Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สัปดาห์ที่ 5 พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของสังคมไทย

สัปดาห์ที่ 5 พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของสังคมไทย

Published by sutdhirak, 2023-06-27 05:08:32

Description: สัปดาห์ที่ 5 พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของสังคมไทย

Search

Read the Text Version

บทเรียนโมดูล วิชาหน้าที่พลเมืองและศีลธรรม เรื่อง พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของสังคมไทย จัดทำโดย นายสุทธิรักษ์ เชื้อดี แผนกวิชาสามัญ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม(สยามเทค) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

คำนำ หลักการและเหตุผล การสร้างบทเรียนโมดูล นี้ ประกอบด้วยเนื้อหา 2 ตอน ได้แก่ ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในประเทศไทย และ วิถีชีวิตไทยและค่านิยมที่มาจากพระพุทธศาสนา มุ่งให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ถึงการนำวัฒนธรรมมา พัฒนาสังคมไทยและเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่าง สันติสุข โดยการผ่านการเรียนรู้ ต้องศึกษาเอกสาร ประกอบการเรียนรู้ ทำแบบทดสอบระหว่างการ เรียนรู้เรียน และแบบทดสอบหลังเรียนได้ถูกต้อง ตามลิงก์/แอปพลิเคชันในแต่ละบทเรียน โดยการ สแกนคิวอาร์โค้ด/เข้าไปที่แอปฯ เพื่อตอบปัญหา และได้คะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของแบบ ทดสอบระหว่างเรียน และแบบทดสอบหลังเรียน กรณีที่ได้ไม่ถึงเกณฑ์ให้นักศึกษากลับเข้าไปตอบ คำถามซ้ำได้จนกว่าจะผ่านเกณฑ์ ผู้เรียน จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้เรื่อง วัฒนธรรมกับการพัฒนาสังคมไทยย มาบ้าง

สารบัญ คำนำ 1 สารบัญ 2 คำชี้แจง 3 จุดประสงค์การเรียนรู้ 5 แบบทดสอบก่อนเรียน ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา 7 ในประเทศไทย 9 พระพุทธศาสนาสมัยสุโขทัย-ล้านนา 10 พระพุทธศาสนาสมัยอยุธยา 11 พระพุทธศาสนาสมัยกรุงธนบุรี 15 พระพุทธศาสนาสมัยรัตนโกสินทร์ 20 วิถีชีวิตไทยและค่านิยมที่มาจากพระพุทธศาสนา 21 แบบทดสอบระหว่างเรียน 22 คลิปวิดีโอ แบบทดสอบหลังเรียน

คำชี้แจง การใช้บทเรียนโมดูล เรื่อง พระพุทธศาสนาเป็น รากฐานของสังคมไทย 1. อ่านคำชี้แจงและคำแนะนำสำหรับนักศึกษาให้ เข้าใจก่อนลงมือศึกษาชุดกิจกรรม 2. นักศึกษารับlink กิจกรรมทาง Line หรือ google classroom 3. ทําแบบทดสอบก่อนเรียนด้วยการสแกนคิวอาร์ โค้ด พิมพ์ชื่อ เลขที่ แล้วตอบคำถาม 4. ศึกษาเนื้อหาในชุดกิจกรรม ตามขั้นตอนที่ระบุไว้ ในคำชี้แจงทุกข้อในกิจกรรมท้ายบทเรียน 5. ทำแบบทดสอบระหว่างเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 6. ทําแบบทดสอบหลังเรียน ด้วยการเข้าไปที่ แอป พลิเคชัน edpuzzle ดูความก้าวหน้าในการเรียนของ นักศึกษา หลังจากศึกษาบทเรียนและทํากิจกรรมท้าย บทเรียนเรียบร้อยแล้ว ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 7. ในการทำกิจกรรมทุกชุดกิจกรรม ขอให้นักศึกษา ทําด้วยความตั้งใจ ให้ความร่วมมือ มีความซื่อสัตย์และ รับผิดชอบต่อตนเองให้มากที่สุด หากนักศึกษาไม่เข้าใจบทเรียนเนื้อหาตอนใด ให้ ถามครูผู้สอนเพื่ออธิบายเพิ่มเติม และสามารถเข้าไปที่ google classroom เพื่อศึกษานอกเวลาได้

จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สรุปสาระสำคัญของพระพุทธ ศาสนาในฐานะรากฐานของสังคมไทยได้ 2. วิเคราะห็วิถีชีวิตไทยและค่านิยม ที่มาจากพระพุทธศาสนาได้

แบบทดสอบก่อนเรียน ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ แต่ควรจะทำและทำดีกว่า

พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นในชมพู สังคมไทยอยู่คู่กับพระพุทธศาสนา ทวีป 2,600 ปีล่วงมาแล้ว ได้ ตั้งแต่ครั้งโบราณ จากหลักฐาน เจริญรุ่งเรืองอยู่ในแดนถิ่น โบราณคดีที่เก่าแก่ที่สุด พบที่เมือง กำเนิดราว 1,000 ปี และเสื่อมลง โบราณอู่ทอง มีวัดเป็นศูนย์กลาง เพราะถูกรุกราน แต่กลับมาเจริญ ของชุมชน เป็นแหล่งปัญญา รุ่งเรืองในดินแดนสุวรรณภูมิและ ศูนย์กลางการเรียนรู้ วิชาการ ภาษา ดินแดนอื่น ๆ ในทุกภูมิภาคโลก แพทย์ เป็นบ่อเกิดและศูนย์กลาง ปัจจุบันพบร่องรอยความรุ่งเรือง ของศิลปกรรมแขนงต่าง ๆ เช่น ของพระพุทธศาสนาในเมียนมา จิตรกรรม ประติมากรรม เนปาล ศรีลังกา ภูฏาน ทิเบต สถาปัตยกรรม วรรณกรรม และอื่น อัฟกานิสถาน ปากีสถาน ๆ ทั้งนี้ หลัก บังกลาเทศ ไทย สาธารณรัฐ ธรรมคําสอนของ พระพุทธศาสนา ประชาชนจีน มองโกเลีย คือ โอวาทปาติโมกข์ ละความชั่ว เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ทำความดี ชําระจิตใจให้บริสุทธิ์นั้น ญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา บรรพบุรุษไทยได้ประพฤติปฏิบัติ มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยเฉพาะ จริงจังจนปัจจุบันสมควรที่เยาวชน ประเทศไทย พระพุทธศาสนาเป็น ไทยควรศึกษาและสืบทอด ศาสนาประจำชาติ จากหลักฐาน ที่ ปรากฏ และวิถีชีวิตที่ยาวนานกว่า 1,200 ปี ถึงปัจจุบัน

1. ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ในประเทศไทย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ของ 1.1 พระพุทธศาสนา อินเดียได้บันทึกไว้ว่าในสมัย ประดิษฐานในเมืองโบราณ พระเจ้าอโศกมหาราช ราว พ.ศ. อู่ทอง 1,600-1,800 ปีที่ผ่าน 235 พระองค์ ทรงอุปถัมภ์ มา พบหลักฐานแสดงถึงการ พระพุทธศาสนาและได้ส่งสมณ นับถือ พระพุทธศาสนาที่ ทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนา 9 สาย เมืองโบราณอู่ทอง โดย ด้วยกัน โดยสายที่ 8 นําโดย พระ เฉพาะพระพุทธศาสนา นิกาย โสณะและพระอุตตระ นําพระธร หินยานหรือเถรวาททำให้ รมคําสอนมาเผยแผ่ยัง อู่ทองเกิดการปรับเปลี่ยนรูป สุวรรณภูมิหรือบริเวณเมียนมา แบบทางวัฒนธรรมเข้าสู่ ไทย ลาวกัมพูชา ในปัจจุบัน หลัง วัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งเป็น สิ้นยุคพระเจ้าอโศกมหาราช วัฒนธรรมสมัย พระพุทธศาสนาในอินเดียเริ่ม ประวัติศาสตร์ยุคแรกสุดบน เสื่อมลง แต่ไปเจริญในดินแดนที่ ผืนแผ่นดินไทย ได้ เคยจัดส่งพระธรรมทูตไป เผยแผ่พระพุทธศาสนา เนื่องจาก สมณทูตเหล่านั้นล้วนเป็นพระ เถระผู้ใหญ่ที่มีความรู้ในหลักธร รมคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้ง ภาคปริยัติธรรมและภาคปฏิบัติ ธรรมอย่างดีเยี่ยมนั่นเอง

เมืองโบราณอู่ทองมีความ นอกจากนี้ยังพบศิลปวัตถุ รุ่งเรืองทางวิทยาการ มีการ อินเดียแบบอมราวดี เป็น ผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น แผ่นดินเผารูปภิกษุ 3 รูปยืน เข้ากับวัฒนธรรมอินเดียก่อ อุ้มบาตร ครองจีวร แบบห่ม ให้เกิดรูปแบบวัฒนธรรมที่ คลุม สันนิษฐานว่าสร้างเพื่อ เรียกว่า ทวารวดี มีการขุด ประดับศาสนสถาน และ คูเมือง มีการนับถือพระพุทธ พบพระพุทธรูปปูนปั้ นปาง ศาสนานิกายเถรวาท สร้าง นาคปรก ปางห้ามสมุทร ปาง ศาสนสถานด้วยอิฐขนาดใหญ่ แสดงธรรม ประติมากรรมรูป พบโบราณวัตถุ ได้แก่ หล่อสัมฤทธิ์ รูปพระโพธิสัตว์ ธรรมจักรศิลา พระพุทธรูป อวโลกิเตศวรซึ่งเป็นพระ สัมฤทธิ์ พระพุทธรูปดินเผา โพธิสัตว์นิกายมหายาน เศียร พระพิมพ์ดินเผา ลวดลายปูน พระพุทธรูปทองคํา พระพุทธ ปั้ น โดยเฉพาะธรรมจักรศิลา รูปดินเผาปางสมาธิ และพระ พร้อมแท่นและเสาตั้งซึ่งถือ พิมพ์ดินเผา แสดงภาพพุทธ เป็นโบราณวัตถุเก่าแก่ มี ประวัติ ตอนมหาปาฏิหาริย์ สภาพสมบูรณ์เพียงชิ้นเดียว ด้านหลังจารึกอักษรปัลลวะ ในประเทศไทย ภาษาสันสกฤต เป็นข้อความ คาถา “เยธมฺมา” ซึ่งเป็นหัวใจ ของพระพุทธศาสนาที่นิยม จารึกไว้ด้านหลังพระพิมพ์ สมัยทวารวดี

1.2 พระพุทธศาสนา สมัยสุโขทัย-ล้านนา ราว พ.ศ. 1800 สุโขทัยเริ่มจากสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ราว พ.ศ. 1800 ไทยได้ประกาศอิสรภาพจากขอม อาณาจักร สุโขทัยนี้มีศาสนาต่าง ๆ ปะปน หลายลัทธิ หลายนิกาย ได้แก่ พราหมณ์จาก อินเดีย พระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งรับอิทธิพลมาจากขอม และพุทธศาสนานิกายเถรวาทตามแบบมอญ ต่อ มาสมัยพ่อขุนรามคําแหงได้อาราธนา พระสงฆ์ที่ได้ไปศึกษาพระพุทธ ศาสนาที่เมืองลังกาจากเมืองนครศรีธรรมราชมาเผยแผ่ที่กรุงสุโขทัยและ โปรดให้ สร้างวัดป่าถวาย เรียกว่า คณะอรัญวาสีหรือลัทธิลังกาวงศ์ เช่น วัดป่ามะม่วง วัดเขาพระบาทน้อย ศึกษาด้าน วิปัสสนาธุระ ส่วนวัดในเมือง เน้นการศึกษาพระธรรม เรียกว่า คณะคามวาสี พุทธสถานนิยมสร้างวัด ขนาดใหญ่ สร้างพระปรางค์ เช่น พระปรางค์วัดมหาธาตุ วัดพระพายหลวง สร้างพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามและสูงค่า โดยเฉพาะพระพุทธรูป ปางลีลา ปางมารวิชัย ปัจจุบันอัญเชิญประดิษฐานไว้ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ ครั้งรัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2325) ได้แก่ พระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม พระสุโขทัยไตรมิตร วัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นต้น ยุคสุโขทัยนี้ พ่อขุนราม คําแหงให้สร้างพระแท่นมนังคศิลาอาสน์กลางดงตาล เพื่อให้พระสงฆ์ เทศนาแก่ประชาชน สมัยพญาลิไทย มีการแต่งวรรณคดีเตภูมิกถา หรือ ไตรภูมิพระร่วง โดยเล่าเรื่องไตรภูมิ และแสดงคติธรรมสั่งสอนสืบต่อมา จนปัจจุบัน เช่น คํากล่าวที่ว่า “เมื่อน้อย ให้เรียนวิชา เติบใหญ่ให้หาสิน” “อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้ นวัวปั้ นควาย ให้ลูกท่านเล่น” ซึ่งตุ๊กตาดินเผา เป็นของเล่นที่นิยมมากในเมืองสุโขทัย และใช้ในพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ เรียกว่า ตุ๊กตาเสียกบาล เป็นต้น นอกจากนี้พญาลิไทยยังทรงผนวชเป็น ภิกษุจนถือเป็นแบบอย่างด้านประเพณี วัฒนธรรมแก่ชายไทยเรื่องชาย ไทยต้องบวชเรียนก่อนจะมีครอบครัว เรียกว่า บัณฑิต

พระพุทธศาสนาในอาณาจักรล้านนา เริ่มจาก สมัย พญามังรายจนถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้มีการพบพระแก้วมรกต สมัยพญาสามฝั่ ง แกน จากสถูปที่ถูกฟ้าผ่า จึงอัญเชิญพระแก้ว มรกต ไปประดิษฐาน ณ วัดพระแก้ว เมือง เชียงรายสมัยนี้มีการแต่งวรรณคดี เกี่ยวกับ พระพุทธศาสนาจำนวนมาก เช่น คัมภีร์มังคลัตถ ทีปนี คัมภีร์ ชินกาลมาลีปกรณ์ เป็นต้น

1.3 พระพุทธศาสนาสมัยอยุธยา 1กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีอยู่ถึง 417 ปี มีกษัตริย์ 33 พระองค์ ลักษณะ การนับถือ มีงานเทศกาลลอยกระทง ไหว้พระสำคัญประจำปีในเดือน 4 มี การบําเพ็ญวิปัสสนาแบบลังกาวงศ์ที่วัดป่าแก้ว เรียกว่า สงฆ์คณะป่าแก้ว อยุธยาช่วง พ.ศ. 1991-2013 รัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีการประชุมปราชญ์สงฆ์ เพื่อ กิจการศาสนา มีการแต่งหนังสือศาสนา พ.ศ. 2154-2171 รัชสมัยพระเจ้า ทรงธรรม ได้มีการส่งคณะสงฆ์ไปศึกษาพระปริยัติธรรม ที่ประเทศศรี ลังกา ค้นพบรอยพระพุทธบาทที่ภูเขาสุวรรณบรรพต และกําหนดให้มี ประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทในกลางเดือน 3 พ.ศ. 2199-2231 รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กุลบุตรนิยม บวชเรียนและได้รับ พระบรมราชูปถัมภ์ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่ง ฝรั่งเศส ส่งราชทูตเข้ามา เจริญสัมพันธไมตรีและเผยแผ่ศาสนาคริสต์ มีการมอบหมายให้พระโหราธิ บดีเขียนหนังสือเรื่องจินดามณี ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของ การศึกษา พ.ศ. 2275-2301 รัชกาลของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มี ประเพณีขุนนางที่มีบรรดาศักดิ์ต้องบวชเรียน และเกิดวรรณคดีทาง พระพุทธศาสนา เช่น นันโทปนันทสูตรคําหลวง พระมาลัยคําหลวง ปุณโณ วาทสูตร สมัยนี้ในประเทศศรีลังกา ศาสนวงศ์ได้เสื่อมสูญไป พระเจ้ากีรติ ศิริราชสิงหะจึงได้ส่งคณะทูตมาอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2293 เพื่อขอคณะสงฆ์ ไทยไปอุปสมบทกุลบุตรของศรีลังกา ไทยส่งพระอุบาลีเป็นหัวหน้าเกิด นิกายอุบาลีวงศ์ หรือสยามวงศ์ในศรีลังกานับแต่นั้น ครั้นปลายสมัย อยุธยา รัชสมัยพระเจ้าเอกทัศ อยุธยาได้เสียกรุงแก่พม่า พ.ศ. 2310 ศาสนสถานในอยุธยาถูกเผาทำลาย เหลือเพียงวัดหน้าพระเมรุ และต่อมา อุทยานประวัติศาสตร์ อยุธยาได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งมรดกโลก

1.4 พระพุทธศาสนา สมัยกรุงธนบุรี ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงกู้เอกราชเพื่อธํารง พระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่ไทยจึงทรงฟื้ นฟูศาสนา อย่างจริงจังด้วยการจัดสังฆมณฑลตำแหน่งสงฆ์ มี ผู้นําสงฆ์ใน ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช การเล่า เรียนพระธรรมคําสอนในสงฆ์ฝ่ายคันถธุระและ วิปัสสนาธุระ บูรณะพระอาราม ส่งเสริมการศึกษาพระ ไตรปิฎก ชําระคัมภีร์พระไตรปิฎกจากหัวเมืองต่าง ๆ แต่ช่วงเวลารัชสมัยมีระยะเวลาเพียง 15 ปีก็สิ้น รัชกาล มีข้อสังเกตว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีก็ปฏิบัติ วิปัสสนากัมมัฏฐาน และทรงแสดงเจตจํานง ในการกู้ ชาติว่าทรงทำไปเพื่อถวายแผ่นดินเป็นพุทธบูชาด้วย มีการจารึกปรากฏอยู่ในบริเวณวัดอินทาราม กรุงธนบุรี ว่า “อันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตาก ทนทุกข์ ยากกู้ชาติพระศาสนา ถวายแผ่นดินเป็นพุทธบูชา พระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน”

1.5 พระพุทธศาสนาสมัยรัตนโกสินทร์ เริ่มสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2325-2352 รัชกาลของพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้เป็น ผู้สถาปนาจักรีวงศ์ ทรงเป็นอัคร ศาสนูปถัมภกบูรณะซ่อมแซมวัดวาอาราม สร้างวัดในพระบรมมหาราช วัง เหมือนครั้งบ้านเมืองยังดี คือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อ ประดิษฐานพระแก้วมรกตและบําเพ็ญพระราชกุศล ในพระราชพิธีต่าง ๆ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎ์ และมี การสังคายนาพระไตรปิฎก ต่อมารัชสมัยรัชกาลที่ 2 พ.ศ. 2352-2367 พระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย ทรงปฏิสังขรณ์ วัดอรุณราชวราราม วัดโมลีโลกยาราม และฟื้ นฟูประเพณีวันวิสาขบูชาขึ้นมาใหม่ รัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2367-2394 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้มีการแปล พระไตรปิฎกจากภาษาบาลีเป็นภาษาไทย และ สร้างพระไตรปิฎกฉบับหลวงเพิ่มขึ้น บูรณะวัดเฉลิมพระเกียรติ วัด เทพธิดาราม รวบรวมตําราอักษรศาสตร์ แพทยศาสตร์ และโบราณคดี ไว้ที่วัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพน วิมลมังคลาราม ในสมัยนี้พระองค์ทรง อนุญาตให้เจ้าฟ้ามงกุฎตั้งธรรมยุติกนิกายใน พ.ศ. 2376 เป็นนิกายที่ ภิกษุประพฤติจริยวัตรแบบพระมอญ เคร่งครัดในพระวินัยเป็นอย่าง มาก

รัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2394-2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากได้ทรงผนวชมาก่อน จึงทรงทำนุบํารุงวัดและปฏิสังขรณ์พระปฐม เจดีย์ ที่จังหวัดนครปฐม วัดที่สร้างขึ้นใหม่ ได้แก่ วัดบรมนิวาส วัดโสมนัส วิหาร วัดปทุมวนาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดมกุฏกษัตริ ยาราม รัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2411-2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ใน พ.ศ. 2411 ทรงผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามตาม ประเพณีไทย ทรงสร้างวัดเป็นจำนวนมาก ได้แก่ วัดเบญจมบพิตร ดุสิต วนาราม ถวายพระสงฆ์มหานิกาย วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายพระ สงฆ์ธรรมยุติกนิกาย และ สร้างวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง คือ มหามกุฏราช วิทยาลัย สำหรับการศึกษาของสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย และ มหาจุฬาลง กรณราชวิทยาลัย สำหรับการศึกษาของสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย รัชกาลที่ 6 พ.ศ. 2453-2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงมีพระปรีชาสามารถใน การเทศนาสั่งสอนธรรมเพื่ออบรมข้าราชการด้วยพระองค์เอง ปรากฏใน บทพระราชนิพนธ์เทศนาเสือป่า ธรรมาธรรมะสงคราม ด้านการศึกษาของ พระสงฆ์ได้เปลี่ยนการสอบ พระปริยัติธรรมแผนกบาลี จากการสอบปาก เปล่าเป็นการสอบข้อเขียนและเพิ่มการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนก วิชาธรรมศึกษา โปรดให้ใช้พุทธศักราชแทนรัตนโกสินทร์ศก (พ.ศ. แทน ร.ศ.) ทรงตราพระราชบัญญัติยกเว้นการเป็นทหารของภิกษุสามเณร ตั้งกองอนุ ศาสนาจารย์เพื่อเผยแผ่พระธรรมแก่ข้าราชการทหารทุกเหล่าทัพ สืบจน ปัจจุบัน

รัชกาลที่ 7 พ.ศ. 2468-2477 พระบาทสมเด็จพระ ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์ในช่วงเวลาสั้น ๆ เนื่องจากทรงสละราชสมบัติ สมัยนั้นทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดพิมพ์พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ รัชกาลที่ 8 พ.ศ. 2477-2489 พระบาทสมเด็จพระ ปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดิ นทร เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองคณะสงฆ์ ไทย จัดรูปแบบคล้ายการปกครองแบบรัฐสภา มี สังฆมนตรี สมาชิก สังฆสภา รัฐบาลประชาธิปไตย ในรัชกาลนี้ได้สร้างวัดพระศรีมหาธาตุ ณ ตำบล บางเขน เพื่อจัดสร้างเจดีย์บรรจุพระบรม สารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย รัชกาลที่ 9 พ.ศ. 2489-2559 พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็น องค์อัคร ศาสนูปถัมภก ทรงผนวชตามราชประเพณี ณ วัด พระศรีรัตนศาสดาราม และจำพรรษา ณ วัดบวร นิเวศวิหาร สมัยนี้ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสงฆ์ พญาไท และยกระดับการศึกษาพระภิกษุสงฆ์ด้วย การยกฐานะวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง เป็นมหาวิทยาลัย คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยใน ฝ่ายมหานิกาย กับมหาวิทยาลัย มหามกุฏราช วิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในฝ่ายธรรมยุติกนิกาย และทรงทำนุบํารุงพระพุทธศาสนาจนสิ้นรัชกาล รัชกาลที่ 10 พ.ศ. 2559-ปัจจุบัน สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรา งกูร ได้สืบสานปณิธานบูรพกษัตริย์ทำนุบํารุง พระพุทธศาสนาทั้งด้านศาสนศึกษาและศาสน สถานสืบต่อจากรัชกาลที่ 9

กล่าวได้ว่า พระพุทธศาสนาได้ เจริญรุ่งเรืองในประเทศไทย มายาวนานนับจากพุทธ ศตวรรษที่ 3 ในรัชสมัยพระเจ้า อโศกมหาราชแห่งราชวงศ์โมริ ยะ ซึ่งตั้งราชธานี ณ กรุงปาฏ ลีบุตร แคว้นมคธ ในชมพูทวีป ได้ทรงจัดส่งสมณทูตอัญเชิญ พระศาสนาจาริกเผยแผ่ทุก สารทิศ โดยเฉพาะในแคว้น สุวรรณภูมิสืบทอดมาจนถึง ปัจจุบัน นับเป็นคุณูปการต่อ ชนชาวโลกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ จากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ชาติไทย พบว่า พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต่อ ความคิด ค่านิยม พฤติกรรม ของชนชาติไทยอย่างลึกซึ้ง วัฒนธรรมพระพุทธศาสนา ได้ ส่งผลสะท้อนไปสู่วัฒนธรรม ด้านอื่น ๆ ทั้งด้าน ขนบธรรมเนียมประเพณี เศรษฐกิจและสังคม โดย เฉพาะ บุคลิกภาพแบบไทย

3. วิถีชีวิตไทยและค่านิยมที่มาจากพระพุทธศาสนา ศิลาจารึกสมัยสุโขทัย กล่าวถึงวิถีชีวิตไทยที่เป็นผลมาจากการ นับถือพระพุทธศาสนาว่า “คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทานมักทรงศีล โอยทาน พ่อขุนรามคําแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ ชาวเจ้า ช่วยชั่ว ท่วยนางลูกเจ้าลูกขุน ทั้งสิ้นทั้งหลาย ผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วย มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน” พระพุทธ ศาสนาจึง เป็นสิ่งที่คู่กับสังคมไทยมายาวนานจนกลายเป็นวิถีชีวิต 3.1 วิถีชีวิตไทย พื้นฐานความคิดในสังคมไทยพัฒนามาจาก ความรู้จากพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะการเมืองการปกครองของ ไทยเกิดเอกภาพระหว่างคนในชาติ เพราะผู้ปกครองดำรงตนตาม หลักธรรม ดังข้อความ จากพระไตรปิฎกว่า “จักรพรรดิราชเป็นผู้ ประกอบในธรรม มีธรรมเป็นธงชัย มีธรรมเป็นยอด มีธรรมเป็น อธิบดี ย่อมจัดการอารักขาป้องกันและคุ้มครองโดยชอบธรรมในหมู่ ชน” ในชีวิตประจำวันของบุคคลตั้งแต่เกิดจนตาย เกี่ยวข้องกับ พระพุทธศาสนา 3 ลักษณะ คือ 1) ศรัทธา ความเชื่อ ชีวิตความเป็นอยู่ 2) ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมทางพระพุทธศาสนา 3) ประเพณี พิธีกรรมในชีวิตประจำวัน

3.2 ค่านิยมที่มาจากพระพุทธศาสนา ประเทศไทย เมียนมา ศรีลังกา นับถือพระพุทธศาสนานิกาย เถรวาท ยึดมั่นในพุทธธรรม และพระวินัยตามพระไตรปิฎก เกิดเป็นความเชื่อ ค่านิยม และแนวทางปฏิบัติตน ดังนี้ 1) การนับถือพระรัตนตรัย พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ชาวไทยมักเลื่อมใสใน พระ รัตนตรัย แสดงตนเป็นพุทธมามกะด้วยความเคารพ สืบทอดกันมา ตามคําสอนของพระพุทธศาสนานิกาย เถรวาทที่ถือว่าพระรัตนตรัยเป็นสรณะ (ที่พึ่ง) ของชาวพุทธ ตามข้อความในพระไตรปิฎกขุททกนิกาย ธรรมบท25/24/40 ความว่า “ผู้ใดนึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ มองเห็นด้วยปัญญาถ่องแท้ซึ่งทุกข์ เหตุให้ทุกข์เกิดขึ้น ความก้าวล่วงทุกข์ และอริยมรรคมีองค์ 8 อันให้ถึงความสงบระงับทุกข์นี่แหละคือสรณะ อันเกษม คือ ธรรมะอันอุดม ผู้ถือสรณะอย่างนี้แล้ว ย่อมปลอดจากทุกข์ทั้งปวง”

2) การดำรงชีวิตคฤหัสถ์ตามหลักทิฏฐธัมมิ กัตถประโยชน์ คือ การนําหลักคําสอนมาปฏิบัติ เพื่อ ประโยชน์ในชีวิตปัจจุบัน เป็นผู้ประกอบด้วย ทรัพย์ ยศ มิตรไมตรี ตามวิธีปฏิบัติ 4 ประการ ได้แก่ ประการที่ 1 ขยันหมั่นเพียรในอาชีพของตน เพื่อเป็นที่มาแห่งทรัพย์ ประการที่ 2 ประหยัดอดออม รักษาทรัพย์ที่ หามาได้โดยสุจริต ประการที่ 3 คบคนดีเป็นมิตร ประการที่ 4 ดำรงชีวิตเหมาะสมพอดีกับกํา ลังทรัพย์ที่หามาได้ ในครอบครัวไทย นิยมปลูกฝังหลักธรรมนี้สืบทอด แก่ลูกหลานในวงศ์ตระกูล เพื่อความเจริญในทุกชนชั้น 3) การละเว้นอบายมุข 6 ประการ อันเป็นที่มา แห่งความเสื่อมทั้งปวง ได้แก่ ประการที่ 1 เว้นจากการดื่มน้ำเมาและยาเสพ ติดให้โทษ ประการที่ 2 เว้นจากการเที่ยวเตร่ ประการที่ 3 เว้นจากการเที่ยวเล่น ดูการละ เล่น ประการที่ 4 เว้นจากการพนัน ประการที่ 5 เว้นจากการคบคนชั่วเป็นมิตร ประการที่ 6 เว้นจากความเกียจคร้าน

พระพุทธศาสนามีความสำคัญต่อ สังคมไทยหลายด้าน เป็นบ่อเกิดของ ความสามัคคีในชาติเพราะ คําสอน หลักของพระพุทธศาสนาตั้งอยู่บน ความเมตตากรุณาและให้อภัย นําไป สู่ความเป็นสุขของคนในชาติ แม้ว่า ปัจจุบันสังคมเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ซึ่งเป็นความเจริญด้านวัตถุ ทำให้ค่านิยมเรื่องการพัฒนาจิตใจมี ความสำคัญน้อยลง นํามาซึ่งปัญหา ต่าง ๆ ในวิถีชีวิตไทย หากพุทธศาสนิกชนมีความสนใจ หลักธรรมคําสอนของศาสนา น้อม นําคําสอนมาประยุกต์ใช้ในการ ดำเนินชีวิตของตน จะเป็นการแก้ไข ปัญหาสังคมปัจจุบันและอนาคตได้ อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปท้ายหน่วย สังคมไทยยอมรับนับถือพระพุทธศาสนาจนเป็น วิถีชีวิต มีหลักฐานปรากฏ ราวพุทธศตวรรษที่ 6- 12 สะท้อนแนวคิดสู่วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปกรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะบุคลิกภาพของคน ไทย มีมิตรไมตรี ให้อภัยและเมตตา คําสอนของ พระพุทธศาสนามาจากศาสดาที่เป็น บุคคลพิเศษ ในประวัติศาสตร์อินเดียโบราณ จากหลักฐานทาง โบราณคดี พบว่า ทรงเป็นชนชั้นวรรณะกษัตริย์ ที่ลด ละ เลิก การเสวยสุขทางกามารมณ์ เข้าสู่ แนวทาง แห่งวิมุตติ เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ เพราะภาวะเกิด แก่ เจ็บ ตาย แนวปฏิบัติของ พระพุทธองค์ปฏิบัติได้จริงสืบทอดจากอดีตมายา วนานกว่า 2,500 ปี ปรากฏในวิถีชีวิต ไทย คือ การเคารพพระรัตนตรัย การบวชเรียน การ พัฒนากาย วาจา ใจ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา จน เกิดการพัฒนาตนและสังคมอย่างยั่งยืน

แบบทดสอบระหว่างเรียน ยอมเจ็บเพราะรู้ความจริง ดีกว่ามานั่งยิ้มแล้วไม่รู้อะไรเลย

ดูคลิปวิดีโอกันก่อนนร๊าาา ความสุข ต่อให้เป็เรื่องเล็กน้อย ก็คือความสุข

แบบทดสอบหลังเรียน ชีวิตคล้ายหนังสือ ถ้าเอาแต่ถือคงไม่รู้ความหมาย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook