หนงั สอื ใชใ้ นการอบรมหลักสูตรแพทยฝ์ งั เขม็ กรมแพทยท์ หารบกเท่านั้น
ตําราฝังเขม็ -ลนยา เลม่ 1 Acupuncture & Moxibustion สถาบนั การแพทยไ์ ทย-จนี กรมพฒั นาการแพทย์ไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ ISBN 978-616-11-2912-5 จ
ตําราฝังเข็ม-ลนยา เลม่ 1 ทฤษฎีจดุ ฝงั เขม็ และเสน้ จงิ ล่วั ท่ีปรึกษา: ผศ.(พิเศษ) ดร.นพ.ธวชั ชัย กมลธรรม อธิบดกี รมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก นพ. ปภสั สร เจยี มบญุ ศรี รองอธิบดีกรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ผู้แต่งและบรรณาธกิ าร: นพ. ธวชั บูรณถาวรสม กองบรรณาธิการ: รศ. นพ. จันทร์ชยั เจรยี งประเสริฐ นพ. สมคดิ ปิยะมาน แพทย์จีนโสรัจ นิโรจสมาบตั ิ นพ. ศริ ยิ ศ วนชิ ชานนท์ พญ. สชุ าดา อโณทยานนท์ คณะทํางาน: น.ส.เสาวภา ยศกนั โท น.ส.พัชรา มว่ งไหมทอง น.ส.ศศิพิมพ์ ปิ่นประยูร น.ส.ฐิตารตั น์ ศุทธะชยั อนันต์ นายพีรชั ชัย เช้ือแกว้ น.ส.ยุภาพร ศรีคาํ ภา น.ส.พจนกร ธารเี ทียน เจ้าของลขิ สิทธ:์ิ กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ออกแบบปก: นายพีรชั ชัย เชอื้ แก้ว น.ส.พัชรา ม่วงไหมทอง นพ.ธวชั บูรณถาวรสม ภาพประกอบ: น.ส.ยภุ าพร ศรคี ําภา นายพรี ชั ชัย เช้ือแกว้ พมิ พ์คร้งั ที่ 1 : มิถนุ ายน 2558 จาํ นวน 500 เลม่
พมิ พ์ท่ี: โรงพิมพ์สาวณิ ีการพิมพ์ 71/121 หม่ทู ่ี 5 หมบู่ ้านพฤกษา 49/1 ตาํ บลเสาธงหิน อําเภอบางใหญ่ จงั หวัดนนทบรุ ี 11140 262 หนา้ กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสขุ ISBN 978-616-11-2912-5 ข้อมูลทางบรรณานกุ รมของหอสมุดแหง่ ชาต:ิ ธวชั บูรณถาวรสม ตาํ ราฝังเข็ม-ลนยา เลม่ 1 กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สาวณิ ีการพิมพ์ 262 หนา้ กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสขุ ISBN6978-616-11-2912-5
ก คํานํา การแพทย์แผนจีนได้เข้ามามีบทบาทร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบันในการดูแลสุขภาพ ของคนไทยมากว่า ๒๐๐ ปี ศาสตร์การแพทย์แผนจีนประกอบด้วยการใช้ยาจีน การฝังเข็ม และการนวดทุยหนาเป็นหลัก มีทฤษฎี หลักการวินิจฉัย และการรักษาโรคที่แตกต่างจาก การแพทย์แผนปัจจุบัน การฝังเข็ม-ลนยาเป็นศาสตร์ที่มีมาหลายพันปี ได้รับความนิยมในประเทศจีน และประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลกในปัจจุบัน โดยองค์การอนามัยโลกได้จัดประเภทของโรคหรืออาการ ที่รักษาได้ด้วยการฝังเข็มเป็น ๔ กลุ่ม โดยกลุ่มที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ารักษาได้ผลดีมี ๒๘ โรค หรืออาการ สําหรับกลุ่มที่มีหลักฐานว่ารักษาได้ผลดีแต่ควรมีงานวิจัยเพิ่มเติมมี 62 โรค หรืออาการ ขณะเดียวกัน การรักษาที่ได้ผลดีจนมีการบอกกล่าวต่อๆ กัน ทําให้ผู้ป่วยมีความเชื่อม่ัน และศรัทธา จึงเป็นอกี ทางเลือกหนึ่งในการดูแลรกั ษาสุขภาพ ปัจจุบันประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาที่เปิดหลักสูตรการแพทย์แผนจีนระดับปริญญาตรี 7 แห่ง และมีหลักสูตรอบรมวิชาฝังเข็ม-ลนยาให้กับแพทย์แผนปัจจุบันมาเป็นเวลา 17 ปี มีแพทย์ที่จบหลักสูตรการฝังเข็ม-ลนยาพ้ืนฐานประมาณ 100 คนต่อปี จึงมีผู้ท่ีศึกษา และประกอบโรคศิลปะด้านการฝังเข็ม-ลนยาจํานวนไม่น้อย เนื่องจากทฤษฎีการแพทย์แผนจีน เต็มไปด้วยหลักปรัชญาและแนวคิดการแพทย์แบบองค์รวม ซึ่งแตกต่างจากทฤษฎี ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ ประกอบกับผู้เรียนท้ังแพทย์แผนปัจจุบันและนิสิตปริญญาตรี ส่วนใหญ่ไม่มีพ้ืนฐานความรู้ภาษาจีนและศัพท์การแพทย์แผนจีนมาก่อน จึงเป็นเรื่องยาก ท่ีจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง การมีตําราภาษาไทยจะช่วยเพ่ิมความเข้าใจสําหรับผู้ท่ีกําลังศึกษา ได้เป็นอย่างดี ง่ายกว่าการอ่านตําราภาษาจีนหรืออังกฤษ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเน้ือหาได้เร็วขึ้น สามารถใช้ศัพท์ภาษาไทยในการส่ือสารกับเพ่ือนร่วมวิชาชีพ นักวิชาการสาขาอ่ืนๆ ตลอดจน ประชาชนท่ัวไป และอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจได้ง่ายขึ้น ตําราฝังเข็ม-ลนยาฉบับภาษาไทยที่ได้มาตรฐาน จึงมีประโยชน์ต่อวงการการศึกษาแพทย์แผนจีนในประเทศไทยเป็นอย่างมาก สถาบันการแพทย์ไทย-จีน ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบในการพัฒนามาตรฐานศาสตร์การแพทย์แผนจีนของกรมพัฒนาการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เห็นความสําคัญของการจัดทําตํารามาตรฐานการฝังเข็ม-ลนยา
ข เพ่ือให้ผู้เรียนและผู้ท่ีอยู่ในวงการวิชาชีพการแพทย์แผนจีนได้ใช้ประกอบการเรียนการศึกษา และค้นคว้าอ้างอิง จงึ ได้ผลติ ตําราฝังเขม็ -ลนยา เล่ม 1 ขึ้น เนื้อหาประกอบด้วยทฤษฎีเส้นจิงล่ัว และจุดฝังเขม็ การฝังเข็มร่างกาย เข็มศรี ษะ และเขม็ หู การลนยา และการครอบกระปุก ในนามของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยการแพทย์ทางเลือก ผมขอขอบคุณผู้เขียน และคณะบรรณาธิการ ซ่ึงประกอบด้วยผู้เช่ียวชาญของมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลต่างๆ ตลอดจนคณะทํางานที่ได้ร่วมกันเรียบเรียงจัดเนื้อหาให้สมบูรณ์จนเป็นตํารามาตรฐาน หวังเป็น อยา่ งย่ิงวา่ จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ วงการแพทย์ฝังเขม็ และแพทย์จนี ในประเทศไทยต่อไป ผศ.(พเิ ศษ) ดร.นพ. ธวชั ชัย กมลธรรม อธิบดกี รมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลอื ก
ค คาํ แนะนําการใช้หนังสอื การทบั ศัพท์พนิ ยิน การใชอ้ กั ษรไทยทับศัพท์ภาษาจีนกลางในหนังสือเล่มนี้ ยึดตามหลักเกณฑ์การทับศัพท์ ภาษาจีนกลางของราชบัณฑิตยสถานเป็นส่วนใหญ่ แต่ได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางประการ เพื่อใหผ้ ้ทู ีไ่ มร่ ู้ภาษาจีนกลางออกเสียงได้งา่ ยข้นึ และใกล้เคยี งภาษาเดมิ ท่ีสุด ดังน้ี 1. พยัญชนะและสระ สว่ นใหญ่เทียบตามตารางการเทียบเสยี งทร่ี าชบัณฑิตยสถานให้ไว้ เช่น f = ฟ, eng= เองิ ; fèng = เฟงิ 2. พยัญชนะ d,t,n,l,z,c,s,r ซึ่งทับศัพท์เป็นพยัญชนะไทย ต, ท (ถ), น, ล, จ, ช (ฉ), ซ (ส), ร ตามลําดับ เมื่อผสมกับสระเลื่อน uai,uan,uang โดยมีพยัญชนะ ว ควบกลํ้าอยู่ ทับเสียงให้ใกล้เคียงกับเสียงภาษาจีน โดยสะกดด้วยรูปภาษาไทยท่ีคนส่วนใหญ่ คุ้นเคย เช่น chuān= ชวน,shuài= ซ่วย 3. พยัญชนะ g,k,h ซึ่งทับศัพท์เป็นพยัญชนะไทย ก, ค (ข), ฮ (ห) เมื่อผสมกับสระ เลื่อน ua,uai,uan,uang โดยมีพยัญชนะ ว ควบกลํ้าอยู่ หนังสือเล่มน้ีเลือกรูปเสียงยาว โดยเพ่ิมสระ –า ตามหลังพยัญชนะ ว และใส่เคร่ืองหมายพินทุใต้พยัญชนะต้น เช่น huá = หฺวา (ไม่ใช้ หัว) guān= กฺวาน (ไม่ใช้ กวน) 4. สระที่ราชบณั ฑติ ยสถานกําหนดให้ทบั ศัพท์ไดห้ ลายแบบ เช่น ao ราชบัณฑิตยสถาน กําหนดให้ใช้รูป เ–า หรือ –าว ก็ได้ หนังสือเล่มนี้เลือกรูปเสียงยาว คือ –าว เพียงรูปเดียว เช่น yāo = ยาว 5. เสียงสระประสม ue เมื่อผสมกับพยัญชนะ j, q, x, y ซ่ึงทับศัพท์เป็นพยัญชนะไทย จ, ช (ฉ), ซ (ส), ย ตามลําดับ โดยใช้พยัญชนะ ว ควบกล้ําอยู่ด้วย จะใส่เคร่ืองหมายพินทุ ใต้พยญั ชนะต้น จ, ช (ฉ), ซ (ส), ย น้ัน และใช้ เ–ีย เป็นสระ เชน่ xué = เสวฺ ยี 6. เสียงสระประสม ie เม่ือผสมกับพยัญชนะ j,q,x ซ่ึงทับศัพท์เป็นพยัญชนะไทย จ, ช (ฉ), ซ (ส) ตามลําดบั จะใส่เคร่อื งหมายพินทใุ ต้พยัญชนะ จ, ช (ฉ), ซ (ส) และใช้ เ–ย เป็นสระ เช่น xié = เสยฺ
ง แต่เม่ือผสมกับพยัญชนะ y แล้วลดรูปเป็น ye ทับศัพท์เป็นพยัญชนะ ย จะใช้ เ– แทน เช่น yè = เย่ 7. กรณีทับศัพท์เป็นอักษรตํ่าและเป็นเสียงควบกลํ้า หากผันวรรณยุกต์เทียบเสียงวรรณยุกต์ จตั วาในภาษาไทย จะใช้ ห นาํ หนา้ พยัญชนะตน้ อักษรตํ่าที่ควบกลํา้ นน้ั เชน่ yú = หยฺวี 8. กรณีเสียงพยัญชนะภาษาจีนกลางมีเสียงเทียบได้กับพยัญชนะไทยทั้งอักษรสูง และอักษรต่ํา เช่น x เทียบได้ท้ัง ส และ ซ; f เทียบได้ท้ัง ฝ และ ฟ จะเลือกใช้อักษรสูง หรอื อักษรตํา่ ตามหลกั การผนั เสยี งวรรณยกุ ต์ของไทย เช่น xīng = ซงิ , xíng = สงิ ; fāng = ฟาง, fáng = ฝาง แตห่ ากคําภาษาจนี กลางมเี สียงวรรณยุกต์เทียบได้กับวรรณยุกต์โท ซึ่งภาษาไทยเขียน ได้ 2 รูป คือ อักษรสูงใช้ไม้โท กับ อักษรตํ่าใช้ไม้เอก เลือกใช้แต่รูปอักษรตํ่าใช้ไม้เอกเพียงรูป เดียว เชน่ sào = ซา่ ว (ไม่ใช้ สา้ ว) 9. คําวา่ yuán ราชบณั ฑิตยสถานกําหนดให้ทับศัพท์เป็น เยฺหวียน แต่เนื่องจากอ่านยาก จึงปรบั เปน็ หยวน แทน 10. พยัญชนะตน้ y– อาจทบั ศัพท์เป็น อ– หรือ ย– สดุ แท้แตเ่ สียงใดจะตรงคําภาษาจีน กลางนนั้ ๆ เชน่ yī = อี แต่ yīn = ยนิ 11. พยัญชนะตน้ w– อาจทบั ศพั ท์เป็น อ– หรอื ว– สุดแท้แตเ่ สียงใดจะตรงคําภาษาจีน กลางนั้นๆ เช่น wū = อู แต่ wō = วอ 12. พยัญชนะต้น r- ราชบัณฑิตยสถานกําหนดให้ทับศัพท์เป็น ร– โดยมากนิยมออก เสียงเปน็ ย- 13. หนงั สอื เล่มน้ีไมใ่ ช้เครื่องหมายทณั ฑฆาตกาํ กับ ดังนั้น สระ ei จึงทับศัพท์เป็น เ–ย ไมใ่ ช่ เ–ย์ เช่น nèi = เนย่
สารบญั จ คํานาํ หนา คําแนะนาํ การใชห นงั สอื สารบัญ ก บทที่ 1 ทฤษฎีเสนจงิ ล่วั ค จ องคประกอบของระบบเสนจงิ ลั่ว 1 เสนเจงิ้ จงิ 12 เสน 2 เสน ฉีจิง 8 เสน 2 เสนจงิ เปฺย 12 เสน 7 เสนลวั่ 15 เสน 8 เสนจงิ จิน 12 เสน 9 ผีปู 12 แนว 9 10 บทท่ี 2 ทฤษฎีจดุ ฝง เขม็ 13 การแบงประเภทของจดุ ฝงเขม็ 13 สรรพคณุ ของจุดฝง เขม็ 14 การหาตาํ แหนง จดุ ฝง เขม็ 20 25 บทท่ี 3 จุดฝงเขม็ และเสน จิงล่วั 25 จดุ เฉพาะ 25 จุดอูซ ู 28 จดุ หยวน 28 จดุ ลว่ั 29 จุดเปย ซู 30 จดุ มู 31 จดุ เซีย่ เหอ 31 จุดซี่ 32 จุดปาฮุย 33 จดุ ปามา ยเจียวฮุย 34 จดุ เจียวฮยุ
ฉ หนา สารบัญ (ตอ ) 39 54 เสนทางเดินของเสน จิงลั่ว 54 จุดฝง เข็มบนเสนจงิ ลัว่ 58 64 จดุ ฝง เขม็ บนเสน ปอด 76 จุดฝงเขม็ บนเสนลําไสใหญ 82 จุดฝงเข็มบนเสน กระเพาะอาหาร 85 จดุ ฝงเข็มบนเสนมาม 90 จดุ ฝงเขม็ บนเสนหัวใจ 107 จุดฝงเขม็ บนเสนลําไสเ ล็ก 114 จุดฝง เข็มบนเสน กระเพาะปส สาวะ 117 จุดฝงเขม็ บนเสน ไต 124 จดุ ฝง เขม็ บนเสนเยอ่ื หมุ หัวใจ 137 จุดฝง เขม็ บนเสน ซานเจียว 142 จดุ ฝง เขม็ บนเสน ถงุ น้ําดี 149 จดุ ฝง เขม็ บนเสน ตบั 155 จุดฝง เข็มบนเสน ตู 155 จดุ ฝง เข็มบนเสน เริน่ 159 จดุ ฝง เขม็ นอกระบบเสนจงิ ล่วั 160 จุดพิเศษบนศรี ษะและคอ 163 จุดพเิ ศษบนหนาอกและทอ ง 167 จุดพิเศษบนหลงั 171 จุดพเิ ศษบนแขน 171 จดุ พเิ ศษบนขา 173 บทที่ 4 เทคนคิ การฝง เขม็ 175 ประเภทของเขม็ 182 มมุ และความลึกในการแทงเข็ม ขัน้ ตอนและวิธีการรักษาดว ยการฝงเข็ม ภาวะแทรกซอนจากการฝง เข็ม
สารบัญ (ตอ ) ช บทท่ี 5 การลนยาและครอบกระปกุ หนา การลนยา สรรพคุณ 187 รูปแบบการลนยา 187 ขอ ปฏบิ ตั ิในการลนยา 187 การครอบกระปกุ 188 ชนดิ ของกระปุก 192 วธิ ีการครอบกระปกุ 193 สรรพคณุ และขอบงช้ีของการครอบกระปุก 193 บทท่ี 6 เทคนคิ การฝง เข็มอน่ื ๆ 194 เข็มสามเหลย่ี ม 195 เขม็ ผวิ หนงั 197 เข็มใตผ ิวหนัง 197 การฝงเขม็ รว มกบั การกระตนุ ไฟฟา 198 เข็มนํา้ 200 บทที่ 7 การฝงเขม็ ศีรษะและหู 201 การฝงเข็มศีรษะ 202 การฝงเข็มศรี ษะแบบ “เจียว ซนุ ฟา” 205 แนวเขตหนงั ศีรษะ 205 การฝงเข็มศรี ษะตามมาตรฐานสากล 205 วิธีการฝงเข็มศีรษะ 206 การฝง เข็มหู 211 สวนประกอบของหู 215 ตาํ แหนงพ้ืนท่ีของหู 216 หลกั การเลอื กพน้ื ที่ฝง เข็มบนหู 217 วิธกี ารฝงเข็มหู 219 ดัชนจี ดุ ฝง เข็ม 225 บรรณานกุ รม 226 227 251
บทที่ 1 ทฤษฎีเส้นจงิ ลั่ว Thoery of the Meridians & Collaterals เส้นจิงลั่ว เป็นชื่อเรียกรวมของเส้นจิงกับเส้นลั่ว ซึ่งเป็นเส้นทางไหลเวียนของชี่ และเลือดในร่างกาย “จิง” ภาษาจีนโบราณ หมายถึง เส้นทาง เส้นจิงเช่ือมโยงภายนอกกับภายใน และส่วนบนกับส่วนล่างของร่างกาย อยู่ในตําแหน่งท่ีลึก มองไม่เห็น เป็นแกนหลักของระบบเส้นจิงล่ัว เปรียบเสมือนลําต้นของต้นไม้ “ลั่ว” หมายถึง เครือข่าย เส้นลั่วเป็นเส้นท่ีแตกแขนงออกจากเส้นจิง เหมือนก่ิงก้านของต้นไม้ มีขนาดเล็กกว่าเส้นจิง โยงใยไปมากระจายอยู่ทั่วร่างกาย เส้นลั่ว ยังประกอบด้วยเส้นฝูลั่ว (浮络) และเส้นซุนลั่ว (孙络) ซึ่งมีอยู่มากมาย อยู่ในตําแหน่งที่ตื้น สามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเปล่า ทฤษฎีเส้นจิงล่ัวเป็นส่วนหน่ึงของทฤษฎีการแพทย์แผนจีนท่ีสําคัญ เกิดจากการส่ังสม ประสบการณ์และการสังเกตผลการรักษาเป็นเวลายาวนาน เป็นทฤษฎีที่ว่าด้วยการไหลเวียน และการกระจายของชี่ในระบบเส้นจิงลั่ว รวมถึงสรีรวิทยา พยาธิวิทยา และความสัมพันธ์ ของอวัยวะจ้างฝู่ องคป์ ระกอบของระบบเสน้ จิงลัว่ เป็นดงั น้ี เสน้ เจ้ิงจิง (正经) 12 เส้น เสน้ ฉีจิง (奇经) 8 เส้น เสน้ จงิ เส้นจงิ เปยฺ ๋ (经别) 12 เสน้ เส้นจงิ จนิ (经筋) 12 เสน้ (经脉) ระบบเส้นจิงลั่ว แนวผปี ู้ (皮部) 12 แนว เส้นลวั่ หลกั (络) 15 เสน้ (经络) เส้นล่ัว เส้นฝลู ั่ว (浮络) (络脉) เส้นซนุ ล่วั (孙络) แผนภูมทิ ่ี 1.1 แสดงระบบของเสน้ จงิ ลั่ว
2 บทท่ี 1 ทฤษฎีเส้นจิงลั่ว องคป์ ระกอบของระบบเส้นจิงล่วั 1. เส้นเจิ้งจิง 12 เสน้ (十二正经) ชื่อของเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น มีองค์ประกอบของอวัยวะจ้างฝู่ ยินหยาง และแขนขา เส้นเจ้ิงจิง ไหลเวียนผ่านแขนเป็นเส้นมือ ไหลเวียนผ่านขาเป็นเส้นเท้า เส้นเจ้ิงจิงของอวัยวะจ้างเป็นยิน ของอวัยวะฝู่เป็นหยาง ตําแหน่งอยู่แขนขาด้านในเป็นยิน อยู่ด้านนอกเป็นหยาง เมื่อเทียบ ปริมาณช่ีในเส้นยนิ หยางจากมากไปน้อย จะแบ่งยินเป็น 3 ระดับ คือ ท่ายยิน ซ่าวยิน และเจฺวี๋ยยิน แบง่ หยางเปน็ 3 ระดับ คือ หยางหมงิ ทา่ ยหยาง และซ่าวหยาง ตารางท่ี 1.1 เส้นเจ้ิงจิง 12 เสน้ เสน้ เจ้งิ จิง 12 เสน้ เส้นยนิ มอื 3 เส้น เสน้ ปอดทา่ ยยินมอื เสน้ เยื่อหมุ้ หัวใจเจฺวีย๋ ยินมอื เสน้ หวั ใจซา่ วยินมือ เส้นหยางมือ 3 เสน้ เสน้ ลําไส้ใหญห่ ยางหมงิ มือ เส้นซานเจยี วซา่ วหยางมือ เสน้ ลาํ ไส้เลก็ ท่ายหยางมือ เส้นหยางเทา้ 3 เส้น เสน้ กระเพาะอาหารหยางหมงิ เทา้ เสน้ ถุงนํ้าดซี า่ วหยางเท้า เสน้ กระเพาะปสั สาวะทา่ ยหยางเทา้ เสน้ ยนิ เทา้ 3 เสน้ เสน้ ม้ามท่ายยนิ เท้า เสน้ ตบั เจฺวี๋ยยนิ เท้า เส้นไตซา่ วยนิ เทา้ 1.1 การเรียงตวั และวิถีการไหลเวยี นของเสน้ เจิ้งจิง 12 เส้น คัมภีร์หฺวางตี้เน่ยจิง ภาคหลิงซู บทห่ายหลุน กล่าวถึงลักษณะการเรียงตัวของเส้นเจิ้งจิง 12 เส้นว่า “เส้นเจิ้งจิง 12 เส้น ภายในสังกัดและสัมพันธ์กับอวัยวะจ้างฝู่ ภายนอกเชื่อมกับ แขนขา” เส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น เรียงตัวสมมาตรซ้ายขวาบริเวณศีรษะ ใบหน้า ลําตัว และแขนขา
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 3 ข้างละ 12 เส้น โดยในท่ายืนตรง ฝ่ามือแนบลําตัว นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านหน้า การเรียงตัว ของเส้นเจง้ิ จิง 12 เส้น คอื ทา่ ยยินและหยางหมิงอยู่ข้างหน้า เจฺว๋ียยินและซ่าวหยางอยู่ตรงกลาง หรือด้านข้าง ซ่าวยินและท่ายหยางอยู่ข้างหลัง ตารางที่ 1.2 ตาํ แหนง่ การเรียงตวั ของเสน้ เจงิ้ จงิ เสน้ เจง้ิ จิง ตําแหนง่ เส้นหยาง 6 เส้น เส้นหยางมือ 3 เส้น เส้นลําไสใ้ หญ่หยางหมิงมอื แขนดา้ นนอก - ขา้ งหน้า ไหลเวยี นอยู่แขนขา เสน้ หยางเทา้ 3 เส้น เสน้ ซานเจยี วซ่าวหยางมอื แขนด้านนอก - ตรงกลาง ด้านนอก ศรี ษะ เส้นลาํ ไส้เลก็ ทา่ ยหยางมอื แขนด้านนอก - ข้างหลัง ใบหนา้ และลาํ ตัว เสน้ กระเพาะอาหารหยางหมิงเทา้ ขาดา้ นนอก - ขา้ งหน้า เส้นถงุ นา้ํ ดีซา่ วหยางเท้า ขาด้านนอก - ตรงกลาง เส้นกระเพาะปัสสาวะท่ายหยางเท้า ขาดา้ นนอก - ขา้ งหลงั เส้นยิน 6 เสน้ เสน้ ยนิ มือ 3 เสน้ เสน้ ปอดทา่ ยยนิ มือ แขนดา้ นใน - ข้างหน้า ไหลเวยี นอยู่ เส้นยินเทา้ 3 เส้น เสน้ เยอื่ หมุ้ หวั ใจเจวฺ ๋ียยินมือ แขนด้านใน - ตรงกลาง แขนขาดา้ นใน เส้นหวั ใจซา่ วยนิ มอื แขนดา้ นใน - ขา้ งหลัง ทรวงอก และทอ้ ง เสน้ ม้ามทา่ ยยินเท้า ขาด้านใน - ขา้ งหน้า* เสน้ ตบั เจวฺ ๋ยี ยินเทา้ ขาดา้ นใน - ตรงกลาง* เส้นไตซา่ วยินเท้า ขาด้านใน - ข้างหลัง * ช่วงจากเทา้ ถงึ เหนือตาต่มุ ใน 8 ชนุ่ เสน้ ตับเจวฺ ย๋ี ยนิ เท้าอย่ขู ้างหนา้ เสน้ มา้ มท่ายยนิ เทา้ อยตู่ รงกลาง เหนือตาตุ่มใน 8 ชุ่นขึ้นมาถึงโคนขา เส้นม้ามท่ายยินเท้าอยู่ข้างหน้า เสน้ ตับเจฺวี๋ยยินเท้าอยู่ตรงกลาง 1.2 ความสมั พนั ธค์ นู่ อก-ใน (เป๋ียวหล)ี่ ของเส้นเจิง้ จิง 12 เสน้ อวัยวะจ้างฝู่มีความสัมพันธ์เป็นคู่นอก-ในกัน เส้นเจิ้งจิง 12 เส้น ซ่ึงสังกัดอวัยวะจ้างฝู่ มคี วามสัมพันธเ์ ปน็ ค่นู อก-ในด้วยเชน่ กัน เส้นยนิ สังกัดอวยั วะจ้างจัดเป็นคูใ่ น เส้นหยางสังกัดอวัยวะฝู่ จัดเป็นคู่นอก เส้นยินและหยางจึงเชื่อมโยงสัมพันธ์เป็นคู่นอก-ในกัน เส้นยินสังกัดอวัยวะจ้าง และเชื่อมโยงสัมพันธ์กับอวัยวะฝู่ เส้นหยางสังกัดอวัยวะฝู่และเชื่อมโยงสัมพันธ์กับอวัยวะจ้าง โดยจับคกู่ นั เป็น 6 คู่ ดงั น้ี
4 บทที่ 1 ทฤษฎเี ส้นจิงลว่ั เสน้ ปอดท่ายยินมอื เส้นลําไส้ใหญห่ ยางหมิงมือ เส้นมา้ มทา่ ยยนิ เทา้ เส้นกระเพาะอาหารหยางหมงิ เทา้ เสน้ หวั ใจซา่ วยนิ มอื เสน้ ลําไสเ้ ลก็ ทา่ ยหยางมอื เสน้ ไตซา่ วยินเท้า เส้นกระเพาะปัสสาวะทา่ ยหยางเท้า เสน้ เยอื่ หมุ้ หัวใจเจวฺ ยี๋ ยนิ มือ เสน้ ซานเจียวซ่าวหยางมอื เสน้ ตบั เจฺวี๋ยยินเทา้ เสน้ ถงุ นํ้าดีซ่าวหยางเทา้ แผนภมู ทิ ี่ 1.2 แสดงคู่ความสัมพันธ์นอก-ในของเสน้ เจิง้ จงิ 12 เสน้ 1.3 วงจรการไหลเวยี นและตาํ แหน่งเช่อื มตอ่ ของเส้นเจ้งิ จงิ 12 เสน้ การไหลเวียนของเส้นเจิ้งจิง 12 เส้นมีวงจรที่แน่นอนคือ เส้นยินมือ 3 เส้น ไหลเวียน จากทรวงอกไปมอื เสน้ หยางมือ 3 เสน้ ไหลเวยี นจากมือไปศีรษะ เส้นหยางเท้า 3 เส้น ไหลเวียน จากศรี ษะไปเทา้ เส้นยินเทา้ 3 เส้น ไหลเวียนจากเทา้ ไปช่องท้องแล้วต่อไปยงั ทรวงอก ศรี ษะ เส้นหยางมือ 3 เสน้ มือ เส้นยนิ มือ 3 เส้น ทรวงอก เสน้ หยางเท้า 3 เส้น ชอ่ งทอ้ ง เส้นยนิ เทา้ 3 เส้น เทา้ แผนภูมทิ ี่ 1.3 แสดงการไหลเวียนของเสน้ เจิ้งจงิ 12 เสน้
กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 5 การไหลเวียนของชี่และเลือดในเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน โดยจงเจียวเป็นแหล่งรับและแปรสภาพสารอาหารให้เป็นชี่และเลือด ดังน้ัน ช่ีและเลือด ในเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น มีแหล่งกําเนิดมาจากจงเจียว การไหลเวียนของชี่และเลือดต้องพึ่งพา ชี่ปอดช่วยผลักดัน การไหลเวียนของชี่และเลือดในเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น จึงเร่ิมท่ีเส้นปอด จากนั้นส่งต่อไปเส้นอื่นๆ เป็นทอดๆ หมุนเวียนไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนห่วงโซ่ และยังเช่ือมโยงกับเส้นตูและเส้นเริ่นท่ีไหลเวียนผ่านกึ่งกลางลําตัวด้านหน้าและด้านหลัง นาํ พาช่ีและเลือดไปหล่อเล้ียงอวัยวะต่างๆ ท่ัวรา่ งกาย (แผนภูมิท่ี 1.4 และ 1.5) เส้นปอด เส้นตับ เสน้ ลาํ ไสใ้ หญ่ เสน้ ถุงน้ําดี จงเจยี ว เส้นกระเพาะอาหาร เสน้ ซานเจียว เสน้ ตู เส้นเร่นิ เส้นม้าม เส้นเยอ่ื หุ้มหัวใจ เส้นหวั ใจ เส้นไต เส้นลาํ ไสเ้ ลก็ เส้นกระเพาะปัสสาวะ แผนภูมทิ ่ี 1.4 แสดงทิศทางการไหลเวยี นของชี่และเลอื ดในเสน้ จงิ 14 เส้น
6 บทที่ 1 ทฤษฎีเส้นจิงลัว่ เสน้ ปอด (เลฺยเ่ ชฺวีย) (ซางหยาง) เสน้ ลาํ ไส้ใหญ่ เส้นมา้ ม ปลายนว้ิ ช้ี ขา้ งปีกจมูก (หยงิ เซียง) (หย่นิ ปา๋ ย) (ชงหยาง) (เฉิงช่ี) เส้นกระเพาะอาหาร ด้านในนิว้ เทา้ ท่ี 1 หวั ใจ (ซา่ วชง) (ซา่ วเจ๋อ) เส้นลาํ ไสเ้ ลก็ เส้นหวั ใจ ปลายน้วิ กอ้ ย หัวตา (ทิงกง) (จ้ือยนิ ) (จิงหมิง) ปอด (หยง่ เฉฺวยี น) เสน้ กระเพาะปสั สาวะ เสน้ ไต ปลายนิ้วเทา้ ที่ 5 ทรวงอก เสน้ เยือ่ หมุ้ หวั ใจ (หลาวกง) (กฺวานชง) เสน้ ซานเจียว ปลายน้วิ นาง (ซอื จู๋คง) เส้นตับ (ต้าตุน) (จู๋หลนิ ช่ี) หางตา ด้านนอกนิ้วเทา้ ที่ 1 (ถงจอ่ื เหลยี ว) เสน้ ถงุ น้าํ ดี แผนภูมิที่ 1.5 แสดงการเช่ือมตอ่ ของเส้นเจ้ิงจิง 12 เสน้ 1.4 การเช่ือมโยงระหวา่ งเสน้ เจิ้งจิง 12 เสน้ กบั อวัยวะต่างๆ เสน้ เจิ้งจิง 12 เส้น นอกจากเชื่อมโยงกับอวัยวะจ้างฝู่แล้ว ยังมีความสัมพันธ์กับอวัยวะอ่ืนๆ ที่เสน้ จงิ ลั่วนัน้ ๆ ไหลเวยี นผ่านเชอ่ื มโยงถึงกัน (ตารางที่ 1.3) จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเลือกใช้จุด ตามเสน้ จิงล่วั เพอ่ื รกั ษาตามการวนิ ิจฉัยแยกภาวะโรค
กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 7 ตารางที่ 1.3 การเชื่อมโยงระหว่างเสน้ เจงิ้ จิง 12 เส้น กบั อวยั วะต่างๆ เสน้ เจง้ิ จิง อวยั วะจ้างฝู่ที่เช่ือมโยง อวัยวะอื่นๆ ที่เช่ือมโยง เส้นปอด เส้นลาํ ไสใ้ หญ่ ปอด ลาํ ไส้ใหญ่ จงเจยี ว กระเพาะอาหารตอนบน หลอดลม กล่องเสยี ง จมกู ผวิ หนงั เสน้ กระเพาะอาหาร เส้นมา้ ม ลําไสใ้ หญ่ ปอด ฟนั ล่าง ปาก จมูก เส้นหวั ใจ เสน้ ลาํ ไสเ้ ลก็ กระเพาะอาหาร มา้ ม จมูก ฟันบน รมิ ฝีปาก หู ลาํ คอ เส้นกระเพาะปสั สาวะ เส้นไต ม้าม กระเพาะอาหาร หัวใจ คอหอย ลิน้ ใต้ลน้ิ เส้นเย่ือหมุ้ หวั ใจ เสน้ ซานเจยี ว หัวใจ ลาํ ไสเ้ ล็ก ปอด หลอดเลอื ด ล้ิน ตา เสน้ ถงุ นาํ้ ดี ลาํ ไสเ้ ลก็ หัวใจ กระเพาะอาหาร คอหอย หู หวั ตา หางตา จมูก เส้นตบั กระเพาะปสั สาวะ ไต หัวตา หู สมอง ไต กระเพาะปสั สาวะ ตบั ปอด หวั ใจ คอหอย ลน้ิ เย่อื หุม้ หัวใจ ซานเจยี ว ซานเจยี ว เยือ่ หมุ้ หัวใจ หู หางตา ถุงนํา้ ดี ตบั หางตา หู ตบั ถุงนํา้ ดี กระเพาะอาหาร ปอด อวัยวะเพศ คอหอย ริมฝีปาก โพรงหลังจมูก ตา 2. เสน้ ฉจี งิ 8 เสน้ (奇经八脉) เส้นฉีจิง หมายถึง เส้นพิเศษ 8 เส้น ประกอบด้วยเส้นตู เส้นเริ่น เส้นชง เส้นต้าย เส้นหยางเชียว เส้นยินเชียว เส้นหยางเหวย และเส้นยินเหวย รวม 8 เส้น เส้นฉีจิง 8 เส้น เป็นเส้นจิงล่ัวที่แตกต่าง จากเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น คือ ไม่มีความสัมพันธ์กับอวัยวะจ้างฝู่และไม่มีความสัมพันธ์แบบคู่นอก-ใน แต่มหี น้าทเ่ี ฉพาะ คอื ควบคมุ กํากบั เชือ่ มโยงเสน้ จิงเส้นลัว่ และปรับสมดุลช่แี ละเลือด เส้นทางไหลเวยี นของเส้นฉีจิง 8 เสน้ จะเช่ือมตัดกับเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น ท้ังแนวนอนและแนวต้ัง โดยเส้นตูไหลเวียนผ่านก่ึงกลางลําตัวด้านหลัง เส้นเร่ินไหลเวียนผ่านก่ึงกลางลําตัวด้านหน้า เส้นตูและเสน้ เร่นิ มจี ุดฝงั เขม็ บนเส้นจิงในตัว จึงเรียกรวมกับเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น เป็น “เส้นจิง 14 เส้น” (แผนภูมิท่ี 1.4) ส่วนจุดฝังเข็มของเส้นชง เส้นต้าย เส้นยินเชียว เส้นหยางเชียว เส้นยินเหวย และเส้นหยางเหวย จะเชือ่ มตดั กับเส้นจงิ 14 เส้น
8 บทที่ 1 ทฤษฎีเส้นจิงล่วั ตารางที่ 1.4 เสน้ ทางไหลเวียนและสรรพคุณของเส้นฉีจิง 8 เส้น เส้นฉจี ิง 8 เส้น เสน้ ทางไหลเวยี น สรรพคณุ เริ่มจากฝีเยบ็ ไหลเวียนตามแนวกง่ึ กลางท้อง หล่อเลี้ยงเส้นยิน 6 เส้น เรนิ่ และหน้าอก ส้นิ สดุ ทใี่ ต้คาง ปรับการไหลเวียนช่ีของเสน้ ยนิ มีสมญานาม “ทะเลแหง่ เสน้ ยิน” เรม่ิ จากกน้ กบ ไหลเวียนตามแนวก่งึ กลางเอวและหลัง กาํ กับเสน้ หยาง 6 เสน้ ตู ข้ึนไปศีรษะ วกลงไปท่หี นา้ ผาก สนิ้ สดุ ท่ีเหงือกบน ปรบั การไหลเวียนชีข่ องเส้นหยาง มีสมญานาม“ทะเลแห่งเส้นหยาง” เรม่ิ ทท่ี ้องน้อย โผลท่ ฝ่ี ีเยบ็ ไหลเวียนตามแนว สะสมช่ีและเลือดของเส้นเจิ้งจิง สันหลังด้านใน เส้นสาขาแรกเช่ือมกับเส้นไต 12 เสน้ มีสมญานาม แล้ววิ่งคู่ขนานกันข้ึนมาตามแนวเส้นก่ึงกลางท้อง “ทะเลแห่งเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น” ชง ขนาบขา้ งสะดือ ขึ้นไปที่หน้าอก เส้นสาขาท่ี 2 และ “ทะเลแห่งเลือด” ไหลเวียนไปที่ลําคอ วนรอบริมฝีปาก เส้นสาขา ที่ 3 ไหลเวียนไปขาด้านใน ถึงซอกน้ิวหัวแม่เท้า และฝ่าเท้า ตา้ ย เร่มิ ทใ่ี ต้ชายโครง วนรอบเอว ควบคุมเสน้ จงิ ลั่วทีไหลเวยี น ผ่านลาํ ตวั ท้งั หมด ยนิ เหวย เร่มิ ท่ีน่องดา้ นใน ไหลเวยี นตามแนวเสน้ ม้าม เชอื่ มโยงเสน้ ยนิ ทัง้ หมด หยางเหวย และเส้นตบั ข้นึ มาถงึ ลําคอ บรรจบกับเส้นเริ่น เร่ิมที่เท้าด้านนอก ไหลเวียนตามแนวเส้นถุงน้ําดี เชอ่ื มโยงเสน้ หยางท้งั หมด ขนึ้ มาถงึ ทา้ ยทอย บรรจบกบั เส้นตู ยนิ เชยี ว เรม่ิ ท่ใี ตต้ าตุ่มใน ไหลเวยี นตามแนวเส้นไตขน้ึ มา ปรับการเคลือ่ นไหวของขา ถึงหัวตา บรรจบกับเส้นหยางเชยี ว ควบคุมการนอนหลบั หยางเชียว เริ่มทใ่ี ตต้ าตุ่มนอก ไหลเวียนตามแนวเส้น ปรบั การเคล่อื นไหวของขา กะเพาะปสั สาวะ ขน้ึ มาถงึ หวั ตา บรรจบกบั เสน้ ยนิ เชยี ว ควบคุมการนอนหลับ 3. เสน้ จงิ เปฺย๋ 12 เส้น (十二经别) เส้นจิงเปฺย๋ 12 เส้น เป็นเส้นจิงล่ัวแขนงท่ีแยกออกจากเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น ไหลลึกเข้าสู่ ภายในทรวงอกและช่องท้อง เพ่ิมการเช่ือมโยงโครงข่ายระหว่างเส้นเจิ้งจิงคู่นอก-ในกับอวัยวะจ้างฝู่ ให้มากขึ้น เส้นจิงเปฺย๋ 12 เส้น มักแยกออกจากเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น บริเวณใกล้ข้อศอกและเข่า กระจายเข้าสู่ทรวงอก ชอ่ งทอ้ ง และศีรษะ การไหลเวียนมี 4 ทิศทาง คือ “แยก เข้า ออก รวม” หมายถึง แยกออกจากเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น เข้าสู่ทรวงอกและช่องท้อง แล้วออกที่ลําคอ
กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 9 และศีรษะ เสน้ จิงเปยฺ ๋ของเส้นหยางบรรจบท่เี สน้ จงิ ลัว่ เดิม เช่น เส้นจิงเปฺย๋ของเส้นหยางหมิงเท้า บรรจบท่ีเส้นหยางหมิงเท้า ส่วนเส้นจิงเปฺย๋ของเส้นยินบรรจบที่เส้นหยางท่ีสัมพันธ์นอก-ใน กับเส้นยินน้ัน เช่น เส้นจิงเปฺย๋ของเส้นท่ายยินเท้าบรรจบท่ีเส้นหยางหมิงเท้า ทําให้ได้ความสัมพันธ์ นอก-ใน เป็น 6 คู่ เรียกว่า “ลิ่วเหอ” (6 คู่บรรจบ) การไหลเวียน 4 ทิศทาง “แยก เข้า ออก รวม” ช่วยเช่อื มความเป็นคนู่ อก-ในของเส้นเจ้ิงจิงท้ังสอง เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างเส้นเจิ้งจิงกับอวัยวะ จา้ งฝู่ ทาํ ให้เสน้ ยนิ สามารถเชือ่ มโยงไปถงึ ใบหนา้ และศรี ษะ 4. เสน้ ลว่ั 15 เส้น (十五络脉) เสน้ เจิง้ จงิ 12 เส้น ตา่ งมเี ส้นลัว่ 1 เส้น แยกออกมาที่บริเวณแขนขา รวมกบั เสน้ ลวั่ ของเส้นเร่ิน ท่ีลําตัวด้านหน้า เส้นล่ัวของเส้นตูท่ีลําตัวด้านหลัง และเส้นลั่วใหญ่ของม้ามท่ีลําตัวด้านข้าง ทั้งหมดเปน็ เสน้ ลว่ั 15 เส้น เส้นลั่วที่แยกออกมาจากจุดลั่วของเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น ที่บริเวณแขนขาจะไหลเวียน ไปเชื่อมกับเส้นเจิ้งจิงที่สัมพันธ์เป็นคู่นอก-ใน มีหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ความเป็นคู่นอก-ใน และเสริมการไหลเวียนในส่วนที่เส้นเจ้ิงจิงไปไม่ถึง เส้นลั่วบริเวณลาํ ตัวจะกระจายอยู่ที่ด้านหน้า ดา้ นหลงั และด้านขา้ งลาํ ตวั มหี น้าที่เพ่ิมการไหลเวียนชแ่ี ละเลือด เส้นล่วั กบั เสน้ จิงเปฺย๋ 12 เส้น ล้วนแยกออกมาจากเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น มีหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์ ความเป็นคนู่ อก-ใน แตกตา่ งกนั ทเ่ี สน้ จิงเปยฺ ๋ 12 เส้น อยู่ลึกลงไปในร่างกาย จึงไม่มีจุดฝังเข็มและไม่มี ข้อบ่งชี้ในการรักษาโรค ส่วนเส้นล่ัวอยู่ใกล้ผิวกาย ต่างมีจุดลั่วเป็นจุดฝังเข็มและมีข้อบ่งช้ี ในการรกั ษาโรค เส้นล่ัวมีช่ือเรียกแตกต่างกันตามลักษณะ ขนาด และตําแหน่ง เส้นล่ัวที่แยกออกมา อยู่ในตําแหน่งตื้น เรียกว่า ฝูลั่ว เส้นลั่วท่ีมีขนาดเล็กท่ีสุดกระจายท่ัวร่างกาย เรียกว่า ซุนล่ัว ส่วน เซฺวี่ยล่ัว หมายถึง หลอดเลือดฝอย ทั้งน้ีเส้นล่ัวหลัก 15 เส้น เป็นเส้นลั่วท่ีใหญ่ท่ีสุด มีหน้าที่ ควบคุมกํากับเส้นฝูลั่ว เส้นซุนลั่ว และเส้นเซฺวี่ยลั่ว เพื่อกระจายชี่และเลือดให้ไหลเวียน ไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย เส้นลั่วทําให้การไหลเวียนของเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น จากแนวเส้นหลัก กระจายออกเป็นตาข่าย การไหลเวียนของช่ีและเลือดจึงกระจายไปทั่วร่างกาย หล่อเลี้ยง การทาํ งานของอวัยวะต่างๆ ให้เป็นปกติ 5. เสน้ จงิ จนิ 12 เส้น (十二经筋) เสน้ จงิ จนิ 12 เส้น เปน็ ระบบเอน็ และกล้ามเน้ือทช่ี ีข่ องเสน้ เจ้ิงจิง 12 เส้น ไหลเวียนผ่าน แบ่งตามการไหลเวียนของเส้นเจิ้งจิงเป็นยินมือและเท้า 6 เส้น เส้นหยางมือและเท้า 6 เส้น รวมเปน็ 12 เส้น
10 บทที่ 1 ทฤษฎีเส้นจิงล่ัว เส้นจิงจินมีจุดเริ่มที่ปลายแขนขา ไหลเวียนผ่านกระดูกและข้อต่อ บางเส้น ไหลเวียนเข้าทรวงอกหรือช่องท้อง แต่ไม่ผ่านอวัยวะจ้างฝู่ เส้นหยางมือและเท้า 6 เส้น ไหลเวียนผ่านศีรษะและตา ส่วนเส้นยินมือ 3 เส้น ไหลเวียนผ่านทรวงอก และเส้นยินเท้า 3 เส้น ไหลเวยี นผ่านอวัยวะเพศ หน้าที่ของเส้นจิงจิน 12 เสน้ คือ ควบคุมกระดูก การเคล่ือนไหวข้อต่อ ดูแลการเคลื่อนไหวของร่างกายให้เป็นปกติ และช่วยให้ร่างกายทรงตัวอยู่ในท่าปกติ (ตัวอย่างดังภาพท่ี 1.1และ 1.2) ภาพท่ี 1.1 เสน้ จิงจินทหี่ ลอ่ เลี้ยงโดยเส้นไต ภาพที่ 1.2 เสน้ จงิ จินทีห่ ล่อเล้ียงโดยเส้นซานเจยี ว 6. ผปี ู้ 12 แนว (十二皮部) ผีปู้ 12 แนว เป็นบริเวณผิวกายท่ีสะท้อนการทํางานของเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น และเป็นบริเวณ ทีช่ ี่ของเส้นลว่ั กระจายอยู่ ผีปู้แบ่งผิวกายตามยินและหยางของมือและเท้าเป็น 12 แนว เนื่องจากผิวกาย เปน็ ส่วนนอกสุดของรา่ งกาย จึงเป็นเสมอื นกําแพงกน้ั ขา้ ศกึ ปกปอ้ งรา่ งกายจากเสฺยชี่ นอกจากน้ี การเปลี่ยนแปลงของโรคท่ีเส้นจิงล่ัวยังสะท้อนออกมาท่ีผีปู้ได้ ดังน้ัน การวินิจฉัยแยกภาวะโรค และรกั ษาตามอาการและอาการแสดงภายนอก จึงสามารถประเมินและรักษาโรคที่อยู่ภายในได้ การใช้เขม็ ผิวหนงั การลนยา และการครอบกระปุก เป็นหลกั การรักษาระดบั ผีปู้ เพอื่ ใหไ้ ด้ผลถึงภายใน
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 11 ภาพที่ 1.3 ผปี ู้ 12 แนว หนา้ ทีข่ องเสน้ จิงลว่ั คัมภีร์หฺวางตี้เน่ยจิง ภาคหลิงซู บทจิงม่าย (经脉) กล่าวถึงหน้าที่ของเส้นจิงลั่วว่า “เส้นจิงล่ัวกําหนดชะตาชีวิต สะท้อนโรค ปรับภาวะแกร่ง-พร่อง จะปล่อยให้ติดขัดไม่ได้” จงึ สรปุ หนา้ ท่ีของเสน้ จิงล่วั ไดด้ งั นี้ 1. เช่ือมโยงภายนอกและภายในร่างกาย ทําให้อวัยวะจ้างฝู่ แขนขา ผิวหนัง กล้ามเน้ือ กระดูก และเน้ือเยื่อทุกส่วนของร่างกาย (นอก-ใน บน-ลา่ ง หน้า-หลัง ซ้าย-ขวา) เปน็ หน่ึงเดียวกัน 2. เป็นเส้นทางไหลเวียนของชแ่ี ละเลอื ด เพ่ือหล่อเลีย้ งร่างกายและปรับสมดลุ ยินหยาง 3. ปกป้องรา่ งกายจากเสยฺ ช่ี สะทอ้ นการเปลย่ี นแปลงของโรคและอาการ 4. สง่ ต่อสญั ญาณสูต่ ําแหน่งหรืออวัยวะทีเ่ กย่ี วขอ้ ง ปรบั สมดุลภาวะแกรง่ -พร่อง
12 บทท่ี 1 ทฤษฎีเส้นจิงลว่ั การประยกุ ตท์ ฤษฎเี สน้ จงิ ลว่ั ทางคลนิ กิ 1. การวินจิ ฉัยแยกภาวะโรค 1.1 การวินิจฉัยแยกภาวะโรคด้วยเส้นจิงลั่ว เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้แยกภาวะโรคตามชนิดเส้นจิงลั่ว เนอื่ งจากเสน้ จงิ ล่วั มีแนวทางการไหลเวียนผ่านตําแหน่งของตนเองและเชื่อมโยงกับอวัยวะจ้างฝู่ สามารถสะท้อนภาวะโรคของเส้นจิงล่ัวนั้นๆ และอวัยวะจ้างฝู่ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์ ในทางคลินิก สามารถวิเคราะห์จากอาการของโรค ตําแหน่งท่ีไหลเวียนผ่าน และอวัยวะท่ีสังกัดเส้นจิงลั่ว แล้วแยกภาวะโรคตามเส้นจิงลั่ว เช่น ปวดศีรษะบริเวณหน้าผากเกี่ยวข้องกับเส้นหยางหมิง ปวดศีรษะด้านข้างเกี่ยวข้องกับเส้นซ่าวหยาง ปวดศีรษะด้านหลังเก่ียวข้องกับเส้นท่ายหยาง ปวดกลางกระหม่อมเกีย่ วขอ้ งกบั เส้นเจวฺ ี๋ยยิน เป็นตน้ 1.2 การวิเคราะห์โรคด้วยการสังเกตเส้นจิงล่ัว เป็นการวินิจฉัยโรคด้วยการสังเกตการเปลี่ยนแปลง บริเวณผิวหนงั ท่ีเสน้ จิงลวั่ ไหลเวียนผา่ น โดยสังเกตการเปล่ียนแปลงของสี ความมันวาว เน้ือเย่ือ และผิวหนังบริเวณจุดฝังเข็ม เช่น ผิวนูน ผิวเป็นริ้วรอย เปล่ียนสี หมองคล้ํา เป็นต้น โดยผิวสีเขียว สะท้อนถึงความเย็นและอาการปวด ผิวสีแดงสะท้อนถึงความร้อน เช่น กระเพาะอาหารมีความร้อน บรเิ วณเนนิ โคนหัวแม่มือจะแดง เปน็ ต้น 1.3 การตรวจโรคด้วยการกดคลําเส้นจิงล่ัวหรือจุดฝังเข็ม วินิจฉัยโรคด้วยการหาความผิดปกติ บนเส้นจิงล่ัวหรือจุดฝังเข็ม เช่น กดเจ็บ ชา ก้อนแข็ง บวม รอยบุ๋ม เป็นต้น ด้วยการกดคลํา มกั ใชก้ ับบรเิ วณจุดเปย้ ซู จดุ มู่ จุดหยวน จดุ ซ่ี จุดเหอ และจดุ ปฏกิ รยิ า 2. การรกั ษา 2.1 ใช้เลือกจุดฝังเข็ม นอกจากเลือกใช้จุดบริเวณใกล้เคียงที่มีพยาธิสภาพแล้ว ยังใช้จุดไกล ซึ่งอยู่บนเส้นจิงลั่วท่ีอวัยวะสังกัดมีพยาธิสภาพ หลักการ คือ ป่วยข้างบนใช้จุดข้างล่าง ป่วยด้านหน้า ใช้จุดด้านหลัง เช่น ปวดกระเพาะอาหารเลือกจุดใกล้ คือ จงหว่าน (CV 12) และเลือกจุดไกล คือ จู๋ซานหล่ี (ST 36) หรือเหลียงชิว (ST 34) เป็นต้น นอกจากน้ียังใช้วิธีเจาะปล่อยเลือดรักษาโรค เช่น เจาะปล่อยเลือดท่ีเหว่ยจง (BL 40) รักษาอาการปวดหลัง เปน็ ต้น 2.2 ใช้เลือกยาสมุนไพรตามตําแหน่งการออกฤทธิ์ ยาสมุนไพรมีสรรพคุณในการรักษา ตามการออกฤทธติ์ ่อเส้นจิงล่ัว โดยภาวะโรคต่างๆ สามารถแยกตามเส้นจิงลั่วได้ ดังนั้น ยาสมุนไพร ท่ีรักษาภาวะโรคน้ันๆ จึงเป็นยาของเส้นจิงล่ัวนั้นๆ ด้วย เช่น กุ้ยจือรักษาอาการกลัวหนาว เป็นไข้ ซ่งึ เปน็ กลุม่ อาการทา่ ยหยาง จงึ เป็นยาสมนุ ไพรของเส้นทา่ ยหยาง เป็นต้น
บทที่ 2 ทฤษฎีจดุ ฝงั เข็ม Theory of the Acupoints การแบง่ ประเภทของจดุ ฝงั เข็ม จุดฝังเข็มแบง่ เป็น 3 ประเภท คอื 1. จุดจงิ (经穴)เป็นจดุ ทม่ี ีชอื่ เรียกและตาํ แหนง่ ทแี่ นน่ อนในเส้นจงิ 14 เสน้ มีสรรพคุณสําคัญ ในการรักษาโรคหรืออาการผดิ ปกติของเส้นจิงลวั่ และอวัยวะจ้างฝ่ทู ี่สมั พนั ธ์กนั 2. จุดนอกระบบ(经外奇穴)เป็นจุดที่มีชื่อเรียกและตําแหน่งที่แน่นอน แต่ไม่ได้สังกัด ในเส้นจิง 14 เส้น ส่วนมากมีสรรพคุณการรักษาเฉพาะโรค ประวัติศาสตร์การแพทย์แผนจีนมีการบันทึก จุดนอกระบบตา่ งๆ กันไป และมพี ัฒนาการจัดบางจุดเข้าเป็นจุดจงิ ในเส้นจิง 14 เส้น 3. จุดอาซื่อ(阿是穴)เป็นจุดที่มีการสะท้อนพยาธิสภาพของโรค แสดงออกด้วยการกดเจ็บ หรอื มีการเปลีย่ นแปลงของผิวหนัง ไม่มีชอ่ื และตําแหนง่ ท่แี น่นอน; จุดเทียนองิ้ (天应) จดุ ป๋ตู ้ิง (不定) จดุ กดเจบ็ กเ็ รียก การตั้งชื่อจุด ช่ือจุดทุกจุดล้วนมีความหมาย แพทย์จีนยุคก่อนใช้วิธีเปรียบเทียบลักษณะ ตําแหน่งและสรรพคุณของจุดเป็นพ้ืนฐาน ร่วมกับนําลักษณะธรรมชาติของโรคและหลักทฤษฎี การแพทยแ์ ผนจีนมาใช้ในการต้งั ชอื่ จุด การเข้าใจความหมายของช่ือจุดจะช่วยให้จดจําตําแหน่ง และสรรพคณุ ของจดุ ได้ดี โดยมหี ลักเกณฑด์ งั น้ี 1. ตัง้ ชอ่ื ตามตําแหน่งของร่างกาย เช่น ว่านกู่ (SI 4) แปลว่า “กระดูกข้อมือ” ตําแหน่งจุด อยู่ที่ด้านหลังของขอ้ มอื ต้าจุย (GV 14) แปลวา่ “ปุ่มกระดูกใหญ่” ตําแหน่งจุดอยู่ใต้ปุ่มกระดูกคอท่ี 7 ซึ่งนูนใหญท่ ่สี ดุ เป็นต้น 2. ต้ังช่ือตามสรรพคุณการรักษา เช่น จิงหมิง (BL 1) แปลว่า “ตาสว่าง” กวางหมิง (GB 37) แปลว่า “แสงสว่าง” ใช้รักษาโรคตา; สุ่ยเฟิน (CV 9) แปลว่า “สันปันน้ํา” สุ่ยต้าว (ST 28) แปลว่า “ทางนํา้ ไหล” ใช้รักษาโรคบวมนาํ้ เป็นตน้ 3. ต้ังช่ือตามธรรมชาติขององค์ประกอบฟ้าดิน โดยนําช่ือของวัตถุฟากฟ้า เช่น รื่อ (日: ดวงอาทิตย์) เยฺว่ีย (月: ดวงจันทร์) ซิง (星: ดวงดาว) และช่ือของสภาพภูมิประเทศ เช่น ซาน (山: ภูเขา) ห่าย (海: ทะเล) มารวมกนั เป็นช่อื จุด เช่น รอ่ื เยฺว่ีย (GB 24) เฉงิ ซาน (BL 57) ซา่ วห่าย (HT 3) เป็นตน้ 4. ต้ังชื่อตามชือ่ พืชหรอื สัตว์ โดยเปรียบเทยี บตามสภาพลกั ษณะของจดุ เช่น ฝูทู่ (ST 32) แปลว่า “กระต่ายหมอบ” หยฺวีจ้ี (LU 10) แปลวา่ “ขอบดา้ นข้างของปลา” ฉวนจู๋ (BL 2) แปลว่า “กอไผ่” เปน็ ต้น
14 บทที่ 2 ทฤษฎจี ุดฝงั เข็ม 5. ตั้งช่ือตามลักษณะสถานท่ี โดยนําลักษณะสถานท่ีมาพรรณนาเปรียบเทียบกับตําแหน่งจุด หรือสรรพคุณเด่นในการรักษาของจุด เช่น เทียนจิ่ง (TE 10) แปลว่า “บ่อสวรรค์” ตําแหน่งอยู่ตรงแอ่ง เหนือปลายข้อศอก เสินถาง (BL 44) แปลว่า “ห้องโถงของจิตใจ” มีสรรพคุณในการรักษา อาการใจสน่ั เจบ็ หน้าอก นอนไม่หลบั เป็นต้น 6. ตั้งชื่อตามทฤษฎีการแพทย์แผนจีน โดยอาศัยตําแหน่งหรือสรรพคุณในการรักษา ร่วมกับ หลกั ยนิ -หยาง อวยั วะจ้างฝู่ เส้นจงิ ลั่ว หรือช่ีและเลือด มาตั้งช่ือ เช่น ชี่ห่าย (CV 6) แปลว่า “ทะเลแห่งช่ี” ยินหลงิ เฉฺวยี น (SP 9) แปลวา่ “นํ้าพุแห่งยิน” หยางหลงิ เฉฺวยี น (GB 34) แปลว่า “น้ําพุแหง่ หยาง” เป็นต้น สรรพคุณของจุดฝังเขม็ จดุ ฝังเข็มมีสรรพคุณที่เหมอื นและตา่ งกัน มีกฎเกณฑ์ตามกายวภิ าคซ่ึงแบ่งไดด้ ังนี้ 1. รักษาโรคใกล้ มีสรรพคุณรักษาโรคในตําแหน่งที่จุดอยู่ บริเวณข้างเคียง และโรคของอวัยวะ ในตาํ แหนง่ ใกลเ้ คียง สรรพคณุ นี้เป็นคณุ สมบัติท่ัวไปของจุดฝงั เข็มทุกจุด ดังคาํ กล่าวท่วี ่า “จุดอยู่ที่ไหน รักษาโรคท่ีน่ัน” เช่น จิงหมิง (BL 1) และฉวนจู๋ (BL 2) อยู่ใกล้ตา รักษาโรคตา; ตู๋ปี๋ (ST 35) และเน่ยซีเหยี่ยน (EX-LE 4) อย่ทู เ่ี ข่า รกั ษาโรคข้อเขา่ เปน็ ต้น 2. รกั ษาโรคไกล มสี รรพคุณในการรักษาโรคที่อยู่ไกลจากตําแหน่งของจุดในเส้นจิง 14 เส้น โดยเฉพาะจุดบริเวณแขนขาตั้งแต่ข้อศอกและข้อเข่าลงไปในเส้นเจิ้งจิง 12 เส้น จะมีสรรพคุณ ในการรักษาโรคไกลได้โดดเด่นเป็นพิเศษ เช่น เหอกู่ (LI 4) ใช้รักษาโรคคอและใบหน้า ซ่ึงเป็นบริเวณ ที่เสน้ ลําไสใ้ หญไ่ หลเวียนผ่าน เป็นต้น เปน็ ไปตามหลกั ท่วี า่ “เสน้ จิงลว่ั ผา่ นที่ใด ให้ผลการรักษาไปถงึ ท่ีนั่น” สรรพคุณเฉพาะ 1. สรรพคุณออกฤทธิ์ 2 ทิศทาง จุดฝังเข็มจุดเดียวมีสรรพคุณ 2 อย่างท่ีมีฤทธิ์ตรงกันข้าม ต่ออวัยวะเดียวกันซ่ึงมีพยาธิสภาพต่างกัน เช่น อุจจาระร่วง ใช้เทียนซู (ST 25) เพื่อระงับการถ่าย ขณะท่ีท้องผูกก็ใช้เทียนซู (ST 25) เพื่อระบาย หรือเน่ยกฺวาน (PC 6) สามารถรักษาได้ท้ังภาวะ หัวใจเตน้ ชา้ และเตน้ เร็วผดิ ปกติ เปน็ ต้น 2. สรรพคณุ ออกฤทธิ์ทว่ั รา่ งกาย เช่น ตา้ จุย (GV 14) ใช้ขจดั ความรอ้ น เปน็ ตน้ 3. สรรพคณุ พิเศษ เช่น จือ้ ยิน (BL 67) ใช้ปรบั เปลยี่ นท่าทารก เปน็ ต้น หลักการแบ่งสรรพคุณจดุ สรรพคุณจุดมีลกั ษณะและกฎเกณฑ์ทแี่ นน่ อน หลกั การสาํ คญั แบ่งเป็น 2 ข้อ คอื 1. แบง่ สรรพคุณตามเส้นจิงล่ัว จุดฝังเข็มบนแขนขาท่ีสังกัดเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น สามารถใช้ รักษาโรคบริเวณที่เส้นจิงล่ัวไหลเวียนผ่านและรักษาโรคของอวัยวะท่ีสัมพันธ์กับเส้นจิงล่ัว ในการ ฝังเข็มรักษาโรค แพทย์จีนสมัยโบราณจะให้ความสําคัญกับเส้นจิงลั่วที่สัมพันธ์กับโรคมากกว่า จุดฝังเข็ม กล่าวคือ เนน้ เสน้ จงิ ลว่ั มากกว่าเน้นจุดฝังเข็ม เช่น ปวดฟัน กระหายนํ้า ใช้เส้นหยางหมิง
กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 15 เป็นต้น จากประสบการณ์ทางคลินิกพบว่า จุดต่างๆ บนเส้นจิงล่ัวเดียวกันสามารถรักษากลุ่มโรค พ้ืนฐานบนเส้นจิงลั่วเดยี วกันได้ เช่น ฉื่อเจ๋อ (LU 5) เลี่ยเชฺวีย (LU 7) และหยวฺ ีจ้ี (LU 10) บนเส้นปอด สามารถรักษาผู้ป่วยกลุ่มโรคปอด ไอ หรือหอบหืดได้ เป็นต้น ตามกฎเกณฑ์การแบ่งสรรพคุณ การรกั ษาตามเสน้ จิงลว่ั จึงมีคํากล่าววา่ “ยอมใหใ้ ช้จุดผิด แตไ่ ม่ยอมให้เลือกเส้นจิงลว่ั ผิด” เส้นจิงล่ัวแต่ละเส้นมีสรรพคุณเด่นเฉพาะตัวและสรรพคุณร่วมกับเส้นจิงลั่วอื่น ในส่วนของเส้นตูและเส้นเริ่นก็มีสรรพคุณนี้ เช่น เส้นเร่ินมีสรรพคุณดึงหยางกลับ เหนี่ยวร้ังจิง และเสรมิ สุขภาพ เสน้ ตูรกั ษาโรคหลอดเลือดสมอง หมดสติ และกลุ่มโรคไข้ เส้นจิงลั่วทั้ง 2 เส้นน้ี มีสรรพคุณร่วมในการรักษาโรคระบบจิตประสาท อวัยวะจ้างฝู่ และโรคนรีเวชได้ เป็นต้น (ตารางท่ี 2.1-2.5) ตารางท่ี 2.1 ขอ้ บ่งช้ขี องเสน้ ยินมือ 3 เสน้ เส้นจิงล่ัว ขอ้ บง่ ชี้ ข้อบ่งช้ีรว่ ม 2 เส้น ขอ้ บ่งช้ีร่วม 3 เสน้ เสน้ ปอด โรคปอด โรคในคอหอย เส้นเยื่อหมุ้ หัวใจ โรคหัวใจ โรคในทรวงอก เสน้ หัวใจ โรคกระเพาะอาหาร โรคระบบจิตประสาท โรคหัวใจ ตารางที่ 2.2 ขอ้ บง่ ช้ขี องเสน้ หยางมือ 3 เสน้ เสน้ จิงลวั่ ข้อบ่งชี้ ข้อบ่งช้ีร่วม 2 เสน้ ข้อบง่ ช้ีรว่ ม3เส้น เสน้ ลาํ ไสใ้ หญ่ โรคบรเิ วณใบหนา้ จมูก ปาก โรคตา โรคหู โรคบริเวณลําคอ เส้นซานเจยี ว ฟนั กล่มุ โรคไข้ เส้นลาํ ไส้เลก็ โรคบรเิ วณศรี ษะด้านข้าง สขี า้ ง โรคระบบจิตประสาท โรคบรเิ วณศรี ษะด้านหลงั ไหล่ สะบกั
16 บทท่ี 2 ทฤษฎีจดุ ฝังเขม็ ตารางท่ี 2.3 ข้อบ่งช้ขี องเส้นยนิ เท้า 3 เส้น เส้นจิงล่วั ขอ้ บง่ ชี้ ข้อบง่ ชี้ร่วม2เสน้ ข้อบง่ ช้ีร่วม3เสน้ เส้นมา้ ม โรคกระเพาะอาหาร โรคมา้ ม โรคของอวัยวะเพศ โรคในชอ่ งท้อง เส้นตบั โรคตับ โรคนรเี วช เสน้ ไต โรคไต โรคปอด โรคในคอหอย ตารางท่ี 2.4 ขอ้ บ่งช้ขี องเสน้ หยางเทา้ 3 เส้น เส้นจิงลั่ว ขอ้ บ่งช้ี ข้อบง่ ชี้รว่ ม2เสน้ ข้อบง่ ช้ีร่วม3เส้น เส้นกระเพาะอาหาร โรคบริเวณใบหน้า ปาก ฟัน คอหอย กระเพาะอาหาร และลาํ ไส้ เส้นถงุ น้าํ ดี โรคบรเิ วณศรี ษะด้านขา้ ง โรคระบบจติ ประสาท สีข้างต้นคอ โรคหู กลมุ่ โรคไข้ โรคตา โรคถงุ นาํ้ ดี ขอ้ บ่งชี้รว่ ม 2 เส้น เสน้ กระเพาะปสั สาวะ โรคบริเวณศรี ษะด้านหลงั ต้นคอ หลงั โรคลําไสใ้ หญ่ และทวารหนกั โรคอวัยวะจ้างฝู่ ตารางที่ 2.5 ขอ้ บง่ ชขี้ องเสน้ เรน่ิ และเส้นตู เส้นจงิ ลวั่ ข้อบง่ ชี้ เส้นเร่นิ โรคหลอดเลอื ดสมองชนิดหลุด โรคระบบจิตประสาท โรคอวัยวะจ้างฝู่ เสน้ ตู ภาวะเย็นพร่อง โรคของเซ่ยี เจยี ว โรคนรเี วช โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะหมดสติ กลุ่มโรคไข้ โรคบรเิ วณใบหน้าและศรี ษะ 2. แบ่งสรรพคุณตามตําแหน่ง จุดอยู่บริเวณร่างกายส่วนใด สามารถรักษาโรคบริเวณนั้นได้ อาศัยสรรพคุณตามตําแหน่งจุดและสรรพคุณเด่นของจุดร่วมกัน เช่น จุดบริเวณศีรษะ ใบหน้า ท้ายทอย สามารถรักษาโรคของใบหน้า หู ตา คอ จมูก และท้ายทอย จุดบริเวณศีรษะด้านหลังสามารถ รกั ษาโรคระบบจิตประสาท เปน็ ต้น (ตารางท่ี 2.6-2.15)
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 17 ตารางท่ี 2.6 ตาํ แหนง่ และสรรพคณุ ของจดุ ฝังเข็มบริเวณศรี ษะ ตําแหน่งจุดฝังเขม็ รักษาบริเวณ/โรค/อาการ หนา้ ผาก ด้านขา้ ง หนา้ ผาก ศรี ษะดา้ นข้าง ตา จมกู แก้ม แก้ม ฟัน ปาก รมิ ฝปี าก ดา้ นหลัง ศีรษะด้านหลงั ท้ายทอย ระบบจติ ประสาท ต้นคอ ต้นคอ ระบบจติ ประสาท ตา เสยี งแหบหาย ตา ตา จมูก จมกู หู หู ลาํ คอ ลําคอ ล้ิน หลอดอาหาร หลอดลม หอบหืด เสียงแหบหาย ตารางที่ 2.7 ตําแหนง่ และสรรพคณุ ของจุดฝงั เข็มบริเวณลําตวั ด้านหน้า ตําแหนง่ จุดฝังเข็ม รกั ษาบรเิ วณ/โรค/อาการ ทรวงอก ทรวงอก ปอด หวั ใจ แนวกึ่งกลางทรวงอกช่วงกระดูกซีโ่ ครงท่ี ทรวงอก ปอด 1– 5 แนวกง่ึ กลางทรวงอกช่วงลิ้นป่ี ระบบจิตประสาท ทอ้ ง ม้าม กระเพาะอาหาร ถุงนาํ้ ดี แนวก่ึงกลางทอ้ ง กระเพาะอาหาร สุ่ยเฟิน (CV 9) บวมน้าํ ท้องน้อย อวยั วะเพศ ไต กระเพาะปัสสาวะ ลาํ ไส้ รอบเดอื นผดิ ปกติ แนวก่งึ กลางท้องนอ้ ย ตกขาว ไต กระเพาะปสั สาวะ อวัยวะเพศ ตกขาว รอบเดอื นผดิ ปกติ เซ่ยี เจยี ว ภาวะพร่อง หลอดเลือดสมองชนดิ หลดุ
18 บทที่ 2 ทฤษฎจี ุดฝงั เขม็ ตารางที่ 2.8 ตาํ แหนง่ และสรรพคุณของจุดฝงั เข็มบรเิ วณหลงั ไหล่ และเอว ตาํ แหนง่ จดุ ฝงั เขม็ รกั ษาบรเิ วณ/โรค/อาการ ไหล่ กระดกู สะบกั ศีรษะ ท้ายทอย ไหล่ กระดกู สะบกั ปอด กลมุ่ โรคไข้ ระบบจติ ประสาท มา้ ม กระเพาะอาหาร กระดกู สนั หลังเอว ระบบจติ ประสาท ปุ่มกระดกู สนั หลงั อกท่ี 1–7 ปุ่มกระดกู สันหลังอกท่ี 9 ไต รอบเดือนผดิ ปกติ ถึงกระดกู สันหลงั เอวท่ี 1 ปอด หวั ใจ ปุ่มกระดูกสันหลังเอวท่ี 2 ถึงกระดูกกน้ กบ ตับ ถุงนาํ้ ดี มา้ ม กระเพาะอาหาร ไต กระเพาะปสั สาวะ ทวารหนกั รอบเดือนผดิ ปกติ ตกขาว หลงั สว่ นบน หลังส่วนลา่ ง เอว ก้นกบ ตารางที่ 2.9 ตําแหนง่ และสรรพคณุ ของจุดฝังเข็มบรเิ วณลําตัวดา้ นขา้ ง ตําแหนง่ จุดฝงั เขม็ รักษาบริเวณ/โรค/อาการ สีขา้ ง ตับ ถงุ นํ้าดี สีข้าง เอว ม้าม กระเพาะอาหาร รอบเดอื นผดิ ปกติ ตกขาว ตารางท่ี 2.10 ตําแหนง่ และสรรพคณุ ของจุดฝงั เขม็ บรเิ วณแขนด้านใน ตําแหน่งจุดฝังเข็ม รักษาบริเวณ/โรค/อาการ รักแร้ถงึ ขอ้ ศอก เสน้ ปอด เหนอื ข้อศอก เสน้ เยือ่ หมุ้ หัวใจ เสน้ หวั ใจ ทรวงอก ปอด คอหอย น้วิ มอื ทรวงอก กระเพาะอาหาร ระบบจติ ประสาท ทรวงอก ระบบจติ ประสาท ระบบจติ ประสาท ไขส้ งู หมดสติเฉียบพลนั ตารางท่ี 2.11 ตําแหนง่ และสรรพคุณของจุดฝังเข็มบรเิ วณแขนด้านนอก ตาํ แหนง่ จดุ ฝังเข็ม รกั ษาบรเิ วณ/โรค/อาการ ไหลถ่ งึ ข้อศอก ไหล่ แขนดา้ นนอก เสน้ ลาํ ไส้ใหญ่ เส้นซานเจียว ใบหนา้ ตา จมกู ปาก ฟัน กลมุ่ โรคไข้ ศีรษะดา้ นขา้ ง หู ตา คอ กลมุ่ โรคไข้ เส้นลาํ ไส้เลก็ นิ้วมอื ศรี ษะดา้ นหลงั หู ตา ไหล่ สะบัก ระบบจิตประสาท ไข้สงู หมดสตเิ ฉียบพลนั
กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 19 ตารางท่ี 2.12 ตําแหน่งและสรรพคุณของจุดฝังเข็มบริเวณกน้ และขาด้านหลัง ตาํ แหน่งจุดฝงั เข็ม รักษาบรเิ วณ/โรค/อาการ กน้ ถงึ ตน้ ขา กน้ ข้อพบั เข่าถงึ ข้อเท้า หลังส่วนลา่ ง ทวารหนกั ขอ้ เทา้ ถงึ ปลายเท้า หลงั ส่วนลา่ ง ระบบจติ ประสาท กลุ่มโรคไข้ ตารางท่ี 2.13 ตําแหนง่ และสรรพคณุ ของจดุ ฝังเขม็ บริเวณขาดา้ นหน้า ตาํ แหนง่ จุดฝงั เขม็ รกั ษาบริเวณ/โรค/อาการ ขาหนบี ถงึ เขา่ ขา หัวเข่า เขา่ ถึงขอ้ เท้า กระเพาะอาหารและลําไส้ ข้อเทา้ ถงึ ปลายเทา้ ใบหนา้ ปาก ฟนั หลอดคอ กระเพาะอาหารและลําไส้ กลมุ่ โรคไข้ ระบบจิตประสาท ตารางที่ 2.14 ตําแหนง่ และสรรพคุณของจดุ ฝังเขม็ บรเิ วณขาดา้ นนอก ตาํ แหน่งจดุ ฝังเขม็ รักษาบรเิ วณ/โรค/อาการ สะโพกถงึ เขา่ เอว ก้นกบ เขา่ เขา่ ถงึ ตาตุ่ม สีข้าง ลาํ คอ ทา้ ยทอย ตา ศีรษะดา้ นขา้ ง ตาตุ่มถงึ ปลายเท้า ศีรษะด้านข้าง ตา หู สีขา้ ง กลุ่มโรคไข้ ตารางท่ี 2.15 ตําแหน่งและสรรพคุณของจดุ ฝงั เข็มบรเิ วณขาด้านใน ตําแหนง่ จดุ ฝังเขม็ รกั ษาบรเิ วณ/โรค/อาการ ขาหนบี ถึงเข่า รอบเดอื นผดิ ปกติ ตกขาว อวยั วะเพศ ปสั สาวะผดิ ปกติ เสน้ มา้ ม รอบเดอื นผดิ ปกติ ตกขาว มา้ ม กระเพาะอาหาร ปสั สาวะผิดปกติ เสน้ ตับ ตับ อวยั วะเพศ รอบเดอื นผิดปกติ ตกขาว ปสั สาวะผดิ ปกติ เสน้ ไต ไต ปอด คอหอย รอบเดือนผดิ ปกติ ตกขาว ปสั สาวะผดิ ปกติ
20 บทที่ 2 ทฤษฎีจดุ ฝังเข็ม การหาตําแหน่งจดุ ฝังเข็ม ตาํ แหน่งจุดฝังเข็มเป็นเร่ืองสาํ คัญ มีผลต่อการรักษาโดยตรง การวัดหาตําแหน่งจุด ใช้หน่วยวัดความยาวเป็น “ชุ่น (cun)” ซึ่งมีความยาวผันแปรไปตามขนาดรูปร่างของผู้ป่วย โดยกําหนดมาตรฐานความยาวแต่ละส่วนของร่างกาย (ภาพท่ี 2.1) เช่น ระยะห่างระหว่างรอยพับ ข้อมือถึงรอยพับข้อศอกด้านในยาวเท่ากับ 12 ชุ่น ดังนั้น ความยาว 3 ชุ่น สามารถกําหนดได้ จากความยาว ¼ ของระยะห่างระหว่างรอยพับข้อมือกับข้อศอก ภาพที่ 2.1 การวดั ระยะห่างตามกายวิภาค โดยมีหนว่ ยเป็นชุน่ (cun)
กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 21 ตารางที่ 2.16 การวัดระยะห่างตามกายวภิ าค โดยมีหนว่ ยเปน็ ชุ่น บรเิ วณ ระยะห่างระหวา่ ง ชุ่น ชายผมขอบหน้าผากถึงชายผมขอบท้ายทอย 12 กึง่ กลางระหว่างหัวค้วิ ถึงชายผมขอบหนา้ ผาก 3 ปมุ่ กระดกู ต้นคอท่ี 7 ถึงชายผมขอบทา้ ยทอย 3 18 ศรี ษะ ก่งึ กลางระหว่างหัวค้ิวถึงปมุ่ กระดกู ต้นคอที่ 7 กกหู 9 มุมหน้าผาก 9 แอ่งเหนือกระดูกหน้าอก (suprasternal notch) ถึงลิ้นปี่ 9 หัวนม 8 หนา้ อกและท้อง ล้ินป่ถี ึงสะดือ 8 5 สะดือถึงขอบบนกระดกู หัวหนา่ ว กงึ่ กลางรอยพบั รักแรถ้ งึ ปลายกระดกู ซ่โี ครงที่ 11 12 ขอบในกระดกู สะบกั ถึงกึ่งกลางแนวกระดกู สันหลงั 3 8 หลงั ปลายหวั ไหลถ่ ึงก่ึงกลางแนวกระดกู สนั หลงั รอยพบั รักแรด้ ้านหน้าถงึ รอยพับขอ้ ศอก 9 12 แขน รอยพับขอ้ ศอกถึงรอยพบั ขอ้ มือ ระดับขอบบนกระดูกหวั หนา่ วถงึ ระดบั ขอบบน medial epicondyle ของกระดกู ตน้ ขา 18 ขอบลา่ ง medial condyle ของกระดกู แขง้ ถงึ ยอดตาต่มุ ใน 13 ขา รอยพบั แกม้ ก้นถงึ ข้อพบั เข่า 14 19 ปุ่มนูนกระดกู ต้นขาถงึ ระดบั รอยพบั เข่าดา้ นข้าง ระดับรอยพับเข่าดา้ นขา้ งถึงยอดตาต่มุ นอก 16 ยอดตาตมุ่ นอกถงึ ส้นเทา้ 3
22 บทที่ 2 ทฤษฎจี ุดฝงั เขม็ วธิ ีหาตําแหน่งจุดฝังเข็ม 1. โดยการแบ่งส่วน วิธีนี้นิยมใช้กับจุดที่อยู่ตามแขน ขา หรือลําตัว ซึ่งไม่มีจุดสังเกต ทางกายวิภาคเป็นตัวช่วยบอกชัดเจน เช่น ซี่เหมิน (PC 4) อยู่ปลายแขนด้านใน ตํ่าจากระดับ รอยพับข้อศอกลงไป 7 ชุ่น โดยที่ระยะห่างจากรอยพับข้อศอกถึงรอยพับข้อมือด้านใน ยาวเท่ากับ 12 ชุ่น จุดก่ึงกลางของระยะห่างนี้ คือ 6 ชุ่น ดังน้ัน ตําแหน่งซ่ีเหมิน (PC 4) อยู่ต่ํา จากจดุ กงึ่ กลางของระยะหา่ งนล้ี งไปทางข้อมืออีก 1 ชุ่น (ภาพท่ี 2.2) ภาพที่ 2.2 ตาํ แหนง่ ซี่เหมนิ (PC 4) 2. โดยจุดสังเกตทางกายวิภาค (anatomical landmarks) เป็นวิธีท่ีนิยมใช้มากท่ีสุด อาศยั จดุ สงั เกตต่างๆ ทางกายวิภาคทเ่ี หน็ คลําได้ง่าย และชดั เจน มาช่วยหาตําแหน่งจดุ โดยแบง่ เป็น 2.1 จุดอ้างอิงทางกายวิภาคท่ีไม่เคลื่อนที่ (fixed anatomical landmarks) คือ ไม่มี การเปลยี่ นตําแหนง่ ไปตามการเปล่ยี นทา่ รา่ งกาย ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกระดูก ร่อง แอ่ง หรือรอยพับต่างๆ ของร่างกาย เช่น ยิ่นถาง (EX-HN 3) อยู่ตรงกลางระหว่างหัวค้ิว 2 ข้าง ถานจง (CV 17) อยู่ก่ึงกลาง ระหว่างหัวนม 2 ข้าง เป็นต้น 2.2 จุดอ้างอิงทางกายวิภาคท่ีเคล่ือนที่ได้ (movable anatomical landmarks) คือ ผู้ป่วย ต้องอยู่ในท่าเฉพาะบางท่าเท่านั้นจึงจะหาจุดได้ เช่น ทิงกง (SI 19) อยู่ตรงร่องหน้าต่อกระบังหู ขณะผ้ปู ่วยอ้าปาก เป็นต้น
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 23 3. โดยใช้น้ิวมือผู้ป่วยวัด วิธีน้ีใช้กับจุดท่ีมีระยะห่างสั้นๆ จากจุดอ้างอิงหรือใช้ประกอบ กับ 2 วธิ ีขา้ งตน้ โดยอาศัยความยาวแต่ละส่วนของนิ้วมือผู้ป่วย (ภาพที่ 2.3) ภาพที่ 2.3 การเทียบความยาวเป็นชนุ่ โดยใชน้ ิ้วมอื ของผปู้ ว่ ย ก. ความยาวตามรอยพบั กระดกู ท่อนกลางของน้วิ กลางเท่ากบั 1 ชนุ่ ข. ความกว้างตามแนวขวางของขอ้ ปลายน้ิวหัวแมม่ ือเท่ากบั 1 ชนุ่ ค. ความกวา้ งตามแนวขวางของข้อปลายนวิ้ ช้ีถึงนวิ้ นางรวมกันเท่ากบั 2 ชุ่น ง. ความกวา้ งตามแนวขวางของขอ้ ตน้ นิ้วช้ถี ึงน้ิวกอ้ ยรวมกันเท่ากบั 3 ชนุ่ 4. โดยวิธพี เิ ศษ เป็นวิธกี ารหาตําแหน่งของจุดฝังเข็มบางจุด เช่น หลาวกง (PC 8) อยู่ท่ีฝ่ามือ ตรงปลายนิ้วกลางสัมผัสในท่ากํามือ (ภาพท่ี 2.4) เฟิงซื่อ (GB 31) อยู่ที่ต้นขาด้านข้างตรงปลาย น้วิ กลางสัมผัสในท่ายืนตรง (ภาพที่ 2.5) เป็นต้น
24 บทท่ี 2 ทฤษฎจี ดุ ฝงั เขม็ ภาพที่ 2.4 วิธีพิเศษในการหาตําแหนง่ หลาวกง (PC 8) ภาพที่ 2.5 วธิ พี เิ ศษในการหาตําแหนง่ เฟงิ ซ่อื (GB 31)
บทท่ี 3 จดุ ฝังเข็มและเส้นจงิ ล่วั Acupoints and Meridians จดุ เฉพาะ(特定穴) จุดเฉพาะ คือ จุดฝังเข็มในระบบเส้นจิง 14 เส้น ที่มีคุณสมบัติเฉพาะเพ่ิมเติมและใช้บ่อย อาศัยคุณสมบัติเฉพาะท่ีเหมือนกันของจุดในแต่ละเส้นจิงลั่วมาจัดหมวดหมู่เป็น 10 กลุ่ม ทําให้ง่าย ต่อการจดจําและประยุกต์ใช้ เนื่องจากใช้จํานวนจุดน้อย ข้อบ่งชี้กว้าง เป็นการเพ่ิมประสิทธิผล การรกั ษา 1. จุดอ่ซู ู(五腧穴) อยู่บนเสน้ เจ้งิ จิง 12 เส้น เส้นละ 5 จดุ เรยี งลําดบั จากปลายมือถึงข้อศอกหรือจากปลายเท้า ถึงข้อเข่า รวม 60 จุด ชื่อจุดต้ังตามลักษณะของช่ีท่ีออกมา การไหลผ่าน แล้วเข้าสู่อวัยวะจ้างฝู่ เทยี บได้กบั สายน้ําจากตาน้าํ ทไี่ หลเบา ปริมาณนอ้ ย อย่ตู ื้น แลว้ ค่อยๆ ไหลแรง ปริมาณมาก และอยู่ลึก แตล่ ะจดุ มคี วามสัมพันธก์ บั ปัญจธาตุ (ตารางท่ี 3.1) ตารางที่ 3.1 จดุ อซู่ เู ปรียบเทียบกับสายน้าํ ตาํ แหนง่ สรรพคณุ และความสมั พนั ธก์ ับปญั จธาตุ ชอื่ จุด เปรียบ ลกั ษณะ ตําแหน่งใกล้ สมั พนั ธก์ ับปัญจธาตุ เสมอื น บริเวณ รกั ษาโรค/อาการ เส้นยนิ เสน้ หยาง จ่งิ ตานํ้า ผุดข้นึ โคนเลบ็ * แนน่ หน้าอก หมดสติ ไม้ ทอง หยงิ ต้นนา้ํ ไหลเอือ่ ย งา่ มน้วิ * กลุ่มโรคไข้ ไฟ น้าํ ซู ลาํ ธาร ปรมิ าณมากข้นึ ขอ้ มอื ขอ้ เท้า* ปวดขอ้ อวยั วะจา้ ง ดิน ไม้ ไฟ จงิ แม่นา้ํ ไหลแรง เหนอื ขอ้ มือ ขอ้ เทา้ เจบ็ คอ ไอ หอบ ทอง เหอ ทะเล ปริมาณเตม็ เปย่ี ม ข้อศอก ขอ้ เข่า อวัยวะฝู่ น้าํ ดนิ * ตําแหนง่ จดุ ในเสน้ จิงลวั่ บางเสน้ อยู่ตา่ งจากบริเวณน้ี การเลือกใชจ้ ุดอ่ซู ู 1. ใชต้ ามสรรพคณุ จุด จงิ่ หยงิ ซู จิง เหอ (ตารางที่ 3.1) 2. เลือกจุดบนเส้นจิงลั่วท่ีมีพยาธิสภาพหรือเส้นจิงลั่วคู่สัมพันธ์ อาศัยทฤษฎีปัญจธาตุตามกฎ ความสมั พันธ์แมล่ ูก “พรอ่ งเสรมิ แม่ แกร่งระบายลกู ” (ตารางท่ี 3.2 และ 3.3) เชน่
26 บทท่ี 3 จุดฝังเข็มและเส้นจงิ ลว่ั ตารางที่ 3.2 จุดอูซ่ ู ปัญจธาตุ และจุดแม่-ลกู ของเส้นยิน จดุ จ่งิ หยงิ ซู จงิ เหอ ทอง ธาตุ ไม้ ไฟ ดนิ จิงฉฺวี น้ํา เส้นปอด ซา่ วซาง หยวฺ จี ้ี ท่ายเยวฺ ียน (LU 8) ฉื่อเจอ๋ (LU 11) (LU 10) (LU 5) (LU 9) เจียนสื่อ (PC 5) ลกู แม่ ชฺวเี จอ๋ เสน้ เย่ือหุ้ม จงชง หลาวกง ตา้ หลิง (PC 3) หวั ใจ (PC 9) (PC 8) (PC 7) แม่ ลกู เส้นหวั ใจ ซา่ วชง ซ่าวฝู่ เสินเหมิน หลงิ ต้าว ซา่ วหา่ ย (HT 9) (HT 8) (HT 7) (HT 4) (HT 3) แม่ ลูก เสน้ ม้าม หย่นิ ป๋าย ตา้ ตู ทา่ ยปา๋ ย ซางชวิ ยินหลงิ เฉฺวยี น (SP 1) (SP 2) (SP 3) (SP 5) (SP 9) แม่ ลกู เส้นตับ ตา้ ตุน สิงเจียน ทา่ ยชง จงเฟงิ ชฺวเี ฉฺวยี น (LR 1) (LR 2) (LR 3) (LR 4) (LR 8) ลกู แม่ เสน้ ไต หยง่ เฉวฺ ยี น หรานกู่ ทา่ ยซี ฟ่ลู ิว ยนิ กู่ (KI 1) (KI 2) (KI 3) (KI 7) (KI 10) ลกู แม่ ก) เลือดตับพร่อง: มีอาการวิงเวียน ตาแห้ง ตาพร่ากลางคนื หูอ้ือ ชามือเท้า ประจําเดือนมาน้อย ชพี จรตงึ (xian) เล็ก (xi) เลือกได้ 3 แบบคอื - จุดแม่บนเส้นจิงลั่วท่ีมีพยาธิสภาพ: เส้นตับ (ธาตุไม้) เลือก ชฺวีเฉฺวียน (LR 8) (ธาตุน้ํา) กระตนุ้ แบบบํารุง - จุดแม่บนเส้นจิงลั่วคู่สัมพันธ์: เส้นถุงน้ําดี (ธาตุไม้) เลือก เสียซี (GB 43) (ธาตุนํ้า) กระตุ้น แบบบาํ รุง - จดุ แมบ่ นเสน้ จิงล่วั แม่: เส้นไต (ธาตนุ าํ้ ) เลอื ก ยินกู่ (KI 10) (ธาตนุ า้ํ ) กระต้นุ แบบบํารุง
กรมพัฒนาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 27 ตารางที่ 3.3 จุดอซู่ ู ปัญจธาตุ จดุ แม่-ลูกของเส้นหยาง เหอ ดิน จุดฝังเขม็ จิ่ง หยิง ซู จิง ชฺวีฉือ ไฟ (LI 11) ธาตุ ทอง น้ํา ไม้ หยางซี เสน้ ลาํ ไส้ใหญ่ ซางหยาง เอ้อร์เจียน ซานเจยี น (LI 5) แม่ (LI 1) (LI 2) (LI 3) จือโกว เทยี นจิ่ง (TE 6) (TE 10) ลกู หยางกู่ ลูก เสน้ ซานเจยี ว กฺวานซง เยเ่ หมนิ จงจู่ (SI 5) (TE 1) (TE 2) (TE 3) เสยี วห่าย เจฺย่ซี (SI 8) แม่ (ST 41) ลูก เสน้ ลาํ ไสเ้ ลก็ ซ่าวเจ๋อ เฉยี นกู่ โฮว่ ซี แม่ (SI 1) (SI 2) (SI 3) จซู๋ านหลี่ หยางฝู่ (ST 36) แม่ (GB 38) หยางหลงิ เฉฺวยี น เส้นกระเพาะ ล่ีต้ยุ เนย่ ถงิ เซี่ยนกู่ ลกู (GB 34) อาหาร (ST 45) (ST 44) (ST 43) คุนหลุน เหว่ยจง ลูก (BL 60) (BL 40) เสน้ ถุงนํ้าดี จู๋เชี่ยวยนิ เสยี ซี จ๋หู ลนิ ชี่ (GB 44) (GB 43) (GB 41) แม่ เส้นกระเพาะ จอื้ ยิน จทู๋ งกู่ ซกู่ ู่ ปัสสาวะ (BL 67) (BL 66) (BL 65) แม่ ลูก ข) ไฟตบั แกรง่ : มีอาการโกรธง่าย ปวดสีข้าง ตาแดง หูอ้ือ ขมปาก เลือดกําเดาไหล กระหายน้ํา นอนไม่หลับ ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม ท้องผูก ลิ้นแดงแห้ง ฝ้าเหลือง ชีพจรตึง (xian) เร็ว (shuo) เลือกได้ 3 แบบคือ - จุดลูกบนเส้นจิงล่ัวที่มีพยาธิสภาพ: เส้นตับ (ธาตุไม้) เลือก สิงเจียน (LR 2) (ธาตุไฟ) กระตุ้นแบบ ระบาย - จุดลูกบนเส้นจิงล่ัวคู่สัมพันธ์: เส้นถุงนํ้าดี (ธาตุไม้) เลือก หยางฝู่ (GB 38) (ธาตุไฟ) กระตุ้น แบบระบาย
28 บทท่ี 3 จุดฝังเขม็ และเส้นจิงลั่ว - จุดลูกบนเส้นจิงล่ัวลูก: เส้นเย่ือหุ้มหัวใจ (ธาตุไฟ) เลือก หลาวกง (PC 8) (ธาตุไฟ) กระตุ้น แบบระบาย 2. จดุ หยวน(原穴) เปน็ จุดบรเิ วณใกลข้ ้อมอื ขอ้ เทา้ ท่หี ยวนช่ีของอวยั วะจ้างฝู่ไหลเวียนมาสะสมในเส้นเจ้ิงจิง 12 เส้น เส้นละ 1 จุด เปน็ 12 จุด จดุ หยวนของเส้นยินเป็นจุดเดียวกับจุดซู สําหรับเส้นหยางเป็นจุดในลําดับ ถดั ไป คณุ สมบัติ รกั ษาความผดิ ปกติของอวยั วะจ้างฝู่ของเส้นจิงล่ัวน้ันๆ ยังเป็นจุดปฏิกิริยาที่ช่วย ในการวนิ จิ ฉัยโรคของอวยั วะจา้ งฝู่ (ตารางท่ี 3.4) การเลือกใช้จุดหยวน 1. ใชเ้ ปน็ จดุ เด่ียว มกั เปน็ การบํารุง 2. ใชค้ กู่ ับจดุ ล่ัว รกั ษาโรคเรอ้ื รงั 3. ใช้เปิดจุดในการฝังเข็มอิงกาลเวลาแบบเทียนกานจื๋ออู่หลิวจู้ (天干子午流注) ซ่ึงใช้จุดอู่ซู และจดุ หยวน รวม 66 จดุ 3. จุดลัว่ (络穴) เป็นจุดในเส้นจงิ 14 เส้น ซึ่งเส้นลั่วแยกออกไปเชื่อมกับเส้นจิงลั่วคู่สัมพันธ์ เส้นละ 1 จุด รวมกับจุดล่วั ใหญข่ องเสน้ ม้ามเป็น 15 จุด จุดลั่วของเสน้ เริ่นจะเชื่อมโยง-ควบคุมเส้นลั่วของเส้นยิน จดุ ลั่วของเสน้ ตจู ะเช่ือมโยง-ควบคุมเส้นลวั่ ของเส้นหยาง จุดลวั่ ใหญ่ของม้ามจะเชื่อมโยง-ควบคมุ เสน้ ลวั่ และหลอดเลอื ดทว่ั รา่ งกาย คุณสมบตั ิ รกั ษาความผดิ ปกติของอวยั วะจ้างฝ่แู ละเส้นจิงลว่ั คสู่ ัมพันธ์ (ตารางท่ี 3.4) การเลอื กใชจ้ ดุ ลั่ว 1. ใช้เป็นจดุ เด่ยี ว รกั ษาโรคของเสน้ ลัว่ เชน่ - เส้นหวั ใจแกร่ง มีอาการแนน่ หน้าอก ใช้ทงหล่ี (HT 5) กระตนุ้ แบบระบาย - เสน้ หัวใจพรอ่ ง มอี าการเสยี งแหบ ใช้ทงหลี่ (HT 5) กระต้นุ แบบบํารงุ 2. ใช้เป็นจุดเดี่ยว รักษาโรคของเส้นจิงล่ัวต้นสังกัดและคู่สัมพันธ์ เช่น เลฺย่เชฺวีย (LU 7) รักษาโรคของเสน้ ปอด มีอาการไอ หอบ; โรคของเส้นลําไส้ใหญ่ มีอาการปวดฟัน ปวดตึงต้นคอ เป็นต้น 3. ใช้คู่กับจุดหยวน รักษาโรคเรื้อรัง โดยเลือกจุดหยวนของเส้นจิงลั่วที่มีพยาธิสภาพ และจุดลว่ั ของเสน้ จงิ ลั่วค่สู มั พนั ธ์ เชน่ โรคปอดเรื้อรัง เลือกจุดหยวนของเส้นปอด คือ ท่ายเยฺวียน (LU 9) กับจุดลั่วของเส้นลาํ ไส้ใหญ่ คือ เพียนล่ี (LI 6) เป็นตน้
กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 29 ตารางท่ี 3.4 จุดหยวนและจดุ ลว่ั เส้นจงิ ล่วั จุดหยวน จุดลั่ว เลฺย่เชฺวีย (LU 7) ปอด ทา่ ยเยวฺ ยี น (LU 9) เพียนลี่ (LI 6) เฟิงหลง (ST 40) ลําไส้ใหญ่ เหอกู่ (LI 4) กงซุน (SP 4) ทงหล่ี (HT 5) กระเพาะอาหาร ชงหยาง (ST 42) จอื เจ้งิ (SI 7) เฟยหยาง (BL 58) มา้ ม ท่ายปา๋ ย (SP 3) ตา้ จง (KI 4) หวั ใจ เสินเหมิน (HT 7) เนย่ กฺวาน(PC 6) วา่ ยกวฺ าน(TE 5) ลาํ ไส้เล็ก วา่ นกู่ (SI 4) กวางหมิง (GB 37) หลีโกว (LR 5) กระเพาะปสั สาวะ จงิ กู่ (BL 64) จวิ เหวย่ (CV 15) ฉางเฉียง (GV 1) ไต ท่ายซี (KI 3) ตา้ ปาว (SP 21) เยอื่ ห้มุ หัวใจ ต้าหลิง (PC 7) ซานเจียว หยางฉือ (TE 4) ถุงนํ้าดี ชิวซฺวี (GB 40) ตบั ทา่ ยชง (LR 3) เริน่ - ตู - จุดล่วั ใหญ่ - 4. จุดเปย้ ซู(背俞) เป็นจุดที่ช่ีของอวัยวะจ้างฝู่ไหลเวียนมาสะสมอยู่บริเวณแผ่นหลัง เรียงรายบนเส้น กระเพาะปัสสาวะเส้นที่ 1 ซึ่งอย่ใู กล้กบั อวยั วะนัน้ ๆ มี 12 จดุ คุณสมบัติ รักษาความผิดปกติของอวัยวะจ้างฝู่ รวมทั้งเนื้อเยื่อ และอวัยวะรับสัมผัส ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ยงั เปน็ จุดปฏกิ รยิ าที่ชว่ ยในการวนิ ิจฉัยโรค การเลือกใช้จุดเปย้ ซู (ตารางท่ี 3.5) 1. ใช้เป็นจุดเดี่ยว เช่น โรคหัวใจ เลือกซินซู (BL 15); โรคตาหรือเส้นเอ็น เลือกกานซู (BL 18) เป็นตน้ 2. ใชค้ ่กู ับจดุ หยวน รักษาโรคของอวัยวะจา้ งเป็นหลัก
30 บทท่ี 3 จุดฝงั เข็มและเส้นจงิ ลั่ว 3. ใชค้ ูก่ บั จดุ มู่ รักษาโรคของอวัยวะจ้างฝู่ ตารางท่ี 3.5 จุดเปย้ ซแู ละจดุ มู่ของอวัยวะจ้างฝู่ เนอ้ื เยื่อ และทวารเปดิ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง อวยั วะจา้ งฝู่ เน้ือเย่ือ ทวารเปิด จุดเป้ยซู จดุ มู่ ปอด เส้นขน ผวิ หนัง จมกู เฟ่ยซู (BL 13) จงฝู่ (LU 1) เยอื่ หุ้มหวั ใจ หลอดเลอื ด ล้ิน เจวฺ ยี๋ ยินซู (BL 14) ถานจง (CV 17) หัวใจ หลอดเลือด ตา ซนิ ซู (BL 15) จฺว้ีเชฺวี่ย (CV 14) ตบั เอ็น ปาก กานซู (BL 18) ชีเหมิน (LR 14) ถงุ น้ําดี ต่านซู (BL 19) รือ่ เยฺวี่ย (GB 24) มา้ ม กล้ามเนอื้ หู ผซี ู (BL 20) จางเหมนิ (LR 13) กระเพาะอาหาร เวย่ ซู (BL 21) จงหว่าน (CV 12) ซานเจียว เสน้ ผม กระดกู ซานเจียวซู (BL 22) สอื เหมนิ (CV 5) ไต เซิ่นซู (BL 23) จิงเหมนิ (GB 25) ลําไส้ใหญ่ ตา้ ฉางซู (BL 25) เทยี นซู (ST 25) ลาํ ไส้เล็ก เสี่ยวฉางซู (BL 27) กฺวานหยวน (CV 4) กระเพาะปสั สาวะ ผางกวางซู (BL 28) จงจ๋ี (CV 3) 5. จุดมู่(募穴) เป็นจุดที่ชี่ของอวัยวะจ้างฝู่ไหลเวียนมาสะสมอยู่บริเวณหน้าอกและหน้าท้องซึ่งอยู่ใกล้กับ อวยั วะนน้ั ๆ มี 12 จดุ คณุ สมบตั ิ รักษาความผิดปกติของอวยั วะจ้างฝู่ ยงั เปน็ จดุ ปฏกิ ริยาท่ชี ว่ ยในการวนิ จิ ฉัยโรค การเลอื กใชจ้ ุดมู่ 1. ใช้เป็นจุดเดี่ยว เช่น โรคของกระเพาะอาหาร มีอาการปวดแน่นลิ้นปี่ เลือกจงหว่าน (CV 12) เปน็ ตน้ 2. ใช้คู่กับจุดเป้ยซู รักษาโรคของอวัยวะจ้างฝู่ เช่น โรคของลําไส้ใหญ่ มีอาการปวดท้อง ทอ้ งร่วง เลือกเทยี นซู (ST 25) ร่วมกบั ต้าฉางซู (BL 25) เป็นตน้ 3. ใช้คู่กับจุดเซ่ียเหอ รักษาโรคของอวัยวะฝู่เป็นหลัก เช่น โรคของถุงน้ําดี มีอาการปวดสีข้าง และชายโครง อาเจียน เลือกจุดมู่ คือ รื่อเยฺวี่ย (GB 24) คู่กับจุดเซี่ยเหอ คือ หยางหลิงเฉฺวียน (GB 34) เปน็ ตน้
กรมพฒั นาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 31 6. จดุ เซย่ี เหอ(下合穴) เป็นจุดบนเส้นหยางเท้า 3 เส้นที่รวมชี่ของเส้นหยางทั้ง 6 เส้น ไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะฝู่ สําหรับ จุดเซี่ยเหอของเส้นหยางเท้า 3 เส้น เป็นจุดเดียวกับจุดเหอในจุดอู่ซู ส่วนจุดเซี่ยเหอของเส้นหยางมือ 3 เส้น เปน็ คนละจดุ กบั จุดเหอ ได้แก่ ซา่ งจฺวซ้ี วฺ ี (ST 37) เซี่ยจวฺ ซ้ี ฺวี (ST 39) และเหว่ยหยาง (BL 39) คุณสมบตั ิ รักษาโรคของอวยั วะฝู่ การเลือกใชจ้ ดุ เซ่ยี เหอ 1. ใช้เป็นจดุ เด่ยี ว (ตารางที่ 3.6) 2. ใชค้ ่กู บั จุดมู่ รักษาโรคของอวยั วะฝ่เู ป็นหลกั (ตารางท่ี 3.5) ตารางท่ี 3.6 จุดเซยี่ เหอและสรรพคุณในการรกั ษา เสน้ จงิ ลวั่ อวยั วะฝู่ จุดเซ่ยี เหอ รกั ษาโรค/อาการ กระเพาะอาหาร จซู๋ านหล่ี (ST 36) ปวดกระเพาะอาหาร ลาํ ไส้ใหญ่ ซา่ งจวฺ ้ซี ฺวี (ST 37) ไสต้ ่งิ อกั เสบ บดิ ลาํ ไสเ้ ลก็ เซี่ยจฺวี้ซฺวี (ST 39) อุจจาระร่วง ท้องร้อง บิด กระเพาะปสั สาวะ เหวย่ จง (BL 40) ปสั สาวะหยด ปสั สาวะไม่ออก ปสั สาวะรดทีน่ อน ซานเจียว เหวย่ หยาง (BL 39) กลัน้ ปัสสาวะไม่ได้ ถงุ นา้ํ ดี ท้องมาน ปสั สาวะหยด ปสั สาวะไม่ออก ปัสสาวะรดทน่ี อน กลนั้ ปัสสาวะไมไ่ ด้ หยางหลงิ เฉวฺ ยี น (GB 34) ปวดเกรง็ ท่อน้ําดี อาเจยี น 7. จดุ ซ่ี(郄穴) เป็นจุดทชี่ ไี่ หลเวยี นอยู่ลกึ เข้าไปขา้ งในแขนขาบนเส้นเจ้ิงจงิ 12 เสน้ และเส้นฉีจิง 4 เส้น ได้แก่ ยินเชียว หยางเชียว ยินเหวย และหยางเหวย เส้นละ 1 จุด รวมเป็น 16 จุด ทําหน้าท่ีควบคุม การไหลเวียนชี่และเลือดบนเส้นจิงลั่ว ยังเป็นจุดปฏิกริยาที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคเฉียบพลัน ของอวัยวะจ้างฝูน่ น้ั ๆ (ตารางที่ 3.7) คุณสมบัติ รักษาโรคเฉยี บพลนั ของอวยั วะจา้ งฝูแ่ ละบริเวณท่ีเส้นจงิ ลั่วไหลเวียนผ่าน - จดุ ซ่ขี องเส้นยิน มกั ใช้รักษาอาการเลือดออกผดิ ปกติ - จดุ ซขี่ องเสน้ หยาง มกั ใช้รักษาอาการปวด การเลอื กใชจ้ ดุ ซี่ 1. ใช้เป็นจุดเดยี่ ว (ตารางท่ี 3.7) 2. ใช้ค่กู ับจุดปาฮุ่ย รักษาโรคเฉียบพลัน (ตารางที่ 3.8)
32 บทที่ 3 จดุ ฝังเขม็ และเสน้ จิงลวั่ ตารางที่ 3.7 จุดซ่ีและสรรพคณุ ในการรกั ษา เส้นจงิ ลวั่ จุดซ่ี รกั ษาโรค/อาการ ปอด ขง่ จุ้ย (LU 6) รดิ สดี วงทวาร (เลือดออก) ไอเปน็ เลอื ด หอบ ลาํ ไส้ใหญ่ เวนิ ลิว (LI 7) ปวดฟัน ปวดรดิ สีดวงทวาร ปวดศรี ษะ ปวดคางทมู กระเพาะอาหาร เหลยี งชิว (ST 34) ปวดลนิ้ ป่ี ปวดบวมเขา่ ปวดเตา้ นม ม้าม ต้จี ี (SP 8) อุจจาระร่วงเฉยี บพลัน รอบเดือนผดิ ปกติ ปวดประจําเดอื น หวั ใจ ยินซ่ี (HT 6) เจบ็ หน้าอก อาเจียนเป็นเลือด เลอื ดกําเดาไหล ลาํ ไสเ้ ล็ก หยางหลา่ ว (SI 6) ปวดไหล่ ขอ้ ศอก หลงั และเอว กระเพาะปสั สาวะ จินเหมิน (BL 63) ตะคริวทีน่ อ่ ง ปวดศีรษะ ปวดหลงั สว่ นล่าง ปวดตาตุ่มนอก ปวดขา ชักในเด็ก คลมุ้ คลง่ั ไต สุย่ เฉฺวียน (KI 5) ปวดประจําเดอื น ปสั สาวะขัด รอบเดือนผดิ ปกติ เยอื่ ห้มุ หัวใจ ซีเ่ หมนิ (PC 4) เจ็บหน้าอก อาเจยี นเป็นเลอื ด ไอเปน็ เลอื ด ซานเจียว ฮยุ่ จง (TE 7) ปวดแขน ถงุ นาํ้ ดี ว่ายชิว (GB 36) ปวดท้ายทอย เจบ็ หน้าอก ปวดสขี ้าง ตับ จงตู (LR 6) เลือดออกช่องคลอด ปวดสขี ้าง ปวดทอ้ งนอ้ ยด้านขา้ ง ยินเชยี ว เจยี วซิน่ (KI 8) ปวดอณั ฑะ รอบเดือนผดิ ปกติ เลอื ดออกชอ่ งคลอด หยางเชยี ว ฟูหยาง (BL 59) อุจจาระรว่ งเฉียบพลัน ปวดศรี ษะ ปวดเอวรา้ วลงขา ปวดหลงั สว่ นลา่ ง ปวดขา ปวดตาตมุ่ นอก ยนิ เหวย จู้ปนิ (KI 9) ปวดขาดา้ นใน โรคลมชัก คลมุ้ คลงั่ หยางเหวย หยางเจียว (GB 35) เจบ็ หนา้ อก ปวดสขี ้าง ชาขา 8. จดุ ปาฮุ่ย (八会穴); จุดอิทธิพล 8 กเ็ รียก เป็นจุดศูนย์รวมชี่ของอวัยวะหรือเน้ือเยื่อ 8 อย่าง ได้แก่ อวัยวะจ้าง อวัยวะฝู่ ช่ี เลือด หลอดเลือด ไขกระดกู กระดกู และเสน้ เอ็น คุณสมบตั ิ รักษาโรคที่เกย่ี วข้องกบั อวัยวะหรือเน้ือเยอ่ื ที่สัมพันธก์ บั จดุ น้นั ๆ (ตารางที่ 3.8)
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 33 การเลอื กใชจ้ ดุ ปาฮุ่ย 1. ใชเ้ ป็นจดุ เด่ียว รักษาโรคเรื้อรงั เช่น ช่พี ร่อง ช่ตี ก ช่ีติดขัด เลือดคั่ง เลือกถานจง (CV 17) ซงึ่ เปน็ จุดอิทธพิ ลของช่ี เปน็ ตน้ 2. ใช้คู่กับจุดซี่ รักษาโรคเฉียบพลัน เช่น ไอเป็นเลือด เลือกข่งจุ้ย (LU 6) คู่กับถานจง (CV 17) เป็นตน้ ตารางท่ี 3.8 จุดปาฮยุ่ และสรรพคุณในการรักษา อวัยวะ/เนอ้ื เย่อื จุดปาฮยุ่ รกั ษาโรค/อาการ อวยั วะจา้ ง จางเหมนิ (LR 13) ตบั โต ม้ามโต อวัยวะฝู่ จงหว่าน (CV 12) ปวดกระเพาะอาหาร แนน่ ท้อง ชี่ ถานจง (CV 17) แนน่ หน้าอก อ่อนเพลีย หอบหืด สะอึก เซอื่ งซมึ สาํ รอกอาหารเรอ เลอื ด เกอ๋ ซู (BL 17) ซดี เลือดคงั่ เลอื ดออกงา่ ย อาเจยี นเป็นเลอื ด ถ่ายเปน็ เลอื ด ไอเปน็ เลอื ด เลือดกาํ เดาไหล หลอดเลอื ด ทา่ ยเยวฺ ยี น (LU 9) รอบเดอื นผดิ ปกติ รดิ สดี วงทวาร (เลอื ดออก) ไขกระดกู เสฺวยี นจง (GB 39) หลอดเลือดอักเสบ หลอดเลอื ดตบี หลอดเลือดแขง็ ความดนั โลหติ สูง ความดนั โลหติ ต่ํา ซีด โรคหลอดเลอื ดสมอง ขาออ่ นแรง กระดูก ตา้ จู้ (BL 11) ปวดกระดกู ปวดขอ้ เส้นเอ็น หยางหลิงเฉวฺ ยี น (GB 34) ข้อตดิ เอน็ อกั เสบ เส้นเอน็ หดรัง้ จากอมั พาต เอน็ หดเกร็ง เอน็ กระตกุ 9. จุดปามา่ ยเจยี วฮยุ่ (八脉交会穴) เปน็ จดุ อยู่ใกลข้ ้อมือข้อเท้าบนเส้นเจง้ิ จิงที่เช่ือมโยงกบั เส้นฉจี ิง 8 เส้น คุณสมบตั ิ ควบคุมสมดุลของช่ีและเลอื ดในเสน้ จงิ ล่วั การเลือกใช้จุดปาม่ายเจียวฮยุ่ 1. ใช้เป็นจุดเด่ียว รักษาโรคของเส้นฉีจิงและเส้นเจ้ิงจิง เช่น โรคของเส้นตู ใช้โฮ่วซี (SI 3) ซ่ึงเช่ือมกบั เส้นตู เป็นตน้ 2. ใช้เป็นจุดคู่ มี 4 คู่ รักษาครอบคลุมพน้ื ท่ีส่วนต่างๆ ของร่างกาย (ตารางท่ี 3.9) 3. ใชเ้ ปดิ จดุ ในการฝังเข็มองิ กาลเวลาแบบหลงิ กุยปาฝ่า(灵龟八法)
34 บทท่ี 3 จุดฝังเขม็ และเสน้ จิงล่ัว ตารางที่ 3.9 จุดปาม่ายเจยี วฮุย่ เส้นฉีจิงที่เชือ่ มต่อ และสรรพคณุ ในการรกั ษาของจุดคู่ จดุ ปาม่ายเจียวฮยุ่ เสน้ ฉีจิงท่ีเชอ่ื ม การรกั ษาครอบคลมุ บริเวณ เน่ยกวฺ าน(PC 6) ยินเหวย ทรวงอก หัวใจ กระเพาะอาหาร กงซุน (SP 4) ชง ทรวงอก ปอด กระบงั ลม คอหอย หลอดลม เลฺย่เชฺวีย (LU 7) เรน่ิ จา้ วห่าย (KI 6) ยนิ เชียว โฮว่ ซี (SI 3) ตู หวั ตา หู ทา้ ยทอย ต้นคอ ไหล่ หลัง เซินมา่ ย (BL 62) หยางเชียว วา่ ยกฺวาน (TE 5) หยางเหวย หางตา แก้ม หลงั หู ลําคอดา้ นขา้ ง ไหล่ จูห๋ ลินซี่ (GB 41) ต้าย 10. จุดเจียวฮุย่ (交会穴) เป็นจุดฝงั เขม็ ในเส้นจิง 14 เส้น ซ่ึงมีเส้นจิงลั่วตั้งแต่ 2 เส้นขึ้นไปเช่ือมตัดกัน ทําให้สามารถ รักษาโรคของเส้นจิงลั่วทุกเส้นที่เช่ือมตัดกัน มีประมาณ 100 จุด ส่วนใหญ่อยู่บนลําตัว (ตารางท่ี 3.10 และ 3.11) คุณสมบัติ รักษาโรคแตกต่างกัน ขึ้นกับตําแหน่งและเส้นจิงล่ัวที่เช่ือมตัดกัน เช่น ซานยินเจียว (SP 6) เป็นจุดเช่ือมตัดของเส้นยินเท้า 3 เส้น ใช้รักษาโรคของเส้นม้าม ตับ และไต โดยเป็นจุด พ้นื ฐานซงึ่ ใช้รว่ มกับเส้นจิงล่ัวท่ีมีพยาธิสภาพ; ต้าจุย (GV 14) เป็นจุดเชื่อมตัดของเส้นหยางทุกเส้น ใช้รักษาโรคของเส้นตูและเส้นหยางทุกเส้น โดยใช้ร่วมกับจุดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเส้นจิงลั่ว ที่มีพยาธสิ ภาพ ตารางท่ี 3.10 จุดเจียวฮ่ยุ (X) บนเสน้ หยาง เส้นจงิ ลั่ว ตู หมายเหตุ จุด กระเพาะปัสสาวะ ลําไ ้สเ ็ลก ุถง ้ํนาดี ซานเ ีจยว กระเพาะอาหาร ํลาไส้ใหญ่ หยางเหวย หยางเชียว ต้าย เสินถงิ (GV 24) XX สยุ่ โกว (GV 26) XX ปา่ ยฮุย่ (GV 20) XXXX
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 35 ตารางท่ี 3.10 จุดเจยี วฮุ่ย (X) บนเสน้ หยาง (ต่อ) หมายเหตุ เสน้ จงิ ล่ัว ตู เชอ่ื มตัดกบั เส้นยนิ เชียว จุด กระเพาะปัสสาวะ จดุ ซขี่ องเส้นหยางเชียว จุดเริ่มตน้ ของเสน้ หยางเชยี ว ลําไส้เล็ก ุถง ้ํนาดี จุดที่ชขี่ องเส้นซานเจียวกระจายออก ซานเ ีจยว กระเพาะอาหาร ลําไส้ใหญ่ หยางเหวย หยางเชียว ต้าย หน่าวฮู่ (GV 17) X เฟงิ ฝู่ (GV 16) X หย่าเหมิน (GV 15) X ตา้ จุย (GV 14) XXXXXX ถาวต้าว (GV 13) X จิงหมิง (BL 1) X XX X ตา้ จู้ (BL 11) X เฟงิ เหมนิ (BL 12) X ฟเู่ ฟิน (BL 41) X ฟู่หยาง (BL 59) X เซินม่าย (BL 62) X ผูชาน (BL 61) X จนิ เหมนิ (BL 63) X น่าวซู (SI 10) X XX ป่งิ เฟิง (SI 12) XXXX เฉฺวียนเหลยี ว (SI 18) X ทิงกง (SI 19) XX ถงจอื เหลียว (GB 1) XX ทิงฮุ่ย (GB 2) X ซ่างกฺวาน (GB 3) XX ฮ่านเยยี่ น (GB 4) XX เสวฺ ียนหลี (GB 6) XX ชฺวีปิ้น (GB 7) X ซ่วยกู่ (GB 8) X
36 บทท่ี 3 จุดฝังเข็มและเส้นจิงล่วั ตารางท่ี 3.10 จดุ เจยี วฮุ่ย (X) บนเสน้ หยาง (ต่อ) เส้นจงิ ล่วั ตู กระเพาะปัสสาวะ จุด ลําไส้เล็ก ฝูป๋าย (GB 10) ุถง ้ํนาดี โถวเช่ยี วยิน (GB 11) ซานเ ีจยว หวานกู่ (GB 12) กระเพาะอาหาร เปนิ่ เสิน (GB 13) ลําไส้ใหญ่ หยางป๋าย (GB 14) หยางเหวย โถวหลินช่ี (GB 15) หยางเชียว มู่ชวง (GB 16) ต้าย เจิง้ หยิง (GB 17) หมายเหตุ เฉิงหลงิ (GB 18) หน่าวคง (GB 19) X เฟงิ ฉอื (GB 20) X เจยี นจงิ่ (GB 21) X ร่ือเยวฺ ่ยี (GB 24) ตา้ ยม่าย (GB 26) X อูซ่ ู (GB 27) X เหวยต้าว (GB 28) XX จฺวเี หลียว (GB 29) X หฺวานเท่ยี ว (GB 30) X หยางเจียว (GB 35) X เทียนเหลียว (TE 15) X อเ้ี ฟิง (TE 17) X เจ่ียวซุน (TE 20) XX X เออ่ รเ์ หอเหลียว (TE 22) X เชื่อมตดั กับเส้นม้าม ซือจู๋คง (TE 23) X X X X X X จุดซีข่ องเส้นหยางเหวย X X XX XX X จดุ ท่ชี ีข่ องเสน้ ถุงนา้ํ ดีกระจายออก
กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 37 ตารางที่ 3.10 จดุ เจยี วฮุ่ย (X) บนเสน้ หยาง (ตอ่ ) เสน้ จงิ ล่ัว ตู หมายเหตุ จดุ กระเพาะปัสสาวะ เชื่อมตัดกับเส้นเรน่ิ ลําไส้เล็ก ุถง ้ํนาดี จดุ เรม่ิ ตน้ ของเสน้ ชง ซานเ ีจยว กระเพาะอาหาร ลําไส้ใหญ่ หยางเหวย หยางเชียว ต้าย เฉงิ ช่ี (ST 1) X จวฺ เ้ี หลียว (ST 3) X ต้ีชาง (ST 4) XX เซยี่ กฺวาน (ST 7) X โถวเหวย (ST 8) XX เหรินหยิง (ST 9) X ชีช่ ง (ST 30) เจยี นหยฺวี (LI 15) X จฺว้ีกู่ (LI 16) X หยงิ เซยี ง (LI 20) X ตารางที่ 3.11 จุดเจยี วฮุ่ย (X) บนเสน้ ยนิ เสน้ จิงลวั่ เ ่ิรน หมายเหตุ จดุ ม้าม ปอด ตับ เย่ือหุ้มหัวใจ ไต หัวใจ ยินเหวย ยินเชียว ชง เฉิงเจยี ง (CV 24) เชอ่ื มตดั กับเส้นกระเพาะอาหาร เหลียนเฉฺวยี น (CV 23) X เทียนทู (CV 22) X ซา่ งหวา่ น (CV 13) X เชอ่ื มตดั กับเสน้ ลาํ ไสเ้ ลก็ และ X เส้นกระเพาะอาหาร จงหว่าน (CV 12) เช่อื มตดั กับเสน้ ลาํ ไสเ้ ลก็ XXX กระเพาะอาหาร และซานเจยี ว เซี่ยหว่าน (CV 10) ยนิ เจียว (CV 7) X กฺวานหยวน (CV 4)
38 บทที่ 3 จดุ ฝังเขม็ และเสน้ จงิ ลวั่ ตารางที่ 3.11 จุดเจยี วฮุ่ย (X) บนเส้นยนิ (ตอ่ ) หมายเหตุ เส้นจงิ ล่วั เ ่ิรน X เชอ่ื มตัดกบั เส้นตู จุด ม้าม ปอด X จงจี๋ (CV 3) ตับ X ชฺวกี ู่ (CV 2) เย่ือหุ้มหัวใจX ฮ่ยุ ยิน (CV 1) ไต ชงเหมิน (SP 12) หัวใจ เชื่อมตัดกบั เสน้ ถุงนํ้าดี ฝู่เซ่อ (SP 13) ยินเหวย ตา้ เหงิ (SP 15) ยินเชียวX ฟู่อาย (SP 16) ชง จงฝู่ (LU 1) เชอื่ มตัดกับเส้นถงุ น้าํ ดี จางเหมนิ (LR 13) XXX ซเี หมนิ (LR 14) X X เทยี นฉอื (PC 1) X X เหิงกู่ (KI 11) X X ต้าเฮ่อ (KI 12) X ชเี่ สฺวีย (KI 13) X X ซอ่ื หม่าน (KI 14) X X จงจู้ (KI 15) X ฮวฺ างซู (KI 16) XX X ซางชฺวี (KI 17) X สือกฺวาน (KI 18) X ยนิ ตู (KI 19) X ฟทู่ งกู่ (KI 20) X จุดเรม่ิ ตน้ ของเส้นยินเชยี ว ยวิ เหมนิ (KI 21) X จุดซข่ี องเส้นยนิ เชียว จา้ วหา่ ย (KI 6) X เจียวซ่ิน (KI 8) จู้ปนิ (KI 9) ซานยนิ เจยี ว (SP 6)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264