Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ส่งรูปเล่มโครงการเเบบเต็มรูปเเบบครั้งที่2

ส่งรูปเล่มโครงการเเบบเต็มรูปเเบบครั้งที่2

Published by puzzle1481, 2021-10-23 09:05:37

Description: ส่งรูปเล่มโครงการเเบบเต็มรูปเเบบครั้งที่2

Search

Read the Text Version

บทเรียนสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รำยวชิ ำ ระบบควบคมุ กำรขับเคล่อื นเบอ้ื งต้น Online Program Instructional of Basic drive control system subject นำงสำวกมลรตั น์ ขวำ้ งสบื 62201270048 นำงสำวญำณิศำ คำวิไล 62201270054 นำยปญุ ญพฒั น์ เรอื งสุทธิ 62201270069 โครงกำรนีเ้ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของกำรศึกษำตำมหลักสตู รประกำศนยี บัตรวชิ ำชีพ (ปวช.) พ.ศ. 2562 สำขำงำนเมคคำทรอนกิ ส์ สำขำวชิ ำเมคคำทรอนกิ ส์ วทิ ยำลยั เทคนคิ สัตหีบ ปกี ำรศึกษำ 2564

บทเรยี นสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รำยวชิ ำ ระบบควบคุมกำรขับเคลอ่ื นเบ้อื งตน้ Online Program Instructional of Basic drive control system subject นำงสำวกมลรตั น์ ขวำ้ งสบื 62201270048 นำงสำวญำณศิ ำ คำวไิ ล 62201270054 นำยปญุ ญพฒั น์ เรอื งสุทธิ 62201270069 โครงกำรนีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของกำรศึกษำตำมหลกั สูตรประกำศนียบัตรวชิ ำชีพ (ปวช.) พ.ศ. 2562 สำขำงำนเมคคำทรอนกิ ส์ สำขำวชิ ำเมคคำทรอนิกส์ วทิ ยำลัยเทคนคิ สัตหีบ ปกี ำรศึกษำ 2564

ใบรบั รองโครงการ สาขาวชิ าเมคคาทรอนิกส์ วิทยาลยั เทคนคิ สตั หบี ชื่อโครงการ บทเรียนสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รำยวิชำ ระบบควบคมุ กำรขบั เคลอ่ื นเบื้องต้น โดย นำงสำวกมลรตั น์ ขวำ้ งสบื นำงสำวญำณิศำ คำวิไล นำยปญุ ญพัฒน์ เรืองสุทธิ ไดร้ ับอนุมัติให้นับเป็นส่วนหนึ่งของกำรศึกษำตำมหลักสตู รประกำศนียบตั รวชิ ำชีพ (ปวช.) พ.ศ. 2564 สำขำวิชำเมคคำทรอนิกส์ วิทยำลยั เทคนิคสตั หีบ หัวหนำ้ สำขำวิชำเมคคำทรอนิกส์ (นำยสมบัติ อนิ ยิน) วันที่ 15 เดือน ตุลำคม พ.ศ. 2564 คณะกรรมกำรสอบโครงกำร ประธำนกรรมกำร (นำยสมบัติ อนิ ยนิ ) ครทู ่ีปรกึ ษำ 1 ครทู ปี่ รกึ ษำ 2 (นำงสำวศริ ิวรรณำ ฐำปนะดลิ ก) (นำงสำวศศกิ ำนต์ จันทรส์ มปอง) กรรมกำร กรรมกำร (นำยวริ ุณชัย คลำ้ ยเดือน) (นำยสมบตั ิ ฆอ้ งส่งเสียง) กรรมกำร กรรมกำร (นำงสำวณฐั สดุ ำ เกียรตธิ ิวฒั น์) (นำงสำวพิชญช์ นก อ่มิ พทิ ักษ์)

ข โครงการ บทเรยี นสำเรจ็ รปู แบบออนไลน์ รำยวชิ ำ ระบบควบคมุ กำรขบั เคลอ่ื นเบ้ืองตน้ โดย นำงสำวกมลรัตน์ ขว้ำงสืบ นำงสำวญำณิศำ คำวไิ ล สาขาวิชา นำยปญุ ญพัฒน์ เรืองสทุ ธิ สาขางาน เมคคำทรอนิกส์ ครูทป่ี รกึ ษา เมคคำทรอนิกส์ ครูทีป่ รกึ ษารว่ ม นำงสำวศริ ิวรรณำ ฐำปนะดิลก จานวนหนา้ นำงสำวศศิกำนต์ จันทรส์ มปอง ปีการศึกษา 60 หน้ำ 2564 บทคดั ยอ่ เนื่องจำกในปัจจุบันแผนกเมคคำทรอนิกส์วิทยำลัยเทคนิคสัตหีบ ได้มีกำรเปิดกำรเรียนกำรสอน ในรำยวิชำระบบควบคุมกำรขับเคลื่อนเบื้องต้น ซึ่งในวิชำนี้จัดกำรเรียนกำรสอนเป็นหลักสูตรโดยแบ่งทฤษฏี และปฏิบตั คิ วบคู่กนั ยงั มกี ำรเรียนกำรสอนโดยกำรใหฝ้ ึกกำรควบคุมมอเตอร์ส่วนกำรปฏิบตั ิน้นั ต้องกำรสอนใช้ Arduino ควบคุมมอเตอร์และข้อควรระวังก่อนใช้งำนจริงทุกครั้ง ก่อนที่จะปฏิบัติหรือทดลองทำงำนมอเตอร์ จำเป็นตอ้ งมี บทเรยี นออนไลน์ รำยวิชำ ระบบควบคมุ กำรขับเคล่อื นเบือ้ งตน้ เขำ้ มำเป็นส่วนร่วมในกำรเรยี น ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงได้เล็งเห็นว่ำควรมีกำรจัดทำเนื้อหำข้อมูล เพื่อใช้เป็นสือ่ กำรเรียนกำรสอนรำยวิชำ ระบบควบคุมกำรขับเคลื่อนเบื้องต้น เพื่อที่ผู้ศึกษำจะสำมำรถได้รับควำมรู้ได้อย่ำงครบถ้วนและสำมำรถ นำควำมร้ไู ปปรับใช้จริงได้

ค กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานฉบบั น้ีสาเรจ็ ลลุ ว่ งดว้ ยดเี นอ่ื งจากความร่วมมือร่วมใจของสมาชิกภายในกลุ่มทุกท่าน คณะผู้จัดทาขอขอบพระคุณอาจารย์ศิริวรรณา ฐาปนะดิลก อาจารย์ศศิกานต์ จันทร์สมปอง ซึ่งเป็นอาจารย์ ที่ปรึกษาที่ได้ให้คาแนะนา แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่องมาโดยตลอด และอาจารย์ประจาแผนกวิชา ชา่ งเมคคาทรอนิกสเ์ ป็นอยา่ งยิ่ง ทีไ่ ด้ใหค้ าแนะนา ปรึกษาในการแก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ ตลอดจนถึงข้อมูลอุปกรณ์ ที่เป็นประโยชน์ตอ่ การทดลองโครงงาน ขอขอบพระคุณบิดา มารดา และผู้มีพระคุณสาหรับการให้ความสนับสนุนทุกสิ่งทุกอย่าง ด้านการศึกษามาตลอดจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเป็นกาลังใจที่ดีเสมอ และสุดท้ายต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ ใหก้ าลังใจมาตลอดจนโครงการฉบับนีส้ าเรจ็ ลลุ ว่ งไปไดด้ ้วยดี คณะผจู้ ดั ทา

สารบญั ง เรอื่ ง หน้า ใบรับรองโครงการ ก บทคัดย่อ ข กติ ตกิ รรมประกาศ ค สารบัญ ง สารบัญ (ตอ่ ) จ สารบญั ตาราง ฉ สารบัญรูป ช สารบัญรปู (ตอ่ ) ซ สารบญั รปู (ตอ่ ) ฌ บทท่ี 1 ทีม่ าและความสาคญั 1 1 1.1 ความเป็นมาและความสาคัญ 1 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 1 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1 1.4 ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะได้รับ 2 บทท่ี 2 ทฤษฏแี ละเอกสารท่ีเกีย่ วข้อง 2 2.1 การสร้างเวบ็ เพจดว้ ย Google Site 6 2.2 บทเรียนสาเรจ็ รูป 7 2.3 บทเรียนออนไลน์ 14 2.4 ระบบขบั เคล่ือน 23 บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินงาน 23 3.1 ขน้ั ตอนการดาเนินงาน 24 3.2 ศกึ ษาขอ้ มลู 31 3.3 การดาเนนิ การ 34 3.4 การวเิ คราะห์ข้อมูลและสถิตทิ ใ่ี ช้ 35 บทท่ี 4 ผลดาเนนิ งาน 35 4.1 ขั้นตอนการเตรียมแบบทดสอบ 36 4.2 ขน้ั ตอนการทดสอบ 37 4.3 ผลการทดสอบ

จ สารบญั (ต่อ) เรื่อง หน้า 4.4 บทเรยี นสาเร็จรปู แบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขบั เคลื่อนเบื้องต้น 40 บทที่ 5 การสรุปผลและขอ้ เสนอแนะ 41 5.1 สรปุ ผลการดาเนนิ การ 41 5.2 อภปิ รายปญั หา 41 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 42 บรรณานุกรม 43 ภาคผนวก 45 ภาคผนวก ก 46 ภาคผนวก ข 53 ภาคผนวก ค 56 คุณลกั ษณะผลงงานโครงการวยิ าลยั เทคนิคสัตหบี 59 แบบรบั รองการนาผลงานสง่ิ ประดษิ ฐไ์ ปใชง้ านจริง 60

สารบัญตาราง ฉ เร่อื ง หน้า รูปตารางท่ี 4.5 แบบทดสอบก่อนเรยี น 37 รปู ตารางท่ี 4.6 แบบทดสอบหลังเรยี น 38

สารบัญรปู ภาพ ช เรื่อง หน้า รปู ที่ 2.1 Google Site 2 รูปท่ี 2.2 การเขา้ ถงึ Drive 3 รูปที่ 2.3 การสรา้ งเว็บไซต์ 3 รปู ท่ี 2.4 การป้อนชื่อเวบ็ และปรับขนาดตวั อักษร 4 รปู ที่ 2.5 การแชรเ์ วบ็ ไซต์ 4 รปู ที่ 2.6 การฝัง Code 5 รูปท่ี 2.7 การฝัง Code การเขา้ ชมเวบ็ ไซต์ 5 รปู ท่ี 2.8 บทเรยี นสาเรจ็ รูปแบบเสน้ ตรง (Linear Program) 6 รปู ท่ี 2.9 บทเรียนแบบสาขา (Branching Program) 7 รปู ที่ 2.10 สายพานแบน (Flat belt) 15 รปู ที่ 2.11 สายพานวี (V-belt) 15 รูปที่ 2.12 สายพานกลม (Circular belt หรือ Rope belt หรือ Round belt) 16 รูปท่ี 2.13 สายพานไทม์มง่ิ (Timing belt) 16 รูปท่ี 2.14 ตารางการแบ่งสายพาน (Conveyor Belt) 17 รูปท่ี 2.15 ประเภทใช้งานทัว่ ไป (General Use Conveyor Belt) 18 รูปที่ 2.16 ประเภทใชง้ านแบบพเิ ศษ (Special Conveyor Belt) 18 รูปท่ี 2.17 ประเภทใช้งานแบบพเิ ศษ (Special Conveyor Belt) 19 รูปท่ี 2.18 สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt) 19 รูปที่ 2.19 สายพานลวดสลงิ (Steel Cord Conveyor Belt) 20 รูปที่ 2.20 แบบผวิ หน้าเรียบ (Plain Surface) 20 รูปท่ี 2.21 แบบผิวหนา้ ก้างปลา (Pattern Surface) 21 รปู ท่ี 2.22 แบบมีผิวหน้าพเิ ศษหรอื มโี ครงสรา้ งแบบพิเศษ 21 รปู ที่ 3.1 ข้นั ตอนการดาเนนิ การของ บทเรยี นสาเร็จรปู แบบออนไลน์ 23 รปู ที่ 3.2 ขน้ั ตอนการดาเนินการของ บทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ (ต่อ) 24 รปู ที่ 3.3 การเขา้ ถงึ Drive 25 รปู ที่ 3.4 การสร้างเว็บไซต์ 25 รูปที่ 3.5 การปอ้ นช่ือเว็บและปรับขนาดตัวอักษร 25 รูปที่ 3.6 การแชรเ์ ว็บไซต์ 26

ซ สารบญั รูปภาพ(ต่อ) เรอื่ ง หน้า รปู ท่ี 3.7 การฝงั Code 26 รูปท่ี 3.8 การฝงั Code การเขา้ ชมเว็บไซต์ 26 รปู ที่ 3.9 การใช้ระบบนิวเมติกสใ์ นการเคลื่อนยา้ ยเก๊ียวใส่ถาด 27 รปู ที่ 3.10 การใชน้ ิวเมติกสใ์ นการบรรจุช้นิ งานลงแพ็คเกจ 27 รปู ที่ 3.11 รถบรรทุกทาความสะอาดผนัง 28 รปู ที่ 3.12 แท่นขุดเจาะนา้ มนั 28 รปู ที่ 3.13 เครอื่ งบดหรอื ผสมวตั ถุดิบมกี ารใชม้ อเตอร์ในการทาใหส้ ว่ นผสมเขา้ กนั 29 รปู ที่ 3.14 สายพานลาเลียงการใชม้ อเตอร์ทาให้สายพานเคลือ่ นที่ 29 รปู ท่ี 3.15 โหลดงานดว้ ยระบบรอก 30 รปู ท่ี 3.16 การขนส่งวสั ดุคาราคุรไิ คเซ็น 30 รูปท่ี 3.17 หน้าหลักเว็บไซต์การเลอื กใช้ระบบควบคุมการขับเคลื่อน 31 รูปท่ี 3.18 หนา้ เวบ็ เนื้อหาการประยกุ ต์ใชน้ ิวเมติกสแ์ ละไฮดรอลกิ ส์ 31 รูปท่ี 3.19 หนา้ เว็บเนื้อหาการประยุกต์ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 32 รูปท่ี 3.20 หนา้ เว็บเน้อื หาการประยกุ ตใ์ ช้คาราคุริ 32 รูปท่ี 3.21 สว่ นท่ี 1 ของใบงานกิจกรรม 33 รูปที่ 3.22 กิจกรรมบทเรยี น 33 รูปที่ 3.23 ส่วนที่ 1 ของแบบทดสอบ 34 รูปที่ 3.24 แบบทดสอบ 34 รูปที่ 4.1 หน้า Google form แบบทดสอบก่อนเรียนสว่ นที่ 1 35 รปู ท่ี 4.2 เนื้อหาแบบทดสอบก่อนเรียน 35 รปู ท่ี 4.3 หนา้ Google form แบบทดสอบหลังเรียนส่วนท่ี 1 36 รปู ท่ี 4.4 เน้ือหาแบบทดสอบหลงั เรยี น 36 รปู ที่ 4.7 บทเรยี นสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคมุ การขบั เคลื่อนเบือ้ งตน้ 40 รปู ที่ ก.1 การเข้าถงึ Drive 47 รปู ที่ ก.2 การสร้างเว็บไซต์ 47 รูปท่ี ก.3 การป้อนช่ือเว็บและปรับขนาดตวั อักษร 47 รูปท่ี ก.4 การแชรเ์ ว็บไซต์ 48 รูปที่ ก.5 การฝงั Code 48

สารบัญรปู ภาพ(ต่อ) ฌ เรือ่ ง หน้า รูปท่ี ก.6 การฝัง Code การเข้าชมเวบ็ ไซต์ 48 รูปท่ี ก.7 ออกแบบหนา้ หลักเวบ็ ไซตก์ ารเลือกใช้ระบบควบคุมการขบั เคลื่อน 49 รูปท่ี ก.8 จดั วางหนา้ เวบ็ เนือ้ หาการประยุกตใ์ ช้นิวเมตกิ ส์และไฮดรอลิกส์ 49 รูปที่ ก.9 จัดวางหนา้ เวบ็ เน้ือหาการประยุกต์ใชม้ อเตอรไ์ ฟฟ้า 49 รูปที่ ก.10 จัดวางหน้าเวบ็ เน้ือหาการประยุกต์ใชค้ าราครุ ิ 50 รปู ที่ ก.11 ส่วนท่ี 1 ของใบงานกิจกรรม 50 รูปที่ ก.12 กิจกรรมบทเรียน 50 รูปที่ ก.13 ออกแบบ google form แบบทดสอบก่อนเรยี น 51 รูปท่ี ก.14 ออกแบบ google form แบบทดสอบก่อนเรียนในสว่ นที่ 1 51 รปู ท่ี ก.15 ออกแบบ google form แบบทดสอบก่อนเรียนในสว่ นท่ี 2 51 รูปท่ี ก.16 ออกแบบ google form แบบทดสอบหลงั เรยี น 52 รปู ท่ี ก.17 ออกแบบ google form แบบทดสอบหลังเรยี นในสว่ นท่ี 1 52 รูปที่ ก.18 ออกแบบ google form แบบทดสอบหลงั เรยี นในสว่ นท่ี 2 52 รปู ที่ ก.10 ออกแบบ google form แบบทดสอบในส่วนท่ี 2 50 รูปตารางท่ี ข.1 ผลการทดสอบก่อนเรียน 53 รูปตารางท่ี ข.2 ผลการทดสอบหลงั เรียน 54

1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ท่ีมำและควำมสำคญั ปัจจุบันวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบได้เล็งเห็นถึงศักยภาพด้านการพัฒนาสมรรถนะภาพของนักเรียน นักศึกษาจากการเรียนในส่วนวิชาระบบการควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสาขาวิชา ช่างเมคคาทรอนิกส์ท่ีทางวทิ ยาลัยเทคนคิ สัตหีบไดใ้ หค้ วามสาคัญ จึงสนับสนุนใหน้ ักเรยี นนักศึกษาเรยี นรู้ เกี่ยวกับระบบควบคุมการขับเคลื่อนโดยการศึกษาผ่าน บทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ เพื่อฝึกทักษะให้ เรียนรู้ระบบการเคลื่อนที่และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนและ การศึกษาที่ผ่านมานั้นสาขาวิชาช่าง เมคคาทรอนิกส์ยังมไิ ดม้ ีบทเรียนสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์เพื่อใช้ในการศกึ ษา คณะผู้จัดทาจึงได้เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเกิดแนวคิดในการแก้ปัญหาโดยสร้าง “บทเรียน สาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น” โดยประยุกต์ใช้ google site เพอ่ื ให้มกี ารศกึ ษาและนาความรู้ไปประยุกตใ์ ช้งานได้จรงิ ในวิทยาลยั เทคนคิ สตั หีบ 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพ่อื ศึกษาระบบการควบคมุ การขบั เคล่ือนเบอื้ งตน้ 1.2.2 เพ่อื สรา้ งบทเรยี นสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวชิ า ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบ้ืองตน้ 1.2.3 เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ส่อื การเรยี นการสอนให้นักศึกษามีความสนใจในวิชาระบบขบั เคล่ือน 1.3 ขอบเขตของโครงงำน 1.3.1 จดั ทาสอ่ื ประกอบการเรยี น ด้วยระบบออนไลน์ โดยประยกุ ต์ใช้ google site 1.3.2 จัดทาแบบทดสอบความรูก้ อ่ นเรยี นและหลังเรียนดว้ ยระบบออนไลน์ โดย google form 1.3.3 ส่อื การสอนวชิ าการขับเคลอ่ื นเบอ้ื งตน้ 1.4 ประโยชน์ท่คี ำดจะได้รับ 1.4.1 นักศึกษามีความรูค้ วามเขา้ ใจในวิชาการควบคมุ การขับเคลื่อนเบือ้ งต้น 1.4.2 นกั ศกึ ษามคี วามสามคั ครี ่วมมือร่วมใจในการทางานและปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ตนเองได้ 1.4.3 โครงงานบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์สามารถนามาประยุกต์และใช้ในชีวิตประจาวัน ของการเรียนการสอนได้ดี 1.4.4 โครงงานบทเรียนสาเรจ็ รปู แบบออนไลนส์ ามารถนาไปพัฒนาและต่อยอดได้ดี

2 บทที่ 2 ทฤษฎแี ละเอกสารทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในการศึกษาข้อมลู การสร้างบทเรียนออนไลนส์ าเร็จรปู นนั้ ผศู้ กึ ษาไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ ทฤษฎีและ เอกสารที่เกี่ยวข้องดงั นี้ 2.1 การสรา้ งเว็บเพจ ด้วย Google Site 2.2 บทเรียนสาเรจ็ รปู 2.3 บทเรียนออนไลน์ 2.4 ระบบขบั เคล่ือน 2.1 การสร้างเว็บเพจดว้ ย Google Site 2.1.1 Google Site Google Site คือ เว็บไซต์ของ Google ที่ให้บริการสร้างเว็บไซต์ฟรี สามารถสร้าง เว็บไซต์ได้ง่าย ปรับแต่งรูปลักษณ์ได้อย่างอิสระ และสามารถรวบรวมความหลากหลายของข้อมูล ไว้ในที่เดียว เช่น วิดีโอ, ปฏิทิน, เอกสาร อื่น ๆ สามารถนามาแทรกในหน้าเว็บเพจได้ เป็นการเพิ่ม ลูกเลน่ ใชง้ านได้ง่าย ทาใหช้ ว่ ยอานวยความสะดวกไดเ้ ป็นอยา่ งมาก รปู ที่ 2.1 Google Site

3 2.1.2 การสรา้ งเว็บเพจด้วย Google Site 2.1.2.1 การเข้าถงึ Drive สามารถเข้าถงึ ไดจ้ าก http://sites.google.com หรอื เมื่อ login อยใู่ นระบบแลว้ ไปที่เมนู Google Apps เลอื ก “Sites” รปู ที่ 2.2 การเข้าถึง Drive 2.1.2.2 การสร้างเวบ็ ไซต์ คลิกเลอื ก “ว่าง” (ในกรอบสีฟ้า) เพื่อสร้างเว็บไซต์ รปู ที่ 2.3 การสรา้ งเวบ็ ไซต์

4 2.1.2.3 คลกิ ทปี่ ้อนช่ือเว็บและปรับขนาดตวั อักษรเพ่ือเติมหนา้ เวบ็ เพจ รูปท่ี 2.4 การป้อนช่ือเวบ็ และปรบั ขนาดตวั อักษร 2.1.2.4 แชร์เวบ็ ไซต์ โดยการคลิกท่ปี ุ่ม “เผยแพร่” รูปท่ี 2.5 การแชร์เว็บไซต์

5 2.1.2.5 กดฝงั ท่หี มายเลข 1 และใส่ Code ที่หมายเลข 2 การใช้ Code HTML สามารถใส่ html สาหรับตดิ เว็บไซต์ เพ่ือแสดงรายการตา่ ง ๆ รปู ที่ 2.6 การฝงั Code 2.1.2.6 การเข้าชมเว็บไซต์ โดยเปิดหน้า Browser ใหมแ่ ลว้ เขา้ ชมเว็บไซต์ได้จาก URL ที่ระบุเป็นการเสร็จส้นิ ขั้นตอนการสรา้ งเว็บไซต์ รูปที่ 2.7 การฝงั Codeการเข้าชมเว็บไซต์

6 2.2 บทเรียนสาเรจ็ รูป บทเรียนสาเร็จรปู หมายถึง บทเรียนทผี่ สู้ อนจัดทาขน้ึ เพ่ือใช้เปน็ เครือ่ งมือในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ให้นักเรียน นักศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ละสาระการเรียนรู้วิชาขับเคลื่อนเบื้องต้น แต่ละบทเรียน โดยเริ่มจาก เนื้อหาสาระที่ง่าย ๆ ไปสู่เนื้อหาที่ยากขึ้นไปตามลาดับ เป็นบทเรียน ที่สร้างขึ้นโดยกาหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหา วิธีการ และสื่อการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้า ผู้เรียน สามารถศึกษา ค้นควา้ และประเมินผลการเรียนดว้ ยตนเองตามขน้ั ตอนทีก่ าหนดไว้ 2.2.1 ลักษณะของบทเรยี นสาเรจ็ รูป ลักษณะสาคัญของบทเรียนสาเร็จรูป คือ การออกแบบการบรรจุเนื้อหาและสาระ การเรียนรู้ออกเป็น กรอบ (Frame) ซึ่งเนื้อหาและสาระการเรียนรู้ดังกล่าวนั้นจะนามาจัดทา เป็นหน่วยการเรียนรู้ย่อย ๆ แล้วบรรจุเนื้อหาสาระการเรียนรู้หน่วยย่อย ๆ ดังกล่าวลงไปในกรอบ แต่ละกรอบให้มีความสมั พนั ธแ์ ละเรียงลาดับเนื้อหาจากงา่ ยไปยาก 2.2.2 ประเภทและองคป์ ระกอบของบทเรียนสาเรจ็ รูป 2.2.2.1 บทเรียนเชิงเส้น (Linear Program or Constructed Response Type) Skinner เป็นผู้คิดขึ้นโดยอาศัยผลการวิจัยการเรียนรู้ของสัตว์ สรุปว่าการเรียนรู้ควรแบ่งเป็นชั้นย่อย แต่ตอนท้ายของแต่ละชั้น ผู้เรียนจะต้องแสดงให้เห็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ด้วยการตอบคาถามซึ่ง นิยมใช้เป็นแบบถูกผิดหรือเติมคา และทราบคาตอบทันที ลักษณะที่สาคัญของบทเรียนประเภทนี้ คือ ผู้เรียนจะต้องเรียนตามลาดับทีละกรอบต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่กรอบแรกจนกรอบสุดท้าย จะขา้ มกรอบใดกรอบหนึง่ ไม่ได้ องคป์ ระกอบเปน็ แผน่ ภาพดังนี้ รูปที่ 2.8 บทเรียนสาเร็จรปู แบบเสน้ ตรง (Linear Program)

7 2.2.2.2 บทเรียนแบบสาขา (Branching Program) นอร์แมนเอคราวเดอร์ องค์การ อุตสาหกรรมในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้คิดขึ้น โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นขั้นย่อย ๆ ที่สมบูรณ์ตามด้วย คาถามที่มีคาตอบให้เลือก เมื่อผู้เรียนเลือกคาตอบผิดจะมีคาอธิบายสาเหตุที่ผิดผู้เรียนต้องเลือกใหม่ จนกว่าจะถกู รูปท่ี 2.9 บทเรยี นแบบสาขา (Branching Program) 2.3 บทเรยี นออนไลน์ 2.3.1 ความหมายของเว็บเพจ วิทยา เรืองพรวิสุทธิ์ กล่าวว่า เว็บเพจ หมายถึง ไฟล์ข้อมูลเอชทีเอ็มแอล (HTML) หรือเป็นข้อมูลในระบบเวิล์ดไวด์เว็บ (WWW) ซึ่งประกอบด้วยคาหรือวลีพิเศษต่าง ๆ ที่เรียกว่า “ไฮเปอรเ์ ทก็ ซ์” หรอื เป็นการเชื่อมโยงแบบไฮเปอรล์ ิงคเ์ ปน็ การเชอื่ มโยงเพ่ือติดต่อไปยัง เวลิ ์ดไวด์เว็บ เซริ ์ฟเวอร์ แหล่งข้อมลู ต่าง ๆ ทถี่ กู กาหนดไวบ้ นเวิล์ดไวด์เวบ็ เพจนั้น เจนวิทย์ เหลืองอร่าม ได้กล่าวว่าเว็บเพจ นั้นคือ หน้ากระดาษอิเล็กทรอนิกส์ เวิลด์ไวด์เว็บ เรียกว่า เว็บเพจ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับหน้ากระดาษของหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารมาก โดยมีทั้งตัวอักษร ข้อความ และภาพนิ่ง นอกจากนี้ยังสามารถใส่เสียงและวีดีทัศน์ในหน้าเว็บเพจได้ สาหรับเว็บเพจหน้าแรกเราเรียกว่า “โฮมเพจ” โดยปกติแล้วเราสามารถใช้คาว่าเว็บเพจ เรียกแทน คาวา่ โฮมเพจ หรือ เวบ็ ไซต์ ก็ได้

8 จากขอ้ มูลข้างต้นสรุปได้ว่า เวบ็ เพจ คอื เอกสาร (Hyper Text Markup Language) ที่มีข้อมูลโดยประกอบด้วย ข้อมูล ภาพกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว สามารถเชื่อมโยงไปยังหน้าเอกสาร HTML หรอื หน้าเวบ็ เพจอน่ื ๆ ได้ 2.3.2 องค์ประกอบของเว็บเพจ 2.2.2.1 โฮมเพจ วิทยา เรืองพร ได้กล่าวงถึงองค์ประกอบส่วนที่เป็นโฮมเพจว่าลักษณะโดยทั่วไป โฮมเพจนัน้ มคี วามคลา้ ยคลึงกันมากอาจต่างกันทเี่ ทคนิคและวิธีการนาเสนอ ดงั นนั้ องค์ประกอบหลัก ของโฮมเพจจึงแบ่งออกได้ ดงั นี้ 1. ส่วนรูปภาพหรือโลโก้ (Logo) แสดงความเป็นเจ้าของโฮมเพจ เป็นรูปที่มีขนาด ไม่ใหญ่มากนัก เพ่ืองา่ ยต่อการโอนยา้ ยข้อมูลบนครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2. สว่ นหัวเรอ่ื งของขอ้ มลู เป็นหวั ขอ้ ของข่าวสาร บรษิ ัท องคก์ รหรือสถานบันท่ีเป็น เจา้ ของโฮมเพจ 3. ส่วนเนื้อหาข้อมูล และการเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนของ ข่าวสารที่เป็นเนื้อความแสดงถึงรายละเอียดหรือเนื้อหาข้อความแบบคัดย่อที่สามารถเชื่อมโยงไปยัง ขอ้ มลู แบบแสดงรายละเอยี ดของโฮมเพจทเ่ี กย่ี วข้องโดยผ่านไฮเปอรเ์ ท็กซ์ 2.3.2.2 เว็บเพจท่เี ป็นข้อมูล กิตติ ภักดีวัฒนะกุล กล่าวว่า เว็บเพจที่เป็นข้อมูลเป็นส่วนที่เสนอรายละเอียดของ หัวข้อที่อย่ใู นหนา้ โฮมเพจ โดยทั่วไปเวบ็ เพจมอี งคป์ ระกอบ ดงั นี้ 1. Text เปน็ ขอ้ ความปกตสิ ามารถตกแตง่ มีรปู แบบการทางาน Word Processing 2. Graphic มีรูปภาพ ลายเส้น พนื้ หลงั ตา่ ง ๆ มากมายขึ้นอยกู่ ับผูอ้ อกแบบเลือก 3. Multimedia ภาพเคลือ่ นไหวและเสยี งประกอบ 4. Counter ใช้สาหรบั นับจานวนผทู้ ี่เข้าเย่ยี มชมเว็บเพจ 5. Link ใชเ้ ชอ่ื มตอ่ ไปยังเว็บเพจอืน่ ๆ 6. Form เป็นแบบฟอร์มใชส้ าหรับผใู้ ชก้ รอกขอ้ มลู 7. Frame การแบ่งจอภาพเปน็ ส่วน ๆ แตล่ ะจะแสดงขอ้ มลู ที่แตกตา่ งกันออกไป 8. Image Map รูปภาพขนาดใหญท่ ี่และสามารถเช่ือมโยงไปยงั เว็บเพจอน่ื ๆ 9. Java Applet โปรแกรมสาเรจ็ รูปที่ใช้ในเวบ็ เพจ เพือ่ การใช้งานทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ 2.3.3 กฎพ้ืนฐานของการออกแบบเวบ็ เพจ (Web Pages) 2.3.3.1 กฎแหง่ ความแปลกแตกต่าง (Contrast) การออกแบบสอื่ การเรยี นการสอน ทางอินเทอร์เน็ตต้องมีความโดดเด่นหลีกเลี่ยงการใช้องค์ประกอบบนจอภาพที่ดูคล้ายกัน แต่ถ้า

9 องค์ประกอบของเนื้อหาไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ควรสร้างให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน สิ่งที่มี ความหมายหรือต้องการเน้นให้เห็นชัดเจนตอ้ งมลี กั ษณะทีน่ า่ สนใจ เช่น การเน้นขนาด สี ของัวอักษร 2.3.3.2 กฎการย้าซ้า (Repetition) ในการออกแบบสื่อการเรียนทางอินเทอร์เน็ต ควรมีรูปแบบที่เป็นแบบแผนซึ่งจะประกอบด้วย พื้นหลัง รูปภาพ สี ความสัมพันธ์ของระยะห่าง ระหวา่ งตัวอักษร เส้นและขนาดที่สอดคล้องกันทัง้ หมด วิธีการสร้างสอื่ การเรียนการสอนทางออนไลน์ แบบย้าช่วยเสริมสร้างให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว (Unity) แม้ว่าในการออกแบบเว็บเพจจะมีผู้จัดทา หลายคนแตจ่ ะตอ้ งมรี ปู แบบเดียวกัน 2.3.3.3 กฎการจัดแถววางแนว (Alignment) การจัดวางองค์ประกอบต้องมีแถว มีแนวต้องมองวัตถุที่อยู่ข้างหน้าเสมอ เช่น ตัวอักษร หรือรูปแบบที่อยู่ตอนล่างไม่ควรล้าแนว องค์ประกอบที่อยู่ด้านบน หากอยู่ขวาก็ดูสิ่งที่อยู่ซ้ายมือที่มาก่อน การวางแถวจะทาให้เว็บเพจ ดสู ะอาดและเปน็ ไปในลกั ษณะไมข่ ดั กับความรู้สกึ ของผอู้ า่ น 2.3.3.4 ความเก่ียวเนอ่ื งของสงิ่ ท่ีอยูใ่ กล้เคียงกนั (Proximity) การจัดวางวตั ถตุ ่าง ๆ ที่อยู่บนส่ือการเรียนอินเตอร์เน็ตต้องมีความเป็นระเบียบ โดยจัดใหม้ องเห็นได้ง่าย ไม่กระจัดกระจาย การรวมกลุ่มเป็นวิธีการลดความยุ่งเหยิงและสร้างความเป็นระเบียบการใช้ไฟล์ภาพหรือกราฟิก ที่มีความหลากหลายแต่ซ้ากันในส่วนต่าง ๆ ของแต่ละหน้าเอกสาร ยังช่วยให้การเปิดเว็บไซด์ เป็นไปอย่างรวดเร็วและน่าสนใจ เมื่อโปรแกรมเว็บบราวเซอร์จะอ่านไฟล์ภาพหรือกราฟิกนั้น แล้วเก็บไว้ในหน่วยความจาของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ เมื่อมีการใช้งานไฟล์ภาพนั้นอีก ก็จะปรากฏ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว เพราะโปรแกรมเว็บบราวเซอร์จะนามาจากหนว่ ยความจาแคชของเครอื่ ง 2.3.4 โครงสร้างของเว็บ นักออกแบบเว็บส่วนใหญ่จะมีรูปแบบการสร้างที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไป จะขึ้นอยู่กับความถนัด และความพอใจของตนเองเป็นหลัก โดยคานึงถึงหลักการออกแบบที่ถูกต้อง เท่าที่ควร ลินช์ และฮอร์ตัน จึงได้เสนอแนวคิดสาหรับออกแบบเว็บไซต์ว่าการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี ควรจะต้องวางโครงสรา้ งให้สมดลุ มกี ารเชื่อมต่อสัมพันธ์กันระหวา่ งรายการ (Menu) หรือโฮมเพจกับ หน้าเนื้อหาอื่น ๆ รวมถึงการเชื่อมโยงไปสู่ภาพและข้อความต่าง ๆ โดยต้องวางแผนโครงสร้างให้ดี เพื่อป้องกันอุปสรรคที่จะเกิดต่อผู้ใช้ เช่น การหลงทางของผู้ใช้ในขณะเข้าสู่เนื้อหาในจุดร่วม (Node) ต่าง ๆ เป็นต้น แยงก์ และมอร์ ได้แบ่งลักษณะโครงสร้างของสื่อหลายมิติ (Hypermedia) 3 แบบ เพ่อื การจัดเก็บและเรยี งขอ้ มลู ท่ตี ้องการข้ึนมาดังนี้

10 1. สื่อหลายมิติแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured) เป็นแบบที่ไม่มีโครงสร้าง ความรู้ ผู้เรียนต้องเปิดเข้าไปโดยมีการเชื่อมโยงระหว่างหน้าจอแต่ละเรื่อง มีความยืดหยุ่นสูงสุดของ การจดั รวบรวมเป็นการให้ผ้เู รียนได้กาหนดความก้าวหนา้ และตอบสนองความสาเร็จดว้ ยตนเอง 2. สื่อหลายมิติแบบลาดับขั้น (Hierarchical) เป็นการกาหนดวิธีการจัดเก็บความรู้ เป็นลาดับขั้นมีโครงสร้างเป็นลาดับขั้นต้นไม้ โดยผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าไปทีละขั้น โดยสารวจได้จาก บนลงลา่ งและจากลา่ งขน้ึ บน โดยระบบขอ้ มลู และรายการคอยบอก 3. สื่อหลายมิติแบบเครือข่าย (Network) เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างจุดร่วมของ ฐานข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ความซับซ้อนของเครือข่ายพึ่งพาความสัมพันธ์ ระหว่างจุดรว่ มตา่ ง ๆ 2.3.5 การออกแบบเว็บเพจท่ีดี 2.3.5.1 มีรายการแสดงรายละเอียดของเว็บเพจนั้น เราควรแสดงรายการทั้งหมด ที่เว็บมีอยู่ให้ผู้ใช้ทราบ โดยอาจทาในรูปของสารบัญการสร้างสารบัญนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้าหา ข้อมลู ภายในเวบ็ อยา่ งรวดเร็ว 2.3.5.2 เชือ่ มโยงข้อมลู ไปยงั เปา้ หมายโดยตรงตามความต้องการมากทสี่ ุด การสร้าง Link จะสร้างในรูปแบบของตัวอักษร หรือรูปภาพก็ได้ แต่ควรที่จะแสดงจุดเชื่อมโยง โดยการให้ผู้ใช้ ทราบได้ง่ายนอกจากนใี้ นแตล่ ะเพจควรมจี ุดเชอื่ มโยงกลับมายังหน้าแรกของโฮมเพจ 2.3.5.3 มีเนอื้ หากระชับ สน้ั และทันสมัย ถา้ เปน็ โครงสรา้ งโฮมเพจหน้าแรก ไมค่ วร ที่จะยาวเกินไป ขนาดที่ดี คือ กาหนดให้แต่ละเว็บเพจแสดงผลได้เพียงอย่างเดียวถ้าไม่สามารถ แสดงผลทั้งหมดในหนา้ เดียวตอ้ งพยายามสร้างใหแ้ สดงผลในจานนวนหน้านอ้ ยท่ีสดุ เท่าทจ่ี ะทาได้ 2.3.5.4 สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ทันที ควรมีจุดแสดงความคิดเห็น หรือคาแนะนา กับเราได้ เช่น ใส่ E-mail ลงในเพจตาแหน่งที่เขียนควรอยู่ส่วนล่างสุด หรือบนสุดของเว็บนั้น ๆ ไมค่ วรท่จี ะเขยี นแทรกไว้ในตาแหนง่ ใด ๆ ของจอภาพ 2.3.5.5 มีรูปภาพประกอบการนาเสนอที่ดี แต่ไม่ควรมีรูปภาพมากเกินไป โดยใช้ ภาพแทนคาพูด เช่น นารูปบ้านมาแทนคาว่า กลับไปจุดเริ่มต้น หรือ Home และควรใช้รูปให้ตรง กับความหมาย 2.3.5.6 เข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง โดยคานึงถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เพราะ การกาหนดกลุ่มเป้าหมายจะทาให้สามารถกาหนดเนื้อหา และเรื่องราวเพื่อให้ตรงกับความต้องการ ของผูใ้ ชไ้ ดม้ ากกว่า

11 2.3.5.7 ใช้งานงา่ ย ทาอย่างไรจึงจะสร้างเว็บเพจให้ใช้งานได้ง่าย สิ่งเหล่านี้ข้ึนอยูก่ ับ เทคนิคและประสบการณ์ของผู้สร้างแต่ละคนบางสิ่งคนหนึ่งอาจบอกจะว่าง่าย แต่บางคนอาจกลับ กายเป็นยาก 2.3.5.8 การกาหนดเป้าหมายข้อมูลตามมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องมีการแบ่ง ข้อมูลออกเป็นส่วน ๆ ข้อมูลชุดใดที่สามารถจัดเป็นกลุ่ม เป็นหมวดหมู่ได้ก็ควรจัดทา จะทาให้ข้อมูล ทุกอยา่ งเป็นระเบียบในการนามาใชง้ าน 2.3.6 เคร่ืองมือในการสร้างเวบ็ เพจ เครื่องมือที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาเว็บเพจนั้นมีมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ที่มีหน้าที่ ในการสร้างและพฒั นาเว็บเพจ หรอื เวบ็ มาสเตอร์ จะเลอื กใชง้ านเคร่ืองมือท่เี กี่ยวขอ้ งกับการสร้างเว็บ มีจานวนมาก ซึ่งรวมถึงโปรแกรมสร้างไฟล์เอกสาร HTML โปรแกรมสร้างเว็บเพจ มีจานวนมาก ซึง่ รวมถงึ โปรแกรมปรับเปลี่ยนไฟล์ที่เกีย่ วข้องกบั เว็บเพจ 2.3.7 ขัน้ ตอนการพฒั นาเวบ็ เพจ หลักการและขั้นตอนการพัฒนาบทเรียนออนไลน์สาเร็จรูป ในลักษณะรูปแบบของ Interactive Multimedia Computer Instruction Package : IMMCIP โดยเริ่มจากวิธีการกาหนด เป้าหมาย กาหนดวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมและกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บทเรียน โดยในการพัฒนา จะประกอบไปดว้ ย 5 ข้นั ตอนหลกั ๆ ดงั น้ี 2.3.7.1 ขนั้ ตอนการวิเคราะห์เนือ้ หา (Analysis) แบง่ เป็น 3 ขัน้ ตอนดังนี้ 1. สร้างแผนภูมิระดมสมอง (Brainstorm Chart Drafting) เป็นการค้นหาหัวเรื่อง ทั้งหมดอันเป็นเป้าหมายขององค์ความรู้และความเกี่ยวข้องของหัวเรื่อง ที่จะทาให้เห็นภาพบทเรียน ว่าควรจะมเี นอ้ื หาโดยรวมเช่นไร 2. สร้างแผนภูมิหัวเรื่องสัมพันธ์ (Concept Chart Drafting) เป็นขั้นตอนของการ วเิ คราะห์หวั เร่ืองโดยละเอียดจากแผนภูมิการระดมสมอง เพือ่ คดั เลือกหวั เร่อื งต่าง ๆ 3. สร้างแผนภูมิโครงข่ายเนื้อหา (Concept Network Analysis Chart Drafting) เป็นการสร้างแผนภูมิจากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเนื้อหาในลักษณะของข่ายงานการนาเสนอ เป็นการแสดงให้เห็นภาพของความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันของการนาเสนอว่าเน้ือหาส่วนใดควรนาเสนอ กอ่ นหลังหรือพร้อมกนั ได้ 2.3.7.2 ข้ันตอนการออกแบบการเรยี นการสอน (Design) แบ่งเป็น 2 ขนั้ ตอนดังน้ี 1. กาหนดการนาเสนอ (Strategic Presentation Plan & Behavior Objectives) เป็นการกาหนดกลวิธีการนาเสนอพร้อมกับจดลาดับแผนการการนาเสนอเป็นแผนภูมิบทเรียน (Course Flow Chart Drafting) และกาหนดวัตถปุ ระสงค์เชิงพฤตกิ รรมให้สอดคล้องกบั หวั ข้อทีต่ ้งั ไว้

12 2. สร้างแผนภูมกิ ารนาเสนอแต่ละโมดลู (Module Presentation Chart Drafting) เป็นการสรา้ งแผนภมู กิ ารนาเสนอในแตล่ ะโมดลู เพ่ือแสดงถึงความต่อเนื่อง และกาหนดมาตรฐานของ เวลาการนาเสนอในแต่ละโมดลู น้ัน ๆ 2.3.7.3 ขั้นตอนการออกแบบกรอบเนอื้ หา (Development) แบ่ง 4 ขั้นตอนดังน้ี 1. เขียนรายละเอียดเนื้อหา (Script Development) โดยการนามาเขียนลงใน กรอบตามแผนการนาเสนอ ซึ่งจะเป็นการสร้างต้นแบบการนาเสนอ ก่อนการนาเสนอจรงิ แต่ละเฟรม จะกาหนดเนื้อหาลงในกรอบเป็นการกาหนดทัง้ ภาพนิ่ง ภาพเคลอ่ื นไหว เสียงและภาพวดี ที ศั น์ 2. การจัดทาลาดับเนื้อหา (Storyboard Development) โดยเมื่อกาหนดเนื้อหา ลงในกรอบเสรจ็ แลว้ นาเฟรมที่ไดม้ าจดั เรยี งลาดับการนาเสนอตามท่ีได้ทาการวางแผนและออกแบบไว้ 3. การตรวจความถูกต้องของเนื้อหา (Content Correctness Examination) คือ ขน้ั ตอนของการตรวจสอบความถูกต้อง ความเหมาะสม และความสมบรู ณ์ของลาดบั เนื้อหาทจ่ี ัดทาลง บนกรอบเนื้อหา 4. การสร้างแบบทดสอบ (Test Item Check-up) ขั้นตอนการสร้างแบบทดสอบ ในบทเรียน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนว่า ได้รับการพัฒนาจากการเรียนมากน้อย เพียงใดซึ่งจะต้องนาแบบทดสอบเหล่านี้ไปทดสอบกับกลุ่มตัวอย่างที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับ เนื้อหาในบทเรียน 2.3.7.4 ขน้ั ตอนการสรา้ งบทเรยี น (Implementation) แบง่ เปน็ 3 ขนั้ ตอนดังนี้ 1. การเลือกโปรแกรมในการจัดทาบทเรียน เป็นวิธีการเลือกโปรแกรมที่เหมาะสม ในการที่จะสนองตอบต่อความต้องการ ของบทเรียนที่ได้กาหนดไว้ ทั้งนี้ในการจัดทาบทเรียน จะมีหลายส่วนที่อาจดาเนินการจากหลายโปรแกรม เพราะวิธีการใช้โปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง ในการดาเนนิ การจดั ทาจะไมส่ ะดวก 2. การเตรียมส่วนประกอบมัลติมีเดีย การจัดเตรียมส่วนประกอบของมัลติมีเดีย ทเ่ี ปน็ ตวั อักษรธรรมดา ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว เสียงและรูปแบของวดี ีทัศนท์ จ่ี ะใช้ประกอบ 3. การจัดทาโปรแกรมบทเรียน เป็นขั้นตอนการนาบทเรียนที่ได้วางแผนการมา จดั เตรยี มดาเนินการเป็นโปรแกรมกรนาเสนอโดยคอมพวิ เตอร์สมบูรณ์ 2.3.7.5 ขน้ั ตอนตรวจสอบคณุ ภาพบทเรียน (Evaluation) แบง่ เป็น 4 ขั้นตอนดงั น้ี 1. การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Evolution) 2. ทาการทดลองกลุม่ ย่อย (Small Group Rehearsal) 3. ทดสอบประสิทธิภาพของบทเรยี นและประสิทธผิ ลทางการเรียน 4. จดั ทาคูม่ ือการใช้ Package (User Manual)

13 2.3.8 คุณลักษณะของเวบ็ ไซต์ การนาระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อนามาทาเป็นสื่อสาหรับการเรียนการสอนในรูปของ เว็บช่วยสอนหรอื จะเรียกว่าเป็นโฮมเพจ เพื่อการศึกษาหรือจะเปน็ การออกแบบติดต้ังระบบการเรยี น การสอนรายวิชาใด ๆ บนเวบ็ ผ้เู ขยี นจะตอ้ งตัดสนิ ใจดว้ ยตนเอง 2.3.9 ประเภทของเวบ็ ช่วยสอน พาร์สัน (Parson) ได้แบ่งประเภทของเว็บชว่ ยสอนออกเป็น 3 ลักษณะ คอื 1. เว็บช่วยสอนแบบรายวิชาอย่างเดียว (Stand–Alone Courses) คือ รายวิชา ที่มีเครื่องมือและแหล่งที่มาไปถึงและเข้าหาได้โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต อย่างมากที่สุดถ้าไม่มีการ สื่อสารก็สามารถทจ่ี ะไปผ่านระบบคอมพิวเตอรส์ ่อื สารได้ 2. เว็บไซต์ช่วยสอนแบบเว็บเพจสนับสนุนรายวิชา (Web Supported Courses) เป็นรายวิชาที่มีลกั ษณะเป็นรูปธรรมมีการพบปะครูกับนักศึกษา เช่น การกาหนดงานที่ให้ทาเว็บไซต์ การกาหนดใหอ้ า่ น การสือ่ สารผา่ นระบบคอมพิวเตอร์ 3. เว็บไซต์ช่วยสอนแบบเว็บศูนย์การศึกษา (Web Pedagogical Resources) คือ ประเภทของเว็บไซต์ที่มีวัตถุดิบและเครื่องมือ ซึ่งสามารถรวบรวมวิชาขนาดใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน หรือ เปน็ แหลง่ สนบั สนุนกจิ กรรมทางการศึกษา 2.3.10 โครงสรา้ งเวบ็ ไซต์ทางการศึกษา การสร้างเว็บไซต์ เพื่อใช้ในทางการศึกษามีลักษณะโครงสร้างที่หลากหลายรูปแบบ แบง่ ตามประโยชน์ใช้งานตามแนวคดิ ของ เจมส์ สามารถแบง่ ได้ 3 รูปแบบใหญ่ คือ 1. โครงสร้างแบบการค้นหา (Electric Structures) ลักษณะของโครงสร้างเวบ็ ไซต์ เป็นแหล่งของเว็บไซต์ที่ใช้ในการค้นหามีการกาหนดขนาดและรูปแบบ ไม่มีโครงสร้างที่ผู้เรียนต้องมี เวบ็ ลักษณะของเว็บไซต์แบบนี้จะมีแตก่ ารให้ใช้เคร่ืองมือในการสืบค้นหรือ เพือ่ บางส่ิงที่ต้องการค้นหา หรอื ผเู้ ขียนเว็บไซต์ตอ้ งการ โครงสร้างแบบนจ้ี ะเป็นแบบเปดิ ใหผ้ ้เู รียนไดเ้ ขา้ มาคน้ ควา้ เนื้อหาในบริบท โดยไม่มีโครงสรา้ งข้อมลู เฉพาะใหไ้ ด้เลือก 2. โครงสร้างแบบสารานุกรม (Encyclopedia Structures) การควบคุมการสร้าง ของเว็บไซต์ที่เราสร้างขึ้นเองได้ ก็จะใช้โครงสร้างข้อมูลในแบบตน้ ไม้ในการเข้าสู่ข้อมูล ซึ่งเหมือนกับ หนังสือที่มีเนื้อหาและมีการจัดเป็นบทตอน จะกาหนดให้ผู้ใช้ได้ผ่านเข้าไปค้นหาข้อมูลและเครื่องมือ ที่อยู่พื้นที่ของเว็บหรืออยู่ภายนอกเว็บไซต์จานวนมาก มีโครงสร้างในลักษณะดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะ เว็บไซต์ทางการศึกษาที่ไม่ได้กาหนดทางการค้าองค์กร แต่ในเว็บไซต์ทางการศึกษาต้องรับผิดชอบ ต่อการเรยี นของผูเ้ รยี น

14 3. โครงสร้างแบบการเรียนการสอน (Pedagogic Structures) มีการจัดทารูปแบบ โครงสร้างหลายอยา่ งในการนามาสนองความต้องการ ทงั้ หมดเปน็ ทร่ี ูจ้ ักดใี นบทบาทของการออกแบบ ทางการศึกษา สาหรับคอมพิวเตอรช์ ่วยสอน หรือเครือ่ งมือมัลติมีเดีย ซึ่งความจริงมหี ลกั การแตกต่าง ระหว่างคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับเว็บช่วยสอน นั้นคือ ความสามารถของ HTML ในการที่จะจัดทา ในแบบ ไฮเปอรเ์ ทก็ ซ์ กับการเขา้ ถึงขอ้ มลู หน้าจอโดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต 2.4 ระบบขับเคล่อื น ระบบขับเคลื่อน คือ ระบบที่พาหนะเคลื่อนที่อัตโนมัติ เป็นพาหนะขนส่งเคลื่อนที่อัตโนมัติ ซึ่งนิยมนามาใช้ในการขนถ่ายสินค้าทางด้านอุตสาหกรรม ทาให้สามารถประหยัดในเรื่องของแรงงาน และเวลาได้เปน็ อยา่ งดี ตวั อยา่ งเชน่ ชดุ สาธิตการขบั เคลอื่ นแผนกเมคคาทรอนิกส์ โดยการสร้างชุดสาธิตการขับเคลื่อนนั้นจะอาศัยการใช้หลักและอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยที่ จะประกอบดว้ ยสองสว่ นหลัก ได้แก่ ชุดสายพานลาเลยี ง และชุดบอลสกรู ดังนี้ 2.4.1 สายพานลาเลียง (Conveyor) สายพานลาเลียง คือ อุปกรณ์ทาหน้าที่ลาเลียง หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของอุปกรณ์ ชน้ิ งานหรือวสั ดุต่าง ๆ จากจดุ ๆ หนึง่ ไปยังอีกจดุ หนึ่ง โดยใช้สายพาน เปน็ ตวั นาพาวัสดุและมอเตอร์ เกียร์เป็นตัวขับเคลื่อนสายพานลาเลียงวัสดุ หลังจากวัสดุหรือชิ้นงานผ่านกระบวนการต่าง ๆ ตามขั้นตอนของทางโรงงานเรียบร้อยแล้ว และต้องการจะลาเลียง หรือเคลื่อนย้ายก็จะใช้ระบบ สายพานลาเลียง ในการเคล่ือนยา้ ยวสั ดุหรือชนิ้ งาน โดยระบบสายพานลาเลียงจึงจะเหมาะกับโรงงาน อตุ สาหกรรมทุกประเภทท้งั ขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีการลาเลยี งของจานวนมากในกระบวนการผลิต สว่ นประกอบ ดงั น้ี 2.4.1.1 สายพาน (Belt) 2.4.1.2 พลู เลย์ (Pulley) 2.4.1.3 เพลา (Shaft) 2.4.1.4 มอเตอร์ (Motor) (Omron Servo Motor R7M-A05030-S1) 2.4.1.5 ฐานและส่วนซัพพอร์ต (Base) 2.4.1.6 หน้าแปลนมอเตอร์ (Flange Motor) 2.4.1.7 สายพาน (Belt) ในหลาย ๆ อุปกรณ์ และหลาย ๆ โรงงานอตุ สาหกรรมแทบจะทุกโรงงานจะมีการใช้ สายพานในการใช้งาน โดยสายพานจะเป็นตัวคล้องระหว่างตัวขับและตัวตาม ซึ่งจะส่งกาลังและ หมุนไปพร้อม ๆ กัน สายพานจึงถือว่าเป็นวิธีการเลือกที่ราคาถูกและประหยัดที่สุดในแง่ของงานซอ่ ม

15 ในทางอุตสาหกรรม เนอ่ื งจาก ราคาถูกข้นั ตอนการซ่อมไมซ่ ับซ้อน และทาไดอ้ ย่างรวดเรว็ กว่าแบบอื่น สายพานสามารถแบง่ ออกตามการใชง้ านแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. สายพานสง่ กาลัง (Transmission belt) เป็นสายพานนิยมใช้อยู่ในเคร่ืองจักรกล โดยทาหน้าที่หลัก ๆ ในการส่งกาลังระหว่างตัวขับ (Driver) และ ตัวตาม (Driven) โดยสายพานจะ คล้องไปที่ล้อสายพาน หรือ pulley ของทั้งตัวขับ และตัวตามโดยการส่งกาลังชนิดนี้จะมีการทดรอบ และทดกาลังเสมอ 2. สายพานแบน (Flat belt) สายพานที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการส่งถ่าย กาลังจากพูลเลย์ของเพลาขับ ไปยังพูลเลย์ของเพลาตาม มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความสามารถในการส่งกาลังในระยะทางไกลระหว่างศูนย์รอกและไม่สร้างเสียงรบกวนหรือเสียงดัง ซ่งึ สามารถแบง่ เปน็ 3 แบบย่อย ๆ ตามกาลงั การใช้งาน ไดแ้ ก่ Light Drives (สายพานใช้กับงานเบา), Medium Drives (สายพานใช้กบั งานหนัก ปานกลาง), Heavy Drives (เปน็ สายพานใช้กบั งานหนัก) รปู ที่ 2.10 สายพานแบน (Flat belt) 3. สายพานวี (V-belt) มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หน้าตัดเป็นรูปตัว V เหมาะสมกบั เคร่ืองจักรรอบที่ไม่สงู มาก ดงั น้ัน พ้ืนท่ีสมั ผัสในการสง่ ถา่ ยกาลงั จะเยอะกว่า 2 แบบแรก ดังนนั้ จงึ เป็นที่นิยมใช้ในเคร่ืองจกั รกลในโรงงานอุตสาหกรรม รปู ท่ี 2.11 สายพานวี (V-belt)

16 4. สายพานกลม (Circular belt หรือ Rope belt หรือ Round belt) สายพาน ประเภทนี้ทาจากพลาสติกโพลียูริเทน จะต้านทานจาระบีน้ามันเบนซิน และสายพานกลมสามารถ ปรับตง้ั ทิศทางการหมนุ ได้หลายทศิ ทางและมีหน้าตัดเป็นรูปวงกลม โดยการสง่ กาลงั ดว้ ยสายพานกลม ใหค้ วามยืดหยุ่น สงู และขณะการทางานของสายพานจะไม่เกิดเสยี งดัง จะใช้งานรว่ มกับรอกแบบร่อง รูปที่ 2.12 สายพานกลม (Circular belt หรอื Rope belt หรือ Round belt) 5. สายพานไทม์มิ่ง (Timing belt) ตัวสายพานจะมีลักษณะพิเศษ แบบแรกจะมี ฟันเฟืองตลอดความยาวของสายพาน ลักษณะพื้นที่หน้าตัดเป็นรูปสี่เหลียมคางหมูสายพานชนิดนี้ สามารถงอตัวได้ดีจะขับกับ Pulley ทมี่ ีฟันเปน็ ไทม์มิ่งเหมือนกันทาให้เกิดการขบกัน เหมือนฟันเฟือง จึงไม่เกิดการลื่นไถลขณะส่งกาลัง สามารถใช้เป็นตัวส่งกาลังงานในเครื่องยนต์, พัดลมอุตสาหกรรม หรือในเคร่อื งจักรท่ีต้องการการสูญเสยี งในการส่งกาลงั น้อย ๆ รปู ที่ 2.13 สายพานไทม์ม่งิ (Timing belt)

17 2.4.2 สายพานลาเลียง (Conveyor belt) ทาหน้าที่ขนย้าย หรือลาเลียง สิ่งของ หรือวัสดุต่าง ๆ จากจุด ๆ หนึ่งไปยังอีกจุด หนึ่ง โดยอุตสาหกรรมแทบจะทุกประเภท ที่มีการลาเลียงของจานวนมาโดยหากแบ่งประเภทย่อย ๆ สามารถแบง่ ได้7 แบบตามวัสดดุ ังนี้คอื 2.4.2.1 ระบบสายพานลาเลยี งพยี ู (PU belt conveyor) 2.4.2.2 ระบบสายพานลาเลยี งแบบ PVC (PVC Belt Conveyor System) 2.4.2.3 ระบบสายพานลาเลียงยางดา (Rubble belt conveyor) 2.4.2.4 ระบบสายพานลาเลียงโวลต้า (Volta belt conveyor) 2.4.2.5 ระบบสายพานลาเลียงไวเมท (Wire mesh belt conveyor) 2.4.2.6 ระบบสายพานลาเลยี งโมดลู ่า (Modular belt conveyor) 2.4.2.7 ระบบสายพานลาเลียงไม้ (Wood belt Conveyor) การแบง่ สายพาน (Conveyor Belt) ยังสามารถแบง่ ประเภทออกได้เป็นอีก 3 ทาง คือ รูปที่ 2.14 การแบง่ สายพาน (Conveyor Belt) แบ่งตามคุณสมบัตขิ องผิว (Cover Rubber) ของสายพานลาเลยี ง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ - ประเภทใช้งานทั่วไป (General Use Conveyor Belt) หรือเรียกกันว่า สายพานทนสึก (Wear Resistance Conveyor Belt)

18 รปู ท่ี 2.15 ประเภทใช้งานทั่วไป (General Use Conveyor Belt) - ประเภทใชง้ านแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) ซงึ่ คาก็มกี ันมากมายหลายแบบ เชน่ รูปที่ 2.16 ประเภทใชง้ านแบบพเิ ศษ (Special Conveyor Belt) ประเภทใช้งานแบบพเิ ศษ (Special Conveyor Belt) - Heat Resistant Conveyor Belt (สายพานทนรอ้ น) - Oil /Fat/Grease Resistant Conveyor Belt (สายพานทนน้ามัน /ไขมนั /จาระบี) - Flame Resistant Belt (สายพานทนเปลวไฟ) - Cold Resistant Belt (สายพานทนความเย็น) - Chemical Resistant Conveyor Belt. (สายพานทนสารเคมี) - Antistatic (สายพานมีคณุ สมบัตปิ ้องกนั กระแสไฟฟา้ สถติ ย์) - Food Grade (สายพานสาหรบั ลาเลียงอาหาร)

19 Code ทใี่ ช้กาหนดคณุ สมบัติของผิวสายพานแบบพเิ ศษตามมาตรฐาน DIN รปู ท่ี 2.17 ประเภทใช้งานแบบพิเศษ (Special Conveyor Belt) แบ่งตามประเภทของวัสดุที่ใช้รับแรงของสายพานลาเลียง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้หลาย ชนดิ แต่ประเภทที่นิยมใชก้ ันก็จะมี 2 ประเภท ได้แก่ - สายพานผ้าใบ (Fabric Conveyor Belt) ซึ่งวัสดุที่ใช้รับแรง (Tension Member) ทาด้วย วัสดุต่าง ๆ กันไปแต่เรียกรวม ๆ กันว่าผ้าใบ เช่น Cotton, Nylon, EP (Polyester/ Nylon) หรือ เรยี กอกี อย่างวา่ PN และ Kevlar (Aramid), Fiberglass รปู ที่ 2.18 สายพานผา้ ใบ (Fabric Conveyor Belt)

20 - สายพานลวดสลิง (Steel Cord Conveyor Belt) คือ สายพานที่มีวัสดุรับ เป็นเส้นลวด (Steel cord) รูปท่ี 2.19 สายพานลวดสลงิ (Steel Cord Conveyor Belt) แบ่งตามประเภทของลักษณะของผิวหน้า ของสายพานลาเลียง (Rubber Conveyor Belt) แบ่งได้ หลายชนิดแตป่ ระเภททน่ี ยิ มใช้กันก็จะมี 3 ประเภท -แบบผิวหน้าเรียบ (Plain Surface) ใช้ลาเลียงวัสดุในแนวราบหรือเอียงเล็กน้อยใช้ในงาน ท่วั ไปในประเทศไทยนยิ มใช้สายพานแบบนี้มากกว่า 80% รูปที่ 2.20 แบบผวิ หน้าเรียบ (Plain Surface) - แบบผิวหน้าก้างปลา (Pattern Surface) ซึ่งก็แบ่งเป็นอีกหลายลักษณะ (Pattern) เรียก รวม ๆ วา่ กา้ งปลาจะมีสัน (Cleat) บนตวั สายพานใช้ลาเลยี งวัสดใุ นแนวราบหรือเอียงได้ดีกว่าแบบผิว

21 เรยี บ แต่ก็จะแลกมาดว้ ยราคาทีแ่ พงกว่าก่อนซ้ือต้องศึกษาว่าวัสดุท่ลี าเลยี งสามารถข้ึนได้สูงก่ีองศาถ้า มมุ เอียงของระบบสายพาน (Conveyor System) มีมากกว่ามมุ ของวัสดอุ าจจะเกิดการไหลกลับได้ รูปที่ 2.21 แบบผิวหน้ากา้ งปลา (Pattern Surface) - แบบมีผวิ หน้าพเิ ศษหรือมีโครงสร้างแบบพเิ ศษ ตามลักษณะการใช้งาน เช่น Sidewall Belt และ Pipe conveyor Belt เป็นต้น รปู ที่ 2.22 แบบมผี วิ หน้าพิเศษหรือมีโครงสรา้ งแบบพิเศษ 2.4.2 บอลสกรู (Ball Screw) บอลสกรู คือ ชิ้นส่วนกลไกที่ใช้ในระบบขับเคลื่อนหรือระบบส่งกาลังของเครื่องกล เช่น เครื่องจักรกลในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยมีเพลาเกลียว เกลียวกลม และตลับลูกปืน หรือนัท ซึ่งมีเม็ดลูกปืนกลมจานวนมากอยู่ภายในตัวนัท เป็นตัวรับน้าหนักและลดแรงเสียดทาน มีหลักการทางาน โดยแปลงการเคลื่อนที่เชิงมุมเป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น หรือเปลี่ยนจากแรงบิดเป็น

22 แรงผลักมีการควบคุมการเคลื่อนที่ของแกนต่าง ๆ ผ่านการควบคุมจากมอเตอร์นั้น เมื่อมอเตอร์หมุน ขับสกรู นัทก็จะเคลื่อนไปตามความยาวของสกรูพาแท่นเลื่อน หรือโต๊ะงานเคลื่อนที่ไปตามรางเลื่อน ทาให้แต่ละแกนสามารถขยับโต๊ะงานทีม่ ีนา้ หนักเคล่ือนที่ไป-กลับ ตามแนวเกลียวของแกนเพลาไปยัง ตาแหน่งที่ต้องการ หรือเคลื่อนที่ไปตามระยะทางด้วยสัญญาณจากคอนโทรลเลอร์ได้อย่างราบรื่น Ball Screw มีส่วนดีกว่า Drive แบบอื่นๆ คือ สามารถผลิตตามความต้องการได้อีกทั้งการใช้งาน ก็มีสว่ นประกอบน้อยไมส่ ลับซบั ซอ้ น และมคี วามแข็งแรงทนทานกว่าระบบอ่ืน ๆ มสี ว่ นประกอบด้ังน้ี 2.4.2.1 ชุดบอลสกรู (Ball Screw) 2.4.2.2 ฐานและสว่ นซัพพอร์ต (Base) (Linear Slide Base) 2.4.2.3 คปั ปล้ิงแบบยืดหยุ่น (Flexible coupling) 2.4.2.4 มอเตอร์ (Motor) 2.4.2.5 หน้าแปลนมอเตอร์ (Flange Motor) 2.4.2.6 เซนเซอร์ (Sensor)

23 บทที่ 3 วิธีการดาเนนิ งาน ในการสร้าง บทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น เริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูล การเลือกใช้ระบบควบคุมการขับเคลื่อนในโรงงานอุตสาหกรรม โดยแบ่งออกเป็น 3 ระบบ 1) ระบบควบคุมนิวเมติกส์เเละไฮดรอลิกส์ 2) ระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า 3) ระบบควบคุมทางกลคาราคุริ ในการจัดทาบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์นี้มีจุดประสงค์ เพื่อ ฝึกทักษะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเข้าใจในรายวิชาระบบขับเคลื่อนเบื้องต้น ดังนั้น ผู้จัดทาจึงกาหนด วิธกี ารดาเนินงาน ดังนี้ 3.1 ขนั้ ตอนการดาเนินงาน เรม่ิ ตน้ ศกึ ษาข้อมูล รวบรวมความคิดเหน็ ออกแบบ จัดทาเวบ็ ไซต์ ตรวจสอบ ไมผ่ ่าน เว็บไซต์ ปรับปรุงแก้ไข ผ่าน 1 รูปท่ี 3.1 ข้นั ตอนการดาเนนิ การของ บทเรียนสาเรจ็ รปู แบบออนไลน์

24 1 จดั ทาแบบทดสอบ ทดสอบ ไมผ่ ่าน แบบทดสอบ ปรับปรงุ แก้ไข ผา่ น ไดบ้ ทเรยี นสาเรจ็ รปู แบบออนไลน์ จัดทารปู เล่ม ตรวจสอบ ไม่ผ่าน รปู เล่ม ปรับปรุงแก้ไข ผา่ น นาเสนอ สิน้ สดุ รูปท่ี 3.2 ขนั้ ตอนการดาเนินการของ บทเรียนสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์ (ตอ่ ) 3.2 ศึกษาข้อมลู 3.2.1 การศึกษาข้อมลู การสร้าง Google Site ในการศึกษาข้อมูลการสร้าง Google Site คือ เว็บไซต์ของ Google ที่ให้บริการ สร้างเว็บไซต์ฟรี สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ง่าย ปรับแต่งรูปลักษณ์ได้อย่างอิสระ และสามารถรวบรวม ความหลากหลายของข้อมลู ไวใ้ นท่เี ดยี ว มีขั้นตอนในการสร้าง ดงั นี้

25 3.2.2.1 การเข้าถงึ Drive สามารถเขา้ ถงึ ได้จาก http://sites.google.com หรือ เมอ่ื login อยใู่ นระบบแล้ว ไปทเ่ี มนู Google Apps เลือก “Sites” รปู ท่ี 3.3 การเขา้ ถึง Drive 3.2.2.2 การสรา้ งเว็บไซต์ คลกิ เลือก “วา่ ง” (ในกรอบสีฟ้า) เพื่อสรา้ งเว็บไซต์ รปู ที่ 3.4 การสรา้ งเว็บไซต์ 3.2.2.3 คลิกทีป่ อ้ นชื่อเว็บและปรับขนาดตัวอักษรเพื่อเติมหน้าเว็บเพจ รูปท่ี 3.5 การปอ้ นชื่อเว็บและปรบั ขนาดตวั อักษร

26 3.2.2.4 แชร์เว็บไซต์ โดยการคลกิ ท่ีปุ่ม “เผยแพร่” รปู ท่ี3.6 การแชรเ์ ว็บไซต์ 3.2.2.5 กดฝงั ท่ีหมายเลข 1 และใส่ Code ทหี่ มายเลข 2 รูปท่ี 3.7 การฝัง Code 3.2.2.6 การเข้าชมเวบ็ ไซต์ โดยเปดิ หน้า Browser ใหมแ่ ล้วเขา้ ชมเวบ็ ไซตไ์ ดจ้ าก URL ทีร่ ะบุเป็นการเสร็จส้นิ ขั้นตอนการสรา้ งเว็บไซต์ รปู ท่ี 3.8 การฝงั Code การเข้าชมเวบ็ ไซต์

27 3.2.2 การศึกษาข้อมลู เน้อื หาทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ในการศึกษาข้อมูลการจัดทา บทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ ทางผู้จัดทาได้ศึกษา ค้นคว้า และหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ การเลือกใช้ระบบควบคุมการขับเคลื่อนในโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลที่ได้ เพื่อนาไปจัดทาบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ โดยแบ่งการศึกษา เป็นส่วน ๆ ดงั นี้ 3.2.2.1 การประยุกต์ใช้ระบบควบคมุ นวิ เมติกสเ์ เละไฮดรอลิกส์ ระบบนิวเมติกส์ (pneumatic system) คือ ระบบที่ใช้การอัดอากาศ ส่งไปตามท่อประกอบเข้ากับชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องจักร เพื่อทาให้เกิดพลังงานกลในการทางาน สาหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในยุคปัจจุบันนั้น มีการนาระบบนิวเมติกส์มาประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบกระบอกสูบลม, มอเตอร์ลมอย่างง่าย ไปจนถึงการทางานในเครื่องจักรขนาดใหญ่ ประกอบกบั ระบบ Automation เพือ่ การทางานแบบอัตโนมตั ิ ดังนี้ 1. การใช้ระบบนวิ เมติกส์ในการเคลือ่ นยา้ ยเกี๊ยวใส่ถาด รูปท่ี 3.9 การใช้ระบบนวิ เมติกสใ์ นการเคลอื่ นย้ายเก๊ียวใสถ่ าด 2. การใช้ระบบนิวเมตกิ สใ์ นการบรรจุชน้ิ งานลงแพ็คเกจ รปู ท่ี 3.10 การใชน้ วิ เมติกส์ในการบรรจุชิ้นงานลงแพ็คเกจ

28 ระบบไฮดรอลิกส์ (Hydraulic system) คือ ระบบการสร้าง ควบคุมและ ถ่ายทอดพลังงาน โดยอัดน้ามันไฮดรอลิกส์ให้มีความสงู เพื่อส่งแรงไปให้อุปกรณ์เปลีย่ นความดันของ น้ามันไฮดรอลิกส์ (Hydraulic Oil) เป็นพลังงานกล (Actuator) หรือ (Hydraulic Cylinder) มีการ นาระบบไฮดรอลิกส์มาประยกุ ตใ์ ช้งานทห่ี ลากหลาย ดงั นี้ 1. รถทางานเทศบาล ( Municipal Vehicles ) รูปที่ 3.11 รถบรรทุกทาความสะอาดผนัง 2. เครอื่ งจกั รทางานนอกชายฝั่ง (Off Shore Mobile Hydraulic) รปู ท่ี 3.12 แทน่ ขุดเจาะนา้ มนั

29 3.2.2.2 การประยุกต์ใช้ระบบควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า (Motor) คือ อุปกรณ์ที่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล การทางานของมอเตอร์ไฟฟ้า เกิดจากการทางานร่วมกันระหว่าง สนามแม่เหล็กในตัวมอเตอร์และ สนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสในขดลวดทาให้เกิดแรงดูดและแรงผลักของสนามแม่เหล็กทั้งสอง การใช้งาน เช่น อุตสาหกรรมการขนส่งใช้มอเตอร์ฉุดลาก การใช้มอเตอร์ในโรงงานการผลิตอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถทางานได้ถึงสองแบบ ได้แก่ การสร้างพลังงานกลและ การผลิตพลงั งานไฟฟา้ 1. เครือ่ งบดหรือผสมวตั ถดุ บิ รปู ท่ี 3.13 เครือ่ งบดหรือผสมวัตถุดบิ มกี ารใช้มอเตอรใ์ นการทาใหส้ ว่ นผสมเขา้ กัน 2. สายพานลาเลียง รูปที่ 3.14 สายพานลาเลียงการใช้มอเตอรท์ าให้สายพานเคลือ่ นท่ี

30 3.2.2.3 การประยุกต์ใช้ระบบควบคมุ ทางกลคาราครุ ิ คาราคุริไคเซ็น เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาจกตุ๊กตากลของประเทศญี่ปุ่น ได้รับความนิยมในช่วงศตวรรษที่ 18 – 19 แต่หากสืบเสาะย้อนไปนานกว่านั้นจะพบว่าเทคนิค ดังกล่าวมีมายาวนานกว่า 1 พันปี การทางานของ Karakuri นั้นเป็นการใช้กฎฟิสิกส์เป็นหลัก เช่น แรงโน้มถ่วง แรงยืดหยุ่น แรงดัน หรือแรงขับ เป็นต้น การใช้งานคาราคุริไคเซ็น ทาให้สามารถเพิ่ม อัตราการผลิต ด้วยการลดการใช้แรงงาน เพิ่มอัตราการผลิต ลดความสูญเปล่าในระบบด้วยการใช้ แนวคดิ ไคเซน็ ทาใหเ้ ป็นการลงทุนที่ใชท้ นุ น้อย มกี ารนาระบบคาราครุ ิมาประยุกตใ์ ชง้ านท่หี ลากหลาย ดงั นี้ 1. Karakuri โหลดงานด้วยระบบรอก รปู ท่ี 3.15 โหลดงานดว้ ยระบบรอก 2. การขนสง่ วสั ดคุ าราคุริไคเซ็นจากพิพิธภัณฑโ์ ตโยต้าไคคัง รปู ที่ 3.16 การขนสง่ วสั ดุคาราครุ ิไคเซ็น

31 3.3 การดาเนินการ 3.3.1 ในการสรา้ งบทเรยี นสาเรจ็ รูปแบบออนไลน์ โดยมกี ารออกแบบเวบ็ ไซต์ ดังนี้ 3.3.1.1 ออกแบบการจัดวางเนื้อหาของเหนา้ เวบ็ ไซตห์ ลัก รูปที่ 3.17 หนา้ หลักเวบ็ ไซต์การเลอื กใชร้ ะบบควบคุมการขับเคลื่อน 3.3.1.2 จัดวางเนือ้ หาในหน้าเวบ็ ไซต์ เรื่องการประยุกต์ใช้ของระบบนิวเมติกส์และ ระบบไฮดรอลกิ ส์ในโรงงานอุตสาหกรรม รปู ท่ี 3.18 หนา้ เวบ็ เน้อื หาการประยุกต์ใช้นวิ เมติกส์และไฮดรอลิกส์

32 3.3.1.3 จัดวางเนอื้ หาในหน้าเว็บไซต์ เรือ่ งการประยุกตใ์ ช้ของมอเตอร์ไฟฟา้ รปู ท่ี 3.19 หนา้ เว็บเนอื้ หาการประยกุ ต์ใช้มอเตอร์ไฟฟา้ 3.3.1.4 จดั วางเนอ้ื หาในหน้าเวบ็ ไซต์ เรอื่ งการประยุกต์ใช้ของคาราครุ ิ (Karakuri) ในโรงงานอุตสาหกรรม รูปที่ 3.20 หน้าเวบ็ เนือ้ หาการประยุกตใ์ ช้คาราคุริ 3.3.2 การออกแบบกจิ กรรมและแบบทดสอบ ในการสร้างและออกแบบกิจกรรมรวมถึงแบบทดสอบก่อนและหลังที่เข้าศึกษา เนื้อหาภายในบทเรียนออนไลน์สาเร็จรูป โดยการใช้ Google form จัดทาแบบทดสอบก่อนและ

33 หลงั ศึกษา เพอื่ วดั ความสามารถก่อนเรียนและหลงั เรียน เรือ่ งการเลอื กใช้ระบบควบคุมการขับเคลื่อน ในโรงงานอตุ สาหกรรมมี ดงั น้ี 3.3.2.1 การออกแบบกิจกรรม โดยให้นักเรียนทามายแมพปิ้งหลักจากที่ได้ศึกษา ข้อมลู เน้ือหาผา่ น Google Site 1. ส่วนท่ี 1 กรอกขอ้ มลู ของนักเรยี น รปู ท่ี 3.21 ส่วนท่ี 1 ของใบงานกจิ กรรม 2. สว่ นท่ี 2 ใบงาน โดยใหน้ ักเรยี นทามายเเมพป้ิงสรปุ ความรจู้ ากเน้ือหา ทีไ่ ดเ้ รยี นจาก Google Site รปู ท่ี 3.22 กจิ กรรมบทเรียน

34 3.3.2.2 การออกแบบแบบทดสอบ โดยให้นกั เรยี นท่ีศกึ ษาข้อมลู และทากจิ กรรม แล้วมาทาแบบทดสอบผ่าน Google Form เพื่อวัดประสิทธิภาพ 1. สว่ นท่ี 1 กรอกข้อมลู ของนกั เรยี น รปู ที่ 3.23 สว่ นท่ี 1 ของแบบทดสอบ 2. สว่ นที่ 2 ขอ้ มูลแบบทดสอบ โดยให้นักเรียนทาแบบทดสอบ 20 ขอ้ รูปที่ 3.24 แบบทดสอบ 3.4 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสถติ ทิ ใี่ ช้ ผู้จัดทาได้นาแบบทดสอบที่รวบรวมจากผู้ที่เข้ามาศึกษา มาตรวจสอบความถูกต้องของ แบบทดสอบ จากนัน้ นาข้อมลู มาสรปุ ผลจดั เรียงใหเ้ รียบรอ้ ย

35 บทที่ 4 ผลดำเนนิ งำน การทดสอบบทเรียนสาเร็จรูปแบบออนไลน์ รายวิชา ระบบควบคุมการขับเคลื่อนเบื้องต้น เริ่มต้นจากการศึกษาข้อมูลและทฤษฏีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้ระบบควบคุมการขับเคลื่อน ในโรงงานอุตสาหกรรม ดงั นี้ 4.1 ข้นั ตอนกำรเตรียมแบบทดสอบ 4.1.1 หน้า Google form แบบทดสอบกอ่ นเรยี น รปู ที่ 4.1 หนา้ Google form แบบทดสอบกอ่ นเรียนสว่ นท่ี 1 4.1.2 เนื้อหาแบบทดสอบก่อนเรยี น รูปท่ี 4.2 เนือ้ หาแบบทดสอบก่อนเรยี น

36 4.1.3 หน้า Google form แบบทดสอบหลงั เรยี น รูปที่ 4.3 หน้า Google form แบบทดสอบหลังเรยี นส่วนท่ี 1 4.1.4 เน้ือหาแบบทดสอบหลังเรียน รปู ที่ 4.4 เน้ือหาแบบทดสอบหลงั เรยี น 4.2 ข้นั ตอนกำรทดสอบ 4.2.1 ขั้นตอนที่ 1 ทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน 4.2.2 ขั้นตอนท่ี 2 ศึกษาเนื้อหาบทเรยี นสาเรจ็ รปู แบบออนไลน์ 4.2.3 ขนั้ ตอนท่ี 3 ทาแบบทดสอบหลังเรยี น

37 4.3 ผลกำรทดสอบ จากรูปตารางที่ 4.5 แสดงถึงผลการทดลองแบบทดสอบก่อนเรียน ซึ่งใช้ในการทดสอบ นกั เรียนแผนกเมคคาทรอนิกส์ ระดบั ปวช. 3 กลุ่ม 3-4 จานวนท้งั หมด 42 คน แบบทดสอบก่อนเรียน รหสั ประจำตวั คำนำหนำ้ ชอ่ื -นำมสกุล ชัน้ เรยี น คะแนน (20 คะแนน) 62201270048 20 62201270049 นางสาว กมลรัตน์ ขว้างสบื ชม.3/3 18 62201270050 9 62201270051 นาย กอ้ งกดิ ากร สวุ รรณศรี ชม.3/3 17 62201270053 19 62201270054 นางสาว กลั ยา วงษ์เงนิ ชม.3/3 18 62201270055 18 62201270056 นางสาว กลั ยารัตน์ ตันตนิ วะชัย ชม.3/3 9 62201270057 15 62201270058 นางสาว ชญาสา ชินวงศ์ ชม.3/3 13 62201270059 13 62201270060 นางสาว ญาณศิ า คาวิไล ชม.3/3 19 62201270061 17 62201270062 นาย ณพวุฒิ นาคเบ็ญจะ ชม.3/3 14 62201270063 17 62201270064 นาย ณัฐพล โพธิ ชม.3/3 17 62201270066 16 62201270067 นาย ธนภทั ร บญุ ยืน ชม.3/3 6 62201270068 14 62201270069 นาย ธนวตั น์ บตุ รดา ชม.3/3 19 62201270105 16 62201270071 นาย ธนากร พลยศ ชม.3/3 10 62201270072 15 62201270073 นาย ธนสุ เเก้วมูล ชม.3/3 12 62201270074 12 นาย นนทพัทธ์ วจิ ารณ์ ชม.3/3 นาย นพนนท์ เศษสวุ รรณ์ ชม.3/3 นางสาว นภคพร จุฑาภูวดล ชม.3/3 นางสาว นราวดีฐ์ ศิรวิ รรณ ชม.3/3 นาย ปาณชัย เพ็ญสขุ ชม.3/3 นาย ปารเมศ สมใจ ชม.3/3 นาย ปยิ พทั ธ์ มณีจันทรส์ ขุ ชม.3/3 นาย ปุญญพฒั น์ เรืองสุทธิ ชม.3/3 นางสาว ภาวนิ ี นาคดี ชม.3/3 นาย พลาธิป โพธิป์ ระดษิ ฐ์ ชม.3/4 นาย ภาณุทัต จะรา ชม.3/4 นาย ภผู า ผึง่ ผดุง ชม.3/4 นาย รงั สิมนั ต์ุ จติ ระยนต์ ชม.3/4

38 62201270075 นาย วทญั ญู เกอ้ื กูล ชม.3/4 15 62201270076 นาย วรดร เเพงประโคน ชม.3/4 13 62201270077 นาย วชั รพงศ์ สรวตั ร ชม.3/4 12 62201270078 นาย วิรทิ ธิ์พล ทับขนั ชม.3/4 12 62201270079 นาย วีรสิทธิ สรุ ินทรอ์ าภรณ์ ชม.3/4 17 62201270080 นางสาว ศรัญญา ชาญการ ชม.3/4 14 62201270081 นาย ศริ ิพล กล่นิ หอม ชม.3/4 12 62201270082 นาย ศวิ กร ศรวี เิ ชยี ร ชม.3/4 14 62201270083 นาย สถาพร สวัสดมี งคล ชม.3/4 12 62201270084 นางสาว สิริน มน่ั เจรญิ ชม.3/4 13 62201270085 นาย สทุ ธริ กั ดงกลาง ชม.3/4 12 62201270087 นางสาว สุภัชชา กอ้ นทอง ชม.3/4 18 62201270088 นาย สวุ จิ กั ขณ์ เจริญสันติสขุ ชม.3/4 20 62201270089 นางสาว เสาวลกั ษณ์ ธาระถ้อย ชม.3/4 13 62201270090 นาย อภวิ ฒั น์ พ่มุ ประเสรฐิ ชม.3/4 12 62201270091 นาย อถสิ ทิ ธิ ละครเขต ชม.3/4 12 62201270092 นาย อิทธิกร บุญพร ชม.3/4 12 รูปตารางท่ี 4.5 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น จากรูปตารางที่ 4.5 แสดงถึงรายชื่อคนท่ีเข้าทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน โดยมีผู้ได้คะแนนเต็ม 20 คะแนนจานวน 2 คน 19 คะแนนจานวน 3 คน 18 คะแนนจานวน 4 คน 17 คะแนนจานวน 5 คน 16 คะแนนจานวน 2 คน 15 คะแนนจานวน 3 คน 14 คะแนนจานวน 4 คน 13 คะแนนจานวน 6 คน 12 คะแนนจานวน 9 คน 10 คะแนนจานวน 1 คน 9 คะแนนจานวน 2 คน 6 คะแนนจานวน 1 คน ตามลาดบั จากรูปตารางที่ 4.6 แสดงถึงผลการทดลองแบบทดสอบหลังเรียน ซึ่งใช้ในการทดสอบ นกั เรยี นแผนกเมคคาทรอนกิ ส์ ระดบั ปวช. 3 กล่มุ 3-4 จานวนท้ังหมด 42 คน

39 แบบทดสอบหลังเรียน รหัสประจำตัว คำนำหน้ำ ชือ่ -นำมสกุล ช้ันเรียน คะแนน (20 คะแนน) 62201270048 20 62201270049 นางสาว กมลรัตน์ ขว้างสบื ชม.3/3 20 62201270050 18 62201270051 นาย ก้องกดิ ากร สวุ รรณศรี ชม.3/3 19 62201270053 20 62201270054 นางสาว กัลยา วงษเ์ งิน ชม.3/3 20 62201270055 19 62201270056 นางสาว กัลยารตั น์ ตันตนิ วะชยั ชม.3/3 16 62201270057 18 62201270058 นางสาว ชญาสา ชินวงศ์ ชม.3/3 18 62201270059 18 62201270060 นางสาว ญาณิศา คาวิไล ชม.3/3 20 62201270061 20 62201270062 นาย ณพวฒุ ิ นาคเบญ็ จะ ชม.3/3 18 62201270063 19 62201270064 นาย ณฐั พล โพธิ ชม.3/3 19 62201270066 18 62201270067 นาย ธนภทั ร บุญยืน ชม.3/3 19 62201270068 17 62201270069 นาย ธนวตั น์ บุตรดา ชม.3/3 20 62201270105 17 62201270071 นาย ธนากร พลยศ ชม.3/3 19 62201270072 19 62201270073 นาย ธนุส เเก้วมูล ชม.3/3 14 62201270074 17 62201270075 นาย นนทพัทธ์ วิจารณ์ ชม.3/3 20 62201270076 16 62201270077 นาย นพนนท์ เศษสุวรรณ์ ชม.3/3 17 62201270078 17 นางสาว นภคพร จุฑาภูวดล ชม.3/3 นางสาว นราวดีฐ์ ศิริวรรณ ชม.3/3 นาย ปาณชยั เพญ็ สขุ ชม.3/3 นาย ปารเมศ สมใจ ชม.3/3 นาย ปยิ พทั ธ์ มณีจันทร์สขุ ชม.3/3 นาย ปญุ ญพฒั น์ เรืองสุทธิ ชม.3/3 นางสาว ภาวินี นาคดี ชม.3/3 นาย พลาธิป โพธิ์ประดษิ ฐ์ ชม.3/4 นาย ภาณทุ ัต จะรา ชม.3/4 นาย ภผู า ผง่ึ ผดงุ ชม.3/4 นาย รังสิมนั ต์ุ จิตระยนต์ ชม.3/4 นาย วทัญญู เกอื้ กลู ชม.3/4 นาย วรดร เเพงประโคน ชม.3/4 นาย วชั รพงศ์ สรวตั ร ชม.3/4 นาย วริ ิทธ์พิ ล ทบั ขัน ชม.3/4


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook