักงาน กศน. 62 (14 มิย 62)

Description: คู่มือ การดำเนินงานอาสายุวกาชาด ในสถานศึกษาสังกัด สำนักงาน กศน. 62 (14 มิย 62)

Search

Read the Text Version

คำนำ คู่มือการดาเนินงานอาสายุวกาชาด ในสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. เป็นเอกสารท่ีจัดทาข้ึน เพื่อใช้เป็นคู่มือการจัดค่ายอบรมอาสายุวกาชาด ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมวัตถุประสงค์ เพ่ือฝึกอบรมให้เยาวชน ชายและหญิง มีอุดมคติในศานติสุข มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความรู้ ความชานาญ ในการรักษาอนามัยของตนเองและของผู้อ่ืน มีการพัฒนาตนเองทางร่างกาย จิตใจ คุณธรรม และธารงไว้ ซ่ึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ ความมีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจเมตตา กรุณาต่อเพ่ือนมนุษย์ รู้จัก บาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อผอู้ ื่น ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ ตลอดจนความมีสมั พนั ธภาพและมิตรภาพที่ดี ต่อบุคคลท่ัวไป ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายของสานักงาน กศน. และ นโยบายของสานกั งานยุวกาชาด สภากาชาดไทย สานักงาน กศน. หวังเป็นอย่างย่ิงว่า คู่มือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์สาหรับสถานศึกษาในสังกัด สานักงาน กศน. ในการจัดกิจกรรมค่ายอบรมอาสายุวกาชาดได้อย่างถูกต้อง ขอขอบคุณสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยท่ีร่วมจัดทาและสนับสนุนข้อมูลในการจัดทาคู่มือเล่มนี้ และขอขอบคุณคณะผู้จัดทาทุกท่าน ท่มี ีสว่ นร่วมใหค้ มู่ ือเลม่ น้ีสาเรจ็ ลุล่วงไปดว้ ยดี สานกั งาน กศน. สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร ก

คำชี้แจง คู่มือการดาเนินงานอาสายุวกาชาด ในสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. ฉบับนี้ เป็นกิจกรรมหนึ่ง ท่ีสถานศึกษา ในสังกัดสานักงาน กศน. สามารถเลือกเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในด้านการส่งเสริมคุณธรรม นาความรู้สู่ชมุ ชนได้ โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ 1. การดาเนินงานตามคู่มือเล่มนี้ เหมาะสาหรับกลุ่มผู้เรียนของสานักงาน กศน. ท่ีเป็นเยาวชน ซ่ึงมุ่งเน้นตามวัตถุประสงค์เพื่อฝึกอบรมเยาวชนชายและหญิงตามข้อบังคับสภากาชาดไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 68) พทุ ธศกั ราช 2550 หมวดที่ 9 ว่าด้วยยุวกาชาด 6 ประการ คอื (1) มีอุดมคติในศานตสิ ุข มคี วามจงรักภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ (2) มีความรู้ความชานาญในการรักษาอนามัยของตนเองและของผู้อื่น ตลอดจนการพัฒนา ตนเองทางร่างกาย จิตใจ คณุ ธรรม และธารงไวซ้ ึง่ เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ (3) มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคุณธรรมจริยธรรม และ มีจิตเมตตา กรณุ าตอ่ เพ่ือนมนษุ ย์ (4) บาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชนต์ อ่ ผู้อน่ื ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ (5) มจี ติ สานึกในการอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อม (6) มีสมั พันธภาพ และมติ รภาพทด่ี ตี อ่ บคุ คลท่ัวไป 2. เน้อื หาในคมู่ ือเล่มน้ีแบ่งเป็น 5 ตอน คือ ตอนท่ี 1 ความสาคัญของงานยุวกาชาด แนวคิด นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ นโยบายของสานักงาน กศน. และนโยบาย ของสภากาชาดไทย ตลอดจนบทบาทของหน่วยงาน และสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. ในการส่งเสริม สนับสนนุ การจดั กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด รวมถงึ การแบง่ ประเภทของยวุ กาชาด ตอนท่ี 2 การจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาดในสถานศึกษาสากดั สานกั งาน กศน. ความรู้เก่ียวกับการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด การจัดตั้งชมรมอาสายุวกาชาด และ การพฒั นาบคุ ลากร กศน. ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การจดั กิจกรรมอาสายวุ กาชาด ตอนท่ี 3 การจดั คา่ ยอบรมอาสายุวกาชาด แนวทางการจัดค่ายอบรมอาสายุวกาชาด ประกอบด้วย การดาเนินการก่อนการจัดค่าย ระหว่างการจัดค่าย และหลังเสร็จสิ้นการจัดค่าย รวมถึงความรู้ ด้านหลักสูตรการอบรม ซ่ึงมี 2 ประเภท คือ หลักสูตรพ้ืนฐานยุวกาชาด และหลักสูตรเฉพาะทาง รวมท้ังแนวทางการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง ได้แก่ กิจกรรม เรียนรตู้ ามรอยพระยุคลบาท กจิ กรรมบาเพ็ญประโยชน์ เปน็ ตน้ ข

ตอนท่ี 4 แนวทางการบรหิ ารจดั การกจิ กรรมอาสายวุ กาชาด ในสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. ว่าด้วยระเบียบการบริหารยุวกาชาด ตามข้อบังคับสภากาชาดไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 68) พุทธศักราช 2550 หมวดท่ี 9 ว่าด้วยยุวกาชาด แนวทางการบริหารการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด เก่ียวกับการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) รายละเอียดเก่ียวกับ เครอ่ื งแบบยุวกาชาด ตอนที่ 5 การส่งเสริมและยกย่องผู้ปฏบิ ัติกิจกรรมอาสายุวกาชาด ในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับ สานักงาน กศน. ได้แก่ รางวัลอาสายุวกาชาดดีเด่น รางวัล ส่งเสรมิ มาตรฐานชมรมอาสายวุ กาชาด และเหรียญกาชาดสมนาคณุ 3. การจัดกิจกรรมตามคู่มือเล่มน้ี สถานศึกษาสามารถเลือกรูปแบบการจัดกิจกรรมได้ตาม ความเหมาะสม และตามบริบทของสถานศึกษา รายละเอียดศึกษาเพ่ิมเติมได้จาก คู่มือวิทยากรยุวกาชาด สาหรับการอบรมอาสายุวกาชาด หลกั สูตรพืน้ ฐานยุวกาชาด ของสานักงานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย 4. สถานศึกษาสามารถบูรณาการการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาดร่วมกับกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ ผเู้ รียน และสนบั สนุนใหผ้ ูเ้ รียนทากิจกรรมพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต (กพช.) ได้ ค

สำรบัญ คำนำ หน้า คำชแ้ี จง ก สำรบญั ข พระบรมรำโชบำย ของรชั กำลท่ี 10 เกีย่ วกับกำรศกึ ษำและพระรำชกรณยี กิจ ง พระรำชดำรสั ของสมเดจ็ พระกนิษฐำธริ ำชเจำ้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นรำชสุดำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ฉ ช ตอนท่ี 1 ควำมสำคัญของงำนยุวกำชำด 1 นโยบายของกระทรวงศกึ ษาธกิ ารกบั งานยวุ กาชาด 1 นโยบายของสานกั งาน กศน. และบทบาททเ่ี กี่ยวกบั งานยวุ กาชาด 1 นโยบายของสภากาชาดไทย 2 บทบาทของหน่วยงานและสถานศึกษาสังกดั สานักงาน กศน. ในการส่งเสริม 2 สนับสนุนการจดั กจิ กรรมอาสายุวกาชาด 3 ประเภทของยวุ กาชาด ตอนที่ 2 กำรจัดกิจกรรมอำสำยวุ กำชำดในสถำนศกึ ษำสงั กัดสำนกั งำน กศน. 4 การพฒั นาบคุ ลากรสงั กัดสานักงาน กศน.ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การจดั กจิ กรรมอาสายุวกาชาด 4 การจดั กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด สาหรับผู้เรยี นของสานกั งาน กศน. 10 การจดั ตงั้ ชมรมอาสายุวกาชาด 11 ตอนที่ 3 กำรจัดค่ำยอบรมอำสำยุวกำชำด 13 การดาเนินการก่อนจัดค่ายอบรมอาสายุวกาชาด 13 การดาเนนิ การระหวา่ งจัดค่ายอบรมอาสายวุ กาชาด 15 การดาเนินการหลงั เสรจ็ สน้ิ ค่ายอบรมอาสายวุ กาชาด 18 หลักสตู รการจดั ค่ายอบรมอาสายุวกาชาด 23 - หลักสูตรพน้ื ฐานยุวกาชาด 23 - หลักสูตรเฉพาะทาง 30 การจัดกิจกรรมต่อเนอื่ งในชมุ ชน 34 ง

ตอนที่ 4 แนวทำงกำรบรหิ ำรจัดกำรกิจกรรมอำสำยวุ กำชำด ในสถำนศึกษำสงั กัดสำนกั งำน กศน. 36 ระเบยี บการบรหิ ารยุวกาชาด (ขอ้ บงั คับสภากาชาดไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ที่ 68) 36 พุทธศกั ราช 2550 หมวดที่ 9 ว่าดว้ ยยวุ กาชาด) การบริหารการจดั กิจกรรมอาสายุวกาชาด 38 - การจดั กิจกรรมพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน 38 - การจดั กจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ติ (กพช.) 39 เคร่อื งแบบยุวกาชาด 41 ตอนท่ี 5 กำรสง่ เสรมิ และยกย่องผู้ปฏิบัตกิ ิจกรรมอำสำยุวกำชำด 47 รางวลั อาสายุวกาชาดดเี ด่น 47 รางวลั สง่ เสรมิ มาตรฐานชมรมอาสายุวกาชาด 51 เหรยี ญกาชาดสมนาคณุ 51 บรรณำนกุ รม 58 ภำคผนวก 59 60 รายชื่อคณะจัดทาคู่มือการดาเนินงานอาสายุวกาชาดในสถานศึกษาสังกัด สานกั งาน กศน. คารอ้ งขอจัดตั้งชมรมอาสายวุ กาชาด (แบบอาสายุว. 1) 61 ใบสมัครอาสายุวกาชาด (แบบอาสายุว. 2) ตัวอยา่ งหนงั สือสาคัญการจัดตง้ั ชมรมอาสายุวกาชาด (แบบอาสายวุ . 3) 63 65 จ

+ พระบรมรำโชบำยรชั กำลที่ 10 เกย่ี วกับกำรศกึ ษำและพระรำชกรณียกิจ ระบบการศึกษาต้องใช้ศรัทธาสร้างเด็ก เยาวชน เป็นผู้ใหญ่ ท่ีฝากบ้านเมือง : งานของครูจะเป็นเรื่องยาก ช่วยก่อสร้างคนดีแก่บ้านเมือง ต้องสอนให้เด็กรู้ถูก รู้ผิด ยึดมั่นในส่ิงท่ีถูกต้องในเร่ืองความเป็นชาติ สถาบัน ประวัติศาสตร์ การสร้างเด็กเพ่ือเป็นคนในอนาคตของชาติท่ีมีการศึกษา และพบว่าความคาดหวังในเด็กของ ประเทศไทย คอื ซอื่ สตั ย์ รบั ผิดชอบ มนี า้ ใจ พระบาทสมเดจ็ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยู่หัว 2 กมุ ภาพันธ์ 2560 ฉ

สมเด็จพระกนิษฐำธริ ำชเจ้ำ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสดุ ำ ฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี อุปนำยิกำผูอ้ ำนวยกำรสภำกำชำดไทย ช

พระรำชดำรัส สมเดจ็ พระกนษิ ฐำธริ ำชเจำ้ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสดุ ำ ฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี อุปนำยกิ ำผู้อำนวยกำรสภำกำชำดไทย ในกำรประชุมคณะกรรมกำรสภำกำชำดไทย เมือ่ วนั ที่ 20 กันยำยน พ.ศ. 2550 การประชุมคณะกรรมการสภากาชาดไทย เม่ือวันที่ 20 กันยายน 2550 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะองค์อุปนายิกาสภากาชาดไทย ประธาน ที่ประชมุ ทรงมีพระราชดารัสให้สภากาชาดไทย และกระทรวงศกึ ษาธิการรว่ มกนั สนับสนุน 6 ประการ ดังนี้ 1. ให้เน้นความรู้สุขภาพอนามัยให้ดูแลตนเองและผู้อื่นท่ีเป็นรูปธรรม เช่น ยุวกาชาด ช้ัน ป.4 สามารถนานมผงมาชงละลายน้าและใชเ้ ล้ียงน้องได้ 2. ความรู้ดา้ นโภชนาการทถี่ ูกต้อง เช่น เรือ่ งสารอาหารไอโอดนี เรื่องการปอ้ งกันพยาธิ 3. เรอ่ื งเพศศกึ ษา ใหน้ าสกู่ ารจัดทาหลักสูตรและฝึกอบรม 4. เรื่องยวุ เกษตรกร 5. วิชาพี่เลย้ี งเด็ก 6. ให้ปรับปรุงหลักสตู รยวุ กาชาดใหท้ ันสมัยและน่าเรียน กระตุ้นให้นักเรยี นชายหันมาสนใจเรียน ยวุ กาชาดมากข้นึ ช

ตอนที่ 1 ควำมสำคญั ของงำนยุวกำชำด นโยบำยของกระทรวงศึกษำธกิ ำรกับงำนยวุ กำชำด กระทรวงศกึ ษาธิการได้ประกาศนโยบายปี พ.ศ. 2559 ในส่วนของสานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั (สานกั งาน กศน.) ในการดาเนินการปลูกฝงั สรา้ งอุดมการณ์ ผลิตคนดสี ู่สังคม และมี ความเป็นพลเมืองให้กับผู้เรียนของสานักงาน กศน. ให้มีความตระหนักในความเป็นชาติ กระตุ้นให้เกิด ความรักชาติและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจ และความรัก ความสามัคคขี องประชาชนในชาติ สามารถนาไปถ่ายทอด ขยายผลในวงกว้าง ดังน้ันเพื่อให้การดาเนินงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ประสบความสาเรจ็ สามารถนาไปสู่การปฏบิ ัติได้อย่างเป็นรปู ธรรมจึงควรเร่งปลูกฝงั คุณธรรมพืน้ ฐาน 11 ประการ คือ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี มีน้าใจ กตัญญูกตเวที รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์และ รักความเป็นไทย ยึดมั่นในวิถีชีวิต และการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษิตริย์ทรงประมุข ควบคู่ไปกับค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ โดยจะสร้างเยาวชนของชาติให้มีความรู้ ทักษะ เพียงพอท่ีจะ ดูแลตนเอง ครอบครัว และเป็นที่พึ่งของชุมชนได้ โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้และฝึกทักษะตามกระบวนการ ของยุวกาชาด เพอื่ ให้มจี ิตอาสา เพ่ือบรกิ ารชุมชนอย่างต่อเนอ่ื ง นโยบำยของสำนักงำน กศน. และบทบำทท่เี กยี่ วกบั งำนยุวกำชำด การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นกระบวนการของการศึกษาตลอดชีวิต ท่ีมุ่งให้ ประชาชนท่ีอยู่นอกระบบโรงเรียนได้รับการศึกษาอย่างท่ัวถึง โดยจัดการศึกษาท้ังการศึกษานอกระบบ ระดับ การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน การศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ การศึกษาเพ่ือพัฒนาสังคมและชุมชน การศึกษาเพื่อพัฒนา ทักษะชีวิต โดยเฉพาะการศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2555 เป็นการจดั การศึกษาที่มุง่ ที่จะพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม สติปัญญา และคุณภาพชีวิตท่ีดี มีทักษะในการดาเนินชีวิตที่ดี สามารถจัดการกับชีวิต ชุมชน และสังคมได้อย่างมีความสุข ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มคี วามภูมใิ จในความเป็นไทยและการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สามารถบูรณาการความรู้มาใช้ในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติได้ ประกอบกับเงื่อนไขของการศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2555 ผู้เรียนจะต้องทากิจกรรมเพ่ือพัฒนา คุณภาพชีวิต (กพช.) ไม่น้อยกว่า 200 ช่ัวโมงในระหว่างการเรียน โดยกิจกรรม กพช. ต้องเป็นกิจกรรมทส่ี ่งเสริม การพัฒนาคุณลักษณะท่ีพึ่งประสงค์ของผู้เรียนของสานักงาน กศน. เพื่อให้คิดเป็น ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น โดยใช้ กระบวนการแกป้ ัญหาในการทางานร่วมกันในระบบกลมุ่ หรือรายบุคคล หรือทากิจกรรมร่วมกบั สถานศึกษา เช่น กจิ กรรมลูกเสอื กิจกรรมชมรมอาสายุวกาชาด เป็นต้น สานักงาน กศน. ได้กาหนดยทุ ธศาสตร์และจดุ เน้นการดาเนนิ งานท่เี ก่ียวข้องกับกิจกรรมลูกเสอื ยุวกาชาด ไว้ในเร่ืองการสรา้ งอุดมการณ์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และสร้างค่านิยมที่พึงประสงค์ โดยส่งเสริมการจดั กิจกรรม เพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต การสร้างจิตสาธารณะ การต้านยาเสพติด ในรูปแบบกิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด 1

กิจกรรมค่าย การแข่งขันกีฬา ซ่ึงสอดคล้องกับการจัดกิจกรรมของยุวกาชาดในการพัฒนาเยาวชน และได้นา นโยบายสู่การปฏิบัติ ซ่ึงกาหนดให้สถานศึกษา กศน.อาเภอ/เขต พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา และจัดกิจกรรม ลูกเสอื ยุวกาชาด เพอื่ พัฒนาผูเ้ รียน ดังน้ี 1. ส่งเสรมิ สนบั สนนุ ให้สถานศกึ ษาจดั ทาหลกั สูตรรายวชิ าเลือก 2. ใหส้ ถานศกึ ษาจดั ตง้ั กองลูกเสือ และ/หรือ ชมรมอาสายวุ กาชาด 3. ให้สถานศกึ ษาจัดการอบรม เร่อื งปฐมพยาบาล การดูแลผูส้ ูงอายุ การเตรยี มความพรอ้ มรบั ภัยพิบตั ิ 4. ส่งเสรมิ สนบั สนุนให้สถานศึกษาเข้าร่วมกจิ กรรมโครงการเรยี นรู้ตามรอยพระยุคลบาท 5. สง่ เสริม สนับสนุน ใหบ้ ุคลากรในสังกดั ไดร้ บั การพัฒนาบุคลากรทางการลูกเสือและยุวกาชาด นโยบำยของสภำกำชำดไทย สภากาชาดไทย โดยสานักงานยุวกาชาดมีภารกิจในการปลูกฝังและเผยแพร่ให้เยาวชนมีความรู้ ความเขา้ ใจในหลกั การและอดุ มการณข์ องกาชาดในดา้ นมนษุ ยธรรม การดูแลสขุ ภาพ การบริการอาสาสมคั รและ การส่งเสริมการมีสัมพนั ธภาพท่ีดี มีศรัทธาต่อกาชาด และเข้ารว่ มกิจกรรมของกาชาดได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต กจิ การยุวกาชาดเปน็ ส่วนหนึ่งของสภากาชาดไทยที่มีความสาคัญต่อระบบการจัดการศกึ ษา เกี่ยวกับการพัฒนาคน และสังคมทม่ี ีคุณภาพ โดยยุวกาชาดมีวัตถุประสงค์ มุ่งปลูกฝังให้เยาวชนมีอดุ มการณ์ในศานติสขุ มีความชานาญ ในการรักษาอนามัยของตนเองและของผู้อ่ืน รู้จักบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น และมีสัมพันธภาพอันดีกับ บุคคลทั่วไป งานยุวกาชาด จึงเป็นงานทีพ่ ัฒนาเยาวชน โดยใช้คณุ ธรรมและค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ เป็นพื้นฐานในการจัดกระบวนการเรียนรู้เพ่ือสร้างเยาวชน ซ่ึงเป็นอนาคตของชาติให้เป็นคนดี รอบรู้ สุขภาพดี และพึง่ พาได้ บทบำทของหน่วยงำนและสถำนศึกษำสังกัดสำนักงำน กศน. ในกำรส่งเสริมสนับสนุนกำรจัด กิจกรรมอำสำยุวกำชำด 1. สานักงาน กศน. มบี ทบาทหนา้ ท่ี ดงั นี้ 1.1 วางแผนและกาหนดนโยบายการจัดกิจกรรมชมรมอาสายุวกาชาด สาหรับหน่วยงานและ สถานศึกษาในสงั กดั 1.2 จดั สรรงบประมาณสนับสนุนการจดั กจิ กรรม 1.3 กาหนดเปา้ หมายเชงิ ปรมิ าณและเชงิ คุณภาพ 1.4 การตดิ ตามผลและประเมนิ ผลการจัดกจิ กรรม 1.5 เผยแพร่ ประชาสัมพนั ธ์การจดั กจิ กรรม 1.6 ประสานแผนกบั สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยเพือ่ การพฒั นาศักยภาพบคุ ลากร 2. สานักงาน กศน.จังหวัด/กทม. มบี ทบาทหนา้ ท่ี ดังนี้ 2.1 สร้างความเข้าใจในการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาดแก่บุคลากรในสานักงาน กศน.จังหวัด/กทม. และสถานศกึ ษาในสงั กดั 2.2 วางแผน กาหนดเปา้ หมาย และสนบั สนุน งบประมาณการจัดกิจกรรมอาสายวุ กาชาด 2.3 นเิ ทศ กากบั ติดตาม การจัดกจิ กรรมของสถานศกึ ษาในสงั กัด 2

2.4 จดั ทาทาเนียบการจัดตงั้ ชมรมอาสายวุ กาชาด 2.5 พัฒนาบคุ ลากรในสังกัด เพื่อรองรบั การจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด 2.6 สรปุ และรายงานผลการจดั กจิ กรรมของชมรมอาสายวุ กาชาด และนาเสนอ สานักงาน กศน. 2.7 เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธก์ ารจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด 2.8 ประสานงานกับสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย และหน่วยงานเครือข่ายในการจัด กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด 3. สถานศกึ ษาสังกดั สานักงาน กศน. มีบทบาทหน้าที่ ดังน้ี 3.1 สรา้ งความเขา้ ใจในการจดั กิจกรรมอาสายวุ กาชาดแก่บุคลากร 3.2 วางแผนการจัดทาโครงการและขอความเห็นชอบจากสานักงาน กศน.จังหวัด/กทม. 3.3 สนบั สนนุ งบประมาณ และจัดกจิ กรรมอาสายุวกาชาด 3.4 นเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม การจดั กิจกรรมภายในสถานศึกษา 3.5 สง่ เสรมิ สนบั สนุน พฒั นาบคุ ลากร เพื่อรองรบั การจดั กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด 3.6 สรุปและรายงานผลการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด และนาเสนอ สานักงาน กศน.จังหวัด/กทม. และหนว่ ยงานท่เี กยี่ วข้อง 3.7 เผยแพร่ ประชาสมั พนั ธก์ ารจัดกิจกรรมอาสายวุ กาชาด 3.8 ประสานงานกับสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย และหน่วยงานเครือข่ายในการจัด กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด เช่น การขอเลขรนุ่ วุฒิบัตร และคูม่ อื ฯลฯ ประเภทของยวุ กำชำด ในการปลูกฝังและเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจหลักการและอุดมการณ์ของกาชาดตามวัตถุประสงค์ของ ยวุ กาชาดนั้นมกี ลมุ่ เป้าหมายเยาวชนท่เี ปน็ ยุวกาชาด 2 ประเภท ดงั นี้ 1. สมาชิกยุวกาชาด คือ เยาวชน ชายและหญิง อายุ 7-18 ปี ท่ีกาลังศึกษาอยู่ระดับประถมศึกษาถึงระดับ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย และเลือกเรียนยุวกาชาดตามหลักสตู รการเรียนการสอนยวุ กาชาดของกระทรวงศึกษาธิการ 2. อาสายุวกาชาด คือ เยาวชน ชายและหญิง อายุ 15-30 ปี ที่ศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาข้ึนไป ตลอดจนเยาวชนนอกสถานศึกษา ที่มคี วามสนใจสมคั รเป็นสมาชกิ สังกัดชมรมอาสายุวกาชาด โดยผ่านการอบรม อาสายุวกาชาดหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด และร่วมกิจกรรมเพ่ือบริการชุมชนตามภารกิจของกาชาด อยา่ งต่อเน่ือง ซ่งึ ผเู้ รยี นของสำนักงำน กศน. เปน็ กลุ่มเป้ำหมำยประเภทนี้ ในการดาเนินงานอาสายุวกาชาดน้ัน นอกจากผู้เรียนจะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมกิจกรรม ทาให้มี การพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม มีจิตอาสาแล้ว ยังเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น และ สถานศกึ ษายังเกดิ ความภาคภูมิใจทสี่ ามารถผลิตผู้เรียน ทีม่ ีคณุ ภาพ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม เป็นคนดขี องสังคมดว้ ย 3

ตอนท่ี 2 กำรจดั กิจกรรมอำสำยุวกำชำดในสถำนศึกษำสงั กัดสำนักงำน กศน. การจัดกิจกรรมของสานักงาน กศน. โดยสถานศึกษาในสังกัดนั้น มุ่งหวังเติมเต็มโอกาสทางการศึกษา ให้กับคนไทยท่ัวประเทศ ให้ได้รับการศึกษาทักษะชีวิต พัฒนาคุณธรรม จริยธรรม เพ่ือนาไปสู่การพัฒนา คุณภาพชีวิต โดยสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. ต้องตระหนักในบทบาทภารกิจท่ีจะสร้างและพัฒนาคน ให้เป็นมนุษย์ทีส่ มบูรณ์ มคี วามรู้ควบค่คู ุณธรรม ต้องส่งเสริมให้ผ้เู รยี นได้พฒั นาเตม็ ศกั ยภาพ พัฒนาคุณภาพชวี ิต เป็นคนดี เป็นแบบอยา่ งทีด่ ใี หก้ ับสังคมได้ กิจกรรมอาสายุวกาชาด เป็นกิจกรรมท่ีปลูกฝังเยาวชนให้มีระเบียบวินัย คุณธรรม จริยธรรม ในตนเอง และมีความเข้าใจในการปฏิบัติต่อตนเองและผู้อ่ืน ไม่เป็นปัญหาของสังคม ตลอดจนสามารถสร้างจิตอาสาให้เกิด กับเยาวชนในสังคมท่ีจะช่วยเหลือผู้อ่ืน และส่งผลทาให้ครอบครัว สังคม ชุมชน อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ในการจัดกจิ กรรมอาสายุวกาชาดให้กับผเู้ รยี นนนั้ มแี นวทางในการจัด ดังนี้ 1. การพัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาในสังกัดสานักงาน กศน. ให้มีความรู้ ทักษะ ถ่ายทอดและ จัดกิจกรรมท่หี ลากหลายในหลกั สตู รต่างๆ ของสานกั งานยวุ กาชาด สภากาชาดไทยกาหนดขึ้น 2. แนวทางการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด ซ่ึงจะมีแนวทางในการจัดตามหลักสูตรท่ีสานักงาน ยุวกาชาด สภากาชาดไทยได้กาหนดไว้ท้ังหลักสูตรพื้นฐานอาสายุวกาชาด และหลักสูตรเฉพาะทางท่ีจะเป็น ประโยชนก์ ับผ้เู รยี นสามารถเลอื กเรยี นไดต้ ามความสนใจ 3. การจัดตั้งชมรมอาสายุวกาชาด เพ่ือให้สมาชิกอาสายุวกาชาดได้มีโอกาสร่วมคิด ร่วมทา ร่วมสรา้ งจติ อาสาในบทบาทของอาสายุวกาชาด แนวทางในการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาดในสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. ท้ัง 3 แนวทางนั้น หากสถานศึกษาได้ดาเนินการตามแนวทางดังกล่าว จะส่งผลให้สถานศึกษามีการพัฒนาบุคลากรในการจัด กิจกรรมอาสายุวกาชาด มีชมรมอาสายุวกาชาดที่ให้สมาชิกได้มีโอกาสสร้างจิตอาสา โดยมีกิจกรรมบาเพ็ญ ประโยชน์ต่างๆ และสถานศึกษาจะมีหลักสูตรที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้เรียนของสานักงาน กศน. ได้เลือกเรียน ตามความสนใจ ซงึ่ มีรายละเอยี ดดงั น้ี กำรพัฒนำบุคลำกรสังกัดสำนักงำน กศน. ทเี่ กยี่ วข้องกับกำรจัดกิจกรรมอำสำยุวกำชำด ในการจดั กิจกรรมอาสายวุ กาชาดของสถานศกึ ษา ควรมีบคุ ลากรทม่ี ีความรู้ความเข้าใจในการจัดกิจกรรม อาสายุวกาชาดให้กบั ผเู้ รยี น ทไ่ี ด้รับการอบรมทาความเขา้ ใจหลกั สตู รอาสายวุ กาชาดหลักสตู รพน้ื ฐาน ซึง่ จะมเี นื้อหา ในการฝึกอบรมตรงกับตาแหน่งและหน้าท่ีในการปฏิบัติกิจกรรมอาสายุวกาชาด ได้แก่ หลักสูตรผู้อานวยการ ฝึกอบรมอาสายุวกาชาด หลักสูตรวิทยากรยุวกาชาด หลักสูตรครูท่ีปรึกษาชมรมอาสายุวกาชาด นอกจากนี้ยังมี หลักสูตรเฉพาะทาง ซ่ึงเป็นหลักสูตรเพ่ิมเติมจากหลักสูตรพื้นฐาน เพ่ือให้วิทยากรยุวกาชาดมีความรู้เฉพาะทาง ได้แก่ หลักสูตรปฐมพยาบาล หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ หลักสูตรการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ หลักสูตรความรู้ เพื่อชีวิต (Fact for Life) ซ่ึงหลักสูตรทั้งหมดน้ี เป็นหลักสูตรท่ีสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยเป็นผู้กาหนด หลกั สตู ร พรอ้ มทั้งเป็นหน่วยงานหลักในการพฒั นาบุคลากรทางการยุวกาชาดโดยตรง 4

ทั้งน้ีสานักงาน กศน. ควรพัฒนาบุคลากรให้มีความเข้าใจในทุกระดับก่อน เพื่อให้มีความพร้อมท่ีจะ ดาเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมอาสายุวกาชาด เพราะหลักสูตรดังกล่าวมีมาตรฐานในการดาเนินการ ซ่ึงสานักงาน ยุวกาชาด สภากาชาดไทย พร้อมที่จะพัฒนาบุคลากรให้กับสานักงาน กศน. ให้มีความเข้าใจในกิจกรรมอาสา ยุวกาชาด และสามารถเข้ารับการพัฒนาในหลักสูตรต่างๆ โดยติดต่อประสานขอรับการอบรมได้ท่ีสานักงาน ยุวกาชาด สภากาชาดไทย โดยมหี ลักสตู รทีบ่ ุคลากรสังกัด สานกั งาน กศน. ควรไดร้ ับการพฒั นา ดงั ต่อไปนี้ 1. หลักสูตรผูอ้ ำนวยกำรฝกึ อบรมอำสำยุวกำชำด หลักสูตรผู้อานวยการฝึกอบรมอาสายุวกาชาดที่ได้จัดทาขึ้นน้ี เป็นหลักสูตรหนึ่งของสานักงาน ยุวกาชาด สภากาชาดไทย ที่ใช้ในการอบรมผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา หรือผู้บริหารหน่วยงาน เพ่ือให้ได้รับความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองและเน้ือหาท่ีเกี่ยวข้องกับการกาชาด ยุวกาชาด ซ่ึงเป็นพ้ืนฐาน ที่เครือข่ายทุกคนควรมีความรู้ ความเข้าใจในองค์กร และหน้าที่ขององค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรมแห่งน้ี นอกจากน้ียังมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อบังคับสภากาชาดไทย ระเบียบคณะกรรมการบริหาร ว่าด้วยการปฏิบัติ เก่ียวกับยุวกาชาด ซ่ึงเปรียบเสมือนกฎหมายท่ีใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านยุวกาชาด ที่ผู้อานวยการ ฝึกอบรมอาสายุวกาชาด ควรต้องรู้และเข้าใจมีกระบวนการและข้ันตอนท่ีจะเสริมสร้างทักษะ และแลกเปล่ียน ประสบการณใ์ นการวางแผนและการบรหิ ารโครงการฝึกอบรม รวมถึงกจิ กรรมทีจ่ ะทาใหผ้ ู้เขา้ รับการอบรมรู้ และ สามารถปฏิบัติตนในบทบาทหน้าที่ของผู้อานวยการฝึกอบรมอาสายุวกาชาดท่ีชัดเจน พร้อมทั้งเสริมสร้าง ศักยภาพ ความสามารถท่ีมีอยู่แล้วให้เข้มข้นมากย่ิงข้ึน เพื่อท่ีจะได้นาความรู้ ความเข้าใจและทักษะต่างๆ ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้อานวยการฝึกอบรมในโครงการอบรมต่างๆ และสามารถให้คาปรึกษา แนะนาในการบริหาร จัดการโครงการให้กบั หน่วยงานอนื่ ๆ ไดด้ ้วย วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใหผ้ ู้เข้ารบั การอบรม 1. สามารถปฏิบตั ิหนา้ ทีผ่ อู้ านวยการฝกึ อบรมอาสายุวกาชาดได้ 2. สามารถบรหิ ารจดั การโครงการอบรมต่างๆ ได้ 3. สามารถให้คาปรกึ ษา แนะนาในการบรหิ ารจัดการฝึกอบรมแกบ่ คุ ลากรในสถานศกึ ษาได้ คณุ สมบตั ิ 1. ผู้บรหิ ารการศึกษา ผบู้ ริหารสถานศึกษา หรอื ผู้บรหิ ารหน่วยงาน 2. ขา้ ราชการครู และบุคลากรทางการศกึ ษาท่ีสาเรจ็ การอบรมหลักสูตรวทิ ยากรยุวกาชาดแล้ว ไปปฏิบัติหนา้ ทีว่ ทิ ยากรยวุ กาชาด จานวน 3 ครง้ั ข้ึนไป โดยสง่ สาเนาคาสัง่ แต่งต้ังเพือ่ เป็นหลักฐานรับรอง 3. ผทู้ ี่เป็นวิทยากรแกนนายุวกาชาด ทใี่ หก้ ารอบรมวิทยากรยวุ กาชาด 4. บุคคลที่ได้รับการพิจารณาจากผู้อานวยการสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยว่ามีความรู้ ความสามารถ และประสบการณเ์ หมาะสมจะเป็นผู้อานวยการฝกึ อบรมได้ เกณฑก์ ำรรับรองผลกำรอบรม 1. มเี วลาในการอบรมร้อยละ 80 ของระยะเวลาการอบรม 2. ผา่ นการทดสอบข้อเขียนขนั้ ปลาย รอ้ ยละ 60 ขึน้ ไป 3. ผา่ นการทดสอบรายบคุ คลและกลุม่ ตามหลกั สูตรทก่ี าหนด 4. สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยมอบวุฒิบัตรให้สาหรับผู้เข้ารับการอบรมท่ีผ่านตาม เกณฑ์ท่กี าหนด 5

2. หลกั สตู รวิทยำกรยุวกำชำด หลักสูตรวิทยากรยุวกาชาดท่ีได้จัดทาข้ึนน้ี เป็นหลักสูตรหนึ่งของสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย ที่ใช้ในการอบรมผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารหน่วยงาน ข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา เพ่ือให้ได้รับความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองหลักการและอุดมการณ์ของกาชาดในด้านมนุษยธรรม การดูแลสุขภาพอนามัย การบริการอาสาสมัคร และการส่งเสริมการมีสัมพันธภาพที่ดี มีศรัทธาต่อกาชาด และ ร่วมกิจกรรมของสภากาชาดไทยได้อย่างต่อเน่ือง ซ่ึงเป็นพื้นฐานท่ีเครือข่ายทุกคนควรมีความรู้ความเข้าใจ ในองค์กร และหน้าที่ขององค์กรการกุศลเพื่อมนุษยธรรมแห่งน้ี นอกจากน้ียังมีรายละเอียดเก่ียวกับข้อบังคับ สภากาชาดไทย ระเบียบคณะกรรมการบริหารว่าด้วยการปฏิบัติเก่ียวกับยุวกาชาด ซึ่งเปรียบเสมือนกฎหมาย ท่ีใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านยุวกาชาด ท่ีวิทยากรยุวกาชาดควรต้องรู้และเข้าใจ มีกระบวนการและ ข้ันตอนที่จะเสริมสร้างทักษะในการวางแผน การจัดอบรม และฝึกการเป็นวิทยากรในการจัดกิจกรรมตาม หลักสตู รเพอื่ การอบรมอาสายุวกาชาด วัตถุประสงค์ เพอ่ื ให้ผ้เู ข้ารับการอบรม 1. สามารถปฏิบัตหิ นา้ ที่วิทยากรให้การฝึกอบรมอาสายวุ กาชาดได้ 2. สามารถบริหารจัดการโครงการอบรมอาสายวุ กาชาดหลักสูตรต่างๆ ได้ 3. สามารถให้คาปรกึ ษา แนะนา การจดั กิจกรรมการฝกึ อบรมได้ คณุ สมบัติ 1. ผบู้ ริหารการศกึ ษา ผบู้ ริหารสถานศึกษา หรอื ผบู้ ริหารหนว่ ยงาน 2. ข้าราชการครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา เกณฑก์ ำรรบั รองผลกำรอบรม 1. มเี วลาในการอบรมรอ้ ยละ 80 ของระยะเวลาการอบรม 2. ผ่านการทดสอบขอ้ เขยี นขนั้ ปลาย รอ้ ยละ 60 ขน้ึ ไป 3. ผ่านการทดสอบรายบุคคลและกลุ่ม ตามท่หี ลกั สตู รกาหนด 4. สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยมอบวุฒิบัตร เข็มวิทยากร ให้สาหรั บผู้เข้ารับ การอบรมทีผ่ า่ นตามเกณฑท์ ่กี าหนด 3. หลักสตู รครทู ี่ปรึกษำชมรมอำสำยวุ กำชำด สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยได้มีนโยบายท่ีจะเชิญชวนหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน ให้จัดตั้งชมรมอาสายุวกาชาดให้ครอบคลุมท่ัวประเทศอย่างน้อย 1 อาเภอ 1 ชมรม ซ่ึงในปัจจุบันมีหน่วยงาน ต่างๆ สนใจกิจกรรมของอาสายุวกาชาดและต้ังชมรมอาสายุวกาชาดเพิ่มข้ึนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเครือข่ายใน การทากิจกรรมกาชาด ยุวกาชาด ทั้งนี้เพื่อให้ชมรมอาสายุวกาชาดมีการขับเคลื่อนได้อย่างเข้มแข็ง เพื่ออบรม ให้ความรู้ ความเข้าใจ แก่บุคลากรจากหน่วยงานพัฒนาเยาวชนต่างๆ ได้ทราบถึงบทบาทหน้าท่ีของท่ีปรึกษา ชมรมอาสายุวกาชาด เกิดทักษะ ความชานาญ ในการบริหารงานชมรมอาสายุวกาชาดและสามารถประยุกต์ งานอาสายุวกาชาดเข้ากับงานในความรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นเครือข่ายที่สาคัญใน การเผยแพร่กจิ กรรมกาชาด อาสายวุ กาชาดร่วมกับสภากาชาดไทย ต่อไป 6

วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาศักยภาพท่ีปรึกษาชมรมอาสายุวกาชาด ตลอดทั้งบุคลากรของหน่วยงานพัฒนา เยาวชน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทัศนคติที่ดี และสามารถทาหน้าที่เผยแพร่กิจกรรมกาชาด ยุวกาชาด ให้กับ เยาวชนทอี่ ยใู่ นความรบั ผดิ ชอบ 2. เพื่อให้ที่ปรึกษาชมรมอาสายุวกาชาด สามารถนาเทคนิควิธีการ กระบวนการ การประสานงานไปเป็นแนวทาง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการดาเนินกิจกรรมของชมรมอาสายุวกาชาดได้อย่าง มปี ระสิทธภิ าพและมีความยั่งยนื คณุ สมบัติ 1. ครูอาจารย์ บคุ ลากรทางการศึกษา ที่เปน็ ท่ปี รกึ ษาชมรมอาสายุวกาชาด 2. สามารถเข้ารับการอบรมไดค้ รบตามหลกั สตู ร 4. หลกั สูตรเฉพำะทำง สำหรับวทิ ยำกรยุวกำชำด 4.1 หลักสูตรปฐมพยำบำล สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยปฏิบัติงานภายใต้นโยบายของสภากาชาดไทย มีภารกิจหลัก ในการปลูกฝังและเผยแพร่ให้เยาวชนมีความรู้ ความเข้าใจในหลักการ และอุดมการณ์ของกาชาด ใน ดา้ นมนุษยธรรมการดูแลสุขภาพอนามัย การบริการอาสาสมัคร ส่งเสริมการมีสัมพันธภาพท่ีดี รวมถึงการพัฒนา และส่งเสริมคุณภาพชีวิต ของประชาชนท่ัวไป ซึ่งจากข้อมูลข่าวสารและสถิติของการเกิดอุบัติเหตุ การปฐม พยาบาลก่อนการนาผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่มีความสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งต่อการดารงชีวิต ถ้าประชาชนมีความรู้ด้านปฐมพยาบาล จะช่วยลดปัญหาในเร่ืองการเสียชีวิต การป้องกันความพิการ การบรรเทาความเจ็บปวด และการป้องกนั อันตรายท่จี ะเกิดข้ึนกบั ผู้บาดเจ็บกอ่ นสง่ ถงึ โรงพยาบาล การส่งเสริมให้หน่วยงานพัฒนาเยาวชนเห็นความสาคัญในเร่ืองปฐมพยาบาล จะทาให้เกิด การพัฒนาศักยภาพของครู อาจารย์ บุคลากรของหน่วยงาน พัฒนาเยาวชนในเรื่องปฐมพยาบาล ซึ่งจะเป็นผู้นา ความรู้ท่ีได้รับไปอบรมให้กับอาสายุวกาชาดที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อให้เยาวชนได้ใช้ความรู้เรื่อง ปฐมพยาบาลไปดูแลตนเอง ดูแลคนในชุมชน คนท่ีต้องการความช่วยเหลือ สามารถเป็นท่ีพ่ึงพาของผู้อ่ืนและ ชุมชนได้ ทาให้เยาวชนเกิดความภาคภูมิใจ มีความม่ันใจที่จะปฏิบัติกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมภายใต้ หลักการและอุดมการณ์ของกาชาด ทาหน้าที่ดูแลและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป ท้ังน้ีเพื่อเป็นการพัฒนา ศักยภาพและขยายเครือข่ายดา้ นการปฐมพยาบาล สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยจึงได้กาหนดจดั โครงการ อบรมวิทยากรยุวกาชาดหลักสูตรปฐมพยาบาลตามมาตรฐานสภากาชาดไทยขึ้น ถือว่าเป็นการพัฒนาศักยภาพ วิทยากรยุวกาชาดให้มีความรู้ ทักษะด้านปฐมพยาบาล เพ่ือเป็นกาลังสาคัญในการถ่ายทอดเรื่องปฐมพยาบาล สู่อาสายุวกาชาดต่อไป วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือพัฒนาศักยภาพด้านปฐมพยาบาลของวิทยากรยุวกาชาด ท่ีปรึกษาชมรมอาสา ยุวกาชาด จะได้นาความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับไปเผยแพร่ และให้ความช่วยเหลือ ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน เพื่อเป็นทพี่ ึง่ พาไดต้ ่อไป 2. เพ่ือให้อาสายุวกาชาดนาความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ที่ได้รับไป ชว่ ยเหลอื ตนเอง ครอบครัว และชุมชนอันเป็นการพึ่งพาไดจ้ รงิ 7

คณุ สมบตั ิ 1. ตอ้ งสาเร็จการอบรมหลักสูตรวิทยากรยวุ กาชาด ทป่ี รกึ ษาชมรมอาสายวุ กาชาด 2. จบการศึกษาระดบั ปริญญาตรี 3. สามารถเขา้ รบั การอบรมได้ครบตามหลักสูตร 4.2 หลักสตู รกำรเตรียมพร้อมรับภยั พบิ ตั ิ สานกั งานยุวกาชาด สภากาชาดไทยมภี ารกิจหลักในการปลูกฝงั และอบรมให้เยาวชนมีความรู้ มีศรัทธาต่อกาชาด เข้าใจในหลักการและอุดมการณ์ของกาชาดด้านมนุษยธรรม การดูแลสุขภาพอนามัย การบริการอาสาสมัคร การมีสัมพันธภาพที่ดี และสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อชักชวนให้เยาวชนได้ร่วมทางานกับ สภากาชาดไทยอย่างต่อเน่ือง นับเป็นแนวทางหน่ึงของการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้ดีข้ึน นอกจากน้ียังมีการอบรมสัมมนาเพ่ือพัฒนาบุคลากรของหน่วยงาน พัฒนาเยาวชนให้มีศักยภาพ มีทัศนคติท่ีดี และมีจิตอาสาในการทาหน้าท่ีเผยแพร่ถ่ายทอดทักษะความรู้ความเข้าใจในเร่ืองต่างๆ ตามกระบวนการกาชาด ยุวกาชาด ไปสู่เยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ตรงตามแผนยุทธศาสตร์ท่ี 4 ของ สภากาชาดไทย ว่าด้วยเร่ือง “การส่งเสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของประชาชน” สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยได้กาหนดนโยบายท่ีจะให้ความรู้ ความเข้าใจ และทาให้ เยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ของสานักงานมีความรู้เร่ืองการเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติ ที่นับวันจะทวี ความรุนแรงและมีความถ่ีเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ือง โดยจัดอบรมให้ความรู้ ความเข้าใจและเพ่ิมทักษะ กระบวนการ ถ่ายทอดให้กับครู อาจารย์ เพื่อเป็นวิทยากรยุวกาชาดและนาเร่ืองดังกล่าวไปขยายผลสู่เยาวชนใน ความรับผิดชอบให้มีความรู้ ความเข้าใจและมีทักษะในการเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติ ท่ีอาจจะเกิดข้ึนในพื้นที่หรือ ชมุ ชนและสามารถปรบั ใช้ในชีวิตประจาวนั รวมถงึ มีจิตอาสาพรอ้ มท่ีจะให้การช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ไดต้ อ่ ไป วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่อื ให้วทิ ยากรยุวกาชาดมีความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะ เรอ่ื งการเตรียมพรอ้ มรับภยั พบิ ัติ 2. เพื่อให้วิทยากรยุวกาชาดสามารถนาความรู้ ความเข้าใจไปเผยแพร่ และถ่ายทอดให้กับ เยาวชน ในความรบั ผดิ ชอบของตนเองได้ คุณสมบตั ิ 1. จบการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี 2. สามารถเขา้ รับการอบรมได้ครบตามหลกั สูตร 4.3 หลักสูตรกำรดแู ลผู้สูงอำยุ สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยได้ทางานร่วมกับบุคลากรของหน่วยงานภาคีเครือข่าย พัฒนาเยาวชนท้งั ภาครัฐและเอกชน เพอ่ื ปลกู ฝังและเผยแพรใ่ ห้เยาวชนเปน็ คนดี มีคุณธรรม มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ในหลักการและอุดมการณ์ของกาชาดในด้านมนุษยธรรม การดูแลสุขภาพอนามัย การบริการอาสาสมัคร และ การส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดี มีจิตศรัทธาต่อกาชาด และเข้าร่วมกิจกรรมกับกาชาดได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมท้ัง เชิญชวนและรณรงค์ให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกิจกรรมของสภากาชาดไทยได้อย่างต่อเน่ือง สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยมีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลากรของหน่วยงานภาคีเครือข่าย พัฒนาเยาวชนให้มีศักยภาพเป็น ผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะ มีคุณธรรมในการปฏิบัติงานโดยเฉพาะในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งบุคลากร เหลา่ นั้นจะเปน็ กาลังสาคัญในการเผยแพรข่ ยายผลกจิ กรรมกาชาดสูเ่ ยาวชนได้ 8

วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือส่งเสริมสนับสนุนให้ วิทยากรยุวกาชาด อาสายุวกาชาด และผู้สูงอายุ มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการดแู ลผูส้ ูงอายุ และนาไปใช้กับตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนได้ 2. เพ่ือเปิดโอกาสใหว้ ิทยากรด้านการดแู ลผสู้ งู อายุไดป้ ฏิบัตหิ น้าที่วิทยากร ในการให้ความรู้ ฝึกทกั ษะในการดแู ลผูส้ งู อายุกบั ผ้เู ขา้ รบั การอบรม คณุ สมบัติของผู้เขำ้ รว่ มโครงกำร 1. เปน็ วทิ ยากรยุวกาชาด 2. เปน็ เยาวชนอาสายุวกาชาดในพืน้ ที่ 3. เป็นผูส้ ูงอายทุ ีอ่ ยใู่ นชมุ ชน 4. สามารถเขา้ รบั การอบรมได้ครบตามหลกั สูตร 4.4 หลกั สูตรควำมรเู้ พ่อื ชีวิต (Fact for Life) เด็กและเยาวชนถือเป็นกาลังสาคัญต่อการพัฒนาประเทศ แต่สภาพสังคมไทยในปัจจุบัน มีปัจจัยหลายด้านท่ีส่งผลกระทบให้เยาวชนมีปัญหาที่รุนแรงและซับซ้อนมากข้ึน เนื่องจากการเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็วท้ังด้านกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ประกอบกับวัยของเยาวชนเป็นช่วงวัยท่ีมีความเปล่ียนแปลง ด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ จึงประสบปัญหาต่างๆ ได้ง่าย เช่น ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ปัญหาการทาแท้ง ปัญหาโรคเอดส์ ปัญหาการใช้ความรุนแรง ปัญหายาเสพติด ปัญหาเรียนไม่จบ ปัญหาต่างๆ ท่ีกล่าวมา ก่อให้เกิดผลกระทบท้ังต่อตัวเด็กและสังคมอย่างมาก ทาให้สูญเสียงบประมาณของชาติในการดูแ ล รักษาพยาบาล ก่อใหเ้ กดิ อาชญากรรม รวมถึงเกดิ ปญั หาเดก็ ทารกถกู ทอดทงิ้ เป็นต้น ดังน้ัน สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย ได้เล็งเห็นถึงความสาคัญในเรื่องดังกล่าวและ ถือเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่จะต้องรีบดาเนินการเพ่ือให้เด็กและเยาวชนเหล่านี้ มีภูมิต้านทานต่อปัญหาต่างๆ ท่ีอาจ เกิดขึ้น หรือถ้ามีปัญหาเกิดข้ึนจริงก็ควรมีทักษะและกระบวนการคิดท่ีจะแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ รวมทั้ง ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือมีความเสี่ยงน้อยที่สุด “ความรู้เพื่อชีวิต (Fact for Life)” เป็นการฝึกทักษะชีวิต เพ่ือให้เยาวชนมีความสามารถในการปรับตัวและเลือกทางเดินชีวิต ท่ีเหมาะสม พร้อมท่ีจะเผชิญปัญหารอบตัวในสภาวะปัจจุบันและเตรียมพร้อมสาหรับอนาคตได้อย่างมี ประสิทธิภาพ วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้ผู้เข้ารับการอบรม มีความรู้ ความเข้าใจและมีทักษะในการถ่ายทอดเนื้อหา กจิ กรรมเร่อื งความรู้เพ่ือชีวิต (Fact for Life) 2. เพ่อื สามารถนาไปปรับใชใ้ นชีวิตและบูรณาการกับงานในความรับผิดชอบได้ คณุ สมบัติ 1. จบการศึกษาระดับปริญญาตรี 2. สามารถเข้ารับการอบรมได้ครบตามหลกั สตู ร 9

4.5 หลกั สูตรกฎหมำยมนษุ ยธรรมระหวำ่ งประเทศ (IHL) ตามหลักการกาชาด ยึดหลักมนุษยธรรมในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยใช้กลยุทธ์ใน การเผยแพร่ ให้เยาวชนมีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการกาชาด ยุวกาชาด และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่าง ประเทศ (IHL) อันเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างความตระหนักในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ให้กับเยาวชนเกิด ความตระหนัก มีความคิด ที่จะไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเมื่อเกิดความขัดแย้ง และร่วมกันคุ้มครองชีวิต ศักดศ์ิ รีความเป็นมนุษย์ เพื่อการอยู่ร่วมกันอยา่ งสันติสุข กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศจึงเป็นกฎเกณฑ์ท่ี ใช้ในภาวะสงคราม เพ่ือคุ้มครองบุคคลท่ีไม่มีส่วนร่วมในการสู้รบ เป็นเร่ืองท่ีองค์กรกาชาดท่ัวโลกให้ความสาคัญ และพยายามรณรงค์ให้เยาวชน ซ่ึงเป็นพลังอันสาคัญได้เกิดความตระหนัก ในการลดใช้ความรุนแรงในสังคม ที่เกดิ ขึ้น วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือให้วิทยากรยุวกาชาดมีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการกาชาดและกฎหมายมนุษยธรรม ระหวา่ งประเทศ (RC&IHL) และพร้อมทจี่ ะเผยแพรค่ วามร้ขู ยายผลใหแ้ กอ่ าสายวุ กาชาดท่ีอยใู่ นความรับผดิ ชอบ คุณสมบัติ 1. จบการศกึ ษาระดบั ปรญิ ญาตรี 2. สามารถเขา้ รบั การอบรมได้ครบตามหลกั สตู ร กำรจัดกิจกรรมอำสำยวุ กำชำด สำหรับผู้เรียนของสำนักงำน กศน. กิจกรรมอาสายุวกาชาด เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งปลูกฝังเยาวชนด้านคุณธรรม จริยธรรม ให้มีความรู้ และ ความเข้าใจในหลักการ อุดมการณ์ของกาชาดในด้านมนุษยธรรม การดูแลสุขภาพของตนเองและผู้อ่ืน รวมท้ัง มีจิตอาสาในการช่วยเหลือผู้อ่ืนและบริการชุมชน ดังน้ัน การท่ีจะส่งเสริมและพัฒนา ผู้เรียน ให้เป็นคนดี มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมหลัก 12 ประการของคนไทย และเป็นคนดีของครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ สถานศึกษาสงั กดั สานกั งาน กศน. จึงควรมบี ทบาทในการจดั กจิ กรรมอาสายวุ กาชาด หลกั สตู รต่างๆ ดงั น้ี 1. หลกั สตู รพืน้ ฐำนยวุ กำชำด เปน็ หลกั สตู รทจ่ี ัดสาหรับผเู้ รียนที่สนใจ โดยมวี ตั ถุประสงค์ ดังนี้ 1.1 เพ่ือเป็นการเผยแพร่อดุ มการณข์ องกาชาดและยวุ กาชาด 1.2 เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเร่ืองของการกาชาดและยุวกาชาด ตลอดจนการดารงชีวิต ทัง้ ในปัจจุบนั และอนาคต 1.3 เพือ่ เสรมิ สร้างความศรทั ธาและเจตคตทิ ี่ดีต่อการกาชาดและยุวกาชาด 1.4 เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบท่ีจะช่วยเหลือสังคมส่วนรวมมีคุณธรรมเป็น คนของสังคม ตารางการฝกึ อบรมมี 6 แบบ คือ แบบท่ี 1 ตารางอบรมแบบค่ายพักแรม 2 วัน 1 คืน แบบที่ 2 ตารางอบรมแบบคา่ ยพกั แรม 3 วนั 2 คืน แบบท่ี 3 ตารางอบรมแบบคา่ ยพกั แรม 4 วนั 3 คนื แบบท่ี 4 ตารางแบบคา่ ยกลางวัน 2 วนั แบบท่ี 5 ตารางแบบค่ายกลางวนั 3 วัน แบบที่ 6 ตารางแบบค่ายกลางวนั 4 วนั (สามารถเลือกไดต้ ามความเหมาะสม) 10

2. หลักสูตรเฉพำะทำง สำหรับผู้เรียนของสำนักงำน กศน. เป็นหลักสูตรที่จัดสาหรับผู้เรียนที่ผ่าน การอบรมในหลกั สตู รพนื้ ฐานยุวกาชาดแล้ว เป็นการเพม่ิ ศกั ยภาพและทักษะเฉพาะทางในเร่ืองต่างๆ ดงั นี้ 2.1 การปฐมพยาบาล 2.2 การดแู ลผสู้ งู อายุ 2.3 การเตรียมพร้อมรบั ภัยพิบัติ 2.4 ความรเู้ พอ่ื ชวี ิต 2.5 กฎหมายมนุษยธรรมระหวา่ งประเทศ กำรจดั ตั้งชมรมอำสำยุวกำชำด กจิ กรรมอาสายุวกาชาดเป็นกิจกรรมหน่ึงของสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย ทจี่ ัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาส ให้ผู้เรียนชาย-หญิง ท่ีอยู่ในสถานศึกษาสังกัดสานักงาน กศน. หรือคณะบุคคลทุกสังกัด ได้มีโอกาสพัฒนา คุณภาพชีวิตท่ีดี มีคุณธรรมและจริยธรรม มีจิตใจเสียสละ อุทิศตนเพ่ือประโยชน์ต่อส่วนรวมตามอุดมการณ์ของ กาชาดและยุวกาชาด ตลอดทั้งได้เพ่ิมพูนความรู้ และทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการดารงชีวิตและช่วยเหลือผู้อื่น ได้ตามกาลังความสามารถ หน่วยงาน สถานศึกษา หรือคณะบุคคลที่มีความประสงค์จะจัดตั้งชมรมอาสายุวกาชาดสามารถดาเนินการ โดยศึกษาข้อมูลในการจัดต้ังชมรมอาสายุวกาชาดตามข้อบังคับสภากาชาดไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 68) พุทธศกั ราช 2550 หมวดท่ี 9 ว่าดว้ ยยุวกาชาด และระเบยี บปฏิบตั ยิ ุวกาชาด วา่ ด้วยอาสายุวกาชาด ดงั น้ี 1. คณะกรรมการท่ีปรกึ ษาชมรมอาสายวุ กาชาด ประกอบดว้ ย 1.1 ผู้บริหารหน่วยงาน สถานศึกษา หรือคณะบุคคล เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษาชมรมอาสา ยวุ กาชาด 1.2 กรรมการอนื่ อีกไม่เกิน 10 คน เปน็ กรรมการทป่ี รกึ ษาชมรมอาสายวุ กาชาด 1.3 ท่ปี รึกษาชมรมอาสายวุ กาชาด เป็นกรรมการทป่ี รึกษาชมรมอาสายวุ กาชาดและเลขานุการ 2. คณะกรรมการที่ปรึกษาชมรมอาสายุวกาชาด มหี น้าที่ 2.1 กากับ ดูแล และพิจารณาให้มีการจัดตั้งอาสายุวกาชาด โดยใช้ชื่อว่า \"ชมรมอาสายุวกาชาด (ระบชุ ื่อชมรม) \" 2.2 ส่งเสริมและสนบั สนนุ การดาเนินกจิ กรรมของชมรมอาสายวุ กาชาด 2.3 จัดทารายงานประจาปีของชมรมอาสายุวกาชาดเสนอต่อผู้อานวยการสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย 3. ชมรมอาสายวุ กาชาด 3.1 คณะกรรมการชมรมอาสายุวกาชาด หมายถึงผู้เรียนของสานักงาน กศน. ท่ีเป็นอาสา ยุวกาชาด และได้รับการแต่งต้งั หรือเลือกตั้งเป็นกรรมการ ประกอบด้วย ประธานชมรมฯ และกรรมการจานวน อย่างนอ้ ย 10 คน 3.2 สมาชิกชมรมอาสายุวกาชาดจานวนอย่างน้อย 20 คน ที่มีคุณสมบัติการสมัครเป็นอาสา ยวุ กาชาด 11

3.3 ท่ีปรึกษาชมรมอาสายุวกาชาด คือ ครู คณาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา หรือบุคลากรของ หน่วยงานทไี่ ดร้ ับการแตง่ ตง้ั ใหท้ าหน้าท่ี ส่งเสรมิ สนบั สนุน การดาเนินกิจกรรมของชมรมอาสายุวกาชาด 4. คณะกรรมการและสมาชิกชมรมอาสายุวกาชาด มีหน้าท่ีดาเนินกิจกรรมให้เป็นตามวัตถุประสงค์ของ กจิ การยุวกาชาด เพ่ือให้อาสายุวกาชาด 4.1 มอี ดุ มคตใิ นศานตสิ ขุ มีความจงรกั ภกั ดตี ่อชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ 4.2 มคี วามรู้ ความชานาญในการรักษาอนามยั ของตนเองและของผอู้ นื่ ตลอดจนการพฒั นาตนเอง ทางร่างกาย จิตใจ คณุ ธรรม และธารงไว้ซง่ึ เอกลกั ษณท์ างวัฒนธรรมของชาติ 4.3 มีความรู้ ความเข้าใจในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจ เมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ 4.4 บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผอู้ ่ืน ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ 4.5 มจี ิตสานกึ ในการอนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ เเวดลอ้ ม 4.6 มีสัมพันธภาพและมติ รภาพท่ดี ตี ่อบคุ คลทัว่ ไป 5. คณุ สมบตั ิ และการสมคั รเปน็ อาสายวุ กาชาด 5.1 เป็นผู้เรียนชาย-หญงิ ทีม่ ีอายุระหว่าง 15-30 ปี 5.2 มีความสนใจสมคั รเป็นอาสายุวกาชาด 5.3 เข้ารับการอบรมหลกั สตู รพื้นฐานยวุ กาชาด 5.4 การสมัครเข้าเป็นสมาชิกชมรมอาสายุวกาชาด ผู้สมัครต้องยื่นใบสมัครเข้าเป็นอาสา ยุวกาชาด (แบบอาสายวุ . 2) ตอ่ ท่ีปรกึ ษาชมรมอาสายุวกาชาดทต่ี น้ สังกดั 6. การขอจดั ตัง้ ชมรมอาสายุวกาชาด 6.1 ประธานกรรมการท่ีปรึกษาชมรมอาสายุวกาชาด (ผู้บริหารสถานศึกษา) ยื่นคาร้อง การขอจัดตั้งชมรมฯ (แบบอาสายุว. 1) ตามเอกสารท้ายนี้ พร้อมสาเนาใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกอาสายุวกาชาด (แบบอาสายุว. 2) ต่อสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย เลขที่ 1871 อาคารเฉลิม บูรณะนนท์ ช้ัน 2 ถนนอังรีดูนังต์ แขวงวงั ใหม่ เขตปทมุ วนั กรงุ เทพฯ 10330 6.2 สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทยจะมอบหนังสือสาคัญการจัดต้ังชมรมอาสายุวกาชาด (แบบอาสายุว. 3) พร้อมเครื่องหมายอาสายุวกาชาดสาหรับคณะกรรมการชมรมอาสายุวกาชาด และให้ติดต้ัง ป้ายชอ่ื ชมรมอาสายุวกาชาดนน้ั ๆ ไว้ในสถานทที่ สี่ ามารถเห็นไดอ้ ยา่ งชัดเจน 12

ตอนท่ี 3 กำรจัดค่ำยอบรมอำสำยวุ กำชำด หน่วยงาน สถานศึกษาหรือคณะบุคคล ผู้ดาเนินการจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด เม่ือขอจัดตั้งชมรมฯ เรียบร้อยแล้ว คณะกรรมการที่ปรึกษาชมรมฯ ประชุมหารือวางแผนจัดโครงการอบรม ควรจะมีกลุ่มเป้ำหมำย เขำ้ รับกำรอบรม อยำ่ งน้อย 40 คน และไมเ่ กนิ 80 คน ซ่ึงเป็นผู้เรียนของสานักงาน กศน. อายุระหว่าง 15-30 ปี ทงั้ เพศชายและหญงิ โดยดาเนนิ การแบง่ เป็น 3 ระยะ ดงั น้ี ระยะท่ี 1 การดาเนนิ การก่อนจดั ค่ายอบรมอาสายวุ กาชาด ระยะท่ี 2 การดาเนินการระหว่างจัดคา่ ยอบรมอาสายุวกาชาด ระยะที่ 3 การดาเนนิ การหลงั เสร็จส้นิ คา่ ยอบรมอาสายวุ กาชาด กำรดำเนินกำรกอ่ นจัดค่ำยอบรมอำสำยวุ กำชำด 1. เขียนโครงกำร เสนอผู้มีอานาจอนุมัติ โดยระบุเหตุผลความจาเป็น ความต้องการจัดการอบรม อาจเป็น นโยบายของหน่วยงาน สถานศึกษา หรือความต้องการของชุมชน ท่ีจะให้เยาวชนในท้องถ่ินน้ัน ได้ใช้กิจกรรม ยุวกาชาดปลูกฝัง กล่อมเกลาให้เยาวชนเห็นคุณค่าความสาคัญของตัวเยาวชนเอง เพื่อจะเป็นกาลังสาคัญใน การพัฒนาชุมชนนั้นๆ มีรายละเอียดของโครงการ ซึ่งประกอบด้วย วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลา การอบรม สถานท่ีอบรม เน้ือหากิจกรรมในการอบรม วิธีดาเนินการ แหล่งวิทยากร งบประมาณ ผลที่คาดว่า จะไดร้ บั การประเมินผล ผูร้ ับผิดชอบโครงการ กิจกรรมหรอื โครงการตอ่ เนอื่ งหลังจากจัดอบรม 2. เตรียมรำยช่ือคณะกรรมกำรฝกึ อบรม ประกอบดว้ ยบคุ คลซึ่งทาหนา้ ท่ี ดงั น้ี 2.1 ที่ปรึกษา 2.2 ผอู้ านวยการฝกึ อบรม 2.3 รองผอู้ านวยการฝึกอบรม 2.4 ฝา่ ยวชิ าการ-วดั ผลและประเมนิ ผล 2.5 ฝ่ายกจิ กรรม-นนั ทนาการ 2.6 ฝ่ายสวัสดกิ าร-อาหาร 2.7 ฝา่ ยสถานท่ี-อุปกรณ์ 2.8 ฝ่ายเลขานุการ 2.9 ฝ่ายอ่ืนๆ 3. เสนอโครงกำรฝกึ อบรมและรำยชือ่ คณะกรรมกำร เพ่ือขออนุมัตไิ ปยังผู้มอี านาจอนุมัติ กล่าวคอื 3.1 ส่วนกลาง เสนอผู้บรหิ ารตน้ สังกัดตามลาดับ หรอื ผูอ้ านวยการสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย 3.2 สว่ นภูมิภาค เสนอผบู้ ริหารตน้ สงั กดั ตามลาดับ หรือนายกยุวกาชาดจังหวัด 4. ทำหนังสือขออนุญำตต้นสังกัด ของคณะกรรมการฝึกอบรม เพ่ือขอความร่วมมือให้บุคลากรมาร่วม เป็นคณะกรรมการ หรอื วิทยากรฝึกอบรม 13

5. กำรขอรบั สนับสนนุ เสนอโครงการฝกึ อบรมทไ่ี ดร้ ับการอนมุ ตั แิ ล้วไปยังแหล่งสนับสนุน เชน่ 5.1 หน่วยงานต้นสงั กัด 5.2 ผู้อานวยการสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย 5.3 นายกเหล่ากาชาดจังหวัด ก่ิงกาชาดอาเภอ สถานีกาชาด 5.4 พัฒนาสงั คมและความมนั่ คงของมนุษย์ 5.5 สมาคม องคก์ รการกศุ ล สโมสร 5.6 ธนาคาร หา้ งร้านในท้องถิ่น 5.7 ผมู้ ีจติ กุศล 5.8 อื่นๆ (ถา้ ม)ี 6. ทำหนงั สอื เชิญ หรือแจง้ ไปยังหนว่ ยงาน องคก์ ร หรอื บุคคลท่เี กีย่ วข้อง โดยแนบโครงการอบรม คาส่งั แต่งตง้ั คณะกรรมการฝกึ อบรม กาหนดวนั เวลา สถานท่ี ในกรณที มี่ กี ารประชมุ ปรึกษาเพ่อื เตรียมงานก่อนการอบรม 7. ประชำสัมพันธ์โครงกำรอบรมไปยังสื่อมวลชน เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ท้องถ่ิน เพ่ือเสนอข่าวการจัดอบรม ควรแจ้งวัตถุประสงค์การจัดอบรม กาหนดการ สถานท่ี ตลอดจนคาชี้แจง การรับสมัคร เพ่ือการเตรยี มตัวเข้าร่วมโครงการอบรม จัดทาปา้ ยประชาสัมพนั ธ์ตามสถานท่ีต่างๆ เชน่ ด้านหน้า หนว่ ยงานที่จัด ทางเขา้ สถานทจี่ ัดอบรม เป็นตน้ 8. จัดทำเอกสำรประกอบกำรอบรม สาหรับผู้เข้ารับการอบรมและคณะกรรมการฝึกอบรม โดยให้มี เนื้อหาสาระประกอบดว้ ย 8.1 คาแถลงสภากาชาดไทย 8.2 วัตถุประสงค์ยวุ กาชาด 8.3 คาปฏิญาณตนยวุ กาชาด 8.4 หลกั ปฏบิ ตั ใิ นการอย่คู ่ายพกั แรม 8.5 กาหนดเวลากจิ กรรมประจาวนั 8.6 สัญญาณนกหวดี 8.7 หนา้ ทีห่ นว่ ยบรกิ าร 8.8 หลักเกณฑ์การตดั สนิ การอบรม 8.9 แบบวัดผลผู้เข้ารบั การอบรม 8.10 เพลงพธิ กี าร 8.11 เพลงประกอบบทเรยี น 8.12 เพลงเบ็ดเตลด็ 8.13 เน้อื หาวชิ าในการอบรม (พิจารณาตามความเหมาะสม) 9. จัดหำอุปกรณ์สำหรบั กำรอบรม อาจประสานงานกับสถานศึกษา หน่วยงาน องคก์ รต่างๆ ซึ่งอุปกรณ์ ท่ีจาเปน็ มดี ังตอ่ ไปน้ี 14

9.1 พระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง สภานายิกาสภากาชาดไทย สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อานวยการสภากาชาดไทย และพระฉายาลักษณ์ หรือ พระสาทิสลักษณ์ของจอมพลสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ผู้ให้กาเนิดกิจการ ยุวกาชาดไทย (ถ้าม)ี 9.2 รูปภาพบุคคลสาคัญ เชน่ นายอังรี ดูนังต์ ผู้ให้กาเนิดกาชาดสากล หรือภาพท่านผ้หู ญงิ เปลีย่ น ภาสกรวงษ์ ผู้รเิ ร่มิ การกาชาดไทย เป็นต้น 9.3 ธงชาติ และธงยุวกาชาด อย่างละ 2 ผืน 9.4 ธงมาตรฐานใหญ่ 1 ผนื และธงมาตรฐานเล็ก เท่ากับจานวนหน่วยสีที่จดั อบรม 9.5 ผา้ ผกู คอสี ปา้ ยชื่อ เครอื่ งหมายหัวหน้าหนว่ ย เคร่อื งหมายรองหัวหน้าหนว่ ย เครื่องหมายบริการ 9.6 อุปกรณ์เครื่องเขียน และอุปกรณ์สาหรับปฏิบัติกิจกรรมยามว่าง เช่น กระดาษเทาขาว กระดาษฟลปิ ชารท์ กระดาษโปสเตอร์ สเี มจกิ ฯลฯ 9.7 อุปกรณไ์ ฟฟ้าแสงสวา่ ง เครอ่ื งเสยี ง และเครือ่ งโสตทัศนูปกรณ์ 9.8 อปุ กรณ์เครื่องนอน เคร่อื งครวั และอุปกรณ์พฒั นาค่าย 10. กำรประชุมคณะกรรมกำรฝึกอบรม ควรเตรียมแผนงาน วาระการประชุมเพื่อมอบหมายภารกิจ และหนา้ ทรี่ ับผิดชอบแกค่ ณะกรรมการฝกึ อบรม เตรยี มพร้อมด้านเอกสารการประชุม 11. ทำหนังสือเชิญประธำน แขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานที่เก่ียวข้องร่วมพิธีการสาคัญในการอบรม เช่น พิธีเปิด-ปิดการอบรม กิจกรรมรอบกองไฟ ควรแจ้งกาหนดการ สถานที่ให้ชัดเจน และติดต่อประสานงานอกี คร้ัง เพ่ือให้แนใ่ จว่าบคุ คลท่เี ชิญเปน็ ประธานนัน้ สามารถมาร่วมพิธีสาคัญดังกลา่ วไดห้ รือไม่ 12. เตรียมคำกล่ำวรำยงำน คากล่าวประธาน พิธีเปิด-ปิดการอบรม และของท่ีระลึก (ถ้าม)ี ควรเตรียม ไว้ให้พรอ้ มเสร็จกอ่ นถงึ วนั จดั อบรม 13. จัดทำป้ำยงำนอบรม เพอ่ื ใชใ้ นห้องประชุม โดยใชข้ อ้ ความดังตัวอยา่ งตอ่ ไปน้ี สำนักงำนยวุ กำชำด สภำกำชำดไทย ร่วมกบั (รำยชือ่ หนว่ ยงำน/สถำนศกึ ษำ) จดั กำรอบรมอำสำยวุ กำชำดหลกั สตู รพืน้ ฐำนยุวกำชำด รนุ่ ที่ ระหว่ำงวันท่ี ณ อำเภอ จงั หวดั กำรดำเนนิ กำรระหว่ำงจัดค่ำยอบรมอำสำยวุ กำชำด การดาเนินการเฉพาะในส่วนนี้จะเน้นการอานวยความสะดวกด้านต่างๆ ของผู้ทาหน้าท่ีเลขานุการ โครงการ ดังน้ี 15

1. ประชุมคณะกรรมกำร วิทยากรและผู้เก่ียวข้องเพ่ือซักซ้อมความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของ คณะกรรมการฝึกอบรม ผู้อานวยการฝึกอบรมเป็นประธานการประชุมกล่าวต้อนรับ แนะนาคณะผู้เข้าร่วม ประชุม คณะกรรมการฝึกอบรมฝ่ายต่างๆ ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการอบรมครั้งนี้ และมอบหมายผู้รับผิดชอบ กิจกรรมตา่ งๆ เช่น 1.1 ผู้รับรายงานตัว 1.2 พิธีกรประจาวนั 1.3 วทิ ยากรประจาหน่วยสี 1.4 วิทยากรตรวจเยีย่ ม 1.5 วทิ ยากรนนั ทนาการ 1.6 วิทยากรฝกึ ระเบียบแถว และนากายบริหาร 1.7 วทิ ยากรประจาวชิ าต่างๆ 1.8 วิทยากรกิจกรรมตา่ งๆ ตามตารางอบรม ควรมีการประชุมวทิ ยากรทุกวนั หลงั เสรจ็ สิน้ กิจกรรม ภาคบา่ ย คือ เวลา 17.00 น. โดยประมาณ 2. จัดสิ่งของเคร่ืองใชแ้ ละอุปกรณ์ สาหรับใชด้ าเนินการระหว่างการอบรม 2.1 สงิ่ ของและอปุ กรณท์ ีต่ ้องมอบให้ผู้เข้ารับการอบรมในการรบั รายงานตวั หรอื ปฐมนิเทศ คอื 2.1.1 ผ้าผกู คอสี กาหนดสีตามวนั และจัดใหม้ หี น่วยสลี ะเท่าๆ กันประมาณสลี ะ 8-10 ผืน 2.1.2 ป้ายช่อื ผู้เข้ารบั การอบรม 2.1.3 เคร่อื งหมายหัวหน้าหน่วยสีและรองหวั หนา้ หน่วยสี 2.1.4 เคร่ืองหมายบริการสาหรับมอบให้หน่วยสีที่ทาหน้าท่ีบริการในแต่ละวันของการอบรม ควรจดั เตรยี มไว้อย่างน้อย 20 อัน 2.1.5 เอกสารสาหรับผู้เข้ารบั การอบรมมอบให้กบั ทุกคนและเตรียมไวใ้ หส้ าหรบั วิทยากรทุกคน 2.2 จดั สถานท่อี บรมและสถานที่ใชร้ ว่ มกัน 2.2.1 หอ้ งประชุมอบรม จัดห้องประชมุ สาหรบั พิธกี าร คอื 1) ในพธิ ีเปิดการอบรม จัดสถานทหี่ นา้ เวที ประกอบดว้ ย ธงชาติ ธงยุวกาชาด พระพทุ ธรูป โต๊ะหมู่บูชา พระบรมฉายาลักษณ์ หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จดั ชุดรับแขกสาหรับประธานและแขกผู้มีเกียรติ จัดเก้าอี้สาหรับคณะวิทยากรไว้ด้านหลังชุดรับแขก การจัดเก้าอี้ ผู้เขา้ รบั การอบรมใหจ้ ดั เปน็ แถวตอนลึกสาหรับใหผ้ ู้เขา้ รับการอบรมน่ังเปน็ หน่วยสี 2) ในพธิ ีปดิ การอบรม จดั สถานที่เช่นเดียวกับในพิธเี ปดิ การอบรม 2.2.2 สถานท่พี ักสาหรับผเู้ ข้ารับการอบรม ให้แยกชาย–หญิง พกั เป็นสัดส่วน หน่วยสีเดยี วกัน ใหพ้ ักรวมกัน อาจพกั ในตวั อาคารหรือกางเต็นท์พักแรม ใหพ้ จิ ารณาตามความเหมาะสม 2.2.3 สถานที่รับประทานอาหาร ในกรณีให้ประกอบอาหารเองควรจัดสถานท่ีให้เป็นสัดส่วน แยกตามหน่วยสี หากจัดอาหารให้ควรมีสถานที่รับประทานอาหารร่วมกันเป็นหน่วยสี และให้ตัวแทนหน่วยสี ดูแลรกั ษาภาชนะใสอ่ าหารใหส้ ะอาดเรียบร้อยและเป็นระเบียบ 16

2.3 วุฒิบัตรสาหรับผู้สาเร็จการอบรม สานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย เป็นผู้ออกให้ ดังน้ัน เลขานุการโครงการอบรม หรือผู้ได้รับมอบหมายจะต้องจัดพิมพ์ ช่ือ-นามสกุล เลขที่รุ่นของการอบรม ระยะเวลา อบรม โดยมีผู้อำนวยกำรฝึกอบรม ผู้อำนวยกำรหน่วยงำน สถำนศึกษำ นำยกยุวกำชำดจังหวัด หรือนำยก เหลำ่ กำชำดจังหวัด เป็นผลู้ งนามในวุฒิบัตร ตามความเหมาะสม 2.4 บอรด์ กจิ กรรม ให้มีรายช่อื คณะกรรมการฝึกอบรม ตารางการอบรม ตารางกิจกรรมประจาวัน ตารางคะแนนกิจกรรมประจาวัน คาปฏิญาณตนยุวกาชาด วัตถุประสงค์ของยุวกาชาดสากล ติดไว้ในสถานท่ี ที่ผ้เู ขา้ รบั การอบรมเห็นไดช้ ัดเจน 2.5 ป้ายชื่อวิทยากรผู้บรรยายวิชาหรือกิจกรรมในระหว่างการอบรม ควรจัดเตรียมให้พร้อมและ ติดต้ังหรือวางไวใ้ หเ้ หน็ ได้ชัดเจน 3. แบบวดั ผลและประเมนิ ผล 3.1 แบบวัดผล จัดทาแบบวัดผลโดยจัดรวมไว้ในเอกสารประกอบการอบรม หรือจะแยกไว้เพ่ือใช้ วัดผลตามเกณฑท์ ี่กาหนดไว้ คือ การวดั ผลเป็นรายบุคคล และการวัดผลระบบหน่วย 3.2 แบบประเมินผล จัดทาแบบประเมินผลโดยพิจารณ าตามความเหมาะสมหรือใช้ แบบการประเมินผลผู้เข้ารับการอบรม และรวบรวมผลการประเมิน รายงานผู้บังคับบัญชาตามลาดับ พร้อมท้ัง ส่งไปยังสานกั งานยุวกาชาด สภากาชาดไทย ภายใน 15 วัน หลังเสรจ็ สิ้นการอบรม 4. เตรียมพร้อมด้ำนยำนพำหนะ เพ่ืออานวยความสะดวกตลอดการอบรม รับส่งวิทยากรภายนอก และ ใช้ในกรณเี กดิ เหตุฉุกเฉิน 5. กำรบรหิ ำรงบประมำณ 5.1 การรับเงิน ท่ีได้มาจากการสนับสนุนของสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย เหล่ากาชาด จังหวัด ผู้มีจิตศรัทธาบริจาค ผู้บังคับบัญชาและรายได้อ่ืนๆ ทั้งหมดต้องออกใบเสร็จทุกคร้ังท่ีได้รับเงิน โดยใช้ ใบเสร็จรับเงินในราชการของส่วนราชการระดับกรม กรณรี ับเงนิ สนับสนนุ จากสานักงานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย ให้ออกใบเสรจ็ รับเงินในนาม “สานักงานยุวกาชาด” และส่งใบเสรจ็ รบั เงินไปยังสำนักงำนยุวกำชำด สภำกำชำดไทย ภำยใน 15 วนั นับจำกวันออกใบเสร็จรบั เงนิ และให้นาเงินสนบั สนุนฝากคลงั ทัง้ หมด โดยดาเนนิ การดงั น้ี 5.1.1 กรณีส่วนราชการผูร้ ับเงินเป็นหน่วยงานเบกิ ให้เปิดบัญชีเงินฝากคลังสาหรับเงินท่ีได้รับ การสนับสนุนเพียงหน่ึงบญั ชี ชอื่ บัญชี “เงนิ สนบั สนนุ กิจกรรมอาสายวุ กาชาด” และใหจ้ ดั ทาทะเบียบคุม 5.1.2 กรณหี น่วยงานย่อยเปน็ ผูร้ ับเงินให้นาฝากในนามหน่วยงานผู้เบิกท่ตี นสังกัด 5.2 การรับ-จ่ายเงิน การเบิกเงินจากคลัง การนาเงินส่งคลัง และการเก็บรักษาเงินและหลักฐาน การจ่าย ใหถ้ ือปฏบิ ัติตามระเบยี บการเบกิ จ่ายเงนิ จากคลงั การเก็บรกั ษาเงนิ และการนาเงินสง่ คลงั พ.ศ.2551 5.3 การจดั ซ้ือ-จัดจา้ ง ใหถ้ ือปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บวา่ ดว้ ยการพสั ดุของทางราชการ 5.4 การบญั ชใี หป้ ฏบิ ตั ิตามวิธกี ารบันทึกรายการบญั ชีทก่ี รมบญั ชีกลางกาหนด 5.5 กรณีหนว่ ยงานย่อยเปน็ ผดู้ าเนินโครงการ เม่อื ได้มีการใช้จา่ ยเงนิ ไปแล้วใหห้ น่วยงานย่อยจัดทา รายงานการรบั -จ่ายเงนิ ส่งใหห้ น่วยงานผูเ้ บิกท่ีสังกัดพรอ้ มหลกั ฐานใบสาคญั ตน้ ฉบบั เพ่ือดาเนนิ การบนั ทึกบัญชตี ่อไป 5.6 เม่ือดาเนินงานในแต่ละโครงการได้เสร็จส้ินลง ให้นาเงินที่เหลือจ่ายในแต่ละโครงการส่งคลัง เปน็ รายไดแ้ ผ่นดนิ ประเภทรายไดเ้ บ็ดเตลด็ อนื่ 6. รวบรวมส่ิงของเครื่องใช้ เช่น ผ้าผูกคอสี เคร่ืองหมายต่างๆ เครื่องนอน เครื่องครัว เครื่องเขียน (ถ้ามี) คนื จากทกุ หนว่ ยสเี มอื่ เสรจ็ การอบรม (ก่อนพิธีปดิ การอบรม) 17

กำรดำเนนิ กำรหลังเสร็จส้ินคำ่ ยอบรมอำสำยุวกำชำด 1. นาส่ิงของและอุปกรณ์สง่ คืนหนว่ ยงานที่ให้ยืมใช้ระหว่างการอบรม 2. ทาหนังสอื ขอบคุณ บุคลากรและหนว่ ยงานท่ใี ห้การสนับสนนุ การจดั อบรม 3. รวบรวมหลักฐาน ใบสาคัญค่าใช้จ่ายเสนอผู้บริหารสถานศึกษา และหน่วยงานที่สนับสนุนงบประมาณ การจดั อบรม 4. ประชุมสรปุ ผลการอบรม และรายงานการอบรมไปยังหน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้อง 5. รายงานผลการอบรม พรอ้ มภาพกิจกรรมไปยงั สานักงานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย และสานักงาน กศน. จงั หวดั /กทม. ภายใน 15 วนั หลังเสรจ็ สนิ้ การอบรม 6. รวบรวมเอกสารการอบรม ภาพกิจกรรมจัดทาเป็นรูปเล่มเพ่ือใช้ประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้า ควรมี ขอ้ คดิ เห็นและข้อเสนอแนะของผู้จัดอบรม เพือ่ เปน็ ข้อมลู การจดั อบรมหรอื การจดั กจิ กรรมต่อเนื่องในครัง้ ต่อไป ลำดบั ขัน้ ตอนกำรจัดคำ่ ยอบรมอำสำยุวกำชำด กำรดำเนินกำร 1. เขยี นโครงการและดาเนนิ การขออนุมัติ ก่อน 2. ดาเนนิ การแตง่ ตัง้ คณะกรรมการฝกึ อบรม 3. ขอความร่วมมือไปยงั แหลง่ สนับสนนุ ต่างๆ กำรอบรม 4. ทาหนงั สือแจ้งไปยังหนว่ ยงานท่เี กี่ยวข้อง 5. ประชาสัมพนั ธโ์ ครงการฝกึ อบรม 6. จดั ทาเอกสารฝึกอบรม 7. จดั หาอุปกรณ์สาหรับการฝึกอบรม 8. ประชมุ คณะกรรมการฝึกอบรม 9. ทาหนงั สือเชญิ ต่างๆ 10. จดั ทาคากลา่ วพิธเี ปิด-ปิดการฝกึ อบรม 11. เตรียมสถานที่ ป้ายงาน นิทรรศการ ฯลฯ 18

กำรดำเนินกำร 1. ประชุมคณะกรรมการฝึกอบรม ระหวำ่ ง 2. ความพร้อมด้านส่งิ ของ เครื่องใชแ้ ละ กำรอบรม อปุ กรณ์ กำรดำเนินกำร 3. ความพร้อมด้านสถานที่อบรม ท่ีพัก และ หลังเสร็จส้ิน กำรอบรม สถานท่ีใชร้ ่วมกนั 4. ความพร้อมด้านอาหาร น้าดื่ม สวัสดกิ าร 5. ความพร้อมด้านยานพาหนะอานวยความ สะดวก 6. การวัดผลและประเมินผล 7. จัดเตรยี มวฒุ บิ ัตร 8. บริหารงบประมาณ 1. นาอุปกรณ์สิ่งของส่งคนื 2. ทาหนังสือขอบคณุ 3. รวบรวมหลกั ฐาน ใบสาคัญค่าใช้จา่ ย 4. สรุปประเมินผลการอบรมและรายงาน 5. รวบรวมเอกสาร จดั ทาเปน็ รูปเล่ม เพ่ือการศึกษาปรับปรุงและพัฒนาครงั้ ต่อไป 19

ตัวอย่ำง โครงกำรอบรมอำสำยวุ กำชำดหลักสตู รพื้นฐำนยุวกำชำด 1.ชื่อโครงกำร โครงการฝกึ อบรมอาสายุวกาชาดหลกั สูตรพน้ื ฐานยุวกาชาด 2.หลักกำรและเหตผุ ล กิจกรรมอาสายุวกาชาด เป็นกิจกรรมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนของสานักงาน กศน. อายุ 15-30 ปี ให้มีโอกาสพฒั นาคุณภาพชีวิตของตนทง้ั ทางร่างกายและจติ ใจ โดยเฉพาะ ในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ด้านการปลูกฝังให้เป็นผู้เสียสละ ทาตนให้เป็นประโยชน์ มีระเบียบวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ สามารถทางานและอยู่ร่วมกันผู้อ่ืนได้อย่างมี ความสุข นอกจากน้ีกิจกรรมอาสายุวกาชาดยังสอดคล้องกับกิจกรรม..................... .......................................จึงควรมีโอกาสให้ผู้เรียนของสานกั งาน กศน. ในความรับผิดชอบ ได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์กาชาดและยุวกาชาด อุทิศตนเพ่ือประโยชน์ต่อสังคม การดารงชวี ติ และเป็นทพ่ี ึง่ พาของชมุ ชนในโอกาสต่อไป (ชื่อหน่วยงานท่ีจัด...................................) เห็นความสาคัญและประโยชน์ ของกิจกรรมอาสายุวกาชาดเป็นอย่างดียิ่ง จึงจัดโครงการอบรมอาสายุวกาชาด หลักสูตรพืน้ ฐานยุวกาชาดข้นึ เพ่อื ส่งเสริมให้ผู้เรยี นของสานักงาน กศน. เปน็ คนดี คนเก่ง มีความรอบรู้ มีสุขภาพดีและเป็นที่พึ่งพาของชุมชน รวมทั้งสามารถสร้างสรรค์กิจกรรม อันก่อให้เกิดประโยชน์แกต่ นเองและผ้อู นื่ ไดอ้ ีกด้วย 3.วตั ถปุ ระสงค์ 3.1 เป็นการเผยแพรอ่ ุดมการณข์ องกาชาดและยุวกาชาด 3.2 ให้ผู้เรียนของสานักงาน กศน. มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการกาชาดและ ยวุ กาชาด ตลอดจนการดารงชีวติ ทง้ั ในปจั จบุ ันและอนาคต 3.3 เพื่อเสรมิ สร้างความศรทั ธาและเจตคตทิ ่ดี ีต่อกิจการกาชาดและยุวกาชาด 3.4 เพื่อให้ผู้เรียนของสานักงาน กศน. ตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ รู้จัก การเสยี สละและพร้อมที่จะชว่ ยเหลือสงั คมสว่ นรวม 20

4.เป้ำหมำย 4.1 เชิงปริมำณ ผู้เรียนของสานกั งาน กศน. อายุ 15-30 ปี ในจังหวัด............................เข้ารับ การอบรม จานวน............................คน 4.2 เชิงคณุ ภำพ ผู้เรียนของสานักงาน กศน. ที่เข้ารับการอบรมได้รับความรู้ ความเข้าใจใน อุดมการณ์ของกาชาดและยุวกาชาด ท้ังสามารถนาความรู้และประสบการณท์ ่ีไดร้ บั ไปใช้ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครวั และสังคมได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 5.ระยะเวลำกำรฝกึ อบรม ระหวา่ งวันที่ ...................เดือน........................พ.ศ................ 6.สถำนที่ฝกึ อบรม ณ...................................................................................... ................ อาเภอ........................................จงั หวัด............................................ 7.วธิ ีดำเนนิ กำร 7.1 เสนอและขออนมุ ัตโิ ครงการ 7.2 ประสานงานสานักงานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย 7.3 ประสานงานสานกั งานเหลา่ กาชาดจงั หวดั 7.4 ประสานสานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษา 7.5 ประสานงานสานกั พฒั นาการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมเขตการศกึ ษา 7.6 ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านสถานท่ี วิทยากร และอุปกรณ์ ฝึกอบรม ฯลฯ 7.7 จัดเตรยี มสถานท่ฝี ึกอบรม 7.8 ดาเนินการฝึกอบรมแบบอยคู่ า่ ยพักแรม/ค่ายกลางวัน 7.9 สรปุ และรายงานผลการฝกึ อบรม 8. งบประมำณ 8.1 ขอรับการสนบั สนุนจากสภากาชาดไทย จานวน..............................บาท 8.2 ขอรับงบประมาณสนบั สนนุ จาก เหลา่ กาชาดจังหวดั จานวน..............................บาท 21

8.3 ขอรบั งบประมาณสนบั สนุนจากแหล่งอ่นื ๆ ..............................................บาท (ใหร้ ะบุแหลง่ ท่มี าของงบประมาณ และจานวนงบประมาณในแตล่ ะแหลง่ ที่มา) ประมาณการคา่ ใชจ้ า่ ย 1) คา่ วัสดุฝกึ อบรม เปน็ เงิน....................................บาท 2) คา่ ตอบแทนวิทยากร เป็นเงิน....................................บาท 3) คา่ น้ามันเช้อื เพลิง เป็นเงนิ ....................................บาท 4) คา่ อาหารเจ้าหน้าท่ี/วทิ ยากร ผู้เข้ารับการอบรม (.....คน/.....บาท/.....มื้อ) เปน็ เงนิ ....................................บาท 5) คา่ เครอ่ื งดื่มเจ้าหนา้ ที่ วทิ ยากร ผู้เขา้ รบั การอบรม (.....คน/.....บาท/.....ม้ือ) เปน็ เงิน....................................บาท 6) ค่าใชจ้ า่ ยเบ็ดเตล็ด เปน็ เงนิ ....................................บาท รวม เปน็ เงนิ ....................................บำท (ขอถวั จ่ายทุกรายการที่จาเป็นและจ่ายจริง) 9. หน่วยงำนรบั ผิดชอบโครงกำร (หนว่ ยงานท่ีจัด/ผจู้ ดั โครงการ/เลขาโครงการ) 10. หน่วยงำนสนบั สนนุ 10.1 สานักงานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย 10.2 สานกั งานเหล่ากาชาดจงั หวดั 10.3 สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา 10.4 สานักพฒั นาการศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม เขตการศกึ ษา 10.5 อน่ื ๆ 11. กำรประเมินผล 11.1 สงั เกตพฤตกิ รรม 11.2 จากการทดสอบ 11.3 จากแบบประเมนิ ผล 22

12. ผลทีค่ ำดวำ่ จะได้รบั 12.1 อาสายุวกาชาดมีความศรัทธาต่อกิจการกาชาดและเข้าร่วมกิจกรรม อย่างต่อเนือ่ ง 12.2 อาสายุวกาชาดได้มีโอกาสพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองตามอุดมการณ์ ของกาชาด 12.3 อาสายุวกาชาดได้รับความรู้และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน ให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ตนเอง ชุมชนและประเทศชาตไิ ดม้ ากขึน้ ผเู้ สนอโครงการ ผอู้ นุมตั ิ โครงการ (....................................................) (....................................................) ผ้รู ับผิดชอบโครงการ ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาท่ีจัดอบรม หลกั สตู รกำรจดั คำ่ ยอบรมอำสำยุวกำชำด มี 2 หลกั สตู ร ดงั นี้ 1. หลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด 2. หลักสูตรเฉพาะทาง หลกั สตู รพืน้ ฐำนยุวกำชำด การจัดอบรมค่ายอาสายุวกาชาดหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด จัดตามวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม ยุวกาชาดซึ่งมี 6 ประการ คอื เพ่ือฝกึ อบรมให้ผู้เรยี นของสานักงาน กศน. ดงั น้ี 1. มีอดุ มคตใิ นศานตสิ ขุ มคี วามจงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. มีความรู้ ความชานาญ ในการรักษาอนามัยของตนเองและของผู้อน่ื ตลอดจนการพัฒนาตนเอง ทางร่างกาย จติ ใจ คุณธรรม และธารงไว้ซึง่ เอกลกั ษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ 3. มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักการและอุดมการณ์กาชาด มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจ เมตตา กรณุ าต่อเพอื่ นมนุษย์ 4. บาเพ็ญตนให้เปน็ ประโยชนต์ อ่ ผอู้ น่ื ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ 5. มจี ติ สานึก ในการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อม 6. มีสมั พันธภาพ และมีมติ รภาพทีด่ กี ับบคุ คลทัว่ ไป หลกั สูตรพ้ืนฐานยุวกาชาด มีตารางการอบรม 6 แบบ ผู้ดาเนินการจัดอบรมอาสายวุ กาชาด สามารถเลือก ตารางการอบรมให้เหมาะสมกับความพร้อมของสถานศึกษา สามารถดูรายละเอียดได้จาก คู่มือวิทยากร ยุวกาชาด สาหรับการอบรมอาสายุวกาชาดหลักสูตรพื้นฐานยุวกาชาด (เอกสารหมายเลข 32 ฝ่ายวิชาการ) ของสานกั งานยวุ กาชาด สภากาชาดไทย (http://thaircy.redcross.or.th/) 23

แบบท่ี 1 ตำรำงกำรอบรมอำสำยวุ กำชำดหลักสตู รพนื้ ฐำนยุวกำชำด แบบค่ำยกลำงวัน 2 วนั เวลำ 10.30-12.00 น. 12.00- 13.30-15.00 น. 15.00-16.30 น. วัน 08.00-10.30 น. 13.30 น. วนั ท่ี 1 ลงทะเบียน/ รอบโลกกับกาชาด กาชาดไทย บทบาทหนา้ ท่ขี อง วันท่ี 2 ปฐมนเิ ทศ/ขอ้ ตกลง และกฎหมาย และยุวกาชาด อาสายวุ กาชาดและ ในการอยู่รว่ มกนั / การบรกิ ารชุมชน พธิ ีเปิด/กลมุ่ สมั พันธ์/ มนษุ ยธรรมระหวา่ ง ประเทศ ทดสอบขน้ั ต้น รับประทาน 08.00–09.00 น. 09.00-12.00 น. อาหาร 13.30-16.00 น. 16.00-16.30 น. กลางวนั การปฐมพยาบาล 13.00 น. การปฐมพยาบาล ทดสอบขั้นปลาย/ กจิ กรรม 1. การเปน็ ลม การชกั ประเมินผล/พิธปี ิด 1. หลักการปฐมพยาบาล 2. การปฏบิ ัตกิ ารชว่ ยชวี ติ นันทนาการ ข้ันพน้ื ฐานในผใู้ หญ่ 08.00 น. การประเมนิ ผู้บาดเจ็บ 3. การสาลักในผ้ใู หญ่ พธิ ีหนา้ เสาธง และการจัดทา่ นอน 08.30 น. ทปี่ ลอดภยั กิจกรรม 2. แผลไหม้ นันทนาการ 3. บาดแผลชนิดต่างๆ 4. บาดแผลถูกสัตวก์ ัด 5. ข้อเคลด็ กระดูกหัก 24

แบบที่ 2 ตำรำงกำรอบรมอำสำยุวกำชำดหลกั สูตรพื้นฐำนยวุ กำชำด แบบค่ำยกลำงวนั 3 วนั เวลำ 08.00-10.30 น. 10.30-12.00 น. 12.00- 13.30-15.00 น. 15.00-16.30 น. วัน 13.30 น. วนั ที่ 1 ลงทะเบียน/ รอบโลกกับกาชาด กาชาดไทย บทบาทหนา้ ท่ขี อง ปฐมนเิ ทศ/ข้อตกลง และกฎหมาย รบั และยวุ กาชาด อาสายุวกาชาดและ วนั ที่ 2 ในการอยู่รว่ มกัน/ ประทาน การบรกิ ารชมุ ชน พธิ ีเปิด/กลุม่ สมั พนั ธ์/ มนุษยธรรมระหว่าง อาหาร วันที่ 3 ประเทศ กลางวนั ทดสอบขั้นตน้ 13.00 น. กจิ กรรม 08.00–09.00 น. 09.00-12.00 น. นนั ทนาการ 13.30-16.30 น. การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล (เช่นเดียวกับแบบคา่ ยกลางวัน 2 วัน) 08.00 น. (เชน่ เดยี วกบั 13.30-16.00 น. 16.00-16.30 น. พิธีหน้าเสาธง แบบค่ายกลางวัน 2 วัน) การพฒั นาคุณภาพชีวิต ทดสอบขัน้ ปลาย/ 08.30 น. (ตามหมายเหตดุ ้านลา่ ง) ประเมินผล/พิธีปิด กิจกรรม การพฒั นาคุณภาพชวี ติ นนั ทนาการ (ตามหมายเหตดุ า้ นล่าง) หมำยเหตุ ในวันท่ี 3 ของการอบรม สามารถเลอื กจดั ความร/ู้ ฝึกปฏบิ ัติ การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ โดยให้คานงึ ถึงความเหมาะสม ของทอ้ งถ่นิ และแหล่งวทิ ยากร ดงั นี้ 1. การดแู ลผสู้ งู อายุ 2. เยาวชนกับการปอ้ งกนั ชวี ิตและสขุ ภาพ : ความรเู้ พอ่ื ชวี ติ (Fact for lift) 3. การเตรยี มความพร้อมรบั ภัยพบิ ัติ 25

แบบที่ 3 ตำรำงกำรอบรมอำสำยวุ กำชำดหลกั สตู รพืน้ ฐำนยวุ กำชำด แบบคำ่ ยกลำงวนั 4 วนั เวลำ 08.00–10.30 น. 10.30-12.00 น. 12.00- 13.30-15.00 น. 15.00-16.30 น. วัน 13.30 น. วนั ที่ 1 ลงทะเบยี น/ รอบโลกกบั กาชาด กาชาดไทย บทบาทหนา้ ท่ขี อง ปฐมนเิ ทศ/ข้อตกลง และกฎหมาย รบั ประทาน และยวุ กาชาด อาสายุวกาชาดและ วันที่ 2 ในการอยรู่ ่วมกนั / อาหาร การบรกิ ารชุมชน วนั ท่ี 3 พธิ ีเปิด/กลุม่ สมั พนั ธ์/ มนุษยธรรมระหว่าง กลางวนั วนั ที่ 4 ประเทศ 13.00 น. ทดสอบขัน้ ต้น กจิ กรรม 08.00–09.00 น. 09.00-12.00 น. นนั ทนาการ 13.30-16.30 น. การปฐมพยาบาล การปฐมพยาบาล (เชน่ เดียวกบั แบบคา่ ยกลางวัน 2 วัน) (เชน่ เดียวกบั 08.00 น. แบบคา่ ยกลางวนั 2 วนั ) พธิ ีหนา้ เสาธง การพัฒนาคุณภาพชวี ติ การพัฒนาคุณภาพชีวติ 08.30 น. (ตามหมายเหตดุ ้านลา่ ง) (ตามหมายเหตดุ า้ นล่าง) กจิ กรรม 13.30-16.00 น. 16.00-16.30 น. นันทนาการ การพฒั นาคุณภาพชีวติ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ทดสอบขนั้ ปลาย/ (ตามหมายเหตดุ ้านล่าง) (ตามหมายเหตดุ า้ นลา่ ง) ประเมินผล/พิธปี ิด หมำยเหตุ ในวนั ท่ี 3 และที่ 4 ของการอบรม สามารถเลอื กจัดความรู/้ ฝึกปฏบิ ตั ิ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตโดยให้คานงึ ถึงความ เหมาะสมของท้องถิน่ และแหลง่ วทิ ยากร ดังน้ี 1. การดแู ลผู้สูงอายุ 2. เยาวชนกับการป้องกนั ชีวิตและสุขภาพ : ความรเู้ พื่อชีวติ (Fact for lift) 3. การเตรยี มความพรอ้ มรับภัยพบิ ตั ิ 26

แบบท่ี 4 ตำรำงกำรอบรมอำสำยวุ กำชำดหลักสตู รพนื้ ฐำนยวุ กำชำด แบบคำ่ ยกลำงวัน 2 วัน 1 คนื เวลำ 10.30-12.00 น. 12.00- 13.30- 15.00-16.30 น. 16.30- 19.30- 08.00–10.30 น. 13.30 น. 15.00 น. 19.00 น. 21.00 น. วัน ลงทะเบียน/ บทบาทหน้าที่ รบั ประทาน ของ อาหารเย็น พธิ ีต้อนรบั ปฐมนเิ ทศ/ขอ้ ตกลง รอบโลกกับกาชาด 19.00 น. และ อาสายุวกาชาด กจิ กรรม กลมุ่ สมั พนั ธ์ วันที่ 1 ในการอยูร่ ว่ มกัน/ และกฎหมาย กาชาดไทย และ นนั ทนาการ พิธีเปดิ / มนุษยธรรมระหว่าง และยุวกาชาด การบรกิ าร กลุ่มสมั พนั ธ์/ ประเทศ ชุมชน ทดสอบข้นั ตน้ 05.30– 09.00-12.00 น. รับ 13.30-16.00 น. 16.00- 09.00 น. 16.30 น. 05.30 น. ประทาน ทดสอบ ขน้ั ปลาย/ กายบริหารและ อาหาร ประเมนิ ผล/ พธิ ปี ิด วนั ท่ี 2 ฝกึ ระเบยี บแถว/ การปฐมพยาบาล กลางวนั การปฐมพยาบาล ภารกิจสว่ นตัว 1. หลักการปฐม 13.00 น. 1. การเป็นลม พยาบาล การประเมนิ กจิ กรรม การชกั 07.00 น. ผู้บาดเจบ็ และการจดั นันทนาการ 2. การปฏิบัติการ รบั ประทาน ทา่ นอนที่ปลอดภัย อาหารเชา้ 2. แผลไหม้ ชว่ ยชวี ติ ขน้ั พื้นฐาน 07.30 น. 3. บาดแผลชนดิ ตา่ งๆ การตรวจเย่ียม 4. บาดแผลถกู สัตวก์ ดั ในผใู้ หญ่ 08.00 น. 5. ขอ้ เคลด็ กระดูกหกั พิธหี นา้ เสาธง 3. การสาลักใน 08.30 น. ผู้ใหญ่ กิจกรรม นนั ทนาการ 27

แบบที่ 5 ตำรำงกำรอบรมอำสำยุวกำชำดหลกั สูตรพนื้ ฐำนยุวกำชำด แบบค่ำยกลำงวนั 3 วนั 2 คนื เวลำ 10.30-12.00 น. 12.00- 13.30- 15.00-16.30 น. 12.00- 19.30- 08.00–10.30 น. 13.30 น. 15.00 น. 13.00 น. 21.00 น. วนั ลงทะเบยี น/ บทบาทหนา้ ที่ ปฐมนเิ ทศ/ขอ้ ตกลง รอบโลกกบั กาชาด ของ พธิ ีตอ้ นรบั และกฎหมาย อาสายุวกาชาด วนั ที่ 1 ในการอยู่ร่วมกนั / กาชาดไทย และ พิธีเปดิ / มนุษยธรรมระหวา่ ง และยวุ กาชาด และ ประเทศ การบรกิ าร รบั ประทาน กลุ่มสมั พนั ธ์ กลมุ่ สมั พนั ธ์/ 09.00-12.00 น. ชุมชน อาหารเย็น ทดสอบข้ันตน้ การปฐมพยาบาล 19.00 น. 05.30–09.00 น. (เชน่ เดียวกบั 13.30-16.30 น. แบบคา่ ยพกั แรม กจิ กรรม 05.30 น. 2 วนั 1 คืน) รับ การปฐมพยาบาล นนั ทนาการ การแสดง กายบรหิ ารและ ประทาน (เช่นเดียวกบั เงียบหรอื วันท่ี 2 ฝึกระเบียบแถว/ อาหาร ภารกจิ ส่วนตัว กลางวัน แบบคา่ ยพักแรม 2 วนั 1 คืน) การแสดง 13.00 น. 07.00 น. กิจกรรม รอบกองไฟ รับประทาน นันทนาการ อาหารเช้า 13.30-16.00 น. 16.00- 16.30 น. 07.30 น. วันท่ี 3 การตรวจเยีย่ ม การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ การพฒั นา ทดสอบ 08.00 น. (ตามหมายเหตดุ ้านลา่ ง) คณุ ภาพชวี ติ ขน้ั ปลาย/ (ตามหมายเหตุ ประเมนิ ผล/ พธิ หี นา้ เสาธง ดา้ นล่าง) พิธปี ดิ 08.30 น. กจิ กรรม นันทนาการ หมำยเหตุ ในวนั ท่ี 3 ของการอบรม สามารถเลือกจัดความร/ู้ ฝกึ ปฏบิ ัติ การพัฒนาคณุ ภาพชีวิต โดยให้คานงึ ถึงความเหมาะสม ของทอ้ งถน่ิ และแหล่งวิทยากร ดงั นี้ 1. การดแู ลผ้สู ูงอายุ 2. เยาวชนกบั การปอ้ งกนั ชีวิตและสุขภาพ : ความรูเ้ พอื่ ชีวิต (Fact for lift) 3. การเตรยี มความพร้อมรบั ภยั พบิ ตั ิ 28

แบบท่ี 6 ตำรำงกำรอบรมอำสำยุวกำชำดหลักสูตรพ้ืนฐำนยุวกำชำด แบบคำ่ ยกลำงวัน 4 วัน 3 คืน เวลำ 12.00- 13.30- 15.00- 16.30- 19.30- 08.00–10.30 น. 10.30-12.00 น. 13.30 น. 15.00 น. 16.30 น. 19.00 น. 21.00 น. วัน ลงทะเบยี น/ บทบาทหน้าที่ ปฐมนเิ ทศ/ขอ้ ตกลง รอบโลกกบั กาชาด ของ พิธตี อ้ นรับ อาสายวุ กาชาด และ วันที่ 1 ในการอยรู่ ว่ มกนั / และกฎหมาย กาชาดไทย และการบรกิ าร พิธเี ปดิ / มนษุ ยธรรมระหวา่ ง และยุวกาชาด กลมุ่ สมั พันธ์ กลมุ่ สมั พันธ์/ ประเทศ ชุมชน รับประทาน ทดสอบขั้นต้น อาหารเย็น 19.00 น. 05.30–09.00 น. 09.00-12.00 น. 13.30-16.30 น. กจิ กรรม ฝึกปฏบิ ตั ิ นนั ทนากา ปฐม วนั ที่ 2 05.30 น. การปฐมพยาบาล รบั การปฐมพยาบาล (เช่นเดียวกบั กายบรหิ ารและ (เช่นเดยี วกับแบบค่าย ประทาน แบบคา่ ยพกั แรม 2 วัน 1 คืน) ร พยาบาล อาหาร ฝกึ ระเบียบแถว พักแรม 2 วัน 1 คืน) กลางวัน การแสดง 13.00 น. เงยี บหรอื /ภารกจิ ส่วนตวั กจิ กรรม 13.30-15.00 น. 15.00-16.30 น. การแสดง นนั ทนาการ รอบกองไฟ 07.00 น. การพฒั นาคุณภาพชีวติ การพัฒนา รบั ประทาน (ตามหมายเหตดุ ้านลา่ ง) วันที่ 3 อาหารเชา้ คณุ ภาพชีวิต RCY Game (ตามหมาย 07.30 น. เหตดุ ้านล่าง) การตรวจเยย่ี ม 13.30-16.00 น. 16.00-16.30 น. 08.00 น. การพฒั นา ทดสอบขั้นปลาย/ คุณภาพชีวติ ประเมินผล / วนั ที่ 4 พธิ ีหน้าเสาธง การพฒั นาคณุ ภาพชีวิต (ตามหมายเหตุ พธิ รี บั ผา้ ผูกคอ 08.30 น. (ตามหมายเหตดุ ้านล่าง) ด้านลา่ ง) พระราชทานฯ/ พิธปี ดิ กิจกรรม นนั ทนาการ หมำยเหตุ ในวนั ท่ี 3 และที่ 4 ของการอบรม สามารถเลอื กจดั ความร้/ู ฝกึ ปฏบิ ตั ิ การพัฒนาคณุ ภาพชีวิต โดยให้คานงึ ถึงความ เหมาะสมของท้องถ่ิน และแหล่งวทิ ยากร ดงั นี้ 1. การดแู ลผู้สงู อายุ 2. เยาวชนกับการปอ้ งกนั ชีวิตและสขุ ภาพ : ความรู้เพ่อื ชวี ติ (Fact for lift) 3. การเตรยี มความพรอ้ มรับภยั พบิ ัติ 29

หลักสตู รเฉพำะทำง สาหรับผู้เรยี นของสานักงาน กศน. สถานศึกษาที่จะจัดอบรมหลักสูตรเฉพาะทางให้กับอาสายุวกาชาด ควรให้อาสายุวกาชาดได้ผ่าน การอบรมหลักสตู รพ้ืนฐานยวุ กาชาดกอ่ น โดยมีหลักสูตรเฉพาะทาง 5 หลักสตู ร ดังนี้ 1. หลักสตู ร กำรปฐมพยำบำล วัตถปุ ระสงค์ 1. เพื่อให้อาสายวุ กาชาดตระหนกั ถึงความสาคัญของการปฐมพยาบาล 2. เพ่ือให้อาสายุวกาชาดมีความรู้ ความเข้าใจ มีทัศนคติที่ดี ตลอดจนสามารถนาความรู้ไปใช้ไปปฏิบัติ ในการชว่ ยเหลอื ตนเอง และผ้อู ืน่ ได้ ตำรำงกำรอบรมอำสำยวุ กำชำด หลกั สตู รอบรมอำสำยุวกำชำดเร่ืองกำรปฐมพยำบำล เวลำ 08.00- 09.00-12.00 น. 12.00- 13.30-16.00 น. 16.30- 19.30- วัน 09.00 น. 13.30 น. 19.00 น. 21.00 น. วันที่ 1 ลงทะเบียน/ ระบบสาคญั ของรา่ งกาย/ วนั ท่ี 2 ปฐมนิเทศ/ กลมุ่ สมั พันธ์/ หลกั การปฐมพยาบาล/ บาดแผล/แผลใหม่/การห้ามเลือด/ รับ พิธตี อ้ นรบั วันที่ 3 /พิธเี ปดิ การประเมนิ อาการ การใช้ผ้าพนั คอและการป้องกนั ประทาน และ อาหารเย็น 08.00 น. ผูบ้ าดเจบ็ /ภาวะหมดสติ ภาวะชอ็ กจากการเสียเลือด กลุม่ สมั พนั ธ์ พิธหี น้าเสาธง และการจดั รับ 19.00 น. 08.30 น. ท่านอนท่ีปลอดภัย ประทาน กจิ กรรม อาหาร การปฏบิ ัตกิ ารชว่ ยชวี ติ ขั้นพื้นฐาน กจิ กรรม ทบทวน นนั ทนาการ การปฏิบตั กิ ารชว่ ยชวี ติ กลางวนั และการสาลกั ในเดก็ ทารก นันทนาการ ความรู้เร่ือง พ้ืนฐานและการสาลัก 13.00 น. กาชาด ในผู้ใหญ่ กจิ กรรม นันทนาการ 13.30-15.00 น. 15.00-16.30 น. การเปน็ ลม การบาดเจ็บของกระดูก ช็อกชกั / ทดสอบภาคปฏบิ ตั ิ และข้อ/การเคลอื่ นย้าย สิง่ แปลกปลอมเข้า รายบคุ คล/ สู่ร่างกาย/ ประเมนิ ผล/ ผบู้ าดเจบ็ พิษจากสตั ว์ มอบวุฒบิ ตั ร/พธิ ีปดิ 30

2. หลักสตู ร กำรดูแลผ้สู ูงอำยุ วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือให้อาสายุวกาชาดมคี วามรู้ ความเข้าใจ ในการเปล่ียนแปลงของผู้สูงอายุทัง้ ทางรา่ งกาย จิตใจ และ สงั คม 2. เพื่อใหอ้ าสายุวกาชาดไดฝ้ ึกทกั ษะการดูแลผูส้ ูงอายุ ตำรำงกำรฝึกอบรมอำสำยุวกำชำด หลักสูตรกำรดแู ลผู้สูงอำยุ (T4V) (ยุวกำชำด) เวลำ 08.00 – 09.00-10.30 น. 10.30-12.00 น. 12.00- 13.00-14.30 น. 14.30-16.30 น. วัน 09.00 น. 13.30 น. วันท่ี 1 ลงทะเบยี น/ บทบาทของ การส่งเสริมสุขภาพ อาหารและโภชนา การออกกาลังกาย วนั ที่ 2 ปฐมนิเทศ/ สภาการชาดไทย ของผูส้ งู อายุ กลุม่ สมั พันธ์/ กับการพฒั นา รับ - อารมณ์/อุบตั เิ หตุ/ ประทาน พธิ ีเปดิ คุณภาพชวี ิต อดิเรก/อนามัย/ อาหาร ผ้สู ูงอายุและการอยู่ อจุ จาระ/อากาศ กลางวัน กล่มุ สมั พนั ธ์/ นันทนาการ ร่วมกบั ผสู้ ูงอายุ 09.00--12.00 น. 13.30-15.30 น. 15.30- 16.30 น. ทักษะพืน้ ฐานในการดูแลผสู้ ูงอายุ - การปฐมพยาบาล (การหา้ มเลือด ประเมนิ ผล/ มอบวฒุ บิ ตั ร/ การเขา้ เฝือก การสาลัก)/ การวดั สญั ญาณชพี พธิ ปี ดิ และการใช้ยา 31

3. หลกั สตู ร กำรเตรยี มพรอ้ มรบั ภัยพบิ ตั ิ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้อาสายุวกาชาดมีทักษะการดูแลสุขภาพอนามัย รู้จักโรคที่มาจากภัยพิบัติ และรู้จักวิธีป้องกัน เมอ่ื เกิดภยั พบิ ตั ิ 2. เพ่ือให้อาสายวุ กาชาดสามารถนาความรไู้ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ตำรำงกำรฝกึ อบรมอำสำยุวกำชำด หลกั สตู รกำรเตรยี มควำมพร้อมรับภัยพิบตั ิ เวลำ 08.00 – 09.00-10.30 น. 10.30-12.00 น. 12.00- วัน 09.00 น. 13.30 น. 13.00-15.00 น. 15.00-17.00 น. วันท่ี 1 ลงทะเบียน/ กาชาดกับ ความรู้ทัว่ ไป การเตรยี มพร้อมรบั การใชเ้ คร่ืองมอื วันท่ี 2 ปฐมนเิ ทศ/ งานภัยพิบัติ เก่ียวกับภัยพบิ ตั ิ ภยั พิบตั แิ ละ กลุม่ สมั พนั ธ์/ - ภารกจิของ - ความหมาย/ รบั การประเมนิ สภากาชาดไทย/ ประทาน ความเสย่ี ง พิธีเปิด องคก์ รกาชาด ประเภท/ อาหาร ในการจัดการภยั / ผลกระทบ กลางวัน กล่มุ สมั พันธ์/ หน่วยงานภาคีและ นนั ทนาการ หน่วยงาน ช่วยเหลอื ฉุกเฉนิ 09.00-12.00 น. 13.00-16.00 น. 16.00 – 17.00 น. การปฐมพยาบาลและการดแู ลสุขภาพ อาสายุวกาชาดพง่ึ พาได้ ประเมินผล/ โรคทีม่ ากับภยั พบิ ตั /ิ กจิ กรรมเสนอแนะ เรื่องภยั พบิ ัติ มอบวุฒบิ ตั ร/ และสถานการณจ์ าลอง พิธปี ดิ 32

4. หลักสูตร กำรกำชำดและกฎหมำยมนษุ ยธรรมระหวำ่ งประเทศ (IHL) วัตถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือให้อาสายุวกาชาดมีความรู้ความเข้าใจเร่ืองการกาชาดและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (RC&IHL) 2. เพ่ือให้อาสายุวกาชาดสามารถตอบคาถามเร่ืองการกาชาดและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (RC&IHL) ตำรำงกำรฝกึ อบรมอำสำยุวกำชำด หลกั สตู รกำรกำชำดและกฎหมำยมนุษยธรรมระหวำ่ งประเทศ (IHL) เวลำ 08.00– 09.00-10.00 น. 10.00-11.00 น. 11.00-12.00 น. 12.00- 13.30- 15.00- วัน 09.00 น. 13.30 น. 15.00 น. 16.00 น. ผจู้ ดุ ประกาย เครื่องหมายและ วันท่ี 1 ลงทะเบยี น/ ปฐมนิเทศ/ กาชาด/ เครอ่ื งกาชาด หลกั กาชาด ตน้ ไม้ พิธีเปดิ กลมุ่ สมั พันธ์ มนุษยธรรม องค์กรกาชาด สถานการณ์ 09.00-10.30 น. 10.30-12.00 น. รับ สถานการณ์ ควนั หลงจาก ประทาน เส่ียง วนั ท่ี 2 มนุษยธรรมในสภาวะ มุมมองของศักดศ์ิ รี อาหาร สงคราม 08.00 น. สงคราม พธิ หี นา้ กลางวนั ประเมินผล/ เสาธง 09.00-10.00 น. 10.00-11.00 น. 11.00-12.00 น. 13.00 น. ความแตกตา่ ง มอบวฒุ บิ ตั ร/ 08.30 น. กจิ กรรม ระหว่าง สาระสาคญั ทหารเดก็ อาวธุ ต้องหา้ ม นันทนาการ กฎหมาย พธิ ีปดิ วนั ที่ 3 กจิ กรรม หลกั พนื้ ฐานกฏ กบั ระเบดิ นนั ทนาการ และข้อห้ามของ มนุษยธรรม กฎหมาย ระหว่าง ประเทศ (IHL) 33

5. หลักสูตร ควำมร้เู พ่อื ชวี ติ (Fact for lift) วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพ่ือใหอ้ าสายวุ กาชาดมคี วามรูพ้ ื้นฐานในเรือ่ งโภชนาการ สารอาหาร และโรคทีเ่ กิดจากการขาดสารอาหาร 2. เพือ่ ใหอ้ าสายวุ กาชาดสามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้ ตำรำงกำรฝึกอบรมอำสำยุวกำชำด หลกั สตู รควำมรู้เพ่อื ชวี ิต เวลำ 08.00 - 09.00-12.00 น. 12.00- 13.30-16.00 น. 16.00- วนั 09.00 น. 13.30 น. 16.30 น. ชวี ิตและความหวัง/ ละครโรงเล็ก ลงทะเบียน/ ทางสู่ความหวัง/ รบั - เอดส์/สารเสพตดิ / ประเมินผล/ ปญั หาชวี ิตและการแกไ้ ข/ ประทาน การทอ้ งกอ่ นวยั อนั ควร/ มอบวุฒบิ ตั ร/ วนั ที่ 1 ปฐมนิเทศ/ ปรึกษากับคนใกลช้ ิด อาหาร เพอ่ื นกับการเลือกคู่ชีวิต/ กล่มุ สมั พนั ธ์/ กลางวัน การวางแผนครอบครวั / พธิ ปี ดิ 13.00 น. ทศั นคติที่ดีตอ่ ผตู้ ดิ เชือ้ พิธเี ปดิ กิจกรรม นนั ทนาการ กำรจดั กิจกรรมต่อเนอื่ งในชมุ ชน การอบรมอาสายุวกาชาด เป็นการจุดประกายความคิดให้ผู้เรียนประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นพลเมืองดีของ สังคม โดยอุทิศตนร่วมทาประโยชน์เพ่ือส่วนรวมในโอกาสต่างๆ หน่วยงานที่จัดอบรม ควรส่งเสริมสนับสนุนให้ อาสายุวกาชาดได้รวมตัวกันเป็นคณะกรรมการดาเนินกิจกรรมต่อเน่ือง ในรูปแบบของชมรมอาสายุวกาชาด ซ่ึงคณะกรรมการ และสมาชิกท่ีอยู่ในชมรม จะมีบทบาทหน้าที่ในการคิดริเร่ิม สร้างสรรค์กิจกรรมต่อเน่ืองด้วย ตวั ผูเ้ รยี นเอง โดยมีเจ้าหนา้ ที่ของหนว่ ยงานเปน็ ท่ปี รกึ ษาในชมรมนัน้ ๆ การจัดกิจกรรมต่อเนื่องสาหรับชมรมอาสายุวกาชาดในพื้นที่ส่วนภูมิภาค ควรมี กำรประสำนสัมพันธ์กับ สำนักงำนเหล่ำกำชำดจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานของสภากาชาดไทยในแต่ละจังหวัด มีบทบาทหน้าท่ีสนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมของสภากาชาดไทยในด้านยุวกาชาดของจังหวัดน้ันๆ ตลอดจนท้ังบรรเทาทุกข์และเป็นท่ีพึ่งพา ของผู้ประสบภัยเมื่อเกิดภัพพิบัติต่างๆ บทบาทหน้าท่ีดังกล่าวนี้ จาเป็นต้องประสานความร่วมมือจากบุคลากร ของกาชาดในจังหวัด ดังน้ัน หากได้มีการประสานแผนการทางานร่วมกับสานักงานเหล่ากาชาดจังหวัด ถือเป็น โอกาสอันดีของชมรมอาสายุวกาชาดท่ีจะได้ร่วมปฏิบัติงานในฐานะท่ีเป็นส่วนหน่ึงของสภากาชาดไทย เพ่ือเป็น กาลังสาคัญของจังหวัด และสภากาชาดไทยในการดาเนินกิจกรรมอย่างต่อเน่ืองต่อไปในอนาคต ก่อให้เกิดผลดี ทั้งองค์กรสภากาชาด และชมรมอาสายุวกาชาด เกิดความภูมิใจที่ได้บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมตาม หลักการของกาชาด ทั้งนี้ กิจกรรมต่อเนื่องสาหรับชมรมอาสายุวกาชาดสามารถพิจารณาดาเนินกิจกรรมจาก ตวั อยา่ งทเี่ สนอแนะ ดังตอ่ ไปน้ี 34

1. กิจกรรมสง่ เสริมสถาบันของชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ แ์ ละบคุ คลสาคญั เช่น 1.1 ร่วมพิธกี ารสาคัญทางศาสนา 1.2 ร่วมพธิ กี ารหรอื กจิ กรรมเพอ่ื เฉลิมพระชนมพรรษาหรอื น้อมระลึกในพระมหากษตั รยิ ์ 1.3 ร่วมกิจกรรมวันกาชาดโลก วนั ท่ี 8 พฤษภาคม ของทกุ ปี 1.4 ร่วมกิจกรรมวันคล้ายวนั สถาปนายวุ กาชาดไทย วันที่ 27 มกราคม ของทกุ ปี 2. กจิ กรรมบริการชมุ ชน สามารถจัดกิจกรรม โดยประสานกับสานักงานเหล่ากาชาดจังหวัด หรือหน่วยงานเครือข่าย ดา้ นสาธารณกุศล โดยพจิ ารณาตามความเหมาะสม ดังกิจกรรมซง่ึ นาเสนอต่อไปน้ี 2.1 รณรงค์หาผูบ้ ริจาคโลหิตชว่ ยชวี ติ เพอ่ื นมนุษย์ 2.2 รณรงค์บรจิ าคส่ิงของช่วยผูป้ ระสบภัยพบิ ตั ิ 2.3 การจัดกิจกรรมฟน้ื ฟจู ิตใจสาหรับผู้สงู อายุ เดก็ กาพรา้ ผูพ้ กิ าร ฯลฯ 2.4 เป็นแกนนากลุ่มเยาวชนในการเป็นท่ีพึ่งพาของชุมชน ช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่างๆ ปฏบิ ตั ิงาน บรรเทาทุกข์ผ้เู ดอื ดร้อน หรอื รณรงค์ร่วมกันรักษาความสะอาดสถานท่ีที่ใช้รว่ มกัน 3. กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งสันติภาพและสมั พันธภาพ กิจกรรมของกาชาดและยุวกาชาดปลูกฝังให้คนทุกคนมีความรักในสันติสุข มีสัมพันธภาพอันดี ต่อกันในมวลมนุษย์ทั่วโลก กิจกรรมเสริมสร้างสัมพันธภาพ จึงเป็นกิจกรรมหน่ึงที่จะนาไปสู่เป้าหมายดังกล่าว เพื่อให้มวลมนุษย์มีความรัก ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความเอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ต่อกัน ซึ่งมีกิจกรรม นาเสนอตอ่ ไปน้ี 3.1 งานชุมนุมยุวกาชาดระดับจงั หวดั 3.2 งานชมุ นุมยวุ กาชาดภูมิภาคสมั พนั ธ์ 3.3 งานชมุ นมุ ยวุ กาชาดกลุม่ ประเทศเอเชยี แปซฟิ กิ 3.4 การศึกษาดงู านกจิ กรรมกาชาด และยวุ กาชาดในประเทศและต่างประเทศ ฯลฯ 4. กจิ กรรมเสริมความรู้ กิจก รรมต่ อเนื่ องอีกลักษ ณ ะห น่ึงในการเพ่ิ ม พูน ป ระสบ การณ์ ค วาม รู้ สาห รับ อาสายุวกาชาด เพอ่ื พัฒนาคุณภาพชวี ิตของตนเองและเผยแพรป่ ระชาสมั พันธ์แก่ผู้อื่นต่อไป กิจกรรมเสริมความรู้ มดี ังนี้ 4.1 การอบรมความรดู้ ้านสขุ ภาพอนามัย 4.2 การอบรมความรู้เพื่อพัฒนาอาชพี 4.3 การจัดกิจกรรมทศั นศึกษา แหลง่ ความรตู้ ่างๆ กิจกรรมต่อเนื่องสาหรับชมรมอาสายุวกาชาดทั้ง 4 ลกั ษณะ ดังกล่าว เป็นเพียงกิจกรรมเสนอแนะสาหรับ การดาเนินการหลังจัดอบรมแล้ว นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น หน่วยงานหรือชมรมอาสายุวกาชาดสามารถ พิจารณาได้ตามความเหมาะสม โดยท่ีหากมีปัจจัยต่างๆ เอื้ออานวยให้จัดกิจกรรมใดก็ตามสามารถเลือก ดาเนินการได้ เพอ่ื ให้อาสายวุ กาชาดไดท้ าประโยชนร์ ่วมกับสงั คมมากทส่ี ุด 35

ตอนท่ี 4 แนวทำงกำรบริหำรจัดกำรกิจกรรมอำสำยวุ กำชำดในสถำนศึกษำสังกัดสำนกั งำน กศน. สถานศึกษาท่ีจะจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาด ต้องบริหารจัดการในเรื่องวิชาการและงบประมาณ ให้สอดคล้องกับระเบียบและนโยบายทกี่ าหนด การประสานงานกับหนว่ ยงานที่เก่ียวข้องในพ้ืนที่ โดยการทางาน ในรูปแบบของเครือข่าย ในแง่ของงบประมาณ บุคลากร และการใช้ทรัพยากรร่วมกัน รวมถึงควรต้องทราบ บทบาทหนา้ ท่ขี องหนว่ ยงานและสถานศกึ ษาในการส่งเสริมกจิ กรรมอาสายุวกาชาด ระเบียบกำรบริหำรยวุ กำชำด (ข้อบงั คบั สภำกำชำดไทยแกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี 68) พทุ ธศกั รำช 2550 หมวดที่ 9 วำ่ ด้วยยวุ กำชำด) ระเบียบกำรบริหำรยุวกำชำด ตามข้อบังคับของสภากาชาดไทย สถานศึกษาท่ีจะจัดกิจกรรมอาสา ยุวกาชาดสามารถประสานงานกับหน่วยงานยุวกาชาดในพ้ืนที่เพื่อเป็นเครือข่ายการทางานร่วมกัน รว มถึง การสนับสนุนในด้านต่างๆ ในพ้ืนที่ นอกจากนี้การบริหารยุวกาชาดในสถานศึกษาดาเนินการโดยคณะกรรมการ ตามโครงสร้างการบริหารยุวกาชาดตามข้อบังคับสภากาชาดไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 68) พุทธศักราช 2550 หมวดท่ี 9 ว่าด้วยยวุ กาชาด ดงั นี้ 1. คณะกรรมกำรยวุ กำชำดจังหวัด (ข้อบงั คับฯ ขอ้ 64) ประกอบด้วย (1) นายกยุวกาชาดจังหวัด เปน็ ประธานกรรมการ (2) นายกเหลา่ กาชาดจงั หวัด รองผวู้ า่ ราชการจังหวัด และปลดั จงั หวัด เปน็ รองประธานกรรมการ (3) นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด พัฒนาสังคมและความม่ันคงมนุษย์จังหวัด ผู้อานวยการ สานักงาน กศน.จังหวัด นายกเทศมนตรี ปลัดเทศบาล และผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาทุกเขต นอกจากเขต 1 เปน็ กรรมการ (4) ผ้ทู รงคุณธรรม จานวนไมเ่ กินหา้ คน เป็นกรรมการ (5) ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษา เขต 1 ของจงั หวดั นน้ั เปน็ กรรมการและเลขานุการ (6) หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาเขตพ้ืนที่การศึกษาเขต 1 ของจังหวัดนั้นและกรรมการ เหลา่ กาชาดจงั หวัดท่เี ปน็ ผู้ประสานงานยุวกาชาด เปน็ กรรมการและผูช้ ว่ ยเลขานกุ าร มีหน้าที่บริหารงานยุวกชาดในเขตที่ตนรับผิดชอบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของยุวกาชาด และนโยบายของคณะกรรมการบริหารยวุ กาชาด และมีอานาจหน้าทีด่ งั ตอ่ ไปนี้ (ขอ้ บังคบั ฯ ข้อ 65) 1. วางแนวการฝึกอบรมยวุ กาชาดใหเ้ หมาะกับสภาพของจังหวัดนน้ั 2. กากับดูแลการดาเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของยุวกาชาดและนโยบายของ คณะกรรมการบริหารยวุ กาชาด 3. พิจารณารายงานประจาปขี องยวุ กาชาดจงั หวดั 36

4. ส่งเสริมและสนับสนนุ กจิ การยวุ กาชาดใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ของยุวกาชาด 5. ดาริและวินจิ ฉยั ปญั หาตา่ งๆ ในการดาเนินงานยวุ กาชาด 6. ดาเนินการอื่นตามทกี่ าหนดไวใ้ นข้อบังคับหรอื ระเบยี บหรอื ตามที่คณะกรรมการสภากาชาด ไทยหรอื คณะกรรมการบรหิ ารยุวกาชาดมอบหมาย 2. คณะกรรมกำรยุวกำชำดในสถำนศึกษำ ตามข้อบังคับฯ ข้อ 72 กาหนดให้ผู้บริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งเป็นนายกหมู่ของสถานศึกษานั้น มหี นา้ ท่บี ริหารงานยวุ กาชาดในสถานศกึ ษาทต่ี นรบั ผิดชอบ คณะกรรมการยุวกาชาดในสถานศึกษา (ข้อบงั คับฯ ข้อ 73) ประกอบด้วย (1) นายกหมู่ของสถานศึกษา ประธานกรรมการ (2) รองนายกหมู่ รองประธานกรรมการ (3) ผู้นากล่มุ กรรมการ (4) รองผูน้ ากลมุ่ กรรมการ (5) ผ้ทู รงคณุ ธรรมจานวนไม่เกินห้าคน กรรมการ (6) ผนู้ ากลุ่มคนหนง่ึ เปน็ กรรมการและเลขานุการ ในกรณีที่เห็นว่าจาเป็นจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการไม่เกินสองคน ให้ประธานกรรมการ ยุวกาชาดจงั หวัด เป็นผแู้ ตง่ ต้ังกรรมการผูท้ รงคุณธรรมมีวาระอยู่ในตาแหน่งคราวละสี่ปี และอาจไดร้ ับการแต่งต้ัง ใหม่ได้ คณะกรรมการยุวกาชาดในสถานศึกษา มีหน้าที่บริหารงานยุวกาชาดในสถานศึกษาที่ตนรับผิดชอบ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของยุวกาชาดและนโยบายของคณะกรรมการบริหารงานยุวกาชาด และมีอานาจ หนา้ ที่ ดังตอ่ ไปนี้ (ตามขอ้ บงั คบั ฯ ขอ้ 74) (1) ดาเนินงานยุวกาชาดในสถานศึกษาท่ีตนรับผิดชอบให้เป็นไปตามนโยบายของสภากาชาดไทย และกระทรวงศกึ ษาธิการ (2) วางแนวการฝึกอบรมยวุ กาชาดภายในสถานศึกษาที่ตนรับผิดชอบ (3) กากับดูแลการดาเนินงานยุวกาชาดภายในสถานศึกษาท่ีตนรับผิดชอบให้เป็นไปตาม วัตถปุ ระสงคข์ องยวุ กาชาดและนโยบายของคณะกรรมการบริหารยุวกาชาด (4) พิจารณารายงานประจาปีของหมยู่ ุวกาชาดในสถานศกึ ษาที่ตนรบั ผดิ ชอบ (5) จดั ทารายงานประจาปีเสนอตอ่ ยวุ กาชาดจงั หวัด (6) สง่ เสรมิ และสนับสนนุ กจิ การยุวกาชาดใหเ้ ป็นไปตามวัตถปุ ระสงค์ของยุวกาชาด (7) ดาริและวินจิ ฉัยปญั หาตา่ งๆ ในการดาเนินงานยวุ กาชาดในสถานศึกษาทีต่ นรับผดิ ชอบ (8) ดาเนินการอ่ืนๆ ตามท่ีกาหนดไว้ในข้อบังคับหรือระเบียบตามท่ีคณะกรรมการสภากาชาดไทย คณะกรรมการบริหารงานยวุ กาชาด คณะกรรมการยวุ กาชาดจงั หวดั มอบหมาย 37

3. คณะกรรมกำรท่ีปรึกษำอำสำยุวกำชำด ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นประธานกรรมการท่ี ปรึกษา และกรรมการอ่ืนอีกไม่เกินสิบคนเป็นกรรมการที่ปรึกษา โดยให้ท่ีปรึกษาของชมรมอาสายุวกาชาด เป็น กรรมการท่ีปรึกษาและเลขานกุ าร มีหนา้ ที่ ดงั ตอ่ ไปน้ี (ตามขอ้ บังคับฯ ขอ้ 78) 1. กากับ ดูแล และพิจารณาให้มีการจัดต้ังอาสายุวกาชาด โดยใช้ชื่อว่า “ชมรมอาสา ยุวกาชาด (ระบชุ ่ือชมรม) ” แล้วนาเสนอสานกั งานยุวกาชาด สภากาชาดไทยเพอ่ื พิจารณาอนุมัติ 2. สง่ เสริมและสนับสนุนการดาเนนิ กิจกรรมชมรมอาสายวุ กาชาด 3. จัดทารายงานประจาปีของชมรมอาสายุวกาชาดเสนอต่อผู้อานวยการสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย กำรบรหิ ำรกำรจัดกิจกรรมอำสำยุวกำชำด กำรจัดกจิ กรรมอำสำยุวกำชำด สามารถดาเนนิ การได้ 2 แนวทาง ดงั น้ี 1. กำรจดั กจิ กรรมพฒั นำคุณภำพผ้เู รยี น 1.1 สานักงาน กศน. ได้กาหนดกรอบการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนตามนโยบายการจัด การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พื้นฐาน จานวน 14 กจิ กรรม ดังนี้ 1.1.1 กจิ กรรมพฒั นาวชิ าการ 1.1.2 กจิ กรรมพัฒนาทักษะชวี ติ 1.1.3 กิจกรรมท่ีแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา แบบรำยงำนผลกำรจัด กจิ กรรมรณรงค์ประชำสัมพนั ธ์ฯและพระมหากษัตริย์ 1.1.4 กจิ กรรมการเรยี นรู้ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1.1.5 กจิ กรรมลูกเสือและกิจกรรมยุวกาชาด 1.1.6 กิจกรรมกีฬาและสง่ เสริมสุขภาพ 1.1.7 กิจกรรมเพอ่ื พฒั นาความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ (ICT) 1.1.8 กิจกรรมเพ่ือพฒั นาความรสู้ ู่ประชาคมโลก 1.1.9 กิจกรรมจิตอาสา กศน. “เราทาความดีด้วยหวั ใจ” 1.1.10 กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอ่านและพัฒนาทกั ษะการเรียนรู้ 1.1.11 กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรูเ้ พ่ือพฒั นาทกั ษะอาชพี 1.1.12 กิจกรรมสง่ เสริมคณุ ธรรม จริยธรรม 1.1.13 กิจกรรมการเรียนรู้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข และกฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ งในชวี ิตประจาวัน 1.1.14 กิจกรรมเสริมสรา้ งความสามารถพิเศษ 1.2 โดยมรี ปู แบบการจดั กิจกรรมพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น ดังน้ี 1.2.1 แบบการจดั ค่ายวิชาการ ค่ายกิจกรรม คา่ ยกลางวันและค่ายพกั แรม 1.2.2 แบบช้ันเรียนโดยครู กศน. หรือวิทยากรที่มีความรู้หรือประสบการณ์ในการสอน วชิ าน้นั ๆ เปน็ ผูจ้ ัดกิจกรรมหรือร่วมกับเครอื ข่าย 38

1.2.3 แบบศึกษาดูงาน ในพื้นท่ีใกล้เคียงหรอื ภายในจังหวัด/ภาคเดียวกัน กรณีออกนอกพ้ืนท่ีให้ ขอความเห็นชอบจากผูอ้ านวยการสานักงาน กศน.จงั หวดั /กทม. 1.2.4 แบบอื่นๆ โดยพิจารณารปู แบบท้ัง 3 ข้อขา้ งตน้ ก่อน แล้วจึงดาเนินการแบบอื่นๆ กิจกรรมอาสายุวกาชาด เป็นกิจกรรมเพ่ือพัฒนาและส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นผู้ท่ีมีจิตอาสา มีความเสียสละในการช่วยเหลือผู้อื่น สังคมและชุมชน โดยให้สถานศึกษาดาเนินการร่วมกับสานักงานยุวกาชาด สภากาชาดไทย ในการจัดต้ังชมรมอาสายุวกาชาด และการจัดกิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ตามนโยบายด้านกิจกรรม อาสายวุ กาชาด สานกั งาน กศน สถานศึกษาสามารถจัดกิจกรรมอาสายุวกาชาดเป็นกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้รูปแบบ “คา่ ยกิจกรรม” ท้งั ค่ายกลางวัน และค่ายพกั แรม ตามความพรอ้ มของสถานศึกษาในหลกั สตู รต่อไปน้ี 1. หลักสูตรพ้ืนฐานยุวกาชาด แบบ 2 วัน 3 วัน และ 4 วัน 2. หลักสูตรเฉพาะทาง 2.1 หลักสูตรการปฐมพยาบาล 2.2 หลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ 2.3 หลักสูตรการเตรียมความพร้อมรับภัยพิบัติ 2.4 หลักสูตรการกาชาดและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (IHL) 2.5 หลักสูตรความรู้เพื่อชีวิต (Fact for lift) 2. กำรจัดกจิ กรรมพฒั นำคุณภำพชวี ิต (กพช.) กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) เป็นกิจกรรมที่เป็นองค์ประกอบสาคัญส่วนหน่ึงในโครงสร้าง ที่กาหนดไว้ในหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดให้ผู้เรียนต้องทากิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ิต จานวนไม่น้อยกว่า 100 ชั่วโมง เป็นเงื่อนไขในการจบหลักสูตร และตามประกาศสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันท่ี 18 มีนาคม 2557 ให้เพิ่มจานวนชั่วโมงกิจกรรม พัฒนาคุณภาพชีวิตจาก 100 ชั่วโมง เป็น 200 ชั่วโมง โดยให้ใช้กับผู้เรียนท่ีขึ้นทะเบียนเรียนต้ังแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2556 เป็นตน้ มา ลกั ษณะกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต (กพช.) แบ่งเปน็ 2 ประเภท ดังน้ี 2.1 กิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะชีวิตของตนเองและครอบครัว โดยใช้ กระบวนการเรียนรแู้ บบมสี ว่ นรว่ มของผูเ้ รยี น และตอ้ งพจิ ารณาในประเด็นสาคัญๆ ดงั น้ี 2.1.1 ประโยชน์ที่ตนเอง ครอบครัวได้รับ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สามารถสร้าง/พัฒนาทักษะ การดาเนนิ ชีวติ ให้ตนเอง/ครอบครัวอยไู่ ดอ้ ยา่ งมีความสุข 2.1.2 การมีส่วนร่วมของผู้เรียนและครอบครัว เป็นกิจกรรมท่ีดาเนินการแล้วผู้เรียนและ ครอบครวั เหน็ ความสาคัญและให้ความร่วมมอื 2.1.3 การใช้กระบวนการกลุ่ม เป็นกิจกรรมท่ีทาให้เกิดความร่วมมือในการดาเนินงาน มีการประสานงานความรบั ผดิ ชอบ เสียสละ และจติ บรกิ าร 2.1.4 ความเหมาะสมในการใช้ระยะเวลาในการปฏิบัตงิ านตามโครงการ 39

2.1.5 ปัจจัยท่ีเอ้ือต่อความสาเร็จ ได้แก่ ความรู้ แหล่งข้อมูล วัสดุ งบประมาณและการเลือกใช้ ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม 2.1.6 ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ เป็นการคิดส่ิงใหม่ๆ ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและ ครอบครวั 2.2 กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นการพัฒนาชุมชนและสังคม โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วม ของชุมชน และพิจารณาในประเดน็ สาคัญๆ ดงั น้ี 2.2.1 ประโยชน์ที่ชุมชนและสังคมจะได้รับหรือบริการท่ีช่วยเสริม หรือพัฒนาคุณภาพชีวิต ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง ตลอดจนสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย และอ่ืนๆ ที่ตอบสนองนโยบายการพฒั นาประเทศ 2.2.2 การมีส่วนร่วมของคนในชุมชน เป็นกิจกรรมท่ีดาเนินการแล้วคนในชุมชน เหน็ ความสาคัญและใหค้ วามรว่ มมือ ทั้งดา้ นความคิด แรงงาน วัสดุอปุ กรณ์ และอื่นๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง 2.2.3 การใช้กระบวนการกลุ่ม เป็นกิจกรรมท่ีทาให้เกิดความร่วมมือในการทางาน เสียสละ จิตบรกิ ารตามวถิ ปี ระชาธิปไตย 2.2.4 การใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน เป็นกิจกรรมท่ีใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติงานให้มี ความเหมาะสมกับกิจกรรมโครงงานที่นาเสนอ 2.2.5 ปัจจัยที่เอื้อต่อความสาเร็จในการจัดกิจกรรม เช่น บุคคลากร วัสดุ งบประมาณ และ การใช้ทรัพยากรทม่ี ีอยู่ในชมุ ชนให้เป็นไปอยา่ งประหยัด และประยุกต์ใชอ้ ยา่ งเหมาะสม 2.2.6 มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นการคิดส่ิงใหม่ๆ ท่ีเป็นประโยชน์และทาให้เกิด การพัฒนาไดอ้ ยา่ งต่อเนือ่ งและอย่างยงั่ ยนื หลกั การทากจิ กรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวิต (กพช.) 1. สถานศึกษาให้ผู้เรียนวางแผนการดาเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ร่วมกับ ครู กศน. เพื่อให้ผู้เรียนเสนอโครงการจดั กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวติ การเข้ารว่ มกจิ กรรม ให้เปน็ ไปตามแนวทาง ขั้นตอนทสี่ ถานศกึ ษากาหนด 2. สถานศึกษาจัดให้มีการลงทะเบียนกิจกรรมพัฒ นาคุณ ภาพชีวิต ในภาคเรียนแรก เพ่ือทาความเข้าใจให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับความรู้พื้นฐานของกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต จนเกดิ ความตระหนัก และเห็นความสาคัญของกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต สามารถเข้าร่วมกิจกรรม การเขียน โครงการ และดาเนนิ การ จัดกจิ กรรมตามโครงการไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพและตอ่ เน่ือง 3. สถานศึกษาและผู้เรียนสามารถนากิจกรรมบาเพ็ญประโยชน์ของอาสายุวกาชาดมาจัดทา โครงการ ดาเนินการจัดกิจกรรมทั้งในลักษณะค่าย หรือแบบศึกษาด้วยตนเอง จะปฏิบัติเป็นกลุ่มหรือเป็น รายบคุ คลก็ได้ สามารถดาเนินการได้อยา่ งต่อเนือ่ ง 4. การประเมินผลกิจกรรม ให้ประเมินจากการดาเนินการจัดกิจกรรมท่ีผู้เรียนเสนอโครงการ หรือ การเข้าร่วมกิจกรรมตามกรอบทส่ี ถานศกึ ษากาหนด โดยเน้นการประเมนิ แบบมสี ว่ นร่วม 40

เครือ่ งแบบยวุ กำชำด เคร่ืองแบบท่ีใช้ในการแต่งกายของอาสายุวกาชาด และเครื่องแบบเจ้าหน้าท่ี ที่ปรึกษาชมรมอาสา ยุวกาชาด วิทยากรยุวกาชาด ผอู้ านวยการฝกึ อบรมอาสายุวกาชาด มรี ายละเอียด ดงั น้ี 1. เครือ่ งแบบอำสำยวุ กำชำด มี 3 แบบ แบบที่ 1 ให้แต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษา ผูกผ้าผกู คอพระราชทานจากสมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี (สาหรับอาสายุวกาชาดท่ีสาเร็จการอบรมหลักสูตร พ้ืนฐานยวุ กาชาดหลักสูตร 4 วนั ) 41