ครผู ู้สอน แผนการจดั การเรยี นรู้ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอ่ื ง สถติ ิ แผนการสอนที่ 86 เร่ือง การกระจายของขอ้ มูล (1) รายวิชาคณติ ศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 รหสั วิชา ค 23102 นางสาวสิริธรณ์ ดวงสิริ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาท่ใี ช้ 3 ชั่วโมง ตัวช้ีวัด/ผล เนือ้ หาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ การเรยี นรู้ ช้ินงาน ค 5.3 ม.3/2 สามารถหาคา่ การ 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ครทู บทวนความร้เู กีย่ วกับการหาค่ากลางของข้อมูล โดยให้ 1. ใบงาน อภิปรายถงึ นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายว่า คา่ กลางของขอ้ มลู แต่ละชนิดมีข้อดแี ละ ใบความรู้ ความคลาด กระจายของ ข้อจากดั อยา่ งไร ขอ้ มลู ชุดหน่ึง ๆ สามารถหาค่ากลางไดค้ รบถว้ น 2. หนังสือ เคล่อื นที่อาจ ทกุ ชนิดหรือไม่ เพราะเหตใุ ด คณติ ศาสตร์ เกิดขน้ึ ได้จาก ขอ้ มูลได้ 2. ให้นกั เรยี นช่วยกนั บอกวธิ กี ารเลอื กใชต้ วั กลางของข้อมูลแต่ละ การนาเสนอ ชนดิ เพอื่ ทบทวนความร้เู ดมิ ข้อมลู ทางสถติ ิ 3. ให้นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคิด เช่น - นักเรียนจะนาค่ากลางของข้อมลู ตา่ งๆ ที่นักเรียนสนใจไป ใชอ้ ย่างเหมาะสมได้อย่างไร (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดย ใหอ้ ย่ใู นดุลยพินจิ ของครผู ู้สอน) 4. ใหน้ ักเรยี นช่วยกันพจิ ารณาคะแนนสอบวชิ าคณิตศาสตรข์ อง นกั เรยี น 2 กลุม่ กลุ่มละ 10 คน ดังนี้ กลุ่ม A กลุม่ B 28 8 29 16 30 27 32 33 34 34 36 36 37 38 38 38
38 50 38 60 5. ครนู านักเรยี นสนทนา โดยการตงั้ คาถาม ดังน้ี - คา่ เฉลยี่ ของกลมุ่ A และกลมุ่ B เท่ากนั หรอื ไม่ - มธั ยฐานของกลมุ่ A และกลุม่ B เทา่ กันหรือไม่ - ฐานนยิ มของกลุ่ม A และกลุ่ม B เทา่ กนั หรอื ไม่ - นักเรยี นคดิ วา่ จากข้อมูลข้างต้นเพยี งพอทจี่ ะตัดสนิ วา่ นกั เรยี นกลุ่มใดมผี ลการเรยี นดกี ว่ากนั หรอื ไม่ - นกั เรียนคดิ ว่าจากข้อมูลขา้ งต้นตอ้ งมอี งคป์ ระกอบอ่ืนอกี หรอื ไมใ่ นการตดั สินว่า นกั เรียนกล่มุ ใดมีผลการเรียนดีกว่ากนั 6. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาใบความรทู้ ่ี 3.9 เร่ือง การ กระจายของขอ้ มลู 7. ให้นักเรียนทาใบงานท่ี 3.13 เร่ืองการกระจายของข้อมลู 1 และ ร่วมกันเฉลย 8. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยใบงานลองทาดู และรว่ มกันสรปุ ว่า “จากวธิ กี ารขา้ งตน้ จะไดส้ ว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานของคะแนนกล่มุ B มคี ่าประมาณ 14.2 เมอ่ื เปรยี บเทียบสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของ คะแนนกลมุ่ A และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนนกล่มุ B จะ เหน็ ว่าสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนกลุ่ม A มคี า่ นอ้ ยกวา่ ส่วน เบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนกลุ่ม B แสดงใหเ้ ห็นว่า คะแนนกลมุ่ A มีการกระจายจากคา่ เฉลี่ยเลขคณติ น้อยกว่าคะแนนจากกลมุ่ B” 9. ครูทบทวนความรเู้ ก่ยี วกับการกระจายของขอ้ มูล โดยใหน้ ักเรียน ร่วมกนั อภปิ ราย 10. ครยู กตวั อยา่ งการหาสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน อยา่ งละ 1 - 2 ตัวอยา่ ง โดยวิธีการถาม-ตอบ จนนกั เรยี นเข้าใจ 11. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันสรุปความรู้ที่ได้รับจากการศึกษา และจากท่ีครผู ูส้ อนยกตัวอย่างลงในกระดาษเปล่า พร้อมท้ัง ยกตัวอยา่ ง จากน้ันเตรยี มสง่ ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น
12. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี 3.14 เร่ืองการกระจายของขอ้ มูล 2 และ ร่วมกันเฉลย 13. ครูและนกั เรียนรวมกนั เฉลยใบงานที่ 3.14 เรอ่ื งการกระจายของ ขอ้ มูล 2 และทบทวนวธิ ีการหาส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานเพือ่ ทบทวน ความร้เู ดิม 14. ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มสอบถามข้อมลู ของนักเรียนในช้ันเรยี น เช่น - สอบถามความสูงของนักเรยี นแต่ละคนทีอ่ ยู่ในชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 - สอบถามน้าหนกั ของนักเรียนแตล่ ะคนทีอ่ ยใู่ นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 - สอบถามขนาดรอบเอวของนักเรยี นแต่ละคนท่อี ยใู่ นชั้นมัธยม ศึกษาปีท่ี 3และร่วมกันหาส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 15. จากนัน้ ครสู ่มุ ตัวแทนกลมุ่ ทุกกลมุ่ นาเสนอคาตอบของใบงานท่ี 3.15 เรือ่ งการกระจายของข้อมูล 3 หน้าชน้ั เรยี น โดยมีครคู อย ตรวจสอบความถูกตอ้ ง 16. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั สรปุ เกยี่ วกบั หาส่วนเบยี่ งเบน มาตรฐานอกี ครั้ง 17. ให้นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ เช่น -เราสามารถนาความรเู้ รอื่ ง สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน ไปใชท้ าอะไรได้ บา้ ง (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ้ ยู่ในดลุ ยพินจิ ของ ครูผู้สอน) 18. ครูและนักเรยี นรวมกันเฉลยใบงานท่ี 3.14 เรือ่ งการกระจายของ ขอ้ มลู 2 และทบทวนวธิ กี ารหาสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานเพื่อทบทวน ความรเู้ ดมิ 19. ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ สอบถามขอ้ มลู ของนกั เรยี นในชน้ั เรียน เช่น - สอบถามความสงู ของนักเรยี นแตล่ ะคนทอี่ ยู่ในชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 - สอบถามนา้ หนกั ของนักเรียนแตล่ ะคนทอ่ี ยใู่ นชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 3
- สอบถามขนาดรอบเอวของนกั เรยี นแต่ละคนท่ีอยู่ในช้นั มธั ยม ศกึ ษาปที ่ี 3และรว่ มกนั หาสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน 20. จากนัน้ ครูสมุ่ ตัวแทนกลุ่มทกุ กล่มุ นาเสนอคาตอบของใบงานท่ี 3.15 เรอ่ื งการกระจายของข้อมูล 3 หนา้ ช้ันเรียน โดยมีครคู อย ตรวจสอบความถกู ต้อง 21. ให้นักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันสรุปเก่ียวกับหาส่วนเบ่ยี งเบน มาตรฐานอีกครง้ั 22. ให้นักเรยี นตอบคาถามกระตุ้นความคิด เช่น -เราสามารถนาความรเู้ รื่อง ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ไปใชท้ าอะไรได้ บ้าง (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยูใ่ นดลุ ยพนิ จิ ของ ครูผสู้ อน)
แผนการจัดการเรยี นรู้ ชอื่ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 7 เรือ่ ง สถิติ แผนการสอนที่ 87 เร่อื ง การนาเสนอขอ้ มลู ในรปู ฮิสโทแกรม รปู หลายเหล่ยี ม ของความถ่ี และเส้นโคง้ ของความถี่ (1) รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 รหสั วิชา ค 23102 ครผู ้สู อน นางสาวสิรธิ รณ์ ดวงสริ ิ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาท่ใี ช้ 3 ชั่วโมง ตวั ชี้วัด/ผล เน้อื หาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมินผล กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การเรียนรู้ ชน้ิ งาน ค 5.1 ม.3/4 อธิบายเกยี่ วกบั 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ครทู บทวนความร้เู กี่ยวกบั ขอ้ มูล โดยให้นกั เรยี นชว่ ยกันอธบิ าย 1. ใบงาน อา่ น แปล ความหมาย การนาเสนอ ความหมายของขอ้ มูลดิบหรอื คะแนนดิบ จากนน้ั ครูนาข้อมูลดิบ เชน่ 2. หนังสอื และวเิ คราะห์ ความสงู ของนกั เรยี นท้ังช้นั แลว้ ตง้ั คาถามใหน้ ักเรียนตอบ ดงั น้ี คณติ ศาสตร์ ขอ้ มลู ที่ไดจ้ าก ขอ้ มูลในรูปฮสิ โท การนาเสนอ - นกั เรียนทมี่ คี วามสงู มากท่ีสดุ เท่ากับเทา่ ไร แกรม รปู หลาย - นักเรียนทีม่ คี วามสงู น้อยทส่ี ุด เท่ากับเทา่ ไร - นักเรยี นที่ต่ากว่า 150 ซม. มกี ่ีคน เหลย่ี มของ 2. ครแู ละนกั เรียนรวมกันทบทวนความรูเ้ รอื่ ง การนาเสนอข้อมลู ใน ความถ่ี และเสน้ รูปตารางแจกแจงความถี่ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ชว่ ยกันหาคาตอบ โคง้ ของความถไ่ี ด้ เชน่ - สดมภ์ คอื อะไร - การสรา้ งตารางแจกแจงความถีต่ อ้ งมกี ี่สดมภ์ - อันตรภาคชัน้ คอื อะไร - ขอบเขตลา่ ง ขอบเขตบนคอื อะไร มวี ธิ ีการหาอยา่ งไร - จุดกง่ึ กลางของอนั ตรภาคช้ันคืออะไร มีวิธีการหาอยา่ งไร 3. ครสู นทนากับนักเรียนเก่ยี วกับการนาเสนอข้อมลู ว่า นอกจากการ นาเสนอข้อมูลในรูปตารางแจกแจงความถี่ แลว้ นกั เรยี นคิดวา่ ยงั มี การนาเสนอข้อมูลดว้ ยวธิ ีอนื่ อกี หรอื ไม่ ครูสุ่มนักเรยี นตอบ 2 - 3 คน 4. ครูนาภาพการนาเสนอข้อมลู ในรูปของแผนภูมิแท่งและการ นาเสนอขอ้ มูลในรูปฮสิ โทแกรมมาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ใหน้ ักเรยี น เปรียบเทียบว่ามีความเหมือนและความตา่ งกนั อย่างไร
5. ครูส่มุ ตัวแทนนักเรยี นอธิบายความเหมอื นและความตา่ งกนั ของ แผนภมู ิแทง่ กับฮสิ โทแกรม โดยมีครคู อยตรวจสอบความถูกตอ้ งและ อธิบายเพ่มิ เตมิ ในส่วนทย่ี งั มีขอ้ บกพรอ่ งอยู่ 6. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ศกึ ษาความรู้เรื่อง การนาเสนอ ข้อมูลในรูปฮิสโทแกรม รูปหลายเหลยี่ มของความถี่ และเส้นโค้งของ ความถี่จากหนงั สอื เรียน 7. ให้นกั เรยี นทาใบงานที่ 3.16 เร่ือง การนาเสนอขอ้ มลู ในรูปฮสิ โท แกรม รปู หลายเหลี่ยมของความถ่ี และเส้นโคง้ ของความถ่แี ละ รว่ มกันเฉลย 8. ครแู ละนักเรียนรวมกนั เฉลยใบงานท่ี 3.16 เรือ่ ง การนาเสนอ ข้อมูลในรปู ฮสิ โทแกรม รปู หลายเหล่ยี มของความถี่ และเสน้ โค้งของ ความถ่ี 1 และทบทวนการสรา้ งรูปฮสิ โทแกรม รูปหลายเหลย่ี มของ ความถี่ และเส้นโค้งของความถ่ี 9. ครูยกตวั อยา่ งการสรา้ งรปู ฮสิ โทแกรม รปู หลายเหลี่ยมของความถี่ และเส้นโค้งของความถี่ ใหน้ ักเรยี นดูและศกึ ษาข้ันตอนการสร้าง 10. ครูกาหนดขอ้ มูลให้นกั เรียนแตล่ ะแต่ละกลุ่มสรา้ งรูปฮสิ โทแกรม รูปหลายเหล่ียมของความถ่ี และเส้นโคง้ ของความถ่ีลงในกระดาษ A4 เสรจ็ แล้วนาสง่ ครูผู้สอน 11. ครูสุม่ ตัวแทนกลมุ่ 2 - 3 กลุ่ม นาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น และ ใหน้ ักเรียนกลมุ่ ทเี่ หลอื รว่ มกนั เสนอแนวคิดและวิธีการแก้ปญั หา 12. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ 3.17 เรื่อง การนาเสนอขอ้ มูลในรปู ฮิสโท แกรม รูปหลายเหล่ยี มของความถ่ี และเสน้ โคง้ ของความถี่ 2 และ รว่ มกันเฉลยในช่ัวโมงถัดไป 13. ครูและนักเรยี นรวมกนั เฉลยใบงานที่ 3.17 เรื่อง การนาเสนอ ข้อมูลในรปู ฮิสโทแกรม รปู หลายเหลี่ยมของความถี่ และเส้นโค้งของ ความถี่ 2 และทบทวนการสรา้ งรปู ฮิสโทแกรม รปู หลายเหลย่ี มของ ความถ่ี และเสน้ โค้งของความถี่
14. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั อภปิ รายแลกเปลย่ี นความรคู้ วาม เขา้ ใจกัน แลว้ ให้ช่วยกัน - เปรยี บเทียบว่าฮิสโทแกรมกบั รูปหลายเหลี่ยมของความถีเ่ หมือนหรือ ต่างกนั อยา่ งไร - เปรยี บเทียบวา่ รปู หลายเหล่ยี มของความถกี่ ับเส้นโคง้ ของความถ่ี เหมอื นหรือต่างกนั อยา่ งไร 15. ครตู ้งั ประเดน็ คาถามเก่ียวกับเสน้ โคง้ ของความถ่ใี ห้นกั เรยี นแต่ ละกล่มุ ช่วยกันตอบ ดงั น้ี - เสน้ โค้งของความถีแ่ บ่งเปน็ กล่ี ักษณะ - เส้นโค้งของความถ่ีในลกั ษณะตา่ งๆ แตกต่างกนั อยา่ งไร - เส้นโคง้ ของความถ่มี ีความสมั พันธ์กบั ฮิสโทแกรมอยา่ งไร - ถ้าเส้นโคง้ ของความถี่แสดงข้อมลู เก่ยี วกับรายได้ต่อหวั ของ ประชากรในประเทศ มีลักษณะเบล้ าดทางซา้ ย จะมีความหมาย อย่างไร - ถ้าเสน้ โค้งของความถ่ีแสดงขอ้ มลู เกยี่ วกับคะแนนสอบของนักเรยี น ในชั้นเรยี น มีความโดง่ มากหรอื คอ่ นขา้ งสูง จะมีความหมายอยา่ งไร 16. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกนั ศึกษาความรู้เร่ือง ลักษณะของ เสน้ โคง้ ของความถ่ี จากหนังสอื เรยี น 17. เมื่อนักเรียนแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาทาความเข้าใจจนกระจ่างชดั เจน แล้วใหอ้ ธิบายแลกเปล่ยี นความรกู้ บั เพื่อนจนเกดิ ความเข้าใจตรงกนั 18. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสอบถามข้อมลู ของนักเรยี นในช้นั เรยี น เช่น - สอบถามความสงู ของนักเรียนแต่ละคนท่อี ยูใ่ นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 - สอบถามนา้ หนกั ของนกั เรียนแต่ละคนทีอ่ ย่ใู นชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 - สอบถามจานวนเงนิ ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 แต่ละคนท่ี นามาโรงเรยี น และทาใบงานท่ี 3.18 เรอ่ื ง การนาเสนอขอ้ มูลในรูป ฮสิ โทแกรม รปู หลายเหลี่ยมของความถี่ และเส้นโค้งของความถี่ 3 7. ใหน้ ักเรยี นทกุ กลุ่มนาเสนอคาตอบของใบงาน
แผนการจัดการเรียนรู้ ชือ่ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 7 เรอื่ ง สถติ ิ แผนการสอนท่ี 88 เร่ือง เส้นโคง้ ของความถีก่ ับการนาไปใช้ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 รหสั วิชา ค 23102 ครผู สู้ อน นางสาวสิริธรณ์ ดวงสิริ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 2 ชัว่ โมง ตวั ช้ีวัด/ผล เนอ้ื หาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การเรียนรู้ ชน้ิ งาน ค 5.1 ม.3/4 นาเรอื่ งพืน้ ที่ใต้ 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ครูส่มุ ตวั แทนกลุ่มทุกกลมุ่ นาเสนอคาตอบของใบงานท่ี 3.18 1. ใบงาน อ่าน แปล ความหมาย เส้นโคง้ ปกตไิ ปแก้ เรือ่ ง การนาเสนอขอ้ มลู ในรูป ฮิสโทแกรม รูปหลายเหลีย่ มของ 2. หนังสอื และวเิ คราะห์ ความถี่ และเส้นโค้งของความถี่ 3 หนา้ ชัน้ เรียน โดยมคี รูตรวจสอบ คณติ ศาสตร์ ข้อมลู ทีไ่ ด้จาก โจทย์ปญั หาได้ การนาเสนอ ความถูกตอ้ ง 2. ใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกันสรุปเกยี่ วกับการสร้างรูปฮสิ โทแกรม รูปหลายเหล่ยี มของความถี่ และเส้นโคง้ ของความถี่อีกครั้ง 3. ให้นักเรียนตอบคาถามกระตุน้ ความคิด เช่น - เราสามารถนาความร้เู กีย่ วกบั เส้นโคง้ ของความถี่มาใช้ประโยชน์ ไดใ้ นเร่อื งอะไรได้บ้าง - เราสามารถนาความร้เู ก่ียวกับเสน้ โคง้ ของความถมี่ าใช้ประโยชน์ ได้อยา่ งไร 4. ครูให้นกั เรยี นดูรูปต่อไปนี้ และแนะนาสัญลกั ษณ์ต่าง ๆ ให้นกั เรยี นรู้จกั เชน่ μ=ค่าเฉลี่ย \"σ =\" ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน
5. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่ม ร่วมกนั ศึกษาความร้เู รื่อง พื้นทใี่ ตเ้ สน้ โคง้ ปกติจากหนงั สอื เรียน 6. เมื่อนักเรยี นแต่ละกลมุ่ ศึกษาทาความเขา้ ใจจนกระจ่างชัดเจนแลว้ ให้ชว่ ยกนั สรุปความหมายและลักษณะของพ้นื ท่ีใต้เสน้ โคง้ ปกติ รว่ มกับเพื่อนจนเกิดความเขา้ ใจตรงกัน 7. ครยู กตวั อยา่ งการหาพน้ื ทีใ่ ตเ้ ส้นโคง้ ปกติ 1 - 2 ตัวอยา่ ง โดยใช้ วธิ ีการถาม-ตอบ จนนกั เรยี นเขา้ ใจ 8. ให้นกั เรยี นทาใบงานท่ี 3.19 เรอื่ ง เสน้ โค้งของความถกี่ บั การ นาไปใช้ 1 และร่วมกันเฉลยในชัว่ โมงถัดไป 8. ครแู ละนกั เรยี นรวมกนั เฉลยใบงานท่ี 3.19 เรือ่ ง เสน้ โคง้ ของ ความถก่ี บั การนาไปใช้ 1 โดยสุ่มตัวแทนนกั เรยี น นาเสนอคาตอบ ของใบงานหนา้ ชน้ั เรียน โดยมคี รูตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 9. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนเรอ่ื งพ้ืนท่ใี ตเ้ สน้ โคง้ ปกติอกี ครั้ง เพอื่ ทบทวนความรู้เดิม 10. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาใบงานท่ี 3.20 เรื่อง เสน้ โคง้ ของความถ่ี กับการนาไปใช้ 2 11. จากน้ันครสู ่มุ ตวั แทนกล่มุ นาเสนอคาตอบของใบงานที่ 3.20 เรือ่ ง เสน้ โคง้ ของความถ่ีกับ การนาไปใช้ 2 หนา้ ช้นั เรียน โดยมคี รู ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 12. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั อภิปรายแลกเปลี่ยนความรคู้ วาม เข้าใจกนั แล้วให้ชว่ ยกนั สรุปพืน้ ท่ีใตเ้ สน้ โค้งปกติ 13. ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน 14. ครปู ระเมินความรคู้ วามเข้าใจของนักเรียนจากแบบทดสอบหลงั เรยี น และจากการสังเกตพฤตกิ รรมในการทากจิ กรรมตา่ งๆ ท่ีผ่าน มา และพิจารณาจากการทาใบงานท่ีนกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ช่วยกันทา
แผนการจัดการเรียนรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 เร่อื ง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 89 เรอื่ ง เร่อื ง มอี ยู่เท่าไร รายวชิ าคณิตศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 3 รหัสวชิ า ค 23102 ครผู สู้ อน นางสาวสริ ิธรณ์ ดวงสิริ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชว่ั โมง ตัวชีว้ ัด/ผล เนื้อหาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ช้นิ งาน ค 6.1 ม 3/1 1. ใช้ทักษะ 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ครูทบทวนการหาคาตอบของปัญหาน้ีตอ่ เนอื่ งจากช่วั โมงที่ 1 ใน 1. ใบงาน ใชวธิ กี ารที่ หลากหลายแก กระบวนการทาง การหาคาตอบโดยการใช้ตาราง 2. หนังสอื ปญหา คณติ ศาสตร์ 2. ครูอธบิ ายวิธี การหาคาตอบว่ามหี ลากหลายวธิ ีและการหาคาตอบ คณติ ศาสตร์ แก้ปัญหาใน โดยการหาจานวนนับที่หารดว้ ยจานวนนบั ที่กาหนดใหไ้ ดล้ งตัวและ สถานการณท์ ี่ เหลอื เศษ เชน่ กาหนดให้ จานวนนบั ทีห่ ารด้วย 3 ลงตัว ไดแ้ ก่ 3, 6, 9, 12, 15, … 2. ใช้เหตผุ ล การ จานวนนบั ที่หารด้วย 3 ลงตวั แลว้ เหลือเศษ 1 ได้แก่ 4, 7, 10, สื่อสารทาง 13, 16, … คณิตศาสตร์ 3. ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาปัญหาสถานการณ์ การหาจานวนดนิ สอสี นาเสนอ เชอ่ื มโยง ทมี่ าแบ่งทีละ 3 แทง่ 4 แท่ง และ 5 แทง่ และแสดง 4. ใหน้ ักเรียนคิดหาวิธกี ารแก้ปญั หาด้วยตัวเองก่อน โดยให้นกั เรียน ความคิด คดิ วา่ ควรจะเรมิ่ ต้นจากกี่แทง่ และรว่ มกันอภิปรายวา่ ทาไมถึงต้อง สรา้ งสรรค์ได้ เรม่ิ ต้นท่จี านวนนัน้ และไม่สามารถเริม่ ตน้ ทีจ่ านวนใด เพราะเหตุใด แนวคดิ พิจารณาจานวนดินสอสีทที่ วิ มี ดังนี้ - ถ้าแจกดินสอสีใหเ้ ดก็ กลุ่มหนึ่งคนละ 3 แท่ง จะเหลอื ดนิ สอ 1 แทง่ ทิวจะตอ้ งมีดนิ สอสีอยา่ งน้อย 4 แท่ง - ถา้ แจกดินสอสีใหเ้ ดก็ กลุ่มหน่ึงคนละ 4 แทง่ จะเหลอื ดินสอ 3 แท่ง ทิวจะตอ้ งมดี นิ สอสอี ยา่ งนอ้ ย 7 แท่ง - ถา้ แจกดินสอสีให้เด็กกล่มุ หน่ึงคนละ 5 แท่ง จะเหลอื ดินสอ 4 แทง่ ทิวจะตอ้ งมดี ินสอสีอยา่ งนอ้ ย 9 แท่ง
ตัวชีว้ ัด/ผล เนื้อหาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ การเรยี นรู้ ช้นิ งาน หาจานวนนับทีน่ ้อยทีส่ ดุ ท่ีสอดคลอ้ งท้งั 3 กรณี ได้ดังน้ี - จานวนนับท่ี 3 หารแล้วเหลือเศษ 1 ไดแ้ ก่ 4, 7, 10, 13, 16, 19, 22, 25, … - จานวนนบั ท่ี 4 หารแลว้ เหลือเศษ 3 ได้แก่ 7, 11, 15, 19, 23, … - จานวนนับที่ 5 หารแลว้ เหลอื เศษ 4 ได้แก่ 9, 14, 19, 24, … จะไดจ้ านวนนับท่นี อ้ ยทสี่ ดุ ทส่ี อดคลอ้ งทง้ั 3 กรณี คอื 19 ดงั น้ัน ทวิ มีดนิ สอสีอยา่ งน้อย 19 แทง่
แผนการจัดการเรียนรู้ ช่อื หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 8 เรือ่ ง ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 90 เร่ือง เร่ือง มอี ยู่กีจ่ านวน รายวชิ าคณติ ศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 รหสั วิชา ค 23102 ครูผู้สอน นางสาวสิริธรณ์ ดวงสริ ิ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาที่ใช้ 1 ชั่วโมง ตวั ชว้ี ัด/ผล เนื้อหาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรียนรู้ การเรยี นรู้ ชิ้นงาน ใช้ทักษะ 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ครูแจกใบงานกจิ กรรมท่ี 4.3 “มอี ยู่ก่ีจานวน” และรว่ มกัน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/2 กระบวนการทาง ใชความรูทกั ษะ คณติ ศาสตรแ์ ละ อภิปรายถงึ ปญั หาว่าตอ้ งการทราบอะไรบา้ งและมีสิง่ ใดท่ีกาหนดมา 2. หนงั สอื และ เทคโนโลยใี นการ กระบวนการ แก้ปญั หาใน ให้บา้ ง โดยครตู ้ังคาถามเพ่ือให้ไดแ้ นวคดิ ในการแก้ปัญหา ดังนี้ คณิตศาสตร์ ทางคณิต สถานการณ์ที่ ศาสตรและ กาหนดใหไ้ ด้ - เลขโดดในหลักพัน มีได้ก่ตี วั อะไรบ้าง พรอ้ มท้ังบอกเหตผุ ล (1 เทคโนโลยใี น การแกปญหา ตัว คือ 4 เท่านนั้ เพราะจานวนนบั ทม่ี คี า่ ระหว่าง 4,000 – 5,000 ในสถานการณ ต้องเป็นจานวนที่ข้ึนต้นด้วย 4) - เลขโดดในหลกั รอ้ ย มไี ด้ก่ตี วั อะไรบ้าง พรอ้ มทั้งบอกเหตผุ ล (อาจเป็น 5, 6, 7 เนอ่ื งจาก เลขโดดในหลกั พันเปน็ 4 และเลข โดดในหลักรอ้ ยมากกว่าเลขโดดในหลกั พัน ดงั น้นั เลขโดดในหลกั รอ้ ย จงึ ตอ้ งมากกว่าเลขโดดในหลกั พนั เลขโดดในหลักรอ้ ย เป็น 8, ตาง ๆ ไดอยาง 9 ไมไ่ ด้ เพราะว่า ถ้า เลขโดดในหลักรอ้ ยเป็น 8 แลว้ เลขโดดในหลัก เหมาะสม สบิ ต้องเป็น 9 ทาให้หาเลขโดดในหลักหนว่ ยทม่ี ากกว่า 9 ไมไ่ ด)้ - ถ้าเลขโดดในหลกั รอ้ ยเปน็ 5 เลขโดดในหลกั สบิ จะเป็นอะไรได้ บา้ ง จงอธิบายเหตุผล (เลขโดดในหลกั สิบ อาจเป็น 6, 7 หรือ 8 เนื่องจาก ถ้าเลขโดดในหลักรอ้ ยเปน็ 5 และเลขโดดในหลกั สิบ จะต้องมากกว่าเลขโดดในหลกั รอ้ ย ดังน้ัน เลขโดดในหลกั สบิ ตอ้ ง เป็นเลขโดดที่มากกว่า 5 และในทีน่ ี้ เลขโดดในหลักสบิ เป็น 9 ไม่ได้ เพราะจะทาให้หาเลขโดดในหลกั หนว่ ยทม่ี ากกว่า 9 ไม่ได)้ - ถา้ เลขโดดในหลกั สิบเปน็ 6 เลขโดดในหลกั หนว่ ยจะเปน็ อะไรได้ บา้ ง จงอธิบาย (เลขโดดในหลักหนว่ ย อาจจะเปน็ 7, 8 หรอื 9 เนอ่ื งจาก ถา้ เลขโดดในหลกั สิบเป็น 6 และเลขโดดในหลักหนว่ ยต้อง
ตัวชีว้ ัด/ผล เนื้อหาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ การเรยี นรู้ ชิ้นงาน มากกว่าเลขโดดในหลกั สบิ ดงั น้ัน เลขโดดในหลักหน่วยต้องเป็นเลข โดดท่มี ากกวา่ 6) - ใหน้ ักเรยี นฝึกทาโดยการเตมิ ตัวเลขและทาแผนภาพตน้ ไม้ให้ สมบรู ณ์ - ช่วยกันสรุป และตรวจสอบคาตอบของนกั เรยี นว่าทาถูกตอ้ งตาม เง่ือนไขหรอื ไม่ (เฉลยคาตอบ มอี ยู่ 10 จานวน คอื 4,567 4,568 4,569 4,578 4,579 4,589 4,678 4,679 4,689 4,789)
แผนการจัดการเรียนรู้ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ท่ี 8 เรอื่ ง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 91 เรอ่ื ง เรือ่ ง ถอดรหสั ปรศิ นาภาษา รายวิชาคณติ ศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 รหัสวิชา ค 23102 ครูผู้สอน นางสาวสิริธรณ์ ดวงสิริ ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาท่ีใช้ 1 ชว่ั โมง ตวั ช้ีวัด/ผล เนือ้ หาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่ือ/แหลง่ เรยี นรู้ การเรียนรู้ ช้นิ งาน ค 6.1 ม 3/2 ใชท้ กั ษะ 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ทบทวนพยญั ชนะในภาษาอังกฤษว่า มีท้งั หมดกี่ตัว อะไรบา้ ง 1. ใบงาน ใชความรูทักษะ กระบวนการทาง โดยการรอ้ งเพลง ABC และให้นักเรยี นเขยี นลาดับของพยญั ชนะใน 2. หนงั สอื และ คณติ ศาสตรแ์ ละ ภาษาอังกฤษ ดังนี้ คณติ ศาสตร์ กระบวนการ เทคโนโลยีในการ A=1 ทางคณติ แกป้ ญั หาใน B=2 ศาสตรและ สถานการณต์ ่าง C=3 เทคโนโลยีใน ๆ และบูรณาการ . การแกปญหา กบั วิชาอนื่ ใน . ในสถานการณ สถานการณท์ ี่ . กาหนดใหไ้ ดอ้ ย่าง Z = 26 ตาง ๆ ไดอยาง เหมาะสม 2. ครแู จกใบงานใหก้ บั นักเรยี นแต่ละคนและใหน้ ักเรยี นหาคาตอบใน เหมาะสม แต่ละข้อในใบงานวา่ ได้เท่าไร และจดบนั ทกึ ไว้ 3. ให้นกั เรยี นนาคาตอบทไี่ ด้ไปตรวจดูอนั ดับที่ของตัวพยัญชนะใน ภาษาอังกฤษว่า คาตอบตรงกับพยญั ชนะใด 4. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบความถกู ต้องถึงคาตอบทไ่ี ด้
แผนการจัดการเรยี นรู้ ชอื่ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 8 เร่ือง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนที่ 92 เรื่อง เรอ่ื ง พน้ื ทเี่ ปน็ เทา่ ไร รายวิชาคณิตศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 รหัสวชิ า ค 23102 ครูผสู้ อน นางสาวสิรธิ รณ์ ดวงสิริ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช้ 1 ช่วั โมง ตัวชีว้ ัด/ผล เน้ือหาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การเรียนรู้ ชนิ้ งาน 1. ใบงาน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/2 นกั เรียนสามารถ - ตรวจใบงาน 1. ให้นักเรียนปฏิบตั กิ จิ กรรมตามที่กาหนดให้ 2. หนังสือ คณติ ศาสตร์ ใชความรูทกั ษะ ใช้ทักษะ 1) ตดั กระดาษเปน็ รปู สี่เหลยี่ มจัตุรสั 1 แผน่ 2) กาหนดจดุ ก่งึ กลางของด้านทัง้ ส่ี และ กระบวนการทาง 3) พบั มุมกระดาษเปน็ รปู สามเหลีย่ มมมุ ฉากที่มีความยาวของด้าน กระบวนการ คณติ ศาสตร์ใน ประกอบมมุ ฉากยาวเปน็ ครึง่ หนงึ่ ของความยาวดา้ นของรูปส่เี หลยี่ ม จตั ุรัส ในขอ้ ที่ 1) ดงั รปู ทางคณติ การแก้ปัญหาใน ศาสตรและ สถานการณ์ท่ี เทคโนโลยีใน กาหนดให้ การแกปญหา ในสถานการณ ตาง ๆ ไดอยาง 4) กาหนดให้ ABCD เปน็ รปู ส่เี หลี่ยมจัตุรัส ในข้อ 1) และ เหมาะสม PQRS เป็นรูปสีเ่ หลี่ยมที่ได้จากการพบั มมุ ตามเง่ือนไขในขอ้ 3) แล้ว ให้นักเรียนตอบคาถาม ตอ่ ไปน้ี - PQRS เป็นรปู ส่ีเหลีย่ มชนดิ ใด เพราะเหตใุ ด - พ้นื ทข่ี อง PQRS เก่ียวขอ้ งกับพ้ืนทข่ี อง ABCD อยา่ งไร จงอธบิ าย - ถ้า PQRS มีพ้นื ที่ 1 ตารางหนว่ ย แลว้ พื้นที่ ABCD เท่ากับกีห่ นว่ ย DRC SQ APB
2. ให้นักเรียนพจิ ารณาปญั หาน้ี D1 C 2 34 6 5 จากรูปแผน่ กระเบอื้ งทีก่ าหนดให้ รปู สAเ่ี หล่ียมภายในรูปสเ่ี หลี่ยมB จตั รุ สั ABCD ทุกรูป เกิดจาก การลากส่วนของเส้นตรงเช่อื มต่อจุด กึ่งกลางของด้านท้ังสข่ี องรปู สี่เหลย่ี มท่ีใหญก่ วา่ กระทาซ้า ๆ กัน จนกระทั่ง ได้รูปสี่เหลย่ี มจตั รุ สั เลก็ ท่อี ยู่ในสุดมีพ้นื ที่ 5 ตาราง หนว่ ย จากรูป กาหนดให้หมายเลข และ ท่ีกากบั ไวบ้ นดา้ นแทนช่อื รปู สเี่ หล่ยี มจัตรุ ัส ที่มีดา้ นนนั้ เป็นดา้ นดา้ นหน่ึง 1) นักเรียนจะต้องหาพ้ืนท่ีของรปู สี่เหลยี่ มเรยี งลาดับกันอยา่ งไร จงึ จะไดพ้ นื้ ท่ีของรปู สีเ่ หลยี่ ม ABCD ให้เขียนแผนภาพประกอบ คาตอบ 2) พ้ืนที่ของรปู ส่ีเหลย่ี มจตั รุ ัส ABCD เทา่ กบั กตี่ ารางหนว่ ย
แผนการจัดการเรียนรู้ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 เร่ือง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนที่ 93 เรื่อง เร่อื ง ปริศนาตาช่งั รายวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 รหสั วิชา ค 23102 ครูผู้สอน นางสาวสิรธิ รณ์ ดวงสิริ ตาแหนง่ พนกั งานราชการ เวลาที่ใช้ 1 ชั่วโมง ตวั ชว้ี ัด/ผล เน้อื หาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมินผล กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ การเรียนรู้ ช้ินงาน 1. ใบงาน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/2 นักเรยี นสามารถ - ตรวจใบงาน 1. ให้นักเรียนแตล่ ะคนศึกษาใบงาน “ปรศิ นาตาชั่ง” โดยครู 2. หนงั สือ กาหนดให้ว่า ทงั้ สองขา้ งต้องอยูใ่ นระดับสมดุล คณิตศาสตร์ ใชความรูทักษะ ใช้ทกั ษะ 2. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนฝกึ หรอื ทดลอง เพือ่ ให้ได้คาตอบตามท่ี ตอ้ งการ และ กระบวนการทาง กระบวนการ คณิตศาสตร์ใน ทางคณติ การแก้ปัญหาใน ศาสตรและ สถานการณ์ท่ี เทคโนโลยีใน กาหนดให้ 1 การแกปญหา ในสถานการณ ตาง ๆ ไดอยาง 2 เหมาะสม ? 3 ให้ แทน แทน แทน
แผนการจัดการเรียนรู้ ชอื่ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 8 เร่อื ง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนที่ 94 เร่อื ง เรอ่ื ง นับอยา่ งไร รายวิชาคณติ ศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 รหัสวชิ า ค 23102 ครผู ้สู อน นางสาวสริ ิธรณ์ ดวงสิริ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทีใ่ ช้ 1 ชวั่ โมง ตวั ช้ีวัด/ผล เนือ้ หาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมินผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ การเรียนรู้ ช้นิ งาน 1. ใบงาน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/2 นกั เรยี นสามารถ - ตรวจใบงาน ครแู จกใบงานให้กับนักเรยี นแต่ละคน พิจารณาปัญหาข้างตน้ แลว้ 2. หนงั สอื คณติ ศาสตร์ ใชความรูทักษะ ใช้ทักษะ ตอบคาถาม ดงั น้ี 1. นกั เรยี นคดิ ว่าจะต้องใชค้ วามรเู้ รอื่ งใดบา้ งในการแก้ปญั หานี้ และ กระบวนการทาง 2. คาตอบของปัญหาน้ี คอื 7 รูป ใชห่ รือไม่ เพราะอะไร จง กระบวนการ คณติ ศาสตรใ์ น อธบิ าย 3. นกั เรยี นคิดวา่ รูปส่เี หลย่ี มมุมฉากขนาดเทา่ ใดท่ีควรแจงนับต่อไป ทางคณิต การแก้ปญั หาใน โดยให้เขียนแผนภาพ ศาสตรและ สถานการณท์ ี่ 4. นักเรยี นคดิ วา่ ยังมรี ปู สี่เหล่ียมมมุ ฉากขนาดใดอีกบ้างทต่ี อ้ ง เทคโนโลยใี น กาหนดให้ พจิ ารณาแต่ละขนาด มีอย่างละก่ีรปู โดยบนั ทึกลงในตารางให้ สมบรู ณ์ การแกปญหา 5. ใหน้ ักเรยี นตรวจสอบคาตอบของนักเรยี นกบั เพอ่ื น ๆ ในสถานการณ ตาง ๆ ไดอยาง เหมาะสม
แผนการจดั การเรียนรู้ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 8 เรอื่ ง ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนที่ 95 เรื่อง เรอื่ ง นบั ไดเ้ ทา่ ไร รายวิชาคณิตศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 รหสั วชิ า ค 23102 ครูผู้สอน นางสาวสิริธรณ์ ดวงสิริ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาท่ีใช้ 1 ชัว่ โมง ตวั ช้ีวัด/ผล เนือ้ หาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ การเรียนรู้ ชน้ิ งาน 1. ใบงาน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/2 นักเรียนสามารถ - ตรวจใบงาน 1. ครูแจกใบงานให้นกั เรียนศึกษา โดยกาหนดให้มรี ปู 2. หนังสือ คณิตศาสตร์ ใชความรูทกั ษะ ใช้ทักษะ ส่เี หลีย่ มจตั ุรัสขนาด 4 × 4 ที่ไดม้ าจากรปู สี่เหลีย่ มจตั ุรัส 1 × 1 ต่อกันดังรปู และ กระบวนการทาง กระบวนการ คณิตศาสตร์ใน ทางคณิต การแก้ปัญหาใน ศาสตรและ สถานการณ์ท่ี เทคโนโลยใี น กาหนดให้ การแกปญหา 2. มรี ูปสเ่ี หลี่ยมจัตรุ ัสขนาด 1 × 1 ซอ้ นอย่ใู นรูปที่ กาหนดใหท้ ้ังหมดกี่รปู ในสถานการณ 3. ให้นกั เรียนเขียนแผนภาพแสดงการแจงนบั รปู สี่เหล่ยี ม ตาง ๆ ไดอยาง จัตรุ ัสขนาด 2 × 2 ท้งั หมดท่ซี ่อนอยใู่ นรปู ท่ีกาหนดให้ เหมาะสม 4. ให้นักเรยี นนบั รูปส่ีเหล่ียมจัตรุ ัสขนาดต่าง ๆ ที่ซ่อนอย่ใู น รูปที่กาหนดให้และบันทกึ ผลที่ได้ลงในตารางให้สมบรู ณ์ ขนาด จานวนรูปสี่เหลยี่ มจัตุรัส 1×1 2×2 3×3 4×4 รวม
แผนการจัดการเรียนรู้ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เร่ือง ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 96 เรอ่ื ง กตี่ วั กนั แน่ รายวิชาคณติ ศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 รหัสวิชา ค 23102 ครูผู้สอน นางสาวสิริธรณ์ ดวงสิริ ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชั่วโมง ตัวช้วี ัด/ผล เนอ้ื หาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรียนรู้ สอื่ /แหล่งเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ชิน้ งาน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/1 1. ใชท้ กั ษะ 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ครแู จกใบงาน “กีต่ ัวกันแน”่ 2. หนงั สือ คณติ ศาสตร์ ใชวิธีการที่ กระบวนการทาง 2. ให้นักเรยี นศึกษาใบงาน เพอ่ื ชว่ ยกนั หาจานวนม้าลายและ นกกระจอกเทศ หลากหลายแก คณิตศาสตร์ใน 3. หลงั จากท่ีนกั เรียนหาคาตอบไดเ้ รียบร้อยแล้ว ครแู ละนักเรยี น ปญหา การแกป้ ัญหาใน ร่วมกนั หาคาตอบโยการใช้ตาราง 4. ครเู ขา้ มาแนะนาวิธกี ารหาคาตอบเพ่มิ เตมิ โดยการใชร้ ะบบ ค 6.1 ม 3/5 สถานการณท์ ี่ สมการเชงิ เส้นสองตัวแปรเขา้ มาชว่ ยโดย เช่อื มโยงความรู กาหนดให้ กาหนดให้ ตาง ๆ ในคณิต 2. ใช้เหตผุ ล การ x แทนจานวนมา้ ลาย y แทนจานวนนกกระจอกเทศ ศาสตรและนา ส่ือสารทาง จะไดร้ ะบบสมการเชิงเสน้ สองตวั แปร ดังนี้ ความรูหลกั การ คณิตศาสตร์ x + y = 47 4 x + 2y = 118 กระบวนการ นาเสนอ เชอ่ื มโยง ทางคณติ และแสดง ศาสตรไป ความคิด สรา้ งสรรค์ได้ เชอื่ มโยง กับศาสตรอื่น ๆ
แผนการจดั การเรียนรู้ ช่ือหนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 8 เรือ่ ง ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 97 เรือ่ ง จตั ุรัสกล...กบั คนเกง่ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 รหสั วชิ า ค 23102 ครผู ู้สอน นางสาวสิริธรณ์ ดวงสิริ ตาแหนง่ พนักงานราชการ เวลาที่ใช้ 1 ช่ัวโมง ตวั ชวี้ ัด/ผล เน้ือหาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ การเรียนรู้ ช้นิ งาน 1. ใบงาน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/2 ใช้ทกั ษะ - ตรวจใบงาน 1. ครแู จกใบงาน “จัตุรสั กล...กับคนเก่ง” และอธิบายให้นักเรียน 2. หนงั สอื คณิตศาสตร์ ใชความรูทักษะ กระบวนการทาง เขา้ ใจถึงการหาคาตอบของแต่ละชอ่ ง และทบทวนความรูเ้ รือ่ งการ บวก การลบ การคณู และการหารของสมการ และ คณิตศาสตรใ์ น 2. ครใู ห้นกั เรียนลงมือทาตามความรู้ของนกั เรยี นและสามารถ กระบวนการ การแกป้ ญั หาใน ปรกึ ษากันได้ 3. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรปุ และตรวจคาตอบ ทางคณติ สถานการณท์ ี่ ศาสตรและ กาหนดให้ เทคโนโลยีใน การแกปญหา ในสถานการณ ตาง ๆ ไดอยาง เหมาะสม
แผนการจัดการเรยี นรู้ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 8 เรอื่ ง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 98 เรื่อง อัตราส่วนเป็นอย่างไร รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3 รหัสวชิ า ค 23102 ครูผู้สอน นางสาวสิริธรณ์ ดวงสริ ิ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาที่ใช้ 1 ชว่ั โมง ตวั ชวี้ ัด/ผล เนื้อหาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรียนรู้ การเรยี นรู้ ชิ้นงาน 1. ใบงาน 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/2 ใช้ทกั ษะ - ตรวจใบงาน 1. ให้นกั เรยี นสรา้ งรูปสามเหล่ียมมุมฉาก ABC ท่มี ี มุม B เปน็ มุม 2. หนงั สือ ฉาก กาหนดใหค้ วามยาวของด้านและขนาดของมุม A ตามใจชอบ คณิตศาสตร์ ใชความรูทักษะ กระบวนการทาง C และ คณติ ศาสตร์ใน กระบวนการ การแกป้ ญั หาใน ทางคณิต สถานการณท์ ี่ ศาสตรและ กาหนดให้ เทคโนโลยใี น BA การแกปญหา ในสถานการณ ตาง ๆ ไดอยาง 2. ให้นกั เรียนสรา้ งรูปสามเหลี่ยมมมุ ฉากท่ีคลา้ ยกับ สามเหลย่ี ม เหมาะสม ABC อีกสองรูปทม่ี คี วามยาวของด้านแตกต่างกัน 3. สาหรบั รูปสามเหลีย่ มมุมฉากแต่ละรปู ในข้อ 1. และข้อ 2. กาหนดช่อื ตามแผนภาพน้ี C ด้านตรงข้ามมมุ A ด้านตรงข้ามมมุ ฉาก BA ด้านประชิดมมุ A
ตัวชว้ี ัด/ผล เน้อื หาสาระ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การเรียนรู้ ชิ้นงาน 4. ให้นักเรียนวัดความยาวของดา้ นท้ังสามของรูป สามเหลี่ยมมมุ ฉากแต่ละรูปท่ีคลา้ ยกัน แลว้ หาอตั ราส่วนของความ ยาวของดา้ นทกี่ าหนดใหใ้ นตารางใบงาน 5. ให้นกั เรยี นทาอตั ราส่วนในตารางข้อ 4. เป็นอัตราส่วนท่ี มีจานวนหลงั เปน็ 1 แล้วบันทกึ จานวนแรกเปน็ ค่าของอัตราส่วนใน รปู ทศนยิ มหรือเศษสว่ นในตาราง 6. ให้นักเรียนใช้ค่าอัตราส่วนในข้อ 5. ตอบคาถาม (สังเกต ความสัมพนั ธ์จากแบบรปู ) ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมุม A 1) ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมุมฉาก ของรูป สามเหล่ยี มทง้ั สามรูปเป็นอยา่ งไร ความยาวของดา้ นประชิดมุม A 2) ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมุมฉาก ของรูป สามเหลยี่ มท้ังสามรปู เปน็ อยา่ งไร ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมุม A 3) ความยาวของดา้ นประชิดมุม A ของรูป สามเหลีย่ มทัง้ สามรปู เป็นอย่างไร 7. ให้นกั เรยี นคาดการณ์ว่า คาตอบของอตั ราสว่ นของความยาวของ รูปสามเหลี่ยมทค่ี ลา้ ยกันในแต่ละข้อยอ่ ยของข้อ 6. เป็นค่าเดยี วกัน หรอื ไม่
แผนการจดั การเรยี นรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ที่ 8 เรือ่ ง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 99 เร่ือง ลองทาดู รายวิชาคณติ ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 รหสั วิชา ค 23102 ครผู ู้สอน นางสาวสริ ิธรณ์ ดวงสริ ิ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทีใ่ ช้ 2 ชวั่ โมง ตวั ช้วี ัด/ผล เนื้อหาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ การเรยี นรู้ ชิ้นงาน ใชค้ วามรเู้ ร่ือง 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน 1. ครูทบทวนความรู้เร่ืองทฤษฎีบทปีทาโกรัสโดยทบทวนการหา 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/1 ทฤษฎบี ทปที า ความยาวของดา้ นทเ่ี หลือ เชน่ 2. หนงั สอื ใชวิธกี ารที่ โกรสั และเรอ่ื ง คณิตศาสตร์ หลากหลายแก อตั ราสว่ นในการ 1? ปญหา แกป้ ญั หาได้ 12 ?1 ?2 1 2. ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันคดิ หาความยาวของด้านทเ่ี หลือ 3. ครแู จกใบงานให้กับนกั เรียน โดยให้เตมิ ค่าของอัตราสว่ นในตาราง 4. ครอู ธิบายถึงรูปสามเหล่ยี มมมุ ฉาก ดังรปู
กาหนดให้สามเหลยี่ ม ABC เปน็ รปู สามเหล่ียมมุมฉากทมี่ ี C เป็น มุมฉากดงั รปู ในทางคณติ ศาสตร์ จะเรียกชอ่ื อัตราสว่ นคงที่ทั้งสามเป็นดังน้ี พิจารณา มมุ A เรยี กว่า ไซน์ (sine) ของมุม A เรียกว่า โคไซน์ (cosine) ของมุม A เรียกว่า แทนเจนต์ (tangent) ของมุม A เนอ่ื งจาก คอื ดา้ นตรงข้ามมุมฉาก คอื ด้านประชิดมุม A คือ ด้านตรงขา้ มมมุ A ดังน้นั สรุปไดว้ ่า = ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมมุ A ไซน์ ของมมุ A (sin A) ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมุมฉาก โคไซน์ ของมุม A (cos A) = ความยาวของดา้ นประชิดมุม A ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมุมฉาก แทนเจนต์ ของมุม A (tan A) = ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมมุ A ความยาวของดา้ นประชิดมุม A 5. ทบทวนความรูเ้ รอื่ งอตั ราสว่ นตรโี กณมิติ โดยใหน้ กั เรยี นบอกคา่ ของ sin, cos, tan ของขนาดของมุม 30, 45,60 และ 90 6. ครูแจกใบงานใหน้ กั เรียนศึกษาและครูแนะนาวธิ กี ารคิดให้กับ นักเรียน 7. นกั เรียนทุกคนทากจิ กรรม 8. ครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยกจิ กรรม
แผนการจดั การเรียนรู้ ช่ือหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 8 เรอื่ ง ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ แผนการสอนท่ี 100 เร่ือง โดมิโน ตรโี กณมิติ รายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 รหัสวชิ า ค 23102 ครผู ูส้ อน นางสาวสริ ิธรณ์ ดวงสริ ิ ตาแหน่ง พนกั งานราชการ เวลาทใี่ ช้ 1 ชั่วโมง ตัวชีว้ ัด/ผล เนอื้ หาสาระ ภาระงาน/ การวัดและประเมินผล กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ การเรียนรู้ ช้ินงาน ใชท้ ักษะ 1. ใบงาน - ตรวจใบงาน ให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ เป็น 2 – 4 คน เพื่อจะเล่นเกมโดมโิ น 1. ใบงาน ค 6.1 ม 3/1 กระบวนการทาง ตรโี กณมิติ (ค่าฟงั กช์ นั ตรโี กณมิติของมมุ 30o ,45o และ 60o ) 2. หนงั สอื ใชวธิ กี ารที่ คณติ ศาสตร์ใน คณิตศาสตร์ หลากหลายแก การแก้ปญั หาใน ปญหา สถานการณท์ ี่ กาหนดใหไ้ ด้
Search