87 5.2.3 พัฒนาเคร่ืองมือการระดมทุนรูปแบบใหม่ เพ่ือลดภาระงบประมาณให้กับภาครัฐ ปัจจุบันมีเครื่องมือทางการเงินเพ่ือใช้ใน โครงการเชิงสังคมมีการพัฒนามาในหลายรูปแบบ โดยเครื่องมือทางการเงินซ่ึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่เหมาะสมในการระดมทุนสาหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดาเนิน โครงการเชิงสังคมซ่ึงมักถูกเลือกใช้เป็น โครงการประชานิยมได้ คอื การระดมทนุ ในรปู แบบของ “พันธบัตรเพ่ือสังคม (Social Impact Bond : SIB)” ซ่ึ ง เ ป็ น รู ป แ บ บ ก า ร ร ะ ด ม ทุ น ท่ี ไ ด้ รั บ ก า ร พั ฒ น า แ ล ะ ใ ห้ บ ริ ก า ร ร่ ว ม กั น ร ะ ห ว่ า ง ภ า ค รั ฐ แ ล ะ เ อ ก ช น โดยคุณลักษณะสาคัญของพันธบัตรดังกล่าว คือ การจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนตามตัวช้ีวัดท่ีเป็น ผลลัพธ์ของโครงการ (Outcome Oriented) และการระดมเงินทุนจะระดมจากภาคเอกชนผู้ได้รับ ประโยชน์ เมื่อโครงการมีผลสัมฤทธ์ิตามเป้าหมาย ดังน้ัน การระดมทุนรูปแบบ SIB จึงทาให้รัฐบาล ในฐานะผู้ดูแลสวัสดิการเชิงสังคมสามารถลดภาระในการจัดหาเงินทุนต้ังต้นในการดาเนินโครงการเชิงสังคม โดยการใช้จ่ายของรัฐบาลจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการจัดสรรงบประมาณเพ่ือคืนเงินต้นและ ผลตอบแทนตามเงื่อนไขของ SIB จะเกิดขึ้นก็ต่อเม่ือโครงการดังกล่าวมีผลสัมฤทธิ์แล้วเท่าน้ัน กลไกดังกล่าว จงึ เป็นการโอนความเส่ยี งในการดาเนนิ โครงการเชิงสังคมให้กบั ภาคเอกชนผู้ลงทนุ ใน SIB รูปแบบและวธิ ีการดาเนินงานของ SIB สาหรับโครงการเชิงสังคมจะเร่ิมจากการ ออกจาหน่ายพันธบัตร SIB ให้แก่นักลงทุน โดยมีกลุ่มมูลนิธิหรือหน่วยงานให้บริการประชาชน ซ่ึงจะเป็น ผู้ดาเนินโครงการ และรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีภาระรับผิดชอบสวัสดิการของประชาชน ให้การ สนบั สนนุ โครงการโดยการพจิ ารณาจัดสรรงบประมาณเพอ่ื คืนตน้ เงินและอัตราผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน ในกรณีทีโ่ ครงการบรรลเุ ปา้ หมายตามตัวช้ีวัด (Pay for Success Financing) ตามวงเงินที่รัฐบาลสามารถ ประหยัดได้หากโครงการมีผลสาเร็จตามเป้าหมาย โดยภายใต้การดาเนินงานของ SIB อาจมีการกาหนด หน่วยงานกลาง (Intermediary) ซ่ึงทาหน้าท่ีในการประสานกับกลุ่มนักลงทุนและผู้ดาเนินโครงการ รวมทั้งหนว่ ยงานประเมนิ ภายนอก ซึง่ จะเปน็ ผูป้ ระเมนิ ความสาเร็จตามตวั ชวี้ ดั ของโครงการ แผนภาพท่ี 5.1 รูปแบบการดาเนนิ งานของ Social Impact Bond (SIB) สนับสนนุ การใหบ้ รกิ าร เชงิ สงั คม ประสานงานการลงทนุ จ่ายผลตอบแทน จ่ายเงินลงทนุ ที่มา : คณะผู้วิจยั
88 การปรับใช้ SIB ในโครงการประชานิยมเพ่ือแก้ไขปัญหาเชิงสังคมจะเป็น อีกทางเลือกในการระดมทุนเพมิ่ เติมให้กับรฐั บาลในอนาคต โดยเฉพาะในลักษณะโครงการที่มีผลตอบแทน ด้านสงั คมทช่ี ดั เจนและผไู้ ด้รบั ผลกระทบในภาพกวา้ ง ซ่งึ ไม่เพียงจะเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการใช้จ่ายเงินภาครัฐ แต่ยังเป็นการร่วมมือเชิงสัญลักษณ์ระหว่างเอกชนและภาครัฐในการร่วมแก้ปัญหาเชิงสังคม นอกจากน้ี SIB ยังเป็นการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการดาเนินโครงการเชิงสังคมให้สาคัญกับผลลัพธ์โครงการ (Outcome) จากเดิมท่ีจะให้ความสาคัญกับผลผลิต (Output) อีกด้วย ซ่ึงการปรับแนวคิดดังกล่าวจะทาให้การดาเนิน โครงการเพ่ือแก้ไขปัญหาเชิงสังคมมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึนด้วย ดังน้ัน หน่วยงานและภาครัฐควรต้อง ตระหนกั รู้ถึงแหล่งเงินทุนอ่ืนๆ นอกจากแหล่งงบประมาณ โดยศึกษาและพิจารณาความเป็นไปได้ในการปรับ ใช้แหล่งเงินต่างๆ ตามความเหมาะสม สาหรับแนวทางการระดมทุนโดยนา SIB มาใช้กับการดาเนิน โครงการประชานิยมน้ันจาเป็นจะต้องปรับปรุงกรอบกฎหมายและระเบียบท่ีเก่ียวข้องเพ่ือรองรับที่ชัดเจน ตลอดจนพิจารณาใหส้ ทิ ธพิ ิเศษทางภาษกี ับนกั ลงทนุ ภาคเอกชนดว้ ย 5.2.4 การแก้ปัญหาแรงจูงใจในการดาเนนิ งานของหนว่ ยงานผู้ดาเนนิ โครงการ ที่ผ่านมารัฐบาลจะอุดหนุนการดาเนินโครงการประชานิยมโดยผ่านหน่วยงาน ผู้ดาเนนิ โครงการดงั เช่นกรณศี ึกษาในโครงการรถเมลฟ์ รี ซึง่ รฐั บาลอดุ หนุนโดยจ่ายเงนิ อุดหนุนผ่าน ขสมก. และดาเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องและยาวนานโดยไม่มีการประเมินประสิทธิภาพในการดาเนินงานของ หนว่ ยงานมาพจิ ารณารว่ มดว้ ย ซ่ึงการดาเนินการดังกล่าวจะทาใหห้ นว่ ยงานผู้ดาเนินโครงการขาดแรงจูงใจ การดาเนินงานตามภารกิจหลักของหน่วยงานและมุ่งหวังเพียงเงินอุดหนุนเพียงอย่างเดียว ดังนั้น คณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงรูปแบบการอุดหนุนงบประมาณในการดาเนินโครงการประชานิมยม ให้อุดหนุนโดยตรงไปที่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง โดยไม่ผ่านหน่วยงานผู้ดาเนินโครงการ อีกทั้ง ควรจัดให้มี การประเมินผลการดาเนินงานของหน่วยงานผู้ดาเนินโครงการ เพื่อนามาปรับปรุงการดาเนินโครงการ ตอ่ ไปในอนาคตอีกด้วย 5.2.5 การกากบั ดแู ล การดาเนินโครงการประชานิยมท่ีผ่านมาสร้างภาระงบประมาณให้แก่รัฐบาล เป็นจานวนมาก เกิดเปน็ ความเสี่ยงทางการคลงั แก่รัฐบาล นบั เปน็ ภาระผูกพันหรือหนี้สินที่รัฐบาลจะต้องมี ภาระจ่ายชดเชยในอนาคต คณะผู้วิจัยจึงเห็นควรให้มีหน่วยงาน และ/หรือ กลไกกากับดูแลภาระความ เสี่ยงทางการคลังที่เกิดข้ึนทั้งหมดให้เป็นปัจจุบันและครบถ้วน ซ่ึงคณะผู้วิจัยจะกล่าวเพิ่มเติม ในข้อเสนอแนะในการปรบั ปรุงกรอบกฎหมายทเี่ กย่ี วข้องต่อไป 5.3 ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกรอบกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง นอกจากข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในภาพรวมแล้ว เพื่อให้งานวิจัยมีผลสัมฤทธ์ิ เปน็ รปู ธรรม คณะผู้วจิ ัยไดท้ าการศกึ ษาวิเคราะห์เพือ่ จัดทาข้อเสนอแนะประเด็นกฎหมายที่เก่ียวข้อง โดยเห็นควร ให้มีการปรับปรุงกรอบกฎหมายเพ่ือให้สามารถรองรับการดาเนินโครงการประชานิยมได้อย่างคุ้มค่า โดยผ่าน กระบวนการวิเคราะห์และการติดตามประเมินผลความคุ้มค่าทั้งก่อนและภายหลังการดาเนินโครงการ
89 ซึ่งข้อเสนอแนะดังกล่าวจะครอบคลุมกรอบกฎหมาย 3 ด้าน ได้แก่ (1) กระบวนการอนุมัติโครงการและ การดาเนินโครงการ (2) การพิจารณาแหล่งเงินสนับสนุนในการดาเนินโครงการ และ (3) การกากับดูแล ภาระความเส่ียงการคลังโดยรวม โดยมีรายละเอียดของข้อเสนอ ดังนี้ 5.3.1 กระบวนการอนุมัติโครงการและการดาเนินโครงการ จากการทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เก่ียวข้องในการเสนอโครงการประชานิยม ในปัจจุบัน พบว่า การดาเนินโครงการประชานิยมมีเพียงขั้นตอนการขออนุมัติการดาเนินโครงการจาก คณะรัฐมนตรีจึงมีเพียงการขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาเท่านั้น โดยไม่มีขั้นตอนอ่ืนๆ ในการวิเคราะห์กลั่นกรองโครงการแต่อย่างใด ซึ่งหากเปรียบเทียบกับขั้นตอนการ อนุมัติโครงการลงทุนของภาครัฐ โครงการจะได้รับการวิเคราะห์จาก สศช. อย่างละเอียดครอบคลุมในทุกด้าน ท้ังน้ี ตามกฎหมายพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการนี้ คณะผู้วิจัยจึงเห็นควรให้มีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติท่ีกาหนด กระบวนการพจิ ารณาอนมุ ัตโิ ครงการประชานยิ ม โดยกาหนดให้มีการนาผลการศึกษาวิเคราะห์โครงการมาใช้ ประกอบการพิจารณาอนุมัติโครงการด้วย ท้ังน้ี หากพิจารณาร่างกฎหมายที่มีการยกร่างอยู่ในปัจจุบัน ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ....1 ซึ่งเป็นกฎหมายลาดับรองที่ออกตามความ ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้กาหนดกรอบหลักเกณฑ์ในการดาเนิน โครงการหรือมาตรการในลักษณะดังกล่าวไว้ โดยมีหลักการสาคัญดังน้ี - หลกั การ : กรณีท่รี ฐั บาลมอบหมายให้หนว่ ยงานของรัฐดาเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการ โดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดาเนินการ จะต้อง ดาเนินการตามท่ีกาหนดในพระราชบัญญัติ - กาหนดวัตถุประสงค์ในการดาเนินโครงการหรือมาตรการ : ต้องเป็นโครงการ หรือมาตรการเพ่ือฟื้นฟูหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเพื่อเพ่ิมขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ หรือ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือเพื่อช่วยเหลือฟ้ืนฟูผู้ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยหรือการ กอ่ วนิ าศกรรม - ปัจจัยที่ต้องคานึงในการอนุมัติ : ในการดาเนินโครงการหรือมาตรการดังกล่าว จะต้องคานึงถึงภาระทางการคลังของรัฐท่ีอาจเกิดข้ึนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ผลกระทบต่อการ ดาเนินงานของหน่วยงาน และแนวทางการบริหารจัดการภาระทางการคลังของรัฐและผลกระทบจากการ ดาเนนิ การดงั กลา่ ว - การนาเสนอโครงการหรือมาตรการ : ต้องมีการจัดทาประมาณการต้นทุน ทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน การคลังและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ 1 รา่ งกฎหมายฯ ได้ผา่ นการพจิ ารณาของคณะกรรมการกฤษฎกี าแล้ว (เรื่องเสรจ็ ท่ี 806/2560) ปจั จบุ ันอย่รู ะหว่างการเสนอสภา นิตบิ ัญญัตแิ หง่ ชาตเิ พือ่ พจิ ารณาตามขั้นตอนต่อไป
90 - การดาเนินโครงการหรอื มาตรการ : ต้องจัดทาบัญชีสาหรับการดาเนินโครงการ หรือมาตรการดังกล่าวแยกต่างหากจากบัญชีการดาเนินงานท่ัวไป และเปิดเผยต่อสาธารณชนทราบ โดยกาหนดให้รัฐต้องจัดสรรเงินงบประมาณให้แก่หน่วยงานที่ดาเนินโครงการหรือมาตรการดังกล่าว ในโอกาสแรกที่กระทาได้ จะเห็นได้ว่า เมื่อกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐมีผลบังคับใช้ (ซ่ึงคาดว่า ประมาณปี 2561) ในการจัดทาโครงการประชานิยมต่างๆ ตามนโยบายรัฐบาล ที่รัฐรับภาระชดเชย ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงาน จาเป็นจะต้องดาเนินการภายใต้กรอบกฎหมายดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ในร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงกลไกการวิเคราะห์โครงการหรือมาตรการท่ีชัดเจน มีเพียงการ กาหนดให้หน่วยงานแสดงประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการท่ีรัฐจะต้องรับภาระ ทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังและคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเท่านั้น ซ่ึงจะทาให้ รัฐบาลรับทราบเพียงต้นทุนทางตัวเงินหรือภาระค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึนจาก การดาเนินโครงการเท่าน้ัน ไม่ครอบคลุมถึงมิติในการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ของโครงการหรือมาตรการท้ังหมด ซึ่งอาจ เกิดขึ้นทั้งในรูปของตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน ดังน้ัน คณผู้วิจัยจึงเห็นควรเพิ่มเติมร่างกฎหมายดังกล่าวให้ ชัดเจนว่า ในข้ันตอนการเสนออนุมัติโครงการหรือมาตรการต่อคณะรัฐมนตรี (ยกเว้นกรณีโครงการหรือ มาตรการท่ีเร่งด่วน) จะต้องมีการนาเสนอผลการวิเคราะห์โครงการที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้านเพ่ือ ประกอบการพิจารณาอนุมัติของคณะรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณ ฑ์และวิธีการ ท่คี ณะกรรมการนโยบายการเงินการคลงั กาหนด โดยในการกาหนดหลักเกณฑ์การวิเคราะห์โครงการประชานิยมข้างต้น อย่างน้อย ควรมีหลักการสาคัญดังน้ี กาหนดให้มีการวิเคราะหต์ ้นทุนและผลประโยชน์ของโครงการหรอื มาตรการ กาหนดเกณฑ์ในลักษณะการจดั ทา Checklist กาหนดให้หน่วยงานกลางท่มี ีอิสระทาหนา้ ที่ในการวิเคราะห์ กาหนดให้มีการรับฟังความเห็นหนว่ ยงานทเี่ กยี่ วข้องอยา่ งรอบดา้ น/ทุกภาคสว่ น ทัง้ นี้ ในประเดน็ ข้อเสนอ “หนว่ ยงานกลาง” ทีเ่ ป็นอิสระเพ่ือทาหน้าท่ีวิเคราะห์โครงการนั้น สามารถพิจารณาได้ 2 แนวทาง คือ (1) หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งได้แก่ สศช. ซ่ึงทาหน้าท่ีวิเคราะห์โครงการ ลงทุนอยู่แล้ว หรือ (2) หน่วยงานภาคเอกชน ในลักษณะของการจ้างที่ปรึกษาวิเคราะห์โครงการ ซ่ึงใน ประเดน็ ดงั กลา่ วคณะผู้วิจัยเห็นว่า แม้ว่าโครงการประชานิยมจะเป็นโครงการที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของ ประชาชน สังคม และเศรษฐกิจโดยรวม แต่การจะกาหนดให้ สศช. เป็นหน่วยงานที่ทาหน้าที่วิเคราะห์ โครงการประชานิยมเช่นเดียวกับโครงการลงทุนด้วยนั้น อาจไม่สอดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน เนื่องจาก ในปัจจุบัน สศช. อยู่ระหว่างการแก้ไขพระราชบัญญัติพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2521 เพ่ือให้สามารถดาเนินการเพ่ือรองรับภารกิจใหม่ตามกฎหมายประกอบร่างรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับได้ (ร่างพระราชบัญญัติการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแผนและข้ันตอนการ
91 ดาเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ....) ซึ่งโดยหลักการของร่างกฎหมายดังกล่าวได้ยกระดับภารกิจของ สศช. ให้เป็นการพิจารณานโยบายในระดับมหภาค (Macro Level) โดยทาหน้าที่จัดทายุทธศาสตร์ชาติเพื่อเป็น เครื่องมือในการกาหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาว รวมทั้งบัญญัติให้มีการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และปรับลดบทบาทของ สศช. ในการพิจารณา โครงการลงทุนต่างๆ ลง ดังนั้น จึงเสนอให้กาหนดให้หน่วยงานภาคเอกชนที่มีอิสระเป็นผู้ทาหน้าท่ี วิเคราะห์โครงการประชานิยมจะเหมาะสมกว่า2 5.3.2 การพิจารณาแหล่งเงินสนับสนุนในการดาเนินโครงการ ปัญหาสาคัญประการหนึ่งในการดาเนินโครงการประชานิยม คือ การที่รัฐบาล มอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ ดาเนินโครงการหรือมาตรการต่างๆ ไปก่อน โดยใช้สภาพคล่องของ หน่วยงานเอง แม้ว่ารัฐบาลจะมีมติรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการตั้งงบประมาณและ การพิจารณากล่นั กรองวงเงนิ ชดเชยเพื่อใหไ้ ด้ตัวเลขคา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี กิดขึน้ จรงิ ซง่ึ กระบวนการดังกล่าวส่งผลกระทบ ต่อสถานะการเงินของหน่วยงาน ในประเด็นนี้คณะผู้วิจัยเล็งเห็นว่า เพื่อแก้ไขข้อจากัดดังกล่าว รัฐบาลควร กาหนดวงเงินทดรองจ่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่ได้รับมอบหมายให้ดาเนินโครงการหรือมาตรการต่างๆ ให้สามารถเบิกเป็นค่าใช้จ่ายในการดาเนินโครงการไปก่อน และเมื่อได้รับการอนุมัติวงเงินค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละงวดแล้วจึงจะมีการเบิกเงินงบประมาณเพื่อมาคืนวงเงินทดรองจ่ายดังกล่าวต่อไป ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบทางการเงินให้แก่หน่วยงานผู้ดาเนินโครงการได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยหลักการ ดังกล่าวสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้โดยใช้กลไกของ “เงินทุนสารองจ่าย” ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติ วิธีการงบประมาณ พ.ศ. ....3 กาหนดเงินทุนสารองจ่ายไว้ 50,000 ล้านบาท (จากปัจจุบันมาตรา 29 ทวิ กาหนดไว้เพียง 100 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ภายใต้ร่างกฎหมายข้างต้นกาหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการ ใช้จา่ ยเงินทุนสารองจ่ายไว้ค่อนข้างจากัด ดังน้ี กรณีที่มีความจาเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์แก่ราชการแผ่นดิน งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสารองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จาเป็นไม่เพียงพอ เม่ือได้จ่ายเงินไปแล้ว ต้องต้ังงบประมาณรายจ่ายเพ่ือชดใช้คืน “เงินทุน สารองจ่าย” ในโอกาสแรก 2 ในปัจจุบันการว่าจ้างที่ปรึกษาของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ จะต้องดาเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการ บริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งกาหนดกลไกในการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษา การจัดระดับ การประเมินผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนการเพิกถอนและยกเลิกการขึ้นทะเบียนไว้อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การทาหน้าที่ของที่ปรึกษาในการ วิเคราะห์โครงการต่างๆ ได้รับการยอมรับ เป็นอิสระ และเชื่อถือได้ 3 ร่างกฎหมายฯ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎกี าแล้ว (เรอื่ งเสร็จท่ี 556/2560)
92 จะเหน็ ได้วา่ จากหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการใช้จ่ายข้างต้นยังไม่ครอบคลุมถึง กรณีการนาเงินทุนสารองจ่ายมาใช้ในการดาเนินโครงการหรือมาตรการประชานิยมที่รัฐบาลมอบหมาย หน่วยงานดาเนินการ เนื่องจากไม่ใช่กรณีจาเป็นเร่งด่วนและกลไกการตั้งงบประมาณรายจ่ายคืนเงินทุน สารองจ่ายเป็นกรณีที่ทาในปีถัดไป ในขณะที่แนวทางที่คณะผู้วิจัยเสนอสาหรับการยืมเงินทดรองจ่าย สาหรับโครงการประชานิยม หน่วยงานผู้ดาเนินโครงการจะต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีนั้นๆ แล้วจึงสามารถเบิกเงินงบประมาณคืนเงินทุนสารองจ่ายได้ภายในปีเดียวกัน ดังนั้น คณะผู้วิจัยจึงเห็นควร เพ่มิ เติมเง่ือนไขการใช้จ่ายเงนิ ทุนสารองจ่ายภายใต้ร่างกฎหมายดังกล่าวให้ครอบคลมุ ถึงกรณี ดงั น้ี ควรเพิม่ วตั ถปุ ระสงค์การใชเ้ งิน เพ่ือให้หน่วยงานสามารถเบิกเงินทดรองจ่าย เพื่อดาเนินโครงการหรือมาตรการของรัฐบาล และ/หรือ เพื่อให้หน่วยงานเบิกเงิน PSO ล่วงหน้ากรณี ขาดสภาพคล่อง กาหนดให้หน่วยงานผู้ดาเนินโครงการทยอยเคลียร์บัญชี (ทุกรอบ 3 เดือน) เพ่ือนางบประมาณที่ได้รับจัดสรรมาคืนเงินทุนสารองจ่าย จนครบจานวนก่อนสิ้นปี ทั้งน้ี ในการดาเนินการดังกล่าวควรมีกลไกในการพิจารณาอนุมัติเบิกจ่ายเงินทุน สารองจ่ายที่มีความคล่องตัวและรวดเร็ว ซึ่งอาจกาหนดให้ สคร. จัดทาหลักเกณฑ์กลางในการพิจารณา อนุมัติเงินทุนสารองจ่าย โดยกาหนดกรอบวงเงินข้ันสูงที่สามารถเบิกได้ในแต่ละรอบ โดยคานวณตาม สัดส่วนค่าใช้จ่ายเฉล่ียท่ีผ่านมาหรือประมาณการค่าใช้จ่าย กาหนดกรอบระยะเวลาในการย่ืนคาขอและ ปฏิทินการพจิ ารณาอนุมตั ใิ ห้ชัดเจน เพ่ือประโยชน์ในการบริหารการเงินของหน่วยงาน และประการสาคัญ จะต้องกาหนดระยะเวลาคืนเงนิ ทุนสารองจา่ ยในแตล่ ะคร้ังให้ชัดเจน เพ่ือไม่ให้การเบิกจ่ายดังกล่าวกระทบต่อ การบริหารเงินทุนสารองจ่ายในภาพรวมของประเทศและรักษาวินัยในการใช้จ่ายในลักษณะของการยืม เงินทดรองราชการอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สคร. อยู่ระหว่างการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการ พฒั นาการกากับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ....4 ซ่ึงขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอ สนช. เพื่อพิจารณา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ภายในปีงบประมาณ 2561 โดยหลักการสาคัญของร่างกฎหมายดังกล่าวจะเน้น การปฏิรูปกระบวนการกากับดูแลและการบริหารรัฐวิสาหกิจ เพ่ือยกระดับประสิทธิภาพการดาเนินงาน ของรัฐวิสาหกิจให้เหมาะสมกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมท่ีเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการจัดทาแผน ยทุ ธศาสตร์รัฐวิสาหกิจเพื่อเป็นช่องทางในการส่งผ่านนโยบายของภาครัฐไปยังรัฐวิสาหกิจให้มีความชัดเจน และเกิดความโปร่งใส ผ่านกลไกการทางานของ “คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร.” และ “บรรษทั วิสาหกจิ แหง่ ชาติ หรือ Super Holding” โดยในส่วนทเ่ี ก่ียวข้องกับการจัดทาโครงการตามนโยบายรัฐบาลนั้น ร่างกฎหมาย ดงั กลา่ วกาหนดหลกั การสาคญั ไว้ ดงั น้ี 4 ร่างกฎหมายฯ ไดผ้ ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎกี าแล้ว (เรอ่ื งเสรจ็ ท่ี 753/2560)
93 1. หน้าท่ีของรัฐวิสาหกิจ : รัฐวิสาหกิจที่ได้ดาเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ รัฐวิสาหกิจและมีภาระทางการเงินท่ีรัฐบาลต้องชดเชยหรือให้เงินอุดหนุน ให้รัฐวิสาหกิจนั้นคานวณวงเงิน ที่จะขอชดเชยหรืออุดหนุน กลไกวิธีการชดเชยหรืออุดหนุน ตลอดจนจัดทาบัญชีรองรับไว้เฉพาะการ ดาเนินการดังกล่าวแยกจากบัญชีปกติ และมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชน ตามหลักเกณฑ์ ที่ สคร. กาหนด 2. หน้าท่ีของ คนร. : เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความ เห็นชอบเก่ียว กับการกาหนดมาตรการแล ะการจัดส รรเ งินช ดเชยหรือเงินอุดหนุนให้แก่รัฐ วิสาหกิจ ท่ีดาเนนิ การตามนโยบายรฐั บาลภายใต้แผนยุทธศาสตรร์ ฐั วิสาหกิจ จะเห็นได้ว่า เม่ือร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ กรณีที่รัฐวิสาหกิจดาเนิน โครงการตามนโยบายรัฐบาล อาทิ โครงการประชานิยมต่างๆ การขอรับจัดสรรเงินชดเชยหรือเงินอุดหนุน จากรัฐบาลจะต้องดาเนินการตามแนวทางหรือมาตรการที่คณะรัฐมนตรีกาหนด ดังนั้น เพ่ือให้เกิดการ แก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ในการกาหนดมาตรการหรือหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินภายใต้กฎหมายดังกล่าว สคร. ในฐานะหน่วยงานเลขานุการ คนร. จาเป็นต้องรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ทั้งในส่วนของรัฐวิสาหกิจผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง และจากหน่วยงานกลาง ซึ่งประกอบด้วย สงป. สบน. และ สศช. เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนและนาข้อจากัดหรือปัญหาอุปสรรคของการดาเนินโครงการ ที่ผ่านมา มาพิจารณาทบทวนเพื่อกาหนดกลไกการจัดสรรเงินใหม่ให้สอดคล้องและสามารถสนับสนุน การดาเนินงานของรัฐวิสาหกิจได้อย่างแท้จริงโดยไม่เป็นภาระทางการคลังมากจนเกินไป 5.3.3 การกากับดูแลภาระความเสี่ยงการคลังโดยรวม ประเด็นปัญหาที่สาคัญอีกประการของการดาเนินโครงการประชานิยมคือการท่ี ภาครัฐไม่มีกลไกในการกากับติดตามภาระความเส่ียงทางการคลังที่เกิดข้ึนอย่างเป็นระบบ ประกอบกับ กระบวนการในการอนุมัติโครงการประชานิยมท่ีผูกพันภาระงบประมาณเกิดขึ้นได้ง่ายเพียงมติ คณะรฐั มนตรี สง่ ผลใหท้ ่ผี า่ นมารัฐบาลตา่ งๆ มีการจัดทาโครงการหรือมาตรการประชานิยมในสมัยของตน จานวนมาก ซง่ึ หากเป็นเช่นนี้อยตู่ ่อไป จะส่งผลกระทบต่อภาคการคลังในระยะยาว จากผลการศึกษาในบทท่ี 2 คณะผู้วิจัยพบว่า นอกจากแนวคิดในการเพ่ิมความ เข้มข้นของระบบวินัยการคลังและกระบวนการงบประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองแข่งขันกัน นาเสนอนโยบายประชานิยมแบบไร้ความรบั ผดิ ชอบ โดยมกี รอบกฎหมายเพ่ือวิเคราะห์กล่ันกรองโครงการ ประชานิยมต่างๆ ในขั้นตอนการขออนุมัติแล้ว ภาครัฐยังต้องมีการรับรู้และติดตามภาระความเส่ียง ทางการคลังต่างๆ อย่างเป็นระบบด้วย ทั้งนี้ หากพิจารณาในร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ได้มกี ารกาหนดกรอบวินัยในการดาเนนิ โครงการประชานยิ มตามหลักการดังกลา่ วไว้ ดังน้ี กาหนดกรอบการบรหิ ารงานของรฐั บาล : โดยคณะรัฐมนตรีจะต้องไม่บริหาร ราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของ ประเทศและประชาชนในระยะยาว
94 การกาหนดนโยบายการบริหารจัดการความเส่ียงทางการคลัง : โดยกาหนดให้ “คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ” กาหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยงทางการคลัง และ กาหนดยอดคงค้างของภาระงบประมาณในแต่ละปีท่ีรัฐจะต้องจ่ายชดเชยให้แก่หน่วยงานในการดาเนิน มาตรการหรือนโยบายของรัฐบาล การรายงานผลการดาเนินโครงการหรือมาตรการต่างๆ : กาหนดให้หน่วยงาน ท่ีดาเนินโครงการรายงานผลการดาเนินการต่อคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและ คณะรัฐมนตรี การประเมินความเสี่ยงทางการคลัง : กาหนดให้กระทรวงการคลังมีหน้าท่ี ในการจัดทารายงานความเส่ียงการคลังประจาปีต่อคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและ คณะรัฐมนตรี ทง้ั น้เี พ่ือใช้ประกอบการจดั ทาแผนการคลงั ระยะปานกลาง ท้ังน้ี กลไกการดาเนินการภายใต้ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ดังกล่าวปรากฏตามแผนภาพท่ี 5.2 แผนภาพที่ 5.2 การกากับดแู ลภาระความเสี่ยงการคลังภายใต้ร่างพระราชบัญญัติวินัยการเงินการ คลังของรัฐ พ.ศ. .... ท่ีมา : คณะผู้วิจัย จากแผนภาพข้างต้นจะเห็นได้ว่า การกากับดูแลการดาเนินมาตรการหรือ โครงการประชานิยมโดยผ่านกลไกการบริหารจัดการความเสี่ยงทางการคลังตามร่างพระราชบัญญัติวินัย การเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... บทบาทหน้าท่ีของ “คณะกรรมการนโยบายการเงนิ การคลังของรัฐ” และ “กระทรวงการคลัง” มีความสาคัญในเชิงนโยบายเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นกลไกหลักในการกาหนด นโยบายการบริหารความเสี่ยงทางการคลัง กาหนดกรอบเพดานหรือยอดคงค้างของภาระงบประมาณท่ี รัฐบาลจะต้องจ่ายชดเชยให้แก่หน่วยงานที่ดาเนินมาตรการหรือนโยบายของรัฐบาลในแต่ละปี ตลอดจน
95 การจัดทารายงานความเสี่ยงทางการคลังประจาปี เพื่อติดตามและประเมินผลและใช้ประกอบการจัดทา แผนการคลังในระยะปานกลาง อย่างไรก็ตาม คณะผู้วิจัยเห็นว่า เพ่ือให้บทบาทในการทาหน้าที่ของ คณ ะก ร ร มก า ร น โ ย บา ย ก า ร เ งิน ก า ร ค ลัง ข อง รั ฐ แล ะก ร ะท รว ง ก า ร คลั ง เ ป็ น ไปอย่ า ง มี ป ระสิ ท ธิ ภ า พ โดยคานงึ ถึงกรอบวินยั การคลังท่ีแท้จริง เห็นควรมีการทบทวนร่างกฎหมายดังกล่าว ในประเด็นดังน้ี ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ: ตามร่างกฎหมายปัจจุบันกาหนดให้คณะกรรมการ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อานวยการสานักงบประมาณ ผู้ว่าการธนาคาร แห่งประเทศไทยเป็นกรรมการ และผู้อานวยการสานักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นเลขานุการ ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าวมีเพียงฝ่ายการเมืองที่ทาหน้าที่กาหนดนโยบาย และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะฝ่ายปฏิบัติเท่านั้น ไม่มีตัวแทนจากภาคเอกชน นักวิชาการ หรือองค์กร กลางที่มีอิสระปราศจากการแทรกแซง เพื่อถ่วงดุลการใช้ดุลยพินิจในบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ แต่อย่างใด ดังน้ัน เพื่อเพิ่มความเป็นกลางและความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าท่ีของ คณะกรรมการ คณะผู้วิจัยจึงเหน็ ควรให้มกี ารเพ่ิมเติมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการเงินการคลังของ ประเทศ จานวน 3 คน เพ่ือมาเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการ เพ่ือร่วมพิจารณากล่ันกรองกรอบ นโยบายการบริหารความเสย่ี งทางการคลัง และกาหนดกรอบเพดานหรือยอดคงค้างของภาระงบประมาณ ในแต่ละปี ซึ่งจะช่วยให้กลไกการกากับดูแลและการบริหารจัดการภาระความเส่ียงทางการคลัง ผ่านคณะกรรมการ มีผลสมั ฤทธอ์ิ ย่างเปน็ รูปธรรม การรายงานต่อกระทรวงการคลัง : ตามร่างกฎหมายปัจจุบันกาหนดให้ ผู้อานวยการสานักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นเลขานุการของคณะกรรมการฯ และกาหนดให้ กระทรวงการคลังจัดทารายงานความเสี่ยงทางการคลังประจาปี ซึ่งอย่างน้อยต้องแสดงผลการประเมิน ความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากผลกระทบของเศรษฐกิจมหภาค ระบบการเงิน นโยบายของรัฐบาล และผลการดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่อาจก่อให้เกิดภาระทางการคลังของรัฐบาล และแนวทาง การบริหารจัดการความเสี่ยงนั้น ดังนั้น เพื่อให้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกากับ ติดตามภ าระคว า มเสี่ยงทางการ คลังในภ าพรว ม ได้มีข้อมูลที่เกี่ยว ข้องกับมาตรกา รหรือการดาเนิน โครงการประชานิยมอย่างครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน คณะวิจัยจึงเห็นควรกาหนดให้หน่วยงานภาครัฐ ที่เป็นผู้รับผิดชอบในการดาเนินมาตรการหรือโครงการประชานิยมต่างๆ รายงานผลการดาเนินการต่อ กระทรวงการคลัง เพ่ือเป็นฐานข้อมูลในการติดตามภาระความเส่ียงทางการคลังด้วย ท้งั น้ี ข้อเสนอแนะท้ังหมดทเ่ี กี่ยวข้องกบั การวิเคราะหต์ น้ ทนุ และผลประโยชน์ของการดาเนิน นโยบายประชานิยมข้างต้น จะถูกนาไปใช้เพื่อต่อยอดการศึกษาทางวิชาการ หรือมีการนาไปประยุกต์ใช้
96 ในการจัดทานโยบายประชานิยมอย่างย่ังยืนหรือไม่น้ัน ขึ้นอยู่กับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐผู้รับผิดชอบและดาเนินโครงการ หน่วยงานกลางท่ีเกี่ยวข้องกับภาคการเงินการคลัง รวมทั้ง รัฐบาลที่เป็นผู้กาหนดนโยบายเอง ซึ่งจะต้องดาเนินการอย่างบูรณาการเพ่ือสร้างรากฐานและ ปรับปรุงกลไกการดาเนินโครงการประชานิยมในเชิงสังคมให้มีความเหมาะสม มีการดาเนินการอย่างมี ประสิทธิภาพ และมีการคานึงถึงความสมดุลระหว่างต้นทุนของภาครัฐและผลประโยชน์ท่ีประชาชนและ สังคมจะได้รับในภาพรวม โดยปราศจากการดาเนินโครงการโดยมุ่งหวังผลประโยชน์หรือผลตอบแทน ทางดา้ นการเมอื งอยา่ งแท้จริง
บทที่ 6 บทสรุปและประเด็นชวนคดิ -พนั ธกจิ วันข้างหน้า 6.1 โครงการประชานยิ ม : ภารกิจทีก่ ลายเปน็ ภาระ ในจำนวนรฐั วสิ ำหกิจกว่ำ 50 แห่ง ของประเทศไทย องค์กำรขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กำรรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และธนำคำรเพื่อกำรเกษตรและสหกรณ์กำรเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นรัฐวิสำหกิจ 3 แหง่ ทมี่ ักจะได้รบั มอบหมำยจำกรัฐบำลทุกยุคทุกสมัยให้เป็นหน่วยงำนตัวแทนในกำรดำเนิน “โครงกำร ประชำนิยม” ทั้งน้ี เนื่องจำกรัฐวิสำหกิจทั้ง 3 แห่ง มีภำรกิจที่เกี่ยวข้องกับกำรให้บริกำรสำธำรณะแก่ ประชำชนในวงกว้ำง (แผนภำพท่ี 6.1) โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงผู้มีรำยได้น้อย ซึ่งมีโครงกำรที่เป็นที่รู้จัก เช่น โครงกำรรถเมลฟ์ รี โครงกำรรถไฟฟรี โครงกำรรับจำนำข้ำว เป็นตน้ แผนภาพที่ 6.1 ข้อมูลโครงการประชานิยมที่ดาเนินการผา่ น ธ.ก.ส. รฟท. และ ขสมก. ทมี่ ำ : สำนักงำนบริหำรหน้ีสำธำรณะ
98 คณะผู้วิจัยในฐำนะข้ำรำชกำรสำนั กงำนบริหำรหนี้สำธำรณะ (สบน.) ในสังกัด กระทรวงกำรคลัง ท่ีมีหน้ำที่กู้เงิน ค้ำประกันเงินกู้ และบริหำรหนี้ของรัฐวิสำหกิจเหล่ำนี้ เห็นว่ำ ทุกโครงกำร มีวัตถุประสงค์และเจตนำที่ดีในกำรช่วยเหลือประชำชนผู้มีรำยได้น้อย โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในช่วง ท่ีเกดิ วกิ ฤติเศรษฐกิจหรอื ภยั ธรรมชำติ ซ่ึงกลุ่มคนเหล่ำน้ีจะได้รับผลกระทบอย่ำงรุนแรงกว่ำคนกลุ่มอ่ืนเสมอ และก่อให้เกิดควำมเดือดร้อนในกำรดำรงชีวิตประจำวันในทันที แต่ในขณะเดียวกันยังเป็นกลุ่มคนที่ได้รับ ควำมชว่ ยเหลือไม่ (ค่อย) ทนั เวลำ เพรำะกลุ่มคนดังกล่ำวมีจำนวนมำกและกระจำยอยู่ทั่วประเทศ รัฐบำล จึงต้องใช้เม็ดเงินมหำศำลจำกแหล่งเงินงบประมำณและแหล่งเงินกู้ภำคเอกชน และดำเนินโครงกำร ผ่ำนรัฐวสิ ำหกิจท่ีมีหน่วยงำนในภูมิภำคทำหน้ำที่กระจำยและให้ควำมช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับควำมเดือดร้อน ใหเ้ ร็วทส่ี ดุ 6.2 โครงการประชานยิ ม : เรม่ิ งา่ ย เลิกยาก แต.่ ..ไม่จาเปน็ ต้องขาดทนุ ภำยใตค้ วำมจำเปน็ เรง่ ด่วนและภำยใต้ควำมถี่ในกำรเผชิญวิกฤติท่ีบ่อยคร้ังเป็นจุดเริ่มต้นของ กำรดำเนนิ โครงกำร “ประชำนิยม” ทีละเล็กละน้อย โดยเร่ิมจำกมูลค่ำโครงกำรท่ีมีวงเงินครั้งละ 1,000 – 5,000 ล้ำนบำท ในอดีต สู่กำรสั่งสมและ “เสพติด” ของรัฐบำลผู้อนุมัติโครงการ และประชำชนผู้เข้าร่วม โครงการ และหำกมองย้อนหลงั กลบั ไปจะเหน็ วำ่ โครงกำรประชำนิยมของรัฐวิสำหกิจทั้ง 3 แห่ง (ธ.ก.ส. รฟท. และ ขสมก.) ที่ดำเนนิ กำรในช่วงทศวรรษทีผ่ ำ่ นมำมมี ูลค่ำรวมในระดบั หลำยแสนล้ำนบำท ซึ่งจำกกำรศึกษำ โครงกำรวิจัยน้ีท่ีคณะผู้วิจัยได้รับกำรสนับสนุนจำกสำนักงำนคณะกรรมกำรวิจัยแห่งชำติ คณะผู้วิจัยเห็นว่า การรวบรวมฐานข้อมูลที่มีความถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันจากหน่วยงานให้บริการต่างๆ ที่เก่ียวข้อง ตลอดจนการช้ีกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการที่มีเป็นจานวนมากและกระจายอยู่ ท่ัวประเทศ เป็นอุปสรรคสาคัญท่ีสุดประการหนึ่งในการศึกษาวิเคราะห์ต้นทุนผลประโยชน์ของ โครงการในเชิงลึกได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนติดตำมประเมินผลควำมคุ้มค่ำและกำรเสนอแนะทำง นโยบำยที่มีหลักวิชำกำรและเชื่อถือได้ ซ่ึงโครงกำรรถเมล์ฟรีของ ขสมก. เป็นตัวอย่ำงท่ีเด่นชัดย่ิงของ ผลกระทบที่เกดิ จำกกำรไมว่ เิ ครำะหต์ ้นทนุ ผลประโยชน์ ในแผนภำพท่ี 6.2 กรำฟแท่ง (ด้ำนซ้ำย) แสดงให้เห็นว่ำ ในกำรดำเนินโครงกำร “รถเมล์ฟรี” ครั้งแรกในปี 2551 ส่งผลให้มีผู้โดยสำรท่ีใช้บริกำรของ ขสมก. (Ridership) โดยรวมเพิ่มข้ึนร้อยละ 32 จำกเดิม 700,000 คนครั้งต่อวัน เป็น 920,000 คนคร้ังต่อวัน ซ่ึงถึงแม้ว่ำโครงกำร “รถเมล์ฟรี” มีกำรอนุมัติ ด้วยควำมเรง่ ดว่ นภำยใน 2 วนั โดยไมไ่ ดท้ ำบทวิเครำะห์ผลประโยชน์ของโครงกำรก็ตำม ซ่ึงคณะผู้วิจัยเห็นว่ำ อยู่ในวิสัยท่ีทำได้เนื่องจำกเป็นเรื่องเร่งด่วนท่ีต้องดำเนินกำร และ“หาก”เราวัดความสาเร็จของการ ดาเนินโครงการจากจานวนผู้โดยสารที่ใช้บริการท่ีเพ่ิมข้ึน ก็สามารถสรุปได้ในเบื้องต้นว่า โครงการ “รถเมล์ฟรี” ในครั้งแรกประสบความสาเร็จอย่างดีย่ิง อย่ำงไรก็ดี แผนภำพที่ 6.2 กลุ่มกรำฟแท่ง (ด้ำนขวำ) แสดงให้เห็นว่ำ หลังวิกฤติในปี 2552 เป็นต้นมำ จำนวนผู้โดยสำรรถเมล์ทุกประเภทกลับลดลงตำมลำดับ โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงผูโ้ ดยสำรในโครงกำรรถเมลฟ์ รีลดลงตำ่ ทีส่ ุดคอื ร้อยละ 46
99 แผนภาพที่ 6.2 จานวนผู้โดยสารทใ่ี ชบ้ ริการรถโดยสารของ ขสมก. ตั้งแต่ปี 2551 – 2559 ทมี่ ำ : คณะผ้วู ิจยั คณะผู้วิจัยขอชี้ให้เห็นว่ำ ตั้งแต่โครงกำร “รถเมล์ฟรี” ในครั้งแรกนั้นคณะรัฐมนตรีได้มี กำรต่ออำยุโครงกำร “รถเมลฟ์ รี” ครำวละ 1 เดือน – 6 เดือน มำถึง 22 ครั้ง อย่ำงต่อเนื่องตลอด 10 ปี ซ่ึงในกำร ต่ออำยุในแต่ละคร้ัง หน่วยงำนและส่วนรำชกำรที่เก่ียวข้องเจ้ำของโครงกำรมีโอกำสแนบผลกำรศึกษำ และ คณะรัฐมนตรีมีโอกำสขอรับฟังควำมคิดเห็นเพ่ือประกอบกำรพิจำรณำต่ออำยุโครงกำร / ปรับรูปแบบ โครงกำร / ทบทวนโครงกำรทุกครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีกำรดำเนินกำร โดยในปัจจุบัน ขสมก. มีกำรเดินรถ 114 เสน้ ทำง1 และมีผลประกอบกำร “ขำดทนุ ” ในขณะเดียวกัน ขสมก. แบ่งให้รถร่วมภำคเอกชนดำเนินกำร เดนิ รถ 342 เส้นทำง2 โดยรถร่วมภำคเอกชนมีกำรเดินรถในเส้นทำงเดียวกับ ขสมก. ซ่ึงบริษัทรถร่วมเอกชน มี “กาไร” จากผลประกอบการ ดงั นั้น ขสมก. ไม่นา่ จะตอ้ ง “ขาดทนุ ” ในกำรนี้ คณะผวู้ ิจัยมีข้อสังเกตว่ำ ในทำงปฏิบัติหำกทุกหน่วยงำนท่ีเกี่ยวข้องเห็นว่ำ ไม่มี หนว่ ยงำนกลำงท่มี หี น้ำที่ในกำรศกึ ษำและวเิ ครำะห์ประเมินผลโครงกำรประชำนยิ ม รัฐบำลอำจมอบหมำย ให้หน่วยงำนที่มีศักยภำพดำเนินกำรในเร่ืองนี้อย่ำงจริงจัง โดยสำมำรถใช้กลไกต่ำงๆ ภำยใต้ 1 ขสมก. มีรถโดยสำร 2 ประเภท คอื รถโดยสำรธรรมดำ และรถโดยสำรปรบั อำกำศ 2 รถรว่ มภำคเอกชน มีรถโดยสำร 4 ประเภท คือ มินิบัส รถโดยสำรร่วมบริกำร รถตูป้ รับอำกำศ และรถสองแถวในซอย
100 พระรำชบัญญัติกำรพัฒนำกำรกำกับดูแลและบริหำรรัฐวิสำหกิจ พ.ศ. .... โดยหลักกำรสำคัญของร่ำง กฎหมำยทสี่ ำนกั งำนคณะกรรมกำรนโยบำยรัฐวิสำหกิจ (สคร.) เสนอ จะเน้นกำรปฏิรูปกระบวนกำรกำกับ ดูแลและกำรบริหำรรฐั วสิ ำหกจิ เพ่อื ยกระดับประสิทธิภำพกำรดำเนินงำนของรัฐวิสำหกิจ โดยมีกำรจัดทำ แผนยุทธศำสตร์รัฐวิสำหกิจเพ่ือเป็นช่องทำงในกำรส่งผ่ำนนโยบำยของภำครัฐไปยังรัฐวิสำหกิจให้มีควำม ชัดเจนและเกิดควำมโปร่งใส ผ่ำนกลไกกำรทำงำนของ “คณะกรรมกำรนโยบำยรัฐวิสำหกิจ หรือ คนร.” และ “บรรษัทวิสำหกิจแห่งชำติ หรือ Super Holding” รวมท้ังกำหนดในเร่ืองกระบวนกำรสรรหำบุคคล เพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมกำรรัฐวิสำหกิจที่มุ่งเน้นประสบกำรณ์และควำมรู้ควำมสำมำรถที่จำเป็นต่อกำร ดำเนินงำนของรัฐวิสำหกิจ โดยล่ำสุดร่ำงพระรำชบัญญัติกำรพัฒนำกำรกำกับดูแลและบริหำรรัฐวิสำหกิจ พ.ศ. .... อยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของสภำนิติบัญญัติแห่งชำติ ซ่ึงคำดว่ำจะมีผลบังคับใช้ได้ภำยใน ปงี บประมำณ 2561 นี้ 6.3 โครงการประชานยิ ม : Moral Hazard ในบรบิ ทของผคู้ า้ ประกนั เงินกู้ ในกำรจดั หำเงินกู้ ค้ำประกนั และบริหำรหนใี้ หก้ ับ ขสมก. มปี ัจจยั 3 ด้ำน ทเี่ ป็นข้อกังวลอย่ำงมำก ของ สบน. คอื (1) ผลขำดทุนอยำ่ งต่อเน่ืองจำกกำรดำเนนิ กิจกำรต้งั แตเ่ ริม่ กอ่ ตั้งในปี 2519 (2) กำรไม่ได้รับจัดสรรงบชำระหนี้ท่ีเพียงพอจำกสำนักงบประมำณเพื่อชำระหน้ี จนกระทั่ง ขสมก. และ รฟท. ต้องกู้เงินมำเพ่ือชำระค่ำดอกเบ้ีย (3) วัตถุประสงค์ของกำรกู้เงินท่ีบ่งชี้ไปท่ีเรื่องกำรขำดวินัย จนกระทั่ง ขสมก. ติดหน้ีกำรค้ำ ค่ำน้ำมันเช้ือเพลิง และค่ำเหมำซ่อม และสะสมเป็นค่ำเบี้ยปรับกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหำชน) และ บริษัทเอกชน ซึ่งหำก สบน. นำปัจจัยเหล่ำน้ีมำประกอบกำรพิจำรณำกำรจัดหำเงินกู้และค้ำประกันเงินกู้ จะเห็นวำ่ ขสมก. ไม่มคี วำมสำมำรถในกำรชำระหนี้และไม่สมควรค้ำประกันเงินกู้ให้โดยเด็ดขำด แต่เน่ืองจำก ขสมก. เป็นรัฐวิสำหกิจที่จัดตั้งขึ้นตำมกฎหมำยจึงถือเสมือนว่ำกระทรวงกำรคลังถือหุ้นร้อยละ 100 และ ดำเนินโครงกำรใหร้ ฐั บำล ดงั น้นั เหตุผลเหลำ่ น้ีกลบั เป็นปัจจยั ทที่ ำให้ สบน. ในฐำนะผู้ค้ำประกันต้องจัดหำ เงนิ กใู้ ห้อย่ำงเร่งด่วน หรืออำจกล่ำวได้ว่ำ สบน. กู้เงินเพื่อสภำพคล่องให้ ขสมก. ซึ่งปัญหำด้ำนสภำพคล่อง ของ ขสมก. สำมำรถส่งผลต่อกำรจ่ำยเงินเดอื นของพนกั งำน กำรติดหนกี้ ำรค้ำ และที่สำคัญท่ีสุดกำรผิดนัด ชำระหนี้ต่อสถำบันกำรเงินและนักลงทุนผู้ถือตรำสำรหนี้ของ ขสมก. ซ่ึงหน้ีทั้งหมดเป็นหนี้ท่ี กระทรวงกำรคลังค้ำประกันทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเป็น Moral Hazard ของผู้ค้าประกันในการไม่จาเป็นต้อง พิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหน่วยงาน โดย ขสมก. มีการกู้เงินเพื่อลงทุนซ้ือรถโดยสารคร้ังสุดท้าย ในปี 2538 หรอื กลา่ วไดว้ ่า ขสมก. ไม่เคยมกี ารลงทนุ เลยในชว่ ง 20 ปที ผี่ ่านมา
101 6.4 วงจรหนข้ี อง ขสมก. : ระเบดิ เวลาท่อี าจมาโดยไม่รตู้ ัว หนคี้ งค้ำงของ ขสมก. มีควำมนำ่ กังวลใน 2 มติ ิทแ่ี ตกตำ่ งกัน กล่ำวคือ มิติท่ีหนึ่ง หนี้ ขสมก. มีทิศทำงเพ่ิมข้ึนอย่ำงต่อเนื่อง โดยมีผลมำจำกผลประกอบกำร ที่ขำดทุน และกำรปรับโครงสร้ำงหน้ีเดิม ซึ่งถือว่ำไม่เป็นประโยชน์ต่อ ขสมก. (Non – Productive) และนับวัน จะย่ิงฉุดร้ังให้ ขสมก. มีผลประกอบกำรย่ำแย่ โดยล่ำสุด ขสมก. มีผลขำดทุนสะสมทะลุ 100,000 ล้ำนบำท และมี หนี้สะสมกว่ำ 96,000 ล้ำนบำท เรียบร้อยแล้วในปี 25603 และทำให้ในปัจจุบัน ขสมก. เป็นรัฐวิสำหกิจ แห่งท่ี 2 ที่มีหน้ีสะสมในระดับแสนล้ำนบำทรองจำก รฟท.4 ดังนั้น ภำยใต้กำรดำเนินกำรในปัจจุบันของ รัฐวสิ ำหกิจทง้ั 2 แหง่ หนีแ้ ละผลขำดทุนมีแนวโน้มท่จี ะเพิ่มข้ึนในอนำคต มิตทิ ี่สอง หนี้ ขสมก. มีควำมเส่ียงที่จะเพิ่มขนึ้ แบบก้ำวกระโดดจำกปจั จยั นำ้ มัน และปจั จัยดอกเบ้ีย ปัจจัยน้ำมัน : ขสมก. มีรำยจำ่ ยค่ำน้ำมันคิดเป็นร้อยละ 24 ของต้นทุนกำรเดินรถ ซึ่งในแต่ละเที่ยว ของกำรเดินรถ ขสมก. มีต้นทุน 12 บำทต่อคน และได้รับกำรอุดหนุนบริกำรสำธำรณะ 5.50 บำทต่อคน ส่งผลให้ ขสมก. เร่ิมติดหนี้กำรค้ำกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหำชน) มำตั้งแต่ปี 2553 – 2559 จนเกิดค่ำปรับถึง ประมำณ 700 ลำ้ นบำท (แผนภำพท่ี 6.3) ดงั นนั้ หำกรำคำนำ้ มันดบิ โลกเพ่ิมขึ้นในอนำคตจะส่งผลกระทบ โดยตรงในทนั ทตี อ่ สภำพคล่องของ ขสมก. ปัจจัยดอกเบ้ีย : ขสมก. มีภำระดอกเบ้ียเป็นร้อยละ 40 ของกำรกู้เงินใหม่ในฃ่วง 5 ปี ท่ีผ่ำนมำ โดย Portfolio หนี้ของ ขสมก. มีต้นทุนเฉล่ียประมำณร้อยละ 3 ต่อปี และมีหนี้อำยุเฉลี่ย 5 ปี 4 เดือน ดังนั้น หำกอัตรำดอกเบี้ยในตลำดทุนเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ภำระดอกเบี้ยจ่ำยของ ขสมก. เพิ่มข้ึนในทันที และหำก ขสมก. มีข้อจำกัดในกำรรักษำรำยจ่ำยเพ่ือชำระดอกเบ้ียในระดับเดิม จะทำให้ ขสมก. ต้องปรับ ลดอำยุเฉล่ียของหน้ีให้ส้ันลง ซ่ึงจะส่งผลให้ Portfolio หน้ีมีควำมเส่ียงมำกข้ึน ท้ังในเรื่องของกำรกระจุก ตวั ของภำระหน้ีและควำมถ่ีในกำรปรบั โครงสรำ้ งหน้ที ีเ่ พ่มิ ข้นึ ตำมลำดับ ท่ีสาคัญยิ่ง ปัจจัยราคาน้ามันและภาวะดอกเบี้ยเป็น “ปัจจัยภายนอก” และไม่สามารถ ควบคุมได้ ดังนั้นจึงเปน็ ระเบดิ เวลาของ ขสมก. 3 ณ สิน้ ธนั วำคม 2559 ขสมก. มีผลขำดทุนสะสม 105,633 ล้ำนบำท ณ ส้ินมถิ ุนำยน 2560 ขสมก. มหี น้ีสะสม 96,042 ล้ำนบำท 4 ณ ส้ินธันวำคม 2559 รฟท. มผี ลขำดทุนสะสม 123,633 ล้ำนบำท ณ สิ้นมถิ ุนำยน 2560 รฟท. มหี นี้สะสม 147,645 ล้ำนบำท
102 แผนภาพท่ี 6.3 ยอดหนี้คงค้างสะสมของ ขสมก. ทีม่ ำ : คณะผวู้ ิจัย ประเด็นชวนคิดในข้อ Moral Hazard ของผู้ค้ำประกันเงินกู้ (ข้อ 6.3) และระเบิดเวลำของ ควำมเส่ียงหนี้คงค้ำง ขสมก. (ข้อ 6.4) ถือเป็นปัจจัยเร่งด่วนและหำกรัฐบำลยังไม่ได้ “ตัดสินใจ” ในกำร แก้ปัญหำท่ีต้นเหตุ และรัฐบำลยังคง “หล่อเล้ียง” ให้ ขสมก. ดำเนินกิจกำรต่อไปในวิถีทำงเดิม สถำนะทำง กำรเงนิ ขสมก. ย่งิ จะตกต่ำลง ซงึ่ คณะผู้วิจัยหวงั เป็นอย่ำงยิ่งว่ำ หนว่ ยงำนที่เกย่ี วข้องจะมีควำมมุ่งม่ันในกำรพลิก ฟ้ืนกิจกำรของ ขสมก. ให้เป็นหน่วยงำนที่ดำเนินโครงกำรนโยบำยประชำนิยมเพื่อประโยชน์ทำงสังคมได้โดย ไมจ่ ำเปน็ ต้องเปน็ ภำระทำงกำรคลังอยำ่ งที่เปน็ อยู่
บรรณานกุ รม จิรพร สเุ มธปี ระสทิ ธิ์. 2552. วิเคราะห์ต้นทนุ ผลประโยชน์ (Cost – Benefit Analysis) ในบรกิ ารภาครฐั และรัฐวสิ าหกิจอย่างไรให้ถูกต้อง. (ออนไลน์) สบื ค้นจาก https://chirapon.wordpress.com/2009/08/28/ [15 มกราคม 2560]. ฐิติเทพ สิทธิยศ และคณะ. 2557. การศึกษาวิเคราะห์กระบวนการในการก่อหน้ีและสถานะหน้ีขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิน่ : นัยสาหรบั การบริหารความเสยี่ ง. สานกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวิจัย. ฐิตเิ ทพ สิทธิยศ และคณะ. 2560. การวเิ คราะหต์ ้นทุนและผลประโยชน์ของกฎหมายเก่ยี วกบั การก่อหน้ี ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน : นยั สาหรับความเปน็ อสิ ระทางการคลงั และความรบั ผดิ ชอบ. สานกั งานกองทนุ สนบั สนุนการวิจยั . ธนาคารแห่งประเทศไทย. 2557. แนวทางการปฏิรูปทางการคลังเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างย่ังยืน. [สิงหาคม 2557]. บุณฑรกี ์ โฆษิตานุฤทธ์ิ. 2552. กจิ กรรมก่ึงการคลังและผลกระทบท่มี ตี ่อสถานะทางการคลงั . (ออนไลน์) สบื คน้ จาก http://www.fpo.go.th/fpo/admin/scripts/getpdf.php?id=3783 [3 กุมภาพันธ์ 2560]. บณุ ฑรีก์ โฆษติ านุฤทธ์ิ. 2554. การประเมนิ ภาระและความเสย่ี งทางการคลังจากการดาเนินมาตรการ ทางการคลังเพื่อกระต้นุ เศรษฐกิจ นโยบายรัฐสวัสดกิ ารและนโยบายประชานยิ ม ปีงบประมาณ 2552 และ 2553 ผลงานวิชาการหมายเลข 1 สานกั งานเศรษฐกจิ การคลงั . พงษเ์ ทพ สนั ติกุล. 2556. สวัสดกิ ารสังคมและความม่ันคงของมนุษยใ์ นยุคสมัยโลกาภวิ ตั น์. กรงุ เทพฯ : สานกั พิมพ์มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ พรรณพิลาส เรืองวิสุทธ์ิ และอุทุมพร จิตสุทธิภากร. “ภาระการคลงั ทย่ี ังรอการสะสาง”. FOCUSED AND QUICK (FAQ). Issue 41 (June 20, 2011). (ออนไลน์) สบื ค้นจาก https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/ArticleAndResearch/FAQ/FAQ_41.pdf [10 มกราคม 2560]. มูลนธิ ิสถาบันวิจยั เพ่ือการพฒั นาแห่งประเทศไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั . (2557) การวเิ คราะห์ ผลตอบแทนทางสังคม (SROI): กรณีศึกษาการดาเนินงานของสานักงานกองทุนสนับสนนุ การ สรา้ งเสริมสุขภาพ (สสส.). สานักงานกองทนุ สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. วรรณี แกมเกตุ, วิธกี ารสุม่ ตวั อย่างในการวิจยั , งานสมั มนาของสานักงานคณะกรรมการวจิ ัยแห่งชาติ, 14 กุมภาพันธ์ 2556, (ออนไลน์) สืบค้นจาก http://www.priv.nrct.go.th/ewt_dl.php?nid=1054 [15 พฤษภาคม 2560].
104 วุฒิพงศ์ จติ ตั้งสกลุ . 2555. “การวเิ คราะห์ความเสยี่ งและภาระทางการคลงั ของรฐั วสิ าหกิจ ทไี่ มใ่ ช่สถาบนั การเงนิ กรณีศึกษาองค์การขนสง่ มวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)” ผลงานวิชาการ สานกั งานเศรษฐกจิ การคลงั . วิทยาลยั การบริหารและจดั การ สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ เจ้าคุณทหารลาดกระบงั . 2557. รายงาน ฉบบั สมบรู ณ์ โครงการจดั ทาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้าน การเดินทาง (รถเมล์และรถไฟฟรี). กระทรวงคมนาคม. วรี ะพงษ์ ประภา. งานวจิ ัยเบื้องหลงั รายการ \"เถียงใหร้ ู้เรื่อง\" (ช่อง Thai PBS). (ออนไลน์) สืบคน้ จาก http://www.fes-thailand.org/wb/media/Debate%20Show /Populism_final.pdf [10 กมุ ภาพันธ์ 2560]. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจา้ คุณทหารลาดกระบัง. 2557. โครงการการจัดทาแนวทางการ สนบั สนุนมาตรการลดคา่ ครองชพี ของประชาชนดา้ นการเดินทาง. (ออนไลน)์ สืบคน้ จาก http://www.mot.go.th/file_upload/2558/free_bus.pdf [10 ธันวาคม 2559]. สมเกยี รติ ตัง้ กิจวานิชย์. 2557. “เราจะอยู่กบั ประชานิยมกันอยา่ งไรไม่ใหว้ กิ ฤติ”.บทความสถาบันวิจยั เพื่อการพัฒนาประเทศไทย. (ออนไลน)์ สบื คน้ จาก http://tdri.or.th/tdri- insight/populist-policy/ [12 ธนั วาคม 2559]. สวุ ิทย์ เมษนิ ทรยี ์. 2555. 3 ปญั หาเชิงซ้อน ส่งผลการสง่ ต่อความมงั่ ค่ัง. การเงนิ การธนาคาร ฉบบั ที่ 367 (พฤศจิกายน 2555) : 56-62. สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ. ค่มู ือแนวทางและหลกั เกณฑ์การ วเิ คราะหโ์ ครงการ ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2555. (ออนไลน์) สบื คน้ จาก http://www.nesdb.go.th/ewt_w3c/ewt_dl_link.php?nid=3120 [11 กุมภาพันธ์ 2560]. สานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร. 2558. สาระสงั เขปประเดน็ การปฏิรูปประเทศไทยด้าน นโยบายประชานยิ มทจ่ี ะส่งผลต่อหน้สี าธารณะและการเพิ่มบทบัญญัติต่อความรับผิดชอบ ในโครงการประชานยิ ม. กรงุ เทพฯ : สานักการพิมพส์ านักงานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร. สานกั งานสถิตแิ ห่งชาต.ิ 2558. สรปุ ผลทีสาคญั ประชากรแฝงในประเทศไทย พ.ศ. 2558. กรงุ เทพฯ : กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร. หทยั ชนก พรรคเจริญ. เทคนิคการเลอื กตวั อยา่ ง. โครงการสัมมนาเชงิ ปฏิบัตกิ าร การเตรียมความ พรอ้ มคณะอนุกรรมการสถติ ริ ายสาขาของสานักงานสถติ แิ ห่งชาต.ิ 2 มีนาคม 2555, (ออนไลน์) สืบค้นจาก http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/Toneminute/files/55/0203-5.pdf [15 พฤษภาคม 2560].
105 องค์การขนสง่ มวลชนกรุงเทพ. สายรถประจาทาง (ออนไลน์) สบื ค้นจาก http://www.bmta.co.th/?q=th/lines. [10 January 2017]. อนสุ รณ์ ธรรมใจและคณะ. 2554. “ประชานิยม ประชาววิ ัฒน์: ผลต่อความเปน็ ธรรมทางเศรษฐกิจ และฐานะทางการคลงั ”. สรปุ ประเดน็ การสมั มนาและเผยแพรบ่ ทวิเคราะห์ในวนั ท่ี 27 มกราคม 2554 มหาวทิ ยาลยั รังสิต. สบื ค้นจาก http://www.rsu.ac.th/econ [20 พฤศจิกายน 2559]. อมั มาร สยามวาลา และสมชยั จติ สชุ น. 2550. แนวทางการแก้ปัญหาความยากจน : เสรีนิยม ประชา นิยม หรือรฐั สวัสดกิ าร (Tackling Poverty: Liberalism, Populism or Welfare State). การสมั มนาวิชาการประจาปี 2550 ร่วมจัดโดยมลู นิธิชัยพัฒนาและมลู นิธิสถาบันวจิ ัยเพื่อ การพัฒนาประเทศไทย สบื ค้นจาก http://tdri.or.th/wp- content/uploads/2013/02/ammarsomchai.pdf [10 พฤศจิกายน 2559] Ball, P. (2004). The Self-made Tapestry: Pattern Formation in Nature. New York: Oxford University Press. de Soto, H. 2001. The Mystery of Capital: Why Capitalism Triumphs in the West and Fails Everywhere Else. London: Black Swan. Goeverden et al. 2006. Subsidies in public transport (ออนไลน)์ สืบคน้ จาก https://www.openstarts.units.it/dspace/bitstream/10077/5892/1/vanGoeverd en_et_al_ET32.pdf [12 มกราคม 2560] OECD. 2008. Introductory Handbook for Undertaking Regulatory Impact Analysis (RIA) Version 1.0 October 2008. (ออนไลน์) สืบค้นจาก https://www.oecd.org/gov/regulatory-policy/44789472.pdf [10 ธนั วาคม 2559]. OECD. 2002. OECD Reviews of Regulatory Reform : Regulatory Policies in OECD Countries from interventionism to regulatory governance. (ออนไลน์) สืบค้นจาก https://books.google.co.th/books?id=aNrR4ddR_Y8C&pg=PA50&lpg=PA50&dq =ria+populist&source=bl&ots=CnywJjvJow&sig=gC9TJEgkESvEO0MDSrwtgVMrF GE&hl=th&sa=&ved=0ahUKEwjviJL9wPjRAhVJv48KHcPNBPAQ6AEIOTAG#v=on epage&q=populist&f=false [10 ธนั วาคม 2559].
106 Siam intelligence Unit. รถเมล์ฟรี-รถไฟฟรี ประชานิยมคิดนอ้ ยท่ีควรหยุดสักที. (ออนไลน)์ สืบค้นจาก http://www.siamintelligence.com/free-bus-train-populism/ [10 กุมภาพนั ธ์ 2560] Stewart, I. (2012). Mathematics of Life: Unlocking the Secrets of Existence. London: Profile Books. Sunstein, C. R. 2013. Simpler : The Future of Government. New York : Simon & Schuster Paperbacks. Yamane, Taro. 1967. Statistics, An Introductory Analysis, 2nd Ed., New York: Harper and Row.
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก สรุปมตคิ ณะรฐั มนตรีที่เกีย่ วขอ้ งกบั โครงการรถเมล์ฟรี
สรปุ มติคณะรฐั มนตรที ่ีเกี่ยวข้องกับมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนด มติ ครม. มาตรการ กรอบเวลา ระยะเวลา 15 ก.ค. 51 1 ส.ค. 51 - 31 ม.ค. 52 6 เดือน 6 มาตรการ 6 เดอื นฝ่าวกิ ฤต เพ่อื คนไทยทุกคน 14 ก.ค. 52 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤต ขยายกรอบวงเงนิ งบประมาณ 15 ธ.ค. 52 เพื่อคนไทยทกุ คน 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวกิ ฤต ขอกเู้ งินในสว่ นที่ขยายกรอบ เพื่อคนไทยทกุ คน งบประมาณ 20 ม.ค. 52 มาตรการลดภาระคา่ ครองชพี 1 ก.พ. 52 - 31 ก.ค. 52 6 เดอื น 19 พ.ค. 52 ระยะที่ 1 ชดเชยเพมิ่ เตมิ 6 เดือน 14 ก.ค. 52 การจา่ ยเงนิ ชดเชยมาตรการ ลดภาระคา่ ครองชพี 1 ส.ค. 52 - 31 ธ.ค. 52 มาตรการลดภาระค่าครองชพี ระยะที่ 2
ดา้ นการเดินทางโดยรถโดยสารประจาทางท่ีดาเนินการโดย ขสมก. กรอบวงเงิน แหลง่ เงินท่ีใช้ หมายเหตุ (ลบ.) งบประมาณ 1,224.00 - จดั รถ ขสมก. ใหบ้ ริการ จานวน 800 คัน ใน 73 งบประมาณ เสน้ ทาง 94.74 เงนิ กู้ - คานวณเงินชดเชยจากต้นทุนเฉลี่ยในการเดินทาง 91.88 รถธรรมดา 8,500 บาท/คัน/วัน งบประมาณ ไม่ไดร้ ับจดั สรรงบประมาณ ตอ่ มา ครม. ไดม้ ี 650.00 มติเมอ่ื วันที่ 15 ธ.ค. 52 อนุมัตใิ หใ้ ชเ้ งินกู้ ให้รฐั วสิ าหกจิ กเู้ งนิ ไปก่อน และใหส้ านกั งบประมาณตั้งงบประมาณรายจา่ ยประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2554 เพื่อชาระเงินตน้ และดอกเบย้ี เงินกขู้ องรฐั วสิ าหกจิ 639.13 เงนิ กู้ เปน็ การจ่ายเงนิ ชดเชยสว่ นต่างระหวา่ งการชดเชย ตามหลกั ต้นทุนและหลักรายได้ 1,110.00 เงนิ กู้ มติ ครม. 14 ก.ค. 52 ใหใ้ ชเ้ งนิ งบประมาณ ตอ่ มา ครม. ได้มมี ติเม่อื วันท่ี 15 ธ.ค. 52 อนุมตั ิให้ใช้ เงนิ กู้ และให้สานักงบประมาณต้ังงบประมาณ รายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพอ่ื ชาระเงินต้นและดอกเบย้ี เงินกู้ของรฐั วสิ าหกจิ
สรปุ มตคิ ณะรัฐมนตรที ่ีเกีย่ วข้องกับมาตรการลดภาระคา่ ครองชพี ให้แก่ประชาชนด มติ ครม. มาตรการ กรอบเวลา ระยะเวลา 15 ธ.ค. 52 3 เดอื น มาตรการลดภาระค่าครองชพี หัก การชดเชยทใ่ี ห้สงู กวา่ 15 ธ.ค. 52 ระยะท่ี 3 ค่าใช้จา่ ยจริงในระยะท่ี 1 ออกจากเงินชดเชยระยะที่ 2 1 ม.ค. 53 - 31 มี.ค. 53 23 ก.พ. 53 มาตรการลดภาระค่าครองชีพ 1 เม.ย. 53 - 30 ม.ิ ย. 53 3 เดอื น 29 มิ.ย. 53 ระยะที่ 4 1 ก.ค. 53 - 31 ธ.ค. 53 3 เดือน มาตรการลดภาระคา่ ครองชพี ระยะท่ี 5 4 ต.ค. 54 มาตรการลดภาระคา่ ครองชพี ขยายกรอบวงเงินให้มาตรการ 2 เดือน 21 ธ.ค. 53 ระยะท่ี 6 ระยะที่ 3-5 4 ต.ค. 54 1 ม.ค. 54 - 28 ก.พ. 54 อนุมตั ิให้กูเ้ งินสาหรับ มาตรการ ระยะที่ 6
ดา้ นการเดินทางโดยรถโดยสารประจาทางทด่ี าเนินการโดย ขสมก. กรอบวงเงนิ แหลง่ เงนิ ทีใ่ ช้ หมายเหตุ (ลบ.) 21.93 604.99 เงนิ กู้ มติ ครม. 15 ธ.ค. 52 ให้จัดสรรเงนิ งบประมาณ ต่อมา ครม. ไดม้ ีมตเิ ม่ือวนั ที่. 25 พ.ย. 53 อนมุ ตั ิ ใหก้ เู้ งิน 604.99 ลา้ นบาท 611.43 เงนิ กู้ อนุมัติใหก้ ้เู งนิ และจดั สรรงบประมาณเพอื่ ชาระ คนื เงนิ กู้/ดอกเบ้ีย/ค่าใช้จา่ ยในการกูเ้ งนิ 1,259.36 เงินกู้ อนมุ ัติให้กเู้ งนิ และสานกั งบประมาณ จดั สรร งบประมาณเพอ่ื ชาระคนื เงนิ ก/ู้ ดอกเบย้ี /ค่าใช้จา่ ย ในการก้เู งิน ตอ่ มา ครม. ไดม้ ีมตเิ มอื่ วนั ที่ 25 พ.ย. 53 อนุมตั ใิ ห้กู้เงิน 1,257.36 ล้านบาท 180.59 เงนิ กู้ อนมุ ัติใหก้ เู้ งิน และจดั สรรงบประมาณเพอ่ื ชาระ เงินก/ู้ ดอกเบ้ยี /คา่ ใช้จา่ ยตา่ งๆ 419.78 เงินกู้ อนมุ ตั ิใหก้ ู้เงิน และจดั สรรงบประมาณเพ่ือชาระ คนื เงนิ ก้/ู ดอกเบี้ย/คา่ ใช้จ่ายในการกเู้ งนิ อนุมตั ิให้กเู้ งิน และจดั สรรงบประมาณ ปงี บประมาณ 2555 เพื่อชดเชย
สรปุ มตคิ ณะรฐั มนตรีทเี่ กย่ี วขอ้ งกับมาตรการลดภาระคา่ ครองชพี ให้แก่ประชาชนด มติ ครม. มาตรการ กรอบเวลา ระยะเวลา 22 ก.พ. 54 1 ม.ี ค. 54 - 30 ม.ิ ย. 54 4 เดือน 4 ต.ค. 54 มาตรการลดภาระคา่ ครองชีพ 4 ต.ค. 54 ระยะท่ี 7 อนุมตั ิใหก้ ู้เงินสาหรบั 6.5 เดอื น 10 ม.ค. 55 มาตรการ ระยะที่ 7 3.5 เดอื น 1 พ.ค. 55 มาตรการลดภาระค่าครองชพี 1 ก.ค. 54 - 15 ม.ค. 55 5 เดือน 2 ต.ค. 55 ระยะที่ 8 6 เดือน 31 ม.ี ค. 56 มาตรการลดภาระคา่ ครองชีพ 16 ม.ค. 55 - 30 เม.ย. 55 6 เดอื น 1 ต.ค. 56 ระยะท่ี 9 6 เดือน มาตรการลดภาระคา่ ครองชพี 1 พ.ค. 55 - 30 ก.ย. 55 ระยะที่ 10 มาตรการลดภาระคา่ ครองชพี 1 ต.ค. 55 - 31 มี.ค. 56 ระยะท่ี 11 มาตรการลดภาระคา่ ครองชีพ 1 เม.ย. 56 - 30 ก.ย. 56 ระยะท่ี 12 มาตรการลดภาระคา่ ครองชีพ 1 ต.ค. 56 - 31 มี.ค. 57 ระยะท่ี 13
ดา้ นการเดนิ ทางโดยรถโดยสารประจาทางท่ดี าเนินการโดย ขสมก. กรอบวงเงิน แหล่งเงินท่ใี ช้ หมายเหตุ (ลบ.) เงินกู้ 884.97 อนุมตั ิใหก้ ้เู งนิ และจดั สรรงบประมาณเพือ่ ชาระ เงินกู้ คืนเงินกู้/ดอกเบย้ี /ค่าใช้จ่ายในการกเู้ งนิ 1,443.26 เงินกู้ อนุมตั ใิ ห้กู้เงนิ และจดั สรรงบประมาณ 837.00 เงนิ กู้ ปีงบประมาณ 2555 เพอื่ ชดเชย เงนิ กู้ อนุมตั ิใหก้ ู้เงนิ และจดั สรรงบประมาณ 1,208.00 งบประมาณ ปงี บประมาณ 2555 เพือ่ ชดเชย 1,512.00 อนุมตั ิใหก้ เู้ งิน และ จดั สรรงบประมาณ 1,512.00 ปงี บประมาณ 2556 เพ่อื ชดเชย อนมุ ตั ิใหก้ ู้เงิน และจดั สรรงบประมาณเพ่อื ชาระ คืนเงินกู้/ดอกเบ้ยี /คา่ ใช้จ่ายในการกเู้ งนิ อนมุ ัติใหก้ เู้ งนิ และจดั สรรงบประมาณเพอ่ื ชาระ คนื เงินกู/้ ดอกเบ้ยี /ค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน 1,553.00 งบประมาณ มติ ครม. 28 ต.ค. 57 อนุมตั ใิ หโ้ อนเปลย่ี นแปลง รายการงบประมาณรายจา่ ย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 มาเป็นค่าใชจ้ ่ายดาเนนิ การ ตามมาตรการลดภาระคา่ ครองชพี
สรุปมติคณะรัฐมนตรีท่ีเก่ยี วข้องกับมาตรการลดภาระค่าครองชพี ให้แก่ประชาชนด มติ ครม. มาตรการ กรอบเวลา ระยะเวลา 1 - 30 เม.ย. 57 1 เดือน 1 เม.ย. 57 มาตรการลดภาระค่าครองชีพ 1 พ.ค. 57 - 31 ก.ค. 57 3 เดือน 22 เม.ย. 57 ระยะท่ี 14 1 ส.ค. 57 - 31 ม.ค. 58 6 เดือน 29 ก.ค. 57 มาตรการลดภาระคา่ ครองชีพ 1 ก.พ. 58 - 31 ก.ค. 58 6 เดอื น 27 ม.ค. 58 ระยะที่ 15 มาตรการลดภาระค่าครองชีพ ระยะที่ 16 มาตรการลดภาระค่าครองชพี ระยะที่ 17 28 ก.ค. 58 มาตรการลดภาระค่าครองชพี 1 ส.ค. 58 - 31 ต.ค. 58 3 เดือน 10 พ.ย. 58 ระยะท่ี 18 1 พ.ย. 58 - 30 เม.ย. 59 6 เดือน 10 พ.ค. 59 มาตรการลดภาระค่าครองชพี 1 พ.ค. 59 - 31 ต.ค. 59 6 เดือน 8 พ.ย. 59 ระยะที่ 19 1 พ.ย. 59 - 30 เม.ย. 60 6 เดอื น 9 พ.ค. 60 มาตรการลดภาระค่าครองชีพ 1 พ.ค. 60 - 30 ก.ย. 60 5 เดอื น ระยะที่ 20 มาตรการลดภาระค่าครองชีพ ระยะท่ี 21 มาตรการลดภาระค่าครองชพี ระยะท่ี 22
ดา้ นการเดนิ ทางโดยรถโดยสารประจาทางท่ดี าเนนิ การโดย ขสมก. กรอบวงเงนิ แหลง่ เงนิ ทใ่ี ช้ หมายเหตุ (ลบ.) งบประมาณ 255.00 งบประมาณ ใชง้ บประมาณรายจ่ายประจาปี งบประมาณ งบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง 781.00 ใช้งบประมาณรายจ่ายประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2557 งบกลาง 1,592.00 1,589.00 งบประมาณ 871.00 งบประมาณ 1,599.00 งบประมาณ 1,738.00 งบประมาณ 1,783.00 งบประมาณ 1,540.44 งบประมาณ
มตอิ ื่นๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง มติ ครม. 25 พ.ย. 2553 1. อนมุ ตั ิให้ ขสมก. ก้เู งนิ 604.99 ล้านบาท เพื่อชดเชยมาตรการระยะที่ 3 ( ม.ค. - มี. ค่าใชจ้ ่ายในการกเู้ งนิ 2. อนมุ ัตใิ ห้ ขสมก. กู้เงนิ 1,257.36 ลา้ นบาท เพื่อชดเชยมาตรการระยะที่ 5 (ก.ค. - ธ ค่าใช้จ่ายในการกูเ้ งนิ มติ ครม. 27 ธ.ค. 2559 อนมุ ัติให้ ขสมก. กู้เงนิ เพ่ือเสริมสภาพคล่องสาหรบั การดาเนินโครงการตามมาตรการลดภ บริการสาธารณะ (PSO) ปีงบประมาณ 2560 จานวนรวม 2,161.209 ลา้ นบาท มติ ครม. 6 มิ.ย. 2560 อนมุ ตั ิให้ ขสมก. กู้เงินเพ่ือเสริมสภาพคล่องสาหรับการดาเนินโครงการตามมาตรการลดภ บริการสาธารณะ (PSO) ปงี บประมาณ 2560 จานวนรวม 1,777.202 ล้านบาท มตคิ ณะกรรมการนโยบายและกากับการบริหารหน้ีสาธารณะ มตคิ ณะกรรมการฯ คร้ังท่ี 2/2554 เมือ่ วนั ที่ 31 พ.ค. 2554 เหน็ ชอบในหลักการใหใ้ ช
.ค. 2553) และสานักงบประมาณจดั สรรงบประมาณชาระเงินกู้ อัตราดอกเบ้ียและ ธ.ค. 2553) และสานักงบประมาณจดั สรรงบประมาณชาระเงินกู้ อตั ราดอกเบยี้ และ ภาระค่าครองชีพประชาชน (รถเมล์ฟรี) และเงินอดุ หนุน ภาระค่าครองชีพประชาชน (รถเมล์ฟร)ี และเงนิ อุดหนุน ชเ้ งินงบประมาณเปน็ หลกั ในการดาเนนิ งานมาตรการลดภาระคา่ ครองชีพ
ภาคผนวก ข สรปุ งานวิจยั โครงการจดั ทาแนวทางการสนับสนุนมาตรการ ลดคา่ ครองชีพของประชาชนดา้ นการเดินทาง ของวิทยาลัยการบรหิ ารและจัดการ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกลา้ เจ้าคณุ ทหารลาดกระบัง
สรุปงานวิจัยโครงการจดั ทาแนวทางการสนบั สนนุ มาตรการ ลดคา่ ครองชีพของประชาชนด้านการเดนิ ทาง ของวิทยาลัยการบริหารและจัดการ สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบงั หลกั การและเหตุผล โครงการจัดทาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ของวิทยาลัยการบริหารและจัดการ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็น โครงการศึกษาวจิ ยั เพ่อื ศกึ ษาความเหมาะสมของดาเนินงานการสนบั สนนุ มาตรการลดค่าครองชีพของ ประชาชนด้านการเดินทาง (รถเมล์ฟรี) และจัดทาข้อเสนอแนะแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดค่า ครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางอย่างเป็นระบบท่ีสามารถเชื่อมโยงกับการกาห นดนโยบาย ภาครฐั ต่อไปในอนาคตได้ วตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนศึกษาถึงความเหมาะสมและความพึงพอใจของการ ดาเนินมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง แนวทางการมีส่วนร่วม และความ คิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพ่ือใช้กาหนดนโยบายภาครัฐในการดาเนินมาตรการลดค่าครองชีพของ ประชาชนด้านการเดินทาง รวมไปถึงจัดทาข้อเสนอแนะแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดค่าครอง ชีพของประชาชนด้านการเดินทางอย่างเป็นระบบ และสามารถเช่ือมโยงกับการกาหนดนโยบาย ภาครัฐ หรือแนวทางการให้ความช่วยเหลือการเดินทางรูปแบบอ่ืนโดยคานึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณ ของภาครัฐอย่างมีประสทิ ธิภาพ ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกจิ และสงั คม วิธกี ารศึกษา เ ป็ น ก า ร ศึ ก ษ า วิ จั ย โ ด ย อ า ศั ย วิ ธี ก า ร ผ ส ม ผ ส า น ร ะ ห ว่ า ง เ ชิ ง คุ ณ ภ า พ แ ล ะ เ ชิ ง ป ริ ม า ณ ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ 1) การวิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อนของการดาเนินมาตรการลดค่าครองชีพ ของประชาชนด้านการเดินทาง (SWOT Analysis) 2) การวิเคราะห์ความเหมาะสมในการดาเนิน มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางโดยใช้ 8 เกณฑ์ ประกอบด้วย (ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความพอพียง ความพึงพอใจ ความเป็นธรรม ความก้าวหน้า ความยั่งยืน และความ เสียหายของโครงการ) และ 3) การวิเคราะห์ผลตอบแทนของมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน ด้านการเดินทางโดยการวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) และการวิเคราะห์ผลตอบแทนทาง สังคม (SROI) กลุ่มตวั อย่าง สาหรับการเลือกกลุ่มตัวอย่างของการศึกษาคร้ังน้ี จะเลือกกลุ่มตัวอย่างจากผู้ใช้บริการรถ โดยสารประจาทางขององค์การขนสง่ มวลชนกรุงเทพ แบบไม่คิดค่าบริการ (รถเมล์ฟรี) โดยใช้วิธีเลือก กลุ่มตวั อย่างแบบสะดวก (Convenience Sample) จานวนตัวอยา่ ง 1,217 ตัวอย่าง
ผลการศกึ ษา แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนท่ี 1) ผลจากการวิเคราะห์ SWOT Analysis พบว่า จุดแข็ง (Strength) ท่ีสาคญั คอื มีกลไกเพ่ือรองรับการดาเนินงานตามมาตรการ หน่วยงานดาเนินการ มีประสบการณ์ และความเช่ียวชาญ และมีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่มีจุดอ่อน (Weakness) คือ หน่วยงานที่รับผิดชอบขาดแรงจูงใจเนื่องจากความไม่แน่นอนของ โครงการฯ เส้นทางการให้บริการไม่ครอบคลุม เป็นนโยบายที่ไม่เป็นธรรม และขาดการติดตาม ประเมินผลโครงการที่มีประสิทธิภาพ ส่วนโอกาส (Opportunity) คือ เป็นนโยบายที่เพ่ิมโอกาสทาง การเมืองให้กับรัฐบาล ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการใช้บริการ ช่วยลดค่าครองชีพของ ประชาชน ทาให้ประชาชนมีกาลังื้ือมากขึ้น และช่วยบรรเทาปัญหาการจราจร และปัญหา ส่ิงแวดล้อม และอุปสรรค (Threat) คือ งบประมาณมีจากัด รัฐบาลอาจเสียโอกาสในการพัฒนา โครงสรา้ งพื้นฐานอ่นื ๆ ของประเทศ และรายได้ของผู้ประกอบการรถเอกชนร่วมบริการลดลง ส่วนท่ี 2) ผลการวิเคราะห์ตามเกณฑ์ตามความเหมาะสมท้ัง 8 เกณฑ์ พบว่า มีเกณฑ์ท่ีผ่านความเหมาะสม จานวน 5 เกณฑ์ คือ เกณฑ์ของประสิทธิผล ความพอเพียง ความก้าวหน้า ความยั่งยืน และความ เสียหายของโครงการ และส่วนท่ี 3) ผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) พบว่าค่า ROI < 1 แสดงว่า การดาเนินการมาตรการดังกล่าวในภาพรวม ไม่คุ้มค่าในการลงทุน ในส่วนการวิเคราะห์ ผลตอบแทนทางสังคม (SROI) พบว่าค่า SROI > 1 แสดงให้เห็นว่า การดาเนินมาตรการรถเมล์ฟรีให้ ผลประโยชนต์ ่อสงั คมมากกว่าเงนิ ลงทุนที่รฐั บาลสนบั สนนุ ขอ้ เสนอแนะ จากผลการศึกษา ควรกาหนดให้มีมาตรการใหม่เพื่อยกระดับผู้มีรายได้น้อย ให้มีโอกาสเท่า เทียมกันในสังคม กาหนดมาตรการท่ีสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน ในด้านการบริหารจัดการให้ เหมาะสม และเป็นธรรมกับผู้มีส่วนเก่ียวข้อง กาหนดให้เดินทางรถเมล์ทุกเส้นทางรวมท้ังรถของ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและรถเอกชนร่วมบริการด้วยการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจาปีตาม แผนงานงบประมาณสนับสนุนระยะยาว ในส่วนของการเบิกจ่ายเงินสนบั สนุนโครงการฯ ให้หน่วยงาน ทเ่ี กีย่ วขอ้ งนาเสนอเป็นโครงการฯ เพ่อื เบกิ จา่ ยจากเงนิ งบประมาณประจาปี ตามแผนงานงบประมาณ สนับสนุนในทุกๆ ปี และการเบิกจ่ายเงินของรถเอกชนร่วมบริการ ควรกาหนดกระบวนการจ่ายเงิน ตามระเบียบของคณะกรรมการกากับดูแลโครงการฯ ท่ีจัดตั้งข้ึนใหม่ เพ่ือพิจารณาวิธีการอนุมัติ เบกิ จ่ายใหเ้ หมาะสมกับสภาพความเปน็ จริง
ตารางเปรยี บเทยี บรายละเอียดการศกึ ษามาตรการรถเมล์ฟรีระหว่าง สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจา้ คณุ ทหารลาดกระบังและสานักงานบรหิ ารหนีส้ าธารณะ ขอบเขต สถาบนั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ สานักงานบริหารหนสี้ าธารณะ (สบน.) การศกึ ษา เจา้ คณุ ทหารลาดกระบัง (สจพ.) - ศึกษาในเขตกรงุ เทพและปริมณฑลโดย วิธีเลือกกลมุ่ - ศึกษาในเขตกรงุ เทพและปรมิ ณฑล โดย ทาการศึกษาโครงการรถเมล์ฟรี ระยะท่ี 1-22 ตัวอย่าง ทาการศึกษาโครงการรถเมล์ฟรี ระยะที่ 1-13 (1 ส.ค. 2551 – 30 ก.ย. 2560) ผลการศกึ ษา (1 ส.ค. 2551 – 31 มี.ค 2557) - การวเิ คราะหต์ ้นทนุ และผลประโยชนข์ องโครงการ - การวิเคราะหต์ ้นทนุ และผลประโยชน์ของโครงการ วเิ คราะหภ์ ายใต้แหลง่ เงินจากงบประมาณและเงนิ กู้ ขอ้ เสนอแนะ วเิ คราะหภ์ ายใต้แหล่งเงินจากงบประมาณ ผใู้ ช้บรกิ ารรถโดยสารประจาทางขององค์การขนส่ง จากการ ผใู้ ชบ้ ริการรถโดยสารประจาทางขององคก์ ารขนสง่ มวลชนกรงุ เทพ แบบไม่คดิ คา่ บรกิ าร ใช้วธิ ีเลือกกลมุ่ ศึกษาวจิ ยั มวลชนกรุงเทพ แบบไม่คดิ คา่ บรกิ าร ใช้วธิ เี ลือก ตัวอยา่ งแบบมรี ะบบ (Systematic Sampling) กลุ่มตัวอย่างแบบสะดวก (Convenience Sample) ROI = -0.7448 ROI = -0.6643 SROI = 1.44 SROI = 2.01 เนอ่ื งจากนาเงนิ งบประมาณและเงนิ ก้มู าคานวน รวมทง้ั จานวนระยะเวลาของโครงการท่ีนามา ข้อเสนอแนะงานวจิ ัยประกอบดว้ ย 3 ด้าน ไดแ้ ก่ วิเคราะห์ทย่ี าวนานและใกลเ้ คยี งกบั ความเป็นจรงิ 1. ดา้ นการบริหารจัดการ/การให้บรกิ าร ศกึ ษา มากที่สุด โดยวเิ คราะห์เฉพาะกลุ่มผู้ไดร้ บั ผลประโยชน์ แนวทางและการบรหิ ารจดั การโดยการเพ่ิม โดยมีรายได้ตา่ กว่า 15,000 บาทต่อเดอื น ทาใหผ้ ลทไ่ี ด้ ประสทิ ธภิ าพ การกาหนดมาตรการใหมท่ สี่ อดคล้อง จากการวิเคราะห์ตน้ ทนุ และผลประโยชนข์ องโครงการ กับสภาพปจั จบุ นั และการสร้างความเป็นธรรมกบั ผู้ จงึ มีจานวนท่ีน้อยกวา่ ผลการศกึ ษาของ สจพ. มสี ่วนไดส้ ว่ นเสีย ข้อเสนอแนะงานวจิ ยั ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ 2. ดา้ นแหลง่ เงนิ ทนุ สนับสนนุ การหาแหล่งเงนิ อนื่ 1. ด้านการดาเนินงานขององคก์ ารขนส่งมวลชน ท่นี อกเหนือจากงบประมาณจดั สรร เชน่ การเก็บ กรุงเทพ เพอ่ื ลดผลกระทบจากโครงการและเพิม่ ภาษีทอ้ งถนิ่ การจัดต้งั บรษิ ทั กลางเพ่อื บริหารจดั การ ประสิทธภิ าพของการดาเนินงานของ ขสมก. โครงการ เปน็ ต้น 2. ดา้ นเชงิ นโยบายต่อโครงการประชานิยมรัฐบาล และหน่วยงานทเี่ กี่ยวข้องกบั การจดั ทาโครงการ ประชานิยมในภาพรวม และ 3. ดา้ นการปรบั ปรุงกรอบกฎหมายทเ่ี ก่ียวขอ้ งเพ่ือให้ สามารถนาผลการศึกษาไปประยุกตใ์ ช้ไดอ้ ยา่ งเป็น รูปธรรม
ภาคผนวก ค เครื่องมอื ในการสุ่มตวั อยา่ ง
เคร่อื งมอื ในการสมุ่ ตวั อยา่ ง (1) การสมุ่ ตวั อย่างตามทฤษฎี Fibonacci number & Golden Ratio Fibonacci number เป็นลาดับเลขที่ถูกคิดค้นโดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน ชื่อ Leonardo de Pisa ในตน้ ศตวรรษท่ี 13 Fibonacci number คือเลขอนุกรมมหัศจรรย์ โดยเลข ลาดับแรก คือ 0 ลาดับท่ีสอง คือ 1 และลาดับถัดไปคือผลบวกของเลขในสองลาดับก่อนหน้า ดังน้ี 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 377, 610, 987, 1597, 2584, 4181, 6765, 10946 ฯลฯ และ Leonardo de Pisa สังเกตเห็นว่าธรรมชาติมีสัดส่วนสัมพันธ์กับตัวเลข Fibonacci number เช่น การโค้งของเปลือกหอย สัดส่วนของร่างกาย สัดส่วนของกลีบดอกไม้ ท่ีล้วนแต่มี อัตราส่วนเหล่าน้ีอยู่ท้ังสิ้น และต่อมาได้มีการประยุกต์ Fibonacci number มาใช้ในการวิเคราะห์ ราคาหนุ้ เพ่อื ทจ่ี ะใช้ค้นหาแนวโนม้ แนวตา้ น แนวรบั Golden Ratio หรือ Phi () เป็นค่าคงท่ีท่ีมีค่าประมาณ 1.618 โดย Golden Ratio เป็นค่าคงที่ของธรรมชาติท่ีมีคุณสมบัติน่าทึ่งหลายประการ แต่คุณสมบัติที่น่าสนใจ ท่ีสุดคือ Golden Ratio มีความเก่ียวพันกับ Fibonacci number อย่างมาก โดยหากนาเลข Fibonacci number สองคา่ มาหารกัน เช่น 144/89 = 1.61797753 ≈ 1.618 233/144=1.61805556≈1.618 ดังน้ันจะเห็นว่า ค่าที่ได้จากการหากันของ Fibonacci number จะมีค่าใกล้เคียงกับ 1.618 เสมอ Leonardo de Pisa ได้พยายามใช้ตัวเลขมาอธิบายความงามของธรรมชาติและได้ค้นพบกฎของ ธรรมชาติ ท่ีจะมีการกระจายตัวอย่างสม่าเสมอและสมมาตร เช่น การกระจายตัวของใบไม้ หรือการเรียง ตวั ของกลีบดอกไม้ รวมถึงวหิ าร Parthenon ในประเทศกรีซ ถูกสร้างข้ึนตาม Golden Ratio พีระมิด แหง่ Giza ในประเทศอียปิ ต์ และใบหน้าของ Mona Lisa มคี า่ ใกลเ้ คียงกบั สัดสว่ นของ Golden Ratio แผนภาพที่ 1 แสดงตัวอยา่ งปรากฏการณ์ของธรรมชาติ ทถ่ี ูกสร้างข้ึนตาม Golden Ratio ทีม่ า: Ball, P. (2004). The Self-made Tapestry: Pattern Formation in Nature. New York. Oxford University Press.
ดังนั้น เพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่หลากหลายและกระจายตามพื้นที่ต่างๆ คณะผู้วิจัยฯ ได้เลือกใช้วิธีการ สมุ่ ตวั อย่าง ด้วยวิธี Quasi-Random Sampling ซ่ึงเป็นการเลือกตัวอย่างที่จะทาให้พ้ืนที่หรือตัวอย่าง ท่ีถูกเลือกมาแล้ว จะไม่ถูกเลือกซ้า เน่ืองจากการเลือกตัวอย่างเป็นแบบ Quasi-Random ไม่ใช่การ สุ่มแบบ Random ปกติ การสุ่มแบบ Random ทาให้ตัวอย่างที่ถูกเลือกมาแล้ว มีโอกาสถูกเลือกซ้า ซึ่ง ทาให้ไม่ได้ข้อมูล (Information) ใหม่สาหรับการศึกษาวิเคราะห์ นอกจากน้ี การสุ่มตัวอย่างแบบ Random ไม่ได้รับประกันว่าจะได้กลุ่มตัวอย่างท่ีเป็นตัวแทนที่ดี ในขณะที่การเลือกตัวอย่างแบบ Quasi-Random นั้น จะให้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนท่ีดีท่ีสะท้อนถึง Real Variation และทาการ เลือกตัวอย่างโดยประยุกต์ Golden Ratio หรือ [(1 + √5)/2] ≈ 1.618 เพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่มี ลกั ษณะการกระจายตวั ทีด่ แี ละไมซ่ า้ กนั รวมทง้ั สะทอ้ นรูปแบบท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ ทั้งนี้ มีการวิจัย หลายเล่มท่ีได้ประยุกต์ใช้ Quasi-Random Sampling, Fibonacci number และ Golden ratio ในการสมุ่ ตัวอย่างการศกึ ษาวจิ ยั ดา้ นการตลาด การบรหิ าร รวมถึงการวิเคราะห์ความเคลอ่ื นไหวของตลาดหนุ้ (2) การกาหนดขนาดของกลุ่มตวั อย่าง การสุ่มตัวอย่างโดยวิธี Quasi-Random Sampling สามารถรับประกันได้ว่าจะได้ กลุ่มตัวอย่างท่ีเป็นตัวแทนท่ีดี ท่ีสะท้อนถึง Real Variation และไม่จาเป็นต้องใช้ตารางกาหนดขนาด กลุ่มตัวอย่าง อย่างไรก็ตาม เพ่ือให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการสุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณครั้งน้ี จะได้จานวนตัวอย่างที่ให้ข้อมูลเพียงพอต่อการวิเคราะห์ คณะผู้วิจัยได้ศึกษาการกาหนดขนาดของ กลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสาเร็จรูปของ Taro Yamane และ Krejcie & Morgan ซึ่งเป็นตารางการ กาหนดขนาดกล่มุ ตวั อย่างที่นยิ มใชก้ นั ในงานวิจัยเชิงสารวจ ตารางกาหนดขนาดตวั อย่างของ Taro Yamane ตารางสาเร็จรูปของ Taro Yamane เป็นตารางที่ใช้หาขนาดของกลุ่มตัวอย่างเพ่ือ ประมาณค่าสัดส่วนของประชากร โดยวิธีการอ่านตารางผู้วิจัยจะต้องทราบขนาดของประชากร และ กาหนดระดบั ความคลาดเคลื่อนท่ียอมรับได้ เช่น ต้องการหาขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากประชากรที่มี ขนาดเท่ากับ 2,000 คน ความคลาดเคลื่อนท่ีผู้วิจัยยอมรับได้เท่ากับ 5% ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง ท่ตี อ้ งการจะเท่ากับ 333 คน เปน็ ตน้
แผนภาพท่ี 2 ตารางกาหนดขนาดกล่มุ ตัวอย่างของ Taro Yamane ทม่ี า: Yamane, Taro. 1967. Statistics, An Introductory Analysis, 2nd Ed., New York: Harper and Row. ตารางกาหนดขนาดตวั อยา่ งของ Krejcie & Morgan ตารางนี้ใช้ในการประมาณค่าสัดส่วนของประชากรเช่นเดียวกัน สามารถคานวณหา ขนาดของกลุ่มตัวอย่างกับประชากรที่มีขนาดเล็กได้ตั้งแต่ 10 ข้ึนไป ดังแผนภาพที่ 3 การอ่านตาราง ผู้วิจัยจะต้องทราบขนาดของประชากร เช่น ถ้าประชากรมีขนาดเท่ากับ 2,000 คน ขนาดของกลุ่ม ตัวอย่างท่ีตอ้ งการจะเท่ากบั 322 คน เปน็ ตน้
แผนภาพท่ี 3 ขนาดของกลมุ่ ตัวอย่างของ Krejcie & Morgan ทม่ี า: Robert V. Krejcie and Earyle W. Morgan. 1970 สาหรับการศึกษาครั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้อ้างอิงตารางกาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของ Taro Yamane (1967) ท่ีมีการใช้มากในงานวิจัยต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการกาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ในการวเิ คราะห์
(3) การประยุกต์ใชก้ ับงานวิจัย เพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่รับประกันได้ว่าจะเป็นตัวแทนท่ีดีและสามารถเป็นตัวแทนของ ประชากรทั้งหมดได้ และมีการกระจายตัวดีพร้อมทั้งไม่มีความซ้าซ้อนของข้อมูล คณะผู้วิจัยได้ ประยุกต์ใช้ Quasi-Random Sampling และ Fibonacci number และ Golden Ratio กับ การศกึ ษาในครงั้ นี้ สาหรบั ขั้นตอน และวิธกี ารประยุกต์ใช้กับงานวจิ ยั มดี งั นี้ 1. ศกึ ษาขอ้ มูลพนื้ ทกี่ ารใหบ้ รกิ ารของ ขสมก. ขสมก. มีพ้ืนท่ีให้บริการ 8 เขตการเดินรถ ครอบคลุมพ้ืนที่ในเขตกรุงเทพมหานคร และเชตปรมิ ณฑล 5 จงั หวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทมุ ธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม 2. ศกึ ษาจานวนสายรถเมลท์ ใี่ ห้บริการของ ขสมก. ขสมก. มีจานวนสายรถเมล์ท่ีให้บริการจานวน 122 สาย ครอบคลุมพ้ืนที่ให้บริการ 8 เขตการเดินรถบนพื้นท่ีในเขตกรุงเทพมหานครและเชตปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทมุ ธานี สมทุ รปราการ สมทุ รสาคร และนครปฐม 3. นาสายรถเมลม์ าเรยี งลาดับสาย จากมากไปหาน้อย ตามเขตการเดนิ รถ ตามภาพท่ี 4 แผนภาพที่ 4 การเรยี งลาดบั สายรถเมล์ตามเขตการเดินรถ 1 2 3 4 5 6 7 8 ลำดบั ท่ี สำย ลำดบั ท่ี สำย ลำดบั ท่ี สำย ลำดบั ท่ี สำย ลำดบั ท่ี สำย ลำดบั ท่ี สำย ลำดบั ที่ สำย ลำดบั ที่ สำย 1 5 1 11 12 1 1 1 15 1 7 1 18 1 3 2 29 2 22 2 23 2 4 2 20 2 42 2 32 2 16 3 34 3 26 3 25 3 12 3 21 3 84 3 50 3 24 4 39 4 60 4 45 4 13 4 37 4 101 4 53 4 36 5 95 5 71 5 102 5 47 5 68 5 165 5 63 5 49 6 107 6 93 6 142 6 62 6 75 6 189 6 65 6 54 7 129 7 96 7 145 7 67 7 76 7 509 7 66 7 73 8 185 8 131 8 508 8 72 8 82 8 515 8 70 8 117 9 503 9 143 9 511 9 77 9 105 9 556 9 97 9 156 10 510 10 168 10 536 10 136 10 111 10 720 10 114 10 178 11 520 11 197 11 206ปอ. 11 137 11 710 11 7ก 11 134 11 191 12 522 12 206 12 179 12 138ปอ. 12 79ปอ 12 203 12 204 13 543 13 501 13 180 13 140ปอ. 13 80ก. 13 751 13 36ก. 14 555 14 502 14 195 14 141ปอ. 14 80ปอ 14 166ปอ. 14 73ก. 15 95ก 15 514 15 84ก 15 505ปอ. 16 543ก 16 517 16 84ปอ. 16 516ปอ. 17 519 17 91ก. 18 525 18 91ปอ. 19 526
4. ประยกุ ตใ์ ช้เทคนคิ การสุ่มตัวอยา่ งดว้ ยวธิ ี Quasi-Random Sampling Quasi-Random Sampling เป็นวิธีการสุ่มตัวอย่างที่ประยุกต์มาจาก Golden Ratio หรือ ((1+√5)/2) ≈ 1.618 ซ่งึ ทาให้ได้กลุ่มตวั อย่างท่ีมลี ักษณะการกระจายตัวท่ดี ีและไมซ่ า้ กัน สาหรับรายละเอยี ดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับเทคนิคการสุ่มตวั อย่างด้วยวิธี Quasi-Random Sampling สามารถศึกษาไดจ้ ากฐติ เิ ทพ สิทธยิ ศ (2557) 5. คานวณ Golden Ratio ของสายรถเมล์ แผนภาพที่ 5 การคานวณ Golden Ration ของสายรถเมล์ 12345678 ลำดบั ที่ สำย ลำดบั ท่ี สำย ลำดบั ที่ สำย ลำดบั ที่ สำย ลำดบั ที่ สำย ลำดบั ที่ สำย ลำดบั ที่ สำย ลำดบั ที่ สำย 1 5 0.0625 1 11 0.0526 1 2 0.0909 1 1 0.0714 1 15 0.0714 1 7 0.0556 1 18 0.0625 1 3 0.0714 2 29 0.1250 2 22 0.1053 2 23 0.1818 2 4 0.1429 2 20 0.1429 2 42 0.1111 2 32 0.1250 2 16 0.1429 3 34 0.1875 3 26 0.1579 3 25 0.2727 3 12 0.2143 3 21 0.2143 3 84 0.1667 3 50 0.1875 3 24 0.2143 4 39 0.2500 4 60 0.2105 4 45 0.3636 4 13 0.2857 4 37 0.2857 4 101 0.2222 4 53 0.2500 4 36 0.2857 5 95 0.3125 5 71 0.2632 5 102 0.4545 5 47 0.3571 5 68 0.3571 5 165 0.2778 5 63 0.3125 5 49 0.3571 6 107 0.3750 6 93 0.3158 6 142 0.5455 6 62 0.4286 6 75 0.4286 6 189 0.3333 6 65 0.3750 6 54 0.4286 7 129 0.4375 7 96 0.3684 7 145 0.6364 7 67 0.5000 7 76 0.5000 7 509 0.3889 7 66 0.4375 7 73 0.5000 8 185 0.5000 8 131 0.4211 8 508 0.7273 8 72 0.5714 8 82 0.5714 8 515 0.4444 8 70 0.5000 8 117 0.5714 9 503 0.5625 9 143 0.4737 9 511 0.8182 9 77 0.6429 9 105 0.6429 9 556 0.5000 9 97 0.5625 9 156 0.6429 10 510 0.6250 10 168 0.5263 10 536 0.9091 10 136 0.7143 10 111 0.7143 10 720 0.5556 10 114 0.6250 10 178 0.7143 11 520 0.6875 11 197 0.5789 11 206ปอ. 1.0000 11 137 0.7857 11 710 0.7857 11 7ก 0.6111 11 134 0.6875 11 191 0.7857 12 522 0.7500 12 206 0.6316 12 179 0.8571 12 138ปอ. 0.8571 12 79ปอ 0.6667 12 203 0.7500 12 204 0.8571 13 543 0.8125 13 501 0.6842 13 180 0.9286 13 140ปอ. 0.9286 13 80ก. 0.7222 13 751 0.8125 13 36ก. 0.9286 14 555 0.8750 14 502 0.7368 14 195 1.0000 14 141ปอ. 1.0000 14 80ปอ 0.7778 14 166ปอ. 0.8750 14 73ก. 1.0000 15 95ก 0.9375 15 514 0.7895 15 84ก 0.8333 15 505ปอ. 0.9375 16 543ก 1.0000 16 517 0.8421 16 84ปอ. 0.8889 16 516ปอ. 1.0000 17 519 0.8947 17 91ก. 0.9444 18 525 0.9474 18 91ปอ. 1.0000 19 526 1.0000 ตวั อยา่ งการคานวณ Golden Ratio ของสายรถเมล์ เขตการเดนิ รถท่ี 1 มีดังน้ี (1) เขตการเดนิ รถที่ 1 มสี ายรถเมลท์ ่ใี หบ้ รกิ ารทั้งหมด 16 สาย (2) นาเลขสายรถเมล์ เรยี งลาดับจากมากไปหาน้อย (3) คานวณหา Golden Ratio โดยการ 1/16 = 0.0625 9/16 = 0.5625 2/16 = 0.1250 10/16 = 0.6250 3/16 = 0.1875 11/16 = 0.6875 4/16 = 0.2500 12/16 = 0.7500 5/16 = 0.3125 13/16 = 0.8125 6/16 = 0.3750 14/16 = 0.8750
7/16 = 0.4375 15/16 = 0.9375 8/16 = 0.5000 16/16 = 1.0000 และคานวณ Golden Ratio ของสายรถเมล์ สาหรับเขตการเดินรถท่ี 2 ถึง 8 ด้วย วธิ เี ดยี วกนั จนครบ 6. เลอื กสายรถเมล์ของเขตการเดนิ รถที่ 1 ถึง 8 จากตัวเลขท่ีมีค่าใกล้เคียงกับ Golden Ratio (1) คา่ Golden Ratio มคี ่าเทา่ กับ 0.618 0.236 0.854 0.472 … (2) เลอื กสายรถเมล์ทม่ี ผี ลคานวณใกล้เคียงกบั Golden Ratio ตวั อยา่ ง สายรถเมลเ์ ขตการเดินรถที่ 1 1/16 = 0.0625 9/16 = 0.5625 2/16 = 0.1250 10/16 = 0.6250 3/16 = 0.1875 11/16 = 0.6875 4/16 = 0.2500 12/16 = 0.7500 5/16 = 0.3125 13/16 = 0.8125 6/16 = 0.3750 14/16 = 0.8750 7/16 = 0.4375 15/16 = 0.9375 8/16 = 0.5000 16/16 = 1.0000 (3) ทาการเลอื กสายรถเมล์ของเขตการเดนิ รถท่ี 2 ถงึ 8 ด้วยวธิ เี ดียวกนั ใหค้ รบ จะได้สายรถเมลท์ ่จี ะต้องทาการเกบ็ ข้อมูล ดังแผนภาพท่ี 6
แผนภาพที่ 6 ผลการประยุกตใ์ ช้ Golden Ratio กับสายรถเมล์ในเขตการเดนิ รถท่ี 1 ถงึ 8 1 2 3 4 5 6 7 8 ลำดบั ท่ี สำย 0.0625 ลำดบั ที่ สำย 0.0526 ลำดบั ท่ี สำย 0.0909 ลำดบั ท่ี สำย 0.0714 ลำดบั ท่ี สำย 0.0714 ลำดบั ท่ี สำย 0.0556 ลำดบั ที่ สำย 0.0625 ลำดบั ท่ี สำย 0.0714 15 0.1250 1 11 0.1053 12 0.1818 1 1 0.1429 1 15 0.1429 17 0.1111 1 18 0.1250 13 0.1429 2 29 0.1875 2 22 0.1579 2 23 0.2727 2 4 0.2143 2 20 0.2143 2 42 0.1667 2 32 0.1875 2 16 0.2143 3 34 0.2500 3 26 0.2105 3 25 0.3636 3 12 0.2857 3 21 0.2857 3 84 0.2222 3 50 0.2500 3 24 0.2857 4 39 0.3125 4 60 0.2632 4 45 0.4545 4 13 0.3571 4 37 0.3571 4 101 0.2778 4 53 0.3125 4 36 0.3571 5 95 0.3750 5 71 0.3158 5 102 0.5455 5 47 0.4286 5 68 0.4286 5 165 0.3333 5 63 0.3750 5 49 0.4286 6 107 0.4375 6 93 0.3684 6 142 0.6364 6 62 0.5000 6 75 0.5000 6 189 0.3889 6 65 0.4375 6 54 0.5000 7 129 0.5000 7 96 0.4211 7 145 0.7273 7 67 0.5714 7 76 0.5714 7 509 0.4444 7 66 0.5000 7 73 0.5714 8 185 0.5625 8 131 0.4737 8 508 0.8182 8 72 0.6429 8 82 0.6429 8 515 0.5000 8 70 0.5625 8 117 0.6429 9 503 0.6250 9 143 0.5263 9 511 0.9091 9 77 0.7143 9 105 0.7143 9 556 0.5556 9 97 0.6250 9 156 0.7143 10 510 0.6875 10 168 0.5789 10 536 1.0000 10 136 0.7857 10 111 0.7857 10 720 0.6111 10 114 0.6875 10 178 0.7857 11 520 0.7500 11 197 0.6316 11 206ปอ. 11 137 0.8571 11 710 0.8571 11 7ก 0.6667 11 134 0.7500 11 191 0.8571 12 522 0.8125 12 206 0.6842 12 179 0.9286 12 138ปอ. 0.9286 12 79ปอ 0.7222 12 203 0.8125 12 204 0.9286 13 543 0.8750 13 501 0.7368 13 180 1.0000 13 140ปอ. 1.0000 13 80ก. 0.7778 13 751 0.8750 13 36ก. 1.0000 14 555 0.9375 14 502 0.7895 14 195 14 141ปอ. 14 80ปอ 0.8333 14 166ปอ. 0.9375 14 73ก. 15 95ก 1.0000 15 514 0.8421 15 84ก 0.8889 15 505ปอ. 1.0000 16 543ก 16 517 0.8947 16 84ปอ. 0.9444 16 516ปอ. 17 519 0.9474 17 91ก. 1.0000 18 525 1.0000 18 91ปอ. 19 526 เขตการเดนิ รถท่ี 1 สาย 510 39 555 เขตการเดินรถท่ี 2 สาย 206 60 517 เขตการเดนิ รถที่ 3 สาย 145 25 511 เขตการเดนิ รถท่ี 4 สาย 77 12 179 เขตการเดนิ รถที่ 5 สาย 105 21 138 ปอ. เขตการเดนิ รถที่ 6 สาย 7ก 101 84ก เขตการเดินรถท่ี 7 สาย 114 53 751 เขตการเดนิ รถที่ 8 สาย 156 24 204 7. นาสายรถเมล์ท่ีเลือกได้ในขั้นตอนที่ 6 มาสุ่มหาพื้นที่ป้ายท่ีจะทาการเก็บข้อมูล โดยทาวิธีการเดยี วกับการเลือกสายรถเมล์ คือ (1) นาสายรถเมลท์ ่ีเลือกได้มาศกึ ษาวา่ มเี ส้นทางผ่านปา้ ยรถเมล์ใดบ้าง (2) นาป้ายรถเมลม์ าเรียงลาดับจากป้ายแรกไปปา้ ยสดุ ท้าย (3) คานวณหา Golden Ratio ของป้ายรถเมล์ (ทกุ สายทเ่ี ลอื กมาไดใ้ นขนั้ ตอนที่ 6) (4) หาป้ายรถเมล์ที่มีผลการคานวณ ใกล้เคียงกับ Golden Ratio และกาหนดเป็น พน้ื ทที่ ี่จะทาการเก็บขอ้ มลู (5) ตัวอยา่ ง สาย 39 ไดป้ ้าย เซียร์รงั สติ โดยมีผลการสมุ่ ตวั อยา่ งพ้ืนทที่ ่ีจะทาการเก็บขอ้ มลู ดงั แผนภาพที่ 7
แผนภาพท่ี 7 สรุปพ้นื ที่เกบ็ ข้อมูลที่ไดจ้ ากการส่มุ ตัวอยา่ ง
ภาคผนวก ง แบบสอบถามในการสารวจวจิ ยั
แบบสอบถามความคิดเหน็ ของประชาชนต่อโครงการรถเมลฟ์ รี ภายใต้โครงการวจิ ยั เร่ือง “การวเิ คราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ของการดาเนินนโยบายประชานิยม : กรณศี ึกษามาตรการการลดค่าครองชีพของประชาชนในโครงการรถเมล์ฟรี” คาช้แี จง 1. การวิจัยครง้ั น้มี วี ตั ถปุ ระสงค์ 1) เพ่ือศึกษากระบวนหรือข้ันตอนในการจดั ทาโครงการรถเมล์ฟรี รูปแบบและแนว ทางการบรหิ ารจัดการ และปัญหาอุปสรรคในการดาเนนิ โครงการ 2) เพอื่ วเิ คราะห์ตน้ ทุนและผลประโยชน์ท่ี ประชาชนและภาครัฐได้รับทง้ั ในรปู ตัวเงนิ และไม่ใชต่ วั เงนิ ตลอดจนวเิ คราะห์ความเหมาะสมของมาตรการ สนับสนุนทางการเงินของภาครฐั ตอ่ โครงการ และ 3) เพ่ือเสนอแนะเครอื่ งมือทเี่ หมาะสมในการวเิ คราะห์โครงการ ประชานยิ ม เพื่อใช้ประกอบการตัดสนิ ในระดับนโยบาย 2. ผู้ตอบแบบสอบถาม คอื ประชาชนท่อี าศัยในเขตท่ใี หบ้ รกิ ารรถเมล์ฟรี คอื กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทมุ ธานี สมทุ รปราการ และสมุทรสาคร 3. แบบสอบถามความคดิ เหน็ ของประชาชนต่อโครงการรถเมล์ฟรีมจี านวน 2 หน้า แบ่งออกเป็น 5 ตอน คอื ตอนท่ี 1 : ข้อมูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 : การใช้บริการรถเมลฟ์ รี ตอนที่ 3 : ขอ้ คิดเหน็ เกย่ี วกบั คณุ ภาพการให้บริการ ตอนที่ 4 : ข้อคิดเห็นมาตรการเก่ยี วกับมิตทิ างดา้ นเศรษฐกิจและสงั คม ตอนท่ี 5 : ความคิดเห็นมาตรการอ่ืนๆ เหมาะสมกว่ารัฐจดั รถเมล์ฟรี 4. กรณุ าตอบแบบสอบถามทกุ ข้อตามความคิดเห็นท่เี ป็นจริงของทา่ น คาตอบของท่านจะมีคณุ ค่ายิ่งต่องานวจิ ัยน้ี และเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในการดาเนินนโยบายประชานิยมในอนาคต ขอขอบพระคณุ ในความร่วมมือ คณะผวู้ ิจัย สานักงานบรหิ ารหน้สี าธารณะ
1 ตอนท่ี 1: ข้อมลู ทั่วไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม โปรดทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ งว่าง ( ) ที่ตรงกับความเปน็ จรงิ ของท่าน 1. เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ 2. อายุ ( ) ตา่ กวา่ 15 ปี ( ) 16-20 ปี ( ) 21-30 ปี ( ) 31-40 ปี ( ) 41-50 ปี ( ) 51-60 ปี ( ) มากกว่า 60 ปขี ้ึนไป 3. อาชีพ ( ) นกั เรยี น / นกั ศึกษา ( ) รับจา้ ง ( ) พนักงานบรษิ ัทเอกชน ( ) ขา้ ราชการ ( ) รฐั วสิ าหกจิ ( ) ธุรกจิ สว่ นตวั ( ) ไม่ประกอบอาชีพ ( ) อ่ืนๆ โปรดระบุ ...................................... 4. รายไดเ้ ฉลยี่ ต่อเดือน ( ) ตา่ กว่า 15,000 บาท ( ) 15,001-20,000 บาท ( ) 20,001-25,000 บาท ( ) 25,001-30,000 บาท ( ) มากกวา่ 30,001 บาทข้ึนไป 5. ค่าใช้จา่ ยในการเดนิ ทางของท่านตอ่ เดอื น ( ) นอ้ ยกว่า 500 บาทต่อเดือน ( ) 501-1,000บาท ( ) 1,001-1,500บาท ( ) 1,501-2,000บาท ( ) มากกวา่ 2,000 บาทต่อเดอื น ( ) หรอื ระบุจานวนเงิน.................บาท 6. ทีอ่ ยใู่ นทะเบียนราษฎร์ ( ) กรงุ เทพฯ และปริมณฑล ( ) ภาคกลาง ( ) ภาคเหนือ ( ) ภาคใต้ ( ) ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ( ) ภาคตะวนั ออก ตอนท่ี 2 : การใช้บรกิ ารรถเมลฟ์ รี โปรดทาเครื่องหมาย ลงในช่องว่าง ( ) ทต่ี รงกับความเปน็ จริงของท่าน 1. ท่านเคยใช้บรกิ ารรถเมลฟ์ รี ( ) เคยใช้ ( ) ไมเ่ คยใช้ (ขา้ มไปตอบตอนท่ี 4) 2. ความถใ่ี นการใช้บริการรถเมลฟ์ รี ( ) นอ้ ยกว่า 3 ครั้งตอ่ สัปดาห์ ( ) 1-2 ครง้ั ตอ่ วัน ( ) 3-4 ครงั้ ตอ่ วัน ( ) 5-6 คร้งั ตอ่ วัน ( ) มากกวา่ 6 ครั้งตอ่ วัน 3. ท่านใชบ้ ริการรถเมล์ฟรเี พราะ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) ( ) สะดวกในการเดินทาง ( ) ลดภาระค่าครองชีพ ( ) ใกลจ้ ดุ หมายการเดนิ ทาง ( ) อน่ื ๆ (โปรดระบุ) .... 4. ปัญหาท่ีพบบ่อยในการใช้บรกิ ารรถเมล์ฟรี (ตอบได้มากกว่า 1 ขอ้ ) ( ) รถขาดระยะทาให้รอนาน ( ) คนแนน่ เบียดเสยี ดกนั มากเกนิ ไป ( ) พนกั งานขับรถไม่มีมารยาทในการขบั ข่ี /ขับเร็ว ( ) จอดรถไมต่ รงปา้ ย/ไมจ่ อดรบั ผโู้ ดยสาร ( ) สภาพรถเก่า ควนั ดา / เสียงดัง ( ) ปัญหาอ่ืนๆ (ถ้ามี)…………………………………….
2 ตอนที่ 3 : ข้อคิดเห็นเก่ียวกับคุณภาพการให้บรกิ าร โปรดทาเครือ่ งหมาย ลงในช่องว่างที่ตรงกับความคดิ เห็นของท่านมากทีส่ ดุ (4) = มากท่สี ดุ (3) = มาก (2) = นอ้ ย (1) = นอ้ ยทสี่ ุด ขอ้ หัวขอ้ (4) ระดับความคิดเห็น (1) (3) (2) 1 สภาพภายในและภายนอกรถเมล์ฟรดี ูดแี ละพรอ้ มใช้งาน เชน่ ความ สะอาดของตวั รถและภายในรถ เปน็ ตน้ 2 สภาพของรถเมลฟ์ รใี ช้งานได้ดี เชน่ ไม่มีควนั รบกวนหรอื ไม่เสยี ระหว่าง เดินทาง เปน็ ต้น 3 รถเมล์ฟรีมีการใหบ้ ริการอยา่ งต่อเน่ืองในช่วงเวลาเร่งด่วน 4 รถเมล์ฟรมี กี ารใหบ้ ริการอย่างต่อเน่อื งตลอดทง้ั วนั 5 รถเมลฟ์ รมี ีการใหบ้ ริการที่ครอบคลมุ ทุกเส้นทางการเดินทางของท่าน 6 พนกั งานประจารถขับรถดว้ ยความระมดั ระวงั และตามกฎจราจร 7 มาตรการรถเมลฟ์ รีทีด่ าเนินการอยู่นมี้ รี ปู แบบการบริหารจัดการทีด่ ี พออยูแ่ ล้ว ตอนที่ 4 : ข้อคดิ เหน็ มาตรการเก่ยี วกบั มติ ิทางดา้ นเศรษฐกจิ และสังคม โปรดทาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งว่างทีต่ รงกบั ความคดิ เห็นของทา่ นมากทีส่ ดุ (4) = มากทีส่ ดุ (3) = มาก (2) = นอ้ ย (1) = น้อยทส่ี ุด ข้อ หัวขอ้ (4) ระดบั ความคิดเหน็ (1) (3) (2) 1 มาตรการรถเมล์ฟรชี ว่ ยลดคา่ ครองชพี ด้านการเดินทางได้จริง 2 ท่านเห็นวา่ การนาเอาภาษขี องคนท้ังประเทศเพือ่ มาอุดหนนุ มาตรการ รถเมล์ฟรใี นกรุงเทพฯและปริมณฑลนนั้ มีความเหมาะสม 3 ท่านคดิ ว่าการใช้งบประมาณอดุ หนนุ มาตรการรถเมลฟ์ รีประมาณเดือนละ ประมาณ 200 ลา้ นบาท มีความเหมาะสม 4 ท่านเหน็ ด้วยกบั การปรับปรุงมาตรการลดค่าครองชพี โดยการลงทะเบยี น ผ้มู ีรายไดน้ อ้ ยเพื่อรับสิทธปิ ระโยชน์ ซง่ึ ผู้มสี ทิ ธใิ ช้ รถเมลฟ์ รีจะเปน็ กลุม่ เฉพาะเท่านน้ั 5 ในฐานะผเู้ สยี ภาษี ทา่ นเห็นดว้ ยกบั การทภ่ี าครฐั นาเงินภาษขี องคนทั่วไป มาอดุ หนุนมาตรการตา่ งๆ สาหรับผู้มรี ายไดน้ ้อย ตอนที่ 5 : ทา่ นคดิ วา่ มีมาตรการอ่ืนๆ ทเ่ี หมาะสมกวา่ รฐั จดั รถเมล์ฟรีใหห้ รือไม่ อย่างไร โปรดทาเคร่ืองหมาย ลงในช่องวา่ ง ( ) ทตี่ รงกับความเป็นจรงิ ของทา่ น ( ) มี เช่น ( ) มาตรการใหเ้ งินสนับสนนุ ค่าเดินทางรายเดือน ( ) มาตรการสนับสนุนคา่ ครองชพี ทว่ั ไปรายเดือน อ่ืนๆ…………………………………………………………………………………………… ( ) ไม่ เพราะ…………………………………………………………………………………………….................................................. ............................................................................................................................. .....................................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176