ท่สี ดุ อุทยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย ส�ำนักอุทยานแห่งชาติ hกtรtpม:/อ/ุทwwยwา.นdnแpห.g่งoช.tาhติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ที่สุดอทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
·ÕèÊØ´ Ăčì÷ćîĒĀŠÜßćêĉĔîðøąđìýĕì÷ ÿĞćîĆÖĂčì÷ćîĒĀŠÜßćêĉ ÖøöĂčì÷ćîĒĀŠÜßćêĉźÿĆêüŤðśćźĒúąóĆîíŤčóČß
คำ� นำ� ป ระเทศไทยเปน็ ดนิ แดนทม่ี คี วามอดุ มสมบรู ณต์ ามธรรมชาตมิ ากทส่ี ดุ แหง่ หนง่ึ ของโลก อกี ทงั้ เปน็ อาณา บรเิ วณทม่ี เี ขตการกระจายพนั ธข์ุ องพชื และสตั วจ์ ากหลายเขตมาบรรจบกนั ไมว่ า่ จะเปน็ สงั คมสง่ิ มชี วี ติ จาก ตอนใต้ของเขตหิมาลายัน เขตจีนตอนใต้และเขตมาเลเซีย จึงก่อให้เกิดความหลากหลายของพืชพรรณ และสัตว์ป่า กอปรกับในแต่ละภาคของประเทศไทยล้วนมีความสวยงามของแหล่งต้นน้�ำล�ำธาร ดอยสูง ภผู า เถอ่ื นถำ้� ป่าไม้ ชายฝั่งทะเลและหมู่เกาะอนั สวยงามแตกต่างกันไป ซ่ึงสง่ิ เหล่านเี้ ปรยี บได้ดังต้นทุนที่ ธรรมชาติสร้างสรรค์มาให้ประเทศไทย สมควรที่จะได้รับการสงวนและอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานของเราได้ใช้ ประโยชน์อย่างยงั่ ยนื แ หล่งธรรมชาติส�ำคัญท่ีกระจายกันอยู่ในภาคต่างๆ นน้ั ได้รับการปกป้องคุ้มครองไว้ในรูปแบบของ อุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีจุดประสงค์เพ่ือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ทาง ธรรมชาตแิ ละการทอ่ งเทย่ี วพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ อนั จะนำ� มาซงึ่ ความเขา้ ใจตอ่ ระบบนเิ วศธรรมชาติ และนำ� มา ซ่ึงความรัก ความหวงแหนได้ในทสี่ ดุ ปัจจบุ ันประเทศไทยมอี ทุ ยานแห่งชาติ จำ� นวน 148 แห่ง แต่ละแห่ง ล้วนมีความงามและความพิเศษแตกต่างกนั ไป อกี ทงั้ ในอทุ ยานแห่งชาติแต่ละแห่งได้จัดให้มีกิจกรรมเพื่อ ตอบสนองความต้องการอนั หลากหลายของนกั ท่องเทีย่ ว เพ่ือใช้เป็นสือ่ ชักนำ� ให้เกิดการเรียนรู้ และสร้าง ความเข้าใจในการรักษาทรพั ยากรและความงามตามธรรมชาตใิ ห้คงอยู่ตลอดไป ก รมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ได้คัดเลือกอุทยานแห่งชาติในประเทศไทยซึ่งมีความเป็น ท่ีสุดในด้านต่างๆ จ�ำนวน 35 แห่ง เพ่ือจัดท�ำเป็นหนงั สือที่สุดอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย ท่ีแสดงถึง ความงามอันเป็นเอกลักษณ์และแหล่งทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของประเทศ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ แก่ส่วนราชการ องค์กรเอกชน และประชาชนได้ศกึ ษาเรยี นรู้ ซ่งึ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทางกรม อทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื จงึ ไดจ้ ดั พมิ พห์ นงั สอื ทสี่ ดุ อทุ ยานแหง่ ชาตใิ นประเทศไทย ครง้ั ที่ 4 ขน้ึ และหวังเป็นอย่างย่ิงว่า อุทยานแห่งชาติท้ัง 35 แห่งท่ีน�ำเสนอนี้ จะสามารถจุดประกายความสนใจใน ธรรมชาติ และเปน็ ประตสู กู่ ารออกไปสมั ผสั ธรรมชาตอิ ยา่ งมคี ณุ คา่ ในอทุ ยานแหง่ ชาตขิ องประเทศไทยตอ่ ไป นายสนุ นั ต์ อรณุ นพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพนั ธ์พุ ืช
ท่ีสุดอุทยานแหง่ ชาตใิ นประเทศไทย พิมพ์ครัง้ ที่ 4 : พ.ศ. 2553 จำ� นวน 5,000 เลม่ ท่ปี รกึ ษา : สนุ นั ต์ อรณุ นพรตั น์ อำ� นวยการ : รชั ฎา สรุ ิยกุล ณ อยธุ ยา บรรณาธิการ : รตั นา ลักขณาวรกุล กองบรรณาธิการ : วสา สุทธิพบิ ูลย์ วนบุษป์ อรรถวทิ ย์ นภิ าพร ไพศาล ธนากร หงสพ์ นั ธ์ ทีป่ รึกษาวชิ าการ : สวัสดิ์ วงศ์ถิรวฒั น์ สรุ ชยั ชลด�ำรงคก์ ลุ ทนงศกั ดิ์ จงอนุรกั ษ์ สุวรรณ พทิ กั ษ์สินธร เ นื้อหา ภาพประกอบ รปู เล่ม : บรษิ ทั เนเจอร์ ทรี จ�ำกัด 3476/5 ซอยลาดพร้าว 138 ถนนลาดพร้าว แขวงคลองจนั่ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 โทร. 0-2734-0654, 0-2377-5372 ผถู้ ่ายภาพ : ดวงดาว สุวรรณรังษ ี สรุ จติ จามรมาน นพดล กันบัว อภินนั ท์ บวั หภกั ด ี มนตรี ศรีโอภาศ นัท สมุ นเตมยี ์ ชนะศักด์ิ ชุมนมุ วรรณ หัสชยั บุญเนือง จามกิ ร สุขทรามร ประสงค์ ไกรศักดาวฒั น์ ธเนศ งามสม วิชยั ปชู นยี างกูร กมั พล สุขุมาลนิ ท ์ สุวิมล ศรีสันติสขุ ธรี ะพงษ์ พลรกั ษ์ บริษัท โฟโต้สแควร์ จ�ำกดั บรษิ ทั เนเจอร์ ทรี จำ� กดั นติ ยสารเนเจอร์ เอก็ ซ์พลอเรอร์ พิมพ์ท ี่ : บริษทั รุง่ ศลิ ปก์ ารพมิ พ์ (1977) จ�ำกัด โทรศัพท์ 0-2743-9000 เลขมาตรฐานสากลประจำ� หนังสอื ISBN 978-974-286-844-4 จัดท�ำโดย : ส่วนส่อื ความหมาย สำ� นักอทุ ยานแห่งชาติ กรมอุทยานแหง่ ชาติ สตั ว์ป่า และพันธุ์พชื 61 ถนนพหลโยธิน จตุจกั ร กรงุ เทพฯ 10900 http://www.dnp.go.th ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของหอสมดุ แห่งชาติ กรมอทุ ยานแห่งชาติ สัตว์ปา่ และพันธพ์ุ ชื ทส่ี ุดอทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย. -- กรุงเทพฯ : กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ ่า และพันธพุ์ ืช, 2553. 152 หนา้ . 1. อุทยานแหง่ ชาติ -- ไทย I. ช่อื เรื่อง. 333.7/2 ISBN 978-974-286-844-4
สารบญั 3 9 ค�ำนำ� 13 “ป่าเมฆสูงสุดแดนสยาม” อทุ ยานแหง่ ชาตดิ อยอนิ ทนนท ์ 17 “อลังการทะเลหมอก” อทุ ยานแห่งชาติห้วยนำ้� ดงั 21 “สดุ ยอดน้�ำตกแห่งเมืองสามหมอก” อทุ ยานแหง่ ชาตนิ ้ำ� ตกแมส่ ุรินทร์ 25 “ผจญภัยสดุ ข้วั ล่องแก่งนำ�้ ว้า” อทุ ยานแห่งชาติแม่จรมิ 29 “มหัศจรรยช์ มพูภูคาและปา่ ปาล์มยักษ์” อทุ ยานแหง่ ชาติดอยภูคา 33 “สวนสนบนภูหนาว” อุทยานแหง่ ชาติน้�ำหนาว 37 “ท่งุ สะวนั นาแห่งผนื ป่าไทย” อทุ ยานแหง่ ชาตทิ ุ่งแสลงหลวง 41 “อนสุ รณส์ ถานบนลานดอกไม”้ อทุ ยานแหง่ ชาตภิ ูหนิ ร่องกล้า 45 “ทะเลดอกไมใ้ นป่าสน” อุทยานแหง่ ชาตภิ ูสอยดาว 49 “โมโกจู สดุ ยอดขุนเขาตะวนั ตก” อุทยานแหง่ ชาตแิ ม่วงก์ 53 “ดอยสงู เสียดฟา้ แหล่งค้นหาสายพันธุพ์ ิเศษ” อทุ ยานแห่งชาตดิ อยฟา้ หม่ ปก 57 “มนตเ์ สนห่ ์แห่งสายธาร” อุทยานแหง่ ชาตเิ อราวัณ 61 “ธารมรกตแห่งปา่ ตะวนั ตก” อุทยานแหง่ ชาตเิ ขื่อนศรีนครินทร์ 65 “ผจญภัยในเถอื่ นถ�้ำ พิสจู น์เสาหนิ สงู ทส่ี ุดในโลก” อุทยานแห่งชาตลิ ำ� คลองงู 69 “เกาะสวรรค์ทะเลตะวนั ออก” อทุ ยานแหง่ ชาติหมู่เกาะชา้ ง 73 “มหัศจรรยป์ ่าใหญแ่ ห่งเทอื กเขาตะนาวศรี” อทุ ยานแห่งชาตแิ กง่ กระจาน 77 “ปฐมบทแหง่ การอนรุ กั ษพ์ งไพรและสตั วป์ ่า” อทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ ่ 81 “ทงุ่ กระเจยี วบานกลางลานหิน” อทุ ยานแหง่ ชาตปิ า่ หินงาม 85 “สวนสวรรคป์ า่ สนบนยอดภ”ู อุทยานแห่งชาตภิ กู ระดึง 89 “ภาพบนั ทึกพันปีท่รี มิ โขง” อทุ ยานแห่งชาตผิ าแตม้ 93 “ประตมิ ากรรมหมหู่ ินถิ่นอีสาน” อทุ ยานแห่งชาติภูผาเทิบ 97 “ดอกไม้บานบนพลาญหนิ ” อุทยานแห่งชาตภิ ูจองนายอย 101 “โถงถ้ำ� แห่งเทอื กเขารมิ อา่ วไทย” อทุ ยานแห่งชาตเิ ขาสามร้อยยอด 105 “มหศั จรรย์ดอกบัวผดุ งามพิสทุ ธเ์ิ ทือกหินปนู ” อทุ ยานแห่งชาตเิ ขาสก 109 “ทะเลใน หน่ึงเดียวในอ่าวไทย” อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอา่ งทอง 113 “ป่าเฟนิ ดกึ ด�ำบรรพ์ มหัศจรรยแ์ หลง่ กล้วยไม”้ อุทยานแหง่ ชาติเขาหลวง 117 “ท่ีสุดแหง่ ป่าปะการงั และวถิ ีชาวเล” อุทยานแห่งชาติหมเู่ กาะสรุ นิ ทร์ 121 “ท่องเขาตาปู ดปู ่าชายเลน” อุทยานแห่งชาติอา่ วพงั งา 125 “มรกตแหง่ อนั ดามัน อศั จรรย์ใต้ทะเล” อทุ ยานแห่งชาตหิ มเู่ กาะสมิ ลิ ัน 129 “เกาะสวรรค ์ แหล่งโบราณหอยล้านปี” อทุ ยานแห่งชาตหิ าดนพรัตนธ์ ารา-หมเู่ กาะพีพ ี 133 “ภาพเขยี นโบราณ ลำ� ธารมรกต” อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณ ี 137 “อาณาจักรพะยูนฝูงสุดทา้ ย” อุทยานแหง่ ชาติหาดเจา้ ไหม 141 “ตำ� นานหมูเ่ กาะทะเลใต”้ อุทยานแห่งชาติตะรเุ ตา 145 “อาณาจกั รใบไม้สีทอง” อทุ ยานแห่งชาติบโู ด-สุไหงปาดี 148 “สดุ ยอดโลกสคี รามแห่งทอ้ งทะเลอา่ วไทย” อทุ ยานแห่งชาตหิ มเู่ กาะชมุ พร 151 ดชั นี แผนที ่
สญั ลักษณ์ แหล่งชมพรรณไม้ ทางจักรยาน แหล่งดสู ตั วป์ ่า เรอื นำ� เทยี่ ว ศูนย์บริการนักท่องเท่ยี ว/ ขอ้ มูล แหล่งดูนก บรเิ วณสำ� หรบั พายเรือ ที่พักแรม / บ้านพกั แหลง่ ดูผีเสื้อ บรเิ วณสำ� หรบั ล่องแกง่ สถานท่กี างเต็นท์ จดุ ชมทวิ ทัศน์ บรเิ วณสำ� หรบั ดูปะการังน้�ำตน้ื บริการอาหาร เทสา้นงทเดานิ งสศ่ือึกษควาาธมรรหมมชาายต/ิ บรเิ วณสำ� หรับด�ำนำ้� ลึก ถ้ำ� เส้นทางเดนิ ป่า บริเวณสำ� หรับวา่ ยน�้ำ น้�ำตก นำ้� พุรอ้ น / บ่อนำ�้ รอ้ น
8
ป่สงู สดุ แดนสายเมาฆม อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ไม่เพียงแต่จะยิ่งใหญ่ทั้งในแง่ของความเป็นขุนเขาที่มียอดสูงเป็นอันดับหน่ึงของประเทศ แต่ดอยอินทนนท์ยังยิ่งใหญ่ท้ังเรื่องแหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงพืชพรรณไม้และสัตว์ป่าท่ีหาชมได้ยากในพื้นท่ีอ่ืนๆ ของประเทศ อย่างข้าวตอกฤาษี หนูผีดอยอ่างกา และนกกินปลีหางยาวเขียว ทีส่ ุดอทุ ยานแห่งชาติในประเทศไทย 9
ดอยอินทนนท์ แต่เดิมดอยท่ีมียอดสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศแห่งนี้มีชื่อว่า “ดอยอ่างกา” ซ่ึงมีที่มาจากเร่ืองเล่าขานว่า เลยจากจุดยอดดอยไปทางทิศตะวันตกราว 300 เมตร มีหนองน้�ำกลางป่าที่อีกาชอบลงไปเล่นน้�ำกัน ปัจจุบันมีพื้นที่ประมาณ 481.89 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 4 อ�ำเภอในเขตจังหวัดเชียงใหม่คือ แม่แจ่ม จอมทอง แม่วาง และดอยหล่อ ประกาศ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติล�ำดับที่ 6 ของไทยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2515 จากเทือกเขาหิมาลัยอันแสนหนาวเย็นในดินแดนไกลโพ้น ของประเทศอินเดียและเนปาล ท่ีทอดตัวต่อเน่ืองมาสู่ตอนเหนือของ ไทย และสน้ิ สดุ ปลายเทือก ณ ขุนดอยที่สงู ที่สดุ ของไทยนาม “ดอย ยอดดอยอนิ ทนนท์ อนิ ทนนท์” ความสงู ถงึ 2,565 เมตร จากระดับนำ�้ ทะเลปานกลาง จึง พระมกหว่ิ าแธมาป่ตาฯุ น ได้ก่อให้เกิดอากาศหนาวเย็นและชุ่มช้ืน โดยเฉพาะส่วนยอดสุดที่ จดุ ชมทวิ ทศั น์ นำ้� ตโคกรสงริกภิ ามูรหิ ลวง นำ้� ตกวชริ ธาร กลายสภาพเป็นป่าดงดิบเขาถูกปกคลุมไว้ด้วยม่านหมอกและไอเย็น กลมุ่ นำ�้ ตกแมป่ าน าไป อ.แมแ่ จม่ ดา่ นศตทนูรท่ี วยจำ�บ์ กรกิานารรอำ�้ นตทุ กักยทแอา่มนงก่ เลทแาย่ีหงวง่ ชาไปตอดิถ.า่ำ�้ เนบมตรอื รจิงวเนิ ชจดยี างใหม่ อยู่ชว่ั นาตาปี สภาพโดยรวมของป่ามคี วามร่มครม้ึ มพี ืชพวกมอสส์ ฝอยลม ไลเคน เฟิน และกล้วยไม้เกาะเกย่ี วเลื้อยพันตามลำ� ต้นของ แมไ่ มใ้ หญอ่ ยา่ งหนาแนน่ บนพนื้ ดนิ มขี า้ วตอกฤ ษปี เู ปน็ พรมเขยี วสด ไม่ต่างกับป่าหิมพานต์อันลึกลับ นำ้� ตกแมย่ ะ สว่ นหนง่ึ ของยอดดอยอนิ ทนนทม์ สี ภาพเปน็ แอง่ นำ�้ ซบั ทค่ี นทอ้ งถน่ิ อ. จอมทอง เรียกว่า “อ่างกาหลวง” ซ่ึงปัจจุบันได้รบั การพัฒนาเป็นเส้นทางเดนิ ไป อ.ฮอด ศกึ ษาธรรมชาตทิ ี่มคี วามพิเศษไม่เหมือนเส้นทางอนื่ ๆ โดยจดั ท�ำเป็น 10
• หนา้ 8 ป่าดึกด�ำบรรพ์อันเขียวชอุ่มฉำ่� ด้วย พรรณไม้น้อยใหญน่ บั รอ้ ยชนิดบนยอดสูงสุด ของอินทนนท์ • หนา้ 9 หมูเ่ มฆอนั หนาทบึ ท่ีลอยตัวเขา้ ปกคลุม ยอดดอยอินทนนท์อยแู่ ทบจะตลอดทัง้ ปี ท�ำให้ ผนื ปา่ หยอ่ มเล็กๆ ที่อยู่บนเรือนยอดสดุ นนั้ ถูกเรียกขานวา่ “ปา่ เมฆ” • หนา้ 10 บน นกกินปลีหางยาวเขยี ว (Green- tailed Sunbird : Aethopyga nipalensis) ชนิดย่อย angkanensis นกเฉพาะถิ่นซึ่งไมพ่ บ ทีอ่ ืน่ ใดในโลก • หนา้ 10 ลา่ ง กะทา่ ง (Tylototriton verrucosus) สตั ว์สะเทินน�้ำสะเทนิ บก พบอาศยั อยเู่ ฉพาะ แหล่งนำ�้ บนดอยสูงเท่าน้ัน • บน สริ ภิ มู ิ นำ้� ตกสายงามทา่ มกลางหนิ ผา และป่าไมอ้ ันสมบรู ณ์ของอนิ ทนนท์ เดมิ มชี ่ือว่า นำ�้ ตกเลา่ ลี • ล่าง ด้วยความสงู ถึง 260 เมตร กับชนั้ หนิ นอ้ ยใหญม่ ากมายนับร้อยชนั้ ทำ� ให้แม่ยะเปน็ หน่งึ ในน�ำ้ ตกท่สี วยสดุ ของภาคเหนือ เปน็ น�ำ้ ตกขนาดใหญ่อยทู่ างทิศใต้ ของอทุ ยานแห่งชาตดิ อยอนิ ทนนท์ สะพานไมท้ อดยาวไปในปา่ ดงดบิ เขาเพอ่ื ศกึ ษานเิ วศธรรมชาติ พรอ้ ม การเดนิ ทาง กบั ชมพรรณไมห้ ลากหลายจากเขตหมิ าลยั เชน่ กหุ ลาบพนั ปี กหุ ลาบ จากตัวเมืองเชียงใหม่ เดินทางโดย าขาว กล้วยไม้รองเท้านารีอนิ ทนนท์ และพืชกาฝากอย่างกระโถนพระ รถยนต์ไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ประมาณหลัก กม. 58 ก่อนถึงตลาด ฤ ษี รวมถงึ สตั วจ์ ากเขตหมิ าลยั เชน่ กวางผา หนผู อี า่ งกา หนนู ำ้� ดอย อ�ำเภอจอมทอง จะมีถนนแยกไปทาง อา่ งกา หนผู หี างยาวฟนั แดง หนผู ปี า่ หางจู๋และซาลาแมนเดอรห์ รือกะท่าง ขวามือ (ถนนสายจอมทอง-ดอยอินท นนท์ ซ่ึงระยะทางถึงดอยอินทนนท์ ดอยอินทนนท์นับเป็นสวรรค์ของนกั ดูนกโดยแท้ เน่ืองจากมีนก ประมาณ 48 กิโลเมตร) และจากทาง อาศยั อยู่กว่า 370 ชนดิ ทง้ั นกประจ�ำถิน่ และนกอพยพมาในฤดูหนาว แยกดงั กล่าว เดินทางไปจนถึง กม. ที่ ไม่ว่าจะเป็นนกกนิ ปลีหางยาวเขียวชนดิ ย่อยดอยอ่างกา นกศิวะหาง 8 มเี สน้ ทางแยกซา้ ยมอื ให้เล้ียวเขา้ ไป สีตาล นกศิวะปีกสีฟ้า นกกะรองทองแก้มขาว นกไต่ไม้ท้องสีเม็ด ราว 1 กิโลเมตร จะถึงน้�ำตกแม่กลาง มะขาม นกอีแพรดท้องเหลือง นกเดินดงสีน้�ำตาลแดง นกพิราบป่า สว่ นทที่ ำ� การอทุ ยานแหง่ ชาตดิ อยอนิ ท อกลายและนกแว่นตาขาวสขี ้างแดง นนทน์ ั้นตง้ั อยทู่ ี่ กม. 31 ส่วนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ ท่ีน่าไปเยือน เช่น น�้ำตก แม่ยะ น้�ำตกสิริภูมิ น้�ำตกวชิรธาร และน�้ำตกแม่ปาน อันย่ิงใหญ่ และงดงาม รวมถงึ เส้นทางเดนิ ศกึ ษาธรรมชาติกว่ิ แม่ปาน ระยะทาง 2.5 กโิ ลเมตร ทอี่ ดุ มไปด้วยพรรณไม้งามและขนุ ดอยตระหง่านเง้ือม ท่ีสดุ อุทยานแหง่ ชาติในประเทศไทย 11
12
อลงั การทะเลหมอก อทุ ยานแหง่ ชาตหิ ว้ ยนำ้� ดัง อีกหน่ึงในท่ีสุดของอุทยานแห่งชาติทางภาคเหนือก็คือ ห้วยน้�ำดัง ซ่ึงมีชื่อเสียงโดดเด่นและโด่งดังในเร่ืองของจุดชมทะเลหมอกท่ีงดงามและอลังการที่สุดของเมืองไทย รายรอบด้วยเทือกดอยและขุนเขาแสนสวยมากมาย ทั้งดอยกิ่วลม ดอยช้าง ดอยสามหมื่น และห้วยน�้ำรู อันแฝงไว้ด้วยความหลากหลายของสายน�้ำ ธารน้�ำตก และพุน�้ำร้อนจากใต้พิภพให้ค้นหาอีกนับไม่ถ้วน ทีส่ ุดอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย 13
ห้วยน�้ำดัง ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเม่ือวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2538 โดยครอบคลุมพ้ืนที่ประมาณ 1,252.12 ตารางกิโลเมตร ในเขตอ�ำเภอเวียงแหง อ�ำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอ�ำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นับเป็นอุทยานแห่งชาติล�ำดับท่ี 80 ของประเทศ สหภาพพมา่ ห้วยน�้ำดังคือ ความโดดเด่นท่ามกลางเทือกดอยสูงสลับซับซ้อน ชายแดนไทย-พม่า ในเขตตดิ ต่อของจังหวดั แม่ฮ่องสอนและเชยี งใหม่ นำ้� ตกแมล่ าด ซงึ่ เปน็ ทร่ี จู้ กั ในความงดงามเลอ่ื งชอื่ ของทะเลหมอกทงี่ ดงามทส่ี ดุ แหง่ นำ�้ ตกแมห่ าด หนงึ่ ของเมืองไทย และย่ิงถ้าได้ข้ึนไปเยือนในฤดูหนาวที่อากาศเย็น เยียบ และท้องฟ้ายามค่�ำคืนกระจ่างใสด้วยแล้ว ก็ย่อมจะเป็นโอกาส อนั ดีที่ได้ชื่นชมทะเลดาวดารดาษเต็มฟ้า ไป อ.ปาย นำ�้ ตกแมเ่ ยน็ โปง่ นำ�้ รอ้ นทา่ ปาย จดุ ชมทวิ ทศั นด์ อยชา้ ง นำ้� ตกหว้ ยนำ�้ ดงั ลอ่ งแพ ดอยกวิ่ ลม ทที่ ำ� การอทุ ยานแหง่ ชาติ โปง่ เดอื ด ไป อ.แมแ่ ตง 14
• หนา้ 12 โปง่ เดือด พุน้ำ� รอ้ นขนาดใหญ่ ท่ีมชี ่อื เสียงในห้วยน�ำ้ ดงั • หน้า 13 เชยี งดาว ทวิ เทอื กเขาหนิ ปนู อนั ยงิ่ ใหญ่ ในยามเช้า ทีจ่ ุดชมทิวทศั นด์ อยกิ่วลม • หน้า 14 บน ดวงอาทิตยก์ ำ� ลังลาลบั ลงหลัง ขนุ เขาในเขตอำ� เภอปาย จงั หวัดแมฮ่ อ่ งสอน ซงึ่ เปน็ จดุ เดน่ อกี ประการหนง่ึ ของอทุ ยานแหง่ ชาติ หว้ ยน�้ำดัง ท่สี ามารถชมตะวันขนึ้ และตกได้อยา่ ง สวยงามทัง้ ช่วงเช้าและชว่ งเย็น • หนา้ 14 ลา่ ง สม้ กงุ้ หรอื บโี กเนยี (Begonia sp.) พนั ธุ์ไมล้ ม้ ลุกดอกสวยในตระกลู Begoniaceae พบขึ้นตามปา่ ดงดบิ เขาทช่ี ุ่นชืน้ ในหุบเขาหรอื ใกล้กับล�ำธาร • ซ้าย เอ้อื งไอยเรศ (Rhynchostylis retusa) กล้วยไมอ้ งิ อาศัยพบข้นึ ตามคบไม้ในบรเิ วณ ป่าเบญจพรรณ ดอกมกี ล่นิ หอม ออกดอกในชว่ ง ปลายฤดูรอ้ น อทุ ยานแห่งชาติห้วยน้�ำดังมคี วามโดดเด่นในด้านทัศนยี ภาพของ การเดนิ ทาง ขนุ เขาแสนหนาวซงึ่ ไดร้ บั ความนยิ มเปน็ อยา่ งมากตลอดมา โดยเฉพาะ บรเิ วณกว่ิ ลม หรอื จดุ ชมทวิ ทศั นห์ ว้ ยนำ�้ ดงั ระหวา่ งฤดหู นาวชว่ งเดอื น เดนิ ทางจากอ�ำเภอเมอื งเชยี งใหม่ ตาม ธันวาคม-กมุ ภาพันธ์ นกั เดนิ ทางจำ� นวนมากจะขึน้ มาค้างแรมเพ่ือรอ ทางหลวงหมายเลข 107 และเขา้ ไปทาง ชมดวงอาทิตย์ข้ึน รวมทั้งชมทะเลหมอกขาวละมุนท่ีห่มคลุมไปทั่ว แยกซ้ายมือที่ตลาดแม่มาลัย อ�ำเภอ หบุ เขากวา้ งไกล ยง่ิ ถา้ ในวนั ทอี่ ากาศแจม่ ใสจะมองเหน็ แนวเทอื กดอย แม่แตง ไปตามทางหลวงหมายเลข เชยี งดาวต้ังตระหง่านทะลุทะเลเมฆขนึ้ มาอย่างน่าอศั จรรย์ 1095 (สายแม่มาลัย-ปาย) จนถึงช่วง หลัก กม. ที่ 65-66 มีทางแยกขวามือ “หมอก” เกิดขึ้นจากการกลั่นตัวของละอองไอนำ�้ ในอากาศ คือ และป้อมยามต้ังอยู่บริเวณทางเข้าห้วย ชว่ งเวลากลางวนั พน้ื ดนิ จะไดร้ บั ความรอ้ นจากแสงอาทติ ยแ์ ลว้ สะสม น้�ำดัง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร เอาไว้ ตอนกลางคนื พน้ื ดนิ จะคอ่ ยๆเยน็ ตวั ลง เมอื่ อากาศทม่ี อี ณุ หภมู ิ เดินทางต่อไปอีกประมาณ 3 กโิ ลเมตร ต่างกับพ้ืนดินเลื่อนไหลผ่านมา ก็จะเย็นตัวลงแล้วกล่ันตัวกลายเป็น จะถึงจุดชมทิวทัศน์ดอยช้าง ส�ำหรับ หมอกในที่สุด โดยหมอกมกั จะเกดิ ข้นึ มากทสี่ ุดในเวลากลางคืน หรือ เส้นทางไปโป่งเดือดนั้นใช้ทางหลวง ตอนเช้าทีอ่ ากาศเย็น ท้องฟ้าแจ่มใส และไม่มลี มแรง ทะเลหมอกอัน หมายเลข 1095 ที่ กม. 42 ก่อนถึงท่ี งดงามของหว้ ยนำ้� ดงั เกดิ ขน้ึ ในหบุ เขากวา้ งใหญ่ ซง่ึ หมอกจะไหลลงไป ทำ� การอทุ ยานแหง่ ชาติ เลยี้ วขวาเขา้ ไป รวมตัวกัน เกิดเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าชม 6.5 กิโลเมตร ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยาน แห่งชาติที่ นด. 1 (โป่งเดือด) จากน้ัน นอกจากจะเป็นจุดชมทะเลหมอกที่งดงามแล้ว อุทยานแห่งชาติ เดนิ เท้าไปราว 500 เมตร ถึงโปง่ เดอื ด ห้วยน้�ำดังยังมีชื่อเสียงในเรื่องของน�้ำพุร้อนจากใต้พื้นพิภพอย่าง โป่งเดอื ด และพชื พนั ธุ์ไม้ทสี่ วยงามมากมายอีกด้วย ที่สดุ อทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย 15
16
สุดยอดน้�ำตกแห่งเมืองสามหมอก อทุ ยานแห่งชาตนิ �้ำตกแม่สุรนิ ทร์ น�้ำตกแม่สุรินทร์ คือ อุทยานแห่งชาติท่ีโดดเด่นท่ีสุดของแม่ฮ่องสอน ที่นอกจากจะเลื่องชื่อ ด้วยน�้ำตกสายเดียวท่ีสวยและสูงที่สุดของไทยแล้ว ยังมีโถงถ�้ำพิสดาร และเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ท่ีงามเหนือที่อื่นใด และหากล�ำน้�ำว้า คือ สุดยอดสายธารแห่งความท้าทายของการล่องแก่งผจญภัย อันน่าต่ืนเต้น น�้ำปายก็คือ สุดยอดแห่งความงามของสายน�้ำที่งดงามด้วยภูมิทัศน์ ของเกาะ แก่ง ขุนเขา และแมกไม้อันสมบูรณ์สุดขีดของเมืองสามหมอก ทสี่ ุดอทุ ยานแห่งชาติในประเทศไทย 17
น�้ำตกแม่สุรินทร์ ครอบคลุมพื้นท่ีป่าใหญ่ผืนสมบูรณ์และขุนเขาอันสลับ ซับซ้อนในเขตอ�ำเภอขุนยวมและอ�ำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมพ้ืนท่ีประมาณ 396.60 ตารางกิโลเมตร ถูกประกาศให้ เป็นอุทยานแห่งชาติในวันท่ี 29 ตุลาคม พ.ศ. 2524 และเป็นอุทยานแห่งชาติล�ำดับที่ 37 ของประเทศ ไป อ.ปแามยน่ ำ�้ ปาย น�้ำตกแม่สุรินทร์เป็นน้�ำตกท่ีข้ึนช่ือในความสวยงามที่สุดของ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และอาจกล่าวได้ว่าเป็นน�้ำตกที่มีความสูงท่ีสุด ทที่ ำ� การอทุ ยานแหง่ ชาติ แหง่ หนง่ึ ของประเทศไทย เนอ่ื งจากเปน็ นำ้� ตกชน้ั เดยี วทง้ิ ตวั ลงมาจาก ยอดผาสูงชนั สู่หบุ ผาเบอื้ งล่าง ความสูงถึง 80 เมตร อีกท้ังมสี ายนำ้� อ.เมอื งแมฮ่ อ่ งสอน ไหลแรงตลอดปี อนั เกดิ จากปา่ ตน้ นำ�้ และสายธารของขนุ นำ�้ แมส่ รุ นิ ทร์ นำ�้ ตกแมส่ ะกดึ ยอดดอยปยุ ช่วงเวลาทน่ี ำ�้ ตกแม่สุรนิ ทร์จะอวดความงามสงู สดุ คอื ช่วงปลาย ถำ�้ นำ�้ ฮหู ายใจ ฝนต้นหนาวราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เพราะสายน้ำ� จะไหลแรง ไม่เป็นรองน้ำ� ตกใดๆ และด้วยความท่ีแม่สรุ นิ ทร์เป็นน้ำ� ตกช้ันเดยี วที่ นำ�้ ตกผาบอ่ ง ทงิ้ ตวั ยาวเหยยี ดลงสหู่ บุ เบอ้ื งลา่ งซงึ่ เปน็ ปา่ ดงดบิ อดุ มสมบรู ณน์ นั้ เอง ก่อให้เกิดภาพทย่ี ง่ิ ใหญ่ตระการตา ไม่ต่างกบั งาช้างสขี าวท่ามกลาง นำ้� ตกแมส่ รุ นิ ทร์ อ.ขนุ ยวม ทดองุ่ บยวัแตมออ่ งคู อ ไป อ.แมส่ ะเรยี ง ไป อ.แมแ่ จม่ 18
พรรณไม้เขียวขจีของพงไพรโดยรอบ ส่วนทางตอนล่างของนำ้� ตกมี • หนา้ 16 แม่สรุ นิ ทร์ น�้ำตกสายเดยี วช้นั เดียว สภาพเปน็ โขดหนิ ใหญท่ ถี่ กู หม่ คลมุ ดว้ ยมอสสเ์ ขยี วสด นกั เดนิ ทางสว่ น ท่ีสวยและสูงสุดของไทย ซึ่งตกจากหนา้ ผาสูงถงึ ใหญน่ ยิ มชนื่ ชมความงามของน�้ำตกแมส่ รุ นิ ทรจ์ ากศาลาชมทวิ ทศั นท์ ่ี 200 เมตร มองเหน็ สายนำ�้ ตกทงั้ หมดจากระยะไกล แตส่ ำ� หรบั นกั เดนิ ทางทรี่ กั การ • หน้า 17 แสงงามยามอาทติ ยอ์ ัสดงหลงั ทิวเทอื ก เดินป่าและมสี ขุ ภาพแข็งแรงแล้ว สามารถเดนิ ฝ่าเส้นทางดิ่งชันลงไป เขาอันสลับซับซ้อนและสงู ชนั ของน�ำ้ ตกแม่สุรนิ ทร์ เทย่ี วชมน�ำ้ ตกในหบุ เบ้อื งล่าง ตลอดสองข้างทางมแี มกไม้ร่มรน่ื เลาะ • หน้า 18 ซ้าย เอือ้ งแซะ หรือเอือ้ งแซะหอม ริมน�้ำ เหมาะกับคนรักนกรักผีเส้ือเพราะมีชนดิ แปลกๆ ให้ดูมากมาย (Dendrobium scabrilingue) กลว้ ยไม้ดอก เช่น นกกางเขนนำ้� หลงั เทาและนกเอ้ยี งถำ�้ ซึ่งสามารถพบเหน็ ได้ค่อน หอมทพ่ี บได้ตามปา่ ดงดิบเขาในบรเิ วณอุทยาน ข้างบ่อย จงึ ควรพกกล้องส่องทางไกลไปด้วย แหง่ ชาตนิ ำ้� ตกแม่สรุ ินทร์ ออกดอกระหว่างเดือน พฤศจิกายนถงึ กมุ ภาพันธ์ ถ้าหากไปเที่ยวน้�ำตกแม่สุรินทร์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนท่ี • หนา้ 18 ขวา แมส่ ะกดึ นำ�้ ตกสายสวยบนเสน้ ทาง อากาศเรมิ่ เยน็ แล้ว บนแยกซ้ายของทางหลวงหมายเลข 1263 มุ่งสู่ ศกึ ษาธรรมชาติที่ตำ� บลผาบอ่ ง เสน้ ทางเดินป่า นำ�้ ตกแมส่ รุ นิ ทรจ์ ะผา่ นทงุ่ บวั ตองสเี หลอื งสดใสบานสะพรงั่ ไปทว่ั เทอื ก ท่ีเยี่ยมท่สี ุดแหง่ หน่ึงในเขตภาคเหนือ ดอยแม่อูคอ มีจุดจอดรถให้แวะชมทิวทัศน์และถ่ายภาพประทับใจ • บน นอกจากจะเปน็ แหลง่ กลว้ ยไมช้ นั้ ดแี ลว้ ยงั เปน็ กลับไปเป็นทีร่ ะลึก อุทยานแห่งชาติท่พี บผีเสือ้ สวยๆ อกี นับร้อยชนิด • ล่าง นกเขยี วก้านตองหน้าผากสที อง (Golden- fronted Leafbird) นกปา่ สสี วยที่พบเห็นได้ง่าย บริเวณรมิ น�ำ้ ตกและเส้นทางศกึ ษาธรรมชาติ การเดนิ ทาง จากตวั อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน ออกเดนิ ทางไปตามทางหลวงหมายเลข 108 สู่อ�ำเภอขุนยวม เป็นระยะทาง ประมาณ 60 กิโลเมตร จากอ�ำเภอ ขุนยวมให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง หมายเลข 1263 อกี ราว 12 กโิ ลเมตร เข้าสู่บรเิ วณน้�ำตกแม่สุรนิ ทร์ ทสี่ ุดอทุ ยานแห่งชาติในประเทศไทย 19
20
ผจญภยั สุดขวั้ ล่องแก่งน�ำ้ ว้า อทุ ยานแห่งชาตแิ มจ่ ริม นี่คือ ที่สุดของสายน�้ำแห่งการผจญภัย ท่ีสุดของสายน้�ำแห่งความตื่นเต้นและท้าทาย ของนักเดินทางที่ชื่นชอบการล่องแก่ง ด้วยความยาวตลอดสายกว่า 70 กิโลเมตร จากน้�ำว้า ตอนบนลงไปจนสุดปลายของน้�ำว้าตอนล่าง ท่ีไหลคดเคี้ยวเล้ียวเลาะผ่านเกาะแก่ง โตรกผา ป่าใหญ่ผืนงามพิสุทธ์ิท่ีแทบไม่มีรอยเท้ามนุษย์เข้าไปย่างเหยียบ ทส่ี ุดอทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย 21
แม่จริม ครอบคลุมผืนป่าน�้ำว้า ป่าแม่จริม ป่าน�้ำน่านฝั่งตะวันออกตอนใต้ และป่าห้วยสาล่ีในท้องที่เขตอ�ำเภอเวียงสาและแม่จริม จังหวัดน่าน รวมพ้ืนท่ีท้ังหมดประมาณ 432 ตารางกิโลเมตร โดยประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติในวันท่ี 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 และเป็นอุทยานแห่งชาติล�ำดับท่ี 106 ของประเทศ ผนื ปา่ อดุ มสมบรู ณบ์ นเทอื กเขาสลบั ซบั ซอ้ นของทวิ เขาหลวงพระบาง และทวิ เขาผีปันนำ�้ ท่กี างกนั้ พรมแดนไทย-ลาวเอาไว้ เป็นดินแดนท่ีมี พงไพรบรสิ ุทธ์ซิ ่งึ ให้ก�ำเนดิ สายน�้ำน้อยใหญ่อาทิ ล�ำน้�ำว้าแห่งจงั หวดั น่าน ที่เป็นหนงึ่ ในความสดุ ยอดของการผจญภยั ล่องแก่งน้�ำเชยี่ วอัน ตน่ื เต้นและน่าระทึกใจ “ลำ� นำ้� วา้ ” เปน็ สายลำ� นำ้� ทไ่ี หลคดเคย้ี วผา่ นไปในปา่ ลกึ เขตอำ� เภอ บอ่ เกลอื และอำ� เภอแมจ่ รมิ พนื้ ทแี่ ถบนสี้ ว่ นใหญม่ สี ภาพเปน็ ปา่ ดงดบิ และป่าเบญจพรรณอันอุดมสมบูรณ์ โดยสองฟากฝั่งเป็นโตรกผาหนิ และป่าต้นน้�ำบริสุทธิ์ ความพิเศษของลำ� น้�ำว้าท่ีไม่มีล�ำน�้ำใดเหมือน คือ มีความคดเคี้ยวมาก ผาหนิ ริมน�้ำต่างมรี ปู ทรงและลวดลายเรียง ตวั อยา่ งประหลาด และเหนอื สง่ิ อนื่ ใด ตลอดความยาวของลำ� นำ้� สายน้ี มีแก่งน้อยใหญ่อันแสนท้าทายอยู่มากนับ 100 แก่ง เหมาะสำ� หรับ กจิ กรรมล่องแพยางผจญภัยในล�ำน้�ำเชยี่ วเป็นอย่างยิง่ ล�ำน้�ำว้าตอนบนมีความยาวประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นช่วงท่ี อันตรายจนไม่สามารถท�ำกิจกรรมล่องแก่งได้ ผิดกับล�ำน้�ำว้าตอน กลาง ความยาวประมาณ 100 กโิ ลเมตร ทแ่ี สนคดเคี้ยว มีแก่งนับ ร้อยๆ แก่ง และต้องใช้เวลาล่องผ่านกว่า 3 วัน เช่น แก่งผปี ่า แก่งยาว และแก่งใหม่ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ระหว่างเดือนกันยายน- มกราคม เพราะกระแสน้�ำไม่เชี่ยวกรากเกินไป ส่วนล�ำน�้ำว้า ตอนล่างมคี วามยาวประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นช่วงท่ีล่องนำ�้ ได้ง่าย • หน้า 20 บรรยากาศอันยงิ่ ใหญ่ของสายนำ�้ วา้ ทไี่ หลผ่านขนุ เขาและปา่ ใหญผ่ นื สมบูรณ์ ด้านทศิ ตะวันออกของแม่จรมิ • หนา้ 21 นำ้� ว้า สดุ ยอดสายน้ำ� แห่งการผจญภัย ที่โด่งดงั สุดของเมอื งไทย • บน ผเี สอื้ หางยาวตาเคยี วปกี ลายหยกั (Actias maenas) ผเี สอื้ กลางคนื ทพี่ บเหน็ ไดย้ ากชนดิ หนง่ึ ของประเทศไทย • ลา่ ง สะพานแขวนทท่ี อดตวั เหนือลำ� น�้ำวา้ ใกลก้ ับทีท่ �ำการอทุ ยานแห่งชาติ • หนา้ 23 บน แกง่ หินสวยมากมายทพ่ี บได้ตลอด ความยาว 19.2 กโิ ลเมตร ของสายน้ำ� วา้ ตอนลา่ ง • หนา้ 23 ลา่ ง ย่างเข้าสฤู่ ดูรอ้ น ปา่ สีเขยี วผืนใหญ่ ตลอดริมสองฟากฝัง่ น้�ำว้าจะเปล่ยี นสีกลายเปน็ เหลอื ง สม้ และแดงอยา่ งสวยงาม พร้อมๆ กบั การ ผลิบานสะพร่ังของไม้ดอกนานาพันธุ์ 22
บา้ นนาเซยี อ.แไมปจ่ อรมิ.เมอื งนา่ น สนกุ สนาน และปลอดภัยกว่า 2 ช่วงแรกมาก นอกจากนใี้ นฤดแู ล้ง บา้ นนำ�้ ปาย �ลำน�้ำ ้วา บา้ นนำ�้ ปนู ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณสองฟากฝั่งยังพากันผลัดใบสดใสมีสี บา้ นปา่ สกั บา้ นนำ้� พาง สวยงาม เพ่มิ อรรถรสให้กบั การผจญแก่งนำ้� ว้าไปอกี รปู แบบหนงึ่ บา้ นหว้ ยทรายมลู บา้ นนำ้� ปุ๊ บา้ นหาดไร่ ผาหนอ่ ลำ� นำ้� แปง อททุท่ี ยำ� กานารแหง่ ชาติ บา้ นรม่ เกลา้ ปสารธะาชราณชนรฐลั ปาวระชาธปิ ไตย ไป อ.เวยี งสา การเดนิ ทาง จากจงั หวดั น่าน ใชท้ างหลวงหมายเลข 1168 (นา่ น-แมจ่ รมิ ) ระยะทางประมาณ 38 กิโลเมตร และจากแม่จริมเดินทาง ต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 1243 (แม่จรมิ -นำ้� มวบ) ถึงบา้ นหาดทรายมลู แลว้ เลย้ี วซา้ ยเขา้ ไปอกี 4 กโิ ลเมตร ถงึ ที่ ท�ำการอทุ ยานแหง่ ชาติ ทส่ี ุดอทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย 23
24
มหัศจรรย์ชมพูภูคา และปา่ ปาลม์ ยักษ์ อุทยานแห่งชาตดิ อยภูคา ที่สุดของอุทยานแห่งชาติในเขตภาคเหนือฝั่งขวาต้องยกให้กับดอยภูคา ซึ่งนอกจากจะมียอดเขาที่สูงลิบลิ่วถึง 1,939 เมตรแล้ว ท่ีสุดของอุทยานแห่งเมืองน่านนี้ ยังมากมายไปด้วยโถงถ�้ำและน�้ำตกงามนับสิบแห่ง อีกท้ังยังเป็นศูนย์รวมของพืชพรรณไม้ที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์มากมาย ทั้งกระโถนพระฤาษี เต่าร้างยักษ์ และชมพูภูคาที่ว่ากันว่าสูญสิ้นไปจาก โลกแห่งนี้แล้วนั้น ยังพบยืนต้นตระหง่านโดดเด่นเป็นหนึ่งเดียวในโลก ที่สดุ อทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย 25
• หน้า 24 ช่วงปลายมกราคม ปา่ ทง้ั ป่าของภูคา ดอยภูคา ครอบคลุมพ้ืนที่รวม 8 อ�ำเภอ ในเขตจังหวัดน่านคือ จะกลายเปน็ สแี ดงเพลงิ ดว้ ยก่วมภูคา (Acer อ�ำเภอปัว อ�ำเภอเชียงกลาง อ�ำเภอทุ่งช้าง อ�ำเภอแม่จริม อ�ำเภอ willsonii) พันธไุ์ ม้เฉพาะถน่ิ ของท่ีน่ี ท่าวังผา อ�ำเภอสันติสุข อ�ำเภอบ่อเกลือ และอ�ำเภอเฉลิมพระเกียรติ • หน้า 25 ชมพภู ูคา (Bretschneidera sinensis) ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พนั ธไ์ุ ม้ยืนตน้ ท่หี ายากและใกลส้ ญู พันธ์ชุ นิดหน่ึง • ซา้ ย บน อีกหนึง่ กจิ กรรมอันสนุกสนานและ พ.ศ. 2532 และเป็นอุทยานแห่งชาติล�ำดับท่ี 94 ของไทย นา่ ตนื่ เตน้ คอื การลอ่ งแพยางไปตามลำ� นำ�้ วา้ ตอนบน • ซา้ ย ลา่ ง กระโถนพระฤๅษี (Sapria himalayana) อทุ ยานแหง่ ชาตดิ อยภคู าเปน็ อทุ ยานแหง่ ชาตทิ ม่ี เี นอ้ื ทม่ี ากทสี่ ดุ ใน พนั ธไ์ุ มเ้ บยี นรากทพ่ี บไดไ้ มย่ ากในเสน้ ทางเดนิ ศกึ ษา ภาคเหนอื ของไทย คอื กวา้ งใหญถ่ งึ 1,704 ตารางกโิ ลเมตร จงึ เปน็ ปา่ ธรรมชาติ “ชมพภู คู า” อนุรักษ์ท่ีทรงคุณค่าในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของ • ขวา กล้วยไมน้ ำ้� (Epipactis flava) พนั ธุไ์ ม้ เทอื กเขาหลวงพระบางและเทือกเขาผีปันนำ้� ตะวนั ออก หายากท่ีพบขึน้ บริเวณโขดหนิ รมิ ลำ� นำ�้ วา้ • หน้า 27 ซา้ ย เตา่ ร้างยักษ์ (Caryota sp.) ดอยภคู าเปน็ พน้ื ทเ่ี พยี งไมก่ แี่ หง่ ในประเทศไทยซงึ่ สำ� รวจพบพนั ธไ์ุ ม้ หน่งึ ในความหลากหลายของสายพนั ธเ์ุ ฉพาะถ่ิน หายากระดบั โลกถงึ 2 ชนดิ คอื ชมพภู คู าและเต่าร้างยกั ษ์ ส�ำหรับ (endemic species) ที่พบเฉพาะบนดอยภคู าแห่ง ต้นชมพูภูคานน้ั ในอดตี เคยพบมากในผนื ป่าพรมแดนระหว่างจนี และ เดียวเทา่ นั้น เวยี ดนาม แตภ่ ายหลงั ปา่ บรเิ วณดงั กลา่ วถกู ทำ� ลายไปหมด จงึ เชอ่ื กนั • หนา้ 27 ขวา วา่ นไกแ่ ดง (Aeschynanthus sp.) ว่าชมพูภูคาสูญพันธ์ุไปจากโลกแล้ว จนเม่ือ พ.ศ. 2532 ดร. ธวัชชัย ไมอ้ ิงอาศัยดอกสวย ออกดอกในชว่ งหน้าฝน สนั ตสิ ขุ ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นพฤกษศาสตรป์ า่ ไม้ สงั กดั กรมปา่ ไมใ้ นขณะนน้ั ได้ส�ำรวจพบชมพูภูคาอีกคร้ังบนดอยแห่งนี้ มีลักษณะเป็นไม้ต้น 26 ความสูงราว 25 เมตร ชอบขึ้นอยู่ตามไหล่เขาชันในป่าดงดิบเขาท่ี ความสงู ประมาณ 1,500 เมตร จากระดับนำ้� ทะเลปานกลาง ช่อดอก สีชมพูสดเป็นเอกลกั ษณ์จะบานสะพรง่ั ในทกุ ๆ ฤดูร้อน ระหว่างเดอื น กุมภาพันธ์-มนี าคม
อ.เฉลมิ พระเกยี รติ นำ�้ ตกวงั เปยี น อ.ทงุ่ ชา้ ง นำ้� ตกหว้ ยโกน๋ สสุ านหอย ดอยภแู ว อ.เชยี งกลาง นำ้� ตกตน้ ตอง อททุที่ ยำ� กานารแหง่ ชาติ ถำ�้ ผาฆอ้ ง อ.ปวั เตา่ รา้ งยกั ษ์ ชมพภู คู า อ.ทา่ วงั ผา อ.บอ่ เกลอื นำ�้ ตกศลิ าเพชรดอยภคู า บอ่ เกลอื ภเู ขา อ.สนั ตสิ ขุ ถำ�้ ผาเกา้ นำ�้ ตกภฟู า้ อ.เมอื งนา่ น นำ�้ ตกแมจ่ รมิ อ.แมจ่ รมิ สว่ นเตา่ รา้ งยกั ษด์ อยภคู านนั้ เปน็ พนั ธไ์ุ มใ้ นวงศป์ าลม์ ทชี่ อบอาศยั การเดนิ ทาง อยู่ในนิเวศป่าดงดิบ พบได้เฉพาะตามลาดไหล่เขาชัน ระดบั ความสูง 1,500-1,700 เมตรจากระดับน�้ำทะเลปานกลาง เม่ือโตเต็มท่ีปาล์ม ตอ้ งใชร้ ถยนตส์ ว่ นตวั หรอื รถเชา่ จากตวั โบราณชนดิ นจ้ี ะสูงได้ถึง 40 เมตร และมีใบรูปขนนกแตกเป็นแฉก จงั หวดั นา่ น ไปตามทางหลวงสายนา่ น- ขนาดใหญ่โดดเด่น แผ่นใบยาวได้ถึง 4 เมตร จัดเป็นปาล์มท่หี ายาก ปัว ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร และใกล้สูญพันธ์ไุ ปจากโลก เมื่อถึงอ�ำเภอปัวจะมีป้ายบอกทางไป อุทยานแห่งชาติดอยภูคา (เสน้ ทางปัว- ปัจจุบันผู้มาท่องเทีย่ วสามารถชมพนั ธ์ุไม้ 2 ชนดิ นี้ได้ในเส้นทาง บอ่ เกลือ) ประมาณ 25 กิโลเมตร จนถงึ เดนิ ศกึ ษาธรรมชาตดิ อยภคู า ระยะทาง 3.5 กโิ ลเมตร หรอื ขบั รถไปชม ท่ที ำ� การอทุ ยานแหง่ ชาติ ได้บริเวณริมถนน ห่างจากที่ท�ำการอุทยานแห่งชาติไปเพียง 4 กโิ ลเมตรเท่านนั้ ที่สดุ อุทยานแหง่ ชาติในประเทศไทย 27
28
สวนสนบนภหู นาว อุทยานแหง่ ชาตินำ้� หนาว ภาพของป่าสนสามใบต้นใหญ่ยักษ์อายุร้อยปีเรียงตัวกันอย่างงดงาม ท่ามกลางม่านหมอกขาวอันนุ่มนวลละมุนละไมที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือท้องทุ่งหญ้าผืนกว้าง ในยามเช้าที่ภูกุ่มข้าว คือ ตัวแทนที่บอกถึงเร่ืองราวและความพิเศษเฉพาะ ของอุทยานแห่งชาติน�้ำหนาวได้เป็นอย่างดี ทสี่ ุดอทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย 29
ไป อ.หลม่ เกา่ หนว่ ยพทิ กั ษฯ์ ถำ�้ ใหญน่ ำ�้ หนาว น้�ำหนาว เป็นอุทยานแห่งชาติท่ีสวยที่สุดในเขตภาคเหนือตอนล่าง โดย ถำ้� ใหญน่ ำ�้ หนาว ผาลอ้ มผากอง ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันท่ี 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 ครอบคลุมพ้ืนท่ีในเขตอ�ำเภอน�้ำหนาว อ�ำเภอหล่มสัก และอ�ำเภอเมือง หนว่ ยพทิ กั ษฯ์ ภผู ากลางดง จังหวัดเพชรบูรณ์ กับพื้นที่บางส่วนในเขตอ�ำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ภผู ากลางดง นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งท่ี 5 ของไทย อ.นำ้� หนาว ทา่ มกลางเทอื กเขาเพชรบรู ณต์ อนบนทส่ี ลบั ซบั ซอ้ น อนั เปน็ รอยตอ่ ไป อ.หลม่ สกั ถำ้� ผาหงษ์ จดุ ชมทวิ ทศั นภ์ คู อ้ ของภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคเหนอื นน้ั ลว้ นเตม็ ไปดว้ ยทวิ เขา ทท่ี ำ� การอทุ ยานแหง่ ชาติ สูงที่มีอากาศหนาวเย็นห่มคลุมอยู่เกือบตลอดปี และมีความหลาก สวนสนดงแปก หลายทางชวี ภาพสงู มนตเ์ สนห่ ข์ องพงไพรในแถบนค้ี อื สนบนภเู ขาสงู โปง่ ชา้ ง นำ้� ตกทรายทอง ซึ่งให้บรรยากาศแปลกตายากจะหาทใี่ ดมาเทียบเคียง นำ�้ ตกเหวทราย ภูมิอากาศที่หนาวเย็นตลอดปีของอุทยานแห่งชาติน้�ำหนาวเอ้ือ สวนสนภกู มุ่ ขา้ ว ภผู าจติ ไป อ.ชมุ แพ อ�ำนวยให้เกิดป่าสนกว้างใหญ่กระจายอยู่ทั่วภู และสามารถดึงดูด นกั เดินทางได้เป็นจำ� นวนมาก จุดท่ีมีชื่อเสียงมากคือบริเวณสวนสน ภูกุ่มข้าว ท่มี ดี งต้นสนสามใบต่อเนอ่ื งเป็นผนื ใหญ่ท่ามกลางทุ่งหญ้า เขียวขจี บรรยากาศโปร่งโล่งของทิวสนที่ยืนต้นกระจายกันอยู่สร้าง ภาพทสี่ วยงามสบายตา ลักษณะของต้นสนสามใบมเี ปลือกแตกเป็น เกล็ดคล้ายหนงั จระเข้ ล�ำต้นสงู ชะลดู กว่า 30-40 เมตร บนยอดภูกุ่ม ข้าวถ้าหันหน้าไปทางทิศใต้ จะมองเห็นอ่างเก็บน�ำ้ เขอ่ื นจุฬาภรณ์ได้ อย่างชดั เจน “สวนสนดงแปก” ต้ังอยู่ไม่ไกลจากภูกุ่มข้าว มีต้นสนสองใบข้ึน อยู่รวมกันอย่างหนาแน่นผสมผสานกับสนสามใบ ต่อเนอ่ื งกับป่าดิบ แน่นทึบ ต้นสนเหล่านม้ี ีอายไุ ม่ตำ่� กว่า 100 ปี จงึ มีความสงู ถงึ 35-50 เมตร อีกทง้ั มขี นาดใหญ่ และรูปทรงงดงามตระการตาเป็นอย่างยงิ่ 30
เสน่ห์อีกอย่างหนง่ึ ของท่ีนค่ี ือ “มหัศจรรย์ป่าเปล่ียนสี” ท่ีภูหลัง • หนา้ 28 ป่าเก๊ียะเปลือกดำ� หรอื เกี๊ยะเปลอื กหนา กงเกวียน อันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติช่วงต้นฤดูแล้ง ท่ีใบไม้ใน หรอื สนสองใบ (Pinus merkusii) พันธไ์ุ ม้เด่นของ ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณจะพากันผลัดใบจากสีเขียวกลายเป็นสี อุทยานแหง่ ชาตินำ�้ หนาว เหลือง ส้ม แดง สดใสฉดู ฉาด ซึ่งเป็นทัศนียภาพน่ารื่นรมย์กว่าทุก • หนา้ 29 ป่าเปลีย่ นสีบนทวิ เทือกเขาเพชรบูรณ์ ช่วงในรอบปี ในชว่ งปลายฤดหู นาว • หนา้ 30 บน ป่าเก๊ียะเปลอื กแดงหรอื สนสามใบ (Pinus kesiya) ผืนใหญก่ ว่า 10 ตารางกโิ ลเมตร ทบ่ี ริเวณภูกุ่มขา้ ว • หนา้ 30 ลา่ ง เหด็ มันปู (Cantharellus sp.) สีเหลอื งสดใส พบได้ทั่วไปที่บริเวณภูค้อ ในช่วงฤดูฝน • บน จาบคาหัวสีสม้ (Chestnut-headed Bee-eater : Merops leschenaulti) นกกนิ แมลง สสี วยในตระกลู นกจาบคา (Meropidae) หน่ึงในความหลากหลายของสายพนั ธุ์นกกวา่ 300 ชนิดทพี่ บได้ในปา่ นำ้� หนาว • ลา่ ง ม่านหนิ งอกหนิ ยอ้ ยอันงดงาม ท่ถี �ำ้ ใหญน่ �้ำหนาว การเดนิ ทาง ที่ท�ำการอุทยานแห่งชาติน�้ำหนาว ต้ังอยู่ห่างจากตัวอ�ำเภอเมืองขอนแก่น 103 กิโลเมตร อยู่ห่างจากอ�ำเภอ หล่มสักประมาณ 55 กิโลเมตร เดิน ทางโดยรถยนต์ไปตามทางหลวง หมายเลข 12 ถึงหลัก กม. ที่ 50 มีป้ายชี้ทางเข้าสู่ที่ท�ำการอุทยาน แห่งชาติน�้ำหนาว เป็นระยะทาง ประมาณ 2 กิโลเมตร ถ้าไปโดยรถ ป ร ะ จ� ำ ท า ง ส า ม า ร ถ ขึ้ น ร ถ ไ ด ้ จ า ก ขอนแก่นหรืออ�ำเภอหล่มสัก ซ่ึงรถ จะผ่านหน้าท่ีท�ำการอุทยานแห่งชาติ ทุกวัน ทีส่ ดุ อทุ ยานแห่งชาติในประเทศไทย 31
32
ทุ่งสะวันนาแหง่ ผนื ปา่ ไทย อุทยานแหง่ ชาติทุง่ แสลงหลวง ทุ่งนางพญา คือ ช่ือของท้องทุ่งหญ้าแบบสะวันนา บนเนินเขาท่ีสวยท่ีสุดในประเทศไทย ด้วยการผสมผสานกันอย่างงดงามลงตัวกับป่าเต็งรัง ป่าดงดิบแล้ง และป่าสนสองใบกับดอกไม้กินแมลงสีสันสดใสนับแสนนับล้านต้น ท่ามกลางมวลหมู่ ผีเส้ือลายสวยและนกป่าสีสันจัดจ้านมากมายนับร้อยสายพันธุ์ท่ีคุณจะพบได้บนเส้นทางเดินเท้า หรือข่ีจักรยานเสือภูเขาท่ียาวรอบทุ่ง 14 กิโลเมตรเส้นนี้ ที่สดุ อทุ ยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย 33
ทุ่งแสลงหลวง มีพ้ืนท่ีครอบคลุมท้องที่ในเขตอ�ำเภอวังทอง อ�ำเภอนครไทย อ�ำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และอ�ำเภอ เขาค้อ อ�ำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ รวมแล้วประมาณ 1,262.40 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานแห่งชาติในล�ำดับท่ี 3 ของ ประเทศเม่ือวันท่ี 29 มกราคม พ.ศ. 2506 หากจะต้องการไปเยือนผืนป่าสักแห่งในเมืองไทย ซึ่งมีอากาศ เย็นสบายภายใต้ร่มเงาสนสลบั กับทุ่งหญ้ากว้างไกล อกี ท้ังมีเส้นทาง ปน่ั จกั รยานทส่ี วยงาม คงจะตอ้ งยกใหท้ งุ่ แสลงหลวงครองอนั ดบั หนง่ึ อย่างไม่ต้องสงสยั “ทงุ่ แสลงหลวง” มสี ภาพเปน็ ทงุ่ หญา้ กวา้ งใหญเ่ นอื้ ทถ่ี งึ 10 ตาราง กโิ ลเมตร ตง้ั อยทู่ างตอนใตข้ องอทุ ยานแหง่ ชาตทิ งุ่ แสลงหลวง บรเิ วณ หนว่ ยพทิ กั ษอ์ ทุ ยานแหง่ ชาตทิ ่ี สล.8 (หนองแมน่ า) นบั วา่ มที ศั นยี ภาพ สวยงามอย่างยิ่ง เพราะแวดล้อมด้วยป่าเต็งรังสลับทุ่งหญ้าเขียวขจี โดยมีเทือกเขาปู่ทอดยาวเป็นฉากหลัง ย่ิงในยามเช้าจะมีสายหมอก ขาวบางเบาหม่ คลมุ อยเู่ หนอื ทงุ่ หญา้ ชว่ ยเพมิ่ ความงามขนึ้ เปน็ ทวคี ณู ท่งุ แสลงหลวงจะอวดความงามสงู สดุ ในช่วงฤดแู ล้งเมอื่ ป่าเตง็ รงั ผลดั ใบสเี หลอื งแดงสดใสไปทว่ั ผนื ปา่ สว่ นในชว่ งฤดฝู น ดอกไมเ้ ลก็ ๆอยา่ ง สร้อยสวุ รรณา ดสุ ิตา และจอกบ่วาย จะพากนั ออกดอกเตม็ ทุ่ง “ทุ่งนางพญา” ต้ังอยู่ทางทิศใต้ของทุ่งแสลงหลวง เต็มไปด้วย ความงามบริสุทธ์ิของทุ่งหญ้า ผสานกับป่าเต็งรัง ป่าดงดิบแล้ง และ ปา่ สนสองใบ ปจั จบุ นั มเี สน้ ทางปน่ั จกั รยานเสอื ภเู ขาเปน็ ระยะทาง 14 กโิ ลเมตร จากหนองแม่นาสู่ทุ่งนางพญา ตลอดสองข้างทางมีสภาพ ธรรมชาตสิ วยงามนา่ ประทบั ใจ มปี า่ เฟนิ ขน้ึ เปน็ ดงเขยี วสดใตร้ ม่ เงาสน 34
• หนา้ 32 ดอกหญา้ ขน (Coelorachis sp.) บนทุ่งหญา้ แบบสะวันนาอันเล่อื งชอื่ และ เปน็ เอกลกั ษณข์ องทงุ่ แสลงหลวง • หน้า 33 เขาปู่ เนินเขาเต้ียๆ ท่ีเป็นสญั ลักษณ์ปา่ หนองแม่นาในเขตจงั หวัดเพชรบรู ณ์ • หน้า 34-35 บน แสงงามยามเช้าทา่ มกลางมา่ น หมอกที่ลอยตวั ปกคลมุ เหนือผนื ท่งุ หญ้าสะวนั นา อันยง่ิ ใหญ่ • หน้า 34 กลาง เอ้อื งตนี เตา่ หรอื เออ้ื งสารภี (Gastrochilus sp.) กล้วยไม้อิงอาศยั ดอกสวย ออกดอกในชว่ งเดือนกมุ ภาพนั ธ์-พฤศจิกายน • หนา้ 34 ลา่ ง ดกุ๊ นำ�้ หนาว (Bassarona byakko) หนง่ึ ในผีเส้อื เฉพาะถน่ิ (endemic species) ทหี่ ายากของไทย กพ็ บได้ทที่ งุ่ แสลงหลวงด้วย ไป อ.นครไทย อ.วงั ทอง นำ�้ ตกแกง่ โสภา ไป อ.ดา่ นซา้ ย ไปพษิ ณโุ ลก นำ้� ตกปอย ทอทุท่ี ยำ� กานารแหง่ ชาติ อ.หลม่ สกั นำ�้ ตกแกง่ ซอง บา้ นแคมปส์ น ทงุ่ โนนสน ไป อ.ชมุ แพ ถำ้� พระวงั แดง แกง่ วงั นำ�้ เยน็ ถำ�้ ดาว-ถำ�้ เดอื น ทงุ่ แสลงหลวง อ. สากเหลก็ อ. เขาคอ้ หนองแมน่ า อ.เนนิ มะปราง ทงุ่ นางพญา ไปพจิ ติ ร พระตำ� หนกั เขาคอ้ บา้ นนางว่ั ไป อ.วงั ทรายพนู ไปเพชรบรู ณ์ หรอื อาจแวะดนู กหวั ขวานใหญส่ ดี �ำ (White-bellied Woodpecker) แสน การเดนิ ทาง หายากทเ่ี จาะโพรงรังอยู่ในต้นสนกไ็ ด้ จากกรงุ เทพฯ-พษิ ณโุ ลกใชถ้ นนพหลโยธนิ “ทุ่งโนนสน” เป็นทุ่งหญ้าสลับกับป่าสนที่สวยงามมาก ต้ังอยู่ (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงจังหวัด บริเวณใจกลางของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โดยเฉพาะช่วง นครสวรรคแ์ ลว้ เขา้ ทางหลวงหมายเลข ปลายฝนตน้ หนาว ตามบรเิ วณลานหนิ จะเตม็ ไปดว้ ยดอกไมเ้ ลก็ ๆ เชน่ 117 สู่จังหวัดพิษณุโลก จากพิษณุโลก กระดุมเงนิ ดุสิตา รวมถงึ กล้วยไม้ดินสสี ดนนั่ คือ เอ้อื งนวลจนั ทร์ ใน เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข ทงุ่ หญา้ เหลา่ นเ้ี ปน็ แหลง่ หากนิ ส�ำคญั ของสตั วก์ นิ พชื พวกเกง้ กวางปา่ 12 ประมาณ กม.ท่ี 80 จะถึงท่ที ำ� การ และหมูป่า ขณะที่ตามเส้นทางเดินเท้าก็มากมายไปด้วยผีเส้ือน้อย อุทยานแห่งชาติ และต่อไปถึงอ�ำเภอ ใหญ่ เช่น ผเี ส้ือหางติ่ง ผเี สื้อตาลหนามและผเี สอ้ื ตาลพุ่ม นอกจาก หล่มสักแล้ว เลี้ยวขวาเข้าทางหลวง นยี้ ังเหมาะแก่การปั่นจกั รยานชมธรรมชาตเิ ป็นท่ีสุด หมายเลข 21 และเลยี้ วขวาเขา้ ทางหลวง หมายเลข 2258 มุ่งตรงเข้าสู่ที่ตั้งของ เมอื่ เทยี่ วปา่ สนจนเตม็ อม่ิ แลว้ กอ่ นกลบั ควรแวะไปเทยี่ วนำ้� ตกแกง่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติท่ี สล.8 โสภา ซ่ึงเปน็ นำ้� ตกขนาดใหญ่ในลำ� นำ้� เขก็ โดยมลี กั ษณะเป็นลาดหนิ (หนองแมน่ า) 3 ชัน้ สวยงามมาก นำ�้ ตกแก่งโสภาตง้ั อยู่บนทางหลวงหมายเลข 12 ระหว่าง กม.71-72 ห่างจากที่ท�ำการอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง เพยี ง 10 กว่ากิโลเมตรเท่านน้ั ทสี่ ดุ อทุ ยานแห่งชาติในประเทศไทย 35
36
อนสุ รณส์ ถานบนลานดอกไม้ อทุ ยานแหง่ ชาติภูหนิ รอ่ งกล้า จากธรณีสัณฐานอันวิเศษสุดที่เกิดจากการเคล่ือนตัวและคดโค้งเปลือกโลก จนกลายมาเป็นเสาหินกลมๆ เต้ียๆ กับรอยแตกลึก และเนินหินท่ีมีลวดลายเป็นปุ่มโปนแปลกตา ของลานหินปุ่มและลานหินแตก ท�ำให้อดีตแห่งสมรภูมิอันดุเดือดแห่งนี้ กลายเป็นอนุสรณ์สถานบนลานดอกไม้ท่ีงดงามที่สุดของประเทศ ที่สุดอทุ ยานแหง่ ชาติในประเทศไทย 37
ภูหินร่องกล้า ครอบคลุมพื้นที่รวมท้ังหมดประมาณ 307 ตารางกิโลเมตร ในเขตรอยต่อของ 2 จังหวัดคือ อ�ำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอ�ำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก โดยประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเม่ือวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2527 และเป็นอุทยานแห่งชาติ ล�ำดับที่ 48 ของประเทศไทย ช่ือของ “ภูหินร่องกล้า” ความจริงมิได้มีเฉพาะภูหินทราย อันสวยงามแห่งเทือกเขาเพชรบูรณ์เท่าน้ัน ทว่ายังมีเรื่องราว ประวัติศาสตร์ให้ศึกษา เก่ียวกับการสู้รบระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทยและรัฐบาล โดยปัจจุบันยังเหลือร่องรอยอดีตอยู่ บริเวณลานหินปุ่ม ลานหินแตก ผาชูธง และโรงเรียนการเมืองการ ทหาร แต่เมอ่ื ความขัดแย้งเรอ่ื งอดุ มการณ์ทางการเมอื งยตุ ลิ ง ท่นี จ่ี ึง ได้กลายเป็นสถานทท่ี ่องเท่ยี วทางประวัตศิ าสตร์ในแหล่งธรรมชาติ ความเปน็ ทส่ี ดุ ของภหู นิ รอ่ งกลา้ อยทู่ ธ่ี รณสี ณั ฐานลานหนิ ทราย ซงึ่ เกดิ จากการเคลือ่ นตัวและคดโค้งของเปลือกโลก ไม่ว่าจะเป็น “ลาน หนิ ปมุ่ ” ทมี่ ลี กั ษณะเปน็ เสาหนิ กลมมนเต้ียๆ เรยี งกนั เปน็ แถวเปน็ แนว อยา่ งนา่ ดชู ม โดยปมุ่ หนิ ดงั กลา่ วมคี วามสงู เพยี ง 15 เซนตเิ มตร และมี เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 30 เซนตเิ มตร ลานหนิ ปมุ่ ตงั้ อยบู่ นหนา้ ผา ทศิ ตะวนั ตกของอทุ ยานแหง่ ชาติ จงึ เปน็ จดุ ชม ไปเลย อาทิตย์อสั ดงท่ีงดงามน่าประทับใจยง่ิ ไป อ.ดา่ นซา้ ย ถัดมาคือ “ลานหนิ แตก” ท่ีมลี กั ษณะเป็น ไป อ.ชาตติ ระการนำ�้ ตกผาลาด นำ้� ตกตาดฟา้ ลานหินกว้างใหญ่เนื้อที่ถงึ 40 ไร่ ล้วนเตม็ ไป อ. นครไทย ทที่ ำ� การอทุ ยานแหง่ ชาติ นำ้� ตกรม่ เกลา้ ภราดร ด้วยรอยแตกร้าวเป็นร่องลึกบนพื้น เหมาะแก่ นำ�้ ตกลพาชั นรหนิ นิทแรต์ ก ลานหนิ ปมุ่ การสะสมความชนื้ จนมีพืชพวกไลเคน มอสส์ อ.หลม่ เกา่ เฟิน และกล้วยไม้นานาชนดิ เติบโตขึ้น และ ส่วนสดุ ท้ายคือ ซันแคร็ก (Suncrack) หรือเนนิ อ.หลม่ สกั หนิ เตี้ยๆทมี่ ลี วดลายเป็นปุ่มโปนคล้ายเกลด็ งู ไปพษิ ณโุ ลก ไปเพชรบรู ณ์ ไป อ.ชมุ แพ ขนาดยกั ษ์ ดรู าวกบั งานศลิ ปะอนั วจิ ติ รบรรจง ของธรรมชาติ 38
แต่ลานหินทรายเหล่านน้ั มิได้อยู่โดดเดี่ยว หากยังมีมวลไม้ดอก • หน้า 36 ปดั แดง หรอื ลน้ิ มงั กร (Habenaria นานาชนดิ งอกงามอยู่ด้วย โดยเฉพาะยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา rhodocheila) ทีป่ ระดบั ประดาอย่ตู ามโขดหนิ ดอกไม้เล็กๆ จึงชูช่อดารดาษ ไม่ว่าจะเป็นเปราะภูสีขาวอ่อนหวาน หน้าน�้ำตกหมนั แดงในชว่ งฤดูฝนระหวา่ งเดอื น เปราะหินดอกสเี หลอื งสด ดอกเทยี นน้อยสชี มพูสดใส มีพชื วงศ์ขงิ ข่า กนั ยายนถึงตุลาคม สีของกลว้ ยไมช้ นดิ น้มี ีความ รปู รา่ งหนา้ ตาประหลาดอยา่ งตาเหนิ ไหว รวมถงึ กลว้ ยไมด้ นิ อนั งดงาม หลากหลายสูง หากเป็นบรเิ วณโขดหินรมิ น�้ำในท่ี นานาชนดิ เช่น ลนิ้ มงั กร ม้าว่งิ และช้างงาเดียว ท่ชี อบแทรกกายข้ึน รม่ ดอกจะเปน็ สชี มพู แตบ่ รเิ วณลานหนิ ในทีโ่ ล่ง มาจากร่องหนิ ทรายได้อย่างน่าอศั จรรย์ ดอกจะเปน็ สแี สดหรอื เหลืองอมสม้ • หนา้ 37 ดงตาเหินไหว (Hedychium ellipticam) อกี หนงึ่ ของพืชตระกลู ขงิ ขา่ (Zingiberaceae) ดอกสขี าวบริสทุ ธิ์ท่ีพรอ้ มใจกัน เบ่งบานไปท่วั ท้งั ลานหนิ และบนเส้นทางเดนิ ไปยัง ผาชธู ง ในชว่ งฤดฝู น • หนา้ 38 บน ลานหนิ ปุ่ม จุดชมดวงอาทติ ย์ตก ท่ีสวยงามที่สุดแหง่ หน่ึงของภาคเหนือ อีกหนงึ่ ใน ความมหัศจรรยข์ องธรณีสณั ฐานลานหนิ ทราย ซึ่งตัง้ อยู่ทางทิศตะวนั ตกของอุทยานแห่งชาติ ภหู นิ ร่องกลา้ ในอดีตฝา่ ยคอมมวิ นสิ ตเ์ คยใช้ เปน็ ที่พักฟนื้ ทหารที่ไดร้ ับบาดเจ็บจากการสรู้ บ • หนา้ 38 ล่าง แมลงทับเจด็ สีขุนลาว (Chrysochroa corbetti) แมลงปกี แขง็ สสี วย ในตระกลู Buprestidae ทีพ่ บบรเิ วณน�้ำตก ตาดฟา้ • ซ้าย ดงบีโกเนีย (Begonia sp.) หรอื สม้ กุ้งดอกสชี มพอู อ่ นขึน้ เปน็ กลุ่มใหญ่เต็ม หน้าผาหนิ บริเวณใกลก้ ับหมบู่ า้ นมวลชน การเดนิ ทาง จากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้ทางหลวง หมายเลข 12 จนถึง กม. 68 แลว้ เลีย้ ว ซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 ถึง กม. ท่ี 28 เล้ียวขวาเข้าทางหลวง หมายเลข 2331 สทู่ ท่ี ำ� การอุทยานแห่ง ชาติภหู ินร่องกล้า ทีส่ ุดอุทยานแหง่ ชาติในประเทศไทย 39
40
ทะเลดอกไมใ้ นปา่ สน อุทยานแห่งชาตภิ ูสอยดาว หากภูกระดึงแห่งเมืองเลย คือ ตัวแทนของแดนอีสาน ที่เป็นสุดยอดของความท้าทายในการปีนป่ายและวัดใจนักเดินทางให้ขึ้นไปพิชิต ภูสอยดาวก็คือ ตัวแทนของแดนล้านนาที่ท้าทายนักนิยมธรรมชาติให้ไปเหยียบยืนบนยอดสุดท่ี 2,102 เมตร เหนือระดับน�้ำทะเล ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนประทับใจของป่าสนผืนงาม และความหนาวเย็นเยียบ ทสี่ ดุ อุทยานแห่งชาตใิ นประเทศไทย 41
ภูสอยดาว ครอบคลุมพื้นที่กว่า 340.2128 ตารางกิโลเมตร ในเขตอ�ำเภอบ้านโคกและอ�ำเภอน�้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ กับอ�ำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก โดยเป็นภูเขาและป่าไม้ผืนสมบูรณ์ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ของเน้ือท่ีรวมท้ังหมด ส่วนที่เหลือ อีก 15 เปอร์เซ็นต์เป็นท่ีราบ ประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติล�ำดับท่ี 109 ของไทยในวันท่ี 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 • หนา้ 40 สายทพิ ย์ นำ้� ตกขนาดเล็กแต่สวยงาม ภาพความงามพิสุทธ์ิของสายหมอกที่โรยตัวลงคลอเคล้าป่าสน ที่ไหลผา่ นบรเิ วณรอยตอ่ ระหวา่ งปา่ ดงดบิ ชน้ื กว้างใหญ่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี ซงึ่ มีมวลดอกไม้ผลพิ ร่างขึ้นรบั กบั ป่าสนเขาของภสู อยดาว สายฝนเย็นฉำ�่ คือ มนต์เสน่ห์สุดขลังของทุ่งดอกไม้บนภูสอยดาว • หน้า 41 ป่าสนงามท่ามกลางทงุ่ ดอกไมแ้ ละสาย อนั สูงชนั หมอกท่ีแคมปด์ งสน • บน ทิวเทือกเขากวา้ งไกลไปจนสุด อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวมีสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับ ปลายฟา้ เมอ่ื มองจากเนนิ มรณะ ซับซ้อนชายแดนประเทศลาว โดยมีส่วนของยอดภูสอยดาว ความ • ลา่ ง ทงุ่ “หงอนนาค” หรอื นำ�้ คา้ งกลางเท่ียง สงู 2,102 เมตร จากระดบั น�้ำทะเลปานกลาง เป็นยอดเขาสูงที่สุดใน (Murdannia gigantea) ไม้ล้มลุกดอกสวย พื้นท่ี ก่อให้เกดิ สภาพอากาศหนาวเยน็ เหมาะสมต่อการเติบโตของ ในตระกลู Commelinaceae • หนา้ 43 บน ทางเดินข้นึ สูย่ อดภูสอยดาว ทีร่ ะดับ 1,800 เมตรเหนอื นำ้� ทะเล • หน้า 43 ล่าง ปา่ สนสามใบหรือเกย๊ี ะเปลือกบาง (Pinus kesiya) ในแสงสุดทา้ ยของวัน 42
ไปบา้ นบอ่ เบย้ี อ.บา้ นโคก อ. ฟากทา่ อ.นำ�้ ปาด สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตย ไป อ.ทองแสนขนั ประชาชนลาว คไปลออทุ งตยารนอนแหง่ ชาติ นำ้� ตกภสู อยดาว ไป อ.ชาตติ ระการ ภสู อยดาว ทท่ี ำ� การอทุ ยานแหง่ ชาติ ป่าดงดิบเขาและป่าสนเขา อันเป็นต้นก�ำเนดิ ของล�ำน้�ำปาดท่ีหลาก การเดนิ ทาง ไหลอยู่ตลอดปี ตงั้ ตน้ จากอำ� เภอเมอื ง จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ ความงดงามของทะเลดอกไมบ้ นปา่ สนภสู อยดาวจะสมบรู ณม์ าก ใชท้ างหลวงหมายเลข 1047 ระยะทาง ทส่ี ดุ ในชว่ งกลางฤดฝู นระหวา่ งเดอื นสงิ หาคม-กนั ยายน ซง่ึ แมจ้ ะท�ำให้ 68 กิโลเมตร ถึงสามแยกให้เล้ียวขวา การเดินทางยากล�ำบาก แต่เป็นช่วงที่ภูสอยดาวกลับมีทัศนียภาพ เข้าทางหลวงหมายเลข 1239 จะเห็น สวยงามท่ีสุด เน่ืองจากตามทุ่งหญ้าเขยี วขจใี นป่าสนจะมดี อกหงอน โรงพยาบาลน�้ำปาดอยู่ทางด้านขวามือ เงือก หรือน�้ำค้างกลางเที่ยงสีชมพูอ่อนแซมสลับกับดอกกระถินทุ่ง ตรงไปอีกประมาณ 47 กิโลเมตร จะ สีเหลืองสดใส สะพรั่งดอกไปทั่วหลังภู ย่ิงในยามเช้าสายหมอกขาว พบสามแยก ใหเ้ ลี้ยวขวาเข้าทางหลวง และไอเยน็ จะหม่ คลมุ ปา่ สนและทงุ่ ดอกหญา้ หงอนเงอื กเอาไว้ งดงาม หมายเลข 1268 เขา้ สูอ่ ทุ ยานแห่งชาติ ราวสวนสวรรค์ ภูสอยดาว อย่างไรก็ตาม หนทางเดินป่าข้ึนสู่ภูสอยดาวนน้ั ยังลำ� บากมาก โดยเฉพาะในฤดฝู น ดังนนั้ ผู้ที่ต้องการจะขนึ้ ไปชมทุ่งดอกไม้จึงควร มีสุขภาพแข็งแรง เพราะแม้ระยะทางเดินขึ้นภสู อยดาวจะยาวแค่ 6.5 กิโลเมตร แต่เป็นหนทางชันขึ้นเขา ผ่านเนนิ สุดโหดต่างๆ เช่น เนนิ ส่งญาติ เนนิ ปราบเซยี น เนนิ ป่าก่อ เนนิ เสอื โคร่ง และเนนิ มรณะ ใช้ เวลาเดนิ ระหว่าง 4-6 ช่ัวโมง จงึ จะล่วงข้นึ ถึงยอดภลู ักษณะราบเรียบ คลา้ ยภกู ระดงึ เนอื้ ทกี่ วา้ งใหญถ่ งึ 1,000 กวา่ ไร่ นอกจากนน้ี กั เดนิ ทาง ยงั ต้องแบกสมั ภาระและอาหารต่างๆขน้ึ ไปเองทั้งหมด แต่เมือ่ ขึน้ ถงึ หลังภูแล้ว ภาพความงามของทุ่งหญ้าหงอนเงือกและป่าสนสามใบ ที่สวยงามท่ีสุดในเมืองไทย คงจะเป็นเสมือนรางวัลช่วยเพ่ิมพลังให้ กลบั ฟื้นคืนได้เป็นแน่ ที่สดุ อุทยานแหง่ ชาตใิ นประเทศไทย 43
44
โสดุ ยอดขนุ เขาตะมวนัโกตจกู อุทยานแห่งชาติแมว่ งก์ ด้วยยอดสูงสุดที่ 1,964 เมตรของโมโกจูจึงเป็นเสมือนแม่เหล็กแรงสูง ที่ดึงดูดให้นักเดินทางข้ึนไปสัมผัส เช่นเดียวกับนกเงือกคอแดง นกภูหงอนพม่า นกหางร�ำหางยาวและนกมุ่นรกหน้าผากน�้ำตาล ท่ีหาดูได้ไม่ยากท่ีแม่วงก์ ขณะท่ีธารน้�ำตกงามๆ ก็มีมากมายหลายแห่ง ทั้งแม่เรวา แม่กี และโด่งดังท่ีสุดก็คือ แม่กระสา ที่เป็นสุดยอดของน้�ำตกแห่งเมืองก�ำแพงเพชร ท่ีสุดอทุ ยานแหง่ ชาตใิ นประเทศไทย 45
แม่วงก์ อุทยานแห่งชาติในล�ำดับที่ 54 ของประเทศครอบคลุมเน้ือท่ีกว่า 894 ตารางกิโลเมตร ในเขตอ�ำเภอปางศิลาทอง จังหวัดก�ำแพงเพชร และอ�ำเภอแม่วงก์ อ�ำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ โดยได้รับการประกาศให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติเม่ือวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2530 ชอ่ งเย็น จดุ ชมทวิ ทศั น์ กม.81 นำ้� ตกนนำ�้ าตงกนเวสลอื โครง่ คไปลออทุ งไวยปงัาเนจจฯา้ . กำ� แพงเพชร ไป อ.คลองขลงุ ดว้ ยความสงู เหนอื จากระดบั นำ�้ ทะเลปานกลางถงึ 1,964 เมตร นนั้ อ.ปางศลิ าทอง ไม่เพยี งแต่จะท�ำให้ “โมโกจ”ู คอื ยอดเขาท่ีสงู ทสี่ ดุ ของอุทยานแห่ง จุดชมทิวทศั น์ ชาตแิ มว่ งกแ์ ลว้ ยงั เปน็ ยอดเขาทส่ี งู สดุ เหนอื บรรดายอดเขาในอทุ ยาน อไป.อ้มุ ผาง ดา่ นตรวจ กม. 57 แห่งชาติทั้งหลายในเขตภาคเหนือตอนล่างอีกด้วย และท่ามกลาง ขุนนแำ�้ กเยง่ น็ผาคอยนาง ธรรมชาติที่มนุษย์ยากจะไปถึงด้วยระยะทางเดินเท้า 27 กิโลเมตร ทอทุที่ ยำ� กานารแหง่ ชาติ หนว่ ยพิทกั ษฯ์ เขาเขยี ว ท�ำให้โมโกจูเป็นแหล่งรวบรวมของความหลากหลายทางชีวภาพของ น้ำ� ตกแมก่ ระสา หน่วยพิทกั ษฯ์ ซับตามิ่ง พชื พรรณไม้และสตั ว์ป่าท่ยี อดเยย่ี มแห่งหนง่ึ ในประเทศไทย เช่น การ น้�ำตกแม่กี พบนกกว่า 300 ชนดิ ทง้ั ยังเป็นแหล่งพบนกชนดิ ใหม่ (first record) หน่วยพทิ กั ษ์ฯแมเ่ รวา ยอดเขาโมโกจู นำ�้ ตกแมเ่ รวา ไป อ.ขานุวรลักษณบ์ รุ ี หน่วยพิทักษฯ์ ปางขา้ วสาร เพียงแห่งเดียวของประเทศอย่าง นกมุ่นรกหน้าผากนำ้� ตาล (Rusty- หน่วยพทิ ักษ์ฯปางสัก ไป อ.ลาดยาว capped Fulvetta) และนกที่ใกล้สญู พนั ธ์ุท่ีสดุ ชนดิ หนง่ึ ในโลกอย่างนก อ. แมว่ งก์ เงือกคอแดง (Rufous-necked Hornbil) อีกด้วย นอกจากนน้ั ยังเป็นหนงึ่ ในที่สุดของยอดเขาที่นกั นิยมธรรมชาติ ไป อ.ชมุ ตาบง และผพู้ ชิ ติ ทง้ั หลายใฝฝ่ นั ปรารถนาทจี่ ะฝากรอยเทา้ และความประทบั 46
ใจไว้บนยอดหินผาแล้ บริเวณใกล้เคียงยังเป็นแหล่งก�ำเนิดของ • หน้า 44 บรรยากาศยามเชา้ อนั หนาวเหนบ็ สายน้�ำตกท่สี วยงาม อย่างเช่น น้�ำตกแม่กระสา นำ้� ตกขนาดใหญ่ซง่ึ ที่ความสูง 1,964 เมตรของโมโกจู ยอดเขาสูงสดุ มีทั้งหมด 9 ชน้ั รวมความสูงกว่า 1,000 เมตร มนี ำ้� ไหลแรงตลอดปี ของอุทยานแหง่ ชาติแม่วงก์ นำ้� ตกแม่กีที่มที ั้งหมด 9 ชั้นและสงู ถึง 200 เมตร และนำ�้ ตกแม่เรวา • หน้า 45 ทะเลหมอกก�ำลงั เคลอื่ นตัวเข้าปกคลมุ ทสี่ วยงามท่สี ุดในอุทยานแห่งชาตแิ ม่วงก์ ขุนเขาเบือ้ งล่าง ณ จดุ ชมทิวทัศน์ขุนนำ�้ เย็น ในยามเชา้ • หน้า 46 สภาพปา่ ต้นน้�ำล�ำธารอันชมุ่ ชนื้ ทีพ่ บได้ ตลอดเสน้ ทางของการพิชติ ยอดโมโกจู ซงึ่ ต้องใช้ เวลาไป-กลบั อยา่ งน้อย 4 วัน • บน บรรยากาศอนั รม่ ครมึ้ ดว้ ยพชื พนั ธไ์ุ มน้ านา ชนดิ บรเิ วณสนั เขาของจดุ ทเ่ี รยี กวา่ ชอ่ งเยน็ ซง่ึ เปน็ ทอี่ าศยั และหากนิ ของนกประจำ� ถนิ่ (Resident bird) ทหี่ ายากมากมายนบั สบิ ชนดิ เชน่ นกภหู งอน พนั ธพ์ุ มา่ (Burmese Yuhina) นกระวงั ไพรปากแดง สนั้ (Coral-billed Scimitar Babbler) นกหางรำ� หางยาว (Long-tailed Sibia) และนกเงอื กคอแดง (Rufous-necked Hornbill : Aceros nipalensis) นกขนาดใหญ่ทใ่ี กลส้ ูญพันธ์ุทส่ี ดุ ของโลกชนดิ หนง่ึ โดยยังคงพบเห็นครอบครัวของนกเงือกชนิดนไี้ ด้ เปน็ ประจำ� ทบี่ รเิ วณช่องเย็นในช่วงฤดฝู น • ล่าง แม่เรวา น้�ำตกสายงามทา่ มกลางผืนป่า ตะวันตกทส่ี มบูรณ์สุดขีดของแม่วงก์ มีดว้ ยกนั ทง้ั หมด 5 ชน้ั โดยช้นั ท่สี วยและสงู ที่สดุ คอื ช้ันท่ี 3 ซ่ึงมคี วามสูงประมาณ 100 เมตร การเดนิ ทาง จากจังหวัดนครสวรรค์ใช้ทางหลวง หมายเลข 1 (พหลโยธิน) ตรงไปจนถงึ อำ� เภอขลงุ แลว้ เลย้ี วซา้ ยเขา้ สทู่ างหลวง หมายเลข 1242 ไปอีกประมาณ 40 กิโลเมตร จากน้ันจึงเล้ียวขวาเข้า ทางหลวงหมายเลข 1072 ไปอีก 10 กิโลเมตรจนพบกับสี่แยกคลองลาน ให้เล้ียวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1117 (คลองลาน-อุ้มผาง) ตรงตอ่ ไปอกี ประมาณ 15 กิโลเมตรก็จะถึงท่ที ำ� การ อทุ ยานแห่งชาติแมว่ งก์ ท่ีสุดอุทยานแหง่ ชาตใิ นประเทศไทย 47
48
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155