Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เกณฑ์มาตรฐานการพัฒนาและรับรองคุณภาพงานการแพทย์แผนไทย

เกณฑ์มาตรฐานการพัฒนาและรับรองคุณภาพงานการแพทย์แผนไทย

Description: เกณฑ์มาตรฐานการพัฒนาและรับรองคุณภาพงานการแพทย์แผนไทย

Search

Read the Text Version

และรบั รเอกงณคฑณุ ม์ ภาาตพรฐงาานนกกาารรแพพัฒทนยาแ์ ผนไทย (Thai Traditional Medicine Hospital Accreditation Guidelines) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสุข ด้วยความร่วมมอื จาก สถาบันรบั รองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน)

ค�ำนำ� ตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยพทุ ธศักราช 2560 มาตรา 55 “รฐั ตอ้ ง ด�ำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขท่ีมีประสิทธิภาพอย่างท่ัวถึง เสริมสร้างให้ ประชาชนมีความรู้พ้ืนฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และส่งเสริมและ สนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริการ สาธารณสุขตามวรรคหนง่ึ ตอ้ งครอบคลมุ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ การควบคมุ และป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพด้วย รัฐต้องพัฒนาการบริการสาธารณสุขให้มี คุณภาพและมีมาตรฐานสูงข้ึนอย่างต่อเน่ือง”และจากนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสขุ ข้อท่ี 6 “วิจัยและพัฒนาเพอ่ื ส่งเสริมภูมิปัญญาไทยและสมุนไพรไทยให้มีคณุ ภาพ ครบวงจรและเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทย” โดยงานบริการการแพทย์แผนไทยถูกผสมผสาน เขา้ ส่รู ะบบบริการสาธารณสุขของประเทศ ทำ� ให้ประชาชาชนเข้าถงึ บรกิ ารการแพทย์แผนไทย ท่ีมีคุณภาพและไดม้ าตรฐานด้านการรักษา ดังนั้นในปีงบประมาณ 2560 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จึงมีนโยบายให้มีการพัฒนาและรับรองคุณภาพงานการแพทย์แผนไทย (TTM HA) เพอื่ ยกระดบั ศกั ยภาพงานการแพทยแ์ ผนไทยใหม้ คี ณุ ภาพและความปลอดภยั สามารถตอบสนอง ต่อปญั หาและความตอ้ งการของประชาชนผู้รบั บริการ โดยมเี ป้าหมายเพอื่ พฒั นาและรับรอง คุณภาพงานการแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ ซึ่งโรงพยาบาล เฉพาะทางการแพทย์แผนไทย สามารถน�ำเกณฑ์มาตรฐานการพัฒนาและรับรองคุณภาพ งานการแพทยแ์ ผนไทยใชเ้ ปน็ แนวทางในการดำ� เนนิ งานสว่ นโรงพยาบาลศนู ย์โรงพยาบาลทว่ั ไป

โรงพยาบาลชมุ ชน สงั กดั สำ� นกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ ทมี่ หี นว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย ให้ใช้ข้อก�ำหนดตอนที่ 1 และตอนท่ี 4 โดยบูรณาการกับแผนยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาล สว่ นขอ้ กำ� หนดในตอนที่ 2 และตอนท่ี 3 สามารถนำ� มาปรบั ใช้ใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ท เกณฑ์มาตรฐานฉบับน้ีเป็นมาตรฐานเชิงกระบวนการ ผลผลิต และผลลัพธ์ ทโ่ี รงพยาบาลเปา้ หมายสามารถใชเ้ ปน็ แนวทางในการพฒั นาคณุ ภาพงานการแพทยแ์ ผนไทย โดย สถาบนั รับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องคก์ ารมหาชน) ได้ให้ความร่วมมือในการเป็น ที่ปรึกษาและคณะกรรมการในการตรวจสอบและให้ค�ำแนะน�ำ เพื่อให้เกณฑ์ดังกล่าว เปน็ ทยี่ อมรบั และมคี วามสอดคลอ้ งเชือ่ มโยงกับเกณฑม์ าตรฐานสากล กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีความคาดหวังเป็นอย่างย่ิง วา่ การพฒั นาและรบั รองคณุ ภาพงานการแพทยแ์ ผนไทย จะเปน็ กลไกสำ� คญั ทช่ี ว่ ยสรา้ งคณุ คา่ ใหง้ านการแพทยแ์ ผนไทยมกี ารพฒั นาและประยกุ ต์ใช้ในระบบบรกิ ารสาธารณสขุ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ตลอดจนสรา้ งความศรทั ธาเชอื่ มน่ั ในการดแู ลสขุ ภาพของประชาชนดว้ ยศาสตรก์ ารแพทยแ์ ผนไทย ให้เป็นทยี่ อมรับและทดั เทียมมาตรฐานสากลในอนาคตได้ (นายแพทยเ์ กยี รตภิ มู ิ วงศร์ จติ ) อธบิ ดกี รมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กนั ยายน 2561

ค�ำนำ� ตามที่ สถาบันรับรองคุณภาพสถานสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ได้ร่วมมือกับกรมการแพทย์แผนไทยและ การแพทย์ทางเลือก ในการพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานการพัฒนาและ รับรองคุณภาพงานการแพทย์แผนไทย (TTM HA Guidelines) ให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (Hospital and Healthcare Standards) ฉบับท่ี 4 เพื่อถ่ายทอด ปรชั ญาและแนวคดิ การพฒั นาคณุ ภาพใหห้ นว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย สามารถน�ำเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าว ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน ด้านการแพทย์แผนไทยให้เหมาะสมกับบริบท

สถาบันรับรองคุณภาพสถานสถานพยาบาล (องค์การ มหาชน) มคี วามคาดหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ วา่ เกณฑม์ าตรฐานการพฒั นา และรับรองคุณภาพงานการแพทย์แผนไทยฉบับนี้ จะช่วยช้ีน�ำ การพัฒนาระบบงานการแพทย์แผนไทย เพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่ ผู้ป่วยและผู้รับผลงานอื่น ภายใต้บริบทของตนเอง ช่วยให้งาน การแพทยแ์ ผนไทยเกดิ การบรู ณาการระหวา่ งหนว่ ยงาน เกดิ วฒั นธรรม คณุ ภาพ ความปลอดภยั และการเรยี นรู้ในองคก์ ร นำ� ไปสคู่ วามสำ� เรจ็ อย่างย่ังยืนต่อไป (นายแพทยก์ ติ ตนิ นั ท์ อนรรฆมณ)ี ผอู้ ำ� นวยการสถาบนั รบั รองคณุ ภาพสถานสถานพยาบาล กนั ยายน 2561

สารบญั เแกลณะรฑบั ม์ราอตงครฐณุ าภนากพารงพานฒั กนาราแพทยแ์ ผนไทย เรื่อง หนา้ แนวทางการใชเ้ กณฑ์มาตรฐาน 10 ตอนท่ี 1 ภาพรวมการบริหารงานการแพทยแ์ ผนไทย 13 1.1 การน�ำหน่วยงานการแพทย์แผนไทย (LED) 14 1.2 กลยุทธ์ (STG) 18 1.3 ผู้ป่วยและผู้รับผลงาน (PCM) 21 1.4 การวดั การวเิ คราะห์ และการจดั การความรู้ (MAK) 25 1.5 ก�ำลังคน (WKF) 28 1.6 การปฏิบัตกิ าร (OPT) 33

ตอนท่ี 2 ระบบงานสำ� คัญของงานการแพทย์แผนไทย 39 2.1 กระบวนงานหลักของงานการแพทยแ์ ผนไทย (CTM) 40 2.2 การบูรณาการศาสตร์ (INT) 44 2.3 การบรหิ ารความเส่ยี ง ความปลอดภยั และคณุ ภาพ (RSQ) 46 2.4 การก�ำกบั ดแู ลด้านวชิ าชีพ (PFG) 57 2.5 สิ่งแวดล้อมในการดูแลผู้ปว่ ย (ENV) 59 2.6 การป้องกันและควบคุมการตดิ เชือ้ (IC) 67 2.7 ระบบเวชระเบียน (MRS) 72 2.8 ระบบการจัดการดา้ นยาแผนไทย (MMS) 76 2.9 งานภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ และชมุ ชน (LWC) 85

สารบญั แเกลณะรฑบั ม์ราอตงครฐณุ าภนากพารงพานฒั กนาราแพทยแ์ ผนไทย ตอนที่ 3 กระบวนการดูแลผู้ป่วย 87 3.1 การเข้าถึง (ACN) 88 3.2 การคัดกรองผ้ปู ่วย (SCN) 90 3.3 การประเมนิ ผูป้ ว่ ย การซกั ประวัติและการตรวจร่างกาย 91 ดา้ นการแพทยแ์ ผนไทย (AHP) 3.4 การวนิ ิจฉัยและกลไกการเกดิ โรคตามทฤษฎี 92 การแพทยแ์ ผนไทย (DDM) 3.5 การวางแผนกระบวนการดูแลรักษา (PLN) 93 3.6 การส่งเสรมิ การปอ้ งกัน การฟน้ื ฟู 94 ดว้ ยวิธีทางการแพทย์แผนไทย (HPR) 3.7 การใหค้ �ำแนะน�ำและการเสรมิ พลงั 95 ทางการแพทยแ์ ผนไทย (AMP) 3.8 การประเมินผลกระบวนการดูแล (AOC) 96 3.9 การจ�ำหนา่ ยและสิน้ สุดกระบวนการดูแล (DCP) 96 3.10 การติดตามผลและการดูแลตอ่ เนื่อง (COC) 97

ตอนท่ี 4 ผลการดำ� เนินงานของงานการแพทยแ์ ผนไทย 99 4.1 ผลดา้ นการดูแลสุขภาพ (HCR) 100 4.2 ผลดา้ นการม่งุ เนน้ ผปู้ ว่ ยและผรู้ บั ผลงานอ่นื (CFR) 101 4.3 ผลดา้ นกำ� ลงั คน (WFR) 101 4.4 ผลดา้ นการนำ� (LDR) 102 4.5 ผลดา้ นประสทิ ธิผลของกระบวนการทำ� งานส�ำคัญ (WPR) 103 4.6 ผลดา้ นการเงิน (FNR) 103 TTM HA Scoring Guideline 104 เอกสารอ้างอิง 106 ภาคผนวก ค�ำส่ังแตง่ ตัง้ 109

แนวทางการใชเ้ กณฑม์ าตรฐาน เปา้ หมายของการใชม้ าตรฐาน : ใชเ้ พอ่ื เปน็ แนวทางในการออกแบบระบบงานการแพทยแ์ ผนไทยใหม้ คี ณุ ภาพ มีความปลอดภัย มีความเหมาะสม และใช้ประเมินเพื่อหาโอกาสในการพัฒนา ท้ังนี้ข้ึนกับบริบท (Context) ของพน้ื ท่ี ขอบเขตของมาตรฐาน : เป็นมาตรฐานส�ำหรับการพัฒนาและประเมินโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทย หรือ หน่วยงานการแพทย์แผนไทย ซงึ่ สามารถใช้ได้กับโรงพยาบาลทุกระดับ โรงพยาบาลเฉพาะทาง1 การแพทย์แผนไทย สามารถใช้มาตรฐานฉบับนี้โดยการน�ำข้อก�ำหนด ในตอนท่ี 1 ตอนท่ี 2 ตอนท่ี 3 และตอนท่ี 4 มาปรับใช้ให้มคี วามสอดคล้องและเหมาะสมกับบริบท โรงพยาบาลที่มีหน่วยงานการแพทย์แผนไทย สามารถใช้มาตรฐานฉบับนี้โดยข้อก�ำหนดในตอนที่ 1 และตอนที่ 4 ใหบ้ รู ณาการกบั แผนยทุ ธศาสตรข์ องโรงพยาบาล และนำ� ขอ้ กำ� หนดในตอนท่ี 2 และตอนท่ี 3 มาปรบั ใช้ใหม้ ีความสอดคล้องและเหมาะสมกับบรบิ ท 1 เฉพาะทาง หมายถงึ โรงพยาบาลการแพทยแ์ ผนไทยรูปแบบพิเศษ (Special Hospital) เชน่ โรงพยาบาลการแพทยแ์ ผนไทยผสมผสาน ยศเส เปน็ ตน้ 10

หลักส�ำคัญในการใชม้ าตรฐาน : 1. การพิจารณาบริบท (Context) ของหน่วยงาน โดยวิเคราะห์หาจุดเด่น ความท้าทาย โอกาสพัฒนา และประเด็นความเส่ยี งทส่ี ำ� คัญของระบบ 2. การใชค้ า่ นยิ มและแนวคดิ หลกั (Core values & Concepts) ของการพัฒนาคุณภาพ 3. การใช้เคร่ืองมือคุณภาพในการพัฒนาคุณภาพและการเรียนรู้ เช่น Plan-Do-Study-Act : PDSA หรอื Design-Action-Learning-Improvement : DALI หรอื Purpose-Process-Performance : 3P 4. แนวทางการประเมนิ ระดบั การปฏบิ ตั ติ ามมาตรฐาน (TTM HA Scoring Guideline) การนำ� มาตรฐานไปใชก้ อ่ ให้เกดิ คณุ ค่า : 1. ท�ำความเขา้ ใจเป้าหมายและค�ำส�ำคญั (Keywords) ของมาตรฐานใหช้ ัดเจน 2. เน้นการใช้เพอื่ การเรยี นรู้และยกระดับผลการดำ� เนินงาน 3. เนน้ ความเช่ือมโยงระหวา่ งระบบงานและองค์ประกอบในแตล่ ะระบบ 4. เน้นการนำ� มาตรฐานไปเรียนรแู้ ละทบทวนผลการปฏบิ ัตงิ านในสถานการณจ์ รงิ 5. เน้นการทบทวนประเมนิ ผลในระดบั ภาพรวมและการบรรลเุ ปา้ หมายของแต่ละระบบ 6. เน้นการพัฒนาปรับปรุงคณุ ภาพให้ดีขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง (Continuous Quality Improvement : CQI) 11

ภาพรวมแงลานะคกวาารมแเพชท่อื มยแ์โยผงนขไอทงยมาตรฐาน 12

ภงาานพกราวรมแกพาทรยบ์แรผหิ นาไรทย เกณฑม์ าตรฐานการพฒั นาและรบั รองคณุ ภาพงานการแพทยแ์ ผนไทย

ภาพรวมการบรหิ ตาอรงนาทน่ี ก1ารแพทยแ์ ผนไทย 1. การน�ำหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย (LED) 1.1 การน�ำองคก์ รโดยผู้นำ� ระดบั สงู (Senior Leadership) การกระทำ� ของผนู้ ำ� ระดบั สงู ชนี้ ำ� และทำ� ใหอ้ งคก์ รและหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทยยง่ั ยนื ผา่ นวสิ ยั ทศั น์ และค่านิยม การส่ือสารท่ีได้ผลกับบุคลากร การสร้างส่ิงแวดล้อมเพ่ือความส�ำเร็จ และการก�ำหนดจุดเน้น ทก่ี ารปฏบิ ตั ิ ก. วิสัยทัศน์ (Vision) พันธกจิ (Mission) ค่านิยม (Core Values) และจรยิ ธรรม 1. ผนู้ ำ� ระดบั สงู ชนี้ ำ� องคก์ รและหนว่ ยงานการแพทยแ์ ผนไทย ดว้ ยการกำ� หนดวสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ และค่านิยม เป็นลายลักษณ์อักษร และถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ลงสู่การปฏิบัติรวมท้ังเป็น แบบอย่างท่ดี ีในการปฏบิ ตั ติ ามค่านยิ มขององคก์ ร 2. ผนู้ ำ� ระดบั สงู กำ� หนดหลกั จรยิ ธรรมและแนวปฏบิ ตั ทิ พี่ งึ ประสงคเ์ ปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรทช่ี ว่ ย ช้นี ำ� การตัดสนิ ใจ และปฏิสมั พันธ์ระหว่างเจ้าหนา้ ท่ีผูป้ ่วย/ผรู้ บั บรกิ ารผูม้ สี ว่ นเกยี่ วข้องและ สังคมโดยรวม 3. ผนู้ ำ� ระดับสูงส่งเสรมิ ให้มกี ารปฏิบตั ติ ามกฎหมายและหลกั จริยธรรม 14

ข. การสอ่ื สาร 1. ผนู้ ำ� ระดบั สงู ใชก้ ารสอื่ สารอยา่ งไดผ้ ลและสรา้ งความผกู พนั กบั กำ� ลงั คนทง้ั องคก์ รและผรู้ บั บรกิ ารทส่ี ำ� คญั สอื่ สารการตดั สนิ ใจทสี่ ำ� คญั และความจำ� เปน็ ในการเปลย่ี นแปลง จงู ใจกำ� ลงั คน เพอื่ ให้มีผลการด�ำเนินการท่ดี ี ค. ผลการด�ำเนนิ งานขององคก์ ร 1. ผู้นำ� ระดับสูงสรา้ งส่งิ แวดล้อมที่ท�ำให้องคก์ รประสบความสำ� เรจ็ บรรลุพันธกจิ เป็นองคก์ ร ทคี่ ลอ่ งตวั มวี ฒั นธรรมความปลอดภยั มกี ารเรยี นรู้ มกี ารสรา้ งนวตั กรรม และสรา้ งความ ผูกพนั กบั ผรู้ ับบรกิ าร 2. ผู้น�ำระดับสูงก�ำหนดจุดเน้นท่ีการปฏิบัติเพ่ือบรรลุพันธกิจและการปรับปรุงผลการด�ำเนิน การขององค์กร ระบุการปฏิบัติที่จ�ำเป็นและก�ำหนดความคาดหวังในการสร้างคุณค่าให้แก่ ผู้ปว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอ่นื 1.2 การกำ� กบั ดแู ลองค์กรและความรบั ผิดชอบต่อสังคม (Governance and Societal Responsibility) องค์กรท�ำให้ม่ันใจในระบบการก�ำกับดูแลกิจการท่ีมีความรับผิดชอบ ปฏิบัติตามกฎหมาย มีจริยธรรม มีความรับผดิ ชอบต่อสงั คม 15

ก. การก�ำกับดูแลองค์กร 1. ระบบกำ� กบั ดแู ลองคก์ ร ทบทวนและประสบความสำ� เรจ็ ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี • ความรบั ผดิ ชอบในการกระทำ� ของผนู้ ำ� ระดบั สงู • ความรบั ผดิ ชอบตอ่ แผนกลยทุ ธ์ • ความรบั ผดิ ชอบดา้ นการเงนิ • ความโปรง่ ใสในการดำ� เนนิ การ • การตรวจสอบภายในและภายนอกทเี่ ปน็ อสิ ระและมปี ระสทิ ธผิ ล • การพทิ กั ษผ์ ลประโยชนข์ องผมู้ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี 2. องค์กรประเมินผลการด�ำเนินการของผู้น�ำระดับสูง ระบบการน�ำ ระบบก�ำกับดูแลองค์กร และนำ� ผลการประเมนิ มาใช้ปรับปรุงผูน้ ำ� และระบบการนำ� 3. องคก์ รวางระบบกำ� กบั ดแู ลทางคลนิ กิ 1 เพอื่ กำ� กบั ดแู ลองคป์ ระกอบสำ� คญั ไดแ้ ก่ การศกึ ษา และฝกึ อบรมตอ่ เนอื่ งของผปู้ ระกอบวชิ าชพี การแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ตแ์ ละการแพทยแ์ ผนไทย การผลิต/ร่วมผลิตบุคลากร การทบทวนการดูแลผู้ป่วยหรือการตรวจสอบทางคลินิก ผลสมั ฤทธข์ิ องการดแู ลผปู้ ว่ ยการวจิ ยั และพฒั นาการเปดิ เผยขอ้ มลู 2การบรหิ ารความเสย่ี ง 1 การก�ำกับดูแลทางคลินิก (clinical governance) เป็นกรอบที่สถานพยาบาลใช้เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการธ�ำรงคุณภาพและมาตรฐาน ในงานบริการ ตลอดจนยกระดับคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง โดยใช้การจัดการงานคลินิกบริการอย่างเหมาะสมและการสร้างสภาพแวดล้อม ทช่ี ่วยเสรมิ สรา้ งงานบริการทีเ่ ป็นเลศิ 2 การเปดิ เผยขอ้ มลู (openness) เชน่ การเปิดเผยหรือแสดงขอ้ มูลด้านการรักษาพยาบาลแกผ่ ปู้ ว่ ยและญาติ เพ่อื ส่งเสริมให้ผู้ปว่ ยและญาติ มีส่วนร่วม ในกระบวนการดแู ลรกั ษา ตลอดจนการจดั ให้มีช่องทางท่ีจะรบั ฟังความคดิ เห็นหรือเรื่องรอ้ งเรียน 16

การจดั การสารสนเทศและประสบการณข์ องผปู้ ว่ ยคณะผกู้ ำ� กบั ดแู ลทางคลนิ กิ ไดร้ บั รายงาน อย่างสม่�ำเสมอ และแสดงความรับผิดชอบในการสร้างหลักประกันผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วย ท่มี ีคุณภาพสูง ข. การปฏบิ ตั ิตามกฎหมายและพฤติกรรมทมี่ จี ริยธรรม 1. องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ คาดการณ์และเตรียมการเชิงรุกต่อผลกระทบ เชงิ ลบตอ่ สังคม ความกังวลของสาธารณะ3 และอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ 2. องค์กรส่งเสริมและสร้างความมั่นใจว่าจะมีพฤติกรรมที่มีจริยธรรมในปฏิสัมพันธ์ทุกกรณี มกี ารตดิ ตามกำ� กบั และดำ� เนินการตอ่ พฤตกิ รรมที่ฝา่ ฝนื หลกั จรยิ ธรรม 3. องค์กรจัดให้มีกลไกเพื่อการรับรู้และจัดการกับประเด็นทางจริยธรรมท่ียากล�ำบาก ในการตดั สนิ ใจ4 ด้วยวิธีการและระยะเวลาทีเ่ หมาะสม ค. ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม 1. องคก์ รมสี ว่ นรบั ผดิ ชอบตอ่ ความผาสกุ ของสงั คมทงั้ ในดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มสงั คมและเศรษฐกจิ 3 ความกังวลของสาธารณะ (public concerns) อาจรวมถึงความปลอดภยั ของผู้ปว่ ย คา่ ใชจ้ ่าย การเข้าถงึ ที่เทา่ เทยี มและทันการณ์ สง่ิ คุกคามใหมๆ่ ที่เกดิ ขึ้น และการจัดการกับของเสียจากการให้บริการทางการแพทย์ (medical waste) 4 ประเดน็ ทางจรยิ ธรรมทยี่ ากลำ� บากในการตัดสนิ ใจ (ethical dilemma) เช่น การตดั สินใจไม่ใหก้ ารรักษาหรอื ยตุ กิ ารรักษา การให้การรกั ษาทีจ่ �ำเป็น แต่ขดั กับความประสงคข์ องผู้ป่วย การรับผ้ปู ว่ ยหนักรายใหมเ่ ขา้ ไปในหอผ้ปู ว่ ยหนกั ซงึ่ จำ� เปน็ ตอ้ งยา้ ยผปู้ ว่ ยหนักที่อยูเ่ ดมิ ออกหนึง่ ราย 17

2. กลยุทธ์ (STG) 2.1 การจัดท�ำกลยทุ ธ์ (Strategy Development) องคก์ รวางแผนเชงิ กลยทุ ธ์ เพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการบรกิ ารสขุ ภาพ ตอบสนองความทา้ ทาย และสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั การดำ� เนนิ งานขององคก์ ร ก. กระบวนการจดั ทำ� กลยทุ ธ์ 1. องค์กรมีการวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสม ในด้านกรอบเวลา ข้ันตอน ผู้มีส่วนร่วม มกี ารพจิ ารณาความจำ� เปน็ ในการเปลย่ี นแปลงแบบพลกิ โฉม และความคลอ่ งตวั ขององคก์ ร 2. องค์กรก�ำหนดโอกาสเชิงกลยุทธ์ ตัดสินใจเลือกโอกาสพัฒนาและความเสี่ยงส�ำคัญที่จะ ดำ� เนนิ การให้ส�ำเรจ็ และสง่ เสริมนวัตกรรมในเรื่องดงั กล่าว 3. องค์กรวิเคราะห์ข้อมูลต่อไปนี้ในการจัดท�ำกลยุทธ์: ปัญหาและความต้องการด้านสุขภาพ ของผู้รับบริการ/ชุมชนที่รับผิดชอบ ความท้าทายเชิงกลยุทธ์ ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ สง่ิ ทคี่ กุ คามความสำ� เรจ็ โอกาสเปลย่ี นแปลงในสง่ิ แวดลอ้ ม จดุ บอดทเี่ ปน็ ไปได้ในการวางแผน ความสามารถในการนำ� แผนไปปฏิบตั ิ 4. องคก์ รก�ำหนดสมรรถนะหลกั ขององค์กรท่ีจะทำ� ใหบ้ รรลุพันธกจิ ขององคก์ ร 18

5. องคก์ รตดั สนิ ใจเรอ่ื งกระบวนการทำ� งานขององคก์ รวา่ กระบวนการทำ� งานใดทจี่ ะดำ� เนนิ การเอง และกระบวนการท�ำงานใดท่ีจะให้ผู้ส่งมอบหรือพันธมิตรท�ำ โดยพิจารณาสมรรถนะหลัก ขององค์กรและองค์กรภายนอก การบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ การใช้ทรัพยากร อย่างเหมาะสม และความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อความยั่งยืนและประสิทธิภาพ ขององค์กร ข. วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงกลยทุ ธ์ 1. องค์กรระบุวตั ถุประสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธ์ทีส่ ำ� คัญ ค่าเปา้ หมายและกำ� หนดเวลาทจี่ ะบรรลุ 2. วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ตอบสนองความท้าทายเชิงกลยุทธ์ใช้ประโยชน์จากสมรรถนะหลัก ขององค์กร ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์และโอกาสเชิงกลยุทธ์ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ สะท้อนสมดุลระหว่างความต้องการดา้ นตา่ งๆ ขององค์กร 3. วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ ตอบสนองต่อความต้องการบริการสุขภาพของชุมชนหรือ กล่มุ ผู้รบั บริการครอบคลุม การสร้างเสรมิ สขุ ภาพของผปู้ ว่ ย ครอบครัว ชุมชน บุคลากร และสงิ่ แวดล้อม 19

2.2 การน�ำกลยทุ ธ์ไปปฏบิ ตั ิ (Strategy Implementation) องค์กรถ่ายทอดแผนกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ และติดตามความก้าวหน้าเพื่อให้ม่ันใจว่า บรรลเุ ป้าประสงค์ ก. การจดั ทำ� แผนปฏบิ ตั ิการ (Action Plans) และถา่ ยทอดสกู่ ารปฏบิ ตั ิ 1. องค์กรจัดท�ำแผนปฏิบัติการระยะสัน้ และระยะยาว เพ่ือบรรลวุ ตั ถุประสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธ์ 2. องค์กรถ่ายทอดแผนปฏิบัติการไปสู่การปฏิบัติ ท้ังในองค์กร ผู้ส่งมอบและพันธมิตร ทร่ี ่วมในการขบั เคลื่อน ยุทธศาสตร์ บุคลากรตระหนักในบทบาทและการมสี ว่ นร่วมต่อการ บรรลุวตั ถปุ ระสงค์เชิงกลยทุ ธ์ 3. องค์กรจัดสรรทรัพยากรด้านการเงินและด้านอ่ืนๆอย่างเพียงพอเพ่ือให้แผนปฏิบัติการ ประสบความสำ� เรจ็ 4. องคก์ รจดั ทำ� แผนดา้ นกำ� ลงั คนทส่ี ำ� คญั เพอ่ื สนบั สนนุ วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธแ์ ละแผนปฏบิ ตั กิ าร 5. องคก์ รกำ� หนดตวั ชว้ี ดั สำ� คญั เพอ่ื ใชต้ ดิ ตามความกา้ วหนา้ และความสำ� เรจ็ ของการนำ� นโยบาย ระเบยี บปฏบิ ตั ิ และแผนปฏิบัติการสู่การปฏบิ ตั ิ ข. การปรบั เปลย่ี นแผนปฏบิ ตั ิการ องค์กรปรบั เปลยี่ นแผนปฏิบัตกิ ารเมอ่ื มคี วามจำ� เปน็ และนำ� แผนท่ีปรับเปลย่ี นไปสกู่ ารปฏิบัติ 20

3. ผู้ป่วยและผู้รับผลงาน (PCM) 3.1 เสียงของผู้ป่วย/ผูร้ ับผลงาน (Voice of Patient / Customer) องคก์ รรบั ฟงั และเรยี นรจู้ ากผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอนื่ เพอื่ ให้ไดข้ อ้ มลู ทนี่ ำ� ไปใชป้ ระโยชน์ในการตอบสนอง ความตอ้ งการ/ความคาดหวงั ก. การรับฟังผ้ปู ่วยและผรู้ ับผลงานอืน่ 1. องคก์ รรบั ฟงั เสยี งจากผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอนื่ ในปจั จบุ นั เรยี นรคู้ วามตอ้ งการและความคาดหวงั ดว้ ยวธิ กี ารทเี่ หมาะสมกบั กลมุ่ ตา่ งๆรวมทง้ั การรบั ฟงั ขอ้ มลู ปอ้ นกลบั ทนั ทหี ลงั เขา้ รบั บรกิ าร เพอ่ื ให้ไดข้ อ้ มลู ทน่ี ำ� ไปใชป้ ระโยชน์ในการวางแผนจดั บรกิ ารและปรบั ปรงุ กระบวนการทำ� งาน 2. องค์กรรับฟังเสียงจากกลุ่มที่น่าจะเป็นผู้ป่วย/ผู้รับผลงานอ่ืนในอนาคตเพ่ือให้ได้ข้อมูล ท่ีนำ� ไปใชป้ ระโยชน์ ข. การประเมินความพงึ พอใจและความผกู พนั ของผปู้ ว่ ย/ผรู้ ับผลงานอ่ืน 1. องคก์ รประเมนิ ความพงึ พอใจ ความไมพ่ งึ พอใจ และความผกู พนั ของผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอน่ื ดว้ ยวิธีการทเ่ี หมาะสมกบั กลุ่มตา่ งๆ 21

3.2 ความผกู พนั ของผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอน่ื (Patient / Other Customer Engagement) องค์กรสร้างความผูกพันกับผู้ป่วย/ผู้รับผลงานอ่ืน ด้วยการตอบสนองความต้องการและสร้าง ความสัมพันธ์ ก. การใชข้ อ้ มลู เพ่อื จดั บริการและอำ� นวยความสะดวกแก่ผปู้ ว่ ย/ผู้รบั ผลงานอน่ื 1. องคก์ รนำ� ความตอ้ งการและความคาดหวงั ของผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอนื่ มากำ� หนดคณุ ลกั ษณะ ของบริการ 2. องค์กรเก้ือหนุนผู้ป่วย/ผู้รับผลงานอื่นในการค้นหาข้อมูลข่าวสารการเข้ารับบริการ และรบั การชว่ ยเหลือ 3. องค์กรจ�ำแนกกลุ่มผู้ป่วย/ผู้รับผลงานอื่น และก�ำหนดกลุ่มท่ีจะให้ความส�ำคัญ ในการจดั บริการสขุ ภาพ ข. ความสมั พันธก์ บั ผปู้ ว่ ย/ผรู้ ับผลงานอื่น 1. องคก์ รสรา้ งและจดั การความสมั พนั ธก์ บั ผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอนื่ เพอื่ ตอบสนองความคาดหวงั และเพิ่มความผูกพันกบั องคก์ ร 2. องค์กรจัดการค�ำร้องเรียนของผู้ป่วย/ผู้รับผลงานอื่น อย่างทันท่วงทีและได้ผล เพ่ือเรียกความเชื่อมั่นกลับ คืนมาและป้องกันการเกิดซ�้ำ มีการรวบรวมและวิเคราะห์ ค�ำร้องเรียนเพอ่ื ใช้ในการปรบั ปรุงท่ัวทั้งองคก์ ร 22

3.3 สิทธิผ้ปู ่วย (Patient’s Rights) องคก์ รตระหนักและให้การค้มุ ครองสิทธผิ ู้ปว่ ย ก. คำ� ประกาศสทิ ธิผู้ปว่ ย 1. ผู้ป่วยได้รับการคุ้มครองตามค�ำประกาศสิทธิผู้ป่วยขององค์กรวิชาชีพและกระทรวง สาธารณสขุ 5 ข. กระบวนการคุม้ ครองสิทธผิ ปู้ ว่ ย 1. องค์กรสร้างหลักประกันว่าผู้ปฏิบัติงานมีความตระหนักและทราบบทบาทของตนในการ ค้มุ ครองสทิ ธผิ ู้ป่วย และมีระบบพร้อมท่จี ะตอบสนองเมื่อผู้ปว่ ยขอใชส้ ทิ ธิ 2. ผู้ปว่ ยไดร้ ับข้อมูลเกี่ยวกับสทิ ธแิ ละหนา้ ที่ในลกั ษณะทเี่ ข้าใจไดง้ า่ ย 3. มีการค�ำนึงถงึ สิทธผิ ปู้ ว่ ยในทุกกิจกรรมของการดูแลผู้ปว่ ย 5 ค�ำประกาศสทิ ธผิ ู้ปว่ ย ได้แก่ 1. สิทธพิ ้นื ฐานท่จี ะไดร้ ับรักษาพยาบาลและการดแู ลด้านสุขภาพโดยไมม่ ีการเลือกปฏบิ ัติตามที่บญั ญตั ไิ วใ้ นรฐั ธรรมนูญ, 23 2. สิทธิที่จะรับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอและเข้าใจชัดเจนเพื่อให้สามารถตัดสินใจในการยินยอมหรือไม่ยินยอมให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ ปฏบิ ตั ติ อ่ ตน, 3. สทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื โดยทนั ทเี มอื่ อยใู่ นภาวะเสยี่ งอนั ตรายถงึ ชวี ติ , 4. สทิ ธทิ จ่ี ะทราบชอ่ื สกลุ และประเภท ของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสขุ ภาพทใ่ี หบ้ รกิ ารแกต่ น, 5. สทิ ธทิ จี่ ะขอความเหน็ จากผปู้ ระกอบวชิ าชพี ดา้ นสขุ ภาพอน่ื ทมี่ ไิ ดเ้ ปน็ ผใู้ หบ้ รกิ ารแกต่ น และสทิ ธใิ นการขอเปลยี่ นตวั ผใู้ หบ้ รกิ ารหรอื สถานบรกิ าร, 6. สทิ ธทิ จ่ี ะไดร้ บั การปกปดิ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเองโดยเครง่ ครดั , 7. สทิ ธทิ จี่ ะไดร้ บั ทราบขอ้ มลู อยา่ งครบถว้ นในการตดั สนิ ใจ เข้าร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลองในการท�ำวิจัย, 8. สิทธิที่จะได้รับทราบ ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนท่ีปรากฏใน เวชระเบียนเมอื่ ร้องขอ, 9. บดิ ามารดา หรือผู้แทนโดยชอบธรรมอาจใชส้ ทิ ธิแทน ผู้ป่วยทเี่ ปน็ เดก็ อายยุ ังไม่เกนิ สบิ แปดปีบริบรู ณ์ผ้บู กพรอ่ งทางกาย หรือจิต ซง่ึ ไม่สามารถใชส้ ทิ ธิดว้ ยตนเองได้

4. มกี ารจดั การเพอ่ื ใหเ้ กดิ สวสั ดภิ าพและความปลอดภยั แกผ่ ปู้ ว่ ย/ผรู้ บั บรกิ ารผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั บรกิ าร ไดร้ บั การปกปอ้ งจากการถูกท�ำรา้ ยด้านรา่ งกาย จติ ใจ และสังคม 5. ผปู้ ว่ ยไดร้ บั การดแู ลดว้ ยความเคารพความเปน็ สว่ นตวั ศกั ดศิ์ รขี องความเปน็ มนษุ ยค์ า่ นยิ ม และความเชื่อสว่ นบคุ คล 6. องค์กรสร้างหลักประกันว่าผู้ป่วยท่ีมีปัญหาและความรุนแรงเหมือนกันจะได้รับการดูแล ในลกั ษณะเดยี วกนั 7. ผู้ปว่ ยทเี่ ข้าร่วมงานวิจัยทางคลินิกไดร้ ับการคุ้มครองสิทธิ ค. การดูแลผปู้ ่วยทม่ี คี วามตอ้ งการเฉพาะ 1. ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้รับการดูแลด้วยความเคารพในสิทธิและศักด์ิศรีของความเป็นมนุษย์ และการตัดสินใจ เกี่ยวกับการให้ การคงไว้ หรือการยุติการรักษาเพื่อยืดชีวิต เป็นไป อย่างสอดคล้องกับข้อบังคับหรือกฎหมาย ความเชื่อและวัฒนธรรมด้วยการมีส่วนร่วม ของผู้ปว่ ยและครอบครัว 2. ผรู้ บั บรกิ ารท่เี ปน็ เดก็ สตรตี ้งั ครรภแ์ ละหญงิ หลังคลอด ผ้พู ิการ ผูส้ ูงอายุผปู้ ว่ ยที่มีปญั หา สุขภาพจิต ทช่ี ่วยเหลือตนเองไมไ่ ด้ ไดร้ บั การคุ้มครองสิทธอิ ยา่ งเหมาะสม 3. มีการปฏบิ ตั ติ ่อผู้ปว่ ยที่จำ� เปน็ ต้องแยก หรอื ผูกยึด อย่างเหมาะสม 24

4. การวดั การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (MAK) 4.1 การวัดวิเคราะห์ และปรับปรุงผลงานขององค์กร (Measurement Analysis and Improvement of Organizational Performance) องคก์ รเลอื กรวบรวมและวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทเี่ หมาะสมใชผ้ ลการทบทวนเพอ่ื ปรบั ปรงุ ผลงานขององคก์ ร และสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ ก. การวดั ผลการดำ� เนนิ การ (Performance Measurement) 1. องคก์ รกำ� หนด รวบรวม เชอ่ื มโยงขอ้ มลู /ตวั ชว้ี ดั สำ� คญั ทส่ี อดคลอ้ งไปในทศิ ทางเดยี วกนั เพ่ือใช้ติดตามการปฏิบัติงานประจ�ำวัน ผลการด�ำเนินการขององค์กร และความก้าวหน้า ตามวตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธแ์ ละแผนปฏบิ ตั กิ าร 2. องคก์ รเลอื กและใชข้ อ้ มลู เชงิ เปรยี บเทยี บ6ทเ่ี หมาะสมเพอื่ สนบั สนนุ การตดั สนิ ใจโดยองิ ขอ้ เทจ็ จรงิ 3. องค์กรเลือกและใช้ข้อมูลจากเสียงของผู้ป่วย/ผู้รับผลงานอื่น เพื่อสร้างวัฒนธรรมท่ีมุ่ง คนเปน็ ศนู ยก์ ลาง 4. ระบบการวดั ผลการดำ� เนนิ การขององคก์ รมคี วามคลอ่ งตวั ตอบสนองตอ่ การเปลย่ี นแปลง ทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ หรอื ไมค่ าดคดิ 6 แหล่งข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบอาจมาจากระดับผลงานท่ีเป็นเลิศ, ระดับผลงานเฉลี่ยในกิจการบริการสุขภาพ, ผลงานของคู่แข่ง, ผลงานขององคก์ รที่มลี ักษณะงานใกลเ้ คยี งกัน 25

ข. การวเิ คราะหแ์ ละทบทวนผลการดำ� เนนิ การ 1. องค์กรวิเคราะห์และทบทวนผลการด�ำเนินการ เพื่อประเมินความส�ำเร็จขององค์กร ความกา้ วหนา้ ในการบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธแ์ ละแผนปฏบิ ตั กิ าร รวมถงึ การตอบสนอง ต่อความตอ้ งการขององค์กรและส่งิ แวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไป ค. การใช้ข้อมูลเพือ่ ปรบั ปรุงผลงาน 1. องค์กรน�ำผลการทบทวนผลการด�ำเนินการมาใช้จัดล�ำดับความส�ำคัญของการพัฒนา อยา่ งต่อเนื่อง โอกาสสรา้ งนวตั กรรม และถ่ายทอดสูก่ ารปฏบิ ตั ิทว่ั ทั้งองคก์ ร 4.2 การจัดการสารสนเทศ เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการจดั การความรู้ (Information and Knowledge Management) องค์กรมีข้อมูล สารสนเทศ สินทรัพย์ความรู้ ที่จ�ำเป็น ท่ีมีคุณภาพและพร้อมใช้งาน และมีการ จดั การความรทู้ ดี่ ี มกี ารปลกู ฝงั การเรยี นรเู้ ขา้ ไปในงานประจำ� ก. ข้อมูลและสารสนเทศ 1. องคก์ รตรวจสอบขอ้ มลู และทำ� ใหม้ นั่ ใจในคณุ ภาพของขอ้ มลู และสารสนเทศวา่ มคี วามแมน่ ยำ� ถกู ตอ้ งคงสภาพเชอื่ ถอื ไดแ้ ละเปน็ ปจั จบุ นั (accuracy&validity,integrity&reliability,currency) 2. องค์กรท�ำให้มั่นใจว่าข้อมูลและสารสนเทศท่ีจ�ำเป็นส�ำหรับบุคลากร ผู้บริหาร ผู้ป่วย/ ผู้รับผลงานอ่ืนและหน่วยงานภายนอกมีความพร้อมใช้ในรูปแบบที่ง่ายต่อการใช้งาน 26 และทนั ตอ่ เหตุการณ์

ข. การจดั การระบบสารสนเทศ 27 1. องค์กรทำ� ใหม้ ่ันใจในความเชอ่ื ถอื ได้ (reliability) ของระบบสารสนเทศ 2. องค์กรท�ำให้มั่นใจในความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูล/สารสนเทศ ท่ีถ้ารั่วไหลแล้วจะเกิดผลกระทบได้มาก มีการรักษาความลับและการเข้าถึงตามสิทธิ ท่ีเหมาะสม การป้องกันตรวจจับ ตอบสนอง และฟื้นฟูระบบสารสนเทศจากการถูกโจมตี จากภายนอก 3. ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลของผู้ป่วยโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อประโยชน์ในการดูแล รักษาผู้ป่วย องค์กรพึงก�ำหนดแนวปฏิบัติที่เป็นการรักษาความลับของผู้ป่วยโดยยังคง การระบตุ วั ผ้ปู ่วยอยา่ งถกู ต้องไว้ ค. ความรขู้ ององคก์ ร 1. องคก์ รสรา้ งและจดั การความรขู้ ององคก์ ร มกี ารวบรวมและถา่ ยทอดความรจู้ ากการปฏบิ ตั ิ ประมวลข้อมูล จากแหล่งต่างๆ เพ่ือสร้างความรู้ใหม่ ใช้ความรู้ที่เก่ียวข้องในการ สรา้ งนวตั กรรมและวางแผนกลยทุ ธ์ มกี ารนำ� หลกั ฐานทางวทิ ยาศาสตรเ์ กย่ี วกบั ประสทิ ธผิ ล ของ healthcare intervention & technology มาประยกุ ต์ใช้ 2. องค์กรระบุหน่วยงานหรือหน่วยปฏิบัติการท่ีมีผลงานดี ระบุแนวทางการปฏิบัติที่ดี เพอื่ แลกเปลี่ยนและนำ� ไปปฏิบัตใิ นสว่ นอ่นื ๆขององคก์ ร 3. องค์กรใช้ความรู้และทรัพยากรขององค์กร ท�ำให้การเรียนรู้ฝังลึกไปในวิถีการปฏิบัติงาน ขององค์กร

5. กำ� ลงั คน (WKF) 5.1 สภาพแวดลอ้ มของกำ� ลงั คน7 (Workforce Environment) องคก์ รบรหิ ารขดี ความสามารถและอตั รากำ� ลงั เพอ่ื ใหง้ านขององคก์ รบรรลผุ ลสำ� เรจ็ องคก์ รจดั ใหม้ ี สภาพแวดลอ้ มในการทำ� งานและบรรยากาศทเี่ ออ้ื ใหก้ ำ� ลงั คนมสี ขุ ภาพดแี ละมคี วามปลอดภยั ก. ขดี ความสามารถ8 และความเพียงพอของกำ� ลงั คน9 1. องคก์ รจดั ทำ� แผนบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลทคี่ ำ� นงึ ถงึ ขอ้ กำ� หนดของสภาวชิ าชพี รว่ มกบั บรบิ ท ขององคก์ ร แผนระบขุ ดี ความสามารถและกำ� ลงั คนทต่ี อ้ งการในแตล่ ะสว่ นงานเพอ่ื ใหส้ ามารถ จดั บรกิ ารทต่ี อ้ งการได้มกี ารกำ� หนดหนา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบของแตล่ ะตำ� แหนง่ และมอบหมายหนา้ ท่ี รับผิดชอบตามความรู้ความสามารถและข้อก�ำหนดในกฎหมาย ขอบเขตการปฏิบัติงาน ผลการปฏบิ ตั งิ าน และสมรรถนะของบคุ ลากร ผปู้ ระกอบวชิ าชพี อสิ ระและรวมถงึ อาสาสมคั ร (ถา้ มีขอ้ บ่งชี้กรณีอาสาสมัคร) เปน็ ไปตามต�ำแหน่งงานของบุคคลเหลา่ นัน้ 7 กำ� ลังคน รวมถึง บคุ ลากรผู้ประกอบวชิ าชีพอสิ ระและอาสาสมคั ร 8 ขีดความสามารถของก�ำลังคน (workforce capability) หมายถึง ความสามารถขององค์กรในการบรรลุผลส�ำเร็จของงานด้วยความรู้ ทักษะ ความสามารถ และความเชย่ี วชาญของกำ� ลังคน ขีดความสามารถอาจรวมถงึ ความสามารถในการสรา้ งและรกั ษาความสัมพันธก์ ับผปู้ ่วย/ ลกู ค้าอ่ืน การสร้างนวัตกรรมและปรับเปลี่ยนสู่เทคโนโลยีใหม่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการท�ำงานใหม่ และความสามารถในการตอบสนอง 9 ต่อการเปล่ียนแปลงต่างๆ ความเพียงพอของก�ำลังคน (workforce capacity) หมายถึง ความสามารถขององค์กรท่ีท�ำให้มั่นใจว่ามีระดับของก�ำลังคนเพียงพอในการบรรลุ ผลสำ� เรจ็ ของงาน และสง่ มอบผลติ ภณั ฑแ์ ละบริการใหผ้ ปู้ ว่ ย/ลกู ค้าอ่นื ได้ รวมท้งั ความสามารถในการตอบสนองตอ่ ระดับความตอ้ งการ ตามฤดกู าล 28 และตามความผันแปรของความต้องการ

2. องคก์ รมวี ธิ กี ารทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ล ในการสรรหา วา่ จา้ งบรรจุ และรกั ษากำ� ลงั คน มกี ารรวบรวม ตรวจสอบ และประเมนิ คณุ สมบตั ขิ องผปู้ ระกอบวชิ าชพี ในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ใบประกอบวชิ าชพี การศกึ ษา การฝกึ อบรม และประสบการณ์ บคุ ลากร ผปู้ ระกอบวชิ าชพี อสิ ระและอาสาสมคั ร ทมี่ าปฏบิ ตั งิ านใหม่ ไดร้ บั การปฐมนเิ ทศอยา่ งเปน็ ทางการ ไดร้ บั การฝกึ อบรมและแลกเปลย่ี น เรยี นรู้ในสงิ่ ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ การปฏบิ ตั งิ าน มกี ารทบทวนใบอนญุ าตการประกอบวชิ าชพี คณุ สมบตั แิ ละขอบเขตการปฏบิ ตั งิ านท่ีไดร้ บั อนญุ าตใหท้ ำ� อยา่ งสมำ่� เสมออยา่ งนอ้ ยทกุ 3 ปี 3. องคก์ รเตรียมกำ� ลงั คนใหพ้ ร้อมตอ่ ความตอ้ งการขององค์กรทีเ่ ปลี่ยนแปลงไป เพ่ือใหม้ น่ั ใจ ว่าสามารถด�ำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ป้องกันการลดก�ำลังคนและผลกระทบที่เกิดจาก ก�ำลงั คนไมเ่ พยี งพอ 4. องค์กรจัดระบบการท�ำงานและบริหารก�ำลังคนเพื่อให้งานขององค์กรบรรลุผลส�ำเร็จ ใช้ประโยชนอ์ ยา่ งเตม็ ท่จี ากสมรรถนะหลักขององค์กร และสนับสนุนการดแู ลที่มุง่ เนน้ ผปู้ ่วย ข. บรรยากาศการทำ� งานของก�ำลงั คน 1. องค์กรสร้างความม่ันใจและด�ำเนินการปรับปรุงเพื่อให้สถานท่ีท�ำงานเอ้ือต่อสุขภาพ ความปลอดภัย มีการป้องกนั ภัยและสะดวกในการเข้าถึง 2. องค์กรให้การดูแลและเกื้อหนุนก�ำลังคนด้วยนโยบาย การจัดบริการและสิทธิประโยชน์ เหมาะสมกับกำ� ลงั คนแต่ละกลุ่ม 29

ค. สขุ ภาพและความปลอดภัยของกำ� ลงั คน 1. องคก์ รจดั ใหม้ โี ปรแกรมสขุ ภาพและความปลอดภยั เพอ่ื คมุ้ ครองสขุ ภาพและความปลอดภยั ของกำ� ลงั คน ประกอบดว้ ย • การจดั ให้มเี ส้อื ผา้ และอปุ กรณ์ป้องกันตัวสำ� หรับก�ำลงั คน • การประเมนิ สถานทที่ ำ� งานในประเดน็ ความเสย่ี งตอ่ สขุ ภาพและความปลอดภยั ของกำ� ลงั คน • การติดตามวดั ระดับภาระงานและการจัดการความเครียด • การใหภ้ มู คิ ้มุ กนั แก่ก�ำลงั คน • การปอ้ งกนั อนั ตรายจากการหยิบ จบั ยก ด้วยมือ • การป้องกันอันตรายจากการถกู เขม็ ท่มิ ตำ� • การป้องกันอันตรายจากการปฏิบัติงาน เช่น หม้อน่ึงลูกประคบ ตู้อบไอน�้ำสมุนไพร เตาแก๊ส รงั สี สารเคมี สารอ่นื ๆและการติดเช้ือ • การจดั การกับความรนุ แรง ความก้าวร้าว และการคุกคาม • การปฏิบตั ติ ามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกยี่ วข้อง 2. องคก์ รเปน็ แบบอยา่ งในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพทง้ั ในดา้ นวถิ ปี ฏบิ ตั ขิ ององคก์ รและพฤตกิ รรม สุขภาพของก�ำลังคนแต่ละคน ก�ำลังคนมีส่วนร่วม เรียนรู้ ตัดสินใจและปฏิบัติในการดูแล สขุ ภาพกายใจ สังคม ของตน 30

3. บคุ ลากรทกุ คนไดร้ บั การประเมนิ สขุ ภาพแรกเขา้ ทำ� งานและมขี อ้ มลู สขุ ภาพพนื้ ฐาน บคุ ลากร ไดร้ บั การตรวจสขุ ภาพเปน็ ระยะ เพอื่ ประเมนิ การเจบ็ ปว่ ยและการตดิ เชอ้ื เนอ่ื งจากการทำ� งาน ตามลกั ษณะงานทร่ี ับผดิ ชอบ 4. ก�ำลังคนที่เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากการท�ำงาน ได้รับการประเมินและดูแลอย่างเหมาะสม องคก์ รจดั ทำ� แนวปฏบิ ตั สิ ำ� หรบั การประเมนิ โอกาสแพรก่ ระจายเชอื้ การจำ� กดั การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี และการดแู ลก�ำลงั คนท่สี มั ผัสเชื้อ 5.2 ความผูกพนั ของกำ� ลังคน (Workforce Engagement) องคก์ รสรา้ งความผกู พนั กำ� ลงั คน10 มรี ะบบจดั การผลการปฏบิ ตั งิ าน สง่ เสรมิ การเรยี นรแู้ ละพฒั นา เพอื่ ใหก้ ำ� ลงั คนมผี ลการดำ� เนนิ การทดี่ ี ก. ความผูกพันและผลการปฏบิ ัตงิ านของกำ� ลงั คน 1. องค์กรเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เกิดการสื่อสารที่เปิดกว้าง การท�ำงานที่มุ่งเน้น ผลลัพธ์ทด่ี กี ารทำ� การเสรมิ พลงั ของก�ำลังคน และกำ� ลงั คนมีความผูกพนั 2. องคก์ รระบปุ ัจจยั ที่สง่ ผลต่อความผกู พนั ของกำ� ลงั คน ในแต่ละกลมุ่ ของกำ� ลังคน 3. องคก์ รประเมนิ และปรบั ปรุงความผูกพันของก�ำลงั คน 10 ความผกู พันของก�ำลงั คน หมายถงึ ระดับของมงุ่ มน่ั ทง้ั ทางอารมณ์และสติปญั ญา เพือ่ ใหง้ าน พนั ธกจิ และวสิ ัยทศั นข์ ององค์กรบรรลผุ ล 31

4. ระบบการจัดการผลการปฏบิ ัติงาน (performance management system) ของกำ� ลังคน ส่งเสริมให้บุคลากร ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระและรวมถึงอาสาสมัคร (ถ้ามีข้อบ่งช้ีกรณี อาสาสมคั ร)สรา้ งผลงานทด่ี หี นนุ เสรมิ การมงุ่ เนน้ ผปู้ ว่ ยและการนำ� แผนไปปฏบิ ตั ใิ หส้ ำ� เรจ็ ผล โดยน�ำเรือ่ งการบรหิ ารค่าตอบแทน การให้รางวลั การยกย่องชมเชยและการสร้างแรงจงู ใจ มาพจิ ารณาดว้ ย มกี ารประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านและสมรรถนะเปน็ ประจำ� อยา่ งนอ้ ยปลี ะครงั้ ข. การพฒั นาก�ำลงั คนและผนู้ ำ� 1. ระบบการเรียนรู้และพัฒนา สนับสนุนความต้องการขององค์กรและการพัฒนาตนเอง ของบคุ ลากรผปู้ ระกอบ วชิ าชีพอสิ ระ อาสาสมัคร ผ้บู รหิ าร และผนู้ ำ� โดยพิจารณาประเด็น ต่อไปนี้ • สมรรถนะหลกั ขององคก์ รความทา้ ทายเชงิ กลยทุ ธก์ ารบรรลผุ ลสำ� เรจ็ ของแผนปฏบิ ตั กิ าร • การปรับปรุงผลการด�ำเนินการ/การพัฒนาคุณภาพขององค์กร ความปลอดภัย ของผู้ป่วย การเปลี่ยนแปลงขององคก์ ร และนวัตกรรม • จรยิ ธรรมในการใหบ้ รกิ ารสขุ ภาพและจรยิ ธรรมในการประกอบกจิ การ • การมุ่งเน้นผู้ป่วย/ผู้รับผลงานอื่น มิติทางจิตวิญญาณในการดูแลผู้ป่วยและการ สรา้ งเสริมสุขภาพ • การใช้ความรแู้ ละทกั ษะใหมใ่ นการปฏิบตั ิงาน • ความจ�ำเป็นและความต้องการในการศึกษาต่อเนื่องของผู้ประกอบวิชาชีพ และส่ิงท่ี หวั หน้างานและผบู้ ริหารระบุ 32

2. องค์กรประเมินประสิทธิผลและประสิทธิภาพของระบบการเรียนรู้และพัฒนา โดยพิจารณา ความผกู พนั ของกำ� ลงั คน ผลการปฏบิ ตั งิ านของกำ� ลงั คน และผลการดำ� เนนิ การขององคก์ ร ร่วมด้วย 3. องคก์ รจดั การเรอ่ื งความกา้ วหนา้ ในอาชพี การงานของกำ� ลงั คน วางแผนการสรา้ งผบู้ รหิ าร และผู้น�ำเพือ่ สบื ทอดการดำ� เนนิ งาน 6. การปฏิบัติการ (OPT) 6.1 กระบวนการทำ� งาน (Work Processes) องคก์ รออกแบบ จดั การ และปรบั ปรงุ การจดั บรกิ ารสขุ ภาพ/กระบวนการทำ� งานทสี่ ำ� คญั เพอ่ื สง่ มอบ คณุ คา่ แกผ่ ปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอนื่ และทำ� ใหอ้ งคก์ รประสบความสำ� เรจ็ ก. การออกแบบบรกิ ารและกระบวนการ 1. องค์กรระบุข้อกำ� หนดของบริการสุขภาพท่สี �ำคัญ 2. องคก์ รระบุกระบวนการทำ� งานที่ส�ำคัญ และข้อกำ� หนดส�ำคัญของกระบวนการเหลา่ นี้ 3. องค์กรนำ� หลักฐานทางวิชาการ แนวทางปฏิบัติของวิชาชีพ เทคโนโลยี ความรู้ขององค์กร คณุ คา่ ในมมุ มองของผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอน่ื ความคลอ่ งตวั ความปลอดภยั และมติ คิ ณุ ภาพ ต่างๆ มาใช้ในการออกแบบบรกิ ารสขุ ภาพและกระบวนการ 33

4. นโยบาย ยทุ ธศาสตร์ แผนงาน กระบวนการ/ระเบยี บปฏบิ ตั ิและรายงานการประชมุ ทีส่ �ำคัญ ได้รับการจดั ทำ� เป็นเอกสาร มกี ารอนุมัติ11 มกี ารควบคมุ ขอ้ มูลเปน็ ปจั จุบัน มีการทบทวน ปรบั ปรุงเป็นระยะตามกำ� หนดเวลาหรอื ตามความจ�ำเป็น ข. การจดั การและปรับปรุงกระบวนการ 1. องค์กรท�ำให้ม่ันใจว่าการปฏิบัติงานประจ�ำวันของกระบวนการท�ำงานต่างๆ เป็นไปตาม ข้อก�ำหนดที่ส�ำคัญของกระบวนการ มีการใช้ข้อมูล/ตัวชี้วัดที่เหมาะสมในการควบคุม และปรับปรุงกระบวนการทำ� งาน 2. องค์กรระบุกระบวนการสนับสนุนท่ีส�ำคัญ การปฏิบัติงานประจ�ำวันของกระบวนการ สนับสนุนเหล่านต้ี อบสนองต่อความตอ้ งการสำ� คญั ขององคก์ ร 3. องคก์ รปรบั ปรงุ กระบวนการทำ� งานเพอ่ื ยกระดบั การจดั บรกิ ารสขุ ภาพและผลการดำ� เนนิ การ ขององค์กร เสรมิ สร้างความแข็งแกรง่ ของสมรรถนะหลกั ขององค์กรและลดความแปรปรวน ของกระบวนการ 11 การอนุมัติอาจอยู่ในรูปแบบการลงนามโดยผู้มีอ�ำนาจอนุมัติ นโยบาย/แผน/เอกสาร หรืออยู่ในรูปแบบรายงานการประชุมท่ีบันทึกมติการอนุมัติ 34 ของคณะกรรมการก�ำกบั ดแู ล

ค. ความพร้อมตอ่ ภาวะฉกุ เฉนิ 1. องค์กรจัดการห่วงโซ่อุปทานเพ่ือให้ม่ันใจว่าองค์กรจะได้รับผลิตภัณฑ์และบริการ12 ทม่ี ีคุณภาพสูงโดย • การเลอื กผู้สง่ มอบ (ทง้ั ผลติ ภณั ฑแ์ ละบรกิ าร) ท่ตี รงกับความต้องการขององคก์ ร • มกี ารจดั ท�ำข้อกำ� หนดทช่ี ัดเจนและรัดกมุ • มีการวดั และประเมินผลการดำ� เนินการของผสู้ ่งมอบ • ให้ขอ้ มูลปอ้ นกลับแกผ่ ูส้ ่งมอบเพอ่ื ใหเ้ กิดการปรบั ปรุง • จัดการกบั ผ้สู ง่ มอบทม่ี ีผลการดำ� เนนิ การไมต่ รงตามข้อก�ำหนดท่ตี กลงกนั ไว้ ง. การจัดการนวัตกรรม 1. องค์กรส่งเสริมให้น�ำโอกาสเชิงกลยุทธ์มาพัฒนานวัตกรรม มีการสนับสนุนการเงิน และทรพั ยากรอน่ื ๆ ทีจ่ ำ� เป็น 12 ผลติ ภณั ฑ์ เชน่ วตั ถดุ บิ สมนุ ไพร ยาแผนไทย เวชภณั ฑ์ อปุ กรณท์ างการแพทย์ นำ้� ยาตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทางการแพทย;์ บรกิ าร เชน่ งานทำ� ความสะอาด 35 งานรกั ษาความปลอดภัย งานบริการอาหาร

จ. การจัดการด้านการเรียนการสอนทางคลนิ กิ 1. การเขา้ รว่ มกบั สถาบนั การศกึ ษาในการจดั การศกึ ษาและฝกึ อบรมแกบ่ คุ ลากรสาธารณสขุ ได้รับความเห็นชอบและก�ำกับติดตามโดยผู้ก�ำกับดูแลกิจการและผู้น�ำองค์กร (เฉพาะกรณี ทีส่ ถานพยาบาลไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสถาบนั การศึกษา) 2. องค์กรมีทรัพยากรทเ่ี พยี งพอในการสนบั สนนุ การจดั การศกึ ษาและฝกึ อบรม • จำ� นวนและความเช่ียวชาญของอาจารยผ์ สู้ อน • จำ� นวนและลักษณะทหี่ ลากหลายของผปู้ ว่ ย • สถานท่ี เทคโนโลยี และทรพั ยากรอนื่ ๆ 3. มีการระบุตัวอาจารย์ผู้สอนพร้อมทั้งภาระรับผิดชอบและอ�ำนาจตัดสินใจที่ชัดเจนตาม ข้อกำ� หนดของหลักสูตร 4. มีการก�ำกับดูแลที่เพียงพอส�ำหรับแต่ละระดับของนักศึกษาและผู้รับการฝึก เพื่อให้ม่ันใจ ในความปลอดภัยของการดูแลผู้ป่วย และการได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่ใกล้เคียงกัน มีความชัดเจนในการบันทึกหลักฐานของการก�ำกับดูแล และความชัดเจนในการใช้บันทึก ของนักศึกษาหรอื ผรู้ บั การฝึกเป็นหลกั ฐานทางกฎหมาย 5. มีการจัดท�ำข้อตกลงในความร่วมมือท่ีจะสนับสนุนกันและกันระหว่างองค์กรและสถาบัน การศึกษา รวมถงึ หนา้ ทีร่ ับผดิ ชอบท่ีคาดหวัง ระดบั ของการปฏบิ ัติท่อี นญุ าตให้นักศกึ ษา และผรู้ บั การฝกึ ทำ� ได้ มกี ารจดั ทำ� เอกสารเกย่ี วกบั สถานะและการบรรลเุ ปา้ หมายการเรยี นรู้ 36 ของนักศึกษาและผ้รู ับการฝึก

6. นกั ศึกษาและผูร้ ับการฝึก ปฏบิ ตั ิตามนโยบายและระเบยี บปฏิบตั ขิ ององค์กรทุกฉบับ 7. องค์กรสร้างเจตคติท่ีดีในเร่ืองคุณภาพและความปลอดภัยแก่นักศึกษาและผู้รับการฝึก เปน็ ตน้ แบบทด่ี รี ะบบคณุ ภาพ เชน่ องคก์ รแพทย์ ความปลอดภยั ในการใชย้ า การเรยี นรจู้ าก ความผิดพลาดระบบบริหารความเสี่ยง ฯลฯ นักศึกษาและผู้รับการฝึกเข้าร่วมใน กิจกรรมต่างๆ ของระบบคุณภาพและความปลอดภัย 8. มีการติดตามประเมินผลโปรแกรมการเรียนการสอนทางคลินิก ทั้งในมิติด้านการเรียนรู้ และคณุ ภาพ/ความปลอดภยั ของการให้บรกิ าร 6.2 ประสิทธิผลของการปฏบิ ัตกิ าร (Operational Effectiveness) องคก์ รทำ� ใหม้ นั่ ใจวา่ มกี ารจดั การการปฏบิ ตั กิ ารอยา่ งมปี ระสทิ ธผิ ล เพอื่ สง่ มอบคณุ คา่ แกผ่ ปู้ ว่ ย/ผรู้ บั ผลงานอน่ื และทำ� ใหอ้ งคก์ รประสบความสำ� เรจ็ ก. ประสทิ ธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการ 1. องคก์ รควบคมุ ตน้ ทนุ โดยรวมของการปฏบิ ตั กิ ารดว้ ยการปอ้ งกนั อบุ ตั กิ ารณ์ความผดิ พลาด และการตอ้ งทำ� งานซำ้� การลดคา่ ใชจ้ า่ ยในการตรวจสอบและทดสอบการนำ� เรอ่ื งของรอบเวลา ผลิตภาพ ปจั จัยด้านประสทิ ธิภาพ และประสิทธผิ ลอน่ื ๆ มาพจิ ารณากระบวนการทำ� งาน 37

ข. การเตรยี มพรอ้ มดา้ นความปลอดภยั และภาวะฉกุ เฉนิ 1. องค์กรท�ำให้เกิดสภาพแวดล้อมของการปฏิบัติการที่ปลอดภัย โดยค�ำนึงถึงการป้องกัน อบุ ตั เิ หตุการตรวจสอบการวเิ คราะหต์ น้ เหตขุ องความลม้ เหลวและการทำ� ใหฟ้ น้ื คนื สสู่ ภาพเดมิ 2. องค์กรท�ำให้มั่นใจว่ามีการเตรียมพร้อมของระบบงานและสถานที่ท�ำงานต่อภัยพิบัติ หรือภาวะฉุกเฉิน โดยค�ำนึงถึงการป้องกัน การบริหารจัดการ ความต่อเนื่องของ การให้บริการ การเคล่ือนย้าย การท�ำให้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิม รวมถึงการพึ่งพาก�ำลังคน ผู้ส่งมอบ และพันธมิตร องค์กรท�ำให้ม่ันใจว่าระบบสารสนเทศมีความม่ันคงปลอดภัย และพร้อมใช้อย่างตอ่ เน่ือง 38

รขะอบงบงางนานกสารำ� คแพัญทย์แผนไทย เกณฑม์ าตรฐานการพฒั นาและรบั รองคณุ ภาพงานการแพทยแ์ ผนไทย

ระบบงานสำ� คญั ขตอองงนาทน่ีก2ารแพทยแ์ ผนไทย 1. กระบวนงานหลักของงานการแพทยแ์ ผนไทย (CTM) 1.1 งานเวชกรรมไทย (Thai Traditional Medicine) หน่วยงานการแพทย์แผนไทย มีการตรวจ การวินิจฉัย การบําบัด การรักษา การป้องกันโรค การสง่ เสรมิ และการฟน้ื ฟสู ขุ ภาพ รวมถงึ งานเภสชั กรรมไทย งานหตั ถเวชกรรมไทย งานผดงุ ครรภ์ไทย ทงั้ นดี้ ว้ ย กรรมวธิ กี ารแพทยแ์ ผนไทยทด่ี ี เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความมน่ั ใจในคณุ ภาพและความปลอดภยั ในการดแู ลผรู้ บั บรกิ าร ควรมีประเดน็ คุณภาพดังต่อไปนี้ - มีการประกอบวิชาชีพโดยผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (พท.ป.) หรอื ผู้ประกอบวชิ าชีพการแพทย์แผนไทยดา้ นเวชกรรมไทย (พท.ว.) - มีการใช้หลักกิจของแพทย์ 4 ประการ - มีการวิเคราะห์ที่ตั้งท่ีแรกเกิดของโรค คือ สมุฏฐานวินิจฉัย ได้แก่ ธาตุสมุฏฐาน อุตุสมุฏฐาน อายสุ มฏุ ฐาน กาลสมุฏฐาน และประเทศสมฏุ ฐาน - มกี ารวเิ คราะห์มูลเหตกุ ารเกดิ โรค 8 ประการ - มกี ารวนิ จิ ฉยั โรค ตามธาตุ 42 ประการ ตามเบญจอินทรยี ์ หรือตามหมอสมมติ ท่ีเหมาะสม - มีการรักษาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย เช่น การใช้ยาสมุนไพร และการใช้หัตถการทาง ศาสตร์การแพทยแ์ ผนไทย 40 - มีการสง่ เสรมิ และการฟน้ื ฟูสุขภาพ

1.2 งานเภสัชกรรมไทย (Thai Traditional Pharmacy) หน่วยงานการแพทย์แผนไทย มีการเตรียมยา การประดิษฐ์ยา13 การเลือกสรรยา การควบคุม และการประกันคุณภาพยา การปรุงยาและการจ่ายยาตามใบส่ังยาของผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์เพื่อให้เกิดความม่ันใจในคุณภาพและความปลอดภัย ในการดูแลผู้รบั บรกิ าร ควรมปี ระเด็นคุณภาพดงั ต่อไปนี้ - มีการประกอบวิชาชีพโดยผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (พท.ป.) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเวชกรรมไทย (พท.ว.) หรือ ผู้ประกอบวิชาชีพ การแพทย์แผนไทยด้านเภสัชกรรมไทย (พท.ภ.) - มีการใช้หลกั เภสชั กรรม 4 ได้แก่ เภสัชวัตถุ สรรพคณุ เภสชั คณาเภสัช เภสชั กรรม - มีการใชย้ าปรงุ สำ� หรบั ผู้ป่วยเฉพาะราย/ยาแผนไทย ทีป่ ลอดภยั ถกู ตอ้ ง และเหมาะสม - มีการใชก้ ระบวนการคดั เลอื ก ตรวจสอบ ควบคุมคณุ ภาพ ของวตั ถดุ ิบและยาแผนไทย - มกี ารใช้หนว่ ยการชง่ั ยาโบราณและเทียบกบั หน่วยมาตราเมตรกิ ทเ่ี ปน็ หน่วยสากล - มีกระบวนใชย้ าแผนไทยตามหลกั การใช้ยาอยา่ งสมเหตุสมผล (RDU) - มกี ารรายงานอาการอนั ไมพ่ งึ ประสงค์จากการใช้ยาแผนไทย 13 การประดิษฐ์ยา คือ การคิดค้นยาใหม่โดยวิชาชีพแพทย์แผนไทยประยุกต์หรือแพทย์แผนไทย เช่น การท�ำยาพอกเข่า ท่ีมีสูตรเฉพาะในแต่ละ โรงพยาบาล เปน็ ต้น 41

1.3 งานหัตถเวชกรรมไทย (Thai Traditional Massage) หน่วยงานการแพทย์แผนไทย มีการตรวจ การวินิจฉัย การบําบัด การรักษา การป้องกันโรค การส่งเสริมและการฟื้นฟูสุขภาพ โดยใช้องค์ความรู้เกี่ยวกับศิลปะการนวดไทย ท้ังนี้ด้วยกรรมวิธี การแพทยแ์ ผนไทยทด่ี ี เพอ่ื ให้เกดิ ความมั่นใจในคณุ ภาพและความปลอดภัยในการดูแลผรู้ ับบรกิ าร ควรมปี ระเดน็ คุณภาพดังต่อไปนี้ - มีการประกอบวิชาชีพโดยผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (พท.ป.) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเวชกรรมไทย (พท.ว.) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์ แผนไทยด้านนวดไทย (พท.น.) หรือ ผู้ช่วยแพทย์แผนไทยหลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุข ท่ีได้รบั มาตรฐานไม่นอ้ ยกว่า 330 ชัว่ โมง - มขี ้อหา้ มและขอ้ ควรระวงั ของหัตถเวชกรรมไทย - มีการตรวจประเมินทางหัตถเวชกรรมไทยทั้งกอ่ นและหลังการรกั ษา - มกี ารให้ความรู้ส่งเสรมิ และการฟนื้ ฟูสุขภาพดา้ นหัตถเวชกรรมไทย - มีการรายงานอาการไม่พึงประสงคห์ รอื อุบตั ิการณ์ที่อาจเกดิ จากให้บรกิ ารหัตถเวชกรรมไทย - มกี ารฝึกปฏบิ ัติและทวนสอบการให้บรกิ ารหตั ถเวชกรรมไทย ตามความเหมาะสม 42

1.4 งานผดุงครรภ์ไทย (Thai Traditional Midwifery) หนว่ ยงานการแพทย์แผนไทย มกี ารตรวจ การวินจิ ฉยั การบาํ บดั การรกั ษา การสง่ เสรมิ สุขภาพ หญิงมีครรภ์ การป้องกันความผิดปกติในระยะต้ังครรภ์และระยะคลอด การทําคลอด การดูแล การส่งเสริม และการฟื้นฟูสุขภาพมารดาและทารกในระยะหลังคลอด ท้ังน้ีด้วยกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยท่ีดี เพ่ือให้เกิด ความม่นั ใจในคุณภาพและความปลอดภยั ในการดูแลผรู้ บั บรกิ าร ควรมปี ระเด็นคณุ ภาพดงั ตอ่ ไปนี้ - มีการประกอบวิชาชีพโดยผู้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ (พท.ป.) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยด้านเวชกรรมไทย (พท.ว.) ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์ แผนไทยด้านผดุงครรภ์ไทย (พท.ผ.) - มีเกณฑ์การคัดกรองความเสีย่ งหญงิ ตัง้ ครรภท์ ่ีต้องส่งตอ่ แพทย์แผนปัจจุบัน - มกี ารใหค้ ำ� แนะน�ำอาหารสมุนไพรปรบั สมดุลธาตแุ ก่หญิงต้ังครรภแ์ ละหญิงหลงั คลอด - มีแนวทางการใช้ยาแผนไทยเพอ่ื รกั ษากลมุ่ อาการทางสตู ศิ าสตรน์ รเี วชวทิ ยา - มกี ารดแู ลหญงิ หลงั คลอดเชน่ การนวดการประคบสมนุ ไพรการอบไอนำ�้ สมนุ ไพรการเขา้ กระโจม การนงั่ ถ่าน การอยู่ไฟ การทับหม้อเกลือ การพนั หน้าหน้าท้อง การอาบสมุนไพร เปน็ ต้น - มกี ารสง่ เสรมิ และฟน้ื ฟสู ขุ ภาพหญงิ หลงั คลอด เชน่ การขดั ผวิ การพอกผวิ อาหารทเ่ี หมาะสม ในหญงิ หลังคลอด การรดั หน้าท้อง เป็นตน้ 43

2. การบูรณาการศาสตร์ (INT) หน่วยงานการแพทย์แผนไทยมีการน�ำองค์ความรู้ ประสบการณ์ ทักษะและความเช่ียวชาญ ด้านเวชกรรมไทย ด้านเภสัชกรรมไทย ด้านหัตถเวชกรรมไทย และด้านผดุงครรภ์ไทย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และประยุกต์ใช้ภายในหน่วยงาน ระหว่างหน่วยงาน ภายในองค์กรและภายนอกองค์กร เพ่ือส่งมอบผลลัพธ์ การดูแลและคณุ คา่ ใหแ้ กผ่ ปู้ ่วยและผรู้ บั ผลงานอ่ืน ก. การสื่อสาร ประสานงาน เช่อื มโยง 1. หน่วยงานการแพทย์แผนไทย มีการพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ ด้านการแพทย์แผนไทย ด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน และความรู้อื่นด้านสุขภาพอย่าง สมำ่� เสมอและทนั เหตกุ ารณ์ เพอื่ ใหส้ ามารถสอื่ สาร ประสานงาน เชอื่ มโยงและทำ� งานรว่ มกบั บุคลากรทางการแพทย์และสาธาณสุขอ่ืนๆ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักเทคนคิ การแพทย์ นกั วชิ าสาธารณสุข เปน็ ตน้ 2. หน่วยงานการแพทย์แผนไทย ใช้ข้อได้เปรียบและจุดเด่นขององค์ความรู้แพทย์แผนไทย ท�ำงานในลักษณะการดูแลผู้ป่วยร่วมกัน เพื่อให้ผู้ป่วยมีผลลัพธ์ท่ีดีด้านคลินิก (Clinical Outcomes) คณุ ภาพชวี ิต (Quality of life) หรือ ความพงึ พอใจทีด่ ีข้นึ เช่น การตรวจเยยี่ ม ผู้ป่วยใน (Round Ward) ร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน การรับปรึกษาผู้ป่วย (Consult) การตรวจรว่ มกับแพทยแ์ ผนปัจจุบันในคลนิ ิกเฉพาะโรคเฉพาะทาง เปน็ ต้น 44

ข. การแลกเปลย่ี นเรียนรู้ และการนำ� มาบรู ณาการ 1. หน่วยงานการแพทย์แผนไทยมีระบบการรวบรวม การสร้าง การแลกเปล่ียน และ การประยุกต์ความรู้ท้ังความรู้เด่นชัด (Explicit Knowledge) ในรูปแบบเอกสารวิชาการ คัมภรี ์ ตำ� รา คู่มอื การปฏิบตั ิงาน และความรซู้ อ่ นเรน้ ฝังลกึ (Tacit Knowledge) ในรปู แบบ การถอดบทเรยี นองคค์ วามรจู้ ากหมอพน้ื บา้ น ปราชญช์ าวบา้ น หรอื บคุ ลากรในหนว่ ยงาน ทม่ี คี วามเชยี่ วชาญ ในวฒั นธรรมการดแู ลสขุ ภาพทอ้ งถน่ิ ทเ่ี ชอื่ ถอื ได้ในดา้ นความปลอดภยั และประสิทธผิ ล 2. มีการน�ำความรู้ท่ีหน่วยงานการแพทย์แผนไทยรวบรวม มาบูรณาการองค์ความรู้ร่วมกัน มีการประเมนิ ผลภายหลังบรู ณาการ เพ่ือไปสู่การขยายผลต่อทง้ั ภายในหน่วยงาน ระหว่าง หนว่ ยงาน ภายในองค์กรและภายนอกองคก์ รตามความเหมาะสม ค. การสรา้ งคณุ คา่ ให้งานการแพทยแ์ ผนไทย 1. หน่วยงานการแพทย์แผนไทย ประเมินประโยชน์ (Benefit Assessment) ประเมินผลลัพธ์ ทางคลินิก (Clinical Outcomes) คุณภาพชีวิต (Quality of life) หรือความพึงพอใจ ของผปู้ ว่ ยและผรู้ บั ผลงาน โดยเปรยี บเทยี บผลลพั ธร์ ะหวา่ งกอ่ นการบรู ณาการและภายหลงั การบูรณาการดว้ ยการแพทย์แผนไทย 2. หน่วยงานการแพทย์แผนไทย อนุรักษ์ ธ�ำรงรักษา สืบทอดการบูรณาการศาสตร์ การแพทย์แผนไทยท่ดี คี วบคกู่ ับการประดิษฐ์ สร้างสรรค์นวัตกรรมการบูรณาการศาสตร์ การแพทย์แผนไทยอยา่ งต่อเน่อื ง 45

3. การบริหารความเสยี่ ง ความปลอดภยั และคุณภาพ (RSQ) 3.1 การบริหารงานคณุ ภาพ (Quality Management) มกี ารบรหิ ารงานคณุ ภาพ ทปี่ ระสานสอดคลอ้ งกนั ในทกุ ระดบั ก. ระบบบรหิ ารงานคุณภาพ 1. องค์กรน�ำระบบบริหารงานคุณภาพสู่การปฏิบัติ โดยมีองค์ประกอบส�ำคัญเพื่อสนับสนุน การออกแบบ การนำ� สกู่ ารปฏบิ ตั ิ การธำ� รง และการพฒั นากระบวนการบรหิ ารงานคณุ ภาพ ดังต่อไปน้ี • หลกั การหรอื แนวคดิ ของการบริหารงานคณุ ภาพ (concepts) • บริบทจำ� เพาะขององค์กร รวมถงึ ความต้องการของผรู้ บั บรกิ าร (context) • หลักเกณฑ์ แนวปฏบิ ัติ ความรู้ชัดแจง้ และความรู้ในตวั บคุ คล (criteria) • วัตถุประสงคค์ ุณภาพ (objective/purpose) • การออกแบบท่เี น้นคนผู้ใชง้ านเป็นศนู ยก์ ลาง (design) • การนำ� ระบบที่ออกแบบไปส่กู ารปฏิบัติ (action) • การก�ำกบั ตดิ ตาม ประเมนิ ผล และการเรยี นรู้ (learning) • การออกแบบใหม่ การปรับแตง่ การพัฒนา นวัตกรรม การบูรณาการ (improve) • การมีผู้ไดร้ บั มอบหมายใหร้ ับผดิ ชอบการสง่ เสริมและประสานงานการพัฒนาคุณภาพ 46

2. ผนู้ ำ� ทกุ ระดบั สนบั สนุนความพยายามในการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยโดย • ก�ำหนดนโยบาย เป้าประสงค์ ล�ำดับความส�ำคัญ และความคาดหวัง ในเร่ืองคุณภาพ และความปลอดภยั • ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย การเน้นคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการเรยี นรู้ • ทบทวนและก�ำกับติดตามผลการด�ำเนินการ และความก้าวหน้าของการพัฒนา อยา่ งต่อเนอื่ ง รวมทงั้ ชว่ ยแก้ไขปัญหาอุปสรรค 3. มีการน�ำระบบการบรหิ ารงานคุณภาพ ความปลอดภยั และความเสี่ยง ไปสู่การปฏบิ ตั ทิ มี่ ี การประสานงานและบรู ณาการ ดงั ตอ่ ไปน้ี • กำ� หนดนิยามเชงิ ปฏิบัติการของคำ� วา่ “ความเส่ยี ง” และ “คุณภาพ” • กำ� หนดใหก้ ารบรหิ ารงานคณุ ภาพความปลอดภยั และความเสยี่ งสอดคลอ้ งและเปน็ สว่ นหนงึ่ ของแผนกลยทุ ธ์ขององคก์ ร • มกี ารประสานและบรู ณาการแผนงาน/กจิ กรรมทงั้ หมดเกย่ี วกบั คณุ ภาพ ความปลอดภยั และความเสี่ยงในทุกขั้นตอนของการวางแผน การดำ� เนนิ งาน และการประเมินผล • มกี ารจดั โครงสรา้ งงานคณุ ภาพทม่ี ปี ระสทิ ธผิ ลและเหมาะสมกบั ลกั ษณะองคก์ รเพอ่ื สนบั สนนุ และประสานแผนงานต่างๆ มีการก�ำหนดหน้าท่ีความรับผิดชอบ (accountability & responsibility) ในการพัฒนาคณุ ภาพและการพฒั นาผลการดำ� เนนิ งาน 47

4. มีการสง่ เสริมการทำ� งานเป็นทีมในทุกระดับ ดงั ต่อไปน้ี • มกี ารสอื่ สารและการแกป้ ญั หาทไ่ี ดผ้ ลทงั้ ภายในหนว่ ยงานระหวา่ งหนว่ ยงานระหวา่ งวชิ าชพี ระหวา่ งผปู้ ฏิบตั งิ านกับผ้บู รหิ าร และระหว่างผู้ให้บรกิ ารกบั ผู้รบั บรกิ าร • บคุ ลากรรว่ มมอื กนั ในการปฏบิ ตั งิ านประจำ� ดว้ ยการดแู ลผปู้ ว่ ยและใหบ้ รกิ ารทม่ี คี ณุ ภาพสงู โดยตระหนกั ในความปลอดภัยและความรับผิดชอบของวิชาชพี • องค์กรสง่ เสรมิ ให้มีทีมพฒั นาคุณภาพท่หี ลากหลาย • องค์กรจัดให้มีทีมคร่อมสายงานหรือทีมสหสาขาวิชาชีพท�ำหน้าท่ีดูแลภาพรวมของ การพัฒนา ก�ำหนดทิศทาง ให้การสนับสนุน ติดตามก�ำกับการพัฒนาคุณภาพและ ความปลอดภยั ในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ทมี นำ� ทางคลนิ กิ ทมี นำ� ของระบบงานสำ� คญั ขององคก์ ร 5. องคก์ รใชก้ ารประเมินตนเองเพอื่ ค้นหาโอกาสในการพฒั นา • มีการใช้เทคนิคการประเมินผลในรูปแบบต่างๆ อย่างเหมาะสมเพ่ือค้นหาโอกาสพัฒนา ตง้ั แตว่ ธิ กี ารเชงิ คณุ ภาพไปถงึ การประเมนิ ทเี่ ปน็ ระบบโดยใชว้ ธิ กี ารเชงิ ปรมิ าณหรอื การวจิ ยั • มกี ารเปรยี บเทยี บผลการดำ� เนนิ งานกบั ความตอ้ งการของผปู้ ว่ ย/ผรู้ บั บรกิ าร แนวปฏบิ ตั ิ ท่ีมีหลักฐานวิชาการรองรับ มาตรฐานโรงพยาบาลและมาตรฐานอ่ืนๆ เป้าหมาย และวตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร/หน่วยงาน ตวั เทียบในระดับชาติหรือระดบั สากลทเ่ี หมาะสม องค์กรควรเข้ารว่ มในโปรแกรมตัวชี้วดั เปรยี บเทียบ 48